Summoner Master Forum

Summoner Master => SMN FanCard FanArt & FanFic => Topic started by: cocka-c on August 24, 2008, 06:48:56 PM



Title: UP [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Multi Armor Actor V.O.W.[Fin]/E.E
Post by: cocka-c on August 24, 2008, 06:48:56 PM
ก่อนที่จะชม Fic กันนั้น ต้องขออธิบายก่อนนะครับ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเสมือนภาคต่อของ Fic ภาคที่แล้ว
ซึ่งก็คือ Legend of the Thaliwilya ทำให้มีการนำเอาข้อมูลบางส่วนในภาคที่แล้ว
มาเป็นฐานของเรื่องด้วย ดังนั้นการบรรยายในช่วงเกริ่น อาจจะมีเนื้อหาต่างไปจากทางตำนานที่ SMN แต่งไว้
ดังนั้นจะขออธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดบางส่วนในภาคที่แล้ว

1.เผ่าพันธุ์ครึ่งสมิง
เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความคล้ายคลึงกับเผ่าสมิงแต่ไม่ใช่สมิงจริงๆ โดยมีจุดสังเกตที่ลักษณะของร่างกายจะเน้นไปทางมนุษย์มากกว่าสัตว์ แต่จะมีลักษณะของสัตว์ประจำตัวแสดงออกมา เพียงเล็กน้อย เช่นหู และ หางเป็นของสัตว์
แต่เมื่อเติบโตขึ้นก็จะสามารถ จำแลงร่างกายให้แนบเนียนได้กว่าเดิม โดยจะออกไปในทางมนุษย์เช่นเปลี่ยนหูของสัตว์เป็นหูของ มนุษย์ได้ แต่สิ่งที่ไม่อาจซ่อนได้คือหาง เผ่าพันธุ์นี้มีลักษณะพิเศษคือ จะสามารถจำแลงกายเป็น
สมิงเต็มตัวได้และจะมีความสามารถเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถ แปลงเป็นสัตว์ประจำตัว แบบปกติได้อีกด้วย

2. 12 เทพขุนศึก
เป็นชื่อทีมของเหล่าแม่ทัพหน่วยทั้ง 12  ในภาคที่แล้ว เนื่องจากมีบางส่วนทรยศต่อ องค์กร
ซึ่งที่ยังคงเหลือรอดมาจาก ภาคที่แล้วก็คือ ครึ่งสมิง สี่ ตน กับ ทิโมธี และแม่มดสาวอีกหนึ่งแต่ได้หายสาบสูญไป
จึงเหลืออยู่ เพียง 5 คนเท่านั้น (ทิโมธี เข้าร่วมกับองค์กรโดยสมัครใจและพาเกรเกอรี่เข้าร่วมด้วย
โดยที่เกรเกอรี่ยอมตามเข้าไปด้วยสาเหตุบางประการก่อนจะแปรพรรค์กลับมา ช่วยเหลือกับทุกคนเพื่อ
ปกป้องโลกเทอร่าเอาไว้)

3.แอคเตอร์ (Actor)
เป็นคำเรียกรวมๆของ ระบบชุดเกราะพิเศษ ที่ ทิโมธี สร้างขึ้นโดยการสร้างจักรกลขนาดเล็ก ในรูปของสิ่งมีชีวิตต่างๆ
เพื่อ สะดวกในการขนย้าย และ สร้างอุปกรณ์ สำหรับติดตั้งจักรกลนั้น ออกมาในรูปของเข็มขัด
โดยที่ตัวเข็มขัดมีระบบเดิม เป็นการประกอบชุดเกราะสำหรับใช้สะสมพลังงาน สองรูปแบบคือพลังกายและพลังเวทย์
พร้อมกับการปลดปล่อยเกราะ เพื่อให้พลังที่สะสมมาสถิต ยังร่างของผู้สวมใส่ และหากนำเอาจักรกลประดิษฐ์ที่กล่าวไป
มาประกอบเข้าด้วยกัน จะทำให้สามารถเปลี่ยนรูปแบบพลังของเกราะได้ ส่วนรายละเอียดที่เหลือ
นั้น สามารถติดตามได้ในภาคนี้เพราะ เกี่ยวกับเนื้อเรื่องโดยตรงอยู่แล้ว

4. มิติมังกร หมู่บ้านมังกร โรงเรียนมังกร
นี่เป็นสถานที่ในภาคที่แล้ว มิติมังกรเป็นมิติขนานซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของมังกร ซึ่งมีพัฒนาการทางสังคม
โดยที่ลักษณะเป็นการอยู่รวมแบบ หมู่บ้านและชุมชน เรียกรวมๆว่าหมู่บ้านมังกร ส่วนโรงเรียนมังกรนั้น
คือโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสอนความรู้ศาสตร์ในแต่ละแขนงให้แก่มังกร ด้วยกันเอง โดยไม่ต่างไปจากมนุษย์เลยก็ว่าได้


ดังนั้นสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูภาคแรก เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ในการย้อนดู จึงจะมีแทค Quote
สำหรับเป็นกรอบเพื่ออธิบายข้อมูลของตัวละครทั้งในภาคที่แล้วและภาคนี้แทรกไป และหากสนใจ
ก็สามารถติดตามเนื้อเรื่องของภาคที่แล้ว ได้จากที่นี่

http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=15969.0

และสุดท้าย  หากเนื้อเรื่องในนี้ส่งผลเสียหายโดยรวม ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย



War of Actor In Terra

  เทอร่า(Terra) โลกซึ่งประกอบด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และศาสตร์ต่างๆ
มากมายเหลือคณา ประวัติศาสตร์ของโลกนี้ได้ดำเนินเรื่อยมา

ตั้งแต่ครั้งมหาสงครามทูตสวรรค์ซึ่งก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าบาป(Sin) และปีศาจที่เป็นผลตะกอนของการนั้นได้เกิดขึ้น
ประวัติศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตในเทอร่านี้ จึงก้าวไปพร้อมกับ การชี้นำจาก เหล่าเทพและปีศาจ จนในที่สุดเมื่อ
 มหาสงครามสี่อาณาจักรแห่ง ทวีปเมอริเซีย ได้อุบัติขึ้นสงครามของเหล่า บาปกับทูตสวรรค์จึงได้เริ่มต้นอีกครา
นำไปยังการ สูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดเมื่อ องค์พระผู้สร้างได้ ตัดสินพระทัย ยื่นพระหัตถ์เข้าช่วยเหลือ
สงครามจึงจบลง

แต่ทว่าพระองค์กลับต้องแบกรับเอาความสูญเสียที่ได้ก่อเป็นพลังด้านลบมาพร้อมกันหลังจากที่ทรงช่วยเหลือ
จนในที่สุดเพื่อไม่ให้พระองค์ที่ถูกพลังด้านลบซึ่งมีมากเกินเข้าครอบงำ และทำลายทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงแยก
พระจิต และ พระอำนาจออกจากกันเพื่อไม่ให้พระองค์ที่ถูกครอบงำ นำพระอำนาจใช้ในการทำลายทุกสิ่ง

พร้อมกับ สร้างสรรค์ผู้ที่เป็นความหวังของพระองค์เพื่อช่วยเหลือโลก จากพระองค์ซึ่งนั่นทำให้อัศวินมังกร
ทาลิวิลย่า(Thaliwilya) ต้องจุติลงมาทำการกอบกู้โลก และในที่สุดแม้ตัวพระองค์ที่ทรงถูกครอบงำ จะทำให้โลกนี้เกือบจะถึงการดับสูญ

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/p002/19.jpg)

แต่ด้วยพลังแห่งความนึกคิดของทุกชีวิตที่ต้องการจะอยู่ต่อไป ไม่ว่าเทพ มนุษย์ สัตว์ และ ปีศาจ ชีวิตเหล่านี้
คือสิ่งที่พระองค์ได้ให้กำเนิดมา ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ ขึ้นพระองค์ทรงเป็นอิสระจากพลังด้านลบ
และตำนานในตอนนั้นก็ได้จบลงไป  ทว่าบัดนี้ภัยคุกคามซึ่งมาจากห้วงอวกาศกำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้…..

3000 ปีต่อมาหลังการ ก่อตั้งเมืองมิลาบิลิส(Mirabilis)
ทวีปเมอริเซียและทวีปอื่นๆก็ได้เปลี่ยนโฉมหน้าไป เมื่อการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกได้ทำให้ทวีปต่างๆแยกจากกัน
สภาพพื้นผิวจึงเปลี่ยนแปลงไป ดังตัวอย่างที่เห็นชัดในทวีปเมอริเซียขณะนี้ เมื่อมหาพฤกษา อิคดราซิล(Yggdrasil)
ซึ่งเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งนี้มาหลายพันปี ได้ ยกผืนแผ่นดินรอบๆสูงขึ้นจากผืนป่าของอาณาจักรฟูดินัน

จนในที่สุดธารน้ำที่ไหลจากปลายรากของมหาพฤกษา จึงกลายเป็นน้ำตกไหลเป็นทะเลสาบนีรันด้า (Nerunda Lake) แทน
และผืนแผ่นดินรอบๆมหาพฤกษาที่ยกตัวสูงขึ้นจึงกลายเป็น เนินเขาไปและถูกเรียกกล่าว เป็นเขตแดนศักดิ์สิทธิ ไปจากการที่มังกรมารัค(Marag, Yggdrasill’s Guardian )ผู้พิทักษ์แห่งมหาพฤกษาได้ เฝ้าระวังไม่ให้มนุษย์เข้าใกล้ยังพื้นที่นั้น นอกจากนี้

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n003/13.jpg)

ใบของมหาพฤกษายังคายละอองน้ำออกจากใบตลอดเวลาจนทำ ให้ เนินเขาที่ยกตัวสูงขึ้นถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา
ที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นการ ปกป้องตนจาก ความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกที่สังคมของมนุษย์เริ่มจะพัฒนา
สูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะบัดนี้ผืนป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น ไม่ใหญ่อีกต่อไปแล้วความลึกลับภายในป่าได้สาบสูญไปจนสิ้น


เมื่อมนุษย์ได้ เริ่มขยายถิ่นฐานและพัฒนา ความเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ตึกรามบ้านช่อง สูงเสียดฟ้า
ขึ้นเต็มไปทั่วจนเป็นมหานครตั้ง ห่างจากผืนป่าไปไม่มากนัก เมืองมิลาบิลิสที่  ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ 3000 ปีก่อน
หลังการอภิเษกของเจ้าหญิงเรจิน่าและเจ้าชายฮารีซัน ช่วงเวลาในขณะนี้ ทุกๆอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป
อย่างสิ้นเชิง

ในเมืองจากที่เคยใช้ม้าหรือรถม้าเป็นพาหนะ กลับเปลี่ยนไปใช้ ยวดยานจักรกล ต่างๆชนิดในการคมนาคม
พื้นถนนไม่ได้เป็น ดินแดงหรือดินทราย ได้กลายเป็นถนนลาดยาง เพื่อให้ยวดยานเหล่านั้นสามารถเดินทาง
ได้อย่างสะดวก สองข้างทางริมถนนบัดนี้ เสาส่งไฟได้เรียงตัวเป็นแนวยาวไปเรื่อยๆ ผู้คนเดินกัน ขวักไขว่

บ้านเรือนถูกก่อด้วย ปูนซีเมนต์ และส่วนใหญ่มักจะเป็นตึกทรงสี่เหลี่ยม สูงตระหง่าน ซึ่งปูด้วยกระจกไล่ลงมาตลอดชั้น
ใช่แล้วหากจะกล่าวถึงสภาพในขณะนี้มันก็แทบไม่แตกต่างไปจาก โลกแห่งความเป็นจริงของเราเลย
หากแต่ ศาสตร์แห่งเวทมนต์และเหล่าสรรพสัตว์ในตำนานทั้งหลายนั้นยังไม่ได้สูญหายไป ยังคงอยู่ร่วมกันกับสังคม

ซึ่งพัฒนาวัฒนธรรมมาจนถึงบัดนี้  มิราบิลิส แห่งนี้ เหนือขึ้นไป บนเมืองเต่าบินยักษ์ซึ่งเป็นฐานของเมืองวอลเนียที่
ยกตัวออกไป จากพื้นที่ตรงนี้ไปตั้งในเขตทะเล บัดนี้มันได้กลับมาลอยตัวอยู่เหนือเมืองแห่งนี้ เพื่อเป็นเขต
ประทับสำหรับเชื้อพระวงศ์ แทน ห่างไปจากเมือง ซึ่งเป็นเขตที่ตั้งของอาณาจักรฟีเลเซีย
 เมืองแว่นแคว้นทั้งหลายใน อดีตได้เหลือแต่เพียงซากปรักเท่านั้น จากการพุ่งชนของอุกกาบาต ขนาดยักษ์
ที่พุ่งลงมาชนเมืองเอรีมและไถลเข้าไปพังอีกหลายเมืองจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในที่สุด

เมื่อ 10 ปีก่อน นั้นหลังจากอุกกาบาต ตกลงมา ก็ได้มีการเข้าไปสำรวจและทำการทดลองกับ เศษหินของอุกกาบาต
ซึ่งมีพลังที่มหัศจรรย์ เพราะมันสามารถเปล่งพลังงานที่ทำให้มิติเวลาเกิดการบิดเบี้ยวได้  พวกเขาจึงทำการทดลอง
กับสัตว์ต่างๆเพื่อจะนำไป พัฒนาเป็นอาวุธสงคราม จนในที่สุดหลังการทดลอง กับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไปเรื่อย
และแล้วในที่ สุด ดร. รีกอล (Regol) ผู้นำในการวิจัยครั้งนั้น ก็ได้ค้นพบว่า เศษอุกกาบาตจะมอบพลัง
ให้กับสัตว์จำพวก แลนทิส (Lantis) ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีลักษณะของสัตว์หลากหลายชนิดผสมกันอยู่

ด้วยพลังจากเศษอุกกาบาตนั้น ทำให้เหล่า แลนทิส มีพลังความเร็วที่สูงขึ้นจนน่าตกใจเพราะมันเป็นการ
เคลื่อนไหวระดับความเร็วเหนือล้ำ กระแสแห่งเวลาเลยทีเดียว ทว่าแทนที่ สิ่งนี้จะชี้นำยุคสมัยใหม่ให้แก่สังคมมนุษย์
ดร.รีกอล กลับคิดจะใช้ พลังของเหล่าแลนทิสพวกนี้ เพื่อสนองความต้องการของตน สงครามระหว่างมนุษย์กับเผ่าพันธุ์ซึ่งมี
พลังจากห้วงอวกาศจึง อุบัติขึ้น อย่างไรก็ตาม เศษอุกกาบาตนั้นหาได้เพียงแค่มอบอำนาจ การเคลื่อนที่เหนือกระแสเวลา
เพียงอย่างเดียวไม่ มันยังทำให้ แลนทิส ที่ดูดซับพลังนี้เข้าไปมีความสามารถในการขยายพันธ์ที่รวดเร็ว เพราะเมื่อมัน

สัมผัสหรือเข้าไปปะปนกับ แลทิสตัวอื่น หรือแม้แต่แลนทิส ที่ต่างชนิดกัน พวกมันก็จะได้รับพลังนี้ไปและตกอยู่ภายใต้การควบคุมของ รีกอล

นอกจากนี้ พวกมันยังสามารถแฝงตัวเป็นมนุษย์ หรือสิ่งมี่ชีวิตอื่นที่มันสูบกินเข้าไปจากการฆ่า ได้อีกด้วยทำให้การจะแยกพวกมันออกมา
กำจัดยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด จึงได้มีการคิดค้น อาวุธที่จะใช้ต่อกรกับพวกมันขึ้น โดยการนำเอา ต้นแบบของพลัง มาจากอาวุธพิเศษที่สามารถทำให้มนุษย์เคลื่อนไหว เหนือกระแสเวลาได้มา พัฒนาให้สมบรูณ์ เพื่อต่อกรกับ เหล่าแลนทิส ซึ่งเรียกระบบนี้ด้วยชื่อเดิมของมันว่า ระบบแอคเตอร์ (Actor System) ทว่ากระบรวนการผลิตนั้นก็ยังทำได้ยากยิ่ง ทำให้แอกเตอร์นั้นถูกสร้างออกมาในจำนวนที่จำกัด
อีกทั้ง ตัวแอคเตอร์ที่สร้างขึ้นยังมีพลังมาก เสียจนทำให้คนทั่วไปสวมไม่ได้ทั้งหมด หากแต่จะต้องหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะกับแอคเตอร์
 มาทำการสวมใส่ เพื่อต่อสู้กับเหล่า แลนทิส ดังนั้นด้วยรูปแบบเดิม ของแอคเตอร์รุ่นแรก ซึ่งออกแบบโดยนักประดิษฐ์ชาวฟีเลเซีย
จึงถูกนำมาใช้ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งเป็นการออกแบบให้ แอคเตอร์ มีรูปร่างเหมือนกับสิ่งมีชีวิต ในแต่ละรูปแบบ

และทำให้มันมีความนึกคิดได้เองในระดับหนึ่ง เพื่อที่จะสรรหา และคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติ ตรงตามที่ต้องการ ให้มาครอบครอง
ตัวแอคเตอร์ เอง นั่นจึงเป็นจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมดจากนี้…..


Task 1 เจ้าชายผู้มาจากฟากฟ้า

 มิราบิลิส หลังการก่อตั้ง 3000 ปี วิทยาการของมนุษย์ ได้ก้าวหน้าไปจนเหนือคำบรรยาย

ณ คฤหาสน์ ซึ่งมีเรือนกระจกตั้งห่างจากตัวคฤหาสน์ ไปไม่ไกลนัก ภายในสวน ซึ่งล้อมรอบไปด้วย ป่ารกทึก
คฤหาสน์แห่งนี้ตั้งอยู่ ใกล้กับชายป่า นั่นเอง  แต่ภายในตัวบ้านนั้นแทนที่จะถูกตกแต่ง อย่างหรูหราสวยงาม
กลับรกระเกะระกะ ไปด้วยเครื่องจักรและชิ้นส่วนกลไก มากมาย มีเพียงไม่กี่ห้องและตามทางเดินเท่านั้น
ที่ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกนั้น ห้อง 5 ห้องจากบรรดา ห้องอเนกประสงค์ ทั้ง 10 ไม่นับรวมห้องน้ำและห้องครัว
ถูกใช้เป็นห้องเก็บของและทำการวิจัย โดยนักวิทยาศาสตร์วิจัยเครื่องกล (The Mechanic) ซึ่งมากด้วยความรู้และประสบการณ์

เขาเอาแต่เก็บตัววิจัยอยู่ในห้องมืดๆนี้มานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจทราบได้ ท่ามกลางห้องซึ่งมีเพียงแสงไฟสลัวๆ
จาก สะเก็ดไฟของอุปกรณ์เชื่อมเหล็ก ที่จี้เข้า จี้ออก กับ สิ่งประดิษฐ์ขนาดเท่าฝ่ามือซึ่ง ยังไม่เสร็จดี

ก็อกๆๆ…แอ็ดดดดด

เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ ประตูจะเปิดครูดไปกับพื้นห้อง จนเกิดเสียง แสงจากหลอดไฟบนทางเดินนอกห้องสาดเข้า
มา พร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งมือขาวของเขา ถือถาดซึ่งวาง ขนมปังอบใหม่ๆ 2 ก้อน เอาไว้กับน้ำผลไม้ สีเหลืองสด
แก้วใหญ่ กลิ่นหอมของขนมปังอบ ได้โชยไปเตะจมูกของ นักวิจัย ก่อนที่เขาจะวางมือลงจากงาน
เด็กหนุ่ม ปล่อยมือซ้ายจากลูกบิดประตู และคลำไปตามผนังห้อง ก่อนจะกดสวิตซ์ ที่ผนัง
หลอดไฟในห้อง พลันสว่างขึ้นในทันที เด็กหนุ่มจึงเอื้อมมือไปปิดประตูก่อนจะ

ยกถาด อาหารตรงไปยัง โต๊ะซึ่งกองไปด้วย เศษกระดาษ ตามพื้นห้องรกเกลื่อนไปด้วย
เศษ ชิ้นส่วนของเครื่องจักรและเศษกระดาษมากมาย และบนโต๊ะ อื่นๆก็ยังวากหนังสือระเกะระกะ
ไปทั่ว บ้างก็กองชั้นเป็นภูเขา ที่โต๊ะข้างๆนักวิจัย นั้นมีกล่อง เหล็กสีเขียวซึ่งถูก ล็อค ไว้ด้วย
แม่กุญแจของกล่อง มันตั้งอยู่มานานเสียจน ฝุ่นเกาะราวกับว่าไม่ เคยมีใครไปแตะมันมานานแล้ว


กรากก…ก็อง  ก็อง

เสียงกราว ดังขึ้นจากการที่เด็กหนุ่มเอามือ กวาดเศษกระดาษและเศษชิ้นส่วน ต่างๆบนโต๊ะเล็กๆโต็ะหนึ่งลง
ก่อนจะวางถาดอาหารลงไปบนโต๊ะที่ว่างแล้วนั้น

“ นี่มัน สองอาทิตย์มาแล้วนะครับ…น่าจะพักซักหน่อย ”
 เด็กหนุ่มกล่าวด้วยความเป็นห่วงในสุขภาพของนักวิจัย

“ นี่เป็นความหวังของมนุษยชาติถ้าหยุดล่ะก็… ”
“ ครับๆๆ..ถ้าหยุดล่ะก็ อนาคตของมนุษยชาติก็จะต้องพินาศแน่…แต่ถ้ายังโหมทำงานต่อแบบนี้เกิดล้มป่วยขึ้นมา แล้วใครจะ
มาสานต่อความหวังของมนุษยชาติกันล่ะครับ.. ”
นักวิจัยกล่าวได้ไม่ทันจบดีเด็กหนุ่มก็แทรกขึ้น ก่อนที่เขาจะยกแขนเสื้อขึ้นเพื่อดูนาฬิกาข้อมือ ซึ่งมีตัวเลขเขียนไว้แทนการใช้เข็ม
บอกเวลา ทันทีที่เด็กหนุ่มเห็นตัวเลข บนนาฬิกา เขาก็รีบจ้ำ ไปยังประตูและเปิดมันออกแต่ก่อนที่จะเดินออกไป
 เขาก็หันกลับไปหานักวิจัย

“ แล้วก็ ขนมปังน่ะรีบทานก่อนที่มันจะหายร้อนดีกว่านะครับคุณพ่อ ”
เด็กหนุ่มกล่าวจบก็เดินออกไปพร้อมกับปิดประตูทันที

ที่ชั้นบนของคฤหาสน์ ภายในห้อง ห้องหนึ่งซึ่งถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ รอบๆผนัง ถูกบังไว้ด้วยตู้หนังสือ
ซึ่งมีหนังสือมากมายวางเรียงเอาไว้จนเต็มทั้งตู้ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือเกี่ยวกับหลักปรัชญา และ ประวัติศาสตร์
พื้นห้องปูด้วยพรมสีชมพู และมีโต๊ะเล็กตั้งอยู่กลางห้อง โดยมีเบาะรองนั่งสี่ผืนตั้งซ้อนกันไว้ใต้โต๊ะ
ใกล้กันนั้นเอง เตียงผ้าใบใหญ่ซึ่งผ้าห่มและผ้าปูเตียงพึ่งจะถูก จัดเก็บอย่างเรียบร้อย

และที่ข้างหัวเตียงก็มีโต๊ะทำงานตั้งติดกับหน้าต่าง บนโต๊ะยังถูกวางไว้ด้วย หนังสือเรียงเป็นแถว
และกระบอกใส่พู่กันและปากกา เด็กสาวซึ่งมีผมสีฟ้ายาวสลวย นัยตาสีเขียว และแต่งตัวด้วยชุดสีดำ
ซึ่งเป็นเครื่องแบบ เธอกำลังจัดหนังสือใส่กระเป๋าอย่างช้า ในขณะที่จิตใจนั้นไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัว


ขณะที่เธอหยิบเอาหนังสือเล่มหนาขึ้นมาซึ่งหน้าปกเขียนไว้ว่า ประวัติขุนและเชื้อพระวงศ์แห่งเมอริเซีย
ขึ้นมาจากโต็ะเธอก็เปิดมันออก ไปจนถึงหน้ากลางของหนังสือซึ่งรวบรวมรูปของเหล่า ขุนนางและ
เจ้าชายต่างๆในประวัติศาสตร์ของเมอริเซีย นางถึงกับเคลิบเคลิ้มไปเลยทีเดียว

“ ถ้าความฝันเป็นจริงได้ล่ะก็ อยากจะให้มีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาปกป้องเหมือนในนิยายบ้างจังเลย  ”
เธอคิด ขณะที่ทอดสายตาไล่ไปเรื่อยเพื่อเสาะหาเจ้าชายในฝัน

“ เทีย ข้าวเช้าเสร็จแล้วถ้าไม่รีบลงมาจะเย็นซะก่อนนะ ”
เสียงดังขึ้นมาจากด้านล่าง ทำให้เธอสะดุ้งจนเผลอทำหนังสือตกลงกับพื้น ก่อนที่จะ รุกลี้ลุกรน
เก็บหนังสือขึ้นมายัดใส่กระเป๋า



 
Quote
เทีย ไอน่าซัลเฟอร์(Tear Aina Sulphur) อายุ 14 ปี เผ่าพันธุ์:มนุษย์  เพศ:หญิง
อาชีพ: นักเรียนชั้นปีที่ 2 ของ มิราบิลิส อาคาเดมี่ (Mirabilis Academy)
 สังกัดชมรม: ค้นคว้าและวิจัยประวัติศาสตร์ ตำแหน่ง: สมาชิกชมรมอย่างเป็นทางการ

“ จ…จะลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่าาาา ”
เทีย ตะโกนตอบลงไป เธอรีบ ปิดปากกระเป๋าลง พร้อมกับเปิดประตูห้องวิ่งออกมา ที่ทางเดินและตรงลงไปยังบันได
ในขณะที่เด็กหนุ่มซึ่งเป็นเจ้าของเสียงเมื่อครู่เดินมาที่พื้นบันไดเช่นกัน เทียที่รีบร้อนจนสะดุดขั้นบันไดในที่สุดก็ล้ม
โครมลงไปทับร่างของเด็กหนุ่มซึ่งอยู่ข้างล่างทันที พร้อมกับที่ แผ่นบัตรกระดาษแข็ง 5 ชิ้นจะลอย
โปรยขึ้นไปก่อนจะร่วงหล่นลงมา กระจายเกลื่อนไปทั่วร่างของทั้งสอง

“ ข…ขอโทษค่ะพี่ ฟอน หนูรีบไปหน่อยก็เลยสะดุดร่วงลงมา ”
เทีย กล่าวขณะที่ลุกขึ้น ออกจากร่างของพี่ชายที่ ถูกเธอนั่งทับไว้

“ อูยยยย พี่บอกต้องกี่ทีแล้วว่าอย่าวิ่ง ลงบันไดน่ะมันอันตราย นี่ถ้าพี่ ไม่อยู่ข้างล่างนี่ล่ะก็ป่านนี้เธอหัวแตกไปแล้วรู้มั้ย..อูยยยย ”
พี่ชายของเธอกล่าว ขณะที่ยันตัวขึ้น พร้อมกับเอามือกุม สะโพกด้วยความเจ็บช้ำ พร้อมกับก้มเก็บบัตร ทั้ง 5 แผ่น
ที่กระจายขึ้นมา
ก่อนที่จะเดินนำไปที่ห้องอาหาร

ครู่ต่อมาพวกเขาทั้งสองก็รับประทานอาหารเช้าเสร็จเป็นที่เรียบร้อย

“ แล้วนี่คุณพ่อยังไม่ออกมาจากห้องทดลองอีกเหรอคะ…นี่มันครึ่งเดือนแล้วนะคะ ”
เทียกล่าว พร้อมกับจ้องไปยังประตูห้องที่อยู่ตรงข้าม ไป

“ ตอนนี้ มาสเตอร์แอคเตอร์ (Master Actor) ที่ พ่อกำลังวิจัยอยู่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้พูดไปพ่อก็ไม่ฟังหรอกคงต้องปล่อยไปจนกว่าจะเสร็จสมบรูณ์ นั่นล่ะ ”
ฟอนกล่าวขณะที่เก็บภาชนะทั้งหมดออกจากโต๊ะไป โดยทิ้ง บัตรทั้ง 5 แผ่นที่ กับสัมภาระต่างๆเอาไว้บนโต๊ะ
เทีย เอื้อมมือไปหยิบบัตรทั้ง 5 แผ่นขึ้นมาดู มันเป็นบัตรสมาชิกของชมรม ทั้ง 5 แผ่น

สัมภาระของพี่ชายเธอนั้น นอกจากกระเป๋าหนังสือแบบเดียวกับเธอ ที่ข้างๆก็มีถุงผ้าแบบรัดเชือกปิด ซึ่งที่ปากถุง
นั้นสิ่งของภายในได้แลบออกมามีทั้ง แว่นตากันน้ำ ตำราทำอาหาร และ นวมชกมวยสีแดงสด

“ พี่คะ นี่ปีที่สามแล้วพี่ยังจะสังกัดชมรมควบตั้ง 5 ตำแหน่งอยู่อีกเหรอคะ หนูนึกว่าพี่ออกไปเข้าชมรม ทำอาหารอย่างเดียวแล้วซะอีก ”
เทีย กล่าวขณะที่มองบัตรชมรมทั้งห้าแผ่น

“ เปล่าหรอกแค่ช่วงนั้น ชมรมกีฬาหมดฤดูแข่งขันไปแล้วน่ะ พี่ก็เลยเข้าออกแต่ชมรมทำอาหารอย่างเดียว ”
ฟอนกล่าวเขาเป็นเด็กหนุ่มมีผมสีดำ และมีนัยตาสีแดง เขาอายุมากกว่าน้องสาว 3 ปี งานดูแลภายในบ้านทั้งหมดเขาจะเป็นคนทำเสมอ

Quote
ฟอน ไอน่าซัลเฟอร์ (Fon Aina Sulphur) อายุ 17 ปี เผ่าพันธุ์ : มนุษย์ เพศ :ชาย
อาชีพ: นักเรียนชั้นปีที่ 3 ของ มิราบิลิส อคาเดมี่ 
สังกัดชมรม : ฟันดาบ ,ทำอาหาร,ว่ายน้ำ,ยิงปืน,ชกมวย ตำแหน่ง: กัปตันทีมแข่งขันของชมรมทั้ง 5 ชมรม 

“ แต่หนูว่าพี่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งจะดีกว่านะคะ ควบ 5 ตำแหน่งแบบนั้นมันไม่เหนื่อยเหรอคะ
ตอนปีหนึ่งที่พี่พึ่งเข้าชมรมไป ก็ถูกคัดให้เป็นกัปตันทีมซะแล้ว ถึงจะพาเข้ารอบไปได้ก็เถอะแต่ก็ได้แค่ชนะเลิศระดับเขตเท่านั้น พอเข้าระดับอาณาจักร พี่ก็หมดแรงสุดท้ายพวกที่เหลือพอไม่มีพี่ ก็แพ้ตกรอบไปเลย ”
เทีย กล่าวหน้ามุ่ย ขณะที่ยื่นบัตรสมาชิกทั้งหมด ให้แก่พี่ชาย

“ ทำไงได้ล่ะก็โรงเรียนของเราน่ะนอกจาก ชมรมการวิจัยแล้วพวกชมรมกีฬาชมรมหัตกรรมน่ะเด่นเหมือนโรงเรียนอื่นเขาซะที่ไหน ถ้าขืนพี่ออกล่ะก็ พวกรุ่นน้องที่เขาเข้าชมรมมาใหม่ก็หมดอนาคตไปตามกันน่ะสิ.. พี่ไม่อยากให้พวกเขาเจอแบบพี่อีกแล้ว ”
ฟอนกล่าวก่อนจะยื่นมือมารับบัตรจากมือของน้องสาว

“ หนูเข้าใจค่ะพี่ แต่ถ้าพี่ต้องบาดเจ็บเหมือนตอนปีหนึ่งล่ะก็หนูไม่เอาแล้วนะคะ… ”
เทียกล่าวก่อนที่จะนึกย้อนไปถึงตอนที่พี่ของเธอ ยังอยู่ชั้นปีที่หนึ่ง เพราะพวกรุ่นพี่ที่นำชมรมกลับ
หมดกำลังใจที่จะสานต่อกิจกรรมของชมรมหลังจากที่แพ้มาตลอด ทำให้พวกชั้นปีที่ต่ำกว่าต้องพลอย



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: cocka-c on August 24, 2008, 06:49:20 PM
ระสับระส่ายไปด้วย สุดท้ายพี่ชายของเธอ ก็ต้องคอย เคี่ยวเข็น ลูกทีม จนสามารถผ่านเข้าระดับ
อาณาจักรได้ แต่สุดท้ายด้วยอาการบาดเจ็บจากการแข่งของชมรม ชกมวยพี่ชายเธอจึงต้องถอนตัว

ทำให้ สุดท้ายเมื่อไร้ผู้นำทีมจึงตกรอบไปทั้งหมด และแม้ในปีต่อมา พี่ชายของเธอจะพยายามหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บ
แต่สุดท้ายก็ด้วยภาระที่มากเกินไปจึง พากันตกรอบหมดอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้มีใครตำหนิติเตียนเขาแต่อย่างใด

 
ฟอนที่เห็นน้องสาว กลัดกลุ้มจึงเข้าไปลูบหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู

“ ไม่ต้องห่วงพี่จะไม่ฝืนแน่นอนและอีกอย่าง ถ้าพี่ไม่ฝึกทักษะไว้หลายๆด้านล่ะก็
พี่ก็จะปกป้องครอบครัวของเราเอาไว้ไม่ได้นะ ”
ฟอนกล่าว จบก็เดินไปคว้าสัมภาระที่โต๊ะ โดยที่เธอเดินตามหลังพี่ชายไปพร้อมกับเก็บความ
กลัดกลุ้มเอาไว้ในใจ

ครู่ต่อมา

ณ ถนนสายหนึ่งซึ่งตอนนี้ ลุกไหม้ไปด้วยไฟซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุของยวดยานที่เข้าชนกัน
จนเป็นหายนะ ท่ามกลาง เปลวเพลิงนั้น มีสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกับเสือ ทว่าผิวของมันกลับเป็นหิน
แข็ง และบริเวณต้นคอกับไหล่ของมันมีปีกใสเหมือนปีกของแมลงยื่นออกมา

“ ล้อมมันไว้ ”
เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับ กลุ่มทหารซึ่งสวมชุดเกราะกันไฟ ได้บุกเข้าล้อม เจ้าสัตว์ประหลาดนั้นไว้
ในมือของพวกเขาจะถือปืน ไว้คนละกระบอกที่ปลายกระบอกยังมีดาบปลายปืนติดเอาไว้

“ จัดการก่อนที่มันจะ Time Walk ”
หัวหน้ากลุ่มสั่งจบ กระสุนจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถาโถมเข้าใส่ ร่างของมันแต่ก็ไม่ได้ระคายผิวของมันเลย
พวกเขายังคงยิงต่อไป ทว่าเพียงพริบตามันก็หายวับไป ก่อนที่พวกเขาจะถูกอะไรบางอย่างชน
จนกระเด็นไปคนละทิศ  นายทหารคนหนึ่ง ถูกมันเหยียบ ร่างเอาไว้จนหนีไม่ได้

มันอ้าปากซึ่งเต็มไปด้วยเขี้ยวอันคมกริบขึ้น หมายจะขย้ำทั้งเป็น แต่แล้วมันก็ถูก อะไรบางอย่างพุ่งกระแทก
ปากจนเสียหลักล้มลง เจ้าสิ่งนั้นมีรูปร่าง คล้ายกับหนูลม (Gusty Rat) แต่ทว่าร่างกายของมันกลับเป็นโลหะ
และมีดวงตาที่เรืองแสงได้ แทน มันกระโดดเหยงๆ เข้าไปหาเด็กหนุ่มที่จูงมือน้องสาว เข้ามา เด็กหนุ่มคว้ามันไว้
ก่อนจะ ปล่อยมือจากน้องสาว และเดินตรงเข้าไปหาเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n005/102.jpg)

“ โปรวิเด็นเซอร์แลนทิส (Providencer Lantis) ที่โดดเด่นในเรื่องผิวหนังที่แข็งเหมือนหินนี่เอง… ”
เด็กหนุ่มกล่าวขณะที่เดินเข้าไปใกล้มัน

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n009/18.jpg)

“ น….นี่เธอถอยออกมา มันอันตรายนะ ”
หัวหน้ากลุ่มออกปากห้ามแต่ทว่าเด็กหนุ่มก็ไม่ฟัง ทันทีที่เจ้า แลนทิส ลุกขึ้นมา
ด้วย สัญชาติญาณ มันจึงเปลี่ยนเป้าหมายเข้าไปจู่โจมเด็กหนุ่มทันที

แต่ทว่าเด็กหนุ่มก็ วางสัมภาระที่ถือไว้ลงพร้อมกับ บิดสลักที่ข้างๆเข็มขัด ซึ่งติดตั้งกลไก เอาไว้
เกิดคลื่นการบิดเบี้ยวของมิติรอบตัวเขาในทันที พร้อมกับที่ชิ้นส่วนโลหะชิ้นเล็กชิ้นน้อยจะทะลุมิติออกมา
ประกอบเข้ากับร่างของเขา เป็นชุดเกราะ

“ Exchange Giga Mode ”
เสียงทุ้มต่ำยานคางดังออกมาจาก เข็มขัดของเขา ทันทีที่เจ้าแลนทิสพุ่งเข้ามา
เด็กหนุ่มก็ ชกสวนออกไป ด้วยมือซ้ายจนมันกระเด็นล้มลงตรงหน้า
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะ นำเอาหนูลมที่เป็นจักรกล ยื่นขึ้นมา และกด สวิตซ์ที่ลำตัวของมัน

ทันใดนั้นร่างของมันก็ได้แตกสลายเป็นเศษส่วนและหลอมรวมเข้ากับชุดเกราะของเด็กหนุ่ม
ก่อนจะเปลี่ยนรูปร่างและโครงสร้างไป กลายเป็นชุดเกราะที่มีขนาดเทอะทะ และติดอาวุธหนัก
ไว้ทั้งร่าง

“ Set Up  Change Gusty From ”
เสียงดังขึ้นมาจากชุดเกราะของเด็กหนุ่มที่เปลี่ยนรูปไปแล้ว

(http://www.bcoms.net/upload/images/bcoms2008831143059.jpg)

“ จ…เจ้าเด็กนี่เป็น ผู้ถูกเลือกจากแอคเตอร์(Actor)งั้นเรอะ ”
หัวหน้าหน่วยอุทานด้วยความตะลึง เจ้าแลนทิสที่ลุกขึ้นมาหลังจากที่
ล้มลงไปเป็นครั้งที่สอง เด็กหนุ่มไม่รอช้า คว้าเอาปืนซึ่งเหน็บไว้ที่เอว
ยิงกราดใส่มันทันที แต่ทว่ามันก็พุ่งตัวหายวับไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

เพียงไม่นานนักกระจกบนอาคาร ที่อยู่ด้านหลังของเขาก็แตกกระจายร่วงหล่นลงมา
ก่อนที่เศษกระจก จะตกถึงพื้นเด็กหนุ่มรีบกดสวิตซ์ ที่ ด้ามปืนทันที

“ Time Walk ”
เสียงทุ้มต่ำยานคางแบบเสียงเครื่องจักร ดังขึ้น พร้อมกับที่ทุกๆอย่าง รอบตัวของเขา
เคลื่อนไหวช้าลง จนแทบหยุดนิ่งเศษกระจกที่ตกลงมานั้นก็แทบจะ ไม่ขยับเลย

ที่เหนือหัวของเขาเจ้า แลนทิส กำลังไต่ไปตามกระจกของอาคาร อย่างรวดเร็ว
บานกระจกแตกไล่ไปเรื่อย ทุกครั้งที่มันเหยียบลงไป

เด็กหนุ่มงอเข่าเพื่อรวบรวมแรง กระโดดตามขึ้นไป ทันทีที่เข้าประชิดตัวมันได้
เขาก็ทุบมันด้วยด้ามปืนจนร่วงหล่นกระทบกับเศษกระจกที่ยังคงลอยตัวอยู่ลงไป กระแทกพื้นถนนเบื้องล่างจนยุบตัวลง

“ Time Walk ”
เสียงดังขึ้นอีกครา ก่อนที่ทุกๆอย่างรอบตัว จะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เศษกระจกที่แตกร้าวลงมาได้
ตกกระแทกลงบนร่างของเจ้าแลนทิส เด็กหนุ่มพุ่งกลับลงมายังเบื้องล่างอีกครั้ง ก่อนที่
ปากกระบอกปืนที่หัวไหล่และที่มือ กับปืนใหญ่ อีกกระบอกที่เหน็บหลังไว้จะถูกชักขึ้นมา
เล็งไปยังร่างของเจ้าแลนทิสที่ถูกเศษกระจกทับอยู่

คลื่นไฟฟ้าได้ไหลจากปากกระบอกปืน ทุกกระบอกไปยังส่วนหัวของชุดเกราะ
ก่อนจะไหลกลับลงมาที่ปากกระบอกปืนทั้งหมดอีกครั้ง

“ Mega Shooting ”
สิ้นเสียงจากชุดเกราะ คลื่นพลังทรงอานุภาพก็ถูกยิงออกมาจากกระบอกปืนทั้งหมด พร้อมกับเป่าร่างของ
เจ้าแลนทิส ไปพร้อมๆกับเศษกระจก ให้หายไปในพริบตา

“ จัดการได้แล้ว… ”
หัวหน้ากลุ่มกล่าว ด้วยความพิศวง ขณะที่เด็กหนุ่มลดอาวุธทั้งหมดลง ก่อนที่ชุดเกราะจะสลายตัวไป
และ กลับไปรวมตัวกันเป็น หนูลม อีกครั้ง

“ นั่นคือ กัสตี้แอคเตอร์ (Gusty Actor)ค่ะเป็นของที่พี่ฟอนได้รับมาเมื่อ สามปีก่อน  ”
น้องสาวของเด็กหนุ่มกล่าวขณะที่เดินผ่านหัวหน้ากลุ่มตรงไปยังสัมภาระต่างๆที่พี่ของเธอวางไว้ก่อนจะแปลงร่าง
และยกมันส่งให้กับพี่ของเธอ

“ เอาล่ะถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวได้สายกันพอดี ”
ฟอนรับเอากระเป๋ามาจากเทีย ก่อนที่ทั้งสองจะวิ่งออกไปทั้งๆอย่างนั้น
ทิ้งให้พวกทหารได้นั่งตกตะลึงอยู่อย่างนั้น

“ ถึงจะรู้อยู่แล้วก็เถอะนะว่า แอคเตอร์จะเลือกผู้มีคุณสมบัติ เองแต่ก็ยังอดตกใจไม่ได้เลย
ยิ่งฝีมือในการต่อสู้ของเด็กคนนั้นด้วยแล้ว…. ”
หัวหน้ากลุ่มรำพันกับตัวเองก่อนจะนิ่งไป

……….
……………
……………..


ในเย็นวันนั้น

“ เฮ้อ…วันนี้มีแต่เรื่องทั้งนั้นเลย เมื่อเช้าพี่ก็จัดการแลนทิสไปตัวหนึ่งแล้ว เมื่อกลางวันนี้ก็มีบุกมาอีกสองตัว
ด้วย เมื่อไหร่ รีกอล จะถูกจับซักทีนะ…พี่จะได้ไม่ต้องสู้ต่อไปด้วย… ”
เทีย บ่นด้วยความไม่สบอารมณ์ ขณะที่เปิดประตูคฤหาสน์ เข้าไป

“ กลับมาแล้ว…..ค่ะ ”
เทียกล่าวสะดุดไปทันทีที่เห็นร่างพ่อเธอถูก แลนทิส เหยียบไว้ และที่
ตรงหน้าพี่ชายของเธอ ซึ่งสวมร่างแอคเตอร์ ล้มทรุดอยู่ต่อหน้า ชายแก่ ซึ่งดวงตาซ้ายของเขาสวม
แว่นขยายไว้ คลุมร่างด้วยผ้าคลุมสีดำ ตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ รีกอล…นี่แก…พี่คะ ”
เทียกล่าวก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นพี่ของตน เธอรีบเข้าไปพยุงร่างของพี่ชายขึ้นทันที

“ แม่หนูบอกมาซะดีๆ มาสเตอร์แอคเตอร์ อยู่ที่ไหนแล้วชั้นจะปล่อยพ่อกับพี่เธอไป ”
รีกอลกล่าว
Quote
รีกอล ราเฟล (Regol Rafel) อายุ 65 ปี เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
อาชีพ : อดีตนักวิจัยวัตถุและสิ่งมีชีวิตอวกาศ
สถานะ: อาชญากร ระดับโลก ผู้ก่อสงครามระหว่างแลนทิสกับมนุษย์


“ เทียไปที่ห้องวิจัยนะ..แล้วเอากล่องเหล็กที่เก็บ มาสเตอร์แอคเตอร์ หนีไปซะพี่จะถ่วงเวลาไว้ไปซะ ”
ฟอนกล่าวจบก็ ยิงระดมใส่ทันที แต่ทว่า แลนทิสทั้งหลายก็เข้ามาคุ้มกัน รีกอลไว้
ซึ่งเทียได้อาศัยจังหวะนี้ วิ่งหลบออกไปยังห้องวิจัย

“ ตามมันไปเร็ว ”
รีกอล สั่งทว่าฟอนก็เข้าไปขวางทางเดินไว้

“ อย่าหวังจะผ่านไปได้เลย ”
ฟอนกล่าวจบคลื่นไฟฟ้าก็เริ่มวิ่งไล่ไปทั่วร่างของเขา

…………..
………………

“ นี่สินะมาสเตอร์แอคเตอร์ ต้องรีบหนีแล้ว ”
เทียซึ่งหอบเอากล่องเหล็ก ออกมาจากห้องวิจัย และหนีออกไปทางประตูหลัง
ได้เดิน ไปจนถึงเรือนกระจกที่อยู่ไม่ไกลนัก

“ Time Walk ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่ร่างของฟอนพี่ชายเธอจะ ปลิวกระเด็นมาอยู่ข้างๆ 

“ ส่งกล่องนั่นมา ”
รีกอลกล่าวขณะที่เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเหล่า แลนทิส
 ฟอนพยายาม จะลุกขึ้นมาขวางแต่ ทว่าเขาก็ไม่มีแรงพอจะขยับแล้ว ชุดเกราะ
แตกเสียหายไปหลายจุด ปากกระบอกปืนถูกทำลาย จนเสียหาย
ทั้งหมด

แลนทิสทั้งหมดกำลังจะเข้ามาถึงตัว เทีย แล้วในวินาทีนั้นฟอนจึงตัดสินใจ
รวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ปลดชุดเกราะออกและโยน กัสตี้แอคเตอร์ ไปยังตัวน้องสาว
ไม่ช้าก็เกิดหลุมมิติแผ่ขยายขึ้นมาจากตัวแอคเตอร์ และดูดตัวเทียเข้าไป

“ เอามาสเตอร์แอคเตอร์หนีไปเร็ว ”
ฟอนกล่าว ขณะที่ร่างของเทียถูกดูดเข้าไปในห้วงมิติ

“ พี่…. ”
เทียกล่าวได้ไม่ทันขาดคำร่างของเธอก็ถูกดูด เข้าไปในห้วงมิตินั้น พร้อมๆกับที่แลนทิสทั้งหมดกระโจนตามเข้าไป

……………..
………………..
…………………….


ย้อนเวลากลับไป เมื่อ 3000 ปีก่อน  6 ปีหลังการกอบกู้โลกของอัศวินทาลิวิลย่า(2 ปีหลังก่อตั้งเมืองมิราบิลิส)
 ทวีปเมอริเซีย ยังคงมีรูปโฉมเดิม ไม่มีวิทยาการที่ล้ำสมัยมากมายนัก ผืนป่าของอาณาจักรฟูดินัน ยังคงกว้างใหญ่ไพศาลและมหาพฤกษายังไม่กีดกันตัวออกจากโลกภายนอก

ณ ป่าใกล้กับทะเลสาบนีรันด้า ได้เกิดหลุมมิติปรากฏขึ้น ในอากาศพร้อม กับร่างของเทียที่ หล่นลงมาจากหลุมมิตินั้นก่อนจะหายไป

“ ที่นี่มันที่ไหนกัน… ”
เทีย กล่าวขณะที่มองไปรอบๆ ป่าซึ่งมืดทึบมีเพียงแสงตะวันที่ สาดส่องทะลุลงมาเพียงเล็กน้อย

โฮกกกกกก

เสียงคำรามดังขึ้น ด้านหลังเธอ ทันทีที่เธอหันไปก็เห็นร่างของสัตว์ประหลาดซึ่งมีรูปร่างคล้ายเสือผสมกับกวาง
บนเขา ของมันเกี่ยว เสื้อเชิ้ตสีดำ ของใครเอาไว้ มันคือ กาเซลเลย์ป่า(Forest Gazelle)
ซึ่งกำลังคึกคะนอง เทีย พยายามจะลุกขึ้นวิ่งหนี ทันทีที่เธอก้าวเท้าออกไป กาเซลเลย์ป่า
ก็วิ่งไล่กวดเธอทันที เขาหนามของมันหากขวิดโดนคงไม่รอดเป็นแน่

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n018/32.jpg)

“ ช่วยด้วย….ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย ”
เทียตะโกนขอความช่วยเหลือแต่ทว่า ท่ามกลางป่าลึกนี้ จะมีใครมาช่วยเธอได้กัน

“ มันอยู่นั่นไง เจ้าตัวขโมยเสื้อชั้นไป ”
เสียงดังขึ้นมาจากฟ้า พร้อมกับหมาป่าขนสีเงิน กระโจนลงมาขวาง มันไว้จากเธอ

ทันทีที่เทียแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า เงาที่กำลังบินอยู่เหนือนาง นั้นคือร่างของมังกรขาวพาลานัลคาเลี่ยน (Palanalcarion, the light Dragon) ซึ่งมีเด็กหนุ่มที่มีอายุพอๆกับเธอขี่อยู่บนหลังของมัน

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n006/10.jpg)

“ น…นี่หรือว่าเขาคือเจ้าขี่ม้าขาวที่จะมาปกป้องเรา อย่างในนิยายน่ะ….แต่นี่มัน มังกรนี่ ช่างเถอะ
ขอแค่เป็นเจ้าชายก็พอ..นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ยหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ยังจะมาฟุ้งซ่านอีก ”
เทียคิด ขณะที่หมาป่าขนเงินที่เข้ามาช่วยเธอไว้ ถูกเจ้ากาเซลเลย์ป่าขวิดจนไปกระแทกเข้ากับต้นไม้
มันยันตัวขึ้นมาก่อนที่จะสำลัก ค่อกแค่ก

“ นี่ลอเรนซ์(Laurance) อย่าเอาแต่กิน ลงมาช่วยกันหน่อยสิ ”
เจ้าหมาป่าตัวนั้นกล่าว ขึ้น

(http://image.ohozaa.com/id/l8elr.jpg)

Quote
ลอว์เรนซ์  ซาราเบลด (Laurance Salablade) อายุ 15 ปี เผ่าพันธุ์: มนุษย์ เพศ:ชาย
ประวัติโดยรวม : ทายาทคนสุดท้ายแห่งตระกูลซาราเบลดซึ่งเป็นวีรบุรุษผู้ช่วยกอบกู้โลกเทอร่าจากวิกฤติ
 วุฒิการศึกษา: จบจาก โรงเรียนมังกร (Dragon Academy)  วิชาการต่อสู้:วิชาดาบซึ่งเคยได้รับการฝึกสอนกับแม่ทัพชาว์ลแห่งฟีเลเซียมาแล้ว
 

“ ห…หมาพูดได้นี่มันอะไรกันเนี่ย…งงไปหมดแล้วค่าาา ”
เทียคิด ตอนนี้อารมณ์เธอแปรปรวนไปหมด ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือสับสนดี


“  ลากูน่า(Laguna)อย่างนายน่ะเอาชนะ มันได้ง่ายๆอยู่แล้วแค่คืนกลับร่างครึ่งสมิงก็ขาดลอยแล้ว ”
เด็กหนุ่มที่ชื่อ ลอว์เรนซ์ กล่าวขณะที่ในมือยังถือช้อนกับจานขนมเค้กเอาไว้

(http://image.ohozaa.com/ip/laguna.jpg)

Quote
ลากูน่า รูลเวลล์ (Laguna runevel) อายุ 15 ปี เผ่าพันธุ์: ครึ่งสมิง เพศ: ชาย
ประวัติโดยรวม: อดีต 12 เทพขุนศึก และเป็นทายาทที่เหลือยู่ของตระกูลรูลเวลล์ ที่คอยปกป้องตระกูลซาราเบลดเมื่อครั้งอดีต 
วุฒิการศึกษา: จบจาก โรงเรียนมังกร (Dragon Academy)  วิชาการต่อสู้:วิชาหมัดและวิชามนตราที่ฝึกมาสมัยเข้ารับการฝึกเป็น 12 เทพขุนศึกปัจจุบันยังคงฝึกอยู่ กับพี่ชายของตนที่ชื่อเจนัส

“ จะไปทำยังงั้นได้ไงเล่า เด็กผู้หญิงคนนี้ก็อยู่ด้วย ชั้นไม่ได้ใส่เสื้ออยู่นะ เฟ้ยยย ”
หมาป่าขนเงินกล่าวขณะที่ กระโดหลบการพุ่งชนของ กาเซลเลย์ป่า เป็นพัลวัล

“ กางเกงนายก็ใส่อยู่ ยังจะต้องอายอีก เฮ้อเอาก็เอาเดี๋ยวขอกินให้เสร็จก่อนนะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็เขมือบเค้กเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะกระโดลงจากหลังของ พาลานัลคา มาอยู่ตรงหน้า เธอ โดยที่ปากยังอมช้อนเอาไว้
เขาดึงช้อนออกจากปาก ก่อนจะเลียริมฝีปากด้วยความเอร็ดอร่อยโดยไม่สนใจเจ้าหมาป่าที่กำลังจะถูก
ขวิดตาย

“ เอาล่ะจะไปช่วยแล้วอย่าพึ่งตายซะก่อนล่ะ ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบก็ควงช้อนในมือ ก่อนจะวิ่งเข้าไป หาเจ้ากาเซลเลย์ป่า

“ จะสู้กับมันทั้งตัวมีช้อนแค่คันเดียวเนี่ยนะเป็นไปไม่ได้หรอก ”
เทียคิด แต่แล้วสิ่งที่เธอคิดก็ผิดจนได้ เมื่อ ลอว์เรนซ์ตวัดช้อน ฟาดฟันกับเขาอันแหลมคนของมันได้อย่างสูสี
ก่อนที่จะแทงช้อนสวนออกไปเร็วขึ้นจนแทบมองตามไม่ทัน เจ้ากาเซลเลย์ป่าที่ หมุนคอหลบช้อนวน
ไปเรื่อยๆจนตาลายในที่สุดมันก็หยุดนิ่ง เขาจึงฟาดหน้าของมันลงไปด้วยช้อนเต็มๆ

มันล้มพับลงในทันที เจ้าหมาป่าเดินเข้ามาคาบเสื้อเชิ้ตสีดำที่เกี่ยวอยู่ที่ เขาของมันออกก่อนจะเข้าหลบในพงไม้
ครู่ต่อมามันก็ออกมาในสภาพของเด็กหนุ่มผมสีเงินที่มีหางหมาป่ายื่นออกมาแทน

“ เฮ้อนึกว่าจะตามมาไม่ทันซะแล้ว แค่ลงไปว่ายน้ำหน่อยเดียวเจ้ากวางบ้านี่มันดันมาขโมยเสื้อไปซะได้ ”
เด็กหนุ่มบ่น ไม่หยุดขณะที่ดึงคอเสื้อให้กระชับ

เทียที่ยังนั่งจ้องด้วยความตกตะลึง ต่อเหตุการณ์ ตรงหน้านั้น มังกรพาลานัลคาได้เข้าไปสะกิดร่างของเธอเบาๆ

“ นี่ไม่เป็นไรนะ ”
พาลานัลคากล่าวซึ่งแทนที่เธอจะ ตอบกลับไปว่าไม่เป็นไรขอบคุณที่ช่วยเหลือ
กลายเป็นว่าเธออยากจะเป็นลมซะตรงนั้น

“ นอกจากหมาพูดได้แล้วกลายเป็นคนได้ ยังมีมังกรพูดได้อีกโอยยยฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆเลย ”
เทียกล่าวขณะที่เอามือกุมหัวด้วยความงุนงง ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ ไม่ได้นะไลท์ นอกจากพวกเรานายไปพูดภาษามนุษย์ กับคนอื่นอย่างนี้ เดี๋ยวก็ได้แตกตื่นกันพอดี ”
ลอว์เรนซ์กล่าว ขณะที่เข้าไปช่วยดึงร่างของเธอขึ้นยืน

“ จะว่าไปแล้วเหมือนเคยเห็นพวกนี้ที่ไหนมาก่อนนะ เจ้าพี่ชายผมเงินนี่คงจะเป็นครึ่งสมิง
ที่เขาล่ำลือกัน ส่วนเจ้ามังกรพูดได้นี่ตอนเรียนก็รู้แค่ว่า เป็นมังกรที่อาศัยอยู่ในมิติลับของพวกมัน
ส่วนพี่ชายคนนี้หน้าตาคุ้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนนา….อ้ะใช่แล้วที่ หนังสือรวมประวัติศาสตร์
การกู้โลกครั้งยิ่งใหญ่น่ะเอง ถ้าจำไม่ผิด วีรบุรุษคนนั้นเป็นเด็กที่คุยกับมังกรได้รู้สึกจะชื่อลอว์เรนซ์ซะด้วย
งั้นก็หมายความว่านี่เราย้อนอดีตมา 3000 ปีกว่าๆเลยน่ะสิ   ”

เทียคิดในขณะที่เริ่มรู้ตัวแล้วว่าตนถูกส่งกลับมายังอดีตเมื่อสามพันปีก่อน
ชะตาของเธอจะเป็นเช่นไรต่อไป

โปรดติดตามตอนต่อไป

รูปภาพจะอัพให้อาทิตย์หน้านะจ้ะ


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: boy on August 29, 2008, 08:52:08 PM
สนุกดีครับ  ไว้จะติดตามต่อไปครับ
(หมายเหตุ*** เนื้อเรื่องช่วงแรกคล้าย sonic จังเลย  ::010::)


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: greamon on August 30, 2008, 03:49:09 AM
หนอยเจ้าการูรูม่อน(โค้ดเนมของคนแต่งเรื่องนี้ เพราะตำนานทาลิที่เป็นภาคแรกมันเป็นผู้ช่วยผม)
ที่บอกว่าจะต่อ ยอดเนี่ยนึกว่าจะเอา ลอว์เรนซ์ตัวเดียวนี่เล่นลากไปทั้งดุ้นเลยนี่หว่า

แล้วไหง ลอว์เรนซ์ใช้ช้อนขนมสู้เนี่ย ไม่ใช่มิวทูนะว้อยยย คิดไปได้ เอาช้อนล้มเสือกวาง
แล้วยังเอาแลนทิส ในชุด 4 naga มาเขียนซะยังเอเลี่ยนเลย คิดไปได้ บรรเจิดแท้ ขอดูหน่อยเ
ละว่าจะแต่งออกมาแบบไหนอีก หึ หึ


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: cocka-c on August 31, 2008, 06:31:13 PM
Task 2   ตราแห่งผู้พิทักษ์


“ หมายความว่าเธอมาจากอนาคตในอีก 3000 ปีข้างหน้าเหรอ ”
ลอว์เรนซ์ทวนคำอีกครั้ง หลังจากที่เทียได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เธอมาอยู่ที่นี่ให้
พวกเขาฟัง

“ จะเชื่อดีมั้ยเนี่ย…. ”
มังกรพาลานัลคาที่ชื่อไลท์ ขอความคิดเห็น

“ ก็ไม่แน่หรอกนะก่อนหน้านี้ก็มีไม่ใช่เหรอคนที่สามารถเดินทางข้ามผ่านเวลาได้น่ะ ”
ลากูน่ากล่าว

“ หมายถึง เนโครบิชอป (Necro Bishop) สินะ…จะว่าไปแอคเตอร์ที่สวมไปตอนนั้นรู้สึกจะมีพลังใน
การเดินไปในเวลาต่างๆได้นะ ”
ลอว์เรนซ์กล่าวขณะที่นึกย้อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อน

Quote
เนโครบิชอป  แท้จริงคือเกรเกอรี่ที่จำยอมไปเข้าร่วมกับองค์กรในภาคที่แล้ว และด้วยสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าแอคเตอร์
ซึ่งทิโมธีได้ทำขึ้นมาเป็นพิเศษนั้น ทำให้เกรเกอรี่ที่สวมใส่เข้าไปกลายเป็นเนโครบิชอปและสามารถเดินทางก้าวข้ามกาลเวลาได้เพราะได้รับพลังมาจากอวตารของพระผู้เป็นเจ้า

“ นี่พวกเธฮรู้เรื่องแอคเตอร์ด้วยเหรอ ”
เทีย อุทานทันทีที่ได้ยินพวกเขาพูดถึงแอคเตอร์ซึ่งเป็นวิทยาการในยุคของเธอที่นำมาใช้ต่อสู้กับ แลนทิส

“ ก็ไม่ได้รู้ละเอียดมากนักหรอก เพียงแต่ 6 ปีก่อนพวกเราเคยเจอกับคนที่ประดิษฐ์เจ้าสิ่งที่เรียกว่าแอคเตอร์น่ะ
แล้วก็ต้องลำบากกับมันไปไม่น้อยเลย ”
ลากูน่ากล่าว ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่นั้นเอง หูของลากูน่าที่มีประสาทสัมผัสไวพอกับสมิง
ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างใกล้เข้ามา

“ เดี๋ยวตรงพุ่มไม้นั่นมีอะไรบาง… ”
ลากูน่ากล่าวได้ไม่ทันจบประโยคดี พวกเขาทั้งหมดก็ถูก อะไรบางอย่างที่เร็วมากพุ่งชนจน
ล้มกลิ้งไป เจ้าสิ่งนั้นได้มาหยุดต่อหน้าของเทีย มันคือแลนทิสแต่ทว่าคราวนี้มันกลับมีรูปร่างเหมือนมังกร
วิ่งสี่ขาซะมากกว่า

“ กราเวลลา แลนทิส (Gravella Lantis) ”
เทีย อุทานทันทีที่เห็นมัน เจ้าแลนทิส ง้างเขี้ยวอันคมกริบของมันขึ้น เพื่อที่จะขย้ำเธอ
แต่ลากูน่าก็พุ่งเข้ามาผลักตัวเธอออกไป เขี้ยวจึงเฉี่ยวไปโดนหัวไหล่ของเขาแทน
ทันทีที่ ลากูน่า หันไปดูบาดแผลของตน ประกฎว่าแขนข้างที่ถูกเขี้ยวขูดหัวไหล่นั้น หนักอึ้งราวกับหิน
ไม่ช้าปากแผลของเขาก็แข็งเป็นหินทันทีและค่อยๆลาม มายังร่าง

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n009/19.jpg)

“ แย่ล่ะลักษณะพิเศษของเจ้าแลนทิสนี่ก็คือพิษศิลา ที่อาบอยู่ที่เขี้ยวหากโดนเข้าไปมันจะทำให้เลือดจับตัว
แข็งเป็นหิน ถ้าปล่อยไว้ล่ะก็ ”
เทีย นึกย้อนถึงข้อมูลเกี่ยวกับ แลนทิสแต่ละชนิดที่เธอศึกษาไว้เพื่อช่วยเหลืองานวิจัยของพ่อ
ขณะนั้นลากูน่า ได้ล้วงเอาสายสร้อยที่คล้องหินรูปจันทร์เสี้ยวไว้ขึ้นมา

Quote
สิ่งนี้คือศิลาจันทรา ที่เป็นสมบัติตกทอดกันมาของตระกูลเผ่าครึ่งสมิง ในอดีตก่อนจะล่มสลาย ซึ่งมีอำนาจในการอัญเชิญจันทราสามรูปแบบรายละเอียดที่เหลือสามารถติดตามได้จากภาคแรก


“ ข้าแต่ผู้ปกครองแห่งดวงเดือนและหน้ากากแห่งเลือดเนื้อจงมอบนิทราอันเป็นนิรันด์แก่อริข้า Bloody Moon  ”
ลากูน่า กำศิลานั้นไว้ก่อนจะออกปากร่ายคาถาลงไป ศิลาก็พลันส่องแสง วาบขึ้นมาหมู่เมฆได้มารวมตัวกัน
ปกปิดท้องฟ้าส่วนที่พวกเขาอยู่ก่อนที่ ดวงจันทร์สีเลือด จะปรากฏขึ้นทันที่ที่ลากูน่าได้อาบแสงนั้น
บาดแผลของเขาก็ได้จางหายไป แขนกลับมาขยับได้เป็นปกติอีกครั้ง พิษได้ถูกชำระออกไปจากร่างหมดแล้ว

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/p002/41.jpg)

“ ส…สามารถ รักษาพิษศิลา ได้ในพริบตาพลังอะไรกันเนี่ย ”
เทีย อุทานด้วยความตกตะลึง แต่ทว่านั้นก็ยังเท่ากับที่ ลากูน่า กำลังจะกลายร่างเป็น สมิงหมาป่าสีเงิน
(Silver Werewolf)

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/p004/70.jpg)

“ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะว่าแต่เธอรู้ใช่ไหมว่าเจ้านี่มันตัวอะไรแล้วการเคลื่อนไหวแบบตะกี้น่ะมันเหมือนระบบ
Time Walk ของแอคเตอร์เลยไม่ใช่รึไง ”
ลอว์เรนซ์กล่าวขณะที่ ลากูน่าในร่างสมิงออกไปรับมือกับมันทว่า แลนทิสตัวนั้นก็ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
พุ่งชนไปมา จนลากูน่าล้มไม่เป็นท่า

………………..
……………………..
………………………..

เขตชายป่าของฟูดินันที่เชื่อมไปยังเขตล่าสัตว์ของ อาณาจักรฟีเลเซียนั้น ใต้ต้นไม้ที่โตแยกขึ้นไปบน
อยู่บนเนินเพียงต้นเดียว สาวน้อยยผมทองมัดเป็นมวย ไว้ด้วยริบบิ้นสีดำ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกระโปรง
สีดำและผูกไทค์สีดำ นางมายืนรอใต้ร่มเงาเพื่อหลบแดดนี้นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจทราบได้

ขณะนั้นเองได้มีเสียงโหวกเหวกดังขึ้นมาจากด้านล่างเนิน ไม่นานนักกลุ่มเด็กหนุ่ม 5 คนที่ดูเหมือนจะเป็นพวก
นักสู้ฝึกหัดของฟูดินัน กำลังเดินขึ้นเนินมาทันทีที่ พวกเขาเห็นเธอ ก็เดินตรงเข้ามาทันทีราวกับ
จะมาหาเรื่อง พวกเขาล้อมนางไว้ คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มเดินเข้ามาหานาง

“ ว่าไงจ้ะน้องสาว มารอใครอยู่เอ่ย สนใจจะไปเที่ยงกับพวกพี่มั้ย ”
เด็กหนุ่มหยอดคำใส่นาง แต่นางก็เมินหน้าหนีไม่สนใจ ทำให้เหล่าเด็กหนุ่มเริ่มไม่สบอารมณ์กับนาง

“ เชอะพวกนักเลงขี้หลีไปวันๆน่ะอย่าแตะตัวฉันเลยจะดีกว่า ”
เด็กสาวกล่าว

“ พูดงี้ก็สวยสิรู้มั้ยว่าตอนนี้เธออยู่ในสถานะไหน ”
หัวหน้ากลุ่ม ขู่แต่เธอก็ไม่ได้สนใจยังคงตีหน้านิ่งเฉย

“ ลูกพี่ยัยนี่ไม่ใช่คน มันมีหางยื่นออกมาด้วย ”
ลูกน้องในกลุ่มกล่าวขึ้นมาหลังจากที่เห็นหางแมงของนางกวัดไปมา

“ หือนี่รึว่าเธอคือ ยัยปีศาจแมว เมื่อ 11 ปีก่อนน่ะ ”
หัวหน้ากลุ่มกล่าวขณะที่นึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อ 11 ปีก่อนที่กลุ่มของพวกเขาวิ่งไล่
นางที่ไม่มีทางสู้ซึ่งหลงเข้ามาอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะถูกครึ่งสมิงเด็กชายเข้ามาขวางไว้และจัดการจนหมอบราบเสียทุกคน

“ อ๋อนี่พวกแกเมื่อตอนนั้นเองหรอกเหรอ ”
เธอกล่าวขณะที่เริ่มจะคุ้นหน้าของพวกเขา แต่ดูเหมือนสถานการณ์จะแย่ลงกว่าเดิม เมื่อเรื่องที่นึกกันได้นั้นกลับเป็นความบาดหมางซะนี่

“ คราวนี้เจ้าหมานั่นไม่ได้อยู่ด้วยสินะ เธอต้องเละอยู่นี่แหล่ะ ”
หัวหน้ากลุ่มกล่าวด้วยความผยอง

“ หมายถึงเจนัสน่ะเหรอ ไม่ต้องห่วงถึงยังไงซะหมอนั่นก็จะมาปกป้องฉันแน่
แต่สำหรับพวกแกในตอนนี้น่ะ แค่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว ”
เธอกล่าวจบก็ ตวัดขาเตะก้านคอ หัวหน้ากลุ่มจนร่วงสลบลงไปทันที
ท่ามกลางความตกตะลึงของลูกน้องที่เหลือ

“ เอ้าเข้ามาสิหนี้บัญชีคราวก่อนฉันขอคืนที่นี่เลยละกัน ”
เธอกล่าว ขณะนั้นเอง ก็มีเด็กหนุ่มอีกคนซึ่งเป็นครึ่งสมิงหมาป่าผมสีดำสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำทับเสื้อเชิ้ตสีขาว
เดินขึ้นเนินมาและเห็น
เธอกำลังถูก พวกนักเลงรุมล้อม

“ นีน่า ”
เด็กหนุ่ม อุทานขึ้นมาด้วยตกใจ ก่อนจะวิ่งเข้าไปเพื่อจะช่วยแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อแทนที่
เธอจะต้องให้เขาช่วยกลับกลายเป็นว่าพวกนักเลงนั่นวิ่งลงมาขอความช่วยเหลือจากเขา
แต่ทันทีที่จำหน้ากันได้ว่าเคยมีเรื่องกันเมื่อ 11 ปีก่อนก็พากันวิ่งวงแตกกระเจิงไปคนละทิศ

“ อะไรของพวกมัน… ”
เด็กหนุ่มเกาหัวด้วยความฉงน แต่ก็ไม่ได้สนใจ จึงเดินเขาไปหาเธอ

“ นีน่า(Neena)ไม่เป็นอะไรนะพวกนั้นทำอะไรเธอรึเปล่า ”
เขาถามด้วย ความเป็นห่วง

(http://image.ohozaa.com/il/neena.jpg)

Quote
นีน่า ลาเซริโอ้ (Neena Laserio) อายุ 16 ปี เผ่าพันธุ์: ครึ่งสมิง เพศ :หญิง
ประวัติโดยรวม : อดีต 12 เทพขุนศึก และเป็นทายาทที่หลงเหลืออยู่ของตระกูลลาเซริโอ้
ที่คอยปกป้องตระกูลซาราเบลดเมื่อครั้งอดีต ชอบเรียกลากูน่าว่า ลากุ เฉยๆ
วุฒิการศึกษา: จบจาก โรงเรียนมังกร (Dragon Academy) วิชาการต่อสู้: การใช้อาวุธทุกชนิดโดยเฉพาะปืน และทักษะลอบสังหารสมัย ที่เป็น 12 เทพขุนศึก นอกจากนี้เธอยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับครึ่งสมิงที่ชื่อริคุซึ่งเป็น 12 เทพขุนศึก
เช่นกัน

   ความถนัดส่วนตัว : เย็บปักถักร้อย  และมีรสนิยมเรื่องเสื้อผ้าถึงเข้าขั้นเรื่องมาก ดังในภาคก่อนตอนที่เลือกซื้อชุดให้เจนัสและลากูน่ากว่าจะเลือกได้ก็ต้องรื้อกันร้านกระจาย (สาเหตุที่ต้องซื้อเสื้อเนื่องจากตอนที่สองพี่น้องเป็นเทพขุนพล มักใช้ร่างสมิง จึงไม่ได้สวมเสื้อผ้าใส่เพียงกางเกงขายาวสีดำกับขาวเพียงตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งหลังโดนจับแต่งก็ครบเครื่องดังในภาคที่แล้ว ปัจจุบันเสื้อที่ใส่อยู่ นีน่าเป็นคนเย็บให้)


“ ไม่ต้องห่วงหรอกน่าเจนัส(Genus) เมื่อก่อนกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกนั้นทำอะไรฉันไม่ได้หรอกว่าแต่วันนี้เธอเรียกฉันมาทำไมเหรอ ”
เธอกล่าวขณะที่ดึงเสื้อให้เรียบตึง

(http://image.ohozaa.com/ir/genus.jpg)

Quote
เจนัส รูลเวลล์ (Genus Runevel) อายุ 16 ปี เผ่าพันธุ์: ครึ่งสมิง เพศ: ชาย
ประวัติโดยรวม : อดีต 12 เทพขุนศึก และเป็นทายาทที่หลงเหลืออยู่ของตระกูลรูลเวลล์ที่คอยปกป้องตระกูลซาราเบลดในอดีต
วุฒิการศึกษา: จบจาก โรงเรียนมังกร (Dragon Academy) วิชาการต่อสู้: วิชาหมัดและมนตรา
ที่ฝึกสมัยเป็น 12 เทพขุนศึก ปัจจุบันยังคงฝึกฝนอยู่และคอยถ่ายทอดวิชาให้แก่ ลากูน่า ที่เป็นน้องชายและฝึกกายภาพให้แก่ลอว์เรนซ์ด้วย 



“ คือจำที่ชั้นเคยพูดไว้เมื่อ 6 ปีก่อนที่หุบเขาทางเหนือของทวีปคาดาร่าได้ไหม ”
เจนัส ถามขณะที่ใบหน้าแดงระเรื่อ

Quote
ในภาคที่แล้วเจนัสได้พยายามจะบอกความในใจกับนีน่าแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป หากสนใจสามารถติดตามตามได้จากภาคแรก

“ ตอนไหนเหรอ เรื่องมันตั้ง 6 ปีมาแล้วฉันจำไม่ได้หรอก อีกอย่างเหตุการณ์ที่ทวีปนั่นมีอะไรให้น่าจำบ้างล่ะ
เพราะตอนที่อยู่ที่นั่น ก็มีแต่ สู้รบกันตลอดเลย เธอเองยังเกือบถูกฉันฆ่าทิ้งไปแล้วด้วยซ้ำ  ”
นีน่า กล่าวขณะที่นึกย้อนถึงเรื่อง เมื่อ 6 ปีก่อน ซึ่งนับเป็นประสบการณ์ที่สะเทือนใจที่สุด ของพวกเขาเลยก็ว่าได้

Quote
ในภาคที่แล้ว ศึกตัดสินกับเทพขุนศึกกว่าครึ่ง ได้จบลงที่นั่น และยังเป็นการจุติของมุรามาซะโซลอีกด้วย
(มุรามาซะโซล คือจิตวิญญาณร้ายของ ลอว์เรนซ์ ในภาคที่แล้ว ) ซึ่งปรากฏในบทที่ 25 ของ ภาคแรก

ขณะนั้นหมอกเริ่มลงจัดอย่างไม่รู้สาเหตุ กลีบดอกซากุระ สีชมพู โปรยปรายลงมาอย่างช้าๆ
ราวกับบรรยากาศเป็นใจ ให้ทั้งคู่แต่ดูเหมือนว่าฝ่าย นีน่า จะรู้สึกแปลกใจซะมากกว่าจะมี
อารมณ์เคลิบเคลิ้มไปด้วย

“ ดีล่ะตอนนี้ นีน่า คงจะเริ่มรู้สึกเคลิบเคลิ้มขึ้นมาแล้ว ทีนี้ก็จะได้…. ”
เจนัส ในขณะที่ นีน่า มองมาที่เขาด้วยสายตา งงๆ

“ คือว่าที่ชั้นเรียกเธอมานี่น่ะ...ก็คือชั้น..ช…ชอบ…เธอ… ”
“ นี่รู้ว่ามันแปลกๆไหม ”
เจนัสที่กล่าวตะกุกตะกักไป ต้องชะงักทันทีที่ นีน่าแทรกขึ้นมา

“ อ…อะไรเหรอ ”
เจนัส ถึงกับมีอาการสะดุ้งเฮือกในทันที ที่ถูกถาม

“ ก็กลีบซากุระนี่น่ะสิ เจ้าต้นที่อยู่เหนือเราเนี่ยมันไม่ใช่ต้นซากุระซะหน่อย แล้วยังหมอกนี่อีกนี่มันเที่ยงแล้วนะ ”
นีน่า กล่าวด้วยความสงสัยกับสภาพรอบตัวของพวกเขา ที่มีกลีบดอกซากุระปลิวเวียนไปเวียนมา
ในเขตหมอกที่ปกคลุมพวกเขาอยู่

“ ม…ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย บางทีลมอาจจะพัดกลีบซากุระพวกนี้มาก็ได้ ”
เจนัส แก้ตัวไปข้างๆคูๆ

“ พัดมาเหรอจากหมู่เกาะนิคโคอุ เนี่ยนะ ” (นิคโคอุ หมู่เกาะใน เทอร่า ที่มีสภาพแวดล้อมคล้ายกับญี่ปุ่นสมัย
กลาง ที่มีตระกูลของพวก ซามูไร นินจา อาศัยอยู่)
นีน่า อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อว่าเจนัสจะกล่าวเกินจริงออกมา ได้ขนาดนี้
ในขณะที่กำลัง เก้ๆกังๆ กันอยู่นั้น บนต้นไม้ เด็กหนุ่มครึ่งสมิงพังพอน ผมสีแดง
กำลังมองสถานการณ์ข้างล่างด้วยสีหน้า เหนื่อยใจ

“ เฮ้อ…เจ้า เจนัส เอ้ยอุตส่าห์บอกแล้วว่ากลีบซากุระของวิชาชั้นน่ะมันจะทำให้
ความแตกเอาง่ายๆ แทนที่จะมานั่งสร้างสถานการณ์แบบนี้สู้นายเอาเวลาไปนั่งคิดหาวิธีสื่อรักที่มันดีกว่านี้
จะดีกว่า ม้างง ”
ครึ่งสมิงพังพอนคิด ทันใดนั้นเขาก็เกิดเสียหลักทำให้ เท้าที่เกาะกิ่งไม้อยู่ ลื่นหล่นลงมากลางวงทั้งสอง

“ ริคุ(Riku)เธอขึ้นไปทำอะไรข้างบนน่ะ…อ่ะเดี๋ยวนี่หรือว่ากลีบซากุระพวกนี้มาจากเธอ ”
นีน่ากล่าวขณะที่ ครึ่งสมิงพังพอนริคุ ค่อยๆยันตัวขึ้น จากพื้นพร้อมสะบัดมือปัดเสื้อให้ฝุ่นหลุดออกไป

(http://image.ohozaa.com/iv/kriku.jpg)

Quote
ริคุ เฟ็นเรีย (Riku Fenria) อายุ 16 ปี เผ่าพันธุ์ : ครึ่งสมิง เพศ:ชาย
ประวัติโดยรวม : อดีต 12 เทพขุนศึก ทายาทคนสุดท้ายของ ตระกูลเฟ็นเรียซึ่งมีหน้าที่พิทักษ์ดาบศักดิ์สิทธิ์ชินเซเบอร์(Shin Saber) มีความสัมพันธ์ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ นีน่า เพราะพ่อของนีน่า แต่งงานกับ น้าของริคุ
ในภาคที่แล้วเขาเป็นครึ่งสมิงคนสุดท้ายที่ทรยศองค์กร ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการ ปรับความเข้าใจของทุคคนในกลุ่ม ดังในภาคก่อน ลอว์เรนซ์ ซึ่งกลุ้มใจอยู่ก็ได้เขาเป็นที่ปรึกษา
วุฒิการศึกษา: จบจาก โรงเรียนมังกร (Dragon Academy) วิชาการต่อสู้: วิชาหมัดและมนตราแบบเดียวกับ
เจนัส และ ลากูน่าซึ่งเรียนสมัยเป็น12 เทพขุนศึก และยังมีท่าเคียววายุ คาไมทาจิ เป็นท่าประจำตัว
 ความถนัดส่วนตัว : ทำอาหารเก่ง   


“ ก็ประมาณนั้นล่ะนะ ”
ริคุกล่าวจบ กลีบดอกซากุระรอบๆก็สลายไปพร้อมกับหมอกที่ วนไปรอบๆสภาพรอบด้านของพวกเขาจึงเปิดออก

“ นั่นมัน…. ”
นีน่า เปรยขึ้น พร้อมกับชี้นิ้วไปยัง ฟากของเขตป่าฟูดินัน ทำให้ทั้งหนุ่มครึ่งสมิงทั้งสองหันตามไปมอง
ภาพตรงหน้านั้นคือ ดวงจันทรา สีเลือดลอยเคว้งเหนือผืนป่าใกล้กับ ทะเลสาบ นีรันด้า

“ จันทราสีเลือด ลากูน่ากำลังสู้อยู่เหรอ แต่กับอะไรล่ะ ”
ริคุกล่าว หลังจากพิเคราะห์ ว่าสาเหตุใดที่ทำให้ ลากูน่าซึ่ง มีฝีมือระดับแม่ทัพนั้นต้องเพลี่ยงพล้ำถึงขนาดใช้
พลังของศิลาจันทรา ที่ ปิดผนึกไปหลังจบสงครามเมื่อ 6 ปีที่แล้ว

อยู่ๆก็มีเสียงโลหะดังกระทบกัน ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จากทางด้านหลัง ทันทีที่พวกเขาหันกลับไป
 หมาป่าตัวสีขาวปลอด(Hoary Wolf)ผิวเป็นโลหะ กับ ตัวด้วงสีดำที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ซึ่งคล้ายกับ
ตัวด้วงออบซิเดียน(Obsidian Beetle)
กำลังขึ้นเนินตรงมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็วทั้งสองตัวมีขนาดที่เล็กเท่าฝ่ามือ ที่ปากของหมาป่าโลหะและเขาของตัวด้วง ได้แบกเอาเข็มขัดซึ่งประกอบกลไกต่างๆไว้กับสายเข็มขัด

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n010/21.jpg)


(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n014/78.jpg)

“ ออบซิเดียแอคเตอร์(Obsidian Actor) ”
“ ฮอลี่แอคเตอร์(Hoary Actor) ด้วยแต่ทำไมกัน…. ”
ริคุ เปรยขึ้นด้วยความตกตะลึง ก่อนที่ เจนัส จะเอ่ยต่อท้ายทันทีที่เห็นจักรกลทั้งสองนั้น

“ แต่แอคเตอร์ทั้งสองตัวนั่น ทิโมธี (Timothy, the Inventor of Felasia) ปิดระบบของมันแล้วนี่ ”
นีน่า กล่าวขณะที่แอคเตอร์ทั้งสองซึ่งเคยถูกใช้โดย เจนัส กับ ริคุเมื่อ 6 ปี ก่อนซึ่งน่าจะถูกปิดการทำงานไปแล้ว
ได้มาปรากฏต่อหน้า

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n003/27.jpg)

“ เปล่าหรอก..ทิโมธี ไม่ได้ปิดมันแต่ปล่อยให้พวกมันเป็นอิสระส่วนเข็มขัดที่เป็น แอคเซสเซอรี่(Accessories)
น่ะ ทิโมธี เป็นคนเก็บมันไว้ ”
เจนัส อธิบายก่อนที่ ฮอลี่แอคเตอร์ ซึ่งมีรูปร่างเป็นหมาป่าจะ เอาเข็มขัดส่งให้เขา
เจนัส รับมันมา ก่อนจะลูบหัวมันซึ่งมันก็ตอบสนองราวกับสิ่งมีชีวิต

Quote
แอคเซสเซอรี่(Accessories) คืออุปกรณ์สำหรับประกอบชุดเกราะเสริมพลังกายพื้นฐาน ให้แก่ผู้สวมใส่
ซึ่งใครจะสวมก็ไม่สำคัญสามารถเรียกใช้ระบบนี้ๆได้ทั้งหมด แต่สำหรับ Giga Mode นั้นเป็นระบบสำหรับเชื่อมต่อกับแอคเตอร์ มีเพียงผู้ที่ได้รับเลือกจาก แอคเตอร์เท่านั้นจึงจะสามารถเชื่อมต่อระบบกับ ตัวแอคเตอร์เพื่อ ดึงพลังออกมาได้หากเปลี่ยนมาใช้โหมดนี้ ชุดเกราะที่เปลี่ยนไปจากเดิมนั้นก็จะเป็นแค่ชุดเกราะเปล่าๆที่ไม่มีคุณสมบัติในการสะสมพลังงาน สำหรับระบบปลดพลังนั้นเป็นของเดิมที่ แอคเซสเซอรี่ นี้มีอยู่แล้วโดยตอนที่อยู่ Normal Modeนั้นจะทำการ
สะสมพลังงานเอาไว้ และเมื่อทำการ Push Off ชุดเกราะจะ ระเบิดกระจายตัวออกจากร่าง และปลดปล่อยพลังที่สะสมมาทั้งหมด ซึ่งในภาคที่แล้วตอนแรกที่ ริคุ ปรากฏตัวเขาได้ใช้คุณสมบัตินี้ ก่อนที่จะได้รับ แอคเตอร์ มาจาก ทิโมธี 

“ แล้วทำไมพวกมันถึงมานี่ล่ะ แถมยังแบกเอา แอคเซสเซอรี่ มาด้วย แสดงว่า ทิโมธี จะต้องมีเหตุผลบางอย่างถึงได้
ส่งมันให้แอคเตอร์เอามาให้เรา ”
ริคุ กล่าวขณะที่ รับเอาเข็มขัดมาจาก ออบซิเดียนแอคเตอร์ ที่มีลักษณะเป็นตัวด้วง ก่อนที่มันจะบินไปเกาะที่ไหล่ของเขา

“ นี่..หรือว่า ”
เจนัส เปรยก่อนจะหันไปทาง ทิศที่ดวงจันทรา สีเลือดปรากฏ ตอนนี้มันได้หายไปแล้ว
ซึ่งนั่นหมายความว่าผู้ใช้ได้สูญเสียการควบคุมพลังของศิลาจันทราไปหรือไม่ก็หยุดใช้พลัง
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดแต่ ใจของเขาตอนนี้ก็ไม่อาจอยู่เฉยได้อีกแล้ว

ซึ่งเช่นกันแอคเตอร์ทั้งสองต่างแสดงกิริยาแปลกๆ ฮอลี่แอคเตอร์ งับแขนเสื้อของเจนัสพร้อมกับดึงดัน
จะให้เขาไปยังทิศที่เกิดเรื่องขึ้น เช่นกัน ออบซิเดียนแอคเตอร์ เองก็บินชนหลังของ ริคุ เป็นเชิงผลักให้
เขาไปตามนั้น


“ เรารีบไปตามที่เจ้าพวกนี้บอกกันเถอะเพราะชั้นรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเลย ”
เจนัสกล่าวจบก็ออกวิ่งนำไปโดยไม่รอ แต่ริคุ กับ นีน่า ก็วิ่งไล่หลังมาเรื่อยๆ

“ รอพี่ก่อนนะลากูน่า ”
เจนัสคิดขณะที่ พวกเขาทั้งหมดตรงไปยังทะเลสาบนีรันด้า


……………
……………………
……………………


“ อ็อค…. ”
ลากูน่า สำลักพร้อมกับเอามือกุมท้อง ด้วยความจุก หลังจากที่ถูก กราเวลลาแลนทิส
กระแทกเข้าใส่อย่างจัง จนล้มพับซึ่งมันยังคงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอยู่และพุ่งชน
ใส่ไปมาจน เขาไม่อาจลุกขึ้นมายืนได้  แต่นั่นพึ่งเริ่มต้น เพราะตอนนี้ ทั่วทั้งร่างของเขา

เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ซึ่งมาพร้อมกับน้ำหนักที่ค้ำร่างของเขา เอาไว้จนลุกไม่ขึ้น
ปากแผลค่อยๆแข็งเป็นหิน และลามไปเรื่อยจนในที่สุดเขาก็ไม่มีแรงจะลุก
แม้ร่างกายจะไม่กลายเป็นหิน แต่เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกำลังจับตัวแข็งไปเรื่อยๆ
ลมหายค่อยแผ่วเบาลง ภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด ก่อนจะมืดสนิท



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: cocka-c on August 31, 2008, 06:31:30 PM
“ นี่ อย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะ ชั้นจะช่วยรักษาเดี๋ยวนี้ล่ะ ”
เทีย กล่าวพร้อมกับลากร่างซึ่งหมดสติของ ลากูน่า ออกห่างจาก แลนทิส ซึ่ง ลอว์เรนซ์ได้เข้าไปรับมือแทน แต่ก็เจอสภาพเดียวกันนั่นคือไม่อาจ ตามความเร็วของมันได้ทัน
 
ขณะเดียวกัน เทีย ก็ได้เปิดกระเป๋านักเรียนซึ่งยังสะพายติดตัวมาด้วยโดยวางกล่องเหล็กที่เก็บรักษา มาสเตอร์แอคเตอร์เอาไว้ข้างๆ  พร้อมกับล้วงหาบางสิ่งในกระเป๋า
ก่อนจะหยิบเอากล่อง สีขาวซึ่งมีกากบาทเป็นรูปเครื่องหมายบวกขึ้นมาจากกระเป๋า และเปิดมันขึ้น
ภายในเต็มไปด้วย ห่อถุงและซองกระดาษมากมายซึ่งบรรจุ สมุนไพร น้ำยาและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอย่าง

ครบถ้วน  เธอหยิบเอา กระบอกฉีดและห่อกระดาษกับขวดน้ำยา ขึ้นมาอย่างชิ้น ก่อนจะ แกะห่อกระดาษ
ซึ่งภายมีกล่อง ใส่เข็มกับ พลาสเตอร์ และสำลี ต่างๆเธอหยิบเอาเข็มกับสำลีขึ้นมา ก่อนจะประกอบเข็นเข้ากับกระบอกฉีด ขนาดเล็ก และนำมันไปสูบยาออกจากขวดน้ำยา   

“ ทนหน่อยนะ นี่เป็นยารักษาที่ฉันเตรียมไว้สำหรับทำแผลให้พี่ แต่ก็แทบจะไม่ได้ใช้เลย
กว่าจะเตรียมเสร็จก็ต้องใช้เวลาหน่อยล่ะ ”
เทียกล่าวขณะที่ บรรจุยาเข้าไปในกระบอกฉีดจนเต็ม เธอ ยกแขนของลากูน่า ซึ่งหมดสติ
อยู่ขึ้นมา และเสียบเข็มทะลุลงไป ยังแขนของเขา ก่อนจะกดหัวสูบกระบอกฉีด

เพื่ออัดยา ลงไปในกระแสเลือด จนเมื่อหัวสูบกดจนหมดกระบอก เธอถอนเข็มออกมา
และปลดหัวเข็มทิ้งไป ก่อนจะ เอาสำลีมากดปากแผลที่แทงลงไปไว้เพื่อห้ามไม่ให้ยาไหลกลับออกมา

ไม่นานนัก เลือดที่ปากแผลก็ ละลายกลับเป็นเลือดตามเดิม น้ำหนักของร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติ
เลือดเริ่มไหลเวียนอีกครั้ง ทำให้ลากูน่าค่อยๆได้สติ เทียถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ก่อนจะเริ่มเก็บอุปกรณ์ทั้งหมด ทันทีที่เก็บเสร็จ
ร่างของ ลอว์เรนซ์ที่ ต้านแลนทิสเอาไว้ก็กระเด็นมากระแทกเธอจนล้มลงไปทั้งคู่
ร่างของลอว์เรนซ์ ไม่มีรอยขีดข่วนจากการถูกกัดแต่ก็ยังคงมีรอยช้ำจากการถูก
กระแทก ส่วนช้อนที่อยู่ในมือนั้น ได้หักงอจนเสียรูป


“ ถึงจะเก่งแค่ไหนก็เถอะแต่ถ้าไม่แปลงเป็น ผู้พิทักษ์ ก็สู้กับแลนทิสที่ Time Walk ไม่ได้แน่ ”
เทีย คิดขณะที่ยันตัวลุกขึ้น พร้อมกับลอว์เรนซ์ ทว่าคมเขี้ยวของแลนทิส
ก็ได้คืบคลานเข้ามาหาพวกเขา

“ Kamaitachi ”(เคียววายุ)
สิ้นเสียง คลื่น สุญญากาศ ก็ตวัดเข้าใส่หัวของมันจน นอของมันหักกุด
พวกเขาทั้งสามหันไปยังที่มาของเสียง ทันที ก็ได้พบกับ ริคุซึ่งเป็นสร้างคลื่นสุญญากาศ
มานั่นเอง

ส่วนเจ้าแลนทิสนั้น ทันทีที่มันจะแว้งกัดใส่ ก็ถูกลูกเตะของเจนัส ฟาดจนหน้าหัน
แต่เจนัสเองกลับ ต้องเอามือหน้าแข้งด้วยความเจ็บจนชาจากการเตะเข้าใส่ร่างซึ่งแข็งราวกับหินของมัน


“ อูยยย….เจ้านี่มันตัวอะไรกัน ”
เจนัส ครวญขณะที่เอามือประคบหน้าแข้ง ของเขา เจ้าแลนทิส สะบัดหน้าด้วยความมึนก่อนจะ พุ่งตัว
ออกไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

“ Time Walk ได้อีกดูท่าจะไม่ใช่สัตว์ประหลาดธรรมดาๆ ซะแล้วสิ ”
ริคุ กล่าวขณะที่พยายามจะมองตามแต่ก็ไม่ทัน

“ งั้นจะมามัวรออยู่ทำไมเล่าพวกนายสองคนก็ รีบๆแปลงร่างออกไปลุยได้แล้ว ”
นีน่ากล่าวจบก็ผลักให้ เจนัสกับริคุ ออกไปข้างหน้า กราเวลลาแลนทิส ที่เห็นทั้งสอง
คนเดินออกมานั้น ด้วยสัญชาติญาณ มันจึงพุ่งใส่พวกเขาทันที
ซึ่งทั้งสองก็ถูกมันชนกลิ้งไปกันคนละทางแต่พวกเขาก็พลิกตัวขึ้นยืนทันที ก่อนจะดันสลักที่ข้างเข็มขัดไปด้านหน้า

“ Push On ”
เสียงทุ้มต่ำยานคางดังขึ้นจากเข็ดขัดก่อนที่
ชิ้นส่วนชุดเกราะ จะปรากฏขึ้นกลางอากาศ และประกอบเข้ากับร่างของทั้งสอง

(http://u3.popcornfor2.com/show/40K38a17_thumb.jpg)

เจ้าแลนทิสหยุดมองด้วยความสนใจเพียงชั่วครู่ก่อนที่ จะออกพุ่งต่อซึ่งทั้งสองคนก็ดันสลักกลับมาเล็กน้อย

“ Stan By ”
เสียงดังขึ้นจากเข็มขัดอีกครั้งก่อนที่ ไอน้ำสีขาวจะพุ่งโชยออกมาตามรอยต่อของชุดเกราะ
พร้อมกับที่ชิ้นส่วนชุดเกราะ แยกตัวออกจากกัน จนดูราวกับร่างของพวกเขาพองโตขึ้น
 ทั้งสองดันสลักต่อ จนสุด

“ Push Off”
สิ้นเสียงจากเข็มขัด ชุดเกราะก็ระเบิด ตัวออก ชิ้นส่วนที่กระจายออกไปนั้นกระแทกเข้ากับร่างของ
แลนทิสที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ในสายตาของมันนั้น ชิ้นสว่นพวกนี้ แค่ลอยเอื่อยๆ
ออกมาเท่านั้น แต่จำนวนก็มากเกินไป จนต้องอ้อมหลบไป ก่อนจะชนพวกเขากลิ้งไปอีกครั้ง

“ ชิ …สงสัยจะเล่นด้วยไม่ได้ซะแล้ว ”
เจนัส สบถขณะที่ยันตัวลุกขึ้น

“ ขนาดเพิ่มพลังจาก Normal Mode แล้วยังตามไม่ทันเลยดูท่าจะไม่มีทางเลือกจริงๆนั่นล่ะ ”
 ริคุกล่าวจบ ออบซิเดียแอคเตอร์ กับ ฮอลี่แอคเตอร์ ก็กระโดด กระโดดเข้ามาที่มือของพวกเขา
ก่อนที่พวกเขาจะบิดสลักขึ้นแทนการดัน

“ Exchange Giga Mode ”
สิ้นเสียง ชิ้นส่วนเกราะก็ปรากฏขึ้นในอากาศอีกครั้งและประกอบเข้าสู่ร่างแต่ชุดเกราะได้เปลี่ยนรูป
ไปเป็นอีกแบบแทน และทันทีที่กดสวิตซ์ ตรงส่วนลำตัวของแอคเตอร์
 พวกมันก็แตกสลายเป็นชิ้นและรวมตัว เข้ากับชุดเกราะ

“ Set Up ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ชุดเกราะของพวกเขาเปลี่ยนรูปไปอีกครั้ง
โดยที่ชุดเกราะของ เจนัส เปลี่ยนรูปไปคล้าย หมาป่า ที่เกราะแขนนั้น มีสนับเหล็กซึ่งเปิดอ้าเอาไว้
พร้อมจะดึงลงมาประกบเข้ากับหมัดเพื่อใช้งานส่วน ริคุนั้นชุดเกราะเปลี่ยนรูปไปคล้ายด้วง
โดยที่เกราะแขนนั้น มีใบดาบยื่นออกมาทั้งสองข้าง และที่เกราหัวมีเขาสามเขา

“ Change Hoary From ”

(http://u0.popcornfor2.com/show/1ZH05610_thumb.jpg)

“ Change Obsidian From ”

(http://ue.popcornfor2.com/show/fbVe34f7_thumb.jpg)

เสียงดังขึ้น จากตัวชุดเกราะ ทันทีที่แลนทิสเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
พวกเขาทั้งสองก็กดปุ่มที่ กลไก แถวหน้าอก



“ Time Walk ”
สิ้นเสียง พวกเขาทั้งสองก็ได้เข้าสู่ห้วงเวลากันกับ แลนทิส

“ แอคเตอร์ ฮอลี่กับออบซิเดียน แต่ว่าของต้นแบบ ของยุคนี้น่ะ ระบบ Time Walk มันยังไม่สมบูรณ์นะ ”
เทีย กล่าวแม้จะยังตกใจอยู่บ้างที่ เจนัส กับริคุ คือผู้ถือครอง แอคเตอร์ต้นแบบที่จะถูกใช้
จำลองและพัฒนาในยุคของเธอซึ่งคำพูดของเธอ ก็เป็นจริงตามนั้น

เพราะแม้จะเห็นการเคลื่อนไหวของ แลนทิสแล้วแต่มันก็ยัง รวดเร็วจนยากจะตามทันอยู่ดี
อีกทั้งระบบต้นแบบนี้นั้น ยังไม่สมบูรณ์ทำให้ไม่สามารถใช้ได้นานนัก

ทั้งสองพยายามจะ โจมตีใส่แต่ ก็พลาดเสียทุกครั้งไป ได้แต่เป็นฝ่ายรับเพียงอย่างเดียว
ในขณะที่เวลาของการ Time Walk ที่ไม่สมบูรณ์นี้กำลังจะหมดไปและในที่สุด

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง พวกเขาก็กลับสู่ห้วงเวลาเดิม พร้อมกับที่ ชุดเกราะแตกสลายกลับไปเป็นแอคเตอร์
ดังเดิมทั้งสองทรุดตัวลงด้วยความเหนื่อยหอบ ขณะที่สถานการณ์กำลังเลวร้ายถึงที่สุด
ก็มีแลนทิสชนิดเดียวกัน เข้ามาร่วมอีกสามตัวรวมเป็นสี่

“ นี่มันไม่ได้มีตัวเดียวเหรอ ”
นีน่าอุทาน ในขณะที่สถานการณ์แย่ลงไปทุกขณะ

“ แค่ตัวเดียวก็เหลือร้ายแล้วนี่ยังมีเพิ่มมาอีกเป็นสี่ ไม่ไหวแน่ ”
ริคุ กล่าวขณะที่พยายามมองหาทางออกแต่ก็ไม่มีประโยชน์ พวกเขาถูกล้อมไว้หมดแล้ว

“  พวกมันคงตามกลิ่น พลังงานของแอคเตอร์ต้นแบบที่สองคนนั่นใช้แน่ๆ จะทำยังไงดีล่ะจริงสิ
มาสเตอร์แอคเตอร์นี่ล่ะ แต่ว่ามันยังไม่เคยทดลองใช้เลย แล้วพวกเขาจะมีคุณสมบัติตรงกับแอคเตอร์
รึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ต้องลองกันหน่อยล่ะ ขอแค่ให้มีใครซักคนใช้มันได้ก็พอ ”

เทียคิดขณะที่คว้าเอากล่องเหล็กที่เธอหอบมันหนีมาจากอนาคต แต่ทว่ามันกลับถูกล็อคเอาไว้
ด้วย รู กุญแจรูปวงกลมเจ็ดวงเล็กเรียงกันเป็นวงใหญ่

“ แล้วจะเปิดมันยังไงล่ะเนี่ย ”
เทีย คิดขณะที่พยายามเขย่ากล่องอย่างร้อนรนเพราะเจนัสกับริคุ ก็เริ่มที่ทานเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

“ ขอร้องล่ะ ช่วยเปิดออกทีเถอะฉันไม่อยากให้พวกเขาต้องมาตายตรงนี้ ได้โปรดเปิดออกทีเถอะ ”
เทีย ภาวนาขณะที่ยังคงพยายามออกแรงแกะกล่องแต่ก็ไม่สำเร็จ
ขณะนั้นเอง แอคเตอร์ ทั้งสองที่ยังคงวนอยู่ใกล้ก็ได้เข้ามาหาเธอ พวกมันเข้าไปใกล้กล่องที่เธอถือไว้
แม้จะยัง งงๆ แต่เธอก็วางมันลงโดยหวังว่าแอคเตอร์ทั้งสองจะช่วยได้ทันทีที่ทั้ง

สองตัวสัมผัสถูกกล่องพวกมันก็ สลายกลายเป็นแสงและเข้าไปอุดในรูทั้งเจ็ด เสียงกริ๊กดังขึ้น
พร้อมกับฝากล่องเปิดอ้าออก สิ่งที่อยู่ข้างในกล่องเรืองแสง วาบตลอดเวลา
มันเป็นเหรียญซึ่งสลักตราต่างๆกันไว้ 5 เหรียญ ซึ่งวางไว้กับสมุดซึ่งเป็นเสมือนคู่มือการใช้
ทันทีที่เทียหยิบเอาสมุดออกมา เหรียญทั้งห้าก็เริ่ม มีปฏิกิริยา

ทันใดนั้นที่หลังฝ่ามือของ ลอว์เรนซ์ เจนัส ริคุ นีน่า และลากูน่าที่พึ่งได้สติ
ก็มี สัญลักษณ์เหมือนกับบนเหรียญปรากฏขึ้น เทีย รีบเปิดสมุดคู่มือทันที
ซึ่งภายในได้บันทึกเกี่ยวกับข้อมูลของแต่ละสัญลักษณ์เอาไว้

ตราแห่งอรุณ คือผู้พิทักษ์แห่งอนาคต ผู้ได้รับเลือกจาก เดรคแอคเตอร์ (Drake Actor)
ตราแห่งโลหิต คือผู้พิทักษ์แห่งการต่อสู้ ผู้ได้รับเลือกจาก เนลฟาแอคเตอร์ (Nelfa Actor)
ตราแห่ง วาโย คือผู้พิทักษ์แห่งอิสรภาพ ผู้ได้รับเลือกจาก ไนเซอร์แอคเตอร์ (Niser Actor)
ตราแห่ง บุปผา คือผู้พิทักษ์แห่งความสง่า ผู้ได้รับเลือกจาก ชูริกะแอคเตอร์ (Shuriga Actor)
ตราแห่ง หิมะ คือผู้พิทักษ์แห่งความบริสุทธิ์ ผู้ได้รับเลือกจาก ซาร์สแลซแอคเตอร์ (Sarslash Actor)

ในหน้าที่เธอเปิดดูได้บันทึกถึงภาพลักษณ์ของแอคเตอร์และชื่อที่ยิ่งอ่านก็ยิ่ง งง
ทว่านั้นยังไม่น่าดงดูใจได้เท่า กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเมื่อเหรียญทั้ง 5 ได้ลอยออกไปหาแต่ละคน
โดยที่ลอว์เรนซ์ได้ตราอรุณ เจนัสได้ตราโลหิต ริคุได้ตราวาโย นีน่าได้ตราบุปผา ลากูน่าได้ตราหิมะ

พวกเขารับมันมาพร้อมกับสีหน้าประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตน
เพียงไม่นานนักหลังจากที่เหรียญได้เลือกเจ้าของ มันก็ลอยขึ้นจากมือของพวกเขา
และกลายสภาพเป็น จักรกลมีชีวิตรูปร่างต่างๆ ไล่มาดังนี้

ตราแห่ง อรุณกลายเป็น มังกรสีแดง ปีกโปรงใสราวกับกระจก
ตราแห่งโลหิตกลายเป็น หมาป่าสีฟ้า ตาสีแดงและที่ขาทั้งสี่มี ชิ้นส่วนคล้ายปีกติดอยู่ทำให้ลอยตัวอยู่ได้
ตราแห่ง วาโยกลายเป็น ตักแตนตำข้าวสีเขียว และมีปีกโปรงใส่ กระพืออย่างรวดเร็ว
ตราแห่ง บุปผากลายเป็นผีเสื้อ ปีกของมันมีสีแวบวาบ 4 สีเปลี่ยนสลับกันไปเรื่อยๆ
ตราแห่ง หิมะกลายเป็น หมาป่าสีเงิน ตาสีฟ้า และมีปีกยื่นที่ขาออกมาแบบเดียวกับของเจนัส
ทั้งหมดบินวนฉวัดเฉวียนไปรอบๆพวกเขา

“ นี่น่ะเหรอ มาสเตอร์…แอคเตอร์ น่ะแถมยังมีผู้ถูกเลือกถึง ห้าคนครบหมดเลย ”
เทีย อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตาทั้งที่เธอขอแค่ให้มีคนใช้มาสเตอร์แอคเตอร์ ได้แค่เพียงคน
เดียวก็ยังดี กลับกลายเป็นว่า แอคเตอร์ของเธอได้เลือกพวกเขาทั้งหมด
ขณะเดียวกัน แลนทิสทั้ง 4 ตัวที่เริ่มจะไม่ไว้ใจกับสภาพการณืในตอนนี้ พวกมันจึงเริ่มขยับ
อีกครั้ง

“ ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ ”
ลากูน่า กล่าวขณะที่ลุกขึ้นไปสมทบกับเจนัส นีน่า และริคุ

“ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีเวลาให้มาเข้าใจแล้วล่ะ ”
นีน่า กล่าวขณะที่เห็นพวกแลนทิส เริ่มขยับอีกครั้ง

“ งั้นจะมัวรออยู่ทำไมล่ะ ”
ริคุ กล่าวขณะที่แอคเตอร์ทั้ง ห้าเริ่มบินช้าลง

“ รีบจัดการให้มันจบไปเถอะ ”
เจนัสกล่าวจบพวกเขาก็คว้าแอคเตอร์ของตนเองมาไว้ในมือ ยกเว้นลอว์เรนซ์เท่านั้นที่ยังคง
ปล่อยให้แอคเตอร์ของเขาบินต่อไป

ทันทีที่ เจนัสคว้า แอคเตอร์ หมาป่าสีฟ้า มามันก็พับเก็บข้อต่อและเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเป็น
อุปกรณ์ ซึ่งมี หัวของมันเป็นสลักดันขึ้นลงได้ และเพราะอะไรบางอย่างกระตุ้นให้เขา
นำมันเหน็บไว้กับเอว ก่อนที่จะดันหัวสลักลง

“ Exchange ”
เสียงก้องขึ้นจากตัวแอคเตอร์ก่อนที่จะเกิดบล็อกเรียงตัวขึ้นในอากาศล้อมร่างของเขาเอาไว้
จนกลายเป็นชุดเกราะ หนักเทอะทะประกอบติดกัน เกราะหัวเป็นทรงตั้งคล้ายหัวจรวด
และที่ไหล่ทั้งสองข้างติดปีกไอพ่นเอาไว้ จนดูราวกับว่า ชุดเกราะนี้เป็นมนุษย์จรวดลำหนึ่งเลยทีเดียว

(http://www.bcoms.net/upload/images/bcoms200883114233.jpg)

ทันทีที่กราเวลลาแลนทิสตัวที่หนึ่งพุ่งเข้ามา เจนัสที่สวมชุดเกราะแล้วก็ออกไปรับหน้าทันที
เขายกแขนขวาซึ่งติดปืน เอาไว้กับเกราะขึ้นยิงสาดใส่จนมันกระเด็นออกไป ก่อนที่เขา
จะเอามือซ้าย ดันสลักที่ปืนให้เลื่อนมาด้านหลัง เกิดคลื่นไฟฟ้าวิ่งไปทั่วทั้งร่าง
พร้อมกับที่ชุดเกราะค่อยๆปลดตัวออกจากกัน และทันทีที่เขาดันสลักกลับที่

“ Cast Off ”
เสียงดังกังวานขึ้นก่อนที่ชุดเกราะจะระเบิดตัวออก จากร่างชิ้วส่วนของมันพุ่งเข้ากระแทกใส่ แลนทิส
จนต้องถอยร่น  ตอนนี้ชุดเกราะส่วนเกินที่ทำให้เทอะทะถูกปลดออกไปแล้ว เกราะหมวก
ทรงจรวดค่อยๆเลื่อนลงมา จนกลายเป็นหน้ากาก รูปร่างคล้ายหมาป่า เกราะปีกไอพ่น
ที่ถูกดีด ออกก็เผยอาวุธชิ้นที่อยู่ภายในออกมา ซึ่งเป็นพลองสั้นเหน็บเอาไว้ที่หัวไหล่ทั้งสองข้าง

“ Change Wolf ”
เสียงดังกังวาน ขึ้นทันทีที่เกราะหมวกโหลดตัวลงมาเป็นที่เรียบร้อย

(http://www.bcoms.net/upload/images/bcoms2008831142412.jpg)

“ ยังงี้นี่เอง นำเอา Push Off ของ Normal Mode มารวมกับระบบของแอคเตอร์ซึ่งควรจะอยู่ Giga Mode
ทำให้เกิดเป็นฟอร์มใหม่ที่ความสามรถในการสะสมพลังงาน และยังเปลี่ยนเป็นระบบแอคเตอร์ได้
โดยนำการ Push Off มาดัดแปลงเป็น Cast Off แทนทำให้ช่องว่างในการใช้งานหายไปแถมยังเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปอีกสมแล้วที่เป็นงานวิจัยของพ่อยอดเยี่ยมจริงๆ ”
เทีย คิดขณะที่มองดูความสามารถของ มาสเตอร์แอคเตอร์ ซึ่งกำลังถูกใช้โดยเจนัส
ในขณะที่คนอื่นๆก็เริ่มใช้มันบ้าง แอคเตอร์ของ พวกเขาเปลี่ยนรูปเป็นอุปกรณ์
แบบดันสลักทั้งหมด ก่อนที่จะนำมาเหน็บไว้ที่และดันสลักลง

“ Exchange ”
เสียงดังกังวานขึ้น พร้อมกับชุดเกราะที่ถูกประกอบเข้ากับร่างของพวกเขา
ชุดเกราะของริคุ มีลักษณะเทอะทะ โดยเฉพาะที่หัวไหล่และแขนจะมีโล่
ติดเอาไว้ ส่วนโล่ที่แขนนั้นจะติดกระบอกปืนเอาไว้

(http://www.bcoms.net/upload/images/bcoms200883114261.jpg)

ของนีน่านั้นแม้จะไม่ได้เทอะทะมากนัก แต่ก็มีเกราะปีกและ กงจักรเหล็กลอยอยู่บริเวณ
หัวไหล่

(http://www.bcoms.net/upload/images/bcoms2008831142728.jpg)

และของลากูน่ามีลักษณะคล้ายหมาป่า เกราะแขนและขาจะใหญ่เป็นพิเศษ 

(http://www.bcoms.net/upload/images/bcoms2008831142652.jpg)

ทันทีที่พวกเขาสับสวิตซ์ ของแต่ละจุดของชุดเกราะ คลื่นไฟฟ้าก็ไหลเวียนไปทั่วร่าง
พร้อมกับที่ชุดเกราะปลดตัวออกจากกัน และทันทีที่สับสวิตซ์กลับ

“ Cast Off ”
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกับชิ้นส่วนเกราะจำนวนมากพุ่งกระเด็นออกไป ราวกับพายุ

“ Change Mantis ”
เสียงดังขึ้นจากตัวเกราะของริคุ ทันทีที่ใบดาบที่แขนกางออกเต็มใบ ร่างของชุดเกราะนั้นคล้าย
ตั๊กแตนตำข้าว

(http://www.bcoms.net/upload/images/bcoms2008831142442.jpg)

“ Change Butterfly ”
เสียงดังขึ้นจากตัวเกราะของ นีน่า ทันทีที่ ปีกทั้งสี่ของเธอสยายออกครบ และกรงจักรหัวไหล่
แยกตัวออกเป็นกลีบดอกไม้ 4 ดอก 4 สีลอย อยู่รอบตัวเธอส่วนเกราะหมวกของเธอนั้น ส่วนที่ม้วนอยู่
ได้ยืดออกและบรรจบกันที่ปลายจนดูคล้ายวงแหวน ร่างของชุดเกราะเหมือนกับผีเสื้อ

(http://www.bcoms.net/upload/images/bcoms2008831142941.jpg)

“ Change Wolf ”
เสียงดังขึ้นจากตัวเกราะของลากูน่าทันทีที่ กรงเล็บทั้งสองข้างโหลดขึ้นมาด้านหน้าครบ
ที่เกราะขา สนับเข่ากับรองเท้านั้นถูกเชื่อกันไว้ด้วยแสงเลเซอร์ เพื่อเป็นอาวุธ

(http://www.bcoms.net/upload/images/bcoms200883114300.jpg)

ทั้งหมดเกิดขึ้นโดยที่ ลอว์เรนซ์ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้แอคเตอร์ของตนบินอยู่อย่างนั้น

“ ทำไมเค้า ถึงไม่ยอมใช้ แอคเตอร์ นะ ”
เทียคิดขณะที่มอง ลอว์เรนซ์ด้วยความสงสัย

เจนัสเอื้อมมือไปคว้าเอา ทอนฟา(พลองสั้นที่มีด้ามจับใครเคยอ่านรีบอร์น ก็อันที่ฮิบาริใช้นั่นล่ะ)
ที่เหน็บไว้ที่หลัง ออกมาควงก่อนจะกระชับด้ามจับไว้แน่น พร้อมกับ ทุบสวิตซ์ ซึ่งติดไว้ที่กลไกตรงเอว

“ Time Walk ”
สิ้นเสียงทุกๆสิ่งรอบตัวของ เจนัส ก็เคลื่อนไหวช้าลงจนแทบหยุดนิ่ง เขาฟาด ทอนฟา ใส่ แลนทิสอย่างไม่ยั้งมือ
จนเมื่อมันคิดจะหนีไป เขาก็ยกแขนตั้งในแนวฉากกับลำตัว ก่อนจะกดสวิตซ์ ที่อยู่บนหัวด้ามจบของทอนฟา
ทันใดนั้นไอพ่นก็ถูกปล่อยออกมาจาก ปลายด้านยาวอยู่บริเวณข้อศอกของเขา ส่งผลให้ตัวของเขา
พุ่งไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว

จนเมื่อแซงมาอยู่ตรงหน้ามัน เขาก็กดสวิตซ์อีกครั้งไอพ่นหยุดลง ก่อนจะหมุนตัวซัดด้วยทอนฟาตามแรงเหวี่ยงจน
แลนทิสล้มพับลง

“ Time Walk ”
สิ้นเสียงสภาพรอบตัวของเขากับเจ้าแลนทิสก็กลับมาเคลื่อนไหวดังเดิม  ขณะที่เจ้าแลนทิส
ยันตัวขึ้น เจนัสก็เก็บทอนฟาไปไว้ที่หัวไหล่อีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมไป หมุนสวิตซ์ที่เอวซึ่งทุบลงไปก่อนหน้านี้
คลื่นไฟฟ้าไหลจากกรงเล็บที่เท้าข้างขวาขึ้นไปยังส่วนหัวก่อนจะไหลกลับลงมาอีกครั้ง

ทันทีที่เจ้าแลนทิสลุกขึ้นมา


“ Mega Kick ”
เสียงก้องขึ้นจากตัวชุดเกราะ พร้อมกับที่เจนัสตวัด กรงเล็บข้างที่ ชาจท์ ประจุเอาไว้ซัดเขาไปที่ต้นคอของมัน
เพียงพริบตาที่ กรงเล็บกระทบ ร่างของมันก็ระเบิด กระจุยกลายเป็นผงไปในทันที

“ Time Walk ” 
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ ริคุพุ่งตัวผ่านเจนัสไปอย่างรวดเร็ว และเข้าชนกับอะไรบางอย่างที่พึ่งผ่านหน้าเขาไป

“ Time Walk ”
สิ้นเสียงร่างของทั้งสองก็ปรากฏ ริคุกำลัง ประชันกับแลนทิส อีกตัวอยู่ เขาตวัด ใบดาบที่
แขนทั้งสองข้าง ซึ่งร่างที่แข็งแกร่งของมันยังถูกดาบนั้นฟันจน  เกิดรอยแผลได้
แต่ก็ไม่มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลของมันแม้แต่น้อย มีเพียงรอยบากฝังลึกไว้เท่านั้น
ความเร็วปกติที่ ริคุมีอยู่ตอนนี้ทำให้แลนทิสไม่อาจทำอันตรายแก่เขาได้เลย

ทันทีที่ตวัดใบดาบทั้งสองข้างครบเขาก็หมุนตัวเตะด้วยหลังเท้า
จนมันกระเด็น ไปกระแทกต้นไม้ เสียจนหักโค่น ร่างของถูกทับด้วยลำต้นที่หักลงจนขยับไม่ได้
ริคุรีบเอื้อมมือไปกดสวิตซ์ที่หัวไหล่ขวาทันที คลื่นไฟฟ้าไหลจากส่วนหัวลงไปยังปลายเท้าทั้งสองข้าง
ก่อนที่กลไกคล้ายแท่นตั้งที่ส้นเท้าของเขาจะหุบเข้าไปในรองเท้า ทำให้เขางอเข่าลงมาตามแรง
กระทำ

“ Mega Jump ”
สิ้นเสียงจากชุดเกราะ แท่นที่หุบเข้าไปก็ดีดออกมาอย่างแรง พร้อมกับที่ริคุออกแรงกระโดดไปพร้อมกัน
ทำแรงส่งเมื่อรวมกันเขาจึงกระโดขึ้นไปสูง เหนือยอดไม้ทั้งหมด
ทันทีที่ขึ้นมาสูงที่สุด เขาก็กดสวิตซ์อีกครั้ง คลื่นไฟฟ้าที่คาอยู่ที่ปลาบเท้าทั้งสอง
ได้ไหลเวียนไปยังใบดาบทั้งสองข้าง ริคุ กางแขนออกเพื่อที่เงื้อให้ใบดาบฟันได้ ก่อนจะพุ่งตรงลงไปยังร่างของเจ้าแลนทิสที่ถูกซากต้นไม้ทับอยู่

“ Mega Slash ”
เสียงก้องกังวานดังขึ้นจากชุดเกราะพร้อมกับที่ ริคุตวัดดาบ ทั้งสองข้าง ผ่าซากต้นไม้ไปพร้อมๆกับแลนทิส
คลื่นไฟฟ้าได้ไปค้างอยู่ที่ร่างของมันก่อนจะระเบิดเป็นจุลไป


“ ลากูน่าล่อตัวนั้นมาทางนี้ ที ”
นีน่ากล่าวขณะที่ ดอกไม้โลหะซึ่งประด้วยใบโลหะดอกละ 4 กลีบ วนไปเรียงตัว
กันเป็นโค้งเหนือร่างของเธอ ทันทีที่ลากูน่าไล่ต้อนแลนทิสที่เขาสู้ด้วยโดยการใช้กรงเล็บที่
แขนทั้งสองข้าง ลากมันเหวี่ยงไปชนเข้ากับแลนทิสที่ นีน่าสู้ด้วย  เธอจึงสะบัดมือ ออกไป

กลีบดอกที่เรียงตัวพัดเป็นกรงจักร ดอกไม้ สองดอกก็พุ่งออกไปจาก สี่ดอกที่มีอยู่
เข้ากงจักรดอกไม้ พัดฟันจนร่างของแลนทิสทั้งสอง ขยับหนีไปไหนไม่ได้ ครั้นเมื่อสองดอกแรกหมุนกลับมา
อีกสองดอกที่เหลือก็ พุ่งออกไปแทน

“ ตอนนี้เลยลากูน่า ”
นีน่ากล่าวจบ ลากูน่าก็หมุนสวิตซ์ตรงเอวซึ่งเป็นแบบเดียวกับเจนัส คลื่นไฟฟ้าไหลจากรกงเล็บทั้งสอง
ไปยังส่วนหัวก่อนจะไหลวกกลับไปยังกรงเล็บทั้งสองอีกครั้ง

“ Mega Slash ”
สิ้นเสียง ลากูน่าก็พุงเข้ากระชากแลนทิสออกมาจากวงตัวหนึ่ง และฟันใส่ด้วยกรงเล็บโดยไม่ยั้งมือ
ในขณะที่สวิตซ์ที่เอวเริ่มหมุนกลับไปเรื่อยๆจนเมื่อกลับมาที่จุดเดิม คลื่นไฟฟฟ้าก็แผ่ไปทั่วร่าง
ของเขาก่อนจะไหลไปรวมกันที่ หน้าแข้งทั้งสองข้าง

“ Mega Twin Kick ”
ลากูน่า หยุดการฟันด้วยกรงเล็บทันทีร่างของมันจึงร่วงหล่นลงมา แต่ยังไม่ทันที่จะถึงพื้นลากูน่าก็ตวัดขาซึ่งมีเลเซอร์เชื่อมอยู่ระหว่างสนับเข่ากับกรงเล็บ

ทันทีที่เตะเข้าไปคลื่นไฟฟ้าที่ค้างอยู่ที่หน้าแข้งก็ ถูกถ่ายไปยังร่างของแลนทิส และทันทีที่
ลากูน่าหมุนตัวไปตามแรงเหวี่ยงขาอีกขาก็ถูกตวัดขึ้นตามมา ทันทีที่ขาของลากูน่าผ่านร่างของมัน
ประจุไฟฟ้าที่เหลือถ่ายเข้าไปในร่างของมันจนเต็มก่อนจะระเบิดออก

“ Mega Shooting ”
สิ้นเสียง จักรดอกไม้ทั้งสี่ ก็ลอยมาซ้อนตัวกัน ที่มือซึ่งประสานกันไว้ของนีน่า
คลื่นไฟฟ้าไหลจากส่วนหัวลงมายังฝ่ามือทั้งสองที่ประสานกันอยู่ก่อนจะส่งถ่ายผ่าน
จักรดอกไม้ ที่ซ้อนกัน หลังจากที่ประจุทั้งหมดไปคาอยู่ที่จักรดอกไม้

แลนทิสตัวสุดท้ายที่ พยายามจะลุกหนีหลังจากที่จักรดอกๆไม้ทั้งหมด
ถูกเรียก กลับไปแต่ก็ไม่ทันซะแล้วเพราะคลื่นพลังงาน ที่หมุนตัวออกมาราวกับพายุ
โดยอาศัยจักรดอกไม้ที่ซ้อนตัวกันแทนลำกล้อง ได้เป่าร่างของมันเป็นจุลไปเรียบร้อยแล้ว


บัดนี้พวกเขาสามารถจัดการกับแลนทิสที่บุกมาลงได้ทั้งหมด แล้วพวกเขาทั้งสี่ ปลดสวิตซ์ใช้งานซึ่งติดตั้งอยู่
ออกเกราะทั้งร่างก็สลายตัวกลับไปรวมที่สวิตซ์ก่อนจะเปลี่ยนรูปกลับเป็น แอคเตอร์และบินหายไปพร้อมๆ
กับแอคเตอร์รูปร่างมังกรที่ลอว์เรนซ์ยังไม่ได้ใช้

“ ทำไมถึงไม่ใช้ มาสเตอร์แอคเตอร์เดรค ล่ะคุณเองก็น่ารู้วิธีใช้อยู่แล้วนี่  ”
เทีย ถามขณะที่เดินเข้าไปหา ลอว์เรนซ์แต่เขาก็ไม่ได้ให้คำตอบแก่เธอ
กลับเดินหนีไปหา มังกรพาลานัลคาเลี่ยนที่ชื่อไลท์ ก่อนจะขึ้นไปขี่มัน

“ กลับกันเถอะไลท์ ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบ ไลท์ก็กระพือปีกขึ้นบินพาเขาหนีหายไป โดยไม่เปิดดอกาสให้เธอได้
ถามอีกเลย

โปรดติดตามตอนต่อไป


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: greamon on September 01, 2008, 01:45:58 AM
โอย สมแล้วที่เคยเป็นฝ่ายจัดหาภาพและตัดต่อประกอบ ภาพเยอะจริงๆโหลดเกือบชั่วโมงกว่าภาพจะครบ
ว่าแต่ สายหมอกซากุระของโครงเรื่องที่ชั้นแต่ง แกเอาสานต่อแค่เนี้ย ใช้เป็นโลเกชั่นสารภาพรักแถมไม่สำเร็จอีก

สรุปแล้วเจ้าเจนัสคงไม่มีวันสมหวังในรักเลยมั้งเนี่ย ภาคที่แล้วก็ไม่สำเร็จภาคนี้ก็หวืด
ว่าแต่Cast Off เนี่ยคงจะทำเสียงประกอบจริงๆด้วยนะ


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: cocka-c on September 01, 2008, 02:02:23 AM
โอยเจ้าเกรม่อย เลิกตามมาเผาซักทีจะได้มั้ย ยะ เรียนเสริมพื้นฐานวิศวะก็โดเดี๋ยวก็สอบไม่ติดเหมือนตอน ม.3 หรอก
ยุ่งจนเคยหยุดแต่งนิยายไปทีแล้วไม่ใช่เรอะยังไม่เข็ด เฮ้อ

โอ้ว่าแล้วคุณ boy ยังคงตามมาดูเจ็ ขอขอบคุณจากใจจริงเลยจ้ะ
ว่าแต่พอท้วงขึ้นมาก็ชักเอะใจ มันเหมือนโซนิกจริงๆด้วย เอในภาพนิมิตมันก็เห็นงี้นินา เอ้อพอดีเจ็แต่งตามที่เจ็ฝันน่ะ
เหอๆๆๆ


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: boy on September 01, 2008, 09:42:54 PM
สนุกดีครับ  ไว้จะติดตามต่อไปครับ
คำแนะนำเดิมครับ (ไม่มีอะไรมาก  ::010::)  เนื้อเรื่อง+การเดินเรื่องสนุกดีครับ


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: S u p e r ~ J u n i o r on September 04, 2008, 12:03:22 AM
สนุกดีครับ

ชอบFic Text เยอะๆ อ่ะครับ
เนื้อเรื่องนี่ละเอียดได้ใจ

แต่ทำไมของเรา Text น้อยมากๆๆ
ปรับปรุงที่ Epi 2


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: cocka-c on September 04, 2008, 10:51:53 AM
Quote
ชอบFic Text เยอะๆ อ่ะครับ
เนื้อเรื่องนี่ละเอียดได้ใจ

โฮะโฮะ.. ถ้าชอบtext เยอะนะจ้ะ เดี๋ยวtask ที่3-4 จะเยอะชนิดอ่านกันจนตาลายเลยล่ะจ้ะ



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: boy on September 04, 2008, 11:04:06 PM
Quote
ชอบFic Text เยอะๆ อ่ะครับ
เนื้อเรื่องนี่ละเอียดได้ใจ

โฮะโฮะ.. ถ้าชอบtext เยอะนะจ้ะ เดี๋ยวtask ที่3-4 จะเยอะชนิดอ่านกันจนตาลายเลยล่ะจ้ะ


แต่ผมว่า อย่าดีกว่า  ไม่งั้นอ่านไม่ออกต้องจารึกทีละตัวเลยมั้ง  ยิ่งผมเป็นคนสายตาสั้นไม่น้อยเลยด้วย  ::010::


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: greamon on September 05, 2008, 01:19:04 AM
Quote
ชอบFic Text เยอะๆ อ่ะครับ
เนื้อเรื่องนี่ละเอียดได้ใจ

โฮะโฮะ.. ถ้าชอบtext เยอะนะจ้ะ เดี๋ยวtask ที่3-4 จะเยอะชนิดอ่านกันจนตาลายเลยล่ะจ้ะ


แต่ผมว่า อย่าดีกว่า  ไม่งั้นอ่านไม่ออกต้องจารึกทีละตัวเลยมั้ง  ยิ่งผมเป็นคนสายตาสั้นไม่น้อยเลยด้วย 

ใช่ๆเห็นใจคนพิมพ์มั่งสิเว้.... ถึงคนคิดเนื้อเรื่องจะไม่ใช่ชั้น แต่คนที่ต้องลำบากลำบนพิมพ์น่ะมันชั้นนะเว้....

 ::008::

เอ้อเกือบลืม เรื่องเสียง sound Effect ที่จะเอามาประกอบน่ะหามาให้แล้วนะ ส่งไปที่เมลแล้วจะเอามาใช้ตอนสุดท้ายใช่มะ


อ่อข่าวดีเร็วๆนี้ legend of the thaliwilya อาจจะอัพตอนพิเศษเพิ่มคอยเช็คแท็ค
 ไว้นะครับ แต่ที่แน่ต้องมาหลังเรื่องนี้จบอ่ะนะ เพราะต้องพิมพ์ให้มัน ก่อนไม่มีเวลาพิมพ์ของตัวเองเหอๆ



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: boy on September 05, 2008, 09:57:41 AM
ครับ  ::001::


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: cocka-c on September 07, 2008, 07:27:37 PM
Task 3 เหตุผลของการต่อสู้


“ อะไรกัน ทำไมต้องหนีกันด้วยฉันแค่ถามว่าทำไมถึงไม่ยอมสู้ก็เท่านั้นเอง คนอะไรใจดำชะมัด ”
เทีย บ่นอุบอิบ ขณะที่เดินตามพวกเจนัสไปต้อยๆ

“ ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะเพียงแต่เค้ามีเหตุผลที่ไม่อยากจะสู้น่ะ ”
นีน่า หันมากล่าวด้วยน้ำเสียงสนิทสนม

“ นี่แล้วเธอน่ะจะเดินตามพวกเราไปถึงเมื่อไหร่ ”
ลากูน่าถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนักที่เธอยังคงเดินตามพวกเขามา ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกัน
เลย

“ นี่เธอไม่มีที่จะไปเลยเหรอ ”
ริคุถามซึ่งก็จริงอย่างว่าเธอไม่มีที่จะไป เพราะเธอไม่อาจกลับไปที่อนาคตได้ จึงต้องตามพวกเขามา
แต่เพื่อไม่ให้เสียหน้าเธอจึงแกล้งตีไปว่า

“ เปล่าซะหน่อยฉันก็แค่จะไปคุยกับตานั่นให้รู้เรื่องก็เท่านั้นเองและอีกอย่างตอนนี้พวก
เธอก็เป็นผู้ถูกเลือกจากแอคเตอร์แล้วจากนี้ไปพวแลนทิสที่ตามฉันมาจากอนาคตจะต้องบุกมาอีกแน่
ฉันต้องคอยดูแล และให้ข้อมมูลในการสู้แก่พวกเธออยู่แล้ว ”
เทียกล่าวเสียงแข็ง ซึ่งที่จริงทุกคนก็รู้แกวเธออยู่แล้ว แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไป
จนเมื่อพวกเขามาหยุดตรงพุ่มไม้หนา

“ รหัสคราวนี้เปลี่ยนเป็นอะไรนะ ”
เจนัสหันไปถามริคุ ขณะที่แหวกพงไม้ออก สร้างความฉงนให้แก่ เทีย ไม่น้อย

“ สุริยันศักดิ์สิทธิ ”(Holy Sun)
สิ้นคำของริคุ ก็เกิดแสงวาบขึ้นจากพงไม้ มิติค่อยๆแหวกออก เป็นประตู เทียได้แต่ยืนจ้องตาไม่กระพริบ
กับเหตุการณ์ตรงหน้า

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n001/21.jpg)

“ เอ้าเข้าไปกันได้แล้วเดี๋ยวจะมีคนมาเห็น ”
ลากูน่ากล่าวจบก็ประคองตัวเทียเข้าไปในประตูพร้อมกับทุกคนทันทีที่ ก้าวเข้าไปกันครบแล้ว
ประตูมิติก็ปิดลง ตอนนี้พวกเขาได้เข้ามาอยู่อีกด้านของประตูแล้ว

พวกเขายืนอยู่บน เนินเขาซึ่งเต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจี และเมื่อมองตรงออกไป ท้องฟ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
เบื้องล่าง มีหมู่บ้านขึ้นอยู่ตามป่าเป็นหย่อมๆ สะพานข้ามแม่น้ำซึ่งไหลผ่านทุกหมู่บ้าน
บนท้องฟ้า มังกรนานาชนิด บินว่อนไปทั่ว นอกจากนี้ในไกลไปจากเขตของหมู่บ้าน
ยังมีหอคอย 5 หอคอยตั้งห่างกัน

“ นี่…นี่มันหรือว่าจะเป็นมิติมังกรที่เขาล่ำลือกัน ”
เทียเปรยเสียงตะกุกตะกักด้วยความตกตะลึง กับภาพตรงหน้า

“ รู้ดีเหมือนกันนี่ ใช่แล้วล่ะที่นี่คือมิติมังกรมิติที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่อยู่ของเหล่ามังกร
แบ่งการปกครองเป็น สองชั้นจากเดิมที่มีอยู่สี่ ตอนนี้เหลือแค่ชนชั้นสามัญกับมังกรสวรรค์แล้วล่ะ ”
ริคุ อธิบายขณะที่ชี้ให้เธอดูจุดต่างของมิติจากเนินที่พวกเขายืนอยู่ซึ่งมองได้เห็นแทบทั้งหมด

Quote
เขตการปกครองของมิติมังกรนั้นเดิมมี 4 เขตคือ มังกรสามัญ มังกรสวรรค์ มังกรบาป มังกรดำ
แต่ในภาคที่แล้ว ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นปัจจุบันจึงเหลือเพียง2 เขตการปกครองเท่านั้น

“ เห็นหอคอยทั้งห้านั่น ไหมนั่น น่ะ คือวิหารมังกรที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ ตอนนี้ใช้เป็นประตู
ไปสู่เขตการปกครองของมังกรสวรรค์แทนแล้วล่ะ ”
ริคุอธิบาย ซึ่งเทียเองก็นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ

“ เรื่องชมวิวน่ะไว้ก่อนเถอะ รีบกลับไปที่บ้านได้แล้วมั้ง ”
เจนัส กล่าวจบพวกเขาก็เดินลงจากเนินตรงไปยังหมู่บ้าน

…………..
……………..
……………….

ครู่ต่อมา ในเขตตลาดของหมู่บ้าน

เทคโนโลยี กลไกที่ดูแปลกตาเพราะถูกคิดค้นโดยมังกรทำให้ เทียรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ
เพราะเดิมทีเธอ สนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ในอดีตมากแม้จะเคยเห็นของพวกนี้จากในตำรามาแล้ว
แต่เมื่อได้มาพบมาสัมผัสจริงๆทำให้ใจของเธอเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ

จนเมื่อพวกเขาเดินมาหยุดที่หน้าประตูบ้านซึ่งตั้งอยู่ห่างจาก เขตหมู่บ้านไม่มากนัก
ทันทีที่เจนัสเปิดประตู ลูกมังกรพาลานัลคา สามตัวก็กระโดดพุ่งเข้าใส่เจนัสจนล้มนอนลงไป

“ กลับมาแล้วๆๆ ”
“ กีซซซซ ” (พี่เจนัสเล่าให้ฟังทีเกิดอะไรขึ้นบ้าง)
“ แปลงร่างให้ดูหน่อยสิ พี่เจนัส พี่นีน่า ก็ได้  ”
ลูกมังกรพาลานัลคาทั้งสามตัว ร้องกันระงม อย่างซุกซน

“  ก็าซซซซซ ” ( นี่นี่ อย่ากระโจนเข้าไปตะครุบตัวพี่ชายเขาอย่างนั้นสิ )
มังกรดำนอฟโฮทิออน (Novhothion, the Dark Dragon) ซึ่งสวมผ้ากันเปื้อนสีขาว เดินเข้ามาอุ้มตัว เด็กๆ
ออกจากร่างของเจนัส

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n006/15.jpg)

“ เออนี่ไลท์เล่าให้ฉันฟังแล้วล่ะ พวกเธอแปลงร่างสู้กับสัตว์ประหลาดมา งั้นเหรอช่วยเล่าให้ฟังบ้างสิ ”
นอฟโฮทิออนกล่าวเสียงใส ซึ่งเทีย ที่มองดูการสนทนาของพวกเขา ด้วยความงุนงง

“ นี่มันอะไรเนี่ยคราวนี้เป็นมังกรดำพูดได้อีกสมเป็นมิติมังกรจริงๆ ”
เทีย เปรยด้วยความฉงน ขณะที่เดินเข้าไปในบ้านซึ่งมีขนาดใหญ่เกินกว่า จะเป็นบ้านของมนุษย์เสียด้วยซ้ำ
เครื่องเรือนภายในบ้านยังมีขนาดใหญ่ไปตามกัน แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากจนเกินไป

“ เรย์ (Ray) ไชน์ (Shine) แฟลช (Flash) ได้เวลานอนกลางวันแล้ว ไปที่ห้องเร็ว ”  
พาลานัลคาเลี่ยน ที่ชื่อไลท์ซึ่งดูจะเป็นพี่ใหญ่ในบรรดาน้องๆมังกรขาวทั้งหลาย สั่ง
ซึ่งน้องทั้งสามต่างก็ตีหน้าบูดหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ

“ ไม่เอานะจ้ะ ถ้าเป็นเด็กดื้อ อาจารย์ดีวายดราก้อน(Divine Dragon)จะโกรทเอานะ ”
นอฟโฮทิออน แกล้งขู่เด็กๆ ซึ่งทันทีที่เด็กๆได้ยินพวกเขาก็พากนวิ่งแจ้นเตลิดเข้าห้องนอนไปทันที

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n001/86.jpg)

“ ขอบใจนะดาร์ค(Dark)ถ้าไม่ได้เธอช่วยล่ะก็ชั้นก็ไม่รู้จะคุมพวกน้องๆไหวรึเปล่าพ่อกับแม่ก็ออกไปข้างนอกกว่าจะกลับก็อีกสองสามวันล่ะ ”
ไลท์กล่าวขอบคุณ กับนอฟโฮทิออน ที่ช่วยพาน้องๆเข้านอน

“ ว่าแต่แล้วตานั่นอยู่ไหนล่ะ ”
เทีย ถามขึ้นขณะที่มองไปรอบๆเพื่อจะหาตัว ลอว์เรนซ์แต่ก็ไม่พบเขา

“ นี่เธออีกแล้วหรือ ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ อย่างทันควันทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไป
ลอว์เรนซ์ กำลังยืนเท้าเอวตีหน้ามุ่ย ด้วยความไม่พอใจ ที่ได้พบเธออีกครั้ง

“ มาก็ดีแล้ว ฉันถามไปทำไมต้องหนีกันด้วย ตอบมา ซะว่าทำไมถึงไม่ยอมใช้ เดรคแอคเตอร์ ”
เทีย กล่าวน้ำเสียงฉุนเฉียว ทว่า ลอว์เรนซ์ ก็เมินหน้าหนีไม่ยอมตอบเช่นเคย

“ คุณคือผู้ได้รับเลือกจากมันแล้ว จากนี้ไปชะตาของคุณจะต้องต่อสู้กับ… ”
“ ชั้นไม่คิดจะกลับไปจับดาบอีกหรอกเธอไปหาคนอื่นเถอะ ”
เทีย กล่าวได้ไม่ทันจบ ลอว์เรนซ์ก็สวนขึ้นมาทันที ทำให้เธอนิ่งอึ้งไป ชั่วครู่
ก่อนที่เขาจะเดินหนีออกไปทางประตูหลัง โดยไม่หันกลับมาอีก


“ นี่กลับมาก่อน… ”
เทีย เรียกก่อนจะก้าวเท้าตามไปแต่ทว่า เจนัส ก็ปรามเธอไว้ ไม่ให้ตามไป

“ อย่ามาขวางนะฉันต้องคุยให้รู้เรื่อง ”
เทีย กล่าวทว่าทันที่เธอ ได้สบตากับสายตาอันเย็นชา ของเจนัส ที่พึ่งจะแสดงออกมาให้เห็น
ทำให้เธอ เงียบไปและพูดไม่ออก ด้วยสัญชาติญาณรับรู้ถึง จิตฆ่าฟันที่แรงกล้าแผ่ออกมา
จนราวกับถูกคมเขี้ยวของ หมาป่าขย้ำเข้าไปทั้งร่างแล้ว แม้จะยังไม่เกิดอะไรขึ้น ก็ตาม

“ เธอมีเหตุผลอะไรที่จำเป็นจะต้องให้เขาใช้ แอคเตอร์ รึเปล่า”
เจนัส กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเย็นจับขั้วหัวใจ ชวนให้ ไลท์กับดาร์ค นิ่งไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว
เพราะท่าทางแบบนี้ เจนัสไม่ได้แสดงให้พวกเขาเห็นมาตั้งแต่หลังจบศึกเมื่อ 6 ปีก่อนแล้ว
ซึ่งแน่นอนว่า ขนาดผู้ที่เคยได้พบและสัมผัสมาแล้วยังอดหวั่นใจไม่ได้ กับ เทีย ที่พึ่งจะได้รู้สึกเป็นครั้งแรก
นั้นมันน่ากลัวเสียจนบรรยายไม่ถูก จนตอนนี้เธอเกร็งไปทั้งร่าง

“ เอาอีกแล้ว…นายนี่หัดยั้งมือกันบ้างไม่ได้รึไงน่ะเห็นไหมเธอกลัวจนตัวสั่นเป็น ลูกนกแล้ว ”
ริคุ กล่าวขณะที่เดินเข้ามาพาตัว เทีย ออกให้ห่างจากเจนัส ซึ่งทันทีที่เจนัสรู้สึกตัว
เขาก็รีบกลบเกลื่อนจิตสังหารเมื่อครู่ทันที

“ โทษทีลืมตัวไปหน่อย…เธอไม่เป็นไรนะ ”
เจนัสกล่าวขอโทษ ซึ่ง เทีย ที่พึ่งจะรู้สึกตัว หลังจากที่เหมือนกับตกอยู่ในภวังไปชั่วครู่
นีน่า เดินเข้ามาหาเธอโดยส่งยิ้ม อ่อนให้แก่เธอ เพื่อให้เธอเบาใจ และผ่อนคลายความตึงเครียดจากการ
ถูกจิตสังหารของ เจนัส กดดันไปเมื่อครู่

“ ที่ลอว์เรนซ์เขาไม่ยอมใช้แอคเตอร์น่ะ เพราะเขามีเรื่องฝังใจที่ทำให้เขาไม่อาจกลับไปจับอาวุธขึ้นสู้ได้อีกแล้ว
ดังนั้นการใช้แอคเตอร์ ก็เหมือนกับการที่ต้องจับดาบเพื่อต่อสู้นั่นเลยทำให้เขาไม่ยอมใช้มันยังไงล่ะ ”
นีน่าค่อยๆอธิบายให้ เทีย ฟังด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

“ แล้วจะอีกอย่างตอนนี้พวกเราสี่คนก็ใช้แอคเตอร์ของเธอให้แล้ว ถ้ายังไงพอจะช่วยยกเว้นให้ ลอว์เรนซ์
ได้ไหมถือเป็นคำขอร้องจากพวกเรานะ ”
ริคุกล่าวซึ่ง เธอก็ยอมที่จะทำตามข้อเสนอ

“ ก็ได้แต่ว่าช่วยเล่าทีได้ไหม ว่าอะไรที่ทำให้เขาไม่ยอมจับดาบอีก ”
เทียถามด้วยความอยากรู้

“ เจ้านั่นเสียพี่ชายไปจากการต่อสู้ เมื่อ 6 ปีก่อน และพี่ชายของเจ้านั่นก็เป็นญาติคนสุดท้ายที่เหลืออยู่
กาเร็ท ซาราเบลด(Garet) ”
ลากูน่า ตอบข้อสงสัยของเธอทันควัน

 
Quote
กาเร็ท ซาราเบลด (Garet Salablade) อายุ 13 ปี (เสียชีวิตไปแล้ว) เผ่าพันธุ์:มนุษย์ เพศ:ชาย
ประวัติโดยรวม: ทายาทแห่งซาราเบลด ที่รอดจากการจลาจลตระกูลเมื่อ 14 ปีก่อน มีศักดิ์เป็นพี่ชายของลอว์เรนซ์ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ถูกเลือกจาก ดาบวิเศษ Miraiken (ดาบแห่งอนาคต) ซึ่งเป็นดาบผนึกของ
สุดยอดมังกร นิลทูเรี่ยน (Nilturien, the Giga Dragon)  ปัจจุบันดาบนี้ ได้ถูกเก็บรักษาไว้ที่
โรงเรียนมังกร(Dragon Academy)[สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทที่ 28 ของภาคแรก] โดยเดิมทีดาบนี้เป็น
ดาบวิเศษที่ตระกูลรูลเวลล์ เป็นผู้ดูแลก่อนจะส่งมอบให้แก่ กาเร็ทในฐานะผู้ที่ถูกเลือก ซึ่งมาฮา พ่อของเจนัสเป็นผู้มอบให้  วิชาการต่อสู้ : ดาบเวทย์สายนักรบศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีปรากฏว่าฝึกหรือจบมาจากที่ไหน      

(http://www.bcoms.net/upload/images/bcoms2008727161954.jpg)

“ ส..เสียพี่ชายไปงั้นเหรอ..นั่นสินะถ้าเป็นฉันเองก็คงรู้สึกแบบ
เดียวกันเพราะถ้าฉันต้องเสียพี่ ฟอน ไปฉันเองก็…จริงสิ พี่ฟอน ”
เทีย คิดก่อนจะชะงักไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่า พี่ชายของเธอ ใช้แอคเตอร์ของตัวเองส่งเธอมายังโลกอดีต
เช่นนั้น พี่ชายและพ่อของเธอ ก็จะตกอยู่ในอันตรายโดยเฉพาะ พี่ชายของเธอฟอน ซึ่งไม่มีแอคเตอร์
ที่จะใช้สู้แล้ว

“ แต่เราจะกลับไปยังไงล่ะ การ ที่พี่ใช้ แอคเตอร์ ส่งเรามามันคือวิธีอะไรเรายังไม่รู้เลย
ไม่สิเราไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าแอคเตอร์มีระบบอะไรอื่นอีกบ้างนอกจากการต่อสู้…ถ้าไม่รีบกลับไปล่ะก็  ”
เทีย คิดด้วยความกังวลเสีย จนคิ้วพันกัน ทำให้ทุกคนที่อยู่ข้างๆ ฉงนไปตามๆกัน

…………….
…………………
………………….

ณ เนินบริเวณทางเข้ามิติ ชายซึ่งมีผมสีแดงที่ปลายเส้นผมบางเส้นนั้นมีรอยไหม้จางๆ กระทั่งเสื้อแจ็คเก็ต
สีฟ้าเขียว ของเขาเองก็มีรอยไหม้ไปทั่ว เขาฟุบสลบอยู่ โดยที่มือข้างขวายื่นออกไปนั้นเกาะหัวโลหะของหุ่นยนต์
ซึ่งมีหน้าตาคล้ายมนุษย์ ดวงตาของมันปิดสนิทเพราะระบบหยุดทำงานไปแล้ว
ขณะเดียวกัน มังกรหนุ่มสาว สี่ตัวซึ่งกำลังบินขึ้นเนินมา นั้นก็พบร่างของเขา ทั้งสี่ตัวนั้น
มีมังกรนิทินโคออน(Niltincoion, the Fire Dragon) เฟินกอลโลออน (Firngolloion, the Water Dragon)  
ดิมมินูวเลี่ยน(Dimminuialion, the Wind Dragon) และ นิลเฮอเรี่ยน (Nilhirion, the Earth Dragon)

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n006/14.jpg)

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n006/13.jpg)

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n006/11.jpg)

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n006/12.jpg)

“ ก็าซซซซ ”(นั่นมัน ทิโมธี นี่ )
นิทินโคออนคำราม ออกมาเมื่อเข้ามาใกล้และได้เห็นร่างของ ทิโมธี
ฟุบสลบอยู่โดยที่ทินทอน(Tinton, Timothy’s Aide)หุ่นกระป๋องคู่ใจอยู่ในสภาพ เหลือแต่หัวเท่านั้น

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n003/64.jpg)

“ ก็าซซซซซ ”(แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน)
มังกรสาว ดิมมินูวเลี่ยน คำรามขณะที่ พยายามพลิกร่างของ ทิโมธี ขึ้น
ทันทีที่ร่างของ ทิโมธี พลิกหงายขึ้น ภาพตรงหน้าก็สร้างความตกตะลึง งึนงัน แก่ทั้งสี่
เมื่อแผลเหวอะ ขนาดใหญ่ซึ่งมี เมือกสีเขียวชวนสะอิดสะเอียนไหลย้อยออกมา และยังส่งกลิ่น
ที่ไม่น่าพิสมัย มาอีกจนพวกเขาต้องยกมือขึ้นปิดจมูกด้วยความรังเกียจ
  
“ ก็าซซซซซ ”(นี่มันอะไรเนี่ย ตายแล้วรึไงกันมันถึงได้เหม็นขนาดนี้)
เฟินกอลโลเนี่ยคำรามด้วยความแขยงก่อนจะ อ้าปากพ่นน้ำราดไปบนแผลของ ทิโมธี เพื่อชะล้าง
เมือกที่เกาะอยู่ออก

“ ก็าซซซซซซซซซซซซซซซ ”(ไม่หรอก ชีพจรยังเต้นอยู่จะยังไงก็ตามต้องพาเขาไปรักษาก่อน
ขืนทิ้งไว้นานเราได้ไปร่วมงานศพเขาแทนแน่ )
นิลเฮอเรี่ยน คำราม ก่อนที่พวกเขาทั้งสี่จะช่วยกันยกร่างไร้สติของทิโมธีขึ้น โดยที่หัวของทินทอนนั้น
นิทินโคออน ได้หิ้วตามมา

“ ก็าซซซซซ ” (ที่พักใกล้ที่สุดที่เราพอจะทำแผลให้เขาได้ตอนนี้ก็คงต้องไปที่บ้านอาจารย์ดีวายดราก้อนแล้วล่ะ)
นิลเฮอเรี่ยนคำรามอีกครั้งก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะตรงไปยัง บ้านที่พวก ลอว์เรนซ์ พักอาศัยอยู่

Quote
เกี่ยวกับ เหล่ามังกรทั้งหกธาตุนี้และ อาจารย์ดีวายดราก้อนนะครับ ในภาคที่แล้ว มังกรทั้งหกตัวนั้น
เป็นเพื่อร่วมชั้นเรียนของ ลอว์เรนซ์ ที่ร่วมเดินทางเพื่อกอบกู้หมู่บ้าน และช่วยทุกคนที่ถูก
จับตัวไปจากองค์กรโฮลี่ไนแมร์ ส่วนดีวายดราก้อนนั้น เป็นอาจารย์ สอนภาษามนุษย์ ที่โรงเรียนมังกร
14 ปีก่อนตอนที่เกิดการจลาจลตระกูลซาราเบลด ลอว์เรนซ์ ซึ่งยังเป็นทารกอยู่นั้น ได้เสียแม่ไป

จากการถูกไฟคลอกตาย ดีวายดราก้อนก็ได้มาพบเขาและเก็บเขามาเลี้ยง จากเหตุการณ์นี้ทำให้
เขาเป็นพ่อบุญธรรมของลอว์เรนซ์ ส่วนไลท์หรือ มังกรพลานัลคาเรี่ยน ในตอนนี้นั้นคือลูกแท้ๆของ ดีวายดราก้อน
ซึ่งเกิดหลังจากที่ลอว์เรนซ์ถูกเก็บมาไม่นานจึงเปรียบได้ว่า ลอว์เรนซ์ เป็นพี่บุญธรรมของเขา  
……………………….
………………………….
…………………………….

ก๊อกๆๆๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น อย่างต่อเนื่อง

“ ก็าซซซซซ ”(มาแล้วๆจะ เปิดเดี๋ยวนี้ล่ะ)
ไลท์ กล่าว ขณะที่เดินไปยังประตู ทันทีที่ประตูเปิดออก ภาพของผู้มาเยือนตรงหน้านั้น
ทำให้เขารู้สึกแปลกใจอย่างไม่คาดคิดมาก่อน

“ ไฟร์ อควา เอิธท์ วิล มีอะไรเหรอถึงได้มากันพร้อมหน้าเลยแล้วนั่น…. ”
ไลท์กล่าวทักทายเพื่อนมังกรทั้งสี่ อย่างสนิทสนม ก่อนจะชะงักไป เมื่อเห็นร่างของทิโมธีถูก
พวกเขาหอบมา


“ ก็าซซซซซซ ” (เราไปเจอเค้าที่เนินทางออกสู่โลกภายนอกน่ะ
ตอนนี้ต้องรีบทำแผลให้เขาไม่มีเวลาอธิบายแล้ว)
นิลเฮอเรี่ยน ที่ไลท์เรียกว่าเอิทธ์ กล่าวระสับระส่าย ซึ่งไลท์ก็รีบหลีกทางให้พวกเขาเข้าไปในบ้าน
ทันที ก่อนจะปิดประตูตามไป  เจนัส นีน่า ลากูน่า ริคุ และ เทียซึ่งยังอยู่ในบ้าน ก็ตรงเข้ามาดูด้วยความสนใจ
ก่อนจะต้องเปลี่ยนเป็นความตกตะลึง

“ น…...นี่ ศาสตราจารย์ทิโมธี ผู้ที่คิดค้นระบบแอคเตอร์ต้นแบบนี่นา แล้วทำไมเขาถึงได้ ”
เทียอุทานด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตาเมื่อบัดนี้ ผู้ที่ไดให้กำเนิด ระบบแอคเตอร์
ต้นแบบที่ถูกนำไปใช้ในอนาคต จะมาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว  ขณะที่พวก เอิทธ์กำลังวางร่างของ
ทิโมธี ลงบน ฟูกที่ ดาร์ค พึ่งขนออกมาจากห้องนอนของพวกลูกมังกรพาลานัลคาที่นอนกัน
อยู่ ซึ่งแน่นอน ว่าเสียงเอะอะที่ดังขึ้นนั้น ได้ปลุกให้เด็กๆตื่น ออกมาดูด้วยความอยากรู้
ซึ่งก่อนที่จะวางร่างของ ทิโมธี นั้น ดิมมินูวเลี่ยน ที่ถูกเรียกว่าวิล ก็คว้าเอา
ผ้าปูโต๊ะซึ่งทำจากพลาสติก(เทคโนโลยีของมังกรสูงกว่ามนุษย์ในตอนนี้) ที่ คลุมโต๊ะ เล็กข้างๆมาปูทับฟูกอีกที
เพื่อไม่ให้เมือกที่แผลไหลเลอะฟูก  ส่วนหัวของทินทอนก็เอาไปวางไว้บนโต๊ะนั้นแทน

“ ทำไมเค้าถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ”
นีน่ากล่าว ขณะที่ตรวจสภาพบาดแผลของ ทิโมธี ซึ่งยังคงเน่าเฟะไปเรื่อย พร้อมกับ
หลั่งเมือกสีเขียวออกมาแทบจะตลอดจนเละไปทั้งแผล ริคุที่ไปหยิบเอากล่องเครื่องมือ
ปฐมพยาบาลที่ห้องครัว กลับมานั้น ก็ต้องวาง กล่องเครื่องมือลงเพราะ ไม่รู้จะรักษาอย่างไร

“ ไม่เคยเห็น อะไรแบบนี้มาก่อนเลยยังกับถูกพิษมายังไงยังงั้น ”
ริคุ เปรย ขณะเดียวกัน ลอว์เรนซ์ ก็โผล่เข้ามาร่วมวงด้วย

“ นี่เกิดอะไรขึ้นน่ะ ถึงได้เอะอะกันขนาดนี้ แล้วนี่ ทำไมมากันครบหมดเลยล่ะ ”
ลอว์เรนซ์กล่าวถามด้วยความสงสัยก่อนที่ สายตาจะไปสะดุดเข้ากับ ร่าง ทิโมธี
ที่นอนอยู่

“ นี่มันอะไรกัน ”
ลอว์เรนซ์ อุทาน ขึ้นด้วยความตะลึงเมื่อเห็นสภาพบาดแผลของทิโมธี

“ อาการไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่ แผลเอาแต่เน่าเฟะและก็หลั่งเจ้าเมือกน่าขยะแขยงนี่ออกมาตลอดเลย ”
ริคุกล่าวขณะที่พยายามหาทางรักษา ในขณะที่ลอว์เรนซ์ รู้สึกเอะใจบางอย่างเกี่ยวกับอาการของแผลนั่น




Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: cocka-c on September 07, 2008, 07:27:52 PM
“ บาดแผลมีอาการแปลกแบบที่ไม่เคยเห็นอีกแล้ว นี่ทันเหมือนกับที่
ลากูน่าโดนเจ้าสัตว์ประหลาดพวกนั้นกัดแล้ว แผลกลายเป็นหินเลยนี่รึว่า… ”
ลอว์เรนซ์คิด ก่อนจะหันควับไปหา เทีย ที่กำลังนั่งพิจารณาบาดแผลของ ทิโมธี
ด้วยความ สนอกสนใจ

“ นี่เธอรู้ใช่ไหม วิธีรักษาน่ะเพราะแผลนี่มันออกอาการแปลกๆแบบ
ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเหมือนกับที่ลากูน่าโดนเลย ชั้นเห็นนะตอนที่เธอ รักษาให้ลากูน่าน่ะ ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบ ทุกคนก็มองมาหานางเป็นทางเดียวกัน

“ ถูกต้องนี่เป็นผลมาจากพิษของ แลนทิส ซึ่งก็คือสัตว์ประหลาดที่พวกเธอสู้ด้วยนั่นล่ะ ”
เทียกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะลุกไปคว้าเอา กระเป๋าของเธอที่วางพาดไว้ที่ขาโต๊ะซึ่งตั้งหัวทินทอนอยู่
และคว้าเอากล่องอุปกรณ์พยาบาลขึ้นมา

“ บอกทีเถอะเธอเป็นใครกันแน่และทำไมเจ้าพวก…แลนทิส เนี่ย ถึงได้ปรากฏตัวขึ้น
แล้วยังจะแอคเตอร์พวกนั้นอีก ”
เจนัสถามด้วยความสงสัย

“ ฉันจะเล่าให้ฟังก็ได้แต่ก่อนอื่นต้องทำแผลให้ เขาก่อน… ”
เทียกล่าว ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ ฟูก และเปิดกล่อง ออกพร้อมกับคว้าเอา สำลีและขวดยาขึ้นมา
ก่อนจะดึง จุกขวดออกและอุดสำลีไว้ที่ปากอยู่ พร้อมกับเอนขวดให้น้ำยาไหลซึมเข้า

สำลี ก่อนจะดึงสำลีออกและปิดจุกขวดไว้ตามเดิม เธอเอาสำลีที่ชุบน้ำยาแล้ว
เช็ดเกลี่ยไปรอบๆแผล ก่อนจะเช็ดไล่เข้าไปจนทั่วทั้งแผลอย่างเบามือที่สุด

ซึ่งทันทีที่น้ำยาถูก เช็ดลงไปบนแผล ปากแผลก็หยุดเน่าลง และไม่หลั่งเมือกออกมาอีกแล้ว
หลังจากที่เช็ดจนแน่ใจแล้วว่าพิษถูกยาถอนแล้ว เทีย ก็เอาสำลีที่ใช้แล้วนั้น ใส่ลงไปใน

ถ้วยแก้วใสที่พึ่งจะหยิบขึ้นมาจากกล่องก่อน จะคว้าเอาขวดน้ำยาสีขาวในกล่องขึ้นมาอีกขวด
และเปิดจุก เทน้ำยากรอกลงไปในถ้วยจนสำลีจมอยู่ในถ้วย ก่อนจะเก็บขวดยาทั้งหมด
ลงกล่อง ก่อนจะหยิบเอาผ้าพันแผลสีขาวสะอาดขึ้นมามวนหนึ่ง

“ นี่สำลีนี่ฉันแช่ยาฆ่าเชื้อเอาไว้ รอจนกว่าเมือกเขียวๆนี่จะจางไป
หมดก่อนนะแล้วค่อยเอาไปทิ้งส่วนน้ำยาใน ถ้วยที่เหลือให้เอาไปเททิ้ง แล้วพอแผลแห้งก็เอา ผ้าพันแผลนี่พันซะ  ” 
 เทีย กล่าวจบก็ส่งผ้าพันแผลกับ ถ้วยที่แช่สำลีไว้ ให้ริคุ ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดลงกล่อง
และเอามันใส่กระเป๋าอีกครั้ง

“ เอาล่ะเริ่มจาก ฉันชื่อเทีย ไอน่าซัลเฟอร์ ครอบครัวของฉันทำการวิจัยระบบแอคเตอร์
อยู่และมาสเตอร์แอคเตอร์ ที่พวกคุณใช้ไปก็คือแอคเตอร์รูปแบบใหม่ที่มีพลังเหนือล้ำ
กว่าแอคเตอร์รุ่นต่อๆไปในอนาคต จากนี้อีก 3000 ปี ทำให้ รีกอล ซึ่งเป็นคนที่บงการ
แลนทิส พวกนี้บุกเข้ามาขโมย มาสเตอร์แอคเตอร์ แต่ฉันก็เอามันหนีมาจากอนาคต และดูเหมือนว่าแลนทิส
ที่บุกมาบางส่วน จะหลุดตามฉันมาที่นี่ด้วย พวกมันตามล่าแอคเตอร์โดย จับสัมผัสพลังงาน
ที่ปล่อยออกมาจากแอคเตอร์ ดังนั้นมันถึงได้ตามล่าฉันยังไงล่ะ  ”

เทียอธิบายถึง เรื่องราวของเธอทั้งหมดก่อนที่จะได้มาเจอกับพวกเขา

“ งั้นที่ ทิโมธี โดนทำร้ายนี่ก็คงเพราะว่า พวกมันอีกส่วน ได้ไปทำร้ายเขาที่มี
ฮอลี่กับออบซิเดียน แอคเตอร์ อยู่สินะ สุดท้ายก็เลยส่ง เข็มขัดมาให้พร้อมกับแอคเตอร์เพื่อ
ล่อให้พวกมันมาสู้กับเรา ”
ลากูน่า กล่าวน้ำเสียงเรียบ

“ ก็แล้วแต่จะคิดนะ.. ”
เทีย กล่าวหลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย
ดี ลอว์เรนซ์ ก็เดินหนีเธอ ออกไปทางประตูหลังอีกเช่นเคย ครั้งนี้
เทียเดินตามเขาออกไปทางประตูหลังได้สำเร็จโดยมี นีน่า เดินตามหลังเธอมา
 ทันทีที่ เทีย ออกไปทางประตูหลัง

สนามหญ้าหลังบ้านที่เต็มไปด้วยแปลงดอกไม้ และธารน้ำตกจำลองที่ตั้งติดกับผนังบ้าน
ซึ่งธารน้ำไหลทอดยาวผ่านแปลงทุกแปลง   บรรยากาศนี้ทำให้เธอรู้สึกถึงความหลัง
เก่าๆ ภาพ ความทรงจำที่ พ่อ พี่ชาย และแม่ของเธอก่อนที่จะหย่ากับพ่อของเธอนั้น
ได้นั่งชมสวนดอกไม้  ช่วงเวลาแห่งครอบครัวอันแสนสุขนั้น ทำให้เธอนิ่งไป


“ มีอะไรรึเปล่า เทีย ทำไมถึงหยุดเดินล่ะ ”
นีน่าถามด้วยความเป็นห่วง ทำให้เธอได้หลุดจากห้วงแห่งความนึกคิด

“ เปล่าค่ะ..ก็แค่ภาพตรงนี้มันทำให้ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศตอนที่ไปเที่ยวกับครอบครัวก็เท่านั้นเอง ”
เทีย เปรยเสียงเรียบ ขณะที่พยายามจะสลัดความทรงจำนั้นออกไป

“ คือช่วยเล่าให้ฟังทีได้ไหมค่ะ อดีตของเขากับพวสกคุณทุกคนน่ะ ”
เทีย กล่าวขอร้องขณะที่สายตานั้น ได้จับจ้องไปยัง ลอว์เรนซ์ที่ นอนเล่นอยู่
ใต้ต้นไม้

“ ได้สิแต่เรื่องมันยาวนะ ”
นีน่า กล่าวเสียงใสก่อนจะ เริ่มต้นเล่าทุกอย่างตั้งแต่วันแรกที่เธอได้พบกับ ลอว์เรนซ์
และเรื่องราวการ ผจญภัยต่างๆที่ผ่านมาให้ เทีย ฟังอย่างละเอียด

………………..
…………………
……………………
 
“ แย่แล้ว ที่ตลาด มีพวก แลนทิส บุกมาพวกมันมากันเป็นสิบเลย  ”
ริคุ ตะโกนดังลั่น ขณะที่วิ่งเข้ามาตามนีน่า และเทีย ที่อยู่หลังบ้าน
เนื้อความนั้นทำให้ ทุกคนตื่นตัวกันทันที

“ นี่รึว่ามันยกกันมาหมดเลยน่ะ…ที่สำคัญมันเข้ามาในมิตินี้ได้ยังไง ”
นีน่า ถามด้วยความสงสัย

“ เห็นว่า พวกมังกรที่ออกไปข้างนอกมา น่ะกลายร่างเป็นพวกมันน่ะสิ ”
ริคุ กล่าวด้วยความกระวนกระวาย

“ นั่นเป็นความสามารถอย่างหนึ่งของแลนทิสค่ะ พวกมันจะสามารถแปลงเป็นร่างของ
เหยื่อที่มันฆ่าได้และจะรับเอาความทรงจำของ เหยื่อมาด้วยนั่นก็เลยทำให้พวกมันเข้ามาได้ยังไงล่ะคะ ”
เทีย อธิบายขณะที่เจนัส กับ ลากูน่าก็ตามกันมารวมกลุ่มด้วย

“ จริงสิรู้สึกว่าในนั้นจะ มีอยู่ตัวนึงคล้ายๆปลานะแต่มันว่ายในอากาศได้น่ะ ”
ริคุกล่าว ทันทีที่ เทียได้ยิน ภาพของ แลนทิส ที่มาบุกบ้านของเธอก็แวบขึ้นมา

“ ตอนนั้นจำได้ว่า มีแลนทิสที่เป็นชนิดอาศัยในน้ำตัวนึงนี่นา แต่มันบินอยู่ การที่แลนทิสมี
ความสามารถเพิ่มขึ้นมาอีกนอกเหนือจากความสามารถพื้นฐานก็แปลว่า… ”
เทีย คิด ก่อนที่จะหน้าซีดเผือด ด้วยความผวา

“ แย่แล้ว..ถ้าเป็นอย่างที่ว่าล่ะก็ เจ้าแลนทิส นั่นเป็นระดับที่พัฒนาแล้ว ความแข็งแกร่งจะต่าง
กับขั้นแรกลิบลับเลย ”
เทีย อุทานในขณะที่ครึ่งสมิงทั้งสี่ ได้แต่ตีหน้านิ่วคิ้วขมวด ด้วยความเครียด จากข้มมูลที่พึ่งได้รับ
พวกเขาต้องรับมือศัตรูที่แข็งแกร่งทั้งที่ยังพึ่งใช้ แอคเตอร์ ไปได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง

“ ไม่มีเวลาแล้วพวกเรารีบออกไปกันเถอะ ”
เจนัส กล่าวจบครึ่งสมิงทั้งสี่ก็พากันวิ่งออกจากบ้านไป พร้อมกับ
มังกรหนุ่มสาวทั้งหกโดยลูกๆมังกรนั้น ถูกไลท์ ขังเอาไว้ในห้องไม่ให้หนีออกมา

ตอนนี้สวนหลังบ้านเหลือเพียงแค่ เทีย กับ ลอว์เรนซ์เท่านั้น
เธอเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้าก่อนจะหยุดลงที่ตรงหน้า

“ ฉันรู้เรื่องหมดแล้วเหตุผลที่คุณไม่ยอมสู้ ฉันเข้าใจดี เพราะพี่ชายของฉันเอง ก็เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อ
ปกป้องฉันเหมือนกัน และตอนนี้เค้าก็ยังสู้อยู่ที่อนาคตแต่ก็คงจะไม่มีทางรอดแล้วล่ะ
 เพราะพี่ใช้พลังทั้งหมดส่งฉันหนีมานี่แล้ว ”
เทียกล่าวเสียงแผ่วในขณะที่ลอว์เรนซ์ ยังคงนั่งเฉย

“ อย่างน้อยๆฉันก็อยากจะรับผิดชอบที่ต้องดึงพวกคุณมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ด้วยแต่ฉันก็ทำได้
เพียงแค่ให้ข้อมูลกับอาวุธเท่านั้นที่สุดแล้วฉันก็ไม่อยากให้ใครต้องมาสังเวยชีวิต เพิ่มไปอีกเพราะ
เรื่องของฉัน….ฉันจะไม่ขอให้คุณสู้แต่ถ้าเห็นแก่เพื่อนๆของคุณ ศัตรูคราวนี้มันแข็งแกร่งมาก  ”
เทีย กล่าววิงวอนด้วยความหวังว่าเขาจะยอมเข้าใจ

“ ยังไงซะชั้นก็ขอยืนยันคำเดิม ชั้นไม่คิดจะจับดาบอีกแล้ว ”
ลอว์เรนซ์กล่าว

“ นั่นสินะคะ..ฉันต้องขอโทษด้วยทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคุณ ต้องเจ็บปวดกับการต่อสู้มาถึงขนาดนั้น
ก็ยังจะมาฝืนใจให้คุณทำทั้งที่ไม่อยาก.. ”
เทียกล่าวจบก็ วิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย ทิ้งไว้เพียงประกายน้ำตายที่ กระเด็นตอนเธอหันหนีไป
เท่านั้นที่ยังคง สะท้อนอยู่ในใจของเขา

“ นี่เราทำถูกแล้วหรือ…ที่ปฏิเสธเขาไป ทำไมกันทั้งที่ถูกบังคับให้สู้ทั้งที่ไม่อยากแต่
ทำไมใจเรากลับรู้สึกขัดๆตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว …ไม่เอาแล้วจะเป็นยังไงก็ช่างสิ เราจะไม่สู้อีกแล้ว ”
ลอว์เรนซ์คิด ขณะที่ลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้าน

“ ชั้นได้ยินหมดแล้ว… ”
เสียงหนึ่งแว่วขึ้นมา ทำให้เขาหันควับไปยังต้นเสียง ด้วยความตกใจ
ทิโมธี ซึ่งลุกขึ้นมานั่งซ่อมกลไก หัวของทินทอน นั่นเองที่เป็นเจ้าของเสียงเมื่อครู่

“ เพราะการต่อสู้ทำให้เสียพี่ชายไปก็เลยพาลเกลียดการต่อสู้ ไปไม่สมกับเป็นเจ้าเลยนะ ”
ทิโมธีกล่าวเสียงเรียบขณะที่มือยังคง หมุนไขควง ขันน็อตในหัวของทินทอน

“ แล้วมันยังไงล่ะ…สู้ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกรังแต่จะเสียซะเปล่าๆ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“ ไม่อยากเชื่อเลยนะว่านั่นจะออกมาจากปากของ ผู้กล้าที่เคยกอบกู้โลกนี้ไว้น่ะ
รู้อะไรไหม เหตุผลจริงๆที่ข้ายอม เข้าร่วมกับอิเดียพ่อของเจ้าในตอนนั้นน่ะ ”
ทิโมธี กล่าว

“ นี่แกต้องการจะบอกอะไรกันแน่… ”
ลอว์เรนซ์กล่าวเขาเริ่มไม่สบอารมณ์กับท่าทีของทิโมธีซะแล้ว

“ ในตอนที่ข้าพบกับเขาครั้งแรกน่ะ ข้าเห็นถึงความตั้งใจที่แรงกล้าซึ่งลึกเข้าไปในจิตใจ
ของเขาที่จะสู้เพื่อปกป้องคนสำคัญ นั่นล่ะทำให้ข้ายอมที่จะรับใช้เขา พ่อของเจ้าน่ะพยายามที่จะต้านทาน
อำนาจจิตด้านลบอย่างสุดความสามารถเพื่อสั่งให้ข้าไปช่วยหยุดการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับพี่ของเจ้า
แม้แต่พี่ของเจ้าสุดท้ายเขาก็ยอมสละชีวิตเข้าปกป้องเจ้า… ”
ทิโมธีกล่าวยังไม่ทันจบก็ต้องชะงักไปเมื่อ ลอว์เรนซ์ ทุบกำปั้นเข้าของประตู

“ แล้วมันยังไงล่ะสุดท้ายก็ตายเปล่าทิ้งชั้นไว้คนเดียว…สู้ไปให้มันได้อะไรขึ้นมา ”
ลอว์เรนซ์ตะหวาด ด้วยความหงุดหงิด





“ ดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้าใจความหมายของการต่อสู้ผิดไปนะ…คนเราจะลุกขึ้นมาสู้ก็เพื่อปกป้อง
บางสิ่งที่สำคัญกับเรา เพื่อที่จะปกป้องสิ่งนั้นแม้ชีวีก็ไม่เสียดาย คนที่สู้ไปโดยไม่มีเหตุผล น่ะไม่มีหรอก
ชีวิตของทุกคนจะต้องสู้เพื่อที่จะก้าวไปยังอนาคต เคยพูดเอาไว้ไม่ใช่รึไง ว่าต่อให้เป็น ลิขิตสวรรค์
หรือเทพบันดาลก็จะก้าวข้ามมันไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอนาคต ผู้กล้าที่ไขว่คว้าอนาคตนั่นล่ะที่เป็นเจ้า ”

ทิโมธี กล่าว คำพูดของเขาทำให้ลอว์เรนซ์เริ่มรู้สึกตัวว่า ที่เขาทำนั้นมันเป็นเพียงการหลีกหนีปัญหาเท่านั้น
เขาเกือบจะลืมถึงเหตุผลของการต่อสู้และความเป็นตัวของตัวเองไปเสียแล้ว

“ นั่นสินะชั้นนี่มันบ้าจริงๆ…ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าความรู้สึกที่ต้องสูญเสีย
พี่ชาย ไปมันเจ็บปวดแค่ไหน แต่ชั้นกลับเมินหนีและไม่สนใจใยดีเลยว่า เธอคนนั้นจะรู้สึกยังไง
ไม่ยอมหรอก ถึงอดีตของชั้นจะย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้วก็ตาม แต่สำหรับเธอมันคืออนาคต
ไม่ใช่อดีต ไม่ยอมให้เธอต้องเป็นแบบชั้นแน่นอน…รอก่อนนะ เทีย ”
ลอว์เรนซ์ คิด ขณะที่สัญลักษญ์แห่งอรุณได้ปรากฏเรืองรองบนหลังมือที่กำแน่นของเขา

……………..
……………………
……………………..

ณ ลานกลางตลาด

จักรกลมีชีวิต 4 ตัวได้โผล่ออกมา จากช่องว่างมิติที่บิดเบี้ยว และพุ่งตรงลงไปยังลานข้างล่าง
ก่อนที่จะถูกคว้าไปอยู่ในมือของผู้ใช้และแปรสภาพตัวเองเป็นสวิตซ์


“ Exchange ”
สิ้นเสียง เจนัส นีน่า ลากูน่าและริคุ ทั้งหมดก็ได้สวมใส่เกราะของแอคเตอร์
ต่อหน้าต่อตา บรรดาแลนทิส นับสิบ ซึ่งมีทั้ง กราเวลล่าแลนทิส  10 ตัวโปรวิเด็นเซอร์แลนทิส  10 ตัว
และแลนทิสรูปร่างคล้ายเสือผสมม้าลาย 5 ตัว กับแลนทิสรูปร่างปลาซึ่งแหวกว่ายอยู่ในอากาศ 1 ตัว


“ ชิ…ยกโขยงกันมาหมดเลยรึไงนะ ”
เจนัส ที่สวม เนลฟาแอคเตอร์ สบถก่อนที่จะกระโดดขึ้นไป
ทันทีที่เขาออกแรงสะบัด ปีกเหล็ก ก็กางขึ้นทันทีพร้อมกับไอพ่น
ที่ถูกปล่อยอกมาส่งตัวเขาให้ทะยานอยู่บนฟ้าได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเล็งลำกล้องปืนที่ข้อมือขวา
ลงมายิงกราดใส่แลนทิส ทั้งหมด

“ มีเกือบสามสิบตัวเลยได้มั้งเนี่ย ”
นีน่า ที่สวมใส่ ชูริกะแอคเตอร์ กล่าวพลางเตะตวัดขาปัดป้องการโจมตีของ โปรวิเด็นเซอร์แลนทิส
ที่เข้าล้อมเธอไว้ ทันทีที่โปรวิเด็นเซอร์แลนทิส ทั้ง 5 ตัวพุ่งเข้าใส่พร้อมกัน เธอได้กระโดดถอยห่างออกมาจากวงล้อม
จนพวกมันชนเข้ากันเสียเอง เมื่อสบโอกาส นีน่าจึงคว้าเอา กงจักรที่ติดอยู่ตรงเกราะไหล่ออกมา
และขว้างมันออกไป กงจักรได้เฉือนร่างของ โปรวิเด็นเซอร์แลนทิส ตัวแล้วตัวเล่าก่อนที่ 2 ใน 5 ตัว
จะระเบิดตัวเองไป

“ สำเร็จ…อะ….นี่มัน ”
ลากูน่า ที่สวมใส่ ซาร์แสลซแอคเตอร์ กล่าวเสียงใสหลังจากที่เห็นว่าโปรวิเด็นเซอร์แลนทิสถูกกำจัด ไปบ้างแล้ว
ทว่าเขาก็ต้องชะงักไปเมื่อ เจ้าแลนทิสรูปร่างปลานั้น ได้ยืดครีบจำนวนมากทั่วทั้งร่าง
ของมัน ไปยังเศษซากที่เหลือของโปรวิเด็นเซอร์แลนทิส ที่ถูกทำลายไปเมื่อครู่
ก่อนที่ครีบเหล่านั้นจะหลั่งสารบางอย่างลงไป เพียงไม่นานหลังจากที่สารเหล่านั้น
ซึมเข้าไปในเศษซากทั้งหมด เศษซากเหล่านั้น ก็ค่อยงอกเจริญเติบโตขึ้น เป็นโปรวิเด็นเซอร์แลนทิส
อีกครั้งแต่ด้วยจำนวนเศษซากที่กระจายออกมานับ สิบทำให้จำนวนที่เพิ่มขึ้นนั้น
เป็นทวีคูณ

“ ขืนเป็นแบบนี้ ยิ่งกำจัดมันก็ยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆสิ ”
ริคุ ที่สวมใส่ ไนเซอร์แอคเตอร์ กล่าว พร้อมกับ รัวกระสุนใส่ แลนทิส ที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วนี้
 
(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n009/32.jpg)

“ เจ้าปลานั่น อควอร่าแลนทิส (Aquara Lantis) แถมยังเป็นระดับสองด้วยไม่สิ..เจ้านี่มันอาศัยอยู่แต่ในน้ำ
แต่การที่มันขึ้นว่ายอยู่ในอากาศได้แล้วยังมีความสามารถ แบบนี้ก็แปลว่า…เจ้านี่มันขั้นสามแล้ว ”
เทีย ซึ่งยืนมองอยู่นอกวงกับเหล่ามังกรทั้งหก กล่าวขณะที่พิเคราะห์ ความสามารถ
ของแลนทิสรูปร่างปลาอยู่นั้น ไม่ทันขาดคำมันก็แสดงอีกความสามรถ
ออกมาจนได้ เมื่อ อควอร่าแลนทิส สร้างเกราะป้องกัน พลังงานขึ้นมาล้อมรอบตนไว้ ทันทีที่

ปืนของ เจนัส ยิงสาดลงมา ทันทีที่ เจนัสหยุดยิงมันก็คลายเกราะออกและ ตวัดครีบอกไปรัดเหนี่ยวร่าง
ของ เจนัส ที่บินอยู่ลงมาทุ่มตรงหน้า

“ มีอีกความสามารถด้วยงั้นเหรอ เจ้านี่มันขั้นสมบรูณ์แล้วนี่ ”
เทีย กล่าวจบไม่นานักก็มีเรื่องที่จะต้องกังวลยิ่งกว่านั้น เมื่อแลนทิสรูปร่างเสือผสมม้าลาย

เริ่มแยกร่างออกมาจำนวนมาก ทั้งที่ อควอร่าแลนทิส ยังไม่ได้ใช้พลัง ทว่าร่างเหล่านั้น
ดูเหมือนจะเป็นแค่ร่างเงา เพราะเมื่อนีน่า ซัดกงจักรใส่ กงจักรก็ผลัน ทะลุผ่านร่างมันไปทันที

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n009/9.jpg)

“ เจ้า ชิมเมรอลแลนทิส(Shimmeral Lantis)ก็ด้วยเหรอนี่หรือว่า โปรวิเด็นเซอร์กับกราเวลลาก็ด้วย ”
เทีย คิดขณะที่สิ่งที่เธอกำลังหวั่นนั้น ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ เมื่อ โปรวิเด็นเซอร์แลนทิสได้ สร้างเกราะพลังงาน
ขึ้นมาและเมื่อพวกมันนำมาประสานเข้าด้วยกันล้อมรอบ อควอร่าแลนทิส และเจนัสไว้

เกราะก็มีขนาดใหญ่ขึ้นจนในที่สุดเมื่อ ลากูน่า ลากเท้าไปตามพื้นโดยมีลูกล้อที่เกราะเท้า ช่วยหมุนเพิ่มความเร็ว
เข้าไปพุ่งชนทว่าก็ถูกเกราะพลังงานนั้น

สะท้อนกระเด็นออกมา ไม่เว้นแม้แต่กระสุนที่ ริคุ ยิงไปยั้งสะท้อนตามกันออกมา ทำให้การคุ้มภัยให้กับ
อควอร่าแลนทิส สมบรูณ์ยิ่งขึ้น และไม่นานนัก กราเวลลาแลนทิส ก็ได้ ตวัดหางฟาดใส่ พวกเขาเป็นพัลวัล
โดยที่การฟาดแต่ล่ะครั้งนั้น มีความหนักหน่วงมาก


“ กำหนดเขตแดน แยกเงา หางเหล็กกล้า ตวัดรัดเหนี่ยว ขยายส่วนคืนชีพ
แหวกนภา แล้วยังมีกำแพงแสงอีก แลนทิส พวกนี้มีความสามารถพัฒนาขึ้นทุกตัวเลย
หรือเพราะ พวกมันเห็นการต่อสู้ของ พวก กราเวลลา เมื่อตอนนั้น ถึงได้ออกฆ่า สิ่งมีชีวิต
เพื่อพฒนาระดับของตน…ไม่ได้การในโลกอนาคต แค่ระดับสอง พี่ยังเอาไม่ค่อยจะอยู่เลย
แต่นี่มันมีระดับสมบรูณ์อยู่ด้วย มาสเตอร์แอคเตอร์ที่ใช้อยู่นี่ถึงจะถูกสร้างให้มารับมือกับ
ระดับสองและสาม แต่ว่ากับระดับสมบรูณ์นี่มัน ”

เทีย คิดขณะที่กำลังมองหาทางออกของสถานการณ์ ที่ภายในวงล้อมเกราะพลังงานของแลนทิส
ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อ เจนัส ที่อยู่ข้างใน พยายามขัดขืน จนคลายตัวออกจากครีบ
ของอควอร่าได้ ในที่สุด เขารีบดันสลัก ปืนที่มือทันที คลื่นไฟฟ้าวิ่งไหลไปตามรอยต่อของชุดเกราะ
ทันทีที่ชุดเกราะขยาย ตัวหลวม ทั้งหมด แลนทิส ที่อยู่ในวงล้อม ก็พุ่งเข้ามาหมายจะหยุดเขา
แต่ เจนัส ก็ดันสลักกลับทันที

“ Cast Off ”
สิ้นเสียง ชุดเกราะก็ระเบิดออก เศษชิ้นส่วนเกราะได้กระจายเข้าไปกระแทก โปรวิเด็นเซอร์
ทุกตัวจนกระจายวงออกทำให้ อาณาเขตสนามพลังหายไป

“ Change Wolf ”
  เสียงดังขึ้นอีกคราพร้อมกับ เกราะหัวที่โหลดต่ำลงมาจนดูราวกับหมาป่า

“ เราก็ Cast Off กันเถอะ ”
ริคุ เสนอไม่นานนักพวกเขาก็ทำการสลับสลักและสวิตซ์ทันที คลื่นไฟฟ้าที่ไหลกระจายไปทั้งร่าง
พร้อมกับชุดเกราะที่ ขยายตัวหลวมขึ้นก่อนที่พวกเขาจะดันสลักกลับ พร้อมกับชุดเกราะที่ระเบิดตัวออก

“ Cast Off ”
“ Change Mantis ”
“ Change Butterfly ”
“ Change Wolf ”

เสียงทั้งหมดดังขึ้นพร้อมกัน ไม่นานนัก แลนทิส ทั้งหมดก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ในทันที พวกเขาจึงทุบสวิตซ์ เพื่อเข้าสู่ห้วงเวลา เดียวกับพวกแลนทิส

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง ทุกๆอย่างรอบตัวพวกเขาก็ เคลื่อนไหวช้าลง ร่างเงาของชิมเมรอล นั้นแทบจะหยุดค้างอยู่กลางอากาศ
แต่ก็ยังคงเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ
 เจนัส รีบชักเอา ทอนฟา ขึ้นมาเตรียมทันที เพราะจำนวนแลนทิส ที่ Time Walk ได้นั้น
มีจำนวนมากมายเหลือคณา อีกทั้งหากทำลายมัน อควอร่า ก็จะทำให้พวกมันคืนชีพและเพิ่มจำนวน
ขึ้นอีกครั้นจะเข้าไปจัดการกับตัว อควอร่า เองพวกแลนทิสตัวอื่นก็จะเข้ามาขวางไว้ ด้วยจำนวนที่มากกว่า
พวกเขาเป็นเท่าตัว การต่อสู้จึงเป็นไปอย่างยากลำบาก

ขณะเดียวกัน เทียและเหล่ามังกรที่อยู่คนละห้วงกระแส ก็มองเห็นพวกเขาทั้งหมด
เคลื่อนที่กันสับสนอลหม่าน ไปทั่ว

“ ไม่ไหวหรอกจำนวนมันเยอะเกินไป ”
เทีย กล่าวขณะที่พยายามมองตาม จนในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปครบกำหนด สามนาที

“ Time Walk ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ร่างของพวกเขาทั้งสี่ ถูกกราเวลลา และโปรวิเด็นเซอร์
หลายตัวกดทับไว้ จนขยับหนีไม่ได้

“ Razor Leaf ”
เสียงทุ้มต่ำดังกังวานขึ้นจาก ชุดเกราะของ นีน่า จักรกลีบดอกไม้ทั้ง 4 ดอก
ก็ผลัน แยกตัวจากกันเป็นกลีบ ทั้งสิ้น 16 กลีบ ก่อนจะพุ่ง ฉวัดเฉวียน
เข้าไปเชือดเฉือน จนแลนทิสทั้งหมดต้องถอยห่าง พวกเขาลุกขึ้นพร้อมกับที่ นีน่า
เรียกให้กลีบดอกทั้งหมดกลับมารวมเป็นจักรดอกไม้ทั้งสี่อีกครา

“ จัดการไปพร้อมๆกันเลย ”
เจนัส กล่าวจบพวกเขาทุกคนก็ ทำการเตรียมใช้ท่าพิฆาตทันที

“ Mega Kick ”
“ Mega Slash ”
“ Mega Shooting ”
“ Mega Kick ”
สิ้นเสียงจากชุดเกราะ เจนัส กับ ลากูน่า ก็วิ่งเข้าไป เตะกวาดเหล่าแลนทิส ทั้งซ้ายและขวา
ให้ไปรวมกัน โดย ริคุ คอยใช้ใบมีดที่สะสมประจุ ตวัดปัดครีบและหางเหล็ก ของอควอร่า และ กราเวลลา

จนเมื่อมันมารวมกันทั้งหมด การสะสมประจุพลังงานของ นีน่า ก็สมบรูณ์ คลื่นพลังทรงอานุภาพ
ถูกยิงผ่านกลีบดอกทั้ง 4 ที่มาซ้อนกัน ตรงเข้าหาร่าง ของแลนทิสที่กองอยู่ ผลัน เจ้าโปรวิเด็นเซอร์แลนทิส
ทั้งหมดก็ได้ลุกฮือขึ้นสร้างอาณาเขตป้องกัน การโจมตีของ นีน่า ที่กระทบเข้ากับเกราะอาณาเขตนั้น
ลำแสงทั้งหมดก็ถูกสะท้อน ออกมากระแทกใส่พวกเขาทั้งหมด

“ อัก…ไม่ไหวจริงๆรึนี่ ”
เจนัส สบถขณะที่พยายามยันตัวลุกขึ้นสู้

“ ก็าซซซ ”(พวกเราไปช่วยกันเถอะ)
ไลท์ กล่าวจบพวกเพื่อนมังกรก็ออกไป ช่วยสู้ทว่า ก็ถูก ครีบของ อควอร่า จับตัว
ไว้ทั้งหมด  มังกรทั้งหกตัวกำลังจะ ถูก อควอร่า ที่ง้าง คมเขี้ยวเต็มที่หมายจะกลืนกิน
ร่างของ มังกรทั้งหกให้เปรม 

“ นี่คิดจะกินกันสดๆเลยเรอะ ”
ริคุ กล่าวครั้นเมื่อพวกเขาจะเข้าไปช่วย ก็ถูก หางเหล็กของกราเวลลา ฟาดจนล้ม ก่อนจะ
ถูกรัว ทุบไม่หยุด ชุดเกราะของพวกเขา ถูกฟาดจนเริ่มแตกหัก เจนัสพยายามฝืนโดยเอาทอนฟารับหาง
เหล็กไว้ จนหลุดออกมาจากวงล้อม แต่ทว่าทอนฟาของเขาก็หักไปแล้ว

เจนัสรีบวิ่งตรงเข้ายังร่าง ของ อควอร่า ที่ไร้การป้องกัน ทว่าชิมเมรอลก็เข้ามาขวางและ แยกเงา
ออกมานับสิบร่าง พุ่งเข้าชนใส่ไปมา จนไม่อาจเคลื่อนที่ไปไหนได้

ขณะที่ เจนัส ถูกชนไปมาอยู่นั้น นีน่าที่ยังตกอยู่ในวงล้อมของ กราเวลลา ก็ถูกกระหน่ำตีหนักขึ้นกว่า
ลากูน่า และ ริคุ จนตอนนี้เธอบอบช้ำไปทั้งตัว เกราะที่สวมอยู่นั้น แทบจะไม่ช่วยคุ้มกันอะไรให้อีกแล้ว
ซ้ำจักรกลีบดอกไม้ก็ถูก โปรวิเด็นเซอร์ ขยี้จนแตกละเอียด

“ นีน่า…อุบ ”
เจนัสพยายามที่จะเข้าไปช่วย แต่เขาก็ยังไม่อาจหลุดออกมาจากวงล้อม ชิมเมรอล
ได้ ความบอบช้ำจากการถูกกระแทกไปมาเริ่มทำให้เขาหมดแรง ที่สุดแล้ว เขาเริ่ม รู้สึกมึน

และจุก ในขณะที่ร่างถูกกระแทกไปมานั้น เขาก็เริ่มจะไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว เพียงไม่นานนัก
เจนัส ก็ฟุบหมอบราบลง พร้อมกับร่างของ ชิมเมรอล ที่หยุดการเคลื่อนไหว

 ก่อนจะลงมือขย้ำร่างของ เจนัส ชุดเกราะผุๆที่สวมร่างอยู่ตอนนี้ ไม่อาจกันคมเขี้ยวของ
พวกมันได้ โลหิตสดๆไหลอาบ ไปทั้งร่าง ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆที่มองดู
โดยไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยได้
 
“ เจ…นัส ”
นีน่า ที่ยังคงถูกกระหน่ำตีจน หน้ากาก แตกไปส่วนแล้ว พยายามจะคลานออกไป
หาเจนัส แต่ก็ถูก หางของ กราเวลลา ตัวหนึ่ง รัดคอเอาไว้

ลากูน่า และริคุ ที่จะเข้าไปช่วยนั้น พวกเขากลับถูกโปรวิเด็นเซอร์
สร้างเกราะพลัง งานขังเอาไว้ไม่ให้เข้าไปช่วย  ในขณะที่ เหล่ามังกรกำลังจะถูกเขมือบด้วยนั้น

“ ปล่อยพวกเขาซะ ”
เทีย ที่วิ่งเข้าตะโกนลั่น ทำให้พวกแลนทิส หยุดไปมองด้วยความสนใจ

“ พวกแกแค่ได้รับคำสั่งให้ ตามจับตัวฉันแล้วเอามาสเตอร์แอคเตอร์กลับไปใช่ไหม
ถ้างั้นก็ปล่อยพวกเขาซะแล้วฉันจะยอมมอบ มาสเตอร์แอคเตอร์ให้รวมทั้งตัวฉันด้วย ”
เทีย พยายามเจรจาทั้งที่รู้ว่าพวกมันคงไม่เข้าใจความหมาย
ทว่า อควอร่าแลนทิส ก็ว่ายเข้ามาหา เธอใกล้ราวกับเข้าใจ

“ ผิดแล้วเราได้รับคำสั่งให้ทำลาย มาสเตอร์แอคเตอร์และฆ่าผู้ที่ถูกเลือกซะ รวมไปถึงเธอด้วย ”
อควอร่าแลนทิสกล่าวเสียงแหบ ซึ่งนั่นทำให้เธอแทบช็อก อยู่ ตรงนั้น ที่มันสามารถพูดได้
แต่เนื้อความที่ อควอร่า กล่าวนั้นกลับทำให้เธอ ช็อกยิ่งกว่า เมื่อเธอสำคัญผิดว่า รีกอล ต้องการ
มาสเตอร์แอคเตอร์ แต่แท้จริงแล้วเขาเพียงแค่ต้องการทำลายมันเท่านั้น

เมื่อคิดได้ดังนั้น เทีย จึงประจักษ์แล้วว่า พี่และพ่อของเธอก็คงจะถูกฆ่าไปแล้วหาก รีกอลไม่สนใจที่
ให้พ่อของเธอสร้าง มาสเตอร์แอคเตอร์ ขึ้นมาใหม่

“ ตามคำสั่งเราจะเริ่มกำจัดจากเธอก่อน ”
อควอร่า กล่าวจบ ก็ง้างเขี้ยวขึ้นเพื่อจะ ขย้ำร่างของเธอเข้าไป ทว่า
มังกรจักรกลขนาดเล็กก็พุ่งเข้ามาชน ปากของมันจนกระเด็นไปก่อนที่จะ
บินกลับไป ตัดครีบของ มันจนร่างของ มังกรทั้งหก ร่วงหล่นลงสู่พื้น

“ เดรคแอคเตอร์… ”
เทีย อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อ โดยที่สายตานั้นยังคงจับจ้องอยู่ที่ เดรคแอคเตอร์
ซึ่งบินไปหาเจ้าของ ที่เดิน นวยนาดตรงเข้ามา มังกรจักรกลได้พับประกอบตัวเอง
เป็นลักษณะ กำไลข้อมือ โดยหางของมันที่เป็นทรงเรียวแหลมนั้น ได้ยื่นตรงไปข้างหน้า
ก่อนจะเข้าไปอยู่ในมือของผู้ถูกเลือก

“ ลอว์เรนซ์ ”
เทียเปรยเสียงเรียบ โดยไม่คิดว่า ลอว์เรนซ์ จะเป็นผู้ที่ช่วยเธอไว้ทั้งที่เขาปฏิเสธ เธอ
อย่างเด็ดขาด

“ ถึงจะมีมาเพิ่มอีกคนก็ไม่ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นมาหรอก ”
อควอร่า สบถขณะที่ถอยไปอยู่หลังแลนทิสทั้งหมด

“ เคยมีคนพูดไว้จงก้าวข้ามลิขิตแห่งฟ้าเพื่อไขว่คว้าอนาคตมาไว้ในกำมือ  ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็ สวมแอคเตอร์เข้าที่ข้อมือ ก่อนจะดันหางที่เป็นสวิตซ์ขึ้น

“ Exchange ”


โปรดติดตามตอนต่อไป


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra
Post by: cocka-c on September 07, 2008, 07:45:52 PM
หมายเหตุในตอนนี้ มีการอัพเสียงประกอบไว้ด้วย สามารถโหลดเพื่อ ฟังลักษณะของเสียงได้


Task 4 Maximum Power


“ Exchange ” 
เสียงดังขึ้นทันทีที่ ลอว์เรนซ์ ดันหางของ แอคเตอร์ ซึ่งเป็นสวิตซ์ขึ้น ก็เกิดบล็อก
จำนวนมากเรียงตัวครอบคลุมร่างของเขาก่อนจะกลายรูปเป็นชุดเกราะซึ่งมี เกราะอก คล้ายหัวมังกร
ที่แขนข้างขวา ตัวแอคเตอร์ ได้กลายสภาพเป็นอาวุธ รูปร่างคล้ายโล่ และมีส่วนของ สว่านยื่นออกมา

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504AF74R5J1R5OLTKO2XJUPMGNB (http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504AF74R5J1R5OLTKO2XJUPMGNB)]

(http://image.ohozaa.com/is/actordrake.jpg)

แลนทิสทั้งหมดเปลี่ยนเป้าหมายจาก พวก เจนัส มายังเขาทันที สว่านที่มือของเขาเริ่มหมุน
ทันทีที่ กราเวลลาแลนทิส ตัวแรกเข้ามาใกล้ เขาก็แทงสว่านลงไปยังร่างของมัน
ก่อนที่สว่านจะปั่นร่างของมันจนเละ ครั้นเมื่อ หางเหล็กของกราเวลลา ตัวอื่น พุ่งมา
เขาก็ยกโล่ซึ่งติดกับสว่านขึ้นมาปัดป้อง โดยที่เสียงกระทบของสว่านกับหางเหล็กนั้น

ดังเสียดสี กังวานออกมา ไม่เพียงเท่านั้น ชิมเมรอลแลนทิสยัง แยกร่างเงาออกมาเพิ่ม
และพุ่งล้อมไปมาเพื่อให้เขามองได้ลำบากขึ้น แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ลอว์เรนซ์ เอื้อมมือไปกด
ดึงสลักข้อมือที่ ใต้โล่ลงมา คลื่นไฟฟ้าได้ไหลผ่านไปตามรอยต่อของชุดเกราะก่อนที่มันจะ
แยกชิ้นและขยายตัวหลวมออก

“ Cast Off ”
เสียงทุ้มกังวานดังขึ้นทันทีที่ ลอว์เรนซ์ ดันสลักข้อมือกลับ ชุดเกราะระเบิดตัวออก
โดยที่เศษ ชิ้นส่วนนั้นกระจายตัวกระแทกเหล่าแลนทิส กระเด็นไปจนหมด


เกราะอกที่มี รูปร่างคล้ายหัวมังกรได้เลื่อนขึ้นมาประกบติดกับเกราะหัวจนเป็นหน้ากาก
หัวมังกร เกราะที่ซ้อนอยู่ใต้เกราะหัวไหล่ซึ่งหลุดออกไปนั้น ได้ยื่นออกเป็นปีก ที่เกราะขา
ใบมีดซึ่งพับตัวเก็บอยู่เลื่อนออกมาประกบติดกับแข้ง  ส่วนโล่กับสว่านนั้นได้หลุดออกไป
เหลือไว้เพียงกรงเล็บขนาดใหญที่มือทั้งสองข้าง

“ Change Dragonfly ”
สิ้นเสียง ลอว์เรนซ์ ก็ กดสวิตซ์ ที่เกราะแขนขวา ทันที

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B1E2VDRU345[MLYH8QWO194D (http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B1E2VDRU345[MLYH8QWO194D)]

(http://image.ohozaa.com/ih/actordrake2.jpg)

“Time Walk  ”
สิ้นเสียง ลอว์เรนซ์ก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว โปรวิเด็นเซอร์ กลาเวลลา และชิมเมรอล หลายตัวถูกกำจัดไปก่อนที่
ได้ Time Walk ทว่า อควอร่าแลนทิสก็รีบทำการคืนชีพให้แก่ พวกมันทันทีพร้อมทั้งเพิ่มจำนวนขึ้นมาอีกด้วย
 
ก่อนที่ตัวมันเองจะ Time Walk ตามไป ลอว์เรนซ์ ที่พุ่งตวัดกรงเล็บใส่ร่างของแลนทิสที่ยัง
ไม่ได้ Time Walk อยู่นั้น เมื่อเห็นว่า อควอร่า ตามเข้ามา ในห้วงเวลาแล้ว จึงเปลี่ยนเป้าหมาย
เข้าไปต่อกรกับ อควอร่า ทันที ทว่าอควอร่า กลับเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมากจนเขาเอง
ตามแทบไม่ทัน 

“ Time Walk ”
 สิ้นเสียง ลอว์เรนซ์ ก็กลับมายังห้วงเวลาเดิมโดยเขาถูกพวกแลนทิสล้อมไว้แล้ว
แต่ลอว์เรนซ์ ก็ กดสวิตซ์ ที่เกราะแขนอีกครั้ง ก่อนจะชัก สลักของข้อแขน คลื่นไฟฟ้า
พุ่งพล่านไปทังร่างก่อนจะมารวมกันที่ หน้าแข้ง ข้างขวา ทันทีที่แลนทิสทั้ง หมดพุ่งเข้าใส่

“ Mega Kick ”
สิ้นเสียง ลอว์เรนซ์ ก็ตวัดขาเตะ วนไปรอบๆ ใบมีดที่ขาได้เฉือนและถ่ายประจุเข้าไปในร่างของ
แลนทิส ทุกตัวก่อนจะระเบิดเป็นซาก แต่แล้ว อควอร่า ที่ยังรอดอยู่ก็ได้คืนชีพให้แก่พวกมันอีกครา
และจำนวนยังเพิ่มเป็นทวีคูณ จนตอนนี้มีนับร้อย

“ ไม่ได้การขืนเป็นแบบนี้มีแต่จะทำให้พวกมันเพิ่มจำนวนขึ้นเท่านั้น  ”
เทีย กล่าว ในขณะที่พวกมังกร ทั้งหก ช่วยกันลาก พวกเจนัส ที่บาดเจ็บออกมา

“ ถ้าไม่กำจัดแก่ก่อนมันก็คงไม่จบสินะ ”
ลอว์เรนซ์กล่าวพร้อมกับชี้หน้า ของ อควอร่า  สิ้นคำ เหนือหัวของเขา
ก็เกิดคลื่นไฟฟ้า ไหลเวียนไปรอบๆ ก่อนที่ดาบเล่มสีดำทองซึ่งมีกลไกติดอยู่ ก็พุ่งออกมา
เขาคว้ามันไว้

(http://image.ohozaa.com/ir/hypersword1.jpg)

“ ชั้นคือนักรบผู้ไขว่คว้าอนาคต ทางเดินของชั้น….ชั้นเลือกเอง ”
สิ้นคำ ลอว์เรนซ์ ก็กดสวิตซ์ ที่ดาบ คลื่นไฟฟ้าไหลเวียนออกมาจากดาบ แล่นไปทั่วร่าง
พร้อมกับชุดเกราะที่เปลี่ยนไปทั้งร่าง เกราะปีกหุบตัวลง บล็อกชิ้นส่วนต่างๆปรากฏ
ขึ้นรอบๆร่างของเขาก่อนจะเรียงตัวเป็นส่วนเสริมของเกราะ

“ Change Hyper Dragonfly ”
เสียงดังก้องกังวานจากตัวชุดเกราะพร้อมกับ ปีกพลังงานสีรุ้งขนาดใหญ่ที่กางออกมา
ต่อหน้าต่อตาของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เทียรีบเปิดสมุดคู่มือของมาสเตอร์แอคเตอร์ทันที

(http://image.ohozaa.com/iw/actordrake3.jpg)

“ นี่มัน เดรคแอคเตอร์ได้ติดตั้งโหมดพิเศษซึ่งมีพลังระดับสูง ซึ่งจะยกระดับความสามารถของผู้ใช้ขึ้นทั้งหมด
สิบเท่า อำนาจในการเดินในกระแสเวลานั้น จะถูกเพิ่มประสิทธิภาพเป็น
 ควบคุมเวลาได้ดั่งใจชื่อของมันก็คือ Hyper Mode ”
เทีย อุทานออกมาหลังจากที่อ่านข้อความในคู่มือถึงพลังอันโดดเด่นของ  ไฮเปอร์โหมดนี้
ขณะที่แลนทิส ทั้งหมดได้ เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่พวกมันก็ไม่รอช้ารีบ Time Walk กันทันที
เพื่อหมายจะจัดการเขาโดยไม่ให้ตั้งตัว ทว่าทันทีที่ลอว์เรนซ์ กดปุ่มบนด้ามดาบ คลื่น
พลังงานที่มองไม่เห็นก็แผ่ออกมาจากร่างของเขา

“ Chrono Control ”
สิ้นเสียง ทุกๆอย่างรอบตัวของเขาก็หยุดลง แน่นอนบัดนี้ไม่เสมือนว่าเวลาหยุดลง
แต่บัดนี้เขาได้ทำให้เวลานั้นหยุดลงโดยสมบรูณ์ เหล่าแลนทิส นับร้อยต่างหยุดนิ่ง
ค้างในท่าต่างๆ ลอว์เรนซ์ ยกดาบขึ้นก่อนจะพุ่งตัวฟัน แลนทิส จำนวนมาก
จนเมื่อเวลาผ่านไป ก็ได้ครบกำหนดการใช้พลัง

“ Chrono Control ”
สิ้นเสียง ร่างของแลนทิสที่ถูกฟันไปก็ได้ระเบิดออก โดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
แต่แล้ว เมื่อ อควอร่า จะคืนชีพให้แก่ แลนทิส อีกครั้ง ลอว์เรนซ์ก็ได้เข้าไปเพื่อจะขัดขวางทว่า แลนทิสตัวอื่นๆที่ยังเหลืออยู่ก็เข้ามาขวางไว้ โดนโปรวิเด็นเซอร์ได้กางเกราะสนามพลังอีกครั้ง เพื่อคุ้มครอง อควอร่า
และ ชิมเมรอลแลนทิส กับ กราเวลลาแลนทิส จะคอยต้านเขาเอาไว้ด้านนอก 

“ ไม่ให้ทำได้หรอกน่า ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบ ก็สับไกสลักที่ด้ามดาบ กรรเชียงดาบได้หุบลง

“ Drake Power ”
เสียงกังวานออกมาจากตัวดาบ พร้อมกับคลื่นไฟฟ้าที่ไหลเวียนไปทั่วทั้งดาบ
ก่อนที่เขาจะฟันมันลงไปบนร่างของ แลนทิส  ที่พุ่งเข้ามาขวางหนึ่งครั้ง

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B310MMYRZNIB[85UWIOLZAO9 (http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B310MMYRZNIB[85UWIOLZAO9)]

“ One ”
เสียงดังกังวานอีกครั้ง พร้อมกับคลื่นไฟฟ้าที่ พุ่งพล่านกว่าเดิม ราวกับกำลังสะสมประจุอยู่
ในขณะนั้น ชิมเมรอลตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามาด้านหลัง ลอว์เรนซ์ จึงหมุนตัว ตวัดดาบฟาดใส่จนมันกระเด็นไปกองกับพื้น

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B1E2UXJL1KZTT7UFFR4B6L8M (http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B1E2UXJL1KZTT7UFFR4B6L8M)]

“ Two ”
เสียงดังขึ้นอีกพร้อมกับคลื่นไฟฟ้าที่ถูกสะสมมากขึ้น ก่อนที่เขาจะฟันลงไปบนเกราะพลังงานของพวกแลนทิส

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B1E21UPQBA[PMB84D7ZXKTG9 (http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B1E21UPQBA[PMB84D7ZXKTG9)]

“ Three ”
สิ้นเสียง ลอว์เรนซ์ก็สับไกสลักขึ้นพร้อมกับ กรรเชียงดาบที่กางออกอีกครา
คลื่นไฟฟ้าทั้งหมดไหลไปรวมกับที่ ปีกทั้งสองข้างของเขา ก่อนที่จะเปล่งรัศมีเจิดจรัส
เพียงพริบตาเขาก็ได้เคลื่อนตัวไปอยู่ ด้านของกลุ่ม แลนทิส ทั้งหมด

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B1E2B4OL2OX2Z5A[YPK3NX[H (http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B1E2B4OL2OX2Z5A[YPK3NX[H)]

“ Maximum Hyper Cyclone ”
สิ้นเสียงที่กังวานจากดาบ เขาก็หมุนตัวตวัดดาบ ทันทีที่คลื่นพลังงาน
ที่ถูกปล่อยออกมานั้น หมุนตัวราวกับพายุ  ก่อนจะพุ่งเข้าไปพัดเป่าทำลาย
เหล่า แลนทิส ทั้งหมด ไปโดยที่เกราะของพวกมันก็ไม่อาจต้านไว้ได้

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B310THNEX233[17Z5J5F[JHV (http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B310THNEX233[17Z5J5F[JHV)]

ทันทีที่ พายุพลังงานสลายไป แลนทิสตัวอื่นๆนอกจาก อควอร่าแลนทิส ก็สลายเป็นจุล
ไม่เหลือแม้แต่ซากจะให้คืนชีพ ลอว์เรนซ์ไม่รอช้า เขาสับไกสลักอันเดิมขึ้นแทนที่จะดันลง
กรรเชียงดาบได้หุบลงอีกครั้ง พร้อมกับคลื่นไฟฟ้าที่ไหลอาบดาบไว้อีกครา ก่อนจะพุ่งเข้า
ฟันใส่ร่างของมันอย่างรวดเร็วถึงสามครั้ง

“ Three ”
“ Two ”
“ One ”
เสียงดังกังวานรัวขึ้นมาติดกัน ร่างของ อควอร่าแลนทิส นั้นไม่อาจขยับหนีได้เพราะถูกคลื่นไฟฟ้า
จากการฟันทำให้ เส้นประสาทด้านไปทั้งร่าง ลอว์เรนซ์ สับไกสวิตซ์ลง กรรเชียงดาบได้กางออก
พร้อมกับคลื่นไฟฟ้าที่ได้โอนถ่าย ไปยังปีกทั้งสอง

“ Maximum Hyper Typhoon ”
สิ้นเสียงซึ่งกังวานดังก้อง ลอว์เรนซ์ ก็ทะยานตัวขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะ
พุ่งตัวลงผ่าร่างของ อควอร่าแลนทิส เป็นสองซีก และระเบิดสลายไป

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B310R[26545XT6VQ2S8X32IK (http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B310R[26545XT6VQ2S8X32IK)]

“ สำเร็จแล้ว จัดการได้ทั้งหมดเลย ”
เทียเปรยด้วยโล่งใจ ที่บัดนี้แลนทิสทั้งหมดที่ตามเธอถูกจัดการจนหมดสิ้นลงแล้ว

“ แต่มันยังไม่จบหรอกนะ..อนาคตของเธอน่ะ ”
ลอว์เรนซ์ ที่ยังคงอยู่ในไฮเปอร์โหมดหันมากล่าว ก่อนที่จะตวัดดาบ ฟันผ่าอากาศไปจนเกิดเป็น
รอยแยกของมิติ


“ จะไปกันรึยังล่ะไปช่วยครอบครัวของเธอน่ะ ”
ลอว์เรนซ์กล่าว คำพูดของเขาทำให้เธอยิ้มออก

“ ใจคอจะทิ้งพวกเราไว้นี่รึไง ”
เจนัส กล่าวขณะที่เดินกระโผลก กระเผลก มาพร้อมกับทุกคน

“ แหงอยู่แล้วพวกนายก็ต้องไปด้วย ไลท์ฝากทางนี้ด้วยนะ ”
ลอว์เรนซ์กล่าว กับเจนัส ก่อนจะฝากฝัง ไลท์ ให้ดูแลทางนี้ด้วย

“ งั้นก็ไม่ต้องรอแล้วไปกันเลยที่อนาคต…. ”
เทียกล่าวจบ เธอ ลอว์เรนซ์ เจนัส นีน่า ลากูน่า และริคุ ทั้งหมดก็กระโจนเข้าไปในรอยแยกของมิติ
ก่อนที่รอยแยกจะปิดลง
…………………..
……………………..
…………………………

3000 ปีต่อมาโดยประมาณ

“ มันจบลงแล้ว รีกอล ”
เสียงหนึ่งดังก้องขึ้น ท่ามกลาง ห้องอันมืดมิดซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องจักรทั้งหลาย ที่ถูกทำลายจนย่อยยับ
ดร.รีกอล ซึ่งถูกต้อนจนมุม กับผนังห้อง โดยมีสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด

“ ข..ข้าผิดไปแล้ว…ไว้..ไว้…ชีวิตชั้นเถอะ ขอร้องล่ะ ”
รีกอล ร้องขอชีวิต น้ำตาคลอเบ้าด้วยความกลัวอย่างที่สุด
ต่อประกายแสงที่แวบไปมาถึงสามครั้ง

“ Three ”
“ Two ”
“ One ”
เสียงที่ดังขึ้นรัวติดกันสามครั้งนั้น ทำให้เขา ต้องคลานหนีดิ้นรนด้วยความหวาดกลัวอย่างที่
ในขณะที่ ร่างชุดเกราะมังกรซึ่งมีปีกพลังงานสีรุ้ง ขนาดใหญ่ได้ใกล้เข้ามาและเงื้อดาบในมือขึ้น

“ สู่สุขคติซะเถอะ ”
สิ้นคำดาบก็ถูกตวัดในทันที
“ ไม่มมมมมมมมม ”
รีกอลร้องเสียงหลงด้วยความกลัวสุดขีด

“ Maximum Hyper Typhoon ”
สิ้นเสียงคลื่นพลังงาน ก็เผาร่างของรีกอลจนเป็นจุลไปในที่สุด

………………..
          Fin
………………….

อวสานแล้วจ้า เหอๆจบน่าเกลียดไปไหมเนี่ย ส่วนเสียงประกอบนั้น
เจ็ อัดเอามาจาก ทีวีตอนที่ดูเรื่องไรเดอร์….อยู่แล้วเอามาให้เกรม่อนตัดต่ออีกทีจ้ะ
แหมดูแล้วให้บรรยากาศแปลกๆเนอะ ไม่แน่อาจมีโครงการภาคต่อ ของเรื่องนี้อีก
แต่คงต้องปีหน้าล่ะจ้ะ เพราะตอนนี้ต้องเตรียมสอบตรงแล้ว ถ้ามีภาคต่อของเรื่องนี้ล่ะก็
ที่นี้ล่ะจะเป็น อนิเมะไร้สาระ ดีๆเลยนี่เอง

เพราะงั้นแล้วจะเกริ่นเรียกน้ำย่อยก่อนนะจ้ะ (แต่ไม่รู้จะได้เขียนเปล่า)

เนื้อเรื่องในภาคถัดไป(ถ้ามี)นั้น พวกลอว์เรนซ์ได้มาถึงอนาคตในอีกสามพันปีข้างหน้า
ซึ่งเป็นยุคของเทีย ทว่าพ่อของเธอได้ถูก รีกอล จับตัวไปเพื่อให้ทำการพัฒนาระบบ แอคเตอร์
ที่สามารถใช้กับแลนทิสได้ ส่วนฟอนพี่ชายของ เทีย ก็ได้หายตัวไป และเพื่อที่จะปกป้องเทีย
ไม่ให้ถูก รีกอล จับไปเป็นตัวประกันต่อรองกับพ่อของเธอ พวกลอว์เรนซืจึงต้องแฝงตัวเข้า

เป็นนักเรียนของ มิราบิลิสอาคาเดมี่ด้วย (ผอ.โรงเรียนคือ พวกของเซโร่เพื่อนของพระเอกในภาคที่แล้วซึ่งพวกเขาเป็นจอมเวทย์อมตะเลยอยู่ทนมาถึงสามพันปี) นอกจากนี้เหล่าชมรมที่พี่ของเธอสังกัดอยู่นั้น
เมื่อขาดผู้นำ อย่างฟอนก็ทำให้ร่อแร่เต็มทน เทียจึงได้คิดหาวิธีแก้ ไขโดยการส่งพวกลอว์เรนซ์
 ให้เข้าไปช่วยทีมของพี่ชายเธอ (คิดว่าคงจะพอเดากันได้ว่าใครไปอยู่ชมรมไหนบ้างนะถ้ายางคนเคยดูภาคแรกแล้ว
รับรองถึงบางอ้อแน่)

ขณะเดียวกันองค์กร Bell Cross (ระฆังไขว้)ที่เป็นผู้พัฒนาระบบแอคเตอร์นั้น ต้องการที่จะรวมเอาลิขสิทธิ์
ของมาสเตอร์แอคเตอร์มาเข้าผนวกด้วย ทำให้การต่อสู้นั้นทวีความยุ่งยากขึ้นไป
เมื่อต้องรับมือกับทั้งรีกอล และ Bell Cross (รีกอลกับ Bell Cross เป็นศัตรูกัน แต่ทาง Bell Cross เองก็ต้องการที่
จะเอามาสเตอร์แอคเตอร์มาครอบครอง เพื่อเป็นใหญ่ในวงการธุรกิจ   ) ทุกท่านจะได้ชมความไร้สาระ
แบบที่หาดูได้ใน อนิเมะทั่วไปในภาค สามนะจ้ะ บายจ้ะ


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]
Post by: boy on September 07, 2008, 08:20:10 PM
มาแรง จบเร็ว แปลกๆๆๆๆๆๆๆๆจัง ::004::


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]
Post by: greamon on September 07, 2008, 08:27:57 PM
เจ้าการูรูม่อน มันบอกไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งแล้วว่ามันจะ เขียนความยาวแค่ประมาณ สองบทของ ตำนานทาลิ
เลยมีแค่ 4 ตอนเองอาจจะสั้นไปหน่อยแต่อย่างว่าล่ะ ลอว์เรนซ์เก่งขึ้นจมขนาดนั้นคงไม่มีใครสู้ได้แล้วเลย
จบไปเลยล่ะมั้งเหอๆทีนี้จะได้พิมพ์ตอนพิเศษซักที แต่มีแค่บทเดียวง่ะเพราะต้องเตรียมสอบเช่นกัน


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]
Post by: cocka-c on September 11, 2008, 02:50:43 AM
จะว่าไปไหนๆก็จบภาคต่อของ ตำนานทาลิ ไปแล้ว มีวครรู้สึกบ้างไหมว่ามันคุ้นๆ
cast off เงี้ย แถมเสียงเอฟเฟคที่เอามาให้โหลดกันก็อ่ะนะใครเคยดูคงอ๋อไปตามๆกัน
ทีนี้เรื่องของเรื่องคือมันยังไม่จบน่ะสิ เพราะพวก ลอว์เรนซ์ดันข้ามกลับไปอนาคต ก็เลยว่าจะมีภาคต่อ
นอกจากนี้ยังมีพล็อตอีกเยอะ ไปๆมาๆจับมันมามิกซ์กันจนได้ชื่อเรื่องภาคใหม่แว้ว

แต่ยังไม่พิมพ์หรอกนะ เพียงแต่จะลงตอนในภาคต่อนี้ ซักตอนเพราะว่าแอคเตอร์ที่ออกแบบมามัน
ยังลงไม่หมดเลยกะขอเอามาลงให้หฃมดเลย เพราะหากเจ็ไม่ได้มาเขียนอีกจะได้ไม่มมีอะไรมาคาใจ
ไม่งั้นก็เกรม่อนคุงมาเขียนต่อแทนเจ็ จะได้จับทางถูก ดังนั้น อาทิตย์นี้หลังจากลงตอนพิเศษ ทาลิ แล้ว
ตอนพิเศษของเจ็ก็จะลงถัดไปอีกอาทิตย์เช่นกัน

ซึ่งก็อย่างที่บอกกันไปว่าที่จริงมันไม่ใช่ ตอนพิเศษแต่เป็นตอนๆหนึ่งใน ภาคใหม่ที่จะลงต่อจากนี้ แน่ล่ะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่
พวกเจ็ทำกันหรอกนะ แต่ภาคแรกที่เป็นตำนานทาลิ น่ะทำไปแล้ว  คือตอนพิเศษวันวาเลนไทน์ แต่ไปๆมาๆมันไม่ฟิคกะเนื้อเรื่องก็เลยตัดไป ไม่นำมาใช้ร่วมกับเนื้อเรื่องหลัก

แต่บทที่จะลงนี้เป็นตอนจากเนื้อเรื่องหลัก ซึ่งจะหยิบมาเล่าถึงก่อนเพราะเป็นตอนที่ แอคเตอร์ที่ออกแบบไว้ออกมารวมกับของเก่าครบพอดี โดยชื่อของภาคนี้มัน
ชื่อ Multi Armor Actor Seed desti...เอ็ยไม่ใช่ Multi Armor Actor V.O.W (Voice of war)

เหอๆหลุดไปหน่อยเอาเถอะเห็นชื่อคราวนี้คงรู้นะว่ามาจากเรื่องอะไร และแน่นอนว่า มันเป็นตอนที่หยิบยกมาจึงต้องมีการเกริ่น
ถึงสภาพการณ์ต่างๆของ ภาคนี้ก่อน ซึ่งเจ็จะมาลงให้พร้อม ตอนพิเศษของตำนานทาลินะ แต่เราจะลงแยกกระทู้กัน
แล้วเจอกันจ้า



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]
Post by: cocka-c on September 14, 2008, 07:09:27 PM
เกริ่นก่อนลงตอนพิเศษ ในอาทิตย์หน้าจ้า


เอ้อที่จริงมันก็ไม่ได้เป็นตอนพิเศษอะไรหรอกนะแต่เจ็ เห็นว่ามันเป็นตอนที่น่าจะเอามาให้ชมยั่วน้ำลายกันไปก่อน
เนื่องจากว่า ดีไซน์ของ แอคเตอร์มันยังเหลืออีกบานเบอะเลยที่ยังไม่ได้ ลง ตอนแรกเจ็กะว่าจะลง
ให้หมดทั้งสี่บทนั่นเลยแต่ไม่ไหวเยอะเกิน มันเลยกลายเป็นว่ามีภาคต่อแทน ดังนั้นวันนี้เพื่อความสมบรูณ์ที่อาจจะไม่เกิดขึ้นในอนาคต

 เจ็ จึงขอหยิบเอา บทๆหนึ่งของภาคต่อนี้มาให้ชมกันก่อน เพราะมันเป็นช่วงการเปิดตัวของแอคเตอร์ใหม่อีกสองตัว
ซึ่งตัวหนึ่งเป็นไฮเปอร์โหมดของ เนลฟาแอคเตอร์ ส่วนอีกตัวเป็น แอคเตอร์สายพันธุ์ใหม่(มีหลาย ซีรี่ส์ จริงๆอย่างกะกันดั้ม ) ชื่อของมันคือ อาร์เมอร์แอคเตอร์  (Armor Actor) ทีนี้ ก่อนจะมาดูกันนั้น คงต้องมีการเล่ารายละเอียดก่อนล่ะนะ เพราะมันเป็นการหยิบยกเอาตอนๆหนึ่งในภาคต่อมาขึ้นให้ดูเพื่อจะได้ลงภาพให้ครบทุกตัว

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า หลังจากที่พวก ลอว์เรนซ์ข้ามเวลาไปยังอนาคตอีก 3000 ปี พ่อของเทีย ถูกรีกอล
จับตัวไปเพี่อให้สร้าง แอคเตอร์ที่สามารถเพิ่มพลังให้กับแลนทิสได้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น(แล้วจะยกขึ้นมาทำไม)

เพราะเนื้อเรื่องของช่วงที่หยิบมานี้ มันหลังจากที่โค่นล้ม แลนทิสและรีกอล ลงได้แล้ว ครอบครัวของเทียกลับมาอยู่กันพร้อมหน้ายกเว้น ฟอนพี่ชายของเธอที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากที่ เทีย กลับมายังอนาคต
และแม้จะปราบ รีกอล ลงได้ในที่สุดก็ยังคงไม่พบข่าวคราวจากพี่ชายเธอ   

จากปากคำของรีกอลที่สารภาพออกมาว่าตน ไม่ได้ฆ่าพี่ชายของเธอหากแต่ในวันนั้นพี่ชายของเธอได้ หนีพ้นไปจากเงื้อมมือของเขา ทำให้การตามหาตัว ฟอน เริ่มขึ้นในขณะที่แลนทิสนั้นยังคงไม่หมดไปอย่าง ถาวรเมื่อ
องค์กร bell cross  ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยและพัฒนาแอคเตอร์ ที่มีอำนาจที่สุดโดยมีความ มุ่งหมายในการ
สร้างแอคเตอร์เพื่อสันติภาพ เป็นเพียงหน้ากากบังตา หากแท้จริงนั้นต้องการหาผลประโยชน์จากแอคเตอร์

โดยการสร้างแอคเตอร์  เพื่อขายให้รัฐในราคาสูง เพื่อต่อสู้กับ แลนทิส แต่เมื่อแลนทิสได้สูญสิ้นการควบคุมจากรีกอล
ทำให้ดุลการค้านั้นเสียไป bell cross จึงได้เข้าทำการสร้างเรื่องขึ้น โดยทำให้แผนการ แลนทิสเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างลับๆและคอยควบคุมมันเพื่อให้ เป็นข้ออ้างที่แอคเตอร์ยังจำเป็นอยู่  ในขณะเดียวกันพวกเขาต้องการที่จะให้พ่อของเทีย
ที่พัฒนาระบบมาสเตอร์แอคเตอร์นั้นมาเข้าร่วมกับองค์กรเพื่อการพัฒนา ระบบแอคเตอร์สำหรับนำไปใช้ในสงคราม

ขณะเดียวกันกลุ่มของ ลอว์เรนซ์ ที่ยังติดอยู่ที่ยุคนี้เพราะมาสเตอร์แอคเตอร์นั้น ครั้นที่มายัง อนาคตนี้ เขากลับไม่สามารถควบคุมมันได้ดั่งใจ จึงยังไม่อาจเปิดประตูเวลากลับไปได้ ไม่นาน ก็เริ่มมีความคิดที่แตกแยก ริคุ และ นีน่า ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับองค์กรbell cross) 
เพราะหลงเชื่อในคำพูดของ ประธานหญิง อาเทเนีย (Athenia) ซึ่งประกาศอุดมการณ์ในการที่จะทำให้
สงครามกับแลนทิสที่ยังคงหลงเหลือหมดไป (ไม่มีใครรู้ว่าองค์กรอยู่เบื้องหลัง ) และในที่สุด ริคุ กับ นีน่าก็ได้แยกจากกลุ่มไปเพื่อเข้าร่วมกับองค์กร ทว่าการที่เจนัสและลอว์เรนซ์ซึ่งไม่เห็นด้วยที่ จะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสงคราม

ครั้งนี้ ประกอบกับการขัดขวางการดำเนินงานของ bell cross อยู่เนืองๆทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นศัตรูกันอย่างเลี่ยงไม่ได้

โดยที่ลากูน่านั้น ไม่อาจที่จะทนรับได้หากพวกของเขาต้องมาห้ำหั่นกันเองเขาจึงไม่เลือกที่จะอยู่ฝ่ายใด
และหนีหายไป ก่อนจะเข้าร่วมกับ กลุ่มต่อต้านอิสระ ที่ตั้งขึ้นเพราะรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงขององค์กร bell cross
ทำให้เขาพยายามที่จะนำข่าวนี้ไปแจ้งให้ เป็นที่ประจักษ์โดยต้องฝ่าการขัดขวางขององค์กร  อย่างยากลำบาก

นี่คือสภาพการของตอนที่จะยกมานี้ ก่อนที่จะอธิบายว่าแอคเตอร์ที่มาใหม่นี้คืออะไรนั้นจะขอเกริ่นไปถึง
ตัวละครใหม่อีกคนที่จะมาร่วมในบทนี้ด้วย ซึ่งพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเทีย
ซึ่งมี 3 คน ซึ่งมีบทบาทในการ ช่วยเหลือพวกลอว์เรนซ์ ในการโค่นอำนาจของ รีกอล ดังต่อไปนี้

สเตร่า เคลม (Stelar Clame)  นักเรียนหญิง เป็นคนที่มีนิสัย ออกจะห้าวๆอยู่บ้าง แต่ด้วยหน้าตาที่สวยใสเสียจนหนุ่มหลงทำให้มีคน เข้าหาเธอมากมายแต่ก็ถูกปฏิเสธกลับไปเสียทุกคน ทว่าพี่ท่านดันไปชอบ เจนัส ซะนี่ประมาณว่าคุณเธอแค่สบตาก็ตกหลุมรักในทันที สังกัดชมรม ยิงปืนที่ตอนนี้ นีน่า ให้ความช่วยเหลือฝึกซ้อมอยู่

ชินจิ  ยามาโตะ (Shinji yamato) นักเรียนชาย ธรรมดาๆที่มีนิสัย ร่าเริงรักพวกพ้อง ที่สำคัญเขาแอบชอบ สเตร่า อยู่ด้วย
 สังกัดชมรมมวยที่ตอนนี้เจนัสให้การช่วยเหลือฝึกซ้อมอยู่ 

ลูน่า เรมวี่ (Luna Lemvie) นักเรียนหญิง ธรรมดาๆอีกคน เธอคนนี้มีนิสัยเรียบร้อย และขยัน เธอจึงได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ ประธานห้องโดยปริยาย ทว่าเมื่อนำข้อมูลของเธอคนนี้ไปผนวกกับอีกสองคนข้างบนทำให้มันกลายเป็นรักหลายเส้าไปในทันที เพราะคุณเธอดันไปชอบ อีตา ชินจิ นี่สิ แต่เค้าก็ดันไม่เห็นหัวซะงั้นดังนั้นผังความรักคงจะเรียงอย่างนี้  ลูน่า ชอบ ชินจิ ชอบ สเตร่า ชอบ เจนัส ชอบ นีน่า  เรื่องวุ่นๆมันก็เลยเกิดในช่วงแรกที่ออกจะไปในแนวตลกเบาสมองไปวันๆ  แต่แล้วเรื่องก็เกิดจนได้

จุดเริ่มของวังวนแห่งความแค้น

ก็อย่างที่ว่าไปเรื่องมันจะไม่เกิดเลยถ้ายัย สเตร่า เป็นมนุษย์เดินดิน แต่พี่ท่านดันเป็นแลนทิส โดยที่ไม่รู้ตัวเนี่ยซี่
และเรื่องมันก็เริ่มตรงที่ว่า วันที่คุณเธอกลายเป็นแลนทิส ก็ดันควบคุมตัวเองไม่ได้และเกือบจะฆ่า ชินจิ กับ ลูน่าไปอยู่แล้ว แต่เดชะบุญ เจนัสมาช่วยไว้ทัน และจัดการเก็บ สเตร่า ไปต่อหน้าต่อตา ชินจิ ทำให้เรื่องได้เกิดขึ้นเมื่อ เจ้า ชินจิมันดันแค้นเพราะรัก ทำให้ตั้งแต่นั้นพี่แกไปยอมสบตาเจนัสอีกเลย แถมยังเปลี่ยนนิสัยไปเป็นคนละคนอีกจากที่เคยร่าเริงแจ่มใสกลายเป็นเย็นชาไร้ความรู้สึกไปแทน



นั้นคือเหตุการณ์หลังจากที่ รีกอล ถูกกำจัด ต่อมาหลังจากที่ ริคุ และนีน่า แยกตัวไปเข้ากับ bell cross
เรื่องก็เกิดอีก เพราะต่อมา bell cross ได้พัฒนาระบบแอคเตอร์ แบบใหม่ขึ้นมา นั้นคือ อาร์เมอร์ แอคเตอร์ ส่วนรายละเอียดจะบอกอีกที


และกำลังค้นหาผู้มีคุณสมบัติ ทีนี้เรื่องมันมีอยู่ว่า แอคเตอร์ตัวนี้มันคล้ายๆกับ ไฮเปอร์แอคเตอร์ ซึ่งก็คือดาบ ที่ใช้เปลี่ยนเป็นไฮเปอร์โหมด ของลอว์เรนซ์นั่นล่ะ สาเหตุที่ ไฮเปอร์แอคเตอร์  เลือก ลอว์เรนซ์

เพราะเขามียีนพันธุกรรมของมังกรอยู่ในตัว ซึ่งต่อมาถูกเรียกว่า Dragoordinator (ดราโกออดิเนเตอร์)
ดังนั้นเพื่อการที่จะใช้อาร์เมอร์แอคเตอร์ ทำให้ต้องมีการ ผ่าตัดดัดแปลง ยีนพันธุกรรม เพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางกายให้ตรงกับ แอคเตอร์  ซึ่งเรียกผู้ที่ผ่านกระบวนการนี้ว่า Coordinator (โคออดิเนเตอร์) ชินจิถูกยื่นข้อเสนอ

ให้เข้ารับการเป็นเจ้าของ อาร์เมอร์แอคเตอร์เพราะเขามีคุณสมบัติ ตามที่ต้องการอยู่
ซึ่งเรื่องมันก็เข้าทางพอดีเพราะเขาที่เก็บเรื่องของ สเตร่าไว้ในใจมาตลอด ทำให้มันกลายเป็นเชื้อไฟแห่งความแค้น

ในที่สุด ชินจิได้ตัดสินใจ ดวลหมัดกับเจนัส(อยู่ชมรมมวยอ่ะนะ)  โดยมีข้อแม้ว่า หากเขาชนะเจนัสจะต้อง
ออกจากชมรมแต่ถ้าเขาแพ้ เขาจะเป็นฝ่ายไปเอง ผลก็แพ้เจนัส ตามคาด เพราะความด้อยกว่าทั้งทางเผ่าพันธุ์และประสบการณ์ (ถือว่าเป็นคนธรรมดาที่สู้กับเจนัสได้นานที่สุด 1 นาทีเต็ม) ซึ่งนั่นทำให้ไฟติดขึ้นมาจนได้
เพราะหลังจากที่ออกจากชมรมไป และรับข้อเสนอเข้ารับ การเป็น เจ้าของอาร์เมอร์แอคเตอร์ Chaos (เคออส)

ก่อนจะหายตัวไปพร้อมกับข่าวลือว่าเขาตายไปแล้ว ทิ้งช่วงจากนั้นสักพัก เพราะจะตัดไปทางด้าน ของลากูน่าที่ไปเข้ากับกองกำลังต่อต้านอิสระ ก่อนจะตัดกลับมาอีกที ทีนี้ศึกระหว่าง ชินจิกับเจนัส ก็ได้เริ่มขึ้นหลังจากที่ เจนัสจัดการกับ

แลนทิส เสร็จและกำลังจะหนีออกจากสถานีวิจัยร้าง ของรีกอล (ในตอนนี้คิดว่าน่าจะเป็นช่วงที่เจนัสตามสืบข้อเท็จจริงขององค์กรอยู่)  ในขณะที่หนีออกมานั้น อาคารได้ถล่มลงมา ชินจิก็ได้เดินออกมาจากกองเพลิงที่เป็นต้นเหตุให้อาคารถล่มลงมา พร้อมกับประโยคเพียงประโยคเดียว “ ชั้นกลับมาจากนรกเพื่อจะส่งนายลงไปแทน ”
ก่อนจะใช้ อาร์เมอร์แอคเตอร์ เคออส แปลงร่างและเข้าปะทะ 

ในครั้งนี้ ชินจิมีพลังมากกว่าเดิมเนื่องจากการดัดแปลงยีนในร่างกายใหม่ทำให้เขามีพลังเทียบเท่ากับเจนัสเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ด้วยระบบเสริมของ อาร์เมอร์แอคเตอร์ซึ่งเป็นการประกอบ พาสชิ้นส่วนเสริมพลัง
และเขายังใช้จุดอ่อนของ เจนัส ที่จะไม่โจมตี เต็มแรงใส่ ส่วนหัวเพื่อสังหารอีกฝ่าย ที่ไม่ใช่แลนทิส ทำให้เจนัสไม่อาจต่อกรได้และ ถูกชินจิ ซัดตกหน้าผาไป ต่อหน้ากล้องที่ถ่ายทอด การสังหารของเขาไปยัง องค์กร ต่อหน้าต่อตา ริคุ กับ นีน่า

ทำให้ในที่สุด ริคุกับนีน่า เริ่มที่จะไม่ไว้ใจองค์กรอีกต่อไป(ตอนที่ชินจิกลับไปยังองค์กรเขาได้รับการต้อนรับ
อย่างวีระบุรุษ แต่ริคุได้เข้ามาถาม(น้ำเสียงประมาณมาหาเรื่องซะงั้น)ว่าทำไมต้องถึงกับฆ่าเจนัสด้วย เพราะคำสั่งที่ออกไปนั้นแค่บอกให้ขัดขวางผู้ที่แทรกแซงภารกิจเท่านั้น  ) ในขณะนั้น ลูน่า ซึ่งเธออยู่ที่องค์กรกับพวกริคุด้วย โดยเธอทำหน้าที่เป็นหน่วยข่าวกรองให้กับองค์กร อยู่แต่แรกแล้ว ต่อมาเมื่อริคุสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าองค์กร อยู่เบื้องหลังการ สร้างแลนทิสขึ้นใหม่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
เขาจึงคิดหาทางหนีจากองค์กรโดยพา นีน่า และ ลูน่า หนีออกมา

ชินจิจึงได้รับคำสั่งให้จัดการเก็บพวก ริคุ ที่เป็นคนทรยศซะ  และเขาก็จัดการทำลาย ยานหลบหนีที่ใช้หนีมา จนตกลงทะเลไป
ช่วงนั้น ลอว์เรนซ์ กับ เทีย กำลังเคลียกับ การโจมตีทางบริษัทที่ให้การสนับสนุนการวิจัย ของพ่อเธอ
ซึ่งถูกบีบบังคับจากองค์กร จนในที่สุดเมื่อพ่อของเทียยืนยันที่จะ ไม่ให้ความร่วมมือกับองค์กรอยู่ดี ทางองค์กร
จึงได้ส่งคนมาเก็บแต่ ลอว์เรนซ์ ก็ได้พาหนีออกไป โดยได้รับความช่วยเหลือจาก กองกำลังต่อต้านอิสระ
ที่ลากูน่า สังกัดอยู่ และได้ชวนให้ ลอว์เรนซ์เข้าร่วมด้วย   และแล้วเรื่องก็ได้ดำเนินมาจนถึงจุดที่จะหยิบยกมาแล้ว
จากที่ดูเผินๆมานั้น  จะเห็นได้ว่า หลังจากที่จัดการกับรีกอลลงได้ แกนหลักของการสู้รบจะไปอยู่ที่การสู้กันเองของแอคเตอร์แต่ละระบบมากกว่าจะสู้กับแลนทิสแล้ว(สาเหตุเพราะแลนทิสมีน้อยชนิดมากขืนลงซ้ำชนิดไปเรื่อยๆคงเอียนตายเลย)


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]
Post by: boy on September 14, 2008, 07:37:04 PM
ที่ยาว ๆ ข้างบนนี่  ขี้เกียจอ่านอย่างแรง  ::008:: ::008:: ::008::
(ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย  ::014::)


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]
Post by: greamon on September 16, 2008, 12:50:25 PM
Quote
ที่ยาว ๆ ข้างบนนี่  ขี้เกียจอ่านอย่างแรง  ::008:: ::008:: ::008::
(ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย    ::005:: )

ก็ ว่างั้นล่ะครับ เจ้าการูรูม่อนมันเล่นอยากลง ภาพดีไซน์ ให้ครบเลยต้องลำบากลำบนกัน
ซะขนาดนี้เอาเป็นว่าผมจะสรุปแบสั้นๆให้ละกัน
เจ้าการูรูม่อนนี่มันไม่มีทักษะการเขียนอะไรที่มนุษย์มนา เขาเข้าใจกันได้ง่ายๆเลย

เรื่องของเรื่องก็คือ ในภาค Multi Armor Actor อะไรเนี่ย
มีตัวละครเพิ่มมาจากภาค War of Actor in Terra อีก 3ตัวละคร และเป็นเพื่อนกัน
ทีนี้ ก็เกิดเรื่องรักหลายเส้า ขึ้นเมื่อ ไอ้ 3 ตัวละคร ใหม่เนี่ย
ดันไปวุ่นกับคู่แท้จากภาคก่อน(ไม่ต้องบอกหรอกเนอะ) ทีนี้ 1 ในตัวละครใหม่คนหนึ่งเป็นแลนทิส
 และถูกเจนัสกำจัดไปก็เลยกลายเป็นการแก้แค้นกันระหว่างเพื่อนไป

แล้วก็เอาไปผนวกกับ เรื่องของแอคเตอร์ก็เท่านั้น เองครับ ที่เหลือนอกจากนั้นมันแค่รายละเอียดเสริม แต่ไม่แน่ ถ้าหลังจากที่อ่านบทพิเศษ
แล้วอาจจะต้องจำใจวนกลับไปดูก็ได้ เพราะ อาจทำให้เกิดอาการมึนเช่น ชินจิ เป็นใครมายังไงหว่า

ดูๆ ไปแล้วยังกะกันดั้ม เลย เฮ้อโรคนี้ท่าจะแก้ไม่หาย ::010::


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]
Post by: cocka-c on September 21, 2008, 06:00:44 PM
เนื่องจากในสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้ ต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ ดังนั้นจะขอเลื่อนการลง ภาค Multi Armor Actor V.o.w
ไปในวันที่ 1 ตุลาเป็นต้นไป


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]
Post by: boy on September 21, 2008, 09:14:41 PM
เนื่องจากในสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้ ต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ ดังนั้นจะขอเลื่อนการลง ภาค Multi Armor Actor V.o.w
ไปในวันที่ 1 ตุลาเป็นต้นไป
เฮ่อ  ผมก็เหมือนกัน ต้องอ่านหนังสือสอบ  ::003::


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]
Post by: cocka-c on October 01, 2008, 07:13:39 PM
Multi Armor Actor V.O.W (Voice Of  War)
เสนอ File XX เขี้ยวที่ฟื้นคืนและปีกที่หักลง
 (XX คือลำดับของบทเนื่องจากยังไม่ได้แต่งขึ้นอย่างเป็นรูปเป็นร่างจึงขอละไว้)

ความเดิมก่อนขึ้นเรื่อง: ริคุ นีน่า และ ลูน่า ได้หลบหนีออกมาจากฐานทัพที่แอนดิซอง
โดย ขโมย ยานขนส่งเพื่อหลบหนีมา ชินจิ และ เซน่า(Zena) จึงได้รับคำสั่งโดยตรงจาก อาเทเนีย(Athenia)
ให้ทำการจม ยาน ของพวก ริคุ ทิ้ง และเมื่อตามมาทัน ริคุ ได้เข้าปะทะกับ ชินจิ แต่ด้วยพาสเสริม
วิงค์โหมด(Wing Mode) ของชินจิ ทำให้ ริคุ ด้อยกว่าในการต่อสู้กลางอากาศ และถูก ชินจิ หักแขนซ้าย
ก่อนจะ ทุ่มลงทะเลไปพร้อมๆกับที่ เซน่า ได้จมยานขนส่งที่ นีน่าและลูน่า โดยสารมาลงสู่ก้นทะเล

ขณะเดียวกัน ที่ คฤหาสน์ไอน่าซัลเฟอร์ ทหารของ Bell Cross ได้เข้าล้อมเพื่อจะ พาตัว ดร. คีออส ไอน่าซัลเฟอร์
หรือพ่อของเทียไป ลอว์เรนซ์ จึงใช้ Hyper Dragonfly พาเทียและพ่อแม่ของเธอ หลบหนีออกมา ก่อนที่
พวกเขาจะถูกไล่ต้อนมาจนถึง เขตท่าเรือเก่า ของฟีเลเซีย พวกเขาจะเป็นเช่นไรก็ต้องลุ้นกันในตอนนี้ล่ะครับ

 Sky Earth Neo Valnia  ซึ่งตั้งอยู่บนหลังเต่ายักษ์ วอลเนีย ที่ลอยตัวอยู่
เหนือ อาณาจักรมิราบิลิส ซึ่ง Sky Earth แห่งนี้คือที่พำนักของราชวงศ์ และเขตทำการของ สภาสูงทั้งหมด
 ณ อาคารทำการของกระทรวง ความมั่นคงระหว่างประเทศ
กระจกที่เว้าออกมาของตึกอาคาร ได้มีห้องกระจกขนาดเล็ก พอที่จะให้คนเข้าไปได้ กำลังลอยตัวไต่ขึ้น
ไปยังชั้นบนของอาคาร ภายในห้องกระจกนั้น แสงตะวันยามเย็น ที่สาดส่องทะลุ กระจกเข้ามาภายในห้อง
ทำให้เกิดเงาพาดเป็นทางไปทั่วห้องกระจก หญิงสาวนางหนึ่ง เธอมีสายตาคมคาย ริมฝีปากอิ่มเอิบ
กิริยาท่าทางสงบด้วยความเป็นกุลสตรี ที่ใบหูซ้ายของนางห้อยต่างหู รูปกางเขนสีเงินเอาไว้
ชุดราตรี สีแดงสดที่สวมอยู่ กระทบกับแสงทอประกายราวดวงดาราก็ไม่ปาน

ที่ผนังห้องใกล้กับประตูนั้น มีแผงปุ่มซึ่งเขียนตัวเลขไว้ที่ปุ่มเรียงไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ โดยมีปุ่มหนึ่งเรืองแสงอ่อนๆอยู่
ขณะที่หน้าปัดบนคานประตูห้อง นั้น แสดงตัวเลขที่เปลี่ยนค่าไปเรื่อยๆ

ติ๊งงงงง

เสียงดังขึ้นพร้อมกับปุ่มหยุดเรืองแสงและ ตัวเลขบนหน้าปัดหยุดนิ่ง พร้อมแรงสะเทือนเบาไปรอบห้องก่อนที่
ประตูห้องจะเลื่อนตัวเปิดแยกออกจากกัน หญิงสาวเดินออกจากห้องไป ประตูก็ปิดลง ก่อนที่ห้องจะเลื่อน
ลงไปทิ้งให้นางอยู่ภายในทางเดินอาคารชั้นใดชั้นหนึ่ง ที่ทอดยาวไปโดยมีประตูห้อง เรียงรายและป้าย
รายละเอียดติดไว้ที่หน้าประตูห้อง นางเดินไปตามทางพร้อมกับไล่สายตาไปตาม ป้ายของห้อง
ก่อนจะไปหยุดลงที่ห้องๆหนึ่งนางยื่นมือไปกดปุ่มที่แผงซึ่งมีลำโพงติดอยู่กับผนังข้างประตู

“ ใครน่ะ ”
เสียงก้องสลัวๆดังออกมาจากลำโพง นาง กระแอมไอทีนึง ก่อนจะสูดลมหายใจลึก

“ ดิ ฉันมาขอพบท่านเสนาธิการ อีเกิล(Eagle) ตามที่นัดไว้ค่ะ ”
นางกล่าวเสียงหวาน ใส่ลำโพง

“ อาเทเนีย เองเรอะ รอสักครู่นะจะเปิดเดี๋ยวนี้ล่ะ ”
สิ้นเสียงที่ดังตอบกลับมา ประตูก็มีเสียงกริ้ก ดังขึ้นก่อนที่จะเลื่อนออก โดยมีชายชราในชุด สูทสวมแว่นตาข้างเดียว
รอต้อนรับอยู่

(http://image.ohozaa.com/ih/athnia.jpg)

“ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ ท่านเสนาธิการ ว่าแต่คราวหน้าเรียกพนักงานมาตรวจอินเตอร์โฟน
หน้าห้องท่านหน่อยก็ดีนะคะ เพราะรู้สึกเสียงมันจะแตกฟังไม่ค่อยชัดนะค่ะ ”
 นางกล่าว จบก็ย่างสามขุมเข้าไปในห้องก่อนที่ประตูจะเลื่อนปิด

“ ว่าแต่รีบร้อนมาขนาดนี้มีเรื่องอะไรงั้นรึ ”
เสนาธิการชรากล่าวถามถึงธุระของนาง ขณะที่เดินตามนางไปยังโต็ะกระจกที่ตั้งอยู่กลางห้อง
ทั้งสองทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หุ้มผ้ากำมะหยี่สีแดง โดยนั่งตรงข้ามกัน

“ ดิ ฉันจะมาขอคำตอบเรื่องแอคเตอร์ระบบใหม่ของเราที่จะส่งขึ้นไปให้เหล่าผู้ถูกเลือกน่ะค่ะ ”
นางกล่าวอย่างสงบเสงี่ยม

“ อ๋อเรื่องการส่งแอคเตอร์ให้กับ นักรบระดับสูงของแต่ละทวีป น่ะรึถ้าเรื่องนั้น ล่ะก็พวกเขาไปรวมกันที่
Colony Felasia แล้วคงจะส่งถึงให้ในคืนวันพรุ่งนี้ว่าแต่ระบบใหม่นี่หรือว่า..  ”
เสนาธิการชรา กล่าวตอบก่อนจะเริ่มตั้งคำถามด้วยความสงสัย นางยิ้มรับอย่างเบิกบานก่อนจะกล่าวตอบ

“ ถูกต้องแล้วค่ะ แองเจิลแอคเตอร์(Angel Actor) สำหรับเหล่านักรบทั้งห้าที่เป็นอัศวินผู้พิทักษ์แห่งระฆัง5เสียง
T.Q.V. ได้เสร็จสมบรูณ์แล้วเท่านี้การกวาดล้างแลนทิสทั้งหมดไปก็จะไม่ใช่เพียงความฝันอีกค่ะ ”
นางกล่าวเสียงเรียบ เสนาธิการชรา ถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะกล่าวตอบ

Quote
T.Q.V.  ย่อมาจาก Tintinnabulum Quinque Vox  แปลว่า กระดิ่ง5เสียง หรือ ระฆังเสียง5
คำเหล่านี้เป็นภาษาละติน
โดยคำแรกมีความหมายว่า กระดิ่งหรือระฆัง ส่วนคำที่สองคือ จำนวนนับ5 และคำสุดท้ายแปลว่าเสียงโดยมีรากคำมาจากคำว่า Voice ว่าแต่เอาภาษาละติน มาใช้เนี่ยมันจะกลายเป็น เนกิมะ เลยป่ะเนี่ยเหอๆ จะตั้งชื่ออังกฤษก็โหลเกิน 

“ เฮ่อที่นี้มนุษยชาติก็จะได้อยู่รอดปลอดภัยซะที ต้องขอบคุณเธอและองค์กรจริงๆ ”
เสนาธิการชรากล่าวขอบคุณอย่างสบายใจ

“ มิได้ค่ะท่าน เสนาธิการ ทางเรานั้นต้องการจะรักษาซึ่งสันติสุขแก่ปวงชนทั้งโลก นี่เป็นงานของพวกเรา Bell Cross
ทางเราเองก็ต้องขอขอบคุณที่ทางรัฐให้ความร่วมมือและเห็นความสำคัญใน การจัดการปัญหาของแลนทิส
เป็นอย่างยิ่งค่ะ ”
นางกล่าว ก่อนที่ทั้งสองจะจับมือแสดงความยินดี

“ หึ..เพื่อสันติสุขของมวลมนุษย์ รึถูกหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีก พวกแกจะยิ้มระรื่นได้
ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นล่ะเพราะอีกไม่นานพวกแกก็ต้องถูกลบหายไป แล้ว…หึๆๆ ”
นางคิด ภายใต้หน้ากากของผู้พัฒนาเพื่อสันติ โดยลับหลังนางก็คือผู้บงการแผนการทั้งหมดนั่นเอง

……………………
………………………
…………………………

ณ ท่าเรือร้าง เมือง เอรีม เก่า เขตฟีเลเซีย

“ ลอว์เรนซ์จะทำยังไงดีล่ะเราไม่มีทางหนีแล้วนะข้างหน้าก็เป็นผาทะเล ด้านหลังพวกทหารมันก็ไล่มาแล้วนะ ”
เทีย กล่าวอย่างร้อนรน ขณะที่เหลียวกลับไปมอง พลทหารหุ้มเกราะนับสิบนาย ซึ่งสวมใส่ มัลติอาร์เมอร์
ได้ไล่หลังพวกเขามาเรื่อยๆ  ลอว์เรนซ์ได้แต่จ้องลงไปยังพื้นน้ำเบื้องล่าง พวกเขาอยู่บนตึกทำการ
ของท่าเรือที่ตั้งอยู่บนหน้าผา ทะเล ด้านล่างนั้นเป็นพื้นน้ำที่ลึกและมีคลื่นทะเลที่รุนแรงซัดสาดตลอดเวลา
ด้านหลังพวกเขา ก็ถูกล้อมไปด้วย ทหารของ Bell Cross นับสิบนาย ขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ผิวน้ำ
พลันเขาก็รับได้ถึงอะไรบางอย่าง ขณะเดียวกันทหารทั้งหมดได้ล้อมวงเข้ามาใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อยๆ


“ โดดเร็วเข้าไม่มีเวลามาอธิบายแล้ว ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบก็ โอบ พ่อและแม่ของ เทีย ให้โดดผ่านผนังตึกที่พังลงไปยังทะเลเบื้องล่างก่อนที่ตัวเขาจะอุ้ม เทีย
และโดดตามลงไป

“ พวกมันบ้าไปแล้วรึไง ลงไปตายชัดๆ ”
พลทหารนายหนึ่งกล่าวขณะที่ทุกนายพยายามจะเข้าไปรั้งตัวพวกเขา แต่ก็ไม่ทัน ได้แต่มองตามลงไปยังผิวน้ำ
ที่เต็มไปด้วยคลื่นทะเลซึ่งพัดกระหน่ำอย่างแรง โดยไร้วี่แววของพวกเขา

………
…………..
………………

ก๊องงง..ก๊องงง..ก๊องงง

เสียงคล้ายเหล็กถูกเคาะดังกังวาน ขึ้นหลายครั้งภายใน ยานดำน้ำขนาดยักษ์รูปร่างคล้ายปลาสีขาว

“ Angel Wing กำลังดำลงระดับความลึก 25…26….28…..30… ”
เสียงประกาศดังก้องไปทั่วลำเรือ

“ รักษาระดับการดำไว้ที่ 45  ”
เสียงของแม่ทัพสาวผมทอง ในชุดนายพลหญิงสีขาวตัดน้ำเงิน สั่งการนักบิน ทั้งสามนายที่กำลังปฏิบัติ
การอยู่บนแผงควบคุม ด้านล่างแท่นบังคับการ

ปึ้ง….วืดดด…ปึ้ง
เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ลากูน่า ที่เดินเข้ามาภายในห้องหลังจากที่ประตูเลื่อนเปิดออกและปิดลง

“ อ้าว ลากูน่าเองเหรอ อีกเดี๋ยวก็จะถึง Heaven Base ที่ลาซาล(Lazal) แล้ว…ว่าแต่อาการของ ครึ่งสมิงพังพอนที่ช่วยมาล่ะ ”
แม่ทัพสาวกล่าวไม่หยุด อย่างร้อนใจ

“ พี่ริคุ ได้สติแล้วล่ะครับ แล้วก็ เนลฟาแอคเตอร์ ซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยแล้วพร้อมจะออกปฏิบัติการได้ทุกเมื่อแล้วครับ  ”
ลากูน่ากล่าว ตอบอย่างแข็งขัน

“ อืมต้องบอกว่าโชคดีจริงๆนะที่ ได้ ดร.คีออส มาช่วยทำให้ มัลติอาร์เมอร์กับแอคเตอร์อันอื่นๆ
ได้รับการซ่อมแซมจนสมบรูณ์น่ะ..แต่ฉัน ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนะทำไมพี่ชายเธอถึงต้องการทำภารกิจนี้ด้วยล่ะ
ที่จริงไม่เห็นต้องเข้าไปยุ่งด้วยเลยก็ได้นี่ หนำซ้ำ จากที่ฟังมาน่ะโดนเค้ายำมาเละเลยไม่ใช่เหรอ แล้วนี่เพื่อนก็ยัง
มาโดนทำร้ายอีก จะแก้แค้นก็ไม่ใช่ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ ”

แม่ทัพสาวบ่นไม่หยุดปากขณะที่นั่งคิดถึงเหตุผลในการทำภารกิจนี้

“ ผมว่า..พี่เค้าคงมีเหตุผลแหล่ะครับแล้วก็อีกอย่างถ้าภารกิจนี้สำเร็จดีไม่ดีเราอาจจะได้ กำลังรบเพิ่มมาด้วยก็ได้
จริงมั้ย ครับ ว่าแต่หลังจากนี้คุณคางาริ(kagari) ไม่ต้องกลับไปที่ Nerunda Tower แล้วรึครับ ”
ลากูน่า กล่าว

(http://image.ohozaa.com/ip/kagari.jpg)

“ ฐานที่ทะเลสาบนีรันด้า ย้ายขึ้นไปสมทบกันที่ Colony Zalom แล้วล่ะสรุปคร่าวๆก็คือ เหลือแค่พวกเราเท่านั้นที่ยังอยู่บนโลกหลังภารกิจนี้ เราจะนำยานขึ้นวงโคจรแล้วไปสมทบกันที่ Colony ทันทีช่วยไปบอกพวกเขาทีนะ  ”
คางาริ กล่าวจบ ลากูน่า ก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับออกไป

……..
………….
……………..


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]
Post by: cocka-c on October 01, 2008, 07:21:40 PM
“ นี่นายถ้าไม่ทานอะไรซะบ้างเดี๋ยวก็ไม่หายกันพอดี ”
“ ใครใช้ให้นายอุ้มฉันโดดล่ะยะ ”
“ ไม่เอาน่าชั้นกินเองได้ไม่ต้องป้อนหรอก ”
“ ถ้าตอนนั้นชั้นไม่เห็นว่า ลากูน่า บกธง อยู่ที่ใต้หน้าผาล่ะก็ ป่านนี้เราคงไม่รอดหรอก ”
“ ยังจะมาพูดดี อีกแขนหักแบบนั้นน่ะจะกินยังไง ”

เสียงโหวกเหวก ดังลั่นออกมาหลังประตู เหล็กก่อนที่มันจะเลื่อนเปิดออก ลากูน่าที่เดินเข้ามาเจอสภาพภายในที่
วุ่นวายก็ถอนหายใจด้วยความกังวลเล็กน้อย ห้องกว้าง ที่รอบผนังห้องมีเตียงพยาบาลตั้งรายรอบ กับ

จอรับภาพที่ติดอยู่ที่ผนังห้อง ริคุ ที่เข้าเฝือกแขนกำลัง วุ่นอยู่กับ นีน่า ที่จะป้อนข้าวให้ ขณะที่ ลอว์เรนซ์ กำลัง
ปรับความเข้าใจกับ เทีย ที่ยังโมโหเขาไม่หาย ส่วน
ลากูน่า กวาดสายตาไปรอบห้องก่อนจะไปหยุดที่ เจนัสพี่ชายของตน

(http://image.ohozaa.com/ig/jtear.jpg)

“ พี่ครับทุกอย่างพร้อมแล้ว สามารถออกตัวได้ทุกเมื่อ ”
ลากูน่า กล่าวจบ ประตูห้องก็เลื่อนเปิดอีกครั้ง พร้อมกับที่ พ่อและแม่ของเทียก้าวเข้ามาในห้อง

“ การติดตั้งบูสเตอร์(Booster)เรียบร้อยแล้วทีนี้ก็สามารถรบได้ทั้งบนฟ้าแล้วก็อวกาศด้วย ส่วนตอนที่ Time Walk
ตัวระบบของแอคเตอร์จะ ส่งถ่ายประจุ โครโนตรอน เข้าไปในบูสเตอร์เอง เพราะงั้นถึงแม้ Time Walk
บูสเตอร์ก็ยังคงทำงานได้ ”
คีออส พ่อของเทียกล่าวขณะที่รับผ้าเช็ดมือมาจากภรรยาของตน เพื่อเช็ดคราบน้ำมันที่มือ ออก

“ ขอบคุณนะครับเพราะถ้าบินไม่ได้ผมก็คงลำบากเหมือนกัน ”
เจนัสกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู

“ เดี๋ยวสิถ้ายังไงชั้นไปช่วยอีกแรงจะดีกว่านะ เพราะฝ่ายนั้นเขามีสองไม่ใช่รึไง ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขณะที่เข้ามาขวางประตูไว้ เจนัส ขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ลอว์เรนซ์เห็นจึงรีบตอบกลับไปทันที

“ ไม่ต้องห่วงชั้นแค่จะไปคอยกันตัวเกะกะให้รับรอง ไม่เข้าไปยุ่งกับนายแน่นอน ”
ลอว์เรนซ์กล่าว ซึ่งแม้จะไม่พอใจนักแต่เจนัสก็ยอมให้เขาตามไปด้วย ทั้งสองเดินออกไปจากห้อง
นีน่าและริคุ เหลียวไปมองหลังของทั้งสองก่อนที่ประตูจะปิดลง

“ ทำไมเจนัสถึงต้องทนลำบากทำภารกิจนี้ด้วยนะ ”
นีน่าเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย

“ หมอนั่นคงเห็นตัวชั้นอีกคนเหมือนกับเจ้าเด็กจอมอาฆาตคนนั้นก็ได้ มั้ง ที่จริงชั้นก็ไม่ได้
อยากจะโทษเจ้าเด็กนั่นหรอกนะ เพราะ ครึ่งนึงพวกเราเองก็เคยเข้าใจความรู้สึกแบบนั้นมาแล้วนี่ ”
ริคุกล่าว ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง

“ เจ้าบ้าเอ๊ย ตอนนั้นน่ะมันใช่ความผิดนายซะที่ไหนกัน.. ”
ริคุ คิดก่อนที่จะปิดตาลง

………….
……………..
…………….

ครู่ต่อมา
ณ ทางเดินแคบๆที่เพดานติดไฟสีแดงกระพริบตลอดเวลา บนพื้นมี รางสำหรับตัวเลื่อนเพื่อยิงส่ง
ติดตั้งยาวไปจนถึงประตูเหล็กที่ปิดอยู่  เจนัส และ ลอว์เรนซ์ทั้งสอง ถือแอคเตอร์ เอาไว้ในมือเพื่อเตรียมรอสัญญาณ

“ Gate Stand by ”
เสียงประกาศดังขึ้น ก้องไปทั่วทางเดินนี้ พวกเขาทั้งสองได้ประกอบแอคเตอร์เข้ากับร่างทันที

“ Exchange ”
สิ้นเสียงก็เกิดบล็อกจำนวนมากมาย เรียงตัวขึ้นในอากาศรอบตัวพวกเขาก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นชุดเกราะ
พร้อมกับที่ประตูเหล็กได้เปิดออก ภาพพื้นดินซึ่งตัดกับทะเลที่อยู่ปลายสุดทางเดินได้ปรากฏแก่สายตาลมทะเลพัดโชยเข้ามาภายใน ทั้งสอง ได้เดินเข้าไปประจำที่ยังกระดานจักรกล ที่ติดตั้งกับแท่นสำหรับปล่อยตัว

(http://image.ohozaa.com/is/actordrake.jpg)

(http://www.bcoms.net/upload/images/bcoms200883114233.jpg)

“ Catapult Shooter Stand by ลำดับการออกตัวเริ่มจาก เนลฟา เวลาในการออกตัวแล้วแต่ทาง เนลฟา ”
เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้ง ภายในชุดเกราะหน้ากากที่สวมใส่อยู่ของพวกเขานั้น ได้มีการเพิ่มความสามารถ
ในการสื่อสารและติดต่อเข้าไปด้วยซึ่งพวกเขามองเห็นเป็น แถบข้อมูลแสดงข้อมูล และตัว ล็อคเป้า
วิ่งไปมาบนจอรับภาพของหน้ากากที่พวกเขาสวมอยู่

“ เจนัส รูลเวลล์  เนลฟาแอคเตอร์ ออกตัว ”
สิ้นคำ เจนัสก็เหยียบสวิตซ์ที่กระดาน ก่อนที่มันจะเคลื่อนตัวพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว  และขึ้นบินไปในอากาศ
เจนัส ทรงตัวอยู่บนกระดานได้สำเร็จ ก่อนที่จะบังคับให้มันบินตรงไปยัง แผ่นดินที่อยู่ตรงหน้า

“ Catapult Shooter Stand by ลำดับการออกตัวถัดไป เดรค เวลาในการออกตัวแล้วแต่ทาง เดรค ”
เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้ง

“ ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด เดรคแอคเตอร์ ออกตัว ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบ ก็เหยียบสวิตซ์ที่กระดาน ก่อนที่มันจะวิ่งตรงออกจากยานไป และลอยลำขึ้นไปสมทบกับเจนัส

“ การออกตัวเสร็จสิ้น ”
นายทหารที่ห้องบังคับการรายงาน ขณะที่เขายังคงรัวมือไปบนแป้นพิมพ์ อย่างต่อเนื่อง

“ เอาล่ะเราจะเข้าสู่ First Page แล้วเตรียมตัวได้ ”
“ ครับ ”
คางาริสั่งการจบ เสียงตอบรับของทั้งสองคนก็ดังตอบกลับมา โดยติดต่อผ่านทางชุดเกราะมาที่ห้องบังคับการ

…………………
………………….
……………………

ณ ฐานปฏิบัติการชั่วคราวของ Bell Cross บนชายหาด ลาซาล

กระโจมเต็นท์ขนาดใหญ่ กางอยู่บนชายหาดที่ว่างเปล่าแห่งนี้ ลมทะเลพัดโหมเสียจน ผ้าใบปลิวสะบัดพลิ้วลู่ไปตามลม
ขณะที่ภายในนั้นกองทหารหลายนายกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

“ เรดาห์จับได้ว่ามีวัตถุไม่ทราบสัญชาติสองลำกำลังบินมาทางนี้ครับ ”
“ เครื่องตรวจสอบพลังงานจับคลื่นประจุ โครโนตรอนได้ คาดว่าเป็นแอคเตอร์ครับส่วนรุ่นคือ
MA-01 Drake กับ MA-02 Nelfa ครับ ”
เสียงรายงานของพลทหารดังสลับกันไปเรื่อย ในขณะที่ผู้หมวดต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดต่อสถานการณ์ณ์ที่เกิดขึ้น

“ รีบติดต่อไปยังสำนักงานใหญ่ให้ส่งกำลังเสริมมา พวกที่เหลือให้สวมใส่ มัลติอาร์เมอร์เพื่อเตรียมรับมือ ”
ผู้หมวดกล่าวจบเหล่าพลทหารก็ยุ่งกันเป็นการใหญ่

“ ฉุกเฉินๆ ขณะนี้ข้าศึก มาสเตอร์แอคเตอร์สองลำกำลังตรงมาเตรียมการรับมือโดยเร็ว ”
เสียงประกาศดังก้องจาก เสาลำโพง ที่ปักทิ้งไว้บนหาด เหล่าทหารทุกนายที่ได้ยินคำสั่งต่างรีบวิ่งไป
ประจำที่ทันที

ครู่ต่อมา พลทหารหุ้มเกราะในมือถือปืนลำแสงขนาดใหญ่กับโล่ ที่มีขนาดพอจะปิดบังร่างกายได้มิดชิด
ก็ได้บินออกมาประจัญบานกับพวกเขาทั้งสอง

(http://image.ohozaa.com/ie/multiarmor1.jpg)

………….
……………….

“ ว่าไงนะ เนลฟา กับ เดรค งั้นเหรอสองตัวนั่นมันจมลงทะเลไปแล้วนี่…หนอย  ”
เด็กหนุ่มผมสีดำ นัยตาสีแดง สบถด้วยความไม่พอใจกับรายงานขอความช่วยเหลือจากฐานกำลังที่ส่งมา

“ เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ชินจิ ”
เด็กหนุ่มผมสีเทาสวมหมวกคาดแว่นกันลม อีกคนที่อายุ พอๆกับเขาหันมาถามด้วยความสงสัย

“ จะอะไรซะอีกล่ะเซน่า เดรค กับ เนลฟา น่ะสิมันบุกโจมตีฐานกำลัง Heaven Base ที่ลาซาล ”
ชินจิ ตะคอกด้วยความโมโห ทั้งที่เขาคิดว่าได้สังหาร เจนัส เป็นที่เรียบร้อยไปแล้วแต่เจนัสกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง

“ งั้นก็ไม่ต้องรอแล้ว รีบไปที่ Heaven Base กันเลย ”
เซน่ากล่าว
………………
………………….
……………………

“ Cast Off ”
สิ้นเสียง ชุดเกราะของเจนัสและลอว์เรนซ์ก็ระเบิดออก ผลักพลทหารหุ้มเกราะกระเด็นออกห่างไป
เสียจนทรายคละคลุ้งไปทั่วหาด

“ Change Dragonfly ”
“ Change Wolf ”
เสียงดังกังวานก้องขึ้นพร้อมกันก่อนที่ เจนัส กับ ลอว์เรนซ์ จะแยกกันจัดการทำลายอาวุธของอีกฝ่าย

(http://image.ohozaa.com/ih/actordrake2.jpg)

(http://www.bcoms.net/upload/images/bcoms2008831142412.jpg)

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง เจนัส และ ลอว์เรนซ์ ก็พุ่งตัวอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตา ทหารจำนวนนับสิบนายก็ถูกทำลายปืนและโล่
จนพังใช้การไม่ได้ก่อน จะถูกซัดหมอบลงไป

“ รีบ Time Walk ตามเร็ว…. ”
หัวหน้าพลทหารกล่าวยังไม่ทันจบ เขาที่เป็นพลทหารหุ้มเกราะคนสุดท้ายก็ถูก
ซัดจนร่วงลงไปโดยไม่รู้ตัว

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง เจนัส และลอว์เรนซ์ก็หยุดการเคลื่อนไหวทันที

ซูมมมมมม
เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ยานขนส่งความเร็วสูงพึ่งจะบินผ่านหัวพวกเขาไป นักบินสองนาย
โดดร่มลงมายังชายหาด ทันทีที่ถึงพื้นพวกเขาก็ปลดร่มออก

“ เจนัส เนลฟาแอคเตอร์ เริ่ม Second Page  ”
“ ลอว์เรนซ์ เดรคแอคเตอร์ เริ่ม Second Page ”
ทั้งสองติดต่อกลับไปยังยาน ซึ่งคางาริที่รับสัญญาณ อยู่นั้นกำลังประเมินสถานการณ์ จากจอรับภาพที่ทั้งสองส่งมายังจอรับภาพ ในห้องบังคับการ

“ ยืนยัน นักรบของ Bell Cross ชินจิ ยามาโตะ  เซน่า คัสท์   แอคเตอร์ที่ถือครองคือ AA-01 Chaos และ AA-03 Abyss ”
นายทหาร รายงานจากข้อมูลของ นักรบทั้งสองที่พึ่งมาถึง ให้คางาริ ทันที

(http://image.ohozaa.com/if/shinji.jpg)

 (http://image.ohozaa.com/iq/8zena.jpg)

“ เริ่ม Second Page ได้ ”
คางาริ ออกคำสั่งจบ เจนัสก็ชักทอนฟาขึ้นมา กระชับไว้ทันที

“ นายสู้กับชินจิไป ส่วนชั้นจะล่อเจ้าอาบิสออกมาเอง ”
ลอว์เรนซ์กระซิบผ่าน ตัวรับเสียงที่หน้ากาก ติดต่อไปยังเจนัส
ทันทีที่ตกลงกันได้ ลอว์เรนซ์ก็พุ่งตัวออกไปโดย เปิดไอพ่นของปีกที่หลัง ช่วยทะยานออกไป
และพาตัว เซน่า แยกห่างออกมาจากชินจิ ก่อนจะโยนตัวของ เซน่าลงไปบนหาดที่ห่างออกไป

“ ถึงจะแยกพวกเราออกจากกันก็เท่านั้นล่ะน่า ”
ชินจิ กล่าวจบก็เกิดคลื่นไฟฟ้าแปรปรวนขึ้นในอากาศ

“ Stand By ”
เสียงดังกังวานราวกับเสียงเครื่องจักรดังขึ้นก่อนที่ บล็อคลูกบาศก์สี่เหลี่ยม ซึ่งมีหน้าสีในแต่ละบล็อคเล็กๆ
ของลูกบาศก์ต่างกันออกไปมันกำลัง หมุนสลับแกนของตัวเองไปมาเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว

“ Block Break ”
สิ้นคำของชินจิ ลูกบาศก์ก็หมุนแกนของมันสลับไปเรื่อยๆจนทุกด้านมีบล็อกสีเดียวกันครบ(ลักษณะประมาณลูกบิดสีที่กำลังฮิตอยู่ตอนนี้ล่ะ)

“ Set Up ”
สิ้นเสียงก้องกังวานของลูกบาศก์นั้น มันก็ค่อยๆแตกกระจายเศษชิ้นส่วนออกมา เรียงตัวตามจุดต่างๆ ล้อมรอบร่างกายของเขาก่อนที่จะสร้างบล็อกต่อเนื่องไปเรื่อยจนหลอมรวมเป็นชุดเกราะ

“ Change Gladiator Chaos ”
เสียงก้องกังวาน ดังขึ้นจากตัวเกราะ ลักษณะของเกราะนั้นรักษารูปทรงของมนุษย์เอาไว้ โดยมีลักษณะคล้ายนักรบ
กัลดิเอเตอร์ในยุคโบราณ ดวงตาข้างซ้ายมีเซ็นเซอร์ กลอกกลิ้งไปมา ซึ่งมีความสามารถในการตรวจจับ
คลื่นพลังงาน ตัวชุดเกราะไม่มีการติดอาวุธใดๆลงไปเลยแม้แต่น้อย

(http://image.ohozaa.com/ib/chaos.jpg)

“ Part Set up Sword  ”
สิ้นคำ ก็เกิดบล็อก เล็กๆเรียงตัวขึ้นที่แขน ขวาก่อนจะเรียงตัวและหลอมกลายเป็นเกราะข้อมือ
ใบดาบชักออกมาจาก ข้อมือนั่นพร้อมกับเสียงหวีดหวิวจากตัวดาบที่มีลมหมุน วนอาบไว้รอบใบดาบ

“ Sword Mode ”
เสียงทุ้มต่ำดังกังวานจากตัวเกราะของ เคออส  ทั้งสองไม่พูดพร่ำทำเพลงต่างเข้า ปะทะกันในทันที
ทุกครั้งที่ดาบของ เคออส ปะทะเข้ากับพลองทอนฟาของ เนลฟา จะเกิดประกระแสงและเสียง
วี้ๆ ดังขึ้นทุกครั้งไปจากการที่ มวล ลมรอบใบดาบเสียดสีกับ พลองทอนฟา

“ Time Walk ”
เสียงดังขึ้นทันทีที่ ทั้งสองเดินสวิตซ์ Time Walk เม็ดทรายที่ฟุ้งกระจายอยู่รอบตัวของทั้งสองได้ลอยตัวค้างอยู่กลางอากาศ และแทบจะหยุดนิ่งอยู่เช่นนั้นเลย ทว่าการต่อสู้ของทั้งสองก็ไม่ได้หยุดลงไปด้วย
ดาบของ เคออส ยังคงตวัดฝ่า เม็ด ทราย เข้าฟาดใส่เนลฟา อย่างไม่หยุดหย่อน ทันทีที่เจนัสรับคมดาบด้วยพลองทอนฟา พลองอีกอัน
ก็จะถูกซัด กระแทกใส่ร่างของ ชินจิที่ เป็น เคออส อยู่ ซึ่งแม้ชินจิจะพยายามหลบก็ไม่อาจพ้น ได้ทุกครั้งไป

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง ทุกอย่างรอบตัวของทั้งสองก็ กลับมาเคลื่อนไหวตามเดิม เม็ด ทรายกลับปลิวว่อนไปตามแรงลม

“ อัก…แค่ก ”
ชินจิ สำลักขณะที่เอามือกุมหน้าท้องที่ถูก พลองทอนฟา ซัดเข้าไปเต็มๆเซ้นเซอร์ที่ดวงตาซ้าย
กลอกกลิ้งไปหยุดจ้องอยู่ที่ร่างของ เจนัส ก่อนจะเริ่มวิเคราะห์ ข้อมูลและสถานะ

Quote
สภาพการคืนตัวอนุภาคโครโนตรอน: 97%   สถานะของผู้สวมใส่ [ความดัน:ปกติ  อัตราการเต้นของหัวใจ : ปกติ]

ข้อมูลต่างๆได้ถูกไล่ขึ้นมาปรากฏบนจอรับภาพของหน้ากากที่ชินจิสวมอยู่ เขากัดกรอดด้วยวามเจ็บแค้นในทันที

“ ชิ…ทั้งที่เราลำบากขนาดนี้เจ้านั่นมันยังเย็นใจได้อีกเรอะ อีกอย่างอัตราการคืนตัวของ
โครโนตรอน หลัง Time Walk มันยังทำได้เกือบสมบรูณ์เต็มร้อย ขืนสู้กันยืดเยื้อล่ะก็ไม่เป็นผลดีกับเราแน่ ”
ชินจิ คิดขณะที่ประเมินสถานการณ์ เจนัสยังคงยืนดูเชิงอยู่อย่างสงบๆ ทำให้ชินจิรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

“ หนอยยย..จะดูถูกกันมากไปแล้วทั้งที่มีโอกาสแต่กลับไม่เข้ามาแล้วนายจะต้องเสียใจ ”
ชินจิ สบถก่อนจะพุ่งตัวออกไปและยกดาบขึ้นฟาดใส่ ทว่าเจนัสก็รับไว้ด้วยการยกทอนฟาขึ้นมาประสาน
ไขว้กันเพื่อรับคมดาบก่อนจะเตะ เข้าที่สีข้างของ ชินจิ อย่างจังจนคู้ตัวลงด้วยความจุกเสียด

“ นายกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่รึเปล่า…ชั้นไม่ได้ดูแคลนนายเลยแล้วก็ ไม่เคยคิดจะดูถูกด้วย ”
เจนัส ตอบกลับมาด้วยท่าทีสงบ ขณะที่ชินจิ ยังคงกุมสีข้าง ด้วยความจุกพร้อมกับกัดฟันทนเจ็บก่อนจะยันตัวลุกขึ้นมา

“ ความเห็นใจของนายน่ะชั้นไม่ต้องการ..ตราบใดที่ยังส่งนายไปลงนรกไม่ได้ชั้นก็ไม่มีหน้าจะไปพบสเตร่าที่ถูกนายฆ่าได้หรอก ”
ชินจิ ตะคอกด้วยความโมโหก่อนที่ใบดาบจะเริ่มสะสมประจุพลังงานอย่างรวดเร็ว

“ Mega Slash ”
เสียงแหลมสูงดังขึ้นจากตัวเกราะของชินจิ ก่อนที่ใบดาบจะถูกตวัดเฉียงขึ้น เกิดคลื่นแสงสีเขียววาบออกมาจากใบดาบ
พุ่งออกไป  เจนัส เอื้อมมือไปหมุนสวิตซ์สำหรับ Time Walk ที่ เอวพลัน เกิดแรงดันไฟฟ้าขึ้นที่ส่วนขาขวา

ก่อนที่จะถูกส่งถ่ายไปยังส่วนหัว และไหลย้อนกลับลงไปยังส่วนขาอีกครั้ง ภาพจากจอรับที่หน้ากาก
ของเจนัส ซึ่งมองผ่านออกมาได้มีเครื่องหมายเล็งเป้า แบบตรวจจับพลังงานขึ้นมาพร้อมกับแถบคำนวณความเร็ว
และระยะทางของคลื่นพลังที่พุ่งมา

“ Mega Kick ”
เสียงก้องกังวานดังขึ้น ทันทีที่เจนัสจับจังหวะได้ เขาก็ตวัดขาเตะคลื่นพลังงานที่พุ่งมาในทันที
คลื่นไฟฟ้าที่อาบขาเอาไว้ช่วยเป็นแรงผลักให้คลื่นพลังที่พุ่งมาเหนี่ยวนำตามการเตะไป
เจนัสหมุนตัวโดยทรงตัวด้วยเท้าเพียงข้างเดียว ส่วนขาอีกข้างก็เหวี่ยงให้คลื่นพลังพุ่งกลับไปหา
ชินจิ เสียเอง

“ ชิ … Part Set Up Buster ”
ชินจิ กล่าวจบ ตัวดาบและเกราะข้อมือก็สลายไป ก่อนที่เขาจะยกแขนซ้ายขึ้นมาเกิดบล็อกเรียงตัวขึ้นรอบแขนเหมือนครั้งแรก มันรวมตัวกันกลายเป็นเกราะ ที่มีลักษณะคล้ายปากกระบอกปืนสะสมพลังงาน(Buster)ซึ่งมีลูกเลื่อนและราง
ติดอยู่บนปากกระบอก 

“ Buster Mode ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่ อนุภาคความร้อนจะไหลอกมาจาก ปากกระบอก ทำให้มวลอากาศรอบๆปากกระบอกบิดเกลียว คลื่นความร้อนค่อยขยายตัวจากปากกระบอก และเพิ่มพลังงานขึ้นเรื่อยๆ  ในขณะที่ลูกเลื่อนได้เคลื่อนตัว
ไล่ไปด้านหลัง เสมือนเป็นตัววัดการเก็บสะสมพลังงาน 

“ ชิ…จะแรงพอต้านเอาไว้รึเปล่านะ…ขอแค่ให้ต้านได้ก็พอ ”
ชินจิ คิดขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่ลูกเลื่อนและคลื่นพลังงานที่ ถูกสวนกลับมาซึ่งกำลังตรงเข้ามาเรื่อยๆ

“ Mega Shooting ”
เสียงดังกังวานขึ้นทันทีที่ ลูกเลื่อนเคลื่อนตัวจนสุด ลำพลังงานถูกยิงระเบิดออกมาจากปากกระบอก
พร้อมกับลูกเลื่อนที่ค่อยๆ เลื่อนตัวไปข้างหน้า จนสุดพร้อมกับ สายลำพลังงานออกไปจนหมดกระบอก
ลำพลังงานกับคลื่นพลังงาน เข้าปะทะกันจนเกิดระเบิดยังผลให้ ฝุ่นทรายฟุ้งกระจายไปทั่ว

จนไม่อาจมองเห็นอะไรได้ ภายในควันทรายนั้น เจนัส พยายามหันมองไปรอบๆ ขณะที่
สายตาของเขาความหาตัวชินจิ ผ่านจอรับที่ตอนนี้มีเครื่องหมายเล็ง วิ่งมั่วไปหมด เพื่อทำการจับ
คลื่นพลังงาน

“ Part Set up…..Wing ”
เสียงของชินจิดังก้องขึ้น เจนัส พยายามหาที่มาของเสียงทันที แต่แล้วฝุ่นทรายรอบๆก็ ถูกกระแสลมที่พัดมาจากด้านหลังเขาหอบอกไป ตัวล็อคเป้าจับคลื่นพลังงานบนจอรับภาพได้เลื่อนตัวขึ้นบน ทันทีที่เขามองขึ้น
ตัวล็อค ก็เล็งไปยังร่างของ ชินจิ ที่ตอนนี้ ลอยตัวอยู่เหนือเขา

“ Wing Mode ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจากตัวเกราะของ ชินจิ ที่ตอนนี้ได้ประกอบเข้ากับ ชิ้นส่วนเสริม รูปร่างคล้ายครีบปลา
สี่ครีบ ซึ่งประกอบเข้ากันคล้ายปีก อีกทั้ง ไอพ่นที่ปล่อยออกมาจากช่องลม ที่ปลายปีกทำให้ ชินจิ สามารถทรงตัวอยู่ในอากาศได้ ขณะเดียวกันตัวล็อคเป้า ของเจนัสก็ได้เลื่อนตัวไปยังส่วนขาขางขวาของ ชินจิ ที่กำลังสะสมพลังงาน
อยู่

“ Mega Kick ”
เสียงดังก้องกังวานขึ้นพร้อมกับ ที่ชินจิ พุ่งตัวลงมาโดยง้างขาพร้อมจะตวัดเตะก้านคอ เจนัส ให้ร่วงในทีเดียว

“ ทีนี้ก็จบกันซะที ”
ชินจิ กล่าวจบขาของเขาก็ตวัดออกไปอย่างรวดเร็ว ทว่า

“ Time Walk ”
เสียงได้กังวานขึ้นก่อนที่ร่างของเจนัสจะหายไปจากตรงนั้น ลูกเตะของเขา วืดไปเสียแล้ว

“ Time Walk ”
เสียงดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่เจนัส จะมาปรากฏตัวอยู่ ด้านหลังของเขา โดยที่พลองทอนฟา ถูกนำไปเหน็บไว้ที่หลังตามเดิม เจนัส ตวัดขาที่สะสมประจุพลังงานไว้ ใส่ทันที

“ Mega Kick ”
สิ้นเสียง ลูกเตะของ เจนัส ก็ถูกตวัดเข้าใส่ร่างของ ชินจิ ทว่าเขาก็เอี้ยวตัวหลบได้ทัน ทำให้เจนัส พลาดท่าเสียหลัก
และกำลังจะร่วงลงสู่พื้นดิน

“ ถ้าสู้กันบน ฟ้านายไม่มีทางทำอะไรชั้นได้หรอกน่า ”
ชินจิ กล่าวด้วยความผยอง ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหาหมายจะจัดการ เขาก่อนจะถึงพื้น

“ Booster On ”
สิ้นคำ ที่เกราะ ขาก็เกิดบล็อกเรียงตัวขึ้นประกอบกันกลายเป็นเกราะเท้าเสริมขึ้นมา
ทั้งสองด้าน ละอองแสงสีฟ้าได้ถูกปล่อยออกมาจากเกราะเท้า
และล่องลอยอยู่รอบตัวเขา พลันความเร็วในการตกของเขาก็ค่อยๆช้าลงจนในที่สุดเขาก็ลอยตัวในอากาศได้
และทันทีที่เขาทรงตัวได้สำเร็จ พลองทอนฟา ทั้งสองด้ามก็ถูกชักออกมากระชับแน่น ไว้ที่มือทั้งสองข้าง
ชินจิที่พุ่งเข้ามาต้องหยุดชะงักไปด้วยความตะลึง

“ นี่มันอะไรกันบินได้ทั้งๆที่ไม่มีไอพ่นเนี่ยนะหรือว่าแสง ที่ลอยอยู่รอบๆนั่นมันจะ อะ… ”
ชินจิ อุทานด้วยความประหลาดก่อนจะชะงักไป เพราะเซ็นเซอร์จับคลื่นพลังงาน
ที่ตาซ้ายเกิดรวนขึ้นก่อนที ตัวเล็งเป้าทั้งหมดและค่าสถานะต่างๆซึ่ง เคยปรากฏอยู่บนจอรับภาพ
ที่หน้ากากจะหายไป อีกทั้งคลื่นการติดต่อสื่อสารก็ถูกตัดขาดไปพร้อมๆกัน

“ นี่มันอะไรกันอยู่ๆเซ็นเซอร์ กับสัญญาณการติดต่อก็หายไปหรือว่าละอองแสงสีฟ้านั่นมันจะ ”
ขณะที่ชินจิคิดอยู่นั้น เขาก็ต้องชะงักไป เพราะเจนัสได้  พุ่งเข้ามาและฟาดทอนฟาใส่เขา ที่ตอนนี้
ติดตั้งชิ้นส่วนปีกเอาไว้จึงไม่มีอาวุธที่จะรับมือกับ พลองทอนฟา ทำให้เขาต้องตกเป็นฝ่ายรับ
ในทันที

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง ร่างของเจนัสก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง
สร้างความตกตะลึงให้แก่เขามากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะถูก การโจมตีที่รวดเร็วจนตามไม่ทันของ เจนัส
รัวใส่อย่างต่อเนื่องจน บอบช้ำไปตัว

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง เจนัส ก็กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]
Post by: cocka-c on October 01, 2008, 07:26:28 PM
“ แฮ่ก..แฮ่ก..นี่แก Time Walk แล้วยังบินได้อีกทำไมกัน ทั้งๆที่ถ้า Time Walk ประจุโครโนตรอน จะทำให้แกเคลื่อนตัวเร็วกว่า พลังงานของไอพ่นที่ปล่อยออกมา ดังนั้นแล้วตัวแกจะต้องตกลงไปข้างล่างแต่แล้วแกกลับโจมตีใส่ชั้นที่อยู่กลางอากาศได้อีกทำไมกัน ”
ชินจิ ถามไปหอบไปด้วยความอ่อนล้า ในขณะที่จิตใจเต็มไปด้วยความสับสนและกังวล

“ ละอองสีฟ้าที่เห็นนี่คือประจุ ธาตุที่ไหลเวียนอยู่ในพลังงานของชุดเกราะซึ่งถูกแปลงออกมาด้วย Booster ที่เท้านี่ มันคืออนุภาคE.I. ที่จะทำให้ตัวผู้ใช้ สามารถทานแรงโน้มถ่วงและเหาะเหินได้อย่างอิสระ แต่ว่ามันก็มีข้อเสียตรงที่จะรบกวนคลื่นการสื่อสาร และเซ็นเซอร์ตรวจจับพลังงานรอบๆด้วย ดังนั้น เซ็นเซอร์ที่ หน้ากากของชั้นจึงได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณ ดร.คีออส ที่พวกองค์กรตามล่าตัวอยู่นั่นล่ะ ”
เจนัส อธิบาย อย่างเย็นใจโดยไม่หวั่นเกรงต่อการให้ข้อมูลกับ ชินจิ

“ ชิ.. ดร. คีออส งั้นเองเรอะนึกว่าตกหน้าผาตายไปแล้วซะอีก…ก็ดีถึงนายจะเหาะเหินเดินอากาศได้ยังไงชั้นก็ไม่สน
เพราะบนท้องฟ้าคือสังเวียนของชั้น Hyper Mode ”
ชินจิ กล่าวจบ ชิ้นส่วนเสริมทั้งหมดที่ใช้ไปก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกันในคราวเดียวและถูกติดตั้ง
เข้ากับร่างของเขาก่อนจะสร้างบล็อกที่ต่อมารวมตัวกลายเป็นเกราะ เสริมให้ทั้งร่างได้รับการปกป้องยิ่งขึ้น

“ Part Set up Combine Hyper Chaos ”
เสียงดังก้องกังวาน ไปทั่วทั้งหาดจากตัวเกราะ ที่บัดนี้เปลี่ยนรูปไปราวกับอัศวินวิหก ผู้โบยบินในท้องนภา

(http://image.ohozaa.com/ip/chaoshyper.jpg)

“ ชั้นจะใช้ร่างที่เคยจัดการนายเมื่อครั้งที่แล้วส่งนายกลับไปยังนรกอีกครั้ง ”
ชินจิ กล่าว วาจา จองหองเย่อหยิ่ง ในขณะที่เจนัส ส่ายหัวไปมาด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
สร้างความหงุดหงิดให้ ชินจิ เป็นอันมาก

“ นายเคยบอกว่ากลับมาจากนรกเพื่อส่งชั้นลงไปแทนแต่ในเมื่อตอนนี้ ชั้นอยู่ที่นี่มันก็หมายความว่านายจะต้อง
เป็นฝ่ายกลับไปแทน…”
สิ้นคำ เจนัสก็ประกอบด้ามของทอนฟา เข้าด้วยกัน พลันเกิดคลื่นไฟฟ้า ไหลจากทอนฟาวิ่งไปทั่วร่าง
พร้อมกับ บล็อคที่ปรากฏขึ้นรอบๆก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นส่วนเสริมของเกราะ ซึ่งมีแพคหลังคล้ายกับ

ลูกกระสุนปืนใหญ่ แบกอยู่ที่หลังสองลูก โดยรอบๆลูกกระสุนนั้นมีร่อง เป็นรอยราวกับ อุดอะไรบางอย่างใส่ไว้
ภายในร่องนั้น 

“ Change Hyper Wolf ”
เสียงทุ้มแหลมดังกังวานจากตัวเกราะ ร่างใหม่ที่ อาบด้วยละอองสีฟ้าที่ยังคงปล่อยออกมา
ลอยตัวอยู่ตรงหน้า บัดนี้ เจนัส สามารถใช้ ไฮเปอร์โหมด ของเขาได้แล้ว

(http://image.ohozaa.com/iu/hypernelfa.jpg)

“  ถ้าลอว์เรนซ์คือผู้ก้าวข้ามลิขิตฟ้า…ชั้นก็คือผู้เหยียบย่ำไปบนชะตาแห่งฟ้าเพื่อช่วงชิงอนาคตมา ”
เจนัส กล่าวจบ ก็พุ่งตัวเข้าใส่พร้อมกับง้าง ทอนฟาที่ประกอบกันขึ้น เกิดแสงพลังงานหุ้มตัวพลองเอาไว้
คล้ายคมดาบทั้งสองด้าน เจนัส ฟันมันลงแต่ ชินจิ ก็ยกดาบขึ้นรับไว้ทัน ก่อนจะบินถอยฉากออกมา

.................
........................
..............................

“ Stand By ”
เสียงทุ้มแหลมของเครื่องจักรดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏของ สำรับไพ่ (Deck) ขึ้นกลางอากาศซึ่งบิดเบี้ยวจาก
พลังงานคลื่นไฟฟ้าที่ตัว สำรับ ปล่อยออกมา ก่อนที่ตัวมันจะตกลงไปยังมือของเด็ก
หนุ่มผมสีเทาสวม เสื้อแจ็คเก็ต หนังสีน้ำตาล อมเทา ซึ่งเขาสวมหมวกคาด ด้วยแว่นกันลม
ทันทีที่รับ สำรับมาเขาก็จัดแจงสับไพ่อย่างรวดเร็ว

“ Shuffle Deck ”
สิ้นคำของเด็กหนุ่ม ไพ่ทั้งหมดที่ถูกสลับก็ พุ่งตัวปลิวออกมาหมุนวนรอบตัวของเขาราวกับพายุ
ปกคลุมจนไม่เห็นร่างของเขา พร้อมกับคลื่นไฟฟ้าแปรปรวน หมุนรอบไปกับไพ่ที่ปลิวกระจัดกระจาย

ก่อนที่ทั้งหมดนั้นจะ ค่อยๆ อันธทาน หายไป พร้อมกับการปรากฏของเด็กหนุ่มในร่างที่สวมเกราะเหล็ก
และหน้ากาก ปกปิดใบหน้าส่วนบน เสียครึ่งหนึ่งหมวกทรงสูงสีดำ และเสื้อสูทสีดำที่สวมทับเกราะเอาไว้
ราวกับนักมายากลแห่งรัตติกาล 

“ Change Magical Abyss ”
เสียงทุ้มกังวานดังจากชุดเกราะของเขา

(http://image.ohozaa.com/iq/abyss.jpg)

“ เซน่า คัสท์ (Zena Cass ) อาบิส (Abyss) เริ่มปฏิบัติการ ”
สิ้นคำเซน่า ก็ไม่รอช้า ทุบสวิตซ์ ที่หน้าอก ทันที ลอว์เรนซ์ เห็นเช่นนั้นจึง
รีบเดินสวิตซ์ที่ข้อแขนเช่นกัน


“ Time Walk ”
เสียงดังก้องกังวานขึ้นพร้อมกับที่ร่างของทั้งสองหายไปจากตรงนั้นพร้อมๆกัน
ลอว์เรนซ์ กับ เซน่ากำลังปะทะกันด้วยความรวดเร็วเหนือกระแสเวลา จากการ Time Walk  ด้วยความเร็วที่ยากจะหยั่งถึง ทำให้พื้นทรายถูก ลาก เป่าขึ้นมาคละคลุ้งไปทั่วจากการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของทั้งสอง

“ Time Walk ”
สิ้นเสียงทั้งสองก็ หลุดการเคลื่อนไหวลง ท่ามกลางละอองทรายที่คละคลุ้งไปทั่วนี้ ทั้งที่ตอนนี้เกราะของ
เซน่า เต็มไปด้วยทราย แต่ก็ไม่มีละอองทรายแม้แต่เม็ดเดียวหลุดเข้าไปสัมผัสกายของ ลอว์เรนซ์ ได้เลย
หนำซ้ำตัวของเขายังลอยอยู่กลางอากาศตลอดเวลาอีกด้วย โดยมีละอองสีฟ้า ล่องลอยอยู่รอบกาย
สายตาของ ลอว์เรนซ์นั้นไม่ได้จับจ้องอยู่ที่การต่อสู้กับ เซน่าเลยแม้แต่น้อย หากแต่จับจ้องอยู่ที่ การต่อสู้
ของเจนัส ที่พึ่งจะมีละอองแสงสีฟ้าลอยขึ้นมา พร้อมกับคลื่นพลังงานแรงสูงที่ระเบิดแผ่ออกมา


“ เจ้านั่น…ดูเหมือนจะใช้ไปแล้วสินะ Hyper Actor น่ะ ไม้เด็ดทั้งทีเอาออกมาใช้ตั้งแต่เริ่มเดี๋ยวก็หมดสนุกกันพอดี ”
ลอว์เรนซ์ เปรยขึ้นอย่างสงบเสงี่ยมโดยไม่สนใจต่อท่าทีแค้นเคืองที่ เซน่า มีให้เขา

“ นี่แก...ไม่ได้สนใจชั้นเลยงั้นเหรอ..ก็ดีแล้วแกจะต้องเสียใจ..Part Set Up  Relic Deck ”
สิ้นคำ ก็เกิดบล็อกเล็กๆเรียงตัวขึ้นในอากาศก่อนที่เขาจะคว้ามันไว้ มันได้เปลี่ยนรูปเป็นสำรับไพ่
หนึ่งกอง เซน่า สับสำรับไพ่ อย่างรวดเร็วก่อนที่จะหยุดและดึงไปบนสุดขึ้นมาและแสดงให้
ลอว์เรนซ์ดู มันเป็นไพ่ที่มีรูปหอกโลหะ หลายแฉก อยู่บนไพ่

“ Summon Polemos Pike ”
เสียง แหลมห้วนดังกังวาน พร้อมกับที่ไพ่ใบนั้นสลายตัวไปและเรียงรูปใหม่กลายเป็นหอกเหมือนในไพ่
เซน่าควงมัน 3 ครั้งครึ่งก่อนจะพุ่งออกไปหมายจะแทง ลอว์เรนซ์ ด้วยหอกนี้
ทว่าลอว์เรนซ์ก็ปัด มันออกด้วยดาบเล่มสีดำที่ชักขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว จนหัวหอกหักไป

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n008/103.jpg)

“  Hyper Actor Ready ”
เสียงแหลมทุ้มดังกังวานจากตัวดาบ ก่อนที่ ลอว์เรนซ์จะพลิกด้ามดาบให้คมหันออก

“ เฮ้อที่จริงก็ไม่อยากหรอกนะ...แต่ชั้นเองก็ไม่มีเวลามาเล่นซะด้วยสิถ้าก่อน เย็นนี้ชั้นยังทำลาย
ลิฟต์ วงโคจรนั่นไม่ได้ล่ะก็พวกชั้นเองก็แย่เหมือนกัน ”
ลอว์เรนซ์ เปรยด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ขณะที่ชี้ไปยังเสา สูงที่ยาวทะลุกฟ้าขึ้นไปสุดลูกหูลูกตา


“ นี่..หรือว่าพวกแกคิดจะขัดขวางการขนส่งของในวันนี้น่ะ.... ”
เซน่า อุทานขึ้นก่อนจะชะงักไปเมื่อ ลอว์เรนซ์ ได้ย้ายมา อยู่ตรงหน้าเขาใกล้เสียจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่รด
ใส่หน้าเขา ลอว์เรนซ์ กดสวิตซ์ที่ด้ามดาบในทันที

(http://image.ohozaa.com/ir/hypersword1.jpg)

“ Change Hyper Dragonfly ”
เสียงทุ้มแหลมดังกังวานขึ้นพร้อมกับ ชุดเกราะของ ลอว์เรนซ์ ที่เปลี่ยนรูปไป เกราะปีกหุบตัวลง บล็อกชิ้นส่วนต่างๆปรากฏขึ้นรอบๆร่างของเขาก่อนจะเรียงตัวเป็นส่วนเสริมของเกราะ
พร้อมกับปีกพลังงานสีรุ้งที่ กาง พรึบออกมา

(http://image.ohozaa.com/iw/actordrake3.jpg)

“ โทษนะแต่ชั้นไม่ใจดีเหมือน เจนัส หรอก... ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวเวียงเรียบก่อนที่ที่นิ้วโป้งมือข้างที่จับด้ามดาบไว้จะดันสลักขึ้น กรรเชียงดาบหุบตัวลง พร้อมกับปล่อยคลื่นไฟฟ้าไหลอาบไปทั้งดาบ  ก่อนที่ ลอว์เรนซ์ จะฟาดคมดาบเข้าใส่ เซน่าจึงยกท่อนหอกที่หักไปแล้วขึ้นมารับคมดาบไว้ ทันทีที่คมดาบปะทะเข้ากับท่อนหอกก็เกิดประกายไฟแวบขึ้นมา

“ Three ”
“ Two ”
“ One ”
เสียงดังกังวานจากตัวดาบ ขึ้นพร้อมกับประกายไฟที่แวบขึ้นทุกครั้งก่อนที่ ลอว์เรนซ์ จะสับสวิตซ์กลับลงมา
ที่เดิมกรรเชียงดาบกางขึ้นพร้อมกัน โดยมีคลื่นพลังงานไหลวูบอาบไปทั้งตัวดาบ

“ Maximum Hyper Typhoon ”
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกับที่คลื่นพลังงานแสงพุ่งออกจาก คมดาบ

“ ชิ…”
เซน่า สบถขณะที่พลังงานแสงกำลังจะปะทุผ่าท่อนหอกที่เขาถืออยู่ ทันทีที่
ลอว์เรนซ์ตวัดคมดาบตัดท่อนหอกลงทั้งด้ามได้สำเร็จ คลื่นพลังงานแสงทั้งหมดก็พุ่งออกจากคมไปเผาผลาญร่างของ เซน่าจนสิ้นสลาย 

ปิ๊บบบ ปิ๊บๆๆๆๆ

เสียงดังขึ้น พร้อมกับ เซ็นเซอร์ล็อคเป้าหมายบนจอรับภาพของหน้ากากที่ ลอว์เรนซ์ สวมอยู่
กระพริบขึ้น เพื่อแสดงตำแหน่งของพลังงานที่ตรวจจับได้ ทันทีที่เขาหันไปยังทิศที่
เซ็นเซอร์ แจ้งตำแหน่งมา เซน่าซึ่งถือ หอกโปเรมอส ที่สมบรูณ์เหมือนใหม่ กำลังกระโดดตัวลอย อยู่กลางอากาศ
ก่อนจะลงคมหอกใส่เขา

แก๊งงงงงงง
………………
…………………….
……………………….
เคล้งงงงง เคล้งงงงงงง

เสียงของคมดาบที่กระทบกัน ดังก้องไปทั่วทั้งหาด ทรายสีขาวและแดด ที่ส่องสว่างเจิดจ้า
แสงสีฟ้าที่วาบขึ้นทุกครั้งที่คมดาบของ เจนัส และ ชินจิ  เข้าปะทะกัน

“ จะก้าวข้ามหรือจะเหยียบย่ำอะไรของนาย ชั้นไม่สน.... ”
ชินจิ ตะหวาดจบก็ ยกบัสเตอร์ที่มือซ้ายขึ้นมา จ่อที่ลำตัวของ เจนัส ในระยะประชิด

“ Mega Shooting ”
เสียงดังกังวานจากตัว บัสเตอร์ ก่อนที่คลื่นพลังงานจะถูกเป่าออกมาจากปากกระบอก เจนัส ก็ได้ อ้อมไปอยู่ข้างเขาแล้ว คลื่นพลังงานจึงพลาดเป้าไป เจนัส เงื้อดาบสองคม ที่มือออกก่อนที่จะเกิดคลื่นพลังงานไหลไปรวมกันที่ คมดาบพลังงานสีฟ้า

“ Mega Cutting ”
เสียงทุ้มแหลมดังกังวาน ขึ้นพร้อมกับที่ เจนัส ฟาดคมดาบลงไปทันที

ตูมมมมมมม!

เสียงระเบิด ดังขึ้นพร้อมกับเกราะปีกของ ชินจิ ถูกตัดจนขาด และระเบิดออกร่างของ ชินจิ ร่วงลง
มากระแทกกับพื้นทรายก่อนจะกลิ้งไปตาม แรงระเบิดเสีย 3 ตลบ
เจนัส ค่อยๆโรยตัวลงมายังพื้นทราย เบื้องล่าง ก่อนที่เกราะเท้าซึ่งประกอบบูสเตอร์เอาไว้จะ สลายตัว บูสเตอร์ออกไป
ละออง อนุภาค สีฟ้าที่ล่องลอยอออกมาจึงจางหายไปด้วย

“ อึ...อึก..อั่ก..แค่กๆๆ ”
ชินจิ สำลักขณะที่ พยายามยันตัวลุกขึ้น อย่างโซซัดโซเซ ก่อนที่จะหันมาประจันหน้ากับ เจนัส เซ็นเซอร์และ
ตัวรับสัญญาณกลับมาทำงานอีกครั้ง หลังจากที่เจนัส ปิดบูสเตอร์ไปแล้ว
ตอนนี้ กราฟแสดงค่าสถานะของเขา ระบุความเสียหาย ขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Quote
ค่าความทนทานคงเหลือ :75 %   อัตราการไหลเวียนพลังงาน: 35%
การส่งถ่ายประจุโครโนตรอนสามารถทำได้: 25%   ค่าความเสียหายโดยรวม : 165%  สถานะ : วิกฤติ

“ ชิ...ถึงตัวเซ้นเซอร์กับ มาตรวัดจะกลับมาแล้วก็เถอะ แต่ว่าความเสียหายขนาดนี้คงจะ Time Walk ไม่ได้แล้ว
ที่อยูตรงหน้าเราคือ มาสเตอร์แอคเตอร์ ระบบ ไฮเปอร์โหมด ความร้ายกาจของมันเราก็เคยเห็นมาแล้ว
ความสามารถที่หยุดกระทั่งเวลาได้ ถ้าไม่รีบคว่ำมันก่อนล่ะก็...เราเอง..ฮึ้ยยย ”
ชินจิ คิดก่อนที่จะขบกรามแน่น ด้วยความเจ็บแค้น

“ Mega Slash ”
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกับ คลื่นไฟฟ้าที่ไหลวนไปอาบที่ดาบพลังงาน ของเขา
ก่อนที่จะตวัดมันออกไป คลื่นพลังงานพุ่งตรงเป็นเสี้ยวไป แต่เจนัสก็หลบมันได้อย่างง่ายดาย
ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปประชิดตัว แล้วซัดหมัดซ้ายเข้าที่ หน้าท้องของเขาอย่างจัง จนตัวคู้ลง
ด้วยความจุก

“ ได้สติรึยัง..จะทำแบบนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา ”
เจนัส กล่าว ทว่าชินจิ กลับตวัดดาบใส่เขาจนต้องถอยหลบออกมา

“ นายกำลังถูกหลอกใช้อยู่นะ..คิดว่าทำแบบนี้แล้ว สเตร่าจะ กลับมารึไง ”
เจนัส พยายามจะเจรจาแต่ ทว่าคลื่นพลังงานก็ถูกยิงออกจากปากกระบอก บัสเตอร์ที่แขนซ้ายของ ชินจิ
โปรยใส่เขาอย่างต่อเนื่อง

“ อย่ามาทำเป็นรู้ดีเลย...นายไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าชั้นรู้สึกอย่างไง...ย้ากกกก ”
ชินจิกล่าวอย่างเดือดดาล ขณะที่พุ่งเข้าไปฟัน เจนัส ทว่าเขาก็รับมันไว้ด้วยดาบสองคม
ทั้งสองกำลัง วัดกำลังกันอย่างสูสี

“ ถ้าวันนั้น..วันนั้นถ้านายไม่อยู่ที่นั่น สเตร่าก็คง..ย้ากกกก ”
ชินจิกล่าวเสียงสั่นก่อนจะตัดบทไปแล้ว ยกบัสเตอร์จ่อยิงระยะเผาขน

ทำให้เจนัสต้องยกคมดาบขึ้นปัดป้อง ก่อนที่แท่งโลหะซึ่งถูกอุดเอาไว้ที่ แพคจรวดด้านหลัง
จะเลาะตัวออก และพุ่งบินออกมานับสิบ ที่ส่วนหัวและปลายของมันได้แยกออก ปรากฏให้เป็นปากกระบอก
โผล่พ้นออกมา และยื่นตัวประกอบออกมาคล้าย ลูกดอก (รูปจรวด ฟันเนล* อันที่2ที่เขียนว่าDestroy)

บนจอรับภาพของ เจนัส นั้น ตอนนี้มีตัวเซ็นเซอร์ เล็งเป้าขึ้นมาเท่ากับจำนวน ลูกดอกโลหะที่ลอยไปรอบตัวของเขา
วิ่งไปมา ก่อนที่เซ็นเซอร์ทั้งหมดจะถูกเล็ง ไปรวมกันที่ ตัวของ ชินจิ

“ ชิ...ฟันเนล เจ้านี่มีของแบบนี้ด้วยเรอะ ”
ชินจิ สบถขึ้นขณะที่ถอยฉากออกมา จะหลบกระสุนบางส่วนที่ถูกปัดกลับมา

“ Lock On Laser Strom ”
เสียงแหลมก้องดังกังวานจากตัวเกราะของ เจนัส ก่อนที่ ฟันเนล ทั้งหมดจะพุ่งไปยัง ชินจิ
และยิงแสง เลเซอร์ ออกมากจากปากกระบอก แสงเลเซอร์จาก ฟันเนล นับสิบนั้นถูกระดมยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง
จนตอนนี้ ชินจิ ได้ถูกล้อมยิงไปทั่วทั้งร่าง ฟันเนลที่ ลอยตัวไกลออกไปก็จะวกตัวกลับมายิงไปเรื่อยๆไม่จบสิ้น
ครั้นจะ ทำลายก็ไม่อาจตามการเคลื่อนไหวของ ฟันเนล เหล่านี้ได้ จนถึงตอนนี้

จอรับภาพของ ชินจิ ก็ขึ้นเตือนความเสียหายของระบบต่างๆ ซึ่งกำลังจะหยุดทำงานในไม่ช้า
ขณะที่แสงเลเซอร์ยังคงถูกยิง ออกมาราวกับพายุกระหน่ำก็มิปาน ทว่าแม้จะระดมยิงเพียงใด
การโจมตีโดยรวมทั้งหมดจะมุ่งไปที่ เซเบอร์พาส กับ บัสเตอร์พาส เสียส่วนใหญ่ ราวกับ
ว่าการโจมตีในครั้งนี้ จุดประสงค์คือเพื่อทำลายอาวุธของเขาเท่านั้น

จนเมื่อถึงขีดสุดที่ พาสทั้งสองที่เหลือจะรับไว้ มันจึงระเบิดตัวสลายไป พร้อมกับที่เลเซอร์จากฟันเนลหยุดลง
 ร่างของชินจิ กระเด็นไปตามแรงระเบิดตัวเซ็นเซอร์
แสดงค่าสถานะทั้งหมดบนหน้าจอได้หายไปหมดสิ้น ระบบพลังงานส่วนใหญ่
ของเขาถูกทำลายจนสิ้นแล้ว เกราะเสริมบางส่วนที่ ถูกต่อเติมหลังการเปลี่ยน ไฮเปอร์โหมด ยังไม่หายไปแต่ก็
อยู่ในสภาพชำรุด สภาพของไฮเปอร์โหมดขณะนี้ไม่อาจต่อสู้ได้อีกแล้ว

“ แค่ก...แค่กๆ..แฮ่ก นายนี่มัน..คิดจะทำอะไรกันแน่ทำไมถึงไม่เล็งยิงทำลายร่างของชั้นไปซะเลยล่ะ ”
ชินจิ สบถขณะที่ลุกขึ้นยืนด้วยสภาพโซซัดโซเซ ร่างของเขาตอนนี้ระบมไปหมดจากการถูก
ระดมยิง แม้เกราะจะกันไว้ได้แต่ความเสียหายเหล่านั้นบวกแรงปะทะจากระเบิด ทำให้เกราะ
แขนซ้ายของเขาแตก ร้าวไปแล้ว ในขณะที่เกราะแขนขวา ก็มีบางส่วนแตกหลุดไปจนเห็นเนื้อใน

ที่แผลอาบไปด้วยเลือดสีแดงฉาน เช่นเดียวกันเกราะทั้งร่างตอนนี้อยู่ในสภาพชำรุด จนไม่อาจใช้การอะไรได้อีกแล้ว
ฟันเนลทั้งหมดยังคงลอยล้อมรอบ เขาอยู่ขณะที่เจนัส ยังคงเดินใกล้เข้ามา 

“ จะยอม... ”
“ ไม่..ชั้นไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด..แค่ทำลายอาวุธของชั้นทั้งหมดแล้วจะมาสรุปเอาว่าชนะแล้วงั้นเหรอ
ชั้นไม่ยอมจนกว่าเราจะแหลกกันไปข้าง.. ”
เจนัส กล่าวออกมาได้ไม่ทันจบ ชินจิ ก็แทรกขึ้นทันที ทำให้เขาต้องชะงักไป

“ ก็ได้..ถ้าอยากสู้นักล่ะก็.. ”
เจนัส กล่าวจบก็ชู ดาบสองคมที่เกิดจากการประกบ ทอนฟา เข้าไปขึ้น เหนือหัว ฟันเนล ทั้งหมด
ได้ลอยตัวออกไปล้อมกรอบ เป็นเสา 4 ต้น ต้นละสาม ฟันเนล เรียงต่อกัน ตั้งล้อมพวกเขาไว้ก่อนที่จะหุบ
ปากกระบอกเลเซอร์ ลงทั้งหัวและปลาย พร้อมกับเรียงส่วนประกอบอีกครั้ง จนมีลักษณะคล้ายผลึกหิมะ
(รูป ฟันเนล ตัวที่สาม เขียนว่า Defend)

พร้อมกับเชื่อต่อเข้ากันด้วย แสงเลเซอร์ที่ยิงออกจากปลายแหลม และเชื่อมไปยังเสา ฟันเนล ต้นอื่นๆด้วย
ช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างแสงเลเซอร์เกิด กำแพงพลังงานใสที่มองไม่เห็นขื้น ล้อมกรอบพวกเขาไว้

ก่อนที่ ฟันเนล หัวเสาจะเชื่อมแสงเลเซฮร์เข้ากับด้าม ทอนฟา ที่กลายเป็นดาบข้างละสองเส้นทันทีที่
 เจนัส ปล่อยมือ ออกตัวดาบทอนฟา ก็ลอยตัวขึ้น ไป ก่อนจะหยุด จนลักษณะ ของแสงเลเซอร์ ที่เชื่อมและล้อมกันคล้ายกระโจม แก้วใส ช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างแสงเลเซอร์ถูก สร้างกำแพงพลังงานกั้นเอาไว้จนหมด บัดนี้พวกเขา
ถูกขังเอาไว้ภายในอาณาเขต ที่ เจนัส สร้างขึ้นแล้ว

ขณะที่ ชินจิ ได้แต่มองตาค้างด้วยความ ประหลาดใจสลับกับความระแวงว่า เจนัส ตั้งใจจะทำอะไร

“ Private Arena (อาณาเขตจำเพาะบุคคล) …  Straight Ring (สังเวียนแห่งการเปิดเผย)  ”
เสียงทุ้มแหลมห้วน ดังขึ้นจากตัวเกราะ พร้อมกับที่ ตัวแสดงค่าสถานะ ต่างๆบนจอรับภาพของ เจนัส
 กำลังเปลี่ยนแปลง

Quote
ความเร็ว:200%  พลังทำลาย : 200% ความทนทานร่างกาย :200%  สถานะเกราะพลังงาน:ปลดการทำงาน


“ สังเวียนแห่งการเปิดเผยนี่จะช่วยเปิดจิตใจนายได้หรือไม่ ไฟแห่งความแค้นที่สุม อกนายมันจะผลาญเชื้อไฟแห่งชีวิตจนมอดสิ้นหรือจะลุกโหมเป็นเพลิงชีวิตใหม่กันแน่ นี่คือการเดิมพันของชั้น ”
เจนัส คิดขณะที่ ยกแขนสองข้างขึ้นตั้งการ์ด และเริ่มเต้นฟลุคเวิร์ค

“ เอ้ามัวรออะไรอยู่..อยากสู้นักชั้นก็จัดสังเวียนให้แล้ว..แต่นี่คือโอกาส สุดท้ายของนาย จะบอกไว้ก่อนเลยนะว่า
ในสังเวียนแห่งนี้ค่าความสามารถ ในการรุกโจมตีของชั้นจะเป็นระยะประชิดทั้งหมดและพลังทำลายเพิ่มเป็นเท่าตัว
ชั้นมีเวลาให้นาย 3 นาที ก่อนที่ ดูโอเบลด (Duo Blade) ที่ลอยอยู่เหนือ หัวพวกเราจะสะสมพลังงานเสร็จ.. ”
เจนัส กล่าวจบร่างของเขาก็หายวับไปในทันที ก่อนที่จะมาโผล่อยู่ต่อหน้า ชินจิ หมัดของเจนัส ได้เสยคางจนร่างของ เขากระเด็นไปกระแทกกับกำแพงพลังงาน  ก่อนไหลครูด ลงมากองกับพื้น 

“ นี่มันบ้าอะไรกัน ความเร็วเมื่อครู่นี้มันเกือบจะเข้าระดับ Time Walk เลยนะแล้วยังพลังทำลายเมื่อครู่อีก
เจ้าสังเวียน นี่มันเพิ่มพลังให้ขนาดนี้เลยเรอะ แบบนี้มัน มัดมือชกกันชัดๆแล้วยัง ดาบที่ลอยขึ้นไปนั่นอีก
ถ้าครบ 3 นาทีแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ชิ..นี่ขนาดบอกเองว่าจะเอาจริงแล้ว ทั้งที่ชั้นลมอยู่นี่ยังไม่คิดจะ
เข้ามาซ้ำอีก กรอดดด..จะดูถูกกันเกินไปแล้วถึงตอนนี้ ชั้นจะไม่เหลืออะไรแล้วก็เถอะ ต่อให้ตายชั้นก็ไม่ยกโทษให้เด็ดขาด ”
ชินจิ คิดขณะที่พยายามยันตัวขึ้น ยืนอย่างลำบาก ทันทีที่เขาตั้งการ์ด เจนัส ก็หายวับไปอีกครั้งและมาโผล่ตรงหน้าเขาเหมือนครั้งแรก ชินจิ ชกออกไปโดยไม่ลังเล ด้วยอาวุธสุดท้ายที่เหลืออยู่ คือร่างกายและวิชาการต่อสู้ที่เรียนมาเท่านั้น
ทั้งที่ หมัดซึ่งชกตอบสนองไปทันทีที่นั้น น่าจะซัดจน เจนัส ล้มได้แต่ทว่า หมัดของเขากลับทะลุผ่านไปราวกับไม่มีตัวตน

ปักกก

เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ความจุกเสียดที่ พุ่งขึ้นมา เจนัส ที่หน้าจะพุ่งเข้ามาอย่างตรงๆและถูกหมัดของเขาไป
 กลับก้มตัวหลบหมัดและสวนหมัดกลับเข้า เต็มๆหน้าท้อง ของชินจิ จนเกราะลำตัวที่ร้าวอยู่ก่อนแตกกระจายออก

“ บ้าน่าก็เราชกโดนแล้วนี่..ภาพติดตางั้นเรอะ..ชั้นคนนี้น่ะเหรอที่เห็นภาพติดตาของหมอนั่น ทั้งที่
ความสามารถของเราที่กลายเป็นโคออดิเนเตอร์  นี่น่าจะตอบสนองทันแท้ๆ แต่เรากลับ.. ”
ชินจิ คิดขณะที่ร่างของเขาปลิวกระเด็นไป ติดกำแพงพลังงาน  และยังไม่ทันที่เขาจะได้ล้มตัวลง
เจนัส ก็ตัดระยะ เข้ามาประชิดเขาอีกครั้ง ก่อนจะรัวหมัดใส่ ที่ใบหน้า หน้าท้องอย่างต่อเนื่อง

และ ปิดท้ายด้วยการเตะก้านคอ ลากให้เขากระเด็นไปกระแทกกับกำแพงพลังงานอีกด้าน จนร่วงกอง
ร่างกายของเขา ระบบช้ำไปทั้งร่าง ชุดเกราะที่ยังเหลือก็แตกผุ จนเป็นเพียงแค่เศษโลหะผุๆ ติดร่างไว้เท่านั้น
ทั้งที่ตอนนี้ตัวเขาก็อยู่ในสภาพปางตายเต็มที่แล้ว แต่ เจนัส ก็ยังคงไม่ยอมบุกเข้ามาหากเขายังไม่ลุกขึ้น



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]
Post by: cocka-c on October 01, 2008, 07:32:12 PM
“ นี่..ชั้นไม่มีวันจะตามนายทันเลย...รึไงกัน..สเตร่า ขอโทษนะชั้นคงต้องผิดคำพูดซะแล้ว.. ”
ชินจิ คิดขณะที่พยายามยันตัวลุกขึ้น อย่าง โซซัดโซเซ ก่อนจะวิ่งบุกเข้าใส่อย่างลืมเป็นลืมตาย
และต้องชะงักไปเมื่อ เจนัสได้พุ่งเข้าซัดใส่หน้าท้องเขาอย่างเต็มแรงจน ทรุดตัวล้มลง

“ Time Out…Charge Complete ”
เสียงดังกังวาน ออกมาจากตัวดาบที่ลอยเคว้งอยู่ เจนัส ผลักตัวของเขาออกให้ล้มไปก่อนจะกระโดดขึ้นไปคว้า
เอาด้าม ทอนฟา แสงเลเซอร์ทั้งหมด วิ่งไปรวมกันที่กลางด้าม ก่อนที่ใบมีดจะกางออกจนมีลักษณะคล้ายคันธนู
ก่อนที่ เจนัส จะเล็งยิงไปที่ ชินจิ ซึ่งยังนั่งตัวคู้ด้วยความระบบ อยู่กำแพงพลังงานที่กางล้อมรอบไว้ได้หายไป
เกราะ บูสเตอร์ถูกประกอบตัวเข้าที่เกราะเท้าของ เจนัส อีกครั้งพร้อมกับปล่อยละออง E.I. สีฟ้าออกมา

“ One ”
เสียงทุ้มแหลมก้องกังวาน จากคันธนู ดังก้องไปถึงใจของ ชินจิ พร้อมกับภาพของ เพื่อนสาว ผมสีทอง สเตร่า ที่เขา
คอยมองไม่ห่างตาปรากฏขึ้นในใจของเขา กับศรพลังงานสีฟ้าที่ เจนัส ง้างยิงออกมาดอกแรกพุ่งเข้า
กระแทก ร่างของเขากระเด็นลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ ในขณะที่ทุกอย่างเริ่มพร่ามัว แต่ภาพของ สเตร่า
กลับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“ Two ”
เสียงดังกังวานอีกครั้งทันทีที่ เจนัส ง้าง ศรพลังงาน ยิงออกไป ศรพลังงานพุ่งกระแทกกับร่างของชินจิ
จนร่วงหล่นกระแทกกับพื้นทราย ทว่าในตอนนี้ ชินจิ ก็ไม่อาจรู้สึกอะไรได้อีกแล้วประสาทรับรู้ของเขาเริ่มด้านชาลง
ความทรงจำเกี่ยวกับ สเตร่า ได้ผุดขึ้นมาเรื่อยๆในใจของเขา ในทุกวินาทีที่ ทุกอย่างเริ่มจะมืดลง ความทรงจำแห่งวันคืนที่เคย เรียนร่วมกันมา ทั้งตอนท่องเที่ยว งานโรงเรียน งานกีฬา และอื่นๆไปจนถึง การร่วมผจญภัยไปกับลอว์เรนซ์และพรรคพวก  ทุกอย่างค่อยๆเอ่อล้นออกมาในใจของเขา 

และทันทีที่ เจนัส ง้างดึง ศรพลังงานออกมา เป็นครั้งที่สาม ร่างของเขาก็เกือบจะถึงพื้นแล้ว
เสี้ยววินาที นั้น เจนัส กำลังลังเลที่จะยิงออกไป ภาพความทรงจำเมื่อครั้งที่เขาเข้าไปในโลกแห่งจิตใจ
ที่แอคเตอร์ ต้นแบบ สร้างขึ้นเพื่อช่วยให้จิตของริคุ ไม่ต้องถูกดูดกลืนหายไป คำพูดของเครสเซนท์
ที่เป็นร่างจิตด้านมืดของริคุ ได้ดังก้องขึ้นมาในหัวของเขา

 “ ไม่ต้องมาสมเพชข้าหรอก นี่เป็นทางที่ข้าเลือกเอง..ส่วนแกเจนัสครั้งนี้แกชนะข้าแพ้แล้ว
ถ้าเจอกันครั้งหน้าล่ะก็…หึ ”

คำพูดของเครสเซนท์ที่ดังแว่วมา นับแต่วันนั้นเขายังไม่เคยลืม

“ เจอกันครั้งหน้าตอนนั้นเราก็คงไม่เป็นศัตรูกันแล้วล่ะ ”
“ หึ ..นั่นสินะถ้ามีครั้งหน้าล่ะก็นะ ”
บทสนทนาที่ เขาพูดเอาไว้ครั้งสุดท้าย กับ เครสเซนท์ นับจากวันนั้นเขายังจำมันได้ดี
การกระทำสุดท้ายที่คนอย่าง เครสเซนท์ ไม่น่าจะทำและความสำนึกที่มารู้ตัวในวาระสุดท้าย

“ ไอ้บ้าเอ็ย.. มันจะมีได้ไงกันเล่า ครั้งหน้าน่ะ..สุดท้ายแม้แต่ตอนนี้ชั้นก็ทำอะไรไม่ได้เลยรึไงกัน..นี่ชั้นจะต้องมาทนรับ ความรู้สึกเมื่อตอนนั้นอีกโดยที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้รึไง..โธ่ว้อยยยยย”
เจนัส คิด ก่อนที่เขาจะแผลงศร ออกไป

“ Three ”
ศรพลังงานดอกสุดท้าย พุ่งเข้าปะทะ กับร่างของ ชินจิ จนกระเด็นครูดไปกับพื้นทราย ก่อนที่ตัวคันธนู
จะมีคลื่นไฟฟ้าไหลวนไปรวมกันที่แกนกลางของ คันธนู จรวดฟันเนล ทั้งหมดได้วิ่งขึ้นมาเรียงตัว ไปรอบๆเขา
ก่อนที่จะเปิดปากกระบอกอีกครั้งและเริ่มสะสม พลังงานจนเกิดเป็นแสงสีฟ้าแวบขึ้นที่ ปากกระบอก

มาถึงจุดนี้ ชินจิ ก็แทบจะหมดสติไปแล้วโดยที่ภาพความทรงจำสุดท้ายที่เขาเห็น ชัดเจนคือ วาระสุดท้ายของ สเตร่า
ที่กลายร่างเป็นแลนทิส ก่อนจะถูก ท่า Mega Kick ของ เจนัส สังหารไป

“ แกนี่มันเหมือนกับข้าเมื่อสมัยก่อนไม่มีผิดจริงๆ.. ”
เสียงหนึ่งดังแว่วขึ้นมา ในหัวของเขาที่กำลังจะหมดสติในอีกไม่ช้า

“ แต่ข้าน่ะยังดีอย่างน้อยก็รู้ใจตัวเองก่อนตายล่ะแต่เจ้าเนี่ยสิ จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้อีกหรือ..ว่าแท้จริงแล้วตัวเจ้าต้องการอะไรกันแน่ ”
เสียงนั้นดังแว่วขึ้นมาอีก

“ แกเป็นใครกัน.. ”
ชินจิ กล่าวในใจ โดยหวังจะได้รับคำตอบ

“ ถ้าแกแค้นจนอยากจะฆ่าจริงๆล่ะก็ทำไมตอนที่ซัดมันตกทะเลไปถึงไม่ตามไปดูให้แน่ใจซะล่ะ
หรือที่จริงแกก็แค่อยากจะหาที่ระบายความคับแค้นเท่านั้น ไม่สิบางทีลึกๆแล้วแกอาจจะไม่ต้องการฆ่ามันก็ได้มั้ง
เอาเถอะข้าจะไม่บอกให้เจ้าเลือกหรอกนะเพราะคำตอบมันอยู่ในใจเจ้ามาต้องนาน แล้ว ”
เสียงนั้นตอบกลับมาโดยที่ยังไม่ตอบคำถามของเขา ทันทีที่เขาพยายามจะถามไปอีกครั้ง
ก็ถูกแทรกขึ้นมา

“ ข้าก็แค่คนโง่ที่หลงผิดจนต้องถูกขังเอาไว้ในแอคเตอร์ต้นแบบ ที่ถูกเอามาชำแหละประกอบอยู่ในเกราะของเจ้าก็เท่านั้นเอง..แต่ถ้าอยากรู้มาก นักข้าจะบอกก็ได้..เครสเซนท์ และก็ไม่ต้องห่วง เจ้าเจนัสน่ะไม่ฆ่าแกหรอกยังมีเวลาให้ไปนั่งค้นหาใจตัวเองอีกเยอะแต่ก็อย่าเอามันไปผลาญทิ้งเสียอีกล่ะ ”
เสียงตอบกลับมาก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลงไป

“ Maximum Hyper Cyclone ”
เสียงทุ้มแหลมดังกังวานจากคันธนูที่สะสมพลังงานจนเต็มเปี่ยม ก่อนที่คลื่นพลังงานจะหมุนควงสว่านออกไปราวกับพายุหมุน พร้อมๆกับแสงเลเซอร์ที่สะสมพลังงานจนเต็มเปี่ยมถูกยิงออกจากปากกระบอกของ ฟันเนล เสริมการทำลายล้าง

“ นี่เราทำอะไรไม่ได้เลยรึยังไงกัน ”
 เจนัส คิดทบทวน ขณะที่คลื่นพลังงาน กำลังจะปั่นร่างของ ชินจิ ให้เป็นจุลนั้น ก็มีแสงวาบออกมาจากบริเวญเกราะตรงอกด้านซ้ายของ ชินจิ

“ งายยย..ไม่เจอกันนานเลยนะ ”
เสียงที่เขาคุ้นเคย ดังขึ้นในเสี้ยววินาทีนั้นเอง
“ เสียงนี้มัน..เครสเซนท์ แต่ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้ล่ะ ”
เจนัส เผลอกล่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อเสียงของคนที่เขากำลังนึกถึงจะมาให้ได้ยินเอาตอนนี้

“ หึหึ..รู้ดีเหมือนกันนี่3000กว่าปีมานี่ จิตของข้าที่ถูกกักเอาไว้ในแอคเตอร์สองตัวนั่น ถูกชำแหล่ะเอามาวิจัยเละไปหมดเลย รู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ในตัวของ เจ้าหนูนี่ซะแล้ว ดูเหมือนชะตา จะเล่นตลกกันยังไงไม่รู้สิ
ที่ทำให้แกต้องมาเจอกับเหตุการณ์เหมือนตอนนั้นอีก ”
เสียงของเครสเซนท์ ดังก้องในหัวของเขา

“ แล้วตอนนี้ชั้นกำลังจะทำซ้ำ รอยเดิมอีกแล้วน่ะสิ ไม่ว่าจะยังไงชั้นก็เปลี่ยนความคิดของ เค้าไม่ได้เลย
ชั้นหมดหนทางแล้วล่ะ ”
เจนัส ตอบกลับไป ในวินาทีนี้เสมือนกับว่าเวลาได้หยุดลงไปเขากำลังสนทนากันจิตที่ยังหลงเหลือ
อยู่ของ 12 เทพขุนศึก เครสเซนท์

“ ไม่สมเป็นเจ้าเลย ถึงใจจะเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆก็เถอะ แต่วิธียังมีออก ถมไปแค่ยืดเวลาให้หน่อยก็พอแล้ว ”
คำพูดของเครสเซนท์ ทำให้เจนัส ฉุกคิดขึ้นได้ในทันที

“ จริงสิยังมีวิธีนั้นอยู่แต่ว่าชั้นคนเดียวคง.. ”
“ อย่าพูดงั้นเช่..ไม่ใช่นายแต่พวกเราต่างหากนี่ลืมที่พูดไว้แล้วรึไง..ถ้าเจอกันครั้งหน้า
เราคงไม่ได้เป็นศัตรูกันแต่.. ”
เสียงของเครสเซนท์ ดังขึ้นพร้อมท้วงถึงคำพูดที่ให้กันไว้เมื่อครั้งอดีต ถึงประโยค ที่ไม่สมบรูณ์ในครั้งนั้น
เจนัสยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

“ แต่เราจะเป็นเพื่อนที่ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ”
เสียงของทั้งสองก้องขึ้นพร้อมกัน ขณะที่คลื่นพลังงานเริ่มเผาผลาญชุดเกราะของ ชินจิ

“ Chorono Control ”
เสียงดังก้องกังวานจากตัวชุดเกราะ ก่อนที่คลื่นพลังงาน ที่มองไม่เห็นจะแผ่ขยายตัวออกมาครอบคลุม
ไปทั่วทั้ง พื้นที่ บัดนี้เวลาไม่เสมือนหยุดลงอีกแล้วหากแต่ได้หยุดลงอย่างสมบรูณ์

“ ตอนนี้ที่เกราะยังพอมีพลังงานเหลืออยู่บ้าง ข้าใช้มันสร้างเกราะคุ้มกันไว้ให้แล้วเพราะฉะนั้นตอนนี้ล่ะ
เข้าไปถอดตัวออกจากเกราะก่อนที่เกราะจะไหม้หมด ”
เสียงของ เครสเซนท์ ดังขึ้น

“ แต่ถ้าอย่างนั้น จิตของนายที่ยังอยู่ในเกราะของ เคออส ก็จะหายด้วยนะ ”
เจนัส กล่าว

“ ต้องสนใจข้าหรอกช่วยเจ้าหนูนั่นให้ได้ก็พอ..แล้วทีนี้วิญญาณของข้าก็จะเป็นอิสระ ”
เสียงของเครสเซนท์ ตอบกลับมาเพื่อยืนยันในการทำลาย เคออส แอคเตอร์ทิ้ง

“ เครสเซนท์ ”
เจนัส กล่าวเสียงสั่นเครือ

“ อะไรกันนี่เจ้าเสียใจรึไงไม่ต้องมาเสียน้ำตาให้ข้าหรอก..ที่สำคัญเท่านี้ความต้องการของข้าก็ สัมฤทธิ์ผลเสียที
การที่ได้สู้ร่วมกับเจ้าเท่านี้ข้าก็ไม่มีอะไรค้างคาอีกแล้ว..เอาล่ะจงก้าวต่อไปในทางเดินของเจ้าซะ ”
เสียงของ เครสเซนท์ แว่วเบาลงเรื่อยๆขณะที่ เจนัสซึ่งพุ่งตัวเข้าไปหาร่างของ ชินจิ แซงตัดหน้าคลื่นพลังงาน
และจัดแจงฉีกกระชากชุดเกราะออกจากตัวของ ชินจิ ออกหมด ก่อนจะแบกร่างของ ชินจิ วิ่งฝ่าออกมาจาก
คลื่นพลังที่จะกระทบเกราะในอีกไม่ช้าเมื่อเวลาในการ Chorono Control หมดลง

“ Chorono Control ”
สิ้นเสียง คลื่นพลังงานก็กระทบ และปั่นเผาผลาญจน ชุดเกราะ คาออสแอคเตอร์ มลายสิ้นไป

“ ลาก่อน...เจนัส ขอบใจเจ้ามากแม้ว่าข้าจะเป็นเพียงแค่วิญญาณเทียมที่ถูกสร้างขึ้นแต่เจ้าก็ยัง
ให้ความเห็นใจแก่ข้าจนถึงวินาทีสุดท้ายชีวิตนี้ข้าพอใจแล้ว... ”
เสียงของ เครสเซนท์ ดังแว่วขึ้นมาก่อนจะหายไปท่ามกลางกองเพลิงที่ ลุกไหม้อยู่เบื้องหลัง
นักรบหนุ่มทั้งสอง

“ เจนัส เนลฟา ขอรายงาน Second Page เสร็จสิ้น จะเริ่ม Third Page ณ บัดนี้ ”
 เจนัส ติดต่อกลับไปยังยาน Angle Wing ก่อนที่จะหันกลับไปมองยัง เสาลิฟต์ วงโคจรสูดเสียดฟ้า ที่ตั้งตระหง่าน
อยู่ท่ามกลางหาดทรายอันกว้างใหญ่แห่งนี้ ในขณะที่ยังแบกร่างของ ชินจิ เอาไว้

“ รับทราบรายงานเริ่ม Third Page ได้ ”
เสียงตอบกลับดังขึ้นก่อนที่เจนัส  ซึ่งออกจาก ไฮเปอร์เนลฟาโหมด กลับมาเป็น เนลฟา ตามเดิม
กำลังออกตัวไปด้วยบอร์ดยนต์ที่ ขี่มาตอนส่งตัว มุ่งหน้าไปยังเสาลิฟต์วงโคจร

................
................
....................

ณ ห้องบังคับการ ภายในยาน Angle Wing
“ เอาล่ะเท่านี้ก็เหลือแค่ ลอว์เรนซ์ สินะ.. ”
คางาริ กล่าวได้ยังไม่ทันขาดคำก็มีสัญญาณติดต่อแทรกเข้ามา
ภาพบนหน้าจอ แสดงภาพของผู้ติดต่อ เข้ามาขึ้นหลาบนจอ เด็กหนุ่มผมดำที่ดูสูงวัยกว่า พวกลอว์เรนซ์
ประมาณปีสองปี ในชุดเครื่องแบบ สีฟ้าเทา เป็นผู้ติดต่อเข้ามา

ปึ้ง….วืดดด…ปึ้ง

เสียงประตูเปิดออกดังขึ้นพร้อมกับที่ เทีย ก้าวเข้ามาภายในห้องทันทีที่ เธอเห็นผู้ที่ติดต่อเข้ามา
นั้นเธอก็แทบจะล้มทรุดเอาเสียตรงนั้น

“ ถึงยาน Angle Wing ฟอน ไอน่าซัลเฟอร์ ผู้นำสูงสุดแห่ง Freedom Resistant (ต่อต้านอิสระ) จะขอเข้าพบ
คางาริ ไอรีนา (Kagari Aileena) ผู้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพยาน Angle Wing ช่วยเตรียมการเปิดช่อง Catapult เพื่อทำการลงจอด มาสเตอร์แอคเตอร์ แฟนธอมเดรค(Phantom Drake) ด้วยเปลี่ยน..  ”
เด็กหนุ่มสั่งการ ก่อนที่ คางาริ จะรับคำสั่งและให้นำยานขึ้นสู่ผิวน้ำ

(http://image.ohozaa.com/io/ivfon.jpg)

“ พ...พี่ฟอน..นี่มันอะไรกันพี่กำลังจะมางั้นเหรอแล้วยัง แฟนธอมเดรค อีกหมายความว่า นักรบของ แฟนธอมเดรค มาสเตอร์แอคเตอร์ตัวสุดท้ายที่กหายไปอยู่กับพี่งั้นเหรอ..นี่มันอะไรกัน ”
 เทียเปรยเสียงสั่นขณะที่ทรุดตัวลงขุกเข่าอย่างไม่รู้ตัว เมื่อทราบว่าพี่ชาย ที่หายสาบสูญไป
ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกครั้ง ซ้ำยังเป็น ผู้ถือครองมาสเตอร์แอคเตอร์ ตัวสุดท้ายที่หายไป แฟนธอมเดรค
อีกด้วย เรื่องราวจะเป็นเช่นไรโปรดติดตามตอนต่อไป


โอยกว่าจะจบ part 1 นี่ยังมีอีก part นะเนี่ยแล้วก็ตอนต่อ กับข้ามไปตอนอวสานของภาคนี้เลย
ว่าแต่หลังจากอ่านมานี่คง งง เต็กกันแล้วซินะ ว่าอะไรคืออะไรบ้างเพราะฉะนั้น จะมาแถลงไขให้
กระจ่างกับคอลัม พิเศษนะจ้ะ


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]
Post by: cocka-c on October 01, 2008, 07:33:11 PM
บทความพิเศษ แก้ข้อสงสัยในการอ่านภาค V.O.W.

ข้อมูล อาร์เมอร์แอคเตอร์ (Armor Actor)

อาร์เมอร์แอคเตอร์ ก็เหมือนกับแอคเตอร์ทั่วๆไป เพียงแต่แยกเป็นอีก ลิขสิทธิ์ ของ Bell Cross ที่ผลิตขึ้นมา
ซึ่งแอคเตอร์โดยทั่วไปนั้น จะถูกเรียกว่า มัลติอาร์เมอร์(Multi Armor)  ซึ่ง อาร์เมอร์แอคเตอร์ นี้
ได้มีการเสริมระบบใหม่ เข้าไปนั่นคือระบบ PS. หรือ Part Setup ซึ่งเป็น การเสริม ชิ้นส่วนสำหรับเพิ่ม สมรรถนะแก่
ผู้สวมใส่ในด้านต่างๆ ซึ่งแต่ละแอคเตอร์ก็มี พาสเสริมในจำนวนครอบครองที่ต่างกัน แต่โดยส่วนมากจะมีตั้งแต่สองชิ้นขึ้นไป ในเวลาปกติจะสามารถเลือกติดตั้ง พาสได้แค่ชิ้นใดชิ้นหนึ่งเท่านั้น  แต่สำหรับ ไฮเปอร์ โหมดที่ถูกติดตั้ง
ในระบบนี้ จะเป็นการติดตั้งพาสทั้งหมดลงในคราเดียว จึงทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมาก กว่าปกติเป็นเหตุให้การใช้
ไฮเปอร์โหมดของระบบ นี้มีระยะเวลาจำกัด


ข้อมูล มัลติอาร์เมอร์ (Multi Armor)

หลังจาก การโค่นล้ม แผนการแลนทิส Bell Cross ได้วิจัยและพัฒนา ระบบของ แอคเตอร์ ให้สามารถใช้ได้กับ
พลทหารธรรมดา ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ถูกเลือก โดยการสวมใส่นั้นไม่จำเป็นต้อง พึ่งพาแอคเตอร์ในการขนย้ายชุดเกราะ
หากแต่ พลทหารจะสวมใส่เกราะตั้งแต่ก่อนออกรบ เพราะ มัลติอาร์เมอร์ เป็นเพียงชุดเกราะเพิ่มประสิทธิภาพทาง
การ รบเท่านั้น แต่สามารถใช้ Time Walk ได้ ซึ่งระยะเวลาการใช้จะสั้นกว่า ระบบแอคเตอร์ นอกจากนี้

ตัวเกราะยังไม่มีระบบ สร้างพลังงาน จึงใช้ การสะสมประจุพลังงาน จากการชาจ์ต ไฟแทนดังนั้น เกราะจึงมีข้อจำกัด
ในการใช้งาน และเนื่องจากการไม่กำหนดเงื่อนไขของผู้สวมตัว เกราะจึงไม่ได้มีพลังโดดเด่นนัก

ในช่วงแรก Bell Cross ต้องการผลิตออกมาเพื่อให้ พลทหารขององค์กร ใช้ในการรบกับแลนทิส แต่หลังจาก
โค่นล้มแผนการแลนทิส ลงได้ เป้าหมายในการวิจัย มัลติอาร์เมอร์จึงเปลี่ยนไป ใช้เพื่อการทำสงครามแทน

     
ข้อมูลกองกำลังต่อต้านอิสระ

หลังจากการโค่นล้มแผนการแลนทิส Bell Cross ได้ทำการ รื้อฟื้นแผนการแลนทิสขึ้นมาอย่างลับๆเพื่อผลประโยชน์
ทางการเงิน กองกำลังต่อต้านอิสระ จึงเกิดขึ้น จากกลุ่มสมาชิก องค์กร Bell Cross บางส่วนที่ไม่เห็นด้วย
กับการหาผลกำไรจากการเอาชีวิต ของคนและ แลนทิส มาเป็นเครื่องมือ กลุ่มคนเหล่านี้ เดิมทีเข้าร่วมองค์กร
เพราะต้องการจะให้สงครามกับ แลนทิส จบลงเพื่อไม่ให้ มนุษย์ และ แลนทิส ต้องสูญเสียไปมากกว่านี้
แต่เมื่อ องค์กรได้ใช้อุดมการณ์ของพวกเขาเป็นเครื่องมือ แผนการที่จะเปิดโปง เบื้องหลังขององค์กรจึงเริ่มขึ้น
โดยมีผู้นำกองกำลังคือ ฟอน ไอน่าซัลเฟอร์ หรือพี่ชายของ เทีย ไอน่าซัลเฟอร์ ที่หายตัวไปในภาคแรกนั่นเอง
 
ข้อมูล บูสเตอร์และอนุภาค E.I.
นี่คือ เกราะเสริมสำหรับระบบ มาสเตอร์แอคเตอร์นั่นเองมีไว้เพื่อทำการต่อสู้ในอากาศหรือบนอวกาศ แหมพูดกันอย่างนี้แล้วแถมในเรื่องยังมี Colony อีกชัวร์อยู่แว้วว่าต้องออกไปรบกันในอวกาศแบบ สตาร์วอร์หรือ Gunda…
กันเลยล่ะจ้ะ ว่าอนุภาค E.I. เนี่ยมันคืออะไรงั้นเหรอมันก็คือ Elemental Ion (ประจุธาตุ) ซึ่งว่าตามตรงมันคือพลังงานธาตุที่ไหลเวียนอยู่ในพลังงานของแอคเตอร์ ซึ่งไหลเวียนอยงู่ในชุดเกราะอีกที นึงยังไงล่ะจ้ะ ก่อนจะถูกบูสเตอร์ดึง
เอามาแปลงเป็นละอองอนุภาคเพื่อห่อหุ้มร่างของ ผู้สวมสำหรับการต้านทานแรงดึงดูด อีกทั้งรูปการใช้งานยังง่ายกว่า
การที่ติดไอพ่นมากและไม่สิ้นเปลืองพลังงานอีกทั้งยังใช้ได้อย่างไม่จำกัด แต่มีข้อเสียคือ มันจะรบกวนสัญญาณการ

สื่อสารและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ทั้งหมด แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นข้อเสียไปซะหมด เพราะมันสามรถนำมาใช้ขัดขวางการติดต่อสื่อสารของศัตรูได้ ทว่าหากรบเป็นกองทัพล่ะก็คงไม่สะดวกใช้ เพราะจะติดต่อกันเองไม่ได้
ข้อดีอีกอย่างคือตรวจจับยากเพราะเป็นพลังงานกึ่งมนตรา

ข้อมูล Hyper Actor Hyper Wolf
นี่คือร่าง Hyper ของเจนัสนั่นเอง โดยมีอาวุธหลักๆสองอย่างคือ ดาบสองคมที่เกิดจากการประกบทอนฟา
และ จรวดควบคุม ฟันเนล ซึ่งเป็นอาวุธ ที่ใช้สำหรับ กระจายโจมตี เหมือนใน gundam นั่นเอง
โดยมีสามโหมด คือแบบพกพา จะเป็นลักษณะหุบตัวเป็นกลีบ เก็บไว้ที่แพคหลังทั้งสองข้าง
แบบที่สอง จะเป็นรูปแบบ เบิก กลีบเปิดปากกระบอกเพื่อระดมยิง สามรถยิงได้ทั้งหัวและหาง
แบบที่สาม จะเป็นลักษณะ ดอกไม้ ซึ่งสามรถสร้างกำแพงพลังงานเพื่อป้องกันได้

อีกทั้งยังใช้ในการสร้าง อาณาเขตพิเศษ Private Arena (อาณาเขตจำเพาะบุคคล) เพื่อกำหนดการใช้ท่า อย่าง
Straight Ring (สังเวียนแห่งการเปิดเผย)   นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการใช้งานอีกมากมาย

ค่อนข้างพลิกแพลงขึ้นกับผู้ใช้ ส่วนท่าไม้ตายประตัวระดับ ไฮเปอร์ อย่าง Maximum Hyper Typhoon or Cyclone
นั้นมีรูปแบบต่างไปจาก ของ ลอว์เรนซ์ คือจะเป็นการยิง ศรพลังงาน สามครั้งหรือ ก็คือเน้นการโจมตีระยะไกล
นั่นเอง ทว่ารูปแบบ typhoon นั้นยังไม่แน่ว่าจะเป็นเช่นนี้หรือไม่แต่ส่วนใหญ่รูปแบบ typhoon นั้นเหมาะใช้ทำลายระยะประชิดเพราะเล็งแค่เป้าเดียว

ส่วนตัวดาบนั้น ชื่อ Duo Blade (ดูโอ เบลด) ซึ่งมีรูปแบบการปล่อยท่าพิฆาตที่ต้องสะสมพลังงานมาก
จึงมักใช้คู่กับ ท่าสร้างสังเวียนเพื่อรอเวลา

Straight Ring (สังเวียนแห่งการเปิดเผย)   
เป็นการสร้าง อาณาเขตจำเพาะขึ้นมา หากนำไปใช้ในการรบจริงๆคงต้องบอกว่าลืมได้เลย
เพราะศัตรูไม่ได้มีแค่ตัวเดียวแน่ ส่วนมากน่าจะเอาไว้สู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งจริงๆมากกว่า
เพราะขณะที่เจ้าตัวอยู่ในอาณาเขตจะมีพลังเพิ่มขึ้นเท่าตัว
สำหรับ ไฮเปอร์วูฟล์นี่ ออฟชั่นเยอะมากคงอธิบายไม่หมดว่าแต่ไปๆมาๆชักจะเก่งกว่า ไฮเปอร์เดรค ซะแล้วสิ
อ้อลืมบอกไประบบ ไฮเปอร์ นี่เจนัสพึ่งจะขอให้ ดร.คีออส ติดตั้งให้ในบทนี้


ข้อมูล Phantom Drake
คงต้องอธิบายแยกเอาล่ะครับ เพราะว่า ตัวแฟนธอมเดรคนั้นเคยปรากฏตัวตอนงานกีฬาของ
โรงเรียนที่ เทีย เรียนอยู่ และ ยังไปปรากฏตัวอีกหลายครั้งเพื่อคอยช่วยเหลือพวกลอว์เรนซ์
แบบลับๆ แต่ที่โผล่ให้เห็นจะๆอีกครั้งก็คือตอน ที่ชมรมที่พวกลอว์เรนซ์ไปให้ความช่วยเหลือ เพราะฟอนหายตัวไป ในตอนท้ายของการแข่งในแต่ละชมรมนั้น แลนทิสได้บุกเข้าทุกการแข่งขันแต่
แฟนธอมเดรคก็เข้าไปจัดการเก็บเองทั้งหมด โดยคนที่เห็นตัวเขาจะๆมีเพียง เจนัส ที่

พึ่งจะชนะน็อคคู่ต่อสู้บนเวทีมา และแปลงร่างเพื่อต่อสู้กับแลนทิส เพราะแฟนธอมเดรค มาไม่ทัน
ทำให้แฟนธอมเดรคที่ Time Walk มานั้นได้พูดคุยกับเจนัส นิดหน่อยซึ่งสาเหตุที่ไปปรากฏตัวนั้นคงเป็นเพราะห่วงทีมของชมรมที่ตัวเองสังกัดอยู่เลยไปดูเพื่อความแน่ใจ แต่สุดท้ายทีมก็ตอกรอบระดับ
ทวีปจนได้ เลื่อนจากระดับอาณาจักร ไปได้นิดหน่อย หมายเหตุพวก เจนัส ถอนตัวตั้งแต่ระดับ ทวีปทันที เพราะเหล่ารุ่นน้องต้องการที่จะพยายามด้วยตัวเอง หลังจากที่ได้พยายามฝ่าวิกฤติมาแล้ว

กลับมาเข้าเรื่องกันต่อและในครั้งนี้ฟอนปรากฏตัวขึ้นในฐานะผู้นำสูงสุดของกองกำลังต่อต้านอิสระ
และยังเป็นผู้ถือครองแฟนธอมเดรค และเขากำลังจะมาแสดงความสามารถให้ดูในอีกไม่ช้า
นี้เอง


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: greamon on October 01, 2008, 10:14:09 PM
โอ ที่แท้บท y ของเจนัส กับ ชินจิ คุงนี่เองโฮะๆรู้สึกว่าจะคลั่งไคล้เหลือเกินนะไอ้ kemo กับ shota เนี่ยเหอๆ


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: boy on October 03, 2008, 11:23:45 AM
............. ::006::......สนุก?????????  ???


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 04, 2008, 12:24:21 AM
Quote
............. ::006::......สนุก? ??? ??? ??   ???

"สนุก"  อันนี้เข้าใจ
แต่

" ::006:: "
" ???"
สองอันนี้คือ รวมความหมาย
สนุกแต่ งง
สนุกแต่ไม่เข้าใจ
สนุกตกใจ งุนงง
สนุกคิดไม่ตก งงกับตัวเอง

ตอบเจ็ที งง ฮ่ะ รึว่าเจ็แต่งแล้วมันระเกะระกะเกิน รายละเอียดมากไป
แหวกแนวเกิน
ตอบทีนะอาทิตย์นี้โพสอีกตอน ปิดเทอมแย้ว โพสยาวโลด
ค่า ว่าแต่ได้เล่น smn online กันยางค้า เจ็ไปลองมาแล้นขอบอกว่าหนุกมากค่ะ แต่ บัคเยอะเกิน
เกรม่อนคุงเล่นเด็ค น้ำ เจ็เล่น ลม อุฮุๆ เกรม่อนคุงเล่นดกับเจ็ที เวียนเฮด ฮ่ะ

ว่าแต่ตอนนี้แนวนิยายดูมันออกทะเลมากไปไหม ถ้ามากไปจะออกไปอีกเยอะๆ....เอ็ะยังไง
เอาเป็นว่าแสดงความคิดเห็นมาตรงๆเลยก็ได้ฮ่ะ คลุมเครือแบบนี้เจ็เคืองฮ่ะ อิอิล้อเล่นฮ้าล้อเล่น
เอาเป็นว่าคิดยังไงบอกเจ็ด้วยละกันจะได้ปรับปรุง

เกรม่อน: ปรับปรุงอะไรกันเล่าเห็นโยนมาทีเราทุกที

ชะอุ้ยหมาที่ไหนมาเฮ่าเนี่ย ว่าแต่ y กันยังไงมิทราบมาเคลียเลยเดี๋ยวเข้าห้องนอนเมื่อใหร่นะ......


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: boy on October 04, 2008, 12:29:59 AM
อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาา  ยาวอีกแว้ววว  สงสัยรอบนี้ไม่ต้องเลนส์ร้าวหรอก  แค่อ่านจบเปลี่ยนแว่นอีกรอบแน่ ๆ   ::008::   สงสารคนใส่แว่นตามั่งซี่ แง้ๆๆๆ   มีเกณฑ์ตามตัวธิดาอเวจีมาดึงด้ายแดงแหง ๆ


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 05, 2008, 07:34:16 PM
File xx คมดาบแห่งนภาสะท้อนสู่คมดาบแห่งสมุทร

ความเดิมตอนที่แล้ว: ลอว์เรนซ์และครอบครัว ไอน่าซัลเฟอร์ ได้รับการช่วยเหลือจาก Freedom Resistant
 เมื่อพวก ริคุ ที่ถูกโจมตีจนจมทะเลไปได้ถูก ยานของกองกำลังที่ลากูน่า

เข้าร่วมอยู่ช่วยเอาไว้ อีกทั้ง เจนัส ที่พ่ายให้แก่ เคออส เมื่อครั้งก่อน ก็ถูกช่วยเหลือเอาไว้ พวกเขาทั้งหมดจึงได้กลับมารวมกันอีกครั้ง ทว่าทางยาน Angle Wing ที่พวกเขาโดยสารอยู่ก็ได้รับ ภารกิจให้ทำการขัดขวาง การขนส่งแอคเตอร์

ระบบใหม่ของ Bell Cross เข้ามาอย่างเร่งด่วน เจนัสจึงอาสาที่จะทำภารกิจนี้ ซึ่งมีเป้าหมายโดยตรงคือการชิงตัว
นักรบของ Bell Cross ให้มาเข้าร่วมกับฝ่ายตน ก่อนจะเข้าไปทำลายการขนส่ง ดังนั้น เจนัส กับลอว์เรนซ์ ทั้ง2 จึง


  กลับเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง และอย่างที่คาดไว้ นักรบ Armor Actor ที่พวกเขาจะชิงตัวกลับมาก็ปรากฏตัวขึ้น
เจนัสได้ใช้ Hyper Mode ที่พึ่งจะติดตั้งเสร็จ เข้าต่อกรและเอาชนะ ชินจิ ไปได้ในที่สุด ขณะเดียวกัน ฟอน พี่ชายของเทีย ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ ในฐานะผู้นำสูงสุดแห่ง Freedom Resistant
เรื่องราวจะเป็นเช่นต้องติดตามกันต่อในตอนนี้

ณ Colony Felasia ซึ่งลอยตัวอยู่บนวงโคจร รอบดาวเคราะห์ Terra

“ เจ้าพวกมดปลวกที่ทำให้ดวงดาวอันสวยงามนี้ต้องแปดเปื้อนอีกไม่นานก็จะถูกลบหายไปคงจะเป็นภาพที่
สวยงามจับใจไม่น้อยทีเดียว…ว่าไหม อัซเรย์ (Azley) ”
อาเทเนีย กล่าวขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ดาวเคราะห์ สีฟ้า ผ่านทางบานกระจก ชายผมขาวซึ่งสวมเสื้อโค้ท สีดำ บริเวณ นัยน์ตา ซีกซ้ายมีรอยสักสีแดงลากเป็นทางลงมา ในมือสับกองไพ่อยู่เนืองๆ
 เขาที่ยืนอยู่ห่างจากนางโดยมีโต๊ะ ไม้ ขั้นกลาง พวกเขาทั้งสอง กำลังยืนอยู่ในห้องมืดสลัว

(http://image.ohozaa.com/ib/azley2.jpg)

“ อย่านอกเรื่องให้มันมากนักรีบๆเข้าเรื่องซะ ”
ทันทีที่ อัซเรย์ กล่าวจบ เขาก็หยุดสับไพ่พร้อมกับคลี่กองไพ่ขึ้นมา ก่อนจะสุ่มหยิบมา 5 ใบ
แล้ววางมันลงบนโต๊ะ ในสภาพคว่ำหน้า

“ อย่าใจร้อนนักสิแขกยังมากันไม่ครบใยจะเริ่มงานเลี้ยงก่อนได้เล่า ”
อาเทเนีย กล่าวอย่างเย็นใจโดยไม่สนต่อท่าทีของ อัซเรย์ แม้แต่น้อย

……………..
………………
…………………

“ Mega Stub ”
เสียงก้องแหลมกังวานดังขึ้น พร้อมกับหอกสีเงิน ซึ่งอาบไปด้วยคลื่นไฟฟ้า ก็พุ่งทะลวงร่าง หุ้มเกราะโหมดไฮเปอร์ของ ลอว์เรนซ์

“ เอ้าทีนี้จะทำยังไงผู้ก้าวข้ามลิขิตฟ้าเอ๋ย…ตายอยู่ตรงนี้ซะเถอะ ”
เซน่า ผู้ครอบครอง อาบิส แอคเตอร์ กล่าวด้วยความกระหยิ่มในชัยชนะ ก่อนที่ร่างของลอว์เรนซ์ จะระเบิดและแตกสลายไป

“ นึกว่าจะมีน้ำยากว่านี้ซะ…อีก ”
เซน่า กล่าวได้ยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่า เซ็นเซอร์ของตนยังคงไม่ทำงาน
และสัญญาณการติดต่อยังคงขาดหายอยู่ ก่อนจะรู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมา เมื่อละอองสีฟ้าได้ลอยตัดหน้าเขาไป
อย่างช้าๆ ก่อนที่คมดาบสีดำคลิบทอง จะจ่ออยู่ที่ต้นคอของเขา

“ ชั้นไม่ว่าหรอกถ้านายจะพูดแบบนั้น..แต่วันหลังให้แน่ใจด้วยนะว่าชั้นจะไม่ได้ยินอะไรแล้ว ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวเสียงเรียบ ทั้งที่ตัวเขาน่าจะตายไปแล้วกลับยืนจ่อคมดาบที่ต้นคอของ เซน่า ได้อย่างหน้าตาเฉย
แม้จะตีสีหน้าและท่าทางให้ดูเหมือนเหนื่อยหน่ายกับการต่อสู้ แต่ทว่าจิตสังหารของลอว์เรนซ์
ที่แผ่ออกมานั้น ทำให้เซน่า ไม่อาจประเมินความสามารถในการต่อสู้ของ เขาได้แม้แต่น้อย

เซน่าเข้าใจได้ในทันที ว่าที่แล้วมาศัตรูของ ลอว์เรนซ์ ทุกคนต่างต้องเผชิญกับความขัดแย้ง
ที่ทำให้ไม่อาจประเมินค่า เขาได้จนต้องเสียทีพ่ายไป

“ Mega Slash ”
เสียงก้องแหลมดังขึ้นพร้อมกับ ที่คมดาบถูกอาบด้วยคลื่นไฟฟ้า ก่อนที่ ลอว์เรนซ์ จะตวัด
ดาบบั่นคอ เซน่า ในทันทีทว่า ทันทีที่คมดาบฟาดลงไปนั้น ร่างของเซน่า กลับสลายหายไป

ลอว์เรนซ์ ที่เห็นดังนั้น ก็คิดจะหยุดดาบในมือทว่า เซ็นเซอร์บนจอรับของเขากลับกระพริบขึ้นมา
ทำให้เขาเหวี่ยงดาบ พร้อมกับเอี้ยวตัวไปพร้อมกัน เซน่าที่ควรจะถูกบั่นศีรษะไปแล้วกลับ
รับคมดาบของเขาเอาไว้ ด้วยปลายหอก ก่อนที่ทั้งสองจะผละออกห่างกัน
 
“ อีกแล้ว..ตอนนั้นก็เหมือนกันทั้งที่เรา ฟันโดนแล้วแท้ๆแต่กลับเป็นว่าเราทำลายร่างแยกของมันแทน ”
ลอว์เรนซ์ คิดขณะที่นึกย้อนถึงตอนที่ใช้ท่าพิฆาต Maximum Hyper Typhoon กับ เซน่า


“ ชิ..ถึงไอ้อนุภาคนั่นมันรบกวนสัญญาณก็เถอะ แต่สัญญาณจากเคออสที่ยังจับได้อยู่จนถึงเมื่อครู่
ตอนนี้ดับไปแล้วถึงละอองนั่นจะ รบกวนการสื่อสารยังไงก็ไม่น่าจะปิดกั้นเซ็นเซอร์ได้อย่างสมบูรณ์
ถ้าอย่างนั้นหรือว่า ชินจิ จะ…  ”
เซน่า คิดขณะที่ยังคงยืนดูเชิง อีกฝ่ายอยู่โดยที่พยายามจะจับสัญญาณ ของ เคออสแต่ก็ไม่มีวี่แวว
ว่าจะจับสัญญาณได้

“ งั้นคงไม่มีเวลาเล่นด้วยซะแล้วสิ เพราะถ้าชินจิเสร็จไปแล้ว อีกคนคงไปทำลายลิฟต์วงโคจร หรือถ้ามันมาช่วยอีกคนสถานการณ์ก็จะยิ่งแย่เข้าไป ใหญ่ก็อยากจะขอกำลังเสริมอยู่
หรอกแต่ถ้าไม่จัดการกับไอ้อนุภาคนั่นก่อนล่ะก็
แล้วยังทริคในการหลบหนีนั่นอีก ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เราก็ถูกถ่วงเวลาจนเข้าแผนมันอยู่ดี ”
เซน่า คิดขณะที่พยายามหาทาง จบศึกตรงหน้านี้และติดต่อขอกำลังเสริม ก่อนจะตัดสินใจกล่าวออกไป

“ ดูเหมือนเราสองคนจะมีทริคหลบหนีกันเองสินะแต่ถ้ายังเป็นแบบนี้
กันต่อไปล่ะก็ขอบอกเลยว่าเราคงเสียเวลานานน่าดู..ไม่คิดจะเผยเคล็ดลับกันหน่อยรึ การต่อสู้จะได้มีสีสันขึ้นหน่อย ”
เซน่า กล่าวโดยในใจนั้นหวังว่าคำพูดของเขาจะได้ผล แต่อีกใจก็คิดว่าไม่สำเร็จแน่

“ นายจะทำอะไรชั้นไม่รู้หรอกนะ..เอาเถอะแค่เผย ไต๋กันก็พอสินะเพราะถึงรู้ไปก็แก้ลำกันไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ
เห็นแสงจากปีกนี่ไหม..ถ้าชั้นต้องการมันจะทำการบิดเบี้ยวมิติ และย้ายสถานที่ให้ชั้น
 ในพริบตาโดยผ่านทางห้วงมิติ
ก็เหมือนกับว่าชั้นเดินทางข้ามไปยังอนาคตได้นั่นล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ปีกพลังงานของตน

“ กล้าบอกเคล็ดของตัวเองให้ศัตรู รู้ก่อนนี่ช่างกล้าจริงๆนะเอาเถอะชั้นเองก็ไม่ใช่คนเอารัดเอาเปรียบอะไร
จะบอกให้ก็ได้ ”
เซน่า กล่าวก่อนจะชูไพ่ที่ถืออยู่ในมือข้างซ้ายขึ้นมา ให้เขาดูภาพบนไพ่เป็นรูปตัวตลกกำลังถูกขว้างปาด้วยข้าวของ

“ It’s No Joke!!! ผลของไพ่ใบนี้ จะทำให้เบี่ยงเบนเป้าการโจมตีหรือความสามารถของอีกฝ่ายไปยังจุดอื่นได้
ทีนี้คงจะรู้แล้วสินะพลังของ อาบิสแอคเตอร์ คือการใช้สำรับไพ่มนตรา ”
เซน่า กล่าวพร้อมกับ ยื่นสำรับไพ่ขึ้นมาคลี่ออกให้ดู ซึ่งมีไพ่หลากหลายใบอยู่ในสำรับนั้น

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n003/85.jpg)

“ ว่าแต่นายเถอะจู่ๆพูดแบบนี้ขึ้นมา แสดงว่าร้อนใจอยู่สิท่าเอาเถอะเพราะนายถูกอนุภาค E.I. ปิดกั้นเซ็นเซอร์
อยู่งั้นชั้นจะบอกให้ก็ได้เมื่อครู่ เจนัส พึ่งติดต่อเข้ามา เคออส ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว.. ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็ดันสวิตซ์ที่ด้ามดาบขึ้น  กรรเชียงดาบหุบลงพร้อมกับปล่อยคลื่นไฟฟ้าไหลอาบไปทั้งคมดาบ

“ Drake Power ”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น จากตัวดาบ

“ ถ้านั่นแค่เบี่ยงเบนการโจมตีล่ะก็แค่หยุดมันซะก็หมดเรื่อง ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็กดสวิตซ์ที่ตัวดาบ

“ Chorono Control ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นก่อนที่ทุกอย่างรอบๆจะหยุดลง ลอว์เรนซ์ พุ่งเข้าไปฟาดคมดาบใส่ร่างของ เซน่า อย่าง
ต่อเนื่อง

“ One ”
“ Two ”
 “ Three ”
เสียงดังขึ้นรัวกับแสงวาบจากการฟันเสียสามครั้ง ก่อนที่ลอว์เรนซ์จะดันสลักลง

“ Chorono Control ”
เสียงดังขึ้นอีกคราพร้อมกับ ร่างของ เซน่า ที่ทรุดลงจากการถูกฟันหลังจากที่เวลาได้กลับมาเดินอีกครั้ง

“ Maximum Hyper Cyclone ”
สิ้นเสียงจากตัวดาบ คลื่นพลังงานสีแดงก็หมุนตัวพุ่งออกไปราวกับพายุ เข้าเผาผลาญร่างของ เซน่า
ทว่าทันทีที่ไฟมอดลง ก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาจากกองเถ้าถ่าน ก่อนที่ร่างของเซน่าจะกลับฟื้นคืน
ขึ้นมา พร้อมกับในมือถือไพ่ ซึ่งมีรูปทูตสวรรค์ เป่าแตรปลุกผู้ตายให้ฟื้นคืนอยู่ในมือ

“ Benediction ผลของไพ่นี้ทำให้ชั้นคืนชีพได้แต่ว่าจะใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ”
เซน่า กล่าวจบลอว์เรนซ์ก็ทำท่าจะกดสวิตซ์เพื่อหยุดเวลาอีกครั้ง ทว่าเขาก็โยนไพ่ที่อยู่ในมืออีกใบ
ออกไป ก่อนที่มันจะเรืองแสงและกลายเป็นโซ่ พุ่งเข้ามัด สวิตซ์และสลักที่ตัวดาบทั้งหมด
อีกทั้งเส้นที่เหลือก็เข้าไปพัน แกนปีกพลังงานทั้งสองเข้าด้วยกัน ก่อนจะหยุดการทำงานไปในที่สุด

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n001/40.jpg)

“ Andromeda ผลของมันจะผนึกความสามารถของอีกฝ่ายไว้ ชั้นไม่เสี่ยงให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นซ้ำสองหรอกทีนี้ทั้งความสามารถในการผนึกเวลากับเคลื่อนย้ายพริบตาก็ถูกปิดตายไปแล้วอีกอย่างชั้นลืมบอกไปรึเปล่าว่าไม่ได้มีแค่สำรับเดียวน่ะ Part Setup Seal Deck ”
สิ้นคำ ก็เกิดบล็อกจำนวนหนึ่งขึ้นกลางอากาศ พร้อมกับที่สำรับไพ่ในมือจะ สลายไปและถูกแทนที่ด้วยบล็อกที่มา
เรียงตัวเป็นสำรับ ก่อนที่เขาจะคลี่ออกมา และหยิบขึ้นมา3ใบจึงโยนออกไป ไพ่ทั้งสองใบได้แปรสภาพเป็น

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n003/88.jpg)

หุ่นยนต์ รูปแบบต่างๆตัวแรก ทำด้วยโลหะสีขาว มีร่างกายขนาดใหญ่และชิ้นส่วนต่างๆเชื่อมกันด้วยแรงบางอย่าง
อีกตัวทำด้วยโลหะสีดำ รอบกายมีคลื่นไฟฟ้าไหลเวียนตามข้อต่อตลอดเวลาราวกับกำลังสะสมพลังงาน
และตัวสุดท้ายทำด้วยโลหะสีดำ ไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใดหากแต่ลูกกลมที่ลอยอยู่รอบๆตัวนั้นกำลังสะสมประจุพลังงานอยู่

“ ขอดูหน่อยเถอะว่าไฮเปอร์ของมาสเตอร์แอคเตอร์ ที่ถูกปิดผนึกนั่นจะทำอะไรได้บ้าง..Combination ”
เซน่า กล่าวจบหุ่นยนต์ทั้งสามตัวก็รวมร่างเข้าด้วยกันจนกลายเป็น หุ่นยักษ์ เดินตรงเข้ามาหมายจะขยี้เขาให้จมดิน
ลอว์เรนซ์ ได้ถอยหลบออกทันที

“ อะไรกันทั้งที่หุนยนต์พวกนั้นน่าจะถูกอนุภาค E.I. รบกวนจนใช้การไม่ได้แล้วนี่นาแต่นี่กลับ ”
ลอว์เรนซ์ คิดขณะที่วิ่งหลบการโจมตีของหุ่นยักษ์

“ เจ้าพวกนั้นน่ะไม่ใช่ของจริงแต่เกิดจากเวทมนต์ของไพ่ ดังนั้นมันจึงเป็นเสมือนพลังงาน
ที่มีรูปร่างก็เท่านั้นเองดูเหมือนว่าอนุภาคนั่น คงรบกวนของทางไสยศาสตร์แบบนี้ไม่ได้สินะ ”
เซน่า กล่าวด้วยความลำพองใจ

“ ชิ..นี่มันอะไรกันแอคเตอร์ ที่เน้นด้านพลังมนตราเป็นหลักเราก็พึ่งจะเคยเห็นนี่แหล่ะ..เห็นที
คง ต้องใช่ไอ้นั่นซะแล้วสิ ”
ลอว์เรนซ์ คิดก่อนจะตัดสินใจ พุ่งเข้าหาตัว เซน่า โดยตรงและพยายามเงื้อดาบใส่เขา

“ Part Setup Tarot Deck ”
สิ้นคำ สำรับไพ่ก็ถูกเปลี่ยนในทันทีก่อนที่เขาจะหยิบเอาไพ่ซึ่งมีรูปชายสวมหน้ากาก ห้อยหัวลงและถูกพันธนาการด้วยโซ่ ออกมาๆไพ่เรืองแสงก่อนจะกลายเป็นโซ่สี่เส้น พุ่งเข้ารัดร่างของ ลอว์เรนซ์ จนไม่อาจขยับได้

“ Houdini ผลของมันก็คือการพันธนาการ ทั้งร่างยังไงล่ะ ”
เซน่า กล่าวจบ ลอว์เรนซ์ ก็ถูกเจ้าหุ่นยนต์ยักษ์ จับตัวไว้ด้วยมืออันใหญ่โตของมัน

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n001/30.jpg)

“ มีอะไรจะสั่งเสียไหม ”
เซน่า กล่าวแต่ลอว์เรนซ์กลับเงียบไม่ตอบแต่อย่างใด

“ ไม่มีสินะ..ขยี้มันซะ ”
สิ้นคำ ของเซน่า ยังไม่ทันที่เจ้าหุ่นยนต์จะได้ออกแรงขยี้ร่างของ ลอว์เรนซ์  ก็เกิดคลื่นไฟฟ้าแปรปรวนขึ้นในอากาศ
ก่อนที่มีดสีดำ คลิบทองแบบเดียวกับดาบของไฮเปอร์โหมด ที่ด้ามมีปุ่มกดสามปุ่มและกรรเชียงมีดยังสามารถเป่าได้อีกด้วย ได้พุ่งลงมาเฉือน มือของเจ้าหุ่นยนต์ยักษ์

จนมันเผลอคลายมือ ออกจากการเสียหายโดยฉับพลัน ร่างของลอว์เรนซ์ จึงเป็นอิสระ
โซ่ที่มัดร่างของเขาไว้ได้ถูกละอองสีฟ้าที่ลอยอยู่รอบๆตัวของเขา กัดกร่อนจนผุและแตกขาดไปในที่สุด

ลอว์เรนซ์ รีบตรงเข้าไปเก็บมีดขึ้นมา ตัดโซ่ที่คล้องดาบออก ทันที

“ ชั้นจะแสดงให้ดูพลังของ Dragoordinator อย่างชั้น ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็ยกมีดที่เก็บขึ้นมาเป่าพร้อมกับกดปุ่มเพื่อบรรเลงเพลง คล้ายขลุ่ยเสียงเพลง ที่ดังออกไปนั้น
ได้กระจายสัญญาณบางอย่างออกไป ในทะเล


“ มีดที่สามารถเป่าได้งั้นเรอะมันคืออะไรกันแล้วที่บอกว่าจะแสดงพลังของ Dragoordinator นี่มันหมายความว่ายังไง
จากข้อมูลที่รู้มาไฮเปอร์เดรค ผู้ใช้จะต้องเป็น ดราโกออดิเนเตอร์ที่เรารู้ก็มีแค่นี้เอง ”
เซน่า คิดขณะที่พยายามประเมินสถานการณ์อยู่นั้น ที่ใต้มหาสมุทรก็กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง

ณ อาณาจักรใต้สมุทร เลมูเรีย(Lemuria)

อาณาจักรของชาวเงือกที่ได้ล่มสลายลงไปเมื่อ ร้อยกว่าปีก่อน ประชากรทั้งหมดได้หลบหนีขึ้นไปสร้าง
อาณาจักรอยู่บนอวกาศในนาม Colony Lemuria  บัดนี้อาณาจักรใต้สมุทรนี้จึงถูกทิ้งร้างมานาน
ในขณะนั้นเอง เสียงสัญญาณที่ปนมากับเสียงขลุ่ยก็ได้ดังก้องมา ถึงอาณาจักรแห่งนี้

บรรดาบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ใต้สมุทรนี้ ได้ล้มครืนพังทลาย ลงจนเกิดควันฟุ้งไปทั่วก่อนที่จะมีบางสิ่ง พุ่งตัว
ทะลุม่านควันขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว

กลับขึ้นไปด้านบน ลอว์เรนซ์ ยังคงเป่าขลุ่ยมีด อยู่ก่อนที่ ทะเลเบื้องหลังของพวกเขาจะพูนตัวขึ้น
พร้อมกับวัตถุบางอย่างผุดขึ้นสู่ผิวน้ำ พร้อมกับเสียงคำรามก้องแหลมที่ดังมาแต่ไกล

[โหลดเสียงขลุ่ยได้ที่นี่ ข้างในจะมีเสียงแทรกอยู่เป็นเสียงคำรามของสิ่งที่เรียกมา
http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1223196022.44669_DRAGON_M.wav&mime=audio/wav ]

ทันทีที่ร่างของวัตถุนั้นโผล่พ้นขึ้นมาบนผิวน้ำ ร่างของมันก็ปรากฏแก่สายตา ทั้งของสอง
มังกรยนต์ ขนาดใหญ่ลำตัวยาวไกลหาที่เปรียบ ร่างเป็นโลหะทองปกคลุมด้วยเกล็ดน้ำแข็งสะท้อน
แสงระยิบระยับที่แก่น อกมีช่องรวมพลังงานสีแดงติดอยู่ที่หัวมีครีบซึ่ง

เป็นน้ำแข็งยื่นออกมานอกจากนี้ยังมีรยางค์ อีก4สายซึ่ง
ติดอุปกรณ์บางอย่างไว้  ขณะที่เสียงขลุ่ยยังคงบรรเลงอยู่ ครีบบนหัวและที่
หางก็เลื่อนตัวมาเล็งไปยัง

เซน่า และหุ่นยักษ์ อันเกิดจากการประกอบร่างของ หุ่น 3 ตัว
ไม่นานนักครีบน้ำแข็งที่คมราวกับใบมีดก็พุ่ง
ลงไปยังพวกเขา แม้ เซน่า จะหลบพ้นแต่ห่นยักษ์ที่มีขนาดใหญ่นั้นก็โดนเข้าไปอย่างจังจน
ร่วงโครมลง  ลอว์เรนซ์ จึงหยุดเป่าขลุ่ยมีด

“ มังกรนี่มันอะไรกันหรือว่านี่คือพลังที่มันพูดถึงกันแน่ ”
เซน่า คิดขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของ มังกรยนต์ ตัวนั้นซึ่งกำลังสร้างครีบน้ำแข็งขึ้นใหม่


“ ดราโกออดิเนเตอร์ อย่างชั้นก็แค่มนุษย์ที่มีสายเลือดของมังกรอยู่ในตัวมันก็เท่านั้นและ
ที่อยู่ในมือนี่ก็คือ Dragon Edge ที่มีเพียงชั้นเท่านั้นที่จะใช้มันได้  ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็เอาด้ามมีด ประกบเข้ากับด้ามดาบ ในมือก่อนที่ทั้งสองเล่มจะ
ประกอบเข้าด้วยกันจนเป็นดาบสองปลาย



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 05, 2008, 07:47:18 PM
“ Ultimate Weapon Murasame  ”(มุราซาเมะ:~ไม่ใช่มุรามาซะ น้า)
เสียงก้องแหลมกังวานดังขึ้นจากตัวดาบกับมีดที่กลายเป็นหนึ่งเดียว

“ ก็าซซซซซซซ ”
เจ้ามังกรคำรามดังกึกก้อง ก่อนที่ ลอว์เรนซ์ จะบินขึ้นไปยืนบนหัวของมัน

“ เกือบลืมแนะนำไปมังกรตัวนี้คืออาวุธแห่งเลมูเรีย แอริเซอเก้(Aireserke, the Weapon of Lemuria) ”
สิ้นคำลอว์เรนซ์ ก็ควงดาบสองปลายในมือ ก่อนจะสับสลักที่ ด้ามกรรเชียงดาบได้หุบตัวลง
พร้อมกับปล่อยคลื่นไฟฟ้าอาบคมทั้งสองไว้

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n006/37.jpg)

“ น..หนอยชั้นไม่ยอมมาตายอยู่ตรงนี้หรอก Part Set Up Relic Deck ”
เซน่า สบถก่อนที่สำรับจะถูกเปลี่ยน เขาหยิบเอาไพ่ใหม่จากสำรับขึ้นมาและโยนส่งไปยัง
หุ่นของเขา

“ Mythril Sword ใช้มันจัดการเจ้านั้นซะ ”
เซน่า กล่าวจบไพ่ก็กลายเป็นดาบ ให้เจ้าหุ่นยักษ์ใช้ ก่อนที่มันจะลุกขึ้นและตรงเข้าไปต่อกร

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n014/103.jpg)

“ Maximum Rider Power ”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากตัวเกราะของลอว์เรนซ์ ที่ตอนนี้คลื่นไฟฟ้าได้ไหลอาบจากดาบไปทั้งร่าง
แกนช่องอกของ แอริเซอเก้ จึงเปิดตัวออก และเริ่มสะสมพลังงาน ขณะที่เจ้าหุ่นยนต์ยักษ์กำลังใกล้เข้ามา

[โหลดเสียงที่นี่ http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1223195813.60234_1.Maximum_Rider_Power.wav&mime=audio/wav ]

“ Delta Tornado Waver ”
เสียงทุ้มแหลมก้องกังวาน พร้อมกับที่กรรเชียงดาบซึ่งหุบตัวลงได้ กางออก
ลอว์เรนซ์ จึงหมุนตัวควงตวัด ดาบในมือ ออกไป คลื่นพลังสองเสี้ยวได้พุ่งออกจากดาบทั้งสองคม
พร้อมๆกับ ลำแสงสีแดงที่ถูกยิงจาก ช่องอกของ แอริเซอเก้  และรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็น

ลำพลังงานขนาดใหญ่พุ่งเข้ากระแทกร่างของ เจ้าหุ่นยักษ์ ทันทีที่ แสงกระทบถูก ก็เกิดใบมีดพลังงาน
พุ่งตวัดเฉือนออกมา จนเมื่อลำแสงถูกยิงจนหมด ร่างของเจ้าหุ่นยนต์ก็ระเบิด กลายเป็นซากเศษเหล็กล้มทับ
ตัวของ เซน่า จนจมกองเพลิงในทันที ก่อนจะระเบิดอย่างรุนแรงอีกหลายครั้ง

“ ยืนยัน  Second Page ล้มเหลว อาบิส ถูกทำลายโดยสมบรูณ์ไม่สามารถช่วยผู้ถือครองออกมาได้
เปลี่ยน..  ”
ลอว์เรนซ์ ติดต่อกลับไปยังห้องบัญชาการ โดยผ่านทางตัวส่งสัญญาณที่หน้ากาก โดยที่ตัวเขากำลังโรยตัวลงมายังพื้น
ขณะที่ แอริเซอเก้ ได้ดำกลับลงไปยังใต้สมุทรอีกครั้ง
 
“ รับทราบรายงานแล้วเริ่ม Third Page ได้ เปลี่ยน.. ”
เสียงตอบกลับดังขึ้น ลอว์เรนซ์ จึงทำการปลด บูสเตอร์ออกก่อนที่จะแยก
Hyper Actor และ Dragon Edge ออกจากกัน และปล่อยให้มันบินหายลับไป ร่างไฮเปอร์โหมดได้
สลายออกกลับเข้าสู่ เดรค ตามเดิม ก่อนที่เขาจะ ขึ้นไปยืนบนบอร์ดที่ พึ่งจะบินมาถึง และออกตัวตรงไปยัง
เสาสูงที่อยู่ตรงหน้า
…………………
……………………
……………………..

ณ Angle Wing

“ เอาล่ะเราก็เตรียมเริ่มภารกิจกันได้แล้ว เอายานขึ้นสู่ผิวน้ำ ”
คางาริ สั่งการจบ เหล่าพลทหารทั้งหมดก็ทำการเตรียมการต่างๆนานา ยานได้เคลื่อนตัวลอยลำขึ้นสู่ผิวน้ำ
อย่างช้าๆ จนเมื่อโผล่พ้นน้ำขึ้นไป

“ เตรียมการเหินขึ้นสู่อากาศ กางปีกออก รักษาระดับความเร็วที่ 2 น็อต แล้วค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ”
คางาริ สั่งจบพลทหารหญิงที่อยู่หน้าแท่นคุบก็รัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์
ครีบของยานได้กางออกยาวราวกับปีก พร้อมกับไอพ่นที่ท้ายยานเริ่มทำงาน ตัวยานค่อยๆไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ

“ ระดับความเร็วเพิ่มขึ้นจาก 2,3,4,5 น็อต รักษาระดับสมดุลค่ะ ”
พลทหารหญิงรายงาน ก่อนที่จะวางมือ จากแป้นควบคุม

“ เอาล่ะ Third Page เริ่มจากนี้ไปคือของจริงล่ะ ”
คางาริ กล่าว บัดนี้ยาน Angle Wing ได้แปรสภาพไปราวกับปลาบิน ซ฿่งมีรูปร่างเหมือน Silky Wing Fish

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n018/7.jpg)

…………….
………………….
……………………..
“ เจนัส เนลฟาแอคเตอร์ยืนยันพบเป้าหมายแล้วจะเริ่มการทำลายเสาลิฟต์วงโคจร ณ บัดนี้ ”
เจนัสรายงายผ่าน ตัวส่งสัญญาณ กลับก่อนที่จะชักเอาทอนฟา ออกมา และจอด บอร์ดยนต์เอาไว้
โดยทิ้งชินจิที่หมดสติเอาไว้ บนบอร์ด และตรงเข้าไปยังเสายักษ์ที่อยู่ตรงหน้า

“ เฮ้คนเดียวคงไม่ไหวมั้งให้ชั้นร่วมด้วยคนสิ ”
เสียงดังขึ้นจากด้านหลังเขา พร้อมกับ การมาของ ลอว์เรนซ์ ที่เดินอ้อมเสามา

“ ก็เอาสิแต่ดูเหมือนว่าคงต้องรีบกันหน่อยล่ะ เพราะของที่ว่าพวกมันคงขนขึ้น ลิฟต์ไปแล้วต้องทำลายก่อนที่
คอนเทนเนอร์จะขึ้นไปถึงสถานี ”
เจนัส กล่าวจบ ทั้งสองก็ตั้งท่าเพื่อจะทำลายเสายักษ์ตรงหน้า

“ Mega Kick ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ทั้งคู่ตวัดขาเตะ เสายักษ์อย่างแรง ทว่ากลับถูกสะท้อน กลับออกมาจนกระเด็นไปทั้งคู่
ทว่าแรงกระเทือนก็ได้ ส่งผ่านไปตามเสาจนถึงตัวตู้คอนเทนเนอร์ ที่กำลังวิ่งอยู่บน เสาหยุดการเคลื่อนไหวไป

“ ชิ..เจ้านี้แข็งสุดๆไปเลย ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวไปขบกรามไปด้วยความเจ็บปวด เพราะที่ขาข้างที่พวกเขาทั้งสองคนใช้เตะเข้าไป
นั้นได้แตกร้าว และมีประกายไฟแวบแปลบปราบ ตลอดเวลา
 
“ ถ้าไม่ใช่ ไฮเปอร์โหมด ล่ะก็คงทำลายมันไม่ได้แน่…อ่ะนั่นมัน ”
เจนัสกล่าวได้ไม่ทันขาดคำก็มี แสงเลเซอร์ถูกยิงตรงมาที่พวกเขา แต่ทั้งสองก็โดด
หลบได้พ้น ก่อนจะหันขึ้นไปและพบว่า ที่เสานั้นมีช่อง เปิดออกโดยมีป้อมปืนตั้งอยู่ภายใน
ไม่นานนัก ช่องอื่นๆก็เปิดออก และป้อมปืนข้างในก็ เคลื่อนออกมา และระดมยิงใส่พวกเขา

“ ระบบรักษาความปลอดภัยของ ลิฟต์วงโคจรงั้นเรอะ ”
เจนัส สบถขณะที่เอี้ยวตับหลบลำแสงที่ระดมยิงเข้ามา ทว่าด้วยจำนวนที่มากมายทำให้เขาไม่อาจ
หลบได้พ้นทั้งหมด จึงพลาดถูกยิงเข้าที่กลางอก ก่อนจะล้มลงไปและถูกระดมยิงใส่อย่างไม่ยั้ง

“ เจนัส..อ็าคคค ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวได้ไม่ทันจบชั่วพริบตาที่นั้นเขาก็ถูกระดมยิงจน ร่วงลงไปอีกคน
ควันทรายฟุ้งไปรอบเสา ป้อมปืนทั้งหมดได้หันซ้ายขวาเพื่อตรวจดูว่าพวกเขายังอยู่หรือไม่
ทว่าจู่ๆ เซ็นเซอร์การทำงานของพวกมันก็เกิดขัดข้องขึ้นและไม่สามารถตรวจจับอะไรได้อีก
โดยภาพสุดท้ายที่ส่งขึ้นไปยังสถานีนั้นคือ ภาพของละอองสีฟ้าที่ ลอยตัวขึ้นมาจากกลุ่มควัน

“ Laser Strom ”
สิ้นเสียง ฟันเนลทั้งหมดก็ยิงแสง ทำลายป้อมปืนจนราบพนาสูญ ก่อนที่ควันจะจางลงไป
บัดนี้ เจนัส และ ลอว์เรนซ์ ทั้งสองได้สวมร่าง ไฮเปอร์โหมดทั้งคู่

“ นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว..อะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวยังไม่ทันจบประโยค พลทหารหุ้มเกราะในมือถือปืนลำแสงขนาด
ใหญ่กับโล่ ที่มีขนาดพอจะปิดบังร่างกายได้มิดชิด แบบเดียวกับที่พวกเขาปะทะด้วยตอนขึ้นมาบนหาด
 ก็ได้บินล้อมพวกเขาทั้งสองไว้

“ Multi Armor Groove Alpha-1 งั้นเรอะแสดงว่าเจ้าพวกนั้นรู้ตัวแล้วสินะ ”
เจนัส สบถขณะที่กองทหารล้อมกรอบพวกเขาเข้ามาเรื่อยๆ

(http://image.ohozaa.com/ie/multiarmor1.jpg)

……………..
…………………
…………………….

ณ Colony Felasia สวนน้ำของห้างสรรพสินค้าบน Colony แห่งนี้ เด็กๆต่างเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
สระน้ำและน้ำพุรวมไปถึงเครื่องเล่นหลากหลายรูปแบบที่มีจัดไว้ในสวนน้ำนี้ ในช่วงวันหยุด
จึงมีครอบครัวส่วนใหญ่มาเที่ยวเป็นจำนวนมาก เช่นกันกับวันนี้

“ ว้าววว..หยาดเยิ้มทนไม่ไหวแย้วขอหม่ำล่ะนะค้าบบ ”
เสียงห้าวๆที่บ่งบอกความหื่นกระหายดังขึ้นพร้อมกับที่ ชายหนุ่มผมสีแดง ซึ่งปิดตาขวาเอาไว้
ด้วยผ้าคาดตาสีดำ เหมือนโจรสลัด จะกระโจน เข้าหากลุ่มหญิงสาวนักศึกษา 3 คนที่เดินผ่านมา

“ จะบ้าไปถึงไหนย้าาา เรย์(Rei)  ”
เสียงตะหวาดดังขึ้นพร้อม กับที่หญิงสาวผมสีน้ำตาลผูกแกละสองข้างจะ เข้ามาฟันศอกใส่ จน
ชายหนุ่มร่วงหมอบกระแต พร้อมกับที่หญิงสาวเข้าไปก้มหัวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
หลังจากที่กลุ่มนักศึกษาหญิงจากไป ชายหนุ่มที่ชื่อ เรย์ ก็ฟื้นสติ

(http://image.ohozaa.com/ig/xlrei.jpg)

“ โอ้นางฟ้าบนสวรรค์นี่ช่างสวยเหมือนลักซ์ไม่มีผิดเลยขอ กอดหน่อย..แอ็ค ”
เรย์ กล่าวขณะที่กำลังจะลุกขึ้นโอบร่างของ หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าแต่ก็ถูก หล่อนเหยียบ
จมดินไป เต็มๆ

“ จะเพ้อไปถึงไหนกันยะอย่างนายน่ะ มันต้องส่งให้ยมบาลดึงลิ้น ”
หญิงสาวกล่าวน้ำเสียงฉุนเฉียว ก่อนจะยกเท้าขึ้นจากร่างของ เรย์

“ แง้..ลักซ์ (Lux) ใจร้ายยยขอกอดหน่อยก็ไม่ได้ ”
เรย์ ครวญขณะที่ยังคงนอนอยู่บนพื้น

(http://image.ohozaa.com/ir/4plux.png)

“ ไม่ต้องมาเพ้อเลยพูดอีกโดน! ”
ลักซ์ กล่าวอย่างฉุนเฉียว ก่อนจะกระทืบซ้ำลงไปอีกที ทำให้ เรย์ ต้องครวญเสียงหลงซะดังลั่น

ครู่ต่อมา

ณ สวนสัตว์ ชั้นดาดฟ้าที่อยู่ถัดจาก สวนน้ำของห้าง

“ ไม่ไว้เลย เรย์ นี่ทำไมถึงได้ชอบทำแบบนี้นะ ที่บ่อน้ำร้อนกลางแจ้งตอนไป ออนเซ็น คราวก่อนก็ทีแล้ว ”
ลักซ์ ซึ่งเปลี่ยนมาสวมเสื้อโค้ท สีดำตัดขาวแบบเดียวกันกับ เรย์ ที่เปลี่ยนมาสวมด้วยในตอนนี้
ทั้งสองกำลังสนทนา กันถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ขณะที่กำลังรอใครบางคน

[ออนเซ็น คือการไปแช่บ่อน้ำร้อนกลางแจ้งเป็นการท่องเที่ยวที่พวกแม่บ้านของญี่ปุ่น
นิยมกัน….มั้งข้อมูลไม่แน่นพอเพราะศึกษาจากอนิเมล้วนๆ]

“ แหมก็เค้าอดใจไม่ได้นี่ว่าแล้วก็ขอหอมทีนึงนะ…แอ็ค ”
เรย์กล่าวจบก็กระดี๋กระด๋า จะเข้าไปหอมแก้ม ลักซ์ ทว่าก็ถูกหล่อนถีบกระเด็นกลับมาเช่นเคย

“ พูดแบบนี้อยากตายนักใช่ไหม ”
ลักซ์ กล่าวจบก็รัวกระทืบ เรย์ ไม่ยั้ง

“ อ้าวๆ..พวกเธอนี่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ ”
ชายวัยกลางคน ผมแดงสวมหมวกสีดำและเสื้อโค้ทสีดำแบบเดียวกับพวกเขาแต่ ตัดลายสีทองแทน
เข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน

“ นี่ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวจะสายนะ ”
หญิงสาววัยทำงานผมสีดำ อีกคนได้เข้ามาทักพวกเขา นางสวมเสื้อโค้ทสีดำตัดลายขาวแบบเดียวกันกับพวกเขา

“ คุณ ครอสเร็กซ์(Crossrex) แล้วก็คุณ มิดาไล (Midarai)  ”
ลักซ์ อุทาน เมื่อได้เห็นทั้งสอง

(http://image.ohozaa.com/ii/crossrex.jpg)

(http://image.ohozaa.com/it/midarai.jpg)

“ อ้าวตาลุง กับ ยายป้าตาค้าง ว่าไงสบายดีเหรอ ”
เรย์ ทักทายแต่ดูหมือนว่าคำทักทายของเขาจะออกแนวหาเรื่องซะมากกว่า

“ ยังปากเสียเหมือนเดิมนะสมแล้วที่เคยเป็นสลัดอวกาศมาก่อน ”
ครอสเร็กซ์ กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่จูง เรย์ ให้ลุกขึ้นมา

“ อ้าว อัซเรย์ ไม่ได้อยู่กับพวกเธอเหรอ ”
มิดาไล กล่าวขณะที่มองหาตัว คนที่ชื่อ อัซเรย์

“ อ๋อ อัซเรย์ เค้าแยกไปที่สำนักงานก่อนแล้วล่ะค่ะ ”
ลักซ์ กล่าว

“ งั้นเราก็อย่ามัวชักช้าอยู่เลย ท่าน อาเทเนีย รออยู่เห็นว่ามีธุระสำคัญจะคุยน่ะ ”
ครอสเร็กซ์ กล่าวเสียงขรึมก่อนจะออกเดินนำพวกเขาทั้งหมดไป

………………..
…………………….
……………………..

บนโลก ณ Heaven Base ฐานขนส่งลิฟต์วงโคจร


“ Maximum Hyper Cyclone ”
สิ้นเสียงพายุพลังงาน สีแดงและฟ้าก็พุ่งเข้าทำลายทหารหุ้มเกราะจนร่วงหล่นลงมา
หลายนาย

“ ชิ…มากันไม่หยุดเลย ”
เจนัส สบถขณะที่ ยังควงดาบทอนฟาสองคม ในมือเข้าฟาดฟันกับทหารเหล่านั้น

“ Burning Beam ”
เสียงของจักรกลดังแว่วมา พร้อมกับลำแสงที่ เผาผลาญทุกสิ่ง ถูกยิงลงมานับไม่ถ้วน

“ คราวนี้หุ่นยนต์งั้นเรอะ รุ่น Delta-d อีกตะหาก ”
ลอว์เรนซ์ ขบกรามแน่นตอนนี้พวกเขาตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว เมื่อกองทัพหุ่นยนต์ซึ่งมีลักษณะคล้าย
แมงมุมมีลูกตาที่หัวและใต้ท้อง ได้โรยตัวลงมา ล้อมกรอบพวกเขาไว้อีกชั้น

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n001/22.jpg)

………….
……………..
……………….

ณ ห้องบังคับการของยาน Angle Wing

“ กองทัพหุ่นยนต์งั้นเหรอนี่หมายความว่าพวกสหพันธ์โลก ก็อยู่ข้างพวกมันด้วยงั้นรึ ”
คางาริ ตะคอกขึ้นทันทีที่ได้รับรายงาน ว่าพวก เจนัส ถูกกองทัพของ สหพันธ์ เล่นงาน

“ ไม่แปลกหรอก อาเทเนีย น่ะมีเส้นสายทางการเมือง อยู่อีกอย่างด้วยเหตุผลบังหน้าขององค์กรมีหรือที่พวกสหพันธ์จะไม่ให้ความร่วมมือ ”
ฟอน กล่าวขณะที่เดินเข้ามาภายในห้อง พลทหารทุกคนรวมถึงคางาริ ต่างทำความเคารพขึ้นพร้อมกัน
ก่อนจะเริ่มรายงานสถานการณ์

“ พี่ฟอน คะทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ที่แล้วพี่หายไปไหนกัน คะ ”
เทีย ได้เข้ามาซักถามเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ โทษนะเทียตอนนี้พี่ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว ไว้เสร็จภารกิจแล้วค่อยคุยกัน..เตรียม Catapult Gate ไว้ให้พร้อมชั้นจะออกไปเอง ”
ฟอนกล่าวจบ ก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับเสียงสัญญาณเตือน การเปิดช่องส่งยานดังขึ้นทั่วลำเรือ

“ พี่…..คะ ”
เทีย เปรยขึ้นขณะที่จ้องมองแผ่นหลังของผู้เป็นพี่ที่ค่อยๆออกห่างจนลับสายตาไป

“ Gate Stand by ”
เสียงดังขึ้น พร้อมกับที่ประตูส่งยานเปิดออก สายลมพัดเข้ามาปะทะกับใบหน้าแต่
ฟอน ก็ยังคงรักษาท่าทีเอาไว้ได้ ก่อนที่จะเกิดคลื่นไฟฟ้าแปรปรวนขึ้น ในอากาศ มังกรยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งมีรูปร่าง
เหมือนกับ เดรคแอคเตอร์ ทุกประการเพียงแต่เป็นสีดำ
ได้บินฉวัดเฉวียนไปรอบๆก่อนที่ จะเข้ามาจอดทีมือของ ฟอนและเปลี่ยนรูปเป็น
กำไลข้อมือแบบเดียวกับ เดรค  ฟอน สวมมันที่ข้อมือ ซ้ายก่อนจะดันสลักหางกลับ

“ Exchange ”


โปรดติดตามตอนต่อไป


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 05, 2008, 07:52:16 PM
อิอิ รอบเอาให้ตาแหกไปเลยจ้า ตัวละครโผล่ออกมาเพียบ เรียกได้ว่ายกกันออกมาจริงๆ
ว่าแต่ตอนนี้ออกทะเลไปไกลถึงอาณาจักรเลมูเรียละ เหอๆยิ่งแต่งยิ่งออกไปเรื่อยๆ
หุๆตัวละคร5คนที่มาใหม่รอบนี้ เนี่ยเรียกได้ว่ามาทั้งองค์กรจริงๆ คราวนี้เราจะได้เปิดศึกครั้งสุดท้ายระหว่างอาคุ...อุบเอ็ยแลนทิสกับมนุษย์
เหอๆเกือบหลุด ตอนหน้าจะได้เห็นแอคเตอร์5เสียงแว้ว 555+ชักอดใจไม่ไหวแว้ว


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 08, 2008, 02:54:17 PM
คือคราวนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนิยายอะไรมากหรอกนะเพียงแต่
นั่งพิมพ์อย่างเดียวกับเกรม่อนคุงทั้งวันมันเซ้งอ่าาา
เลยมาหาอะไรคุยเล่นๆ เรื่องมันมีอยู่ว่า บทที่จะโพสอาทิตย์นี้นะฮ่ะ
มันเป็นตอนเบาสมองซะตอนหนึ่งหรือพูดง่ายบทเกี่ยวกะเรื่องรักๆใคร่ๆ มาอีกแว้ว

เกรม่อน: ให้ตายเถอะคุณเธอนี่ชอบซะจริงเลยนะไอ้เรื่องแบบเนี้ย คงจะมายุ่งเรื่องของ
เจนัสกับนีน่าอีกตามเคยสิท่า เซอร์วิสภาคที่แล้วไม่สะใจพอรึ

การุรุม่อน: แหมอันนั้นมันยังไม่ถึงแก่นเลยน้าว่าแต่เข้าเรื่องดีกว่าเนอะ เห็นภาพข้างล่างนี้แล้วอย่า
ตกใจนะ

(http://image.ohozaa.com/ih/lolipoppost.png)


โฮ่ๆฉากที่มันไม่น่าจะมีใน เรื่องลอลลี่ป็อบ แต่ดันโผล่เพราะอันนี้คือภาคสองของเรื่องล็อลลี่ป็อบ
จ้าแต่ฉบับ มังกะนะ แล้วทีนี้มันเกี่ยวกันยังไงเหรอ อย่าพึ่ง คิดเองเออเองนะจ้ะว่า
ชินจิ กับ เจนัสคุงจะมาหาเรื่องกันอีกนะจ้า คือว่าเนื่องในบทที่จะลงอาทิตย์นี้เนี่ยมัน
เป็นเรื่องรักๆแนวโรแมนติก ว้าว เดี้ยนนี่ช่างงดงามอะไรเช่นนี้

เกรม่อน: ::010::

การุรุม่อน: เรื่องฉันย่ะไปไกลๆ เข้าเรื่องต่อ พอดีมันไม่มีข้อมูลเจ้าเกรม่อนมันก็เลยไปรวบรวม
การ์ตูนแนวโรแมนติกมาให้ก็ไปเจอะพอดีเลย เอามาฝากกันหน่อยเห็นชอบกันนิ ถือเป็นการสนมนาคุณอย่างหนึ่งละกัน แจก1ตอนไปเลย

 http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1223437373.87848_modotte_mamotte_lollipop_002.rar&mime=application/rar


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: boy on October 08, 2008, 06:08:04 PM
คือคราวนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนิยายอะไรมากหรอกนะเพียงแต่
นั่งพิมพ์อย่างเดียวกับเกรม่อนคุงทั้งวันมันเซ้งอ่าาา
เลยมาหาอะไรคุยเล่นๆ เรื่องมันมีอยู่ว่า บทที่จะโพสอาทิตย์นี้นะฮ่ะ
มันเป็นตอนเบาสมองซะตอนหนึ่งหรือพูดง่ายบทเกี่ยวกะเรื่องรักๆใคร่ๆ มาอีกแว้ว

เกรม่อน: ให้ตายเถอะคุณเธอนี่ชอบซะจริงเลยนะไอ้เรื่องแบบเนี้ย คงจะมายุ่งเรื่องของ
เจนัสกับนีน่าอีกตามเคยสิท่า เซอร์วิสภาคที่แล้วไม่สะใจพอรึ

การุรุม่อน: แหมอันนั้นมันยังไม่ถึงแก่นเลยน้าว่าแต่เข้าเรื่องดีกว่าเนอะ เห็นภาพข้างล่างนี้แล้วอย่า
ตกใจนะ

(http://image.ohozaa.com/ih/lolipoppost.png)


โฮ่ๆฉากที่มันไม่น่าจะมีใน เรื่องลอลลี่ป็อบ แต่ดันโผล่เพราะอันนี้คือภาคสองของเรื่องล็อลลี่ป็อบ
จ้าแต่ฉบับ มังกะนะ แล้วทีนี้มันเกี่ยวกันยังไงเหรอ อย่าพึ่ง คิดเองเออเองนะจ้ะว่า
ชินจิ กับ เจนัสคุงจะมาหาเรื่องกันอีกนะจ้า คือว่าเนื่องในบทที่จะลงอาทิตย์นี้เนี่ยมัน
เป็นเรื่องรักๆแนวโรแมนติก ว้าว เดี้ยนนี่ช่างงดงามอะไรเช่นนี้

เกรม่อน: ::010::

การุรุม่อน: เรื่องฉันย่ะไปไกลๆ เข้าเรื่องต่อ พอดีมันไม่มีข้อมูลเจ้าเกรม่อนมันก็เลยไปรวบรวม
การ์ตูนแนวโรแมนติกมาให้ก็ไปเจอะพอดีเลย เอามาฝากกันหน่อยเห็นชอบกันนิ ถือเป็นการสนมนาคุณอย่างหนึ่งละกัน แจก1ตอนไปเลย

 http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1223437373.87848_modotte_mamotte_lollipop_002.rar&mime=application/rar

::010::  เอ่อ............สนุกดีครับ(???) เร้าใจ(????)  ::001::


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 11, 2008, 07:22:49 PM
File xx คำสารภาพ! ภารกิจแห่งหัวใจ! (ชื่อตอนนะนี่)

ความเดิมตอนที่แล้ว: ลอว์เรนซ์ที่ ต้องสู้กับเซน่า ผู้ถือครอง อาเมอร์แอคเตอร์ อาบิส
อย่างยากลำบากทว่าด้วย อาวุธใหม่ที่สามารถเรียก แอริเซอเก้ มังกรแห่งเลมูเรียมาได้
กับการผสานพลังเข้าด้วยกัน ทำให้เอาชนะไปได้ในที่สุด ต่อมา เจนัส และลอว์เรนซ์
ทั้งสองได้ไปถึงที่หมายคือ เสาสูงซึ่งเป็นลิฟต์วงโคจร ที่ใช้ขนส่ง วัตถุต่างๆไปมาระหว่างโลกกับ Colony

ขณะที่กำลังดำเนินภารกิจทำลายลิฟต์วงโคจรอยู่นั้น กองทัพหุ่นยนต์ซึ่งเป็นของ สหพันธ์โลก(องค์กรพิเศษที่ถูกจัดตั้งขึ้นโดยการรวมกลุ่มกันของ อาณาจักรในหลายๆทวีป) ก็ได้เข้าแทรกแซง ทำให้บัดนี้ Freedom Resistant
กลายเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกไปเสียแล้ว พวกเขาจะทำเช่นไร เราไปดูกันเลยดีกว่า

“ นี่คือเสียงจากกองทัพแห่งสหพันธ์โลก ถึงเหล่า ผู้บุกรุก ทุกคนจงหยุดการกระทำทั้งหมดและ
ยอมจำนนแต่โดยดีมิฉะนั้นจะ… ”
เสียงประกาศที่ดังก้องออกมาจาก หุ่นรบรูปร่างแมงมุม Delta-D ดังขึ้นได้ยังไม่ทันขาดคำมันก็ถูก
แสงเลเซอร์สีฟ้า จากฟันเนล ยิงจนระเบิดเป็นจุลไป

“ เจ้าพวกนี้โดนล้อมกรอบขนาดนี้ยังคิดจะสู้อีกเรอะ..ช่วยไม่ได้ส่ง No. C  No.O แล้วก็  No.S ออกไปเลย ”
สิ้นคำของผู้บัญชาการทัพสหพันธ์ ที่กำลังสั่งการอยู่ภายในห้องบังคับการของเรือรบลำยักษ์
เหล่าพลทหารทั้งหมดและบรรดาช่างเทคนิก ต่างก็กระจายกันไปทำหน้าที่

ครู่ต่อมา ฝูงหุ่นยนต์จำนวนนับไม่ถ้วน ก็กรูกันลงมาจากยานรบ ทยอยลงสู่พื้น
มีทั้งหุ่นรบประจัญบานที่หน้าตาเหมือนเสืออย่าง Sigma-S หุ่นยนต์ทิ้งระเบิดรูปไก่เช่น Cocka-C
ไปจนถึงหุ่นยนต์ทำลายตัวเองอย่าง Omicron-O

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n005/17.jpg)

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n016/75.jpg)

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n018/99.jpg)

“ Maximum Hyper Cyclone ”
เสียงก้องแหลมดังขึ้นท่ามกลางเสียงระเบิด ที่ดังโครมครามในสนามรบ หลังพายุพลังงานสีแดงและฟ้า
พุ่งผ่านซากเครื่องจักรและเศษเหล็กไหม้ไฟต่างๆก็ร่วงลงสู่สนามรบ


“ แฮ่กๆๆ..ไม่หมดซะทีนะ ”
เจนัส กล่าวไปหอบไปขณะที่ ลากบอร์ดยนต์ ซึ่งแบกร่างของ ชินจิ เอาไว้มาหลบภายใน
ป้อมเกราะพลังงาน ทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ที่สร้างขึ้นโดยการใช้ ฟันเนล 8 ตัว ส่วนอีก 4 ตัวที่เหลือ
คอยบินวนคุ้มกัน  รอบเกราะ

“ Mega Slash ”
สิ้นเสียงคลื่นพลังงานไฟฟ้าสีแดงก็พุ่งออกไปเป็นเสี้ยวจันทร์ ผ่าทำลายหุ่นยนต์ไปตัวแล้วตัวเล่า
แต่ทว่าจำนวนก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อยยังคงกรูเข้ามาไม่หยุด ทั้งสองต่างสู้จนหมดแรง
จนหลังชนกันหน้าป้อมเกราะ ที่สร้างขึ้นด้วย ฟันเนล


“ แฮ่กๆๆ..นี่เราต้องมาตายจริงๆรึนี่ ”
ลอว์เรนซ์ เปรยด้วยความเหนื่อยล้า เกราะเต็มไปด้วยเขม่าควัน และมีรอยร้าวในหลายๆจุดจากการ
ที่หลบการโจมตีไม่พ้น มือกำด้ามดาบหลวมด้วยความหมดแรง

“ อย่าพูดบ้าๆน่าทั้งนาย หมอนี่แล้วก็ชั้นพวกเราจะต้องรอดไปได้อยู่แล้ว ”
เจนัส ฝืนเค้นแรงเฮือกสุดท้ายกล่าวออกมาทั้งที่เขารู้ตัวดีว่า ไม่เหลือแรงแม้แต่จะจับดาบอีกแล้ว
และทันทีที่ลำแสงของการโจมตีระลอกถัดมาได้พุ่งเข้าถาโถมพวกเขา

หลังจากที่ควันจางลง ทั้งสองต่างฟุบหมอบอย่างอิดโรย แม้จะยังมีสติอยู่แต่ก็ไม่อาจลุกขึ้นได้
เกราะพลังงานที่คุ้มกัน ร่างของ ชินจิ เอาไว้ได้สลายลงก่อนที่ ฟันเนล ทุกตัวจะร่วงหล่นลงสู่พื้น
ทั้งหมด

“ โธ่ว้อย..นี่เรามาได้แค่นี้เองรึไงกัน ”
เจนัส คิดขณะที่ Sigma-S กำลังจะใช้กรงเล็บ ขยี้หัวของเขา ร่างของมันกลับกระเด็น
ออกไปพร้อมกับการปรากฏตัวของ นักรบแอคเตอร์ ที่ชุดเกราะเหมือน เดรค ร่างก่อน Cast Off
 ทุกประการทว่าร่างกลับเป็นสีดำ แทนที่จะเป็นสีแดง

“ ผู้พิทักษ์แห่งการต่อสู้กลับถอดใจจากการต่อสู้ซะเองใช้ได้ที่ไหนกัน ตราแห่งโลหิตที่นายรับมา
มันแค่ความบังเอิญหรือไง ”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของ นักรบแอคเตอร์ รูปร่างของชุดเกราะคล้ายผีเสื้อ
ชูริกะแอคเตอร์ ที่ นีน่า ถือครองอยู่นั่นเอง ซึ่งนี่เป็นร่างที่ Cast Off แล้ว

“ ที่แล้วมานายคอยปกป้องฉันมาตลอด คราวนี้ถึงตาฉันปกป้องนายบ้างล่ะ ”
นีน่า กล่าวจบก็ควบคุมให้กรงจักรกลีบดอกไม้ อันเป็นอาวุธของ ชูริกะ พุ่งเข้าปั่นทำลายหุ่นยนต์และกวาดล้างไปได้อย่างรวดเร็ว ด้าน เดรค สีดำก็กำลังสับสวิตซ์ ที่ข้อมือ เกิดคลื่นไฟฟ้าไหลอาบไปทั่วร่างพร้อมกับที่ตัวเกราะปลดหลวมออก

“ Cast Off ”
เสียงแหลมก้องกังวานดังขึ้นจากตัวเกราะ ก่อนที่จะระเบิดชิ้นส่วนออก

“ Change Dragonfly ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นพร้อมกับร่างภายใต้เกราะที่ระเบิดไปเมื่อครู่ เผยออกมาชุดเกราะสีดำรูปร่างคล้ายมนุษย์มังกร
ดวงตาสีแดงผมสีทองยาว สะบัดพลิ้ว เกราะแขนมีแถบวัดพลังติดตั้งอยู่ทั้งสองข้าง หางเป็นข้อต่อ
ยาวทอดไปสุดปลายเป็นใบมีด ข้อต่อทุกตัวมีใบมีดยื่น แฉลบออกมา และข้อต่อสามารถหมุนได้ทุกส่วนราว
กับสว่าน

(http://image.ohozaa.com/ix/actorphantomdrake.jpg)

“ เอาล่ะช่วยถอยไปหน่อย ”
แฟนธอมเดรค กล่าวจบ นีน่า ก็จัดแจง ขยับร่างของพวกเขามาอยู่ด้านหลัง
แฟนธอมเดรค จึงยกแขนขึ้น กรงเล็บได้หุบลงไปใน เกราะแขนและเปลี่ยนกลายเป็นปากกระบอก
ปืนพลังงานไปทั้งสองข้าง ก่อนที่จะเริ่มสะสมพลังงาน คลื่นไฟฟ้าไหลกระจายไปรวมกันที่ปากกระบอก
ขณะที่แถบวัดพลังงาน ค่อยๆสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อสุดแล้ว

“ Twin Mega Shooting ”
ชุดเกราะส่งเสียงทุ้มแหลมออกมาพร้อมกับที่ คลื่นพลังงาน ที่พุ่งทะลวงฝ่าแนวออกมาจาก ปากกระบอกทั้งสองข้าง
หุ่นยนต์ทั้งหมดที่อยู่ในทิศของลำพลังงานได้สูญสลายเป็นจุลไป ทำเอาพลทหารที่สวม มัลติอาร์เมอร์
พากันถอยออกห่าง  ทว่าพวกเขาทั้งหมดก็ได้อาศัยช่วงที่ เส้นทางปลอดโปร่งวิ่งฝ่าออกมา


โดย นีน่า แบกร่างของ ชินจิ กับบอร์ดยนต์ของ เจนัส ส่วนบอร์ดของลอว์เรนซ์ก็เอามาขี่แทน
ในขณะที่ แฟนธอม เดรค อุ้มร่างของ เจนัส และ ลอว์เรนซ์ ที่ปลดแอคเตอร์ออกแล้วขึ้นขี่บอร์ดของตนแล้ว
พุ่งฝ่าแนวออกไป โดยมีลำแสงโจมตีไล่หลังมาเนืองๆ พวกเขามุ่งหน้าตรงไปยังเนินทรายที่ตอนนี้
ถูกลมพัดจนฝุ่นทรายคละคลุ้งไปทั่ว ก่อนที่ยานรูปร่างคล้ายปลายักษ์มีปีสีขาว จะลอยลำขึ้นมาและเปิดประตูใต้ยาน ให้พวกเขา กระโดดขึ้นไป พร้อมกับปิดลง และลอยลำตรงไปยัง เสายักษ์
 
“ เตรียมยิง Grand Cross เปิดทุกปากกระบอก เล็งทำลายเป้าลิฟต์วงโคจร  ”
สิ้นคำของคางาริ พลทหารทุกนายต่างก็ ทำการสั่งการและปฏิบัติ ปากกระบอกปืนยื่ออกมาจากทุกส่วนของยาน และปากปลาของหัวเรือยาน ก็อ้าขึ้นด้วย และเริ่มสะสมพลังงาน ขณะเดียวกัน เหล่าพลทหารมัลติอาร์เมอร์ ของ กองทัพ
โลก ต่างก็กรูถอยกันออกจากวิถีการยิง ขณะที่เหล่าหุ่นยนต์ยังคงบุกต่อไป อย่างไม่กลัวตาย

“ Grand Cross ยิง! ”
 คางาริ สั่งการจบ พลทหารที่คุมแผงหน้าปัดก็สับสวิตซ์ ลง ลำแสง และ กระสุนระเบิด พุ่งผ่านตรงไปยังเสาลิฟต์วงโคจร โดยเผาผลาญทำลายทุกอย่างที่มันผ่านมา จนสิ้นเสายักษ์ค่อยเอนตัวลง

ขณะเดียวกัน ตู้คอนเทนเนอร์เหล็กที่ขนพัสดุขึ้นไปตามเสานั้น ก็กระเด็นหลุดออกห่างด้วยแรงสะเทือนของเสา ก่อนที่ตู้คอนเทนเนอร์จะร่วงหล่นเสียด สีกับชั้นบรรยากาศและระเบิดไปในที่สุด เสายักษ์ค่อยๆล้มตัวลงสู่พื้นโลก
ความยาวของมันนั้นได้กลายเป็น สะพานเชื่อมทวีปให้ถึงกันได้อย่างไม่ยาก แนวเสาล้มทับจมลงไปในทะเล ก่อนที่หัวเสาจะค้ำไปยังเทือกเขาที่ไกลออกไป ทุกอย่างตกอยู่ในความวุ่นวาย โดยที่ยาน Angle Wing ได้หายตัวไปในขณะนั้นเอง

.............
..............
...............

ณ อู่เรือร้างใกล้สะพานท่าของเขตฟูดินัน ซึ่งไม่ไกลนัก เมืองมิราบิลิส ได้ตั้งอยู่
เวลาได้ร่วงเลยมา 2 วันแล้วหลังจาก ที่เสาลิฟต์วงโคจรถูกทำลายลง ข่าวเรื่องการโจมตีของพวกเขา เป็นที่กล่าวถึงกันไปทั่ว และกลายเป็นว่าพวกเขาคือผู้ก่อการร้ายในทันที

“ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลว่า พวกเขาเหล่านั้นเป็นใครมาจากไหนและต้องการอะไร ซึ่งแม้จะไม่มีผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้ายครั้งนี้ ทว่าความเสียหายด้าน การคมนาคม และการขนส่ง ก็ยังคงทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น จากคำให้การของบริษัท Bell Cross ที่ได้ทำการเช่าเส้นทางการสัญจรทั้ง หมดของลิฟต์วงโคจรเป็นเหตุให้ไม่มีผู้เคราะห์ร้ายเกิดขึ้น ทว่า
พัสดุของทางบริษัทที่ขนขึ้นไปก็ต้องเสียหายไปด้วย แต่กลับไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายจากทางบริษัทแต่อย่างใด..”

เสียงของผู้ประกาศข่าวดับไปพร้อมกับภาพเหตุการณ์ต่างในวันก่อจลาจลซึ่งขึ้นหลาอยู่บนจอรับภาพ ถูกปิดไป

“ ที่ไม่เรียกร้องก็เพราะในตู้นั่นมันไม่มีอะไรอยู่ตั้งแต่แรก แล้วน่ะสิ แบบนี้ที่ทำไปก็สูญเปล่ากันหมดแถมยังเข้าแผนพวกมันอีกตอนนี้พวกเราเลยกลายเป็น ผู้ก่อการร้ายระดับโลกไปแทนส่วนพวกนั้นก็กลายเป็น ฮีโร่ ผู้กอบกู้ไปเลย ”
เทีย บ่นอย่างไปพอใจ ขณะที่ปล่อยนิ้วออกจากสวิตซ์จอภาพ ซึ่งติดกับผนังห้องนั่งเล่นรวมในยาน

“ ก็ไม่ได้สูญเปล่าซะทีเดียวหรอกนะ เพราะอย่างน้อยๆครึ่งนึงของภารกิจก็สำเร็จไปด้วยดี แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือพวกเขาจะรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้หรือ เปล่าเท่านั้นเอง ”
ฟอนกล่าว ขณะที่เดินไปเปิดจอรับภาพขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับโยนกระป๋องเครื่องดื่ม ให้ เทีย

“ เจออย่างนั้นเข้าไปเป็นใครก็ช็อกกันทั้งนั้นล่ะ ..ถูกคนที่คิดว่าเป็นศัตรูช่วยเอาไว้
ไม่พอยังจะถูกตัดหางปล่อยวัดมาอีก ”
เทีย กล่าวพลางเปิดกระป๋องเครื่องดื่ม ก่อนจะดื่มเข้าไปอึกใหญ่ขณะที่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

คืนก่อนนั้น เอง
ณ ห้องพยาบาลของยาน

“ จากคำให้การของ เซน่า คัสท์ นักรบของบริษัท Bell Cross ได้ให้การว่า กลุ่ม
ผู้ก่อการสังหารเพื่อร่วมรบ ชินจิ ยามาโตะ จนถึงแก่ชีวิต จากการสำรวจพื้นที่พบเพียงซากชิ้นส่วน
ของเกราะแอคเตอร์ เท่านั้นที่ตกอยู่บนหาดทราย... ”
เสียงของผู้กาศข่าวและภาพบนจอ ดับวูบลงไป ก่อนที่ลอว์เรนซ์ จะปล่อยมือจากสวิตซ์เปิดปิดของจอติดผนัง
ข้างเตียงที่ ชินจิ นอนพักรักษาตัวอยู่

“ ดูเหมือนว่าทางนั้นไม่คิดจะตามหาเลยด้วยซ้ำไปยอมรับซะเถอะ..นายหมดประโยชน์แล้วสำหรับพวกเขา
เพราะ อาร์เมอร์แอคเตอร์ นั่นก็แค่ข้อมูล วิจัยการสร้าง กระดิ่งเสียง5 เท่านั้นเองป่านนี้ แอคเตอร์ พวกนั้นคง
ส่งไปถึง  Colony Felasia แล้วล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขณะที่หันกลับมามอง ชินจิ  และ ลูน่า ซึ่งกำลังเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ โดยมี โคโลน่า ลูกเรือของยาน
คอยช่วยอยู่ข้างๆ ขณะที่ ชินจิ ยังคงส่งสายตาอาฆาตไม่หยุดไปที่ เจนัส ซึ่งมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ความไม่สบอารมณ์ของทั้งคู่แทบจะทำให้ทั้งห้อง เต็มไปด้วยบรรยากาศอึดอัด

“ ทำไมนายถึงไม่ฆ่าชั้นซะเลย ถึงช่วยมาชั้นก็ไม่มีวันยกโทษเรื่องที่นายฆ่า สเตร่า ได้หรอก ”
ชินจิ กล่าวก่อนที่จะชะงักไปเพราะ ถูก เจนัส ซัดเข้าไปเต็มๆจนล้มลง

“ จะแค้นจะเคืองก็เชิญแต่ขืนนายพูดแบบนั้นอีกชั้นจะซัดให้เลือด กลบปากซะ คิดว่าชีวิตตัวเองเป็นเศษกระดาษหรือไงถึงได้เผาทิ้งเป็นว่าเล่น ยอมทิ้งชีวิตของตัวเองแล้วกลายเป็นโคออดิเนเตอร์ เพื่อแก้แค้นน่ะ ”
เจนัส สบถอย่างหัวเสีย

“ อย่างนายไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของชั้นหรอก ”
ชินจิ กล่าวขณธที่เอามืปาดคราบน้ำลายที่ เล็ดออกมาตอนถูกชก

“..ความรู้สึกของนายชั้นไม่เข้าใจหรอก...แต่คิดบ้างไหมว่าถ้า สเตร่า มาเห็นแบบนี้แล้วเค้าจะรู้สึกยังไง ”
เจนัส กล่าวจบก็เดินกระทืบเท้าโครมๆ ออกไปทิ้งให้ ชินจิ ต้องพะวงกับคำพูดของเขา

“ ไม่เคยเห็นเค้าหัวเสียขนาดนี้มาก่อนเลยนะว่าไหม ”
ริคุ หันไปถามนีน่า ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับแต่สายตายังคงเหม่อลอยราวกับคิดอะไรอยู่ในใจ

“ มีอะไรรึเปล่าน่ะวันนี้เห็นเงียบจังเลย ”
ริคุ กล่าวหลังจากที่เธอยังคงเงียบอยู่ เสียงของเขาทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่ จะปฏิเสธว่าไม่มีอะไร

“ นายรู้ไหม ชินจิ ว่าเป้าหมายโดยตรงของภารกิจนั้นน่ะ ไม่ใช่การทำลายพัสดุของ องค์กรแต่อยู่ที่
การช่วยตัวนายมาต่างหากเพราะถ้าขืนยังปล่อยไว้ นายคงถูกกำจัดทิ้งไปแล้วในฐานะที่อาจเป็นตัวขัดขวางแผนการขององค์กร เพราะงั้นแล้วทำไมเจนัส ถึงยังรับอาสา ภารกิจนี้มาอีก ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น ชินจิ ที่ได้ฟังก็รู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามออกมา เพราะยังคงไม่ไว้ใจพวกเขา
แต่จากสีหน้าที่แสดงออกของเขาก็พอจะทำให้ ลอว์เรนซ์ เดาได้

“ ที่จริงพวกเราคิดว่านายที่ยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อแก้แค้นน่ะคงปล่อยเอาไว้ไม่ได้ พวกเรายังคิดเลยว่านายคงถูกองค์กร ปั่นหัวจนไม่มีทางยอมกลับมาแน่ แต่ก็ยังมีคนที่อาสาจะช่วยนายกลับมานั่นก็คือ เจนัส ยังไงล่ะ..ถ้าถามว่าทำไมก็คงเพราะเค้าเชื่อล่ะมั้ง..เชื่อว่ายังไงซะนายก็ยังไม่ได้ขายหัวใจให้กับองค์กร ชั้นเองก็พูดไม่เก่งหรอกนะแต่หมอนั่นน่ะ จะไม่ทิ้งเพื่อนอย่างแน่นอน ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวด้วยสีหน้าที่มั่นใจเต็มเปี่ยม ทำให้ชินจิ เริ่มจะเชื่อ

“ นายกับหมอนั่นคงสนิทกันตั้งแต่แรกเจอเลยสิท่า ”
ชินจิ เดา ทว่าลอว์เรนซ์ กลับส่ายหัวก่อนจะปฏิเสธไปว่า

“ ไม่หรอกที่จริงตอนแรกที่เจอกันพวกเราแทบจะฆ่ากันให้ตายซะด้วยซ้ำไป..แต่สุดท้ายก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะเพื่อนน่ะยิ่งทะเลาะกันก็ยิ่งสนิทว่าไหม เชื่อชั้นเถอะนายน่ะเลิกยึดติดกับอดีตแล้วก็มอง ไปรอบๆซะบ้างนะเพราะมีคนที่คอยเป็นห่วงเป็นใยนายยิ่งกว่าใครอยู่ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวก่อนจะ ขยิบตาเป็นสัญญาณให้ กับ ลูน่า ที่กำลังพันผ้าพันแผลให้ ชินจิ อยู่ทำให้ทั้งสองหันมาอุทานด้วยความฉงน ทว่าลอว์เรนซ์ กับทุกคนก็ พากันเดินออกจากห้องไปหมดแล้ว ทิ้งให้ ทั้งสองคนอยู่กันตามลำพัง

“ พูดได้ดีนะ ลอว์เรนซ์ ไปจำมาจากไหนล่ะสิใช่มะ ”
ลากูน่า กล่าวเหน็บหลังจากที่พวกเขาออกมาจากห้องพยาบาล

“ ดูเหมือนว่ากว่าจะออกยานได้คงอีก2วันน่ะ เพราะพลังงานของยานถูกใช้ไปกับการโจมตีแล้ว
ไม่พอจะบินขึ้นวงโคจรได้หรอก  ”
คางาริ กล่าวกับฟอนขณะที่เดินตรงเข้ามาหาพวกเขา

“ อืมจากที่ดูแล้วการที่ กองทัพโลกเข้ามาแทรกแซงด้วยกำลังรบขนาดนั้นแสดงว่า ต้องรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเราจะโจมตียิ่งตอกย้ำได้เลยว่าองค์กรได้ร่วมมือกับ สหพันธ์โลก   ”
ฟอน กล่าวขณะที่พิเคราะห์ สถานการณ์จากเอกสาร รายงานล่าสุดที่ได้รับมา

“ อ้อพอดีเลยฉันจะมาแจ้งกำหนดการออกยานคงจะล่าช้าไปอีกสัก 2 วันน่ะ เพราะฉะนั้นวันพรุ่งนี้
อนุญาตให้เข้าไปในเมืองได้ แต่ระวังตัวด้วยล่ะ ”
คำพูดของ คางาริ และบทสนทนาเมื่อคืนนั้นยังคงก้องอยู่ในหัวของ เทีย ซึ่งที่จริงวันนี้เธอควรจะได้
ออกไปที่เมือง ทว่ากลับต้องมาช่วย เคลียร์เอกสารกับพี่ชายของเธอ

“ พี่คะ..ตกลงจะบอก ได้รึยังคะว่าทำไมถึงได้หายไปแถมยังไม่ยอมส่งข่าวมาบอกกันบ้างอีก ”
เทีย ถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นครั้นเมื่อ ฟอนจะปฏิเสธ ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นสีหน้าข่มขู่ของเธอ

“ ด..ได้จ้า พี่จะบอกจ้าแต่เลิกขู่พี่ซะที ”
ฟอน กล่าวเสียงสั่นขณะที่หน้ายักษ์ของน้องสาวใกล้เขามา
........
..............
...................

ณ ดาดฟ้าเรือของยาน

“ หา..จะให้ชั้นไปเที่ยวเป็นเพื่อนงั้นเหรอ ”
เจนัส อุทานหลังจากที่ฟังคำขอร้องของ นีน่า ที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว

“ อ..เอ่อคือไม่สะดวกเหรอ ”
นีน่า กล่าวเสียงสั่นๆ ขณะที่ในใจลุ้นกับคำตอบของเขาอย่างที่สุด

“ ได้สิ..ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ”
เจนัส ตอบกลับมาคำพูดของเขาทำให้เธอแทบจะกระโดดตัวลอย แต่ก็เก็บอาการเอาไว้

“ ง..งั้นอีก 10 นาทีเจอกันที่หน้าประตูยานนะ ”
นีน่า กล่าว

....
....................
.........................



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 11, 2008, 07:23:10 PM
ครู่ต่อมา ณ เขตการปกครองที่ 10 ของฟูดินัน ซึ่งปัจจุบันได้กลายสภาพจากหมู่บ้านล้าหลังกลายเป็น ย่านการค้า
และสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองหลวงไปแล้ว ซึ่งเป็นอิทธิพลจากการพัฒนา ของโลกที่เป็นไปอย่างรวดเร็วทว่าก็ยังคง ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติในบางพื้นที่ ดังนั้นแล้วพื้นที่ส่วนใหญ่จึงเป็นสวนสาธารณะ เป็นหย่อมๆไปด้วย
สภาพเมืองจึงมีความร่มรื่นย์และสวยงาม อย่างลงตัว

“ โคโลน่า ถึงยาน..ทราบแล้วเปลี่ยน ”
ลูกเรือของยาน โคโลน่า และ ลิลลี่ ช่างเทคนิคสาวของยาน ทั้งสองกำลังสะกด รอยตาม เจนัส กับ นีน่า ที่เดินควงแขนกันไปตามท้องถนน ซึ่งพลุกพล่านไปด้วยผู้คนในเมือง


“ นี่ห้องบังคับการรับแล้วเปลี่ยนคอยตามเป้าหมายต่อไป เรื่อยๆอย่าให้คลาดสายตา ”
คางาริ ตอบกลับมาโดยที่ภาพของทั้งสอง ที่ติดต่อเข้ามานั้นขึ้นหลาอยู่บนจอภาพ ของยานโดยที่
พวก ลอว์เรนซ์ นั้นนั่งดูด้วยความฉงนกับการกระทำของพวกเขา

“ เอ่อ..คือนี่เรามาทำอะไรกันเหรอ ”
ลากูน่า เปรยขึ้นด้วยความฉงน

“ เอาล่ะภารกิจรักรื่นชื่นบาน เริ่ม ”
ฟอน กล่าวด้วยน้ำเสียงลิงโลด ขณะที่พลทหารทั้งห้องบังคับการ รับคำอย่างแข็งขัน ท่ามกลางความฉงนของ พวกลอว์เรนซ์

“ เอ่อพี่คะไม่จัดการงานเอกสารแล้วหรือคะ ”
เทีย ที่ถามไถ่ ถึงงานที่เข้าไปเคลียร์ กันเมื่อครู่ทว่าพี่ชายของเธอก็ดูจะสนใจอยู่ที่ภารกิจ ไร้สาระนี่ซะมากกว่า

“ จะดีเร้อ มาแอบสังเกตการณ์พวกเขาแบบนี้น่ะ..ที่จริงน่าจะปล่อย พวกเขาไปกันตามลำพังนะทำแบบนี้เหมือนกับพวกแอบจิตกันทั้งยานเลยนา ”
ริคุ ที่ทำหน้าเหนื่อยหน่ายกับกริยาของทุกคน

“ เอาล่ะ เริ่ม First Page ได้ ”
ฟอน กล่าวเสียงใส ขณะที่พลทหารรวมถึง สายทั้งสองที่ออกสะกดรอยตาม ต่างรับคำอย่างแข็งขัน

“ มี First Page ด้วยเรอะ..นี่เอาจริงง่ะ  ”
เสียงของ พวกลอว์เรนซ์ ที่ไม่อยากเชื่อดังขึ้นพร้อมกัน
............
...............
....................

ท่ามกลางถนน ที่ผู้คนเดินผ่านกันพลุกพล่าน ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นคู่หนุ่มสาว กันเสียส่วนมาก

“ ว้าว..สวีทกันน่าดูเลยนะทั้งสองคนน่ะ ”
โคโลน่า ที่สะกดรอยตามพวกเขามา กล่าวขึ้นขณะที่ ลิลลี่ กำลังต่ออุปกรณ์เพื่อถ่ายทอดภาพกลับไป

ขณะเดียวกันที่ยาน....

“ คู่นี้ดูสมกันยังกับเป็นกิ่งทองใบหยกเลยนะว่าไหม ”
คางาริ กล่าวเหน็บขึ้นมาทำให้ทั้งห้องบังคับการเต็มไปด้วยเสียงครื้นเครง

“ ว่าแต่แค่สะกดรอยตามทำไมถึงต้องมี Page Continue ด้วยล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ ถามขึ้นด้วยความอยากรู้

“ รายงานค่ะ แลนทิส ปรากฏตัวขึ้นแล้วค่ะ ”
รายงานจากพวกโคโลน่าส่งกลับมา ทำให้ทั้งห้องบังคับการตกอยู่ในภาวะตึงเครียด

“ เอาล่ะเริ่ม Second Page ได้ มัลติอาร์เมอร์ ออกปฏิบัติการส่วนพวก ลอว์เรนซ์ อยู่คุ้มกันที่นี่ เพราะภาพของเดรคน่ะ ถูกแพร่ไปแล้วขืนออกไปมีหวังเป็นเรื่องแน่ ”
คางาริ กล่าวพร้อมกับอธิบายความหมายของภารกิจนี้

“ นี่หรือว่าภารกิจนี้พวกเราจะต้องปกป้อง 2 คนนั้นจาก แลนทิส งั้นเหรอ ”
ลอว์เรนซ์ อุทานด้วยความตกตะลึงกับภารกิจในครั้งนี้

“ แล้วทำไมพวกแลนทิส ถึงได้มาตามล่าสองคนนั้นล่ะ ”
ริคุ ถามด้วยความอยากรู้ ถึงสาเหตุ

“ คิดว่าพวก Bell Cross คงจะรู้ว่าเรายังอยู่บนโลก ก็เลยส่งพวก แลนทิส ให้ออกมาตามล่าโดยอาศัยการจับคลื่นพลังของแอคเตอร์น่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามผู้คนในเมืองที่น่าจะมีคราบพลังงานแอคเตอร์ ซึ่งไหลมากับอากาศอาจจะทำให้
คนที่ไม่รู้เรื่องเข้าไปเกี่ยวพันด้วย เราถึงต้องใช้ 2คนนั่นเป็นตัวล่อแต่ถึงอย่างนั้นก็จะไม่ให้รบกวนทั้งสองคนได้หรอก..เพราะสวัสดิภาพของลูกเรือก็ถือเป็นสำคัญนะ ”

คางาริ อธิบายขณะที่ ตอนนี้ประตูยานได้เปิดออกแล้ว พลทหารทั้งหญิง ชาย อย่างละ 5 คน
ต่างประจำที่ ณ จุดสวมประกอบชุดเกราะ ทันทีที่ทุกคนประจำตำแหน่ง
แขนกลและเครื่องมือกล ต่างก็ได้นำเอาชิ้นส่วนเกราะมาประกอบกับร่างของ ทหารจนครบทุกชิ้น
ชุดเกราะมีลักษณะแบบมนุษย์ มากกว่าแบบ Groove Alpha-1 ที่ทาง Bell Cross และ กองทัพโลกใช้กัน
อาวุธประจำตัวของ มัลติอาร์เมอร์ที่พวกเขาสวมนั้น มีขวานลำแสงและปืนลำแสง อย่างละชิ้น

“ เพื่อการซ่อนตัวของยานจะไม่มีการเดินระบบ Catapult ขอให้ทุกนายใช้ Ignite Board ในการออกตัว ”
สิ้นเสียงประกาศ เหล่านักรบหุ้มเกราะทุกนายก็คว้า บอร์ดยนต์ ที่แขนกลยื่นมาให้ในตอนที่ประกอบชิ้นส่วนเกราะ
ก่อนที่ทุกนายจะพากัน ทะยานออกจากยาน พุ่งลัดเลาะไปตามป่าเพื่อเข้าสู่เมือง

.............
................
....................

ณ สี่แยกย่านการค้า

ถนนที่แยกออกเป็นสี่สายบรรจบกัน ยวดยานพาหนะทั้งหลายต่างวิ่งสวนกันไปมา บนทางเดินเท้า
ก็เต็มไปด้วยผู้คนเดินกันขวั่กไขว่ ทั้งสองข้างทาง 4 สายถนน

“ ว้ายย..ท..ท..ทำไงดีล่ะตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ”
นีน่า คิดใจเธอตอนนี้ว้าวุ่นและระสับระส่ายไปหมด ด้วยความเขินอายบวกกับความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่า
เธอรู้สึกตื่นเต้นหรืออยากหัวเราะกันแน่ เพราะว่าชุดที่เธอและเจนัสใส่นั้น แทบจะเรียกได้ว่าเข้าคู่กันเป็นพิเศษ

เมื่อเสื้อเชิ้ตของเธอเป็นสีเขียวตัดลายขาว เสื้อยืดของ เจนัส ก็เป็นสีเขียวตัดลายขาว และกระโปรงที่เธอสวมเป็นสีดำ
เจนัส ก็สวมกางเกงขายาวสีดำเช่นกัน สีเสื้อผ้าของทั้งสองช่างบังเอิญตรงกันเสียนี่ราวกับว่าใจของทั้งคู่ตรงกัน 

“ ว้ายดูสิๆ ขนาดเสื้อผ้ายังใส่สีเดียวกันอะไรจะใจตรงกันปานฟ้าลิขิตขนาดนี้ ”
โคโลน่า เปรยด้วยความน้ำเสียงตื่นเต้น ขณะที่ ลิลลี่ ยังคงวุ่นอยู่กับการแจงสถานที่
 การปฏิบัติภารกิจไปยังห้องบังคับการณ์เรื่อยๆ ไม่ไกลจาก พวกเขานัก

แลนทิส สายพันธุ์กราเวลรา ได้ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางฝูงชน จนเกิดความกลลาหลไปทั่ว ทว่า เหล่ามัลติอาร์เมอร์ ของ
ยาน ซึ่งเป็นรุ่น FlashBeta-2 ก็ได้เข้าทำการต่อกร และทำลาย มันได้ในเวลาไม่นานก่อน จะแยกย้ายกันไปประจำการ ณ จุดเกิดเหตุถัดไป

(http://image.ohozaa.com/in/multiarmor2.jpg)

โดยพยายามกันแลนทิส ทั้งหมดให้ห่างจากรัศมีที่ เจนัส และนีน่า อยู่เพื่อไม่ให้ทั้งสองคนต้องมาพัวพันจนการ เดท
ต้องหยุดชะงัก ขณะเดียวกันทันทีที่ แลนทิส ระดับสอง ปรากฏตัว ริคุ กับ ลากูน่า ก็ออกปฏิบัติการด้วยในไม่ช้า
.........
...............
ตอนนี้ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าร้านขายตุ๊กตาแผงลอย โดยที่ โคโลน่าและ ลิลลี่
ยังคงติดตมทั้งสองมาอย่างเงียบๆ


“ นี่ดูสิ เจนัส เจ้าเนี่ยน่ารักมากเลยว่าไหม ”
นีน่า กล่าวพร้อมกับยื่นตุ๊กตารูปซาลามันเดอร์ตัวเล็ก(Salamunderry Doll) ให้เจนัส ดู

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n013/32.jpg)

“ อืม..น่ารักสิ ”
เจนัส ตอบกลับด้วยรอยยิ้มโดยที่ในใจรู้สึกโล่งอก ที่นีน่า ยังคงสดใสร่าเริงได้แม้ว่า
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาทั้งสองคนต้องกลายเป็นศัตรูกัน ซึ่งตัวเขาเองเป็นกังวล
กับเรื่องนี้มากทว่าเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเธอเขาจึง ไม่ติดใจใดๆกับเรื่องนั้นอีกเลย

ณ ห้องบังคับการ

“ ว่าแต่ทำไมจู่ๆคนอย่าง นีน่า ถึงได้คิดชวน เจนัส ไปเดทได้ล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ ยิงคำถามใส่ ฟอน และ คางาริ ที่กำลังสนอกสนใจกับทีท่าของ พวกเจนัส

“ อ๋อเมื่อคืน นีน่า เขามาขอคำปรึกษาน่ะ ”
ฟอน ตอบก่อนที่ คางาริ จะอธิบายต่อ

“ คืออย่างนี้..นีน่า เธอกังวลกับการที่สู้หน้า เจนัส อย่างที่รู้กันพวกเธอน่ะแตกคอกันเองก่อนจะมารวมกัน
ที่ยานใช่ไหมล่ะทีนนี้ก็เลยแนะนำให้ ทั้งสองคนไปเที่ยวด้วยกันเพื่อสานความสัมพันธ์..แถมไม่แน่นะงานนี้อาจจะ
ไม่ใช่แค่คลายกังวลแต่อาจสารภาพความในใจกันออกมาเลยก็ได้นะ ”
คางาริ อธิบายอย่างสบายอารมณ์

“ ไม่มีทางหรอกเพราะ เจนัส น่ะพยายามจะสารภาพความในใจมาไม่รู้กี่หนแล้วแต่ไม่เคยพูดออกไปได้ซะที
แล้วยังมีเรื่องตอนนี้อีก สองคนนั่นคงได้แค่คืนดีกันเท่านั้นล่ะถ้าอีกฝ่ายไม่พูดมาเองก็คงไม่มีทางหรอก ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายขณะที่ระลึก ความหลังที่ เจนัส พยายามจะสารภาพรักกับ นีน่า มาหลายหน แต่ก็ไม่สำเร็จ

“ ก็ไม่แน่นะเพราะดูเหมือนว่า นีน่า เองก็มีใจให้เค้าอยู่เหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าที่น่าห่วง
กว่าตอนนี้ก็คือพวกแลนทิสที่ออกมานี่สิ ตอนแรกยังมีแค่ระดับ 1 แต่ตอนนี้ระดับ2ออกมาแล้วพวก ริคุ ก็เลยต้องออกไปรับมือ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ ระดับ3 ออกมาคงต้องให้ทุกคนถอนตัวแล้วกลับยานเพื่อความปลอดภัย ถึงตอนนั้นก็คงต้องให้ทั้งสองคนเลิกกันกลางคันด้วย ”
คางาริ กล่าวเสียงหงอยทันที เมื่อประเมินสถานการณ์ ออกมา

“ ไม่ต้องห่วงครับถ้าระดับสามออกมา เมื่อไหร่ถึงตอนนั้นผมจะจัดการเองต่อให้ต้องแลก ด้วยชีวิตผมจะไม่ยอมให้อะไรมาแทรกกลางพวกเขาเด็ดขาด..แล้วก็ถ้าหยุดเวลาเอาไว้คิดว่าไม่น่าจะมีใครเห็นหรอกครับ ”
ลอว์เรนซ์กล่าว ประโยคแรกด้วยน้ำเสียง หนักแน่นก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงกล่าวในประโยคถัดมา
คำพูดของเขาทำให้ ทุกคนในห้องถึงกับนิ่งไปชั่วขณะราวกับว่าถูกจิตอันแรงกล้าของ ลอว์เรนซ์ หน่วงรัดเอาไว้

“ งั้นก็แค่ภาวนาขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นก็พอสิแล้วนะทีนี้จะ ได้เบาใจซักที ”
คางาริ กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่ทุกคนกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ

.........
.........
............

ณ ร้านขายเสื้อในห้างสรรพสินค้า ชั้นที่1

“ ช..ชุดนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ ”
นีน่า กล่าวเสียงสั่นด้วยความไม่มั่นใจ ขณะที่ให้ เจนัส ดูชุดที่เธอลองใส่ ซึ่งเป็นชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว
กับกระโปรงสั้นสีดำ

“ ก็เหมาะกับเธอดีนี่ ”
เจนัส กล่าว คำพูดของเขาถึงกับทำให้ เธอแทบเข่าทรุด ด้วยความปิติเสียจนราวกับร่างไม่เหลือแรงจะพยุงตัว
ก่อนที่ครู่ต่อมาเธอจะเปลี่ยนไปอีกชุดและ ลองผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยจนมาถึงชุดสุดท้าย ซึ่งเป็นชุดเจ้าสาวสีขาว
นีน่า ที่อยู่ในชุดนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของเธอดูเปลี่ยนไป ดูสวยสง่าราวกับเจ้าหญิงเลยทีเดียว

ทำเอาผู้คนที่เดินผ่านร้านนั้นอดที่ มองมาไม่ได้ แน่ล่ะพ่อหนุ่ม เจนัส ของเราก็จ้องตาค้างด้วยความตะลึง ไม่เว้นแม้แต่ สองสาวที่สะกดรอยตามมายังอดที่จะตะลึงไม่ได้ ทว่าก็ไม่มีเวลาที่จะให้ทั้งสองสาว ได้สนทนา เพราะพนักงานร้านกำลังจะกลายร่างเป็น แลนทิส สายพันธุ์ โปรวิเด็นเซอร์ ที่มีรูปร่างคล้ายเสือและผิวเป็นหิน

“ Time Walk ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ พนกงานร้านถูกโฉบหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ห่างออกไปจากร้านจนถึงหน้าประตูทางเข้า ห้าง
เวลาของการ Time Walk ได้หมดลงก่อนที่ เจ้าแลนทิส จะถูกขวานของ มัลติอาร์เมอร์ แฟลช จามเข้าพร้อมๆกัน 10 ด้าม และถูกใบมีดของ ไนเซอร์แอคเตอร์ ตัดจนขาดท่อนและระเบิดสลายไปในที่สุด

“ Sub-Mission Clear ”
ริคุ ติดต่อผ่านทางหน้ากากของ ไนเซอร์ กลับไปยังห้องบังคับการ ก่อนที่จะออกนำกองกำลังไปยังจุดถัดไปที่
แลนทิสปรากฏตัว

........


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 11, 2008, 07:23:29 PM
ทางด้านของ เจนัส และ นีน่า

หลังจากที่เวลากการ Time Walk หมดลง

“ อ..เอ่อคือว่ามันคงไม่ค่อยเข้ากับฉันเลยนะว่าไหม ”
นีน่า กล่าวเก้ๆกังด้วยความเขินอาย ทว่าเจนัส ก็ส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะกล่าว

“ ไม่เลย..ดูเหมาะกับเธอดีนี่ ”
เจนัส กล่าวชมตามที่เห็น

“ จริงเหรอ ”
นีน่า ตอบกลับด้วยความดีใจ ก่อนจะรู้ตัวว่าแสดงออกมากไปเธอจึงอายม้วนต้วน ยิ่งกว่าเดิม
ทำให้ เจนัส อดที่จะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ เลยพลอยชวนให้เธอ ขบขันตามไปด้วย
ก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะออกมาอย่างสุขสัน



“ เฮ้อจะไปได้สวยจนจบไหมเนี่ย ”
โคโลน่า ถอนหายใจก่อนจะกล่าวด้วยความโล่งอก ที่ ริคุ มาลาก แลนทิส ออกไปกจากทั้งสองคนได้ทั้น
เวลาพอดี หลังจากนั้น เจนัสและนีน่า ก็เดินออกจากร้านไป สองสาวจึงได้สะกดรอยตามต่ออย่างไม่ลดละ

ชั้น 2 เกมส์เซ็นเตอร์(game Center)

ชั้นนี้ส่วนมากจะเต็มไปด้วยเด็กๆจนถึงวัยรุ่น ที่มาพักผ่อนกันในช่วงวันหยุด
ซึ่งจะเห็นกลุ่มเด็กๆ นั่งจอแจกันอยู่หน้าตู้เกมส์ หรือซุ้มเกมส์ชิงรางวัลต่างๆ
อีกทั้งยังเกมส์ อีกรูปแบบที่เป็นเกมส์เสมือนจริง โดยจะให้ผู้เล่นนั่งลงบนเก้าอี้ ซึ่งอุปกรณ์

ต่างๆติดอยู่ โดยฝาครอบหมวก จะเลื่อนลงมาครอบหัวของผู้เล่นเพื่อจำลองให้ผู้เล่นเสมือนเข้าไปใน
โลกของเกมส์ และสายคาดที่พนักเก้าอี้จะตรึงแขน และขาเอาไว้ พร้อมทั้งมีสายเชื่อกับสายคาด
เพื่อใช้สั่งการผ่านเข้าไปยังตัวเครื่องซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างมาก ในยุคนี้

ขณะที่ เจนัส กับ นีน่า กำลังเดินดูไปรอบๆนั้น
ก็มีเสียงเฮดังมาเนืองๆจากกลุ่ม เด็กที่รุมล้อมอยู่รอบ เครื่องเล่นเสมือนจริง ที่กลางระหว่าง
เก้าอี้ของผู้เล่นทั้งสี่ ตั้งอยู่ จะมีโต๊ะ ที่ฉายภาพของเกมส์ขึ้น ซึ่งภาพนั้นเป็นการต่อสู่ของ

นักรบ มัลติอาร์เมอร์ ซึ่งมีสนามรบอยู่บนอวกาศ นอกจากการสู้รบกันเองของผู้เล่นทั้งสองฝ่าย
ฝ่ายละสองคนยังมี ศัตรูตัวอื่นภายในเกมส์ ทยอยเข้ามาโจมตีอีกด้วย

การเล่นดำเนินไปซักครู่จนเมื่อรู้ผลคู่ที่แพ้ก็เดินออกไปจาก เก้าอี้พร้อมกับเสียงเฮ ที่ดังก้อง
ดูเหมือนว่าคู่เด็กหนุ่มที่ชนะจะ เป็นเจ้าถิ่นของเกมส์นี้เลยกระมัง ทว่าจู่บนโต๊ะก็มี ตัวละครรูปร่าง
เหมือนตัวตลก ฉายขึ้นมาเต้นระบำอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะประกาศก้องขึ้น

“ และแล้ว แชมป์ของวันนี้ก็ยังคงเป็นของทีมซันวอล (Sun Wall) อยู่เช่นเคยว่าไง
มีใครจะท้าสู้ไหมคร้าบบ ”
เจ้าตัวตลกกล่าวสารท้า พร้อมกับรัวกลอง ที่พึ่งจะเสกขึ้นมาเสียดังสนั่น โดยที่ ทีมของเด็กที่ชนะนั้น
นั่งคอยด้วยท่าทีเบื่อหน่ายจากการที่พวกเขา เล่นชนะมาตลอด ก่อนจะต้องหยุดสนใจ เมื่อ เจนัส และนีน่า
เข้ามานั่งที่เก้าอี้ฝ่ายผู้ท้าชิง ก่อนที่เก้าอี้จะสวมอุปกรณ์ทั้งหมดให้โดย อัตโนมัติ

“ โอ้..มาแล้วคร้าบผู้ท้าชิงถ้างั้นสนามรบเอาเป็น ทุ่งหญ้าเมืองเอรีม ในเขตฟีเลเซีย นะคร้าบ พร้อมแล้ว
Multi Armor Fighting Ready Start!! ”
เจ้าตัวตลก ประกาศก้องก่อนจะแวบหายไปและภาพ สนามรบที่ทุ่งหญ้าเมือง เอรีม ได้ฉายปรากฏ
ขึ้นโต๊ะตรงกลางพวกเขา ก่อนที่จะมีนักรบ มัลติอาร์เมอร์ จำนวนนับสิบถูกจัดวางลงมาในสนาม
โดยจะให้ผู้เล่นแต่ละคนจัดวางกองกำลังได้ คนละ 5  ตัวหลังจากที่จัดเสร็จก็จะปรากฏ

หน้าต่างสำหรับเลือกตัวละคร ซึ่งเป็น แอคเตอร์ รุ่นต่างๆหรือ มัลติอาร์เมอร์ให้ผู้เล่นเลือกซึ่งโดยรวม
นั้นมีแบบฐานมาจาก แอคเตอร์จริงๆที่ออกข่าวบ่อยๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมี ชูริกะ กับเนลฟา ให้เลือกไปจนถึง เดรค
ซึ่งเป็นแบบที่ Cast Off หมดแล้วทั้งสิ้นไม่มี Protect Form
แน่นอนว่า ทั้งสองจะต้องเลือกแอคเตอร์ที่ตัวเองใช้มา ส่วนทีม ซันวอล
นั้นเลือก เดรค และ ไนเซอร์(แอคเตอร์ของ ริคุ เผื่อบางคนลืม)

หลังจากที่เลือกเป็นที่เรียบร้อย เกมส์ก็เริ่มขึ้น เจนัส และ นีน่า ที่เคยมีประสบการณ์รบจริงที่ทุ่งหญ้าเอรีม เมื่อครั้ง
สงครามกับอวตารแห่งพระเจ้า มาผนวกกับการที่เป็นนักรบแอคเตอร์โดย แท้อยู่แล้ว จึงทำให้การเข้าคู่ของทั้งสอง
สูสีพอๆกับอีกฝ่ายที่เป็นเซียนเกมส์นี้อยู่แล้ว การรบดำเนินไปจนเมื่อทหารของทั้งสองฝ่ายถูกทำลายลงจนหมด
เหลือเพียงผู้เล่นเท่านั้น ก็มีเสียงหวอ เตือนขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของ มังกรขนาดมหึมาร่างสีดำทมิฬ
ซึ่ง เจนัส และ นีน่า จำได้ไม่เคยลืม มันคือ มอนิอัส มังกรเพลิงโลกัณฑ์
(Mornius, the Portentous Dragon)

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n013/59.jpg)

“ even พิเศษจ้า เนื่องจากทั้งสองฝ่ายสู้ กันจนไม่เหลือทหารดังนั้นจะให้ทั้งสองทีมร่วมมือกันจัดการ
บอสตัวนี้หากทำไม่สำเร็จถือว่าแพ้และแชม)ืจะกลายเป็นของ Ai จ้า ”
เจ้าตัวตลก ที่ประกาศท้าตอนต้นปรากฏตัวออกมาแจ้งแถลงการณ์ ก่อนจะหายตัวไปอีก

“ ซวยแล้ว เพราะดันให้ทหารสู้กันจนหายหมดบอส ก็โผล่สิ ”
เด็กหนุ่มที่ เลือกเล่น เดรค กล่าวด้วยความท้อแท้

“ แถมบอสที่โผล่มาเลเวลยังสูงลิ่วเลย จะเอาอะไรไปสู้ล่ะเนี่ย ”
เด็กหนุ่มีกคนที่ เลือก ไนเซอร์ กล่าวเสียงหงอย

“ พูดอะไรอย่างนั้นเล่าจะยอมแพ้ง่ายๆเลยรึไงกัน ไม่สมเป็นแชมป์เลยนะ ”
เจนัส กล่าวทำให้ทั้งสอง หันมาสนใจ

“ ในการรบ จริงฝ่ายที่ถอดใจคือผู้แพ้เพราะฉะนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะเก่งยังไงถ้าไม่ยอมแพ้ล่ะก็ต้องมีหนทางแน่ ”
นีน่า กล่าวจบ ทีมซันวอลก็ เริ่มมีกำลังใจก่อนที่พวกเขาจะร่วมแรงร่วมใจกันบุกเข้ากำราบ เจ้ามังกรยักษ์
ทว่าการโจมตีของพวกเขาก็ไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย

“ จริงสิท่าเราใช้การผสานท่าล่ะ ”
เจนัส กล่าวขณะที่พวกเขาถอยออกมาตั้งรับการโจมตีของ เจ้ามังกรยักษ์

“ อ๋อที่ใช้ ตอนนั้นสินะ..ดีล่ะนี่พวกเธอน่ะให้ เดรค ใช้ Mega Kick พร้อมกับ เนลฟา นะส่วน ฉัน กับ ไนเซอร์
จะสะสมพลังงานเตรียมใช้ Mega Slash กับ Mega Shooting ตกลงนะ ”
นีน่า กล่าวพร้อมจัดแผนการรบให้ ก่อนที่มุกคนจะรับคำและแยกกันไปทำหน้าที่ เจนัส และเดรค
ใช้ท่า Mega Kick ตวัดเตะใส่ ที่ต้นขาของ เจ้ามังกรยักษ์ จนมันชะงักกับที่ ไนเซอร์จึงใช้ Mega Jump

กระโดด ขึ้นไป ก่อนที่ นีน่า จะยิง Mega Shooting ออกไปและทันทีที่ ไนเซอร์ กำลังจะสับใช้ท่า Mega Slash
คลื่อพลังงานของ Mega Shooting ก็พุ่งมาตัดกับจังหวะที่คมดาบคลื่นของ ไนเซฮร์ตวัดลงทำให้คลื่นพลัง
รวมแรงและพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างรุนแรง เป็นการเพิ่มพลังการโจมตี ให้เป็นเท่าตัว

คลื่นพลังงานเข้ากระร่างของ มอนิอัส ก่อนที่จะมีตัวเลขบ่งค่าความเสียหาย ปรากฏขึ้น 1,005,000 พร้อมกับที่เจ้ามังกรยักษ์ได้ระเบิดสลายไป

“ สามารถโค่นบอสได้ ผู้เล่นเป็นฝ่ายชนะ ”
เสียงประกาศดังก้องพร้อมเสียงเฮจากกลุ่มผู้คน ทั่วทั้งเกมส์เซ็นเตอร์ที่
 มาจับตาดูการต่อสู้ของพวกเขาด้วยความสนใจ ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ

“ สองคนนั้นเขามาทำอะไรกันแน่ล่ะเนี่ย..ว่าแต่ แลนทิส ปรากฏตัวอีกแล้วเจ้าค่ะขอกำลังเสริมที่หน้าห้องน้ำ
ชั้นที่ 1 ด้วยค่ะ ”
โคโลน่า เปรยก่อนจะรายงานแจ้งจุดที่แลนทิส ปรากฏตัว

ครู่ต่อมา

ณ ร้านกาแฟที่ ชั้น3 ของห้าง

ร้านกาแฟในยุคนี้นั้นเป็น สถานที่ ที่หนุ่มสาวมักจะมากันเป็นคู่ ซึ่งมักใช้เป็นที่นัดพบปะ
หรือมาออก เดท กันเสียส่วนมาก ซึ่ง เจนัส และ นีน่า ทั้งสองได้เข้ามาพักทานกลางวันกันที่นี่

แน่นอน สองสาวลูกเรือของยานยังคงตามติด ไม่ให้ขาดตอน โดยพวกหล่อนนั่งอยู่ โต๊ะถัดจากพวกเขา
ซึ่งถูกกั้นไว้ด้วย ผนักเก้าอี้ ตัวร้านตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่ทันสมัย และยังคงบรรยากาศ
ให้เหมาะกับคู่รัก ไว้อย่างเต็มที่

“ ไม่ได้สนุกแบบนั้นมานานเท่าไหร่แล้วนะ ”
นีน่า กล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส ขณะที่เอาหลอดคนน้ำ ผลไม้ ในแก้วอย่างช้าๆ

“ ก็นะ..หลังจากเรื่องของ รีกอล แล้วก็มีเรื่องตั้งมากมายเลยนี่นานๆทีมาผ่อนคลายแบบนี้ก็ดีนะ ”
เจนัส กล่าวสีหน้าดูสดใสกว่า ก่อนหน้ามากทั้งสองยังคุยไปเรื่อยเปื่อย ขณะที่ สองสาวลูกเรือยังคงต้องรายงาน
การปรากฏตัวของ แลนทิส หน้าร้าน ซึ่งพวก ลากูน่าก็มาในไม่ช้าและจัดการ ลากออกมาโดยไม่ให้ เจนัส กับ นีน่า
รู้ตัว ก่อนจะไปกำจัดทิ้งเสียทีเดียว

หลังทานเสร็จเป็นที่เรียบร้อยทั้งสอง คนก็ออกเดินต่อ โดยสองสาวลูกเรือยังคง ตามต่อไม่ขาด
จนเมื่อ เจนัส และ นีน่า มาหยุดที่หน้า โรงภาพยนต์  ทั้งสองก็ เข้าแถวซื้อบัตรก่อนจะเข้าไปในห้องฉาย
แน่นอนสองสาวของเราก็ยังคงตามไปติดๆ โดยที่ พนกงานขายตั๋วเป็น แลนทิส อีกแล้วทั้งสองจึงต้องติดต่อ
ให้ ริคุ มาลากออกไป

ครู่ต่อมา
ในห้องฉายเมื่อภาพยนต์ เริ่มขึ้นได้ไม่นาน ช่างเทคนิค ที่คุมกล้องฉายหนัง ก็เกิดกลายร่างเป็นแลนทิสขึ้นมา
สองสาวที่จับปฏิกิริยาได้ จึงต้องแจ้นขึ้นไป ประคองกล้องฉาย และ ให้ลากูน่า มาลากตัวออกไปโดยสองสาวต้องทำหน้าที่คุมกล้องแทนจนจบ ก่อนจะออกจากห้องฉายไปโดยที่ไม่มีใครเห็น และเริ่มสะกดรอย ทั้งคู่ต่ออีกครั้ง

เวลาได้ร่วงเลยไปมากแล้ว ดวงตะวันเริ่มคล้อย พวกเขายังคงเดินตรงไปจนมาถึงสวนธรรมชาติ
ของ เมืองซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติและเหล่าสรรพสัตว์ น้อยใหญ่ที่ถูกเลี้ยงดูไว้

ภายในสวน นับเป็นสถานที่ขึ้นชื่อของ ฟูดินัน เขตการปกครองที่ 10 นี้เลยทีเดียว ซึ่งสัตว์ทั้งหมดจะไม่ถูกขังแต่ปล่อยให้เดินไปรอบๆในเขตสวน เพื่อให้ผู้คนได้ใกล้ชิด กับมัน ซึ่งสัตว์ทั้งหลายก็ได้แก่จำพวก แพะคาทาริโซ่ (Katharizo)

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n007/4.jpg)

ยูนิคอนเผือก (Albino Unicorn) เป็นต้นภารยในสวนธรรมชาติ ยังมีคลองที่ขุดจากทะเลสาบนีรันด้า

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n007/13.jpg)

ให้ไหลหล่อเลี้ยงไปทั่วทั้งสวน โดยมีสะพานข้ามคลองทั้งน้อยใหญ่ อยู่รอบสวน อีกทั้งยังมี อนุสรณ์สถาน
ซึ่งเป็นรูปปั้นของ นกเนด้า(Naeda)คู่รัก ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลาง บ่อน้ำใจกลางของสวนธรรชาติ

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n008/74.jpg)

“ รายงานที่สวนธรรมชาติ แลนทิส จำนวน 13 ตัวกำลังมุ่งตรงมาค่ะ ”
โคโลน่า รายงานผ่านวิทยุไปขณะที่ ลิลลี่ กำลังตรวจวัดระดับของ แลนทิส ที่บุกมา
ก่อนจะต้องชะงักไป และยื่นผลการตรวจสอบให้ โคโลน่า ดู ทันทีที่ โคโลน่า รับไป
ดู เธอก็เข่าอ่อนทรุดตัวลงด้วยความไม่อยากเชื่อในรายงานนั้น

“ ยืนยันทั้ง 13 ตัวเป็นระดับ 4 สายพันธุ์ ชิเมรอล ทั้งหมด ”
โคโลน่า รายงานกลับไปเสียงของเธอที่ส่งไปยังห้องบังคับการ นั้นทำให้ทั้งห้องราวกับตกอยู่ในผวัง
แม้จะยังไม่มีใครพูดอะไรขึ้นแต่ ลอว์เรนซ์ ก็เดินออกจากห้องไปในทันที

ด้าน ริคุ และ ลากูน่า ที่เข้าไปรับมือ นั้น ก็ไม่สามารถทานไว้ได้ทั้งหมดจึงมี
หลุดเข้าไปในสวนได้ 3 ตัว

“ นี่ก่อนกลับฉันมีที่ๆอยากจะไปหน่อยน่ะได้ไหม ”
นีน่า กล่าวขณะที่ วางเจ้า คาทาริโซ่ ลงมันก็รีบวิ่งเข้าไปหาเล่นกับเพื่อนๆของมันซึ่งน่า เอ็นดูยิ่งนัก
ทว่านีน่า ที่กล่าวถามนั้นกลับมีสีหน้า ซึมๆต่างไปจากทุกทีราวกับคิดอะไรอยู่ แต่ เจนัส ก็ไม่อยากที่จะรบกวนถามเรื่องนั้นจึงได้แค่ตอบรับคำถามของเธอเท่านั้น ก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะเดินขึ้นสะพาน ที่ทอดยาวไปยังอีกฝั่ง

ที่กลางสะพานนั้น พวกเขาได้หยุดยืนอยู่ ณ ตรงนั้นพอดีกับ อนุสรณ์ เนด้า ที่ตั้งอยู่กลางบ่อน้ำซึ่ง ดวงตะวันที่จะคล้อยดินในไม่ช้านั้นได้สะท้อนกับพื้นน้ำ จนเป็นประกายรูปปั้นอนุสรณ์ ที่ตัดกับดวงตะวัน ราวกับจะส่องประกาย
เลยทีเดียว



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 11, 2008, 07:23:49 PM
“ มีอะไรรึเปล่าทำไมถึงหยุดซะล่ะ ”
เจนัส ถามเธอด้วยความสงสัย  นีน่า หันกลับมาแต่ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไรต่อ
 แลนทิส รูปร่างเสือผสมม้าลาย ซึ่งเป็นสายพันธุ์ ชิเมรอล
ทั้งสามตัวที่วิ่งบนผืนน้ำมาอย่างรวดเร็วก็กำลังจะตรงเข้า หาทั้งสอง ณ วินาทีนั้นน่ะเอง

“ Chorono Contorl ”
สิ้นเสียง เวลาก็ได้หยุดลง ทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหวจนสิ้น ขณะที่ไฮเปอร์เดรค ได้เหินด้วยปีกพลังงาน
ซึ่งปล่อยละอองสีฟ้า ออกมาห่อหุ้มร่างเอาไว้ ตรงเข้ามา ไฮเปอร์เบลด ที่ถืออยู่ได้สะสมพลังงานเป็นที่เรียบร้อย
เขาบินไปดักหน้าพวกมันไว้

“ วันนี้เป็นวันสำคัญของเพื่อนชั้น..พวกแกห้ามเข้ามายุ่งเด็ดขาด ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็สับสวิตซ์ ที่ดาบลง กรรเชียงดาบกางออก ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวฟัน แลนทิส ทั้งสาม

“ Maximum Hyper Typhoon ”
สิ้นเสียง แลนทิสทั้งสามตัวก็ถูกฟันจนขาดท่อน ลอยเคว้งอยู่กลางอากศทั้งอย่างนั้น
ลอว์เรนซ์ ได้หันกลับมามองทั้งสอง

“ สิ่งที่ชั้นจะช่วยได้ก็มีเท่านี้ล่ะ..ขอให้สำเร็จก็แล้วกัน ”
สิ้นคำลอว์เรนซ์ ก็พุ่งตัวออกไปเพื่อจะไปสมทบกับ ลากูน่า จัดการกับที่เหลือ

“ Chorono Contorl ”
สิ้นเสียงเวลาได้กลับมาเดินอีกครั้ง ร่างของ แลนทิส ทั้งสามไม่ระเบิดแตกสลายอย่างทุกครั้ง
ทว่ากลับค่อยๆมอดไหม้และสลายไป แทน

“ ที่แล้วมานายพยายามปกป้องฉันมาตลอด..ฉันรู้สึกขอบคุณนายมากเลยแต่ว่า
จากนี้ไปไม่ต้องทำอย่าางนั้นอีกแล้วนะ ”
นีน่า กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น ทว่ากลับสร้างความประหลาดใจให้กับ เจนัส มาก

“ ท..ทำไมล่ะหรือว่าชั้นทำอะไรผิดไปเหรอ ”
เจนัส กล่าวละล่ำละลัก จากการถูกขอร้องที่ไม่ทันตั้งตัว

“ ไม่ใช่นะ..แต่ทุกครั้งที่นายเข้ามาปกป้องฉันนายจะต้อง บาดเจ็บแทนฉันทุกครั้งเลย
ฉันไม่อยากให้นายต้องแบกรับคนเดียวอีกต่อไปแล้ว..เพราะ..เพราะฉันเป็นห่วงนายนะถึงจะ
ไม่ปริปากบอกก็เถอะ แต่ฉันรู้นะว่า นายต้องเจ็บมากขนาดไหน ทุกครั้งที่เห็นนายบาดเจ็บฉันเองก็เจ็บเหมือนกันที่ไม่สามารถช่วยอะไรนายได้เลย..เพราะฉนั้นพอเถอะเลิกปกป้องฉันได้แล้ว ”
นีน่า กล่าวคำพูดของเธอ ทำให้เขานิ่งไปเขาพึ่งได้รับรู้ว่าการที่เขาเอาตัวเข้าปกป้องเธอมาตลอดนั้น
สร้างความทุกข์ใจให้แก่เธอมาตลอด

“ แต่..ฉันจะไม่ขอให้นายเลิกหรอกนะแต่ขอให้ฉันได้เป็นฝ่ายปกป้องนายบ้าง..ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงนายอีกแล้ว
ให้ฉันได้ร่วมสู้ไปด้วยกันกับนายเถอะนะ ”
นีน่า กล่าวขอร้อง ความเงียบได้เข้าปกคลุม ขณะที่ทั้งสองยังคงจ้องกันอยู่อย่างนั้น
ในใจของ นีน่า ก็คิดเสียแล้วว่า เจนัส ต้องไม่ยอมแต่เธอก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว

“ ก็เธอทำไปแล้วไม่ใช่หรือไง… ”
เจนัส กล่าวเสียงเรียบคำพูดของเขาทำให้เธอคาดไม่ถึง

“ ชั้นไม่เคยคิดว่าเธอเป็นตัวถ่วงเลย..แล้วก็ที่ชั้นปกป้องเธอก็เพราะอยากปกป้องไม่ต้องคิดมากหรอก
จากนี้ไปเราก็มาปกป้องกันและกันนะ..ชั้นจะปกป้องเธอส่วนเธอก็ปกป้องชั้นถ้าแค่นี้คงได้สินะ ”
เจนัส กล่าว

“ สัญญานะ… ”
นีน่า ถามเพื่อขอคำรับรองซึ่ง เจนัส ก็รับคำแต่โดยดี

“ แล้วก็มีอีกอย่างที่ฉันอยากจะบอกนาย ”
นีน่า กล่าวขณะที่หลบหน้าเขา ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
เจนัส มองเธอด้วยสายตา งงๆ

“ Mega Slash ”
“ Mega Kick ”
“ Maximun Hyper Cyclone ”
สิ้นเสียง ท่าพิฆาตของ ทุกคนก็ทำลายแลนทิส ทั้งหมดลง
สองสาวลูกเรือของยาน พยายามที่จะรีบกลับติดตาม เจนัส กับ นีน่า ต่อจึงได้วิ่งแจ้นลุยเข้าไปในสวนอย่างไม่คิดชีวิต

“ มีอะไรจะบอกชั้นงั้นเหรอ ”
เจนัส ถามด้วยความสงสัย ทว่าอย่างไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากของ นีน่า ก็ได้เข้ามากระทบสัมผัสกับริมฝีปากของเขาในทันที

แซ่กๆๆ

เสียงแหวกพุ่มไม้ดังขึ้นที่ แอ่งข้างบ่อน้ำ สองสาวที่แหวกพุ่มไม้ออกมาก็เป็น พวกเขาทั้งสอง
ซึ่ง….(เนื่องจากคนเขียนไม่มีความกล้าพอจะบรรยายขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย)
สองสาวจึงได้แต่จ้องตาค้างโดยที่ไม่ได้บันทึกภาพแต่อย่างใด

นีน่า ได้ผละออกมา ขณะที่ เจนัส ยังคงยืนนิ่งค้าง แม้อยากจะพูดแต่ก็ไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้ราวกับมีอะไรขัดอยู่ที่ลำคอ ใบหน้าแดงฉานและร้อนผ่าวอย่างรู้สาเหตุ

“ ฉันรักนาย..รักมาตลอดเลย ”
คำพูดของเธอ ทำให้เขาต้องนิ่งไปอีกครั้ง

“ แหะๆ..ฉันนี่อยู่ก็พูดอะไรออกมาซะนี่คงทำให้นายลำบากใจสิท่า ”
นีน่า กล่าวเก้กัง ทว่าเจนัสกลับโอบเธอเข้ามา ๆไว้ในอ้อมกอด โดยไม่ทันตั้งตัว

“ ชั้นก็ด้วยที่แล้วมาชั้นพยายามจะบอกเธอมาตลอดและวันนี้ชั้นจะพูดให้ได้..นีน่าชั้นรักเธอ ”

(ประโยคที่ทุกคนรอคอยแต่เป็นประโยคที่เจ้า การุรุม่อนไม่อยากได้ยินที่สุดเหอๆ)

เจนัส กล่าวเสียงหนักแน่น  ความในใจของทั้งสองได้สื่อถึงกัน ท่ามกลางแสงตะวันยามเย็นที่
สาดส่อง และสายลมที่พัดโชยมาราวกับจะอวยพรให่แก่ทั้งสอง

“ อนุสรณ์ สถานแห่งเนด้า เคยมีตำนานว่าหากคู่ใดได้พบรัก ณ
ที่นี้จะครองคู่กันตราบชั่วฟ้าดินสลาย ”
คางาริ กล่าวขึ้น ขณะที่เดินเข้ามาหาสองสาว ที่สะกดรอยตามทั้งวัน พร้อมกับพวก ลอว์เรนซ์

“ ห..หัวหน้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย ”
ทั้งสองสาว กล่าวด้วยความคาดไม่ถึงพร้อมทำความเคารพ

“ เมื่อคืน ฉันบอกเรื่องให้ นีน่า ไปด้วยน่ะแต่ไม่นึกเลยนะว่าจะเอาจริง…Mission Complete  ”
คางาริ กล่าวจบก็ออกเดินนำทุกคนกลับไปยังยาน ทิ้งให้ เจนัส และ นีน่า ได้มีเวลากันและกัน

ณ ห้องพยาบาลของยาน

แสงที่ค่อยๆ แทยง ฝ่าความมืดขึ้นมา ก่อนที่ภาพเพดานห้องสีขาว จะปรากฏแก่สายตา
ชินจิ ได้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ผ้าห่มที่คลุมทับเขาไว้รูดลงไปกองที่ตัก เขามองไปรอบๆห้องแต่ไม่พบใคร
ก่อนจะรู้ตัวว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆเขา เมื่อเขาหันไป ลูน่า ซึ่งนอนฟุบหน้าอยู่บนเตียงข้างๆเขา
กำลังหลับด้วความเหนื่อยอ่อน

“ นี่หรือว่าเธอเฝ้าไข้เราอยู่ตลอดเลยน่ะ..ลูน่า ”
ชินจิ คิดขณะที่มองเพื่อนนักเรียนสาว ที่นั่งเฝ้าเขาอยู่ทั้งวัน จนหลับไปในที่สุด
เขามองออกไปยังนอกหน้าต่าง พระอาทิตย์ได้ตกดินไปแล้ว ดวงจันทรา ได้ขึ้นแทน
ทั้งห้องเงียบราวกับว่าข้างนอกไม่มีใครอยู่เลย ชินจิ มองเธออยู่ซักพักก่อนที่จะสังเกตว่าเธอตัวสั่นเพราะความหนาว
เขาจึงลงจากเตียงไปแล้วเอาผ้าห่มคลุมร่างเธอไว้ เธอจึงหยุดสั่นในที่สุด ก่อนที่เขาจะเดินตรงไปยังประตูห้องและออกไป

ณ ห้องบังคับการ

“ ที่มานี่คงตัดสินใจได้แล้วสินะ ”
ฟอนกล่าว ขณะที่ มอง ชินจิ ที่เข้ามาปรึกษา

“ ตอนนี้ผมไม่ใช่นักรบของ Bell Cross อีกต่อไปแล้ว..ถึงตอนนี้ผมจะยังตัดใจไม่ได้
แต่ผมจะหาคำตอบด้วยตัวเองเพราะงั้นผมจะขอเข้าร่วมด้วย  ”
ชินจิ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น ฟอน ยิ้มอย่างพอใจในคำตอบของเขา

“ ดี..ตั้งแต่วันนี้ไปเธอเป็นพวกของเราแล้ว ”
 ฟอน กล่าวจบ ประตูห้องบังคับการก็เปิดพร้อมเสียงดังโหวกเหวกจากข้างนอกดัง
แทรกเข้ามา คางาริ เดินเข้ามาก่อนที่ประตูจะปิดลงโดยอัตโนมัติ

“ นี่วันนี้จะมีฉลองนะมาช่วยกันหน่อยสิ..ต้องเซอไพรส์คู่นั้นกันหน่อย ”
คางาริ กล่าวก่อนที่ ฟอน และ ชินจิ จะตามออกไปช่วย

ครู่ต่อมา

“ ไกลน่าดูเลย กว่าจะกลับมาถึงพระจันทร์ลอยซะแล้ว ”
นีน่า กล่าวขณะที่ ประตูได้เปิดออก ก่อนจะก้าวเข้าไปพร้อมกับ เจนัส ทันทีที่
ประตูยานปิดลงทั้งสองก็ตกอยู่ในความมืด ทว่ายังไม่ทันที่พวกเขาจะกล่าวอะไร
อยู่ๆไฟก็สว่างขึ้นมาทั้งยาน

“ เซอร์ไพรส์ ”
เสียงตะโกนดัง พร้อมกับเสียงปังของพลุกระดาษ ที่รัวขึ้นมาสามนัดซ้อน
ต่อสายตาแสดงความตกตะลึงของทั้งคู่

“ ยินดีด้วย นะทั้งสองคนที่เดทสำเร็จไปได้ด้วยดีแถมงานนี้พวกเราเองก็จัดการแลนทิสทั้งเมือง
ได้หมดในคราวเดียวเลย ”
ฟอน กล่าวน้ำเสียงลิงโลดท่ามกลางเสียงแสดงความยินดีจากเหล่าลูกเรือ
แม้ทั้งสองจะยัง งงๆแต่ก็ถูกลากให้ไปร่วมงานโดยไม่ทันได้ถามอะไรก่อน
จะถูกยิงคำถามรัวใส่เสียจนไม่อาจตอบได้ทัน



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 11, 2008, 07:24:08 PM
“ แหมพวกเธอนี่เหมาะสมกันจริงๆนะ ”
“ นี่ๆคบกันมานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย ”
“ เจ๋งจริงพวกสุดๆไปเลย ”
“ งั้นวันนี้เรามาโต้รุ่งกันเถอะ ”
“ เย้ ”

เสียงดังครึ้มกระหึ่มไปทั้งยาน ก่อนที่งานเลี้ยงฉลองจะเริ่มขึ้นและเต็มไปด้วยความสนุกสนานผ่อนคลาย
หลังภารกิจ

“ ยินดีด้วยนะ ”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นก่อนที่ เจนัส จะหันไปพบว่าชินจิ นั่นเองที่เป็นเจ้าของเสียง
ทั้งสองสบตากันอยู่ซักพัก

“ อืม..ขอบใจ ”
เจนัส กล่าวเสียงเรียบ ทว่าท่ามกลางเสียงตอบรับที่เงียบงันนั่นคือสัญญาณ
ของการยอมรับซึ่งกันและกันของทั้งสอง ในสายตาของลอว์เรนซ์

“ นี่นายคงไม่คิดจะทำแบบนั้นกับฉันหรอกนะ ”
เทีย กล่าวถามขึ้นขณะที่มองหน้า ลอว์เรนซ์ เสียชิดติดสนิทจนเขาต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ

“ ค..คิดอะไรของเธอไม่มีวันซะล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวด้วยความตื่นตูมก่อนจะถูก เทีย วิ่งไล่ด้วยสีหน้า ยัวะอย่างที่สุด

“ นี่นายคิดอะไรอยู่กันแน่ฉันแค่ถามว่านายจะให้ฉันเก็บกวาดคนเดียวหรอกต่างหากนี่คิดไปถึงไหนกันนน ”
เสียงตะโกนไล่หลังดังเป็นระยะ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของ ลูกเรือและทุกๆคน

“ คู่นี้ก็กำลังไปได้สวยเนอะโฮ่ๆๆ ”
ฟอน กล่าวอย่างสบายอารมณ์

……………
……………….
……………………

ณ สำนักงานบริษัท Bell Cross สาขา Colonu Felasia

ภายในห้อง ประธานที่มีเพียงแสงไฟสลัวๆนั้น กลุ่มคนสวมเสื้อโค้ทสีดำตัดลาย 4 คนได้เขามาภายใน
ห้อง

“ ช้าจริง..มัวไปอยู่ไหนมา ”
เด็กหนุ่มผมขาว ผู้ซึ่งสักอักขระไว้ที่ตาซ้าย หันมากล่าวขณะที่สับกองไพ่อยู่

“ ช่างเถอะอัซเรย์…ในที่สุดแขกก็มากันพร้อมหน้าซะที ”
อาเทเนีย หันกลับมาพร้อมกับที่ กล่องพัสดุจำนวนห้ากล่อง ได้ปรากฏขึ้นมาบนโต๊ะอย่างน่าอัศจรรย์

“ เอาล่ะมารับไปสิ นักรบแห่งกระดิ่ง 5 เสียง TQV Actor นั่นอยู่ตรงหน้านี้แล้ว ”
อาเทเนีย กล่าวขณะที่ ทั้งห้าเข้ามาเปิดกล่องพัสดุ และหยิบเอา ไวโอลินพร้อมไม้สีไวโอลิน ซึ่งมีสีดำสนิททั้งหมด
ขึ้นมา

“ อัซเรย์ ผู้ถือครองเสียงแห่งอิสรภาพ Voice of Freedom ”
“ ลักซ์ ผู้ถือครองเสียงแห่งการพิพากษา Voice of Judgtis ”
“  เรย์ ผู้ถือครองเสียงแห่งตำนาน Voice of Legend ”
“ มิดาไร ผู้ถือครองเสียงแห่งชะตา Voice of Destiny ”
“ ครอสเร็กซ์ ผู้ถือครองเสียงแห่งนิรันด์ Voice of Eternal ”
อาเทเนีย กล่าวขานฐานะของแต่ละคนก่อนที่จะกดปุ่มที่แผงวงจรบนขอบโต๊ะ
จอภาพได้ฉายขึ้นกระจกด้านหลังเธอ ซึ่งเป็นภาพของ พวกลอว์เรนซ์ ทุกคน

“ ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด นักรบแห่งอนาคต Drake Actor ”
“ เจนัส รูลเวลล์ นักรบแห่งการต่อสู้ Nelfa Actor ”
“ ลากูน่า รูลเวลล์ นักรบแห่งความบริสุทธิ Sarslash Actor ”
“ นีน่า ลาเซริโอ้ นักรบแห่งความสง่า Shurika Actor ”
“ ริคุ เฟ็นเรีย นักรบแห่งอิสรภาพ Naiser Actor ”
อาเทีย กล่าวพร้อมกับชี้ไล่ไปทีละประโยค
ก่อนจะเท้าคางที่โต๊ะ

“ บุคคลเหล่านี้ต้องถูกกำจัดเข้าใจไหม เพื่อให้พระองค์ได้จุติอย่างสมบรูณ์อีกครั้ง ”
อาเทเนีย กล่าวเสียงเฉียบด้วยสายตาเยือเย็นราวกับนางพญามาร

“ บัดนี้พวกเจ้าคือสาวกของพระองค์ Tintinnabulum Quinque Vox(กระดิ่ง 5 เสียง) ”
อาเทเนีย กล่าวจบ ทั้งห้าคนก็รับคำอย่างแข็งขัน ก่อนที่แผนการจะถูกชี้แจงขึ้น

……………..
…………………
……………………..

วันถัดมา

“ พลังงานพร้อม 100 % การซ่อมแซมเสร็จสมบรูณ์พร้อมออกยานค่ะ ”
ลิลลี่ช่างเทคนิคซึ่งคุม แผงจออยู่ด้านล่างของ แท่นบังคับการที่คางารินั่งอยู่
รายงาน

“ ออกยานได้! ”
สิ้นคำของ คางาริ ยาน Angle Wing ก็สยายปีกออกและเริ่มเหินขึ้นสู่ฟากฟ้าอย่างรวดเร็ว

“ ใช่แล้วจากนี้ไปพวกเรากำลังจะพุ่งเข้าสู่สนามรบที่แท้จริงแล้ว…บนอวกาศซึ่งสูงจากพื้นโลก
สงครามแห่งสวรรค์(Ragnarok) กำลังจะเริ่มในไม่ช้า ”
คางาริ คิดขณะที่ยานกำลังจะฝ่าชั้นบรรยากาศ ขึ้นสู่วงโคจรเพื่อมุ่งหน้าไปยัง Colony Zalom

…………
โปรดติดตามตอนต่อไป




การุรม่อน: และแล้วในที่สุดฉากสู้ในอวกาศก็กำลังจะมาแว้วฮุๆๆ ตอนนี้เหล่า Exorcis เอ็ยนักรบจากห้าทวีป
ก็ได้รับแอคเตอร์ไปแล้ว บทหน้าคงมันส์ไม่น้อย อ่ะฮุๆๆ แต่ว่าบทนี้เค้ารับไม่ได้ง่าาาา

เกรม่อน: เอาน่าๆ คู่นั้นเขาไปดีแล้วปล่อยเขาไปเถอะคนเราถ้าไม่ใช่คู่แท้ดึงดันไปก็เปล่าประโยนชน์

“ อ๋อเหรอ.. ”
เสียงประสานกันดังขึ้นอย่างเยือกเย็น

เกรม่อน และ การุรุม่อน : เฮือก!..เสียงนี้มัน

ทั้งสองคนค่อยๆหันไปยังที่มาของเสียง

เจนัส:นึกว่าหายไปไหนที่แท้มาแอบเผาอยู่ที่นี่เองเรอะ
นีน่า: ยอมไม่ได้
ลอว์เรนซ์:พร้อมนะ
ลากูน่าและริคุ:อยู่แล้ว
ทั้งห้าคน:แปลงร่าง

เกรม่อนและการุรุม่อน:อะอ้า ช้าก่อนถึงพวกนายจะแปลงร่างแต่ครั้งนี้เราไม่ยอมโดนฝ่ายเดียวแน่
แปลงร่าง

War Greymon And Metal Garurumon

วอย์เกรม่อน:ไกอา ฟอซ
เมทัลการุรุม่อน:เมทัลวูฟเบรธ

พวกลอวเรนซ์:ว้าก
ถูกท่าโจมตีของคนเขียนอัดกระเด็น

วอย์จังและเมทัลจัง:วะฮ่าๆๆเป็นไงล่ารู้ยังนี่ล่ะฝีมือของเรา
“ มันอยู่นั่นไง ”
เสียงดังขึ้นมาก่อนที่ทั้งสองจะหันกลับไปและตองตาค้างเพราะว่า

เซ็ตซึนะ:ไอ้พวกที่เผาชาวบ้านจนเกิดสงครามพวกเรา Celescial Being จะจัดการเอง
ทีเอเรีย:เวอร์ชิล เริ่มทำการกวาดล้างเป้าหมาย
ล็อคออนกับฮาเลลูย่า:เริ่มการแทรกแซง

วอย์จังกับเมทัลจัง:แว้กก

“ เดี๋ยวขอพวกชั้นร่วมด้วย ”
เสียงดังมาจากข้างหลังพอหันไป

ซีโร่:เวทมนต์ทำลาย ไฟร์บอล
อิจิอิ:เวทมนต์อารักข์ ชามป์แคปซูล

วอย์จังกับเมทัลจังดดน แคปซูลล็อกเอาไว้หนีไม่ได้โดนบอลไฟ เผาต่ออีกดอก

ซัน:เย้ ขอซันจังเล่นด้วยน้า เวทมนต์อัญเชิญ ฟลายอิ้งฟิช

โดนปลาบินไล่กัด

ฟอเต้:ไม่ยอมทำไมทีซีโร่ กับ อิจิอิ ยังได้มีบทแต่พวกเราไม่มีเวทมนต์สะกดจิต

โดนฟอเต็เป่าขลุ่ยสะกดให้โจมตีใส่กันเอง กลับร่างเดิมเลย

“ เดี๋ยวก่อนยังไม่จบพวกเราก็ต้องเคลียร์ด้วย ”
เสียงดังขึ้น

เกรม่อนกับการรุม่อน:ใครอีกล่ะ

เทนโด โซจิ:ชั้นคือผู้เดินไปในทางแห่งสวรรค์
กล่าวจบแล็วชูนิ้วขึ้น ปรากฏโตเกียวทาวเวอร์ขึ้นเป็นฉากก่อนจะแปลงร่างเป็น คาบูโตะ Change Beetle

คากามิ:ชั้นเอาด้วยคนสิ แปลงร่างเป็นกาแท็คเรียบร้อย Change Stag Beetle
“ ช้าก่อนยังมีพวกเราด้วย ”
เสียงดังอีกแว้ว พอหันกลับไปขอตายดีกว่าเพราะ

พวก G-Gundam, จูเรนเจอร์, Gundam Seed Destiny ,d-Gray Man,ฯลฯ
ยกกันมาเพียบ

เกรม่อนและการุรุม่อน:สงสัยคราวนี้ไม่รอดแหง

โปรดติดตามตอนต่อไป…ล่ะมั้ง



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: greamon on October 11, 2008, 07:26:01 PM
เอ้า..เอาเข้าไปไหงเขียนเผาตูด้วยล่ะเนี่ยแถมตอนท้ายนั่นอะไรมั่งน่ะ กันดั้มoo
เดสทินี่ ดีเกรแมน มากันหมดนึกว่าฮึดจะสู้ดันโดนกระทืบตายซะงั้นจะมีต่อป่ะนิ ::010::


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 15, 2008, 11:17:35 PM
ช่วยกานกดที่หุ่นหน่อยนะ :)
ต้องกดด้วยไม่งั้นไม่เขียนเนื้อเรื่องต่อ(ล้อเล่นนะจ้ะ)
T^T
กดกันหน่อยนะต้องการขากับมือแระกะตัว


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: boy on October 15, 2008, 11:54:42 PM
ไม่ยักกะรู้ว่าคุณ cokca-c จะชอบโคทาโร่คุง  โฮะๆๆ   ::004::


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: greamon on October 16, 2008, 02:35:53 PM
อ้าว...นึกว่ารู้ตั้งนานแล้วนะนิ ไม่เห็นเรอะพูดถึงเจนัส ทีไรเป็นคลั่งทุกที
 เพราะแบบของ เจนัส เดิมทีเอามาจากโคทาโร่ เนี่ยแหล่ะแต่นิสัยไม่ได้เอามาด้วย ส่งให้น้องชายแทน(เจ้าลากูน่าไง ภาคทาลิ โดน นีน่า เรียกเล่นๆ ลากุ หลังๆไม่ค่อยเรียกละ คุ้นๆเหมือนโคโนกะเคยเรียก โคทาคุงมะ)

งั้นเรามาเข้าเรื่องนิดดีกว่า เนื่องจากตอนภาค ทาลิ นั้นมีคน pm ถามมาเหมือนกันว่าชื่อของพวกลูกมังกร
เต็มๆคืออะไรและยังชื่อของพวก dvd (ดีวายดราก้อน) ด้วยเฟอๆไม่ได้เขียนตัวย่อนี้ซะนาน

วันนี้เลยจะมาแถลงชื่อของพวกมังกรที่มีบทบาทใน ภาคทาลิเอาแบบเต็มยศเลยนะ

เริ่มจาก การคิดชื่อในระบบมิติมังกรนั้น จะใช้ชื่อพันธ์ของมังกร ขึ้นตามด้วย of แล้วชื่อเรียกของตัวละครนั้นๆ
อย่างเช่น

พาลานัลคา ออฟ ไลท์ Palanalca of light นี่คือชื่อเต็มๆของ ไลท์ ส่วนตัวอื่นๆก็ด้วย
ทีนี้ชื่อลูกมังกรในเรื่องเนี่ยเรารู้กันหมดแล้วเนอะ แต่ชื่อของพวกอาจารย์มังกรเนี่ยสิ
มาเริ่มกันเลย

เริ่มจากเทียแมต Tiamat of Black ชื่อจากตอนพิเศษ ครอบครัว ดูยังเอ่ยร่างใหม่ของลอว์เรนซ์
ในอนาคตอาจมีภาคเสริมก็ได้มั้ง

ต่อๆ พ่อของนิทินโค ท่านนายพล ซาลามันเดอล่า Salamandera of Burn นี่ก็ชื่อโผล่ในตอนพิเศษ

พ่อตาของ เทียแมต ประธานสภาของหมู่บ้านมังกรมืดในอดีต ถ้าว่ากันตามจริงคนที่ช่วยผ่อนโทษประหารของเทียแมตเป็นเนรเทศก็ตาคนนี้แหล่ะ จำได้นะตอนที่เมียแมตไปอาละวาดจน ฆ่าแม่ของลอว์เรนซ์ อ่ะ
ชื่อของพ่อตาคนนี้คือ บริแกม มังกรแห่งฝันร้าย Brilglam of Hole

ต่อไปเป็นชื่อของเหล่าอาจารย์ที่ไม่ได้ปรากฏในตอน
ดีวายดราก้อน Divine Dragon of white
อีสควอเทีย Isquatia of Emeral
ลัวโมส วายเวิร์นที่สอนการปลดพลังของ มิรัยเคน กะ ชินเซเบอร์ ruamose of Wind Green
ชื่อถูกป่ะมะรุน้า มันนานแว้ว

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายตัวแต่ก็ไม่ได้เด่นนักช่างมันเถอะ เนอะอย่างพวกพ่อแม่ของลูกมังกรตัวอื่นเนี่ย
ออกตอนเดียว ทีแม่ของไลท์ยังไม่เคยออกเลย ถ้าอยากรู้ว่าเป็นตัวอะไรเฉลยตรงนี้เลยนะ
เป็นดีวายดราก้อนชื่อ Divine Dragon of Rise หึๆ ชื่อหมายถึงตะวันกับแสงทั้งครอบครัว

ว่าแต่ภาคมัลติอาร์เมอร์เนี่ยรู้สึกว่ามันเผาเยอะจังนะเจ้าการุรุม่อน
ใบ้ให้นิดเดี๋ยวมันจะเผยความลับของ ไลท์กับ ดาร์คด้วยนะ
ต้องรอดูอาทิตย์นี้ ว่าแต่จะโลกเทอร่าเนี่ยมันมีอวกาศด้วยเรอะ

ไม่ใช่กันดั้มนะเฟ้ยจะได้มี คิระ ชิน อัซรัน ลักซ์ ลูน่า แน่จริงไม่เอา เมย์ริน กะ ดูแรนดอลมาเลยล่ะ คางาริ ยังเอามาเลย เหงว่าจบมัลติอาร์เมอร์ภาค เสียงสงครามมีต่อพิเศษ1ตอน อีกโอ้

ชื่อภาค โมบิลสูทกันดั้มดับเบิลโอใช่มะ มีเซ็ตซึนะ มีเทียเรีย มีล็อคออน อาเลลูย่า อีก เอ้อเอาเข้าไป
เดี๋ยวโดนแบบแหลกหรอก

ว่าแต่พระเอก นามสกุลเซ้ตจังนี่ชวนให้นึกถึงนางฟ้าแห่งเนกิ จริงๆ(เซ็ตจังมีปีก)
เอาเถอะยังไงตอนอาทิตย์นี้ก็หนุกแน่นอน ถ้ายังไงถือซะว่าเป็นการเปลี่ยนแนวล่ะเนอะจาก
 ตำนานโบร่ำโบราณมาเป็นยุคของอวกาศกันบ้างคงไม่แปลกเกิน

แล้วเจอกันเน้อ อะมีข่าวโคมลอยมาเกยฝั่ง อาทิตย์นี้ มันจะเผา นาโนฮะ สไปเดอร์ไรเดอร์ ห๊าาา
นี่คิดจะเผากระทั่ง heroic Age ด้วยเรอะไม่ยอมเค้าไม่ให้เอา เอจ เค้าไปเผานะม่ายยยย

ของฝากเล็กๆน้อยๆ

อันนี้แถมเอาไปดูรับรองฮา
http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1224127658.27038_modotte_mamotte_lollipop_003.rar&mime=application/rar

ส่วนอันนี้แรงบันดาลใจในการเขียนฉาก Love ของ เจนัส กะ นีน่า เจ้าการุรุม่อนมัน ดูซะจนทะลุเลยเหอๆ

http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1224127893.56429_modotte_mamotte_lollipop_004.rar&mime=application/rar










Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: boy on October 16, 2008, 02:44:03 PM
แง่มๆ กันดั้มก็มา  d gray man ก็มี บางอันก็เอาผสมโรง ขาดอย่าง.......... น่าเอาเรื่อง
สัญยามรณะ ธิดาอเวจี  jigoku shoujo ยัดเข้าไปด้วย รับรองเนื้อหาเข้มข้นขึ้น 3 เท่า โฮะๆๆ


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 19, 2008, 07:07:16 PM
File xx ลบรอยร้าวแห่งใจโผทะยานสู่ฟ้า Gaia

ความเดิมตอนที่แล้ว : หลังจากการทำลายลิฟต์วงโคจรเพื่อขัดขวางการส่งแอคเตอร์รุ่นใหม่
ของ Bell Cross ทำให้เหล่า Freedom Resistant กลายเป็นผู้ก่อการร้ายไปในสายตาของทุกอาณาจักร
นอกจากนั้นการขัดขวางยังไม่สำเร็จผลด้วยว่า การขนส่งผ่านลิฟต์วงโคจรเป็นเพียงฉากบังหน้า

เพราะตู้คอนเทนเนอร์ที่ส่งขึ้นไปนั้นว่างเปล่าก่อนที่ ของจริงจะถูกขนส่งขึ้นไปด้วยยานขนส่งของบริษัทอย่างลับๆ
ระหว่างที่ Angle Wing ต้องทำการสะสมพลังงานเพื่อขึ้นสู่วงโคจร ภารกิจกำจัดแลนทิสที่ Bell Cross ส่งมาก็เริ่มขึ้น
โดยใช้การเดทของ เจนัส และนีน่า เป็นนกต่อ จนสำเร็จในที่สุด ขณะเดียวกัน ชินจิ ก็ตัดสินใจยอมให้ความร่วมมือ
กับกองกำลังเพื่อหาคำตอบและลบความแค้นในใจของตน ทำให้ความสัมพันธ์ของ เขา กับ เจนัส เริ่มที่จะดีขึ้นมาบ้าง
บัดนี้พวกเขาได้กระโจนเข้าสู่สนามรบแห่งสรวงสวรรค์ อวกาศรอพวกเขาอยู่ไปดูกันเลย!
…………………..


หลังจากที่ยาน Angle Wing ได้ขึ้นมาสมทบกับกองกำลังหลักที่ Colony Zalom เวลาได้ผ่านไปสามวันแล้ว
ทว่าวันเวลาก็ผ่านไปอย่างโหดร้ายเมื่อพวกเค้าต้องรับกับการโจมตีของ กองทัพโลกที่พึ่งจะได้ข้อมูลจาก Bell Cross
จึงเข้าตีเพื่อทำการกวาดล้างทว่า ทาง Colony Zalom ที่ให้การสนับสนุนก็ได้ทำการส่งทัพออกมาสกัดกั้นเอาไว้
ทำให้สงครามระหว่าง มัลติอาร์เมอร์ และสงครามหุ่นยนต์ รวม ไปถึงยานรและอีกหลายรูปแบบได้อุบัติขึ้น

เนื่องจากทาง Colony Zalom ได้ ดร. คีออส ช่วยสนับสนุนด้านข้อมูลในการสร้าง มัลติอาร์เมอร์ ทำให้กองทัพของพวกเขามีอำนาจมากพอที่จะต้านการโจมตีจากกองทัพโลกได้ ทว่าในตอนนี้ Colony Annedisonge และ Colony Felasia ก็ได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือ แก่กองทัพโลก โดยมี Bell Cross เป็นแกนนำ
นอกจากนี้กลุ่มทวีปอื่นๆ ก็ยังเริ่มเคลื่อนไหวทำให้ตอนนี้กลุ่มอำนาจถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย

 โดยทางBell Cross ได้รับความช่วยเหลือจากฟีเลเซีย และแอนดิซองกับ องค์กรและหน่วยงานต่างๆจากสามทวีป
ซึ่งมี
สาธารณรัฐต่างๆในทวีป เลาดิเชีย
องค์กรสหประชาชาติแห่งทวีป อาริมาเธีย
กลุ่มประเทศผู้ให้การสนับสนุนองค์กรนานาชาติ ทวีป โทร่า
ราชอาณาจักร อาแลนด้า ทวีป ดิสอาปจูร่า
กลุ่มประเทศที่ให้การสนับสนุนแก่ราชอาณาจักร ทวีป มิสรายิม

ในขณะที่

 Freedom Resistant ได้รับความช่วยเหลือจาก ซาโลม หน่วยงานในกลุ่มทวีปอื่นๆได้แก่
สาธารณรัฐ ทีนวาแลน ทวีป คาดาร่า ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก สหพันโลก
 Colony Lemuria ราชอาณาจักรแห่งตำนาน ย้ายขึ้นมาอยู่บนโคโลนี่เมื่อ200 ปีก่อน

ส่วนแคว้น ลาซาล ที่อยู่ในเขต ซาโลม ปฏิเสธ ที่จะเข้าร่วมสงครามและจัดตั้งกลุ่มความเป็นกลาง
ร่วมกันกับ สาธารณรัฐ อาณาจักร ฟูดินัน และจัดตั้งองค์กรระหว่างชาติขึ้นเพื่อหาผู้ร่วมอุดมการณ์
ที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสงคราม โดยใช้ชื่อว่า
ADC (Association Dispassionate Confliction = กลุ่มสมาคมความเป็นกลางทางความขัดแย้ง)

บัดนี้ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นทั่วโลก Terra และแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆเพราะการเข้าแทรกแซงของ Freedom Resistant
ทว่าก็ยังมีกลุ่มคนที่ไม่ได้ละเลยกับการกระทำของ Bell Cross จึงได้ให้การสนันสนุนแก่ Freedom Resistant
และนอกจากนี้ กลุ่มชนเผ่าจาก กาแล็คซี่อื่นๆยังได้เข้ามาร่วมสงครามในครั้งนี้อีกด้วย

โดยเป็นกำลังสนับสนุนให้ แก่ Freedom Resistant  เนื่องจากล่วงรู้ถึงการกระทำของ Bell Cross
ที่กำลังดำเนินการในขณะนี้เป้าหมายที่แท้จริงของ Bell Cross นั้นยังคงไม่ได้ถูกแจ้งให้แก่ พวกลอว์เรนซ์เลยแต่อย่างใด หากว่ากันตามตรงแล้ว พวกเขาชนเผ่าของดวงดาว เทอร่า นั้นกำลังถูกหลอกใช้ เพื่อการเข้ามาหาผลประโยชน์ของ กลุ่มกาแล็คซี่อื่นโดยใช้สงครามครั้งนี้เป็นตัวกลาง อนาคตจะไปในทางใดไม่อาจมีใครล่วงรู้บัดนี้ หน้าประวัติศาสตร์ของ ลอว์เรนซ์และพรรคพวกใกล้จะถึงหน้าสุดท้ายแล้ว............

“ ส่งหน่วยรบมัลติอาร์เมอร์ออกไปหน่วยแนวหน้า มาสเตอร์แอคเตอร์ ทั้ง6คนเป็นยังไงบ้าง  ”
เสียงสั่งการของ คางาริ ดังขึ้นอย่างร้อนรนขณะที่ ทั้งห้องบังคับการของยาน Angle Wing
ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เหล่าพลทหารต่างวุ่นกันจนหัวปั่นสภาพภายนอกยานเองก็เช่นกัน ตัวยานนั้นได้รับความ

เสียหายในหลายๆจุดจากการสู้รบ ที่กำลังระอุ อยู่นอกยาน กว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาต้อง อยู่ในสภาพสนามรบนี้มาตลอดความเครียดและความเหนื่อยล้า เริ่มถาโถมแก่เหล่าทหารของยาน  ทว่าการโจมตีของฝ่าย เบลครอสและกองทัพโลก กลับไม่มีทีท่าว่าจะ ลดผ่อนลงเลยแต่ยิ่งทวีหนักยิ่งขึ้น ฝ่ายกองทัพสนับสนุนของ กองกำลังต่อต้านอิสระ
กลับไม่สามารถฝ่าเข้ามาช่วยพวกเขาได้เลย ทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับวงล้อมของกองทัพ

“ หัวหน้าคะ ชินจิ ไปรับทั้ง 6 คนกลับมาแล้วค่ะ..ทั้ง 6 ได้รับบาดเจ็บค่ะ ”
โคโลน่า รายงานขึ้นด้วยความตกใจเมื่อได้รับรายงาน

“ เตรียมห้องพยาบาลให้พร้อม รับตัวเข้าทำการรักษาทันทีแล้วส่งหน่วยรบมัลติอาร์เมอร์ ที่ 2 ออกไปแทนแนวหน้าตอนนี้ด้วย ”
คางาริ สั่งการน้ำเสียงเด็ดขาด โคโลน่ารับคำก่อนจะรีบดำเนินการส่งคำสั่งลงไป การต่อสู้กลางอวกาศ
นั้นพวก ลอว์เรนซ์ ที่มีมาสเตอร์แอคเตอร์ซึ่งติดตั้ง E.I. บูสเตอร์ ครบทุกคนแล้วพวกเขาจึงสามารถต่อสู้ในอวกาศได้
อย่างไม่ติดขัดทว่านั่นก็เป็นภาระของพวกเขาที่จะต้องรบแทบตลอดเวลา เนื่องจากกำลังหลักของยานคือพวกเขา
.........
.............

ห้องพยาบาล

ภายในห้องมีทหารที่ได้รับบาดเจ็บ นอนอยู่บนเตียงซึ่งเรียงรายไปรอบห้อง จำนวนผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแม้กระทั่งตอนนี้คนที่พึ่งจะหายดีก็ยังต้องออกรบ เพราะสถานการณ์บีบบังคับ แม้ว่าคางาริ จะไม่ได้บังคับให้พวกเขาอออกไปรบ

ทั้งที่ยังไม่หายดี ทว่าด้วยความอาจหาญของพวกเขานั้น แม้จะไม่ไหวแต่หากยังพอที่จะออกไปสู้ได้พวกเขาก็จะไม่ฟังอยู่ดี ทำให้ตอนนี้ มีพลทหารที่ตายไปจำนวนไม่น้อย ตอนนี้แทบทั้งยาน จำนวนคนเริ่มจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ พวกเขาไม่เหลือหนทางที่จะรอดออกไปจากวงล้อมนี้ได้เลย

“ เอาผ้าพันแผลมาเพิ่มเร็ว ”
ลิลลี่ สั่งการให้พลลูกมือ ขณะที่มือของเธอยังคงพันผ้าพันแผล อย่างไม่หยุดมือ ขณะที่ห้ามเลือดที่ไหลพราก
ออกจากแขนของ ลากูน่า ซึ่งรอยแผลเกิดจากแรงระเบิดที่ปะทะมาตอนรบ ด้าน เจนัส กับ ลอว์เรนซ์ ที่
ใช้ไฮเปอร์โหมด รบเป็นหลักนั้น พวกเขาต้องรับภาระมากกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว เพราะต้องคอยคุ้มกันทุกคนด้วย

ทำให้พวกเขาได้รับบาดแผลมากกว่าใครเพื่อนทว่า ทุกคนเองก็โทรมไม่แพ้กัน แม้แต่ ฟอน เอง ยังต้องออกไปรบเพราะจำนวนคนไม่พอ และเพราะอาการบาดเจ็บจึงทำให้เขาไม่สามารถไปเปลี่ยนเวรคุมยาน กับ คางาริ ได้

ริคุ และ นีน่า ทั้งสองคนนั้นแม้จะได้รับบาดเจ็บจนต้องพันผ้าทั้งแขน และขา แต่ก็ยังคงฝืนช่วยงาน พยาบาลเพราะคนไม่พอ ทำให้ ลิลลี่ รู้สึกลำบากใจไม่น้อย ทว่าก็ไม่มีทางเลือก เพราะพลลูกมือไม่พอช่วย
........
...........

ด้านนอกยาน
ท่ามกลางฝูงบินของหุ่นรบ Omicron-O  และกองทัพ มัลติอาร์เมอร์ ที่ล้อมกรอบเข้ามา
เหล่าพลทหารของยานซึ่งสวม มัลติอาร์เมอร์  FlashBeta-2  ได้เข้าปะทะเพื่อป้องกันยานอย่างเต็มกำลัง

โดยที่ชุดเกราะของพวกเขาถูก ดัดแปลงให้ใช้ในอวกาศได้ ทว่าศัตรูที่เป็นรุ่น Groove Alpha-1 ซึ่ง
ถนัดรูปแบบระยะไกลย่อมได้เปรียบ กว่าพวกเขาที่เป็นแบบระยะใกล้ถึงกลาง

“ หน่วยที่2 กับ3 ตีฝ่าออกไป เราจะต้องเปิดทางหนีให้ยาน ”
ชินจิ ซึ่งสวม มัลติอาร์เมอร์ แฟลชเบต้า ของยานออกคำสั่งนำทีมเข้าไปตีฝ่าทะลวงวงล้อม โดยตัวเขา
ออกนำไปด้วยความสามารถของ โคออดิเนเตอร์ ทำให้เขามีความเร็วและความชำนาญในการรบ

แม้จะใช้มัลติอาร์เมอร์ก็ตามทว่า มันก็ยังไม่ได้ผลเพียงพอกับ แอคเตอร์ เพราะเมื่อตี ฝ่าวงล้อมเข้าไปศํตรูก็จะแห่กันเข้ามาปิดล้อมพวกเขาอีก ชินจิ จึงต้องนำทีมถอยกลับเข้ามาคุ้มกันรอบยาน เพื่อไม่ให้ถูกปิดล้อมและป้องกันยานไปด้วย

“ Mega Slash ”
สิ้นคำขวานในมือของ ชินจิ ก็ถูกอาบด้วยคลื่นไฟฟ้า ก่อนที่เขาจะกวัดแกว่ง ฟันทำลายหุ่นรบ รอบๆตัวเขาจนระเบิดกระจายไปหมด ทว่าพลทหารที่อยู่ข้างๆเขากำลังจะถูก ทหารมัลติอาร์เมอร์ ของอีกฝ่ายยิง ปืนลำแสงของเขาถูทำลาย

ไปแล้ว เสี้ยววินาทีนั้น ขวานในมือของ ชินจิ ก็ถูกขว้างหมุนควงเข้าไปปั่นทำลาย อาวุธของศัตรู ทำให้พลทหารฝ่าบเขาสามารถยิง ทำลายพลทหารของอีกฝ่ายได้ทัน ขวานที่ขว้างของไปได้ควงกลับมาที่มือของ ชินจิ
ก่อนที่เขาจะลงมือทำลายหุ่นรบต่อไป  การรบยังคงยืดเยื้ออยู่เรื่อยๆ
.........
.............
สองวันต่อมา
ณ ห้องบังคับการ

“ ตอนนี้เรามีทางเลือกน้อยมากหากเรายังไม่สามารถตีฝ่าออกไปได้ใน วันพรุ่งนี้ล่ะก็พวกเราคงต้องตายอยู่ที่น่ะเพราะพลังงานก็เริ่มจะไม่พอแล้ว เสบียงก็ด้วยอีกอย่างพลทหารที่จะรบก็เหลือน้อยมาแล้วจาก 10 กองกำลัง เหลือที่ยังรบได้แค่2หน่วยเท่านั้น ”
คางาริ รายงานแก่ฟอน ขณธที่พวก ลอว์เรนซ์ ทุกคนซึ่งยังไม่หายดีนั้นนั่งฟังผลรายงานอย่างเคร่งเครียด

“ จากสถานการณ์ตอนนี้ หากเราบุกออกไปตรงๆเพื่อสมทบกับกองกำลังที่อยู่แนวหลังล่ะก็ คงไม่แคล้วถูกพวกมันอ่านออกแน่ถ้างั้นเราจะ บุกอ้อมออกไปทางด้านข้างแทน เพราะกำลังของพวกมันน้อยที่สุดก็บริเวญนั้นเพียงแต่เรา จะต้องทำให้เร็ว ที่สุดก่อนที่พวกมันจะกรู กันเข้ามาปิดล้อมจนออกไม่ได้ ”

ฟอน อธิบาย แผนการซึ่งเป็นทางออกสุดท้ายของพวกเขา ทว่าความเสี่ยงนั้นช่างมีมากมายเสียเหลือเกินจนแทบจะเป็นไปไม่ได้กับกำลังพลที่เหลือเพียงน้อยนิดของพวกเขา ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบทันที
เมื่อทางออกสุดท้ายมีเพียงวิธีนี้เท่านั้น

“ ถ้าอย่างนั้นพวกเราทั้งหมดที่ถือครองมาสเตอร์แอคเตอร์ ก็ควรจะทำงานนี้กันโดยลำพังให้พวกทหารที่เหลือ
เตรียมการอยู่ในยานก็พอครับ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น ท่ามกลางสายตาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ใช้คนเพียง6 คนเพื่อทำการตีฝ่าวงล้อมออกไปมันช่างเหนือความคาดหมายอย่างที่สุด เมื่อ คางาริ จะค้านทว่า ฟอน ก็ปรามเอาไว้เพื่อให้รอฟังเขาให้จบซะ
ก่อน ลอว์เรนซ์จึงกล่าวต่อ

“  หากเรานำพลทั้งหมดออกตีฝ่าไปนั้นเป็นเรื่องที่ เสี่ยงเกินไปและอาจจะทำให้กระทำการได้ช้าเพราะฉะนั้นถ้าให้พวกเราที่ มีพลังรบมากที่สุด รับจัดการเพียงลำพังจะสะดวกกว่าและถ้าเกืดว่าพวกเราเสียท่าขึ้นมา พลทหารทั้งหมดที่อยู่ในยานจะได้ออกสานต่อแทน”
ลอว์เรนซ์ กล่าวแม้จะไม่อยากยอมรับทว่าก็จริงตามที่เขากล่าว หากมีเพียงพวกเขาก็คงจะทำงานได้สะดวกกว่าทว่า อัตราที่พวกเขาจะแพ้นั้นก็มีสูง แต่นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วก็ว่าได้ พวกเขาจึงตกลงที่จะดำเนินการตามนี้

...................
......................
.......................
วันต่อมา

“ พวกนายจะบ้ารึไง..คิดจะใช้กำลังคนแค่นั้นตีฝ่าออกไปแบบนี้น่ะ..พี่ก็ช่วยพูดอะไรหน่อยสิคะ ”
เทีย กล่าวขณะที่พวก ลอว์เรนซ์ ซึ่งแปลงร่างเรียบร้อยแล้วกำลังจะไปที่ catapult gate ของยาน
ทว่าฟอนเองก็ส่ายหน้าไม่ทำตาม เมื่อเห็นว่า เทีย ทำท่าจะไม่ยอม ลอว์เรนซ์ จึงแทรกขึ้นมา

“ ไม่หรอก..แบบนี้ดีแล้วล่ะ..จากแผนการนี้จะไม่มีใครต้องเสียเลือดอีก..แค่เฉพาะพวกเราก็พอแล้ว.ไม่ต้องห่วงพวกชั้นจะช่วยให้เราหนีออกไปให้ได้ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อไม่ให้ เทีย แย้งขึ้นอีกก่อนจะเดินออกไป

“ หากพวกเราไม่ได้กลับมาฝากนายด้วยนะ ”
เจนัส หันมากล่าวกับ ชินจิ คำพูดของเขาทำให้ ชินจิ ต้องชะงักไปโดยที่ไม่ทันได้โต้ตอบอะไร เพราะเจนัส ก็เดินออกไปสมทบกับ ลอว์เรนซ์ แล้ว

“ ลอว์เรนซ์ ”
เทียตะโกนเรียก ลอว์เรนซ์ จึงหยุดเพื่อจะฟังเธอ แต่ก็ไม่ได้หันหน้ากลับมา

“ สัญญานะว่าจะกลับมา..นายจะต้องกลับมาพร้อมกับทุกๆคนน่ะ ”
เทีย กล่าวขอร้อง ทว่าคำขอของเธอนั้นไม่มีใครที่จะให้คำมั่นได้ เพราะพวกเขาเองต่างก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว
ว่าอาจไม่ได้กลับมาอีก

“ อืม..ต้องกลับมาแน่..ชั้นสัญญา ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวโดยไม่หันมามองเธอแม้แต่น้อยก่อนที่จะออกเดินต่อไป ทำให้ เทีย ไม่อยากที่จะเชื่อในคำของเขาทว่าถึงจะถามไปอีกครั้ง ลอว์เรนซ์ ก็คงจะตอบเหมือนเดิม เธอจึงได้แต่ปล่อยให้พวกเขาออกไป รบกันตามลำพังโดย
ได้แต่ยึดเอาคำมั่นที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวพูดออกมาจากใจจริงหรือไม่ เป็นความหวังเท่านั้น

........
............

“ Change Hyper Dragonfly ”
“ Change Hyper Wolf ”
สิ้นเสียง ลอว์เรนซ์ และเจนัส ก็เข้าสู่ไฮเปอร์โหมด ฟันเนลทั้ง 12 ตัวของ เจนัส ถูกส่งออกมาเพื่อสร้างเกราะคุ้มกันยานอีกชั้น  ขณะที่ ลากูน่า กับ ริคุ คอยรับอยู่ที่แนวหน้า

“ พร้อมนะ ”
เจนัส ติดต่อผ่านหน้ากากไปยัง ลอว์เรนซ์ ขณะที่ ดูโอเบลด ของเขากางออกในสภาพเตรียมใช้ท่าพิฆาต

“ อืม...โอกาสมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบทั้งสองก็ทำการโจมตีทันที

“ Maximum Hyper Cyclone ”
สิ้นเสียง พายุพลังงานสีแดง และ ฟ้าก็หมุนตัวรวมเข้าด้วยกันพุ่งฝ่าทะลวงทำลายแนว ศัตรูจนราบสิ้น ยาน Angle Wing จึงออกตัว ทันทีเพื่อฝ่าออกไปยังทางที่เปิดขึ้นขณธที่กองทัพศัตรู กำลังจะเขยิบเข้ามาปิดทางนั้น
ฟันเนล ทุกตัวของ เจนัส ก็พุ่งออกมาสร้างกำแพงพลังงานกั้น เพื่อเปิดเส้นทางเอาไว้ โดยที่ พวกนีน่า ลากูน่า และริคุ
รวมไปถึง ฟอน ออกไปตีไล่ต้อน ศัตรูไม่ให้อ้อมมาล้อมได้

“ สำเร็จออกไปได้แล้ว ”
โคโลน่า กล่าวด้วยน้ำเสียงปิติยินดีอย่างยิ่งเมื่อ พวกเขาฝ่าออกไปจากแนวรบแล้ว ขณะที่ข้างหน้านั้น
กองกำลังของพวกเขา กำลังจะมารับและคุ้มกัน โดยทางด้านหลังมี พวก ลอว์เรนซ์
คอยสกัดศัตรูเอาไว้ให้  ทว่าก็มียานขนส่งลำหนึ่ง บินตัดมา ทำให้พวกเขาต้องหยุดชะงัก



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 19, 2008, 07:07:33 PM
“ คิดรึว่าเราจะยอมให้หนีน่ะ ”
สัญญาณภาพและเสียงของ ชายหนุ่มผมขาว สวมโค๊ท สีดำตัดลายขาวกับบุคคลข้างหลังอีกสี่คนที่แต่งแบบเดียวกัน
ได้ถูกส่งไปยังยานและตัวรับสัญญาณของพวก ลอว์เรนซ์

ศํตรู ทั้งห้าที่ปรากฏตัวมาได้ยกไวโอลิน สีดำขึ้นก่อนจะบรรเลงบทเพลงออกมา ทันใดนั้นก็เกิดคลื่นไฟฟ้าแปรปรวนรอบกายของทั้งห้า ก่อนที่ ชิ้นส่วนชุดเกราะจะปรากฏขึ้นและประกอบสู่ร่าง ไม้สี ไวโอริน กลายสภาพเป็นดาบในขณะที่ตัวไวโอริน กลายเป็นโล่ นักรบทั้งห้าได้ทะยานออกมาจากขนส่ง ก่อนที่ยานลำนั้นจะระเบิดออก

“ พวกเราคือกระดิ่ง5เสียง Angle Actor ”
ทั้งห้าส่งสัญญาณประกาศ

“ อัซเรย์ เสียงแห่งอิสรภาพ Voice of Freedom ”
นักรบผู้สวมเกราะแอคเตอร์ สีแดงสดกล่าวขณะที่ควงดาบในมือไปรอบๆก่อนจะ ตวัดออก ชิ้นส่วนเกราะที่อยู่บริเวณไหล่ค่อยๆยกตัวขึ้นประกบกับเกราะหมวก จนดูเป็นเขา

(http://image.ohozaa.com/tj/voiceoffreedom.jpg)

 “ Change Paladin  ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้น พร้อมกับที่ตัวเกราะเปล่งประกายและกาง ปีกสีเงินขึ้นมา

“ ลักซ์ เสียงแห่งการพิพากษา Voice of Justice ”
นักรบหญิงซึ่งสวมเกราะสีแดง ส่งสัญญาณเสียงออกมาขณะที่บินตามมาสมทบกับคนแรก

(http://image.ohozaa.com/tc/voiceofjustis.jpg)

“ Change Paladin ”

เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ หล่อนยกโล่สีดำของตนขึ้นมาก็เกิดเกราะพลังงานเสริมที่ขอบปลายโล่จนมันมีรัศมีการป้อนกันที่กว้างพอจะกันทั้งร่างของเธอจากด้านหน้า


“  เรย์ เสียงแห่งตำนาน Voice of Legend ”
นักรบอีกคนซึ่งสวมเกราะสีขาวพุ่งตรงเข้ามาสมทบอีกเช่นเคย พร้อมๆกับสัญญาณเสียงที่ส่งออกมา

(http://image.ohozaa.com/ti/voceoflegend.jpg)

“ Change Paladin ”
เสียงดังกังวานขึ้นทันทีที่ เกราะเขา เลื่อนตัวขึ้นมาประกบตั้ง ขึ้นบนหัวก่อนที่ด้ามซึ่งกระชับในมือ
จะมีลำพลังงานสีแดงส้ม พุ่งออกมาและคงรูปคล้ายดาบ


“ มิดาไร เสียงแห่งชะตา Voice of Destiny ”
นักรบหญิงซึ่งสวมเกราะสีขาว อีกคนได้ตามเข้ามาสมทบ ขณะที่ประกาศนามของตน

(http://image.ohozaa.com/tu/voiceofdestiny.jpg)

“ Change Paladin ”
เสียงดังกังสานขึ้นพร้อมกับที่ช่องระบายอากาศบริเวญกลางโล่ของเธอจะปล่อยควัน สีดำออกมา
ขณะที่เธอควงดาบในมือขวาไปพลาง


“ ครอสเร็กซ์ เสียงแห่งนิรันด์ Voice of Eternal ”
นักรบคนสุดท้ายซึ่งสวมเกราะสีส้มตามมาสมทบกับพวกเขาจนครบในที่สุดหลังการประกาศชื่อของตน

(http://image.ohozaa.com/tx/voiceofeternal.jpg)

“ Change Paladin ”
เสียงดังกังวานขึ้นทันทีที่ เขาชักดาบออกมาจากร่องของโล่ที่ติดยังแขนซ้าย
หลังจากการรวมตัวของพวกเขาได้จบลง นักรบแห่งกระดิ่ง 5 เสียง ก็ไม่รอช้าพุ่งเข้าปะทะกับพวก ลอว์เรนซ์ ทันที

“ Chorono Control ”
เสียงดังขึ้นทันทีที่ เจนัส และลอว์เรนซ์ เดินสวิตซ์หยุดเวลาที่อาวุธของตน

“ Anti-Time Lock ”
เสียงดังขึ้นทันที ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะหยุดนิ่งลง ก็เกิดคลื่นพลังงานบางอย่าง
สวนคลื่นอาณาเขตของการหยุดเวลากลับมาจนไม่สามารถหยุดกระแสเวลา ได้
และการควบคุมเวลาของทั้งสองก็ถูกยกเลิกไป ครั้นพวก ริคุ จะใช้ Time Walk ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาแต่อย่างใด

“ คิดจะใช้การควบคุมเวลามาสร้างความได้เปรียบน่ะคิดผิดซะแล้ว ”
นักรบ ผู้ถือครองเสียงแห่งตำนาน เรย์ กล่าวเยาะเย้ยท่ามกลางความสับสนของพวกเขา

“ เรารู้อยู่ก่อนแล้วว่าพวกแกติดตั้งระบบ E.I. บูสเตอร์ทำให้ Time Walk ได้โดยไม่
ต้องกลัวสภาพไร้น้ำหนักหรือแรงโน้มถ่วงเลยแต่อย่างใด ในขณะที่พวกเราทุกคนต้องพึ่งอุปกรณ์ไอพ่นหรือยานขนส่ง ”
นักรบผู้ถือครองเสียงแห่งชะตากล่าวเสริม

“ ดังนั้นแอคเตอร์ระบบใหม่นี่จึงถูกพัฒนาขึ้นโดยมีระบบต่อต้านการควบคุม
ประจุโครโนตรอน Anti-Time Lock นอกจากนี้ระบบการสื่อสารของพวกเราก็ถูกปรับ
แก้ให้ทำงานต่อสภาวะการกระจายของ อนุภาค E.I. ดังนั้นการติดต่อสื่อสาร จึงไม่มีปัญหายังไงล่ะ ”
นักรบผู้ถือครองเสียงแห่งความเป็นนิรันด์ ครอสเร็กซ์  กล่าวขณะที่

นักรบผู้ถือครองเสียงแห่งอิสรภาพ อัซเรย์ ไม่รอช้าบุกเข้าไปในทันที

“ สรุปก็คือต่อจากนี้ไปพวกแกไม่สามารถจะควบคุมเวลาได้อีกแล้วเท่านี้
พิษสงของไฮเปอร์แอคเตอร์ก็ไม่เหลือแล้ว ”
อัซเรย์ กล่าวขณะที่ ประดาบกับ ลอว์เรนซ์ ก่อนที่ทุกคนจะเข้าประจัญบาน
โดย นีน่า ปะทะกับ ลักซ์
ริคุ ปะทะกับ ครอสเร็กซ์
เจนัส ปะทะกับ เรย์
ลากูน่า ปะทะกับ มิดาไร

ในขณะที่ ฟอนกำลังจะเข้าไปช่วยทว่าเขาก็ถูก โซ่พุ่งเข้ามารัดจากด้านหลัง

“ อย่าพึ่งรีบร้อนสิ..รอให้เก็บพวกนั้นเสร็จก่อนแล้วต่อไปก็ตาแกแล้ว ”
เสียงดังขึ้นจากด้านหลังขณะที่เจ้าของเสียง ได้ค่อยบินตรงออกมาจนสามารถเห็นตัวได้
ร่างของเจ้าของเสียงนั้นทำให้พวก ลอว์เรนซ์ ต้องจ้องตาค้างด้วยวามไม่อยากเชื่อ
เพราะนั่นคือ เซน่า ที่ สวม อาบิสแอคเตอร์ ที่น่าจะตายไปแล้วนั่นเอง

“ อาบิส เหรอแต่ชั้นจัดการแกไปแล้วนี่ ”
ลอว์รนซ์ อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตา

“ จะบอกให้รู้ไว้ซะก่อนที่ซากหุ่นนั่นจะตกลงมาทับ..ชั้นก็ได้ใช้ Time Walk หนีออกมาได้ก่อนแล้ว ”
เซน่า อธิบาย ก่อนที่โซ่ซึ่งรัดร่างของ ฟอน จะตรึงให้ร่างของฟอนเอาไว้จนขยับแขนขาไม่ได้

“ Mega Cuting ”
เสียงดังขึ้นขณะที่ ดูโอเบลดของ เจนัส ถูกตวัดใส่ร่างของ เรย์ ทว่า

“ Transporter ”
เสียงทุ้มแหลมดังกังวานพร้อมกับ ร่างของ เรย์ได้อ้อมไปอยู่ด้านข้างของ เจนัส แทน
 เรย์ ฟาดคมดาบใส่ทันทีทว่า ก็ถูกสกัดเอาไว้ด้วยกำแพงพลังงานจาก ฟันเนลของ เจนัส

“ โฮ่…ขนาดย้ายที่พริบตามายังรับการโจมตีได้ทัน การตอบสนองไวดีนี่ ”
เรน์ กล่าวเสียงรื่น รู้สึกถูกใจในตัว เจนัส อย่างบอกไม่ถูกที่สามารถรับดาบของเขาได้
ขณะเดียวกัน พวก นีน่า ก็ต้องรับมือกับ การเคลื่อนย้านพริบตาของ พวก กระดิ่ง 5 เสียง
เช่นกัน ทำให้ นีน่า ลากูน่า และริคุ ที่ไม่มีไฮเปอร์โหมด ต้องรับมืออย่างยากลำบาก

“ หึๆๆ..ทำใจไว้ได้เลยเมื่อไม่สามารถเคื่อนไหวเหนือกาลเวลาได้ แล้วยังต้องสู้กับ
การเคลื่อนย้ายพริบตานั่นไม่มีทางที่พวกแกจะเอาชนะได้หรอก ”
เซน่า กล่าวเสียงเรียบขณะที่มองมาทาง ฟอน เป็นเชิญเย้ยหยัน

“ ก็ไม่แน่หรอก.. ”
ฟอน กล่าวขึ้นมาอย่างมั่นใจ ทำให้ เซน่า ต้องหัวเราะออกมาด้วยความสมเพช

“ ยังจะมาปลอบใจตัวเองอีกนะ..เนี่ยเรอะผู้นำสูงสุดของกองกำลัง
ต่อต้านอิสระน่ะไม่ต้องห่วงเดี๋ยวชั้นจะส่งแกไปลงนรกคนแรกเลยก็ได้ ”
เซน่า กล่าวจบก็เรียกเอา หอกโปเรมอส ออกมาหมายจะแทงดับชีพของ ฟอน

“ นี่ก็เหมือนกัน…เพราะชั้นไม่มีทางตาย ”
ฟอน กล่าวจบลูกตาโลหะที่ไหล่ขวา ก็เลื่อนตัวไปข้างหลัง ละอองสีฟ้าจาก บูสเตอร์ ถูกหยุดการปล่อยออกมา
ก่อนที่ไอควันสีดำจะพวยพุ่งออกมาจาก รูระบายตรง หน้าออกทั้งสองข้างไอควันตลบอบอวลไปทั่วทั้งร่างที่ถูกตรึง

“ นี่มันอะไรกัน..หนอย ”
เซน่า สบถก่อนจะตัดสินใจแทงหอกลงไปทันที

“ Ghost Walk ”
เสียงดังกังวานขึ้นจากตัวเกราะก่อนที่ หอกของ เซน่า จะแทงลงไป
ร่างของ ฟอน โปร่งใสขึ้นเล็กน้อยในทันที ก่อนที่โซ่ซึ่งตรึงร่างของเขาเอาไว้จะ หลุดออก
เพราะไม่อาจมัดหรือจับต้องร่างของเขาได้ หอกของ เซน่า ที่แทงมานั้น
ทะลุผ่านร่างของ เขาไปเช่นกันก่อนที่ ตัว ฟอน จะพุ่งผ่านทะลุของ เซน่า อย่างรวดเร็ว
ไม่ช้าร่างของ เซน่า ที่ถูก ฟอน พุ่งผ่านไปนั้น ก็ทรุดตัวลง ลอยเคว้งในอวกาศไป
ทว่าไม่นานเขาก็กลับมาตั้งตัวได้


“ น…นี่มันเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆพลังงานก็ตกไปชั่วขณะแล้วก็กลับมา ”
เซน่า อุทานด้วยความตกตะลึงกับการกระทำของ ฟอน ที่ตอนนี้ร่างของ ฟอน
ก็ยังคงโปร่งใสอยู่และมีกลุ่มควันร่องลอยอยู่รอบๆ

“ นี่คือ Ghost Walk เป็นทักษะเฉพาะของ แฟนธอมเดรค ซึ่งจะทำการเปลี่ยนสสาร ร่างกายของชั้นให้เป็น
ประจุพลังงานที่จับกลุ่มกันแบบหลวมๆ จึงสามารถที่จะทะลุผ่านมวลต่างๆได้เหมือนกับวิญญาณไงล่ะ
นอกจานี้ยังสามารถดึงเอาพลังงานของอีกฝ่ายทิ้งออกจากร่างได้ที่โดนเข้าเมื่อครู่นั้นล่ะ ”
ฟอน กล่าวจบก็พุ่งเข้าชนร่างของ เซน่า ไปมาโดยทุกครั้งที่ทะลุผ่าออกมาก็จะดูดเอาพลังงานออกมาสลายทิ้ง

“ Ghost Walk ”
เสียงดังกังวานขึ้นก่อนที่ ก่อยที่กลุ่มควันจะสลายตัวไปบูสเตอร์กลับมาทำงานอีกครั้ง
 ร่างของ ฟอน จึงกลับสภาพเช่นเดิม
ทว่าพลังงานของ อาบิส ก็ได้มาถึงขีดสุดแล้ว

“ ตอนนี้ อาร์เมอร์แอคเตอร์ นั่นไม่เหลือพลังงานอีกแล้วสินะ ”
ฟอน กล่าวขณะที่ เซน่า พยายามจะทรงตัวในสภาพไร้น้ำหนัก เพราะไอพ่นพลังงานที่ใช้บินมาได้ถูกดูดพลังานออกจนหมด

“ แล้วมันยังไงล่ะ ”
สิ้นคำของ เซน่า เขาก็ ทุบสวิตซ์ ที่กลางหน้าอกลงไป สำรับไพ่ทั้งสามได้ปรากฏลอยเคว้งอยู่ตรงหน้าของเขา
ก่อนที่จะสุ่มหยิบเอาขึ้นมา อย่างละใบ

“ Hyper Mode  ”
สิ้นคำของ เซน่า ไพ่ทั้งสามใบก็สลายกลายเป็นเศษส่วน ก่อนจะรวมตัวเข้ากับร่างของ เซน่า
และขยายร่างเปลี่ยนรูปเป็นเครื่องจักรสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายยาน


“ Part Set up Combine Hyper Mode  ”
เสียงดังกังวานขึ้นจากตัวยาน ที่เปลี่ยนร่างมาจาก เซน่า

(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n009/54.jpg)

“ นี่คือไฮเปอร์โหมด ของข้ายานรบซึ่งบินได้เร็วกว่าเสียง บาอัลเซบัพ(Baalzebub) ”
สิ้นคำของ เซน่า ยานรบยักษ์สีดำก็พุ่งเข้า กระแทกร่างของ ฟอน จนกระเด็น
ความเสียหายจากแรงปะทะ ทำให้ ฟอน แทบจะหมดสติในทันที เกราะซีกขวา กว่าครึ่งของร่าง

เริ่มแตกร้าว ขณะที่ บาอัลเซบัพ กำลังหักหัวเรือเข้าพุ่งชนอีกครั้ง ร่างของ ฟอน ถูกชนกระแทก อย่างแรง
ปม้ว่าเกราะของ แอคเตอร์ จะช่วยรับแรงกระแทกเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมด ในตอนนี้ ฟอนได้หมดสติไปแล้ว
จากการชนอย่างรุนแรงต่อเนื่องถึงสามครั้ง

“ ฟอน…อัก ”
ลอว์เรนซ์ ที่เห็นฟอนเสียท่า ครั้นจะเข้าไปช่วย ก็ถูก อัซเรย์ เคลื่อนย้ายมาดักหน้าก่อนจะ ลงดาบ
ใส่ร่างของเขา จนตัวเกราะเกิดรอยร้าว

“ ชิ…จะทำยังไงดีล่ะตอนนี้ แค่เราสองคนรับมือกับเจ้าพวกนี้ก็แทบจะไม่ไหวแล้ว
สามคนนั้นก็ไม่มี ไฮเปอร์แอคเตอร์ ด้วยคงจะสู้กับพวกมันไม่ได้นานหรอก แล้วตอนนี้กองยานของ ศัตรูก็ไล่หลังมาแล้วขนปล่อยเอาไว้แบบนี้แย่แน่ ”
เจนัส คิดขณะที่ พยายามจะฟันใส่ เรย์ ทว่าอีกฝ่ายก็เคลื่อยนตัวหลบในพริบตาทุกครั้งไป

“ …จะให้ส่งทัพออกไปช่วยไหม ”
เสียงสัญญาณจาก ห้องบังคับการส่งมาที่หน้ากากของ เจนัส



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 19, 2008, 07:07:49 PM
“ ไม่ได้..ถ้าส่งออกมาล่ะก็ พวกเราจะเสียเวลาในการถอยทัพและอาจถูกปิดล้อมอีกตอนนี้รีบหนีไปก่อน ”
เจนัส ติดต่อกลับไปทว่า ครั้นจะให้ยาน Angle Wing หนีไปก็ไม่ทันแล้วเพราะกองทัพของ ศัตรูได้เคลื่อนเข้ามาปิดล้อมพวกเขาเอาไว้อีกครั้ง

“ ชิ..เสร็จกันเราโดนพวกมันล้อมเอาไว้แล้วหรือนี่…อัก ”
เจนัสสบถ ทว่าคมดาบของ เรย์ ก็พุ่งเข้ามาแทงทะลุร่างของ เขาเสียแล้ว

“ มีเวลาไปห่วงคนอื่นด้วยรึไงกัน ”
เรย์ กล่าวเสียงเหี้ยม ขณะที่ดึงดาบอกจากร่างของ เจนัส ก่อนจะตวัดดาบอีกครั้งหมายจะบั่นคอของเขา

“ RaZor Leaf ”
เสียงดังกงวานขึ้นก่อนที่ มีดกลีบดอกไม้ของ นีน่า ทั้ง 16 กลีบจะพุ่ง ตรงเข้าใส่

“ Transporter ”
เรย์ กัดฟันสบถด้วยความไม่พอใจก่อนจะ เคลื่อนย้ายพริบตาหนีไป ทำให้การโจมตีของ นีน่า พลาดไป

“ เจนัส ไม่เป็นไรนะ ”
นีน่า กล่าวหลังจากที่พุ่งเข้ามารับร่างของ เจนัส ซึ่งถูกแทงจนบาดเจ็บสาหัส

“ Tomahawk Crusher ”
เสียงทุ้มแหลมกังวานจากตัวเกราะของ ลักซ์ ที่ตามหลังมา ก่อนที่หล่อนจะเก็บดาบ
ไปที่เอวซ้าย เกราะที่อยูหลังหัวไหล่ซ้ายและขวา ได้ยกตัวขึ้น มาข้างหน้า ก่อนที่ใบมีดพลังงานสีแดงจะ

ปรากฏขึ้นยังชิ้นส่วนนั้น ลักซ์ จึงไขว้แขนจับที่ด้ามจับของ ชิ้นส่วนนั้น และเหวี่ยงมันออกไป
ทั้งสองชิ้น โดย เหวี่ยงชิ้นที่หัวไหล่ซ้ายก่อนตามด้วยหัวไหล่ขวา

“ Leaf Screen ”
เสียงทุ้มต่ำดังกังวานจากตัวเกราะของ นีน่า ก่อนที่กลีบดอกโลหะ ทั้งหมดจะเรียงตัวเป็นกำแพงกั้นการโจมตี ทว่า
ทันทีที่ ชิ้นส่วนแรกควงกระแทก กำแพง ก็แตกสลายทันที ชิ้นส่วนแรกหลังจากกระทบกำแพงแล้วก็ควง
วนกลับออกไป ก่อนที่ชิ้นส่วนที่สองจะพุ่งเข้า หาทั้งสอง ที่ตกเป็นเป้านิ่ง

“ อัก.. ”
เจนัส กระอัก ออกมาหลังจากที่ เอาร่างของตน รับชิ้นส่วนที่สอง ที่พุ่งเข้าใบมีดได้เฉือนลึกเข้าที่
ลำตัวของเขา

“ ไม่เป็นไรใช่มั้ย..อัก ”
เจนัส กล่าวถาม นีน่า ที่ยังจ้องเขาด้วยความตกใจที่ เขาเอาร่างของตนเป็นโล่กำบังให้
เจนัส ค่อยๆถอนเอา ใบมีด ออกจากร่างก่อนเหยี่งมันกลับไป ต่อหน้าต่อตาของ ลักซ์ ที่ยังคงตะลึง

กับพลังใจของเขา ทว่าก่อนที่ใบมีดจะเหวี่ยงกลับมาบั่นคอเธอซะเอง เธอก็เหวี่ยง
ใบมีดในที่รับกลับมาอันแรก ตวัดปัดใบมีดให้ หยุดหมุนก่อนจะคว้ามาเก็บที่หัวไหล่และ

บรรจุลงไปยังที่เดิมพร้อมกับชักดาบออกมาแทน เพราะไม่อาจมั่นใจได้ว่าการจู่โจมแบบนั้นจะได้ผลอีก
และอาจจะย้อนมาทำร้ายตัวเธอเองได้

ห้องบังคับการ Angle Wing

“ ยิงสกัดเอาไว้อย่าให้มันปิดทางหนีได้ ”
คางาริ ยังคงสั่งการท่ามกลางความ โกลาหลภายในห้องบังคับการ และสภถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งขึ้น
หลงการปรากฏตัวของ กระดิ่ง 5 เสียง

“ ชิ…ถ้าตอนนี้เรายังมี คาออส อยู่ล่ะก็ ”
ชินจิ สบถขณะที่ทุบกำปั้นลงบนผนังอย่างแรง ด้วยความแค้นใจ เมื่อเห็นสภาพความพ่ายแพ้ของ
พวกเขาจากมอนิเตอร์ ในห้องบังคับการแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะลำพัง มัลติอาร์เมอร์ธรรมดาไม่อาจ

รับมือได้แน่ ความคับคั่งที่มีอยู่เต็ม อกในตอนนี้ยิ่งทวีขึ้นไปอีกเมื่อ เขาได้เห็น เหล่าบรรดาลูกเรือที่เริ่ม
สิ้นหวังและ เทีย ที่ไม่อาจทนดูการต่อสู้ของ พวกเขาได้พี่ชายและเพื่อนๆของเธอกำลังจะตาย
 ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ เขากลับทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย

“ ชินจิ..ช่วยมาทางนี้หน่อยสิ ”
เด็กหญิงวัยเดีวกับเขา เธอมีผมสีชมพู เธอสวมเครื่องแบบ สีแดงของพวก Bell Cross เหมือนกับที่
 ชินจิ สวมอยู่ตอนนี้

(http://image.ohozaa.com/iq/gseedposterluna.jpg)

“ ลูน่า… ”
ชินจิ เปรยด้วยความสงสัย ที่อยู่ๆเธอก็เข้ามาคุยกับเขาทั้งที่ตลอดมาเธอมักจะ เอียงอาย
และไม่กล้าเข้าใกล้จนเขาต้องเป็นฝ่ายเข้าไปหาเธอบ่อยครั้ง ตั้งแต่ที่โรงเรียนจนถึงบัดนี้

และแม้ว่าตอนนี้ก็ตามเรื่องที่เธอเป็นหน่วยข่าวกรองของ Bell Cross นั้นก็ยังเป็นที่แปลกใจสำหรับเค้าอยู่ดี
ทั้งที่เวลา ปกติ เธอเป็นเพียงประธานนักเรียนสงบเสงี่ยมคนหนึ่ง เท่านั้น

“ เธออยากจะ…ได้พลังคืนมาหรือเปล่าล่ะ ”
ลูน่า กล่าวเสียงสั่นด้วยความไม่มั่นใจ ทว่าทันทีที่ ชินจิ ได้ยิน คำพูดของเธอ เขาก็ตาเบิกกว้างด้วยความ
ร้อนรนทันที

“ หมายความว่ายังไง….ลูน่า เธอสามารถทำได้เหรอ ”
ชินจิ กล่าวเสียงลั่นใส่เธอ ทำให้เธอตกใจขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้ารับคำ ทันทีที่
เห็นใบหน้าซึ่งเหมือนจะร้องไห้ของ เธอ เขาก็ชะงักไป

“ อ…ข..ขอโทษนะพอดีชั้นเครียดไปหน่อยน่ะ ”
ชินจิ กล่าวขอโทษอย่างทุลักทุเล  ก่อนที่ ลูน่าจะพาเขาออกไปจากห้องบังคับการ
ทันทีที่ประตูเปิดออก ดร. คีออส ก็รออยู่ก่อนแล้ว ในมือของ ดร. ถือลูกกลมขนาดพอดีฝ่ามือ ซึ่ง
มันถูกสร้างขึ้นโดยการนำเอา ชิ้นส่วนเป็นบล็อกๆมาประกอบกันเหมือนกับลูกบิด ของคาออส
 ดร. ยื่นมันให้แก่เขา ซึ่งเขาก็รับมาอย่าง งงๆ

“ นั่นคือ อาร์เมอร์แอคเตอร์ ไกอา (Gaia)  ”
ดร. คีออสกล่าวขณะที่ส่งลูกบิดทรงกลมในมือให้เขา

“นี่คือ ไกอา งั้นหรือครับว่าแต่ทำไม ”
 ชินจิ กล่าวได้ไม่ทันขาดคำ ก็เกิดคลื่นไฟฟ้าขึ้นรอบๆลูกบิดก่อนที่มันจะลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ

“ Sing In ”
เจ้าลูกบิดทรงกลมส่งเสียงทุ้มแหลกังวานออกมา ก่อนที่บล็อค บางส่วนที่
ด้านบนของมันจะแยกตัวออกเป็นช่อง และฉาย จอภาพสีเขียวขึ้นกลางอากาศ
ซึ่ง มีรูปมืออยู่บนจอนั้น

“ เอาล่ะทีนี้ก็เอามือทาบลงไปเพื่อบันทึก ID ซะเท่านี้ ไกอา ก็จะเป็นของ เธอแล้ว ”
ดร.คีออส กล่าวจบ ชินจิ ก็ยกมือขึ้นทาบลงไปบนจอนั้น แม้จะยังสงสัยอยู่

“ ID Set Up ComPlete ”
เสียงดังกังวานขึ้นจากตัวลูกบิดอีกครา ก่อนที่จอภาพจะกระพริบ และหายไป พร้อมกับที่ช่อง
ซึ่งแยกออกมา ปิดกลับเหมือนเดิม ลูกบิดทรงกลมหล่นตุบ ลงไปที่มือของ ชินจิ

“ น…นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ลูน่า .. ทำไม อาร์เมอร์แอคเตอร์ นี่ถึงได้…. ”
ชินจิ รัวคำถามใส่เธอทว่าก็ต้องหยุดไปเมื่อ ลูน่า ก้มหัวให้เขา

“ ขอโทษด้วยนะ ชินจิ คือว่าฉัน..ฉันขโมยเอาแอคเตอร์ นี้มาจากห้องทดลอง
ที่ฐานทัพแอนดิซอง ก่อนจะหนีออกมากับพวก ริคุ น่ะที่จริง แอคเตอร์นี่ควรจะเป็น
ของเธอก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ Heaven Base แล้วเพราะมันเป็นแอคเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นมารับมือ
กับไฮเปอร์แอคเตอร์ ของ ลอว์เรนซ์ ชั้นไม่อยากให้ ชินจิ ทำร้ายเพื่อนๆอีกก็เลย..ชั้นขอโทษนะ  ”

ลูน่า กล่าวเสียงสะอื้น เพราะละอายต่อการกระทำของตน ที่คิดขัดขวางความก้าวหน้าของ
คนที่ตนคอยเฝ้ามองและถวิลหามาตลอด แต่เธอในตอนนั้นก็ไม่อาจหักห้ามใจได้
เพราะไม่อยากให้คนที่ตนรัก ต้องทำผิดมากไปกว่านั้น

“ ก็อย่างที่ว่านั่นล่ะ ลูน่า เค้าขโมยตัวทดลองที่ยังไม่สมบรูณ์ออกมา พร้อมกับแฟ้มข้อมูล
ก็เลยทำให้ทางห้องทดลองที่นั่นไม่มีข้อมูลเหลือ อยู่เลยแอคเตอร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเธอในตอนนั้นถึงมาอยู่ที่นี่ตอนนี้แทนยังไงล่ะ ชั้นเองก็ช่วยปรับปรุงจนสมบรูณแล้วล่ะนะ นอกจากนี้ยังเพิ่มระบบ Enixtion Drive เข้าไปด้วย
มันเป็นระบบที่จะเพิ่มอนุภาพในการต่อสู้แต่ว่าตอนนี้น่ะมี Magazine แค่ 8 นัด เท่านั้น ”
คีออส อธิบาย ขณะที่ ลูน่า ยังคงก้มหัวขอโทษ ชินจิ อยู่ตัวเธอสั่น ด้วยความกลัวราวกับลูกนก
ทว่า ชินจิ ก็บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น

“ ทำไมต้องขอโทษด้วยล่ะ.. ”
ชินจิ กล่าวขณะที่จ้องหน้าเธอ ทำให้เธอหน้าแดงด้วยความเขินอาย

“ ก็..ก็เพราะชั้นทำให้ ชินจิ แพ้ เจนัส.. ”
“ ก็ช่างมันปะไร.. ”
ลูน่า ที่กล่าวยังไม่ทันขาดคำ ชินจิ ก็ตัดประโยคแทรกขึ้นมา

“ เรื่องที่แล้วมาก็ให้มันแล้วไปที่สำคัญคือตอนนี้ต่างหาก เธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาขอโทษ ชั้นเลย
ที่จริงแล้ว ชั้นต้องเป็นคนขอบคุณ เธอที่ช่วยให้ชั้นไม่เลือกเดินทางผิด..และตอนนี้ชั้นก็ตัดสินใจ
ได้แล้วว่าตัวชั้นต้องการอะไรกันแน่ ”
ชินจิ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นขณะที่ ลูน่ายังคงนิ่งอึ้งกับท่าทีของเขา

“ เข้า Bell Cross เปลี่ยนตัวเองเป็น โคออดิเนเตอร์ ที่ทำลงไปก็เพื่อแก้แค้นงั้นเหรอชั้นคิดมาตลอดแต่ที่จริงแล้ว
มันไม่ใช่ที่ชั้นทำอยู่มันก็แค่การหนีจากความจริงเท่านั้น เพราะไม่มีพลังจึงต้องไขว่คว้าแต่ที่ผ่านมาชั้นกลับเอาแต่
หมกมุ่นกับการหาพลังเพื่อแก้แค้น ทำให้ชั้นมองข้ามรอบตัวไปมองข้ามความตั้งใจที่ทแท้จริงแต่ตอนนี้ชั้นตาสว่างแล้ว ที่แสวงหาพลังไม่ใช่เพื่อแก้แค้นแต่เพื่อปกป้องคนสำคัญ  ”
ชินจิ กล่าว นี่คือคำพูดที่ออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ ความรู้สึกที่เขาพยายามจะสลัดมันทิ้งมาตลอด
ทว่าก็ไม่อาจสลัดได้ เพราะมันคือความตั้งใจที่ทำให้เขา ก้าวไปข้างหน้าได้หากแต่เขามองข้ามมันไป

“ ชั้นตัดสินใจแล้ว..จากนี้ไปชั้นจะก้าวไปพร้อมกับทุกคนไปพร้อมๆกับพวกนั้นแน่นอน เธอก็ด้วย.. ”
ชินจิ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น อย่างมั่นใจ ก่อนจะ วิ่งกลับเข้าไปที่ห้องบังคับการเพื่อ แจ้งการออกตัว
หลังจากที่เขา ออกจากห้องบังคับการเพื่อไปที่ห้องออกตัว คีออส ก็ได้มอบ แผ่นโลหะหนาทั้ง 6 ชิ้นแก่เขา

“ ชิพ Up-Gread สำหรับทุกคน ฝากด้วยล่ะ ”
คีออส กล่าว ชินจิ รับเอาแผ่นชิพ นั้นมาพร้อมกับพยกหน้าเป็นเชิงแล้วจึงวิ่งออกไป ทิ้งให้ ลูน่า
ได้แต่มองแผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไปเรื่อยๆ


ครู่ต่อมา

“ Gate Stand By ”
เสียงดังขึ้นเพราะกับที่ประตูส่งยานเปิดออก ชินจิ ที่ยืนอยู่ภายในทางเดินออกตัว
ก็ยกเอา ลูกบิดทรงกลมขึ้นมา มันได้ลอยตัวขึ้นในทันทีก่อนที่จะเริ่มบิดข้อต่อของ
มันไปเรื่อยๆเพื่อเปลี่ยนสีของบล็อค ให้ตรงกัน

“ Block Break ”
สิ้นคำของ ชินจิ ลูกบิดก็บิดเร็วขึ้นเรื่อยๆจนสีตรงกันทั้งหมดจึงแตกกระจายชิ้นส่วนออก
และประกบเข้ากับร่างของ เขาก่อนจะขยายตัวประกอบกับชิ้นอื่นๆจนเป็นชุดเกราะ
รูปร่างคล้ายกับ คาออส แต่แตกต่างกันเล็กน้อยคือ มีไอพ่นพลังงาน E.I. ติดอยู่ที่หลังซึ่งบูสเตอร์เป็นแบบปีกเหมือนของ นีน่า

“ Change MagGunneR(มือปืนเวทย์มนต์) GaiA  ”
เสียงดังกังวานขึ้น จากตัวชุดเกราะทันทีที่การประกอบเสร็จสิ้น ชินจิ ก็ขึ้นไปยืนบนรางส่ง
ตัว

(http://image.ohozaa.com/in/gaiachaos.jpg)

“ CataPult Shooter Stand By เริ่มทำการออกตัว ไกอา เวลาในการออกตัวแล้วแต่ทาง ไกอา ”
เสียงดังขึ้นจาก ลำโพงบนผนังทางเดิน

“ ชินจิ ยามาโตะ ไกอา ออกตัวได้ ”
สิ้นคำของ ชินจิ  ตัวล็อคของรางส่งก็ล็อค เท้าเขาไว้กับรางก่อนที่ ชินจิ จะย่อตัวลงเล็กน้อย
ทันทีที่ ตัวล็อคเลื่อนขึ้นขึ้นมันก็ดึงให้ร่างของ เขาพุ่งไปตามรางอย่างรวดเร็ว ทันทีที่สุดรางตัวล็อคก็คลายออก พร้อมกับที่บูสเตอร์ปีก ปล่อยอนุภาค E.I. ออกมาครอบคลุมร่างของเขา และทะยานออกไปสู่สนามรบ

“ ส่งตัวงั้นเหรอ..ใครกัน ”
ริคุ ที่รับดาบของ ครอสเร็กซ์ ด้วยใบมีดที่แขนซึ่งร้าวไป ทั้งใบแล้ว เช่นกันกับ ทุกคนในสนามรบที่ หันไปมองยัง
แสงสีฟ้าที่พุ่งออกมาจากยาน

“ บูสเตอร์ E.I. …..แอคเตอร์เรอะ ”
ครอสเร็กซ์ อุทานด้วยความสงสัย

“ เป็นไปไม่ได้นักรบซึ่งถือครอง แอคเตอร์ อยู่ที่นี่กันหมดแล้วนี่ ”
มิดาไร กล่าวด้วยความผวา

“ งั้นแล้วนั่นใครกันล่ะ ”
เรย์ กล่าวขึ้นขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังแสงสีฟ้าที่พุ่งตรงมา

“ Sonic Walk ”
เสียงทุ้มแหลมดังกังวานขึ้น จากแสงสีฟ้าที่พุ่งออกมา ก่อนจะหายไปท่ามกลางความสับสนของ ทุกคน

“ อะไรกันหายไปไหนแล้ว ”
บาอัลเซบัพ ซึ่งเป็นไฮเปอร์ โหมดของ อาบิส อุทานขึ้นก่อนจะหยุดกระทันหัน เพราะร่างของ ฟอน
ที่ปางตายอยู่ตรงหน้านั้นได้หายไปแล้ว เช่นกัน เจนัส กับ นีน่า ที่เป็นเป้านิ่งของ อัซเรย์ กับ ลักซ์

ก็หายไปเช่นเดียวกัน แม้แต่ ลากูน่า กับ ริคุ ที่ยังรับมือกับ พวกเขายังหายไปด้วย หลังจากที่ทั้งหมดกวาดสายตาหาจนทั่วก็พบว่า พวกลอว์เรนซ์ ทั้งหมดได้ไปรวมตัวกันอยู่ เหนือพวกเขา ก่อนที่สายตาของ ทุกคนจะต้องจับจ้องไปยังร่างของผู้มาใหม่อย่างไม่วางตา

“ ไกอา..งั้นเรอะ ”
อาบิส ที่ยังอยู่ในร่างของ บาอัลเซบัพ เปรยเสียงของเขาส่งผ่านสัญญาณออกไป
ยังทุกคน

“ ไกอา..อาร์เมอร์แอคเตอร์ที่ ถูกจารกรรมไประหว่างการพัฒนาน่ะเหรอ ”
มิดาไล อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อต่อสิ่งที่ได้ยิน

“ เรื่องนั้นช่างมันเถอะว่าแต่ใครกันที่สวมใส่มันอยู่ ”
ครอสเร็กซ์ กล่าว

“ ใครจะสวมก็ช่างมันสิ ไม่มีทางสู้กับ Angle Actor ของพวกเราได้หรอก ”
เรย์ กล่าว

“ เจ้าโง่..อาร์เมอร์แอคเตอร์นะ ไม่ใช่ มัลติอาร์เมอร์ ที่ใครๆจะสวมได้ ”
อัซเรย์ กล่าวน้ำเสียงหงุดหงิด

“ แต่ถ้าจะสวม อาร์เมอร์แอคเตอร์ก็ต้องเป็น โคออดิเนเตอร์ เท่านั้นแต่ว่าตอนนี้บนยานนั่นไม่น่า
จะมีคนที่ โคออดิเนเตอร์ ได้นี่ ”
ลักซ์ วิเคราะห์ด้วยความสงสัย ทว่าทันทีที่นึกถึง โคออดิเนเตอร์ ก็ทำให้ เซน่า รู้สึกตัวขึ้นทันที

“ ไม่หรอก..มีอยู่คนหนึ่งแต่ว่าเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะว่า.. ”
“ เป็นไปได้สิ ”
เซน่า ที่กล่าวได้ไม่ทันจบประโยคก็ถูก สัญญาณเสียงแทรกขึ้นมา ซึ่งนั่นเป็นเสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
ทว่ามันกลับทำให้ เซน่า ต้องหน้าซีดด้วยความกลัวทันที

“ ตกใจมากสิท่า ที่ชั้นยังมีชีวิตอยู่..ใช่ไหม เซน่า คัสท์ ”
ชินจิ ซึ่งสวมใส่ ไกอา ส่งสัญญาณ เสียงออกมา

“ ชิ..ชินจิ..ป..เป็นไปไม่ได้ก็นาย ถูก ไฮเปอร์เนลฟา ฆ่าไปแล้วนี่ ”
เซน่า กล่าวด้วยความผวา ขณะที่กระดิ่ง5เสียงเริ่มระสับระส่ายกับตัวตนของ ชินจิ

“ ชินจิ ยามาโตะ ที่ถือครอง คาออส น่ะเหรอแต่องค์กรยืนยันว่าตายไปแล้วนี่ ”
ลักซ์ กล่าวด้วยความสับสนต่อสถานการณ์

“ แล้วไหงเจ้านั่นมันถึงได้ไปสวม ไกอา แถมยังเป็นเจ้าพวกนั้นอีกล่ะ ”
เรย์ กล่าวอย่างร้อนรน

“ ช่างหัวมันสิจะมีเพิ่มมาอีกสักกี่ร้อยคนชั้นก็จะฆ่ามันให้หมด ”
อัซเรย์ กล่าวจบก็ พุ่งเข้าไปหมายจะ สังหารเสียในทีเดียว

“ Part Set Up Luncher ”
สิ้นคำของ ชินจิ ก็เกิดบล็อกเรียงตัวไล่ไปบนแขนของเขา ก่อนจะเรียงตัวและกลายรูปเป็น
ปืนลำแสง ขนาดใหญ่ขึ้นที่มือขวา

“ Luncher Mode ”
เสียงดังกังวานจากตัวเกราะก่อนที่ เขาจะคว้าด้ามปืนมาและเล็งไปยัง อัซเรย์

“ เชอะคิดจะล็อคเป้างั้นเรอะฝันไปเถอะ ”
“ Transport ”
สิ้นคำของ อัซเรย์ เสียงจากตัวเกราะก็ดังกังวาน ก่อนที่ตัวเขาจะเคลื่อนที่พริบตาไป


“ นึกว่าจะรอดเซ็นเซอร์ของ ไกอา เรอะตอนนี้เซ็นเซอร์และตัวสัญญาณของ
ไกอา ถูกปรับแก้ให้ใช้กับอนุภาค E.I. ได้แล้วนอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปอีก  ”
ชินจิ คิดขณะที่ตัวล็อคเป้าบนหน้ากาก ซึ่งวิ่งไปจับยัง อัซเรย์ ที่พุ่งเข้ามาก่อนจะหายตัวไปและทันทีที่
อัซเรย์ ย้ายมาอยู่ด้านข้างในระยะประชิด พวกลอว์เรนซ์ ซึ่งไม่ทันตั้งตัวจึงไม่อาจปกป้องเขาได้

ทว่า เซ็นเซอร์ ที่ตาซ้ายของ ไกอา ก็เลื่อนไปอัตโนมัติ ทันที ชินจิ ไม่รอที่จะให้ อัซเรย์ได้ ปรากฏตัว
อย่างสมบรูณ์ก็ลั่นไกออกมา ทั้งอย่างนั้น โดยที่ปากกระบอกยังหัน ไปทางทิศเดิม
 
“ เล็งไปทีไหนกันเจ้าโง่ตายซะ ”
อัซเรย์ ที่ปรากฏตัวสมบรูณ์เป็นที่เรียบร้อย กล่าวเย้ยหยันในชัยชนะของตน ทว่ากระสุนพลังงาน
ที่ยิงออกไปนั้น กลับวกเข้ามา กระแทกตัวของ อัซเรย์ ในทันที ด้วยความประมาท ทำให้อัซเรย์

ถูกกระสุนของ ชินจิ อัดจนกระเด็น ก่อนที่ ชินจิ จะหันมารัวยิง จนอัซเรย์ ไม่อาจหลบได้และถูกกระหน่ำ
อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ มิดาไล จะเข้ามากันให้โดยยกโล่ของตนป้อนกันไว้

“ หึถึงจะมีสิ่งกีดขวางก็ไม่เป็นปัญหา เดินระบบ Enixtion Drive ”
สิ้นคำของ ชินจิ ตัวปืนก็ส่งเสียงทุ้มกังวานออกมา

“ Casting Load ”
เสียงดังกังวานออกจาตัวปืนก่อนที่ มันจะเปิดฝารังเพลิงที่ด้านข้าง ออกมาปลอกกระสุน
เด้งออกพร้อมกับที่ฝารังเพลิง สับปิดลง ซ้ำเช่นนี้เสียสามครั้งโดยทุกครั้งที่สับกระสุนออก
จะมีควันพวยออกมาจากช่องรังเพลิง

“ Excel Shooting ”
ปืนส่งเสียงขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะเกิดมวลแสงสีส้ม สามมวลรอบปากกระบอกปืน
และทันทีที่ ชินจิ ลั่นไก กระสุนพลังงานแทนที่จะถูกยิงออกมาทีละนัด กลับมีเพิ่มจากมวลแสงเหล่านั้น
จนกลายเป็นสี่นัด และเป็นเช่นนี้เรื่อยๆ ทำให้การโจมตีแต่ละครั้งกลายเป็นการยิงถึงสี่ครั้งพร้อมๆกัน

และแทนที่โล่ของ มิดาไร จะกั้นเอาไว้ได้กลับเป็นว่า กระสุนทั้งหมดอ้อมโล่เข้าไปโจมตีพวกเขาที่อยู่ด้านหลัง
อย่างต่อเนื่องจน แทบหมดสภาพ หาก ลักซ์ ไม่เข้ามาขวางไว้โดยใช้โล่สร้างเกราะกำบังทรงกลมขึ้น
ล้อมเอาไว้ทุกทิศ

“ นั้นมันอะไรกันน่ะพอสับกระสุนเสร็จ เจ้าปืนนั่นก็ยิงได้ครั้งละสี่นัดเลย ”
ลักซ์ กล่าวเสียงหวั่นขณะที่พยายามคงโล่ให้ได้นานที่สุด เพื่อรอการช่วยเหลือจาก
เรย์ และ ครอสเร็กซ์ ทว่าทั้งสองคนก็ถูกลูกปืนที่ยิงออกมา บางส่วนพุ่งเข้าเล่นงาน

“ เอ้าพวกนายเอานี่ติดตั้งลงไปที่ อุปกรณ์แปลงร่างซะ ”
ชินจิ กล่าวพร้อมกับโปรย ชิพทั้ง 6 แผ่น ให้ชิพทังหมดลอยเคว้งอยู่ก่อนที่ทุกคนจะ
คว้าเอามาโดยใช้ สัญลักษณ์ที่แปะอยู่บนชิพ ซึ่งเป็นตราประจำตัวของทุกคน
ก่อนจะติดตั้งลงไป

“ Up-Gread Complete Hold Up From ”
เสียงดังขึ้นจาก เกราะของ ริคุ นีน่า ลากูน่า และ เจนัส
ในขณะที่ ของลอว์เรนซ์ และฟอนต่างออกไป

“ Up-Gread Complete Psy Bio From ”
เสียงดังขึ้นจากตัวเกราะของ ฟอน

“ Up-Gread Complete Seven-Sword From ”
เสียงดังขึ้นจากเกราะของ ลอว์เรนซ์
หลังการเพิ่มประสิทธิภาพ สมบรูณ์ความเสียหายของเกราะทั้งหมด ก็หายไป

“ เอาล่ะเท่านี้ก็ถึงเวลาโต้กลับแล้วเต็มที่ไปเลย ”
สิ้นคำของ ชินจิ รังเพลิงของปืนที่ถือก็สับกระสุนเพิ่มขึ้นอีก 3 นัดเกิดมวลแสงเพิ่มขึ้นที่ปากกระบอก
อีกสามดวง ก่อนที่ทั้งหมดจะหมุนรวมกันเป็นดวงเดียวและลงมาอุดที่ปากกระบอก

“ Burst Blast ”
เสียงแหลมก้องกังวาน ดังขึ้นจากตัวปืน ก่อนที่ลำพลังงานแสงสีแดงขนาดมหึมาจะระเบิดพุ่งออกไป
หลังจากการลั่นไก แม้เหล่า กระดิ่ง 5 เสียง จะหลบพ้นทว่าการโจมตีก็ได้พุ่งเข้าไปทำลาย
กองทัพของ ศัตรูจนวอดวาย มิหนำซ้ำลำพลังงานยังไม่ได้หายไปเสียทีเดียว


ชินจิ ยังสามารถ ลากลำกล้องของปืนให้ กวาดทำลายขอบเขต ของเป้าหมายเพิ่มได้อีก
หลังจากที่ลำพลังงานถูกปล่อยออกจนหมด กองทัพศัตรูจำนวนมหาศาล ที่ใช้เวลา ถึงสัปดาห์
ก็ไม่อาจทำให้ลดลงไปได้กลับดูบางลงไปถนัดตาในการยิงครั้งเดียวของ ไกอา
 ทำเอารูปกระบรวนของ ศัตรูแตกพ่ายไม่เป็นท่าไป



“ ฮ่าๆๆ..จะล้างบางมันก็ต้องอย่างนี้สิถึงจะสะใจวัย.. ”
“ No Problem ”(ไม่มีปัญหา)
ชินจิ ที่ยังกล่าวไปจบก็ถูก เสียงทุ้มต่ำของ ปืนที่ถทออยู่ตอบรับขึ้นมา

“ ชะอึ๋ยนี่แกพูดได้ด้วยเรอะ ”
ชินจิ กล่าวด้วยความประหลาดใจ



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 19, 2008, 07:08:11 PM
“ Yes, I Can Speak ” (ใช่ฉันสามารถพูดได้)
เสียงตอบกลับจากตัวปืนดังขึ้นอีกครั้ง สร้างความประหลาดใจและความประทับใจให้แก่เขาไม่น้อย

“ เอ้อขอโทษนะลืมบอกไปเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานชั้นเลยใส่ A.I. เข้าไปให้ด้วยเพื่อให้ตอบสนองกับ
การต่อสู้น่ะ..อ้อของพวก ลอว์เรนซ์ ก็ด้วยนะ ”
เสียงสัญญาณ ของ ดร.คีออส ดังขึ้นโดยส่งมาจากตัวยาน

“ หางั้นก็หมายความว่า… ”
เสียงของ พวกลอว์เรนซ์ ทุกคนดังขึ้นก่อนที่เสียงของอาวุธจะตอบกลับออกมา

“ My Name Hyper Blade ” เสียงดังจากไฮเปอร์เบลด ที่อยู่ในมือของลอว์เรนซ์
“ My Name Duo Blade ” เสียงดังจาก ดูโอเบลด ของ เจนัส
“ My Name Shuriken Flower ” เสียงดังจาก กงจักรดอกไม้ทั้งสี่ของนีน่า
“ My Name Claw Slasher ” เสียงดังจาก เกราะกงเล็บที่แขนทั้งสองข้างของ ลากูน่า
“ My Name Naiser Cutter ”เสียงดังจาก ใบมีดด้านข้างทั้งสองของ ริคุ
“  My Name Bio Buster ” เสียงดังจาก เกราะแขนที่สามารถเปลียนเป็น บัสเตอร์ได้ของ ฟอน

“ พ…พูดได้ ”
“ Yes, I can Speak ”
ก่อนที่คำถามของทุกคนจะทันออกจากปากหมดประโยค อาวุธของพวกเขาก็ตอบรับเสียก่อนแล้ว
ว่าสามารถโต้ตอบกับพวกเขาได้

“ ก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะเพราะพวกเธอเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปใหม่จึงมีโหมดพิเศษขึ้นด้วยด้านการใช้งานก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเค้าละกันนะของพวกครึ่งสมิง เป็นการปลดตัวจำกัดพลังทางสมิงของพวกเธอ
แล้วก็ของ ฟอน เป็นโหมดโจมตีเต็มรูปแบบ ของลอว์เรนซ์ เป็นการเรียกดาบที่เธอรู้จักขึ้นมาได้เจ็ดเล่ม ”

เสียงของ คีออสดังขึ้นอีกครั้ง เพื่ออธิบายการใช้งาน
“ ของลอว์เรนซ์ ทั้งเจ็ดเล่มก็มี Hyper Blade ที่ถืออยู่ตอนนี้กับ Dragon Edge
ที่ใช้ตอนอยู่ที่โลกนั่นล่ะที่เหลืออีก 5 เล่มก็ คือดาบที่เธอเคยใช้น่ะล่ะ เพราะเดรคแอคเตอร์สร้างขึ้นจาก
ศิลามังกรแห่งตำนาน ดราก้อนฮอลลี่ การที่เธอถูกเลือกจากเดรคก็เพื่อการนี้ เพราะมันบันทึกการต่อสู้
ของเธอในยุคนั้นไว้หมดแล้ว ซึ่งที่มีก็คือ..เอ..อะไรบ้างนะ ”
คีออส กล่าวสะดุดไปเมื่อพยายามนึกถึงชื่อดาบในประวัติของลอว์เรนซ์

“ Shin Saber, Mirai Ken, Muramasa Blade, รวมเป็น 5 เล่มค่ะคุณนี่ขี้ลืมจริงๆ ”
เสียงของ ไลล่า(Ryla)ภรรยาของ คีออส ดังแทรกขึ้นมา

“ อ๋อใช่ๆขอบใจมากนะส่วนอีกสองเล่มที่เหลือก็คือ มังกร แอริเซเก้ ที่เธอเรียกจาก Dragon Edge
ส่วนเล่มที่เจ็ดยังปลดออกมาไม่ได้ ชั้นเองก็ไม่รู้ด้วยว่ามันคือดาบอะไรตอนนี้ก็ใช้แค่หกเล่มนั้นไปก่อนนะ ”
เสียงของ คีออสที่ ติดต่อเข้ามาดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่ออธิบายการใช้งานของ ลอว์เรนซ์

“ หมายความว่าตอนนี้เราสามารถสู้ร่วมไปกับดาบที่มีจิตวิญญาณของพี่ได้งั้นเหรอ ”
ลอว์เรนซ์ คิดขณะที่นิ่งชะงักไปเพราะข้อมูลทีได้รับ

“ Master …I belive my master , Master can doing ”(นายท่าน..ชั้นเชื่อในตัวนายท่าน,นายท่านจะต้งทำได้)
เสียงดังขึ้นจากไฮเปอร์เบลด ซึ่งลอว์เรนซืที่ ได้รับกำลังใจจาก ดาบนั้น ก็ตอบสนองโดยการตั้งจิตแน่วแน่

“ System On, Seaven-Sword Mode ”
สิ้นเสียง มวลพลังงานแสง ซึ่งเรียงตัวเป็นรูปดาบเล็กใหญ่ไม่เท่ากันห้าเล่ม
ก็ลอยขึ้นล้อมรอบตัวเขา ทันทีที่ลอว์เรนซ์ ยื่นแขนไปยังดาบเล่มตรงหน้า
ความทรงจำเกี่ยวกับ พี่ชายของ เขา กาเร็ท ก็วาบขึ้นมา

(http://image.ohozaa.com/iv/lrre15.jpg)

“ MiraiKen ”
เสียงตอบกลับดังขึ้นจากไฮเปอร์เบลด ก่อนที่ ดาบพลังงานนั้นจะกลายเป็นชินเซเบอร์ และเลื่อนตัวไปตามวง
เพื่อให้เล่มถัดไป มาอยู่ตรงหน้าเขา และทันทีที่ ยื่นมือไปสัมผัส ความทรงจำที่เคยสู้ร่วมกับ
กาเทีย ลูกพี่ลูกน้องของ นีน่า ก็วาบขึ้นมาในหัวอีกเช่นกัน

“ Shin Saber ”
เสียงดังขึ้นจาก ไฮเปอร์เบลดอีกครั้ง และเช่นเคยดาบได้เลื่อนตัวเพื่อเปลี่ยนยังเล่มถัดไป

“ ลอว์เรนซ์ ”
เจนัส เปรยเสียง เรียบเมื่อได้เห็นความพยายามของ ลอว์เรนซ์ เช่นกัรชน แม้แต่ นีน่า ลากูน่า ริคุ และฟอน
ทว่าเหล่ากระดิ่ง 5 เสียงไม่รอให้ลอว์เรนซ์ ปลดปล่อยดาบครบทั้ง 6 เล่มพวกเขาจึงต้องออกประจัญอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้พวกเขาจะต้องไม่แพ้

“ Hold Up From ”
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกันจากเหล่าศาสตราของ ของครึ่งสมิงทั้งสี่
ก่อนที่ เกราะบางส่วนจะเลื่อนตัว เปิดออกและขยายขึ้นเพื่อรองรับกับการ กลายร่างภายในที่พวกเขาได้
จำแลงร่างเป็นสมิง โดยที่เกราะหมวกจะมีเขี้ยวโลหะ และสามารถเปิดปิดปากได้

ปีกของ นีน่า ได้ปลดออกจากล็อคของชุด เพื่อให้สามารถใช้เป็นดาบอนุภาค และ ปีกได้ตามต้องการ
เลเซอร์ที่เชื่อมเกราะหัวเข่ากับเกราะเท้าเอาไว้ระหว่างแข้ง ก็ได้ดับลง เกราะเข่าปลดตัวออก
ไปประกบติดที่ ส้นเท้าทั้งสองข้างแทน ทำให้สามารถอาศัยเร่งความเร็วได้

ส่วนใบดาบของ ริคุ ก็ได้เลื่อนตัวมาด้านกลายเป็นใบดาบติดปลายข้อมือไปแทน
โดยส่วนปลายยื่นไปข้างหน้าแทนข้างหลัง  และของ เจนัส มีดปลายเข่า ได้ถูกถอดมาประกบ
ติดที่ข้อมือเพื่อประโยชน์ ในการโจมตีที่สะดวกขึ้นและความคล่องตัวในการเคลื่อนที่

พร้อมกับที่สัญลักษญ์ รูปพระจันทร์เสี้ยวได้ ปรากฏขึ้นตรงอกของทั้งสี่ พลังของ ศิลาจันทราซึ่งห้อยคอทั้งสี่อยู่
ได้ถูกปลดปล่อยออกจากตรงนั้น  ทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและมีพลังเพิ่มขึ้น
จากรูปแบบใหม่นี้ทำให้ พวกเขา ไม่ตกเป็นรองแก่กระดิ่ง 5 เสียง อีกแล้ว
โดยที่ เจนัส รับมือกับ อัซเรย์ และ ลักซ์
ส่วนริคุ กับ นีน่า และ ลากูน่า รับมือ มิดาไร ครอสเร็กซ์ และ เรย์

“ Psy Bio From ”
สิ้นเสียงจาก เกราะแขนของ ฟอน ชุดเกราะของเขาก็ ปลดตัวออกหลวม ที่ทุกข้อต่อเกราะ
และทันทีที่ บาอัลเซบัพ ของ เซน่า พุ่งเข้ามาฟอน ก็บิดที่ข้อต่อของ เกราะแขน ตรงบริเวณ บัสเตอร์

แขนส่วนนั้นหลุดออกมา และ สร้างดาบพลังงานขึ้นที่ปลายแขนที่หลุดออก โดยที่แขนข้างที่ถูกกระชากนั้น
ไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่น้อย  สร้างความประหลาดใจให้แก่ เซน่า จนเผลอหยุดชะงักไป
ฟอน จึงฉวยโอกาส เข้าไปฟัน จน บาซัลเซบัพ ได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วงจากการฟันเพียงครั้งเดียว

“ เอ่อ..ก็หนักหน่วงดีนะ..แต่แบบนี้มันไม่โหดไปหน่อยรึครับคุณพ่อ ผมเป็นนักรบแห่งความทรงจำผู้ถือครองตรา
แห่งกะโหลกก็จริง แต่ไม่ต้องให้มันโหดแบบนี้ก็ได้มั้ง ”
ฟอนกล่าวด้วยความเหนื่อยใจกับสภาพการ ต่อสู้ของเขาในโหมดนี้ ในขณะที่ คีออส พ่อของ เขาได้แต่หัวเราะ
เสียงแหบเพื่อแก้ตัว

ขณะเดียวกัน ชินจิ ก็คอยยิง ป้องกันให้ยาน Ang;e Wing ไปเรื่อยๆจำนวนของศัตรูค่อยๆลดลงไปอย่างหวบหาบ
และอีกไม่นานก็คงจะหมดในที่สุด

“ Dragon Edge ”
เสียงดังขึ้นจาก ไฮเปอร์เบลด และทันทีที่ ดาบพลังงานกลายเป็น dragon edge แอริเซเก้ ก็พุ่งขึ้นมาจาก
มหาสมุทรของ โลกตรงขึ้นมายังพวกเขาด้วยความเร็วจนเห็นเป็นแสง ก่อนจะเปลี่ยนตัวเองเป็น มุราซาเมะ
ที่ใช้ ไฮเปอร์เบลด กับ ดราก้อนเอจ ประกอบเข้าด้วยกัน

“  Murasame Javalin ”
เสียงดังขึ้นจากไฮเปอร์เบลด ขณะที่ ดาบทั้งสองได้เลื่อนตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อ
ให้ดาบที่ยังไม่ปลดปล่อยเล่มสุดท้ายได้มาอยู่ตรงหน้าของลอว์เรนซ์

แต่ครั้นเมื่อจะเอื้อมไปจับดาบ เขาก็เกิดลังเลขึ้นมา เพราะมันคือ มุรามาซะ ของมุรามาซะโซล
ที่เคยครอบงำเขา การปลดปล่อยดาบเล่มนี้จึงเป็นไปอย่างยากลำบากกว่าเล่มอื่นๆ

“ Please, My Master Final Blade ” (กรุณาด้วย,นายท่านนี่ดาบสุดท้ายแล้ว)
เสียงจากไฮเปอร์เบลด เร่งให้เขาปลดปล่อยดาบนี้ทว่าใจเขากลับไม่อยากจะปลดปล่อยมัน
เพราะความทรงจำ ตอนที่ถูกมุรามาซะโซล เข้าสิงร่างจนเขาต้องทำร้ายเพื่อนๆนั้นได้กลับมาวนเวียนใน
ใจเขาอีกครั้ง

“ ไม่..ชั้นทำไม่ได้ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวเสียงสั่นในขณะที่พยายามเอื้อมมือไปคว้าดาบเล่มสุดท้าย

“ นายต้องทำได้สิ ลอว์เรนซ์ พวกเราเชื่อมั่นในตัวนายเชื่อมาตลอดเชื่อว่านายจะทำได้
พวกเราจะคอยปกป้องนายเอง ”
ลากูน่า กล่าวขณะที่ กองหนุนของ ศํตรูเริ่มแห่กันมาอีกครั้ง

“ ชิ..พวกมันมากันอีกแล้วเรอะ ”
ชินจิ สบถขณะที่ ห่ากระสุนกำลังสาดเข้ามาที่ยาน

“ Part Set Up Shield ”
“ Shield Mode ”
สิ้นคำของ ชินจิ ปืนทีถืออยู่ก็สลายไปและ เกิดบล็อกขึ้นที่แขนซ้าย ก่อนจะเปลี่ยนรูปเป็นโล่

“ Casting Load ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่รังเพลิงด้านหลังโล่ สับกระสุนเข้าไป 1 นัด

“ All Bolcking Extream ”
เสียงดังกังวานจากตัว โล่ก่อนที่ มันจะยืดส่วนที่เป็นข้อต่อของโล่ ออก วนล้อมทั้งยานราวกับรังไหม
การโจมตีทั้งหมดที่เข้ามาถูกสะท้อนกลับไปทำลายกองทัพของ ศัตรูจนพินาศ
 ก่อนที่ โล่ทจะหดตัวกลับ

“ ชิไม่ไหวมันไม่ลดลงไปเลย Part Set Up Hyper Mode ”
ชินจิ กล่าวหลังจากที่เห็นกองหนุนของศัตรูที่มาเพิ่มอีก

(http://image.ohozaa.com/iq/gaiachaoshyper.jpg)

“ Yer Sir ”
โล่ตอบรับคำของเขาก่อนจะสลายตัวไปและ เกิดบล็อกขึ้นเรียงไล่ไปและขยาย
ตัวจนมีขนาดใหญ่ เท่ากับปืนใหญ่ก็มิปาน โดยมีโล่เป็นขาตั้งปืนในขณะที่ปืน นั้นขยายใหญ่
และติดตั้งเข้ากับถังพลังงาน

“ เอาล่ะ Magazine เหลืออีกนัดเดียวต้องกวาดให้หมดตอนนี้สร้างเกราะคุ้มกันไว้ก่อน รอจนกว่าพวกมันจะมากันหมดแล้ว ”
ชินจิ กล่าวขณะที่ลงมายืนบนหัวเรือของยาน โดยตั้งปืนลำแสงขนาดยักษ์ ให้ปากกระบอกหงายขึ้น

“ Divine Baria ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจาก ปืนใหญ่ยักษ์ก่อนที่ โล่ซึ่งทำหน้าที่ให้ปืนค้ำยัน
จะสร้างรัศมีป้องกันแผ่ออกไปทั้งยาน พร้อมกับที่ รังเพลิงถูกสับกระออกจากตัวปืน
ไม่นาน ที่ปากกระบอกก็เริ่ม บรรจุพลังงานมากขึ้นเรื่อยๆ

“ Psy Beam ”
สิ้นเสียงจากตัวเกราะของ ฟอน ลำแสงสีดำก็ถูกยิงออกมาจาก ดวงตาที่หัวไหล่ทั้งสองข้าง
 ลำแสงทำให้ เกราะของ บาอัลเซบัพ เกิดรอยร้าวขึ้นในทันที

“ Poltergeist Fantastic ”
สิ้นเสียงจากตัวเกราะของ ฟอน ข้อต่อทั้งร่างของเขาก็บิด และแยกตัวออก
แขนกับหัวไหล่แยกออกจากกัน ไม่เว้นแม้แต่ แข้งกับหัวเข่ากระทั่ง ส่วนหัวยังแยกออกจากร่าง
เซน่า ที่อยู่ในบาอัลเซบัพ ได้แต่นิ่งตะลึงกับการถอดอย่างพิสดารของ ฟอน จนถึงที่สุด
ชิ้นส่วนทั้งหมดของ ฟอนได้แยก ออกเป็น 16 ชิ้นส่วน ก่อนพุ่งเข้าระดมโจมตี โดย

เกราะส่วน หัวและเกราะไหล่จะยิง ลำแสง Psy Beam เกราะแขน จะโจมตีด้วย ดาบพลังงาน
และชิ้นส่วนอื่นๆใช้การพุ่งเข้าชน ส่วนหางนั้นจะ หมุนควงสว่าง และพุ่งเจาะทะลวง

ในท้ายสุด บาอัลเซบัพ ได้ระเบิดออกในพริบตาทว่า เซน่า ก็ถอนตัวออกมาได้ทัน ก่อนจะหลบหนีไป แม้จะอยากตามไปทว่าร่างของ ฟอน ก็ได้ถึงขีดจำกัดในการแยกร่างแล้วจึงต้องกลับมารวมประกอบส่วนเข้าที่ ทำให้เซน่าหนีไปได้ทัน

“ แต่ก็ไม่นึกเลยนะว่า จะสับให้ Ghost Walk มาเกิดผลกับร่างกาย ภายในทำให้ร่างมีสภาพเป็นเหมือนแก๊ส
จึงสามารถแยกชิ้นส่วนของตัวเองได้และยังควบคุมได้หมือนกับ ยังเชื่อมต่อ อยู่ พ่อเรานี่ก็หัวหมอเหมือนกันแหะ
ถึงสร้างไอ้ระบบ อย่างกับผีดิบ มาให้เราเนี่ย ”
ฟอน บ่นขณะที่ยังคงหมุดบิดข้อต่อเพื่อเช็คว่าแน่ดีหรือไม่

“ No Comment ”
เสียงตอบรับจากปลอกแขนดังขึ้น ทว่าก็ไม่มีเวลาให้ทั้งสอง ได้สงบใจเพราะทัพศัตรูยังมากันไม่หยุด
เขาจึงต้องรีบเข้าไปช่วยชินจิ อีกแรง


“ ม..ไม่ได้ชั้นคว้ามันไม่ได้ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวออกมาอย่างหมดหวังในขณะที่ดาบเล่มสุดท้ายยังคงไม่ถูกปลดปล่อย

“ แค่ 6 เล่มยังปลดไม่ได้แล้วเล่มที่ 7 ก็คงได้แค่ฝันล่ะ ”
ริคุ กล่าวขณะที่รับมือกับ มิดาไร อย่างลำบากขึ้นเรื่อยๆ

“ ยังจำได้ไหมสัญญา 5 ข้อของพวกเราก่อนการรบที่ทะเลทรายแห่งการสิ้นสุดน่ะ ”
เจนัส กล่าวคำพูดของเขาทำให้ ลอวเรนซ์ฉุกคิดขึ้นถึงสัญญาที่เคยให้กันไว้ก่อนการ
รบตัดสินกับอวตารแห่งพระเจ้า

“ ข้อที่ 1 ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะไม่ทิ้งกัน ”
ริคุ กล่าวขึ้นถึงคำสัญญาข้อแรก ขณะที่ผละออกห่างจาก มิดาไร ก่อนจะ ฟาด คาไมทาจิ
โดยอาศัยแรงลมที่เกิดจากพลังเวทย์ ของตน สร้างเคียววายุขึ้นมาฟาดใส่นางจน ถูกเป่ากระเด็นไป

“ ข้อที่ 2 จะต้องปกป้องซึ่งกันและกัน ”
นีน่า กล่าว ถึงสัญญาข้อที่สอง ขณะที่ ชักเอาปีกทั้ง 4 เหวี่ยงออกไป พร้อมกับ กงจักรดอกไม้
อาวุธทั้งหมดที่ข้าวไปพุ่งเข้าตวัดทำลายเสียจน โล่ของ เรย์ แตกละเอียดไปในที่สุด

“ ข้อที่ 3 จนกว่าจะบรรลุสัญญาถึงข้อที่ 5 ห้ามหนีหรือตายเด็ดขาด ”
ลากูน่า กล่าวขณะที่ ใช้พลังของ ศิลาจันทรา ซึ่งถูกแปลงผ่านออกมาจาก ชุดเกราะ
ทำให้การโจมตีด้วยกงเล็บของเขาสามารถ แช่งแข็งศัตรูได้ ก่อนที่เขาจะเร่งความเร็วด้วยเลเซอร์ที่ส้นเท้า

จนเข้าประชิดตัว ครอสเร็กซ์ ได้ในที่สุด ทันทีที่ กงเล็บตวัดเพียงเสี้ยววินาที โล่ของ ครอสเร็กซ์
ก็กลายเป็นน้ำแข็งและแตกละเอียดไป จนต้องถอยออกมาเหมือนกัน


“ ข้อที่ 4 พวกเราจะสู้ร่วมกันตลอดไป ”
เจนัส กล่าวขณะที่  ดูโอเบลด กางออกในลักษณะ คันธนู ทว่าเขากลับใช้มัน
เป็นพลองเลเซอร์พุ่ง ทะลวงลักซ์ และ อัซเรย์ จนเสียหายทั้งคู่ ก่อนจะถูก มิดาไร ใช้เคลื่อนที่พริบตามาช่วยพาออกไป

ได้ทัน หลังจากที่สัญญาได้ถูกกล่าวมาจนถึงข้อที่ 4 ลอว์เรนซ์ ก็ไม่ลังเลอะไรอีกแล้ว ทันทีที่ยื่นมือเข้าไปใกล้ดาบ
ความทรงจำที่เลวร้ายกับมุรามาซะโซล ก็วาบขึ้นมา ทว่าเขาก็ไม่กลัวที่จะคว้ามัน อีกต่อไป

“ ในที่สุดก็ทำสำเร็จ จนได้นะ..สิ่งที่ข้ายังขาดอยู่จนไม่อาจก้าวข้ามเจ้าได้ก็คงจะเป็นเพื่อนพ้องงั้นสิ ”
เสียงของ มุรามาโซล ดังก้องขึ้น ในหัวทันทีที่เขาจับดาบเล่มสุดท้าย

“ จริงอยู่ที่ชั้นสู้มาได้จนถึงตอนนี้ก็เพราะมีพวกพ้องคอยช่วยเหลือ แต่นายเองก็ไม่ได้ขาดสิ่งนั้นเลย
เพียงแต่นายไม่ยอมรับมันก็เท่านั้น..มาสู้ร่วมกันเถอะกับทุกๆคนเพราะความทรงจำของนายก็คือส่วนหนึ่งที่ทำให้ชั้นเป็นชั้นในวันนี้ ”
ลอว์เรนซ์ ตอบกลับด้วยความคิด



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 19, 2008, 07:08:20 PM
“ หึ..เอางั้นเลยรึก็จริงของเจ้า เอาสิข้าจะร่วมด้วยสู้ร่วมไปกับความทรงจำอื่นๆของดาบที่เจ้าเป็นผู้ถือครอง ”
เสียงของมุรามาซะดังขึ้นในหัวของเขาอีกครั้งก่อนที่ ดาบตรงหน้าจะเปลี่ยนรูปเป็น มุรามาซะ

“ Muramasa Blade ”
สิ้นเสียงของ ไฮเปอร์เบลด ดาบทั้งหมดก็หมุนวนไปรอบๆเขา ขณะที่ค่อยๆยกตัวตั้งขึ้น

“ เพราะเรามีทุกๆคนอยู่ด้วยคำมั่นแห่งหัวใจพวกเราจะต้องไปสู่อนาคตได้อย่างแน่นอน ”
ลอว์เรนซ์ คิดก่อนที่จะยก ไฮเปอร์เบลดขึ้นชูเหนือหัว
“ ข้อที่ 5 หากสัญญาตั้งแต่ข้อที่ 1-4 ยังไม่ถูกละเลย พวกเราทุกคนจะไปคว้าอนาคตแห่งชัยชนะมา ”
สิ้นคำของลอว์เรนซ์ ดาบทั้งหมดก็เปล่งแสงและ รวมตัวเข้าด้วยกันเป็นเสาแสงสูง จนแทบจะผ่ามิติเลยก็ว่าได้

“ Signum Genesis ”
สิ้นเสียงจาก ตัวเกราะของ ลอว์เรนซ์ ชินจิที่เห็น เสาแสงนั้น ก็ทำการปลดรัศมีป้องกันยาน ออก


“ เอาล่ะยิงให้เต็มแรงเลยกวาดทีเดียวให้หมดไปเลย ”
ชินจิ กล่าวจบก็ลั่นไก ปืนทันที

“ Energy Blast ”
สิ้นเสียงจากปืนของ ชินจิ ลำแสงพลังงานสีแดง ก็พวยพุ่งขึ้นไปยัง ลอว์เรนซ์
และทันที ลอว์เรนซ์ ก็ฟาดเสาลำแสงให้กระทบกับลำพลังงานแรงสูง
จนเกิดการสะท้อนกลับลงมาและเกิดแรงระเบิดขึ้นครั้งใหญ่

“ Transporter ”
เสียงดังกังวานขึ้นก่อนที่เหล่ากระดิ่ง 5 เสียงจะถอนตัวไป

“ Last in Quest ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นประสานกันจากเกราะของ ลอว์เรนซ์ และ ชินจิ
ระเบิดครั้งนี้รุนแรงเสียจนมิติ แทบจะเกิดการบิดเบี้ยว เพราะแรงระเบิดได้เลยทีเดียว
กองทัพจำนวนนับไม่ถ้วนของ ศัตรูถูกกวาดล้างในพริบตา

…………..
………………….


“ พลังอำนาจของพวกมันถึงกับสร้าง BigBang ได้เลยทีเดียวหรือนี่ Last in Quest สมชื่อภารกิจสุดท้ายจริงๆนะ ”
อาเทเนีย ที่เฝ้ามองการรบอยู่ห่างๆภายในห้องของตน กล่าวขึ้นทันทีที่แสงจากการะเบิด นั้นได้สาดส่องมาถึง
ก่อนจะดับลงไป

ปิ๊บๆๆ

เสียงดังขึ้นจากเครื่องรับข้อความ ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ สองสมครั้งก่อนที่ไฟบนเครื่องจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว

“ ท่าน อาเทเนีย การวิจัย Axia เสร็จสมบูรณ์แล้วขอรับ สามารถออกปฏิบัติการได้ในอีกสามวัน… ”
เสียงดังขึ้นจาก เครื่องรับก่อนที่สัญญาณจะถูกตัดไป

“ หึๆๆ..กระดิ่ง 5 เสียงทำงานได้ดีกว่าที่คิดนะ ตอนแรกแค่ว่าจะให้ถ่วงเวลา จนสรุปผลการวิจัยได้ก็พอ
แต่นี่เรามีเวลาเหลือจน สร้างสำเร็จแล้ว…เจ้าพวกมนุษย์ เอ๋ยถึงเวลาที่พวกแกจะต้องหายไปแล้ว..หึๆๆ ”
อาเทเนีย กล่าวสีหน้าผ่องใส ด้วยความดีใจ ขณะที่มองผ่านหน้าต่าง ลงไปยังโลก สีฟ้าที่มี
รอยหมองดำเป็นจุดๆจากการ ทำอุตสาหกรรมของยุคนี้

“ ใกล้แล้วสินะครับท่านพี่..เวลาที่เราจะกวาดล้างพวกมนุษย์ให้หมดไป ทีนี้หน้าที่ของผู้สืบทอด
เชื้อสายเทพีแห่งสงครามก็จะจบลงเสียที  ”
เซน่า ที่เดินโซซัดโวเซ เข้ามาภายในห้องกล่าวกับ อาเทเนีย ที่ยังคงหันหลังให้

“ ใช่แล้ว อวตารแห่งพระผู้เป็นเจ้า กำลังจะฟื้นคืนและถึงตอนนั้นเราก็จะรับมอบพลังอันยิ่งใหญ่
Axia จะเป็นตัวแทนของพระองค์ในการชำระล้างจักรวาลทั้งมวลนี้ อีกแค่สามวันเทานั้น การทำพิธีอัญเชิญก็จะลุล่วง
ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ จะลบมันออกไปให้หมดเลยเหล่ามนุษย์ที่แสน โสมม นั่น ”
อาเทเนีย กล่าวเสียงเรียบด้วยใจกระหยิ่มจองหองอย่างที่สุดที่แผนการของเธออกไม่นานจะสัมฤทธิ์ผล

……………
…………………

ณ ท่าจอดยานของ Colony Zalom
 
ยาน Angle Wing ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักกำลังถูกซ่อมแซมด้วยแขนกล
ภายในอู่ซ่อม ขณะเดียวกัน พวก ทุกคนบนยานก็ถูกเรียกให้ไปรวมกันที่
ห้องประชุมของ Colony

ห้องประชุม

ภายในห้องที่ตกแต่งแบบเรียบง่าย มีหน้าต่างสองบานซึ่งถูกปิดไว้ด้วยม่าน
สีขาว ลอว์เรนซ์ เจนัส ลากูน่า นีน่า ริคุ ฟอน ชินจิ ลูน่า เทีย คีออส ไลล่า คางาริ และก็ลูกเรืออีกสองคน
กำลังทำความรู้จักกับ หน่วยรบพิเศษที่ถูกส่งมาจาก มิติ อื่นทั้ง 2 คน

“ ผม เอริค (Eric) Spell Techer จาก มิติ ฮิแรนด้า (Hiranda) ”
เด็กชายอายุประมาณ 10 ปีกล่าวแนะนำตัว เขามีผมสีแดงสด สวมเครื่องแบบสีแดงและคลุมทับด้วยเสื้อ
คลุมสีขาว ในมือถือ หอกซึ่งประกอบติดเครื่องยนต์ที่หัวและส่วนด้ามยังเป็นข้อต่อ ประกอบเข้าด้วยกัน
ที่หัวหอก มีรังเพลิงสำหรับเดินระบบ Enixtion Drive

(http://image.ohozaa.com/tl/6a2112336a5fa3eb1a4cff14.jpg)

“ ส่วนผม กอนดารี่(Gondary) Spider Warrior จากมิติ อาแล็คน่า (Aracna) ส่วนนี่แมงมุมคู่หูของผม ไรโอ (Raiou) ”
เด็กชายวัยเดียวกับ เอริค กล่าวแนะนำตัวพร้อมกับชี้ไปที่แมงมุมยักษ์ สีฟ้าที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาสวมชุด
เกราะอัศวิน สีฟ้าขาว ที่มือซ้ายมีโล่ติดข้อมือ และมือขวา ถือหอกสองหัว

(http://images2.wikia.nocookie.net/spiderriders/images/1/1b/Welcomesayshunter.gif)

“ สองคนนี้คือผู้นำหน่วยรบพิเศษ ที่จะช่วยพวกเธอบุกเข้าโจมตี ฐานที่มั่นของศัตรูในอีกสามวันข้างหน้า
ขอให้พวกเธอเตรียมพร้อมกันด้วยล่ะ เพราะศึกตัดสินกำลังจะเริ่มในไม่ช้า  ”
ฟอน กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น

“ ครับ/ค่ะ ”
ทุกคน ตอบรับน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่การประชุมจะจบลง

“ นี่ว่าจะถามตั้งนานแล้ว เจ้าหอกอันนั้นน่ะมันติดระบบ Enixtion Drive ไว้ใช้ไหม ”
ชินจิ กล่าวถาม เอริค ขณะที่ เดินออกจากห้อง

“ อ๋อคุณนี่เองที่ ดร.คีออส พูดถึง ”
เอริค กล่าว คำพูดของเขาทำให้ ชินจิ แปลกใจเล็กน้อย ขณะที่ เอริค บรรจงยกเอา หอกยนต์ นั้นขึ้นมา

“ นี่คือระบบ Rise Magical มันเป็นระบบ สำหรับเพิ่มพูนพลังมนตราให้จำนวนมหาศาลชั่วขณะหนึ่ง
ซึ่ง แอคเตอร์ของคุณก็ได้รับดัดแปลงจากระบบนี้ นั่นล่ะครับ ส่วน Magazine นั้นใช้แบบเดียวกับพวกเราครับ..อ้อ ดร.ฝากมาให้คุณด้วยทั้งหมด 150 นัดครับ ”
เอริค กล่าวจบก็ยื่น แพค กระสุนจำนวนหนึ่งให้แก่เขา

“ งั้นก็หมายความว่าพลังของ ไกอา คือพลังมนตรางั้นเหรอ ”
ชินจิ เปรยขึ้นด้วยความสงสัย

“ Sure, Magical Power ”
เสียงตอบรับดังขึ้นมาจาก ลูกบิดทารงกลมที่เป็นแอคเตอร์ของ ไกอา ทำให้ทั้งคู่สะดุ้งเล็กน้อย

“ เธอคิดไหมว่าเป้าหมายที่แท้จริของ Bell Cross ที่ก่อสงครามขึ้นนี้เพื่ออะไรกัน ”
ลอว์เรนซ์ ถามขึ้นขณะที่สายตายังคงจ้องทะลุหน้าต่างลงไปยัง โลก

“ ก็คงจะอาศัยสงครามทำกำไรมั้ง เพราะเหตุการณ์นี้ มัลติอาร์เมอร์ ถึงได้ ขายดีไงฉันว่างั้นล่ะมั้ง ”
เทียกล่าว พลางทำท่านึกไปเรื่อย

“ แต่ชั้นว่ามันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวเสียงเรียบ ท่าทางสุขุมกว่าปกติ ทำให้ เทีย มองเขาด้วยความแปลกใจ

“ ชั้นรู้สึกตั้งแต่ตอนที่ขึ้นมาบนอวกาศนี่แล้วล่ะ..มันมีอะไรบางอย่างกำลังดูดกลืนเอาความกลัวและพลังด้านลบของ
จิตใจ ที่เกิดจากสงครามนี่อยู่ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวเสียงขรึม ทำเอา เทีย ที่ฟังประโยคนั้นถึงกับนิ่งไปชั่วครู่ ลอว์เรนซ์ ต้องการจะบอกอะไรแก่เธอกันแน่

“ บางทีนี่อาจเป็นแค่ความกังวลเกินเหตุของชั้นก็ได้..แต่ถ้าเกิด่ามันเป็นจริงล่ะหากการที่ Bell Cross สร้างสงครามขึ้นเพื่อ ให้พลังานด้านลบของจิตใจ มีเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ และการที่ เดรค ถูกสร้างขึ้นจาก ดราก้อนฮอลลี่
บางทีนี่อาจเป็นชะตา..ไม่สิบางทีทุกอย่างอาจถูเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว ”
ลอว์เรนซ์ กล่าว

“ ด..เดี๋ยวสินี่นายจะบอกอะไรกันแน่ ”
เทีย กล่าวถาม ด้วยความอยากรู้ ทว่าลอว์เรนซื ก็เงียบไปซักครู่ก่อนจะเอ่ยปาก


“ หากว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี่ถูกจัดขึ้นเพื่อให้ อวตารแห่งพระเจ้า จุติลงมาอีกครั้ง ถ้าเกิดเป็นอยาางนั้นจริง
บางทีพวกชั้นและทุกคนอาจจะไม่มีชีวิตรอด ก็เป็นได้ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวเสียงขรึม ต่อสายตาที่ไม่อยากเชื่อของเทีย

………………
………………..

โปรดติดตามตอนต่อไป

โฮ่ๆๆ อาทิตย์หน้า อวสานภาค V.O.W แล้วนะจ้ะ แล้วก็มีตอนพิเศษอีกตอน Multi Armor Actor E.E. (End of Era)
แล้วก็จบแบบบริบูรณ์นะจ้ะ ส่วนรูปของ ลูน่า กับ เอริค แล้ว ก็ กอนดารี่กับไรโอ ทำให้เป็นการ์ดไม่ทันเอาแบบนี้ไปละกันนะ
อ้อพิเศษหน่อยบทนี้ ลอว์เรนซ์ แบบ re-edition เพราะของเก่าเห็นแต่หน้า
โตแล้วหน้าเหมือนพี่ชายเด้ะเลยโหะๆ 

เผา War ตอนที่สองจ้า

จากเผาที่แล้ว เกรม่อนคุงกับการุรุม่อนจัง กำลังเข้าตาจนเพราะเหล่าตัวละครจากเรื่องที่ถูกเผาในนิยาย
ต่างยกโขยงมารุมกระทืบเราสองคน เหตุการณ์ณ์จะเป็นเช่นไรไปดูกัน(เหอๆเอาเข้าไป)

เกรม่อน:เอาไงดีการุรุม่อน พวกมันมาแว้วนะ
การุรม่อน: คงถึงเวลาที่ต้องใช้ไม้ตายแล้ว พร้อมเน้อ
เกรม่อน: เอาจริงเรอะแต่ก็จริงถ้าไม่ใช้ไอ้นั่นคงไม่ชนะ งั้นเอาเลย

เกรม่อนและการุรุม่อน: วาร์ปเปลี่ยนร่าง ตามด้วย โจเกรส เป็น โอเมกา ม่อน
จูเรนเจอร์สีแดง: มันขยายร่างแล้วเรียกสัตว์เทพพิทักษ์ ออกมากันเถอะ

จูเรนเจอร์ทุกคน:จงออกมาเหล่าสัตว์เทพพิทักษ์ เดินเครื่อง ไดจูจิน

หลังจากที่หุ่นไดโนเสาร์ทั้งห้าตัวออกมา ก็รวมร่างตามสไตล์เรนเจอร์ เข้าปะทะกับ โอเมกาม่อน

โอเมกาม่อน:ลองเอานี่ไปชิม โอเมกาบัสเตอร์
ยิงกระสุนออกจาก มือซ้ายที่เป็นปืนหัวเมทัลการุรุม่อน ไดจูจิน เครื่องล่มเลย

Celestial being (จากgundam oo): หนอยพวกจูเรนเจอร์แพ่แล้วเราเข้าไปจัดการ
มันก่อนอย่าให้มันอาละวาดได้

กันดั้มสี่เครื่องบินเข้า โดน ดาบมือขวา จากหัวของวอย์เกรมอน สับกระจุย


โอเมกาม่อน:ฮ่าไม่มีใครสู้เราได้แล้ว พวก ดีเกรย์แมนไม่ต้องไปกลัวเราไม่ใช่อาคูม่า อาวุธมันก็แค่ มดกัด
ส่วนเจ้าพวก คาบูโตะค่อยไปเช็คบิลทีหลัง

“ ช้าก่อน ”
เสียงดังขึ้พร้อมกับกองทัพ จอมเวทย์แห่งมิชชิลด้า จากเรื่อง นาโนฮะภาค สาม บุกมาล้อม

นาโนฮะ:Divine Buster
เฟทจัง:Thunder Smasher
ฮายาเตะ:หอกศิลา แรคนาร็อค
ซูบารุ:Divine Buater
เทียน่า:Cross Fire
เอริโอ้:spar Angriff
แคโร:Booster up(พลังของการโจมตีเพิ่มขึ้น)

การโจมตีจากพวกนาโนฮะ พุ่งเข้ามา โอเมกาม่อน หลบไม่ทันแทบปางตาย

จูเรนเจอร์:ดีล่ะตอนนี้ออกมาเลย ดราก้อนซีซ่าร์ รวมร่าง จักรพรรดิ ไดจูจิน
จงออกมาคิงบราคิอ้อน ร่วมร่าง เทพสูงสุด ไดจูจิน

หุ่นดราก้อนซีซ่าร์กับคิงบาคีอ้อนออกมารวมร่าง กลายเป็นุหุ่นใหม่

จูเรนเจอร์:Grand Fire
เทพสูงสุดไดจูจิน ยิงมาที่โอเมกาม่อน ทว่าx-vmon กับ stingmon มาช่วยทัน

โอเมกาม่อน:เอ็กซ์วีม่อน สติงม่อน มาช่วยแล้วเรอะดีโจเกรสซะ

X-vmon ,Stingmon:รับทราบ โจเกรส เป็นเพลดราม่อน
จากนั้นโอเมกาม่อนเปิดเพลง op ของดิจิม่อน ภาค2

เพลดราม่อน:เปลี่ยนร่างสุดยอด อิมพีเรี่ยลดราม่อน ตามด้วยโหมดเชนจ์ ไฟเตอร์ฟอรม์

มังกรยักษ์ถูกเรียกออมา ก่อนจะเปลี่ยนร่าง เป็นรูปแบบอัศวิน

โอเมกาม่อน:ขอโกงหน่อยเน้อ  Option Card Evolution Enforcer สองใบ

โอเมกาม่อน:เปลี่ยนร่างเป็น พาลาดินโอเมกาม่อน
อิมพีเรี่ยลดราม่อน:เปลี่ยนเป็น พาลาดินอิมพีเรี่ยลดราม่อน

ดิจิม่อนทั้งสองตัว: End World
สิ้นคำไอ้ตัวโกงทั้งสอง ก็ระเบิดจนทุกคนแพ้

เจ้าตัวโกง:ฮ่าๆเท่านี้ก็ไม่มีใครมาหยุดเราได้แล้ว

ทว่าเมื่อ ไลท์ กับ ดาร์ค เดินตรงเข้ามา

ตัวโกง(อิมพีเรี่ยลดราม่อนกับโอมากาม่อน):อ้าวมาทำไรล่ะ ไลท์จะมาแก้แค้นให้ ลอว์เรนซ์ รึ

ไลท์:ผิดแล้วชั้นไม่ใช่ไลท์แต่เป็น ยางามิ ไลท์
ดาร์ค:ชั้นเป็นลุค
มังกรทั้งสองกล่าวจบก็ฉีกร่างออกมาเป็นมนุษย์กับยมทูตหน้าตาตลกตัวหนึ่งในมือของ ไลท์
ถือสมุดที่หน้าปกเขียนว่า Death Note

ตัวโกง:เฮ้ยมาผิดเรื่องป่ะเนี่ย.อ็าคคค
พูดยังไม่ทันขาดคำก็ถูกเขียนชื่อลงเดธโน็ต หัวใจวายตายไปแล้ว

ไลท์:หึๆไแปกันเถอ ลุค ที่นี่น่าเบื่อ

ทั้งสองก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ

โปรดติดตามตอนต่อไป(พอเฮ้อ ยังจะมีอีกเรอะ)
 


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 26, 2008, 07:52:05 PM
Last Flie คมดาบสุดท้าย คือความหวัง!
 
“ ประชาชนทั้งหลายบัดนี้พวกเรา Freedom Resistant จะขอประกาศถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงในการเข้าแทรกแซง
จนก่อให้เกิดสงครามในครั้งนี้ แก่สาธารณโลกทั้งมวล ”
เสียงและภาพของ เด็กหนุ่มซึ่งสวมเครื่องแบบ สีขาวตัดฟ้า ฟอนกำลังแถลงการณ์ณ์ส่งผ่านคลื่นสัญญาณภาพและเสียงไปทั่วทั้งโลกเทอร่าและ ทุก Colony ของแต่อาณาจักรทั้งหมด

“ เมื่อปีที่ผ่านมานี้การโค่นล้มอำนาจของ รีกอล ราเฟล ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการ แลนทิส ทว่าทั้งเครื่อง
แลนทาไนเซอร์ ของ รีกอล ถูกทำลายไปแล้วแต่ แลนทิส ยังคงเคลื่อนไหว ข้อสงสัยนี้เคยถูก Bell Cross ให้การว่า แลนทิส นั้นได้รับการเสริมพลังจากการทดลองของ รีกอล อาจจะถูกโปรแกรมไว้ให้ทำลายมนุษย์
ทว่าสิ่งนั้นไม่เป็นความจริงเลย ”
สัญญาณถูกถ่ายทอด ไปยังทุกอาณาจักร ไม่นานทุกอย่างก็ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน ภาพเหตุการณ์
จาก กล้องวงจรปิด ในสถาบันวิจัยของ รีกอล ได้ถูกเปิดเผย การต่อสู้ของ เดรค ที่สามารถใช้ไฮเปอร์โหมดได้เป็นครั้งแรกที่ ยุคนี้ และการทำลาย เครื่องควบคุมแลนทิส ของ รีกอล จนหมดสภาพ ไปจนถึงการลงมือสังหาร รีกอล ด้วย
ตนเองกับมือ และต่อจากนั้นภาพการลักลอบเข้าไปขนย้ายเครื่องควบคุมที่ว่าออกมาจากสถาบันวิจัย โดย
ทหารของ Bell Cross ก็ถูกฉายขึ้นมาด้วยเช่นกัน

“ อย่างที่ทุกท่านได้เห็น พวกเราได้ทำลายแผนการ แลนทิส ลงอย่างสมบรูณ์ทว่า ผู้ที่มากู้เครื่องควบคุม
และรื้อฟื้น แผนการแลนทิส ขึ้นมาคือ Bell Cross นั่นเอง ทั้งหมดเป็นแผนการ
ที่จะสร้างแลนทิส ขึ้นเพื่อทำให้การ
พัฒนาวิจัย แอคเตอร์ ได้รับการสนับสนุน โดยใช้แลนทิส ที่ตนควบคุมเป็น
ข้ออ้างหาผลประโยชน์และบัดนี้จากการสืบของพวก ทำให้ได้รู้มาว่า
ที่ใต้ฐานของ Colony Felasia มีการวิจัยและสร้างแอคเตอร์อย่างลับๆ ”
คำพูดของ ฟอน ที่ถูกถ่ายทอดต่อสาธารณ นั้นสร้างความกลลาหล ขึ้นไปหมด ทั้งโลกต่างหยุดเพื่อจับตาดู
การแถลงการณ์ในครั้งนี้ 
……………..
………………………..

“ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ”
“ ไหนคุณว่าให้การสนับสนุนเพื่อการกำจัด แลนทิส ทั้งหมดยังไงล่ะ ”
“ คุณจะตอบคำถามนี้ยังไงกัน…เพราะแถลงการณ์นั่น ทำให้ตอนนี้ประชาชนเริ่มลุกฮือขึ้นมากันแล้วนะ ”
“ นี่มันจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของแต่ประเทศมากแค่รู้ไหม ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้ ”
“ อาเทเนีย! ”
ฟุบ!
เสียงต่อว่าจากบรรดาผู้นำประเทศ ที่ให้การสนับสนุน Bell Cross ได้ถูกตัดขาดไปทันทีที่ อาเทเนีย
กดสวิตซ์ตัดสัญาณ ของเครื่องรับ

“ คิดจะมาเริ่มเอาตอนนี้มันก็สายไปแล้วเจ้าพวกมนุษย์…. ”
อาเทเนีย กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่เดินออกจากห้องไป

………..
…………..
……………..



“ …จากการสืบของเรา ทำให้รู้ว่า Bell Cross มีจุดประสงค์ที่จะสร้าง แอคเตอร์พิเศษเพื่อทำการควบคุมพลังระดับสูง
จึงได้สร้างสถานการณ์ ที่แอคเตอร์นั้นยังจำเป็นอยู่เพื่อที่จะได้ทำการวิจัยและพัฒนา แอคเตอร์ ตัวนี้
ขึ้นมานอกจากนี้  ยังมีวัตถุประสงคืในการนำแอคเตอร์ไปใช้เพื่อการสงคราม รวมไปถึงโครงการสุดยอดนักรบ
SS(Super Solider) ซึ่งเป็นการสร้างสุดยอดนักรบ และยังมีโครงการผ่าตัดเปลี่ยนยีน หรือโคออดิเนเตอร์
ทั้งนี้เพื่อที่จะสร้างสรรค์นักรบแอคเตอร์ ที่แข็งแกร่งขึ้นมา  ”
คำแถลงการณ์ของ ฟอน ยังคงถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆโดยไม่มีการตัดหรือหยุดสัญญาณแต่อย่างใด
ท่ามกลางความสับสน ที่เกิดขึ้นกับทุกประเทศ บัดนี้กลุ่มที่เคยให้การสนับสนุน Bell Cross เริ่มที่จะสั่นคลอน

และตัดความช่วยเหลือ กองกำลังของทหารบางประเทศถึงกับถูกสั่งให้ถอนตัว เหล่าผู้นำประเทศ
และสมาคมหรือองค์กรที่ให้การสนับสนุน Bell Cross ได้เริ่มประชุมหารือกันอย่างเร่งด่วน
ขึ้น การเปลี่ยนแปลงได้เริ่มอย่างต่อเนื่อง จากการแถลงการณ์นี้

“ ถึงเวลาแล้วหรือยังครับที่เราจะตาสว่างเลิกให้เขามาจูงจมูกเราอยู่แบบนี้
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามพวกเรา Freedom Resistant จะทำการบุกโจมตี เพื่อโค่นล้มฐาน
อำนาจขององค์กรผิดมนุษยธรรมนี้เสีย หากกลุ่มองค์กรหรือประเทศใดที่ให้การสนับสนุน Bell Cross
ตอนนี้ยังทัน ขอให้เปิดทางให้กับกองกำลังของเรา ด้วย ”
สิ้นคำแถลงการณ์สัญญาณภาพและเสียงทั้งหมดก็ตัดหายไป
ทว่าการแถลงการณ์ ในครั้งนี้ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่าง กะทันหัน ขึ้นกับทั้งโลก

……………….
………………
…………………

ณ น่านอวกาศรอบ Colony Felasia

กองยานรบของ Freedom Resistant ได้เคลื่อนตรงเข้ามาเรื่อยๆ ทว่ากลับไม่มีการโจมตีจากกองยาน
ของศัตรูเลยแม้แต่น้อย

“ ดูท่าจะได้ผลนะคะจากการถ่ายทอดสัญญาณแถลงการณ์นั่นไปตอนนี้
 มีคำยืนยันจากเหล่าประเทศที่ให้การสนับสนุน Bell Cross แล้วว่าจะยกเลิกการให้ความช่วยเหลือ
…..อ้ะทาง ฟีเลเซีย ถึงกับมีคำสั่งออกหมายจับ อาเทเนีย ฐานกบฏเลยล่ะค่ะ ”
ลิลลี่ รายงานขณะที่ดูรายงานข้อมูลที่ขึ้นมาบนหน้าจอเป็นระยะ ตอนนี้กองยานของศัตรูกำลังเข้า
ปิดล้อม Colony Felasia และเริ่มมีการอพยพ พลเมืองและเข้าทำการจับกุมและยึดที่ทำการของ Bll Cross ทั้งหมด

“ ถึงเหล่ามนุษย์ที่ น่าสมเพชทั้งหลาย…..นี่คือเสียงจากเรา อาเทเนีย คัสท์ ผู้สืบทอดหน้าที่ของตระกูลคัสท์
ในฐานะ เทพีแห่งสงคราม บัดนี้จุดจบของพวกเจ้าได้มาถึงแล้ว Axia Actor ได้เสร็จสมบรูณ์แล้ว
บทเพลงแห่งการชำระ กำลังจะเริ่มบรรเลงในไม่ช้านี้ ”
สัญญาณเสียงของ อาเทเนีย ถูกถ่ายทอดออกมาจาก Colony ไปทั่วทุกแห่ง
ก่อนที่ ดาวเคราะห์จำลอง Colony Felasia จะระเบิดเป็นซากไป ทว่าท่ามกลางซาก Colony และฝุ่นควัน
ความมืดที่ราวกับหลุมดำ ขนาดใหญก็ได้ปรากฏขึ้น

“ อะ…นี่มันใช่จริงๆด้วย ”
ลอว์เรนซ์ อุทานความรู้สึกที่คุ้นเคย ที่ราวกับหัวใจจะถูกกลืนหายไป ได้ผุดขึ้นมาในใจ

“ เจ้านั่น…อวตารแห่งพระเจ้า God Terra ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของ ลูกเรือทั้งยาน
เหนือขึ้นไปบนความมืดนั้น เซน่า ที่สวม อาบิส เรียบร้อยรวมทั้งกระดิ่ง 5 เสียงทุกคนได้
คอยคุ้มกัน อาเทเนีย ขณะที่พาส่งลงไปในหลุมดำนั่น โดย อาเทเนีย นั้น ตัวเธอไม่ได้สวมชุดอวกาศ
แต่กลับสามารถอยู่ได้ราวกับอยู่บนโลก นางค่อยๆจมหายเข้าไปในความมืด จนหายไปในที่สุด


“ พันตรีอัซเรย์ พันตรีลักซ์ พันโทเรย์ พันเอกมิดาไร ท่านนายพลครอสเร็กซ์ มีคำสั่ง
เรียกตัวให้กลับไปประจำการ ที่กองกำลังของตน และยกเลิกการให้ความคุ้มครองกับ Bell Cross ในทุกกรณี ”
เสียงสัญญาณที่ติดต่อเข้ามายังทั้ง 5 นั้นกลับไม่สร้างความตื่นตระหนกหรืออะไรแก่พวกเขาเลย

“ เสียใจด้วยนะแต่คงไม่ได้หรอก…เพราะพวกเราเป็น SS ของ Bell Cross มาตั้งแต่ต้นแล้วที่ไปเข้าร่วมกับกองกำลังของพวกแกน่ะก็เพื่อ สร้างทางให้ควมร่วมมือของพวกแกมาถึงมือ ก็เท่านั้นลาก่อน… ”
อัซเรย์ ติดต่อกลับไปเสียงเรียบโดยไม่สนใใยดีต่อเสียงที่ตามมาของ ผู้ที่ติดต่อมา ไม่นานกองยานรบ
พันธมิตรของ Bell Cross ก็หันคมดาบเข้าใส่ Bell Cross เสียเองยานรบเริ่มทำการโจมตี

กองทัพหุ่นรบและ พลทหารมัลติอาเมอร์ ต่างทยอยกันบุกเข้าทำลายหลุมดำและ จัดการสังหาร
เหล่า กระดิ่ง 5 เสียงกับ เซน่า ทว่าการโจมตีทั้งหมดนั้นกลับถูก ดูดเข้าไปในหลุมดำทั้งหมด

ก่อนที่หลุมดำจะปล่อยคลื่นพลังงานที่มองไม่เห็นออกไป ตรึงกองทัพ เอาไว้
ความมืดค่อยๆเปลี่ยนรูปไป ด้านข้างได้ยืดตัวออกกลายเป็นปีกโลหะสีขาว ขนาดใหญ่พอจะโอบ
ไว้ได้ทั้งโลก ปลายปีกเป็นคมดาบยื่นออกมา ส่วนล่างกับบนของความมืดจากหลุมดำ

ได้เปลี่ยนเป็นโครงร่างโลหะขนาดใหญ่ และความมืดบางส่วนได้ไหลออกมาจากส่วนกลางที่กำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง
และกลายเป็นดาบขนาดใหญ่พอที่จะแบ่งดาวเคราะห์ให้เป็นสองส่วนได้ บัดนี้ร่างของอัศวินจักรกล

ขนาดยักษ์ได้ปรากฏต่อสายตา กองทัพโลก ทั้งหมด ก่อนที่ ลำแสงสีดำจาพุ่งตัด กองยานไปอย่างรวดเร็ว
โดยไม่ทันตั้งตัว เพียงพริบตา กองทัพที่แม้แต่การระเบิดครั้งใหญ่ที่พวกลอว์เรนซ์ สร้างเมื่อ สามวันก่อนยัง
ไม่สามารถทำให้หมดไปได้ในครั้งเดียว กลับสูญสลายไปไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว

ทั้งหมดถูกคลื่นพลังงานที่แผ่ออกมาอย่างรวดเร็วฉีกจนแหลกสลายจนเหลือแต่ความว่างเปล่า ไม่เว้นแม้แต่
ส่วนของความในอวกาศก็ยังถูก กลืนกินจนกลายเป็นพื้นที่ซึ่งปกคลุมด้วยความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด

“ นี่มันอะไรกัน ”
ฟอน กล่าวด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตากับพลังทำลายอันน่าพรั่นพรึงที่สำแดงออกมา
เช่นกันกับ ลูกเรือในยานรวมไปถึงกองยานอื่นๆ ของพวกเขาด้วยหากเมื่อครู่พวก
เขาตามเข้าไปสมทบกับกองยานของสหพันโลก พวกเขาคงหายวับไปแล้ว

“ เหล่า Freedom Resistant ทั้งหลายจงฟังนี่คือ อวตารพระจิตแห่งพระองค์ที่ได้รับพลังจาก
Axia Actor และคืนชีพขึ้นมา นามของท่านคือ Daikami Axia ”
เสียงของ อาเทเนีย ที่ดังก้องออกมาจาก อัศวินจักรกลขนาดมหึมา นั้น

(http://image.ohozaa.com/iv/8fc59079.jpg)


“ ไดคามิ…แอคเซีย นี่มันทำสำเร็จแล้วงั้นเรอะ ”
ฟอน กล่าวตะกุกตะกัก ด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน

“ เจ้านี่มันปีศาจชัดๆ ”
กอนดารี่กล่าวเสียงสั่น ขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่จอภาพในห้องบังคับการ

“ พลังทำลายล้างมหาศาลขนาดนี้ไม่นึกเลยว่าจะมีอยู่ในจักรวาลนี้ด้วย ”
ไรโอ แมงมุมคู่ใจของ กอนดารี่กล่าวขาของมันสั่นด้วยความตกตะลึงเสียทั้งแปดขา

“ รูปแบบของพลังงานทำลายเหนือ พลังเวทย์แบบมิชชิลด้า เสียอีก ”
เอริค กล่าวขณะที่กำหอกในมือไว้แน่น สภาพของลูกเรือในยานตอนนี้แทบจะหมดกำลังใจสู้
เอาเสียดื้อๆ

“ ตอนนี้ แอคเซีย ได้จุติแล้ว ไม่มีอะไรจะมาขัดขวางเราได้อีก โลกเทอร่านั่น เราจะทำลายมันซะ
พวกมนุษย์ทั้งที่มิติและมิติอื่นๆด้วยก็จะต้องหายกันไปให้หมดซะ ”
สิ้นคำ ไดงามิแอคเซีย ก็ได้พุ่งลงไปยัง โลกเทอร่า โดยมีเหล่ากระดิ่ง 5 เสยง และเซน่าตามลงไป

“ ตามไปอย่ามันลงไปที่โลกได้ ”
สิ้นคำสั่งการของฟอน ยาน Angle Wing และยานลำอื่นๆก็พุ่งตามลงไปที่โลก
ทว่า ไดงามิแอคเซีย นั้นรวดเร็วมากมันจึงลงไปถึงโลกได้ในพริบตา  ขณะที่ พวกยังฝ่าชั้นบรรยากาศลงมา
ไม่ได้เลย

ร่างของ ไดงามิแอคเซีย ที่สูงใหญ่นั้นแทบจะค้ำท้องฟ้าเอาไว้ แค่ดาบของมันก็สามารฟันทวีป
 สองสามทวีปให้ราบเป็นหน้ากองได้เลย 


“ Explosion ”
สิ้นเสียงดาบยักษ์ ก็ถูกยกขึ้นฟาดลงไปบนพื้นโลก ดาบได้ฟาดทับลงไปยัง แนวเทือกเขาของทวีป เลาดิเชีย
คมดาบฝังลึกลงไปจนสุดก่อนที่จะเกิดแรงระเบิดพุ่งกระจายออกไป ป่าไม้รอบๆแนวเขาถูกเป่าเป็นผงไปคลื่นพลังยังคงกระจายตัวไปเรื่อย แรงระเบิดทำให้เกิดแผ่นดินแยก ทันทีที่แรงระเบิดวิ่งไปถึงทะเล ก็เกิดคลื่นยักษ์

พุ่งออกไปเป็นวงกว้าง ไม่ช้าความเสียหายก็ได้มาเยือนแก่เมืองมนุษย์ คลื่นยักษ์พุ่งพัดทำลาย
ทวีป อาริมาเธีย ที่อยู่ไม่ไกล ส่วน ทวีปเลาดิเชีย แทบจะไม่เหลือร่องรอยของแผ่นดินอีกเลย
ประเทศนับสิยบได้จมหายลงไปใต้โลก ซึ่งเต็มด้วย หินหนืด ที่ร้อนละอุ น้ำในมหาสมุทร

ที่ไหลลงไปก็ระเหยเป็นควันภายในพริบตา ด้วยการลงดาบเพียงครั้งเดียว ทวีป เลาดิเชีย
ได้ถึงกาลปาวสานสิ้นในทันที แม้แต่ ทวีป อาริมาเธีย ก็ยังจมอยู่ใต้น้ำเพียงเท่านี้ประชากร
1 ใน 4 ของโลกก็ได้หายสิ้นไปในทันที อย่างไม่หยี่ระต่อสายตาของ ผู้คนทั้งโลก


“ ชิ…นี่มันไม่เหมือนก่อนนี้เลยหากมันใช้เพียงแค่พลังแห่งความว่างเปล่าก็พอจะยังทำให้กลับคืนมาได้
แต่ แอคเตอร์นั่นทำให้มัน สามารถทำลายลงไปได้โดยสมบูรณ์เลย ”
ลอว์เรนซ์ สบถขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ภาพการกระทำของ ไดงามิแอคเซีย จากจอมอนิเตอร์ในห้องบังคับการ

“ คำสั่ง Condition Red ให้กองยานทั้งหมดใช้อาวุธหนักระดมโจมตีส่งหน่วยรบมัลติอาร์เมอร์และแอคเตอร์ออกไปให้หมด……….นี่คือศึกตัดสินสุดท้ายเราต้องชนะเท่านั้น…คางาริช่วยสั่งการต่อแทนที่ชั้นก็จะออกไปด้วย ”
ฟอน กล่าวเสียงแข็งก่อนจะลุกจากเก้าอี้ และเดินนำพวก ลอว์เรนซ์ ออกไปในขณะที่ คางาริ เข้าไปประจำที่แทน

“ คำสั่ง Condition Red คำสั่ง Condition Red ขอให้ทุกคนประจำที่ให้พร้อม กองยานทุกลำใช้อาวุธหนักทั้งหมดเข้าโจมตี และส่งหน่วยรบมัลติอาร์เมอร์ออกไปย้ำ…. ”
เสียงประกาศติดต่อไปยังกองยานรอบ ได้ถูส่งออกไปไม่นาน ปืนลำแสง และอาวุธยุทโทปกรณ์ทั้งหมดที่มีก็ถูกงัดออกมาเพื่อการศึกในครั้งนี้ นักรบมัลติอาร์เมอร์ นับพัน กรูกันออกมาล้อม ไดงามิแอคเซีย ไว้
ในขณะที่ยานอื่น เริ่มระดมยิงอย่างเต็มกำลัง ทว่าการโจมตีทั้งหมดก็ไม่อาจ ระคายผิวของมันได้เลย
หนำซ้ำลำแสงพลังงานที่เป็นการโจมตีรุนแรงที่สุดของยานรบยังถูกดูดกลืนเข้าไป เสียด้วยซ้ำ

“ เจ้าพวกมดปลวกหายไปเหมือนกับพวกบนอวกาศนั่นซะเถอะ ”
“ Daiboric Enicsom ”
สิ้นคำของ อาเทเนีย ที่ควบคุมไดงามิแอคเซีย อยู่ใน Cock-Pit  เสียงทุ้มแหลมของแอคเตอร์แอคเซียก็ดังขึ้น
ก่อนที่อัญมณีสีแดงซึ่งฝังไว้ทั่วร่างของมัน จะเปล่งแสงสีแดง ออกมาและเริ่มสร้างมวลพลังงานทรงกลมสีดำ
ออกมา พร้อมๆกัน ก่อนจะยิงออกไปเป็นลำแสงและลากเป็นทางไป

“ ST(Spell Techer) ทั้งหมดกางเขตป้องกัน เต็มพลังกด Magazine ให้หมดแม็คไปเลย ”
คำสั่งจาก เอริค ที่ลอยตัวออกมาสั่งการเหล่า ST ด้านนอกยาน ถูกส่งผ่านกระแสจิตไป ท่ามกลางเสียง
ระเบิดจากการโจมตีของยานรบ ที่ระดมใส่ ไดงามิแอคเซีย ขณะเดียวกันลำแสงสีดำก็ได้พุ่งใกล้เข้ามาแล้ว

“ Pancer Geais ”
เสียงทุ้มแหลมดังจาก อาวุธของเหล่า ST ซึ่งเรียกว่า Spell Technical มีรูปแบบคล้ายอาวุธต่างๆทั้งปืน
ไม้เท้า หอก ดาบ แม้แต่ค้อนเหล็กก็ตามที ทั้งหมดทำการสับกระกระสุน เพื่อเพิ่มพูนพลังเวทย์

ก่อนที่จะสร้างเกราะพลังงานรวมกันจนล้อมร่างของ ไดงามิแอคเซียและสกัดการโจมตีเอาไว้ได้
ส่วนการโจมตีของ พวกเขาสามารถที่จะทะลุเกราะเข้าไปหา ไดงามิแอคเซีย ได้เพราะตัวเกราะ
ควบคุมด้วยมนตรา
แต่ก็ไม่อาจสร้างความเสียหายให้แก่ มันได้แม้แต่น้อยซ้ำร้ายพลังของ
ไดงามิแอคเซียยังมากเกินจะต้านทานไว้ได้นาน

“ ชั้นจะให้มันหยุดอาละวาดเอง พวกนายทุกคนฝากจัดการที่เหลือด้วยนะ ”
ฟอน ที่ตอนนี้สวม แฟนธอมเดรคเรียบร้อยสั่งการกับพวกลอว์เรนซ์ ที่ ลอยตัว
ด้วยพลังงาน E.I.อยู่ด้านนอกยาน จบก็ออกบินตรงเข้าหา ไดงามิแอคเซีย โดยทิ้งระยะห่างพอประมาณ

“ ช่วยหน่อยนะ Bio Buster ”
ฟอนกล่าวขึ้นขณะที่ยกแขนชี้ไปข้างหน้า ก่อนที่มือของเขาจะหดเข้าไปในเกราะแขนและ
เปลี่ยนเป็นปากกระบอก บัสเตอร์แทน

“ Alright My master, Zap Shackle ”
สิ้นเสียงจาก บัสเตอร์คลื่นกระแสไฟฟ้า ก็ควงสว่านหมุนออกมาจากบัสเตอร์ที่แขนขวา พุ่งตรงเข้า
กระทบกับร่างของ ไดงามิแอคเซีย ไม่ช้ามันก็หยุดการทำงานลง

“ น…นี่มันอะไรทำไม ไดงามิแอคเซีย ถึงไม่ขยับล่ะ ”
อาเทเนีย ที่อยู่ใน Cock-Pit กล่าวอย่างกระวนกระวาย

“ Zap Shackle จะส่งผ่านคลื่นกระแสไฟเข้าไปในร่างของศัตรู และตรึงศัตรูไว้โดยปกติ
ใช้เพื่อสยบ แลนทิส ที่มีพลังมากแต่ว่าหากใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ ล่ะก็ มันจะทำให้กระแส
พลังงานภายในลัดวงจรไปชั่วคราว ไม่ว่าแกจะขับเคลื่อนด้วยพลังอะไรก็เถอะ แต่แอคเตอร์ที่
สร้างนั้นยังไงก็ใช้พลังงาน จากประจุธาตุสินะ นั่นยิ่งง่ายต่อการทำให้มันลัดวงจรอยู่แล้ว แต่ว่าชั้นเอง
ก็ต้องตรึงเอาไว้ให้ตลอด ดังนั้นตอนนี้เราสองคนคงทำได้แค่รอเท่านั้นล่ะ ”
ฟอน กล่าวขณะที่พยายามตรึงเอาไว้ให้นานที่สุด เท่าที่จะนานได้ ทว่าทันทีที่
พวกลอว์เรนซ์ จะเข้าไปโจมตี กระดิ่ง 5 เสียงก็เข้ามาขวางไว้

“ อย่าหวังผ่านไปได้ง่ายๆเลย ”
อัซเรย์ กล่าวจบเหล่ากระดิ่ง 5 เสียงก็ รุกไล่ต้อนพวกเขาให้ออกห่างไป

“ ชิ..พวกเราปลด Limiter กันเถอะ ”
เจนัส กล่าวจบก็ ชักเอาทอนฟาของตนมาประกอบเข้าด้วยกัน กระแสไฟฟ้าไหล จากทอนฟาที่ประกบกัน
ไปทั่วทั้งร่าง ก่อนจะเกิดบล็อกขึ้นรอบเกราะและเปลี่ยนเป็นส่วนเสริมของเกราะ

“ Change Hyper Wolf ”
เสียงดังขึ้นจากตัวเกราะของ เจนัส ก่อนที่พลองทอนฟาจะสร้างใบมีดพลังงานขึ้นคลุมจน
กลายเป็นดาบคมสองไป

“ Stand by Duo Blade, I’m Ready  ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจาก ดาบคมสองของ เจนัส หรือ ดูโอ้เบลด


“ Hold Up ”
เสียงดังขึ้นจาก Duo Blade และอาวุธของพวกครึ่งสมิงที่เหลือ ก่อนที่เกราะ จะปลดตัวออกหลวม
และย้ายชิ้นส่วนไปประกอบที่ใหม่ในบางจุด ร่างภายในของพวกเขาได้กลายร่างเป็นสมิง พรอมกับสัญลักษณ์
จันทร์เสี้ยว ปรากฏขึ้นบนเกราะอก ของครึ่งสมิงทั้งสี่

“ Change Hold Up From ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจาก อาวุธของทั้งสี่ ทันทีที่การปลดขีดจำกัดเสร็จสมบรูณ์


“ Hyper Mode Stand By Ready ”
เสียงของ ไฮเปอร์เบลดที่ ลอว์เรนซ์พึ่งจะเรียกมาดังขึ้น ก่อนที่มันจะสร้างบล็อกขึ้นล้อมรอบเกราะของเขา
และเปลี่ยนเป็นส่วนเสริมของเกราะ ปีกพลังงานสีรุ้งถูกกางสยายออก

“ Change Hyper Dragonfly ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจากตัวเกราะ ของลอว์เรนซ์ ที่อยู่ใน ไฮเปอร์โหมดแล้วขณะนี้

“ On Hyper Blade, Welcome my Master, I’m Ready yet ”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจาก ไฮเปอร์เบลด ที่เขาถืออยู่ก่อนที่เขาจะยกมันขึ้นและวาด ดาบไปทางซ้าย

“ System On, Seven-Sword Mode ”
สิ้นเสียงของ ไฮเปอร์เบลด ดาบทั้งห้า เล่มอันประกอบด้วย ชินเซเบอร์ มิรัยเคน
มุรามาซะ มุราซาเมะ ดราก้อนเอจ  ก็ปรากฏขึ้นรายล้อมเขา

“ Swallow Flier ”
เสียงทุ้มยานคางดังขึ้นจากชุดเกราะของ อัซเรย์ ก่อนที่มวลแสงทรงกลมสีแดงจำนวนหกมวล
จะพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว

“ Casting Load, Excel Shooting ”
เสียงทุ้มแหลมดังมาจากด้านข้านของ พวกเขา ก่อนที่ลำแสง 6 สายจะยิงทำลายมวลแสงที่พุ่งเข้ามา
จนหมด

“ เปลืองกระสุนไม่ใช่เล่นนะเนี่ย ระวังตัวหน่อยล่ะถ้ามันยิงมามากกว่านี้ล่ะก็ ชั้นสกัดไม่หมดแน่ ”
ชินจิ กล่าวโดยที่ปืนลำแสงของ ลอนเชอร์โหมด ในมือยังมีมวลแสงซึ่งเป็นลำกล้องเสริม นั้นยังหมุนควงอยู่
อย่างช้าและที่ปากกระบอก ก็มีควันลอยคลุ้งออกมา

“ Tomahawk Crusher ”
เสียงดังขึ้นมาจากด้านบนของพวกเขา ก่อนที่ชิ้นส่วนซึ่งติดใบมีดพลังงาน จะเหวี่ยงควง
ลงมา

“ Automatic Change Part Set Up Shield Part , Shield Mode ”
ตัวเกราะของ ชินจิ ส่งเสียงขึ้นก่อนที่ ปืนในมือจะสลายไปและ เกิดบล็อกขึ้นที่มือ ซ้ายเรียงตัวกันเปลี่ยนรูปเป็นโล่

“ Casting Load, All Blocking Extream ”
ตัวโล่สับกระสุนพร้อมกับส่งเสียงทุ้มต่ำออกมา ก่อนที่จะยืดตัวล้อบรอบ เป็นเกราะให้พวกเขา
ชิ้นส่วนใบมีด ที่ขว้างมานั้นกระแทกเข้ากับโล อย่างรุนแรง อยู่ชั่วครู่ก่อนที่แรงสะท้อนจะ
พุ่งกลับใส่จนชิ้นส่วน ดาบและใบมีดแตกสลายไปทั้งหมด ก่อนที่โล่จะคลายตัว

“ Maximum Hyper Cyclone ”
ทันทีที่โล่คลายตัวออก เจนัส ก็แผลงศรพลังงานในมือออกมาก่อนที่มันจะกลายเป็นพายุพลังงาน
หมุนเคว้งออกมา

“ TranSport ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นพร้อมกับที่ เหล่ากระดิ่ง 5 เสียงได้ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาหลบหลีกพายุพลังงาน

“ Sonic Walk ”
เสียงดังขึ้นจาก โล่ของ ชินจิ ก่อนที่ตัวของเขาจะพุ่งหายไปอย่างรวดเร็ว
และอ้อมไปดัก ลักซ์ ที่ถอยออกมาหลังจากที่ใช้ โทมาฮอคแครชเชอร์ และสูญเสียใบดาบไป

“ Mega Strike ”
เสียงดังขึ้นจาก ตัวโล่ของ ชินจิ ก่อนที่คลื่นไฟฟ้า จะไหลจากโล่ไปที่หัวและไหลกลับมาที่ โล่อีกครั้ง
เขาจึงตวัดโล่ ออกไป ตัวโล่ยืดออก กระแทกใส่ ลักซ์ ทว่า เธอก็เอาดาบในมือรับไว้ทัน
ยังผลให้เธอกระเด็นไป ทว่า เรย์ก็เข้ามารับเธอไว้ ส่วนดาบของเธอที่รับท่าพิฆาตไปนั้น ก็หักแตกไปในทันที

“ ไม่เป็นไรนะ ลักซ์ รีบใช้ Transport ตามไปสมทบกับพวกลุงเถอะ ”
เรย์ กล่าวทว่าเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านล่างของพวกเขา

“ Flash Walk ”
สิ้นเสียง ริคุ นีน่า และ ลากูน่า ก็เข้ามาล้อมทั้งคู่ไว้แล้ว

“ Mega Slash ”
“ Mega Kick ”
“ Mega Shooting ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้น ก่อนที่ ริคุ จะงัดใบดาบที่แขน ตวัดจนเกิดคลื่นพลังงานเสี้ยวดาบพุ่งออกไป
ส่วน ลากูน่า ก็พุ่งเข้าไปตวัดขาเตะ พร้อมๆกับที่ ลำแสงพลังงาน จากลำกล้องของจักรดอกไม้ทั้งสี่
พุ่งออกไป

“ No Attacking ”
เสียงดังขึ้นพร้อม กับที่ ไพ่ใบหนึ่งพุ่งเข้ามาหาทั้งสอง ที่กำลังจะถูก ครึ่งสมิงทั้งสี่ เข้าโจมตี
รูปบนไพ่เป็นดาบสองเล่มไขว้ลง การโจมตีของทั้งสามก็สลายลงทันทีที่ ไพ่เปล่งแสงออกมา

“ No Attacking จะหยุดยั้งการโจมตีทั้งหมดลงได้ ”
เซน่า ซึ่งเป็นคนขว้างไพ่นั้นมาช่วยทั้งสองกล่าว

“ อย่าสอดไม่เข้าเรื่องน่าอย่างนายมันต้องเจอกับชั้น ”
ชินจิ ตะคอกขึ้นขณะที่พุ่งเข้าไป ตวัดโล่ใส่ทว่า เซน่า ก็เรียก หอกโปเรมอส ออกมารับมือได้ทัน

“ ลักซ์ เรย์ ถอยไปเดี๋ยวฉันจัดการเอง ”
มิดาไร ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาเข้ามา พาทั้งสอง ออกจากวงล้อม

“ ด้วยพันธะแห่งเวหา ขอจงส่งอัสนี อันแรงฤทธิ์ธาสู่หัตถ์ข้า จงล้างผลาญทำลาย อริข้าจนวินาศสิ้น
โซ่สวรรค์ทะลวงปฐพี ”
สิ้นคำของ มิดาไร ก็เกิดแสงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด ถึง 10 สายด้วยกัน

“ Drake Power ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ ลอว์เรนซ์ พุ่งเข้าไปตวัดดาบ ฟาดใส่แสงทั้งหมด จนเบนสลายไปทิศอื่น

“ Three ”
“ Two ”
“ One ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับประกายแสงที่แวบขึ้นทุกครั้งที่ ดาบกระทบกับแสง ก่อนที่ ลอว์เรนซ์
จะสับสวิตซ์ ที่ด้ามดาบลง กรรเชียงดาบกางออกพร้อมกับคลื่นไไฟ้าที่ไหลเวียนไปทั่วทั้งดาบไหลกลับมารวมกันที่
ที่คมดาบ



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 26, 2008, 07:52:16 PM
“ Maximum Hyper Typhoon ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นอีกรั้งจากตัวเกราะของ ลอว์เรนซ์ ก่อนที่เขาจะตวัดดาบออกไป
คลื่นพลังงานสีแดงถูกฟันออกไป ตรงเข้าใส่ มิดาไร เรย์ และ ลักซ์

“ TranSport ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ ครอสเร็กซ์ ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาเข้ามา พาทั้งสามออกไปจากรัศมี คลื่นพลัง

ขณะเดียวกัน ฟอน ที่ตรึงร่างของ ไดงามิแอคเซีย เอาไว้ก็เริ่มที่จะทานเอาไว้ไม่ได้แล้ว

“ อึก…สงสัยจะไม่ไหวจริงๆนะเนี่ยช่วยไม่ได้ Psy Bio From ”
ฟอน กล่าวก่อนที่จะสลายคลื่นไฟฟ้าที่เชื่อมร่างของตนกับ ไดงามิแอคเซีย เอาไว้ออก

“ Alright Get Ready, Psy Bio From ”
เสียงดังขึ้นจากตัวเกราะของ ฟอน ก่อนที่แก๊สสีดำจะพวยพุ่งออกมาจากข้อต่อของเกราะส่วนต่าง
และปลดตัวหลวมในทุกข้อต่อ

“ Poltergeist Fantastic ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจากตัวเกราะของ ฟอน ก่อนที่จะส่วนร่างกายออก ย่อยเป็น 16 ชิ้น วิ่งไปล็อคตามจุดต่างๆล้อมรอบ ไดงามิแอคเซีย 

“ Ghost Blind ”
สิ้นเสียงจากชิ้นส่วนทั้งหมดของ ฟอน ชิ้นส่วนทั้งหมดของเขาก็สร้าง คลื่นกระแสไฟฟ้า ปล่อยมาจาก
ทุกชิ้นส่วนและตรึงร่างของ ไดงามิแอคเซีย เอาไว้อีกครั้งทว่า คราวนี้ ไดงามิแอคเซีย ก็สามารถที่จะทำการต่อต้านเขาได้ ทำให้การตรึงเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น

“ ชิ…ดูท่าจะไม่มีเวลาแล้ว…ช่วยไม่ได้คงต้องใช้ไอ้นั่นแล้วล่ะ ”
เจนัส กล่าวขณะที่ นีน่า ลากูน่า และ ริคุ มองเขาด้วยสายตาที่เข้าใจซึ่งกันและกัน
โดยที่ ลอว์เรนซ์ มองทีท่าของพวกเขาด้วยความงง งวย

“ เลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ... ”
ลากูน่า กล่าวเสียงหงอยขณะที่ก้มหน้าด้วยความรู้สึกราวกับต้องสูญเสียบางสิ่ง

“ มีแค่วิธีนี้เท่านั้นจริงๆสินะ ”
ริคุ กล่าวเสียงลอยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ ขอโทษด้วยนะ นีน่า ที่ต้องให้ทำแบบนี้สุดท้ายแล้วชั้นก็ผิดสัญญาจนได้ ”
เจนัส กล่าวขอโทษกับ นีน่า ทว่าเธอก็ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะยกมือขึ้นปราม เจนัส

“ ไม่ต้องขอโทษหรอกนี่เป็นทางที่ ฉันตัดสินใจร่วมกับพวกเธอและเป็นการตัดสินใจของ ฉันเอง
ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกนะ  ”
นีน่า กล่าวแต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เจนัส ก็ไม่อาจยกโทษให้ตัวเขาเองที่ต้องให้ นีน่า มาเข้าร่วมกับแผนการนี้
ทว่าถึงตอนนี้ ลอว์เรนซ์ ก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าพวกเขาหมายถึง อะไร

“ ลอว์เรนซ์ เดี๋ยวพวกเราจะจัดการกับพวกกระดิ่ง 5 เสียงเองส่วนนายรีบอาศัยจังหวะนั้นไปจัดการ
กับ ไดงามิแอคเซีย ซะ ”
เจนัส กล่าวจบยังไม่ทันที่ ลอว์เรนซ์ จะได้กล่าวตอบอะไร พวกเขาก็พุ่งตัวออกไปเสียแล้ว

“ ด…เดี๋ยวสิแล้วพวกนายจะทำอย่างไง…กันเล่า… ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวไปได้ครึ่งประโยคก็ต้องชะงักไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่า วิธีเดียวที่พวกเขา ทั้งสี่ตนจะสามารถ
หยุดยั้งเหล่า กระดิ่ง 5 เสียงนี้ได้

“ นี่รึว่าพวกนายคิดจะเสียสละตัวเองน่ะ…อย่าทำบ้าๆนะ ”
ลอว์เรนซ์ ตะโกนเพื่อขอร้องให้ทั้งสี่หยุด ทว่าก็ไม่ทันการเสียแล้ว ริคุ ลากูน่า และนีน่า ได้พุ่งตัวเข้าไปรวบ
เหล่ากระดิ่ง 5 เสียงให้เข้ามารวมกันใกล้ เจนัส ในขณะที่เจนัส ก็กาง ดูโอเบลด ออก
แน่นอนว่า เหล่ากระดิ่ง 5 เสียง ได้ต่อต้านและดิ้นรน อย่างที่สุดทว่าทั้งสามก็ได้
เอาตัวเข้าแลกแม้จะถูกฟันจนถูกทุบตี ก็ยังคงรวบตัวทั้งหมดเข้ามารวมที่ เจนัส


“ ปล่อยข้านะเจ้าพวกสวะปล่อย ย้ากก…ปล่อย ”
อัซเรย์ ที่มีแรงมากที่สุด ดิ้นจนหลุดจากการรวบตัวของ ริคุ ไปได้ก่อนจะหันกลับมาเพื่อตวัดดาบใส่เขา

“ Spear Angriff ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นก่อนที่ เอริค กับ กอนดารี่ที่ขี่แมงมุมคู่ใจ ไรโอ จะพุ่งเข้ามา กระแทกขนาบ
ข้างด้วยหอก ร่างของ อัซเรย์ ถูกหอก เสียบแทงทะลุ ก่อนที่ทั้งสองจะเหวี่ยงให้ร่างของ อัซเรย์ เข้าไปร่วมวงกับ พวกเจนัส

“ ขอบใจมากนะที่เหลือฝากด้วยล่ะ ”
เจนัส กล่าวก่อนที่จะเริ่มควง กระบองดาบ ที่แปลงจาก ดูโอเบลด เอริค และ กอนดารี่
พยักหน้ารับคำ ด้วยสายตาเศร้าสร้อย ที่ไม่อาจช่วยอะไรได้ ในขณะที่ ลอว์เรนซ์ ได้พุ่งเข้าไปเพื่อจะหยุดพวกเขา
ทว่า เอริค กับ กอนดารี่ ก็เข้าไปขวางเขาไว้ ครั้นเมื่อ ลอว์เรนซ์ พยายามจะฝ่าก็ได้เข้าล็อคตัวของ ลอว์เรนซ์
ไม่ให้เข้าไป

“ ปล่อยสิ..ชั้นต้องหยุดพวกเขาเอาไว้…จะใช้วิธีไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่วิธีนี้ชั้นจะไม่ยอม
เสียสละเพื่อนเพื่อตัวเองหรอก…ปล่อยสิ ”
ลอว์เรนซ์ ตะคิกใส่ทั้งสอง ทว่าทั้งสองก็ยังคงไม่ยอมทำตาม ได้แต่ขบกรามแน่นและ
ก้มหน้าด้วยความคับแค้นใจที่ไม่อาจเลือกทางอื่นได้

“ เจนัส หยุดซะพวกเราค่อยหาทางอื่นก็ได้ขอร้องล่ะอย่าทำอย่างนี้เลย ”
ลอว์เรนซ์ ตะโกนร้องขอ ให้ พวก เจนัส หยุดทว่า พวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงยืนยันที่จะทำต่อไปโดย
ไม่สนใจว่า ลอว์เรนซ์ จะพูดอย่างไร

“ Maximum Hyper Typhoon ”
เสียงทุ้มแหลมดังจาก ดูโอเบลด ขึ้นก่อนที่ เจนัส จะกระแทกมันลงคลบื่นพลังงานระเบิดออกมา
เผาผลาญร่างของ พวกเขาทั้งสี่ ไปพร้อมกับ กระดิ่ง 5 เสียง ในทันที ครึ่งสมิงทั้งสี่มองหน้ากัน
ด้วยสีหน้าที่เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน

“ ขอโทษด้วยนะที่ต้องให้พวกเจ้าต้องมาเสียสละร่วมด้วยน่ะ ดูโอเบลด ”
เจนัส กล่าวกับพลองเลเซอร์ที่ ยังคงปล่อยพลังงานอยู่ ในขณะที่ร่างของเขากำลังค่อยๆถูกกลืนหายไป

“ No Problem ”
เหล่า อาวุธของพวกเขาตอบเป็นเสียงเดียวกัน อย่างแข็งขัน
ทั้งสี่ ยิ้มให้กันอย่างไม่ทุกข์ร้อนต่อความตายที่จะมาเยือนในไม่ช้า

“ ขอโทษด้วยนะ นีน่า สุดท้ายชั้นก็ปกป้องเธอเอาไว้ไม่ได้แล้ว ”
เจนัส กล่าวด้วยความเสียใจ ทว่า นีน่า ก็ปรามเขาไว้

“ พอเถอะ เธอขอโทษฉันมากี่ร้อยครั้งแล้ว นี่ครั้งสุดท้ายไม่ต้องอีกแล้วล่ะ ”
นีน่า กล่าวเสียงแหบเพราะคลื่นพลังงานเริ่มที่จะกัดกินร่างของพวกเขาแล้ว

“ แล้วก็ ลากูน่า พี่ขอโทษนะ ที่ต้องลากน้องมา..ด้วย ”
เจนัส กล่าวขณะที่ร่างของเขาเริ่มจะทนไม่ได้แล้ว

“ ม…ไม่เป็นไร…ครับไม่ว่าเมื่อไหร่หรือ…ที่ไหนผมก็จะขอตามท่านพี่ไปทุกเมื่อ..แฮ่กๆ..อีกไม่นานก็จะได้พบกับท่านแม่..แล้วสินะ ”
ลากูน่ากล่าว ขณะที่สติเริ่มเลือนราง พร้อมกับคลื่นพลังงานที่เผาผลาญรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“ งั้นเจอกันที่โลกหน้านะ.. ”
ริคุ กล่าวจบพวกเขาทั้งสี่ ต่างก็สิ้นใจลงในทันที คลื่นพลังงสานได้ เผาผลาญร่างของพวกเขาจน
สลายไปเหลือไว้เพียง มาสเตอร์แอคเตอร์ที่ แยกตัวออกมาและพุ่งกระเด็นออกไปคนละทิศละทาง
ต่อหน้าต่อตา ของทุกคน

“ เจนัส…นีน่า…ลากูน่า..ริคุ..โธ่เว้ยย..ฮือๆ..เจ้าพวกบ้าทำไมถึงทำแบบนี้ ”
ลอว์เรนซ์ คร่ำครวญด้วยความเสียใจอย่างที่สุดต่อการจากไปของเพื่อนๆที่อยู่ร่วมกันมา
จนราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน

“ คุณ เจนัส กับทุกคนบอกเอาไว้ว่าก่อนจะออกเคลื่อนพล ว่าการที่พวกเขาเสียสละไม่ใช่การจากลา
ดังนั้นจะไม่กล่าวคำว่าลาก่อน.. ”
เอริค กล่าวเสียงสั่นเทา ในขณะที่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บแค้นและความเศร้าต่อการจากไปอย่างกะทันหันของ ทั้งสี่

“ เพราะพวกเราจะอยู่กับนายเสมอไปจะมีชีวิตอยู่ในใจของนายและจะสู้ร่วมไปพร้อมกันและจะไม่ทิ้งกัน
อย่างเด็ดขาด..นี่คือคำพูดที่คุณ เจนัส และอีกสามคนสั่งเสียไว้ ”
กอนดารี่ กล่าวเสียงสะอื้นในมือกำหอกสองปลายแน่นเสียจน ข้อมือซีด

“ เชอะ..เจ้านั้นทั้งที่บอกให้คนอื่นมีชีวิตต่อไปแต่กลับหายไปซะเองเนี่ยนะน่าโมโหชะมัด..เจ้าบ้าเอ๊ย ”
ชินจิ คิดขณะที่ ในมือกำด้ามปืนแน่น เซ็นเซอร์บนหน้ากากเล็งเป้าไปที่หัวของ เซน่า ที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา
เพื่อจะแทงทะลุร่างของเขา  ทว่า ชินจิ ก็ลั่นไก ออกไปกระสุนพลังงานพุ่งตัดผ่านหัวของ เซน่าไป
ร่างของ เซน่า ที่ถูกยิงได้ร่วงหล่นลงสู่ท้องทะเลเบื้องล่างและจมหายไป


“ Part Set Up Hyper Mode ”
ชินจิ เปรยเสียงแผ่ว ขณะที่ลดแขนลง

“ All Part Set Up Combine Hyper Mode ”
สิ้นเสียงปืนในมือขวาของ ชินจิ ก็สลายไปก่อนจะเกิดบล็อค ขึ้นเรียงรายไปรอบตัวของเขาและ
รวมรูปเป็น ปืนลำแสงขนาดใหญ่ประกอบเข้ากับโล่ขนาดใหญที่ขยายขึ้น

“ ชั้นจะทำให้ทุกอย่างมันจบเดี๋ยวนี้แหล่ะ ”
ชินจิ กล่าวเสียงแผ่ว ก่อนที่ ปืนลำแสงจะสับกระสุนพลังเวทย์
และเริ่มสะสมพลังงาน ในขณะเดียวกัน ฟอน ก็เริ่มที่จะยับยั้ง ไดงามิแอคเซียเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

แม้ กองยานรบและเหล่า ST กับนักรบแมงมุม Spider Warrior ไปจนถึง มัลติอาร์เมอร์ แฟลชของกองกำลัง
 จะช่วยกันระดมโจมตี ก็ตาม นั่นก็ไม่อาจสร้างความเสียหายให้แก่ ไดงามิแอคเซีย ได้ทว่าในขณะนั้นเอง
ก็มี มัลติอาร์เมอร์รุ่น กรูฟ อัลฟ่าวัน จำนวนนับร้อยและกองยานรบของสหพันโลก ได้ตรงเข้ามาช่วย
ระดมโจมตี อีกแรง

“ นี่มัน… ”
คางาริ เอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะมีการติดต่อเข้ามาจากกองยานเหล่านั้น

“ พวกเราคือ ADC จะขอเข้าสนับสนุนการรบในครั้งนี้เพื่อให้สงครามสงบลงตามอุดมการณ์และด้วยเหตุนี้กองทัพโลกก็ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือแก่เรา พวกเราจะให้การสนับสนุนกองยานของพวกท่านเต็มที่ ”
ผู้นำทัพของกองยานแห่งสหพันโลกและหน่อยรบของ ADC (Association Dispassionate Confliction = กลุ่มสมาคมความเป็นกลางทางความขัดแย้ง) ที่พึ่งก่อตั้งขึ้นมาได้ไม่กี่เดือนก่อน ได้ติดต่อเข้ามา เพื่อแจ้งถึงความจำนง

ที่จะช่วยเหลือพวกเขา ซึ่งแม้จะน่ายินดีที่มีกองหนุนมาช่วยทว่า สภาพการณ์ตอนนี้ก็คลุมเครือเต็มที
เพราะ การโจมตีทุกอย่างไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ ไดงามิแอคเซีย ได้เลยการโจมตีทั้งหมดถูกสลาย
ไปครั้งแล้วครั้งเล่า และในตอนนี้ก็ถึงขีดจำกัดของ ฟอน เสียแล้วชิ้นส่วนทมั้งหมดได้กลับไปรวมประกอบกับเข้าร่างเหมือนเดิม ในขณะที่ผนึกได้ถูกสลายไปเรียบร้อย ไดงามิแอคเซีย จึงเริ่มขยับอีกครั้ง

“ ไม่มีเวลาอีกแล้วอย่าให้การเสียสละของพวกเขาต้องเสียเปล่าเลย ”
เอริค กล่าวซึ่ง ลอว์เรนซ์ ที่น้ำตาไหลซึมออกมาตามรอยต่อของหน้ากาก ก็หันไปมองยัง
ไดงามิแอคเซีย ศัตรูตัวสุดท้าย เขายกมือขึ้นปาดคราบน้ำตาที่ไหลออกมา
ก่อนจะตั้งท่าดาบทั้งหกได้หมุนวนรวมกันเป็นดาบแสงเล่มใหญ่เพียงเล่มเดียว

“ Signum Genesis ”
สิ้นเสียงจากตัวดาบ ลอว์เรนซ์ ก็ตวัดมันลงไปคลื่นพลังงานได้พุ่งออกมาจากคมดาบตรงเข้าหา
ร่างของไดงามิแอคเซีย

“ Energy Blast ”
สิ้นเสียงจากปืนลำแสงยักษ์ของ ชินจิ ลำแสงพลังงานแรงสูงก็ถูกยิงออกไปกระแทกเข้ากับ
คลื่นพลังงานจากดาบของ ลอว์เรนซ์ ที่บริเวณร่างของ ไดงามิแอคเซีย

“ Last in Quest ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจากการประสานท่าของ อาวุธทั้งสอง เกิดระเบิดขนาดใหญ่ที่เคยใช้
กวาดล้างกองทัพเรือนแสนล้าน ในพริบตาได้เข้าทำลาย ไดงามิแอคเซีย ทว่าแทนที่ทุกอย่างควรจะเป็นเช่นนั้น
แรงระเบิดที่เกิดขึ้นได้ทุกดูดกลืนเข้าไปยังร่างของ ไดงามิแอคเซีย และสลายหายไปเป็นความว่างเปล่า

“ พวกแกจงหายไปซะให้หมด ”
อาเทเนีย ที่ควบคุม ไดงามิแอคเซีย กล่าวด้วยโทสะ ที่น้องชายของตน ถูกสังหารและเหล่ากระดิ่ง 5 เสียงที่
สร้างมาได้ถูกทำลายลง

“ ฮ่าๆๆพวกแกจะต้องหายไปให้หมดหายไป..อัก ”
อาเทเนีย หัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะกระอักเลือดออกมา นางมองคราบที่ติดอยู่บนฝ่ามือด้วยความ ฉงนใจ

“ มนุษย์อย่าบังอาจมาสั่งการข้าจงหายไปซะ ”
เสียงดังขึ้นจากตัวของ ไดงามิแอคเซีย ก่อนที่ห้องควบคุมที่ อาเทเนีย นั่งอยู่จะถูกบีบอัดจนสลาย
และถูกดูดกลืนหายเข้าไปในความว่างเปล่าที่ขยายตัวขึ้นมาจากภายใน ตัว ไดงามิแอคเซีย

“ ข้าจะนำโลกกลับคือสู่ความว่างเปล่าอีกครั้งและครั้งนี้ เจ้าผู้สืบทอดแห่งซาราเบลดเจ้าไม่อาจที่จะทีพลัง
มาต่อกรกับข้าได้อีกต่อไปแล้ว ”
เสียงที่ ลอว์เรนซ์ รู้สึกคุ้นเคยดังขึ้นจาก ไดงามิแอคเซีย เขาจำมันได้ดีอย่างไม่มีวันลืม
เสียงที่ คร่าชีวิตของพี่ชายเขาไป และทำให้เขาและเพื่อนๆต้องทนทุกข์ทรมานมาในอดีต

“ อวตารจิตด้านมืดแห่งพระเจ้า God Terra แกเองงั้นรึ ”
ลอว์เรนซ์ เรียกชื่อเจ้าของเสียงด้วยน้ำเสียงโทสะสุดขีด ความเดือดดาลได้พุ่งพล่านออกมาเสียจนแทบจะ
ระเบิด

“ ไม่นึกเลย 3000 ปีก่อนเจ้าได้หยุดยั้งข้าเอาไว้ และ 3000 ปีที่ผ่านมานี้ผู้ที่จะมาหยุดข้าก็ยังเป็นเจ้าอีกงั้นรึนี่
แต่ว่าครั้งนี้มันต่างกันเจ้าไม่อาจ ใช้ดาบแห่งคำอธิษฐานได้หากเจ้าไม่ใช่เทพ และเจ้าก็ไม่ได้
เป็น อัศวินมังกรทาลิวิลย่า เจ้าจึงไม่ใช่เทพ เจ้าพวกครึ่งสมิงที่ทรยศข้าก็ตายกันไปหมดแล้ว เจ้ายังจะเอาอะไรมาหยุดข้าได้อีก สำนึกไว้เลย ซาราเบลดเจ้าจะเป็นคนแรกที่ต้องหายไป ”
ไดงามิแอคเซีย กล่าวจบลำแสงสีดก็ถูก ยิงตรงเข้าไปยัง ลอว์เรนซ์

“ ลอว์เรนซ์ ”
เทีย ที่ดูการต่อสู้ของพวกเขาอยู่บนยาน อุทานขึ้นมาขณะที่ ลำแสงกำลังจะพุ่งเข้าทำลายร่างของเขา

“ Chorono Contorl ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นพร้อมกับที่ ลอว์เรนซ์ กดปุ่มสวิตซ์บนด้าม ไฮเปอร์เบลด ที่แยกการรวมร่างกับดาบ
เล่มอื่นแล้ว ทุกอย่างได้หยุดนิ่งลงนะตรงนั้นลำแสงที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาก็ได้หยุดลงตรงหน้าเขา
ในตอนนี้เขาได้หยุดเวลาลงได้อีกครา หลังจากที่เหล่า กระดิ่ง 5 เสียงได้ผนึกความสามารถในการควบคุมเวลาของพวกเขา ในตอนนี้เขาสามารถใช้มันได้อีกครั้ง

“ เพราะกระดิ่ง 5 เสียงถูกทำลายไปแล้ว การควบคุมเวลาเลยกลับมาใช้ได้อีกครั้งสินะ ”
ลอว์เรนซ์ เปรยขึ้น ก่อนที่จะพุ่งตัวหลบออกจากวิถีลำแสงขณะที่ เรียกเอาดาบทั้งห้าเล่มออกมาอีกครั้ง

“ นี่เราจะทำยังไงดี กระทั้ง Last in Quest ก็ยังเอามันไม่อยู่เลย…ชั้นคนเดียวไม่ไหวจริงๆด้วยสินะ ”
ลอว์เรนซ์ คิดขณะที่มองดูไฮเปอร์เบลดที่ใช้ พลังไปจนหมด A.i. จึงหยุดการทำงานไปด้วยหลังจากใช้พลังเฮือกสุดท้ายควบคุมเวลา

“ นายไม่ได้สู้อยู่คนเดียวซะหน่อย ”
“ ลุกขึ้นมาสิ ”
“ ตราบใดที่ยังไม่สิ้นหวังทางแห่งอนาคตจะเปิดออกนั่นเป็นคำพูดของนายไม่ใช่รึไง ”
“ ต่อให้สวรรค์ก็ไม่อาจเลือกทางเดินให้ตัวเองได้จงก้าวข้ามลิขิตแห่งฟ้าเพื่อไขว่ขว้าอนาคต ”
เสียงของพวก เจนัส ได้ดังขึ้นในจนเขาราวกับว่าพวกเขาอยู่กับตนเองตลอด
คำพูดที่ผุดขึ้นมานั้นทำให้เขานึกถึงเรื่องดาบเล่มสุดท้าย ที่ ดร.คีออส บอกเอาไวตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันคือดาบเล่มไหน


“ ความหวัง ความเมตตา ความซื่อสัตย์ คุณธรรม ปัญญา และมิตรภาพ ดาบที่มีพลังทั้ง 6 สถิตย์อยู่ ”
สิ้นคำของ ลอว์เรนซ์ ดาบทั้งหกเล่มก็ได้รวมเข้าด้วยกันเป็นดาบแสงอีกครา ซึ่งเป็นดาบที่ยังไม่ปรากฏรูป
ทันทีที่เขาเอื้อมมือไปจับด้ามดาบความทรงจำทั้งหมด ก็ได้หลั่งไหลเข้ามาในหัวใจ วันเวลาที่มีร่วมกับทุกคน
ที่นี่และที่โลกอดีต ทำให้เขาสำนึกได้ว่าจะต้องมีชีวิตรอดกลับไปให้ได้ เพื่อไปพบเพื่อนพ้องเหล่าลูกมังกร
และครอบที่รอเขาอยู่ที่ โลกอดีตเมื่อ 3000 ปีก่อน ดาบแสงได้ปรากฏรูปร่างขึ้นจนเห็นเด่นชัด
ดาบสีทองด้ามสีแดง และลายเกล็ดมังกรบนคมดาบ

“ Seven Blade Macarhyadia ”
สิ้นเสียงจากตัวดาบ ร่างของดาบก็ปรากฏขึ้นมันคือดาบแห่งอัศวินทาลิวิลย่า มาคายาเดีย
นั่นเอง ทันทีที่ดาบมาอยู่ในมือของเขา อีกครั้งมันก็ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างมากมายมหาศาล
เกิดช่องว่างของมิติ เบิกออกก่อนที่เจ้าแมวสีขาวจะกระโจนออกมา

“ เจ้า..ชะตาแห่งแสง ”
ลอว์เรนซ์ อุทานเมื่อ แมวมีปีกสีขาวซึ่งเป็น ชะตาแห่งแสงได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง

“ เรียกข้าว่า เนเมซิส (Namesis) จะดีกว่านะ ”
เจ้าแมวขาวกล่าว เสียงขรึมต่อสายตา งุนงงที่ปรากฏขึ้นใาแววตาของ ลอว์เรนซ์

“ Chorono Contorl ”
เสียงดังขึ้นอีกครั้งจากตัวดาบเวลาในการ ควบคุมเวลาได้หมดลงแล้ว
ทว่า ลอว์เรนซ์ ได้เคลื่อนตัวหลบมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่การปรากฏตัวของ เนเมซิส นั้นกลับทำให้ ไดงามิแอคเซีย และ ทุกๆคนต้องตกตะลึงมากกว่า

“ เนเมซิส นี่เจ้าอีกแล้วรึ ”
ไดงามิแอคเซีย กล่าวด้วยความผวา ท่ามกลางความสับสนของ ทุกๆคน

“ นั่นมันตัวอะไรกันน่ะ ”
เทีย อุทานด้วยความฉงน หลังจากที่เห็น เนเมซิส

“ ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด คือผู้ที่จะกำหนดชะตาของตนด้วยตัวเองและการกระทำของเขานั้นได้
กำหนดชะตาของคนอื่นๆอีกหลายคนเหล่าครึ่งสมิงทั้งสี่ ที่มีชะตาจะต้องถูกเจ้าใช้งานจนถึงแก่ชีวิตในการปฏิบัติ

หน้าที่ นั้นแต่ทว่า ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด ได้กำหนดชะตาของตนเสียใหม่ การกำหนดชะตาของเขาได้ทำให้ชะตาของ
ครึ่งสมิงทั้งสี่เปลี่ยนไป นี่คงจะเป็นพลังที่เขาได้รับประทานมาในฐานะที่เป็นความหวังที่สามของพระองค์

และเพื่อที่จะหยุดยั้งพลังแห่งความว่างเปล่าจึงต้องใช้พลังแห่งคำอธิษฐานเติมเต็มความว่างเปล่านั้น
เมื่อครั้งก่อน การเติมเต็มที่ว่าคงจะไม่สมบรูณ์เนื่องจากเจ้ายังถือครองพระอำนาจของพระองค์อยู่ส่วนหนึ่งจึงทำให้เจ้ายังคงหลงเหลือมาได้จนบัดนี้ทว่าถึงเวลาที่จะทำให้พลังด้านลบซึ่งครอบงำพลังแห่งความว่างเปล่าหายไปเสียที  ”
สิ้นคำของ เนเมซิส มันก็ได้รวมตัวเข้ากับมาคายาเดียและกลายเป็นดาบแสงขนาดใหญที่ยาวไม่เห็นปลาย
บัดนี้ดาบแห่งคตำอธิษฐานได้ถูกเนรมิตขึ้นมาอีกครั้ง

“ ดาบแห่งคำอธิษฐานงั้นเรอะถึงยังไงซะร่างของเจ้าตอนนี้เป็นเพียงร่างมนุษย์ธรรมดาไม่มีทาง
ต้านทานอานุภาพของดาบแห่งคำอธิษฐานได้หรอกน่าหากฝืนใช้มันทั้งอย่างนั้นร่างของ เจ้าก็จะแตกสลายไปด้วย ”
ไดงามิแอคเซ๊ย กล่าวทว่า ลอว์เรนซ์ กลับไม่ลังเลที่จะฟาดมันลงไป
ไดงามิแอคเซียจึงยกเอสดาบขึ้นรับคมดาบแห่งคำอธิษฐาน ทันทีที่ดาบกระทบกัน พลังแห่งคำวิงวอนในความต้องที่จะมีชีวิตอยู่ของทุกคนทั่วทั้งโลกก็ได้หลั่งไหลเขามารวมกันที่ดาบมากขึ้นๆเรื่อยๆ ทว่าลอว์เรนซ์ที่ ไม่ได้อยู่ในร่างของ ทาลิวิลย่ามีเพียงเดรคแอคเตอร์ไฮเปอร์โหมดที่สวมอยู่เท่านั้น จึงไม่อาจทนรับแรงสะท้อนของพลังที่มากมายมหาศาลเช่นนี้ได้ แต่เขาก็ยังคงฝืนต่อไป

“ พวกเราช่วยเป็นพลังให้ชั้นทีเถอะ ”
ลอว์เรนซ์ ภาวนา ทันใดนั้นก็มีแสงสี้ลำพุ่งเข้ามาหาเขา มันคือศิลาจันทราของพวก เจนัส
ที่หลงรอดมาจากการถูกทำลาย ทั้งสี่ก้อนได้รวมตัวเข้ากับดาบและช่วยผ่อนแรงสะท้อนทำให้ ลอว์เรนซ์สามารถควบคุมดาบได้ เงาของ เจนัส นีน่า ลากูน่า และริคุ นั้นได้ปรากฏขึ้นและยื่นมาเข้าช่วยจับดาบแห่งคำอธิษฐาน
พลังของดาบที่มากขึ้นเรื่อยๆได้ฟันตัดทะลวง ดาบของ ไดงามิแอคเซีย และผ่าร่างของมันออกเป็นสองเสี่ยง
ก่อนที่จะเกิดระเบิดและสลายไปในที่สุด ดาบแสงได้สลายตัวหายไป พร้อมกับที่ เนเมซิส แยกตัวอกมา
เนเมซิส มองร่างของ ลอว์เรนซ์ ที่โทรมจากการต่อสู้และการฝืนใช้พลังที่เกินตน ด้วยสายตาวิงวอน
ให้เขามีชีวิตรอดกลับไป ก่อนที่ตนจะกลับไปยังโลกแห่งชะตา ชุดเกราะของ ลอว์เรนซ์ ได้สลายตัวออกพร้อมกับที่
เดรคแอคเตอร์ ได้บินหายไปร่างของเขาได้ค่อยๆร่วงหล่นลง ก่อนที่ ชินจิ จะเข้าไปรับเอาไว้
และทุกอย่างก็ดูเหมือนจะจบลงด้วยดีแล้ว

……………..
…………………….
………………………..
1 เดือนผ่านไป


“ จะกลับไปจริงๆเหรอ ”
เทียกล่าว กับ ลอว์เรนซ์ ที่พึ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ทั้งคู่ยืนอยู่บนเนินหญ้าที่ หมู่บ้านแหลมทวีป คาดาร่า
ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ ลอว์เรนซ์ได้พบกับ นีน่า เป็นครั้งแรกและเป็นสถานที่แห่งความทรงจำของเขากับพวกครึ่งสมิง

“ ชั้นรู้ดีว่าตัวชันเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วดังนั้นอย่างน้อยชั้นต้องทำให้ความต้องการของทุกคนที่ฝากฝังไว้เป็นจริง ชั้นจะกลับไปพร้อมกับทุกคน..พวเขายังคงอยู่ในจิตใจของชั้น และชั้นก็มีหน้าที่ที่ จะต้องพาพวกเขากลับไปด้วย
ขอให้เธอเข้าใจด้วยนะเทีย ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขณะที่ เดรคแอคเตอร์ ได้บินลงมา และเปิดประตูมิติให้แก่เขา

“ ลอว์เรนซ์ ที่แล้วมาฉันก็แค่ไปเจอเธอโดยบังเอิญ ที่โลกอดีตเท่านั้นแต่เธอก็ยังอุตส่าห์ช่วยเหลือชั้นมาตลอด
จนกลับมาที่โลกอนาคตนี่ก็ยังต้องคอยช่วยเหลือฉันอยู่เรื่อยมา รวมไปถึงเพื่อนของเธอด้วย ทั้ง เจนัส ลากูน่า นีน่า และริคุ ต่างก็เป็นคนที่สำคัญสำหรับฉันไปแล้วที่ผ่านมาฉันเอาแต่เรื่องมาให้ตลอดเลยแต่เธอก็ไม่เกี่ยงที่จะช่วย ขอบคุณมากนะสำหรับทุกสิ่งและนี่คงถึงเวลาที่ต้องลากันแล้วสินะ ถึงจะเป็นช่วงเวลาแค่ 1 ปี แต่ฉันจะไม่ลืมเธอและทุกคนเลย ”
เทีย กล่าวขอบคุณกับสิ่งที่ผ่านมาที่เขาได้ช่วยเหลือเธอไว้ ต่อหน้าเหล่าลูกเรือของยาน Angle Wing ที่ยืนดูอยู่ห่างๆ

“ ชั้นเองก็เหมือนกันจะไม่ลืมเลย ลาก่อนนะ เทีย ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็เดินเข้าไปในประตูมิติ โดยมีเสียงกล่าวอำลาจากทุกคนไล่หลังไปก่อนที่รอยแยกจะปิดลง

………………..
…………………….
……………………
โลกอดีต 3000 ปีก่อน
หมู่บ้านมังกร

“ ไลท์ ลอว์เรนซ์ จะกลับมารึเปล่านะ ”
ไฟร์ถาม ขณะที่ไลท์ยังคงเอาแต่จ้องมองไปยังเนินหญ้าซึ่งเป็นทางผ่านเข้าออกนอก มิติมังกร

“ เฮ้พวกนายก็มาด้วยเรอะ ”
เสียงของ อควาดังขึ้นพร้อมกับที่ เอิธท์ วิล ดาร์ค และพวกอาจารย์กับเพื่อนๆที่เคยเรียนโรงเรียนมังกรด้วยกันจะยกโขยงกันมาสมทบ

“ อ้าวไหงมากันหมดเลยล่ะ ”
ไฟร์กล่าวถามด้วยความสงสัย

“ พอดีวันนี้รู้สึกว่า ลอว์เรนซ์ อาจจะกลับมาน่ะก็เลยชวนกันออกมารอ ”
วิล กล่าวขณะที่มองไลท์ ที่มานั่งรอคอยการกลับมาของลอว์เรนซ์ นับตั้งแต่เขาจากไปยังโลกอนาคตกับพวก เจนัส
เวลาได้ล่วงเลยมา 2 เดือนแล้ว

“ ไลท์.. ”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นนั่นทำให้ไลท์ลุกขึ้นในทันที ลอว์เรนซ์ กำลังเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างโซซัดโซเซ

“ ลอว์เรนซ์ ”
ไลท์อุทานทว่า ลอว์เรนซ์ ที่เข้ามาก็ฟุบลงไปกับพื้นหญ้าเสียก่อนทำให้พวกเขาวิ่งเข้าไปดูอาการด้วยความเป็นห่วง

“ ลอว์เรนซ์ เป็นอะไรไปน่ะ..ลอว์เรนซ์แล้วคนอื่นๆล่ะ เจนัส นีน่า ลากูน่า แล้วก็ริคุไฟปไหนหมด ”
ไลท์กล่าวขณะที่พยายามเรียกสติของเขา

“ พวกเขาตายหมดแล้ว… ”
ลอว์เรนซ์กล่าวเสียงแผ่ว คำพูดของเขาทำเอาทุกคนหน้าซีดเผือดไปตามกัน

“ และอีกไม่นานชั้นเองก็คงจะไม่รอดแล้วล่ะอย่างน้อยๆแค่ได้นำจิตวิญญาณของพวกเขามาส่งพร้อมกับ
ตัวของชั้นเองก็พอแล้ว…ขอโทษนะไลท์ทั้งที่พึ่งจะกลับมาแท้ๆแต่ก็เป็นแบบนี้ซะแล้ว ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวมือของเขาก็แน่นิ่งไปในทันที ลมหายใจเฮือกสุดท้ายได้หายไปแล้ว
แม้ว่าแรงสะท้อนจากการ
ใช้ดาบแห่งคำอธิษฐานจะได้รับการผ่อนปรน ทว่ามันก็ยังเกินกว่าที่เขาจะรับได้ สิ่งที่ เนเมซิส คาดเอาไว้แล้ว
ลอว์เรนซ์ จะเปลี่ยนชะตาของเขาเป็นครั้งสุดท้าย การที่เขาสามารถอยู่ได้จนครบ 1 เดือนหลังจาก
การใช้ดาบนั่นก็คือขีดจำกัดที่สุดแล้วของเขาอย่างน้อยที่สุด เนเมซิส ก็คาดการไม่ถึงเพียงอย่างเดียวนั้นคือ เขาสามารถกลับไปบอกลากับทุกคนได้ในช่วงท้ายของชีวิต บัดนี้วิญญาณของ หนุ่มน้อยก็ได้พบกับ
ครอบครัวที่พรากจากกันแล้วที่โลกภายภาคหน้า
 และตำนานก็ได้จบลงไปในตอนนั้นนั่นเอง ทว่าเรื่องราวของเธอพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
การเดินทางของ เทีย ยังไม่สิ้นสุดแต่มันพึ่งเริ่มต้น

Multi Armor Actor V.O.W Fin……….



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.
Post by: cocka-c on October 26, 2008, 07:57:23 PM
ในที่สุดก็อวสานภาค Voice of War แล้วนะเจ้าคะ อาทิตย์หน้าตอนสุดท้ายแล้วอย่าลืม
มาดูกันให้ได้นะจ้ะ


Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.[Fin]
Post by: cocka-c on November 02, 2008, 06:37:34 PM
Multi Armor Actor E.E.(End of Era)

โลกเทอร่า 3000 ปีหลังการก่อตั้งมิราบิลิส ได้เกิดสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ของมนุษย์และแลนทิส ที่นำมาซึ่งสงคราม
เข่นฆ่ากันเองของมนุษย์ จากการชักนำขององค์กร วิจัยพัฒนาอาวุธเอกชน Bell Cross ซึ่งมีจุดประสงค์ที่
จะนำเอาพลังแห่งความว่างเปล่าใช้ทำลายเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ ให้สิ้นไป ทว่าด้วยการขัดขวางของเหล่า
นักรบผู้ถือครองมาสเตอร์แอคเตอร์และความร่วมมือของกองกำลังต่อต้านอิสระ (Freedom Resistant)กับ สหพันโลก
และ ADC (Association Dispassionate Confliction = กลุ่มสมาคมความเป็นกลางทางความขัดแย้ง)

ทำให้สามารถโค่นล้มอาวุธสุท้ายของ Bell Cross ไดงามิแอคเซีย (Daikami Axia) ทว่าโลกก็ไม่ได้กลับเข้าสู่ความสงบสุขเช่นแต่ก่อน เมื่อเศรษฐกิจโลกในช่วงนั้นได้ขึ้นกับการค้าอาวุธและมัลติอาร์เมอร์ที่ Bell Cross บริหารไว้
เมื่อการล่มสลายของ Bell Cross ได้มาถึงสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกต่างก็ซบเซาลงไปตามๆกัน

ความเสียหายที่ ไดงามิแอคเซียก่อก็ไม่มีผู้ใดออกมารับผิดชอบได้ จากการที่ทวีปเลาดิเชีย ซึ่งเป็นสนามรบในครั้งนั้นได้ถูกลบหายไปจากประวัติศาสตร์ ทำให้หลายชาติที่มีความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งอยู่ในเขตทวีปเลาดิเชียพลอยหายไปด้วยจึงไม่มีการนำเงินมาลงทุนหมุนเวียนในการค้าอื่นๆนอกจากการค้าอาวุธ สงครามเหล่านี้

เมื่อเวลาผ่านไปความกดดันก็เริ่มก่อให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ เมื่อในบางประเทศไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำสงครามเพื่อแย่งชิง เพราะประเทศอื่นๆก็ยังอยู่ในสภาพที่ต้องฟื้นตัวจึงทำให้ไม่อาจส่งความช่วยเหลือให้กันและกันได้
ไม่นานสงครามก็เกิดขึ้นอีกและโลกก็ได้แบ่งแยกออกเป็น 3 ฝ่ายไป คือ ADC ที่ได้รับประเทศสมาชิกเพิ่มจากเหล่า

ประเทศที่ไม่ต้องการก่อสงคราม  กลุ่มที่ต้องการก่อสงครามเพื่อให้ประเทศของตนที่เปลืองงบไปกับการพัฒนาอาวุธ
สามารถอยู่รอดต่อไปได้คือกลุ่มปฏิรูปมนุษยชาติ และ กลุ่มสุดท้ายที่ก่อตั้งขึ้นเพราะ การไม่ยอมรับทางสังคมโลกคือ
เหล่าแลนทิส นั้นแม้จะเป็นอิสระจากการควบคุมของ Bell Cross ทว่าก็ไม่ได้มีทุกตัวที่เลือกกลับ

ไปสู่ธรรมชาติแต่เลือกที่จะใช้ชีวิตต่อไปในสังคมมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มมนุษย์ ที่เกิดขึ้นจากการทดลองของ Bell Cross อย่าง Super Solider และ Coordinator ที่ยังคงหลงเหลือมาล้วนไม่ได้รับการยอมรับต่อสังคมโลก

ทำให้พวกเขาจับมือกับเหล่าแลนทิสลุกขึ้นสู้ร่วมกันด้วยฐานะที่เป็นผลิตผลของ Bell Cross เพื่อให้โลกยอมรับพวกเขา
ซึ่งเรียกตัวเองว่า  New Type นอกจากนี้กลุ่มของพวก New Type ยังได้รับการหนุนหลังจาก พวกชนเผ่า
ฮิแรนด้า(Hiranda)และ อาแร็คน่า (Aracna) ที่มาจากกาแล็คซี่ อื่นอีก ทำให้กำลังรบของ กลุ่ม New Type มีเทียบเท่ากลุ่มอื่นๆ นอกจากนี้มาสเตอร์แอคเตอร์ทั้ง 5 เครื่องที่ไร้ซึ่งเจ้าของ เดรคที่อยู่กับ กลุ่ม Freedom Resistant
ที่ตอนนี้ได้เข้าให้ความร่วมมือกับ New Type เพราะอำนาจทั้งหมดเป็นของชนเผ่า ฮิแรนด้าและอาแร็คน่า
ทำให้ เดรค ถูกยกให้กับกลุ่ม New Type เช่นกันกับ เนลฟา ที่ถูกเก็บกู้ได้ภายหลัง

ส่วน ไนเซอร์ และ ชูริกะ ถูกกลุ่ม ปฏิรูป มนุษยชาติเก็บกู้ไปได้และ ซาร์แสลซ ได้ถูกเก็บกู้โดย ADC
จากการนี้เหล่ามาสเตอร์แอคเตอร์ซึ่งมีอำนาจสูง กว่าแอคเตอร์ทั้งหมด จึงถูกใช้เป็นตัวกลางในการก่อสงคราม
โดยเหล่าพลทหารพิเศษที่ถูกคัดสรรให้มาควบคุม แอคเตอร์เหล่านี้ นอกจากนี้ มาสเตอร์แอคเตอร์ที่ตกไปอยู่ในมือของคนเหล่านี้ก็ถูกทำการแก้ไขดัดแปลงเสียใหม่ให้ลบเงื่อนไขการใช้งาน ที่ยุ่งยากออกไปอย่าง ไฮเปอร์โหมดของเดรคที่
มีเพียงลอว์เรนซ์เท่านั้นที่ใช้ได้ พวกชนเผ่า ฮิแรนด้า ก็ได้ใช้วิทยาการของตนทำให้ลบเงื่อนไขตรงจุดนี้ไปได้

ด้วยเหตุผลที่ไม่อาจยอมรับได้ทำให้ยาน Angle Wing ตัดสินใจแยกตัวออกจากกองกำลังต่อต้านอิสระ ที่ได้เปลี่ยนการปกครองไปและออกเดินทางเพื่อสงบสงครามเหล่านี้ โดยการเก็บกู้มาสเตอร์แอคเตอร์ทั้งหมดกลับมา เทียและเหล่าลูกเรือบนยานจึงต้องร่อนลงสู่สนามรบอีกครา บัดนี้นับจากวันที่ ลอว์เรนซ์ กลับไป เวลาได้ล่วงเลยมา 7 ปีแล้ว
บัดนี้ตำนานหน้าสุดท้ายของหนังสือกำลังจะปิดลงในไม่ช้า


ตอนใต้ของเขตเมืองร้าง อาณาจักรมิราบิลิส

บัดนี้เมืองซึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองด้วยอารยธรรม ได้กลายเป็นเพียงซากปรักของอดีตที่ล่วงเลยมานาน
จากการทำสงครามทำให้ ประชาชนต้องอพยพไปยังที่ใหม่ ทว่ากลุ่มคนที่ไม่มีที่ไปก็ได้แต่ต้องดำรงชีวิตอยู่ในซากปรักนี้ อย่างแร้นแค้นทรหด ต่อสภาพการแก่งแย่งต่างๆที่ไร้ซ฿่งกฏกติกา เพราะในช่วงเวลาเช่นนี้ กฎหมายได้หายไปแล้ว

ไม่มีใครจะคุ้มครองตนได้นอกตัวเองเท่านั้น ดังนั้นการฆ่าฟันกันเพื่อแก่งแย่งปัจจัยในการดำรงชีวิต จึงมีให้เห็นทุกวันบนผืนดินที่เปรียบเสมือน นรก นี้ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็ไม่มีความปรานีให้กัน ผู้อ่อนแอ่ไม่อาจมีชีวิตรอดอยู่ได้

บัดนี้สถานที่แบบนั้น ได้เริ่มแผ่ขยายไปทั่วทั้งทวีปเมอริเซีย ที่ถูกทิ้งร้างไปแล้ว เพราะมันได้กลายเป็น
สนามรบของโลกไป ฃเสียแล้วในตอนนี้ เหล่าผู้คนที่ติดอยู่ใน ทวีปสนามรบเช่นนี้ จึงได้แต่รอคอยความตายเท่านั้น

ณ กองซากปรัก มีกลุ่มเด็กหนุ่มวัยฉกรรจ์ สามคนกำลังรุมซ็อม เด็กหนุ่มคนหนึ่งอยู่ เด็กคนนั้นมีผมสีดำ
นัยตาสีฟ้า สวมเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น ไม่ต่างไปจากเด็กพวกนั้น ที่ริมฝีปากมีคราบเลือดจางๆติดอยู่
จากการที่เขาเอามือไปปาดมันออก ตามร่างกายมีบาดแผลซึ่งเกิดจากการสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ในที่แบบนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีการรุม ซ้อมคนที่ตัวคนเดียวต่อให้เก่งซักเท่าไหร่ก็ไม่อาจสู้จำนวนได้
เด็กชาย ถูกซ้อมจนสะบักสะบอมไปทั้งร่าง ก่อนจะถูกโยนทิ้งลงไปอย่างไม่มีเยื่อใย

(http://image.ohozaa.com/ig/toaji.jpg)

“ เป็นไงล่ะอยากซ่าส์ดีนัก มันต้องโดนอย่างนี้จำไว้วันหลังถ้าพวกข้าต้องการอาหารก็เอามาให้ซะดีๆไอ้แห้งอย่างแกนะไม่มีค่าจะอยู่หร้อก ฮ่าๆๆ ”
หัวโจกของกลุ่มกล่าวขณะที่พวกลูกน้อง เก็บเอากระป๋องเสบียงที่ เด็กชายหาได้จากบริเวญรอบนี้อย่างยากลำบาก ไปจนหมด ก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้เขาต้องนอน เจ็บช้ำอย่างทรมานและหิวโหย ไม่ช้าเขาคิดว่าความตายคงจะมาเยือน
ในอีกไม่ช้า ทุกอย่างดับสนิทลง เขาหมดสติไปเสียแล้ว


“ เด็กคนนี้นสินะ ทาร็อตโต้ แน่ใจนะ ”
นักปราชญ์หนุ่มคนหนึ่งได้เดินเข้ามาหา เด็กชายที่หมดสติ ที่ไหล่ซ้ายของเขามีแมว ดาร์คเดสทินี่ ก็อยู่

“ เออสิคนนี้ไม่ผิดแน่ ”
เจ้าแมว ตอบเสียงใส ขณะที่บินลงไปดมรอบใบหน้าของ เด็กหนุ่ม

“ นี่น่ะเหรอเด็กหนุ่มผู้ที่รับคำทำนายว่าจะเป็นผู้ทำลายหรือผู้ช่วยโลกน่ะ..งั้นเราคงต้องช่วยเขาแล้วสินะ ”
นักปราชญ์กล่าวก่อนจะ ก้มลงร่ายเวทย์รักษา บาดแผลให้กับเขา

“ นี่เวสเล่ คงไม่ลืมนะ ไอ้นาฬิกานั่นน่ะ  ”
เจ้าแมวหันมาถาม ซึ่งเวสเล่ก็ทำท่าเหมือนพึ่งนึกได้


“ อ้อจริงสิ เกือบลืม ”
เวสเล่ กล่าวขณะที่ล้วงเอานาฬิกาข้อมือสีฟ้า ที่หน้าปัดเป็นแบบจอมอนิเตอร์และมีปุ่มสำหรับกดเพื่อการใช้งาน
ตัวเลขบนหน้าปัดบอกเวลาเป็นแบบ ดิจิตอล ขึ้นมาสวมให้กับเด็กชาย

“ เดี๋ยวพอเขาตื่นขึ้นมาก็เล่าให้ฟังให้หมดเลยนะ ”
เจ้าแมว กล่าวขณะที่ยกอุ้งเท้าขึ้นเลีย ในขณะนั้นก็มีเสียงระเบิดและเสียงปืนดังมาเป็นระยะๆจากที่ไกลออกไป
การสู้รบได้เริ่มขึ้นอีกในที่ไกลออกไปจากที่นี่

“ เฮ้อถ้าไม่มีไอ้สงครามบ้าๆนี่ล่ะก็เด็กคนนี้ก็คงไม่ต้องเลือกแบบนี้หรอก สุดท้ายแล้วคนที่จะเลือกให้โลกนี้อยู่
หรือไปก็เขาสินะ…เพราะซาราเบลดคนสุดท้ายกลับไปสามารถเลี่ยงจากชะตา ได้สุดท้ายโลกก็ต้องคัดสรรคนมาใหม่อีก จะมีรึเปล่าน้า วันที่โลกจะสงบลงจริงๆน่ะ ”
เวสเล่ เปรยด้วยความเอือมอาลัยกับสภาพของ โลกที่ประวัติศาสตร์ตลอดมานั้นมีแต่สงครามความขัดแย้ง
ช่วงหลายร้อยศตวรรษที่เขาเฝ้าจับตาดูมานั้นยังไม่ถึงวันที่ความสงบสุขจะอยู่ได้อย่างยั่งยืนเลยแม้แต่น้อย

“ ก็เพราะงั้นแหล่ะเด็กคนนี้ถึงเป็นตัวตัดสินยังไงล่ะว่าโลกแบบนี้น่ะควรจะอยู่ต่อไปหรือหายไปซะ ”
เจ้าแมว กล่าวด้วยความรำคาญ

“ แต่ไม่นึกเลยนะว่าพลังแห่งความว่างเปล่าที่พวกเราปฏิเสธมาตลอดจะถูกนำมาใช้ตัดสินแบบนี้น่ะ
อย่างนี้เท่ากับที่พวกซาราเบลดทำมาทั้งหมดมันสูญเปล่ากันเห็นๆเลย ไม่รู้เลยว่าสวรรค์คิดอะไรอยู่กันแน่
เมื่อ 2800 ปีก่อนถึงได้แยกตัวออกไปเฝ้าจับตาดูโลก จากที่ไกลๆแทน ”
เวสเล่ เปรยจบก็ถอนหายใจด้วยความหน่ายขณะที่ เอามือบหัวของเด็กน้อย ซึ่งกำลังพักฟื้น ด้วยสายตาเอ็นดู

“ ชั้นอยากรู้จริงๆว่าเธอจะเลือกทางไหนกันนะเด็กน้อยเอ๋ย ”
เวสเล่ กล่าวเสียงลอย ขณะที่มองขึ้นไปบนฟ้าที่ไม่มีกระทั่งแสงอาทิตย์สาดส่องลงมา จากการที่ควันไฟแห่งสงครามได้ก่อตัวปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้จนมืดมน

…………….
………………..

3 ปีต่อมา

สงครามยังคงก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้จบ ทวีปเมอริเซียแทบจะถึงการล่มสลายเมื่อมีการนำเอาระเบิดพลังงานสูงเข้ามาใช้ในการรบ กองทหารมัลติอาเมอร์ ที่นำโดยมาสเตอร์แอคเตอร์ก็ยังคงเข้าปะทะกันและยิงใส่กันโดยไม่สนว่า กระสุนของตนจะไปโดนเอา พลเมืองที่ไม่มีที่ไปหรือไม่ กาต่อสู้บนน่านฟ้าเหนือซากเมืองมิราบิลิส
ในครั้งนี้ ยาน Angle Wing ที่ได้แยกตัวออกจาก Freedom Resistant ได้เข้ามาแทรกแซงการสู้รบระหว่างพวก
ADC และ กลุ่มปฏิรูปมนุษยชาติ

“ Excel Shooting ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นก่อนที่ อาร์เมอร์แอคเตอร์ไกอา จะยิงกระสุนแสงจำนวนนับสิบออกไป ทำลายทหารมัลติอาร์เมอร์จนร่วงหล่นลงสู่พื้นไปหลายนาย

“ Twin Mega Shooting ”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นขณะที่แฟนธ่อมเดรคยิง ลำแสงพลังงานสีดำ สองแสงพุ่งเข้าทำลาย กองทหารมัลติอาร์เมอร์ อีกกอง

“ Mega Kick ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นขณะที่ ซาร์แสลซ ได้พุ่งเข้ามาตวัดขาเตะกลางอากาศ  ทว่าไกอา ก็เปลี่ยนพาสเสริมเป็นโล่ ยืดมันออกไปกันการโจมตีไว้

“ ไม่เป็นไรนะ ฟอน ”
ไกอา ติดต่อไปยัง ฟอนที่สวม แฟนธ่อมเดรค อยู่

“ อืมขอบใจนะ ชินจิ แต่ดูเหมือนศัตรูจะมากันเยอะเหลือเกิน ”
ฟอน กล่าวขณะที่มองภาพรวมในสนามรบ ขณะเดียวกันยาน Angle Wing ก็ได้ถูกล้อมเาอไว้ด้วย
ทัพของศัตรู ทั้งสองฝ่าย

ภายในห้องบังคับการของ Angle Wing

“ หันหางเสือไป 10 เลเซอาร์ทุกกระบอกเล็งยิงทำลายเป้าหมายซะ ”
คางาริ สั่งการ จบเหล่าลูกเรือก็รีบจัดการกันเป็นการใหญ่ ทว่าก่อนที่ ยานจะได้ทันหักหัวหลบออกจาก
วงล้อมของศัตรู คลื่นลำแสงพลังงานลูกใหญ่ก็พุ่งตรงเข้ามาที่ยาน

“ หักหลบไม่ทันแล้วค่ะ ”
ลิลลี่ กล่าวขณะที่มองจอเรดาห์ กลุ่มแสงพลังงานเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

“ Pancer Gueis ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นก่อนที่ เอริค จะลอยเข้ามาสร้างกำแพงแสงขึ้นด้วย Spell Technical รูปแบบหอกที่ถืออยู่ในมือ
คลื่นพลังกระทบกับกำแพง อย่างจังก่อนจะสลายไป

“ ไม่เป็นไรนะครับ ”
เอริค ติดต่อเข้ามา การป้องกันของเขา ช่วยให้ยานรอดพ้นจากการถูกทำลายมาได้

“ ขอบใจมากนะ เอริคแล้วกอนดารี่ ล่ะ ”
คางาริ กล่าวถาม

“ อ๋อกอนดารี่ กำลังรับมือกับ ไนเซอร์ อยู่ครับเดี๋ยวผมคงต้องไปช่วยก่อนล่ะครับ พวกเราไม่มี Time Walk เหมือน
แอคเตอร์นี่ครับ ”
เอริค กล่าวจบก็ออกตัวไปทันที

“ ขอโทษด้วยนะ เอริค กอนดารี่ ที่ต้องให้พวกเธอทรยศต่อ ชนเผ่าของตัวเองมาเข้าร่วมกับยานของเราน่ะ ”
คางาริ คิดเพราะในวันที่แยกตัวออกมานั้น เอริค กับ กอนดารี่ขอที่จะติดตามไปด้วย โดยยอมสละ
ตำแหน่งของตนไปปพร้อมๆกับฟอน ที่สละตำแหน่งตัวแทนผู้นำ ของกองกำลังฝ่ายโลก

และออกเดินทางร่วมมากับยานเพื่อเก็บกู้มาสเตอร์แอคเตอร์ทั้งหมด และหยุดสงครามนี้ลง
ซึ่งการกระทำของ พวกเขานั้นถือเป็นการตั้งตัวเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเลยทีเดียว

และในวันนี้ พวกเขาได้ใช้เวลาถึง 10 ปีในการเตรียมกำลังและตามสืบว่าศุนย์กลางการรบในขณะใดที่
มาสเตอร์แอคเตอร์ ของกลุ่มต่างจะออกทำการรบ เพื่อจะได้ทำการจัดการกับนักรบผู้สวมใส่และชิงเอากลับมา
ทว่ามันก็ยังเป็นงานที่ยากอยู่ดีเพราะอีกฝ่ายคือมาสเตอร์แอคเตอร์


“ Time Walk ”
สิ้นเสียง ทั้งมาสเตอร์แอคเตอร์และมัลติอาร์เมอร์ต่างก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเหนือกระแสแห่งเวลา
 เข้าปะทะกันอย่างชุลมุน ทำให้ ยานของพวกเขาตกที่นั่งลำบากในทันที

“ ช่วยเปิดGate ให้ทีสิคะฉันจะออกไปเอง ”
เสียงสัญญาณติดต่อเข้ามาที่ มอนิเตอร์ของห้องบังคับการ

“ งั้นฝากด้วยนะ เทีย เปิดGate ได้ ”
คางาริ กล่าวจบก็สั่งการให้ทำการเปิดประตูส่ง ตัวทันที

“ Gate Stand By,CataPul Shooter Stan By เตรียมการส่งตัว :ซาคาทซึกิ(Sakatsugi) เวลาในการออกตัวแล้ว
แต่ทาง ซาคาทซึกิ ”
เสียงประกาศดังขึ้น จากห้องบังคับการส่งไปยังลำโพงบนผนังที่ ช่องปล่อยตัว ประตูยานได้เปิดออกจนสุด
เทีย ได้เดินตรงไปยังปลายรางเลื่อนก่อนจะ ยกเอาผลึกทรงกลมสีฟ้า ที่ห้อยคอเอาไว้ขึ้นมา

“ Stand By Ready ”
เสียงแหลมสูงดังขึ้นจาก ผลึกนั่นก่อนที่มันจะหลุดออกจาก สร้อยและขยายรูป ขึ้นเกิดชิ้นส่วนเกราะ
ปรากฏขึ้นกลางอากาศก่อนจะประกอบเข้ากันจนเป็นยวดยาน รูปทรงเพรียวที่หัวรถ มีลำกล้องปืนติดตั้งอยู่
เทีย ขึ้นไปขี่มันอย่างคล่องแคล่ว ก่อนที่จะเอาหมวกป้องกัน ที่ถือสวมลงไป
และก้มตัวลงจับคันบังคับของ พาหนะ เธอบิดคันบังคับเล็กน้อย เจ้ายาพาหนะก็ส่งเสียงคำรามดังกระหึ่ม

(http://image.ohozaa.com/if/jetsagatsuki.jpg)

“ เทีย ไอน่าซัลเฟอร์ Jet Actor Sakatsugi ออกตัวล่ะนะคะ ”
เทียกล่าวจบ ก็บิดคันเร่งเสียเต็มแรงเจ็ตแอคเตอร์ก็พุ่งทะยานออกสู่น่านฟ้า ท่อไอพ่ด้าล่างได้ปล่อยละอองอนุภาค E.I. ออกมา ทำให้มันสามารถทรงตัวอยู่กลางอากาศได้  

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง เหล่า มัลติอาร์เมอร์ที่ปะทะกันอยู่ อย่างรวดเร็วก็สามารถมองเห็นได้แบบปกติแล้วเพราะเธอได้เข้าสู่ห้วงเวลาเดียวกับพวกเขาแล้ว เธอ ไม่รอช้า ขับเจ็ตแอคเตอร์พุ่งเข้าชน ทหารจนตกร่วงไปอย่างไม่เกรงกลัว
ขณะเดียวกันก็คอยยิงช่วยสนับสนุนทหารฝ่ายเธอ ไปด้วย

“ Time Walk ”
ทุกเสียงดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ การเคลื่อนไหวเหนือการเวลาจะสิ้นสุดลง

“ เปลี่ยนเป็น Armor Mode  ”
เทีย สั่งจบเจ็ตแอคเตอร์ ก็ทำการแยกส่วนประกอบออกและ กระจายตัวไปประกอบเข้ากับร่างของเธอ
จนกลายเป็นชุดเกราะ หางเสือทั้งสองข้างกลายเป็นปีก และตัวเครื่องภายในเปลี่ยนเป็น กระเป๋ายิงจรวด
ทั้งสองอัน หน้ากากของยานประกอบเข้ากับหมวกป้องกันของเธอ และกลายเป็นหน้ากากไป
ตัวเซ็นเซอร์ และค่ามาตรวัด ต่างๆได้ปรากฏขึ้นบนจอหน้ากากทั้งหมด

“ Change Armor Sakatsugi  ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจากตัวเกราะของเธอท่ามกลางสายตาของ ศัตรูที่มองมายังผู้มาใหม่อย่างเธอ

(http://image.ohozaa.com/ig/sagatsuki.jpg)

“ Genocide Misslie ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นก่อนที่ เทียจะยก เอากระยิงจรวดทั้งขึ้น หัวจรวดมิสไซล์จำนวนสิบนัด
โผล่พ้นลำกล้องขึ้นมาก่อนที่ ตัวเซ็นเซอร์ที่หน้ากากของเธอจะล็อคเป้า เหล่าทหารทั้งหมด
 จากนั้นจรวดมิสไซล์จึงพุ่งตัวออกไปทำลายล้างศัตรูจน วอดวายไปหลายนาย

“ สุดยอดสมแล้วที่เป็น เจ็ตแอคเอตร์ซาคาทซึกิ ที่ดร.คีออส สร้างขึ้นใหม่ ”
ชินจิ กล่าวหลังที่เห็นพลังทำลายของ ซาคาทซึกิ  

“ Mega Slash ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่ ไนเซอร์ จะไปอยู่ด้านหลังของ เทียทว่าครั้นจะหันไปรับมือก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะคมดาบกำลังจะบั่นคอเธอในไม่ช้านี้

เคร้ง!

เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ดาบโลหะเล่มหนึ่งเข้ามารับคมดาบของ ไนเซอร์ ไว้ ร่างของผู้มาใหม่ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอไว้
เป็นนักรบสวมชุดเกราะที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งมันบินได้ทั้งที่ไม่มีไอพ่นหรือกระทั่งประจุ E.I.  ที่แขนขวาเป็นดาบคมสองปลาย และยังมีดาบเลเซอร์อีกเล่มเหน็บเก็บไว้ที่เอวขวา

“ ใครกัน เกราะแบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มัลติอาร์เมอร์เหรอไม่สิ หรือว่าแอคเตอร์ ”
เทียคิดขณะที่มอง ผู้ที่มาใหม่ในเสี้ยววินาทีนั้น เอง มือซ้ายของนักรบคนนั้นก็ชักเอาดาบ
เลเซอร์ออกมาจากเอวขวาตวัด ฟันใส่ ไนเซอร์ อย่างจัง จนร่างของ ไนเซอร์ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
และสลายตัวกลับออกมาจากร่างของผู้สวม  ฟอน เห็นโอกาสจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปเก็บ ตั้กแตนยนต์ที่เป็น
ไนเซอร์แอคเตอร์ ซึ่งกำลังร่วงหล่มลง ในทันที

“ แกเป็นใครกัน… ”
ทหารที่สวม ชูริกะแอคเตอร์ อยู่ถามขึ้นด้วยความผวาทว่าก็ไม่มีเวลา ที่จะให้เจ้าตัวได้รู้เพราะ
เพียงพริบตา นักรบคนนั้นก็พุ่งผ่านร่างของ ชูริกะ ไปเสียแล้ว แรงระเบิดจากการฟันอันหนักหน่วงทำให้
 ชูริกะแอคเตอร์ แยกตัวออกจากผู้ใช้ และคราวนี้ ชินจิ เป็นคนเก็บมาไว้ได้

ในขณะที่ร่างของทหารที่สวม มาสเตอร์แอคเตอร์ทั้งสอง ตกลงสู่พื้นเบื้องล่างโดยไร้การเยียวยา
ซาร์แสลซ ที่เห็นเช่นนั้น คิดที่จะหนีทว่า นักรบผู้มาใหม่นั้น ก็ได้เสียบดาบเลเซอร์ทะลุเข้าไปที่
หน้าอกของ เขาเสียแล้ว ซาร์แสลซ ได้แยกตัวออกมาและ เอริค กับ กอนดารี่ ก็ได้เข้ามารับ
เอาไว้



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.[Fin]
Post by: cocka-c on November 02, 2008, 06:37:55 PM
“ เจ้านี่เป็นมิตรงั้นเหรอหรือว่าเป็นศัตรูกันแน่ ”
เทียคิด ในขณะนี้พวกกองทัพ ของ ADC และกลุ่มปฏิรูปมนุษยชาติ ต่างก็ได้ถอยร่นกันออกไปแล้ว

“ เอย์จิ เซ็ตซึนะ Axia Actor ”
นักรบผู้มาใหม่ประกาศนามของตนกับ นามของแอคเตอร์ที่เขาใช้ทว่าชื่อของแอคเตอร์นั้นทำให้ พวกเขาต้อง
ชะงักไป

(http://image.ohozaa.com/ie/0axia.jpg)

“ แอคเซีย..แอคเตอร์งั้นเหรอหมายถึง ไดงามิแอคเซียนั่นน่ะเหรอ ”
เทียกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อว่า แอคเซีย ที่น่าจะถูกทำลายไปแล้วกลับมาปรากฏตรงหน้าในรูปโฉมใหม่

“ ต่อไปก็ตาพวกแกแล้วชั้นคนนี้จะทำลายมันให้หมดโลกแบบนี้น่ะ ”
สิ้นคำของแอคเซีย เพียงชั่วพริบตา ฟอน และชินจิ ก็ถูกฟัน จนได้รับความเสียหายอย่างหนักในเสี้ยววินาทีนั้นเอง
 
“ ต่อไปก็เธอ ”
แอคเซียกล่าวจบก็เงื้อดาบขึ้น เพื่อจะฟันใส่ เทีย ทว่าก็มีคลื่นพลังงานแสงขนาดใหญ่พุ่งตรงลงมาหาทั้งสอง
พริบตานั้นแทนที่ แอคเซียจะหนีไปทว่า เขากลับหันกลับไป ตวัดดาบเพื่อต้านทานการโจมตีนั้น แสงจากการระเบิดเจิดจ้าไปทั่ว แรงระเบิดที่ขยายออกมาส่งผลให้ทั้งสองกระเด็นหายไป โดยไม่รู้ทิศ

………………
……………………

ราตรีได้มาเยือนแล้วทว่า ท้องฟ้าก็ยังคงมืดมาตั้งแต่ก่อนนี้แล้วด้วยควันเพลิงจากสงครามแสงตะวันไม่ได้ส่องลงมานานเท่าใดแล้ว พืชต้นไม้ต่างๆไม่อาจเติบโตได้ ทำให้ทวีป เมอริเซียแทบจะกลายเป็น แผ่นดินร้าง

ที่ไร้ซึ่งชีวิตไปเสียแล้ว เมืองที่เคยเจริญรุ่งเรืองอารยธรรม ก็ได้เหลือเพียงซากปรักหักพัง รายล้อมไปทั่ว
ที่กองซากปรักแห่งหนึ่งในเขตเมืองร้าง ร่างของ หญิงสาว ผมสีฟ้า สวมชุดนักบิน ที่คอห้อยผลึกทรงกลมสีฟ้า
และหมวกป้องกันวางอยู่ข้างกาย เธอสลบไสลไม่ได้สติมา กว่าสามวันแล้ว
ดวงตาของเธอที่ปิดสนิทนั้นค่อยแยกออก ภาพทั้งหมดที่เข้าสู่สายตานั้นยังคงเรือนราง
เธอพยายามลืมตาขึ้น ภาพต่างรอบตัวทำให้เธอสับสนมาก เธอลุกพรวดขึ้นมามองไปรอบๆ

“ นี่มันที่ไหนกันก็เรา จำได้ว่าเรากับกองยานกำลังรบกับ มาสเตอร์แอคเตอร์ อยู่นี่แล้วจากนั้นก็..จริงสิ
เราถูกคลื่นพลังงานจากที่ไหนซัดตกลงมานี่ สงสัยจะกระเด็นมาไกลเลย ”
เธอคิด ขณะที่ลุกขึ้นเพื่อมองหาใครแถวนั้นซักคน

“ ฟื้นแล้วเหรอนึกว่าตายแล้วซะอีก หลับไปสามวันเต็มๆเลยนะ ”
 เสียงดังขึ้นจากด้านหลังซากปรัก ทำให้เธอหันควับไปทันที
เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนอน แหงนมองท้องฟ้า เขาสวมเสื้อสีดำ ที่ขาดวิ่น ดวตาของเขาเป็นสีฟ้าผมสีดำ
อายุราว 16 ปีซึ่งเด็กกว่าเธออยู่ หลายปีเลยทีเดียว

“ เธอเป็นใครน่ะแล้วที่นี่ที่ไหน ”
หญิงสาวถาม ด้วยความอยากรู้

“ ความจำเสื่อมด้วยรึไง เทีย ไอน่าซัลเฟอร์ สังกัดยาน Angle Wing ที่แยกตัวออกมามีเป้าหมายคือการยุติสงครามนโลกนี้ด้วยการรวบรวมมาสเตอร์แอคเตอร์ทั้งหมดกลับคืนเพ้อชะมัดถึงทำแบบนั้นไปก็ไม่ช่วยให้โลกมันดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้หรอก  ”
เด็กหนุ่มกล่าว เสียงของเขา ทำให้ เทียจำได้ เขาคือคนที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกระทันหัน
และจัดการกับ มาสเตอร์แอคเตอร์ สามเครื่องไปพร้อมๆกันในเวลาไม่นาน และในขณะที่เขาจะลงสังหารเธอ
พวกเขาก็ถูกคลื่นพลังซัดจนปลิวมาที่นี่นั่นเอง

“ หรือว่าเธอคือ คนที่สวม แอคเซีย ตอนนั้น ”
เทีย กล่าวด้วยความผวาขณะที่ค่อยๆถอยออกห่าง

“ ใช่ ชั้น เอย์จิ เซ็นซึนะผู้ที่ได้รับคำทำนายว่าจะเป็นผู้ทำลายและช่วยเหลือโลก ”
เด็กหนุ่มกล่าว ก่อนจะยันตัวขึ้นมองมาที่เธอ

“ เอย์จิ …..งั้นเหรอแล้วเธอมีจุดประสงค์อะไรกันต้องการจะช่วยพวกเราหรือจะขัดขวางกันแน่ ”
เทียกล่าวถามด้วยความอยากรู้ ทว่าเอย์จิ ก็หัวเราะในลำคอเบาๆ

“ ช่วยรึ..คิดไปเองรึเปล่าชั้นก็แค่จะทำลายมันทุกๆอย่างก็เท่านั้นเอง เจ้าพวกที่ก่อสงครามนี่จนแผ่นดินนี้ต้องลุกเป็นไฟ ชั้นคนนี้ถึงได้รับ แอคเซีย มาเพื่อทำลายโลกนี้ซะ ”
เอย์จิ กล่าว จบก็กระโดด ลงมาและยกข้อมือขึ้น เทียจึงเห็น นาฬิกา ที่ข้อมือของเขา

“ หรือว่านั่นคือ แอคเซสซอรี่ของแอคเซีย ”
เทีย กล่าวขณะที่เธอเองก็ คว้าเอา ผลึกแอคเซสซอรี่ของ ซาคาทซึกิ เตรียมไว้

“ ใช่นี่คือแอคเซีย ที่ชั้นได้รับมาเมื่อ 3 ปีก่อน ”
เอย์จิ กล่าวจบ ก็กดสวิซต์ ที่นาฬิกา เกิดบล็อกขึ้นรอบๆร่างของเขาและขยายตัวประกอบเป็นชุดเกราะ

“ Change  Axia ”
เอย์จิ ที่เปลี่ยนร่างเรียบร้อยก็เตรียมจะบุกเข้าไปโดยไม่ให้เธอตั้งตัวได้ทัน
ทว่าเขากลับล้มพับลงไปซะก่อนที่จะได้ทันขยับ เกราะได้สลายตัวลงในทันที ก่อนที่ เขาจะแน่นิ่ง

“ ฮ..เฮ้เดี๋ยวซิเป็นอะไรไปน่ะ ”
เทีย กล่าวขึ้นด้วยความฉงน ก่อนจะตัดสินใจเดินไปดูอาการ ทันทีที่เข้าไปใกล้และสำรวจร่างกายของ เขา
เธอก็พบสาเหตุในที่สุด ที่แขนของเด็กชายมี ปากแผลฉีกเหวอะอยู่ ซึ่งคงจะได้รับมาตอนเขาเอาร่างกายของตน
ช่วยป้องเธอซึ่งถูกพัดปลิวมากับเขา และแผลคงได้มาเพราะป้องกันร่างของเธอไว้จากซากปรักพวกนี้

“  ดูๆไปแล้วก็ ไม่น่ามีพิษ มีภัยนี่นา แต่ว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ ตอนแรกก็บอกว่าจะทำลายแล้วก็กลายมาเป็นปกป้องฉันไปซะทุกทีแบบนี้ แล้วที่บอกว่าเป็นผู้ทำลายและช่วยเหลือนี่มันอะไรกันแล้วทำไม แอคเซียถึงมาอยู่กับเด็กคนนี้ได้ล่ะจำได้ว่า 10 ปีก่อน ลอว์เรนซ์ ทำลายมันไปแล้วนี่  ”
เทีย คิดขณะที่ ฉีกแขนเสื้อของตน ออกมามัดปากแผลของเด็กชายไว้

............
.............
.................

“ ยังหาตัวไม่เจออีกเหรอ เร็วเข้ารีบหาตัว เทีย ให้เจอ  ”
เสียงสั่งการของ คางาริ ดังก้องไปทั่วห้องบังคับการ ขณะที่ลูกเรือต่างก็พยายามกันอย่างเต็มที่ ทว่าก็ยังไม่พบ
ร่องรอยของเธอเลย ส่วนฟอน และ ชินจิ ก็ได้รับบาดเจ็บจนต้องพักฟื้นทำให้ไม่สามารถออกไปได้ เอริค กับ กอนดารี่จึงต้องหากันตามลำพัง สองคน ทำให้กำลังในการหาเป็นไปได้ไม่เต็มที่

…..........
....................

“ อ้าวตื่นแล้วเหรอ ”
เทีย กล่าวเมื่อ เด็กหนุ่มลืมตาตื่น เขาสะดุ้งลุกขึ้นออกจากตักของเธอในทันที พร้อมกับถอยออกห่างแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่ออาการเจ็บแผลกำเริบ

“ อย่าพึ่งขยับตัวสิเดี๋ยวแผลก็เปิดหรอก ”
เทีย กล่าวขณะที่เข้าไปใกล้เขา

“ อย่าเข้ามานะ ”
เอย์จิ ตะคอก ก่อนที่เขาจะทันสังเกตว่าแขนเสื้อเธอฉีกขาดและเมื่อดูที่ผ้าพันแผล ที่พันแขนเขาเอาไว้
ทำให้เขารู้ว่าเธอฉีกแขนเสื้อของเธอ ทำเป็นผ้าพันแผลให้

“ ทำไมถึง ทำแผลให้ชั้นล่ะ ”
เอย์จิ ถามด้วยความสงสัย

“ ต้องมีด้วยเหรอเหตุผลที่ต้องช่วยน่ะ ”
เทีย กล่าวคำพูดของเธอทำให้เขารู้สึกสับสน การที่เธอช่วยเขาโดยไม่หวังสิ่งใดนั้นเป็นความช่วยเหลือที่เขาพึ่งจะเคยได้รับ เป็นครั้งแรกหลังจากที่เขาต้องใช้ชีวิตตามลำพังตัวคนเดียวมาตลอด

“ นี่เธอ..อุบ ”
เอย์จิกล่าวได้ไม่ทันขาดคำ ปากแผลก็เปิดจนได้ เขาเอามือกุมแผลด้วยความเจ็บปวด เทีย รีบเข้าไปทันที และดูอาการ
พร้อมกัน ฉีก แขนเสื้อซ้ายออกมา เช็ดปากแผลให้เขา เขามองเธอด้วยความแปลกใจ

“  อย่าขยับจะดีกว่านะเพราะปากแผลใหญ่ขนาดนี้ถ้าไม่ รีบทำแผลด้วยเครื่องมือที่ดีกว่านี้ล่ะก็ แผลจะติดเชื้อเอาง่ายๆ อดทนหน่อยนะอีกเดี๋ยวพรรคพวกของฉันก็คงจะหาเราพบ ”
เทีย กล่าวด้วยความห่วงใย

“ อ…เอ่อคือขอบใจนะ ”
เอย์จิ กล่าวหน้าแดงด้วยความเขินอาย ทว่า เทียที่ ได้ยินคำขอบคุณของเขาก็รู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก
เธอยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร ในตอนนี้เขารู้สึกอยากที่จะเปิดใจยอมรับเธอ ขึ้นมาบ้างแล้ว

“ นี่ที่บอกว่าจะทำลายโลกนี้น่ะทำไมถึงอยากทำลายล่ะแล้วแอคเซียนั่น เธอบอกว่ามีคนให้มาน่ะมันเป็นยังไงกัน เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ย ”
เทีย กล่าวเอย์จิ รับคำก่อนจะเริ่มเล่าทุกอย่างที่เขาได้ผ่านมาเมื่อ3ปีก่อน
...............
......................
......................

“ แย่แล้วค่ะเรดาห์จับสัญญาณของศัตรูได้ 2 ในนั้นเป็นมาสเตอร์แอคเตอร์ค่ะ ”
ลิลลี่ รายงานขึ้นทันทีที่ สัญญาณปรากฏขึ้นบนมอนิเตอร์ของเธอเต็มไปหมด

“ มาสเตอร์แอคเตอร์สองตัวงั้นเหรอหรือว่า ”
คางาริ อุทานขึ้นก่อนที่จะชะงักไปเมื่อนึกถึงมาสเตอร์แอคเตอร์ที่ยังเหลืออยู่อีกสองเครื่อง
นอกจากที่เก็บกู้กลับมาแล้ว

“ ยืนยันทั้งสองตัวคือ เดรคแอคเตอร์และเนลฟาแอคเตอร์ ส่วนกองทัพที่บุกมาทั้งสามทางไล่จากเหนือวนไปซ้าย
คือ ADC กลุ่มปฏิรูปมนุษยชาติและ New Type ครับ ”
พลทหารชายที่ยังคงรัว นิ้วลงบนแผงควบคุมรายงานอย่างไม่ขาดสาย
รายงานนั้นทำเอา คางาริ นิ่งอึ้งด้วยความวิตกทันที ทั้งยานเข้าสู่ความกลลาหล ในพริบตา

“ บุกพร้อมกันหมดเลยงั้นเหรอนี่หรือว่าเป้าหมายคือ มาสเตอร์แอคเตอร์ทั้งหมดบนยานเรา ”
คางาริ คิดตอนนี้พวกเขาถูกล้อมเอาไว้แล้ว

“ เอาไงดีคะหัวหน้า ข้าศึกรุกประชิดเข้ามาแล้วนะคะ ทีมสำรวจรอคำสั่งอยู่ค่ะ ”
โคโลน่า กล่าวถามอย่างร้อนรน คางาริ ได้แต่นิ่งคิดหาทางออก ทว่าเวลาก็กระชั้นชิดเข้ามาแล้ว

“ ต..เตรียมการพร้อมรบ คำสั่ง Condition Red ให้หน่วยสำรวจเปลี่ยนเป็นหน่วยรบ ส่งมัลติอาเมอร์ออกไป
เลเซอร์ทุกกระบอกรวมทั้ง แกรนครอส ให้ Stand by ไว้ เราจะตีฝ่าออกไป ”
สิ้นคำของ คางาริ คำสั่งทั้งหมดก็ถูกต่อไปเรื่อยๆ กระบอกปืนทั้งหมดรอบลำยานถูกเตรียมพร้อมให้ยิงได้ทุกเมื่อ
กลุ่มสำรวจที่บินอยู่นอกยานก็เปลี่ยน มาตั้งทัพรบในทันที โดยมี เอริค และ กอนดารี่ นำทัพแทน ฟอน และชินจิ ที่ยังบาดเจ็บอยู่

“ พร้อมไหมสตราดร้า ”
เอริคกล่าวกับ หอกของตนขณะที่บินตรงมาประจำที่

“ Alright My Master ”
เจ้าหอกตอบกลับมาเสียงแหลม

…………….
…………………….

“ เมื่อ 5 ปีก่อนทวีปนี้ยังไม่เป็นอย่างที่เห็นนี่หรอกชั้นกับครอบครัว อาศัยอยู่ที่ มิราบิลิส นี่
เพราะมันเป็นอาณาจักรที่ ไม่มีการแบ่งแยกไม่ว่า จะเป็นเผ่าพันธุ์ใด แต่เพราะไม่ต้องการที่จะก่อสงคราม
แบ่งแยกชาติเผ่าพันธุ์ ทำให้กลุ่มอำนาจอื่นๆเข้ามาทำลายอย่างไม่ใยดีเลย ตอนนี้มันกลายเป็นแค่ซากปรักในสนามรบไปแล้วล่ะ  ”
เอย์จิ กล่าวขณะที่ภาพความทรงจำได้ปรากฏขึ้นในใจของเขา แววตาของเขาแสดงความเจ็บแค้นออกมา
ซึ่งเทีย เข้าใจดีว่ามันคือความแค้นในความด้อยพลังของตัวเองทำให้ไม่อาจปกป้องใครไว้ได้ และพอได้พลังมาอยู่ในมือก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้แล้ว

“ จากนั้นไม่นานสงครามก็ลามมาถึงนี่ชั้นกับครอบครัว พยายามจะอพยพหนีออกไปแต่ เพราะระเบิดลูกหนึ่ง
ที่ถูกทิ้งลงมา ชั้นที่พลัดแยกกับครอบครัวไปจึงรอดมาได้เพียงคนเดียว…หลังจากนั้นทุกวันก็มีแต่การแย่งชิงเข่นฆ่าเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด ไม่มีกฎหมายหรืออะไรมาคุ้มครองทั้งนั้น ตัวเองเท่านั้นที่จะคุ้มครองตัวเองได้ ”
เอย์จิ กล่าวขณะที่มือกำแน่นเสียจนข้อมือซีด กัดฟันขบกรามด้วยความเจ็บแค้น

“ อยู่มาวันหนึ่งชั้นก็ถูกรุมทำร้าย คงไม่รู้สินะว่าหลังจากถูกรุมซ้อมแล้วถูกขโมยเอาอาหารที่หาได้ยากลำบากไปแบบนั้น มันจะรู้สึกยังไงแต่ตอนนั้นน่ะคิดว่าต้องตาายแล้วแน่ๆแต่ก็มีใครไม่รู้มาช่วยเอาไว้เขาบอกว่าตัวเองชื่อ เวสเล่
แล้วยกเจ้านี่ให้ แถมยังบอกอีก ว่าชั้นเป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ทำลายและช่วยเหลือ โลกนี้ ”
เอย์จิ กล่าวพร้อมกับยก นาฬิกาข้อมือขึ้นให้เธอดู

“ หมายความว่าคนที่ชื่อ เวสเล่ นั้นเป็นคนเก็บแอคเซียแอคเตอร์ที่หล่นลงมาหลังจากการรบในครั้งนั้นเหรอ
ว่าแต่ เวสเล่นี่ชื่อมันคุ้นๆอยู่นะเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ”
เทีย คิดขณะที่พยายามนึกว่าเคยได้ยินชื่อ เวสเล่ ที่ไหนมาก่อนใบหน้าของ ลอว์เรนซ์ ก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที

“ นี่ๆตรงนี้มีซุ้มทำนายดวงด้วยล่ะนายไม่ลองดูหน่อยเหรอ ”
“ หือทำนายดวงมันคืออะไรน่ะ ”
“ ไม่รู้จักเหรอ มันก็คือการทำนายว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราในอนาคตยังไงล่ะ ”
“ อ๋อพยากรณ์อนาคตน่ะเหรอ..ไม่เอาหรอกก่อนนี้เพราะไอ้คำทำนายบ้าๆพวกนี้เกือบทำเอาโลกนี้พังมาแล้ว
อย่างไอ้หนังสือพยากรณ์อนาคตของไอ้เจ้า เวสเล่ นั่นน่ะ ”
“ หมายถึง แวเลี่ยน เวสเล่ นักปราชญ์ชื่อดังในอดีตน่ะเหรอ ”

บทสนทนาเมื่อ 10 ปีกอนในงานโรงเรียนได้ผุดขึ้นมาเมื่อนึกถึงชื่อของเวสเล่

“ นี่แล้วคนนั้นน่ะมีแมวมาด้วยรึเปล่า ”
เทีย ถามขึ้นอย่างหุนหันทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย

“ ก..ก็มีนะเป็นแมวสีดำตัวเล็กๆมีปีก ที่หัวมันมีปอยขนเหมือนกับทรงผมเลย แถมพูดได้ด้วย ”
เอย์จิ ตอบ เทีย ที่ได้ยินคำตอบนั้นแทบไม่อยากเชื่อหูของตนเลย

“ นักปราชญ์ที่หายตัวไปเมื่อ 3 สหศวรรษ ก่อนเนี่ยนะทำไมถึงมาปรากฏตัวที่ยุคนี้ได้ล่ะ แต่เดี๋ยวก่อนจากฉายาของเขาที่ถูกเรียกว่านักปราชญ์มายาแล้ว ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่างยิ่งเขาเป็นคนเอาแอคเซียมาให้ก็น่าจะสนับสนุนเหตุผล
ในการมีอยู่ของเขาได้เหมือนกันนี่นา ”
เทีย คิดระหว่างนั้นก็มีเสียงระเบิดและแสง จากการรบดังขึ้นมา ทั้งสองหันไปยังทิศนั้น
ยาน Angle Wing ถูกรุมล้อมด้วยกองทัพของศัตรูห่างไปจากพวกเขาไม่มากแล้ว

“ Angle Wing ถูกล้อมแล้วงั้นเหรอ…ไม่ได้การต้องรีบไปช่วยแล้ว.. ”
“ อย่าดีกว่า ”
เทียกล่าวได้ยังไม่ทันจบ เอย์จิ ก็แทรกขึ้นมา เธอหันมามองเขาด้วยสายตา ฉงนกับสิ่งที่เขากล่าว

“ ถึงไปตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก….และถึงจะช่วยได้แล้วมันยังไงล่ะถึงจะเก็บมาสเตอร์แอคเตอร์พวกนั้นไปได้
คิดว่าพวก สหพันกับกลุ่มอื่นๆจะยอมเลิกราง่ายๆเหรอ ถึงชั้นจะไม่ทำอะไรเลยโลกก็คงจะพินาศเองเข้าซักวัน มันไม่มีทางช่วยแล้วล่ะโลกนี้น่ะ  ”
เอย์จิ กล่าวเสียงสั่นเครือ เทีย รู้ดีว่าเธอไม่มีทางเข้าใจได้ว่าชีวิต ที่ต้องโดดเดี่ยว นั้นเป็นอย่างไร
ถึงได้ทำให้หัวใจของเด็กคนนี้ จมอยู่กับความสิ้นหวัง อย่างแสนสาหัส แต่มีอย่างหนึ่งที่เธอรู้ได้อย่างแน่ชัด
แม้ตัวเขาเองจะพูดปาวๆ ว่าหมดหวังแล้ว ทำลายทิ้งไปซะดีกว่าแต่ใจจริงของเด็กคนนี้ยังคงสับสนอยู่
เธอ ก้มลงข้างๆเขาสายตาจ้องลึกลงไปในแววตาของ เด็กหนุ่ม

“ จริงอยู่สิ่งที่พวกฉัน ทำมันอาจช่วยให้สงครามจบลงไม่ได้แต่ก็ไม่ได้สูญเปล่าหรอก เพราะพวกเราได้เตรียมใจตั้งแต่วันที่ตัดสินใจ จะเป็นปฏิปักษ์ กับโลกแล้วไม่ว่าทางใดก็จะต้องสงบสงครามนี้ให้จงได้ไม่ว่าทางใดก็ตาม ”
เทีย กล่าวอย่างหนักแน่น ขณะที่ สายตาของเด็กหนุ่มฉายแววฉงน ขึ้นมา

“ นี่พวกเธอเป็นใครกันแน่…แม้จะรู้ว่าสูญเปล่าแต่ก็ยังจะมุ่งต่อไปข้างหน้า อะไรที่ทำให้ต้องทำถึงขนาดนี้ล่ะพวกเธอทำเพื่ออะไรกัน ”
เอย์จิ ถามด้วยความอยากรู้ เทีย ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะ กล่าวตอบ

“ พวกเราก็เป็นแค่ผู้ที่มุ่งหวังในความสงบสุขโลกที่ไม่ต้องทำสงคราม ทั้งหมดนี้ก็เพื่อคนสำคัญของเราชีวิตที่อยากปกป้อง และอื่นๆที่อยู่ร่วมกับเรา แม้มันจะเป็นโลกเล็กๆของแต่ละคนที่อยากจะปกป้องไว้ แต่ถ้าหากทุกคนต่างช่วยโลกของตนเองเมื่อรวมกันมันก็จะกลายเป็นโลกของทุกคน นี่คือสิ่งที่ฉันคิดว่ามันเป็นไปได้ ถึงได้ออกเดินทางร่วมกับทุกคนเพื่อทำให้สำเร็จยังไงล่ะ ”
เทีย กล่าว คำพูดของเธอซึมเข้าไปในใจของเด็กหนุ่ม ทีละน้อยๆ

“ เพื่อโลกที่มีแต่สันติอย่างนั้นเหรอ….แค่ต่างคนต่างช่วยโลกของตนไว้ก็พองั้นเหรอ…. ”
เอย์จิ เปรย ขณะที่ตีหน้ามุ่ยคิ้วขมวดเพื่อใช้ความคิด

“ ใช่และคนสำคัญที่ต้องปกป้องเธอเองก็มีใช่ไหมล่ะ… ถึงตอนนี้เธอจพูดอยู่ปาวๆ ว่าจะทำลายแต่จริงๆแล้ว
เธอไม่ได้ต้องการแบบนั้นสินะ เพราะแค่อยู่เฉยโลกก็คงพินาศไปเองแต่ถึงอย่างนั้น ใจของเธอก็คงปล่อยเอาไว้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เพราะอย่างนั้นเธอถึงได้เข้าไปแทรกแซงการ รบนั่น… ”
“ หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ! ”
เทีย กล่าวยังไม่ทันจบประโยคดี เอย์จิ ก็ตะคอกแทรกขึ้น ด้วยความไม่พอใจ

“ สันติบ้างล่ะ…ปกป้องคนสำคัญบ้างล่ะ…ไอ้ของแบบนั้นน่ะชั้นไม่มีมันแล้ว ”
เอย์จิ กล่าว ด้วยสีหน้าโกรธเคือง เมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ

“ ด…เดี๋ยวก่อนสิ ”
เทีย กล่าวขึ้นในทันที ทว่า เอย์จิ ก็วิ่งหนีจากเธอไปเสียแล้ว

“ อยากทำอะไรก็เชิญ…. ”
เอย์จิ ตะโกนขณะที่วิ่งไปก่อนจะกดสวิตซ์ที่นาฬิกาข้อมือ ชุดเกราะของแอคเซียถูกประกอบขึ้น ก่อนที่เขาจะบินหนีไป
โดยไม่หันกลับมามอง

“ เอย์จิ.. ”
เทีย กล่าวเสียงแผ่ว กลับปฏิกิริยาตอบสนองของ เอย์จิ ที่หนีทำให้เธอช็อคไปไม่น้อย
ทว่าเสียงระเบิดก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงไม่อาจตามไปขอร้อง เอย์จิ ได้ เมื่อคิดดังนั้น เธอจึงรีบวิ่งกลับเข้าหาสนามรบ
ในทันที

…………………….
……………………………
……………………………….



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.[Fin]
Post by: cocka-c on November 02, 2008, 06:38:19 PM
ณ ซากเมืองเขตที่ 8 ของ มิราบิลิส
สถานที่แห่งนี้ก็เป็นเชกเช่นเดียวกับ พื้นที่อื่นๆในเมอริเซีย บริเวณรอบๆเต็มไปด้วยซากปรักของตึก
และสิ่งก่อสร้างในอดีตที่ล่มสลายลงจากสงคราม ท่ามกลางกองซากปรักนั้น มีท่อเหล็กเรียวยาว ซึ่งผูกไขว้

เป็นกางเขน ปักเอาไว้ ที่กางเขนเหล็กนี้ มีจี้ห้อยคอ ที่ฝาเปิดชำรุดไปแล้ว ห้อยเอาไว้ บนตัวจี้มีรูปถ่ายของ
ครอบครัว 4 คนโดยที่รูปฝั่งของ พ่อแม่และน้องสาวถูกไฟ เผาจนไหม้เหลือเพียง ส่วนของตัวเท่านั้นที่ยังคง
เหลือจากการถูกเผา และรูปของพี่ชายที่ยังคงสมบรูณ์ อยู่แม้จะมีรอยไหม้จางๆ  ซึ่งรูปของพี่ชาย นั้นก็คือ เอย์จิ นั่นเอง

ไม่ไกลจากกางเขน เอย์จิ ได้นั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่ต่อหน้ากางเขนเหล็กนี้ มันเป็นสุสานที่เขาสร้างขึ้น
เพื่อเป็นอนุสรณ์ แก่ ครอบครัวของเขา

“ เธอเองก็มีใช่ไหมล่ะคนสำคัญที่อยากจะปกป้องน่ะ…. ”
เสียงของ เทีย ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขา

“ คนสำคัญงั้นเหรอ….. ”
เอย์จิ เปรยเสียงแผ่ว ก่อนที่ภาพอดีต เมื่อหลายปีก่อนจะผุดขึ้นมา ในใจชีวิตประจำวันที่แสนสงบสุขและธรรมดา
ทุกวันเขากับน้องสาวก็ไปโรงเรียนกันแต่เช้า คุณพ่ออกไปทำงาน คุณแม่อยู่ทำงานบ้าน พอถึงวันหยุด
ก็อยู่กันพร้อมหน้า ตามประสาครอบครัวเล็กๆ พอปิดเทอมก็ไปเที่ยวพักผ่อน

เมื่อมีเกมส์ออกใหม่เขาก็จะประจบขอให้พ่อซื้อ หลังจากได้มา น้องสาวก็จะเข้ามาขอเล่นด้วยแล้วก็แย่งกันวุ่น
มันเป็นเพียงชีวิตครอบครัวที่ธรรมดาๆเท่านั้นจนกระทั่ง เสียงแห่งสงครามได้แว่วมาถึง

ท่ามกลางความ โกลาหล และระเบิดที่ดังขึ้นทุกๆวินาที เสียงปืนที่ดังลั่นระงมอยู่ตลอดเวลา
เสียกรีดร้องของผู้คน ที่ดังกึกก้องไปทั้งเมือง ผู้คนต่างพากันหนีเอาตัวรอดโดยไม่สนคนรอบข้าง
ไม่ว่าตนจะเหยียบย่ำไปบนศพหรือร่างของ คนที่บาดเจ็บก็ตาม ในความสับสนนั้น แม่ที่อุ้มน้องสาวซึ่งร้องไห้ด้วย

ความหวาดกลัว ขณะที่พ่อ พยายามจะยื่นมือ มาจับมือ เขาที่ถูกพัดไปกับฝูงชนทว่า แรงผลักจาฝูงชนก็แยก
เขาออกจากครอบครัว ด้วยความที่จะฝืน ทำให้ตัวเขาถูกพัดตกไป ยังร่อง ถนน และเมื่อลุกขึ้นมา ยังไม่ทันที่จะได้กลับขึ้นไป แรงระเบิด ก็ผลักให้เขากระเด็น ออกไปและกระแทกเข้ากับต้นไม้ จนหมดสติ
เมื่อลืมตาขึ้น ทุกอย่างบนถนน ก็จมอยู่ในกองเพลิง เสียแล้ว  ภาพต่างๆค่อยเลือนหายไปความเจ็บแค้นและความโศกเศร้าที่ไม่อาจสลัดทิ้งไปได้ ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของเขาเสมอมา

“ พ่อครับ แม่ครับ มายูริ (Mayuri) …นี่ผมจะทำยังไงดี ”
เอย์จิ กล่าวขึ้นขณะที่สายตามองขึ้นไปยัง จี้ที่คล้องอยู่บน กางเขนเหล็กนั้น

“ แล้วตอนนี้นายคิดว่าตัวเองควรจะทำอะไรล่ะ ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ของเขา ทันทีที่ หันไป เด็กชายอายุ ประมาณ 10 ปี ผมสีฟ้าสวมเสื้อเชิ้ต สีฟ้าคนหนึ่ง
กำลังจ้องมาที่เขา

“ นี่นายเป็นใครกัน ”
เอย์จิ ถามขึ้นด้วยความอยากรู้

“ นั่นไม่ใช่เรื่องที่นายควรจะใส่ใจในฐานะผู้ถูกเลือก ”
เด็กชายกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้

“ ในฐานะของผู้ถูกเลือกงั้นหรือ ก็จริงนะแต่ว่าอย่าได้ยึดติดกับมันเลยเพราะ
การเลือกของนายมันก็แค่มีผลกับโลกนี้เท่านั้นเองโลกไม่ได้หมุนรอบตัวเอง แต่หมุนรอบตัวเราลองคิดอย่างนี้ดูแล้วหนทางจะปรากฏเอง ”
เด็กชาย กล่าวเสียงใสขึ้นมาทันที ขณะที่ชี้นิ้วควงไปมาอย่างสบายอารมณ์

“ โลกหมุนรอบตัวเรา…อย่างนั้นเหรอ ”
เอย์จิ เปรยด้วยความงุนงง ในคำพูดของเด็กคนนี้ อีกทั้งความสงสัยในตัวของเด็กปริศนาคนนี้ก็ยังไม่หายไป

“ เมื่อเราเปลี่ยนตัวเอง โลกก็จะเปลี่ยนตามไปด้วยคิดอย่างนี้ซะมันจะทำให้นายตัดสินใจได้ดีกว่า
….ไม่ต้องยึดติดกับอะไรหรือใครทั้งนั้นขอแค่ทำตามที่ใจเราต้องการก็พอ หากคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็จงก้าวต่อไป…ไอ้เรื่องที่เป็นผู้ทำลายหรือช่วยเหลืออะไรนั่นน่ะไม่ต้องไปสนใจก็ได้ ”
เด็กชาย กล่าว

“ แต่ถ้าอย่างนั้นจะให้ทำยังไงล่ะ ชั้นเลือกไม่ได้หรอกว่าจะทำยังไง โลกคิดจะให้ชั้นทำยังไงกันแล้วถ้าชั้นทำผิดพลาดขึ้นมาล่ะ ”
เอย์จิ รัวคำถามใส่ไม่หยุด ก่อนที่เด็กชายต้องยกมือขึ้นปราม

“ ก็เพราะงี้แหล่ะชั้นถึงบอกให้นาย คิดซะว่าโลกหมุนรอบตัวเรา เพื่อนของชั้นคนหนึ่งเขาก็เหมือนนายนั่นล่ะ โชคชะตากำหนดให้เขาต้อง สู้เพื่อโลกและพ่ายแพ้เพื่อโลก แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่เลือกที่จะเดินตามโลก
หากแต่จะก้าวไปตามทางที่เขาเลือกเพื่อให้โลกก้าวตาม เขาเคยพูดไว้ว่า
จงก้าวข้ามลิขิตฟ้าเพื่อไขว่คว้าอนาคตมาไว้ในกำมือ  ”
เด็กชาย กล่าวจบ เอย์จิ ก็เริ่มจะคิดได้ในทันที ว่าทำไมเขาต้องยึดติดกับฐานะที่เขาได้รับ ทั้งที่มันไม่มีมาตั้งแต่ต้นแล้ว
 เขาจะทำอะไรยังไงมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ไม่จำเป็นต้องเลือก ระหว่างสิ่งใดทั้งนั้น ขอเพียงแค่ตัวเขาพอใจที่จะเดินไปในทางใดก็ได้นั่นคือทางที่เขาเลือก เด็กชายมองหน้า เขาก่อนจะยิ้นขึ้นเล็กน้อย

“ สีหน้าดีขึ้นแล้วนี่แสดงว่าตัดสินใจได้แล้วสินะ ”
เด็กชาย กล่าว ก่อนจะยื่นมือ ออกมาเกิดมวลน้ำขึ้นในอากาศ มารวมตัวกันที่มือของเขา ก่อนที่จะนำมันไปประคบกับ แผลที่ แขนของ เอย์จิ

“ ข้าขอวิงวอนต่อเทพีแห่งสายชล Undine ได้โปรดมอบสายธารแห่งชีวิตสถิตย์สู่หัตถ์ข้า ขอจงหล่อเลี้ยง
เยียวยาบาดแผลแห่งผองข้าด้วยเถิด สายธารคืนชีวิต ”
เด็กชาย กล่าวจบมวลน้ำเหล่านั้นก็ซึมเข้าไปในแผล ที่แขน ก่อนที่แผลจะสมานตัวจนหายเป็นปลิดทิ้ง
สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ เอย์จิ เป็นอันมาก

“ เท่านี้ก็เรียบร้อย เอาล่ะไปได้แล้ว ”
เด็กชาย กล่าว

“ Change Axia ”
สิ้นเสียง เอย์จิ ก็สวมเกราะของแอคเซีย และบินตรงออกไปอย่างรวดเร็ว
ทิ้งให้เด็กชายมองคล้อยหลังเขาจนหายลับไปจากสายตา

“ ทำไมถึงต้องทำให้มันยุ่งยากอยู่เรื่อย เลยนะ ”
เด็กชายกล่าวจบ ก็มีแสงวงเวทย์ปรากฏ ขึ้นมาบนพื้น ก่อนที่ เด็กหญิง ผมขาวสวมชุดสีดำทั้งชุดที่หลังของเธอมีปีกนก
ราวกับนางฟ้าทว่ามันเป็นสีดำ ข้างๆเธอ  เด็กชายผมดำสวมเสื้อเชิ้ตสีแดง และนักเวทย์ชายวัยกลางคน อีกหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น

“ แหมทำไงได้ล่ะ เซโร่ ก็ฉันเก็บปีกไม่ได้ นี่นาเดี๋ยวเขาจะสงสัยเอา แล้วอิชิกิ เองก็ไม่ถนัดพูดปรับความเข้าใจ ด้วย ”
เด็กหญิงกล่าวพร้อมกับที่ เด็กชาย อีกคนที่สวมเสื้อสีแดง หัวเราะแก้ตัวแผ่วๆ

“ ที่เรโค่พูดมาก็มีเหตุผลนะ แต่ที่ฉันไม่เข้าใจเลยก็คือทำไม ถึงออกไปเองล่ะ เวสเล่แค่เร่งให้เขาตัดสินใจเร็วขึ้นไม่เห็นถึงกับต้องตามพวกเรามากันจนครบเพื่อให้มาพูดกับเจ้าตัวเลยนี่ ”
เซโร่ กล่าวขณะที่ชายตาไปมอง นักเวทย์ชายวัยกลางคน ที่เป็นคนมอบ แอคเซีย ให้แก่ เอย์จิ

“ นั่นสิอย่างที่ เซโร่ พูดที่เรียกมานี่คงไม่ได้มีเหตุผลแค่นี้สินะ ”
เด็กชาย ชุดแดง ที่ชื่อ อิชิกิ กล่าว

“ หึ..ก็คงจะยังงั้นล่ะ ว่าแต่หลังจากที่เกิดเรื่อง ที่มิราบิลิส อคาเดมี่ แล้วกับพวกลอว์เรนซ์ ก็ไม่ได้เจอ
กันเลยสินะพวกเจ้าน่ะ  ”
เวสเล่ กล่าว

“ แหงสิ ก็หลังจากนั้นปัญหาการเมืองก็วุ่นวายกันไปหมดเลยไหนจะเรื่องแลนทิส กองทัพโลกเคลื่อนพล
วุ่นกันซะจนไม่เป็นอันเปิดเรียนเลยส่วนพวก ลอว์เรนซ์ ก็ดันไปเข้าร่วมสงครามแล้วก็
ไปกับพวก กองกำลังต่อต้านอิสระนั่น  ”
เซโร่ กล่าวก่อนจะหยุดไป เพราะหลังจากนั้น ข่าวผลการรบที่ไปจบลง ณ ร่างจุติสวมแอคเตอร์ ไดงามิแอคเซีย
ก็ได้หวนกลับคืนมา


“ ที่น่าตกใจก็คงไม่พ้นนี่สินะ…พวกครึ่งสมิงที่อยู่กับ ลอว์เรนซ์….  ”
เรโค่ กล่าวมาถึงตรงนี้ก็ต้องหยุดไปเพราะไม่อาจ จะฝืนรำลึกเรื่องที่เจ็บช้ำนี้ขึ้นมาได้

“ สุดท้ายแม้แต่ลอว์เรนซ์ ก็… ”
อิชิกิ กล่าวก่อนจะหยุดไป ทว่า เวสเล่ กลับตีหน้าเบ้ ด้วยความงุนงง

“ เดี๋ยวก่อนสิ แล้วนี่พวกเจ้ารู้ได้ยังไงว่า ลอว์เรนซ์ ตายน่ะเจ้านั่นย้อนกลับไปยังอดีตแล้วไม่ใช่เรอะ ”
เวสเล่ กล่าวถามด้วยความสงสัย

“ แล้วคิดว่าหลังสงคราม สามขั้วอำนาจที่ลามมาจนถึงตอนนี้น่ะ พวกเราไปหลบภัยอยู่กันที่ไหนล่ะ ”
เซโร่ กล่าวอย่างหัวเสีย ทั้งที่ทุกคนพยายามละสิ่งที่ไม่อยากได้ยินที่สุดแต่ เวสเล่กลับพูดขึ้นมาซะเอง

“ พวกเราทั้งสามคนก็เข้าไปขออาศัยหลบอยู่ในมิติ มังกร อยู่ 3 ปี แน่นอนคนที่เล่าให้พวกเราฟังก็คือ
ไลท์ นั่นล่ะ ”
เรโค่ กล่าวเสียงเรียบ

“ หาเจ้า ลูกมังกรแสงตังนั้นน่ะเหรอ นี่มันกว่าสามพันปีมาแล้วนะ ยังอยู่มาถึงอีกเรอะ ”
เวสเล่ อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ แล้วคิดว่าเผ่าพันธุ์มังกรอายุยืนนานแค่ไหนล่ะ ยิ่งเป็นสายพันธุ์มังกรเทพ อย่างดีวายดราก้อน ที่ไลท์เป็นแล้ว
ถ้าอยากจะอยู่ล่ะก็จะอยู่ไปจนโลกพินาศเลยก็ยังได้ นี่เพราะการจากไปของ ลอว์เรนซ์ น่ะแหล่ะทำให้ ไลท์ตัดสินใจจะอยู่เรื่อยมาจนกว่าจะได้เห็น โลกในอนาคตที่พวก ลอว์เรนซ์มา ต่อสู้อยู่ไงล่ะ ”
อิชิกิ กล่าวตะคอกเสียง

“ เอาล่ะๆข้าเข้าใจแล้วอย่าพึ่งหัวเสียสิ งานของเรายังไม่เริ่มเลยนะจะมาแตกคอกันไม่ได้ ”
เวสเล่ กล่าวตัดเพื่อให้เรื่องมันจบๆไป

“ แล้วที่เรียกพวกเรามานี่คิดจะทำอะไรล่ะ ”
เซโร่ ถาม

“ งานของพวกเราขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ เจ้าหนูนั่น ถึงตอนนั้นเราต้องปลุกพลังแห่งความว่างเปล่าของ พระเจ้าที่สถิตอยู่ในตัวเขาขึ้นมา ”
เวสเล่ กล่าวคำพูดของเขาสร้างความประหลาดใจ แก่จอมเวทย์น้อยทั้งสาม

“ พลังแห่งความว่างเปล่า..นี่อย่าบอกนะว่า เด็กคนนั้น ”
เซโร่ กล่าวขึ้นอย่างปุบปับในทันที

“ ใช่สาเหตุที่เด็กคนนั้นเป็นผู้ถูกเลือก ให้เป็นผู้ทำลายและช่วยเหลือ ก็เพราะเขาคือร่างอวตารที่แยกออกมาจากแก่นพลังแห่งความว่างเปล่า มาจุติ ใหม่อีกครั้ง เด็กคนนั้น คือ อวตารร่างจิตของพระเจ้าแห่งเทอร่านี้ยังไงล่ะ ”
เวสเล่ กล่าว

…………..
……………….



Title: Re: [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Up Multi Armor Actor V.O.W.[Fin]
Post by: cocka-c on November 02, 2008, 06:38:33 PM
“ หักหัวเรือ 10 แกรนครอส ยิง ”
คางาริ สั่งการจบ ลูน่า ที่ นั่งอยู่ใกล้กับแผงควบคุมก็ทำการทวนคำสั่งอีกครั้งก่อนที่
ยานจะหักลำลง ปากยานที่เปิดอ้าออก ซึ่งภายในเป็นลำกล้องพลังงาน เริ่มสะสมพลังงานอย่างรวดเร็ว
ลำแสง พลังงานขนาดใหญ่ได้ถูกยิงออกมา กวาดล้าง เหล่านักรบ สวมมัลติอาร์เมอร์ และยานขนส่งของ ศัตรูไป
มากมาย ทว่า ทันทีที่การโจมตี จะพุ่งตรงไปยัง ยานแม่ขนาดใหญ่ ของ พวก New Type เดรค ก็ได้เข้ามาขวางไว้
โดยที่มือขวาถือ ดาบ ไฮเปอร์เบลดเอาไว้ นักรบผู้สวมเดรคแอคเตอร์ ได้กดสวิตซ์ บนด้ามดาบลง ได้เกิดบล็อก
ขึ้นรอบตัวของเขา ก่อนที่ชิ้นส่วนชุดเกราะส่วนอื่นๆจะเริ่มพับประกอบ และยเปลี่ยนรูป บล็อคที่เกิดขึ้นก็ค่อยๆรวมตัวขยายเป็น ชิ้นส่วนเกราะเสริม ปีกพลังงานสีรุ้งถูกกางออก

“ Change Hyper Dragonfly ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจากตัวเกราะของ  เดรค ที่กลายเป็นไฮเปอร์โหมด ไปแล้ว

“ ไม่จริงน่านี่พวกมันปลดระบบเงื่อนไขของ ไฮเปอร์โหมดได้แล้วงั้นเหรอ ”
ดร. คีออส ที่อยู่ภายในห้องบังคับการด้วยอุทานขึ้นหลังจากที่ ได้เห็นการเปลี่ยนโหมดของ
เดรค ลำแสงพลังงานที่ยิงไปนั้นได้ถูก ไฮเปอร์เดรค ฟันด้วยดาบที่สะสมพลังงานจนสลายหายไป
ขณะเดียวกัน เนลฟา ก็ได้ประกบ ทอนฟา ทั้งสองอันเข้าด้วยกัน ก่อนที่จะเกิดบล็อกขึ้นรอบๆและ
ประกอบเข้าเป็นส่วนเสริมของเกราะ

“ Change Hyper Wolf ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจากตัวเกราะของ เนลฟา ที่กลายเป็น ไฮเปอร์เนลฟา ไปแล้ว
ฟันเนล ทั้งสิบสองตัว ได้เลาะตัวออกจาก แพคบรรจุทั้งสองอันที่สะพายหลัง เนลฟา
ออกมา หัวลูกศรของฟันเนลได้เปิดออกกลายเป็นปากกระบอกปืน และพุ่งเข้าไปยิงจู่โจม ใส่ยาน Angle Wing

“ เปิดเกราะป้องกันเต็มกำลัง ”
สิ้นคำของคางาริ เกราะพลังงานแสงก็ถูกสร้างขึ้นล้อมรอบยานเพื่อป้องกันการยิงโจมตีทั้งหมด
ทว่า เหล่า Spell Tech (ST) ของกลุ่ม New Type เองก็ได้เข้าประชิดเกราะในทันที เพื่อที่จะสลายเกราะพลังงานด้วย
พลังมนตรา

“ ไฟฟ้ากระแสหมุน ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ กอนดารี่ ซึ่งขี่ ไรโอ พุ่งควงสว่านโดยที่มีคลื่นพลังงานอาบล้อมร่าง
กระแทก เหล่า ST จนกระเด็นออกไป ทันทีที่ ทั้งสองหยุดการเคลื่อนไหว ไฮเปอร์เดรค ก็ได้มาอยู่
ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับดาบที่สะสมพลังงานจนเต็มเปี่ยม

“ Maximum Hyper Typhoon ”
“ Spear Angriff ”
เสียงดังขึ้นซ้อนกันทันที ที่ไฮเปอร์เดรค ตวัดดาบหอกของ เอริค ก็พุ่งเข้ามากระแทก ร่างของ ไฮเปอร์เดรค
จนเซถลาไปทำให้ คลื่นดาบพลังงาน พุ่งผิดทิศไปทำลาย ยานรบของ พวก กลุ่มปฏิรูปมนุษยชาติ แทน

“ Maximum Hyper Cyclone ”
  เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ ไฮเปอร์เนลฟา ยิงคลื่นพลังงานซึ่งควงสว่านเป็นพายุสีฟ้าตรงเข้าใส่พวกเขา

“Poltergeist Fantastic ”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมกับ ที่ ชิ้นส่วนร่างของ แฟนธอมเดรค ซึ่งอยู่ในโหมด Psy Bio From ได้พุ่งออกมา
สร้างเกราะพลังงานป้องกันการโจมตีเอาไว้  ทว่าทันทีที่การโจมตีด้วยพายุพลังงาน จบลงไป
 ฟันเนลของไฮเปอร์เนลฟา ก็ได้เข้าล้อมพวกเขาไว้แล้ว พร้อมกับที่ ไฮเปอร์เดรค ได้พุ่งตรงเข้ามา รุกไล่พวกเขา ภายในวงล้อม

“ Private Area, Disable Ring ”
เสียงดังขึ้นจากตัวเกราะของ ไฮเปอร์เนลฟา ฟันเนลทั้งหมด ก็เปลี่ยนเป็นรูปแบบป้องกันและสร้างเกราะพลังงาน
ขังพวกเขาไว้ในวงล้อมกับ ไฮเปอร์เดรค ภายในวงล้อม ไฮเปอร์เดรค ซึ่งได้รับพลังเพิ่มจากอาณาเขต ที่ ไฮเปอร์เนลฟาสร้างขึ้นจึง เป็นฝ่ายรุกไล่พวกเขาแต่ฝ่ายเดียว

“ Genocide Missile ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของ ซาคาทซึกิ และจรวดมิสไซล์ที่ยิงออกมานับสิบ ได้พุ่งเข้าทำลาย
ฟันเนลทั้งหมด ที่สร้างเกราะพลังงาน จนชำรุดเสียหาย เกราะพลังงานก็พังทลายลงในพริบตา


“ เทีย ปลอดภัยดีใช่ไหม ”
ฟอน รีบติดต่อผ่าหน้ากกาของ แฟนธอมเดรคไปทันที

“ ค่ะหนูปลอดภัยดีค่ะพี่ ตอนนี้เราต้องจัดการกับ ไฮเปอร์แอคเตอร์ทั้งสองนี่ก่อนค่อยคุยกันนะคะ ”
เทีย กล่าว ขณะเดียวกัน ไฮเปอร์เนลฟา ที่เสีย ฟันเนลไป ก็พุ่งเข้า ด้านหลัง เทีย เพื่อจัดการเธอทว่า
โล่ของ ไกอา ก็ได้พุ่งเข้ามาป้องกันคมดาบของ เนลฟาไว้ทัน

“ ชินจิ ลุกไหวแล้วเหรอ ”
ฟอน ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็น ชินจิ สวมไกอา ออกมารบ

“ จะถามผมน่ะดูสภาพตัวเองก่อนเถอะ ยังไม่หายดีแท้ๆดันปลดลิมิตเตอร์ออกซะแล้วน่ะ ”
ชินจิ กล่าวจบ ฟอนเองก็เริ่มจะรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที ทุกชิ้นส่วนของร่างได้กลับมาประกอบตัวกันอีกครั้งก่อนที่ การปลดลิมิตเตอร์ เป็นร่าง Psy Bio From จะหายไป

“ ชิ..ดันมาถึงขีดจำกัดเอาตอนนี้ซะได้ ”
ฟอน สบถทว่านั่นคงยังไม่แย่พอ เพราะกลุ่ม มัลติอาร์เมอร์ ของ ADC และ กลุ่มปฏิรูปมนุษชาติ ได้
เข้าล้อมโจมตี พวกเขาอย่างไม่หยี่หระ   

“ ทำการปลดลิมิตเตอร์ ”
สิ้นคำของ ไฮเปอร์แอคเตอร์ทั้งสอง ดาบแสงทั้ง 5 เล่มก็ได้ปรากฏ ขึ้นล้อมรอบ ไฮเปอร์เดรค
และรวมเป็นดาบแสงเล่มใหญ่ ขณะที่ เกราะของไฮเปอร์เนลฟา ได้ขยายตัวออกหลวม ปรากฏสัญลักษณ์
จันทร์เสี้ยวบนเกราะอก ดาบทอนฟา ได้กางคมดาบออกเป็นโหมด คันธนู  ก่อนที่ไฮเปอร์เนลฟา จะยกมันขึ้นมาเสมอ
ระดับสายตา ด้วยมือทั้งสองข้าง

“ Signum Genesis ”
“ Arc Saber ”
สิ้นเสียงจากตัวเกราะของ ทั้งสอง ดาบพลังงานแสงก็ ถูกตวัดพร้อมกับที่ เนลฟา พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
จนเห็นเป็นแสงคลื่นพลังงานที่พุ่งออกจาก ดาบแสงได้ทำลายกองทัพของ กลุ่มอื่นๆลง
ในขณะที่ ไฮเปอร์เนลฟา พุ่งทะลวงทำลาย ยานรบของ พวกกลุ่ม ADC และ กลุ่มปฏิรูปฯ จนระเบิด

แรงระเบิดได้ต่อเนื่องกันจนเกิดเป็นความหายนะ ขึ้นท่ามกลางท้องฟ้า กองทัพของทุกกลุ่มรวมถึง New Type ด้วยกันเองได้ถูกทำลายจนสิ้นในพริบตา ท่ามกลางควันไฟที่คละคลุ้งอยู่บนท้องฟ้า ร่างของมาสเตอร์แอคเตอร์ทั้งสอง
ได้กวาดสายตามองหาผู้ที่ยังเหลือรอด ทว่าก็ไม่พบเห็นสิ่งใดภายในกองควันนี้เลย เศษซากของยานรบและ
ร่างของเหล่าทหารได้ร่วงหล่นลงสู่พื้น ราวกับห่าฝน ดูเหมือนการโจมตีครั้งสุดท้ายนั้นจะทำให้
เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น ทว่าก็มีบางสิ่งพุ่ง ออกมาจากกลุ่มควันอย่างรวดเร็วเสียจนมอง
ไม่ทันมันพุ่งชนร่างของพวกเขาไปพร้อมกับ สร้างความเสียหายให้อย่างหนักหน่วง พวกเขาไม่รอช้า
ที่จะทำการหยุดกระแสเวลาลง จึงเดินสวิตซ์ ที่อาวุธของตนทันที

“ Chorono Contorl ”
สิ้นเสียง ทุกอย่างรอบตัวพวกเขาก็ได้หยุดลง เศษซากต่างๆที่ร่วงหล่นลงสู่พื้นได้หยุด
การเคลื่อนไหวแม้กระทั่งควันไฟที่ยังกระจายตัวออกอย่างรวดเร็วจนถึงเมื่อครู่ก็หยุดลงราวกับเป็นวัตถุที่มีรูปร่างไป
ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งที่ไม่หยุด และยังคงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง ทว่าคราวนี้พวกเขาสามารถมองเห็นร่างของ
สิ่งนั้นได้รางๆแล้ว มันเป็นมัลติอาร์เมอร์ ร่างสีขาวตัดน้ำเงิน รูปแบบอัศวิน ดาบที่แขนขวาเป็นแบบคมสองปลาย
และยังหมุนสับเปลี่ยนกันได้ มือซ้ายถือดาบเลเซอร์

“ Ultra Slash ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ร่างนั้นพุ่งผ่านทั้งสองไปอย่างรวดเร็ว การโจมตีนั้นทำให้ ดาบแสงที่อยู่ในมือ ไฮเปอร์เดรค แยกออกเป็นดาบ 6 เล่มและสลายไปเหลือเพียง ไฮเปอร์เบลดเล่มเดียว ส่วนมีดที่เกราะแขน ซึ่งดึงมาจากเกราะเข่าก็ถูกฟันจนหักทั้งสองอัน

“ Chorono Contorl ”
สิ้นเสียง เวลาก็กลับมาเดินต่อ ทุกๆสิ่งรอบตัวได้เริ่มดำเนินต่อไปตามเวลาของมัน

“ Ultimate Clock Up ”
สิ้นเสียง มัลติอาร์เมอร์ปริศนานั้นก็ได้เคลื่อนไหวช้าลงจนเห็นตัวได้ในที่สุด
พร้อมๆกับที่ควันได้ลงจนหมด เทีย และทุกคนรวมไป ถึงยาน Angle Wing
ได้ถูกปกป้องเอาไว้ด้วยกำแพงแสง ซึ่งสร้างขึ้นโดย จอมเวทย์ น้อยทั้งสามคน
ที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกระทันหัน

“ ผ.อ. เซโร่ ”
“ อาจารย์ใหญ่ อิชิกิ ”
“ หัวหน้าฝ่ายปกครองอาจารย์ เรโค่ ”
เทีย ฟอน และชินจิ อุทานขึ้นพร้อมกันเมื่อเหล่า อาจารย์ที่โรงเรียน ที่พวกเธอเคยเรียนอยู่ได้มาปรากฏตัวขึ้น

“ เอย์จิ มาด้วยงั้นเหรอ ”
เทีย อุทานขึ้นเมื่อเห็น แอคเซีย ที่กำลังต่อกรกับ ไฮเปอร์แอคเตอร์ ทั้งสองอยู่


“ ดีนะที่ตัดสินใจตามเด็กคนนั้นมาทันทีเลยน่ะ ”
เซโร่ กล่าวก่อนจะหันไปมอง พวกลูกศิษย์ที่ไม่ได้พบหน้ากันมากว่า 10 ปี

“ ว่าไงไม่เจอกันนานเลยนะเอาเป็นว่าไว้จบเรื่องนี้ก่อนค่อยคุยกันจะดีกว่า ”
เซโร่ กล่าวถึงแม้จะยังไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าพวกเขามาช่วย
ขณะเดียวกัน กองทัพชุดใหม่จาก ทุกกลุ่มก็ได้เคลื่อนพลเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
 แอคเซีย ยังคงรับมือกับ ไฮเปอร์แอคเตอร์ ทั้งสองอยู่

“ นี่ไม่มีเวลาแล้วนะกองทัพจากทุกกลุ่มกำลังจะเข้าปะทะกันอีกครั้งถ้าไม่หยุดเอาไว้ล่ะก็พวกเราไม่รอดแน่ ”
เซโร่ ตะโกนเรียก เอย์จิ ที่รับมือ กับไฮเปอร์แอคเตอร์ ทั้งสองอยู่

“ ชิ..งั้นก็ไม่มีเวลามาเล่นแล้ว ”
เอย์จิ กล่าวจบก็จัดการ ผลัก ไฮเปอร์แอคเตอร์ ทั้งสองให้กระเด็นออกห่างไป
ก่อนจะไปสมทบกับพวกเขา

“ นี่รู้ใช่ไหมว่าจะหยุดเรื่องพวกนี้ยังไงน่ะ ”
เอย์จิ กล่าวกับเซโร่ อย่างเร่งรีบ

“ งั้นขอถามตอนนี้นายตัดสินใจได้แล้วใช่ไหมนายเลือกอย่างไหนกันล่ะ ”
เซโร่ ถามขึ้นด้วยท่าทีสงบ

“ ทางเลือกงั้นเหรอชั้น…. ”
เอย์จิ กล่าวก่อนจะหยุดไปราวกับกำลังชั่งใจว่าตนคิดถูกหรือไม่ เทีย ที่มองเขาด้วยสายตาราวกับจะ
วิงวอน นั้นทำให้เขาตัดสินใจได้ในที่สุดว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

“ ผู้ทำลายและผู้ช่วยเหลืองั้นเหรอถึงจะบอกว่ามันเป็นทางเลือกที่มีเพียงแค่สองทางแต่นั้นมันกรณีที่ตีความไปว่า
ทั้งสองอย่างสามารถเลือกได้อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่พอมาลองคิดๆดูแล้วที่จริงมันอาจไม่ใช่อย่างนั้น
การที่ชั้นเป็นผู้ทำลายก็ไม่ได้แปลว่าชั้นจะต้องทำลายโลกและการที่ชั้นเป็นผู้ช่วยเหลือก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องช่วยให้โลกที่มีแต่สงครามนี้อยู่ต่อไป ดังนั้นชั้นตัดสินใจแล้ว ชั้นเลือกที่จะทำลายสงครามและช่วยให้โลกนี้กลับคืนสู่สันติอีกครั้งนี่คือการเลือกของชั้น  ”
เอย์จิ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น ความแน่วแน่ที่แสดงออกมานั้นทำให้ ทุกคนต่างประหลาดใจ
เทีย ที่ได้รับคำตอบจากใจของเขาก็รู้สึกปลาบปลื้มอยู่ไม่น้อย

“ นี่ตอนนั้นที่ถามว่าชั้นก็มีสิ่งที่ต้องปกป้องใช่ไหมล่ะ ถึงก่อนนี้ชั้นจะไม่เหลืออะไรให้ปกป้องอีกแล้วก็ตามแต่ตอนนี้ชั้นมีแล้วสิ่งทีอยากปกป้อง ขอบใจมากนะที่ทำให้ชั้นไม่เลือกเดินผิดทาง ”
เอย์จิ กล่าวจบก็หันกลับไปประจันหน้ากับ ทัพของ ศัตรูที่เข้ามาล้อมกรอบพวกเขาแล้ว ไฮเปอร์แอคเตอร์ทั้งสอง
ยังคงดูเชิงอยู่ เอย์จิตัดสินใจได้ในที่สุดจึงออกทะยานขึ้นไปทว่า เทีย ก็คว้าแขนเขาไว้

“ เดี๋ยวก่อน…สัญญานะว่าจะต้องกลับมาต้องกลับมาดูโลกแห่งสันติให้ได้นะ ”
เทีย กล่าวเสียงสั่นเพราะในตอนนี้ความรู้สึกเมื่อครั้งที่ ลอว์เรนซ์ ได้ออกไปเสียสละตนมันได้หวนคืนขึ้นมา
จนเธอรู้สึกราวกับว่าจะต้องเสีย เขาไปอีก

“ อืม…สัญญาชั้นจะต้องกลับมาแน่ ”
เอย์จิ กล่าวจบ ก็สลัดมือของ เทีย ออกก่อนจะบินสูงขึ้นไปที่ ชิ้นส่วนเกราะหลัง ได้ขยับตัวเปิดออก
อนุภาคพลังงาน ค่อยๆไปรวมตัวกันจนกลายเป็นปีกพลังงานสีเขียวมรกต สยายราวกับปีกแห่งทูตสวรรค์

“ Extream Mode ”
เสียงทุ้มต่ำดังกังวานขึ้นจากตัวเกราะของ ชินจิ ขณะเดียวกัน มาสเตอร์แอคเตอร์ที่ เก็บรักษาเอาไว้ภายในยาน
 Angle Wing ทั้งสามเครื่องก็ ได้พุ่งออกมารวมตัวกันที่เขา ด้านไฮเปอร์แอคเตอร์ทั้งสอง
ไฮเปอร์โหมดได้ถูกดึงเอาพลังงานออกไปจนหมดในที่สุด ก็กลับคือสู่ร่างเดิม ก่อนที่ตัวเกราะจะสลายไปกลับเป็น แอคเตอร์ตามเดิม โดยที่ผู้สวมใส่ ทั้งสองกลับคืนร่างเป็นแลนทิส และถอยกลับห่างออกไป

แฟนธอมเดรค ของฟอน ได้สลายตัวออกกลับเป็นแอคเตอร์ และบินเข้าไปหา เอย์จิ เช่นกัน
โดยที่ชินจิ คอยรับร่างของ ฟอนที่ ไม่ได้สวมแอคเตอร์แล้วเอาไว้ บัดนี้มาสเตอร์แอคเตอร์ทั้งหมดได้ไปรวมกันที่
เอย์จิ แล้ว

“ Avatar From  ”
 เสียงทุ้มกังวานดังขึ้นจากมาสเตอร์แอคเตอร์ และเกราะของ เอย์จิ ก่อนที่ มาสเตอร์แอคเตอร์ทั้ง 6 เครื่องจะพุ่งขึ้นไป
รวมตัวกันและกลายเป็นมวลแสงขนาดใหญ่

“ นานมาแล้วที่ข้าพร่ำแต่หาคำตอบว่าพลังของข้าจะมีไว้เพื่อสิ่งใดนอกจากการทำลาย ในที่สุดข้ากลับได้คำตอบจากสิ่งที่ข้าพยายามจะทำลายมาโดยตลอด มนุษย์และชีวิติทุกชีวิตได้ให้คำตอบแก่ข้าแล้ว ในวันนั้นเจ้าไม่ได้พูดผิดไปจากความจริงเลยลอว์เรนซ์ อำนาจที่แท้จริงของพระเจ้า ไม่ได้สูงส่งเพราะพลังอำนาจหากแต่เป็นการกระทำ นี่สินะคือพลังแห่งการสร้างสรร ที่เกิดจากคำอธิษฐาน และตอนนี้พลังแห่งความว่างเปล่าก็มีไว้เพื่อเปิดหนทางแห่งการสร้างสรรค์  ”
เอย์จิ เปรยเสียงเรียบทว่าน้ำเสียงกลับไม่ใช่ของเขา ในตอนนี้ร่างของเขาถูกควบคุมด้วย จิตของอวตารแห่งพระจิต

“ พลังงานด้านลบที่จะทำให้เกิดเป็นพลังแห่งความว่างเปล่าบัดนี้ข้าจะใช้มันเพื่อทำให้ความเกลียดชังความริษยาและบาปทั้งปวงจางหายไปจากใจของพวกเจ้าเองมนุษย์เอ๋ย จากนี้ไปพวกเจ้าจงชี้นำยุคสมัยที่จะไม่มีการฆ่าฟัน
และแย่งชิงได้หรือไม่มันขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ”
สิ้นเสียง มวลแสงเหนือหัวของ เอย์จิ ที่สวมแอคเซียอยู่ ก็ขยายวงกว้างออกอย่างรวดเร็วในไม่ช้าจนครอบคลุม
โลกไว้ทั้งใบ ก่อนจะจางหายไปพร้อมกับ ความบาดหมางและความขัดแย้งที่มนุษย์มีให้กัน

……………………
………………………..

“ สุดท้ายความตั้งใจของอิเดีย ก็ไม่สูญเปล่าหรือนี่ คำขอที่จะสร้างโลกแห่งสันติในตอนนั้นกลับมาสัมฤทธ์ผลเอาตอนนี้เนี่ยนะ เฮ้อโชคชะตาก็ช่างเล่นตลกซะจริงๆ ”
เวสเล่ กล่าวขณะที่ แสงแห่งการชำระที่ แอคเซีย ปล่อยออกมากำลังจางลง ตัวเขาตอนนี้ ได้ลอยตัวอยู่เหนือ
สนามรบที่ยุ่งเหยิงนี้ ในมือคอยจดบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหายตัวไป
โดยไม่มีใครรู้

………………..
……………………..
……………………………

 6 ปี ต่อมา

ตรู๊ดดดด! ตรู๊ดดดดดด! แกร็ก

“ ไอน่าซัลเฟอร์ค่ะ ขณะนี้ดิฉันไม่อยู่บ้าน กรุณาฝากข้อความไว้นะคะ ขอบคุณค่ะ ”

เสียงโทรศัพ ที่ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนที่จะเงียบไปพร้อมกับ เสียงตอบรับจากเครื่องฝากข้อความ
ที่ติดกับโทรศัพซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นที่ไม่มีใครอยู่

“ สวัสดีจ้ะ เทีย นี่ โคโลน่า เองนะคือฉันจะโทรมาถามว่าพรุ่งนี้ว่างไหม จะชวนไปดู ฤกษ์งานแต่งของชินจิ กับ ลูน่า
น่ะ แหมไม่เจอกันมาเกือบปีแล้วคิดถึงแย่เลย เอย์จิ เป็นไงบ้างล่ะเห็นว่าจบจาก คณะวิศวะมนตราแล้วนี่ จะเข้าทำงานที่ไหนเหรอแล้วโทรกลับมานะ.. ”

แกร็ก ตื้ดดด ตื้ดดด

ตรู๊ดดดด! ตรู๊ดดดดดด! แกร็ก

“ ไอน่าซัลเฟอร์ค่ะ ขณะนี้ดิฉันไม่อยู่บ้าน กรุณาฝากข้อความไว้นะคะ ขอบคุณค่ะ ”


เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่สายตัดไป ก่อนที่สายใหม่จะเข้ามาและเสียงเครื่องรับก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ นี่ คางาริ นะช่วงนี้ ที่ศูนย์วิจัย งานยุ่งกันมากๆ เลยเพราะแอคเตอร์ New System Lanning Series กำลังจะสำเร็จด้วยดีช่วงนี้ ฟอน เลยค้างอยู่ที่ศูนย์วิจัยตลอดเลย แต่คิดว่าน่าจะเสร็จก่อนงานแต่งของ ชินจ กับ ลูน่า รับรองพวกเราไปร่วมงานแน่นอน... ”

แกร็ก ตื้ดดด ตื้ดดด

……………
……………………

2 สัปดาห์ต่อมา

“ ยินดีด้วยนะ ชินจิ ลูน่า  ”
เสียงแสดงความยิน ดีจากเหล่า เพื่อนพ้องดังกันระงม ในงาน ต่อหน้า เจ้าสาวและเจ้าบ่าว ที่ยืนยิ้มอย่างเก้ๆกังๆ
หลังจากสงครามจบลงในครั้งนั้น ดร. คีออส ได้รับ เอย์จิ เป็นลูกบุญธรรม และส่งเสียให้เรียนต่อจนจบ จากมหาลัย คณะวิศวะมนตรา ส่วนฟอน เองหลังจากเรียนจบก็ เป็นผู้ช่วยในการค้นคว้าและวิจัย แอคเตอร์เพื่อการ
จิปาถะต่างๆไม่ใช่เพื่อการสงคราม ส่วนลูกเรือ คนอื่นๆต่างก็แยกย้ายกันไปพบครอบครัว ตั้งต้นชีวิตใหม่
เรื่องราวทั้งหมดได้บรรจบลงด้วยกันแล้ว บัดนี้หน้าสุดท้ายของตำนานได้ปิดลงอย่างสมบรูณ์

...................................................THE END............................................


อวสานแล้ว รู้สึกว่าจะรัดรวบเกินไปจริงๆนะเนี่ย แต่อย่างว่าล่ะ ภาค1 เอาให้จบในตอนเดียว เหอๆเล่นกันซะคางเหลือง ส่วนในตอนท้าย มี Actro Lanning แวบขึ้นมาด้วย สงสัยจะแอคเอตร์ภาคต่อไปแต่คงไม่แต่งแล้วล่ะจ้ะ ช่วงนี้ยุ่งมาก ไว้ถ้าว่างก็จะมาแจ้งนะจ้ะว่าจะต่อได้มั้ยภาค ที่ 4 เนี่ย แต่คงเป็นเกรม่อนคุงรับ บทแต่งเองอาจจะดีกว่าที่เจ็แต่งก็ได้นะเพราะเจ็คิดเรื่องไม่ค่อยเก่งอ่ะจ้ะ บายจ้า


Title: Re: UP [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Multi Armor Actor V.O.W.[Fin]/E.E
Post by: greamon on November 06, 2008, 02:08:59 AM
จบแล้วเรอะไหง จบหมาๆงี้ล่ะ(อ้อลืมไปมันเป็นหมาอยู่แล้วนิหว่า) เห็นว่าตอนสุดท้ายจะขอพิมพ์เองเลยไม่ช่วย
แล้วไหงตัดจบดื้อๆซะงั้น คนอ่านเขาคาใจนะว้อย มาเผา การ์ตูน mix มันซะทุกเรื่องแล้วจบชิ่งเอาดื้อๆเงี้ย
ช่างเหอะตอนนี้โปรเจคใหม่ ของเราเริ่มแล้วนะเว้ยมาช่วยกันด้วยน่อ Summoner VR! อ่ะ