Summoner Master Forum
May 05, 2024, 12:50:01 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: 1 2 3 [4] 5 6  All
  Print  
Author Topic: (อวสาน)SUMMONER MASTER VR! Up Final Sub-Turn Let's Duel VR!! พิเศษตอนแถมทาลิ1  (Read 95929 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #90 on: May 15, 2009, 06:45:05 PM »

^
^
^
อ่ะถูก แต่ตอนวิหารใต้ทะเลนี่ไม่แน่ใจนะว่ายกมารวมด้วย จำมะค่อยได้แหล่ว รู้แต่ว่า
ฉากวายของ ฮิวาตาริกะ ไดสุเกะ นี่ก็อบมาเนียนๆ ส่วนตอนตกเขาก็ใช่
แต่เปลี่ยนไปตกในถ้ำแทน เอหรือว่าส่วนที่ติดอยู่ ในถ้ำนี่จะมาจากตอนวิหารใต้ทะเลโดยไม่รู้ตัว

ช่างมาน เอาเป็นว่าตอนหน้าซึนามิจะเข้าภูเก็ตอีกรอบหรือไม่ต้องดูกันต่อ
(ว่าแต่ จอมอนกาด มาไงงิยังไม่ได้บอกเลย)

เกือบลืมประโยคปิดท้ายตอนที่ต้องพูดเสมอๆ


ก้าวไปบนวิถีแห่งสวรรค์เพื่อปกครองทุกสิ่ง

และ

จงทำลายให้สิ้นทุกสิ่งแล้วเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน





Logged


dhaos
Member
*****
Offline Offline

Posts: 109


Email
« Reply #91 on: May 15, 2009, 07:50:15 PM »

หลังจากคิดดูแล้ว คิดว่าน่าจะมีจุดพลาดนิดนึง
ใน Sub-Turn 9 ช่วงที่โคทาโร่สู้นั้น Water Grave Merman ที่สั่งโจมตีไปยัง Akamu Inzu, the Apprentice Pugilist ที่รวมร่างสำเร็จตอนลงมา คิดว่าน่าจะผิดเพราะAkamu Inzu นั้นไม่สามารถเป็นเป้าโจมตีของWater Grave Merman ได้เนื่องจาก"ป้องกันการโจมตี" อยู่
« Last Edit: May 15, 2009, 07:56:06 PM by dhaos » Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #92 on: May 15, 2009, 07:51:01 PM »

ก็อบ D.N. ANgel มาทั้งตอนจริงๆนะเนี่ย  

ว่าคุ้นๆตั้งกะ โคทาคุง ขุดทรายแล้ว นี่มัน ซาเอฮาระ เวอร์ชั่น บ้าพลังจริงๆ

แว้ก อิส เป็นญาติกะเรกกะ เหรอค้า โดนวิญญาณทาลิคนัส สิง (เฮี้ยนจริงๆ)

ว่าแล้วรอดูกันต่อไป

ปล. ทำเอาขำกลิ้งเหมือนกันแหะตอนนี้ ดูท่าจะบั่นทอนปัญญาไปเยอะเหอๆ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #93 on: May 15, 2009, 08:04:08 PM »

Quote
หลังจากคิดดูแล้ว คิดว่าน่าจะมีจุดพลาดนิดนึง
ใน Sub-Turn 9 ช่วงที่โคทาโร่สู้นั้น Water Grave Merman ที่สั่งโจมตีไปยัง Akamu Inzu, the Apprentice Pugilist ที่รวมร่างสำเร็จตอนลงมา คิดว่าน่าจะผิดเพราะAkamu Inzu นั้นไม่สามารถเป็นเป้าโจมตีของWater Grave Merman ได้เนื่องจาก"ป้องกันการโจมตี" อยู่ทำให้เป็นเป้าการโจมตีไม่ได้


ตรงนี้เจ๊ เองก็สงสัยอ่ะนะ คิดว่า เกรม่อนคุงคงจะเข้าใจผิดเรื่องกฏไปนิดนุง (เห็นใจมันเถ้อ เวลาเขียนแต่ล่ะบทนี่
ต้องสวมบทเล่นการ์ดทั้งสองฝ่าย จะมีมึนมั่งก็ไม่แปลก) คิดว่ามันคงอ่าน Ruler Book แล้วเข้าใจผิดกระมัง แต่ช่างเถอะ
เรื่องมันผ่านไปแล้ว อีกอย่างนี่เป็น fic อะไรก็เกิดขึ้นได้เนอะ ทียูกิ ยังแก้ เอฟเฟคไพ่บางใบได้แล้วทำไมเราจะไม่ทำล่ะ ฮึๆๆๆ

เอาเป็นว่า เรื่องกฏรั่วเนี่ย เดี๋ยวจะเตือน เจ้าเกรม่อนคุง ให้ ไม่ให้ผิดออกมาอีก


ว่าแต่ตอนนี้มันสปอยตอนหน้าได้สั้นจริงๆ ลืมกระทั่งการแทรกบทพูดของตัวละครในตอนหน้าไปอีก
เอ้าว่าแล้วใส่ให้ซะเลย


/Kotare wa Kitenai/

" ขอกำจัดนายนะ ไม่ขอฟังคำตอบล่ะ "


" อย่าสนใจเลย ฉันก็แค่คนหน้าตาดีที่บังเอิญผ่านมาแถวนี้...แต่ถ้าอยากรู้ก็จะบอกชื่อให้ "

" บอย....บอย ซากะ (Boy Saga) Magnus Virgo แห่งราศีสาวพรหมจรรย์ 1ในStarter ทั้ง12 "


ง่ะ boy .....(ดารารับเชิญอีกแว้ว)

Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #94 on: May 15, 2009, 08:27:16 PM »

เอ่อ....ทำไมอิส กลายเป็นทาลิคนัสไปได้ละเฟ้ยยยยยยยยยย
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #95 on: May 15, 2009, 09:06:31 PM »

ู^
^
^

นั่นสิ ทำไม อิส ถึงได้เป็น เรกะ ทำไม อิส ถึงได้เป็นทาลิคนัส คำตอบ.........ต้องดูกันต่อปายเหอๆ

ตอนหน้า คุณ boy ออกโรงจะมาแนวไหนหว่า อันนี้เก๊าะต้องรอดูกันต่อไป

แถม Spoil DN Angel ฉบับภาษไทย

คลิก
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #96 on: May 15, 2009, 10:40:34 PM »

     ว่าแต่...ดูๆตอนแรกเหมือน D.N.Angel

ดูๆอีกที     umineko no naku koro ni นี่หว่า (แว่วเสียงนกนางนวล) 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #97 on: May 16, 2009, 03:30:21 AM »

ขออภัยก่อนเลยนะคร้าบ เนื่องจากเมื่อวาน โพสดึกมากเลย เบลอๆจำ
Rainbow Lobster สับ กับ Viper Crab ไปซะได้ ตอนนี้แก้ให้แล้วนะครับ 


Quote
umineko no naku koro ni นี่หว่า (แว่วเสียงนกนางนวล)

เอาเข้าไป ว่าแต่ตอนต่อไป คุณน่ะจะ ออกโรงแล้วหนา

รีบปิ๊บมาคลุมหัวก่อนดีไหม เหอๆ ไม่ใช่ล่ะ เชื่อได้เลยว่าดารารับเชิญของเราจะต้องมีบทที่(ไม่)ดีแน่นอนครับหุๆ

Quote
พูดถึง DNAngel ไทยเราดองนานจริงๆ ญี่ปุ่นออกเล่ม 12 ไปตั้งนานแล้ว แต่ไทยเราไม่มีวี่แววจะวางแผงซักที



ญี่ปุ่นรู้สึกจาถึงเล่ม13แล้ว แต่คนเขียนตัดจบเลิกเขียนต่อทั้งที่ยังแปะป้าย
 to be continueเอาไว้เห็นว่าอย่างนั้นนะครับ

เหมือนนิยายทาลิฯภาค3เราเลย ตัดจบเพราะหมดมุขเหมือนกัน
(จึ๋ยส์  ตายล่ะหว่าสะกิดจี้ใจดำใครเข้าแล้วเนี่ย)
« Last Edit: May 16, 2009, 04:34:10 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #98 on: May 16, 2009, 08:32:51 PM »

Sub- Turn 11 Panic! Panic!! & Panic!!!


ความเดิมจากตอนที่แล้ว:

ธนัท และเพื่อนๆเดินทางมาทัศนศึกษาที่ ภูเก็ต เป็น เวลา 3วัน2คืน ในช่วง
ของการทัศนศึกษาวันที่2นั้นเองก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้

เมื่อ ธนัท และ ชุติการ ผลัดตกลงไปยังส่วนลึกของถ้ำผานางแอ่น
และขณะเดียวกัน มังกรวารี จอร์มอนกาด ได้สร้างคลื่นซึนามิ(Tidal Wave)

 ห่างออกไปจากเกาะไม่ไกลนัก แต่ทว่าระบบป้องกันของทั้งเกาะกลับเป็นอัมพาต
 ทำให้การสร้างสนามป้องกันไม่สมบรูณ์ โดยมี PaladisoDa Regola อยู่เบื้องหลัง

 เรื่องนี้ เหลือเวลาอีกเพียง 10 นาทีเท่านั้น คลื่นก็จะมาถึงแล้ว อิส และเพื่อนๆ
จะสามารถจัดการ กับ Magnus Cancer 1ใน12 Starter
แห่งราศีปูยักษ์ แล้วปลดล็อคระบบรักษาความปลอดภัยได้ทันหรือไม่…..









“ รอบของ ฉัน Cost mp 5 ร่าย Rock Clutch Crab 2 ใบ และ
 Rainbow Lobster 1 ใบ ไปที่Df line ”
สิ้นคำ ของ มาเร็นงอ ชายชุดดำผู้อ้างตัวว่าเป็น 1ใน12Starter Magnus แห่ง Cancer
อสูรมนุษย์ปู สองตัวกับ กุ้งมังกรสายรุ้งก็ปรากฏตัวขึ้นมาบนสนามแนวป้องกันของเค้า



“ จากนั้น Cost mp 3 ร่าย Disarmament ไปติดที่ นักดาบเวทย์มาวิน ซีลที่ติดไพ่ใบนี้จะ
ไม่สามารถสั่งซีลนั้นโจมตีได้  ผ่าน ”
มาเร็นงอ กล่าวจบ ดาบเวทย์ ที่สร้างขึ้นมาของ มาวิน ก็ร่วงหล่นลงกับพื้น และ
ใช้การไม่ได้ทำให้ นักดาบเวทย์ มาวิน ไม่มี อาวุธที่จะซัดเข้าไปโจมตี

“ รอบของฉันจั่วไพ่ ”
อิส กล่าวขณะที่ จั่วซีลกับมิสติกขึ้นมาไว้อย่างละใบก่อนจะเริ่มเล่นต่อ

“ เอาล่ะจากการคาดการณ์ของเรา ด้วย Disarmament น่าจะยืดเวลาให้เราได้ตั้งตัวออกไปอีก
ถึงตอนนั้น ฉันก็จะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ หรือไม่ก็เวลาจะหมดลงเพราะ คลื่นยักษ์จะ

กลืนพวกแกลงไปในทะเลกันหมด ส่วนฉันก็จะหนีไปด้วย พลังของ ท่านควีน จิงค์
 หึๆเกมส์นี้พวกแกแพ้มาตั้งแต่ต้นแล้วเจ้าพวกเด็กๆ ”

มาเร็นงอ คิดทว่า เค้าก็ต้องแปลกใจไปกับทีท่า ที่อยู่ๆก็เงียบไปของ อิส



“ นายเนี่ย น่ารำคาญจัง…ขอกำจัดล่ะ คงได้สินะ ไม่ขอฟังคำตอบด้วย ”
อิส กล่าวขึ้นมาพร้อมกับ น้ำเสียงและบุคลิค ที่เปลี่ยนไปอีกแล้ว คราวนี้บุคลิคออกไป
เหมือนเด็กๆ ที่เอาแต่ใจซะมากกว่า

“ อึ๋ยนี่เปลี่ยนอีกแล้วเหรอ ”
โคทาโร่ ถาม เคียว ที่ตอนนี้ ทำใจยอมรับกับเรื่องที่ไม่คาดฝันนี้ได้แล้ว
จึงผงกหัวตอบกลับด้วยทีท่าที่เซื่องซึม ที่บทของตัวเองนับวันยิ่งจะริบหรี่ลงไปทุกทีๆ


“ นี่แกเป็น ไฮเปอร์รึเปล่าเนี่ย เปลี่ยนบ่อยๆมันสับสนนะว้อยย! ”
มาเร็นงอ ตะคอกด้วยความหงุดหงิด กับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปมาของ อิส


“ ถ้ามีไพ่นั่นอยู่ก็จะเล่นเกมต่อไม่ได้สินะ เข้าใจแล้ว.. ”
อิสกล่าวจบ ก็เปิดช่องรังเพลิงที่เคยใส่ไพ่นักดาบเวทย์มาวิน ลงไปออกเนื่องจากไพ่ที่อยู่ข้าง
ในถูกดีดออกไปแล้ว ภายในรังเพลิงจึงว่างเปล่า อิส ได้ใส่ ไพ่ซีลใบใหม่ลงไปแทน
ก่อนจะชักรังเพลิงกลับเพื่อให้มันทำงาน

/Kotarewa Kiite nai/(ภาาญี่ปุ่น= ขอกำจัดนายล่ะนะ ไม่ขอฟังคำตอบล่ะ)
สิ้นเสียง จาก รีคอร์ดเดอร์ Note ของ อิส มาวิน อีกเวอร์ชั่นก็ปรากฏขึ้นมา
ในสนามแนวโจมตี โดยคราวนี้สวมชุดเสื้อคลุ่มสีเขียว พร้อมไม้เท้า ที่มีขนนกยื่นออกมา

จากด้าม มากมาย และที่ที่แขนขวาคราวนี้ มีสร้อยคล้องข้อมือที่
ผูกติดกับขนนกเส้นหนึ่ง


" ขอกำจัดนายนะ ไม่ขอฟังคำตอบล่ะ "
สิ้นคำ อิสก็คว้าซีล ใบสุดท้ายบนมือโยนขึ้นไป ไพ่ที่ลอยลิ่วขึ้นไปก็ดูดซับเอาละอองเข้ามารวม
กันไว้ก่อนจะปรากฏร่าง ของนกที่มีขนหลากสีจนดูราวกับมีสายรุ้งพาดผ่านร่างของมัน ก็ร่อนลง
มา ในสนามที่แนวโจมตี มันคือ เนเดีย (Naedia)



“ อ๊ะ เดี๋ยวสิ ทำไม mp จากการ ร่ายเจ้านกนั่นถึงไม่ถูกหักออกจาก mp ที่เหลือล่ะ ”
โคทาโร่ แย้งด้วยความสงสัย ขณะที่ ตอนนี้ยังคงต้องยกมือขึ้นป้องตาไม่ให้ทรายที่พัดมาเข้าไป

“ ability ของ ผู้อัญเชิญอสูรมาวิน (Zechariah Marvin, the Summoner) น่ะ
เมื่อมันเข้ามาในสนามจะสามารถอัญเชิญ อสูรอัญเชิญ ที่มีเลเวลเท่ากับ 1 ลงมาได้ใบหนึ่ง ”



“ จะเปิดล่ะนะ ไม่ขอฟังคำตอบล่ะ ”
อิส กล่าวก่อนจะหมุนตัวเต๊ะท่าจั่วซีลขึ้นมาไปด้วย ความร่าเริง แล้วจึงโยนไพ่ซีลนั้นขึ้นไปอีก
ก็ปรากฏร่างของ นก เนเดีย ร่อนลงมาอีกตัว จากนั้นอิส ก็หมุนตัวดึงไพ่ซีลอีกครั้ง

แล้วโยนมันขึ้นไปอีก ก็ปรากฏร่างของ นกเนเดีย ร่อนลงมาอีกตัว
ราวกับว่า เค้ากำลังเล่นมายากลอยู่




“ ว้าว ฮะๆๆ ฉันนี่โชคดีจริงๆเลยจะเปิดล่ะนะ ไม่ขอฟังคำตอบอีกนั่นแหละ ”
อิส กล่าวจบก็หมุนตัวดึงไพ่ออกมาอีกแต่คราวนี้ เค้ากลับมีทีท่า สลดไปเพราะที่จั่วขึ้นมาคือ
 มาวินแบบปกติซึ่งไม่ถูกกับเงื่อนไขของ เนเดีย

“ ability ของ เนเดีย จะให้เปิดดูซีลการ์ดไปบนสุดได้
หากเปิดเลเวล 1 ก็นำลงมาในสนามแต่ถ้าไม่ใช่ก็ต้องวางคืนลงไป  ”

ไดสุเกะ ที่เกาะ ขา โคทาโร่ อยู่กล่าวขณะที่ตอนนี้ กำลังจะปลิวไปเพราะลมกระหน่ำแรงขึ้นอีก

“ เค้าโมโหแล้วนะ ขอกำจัดนายล่ะ คงได้สินะ ไม่ขอฟังคำตอบด้วย ”
อิส กล่าวจบก็คืนไพ่ที่จั่วมา กลับลงไปที่สำรับขณะที่ มาเร็นงอ ได้แต่มองด้วยสายตางงๆ
อิส ก็ทำการรวมร่าง ผู้อัญเชิญอสูรมาวิน กับนกเนเดีย ที่เข้ามาจากกองการ์ดด้วยผลของ เนเดีย

 ใบแรก ตอนนี้ เนเดีย ทั้ง 2 ตัวจาก 3 ตัวในสนามได้กลายเป็น ขนนกตัวล่ะเส้น ลอยไปติด
ที่ไม้เท้าของ ผู้อัญเชิญอสูรมาวิน เพิ่ม ขึ้นจากเดิมอีก

/Summon Splash/
เสียงดังขึ้นจาก รีคอร์ดเดอร์ Note ของ อิส ก่อนที่ mp จะถูก Cost ไป 4 เพื่อให้
ผู้อัญเชิญอสูรมาวินโจมตีแบบ All ซึ่งทันทีที่เริ่มการโจมตี ขนนกที่

ไม้เท้าทั้งหมดก็สลัดตัวออกและกลายเป็นนกเนเดียมากมายบิน
กรูกันออกไปราวกับการแสดงกลนกพิราบก็ไม่ปาน



“ เชอะ ถึง All มาได้ At แค่ 8 จะมาจัดการ กับ Rock Clutch Crab ของ
ฉันงั้นเรอะไม่มีวันซะล่ะ ”

มาเร็นงอ สบถด้วยความจองหอง ที่คิดว่าอีกฝ่ายพลาดแล้ว ที่โจมตีมาแบบนั้นเพราะค่า
 Df ของ Rock Clutch Crab มี 8 เท่ากับของมาวิน แต่ Sp ของ มาวินนั้นต่ำกว่า
ดังนั้นที่จะถูกจัดการจึงมีเพียง Rainbow lobster ใบเดียวเท่านั้น

“ จะเล่นกลน่ะมันก็ต้องมีสปอตไลท์ส่องมาด้วยสิ นี่ไง ”
อิส กล่าวพลางหมุนตัวโยนมิสติกออกมาใบหนึ่ง ซึ่งนั่นคือ Rising Sun ที่ธนัทเคยใช้
เมื่อตอนร่วมมือกับโคทาโร่เพื่อสู้กับ มูนไชน์แวร์วูฟ

“ เสร็จกัน บนมือเราตอนนี้ มีแต่ ไพ่เพิ่ม At อย่าง Hercules กับ Disarmament
อีกใบเท่านั้นเอง บอดสนิทแบบนี้ก็โดนกินเรียบน่ะสิ ”

มาเร็นงอ คิดขณะที่มองไพ่บนมือตัวเองที่ไม่มีใบไหนใช้การได้ในตอนนี้เลยสักใบ
ในขณะที่ แสงจากผลของ Rising Sun นั้นสว่างเจิดจ้า ขึ้นมาราวกับแสงไฟสปอตไลท์

พร้อมกับ ฟูงนกเนเดีย ที่แห่กรูกัน ผ่านแสงนั้นออกมา ราวกับนี่กลายเป็นเวทีแสดงมายากล
ไปเสียแล้วบรรดาซีลของเค้าถูก เนเดีย รุมจิกทึ้งจนแตกสลายไปในทันที

อิ

“ ส่วนมี(me) แอนนา เชิร์กเวฟ (Anna Surge wave) ไนซ์ทูมีทยู(nice to meet you) หนา บอย…”
แอน แนะนำตัวก่อนจะทักทายอีกครั้ง

“ ว่าแต่ ยู(you) มาทำอะไรที่นี่เหรอ ”
บอย ถามขณะที่ แอน พึ่งนึกได้ว่าเธฮต้องรีบออกตามหา ธนัท เพราะพายุกำลังจะลงเขาแล้ว

“ จริงสิ แอน กำลังตามหาเพื่อนของ แอน อยู่หนาว่าแต่  บอย พอจา…อ้าว ”
แอน ที่นึกขึ้นได้กล่าวพลางหันไปซ้ายทีขวาทีเพื่อมองหารอบๆ แถวนี้ว่า พวก ธนัท
อาจจะหลงหรือติดอยู่ด้านล่าง แต่พอเธอหันกลับมาเพื่อจะถาม บอย เค้ากลับหายตัวไปเสียแล้ว

……….
……………
………………


« Last Edit: May 16, 2009, 08:38:38 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #99 on: May 16, 2009, 08:33:31 PM »

“ แฮ่กๆๆ..ฮึบ… ”
ธนัท ที่ยังคงออกแรงก้าวเท้าเดินขึ้นไปตามทางลาดชันนี้ก็ใกล้จะถึง พื้นถ้ำด้านบนแล้ว
แต่เส้นทางก็ทั้งชันอีก ทั้งตัวเค้าเองก็เริ่มจะหมดแรงแล้ว

“ นี่ ชุติ เราใกล้จะถึงแล้วนะ อดทนหน่อยล่ะ…ชุติ ”
ธนัท ที่กล่าวเพื่อจะให้เธอคลายความกังวล กลับได้คำตอบเป็นเพียงความเงียบกลับมา
ธนัท จึงหันกลับไปมองและก็พบว่า เธอหมดสติฟุบลงไปซะแล้ว ธนัท จึงรีบวางตัวเธอลง
เพื่อดูอาการ

“ ตัวเย็นเฉียบเลย เพราะเหงื่อเลยทำให้ อุณหภูมิร่างกายลดลงต่ำกว่าปกติงั้นเหรอ…
ขืนเป็นแบบนี้ไม่ทันแน่ อีกไม่ไกลก็ขึ้นไปถึงแล้วก็จริงแต่จากนั้น เราจะพาเธอลงไป
ยังไงล่ะ พายุก็จะลงแล้วด้วย ทำไงดี ”

ธนัท คิดขณะที่ตอนนี้ สถานการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ลมก็พัดเข้ามาข้างในถ้ำแรงขึ้นทำให้
อากาศภายในถ้ำเย็นจัดลงไปอีก ในขณะที่ตัวเค้าเองก็เริ่มรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเหมือนพิษไข้
จะกำเริบ

“ ชิ…นี่ตัวเราเองก็จะไม่ไหวแล้วงั้นเรอะ…ไม่ได้การ ยังไงก็ต้องรีบขึ้นไปให้ได้ก่อน ”
ธนัท คิดก่อนจะตัดสินใจฝืนแบก ชุติการ ขึ้นหลังแล้วปีนขึ้นไปต่อ

“ อย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะ ชุติ ”
ธนัท คิดขณะที่ปีน ขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมือของเค้าก็ แตะพื้นถ้ำได้แต่ขณะที่กำลัง
จะดึงตัวขึ้นไป ข้างบนนั้นเอง

“ ยินดีที่ได้พบกันนะ…น่าเสียดายที่ ไอ(I)มาเพื่อคิลยู (Kill You) ตามคำสั่งเท่านั้นเอง ”
เสียงนั้นดังขึ้น ขณะที่ ธนัท เงยหน้ามองไปที่ทางออก สายตาที่ปรับชินกับความมืดแล้ว
พอมาเจอแสงที่ทางออกจึงทำให้เค้ารู้สึกตาพร่าเล็กน้อย จึงเห็นแค่เงา ของเจ้าของเสียงเท่านั้น

“ น…นายเป็นใครกัน.. ”
ธนัท ถามขณะที่พยายามยกมือขึ้นป้องตาจากแสงที่ สาดเข้ามา

“ บอย…เรียก มี(me)ว่าอย่างนั้นแล้วกัน ถ้า ยู (you)รอดกลับมาได้ล่ะก็ ”
/Explosion/(ระเบิด!)

สิ้นคำของ บอย note ที่ห้อยคอเค้าก็ส่งเสียงก้องออกมา ก่อนที่จะเกิดระเบิด ที่พื้นหน้า ธนัท
จนทำให้ ธนัท เผลอปล่อยมือ จนเสียหลักร่วงหล่นลงไป

“ กู้ดบาย(Good Bye) ”
บอย กล่าวสำทับไปอีกทีขณะที่ ธนัท และ ชุติ กำลังจะร่วงลงไปกระแทกกับพื้นถ้ำอีกครั้ง


……………..
……………..
……………………

13.32 น.  อีก 20 วินาที คลื่นจะเข้ามาถึง


“ เอาล่ะเสร็จแล้ว ”
ไดสุเกะ ตะโกนส่งไปให้ เคียว ที่กำลังยืนคุมเชิงอยู่ห่างจาก ระหว่างเสาสองต้นที่อยู่
กลางแถวของเสาทั้งหมด ทันทีที่ ไดสุเกะ ปลดล็อคเสาทั้งหมดตามที่เค้าบอกเสร็จ

เสาสองต้นสุดท้ายที่ปลดไปก็ สร้างสนามพลังเชื่อมกันจนเป็นกำแพง ที่ยืดขึ้นไปเชื่อมกับ
ส่วนโดมที่ครอบอยู่ของเกาะ ขณะที่ อันอื่นๆซึ่งยังไม่ถูกปลดก็ไม่เกิดกำแพงขึ้น
ตอนนี้ สภาพเกราะฝั่งรีสอร์ท ที่เคยว่างเว้นไปได้เกิดเกราะสนามพลังเชื่อมขึ้นมา
แบบเว้นช่องจนดูเหมือนลูกกรง

/Sich bereit Halten/(ภาษาเยอรมัน=Get Set)
เสียงของ คาสเทเนต ดังขึ้นก่อนที่จะเปลี่ยนไปอยู่ในรูป ของปลอกแขนแล้วเคียวจึงหยิบเอา
ซีลการ์ดออกมา
ใบหนึ่ง ขณธที่เฟืองDynamaze ของคาสเทเนต เริ่มหมุนเพื่อปล่อยละออง พลังเวทย์ออกมา
ทันทีที่ไพ่ของ เคียว ดูดซับเอาละอองเหล่านั้นเข้าไป ก็เกิด กระแสไฟฟ้าจำนวนมาก พุ่งออกมาจากไพ่

“ อึก...ข้าแต่ทวยเทพผู้ถือครองแสงแห่งนภา...ผู้คำรามกึกก้องผู้คุ้มภัยแห่งอัสนี..
.ไรจิน(Raijin) เอ๋ยของจงลงมาสถิตย์ยังที่นี้ด้วย ”
เคียว ร่ายบทเวทย์ออกมาขณะที่ กระแสไฟฟ้าค่อยๆแรงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะพุ่งออกไป
เกาะระหว่างช่องว่างที่สนามพลังสร้างขึ้นจน กลายเป็นตาข่ายไฟฟ้าที่ขึง

ส่วนที่เว้นว่างของ เกราะสนามพลัง ในขณะที่ตอนนี้ คลื่นได้พัดมาอยู่ห่างจาก
 สนามพลังเพียงไม่กี่เซ็น



ก่อนจะโถมกระหน่ำเข้ากับเกราะสนามพลัง แล้วลอดมาโดนตาข่ายไฟฟ้า
แต่ก็สลายกลายเป็นไอ ไป
จนมีเพียงน้ำบางส่วนเท่านั้นที่กระจายหกลงมาได้

“ แบบนี้นี่เอง...ใช้กระแสไฟฟ้าขึงเกราะสนามพลังที่ตั้งขึ้นเหมือนเสา
เพื่อสร้างข่ายป้องกันน้ำโดยใช้หลักการไฟฟ้าแยกน้ำกลับให้เป็นแก๊ส
 ไฮโดรเจน กับ ออกซิเจน นี่เอง ”


ไดสุเกะ อุทานออกมาเมื่อได้เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ เมื่อคลื่นน้ำนั้นไม่สามารถซํดเข้ามา
ได้ทั้งหมด เพราะถูกกระแสไฟฟ้าจากข่ายป้องกันที่ เคียว สร้างขึ้นทำปฏกิริยาจนกลายเป็นไอ
ไปซะก่อน

“ อึก...งานนี้หนักเหมือนกันแฮะ จากที่เรารู้มา คลื่นนี่น่าจะพัดโถมอยู่อีก 1-2นาที
 แต่เราจะทนได้จนถึงตอนนั้นรึเปล่า...มีแต่ต้องเสี่ยงเท่านั้นสินะ ”
เคียว คิดขณะที่ เริ่มใช้สองมือยันไพ่ที่ปล่อยพลังออกมาอยู่ตอนนี้เอาไว้ ซึ่งเท้าเค้าก็เริ่มครูด
ไปจากแรงสะท้อนของพลังงานมหาศาลที่ออกมาตอนนี้

ครึก.....ซ่า....ซูม...

เสียงที่ดังอึกทึกคึกโครมนี้ เกิดขึ้นจากการที่ เกราะสนามพลังนั้นเริ่มที่จะร้าวจนทำให้น้ำไหลรอดเข้ามา
เป็นจุดๆเสียแล้ว

“ เสร็จกัน เราลืมคำนวณเรื่องความทนทานของเกราะ ที่จะรับพลังคลื่นไฟฟ้าของ ไรจิน ด้วย
นอกจากแรงกระแทกของ คลื่นแล้วยังต้องรับ ความเสียหายจากพลังไฟฟ้าของ ไรจิน
 เกราะนี่คงจะทนได้ไม่ถึงตอนนั้นแน่ ”

เคียว สบถ ขณธที่ น้ำเริ่มทะลักเข้ามาเรื่อยๆแล้ว ด้าน โคทาโร่ กับ ไดสุเกะ ที่คิดจะเข้าไป
ปลดล็อคเสาที่ยังเหลืออยู่ก็ทำไม่ได้ เพราะคลื่นไฟฟ้านั้นแรงเกินไปจนไม่สามารถเข้าใกล้ได้

..............
...................
......................

“ ลาก่อน ถ้าโชคดีเราคงได้เจอกันอีก ธนัท  ”
บอย กล่าวสำทับอย่างเย็นใจ ขณะที่ ธนัท กับ ชุติการ นั้นค่อยๆร่วงลงไปยังก้นถ้ำอีกครั้งทว่า

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #100 on: May 16, 2009, 08:33:44 PM »

“ ถ้างั้นก็คงได้เจอกันอีกนั่นแหล่ะ ”
เสียงหนึ่งกลับดังขึ้นจากด้านล่างของ ถ้ำก่อนที่ ร่างของอัศวินมังกร สีทองขาวจะพุ่งทะยานสวนขึ้นมา
และรับเอาร่างของทั้งสองไว้

/in time/(ทันเวลาพอดีเลย)
เสียงก้องกังวานของ note ดังขึ้นก่อนที่ ร่างของ อัศวินมังกร ร่างสีทองอีกตนจะพุ่งขึ้นมา
ด้วยเช่นกัน ตนแรกที่รับร่างของพวก ธนัท เอาไว้นั้น ถือโล่สีทองขาวประดับด้วยทับทิมสีฟ้า
ส่วนอีกตนที่มีกายสีทองนั้น ถือดาบเล่มสีแดง

“ ท...ทาลิวิลย่า (Thaliwilya) กับ เทพอัศวินมังกรทาลิวิลย่า
 (Thaliwilya, the God of Dragoon)งั้นเหรอ...เป็นไปไม่ได้ ”

บอย อุทานด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อต่อความจริงตรงหน้า เมื่อเค้าได้เห็รนร่างของ
อัศวินมังกรทั้งสอง ก่อนที่มันจะบินขึ้นไปยังช่องบนเพดานถ้ำ พร้อมๆ กับฝูงนกนางแอ่น
 ที่แห่กรูกันออกมาด้วยความตกใจ




“ Thaliwilya Master ยังไม่ตายหรอกรึเนี่ย... ”
บอย เปรยก่อนจะเดินกลับออกไปด้วยทีท่าหงุดหงิดเล็กน้อย


“ หวา นั่น ธนัท กับ ชุติการ นี่ หวายย ”
แอน ที่เห็นร่างของ ธนัท และ ชุติการ ที่ถูกพาออกมาโดยอัศวินมังกรทั้งสอง
ก็เผลอตกใจจนไถลตกลงจาก ไหล่เขามาอีกรอบ ทว่าคราวนี้ เธอกลับตกลงมาอยู่ในอ้อมแขน
ของอัศวินมังกร กายสีฟ้าแทนที่บินมารอรับเธออยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะพาเธอลงมาส่งที่พื้น



“ น...นี่...ท...ท...ทาลิวิลย่า... ”
แอน กล่าวตะกุกตะกักด้วยความประหลาดใจที่เธอถูกอัศวินมังกรช่วยเอาไว้ ก่อนที่เธอจะ
ทันนึกได้ว่ารู้จักกับ อัศวินมังกรเหล่านี้ แต่ อัศวินตนนั้น ก็ได้สลายหายไปก่อนที่เธอ
จะทันได้ทำอะไร

ขณะที่สับสนอยู่นั้น แอน ก็มองขึ้นไปบนฟ้าจึงได้ตัดสินใจวิ่งออกจากสวนธรรมชาติตาม
อัศวินมังกรสองตนที่ พา ธนัท กับ ชุติการ ไป


...............

“ นี่เรา...มาได้แค่นี้หรือ... ”
เคียว เปรยขณะที่ ตอนนี้ เกราะส่วนหนึ่งได้พังทลายลงมาแล้ว จนน้ำทะลักเข้ามา ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้น
ตรงจุด ที่เกิดคลื่นครั้งแรก มังกรวารี จอมอนกาด ก็บันดาล คลื่นยักษ์ออกมาอีกมากมาย



“ ถ้าเป็นไปตามที่คาดไว้ อีกเดี๋ยวพลังของ มังกรขาวจะต้องแสดงออกมาแน่ ”
คิง ปอร์ ที่จับจ้องภาพเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านจอโฮโลแกรม ในห้องประชุมลับของ Checkmate 5
ทว่า สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด กลับเกิดขึ้นเมื่อปรากฏร่างของ อัศวินมังกร ที่บินตรงลงมาที่หาด

“ นั่นมัน...เป็นไปไม่ได้น่า ”
ไนท์ ไกอา อุทาน ด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นไปต่างไปจาก
 คนอื่นๆในห้องเช่นกัน

“ ทาลิวิลย่า เป็นไปได้ยังไงก็...ก็... ”
รุค บีบิส กล่าวด้วยสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน

“ ดูเหมือนจะมีเรื่องที่เราไม่คาดคิดเกิดขึ้นซะแล้วล่ะ ”
คิงปอร์ กล่าวสำทับโดยที่ยังคงทีท่านิ่งเฉยเอาไว้

ที่หาด ตอนนี้ อัศวินมังกร ทั้งสอง ได้วางร่างของ ธนัท กับ ชุติการ ลงก่อนจะบินขึ้นเข้าหา
กำแพงไฟฟ้า ที่เริ่มจะเสียสูญเพราะไม่มีหลักให้ยึด

“ พ....พี่..... ”
ธนัท เปรยออกมาก่อนจะหมดสติฟุบไป ด้านเคียว ที่ต้านแรงสะท้อนพลังของ อสูรที่ตนเรียกมาไม่ไหว
ก็กระเด็น ครูดไปกับพื้นทรายพร้อมกับที่กำแพงไฟฟ้า ได้ทลายลง แต่ก่อนที่คลื่นน้ำจะได้ทัน ท่วมลงมานั้น

/Great of Dragon/
เสียงกังวานของ note กลับดังขึ้นก่อนที่ อัศวินทั้งสองทำท่าราวกับได้รับคำสั่งก่อน
จะยิงลำแสงมังกรออกจากอาวุธ พุ่งเข้าแหวกน้ำคลื่นน้ำ จนแตกกระจายกลายเป็นสาย
ฝนตกลงมาแทนส่วนลำแสงมังกรนั้น ก็พุ่งทะลวงคลื่นทั้งหมดฝ่าไปจนถึงตัว จอมอนกาด ก่อนจะ
ระเบิดใส่ร่างของมันจน สลายกลับเป็นไพ่ จมหายลงไปในทะเล


เหตุการณ์ทั้งหมดได้ สงบลงในพริบตาที่อัศวินมังกรทั้งสองตนปรากฏกาย ก่อนที่
ร่างของทั้งสองจะสลายไปหายไปกับสายฝนที่กระหน่ำลงมานี้

..........
...................

“ เห็นไหมคะท่านผู้คะนี่คือภาพที่ตากล้องจับไว้ได้ค่ะ วินาทีวิกฤติ ก่อนที่ซึนามิ จะถล่มลงมา
อสูรรูปร่างอัศวิน สองตนนี้สามารถทำลายคลื่นทั้งหมดก่อนที่จะซัดเข้าได้ค่ะ เหลือเชื่อจริงๆค่ะ

แต่นี่คือภาพเหตุการณ์ณืจริงที่ตากล้องของเราจับภาพมาได้นะคะ แค่พลังของอสูรอัญเชิญสอง
ตัวสามารถพลิกวิกฤติได้เลยทีเดียวค่ะ ”

เสียงบรรยาย ของผู้บรรยาย ที่ดังขึ้นจากโทรทัศน์ใน ห้องนั่งเล่นของ
 คฤหาสน์ที่ มาริน่า นั่งดูอยู่กับ คิระ และ ภูเขา ที่กำลังจับจ้องมองดูภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในจอโทรทัศน์


“ เจ้าหมอนี่มันตายยากยิ่งกว่าแมลงสาบซะอีกนะเนี่ย ”
ภูเขา กล่าวแกมหัวเราะ ด้วยทีท่านิ่งเรียบ

“ ก็บอกแล้วไง ว่าเค้าคนนั้นคือผู้ที่ก้าวไปทางแห่งสวรรค์เพื่อปกครองทุกสิ่ง ”
คิระ กล่าวน้ำเสียงเรียบมั่น


“ ถึงจะเป็นแค่คำพูดโอ้อวด แต่หมอนั่นก็เอาชนะคนที่กุมชะตาของโลกมาแล้วอย่างฉันได้นี่นะ
ก็สมกับชื่อ Thaliwilya Master แล้วล่ะ อัศวินมังกรผู้กอบกู้งั้นเหรอ...เหมาะกับนายดีนี่..ศรี ”
มาริน่า เปรยก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นดื่ม

...................
.........................
....................................

17.30 น. ล็อบบี้รีสอร์ท สนธยา



“ เดินไหวแน่หนา ชุติ ให้ แอน ไปเป็นเพื่อนไหม ”
แอน กล่าวขณะที่ประคองตัว ชุติการ ที่พันข้อเท้าที่ซ้น แล้ว เดินเข้าในล็อบบี้

“ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ แค่นี้ฉันพอเดินได้ อีกอย่างพยาบาลก็บอกว่า พรุ่งนี้คงหายแล้วเธอไปเถอะ
 ฉันอยากจะนั่งเล่นที่ล็อบบี้ หน่อยน่ะ ”
ชุติการ กล่าวก่อนจะแยกจาก แอน มาขณะที่เธอเดินเข้ามาก็มานั่งลง ที่เก้าอี้ โซฟา ซึ่ง
ตั้งหันหลังชนกับเก้าอี้ โซฟาอีกตัว โดยที่ไม่ทันได้ดูหน้าของคนที่นั่งอยู่อีกตัว
หลังจากที่นั่งลงแล้ว เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งที่ในที่สุด ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติดังเดิมแล้ว

“ ขอโทษ.... ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น จากโซฟาด้านหลังเธอ ทำเอาเธอสะดุ้งไปเหมือนกันเมื่อจำได้ว่าเสียง
นั้นเป็นของ ธนัท

“ ธนัท... ”
“ อย่าหันมานะ!... ”
ชุติการ ที่กล่าวออกมาพร้อมกับจะหันไปแต่ก่อนนั้น ธนัท กลับแย้งขึ้นมาทำให้เธอ หยุดกึกไป

“ อย่าพึ่งมอง...ตัวฉันในตอนนี้..... ”
เสียงของ ธนัท นั้นแผ่วเบาและดูเซื่องซึม ขณะที่ ชุติาร เมื่อได้ยินเสียงของ ธนัท ที่
ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนจึงจำใจยอมหันกลับไปนั่งตามเดิม แม้ใจจริงนั้นยังคงเป็น
ห่วงเค้าอยู่

“ ว...ว่าแต่ ขอโทษ เรื่องอะไรกัน...นายไม่ได้ผิด... ”
ชุติการ ที่พยายามแก้ต่างนั้น กลับถูก ธนัท แย้งขึ้นมาอีก

“ เพราะ ฉัน อ่อนแอ...จนช่วยใครไว้ไม่ได้เลย...แม้แต่เธอ..ทั้งที่ฉันรู้ถึงหน้าที่ของตัวเองดีแท้ๆ
...ทั้งที่รู้ว่า ตอนนี้พวกเรากำลังตกเป็นเป้าหมายของศัตรู ที่หวังในพลังของ เธอแท้ๆ....
แต่ฉัน กลับช่วยใครไว้ไม่ได้เลย ...อ่อนหัด...ซะขนาดที่พี่ศรี ต้องออกมาช่วยแบบนี้.... ”

ธนัท กล่าวน้ำเสียงนั้นฟังดูสั่นเครือ ราวกับกำลังร้องไห้อยู่ แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะหันไปมอง

“ ฉันสัญญานะ.....ฉันจะ...เข้มแข็งขึ้นกว่านี้ จากนี้ไปฉันจะต้องปกป้องทุกคนไว้ให้ได้... ”
ธนัท กล่าวจบก็ลุกเดินออกไปทิ้งให้ ชุติการ นั่งคิดกับคำพูดที่เค้าทิ้งไว้


“ พลังที่อยู๋ในตัวฉัน มังกรขาว...มันรังแต่จะนำมาซึ่งอันตรายทั้งปวงจริงๆนั่นล่ะ ”
ชุติการ เปรยด้วยสีหน้าเจ็บปวดที่เธอเป็น ต้นเหตุให้เพื่อนๆต้องมาลำบากกันแบบนี้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มี โคทาโร่ คอยดูอยู๋ห่างๆ ก่อนเค้าจะเดินจากออกไป


....................
..................................

To be Continue

Next Sub- Turn


“ นี่มัน.... ”
“ ซองนั่น มันวางอยู่บนโต๊ะเล็กในห้องพักที่ รีสอร์ท น่ะ ฉันเลยเก็บเอามาแต่ลืมคืนให้นาย ”

“ ไพ่พวกนี้.... ”

“ หึ...ดูเหมือนศรี จะส่งพลังใหม่ที่กล้าแกร่งมาให้เจ้าหนูซะแล้วสิ ”

“ ถ้าจัด สำรับใหม่ตามลิสต์นี่ล่ะก็ จะสามารถสร้างสำรับ ในตำนานได้งั้นเหรอ ”

“ แต่ว่าแต่ล่ะใบเนี่ยมันหายากเหมือนกันแฮะ สงสัยต้องไปล่าเพิ่มที่ Terra World ล่ะ ”

“ ดีล่ะงั้น ฉันจะออกเดินทางรวบรวมไพ่ทั้งหมดมาตามลิสต์นี่ เพื่อทำสำรับแห่งตำนานให้สมบรูณ์ ”

สำรับแห่งตำนานคืออะไร สิ่งที่ ศรี ทิ้งไว้ให้คือ..... Next Sub-Turn 12 Card Hunt!!

ผู้ที่ก้าวไปในทางแห่งสวรรค์เพื่อปกครองทุกสิ่ง

และ

จงทำลายให้สิ้นทุกสิ่งแล้วจงเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน





ตอนนี้ก็ มั่วเมาเละ ออกทะเลอีกเช่นเคย สครีมไม่ลงดูแล้วคิดกันเองเน้อ




Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #101 on: May 16, 2009, 09:26:40 PM »

ผักบทน้อยจัง 

ข้าพเจ้าเล่นเด๊คอะไรเอ่ย  Virgo รึ?
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #102 on: May 16, 2009, 09:30:27 PM »

^
^
^

สงสัยจะ Virgo นั่นล่ะ ก็บอกชื่อซะเต็มยศขนาดนั้น - - *

แปลว่า boy คุงจะใช้ deck สาวๆเรอะ
(ชื่อคนเล่นแปลว่าชายแต่ deck เป็นหญิงทั้ง deck เอาเข้าไป ฮาเร็มเรอะ )

ตอนนี้มันมั่วได้ใจจริงๆ ทาลิวิลย่า มาไงกันเต็มไปหมดแต่ไม่ยักกะเห็นตัว ศรี เหอๆ
Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #103 on: May 19, 2009, 01:48:12 AM »

ไอ้คำพูด ขอจัดการนายนะ เนี่ย มันเป็นของทาลิมืดไม่ใช่หรือค้าบบบ ไหงกลายเป็นของมาวินลมละเนี่ย ธาตุลมมันต้องพูดขอโทษๆไม่ใช่รึ?

รู้สึกเเปลกๆนะ ทั้งๆที่พวกธนัทยังเล่นการ์ดเก่าๆตั้งเเต่ซาลามันเดอร่าดราก้อนสองอยู่เลยเเท้ๆ เเถมยังมีซอง d4k ให้เปิดอีก ดูอิสดิ ขนาดมาวินโปรโมยังไม่มีเลย เเล้วพี่ศรีท่านไปเอา ทาลิน้ำดราก้อนสามมาจากหนายยยยยยยยย
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #104 on: May 21, 2009, 02:39:05 AM »

Quote
อ้คำพูด ขอจัดการนายนะ เนี่ย มันเป็นของทาลิมืดไม่ใช่หรือค้าบบบ ไหงกลายเป็นของมาวินลมละเนี่ย ธาตุลมมันต้องพูดขอโทษๆไม่ใช่รึ?

คำตอบนั้นคือ........มาวินมีไม่ครบ 6 ธาตุครับ(ง่ายไปไหมเนี่ย) มันดันมีไร้ธาตุซึ่ง
เป็นธาตุประจำตัวอารมณ์ของ อิส อยู่แล้ว และเนื่องจาก นิสัยของทาลิมืดหรือทาไนซ

 นั้นออกไปในแนว เด็กๆ และเพราะความสามารถของมาวินลม คือการอัญเชิญที่เสกอะไรต่อมิอะไรออกมา
เลยคิดว่าภาพจน์ ของมันเหมือน นักมายากล และมายากลค่อนข้างเป็นอะไรที่เด็กชอบและใฝ่ฝัน

ดังนั้นมันจึงมารวมกันได้ครับ ว่าแต่ทำไมจำบุคลิคของ ทาลิฯทั้ง6 ตัวจาก ทาลิ2 ได้หมดเลยเนี่ย 
ว่าแล้วขอถามนิดนุง (แอ๊บแบ๊วใช้นิดนุง อิอิ) ในบรรดาทั้ง6ธ่าตุของทาลิภาคอาริมาเทียชอบบุคลิคของธาตุไหน
มากที่สุดครับ

ทาลิ ไฟ เกรียน
ทาลิ น้ำ ปากจัด
ทาลิ ลม อัธยาศัยดีขอโทษติดปากตลอด
ทาลิ มืด เอาแต่ใจเอะอะเก็บหมด ไม่ฟังคำตอบใครทั้งนั้น
ทาลิ ดิน ผู้ขี้เซา แต่ได้ยินคำว่าร้องไห้ไม่ได้ ต้องลุกขึ้นมา นาเคะรุเดะ(ได้ร้องไห้แน่)
ทาลิ แสง ผู้ถือตนเป็นองค์ชายหัวสูง ทุกคำพูดนั้นแสนจะลิเก๊ ลิเก

ชอบตัวไหนเอ่ยช่วยตอบที อยากรู้เรตติ้งความรั่วของ ทาลิ 2 ว่าถูกใจใครมั่ง เพราะภาคนั้นเขียนรั่วที่สุด
 ดูอย่างตอนพิเศษได้ ป้า R2 อย่างรั่ว นึกแล้วยังฮาอยู่จนวันนี้




Quote
รู้สึกเเปลกๆนะ ทั้งๆที่พวกธนัทยังเล่นการ์ดเก่าๆตั้งเเต่ซาลามันเดอร่าดราก้อนสองอยู่เลย เเท้ๆ เเถมยังมีซอง d4k ให้เปิดอีก ดูอิสดิ ขนาดมาวินโปรโมยังไม่มีเลย เเล้วพี่ศรีท่านไปเอา ทาลิน้ำดราก้อนสามมาจากหนายยยยยยยยย

คำตอบของเรื่องนี้คือ....... ศรีคงไปจับเอามาเองมั้งครับ เพราะในเรื่องซีลและมิสติกไม่ได้มาจากการซื้อเพียงอย่างเดียว (อ้างอิงจาก บทที่6) ซึ่งซีลที่จับมา นั้นเป็นซีลแท้ครับ ซึ่งเป็นมวลพลังงานเวทมนต์ ที่บริสุทธิ
ส่วนยซีลที่มาจากการผลิตขายจำหน่ายนั้นส่วนใหญ่เป็นซีล สังเคราะห์ขึ้นมาจากเวทย์ประดิษฐ์
จะมีเฉพาะ แรร์การ์ดที่มากับ บูสเตอร์แพค ซึ่งโดยส่วน
ใหญ่ เป็นซีลแท้ครับ ทำให้มีราคาแพง ว่าแต่ตอนต่อไป ธนัทคุง จะยกเครื่องทั้ง deck เลยนะเนี่ยสรุป ราชันย์มังกรไฟได้ดวล2ตอนแล้วเก็บเข้ากรุไปเลยเรอะ


ที่บ่นมาเยอะๆนี่ไม่ใช่อะไรหรอกเน้อพึ่งกลับมาจากปรับพื้นฐานที่ม.เกษตร ศรีราชา(จ.ชลบุรี)
เน็ต หอเน่ามาก ล็อคอินเข้า บอร์ดไม่ได้กว่าจะได้ก็ช้าอีก เลยขอระบายตอบเยอะๆหน่อย
 ทนอ่านหน่อยเน้อ ส่วนนิยายจะรีบมาอัพให้(ถ้าฟื้นตัวจากความเหนื่อยสุดกะความรั่วของรุ่นพี่ได้ก่อนนะ)



Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #105 on: May 22, 2009, 01:18:54 AM »

เหอๆ ผมชอบทาลิคนัสมากสุดเเล้วคับ โอเระ ทันโจววว!!!  ส่วนตอนพิเศษผมชอบตอนร้านเเฮมกับโรงเเรม ที่ร้านเเฮมป้าเเกพูดจากวนส้นได้ใจมาก "ต๊ายตาย นี่นายกล้าขึ้นเสียงกับลูกค้าเเบบนี้หรอ" ฮาคับ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #106 on: May 22, 2009, 02:47:30 AM »

ชอบทาลิคนัส นี่เองสินะครับ ก็นะทั้งที่ ทาลิคนัส ออกมาหลัง ทาลูคัส
 แท้ๆแต่ดูบทจะเยอะกว่าใครเพื่อนเลย เหมือนภาคแรกที่ให้ ทาลูคัส
 เป็นหลักเพราะร่างรวมเกิดจาก ไลท์ กับ ลอว์เรนซ์ที่สนิทกันอยู่ก่อนแล้ว

ถ้าพูดถึงทาลิคนัส อาริมาเทียต้องนึกถึง โอเระ ทันโจววว!! โฮ่ๆๆๆ

แต่พอมาลองย้อนอ่านดูไปตอนที่ ทาไนซ ปรากฏตัวครั้งแรกเนี่ย ที่บทมันชวนหดหู่ สงสัย
เพราะดูละครมากไปหน่อย เลยเอา เรื่องมือนาง มารวมเฉยเลย สังเกตุได้ว่า ราฟ มีอดีต ที่รันทด เหมือนนางเอกในเรื่อง มือนาง

แต่เราเขียนให้โหดสะใจกว่านั้น เพราะเราไม่ให้เด็ก ถูกกดขี่อยู่อย่างนั้น
 สไตล์เราไม่ใช่คนดีเอาแต่รอแต่กล้าที่จะทำ แถมกล้ามากซะด้วยสิ เพราะ ราฟ

 มันฆ่าแม่เลี้ยงตัวร้ายกับยัยลูกสาวตัวแสบ แถมยังพ่วงพ่อแท้ๆของมันมาอีก
แล้วเลยกลายเป็นโรคจิต ชอบฆ่าคนเป็นงานอดิเรก โดยเฉฃพาะคนที่น่าเวศทนา

แล้วตัวมันก็มาทึกทักเอาเองว่า ได้ส่งวิญญาณของบุคคลผู้น่าเวทนาคืนให้แก่พระผู้เป็นเจ้าเพื่อ
ให้เค้าไปดี ซะงั้น แต่บางทีมันอาจจะดีกว่าก็ได้ (มั้ง)

ที่จริงโศกนาฏกรรม แบบฆ่าหมู่ล้างทวีปจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้า โครโน่ ไม่เจือกเข้าไปยุ่ง
เอา Crisisor ไปให้ ราฟ ปล่อยๆให้มันถูกจับไปน่ะดีแล้ว เพราะถ้าราฟ ไม่เป็น Valkyrier
พ่อของ ไอ ก็

จะไม่ตาย ไอก็จะรักกับ เฟนท์ ได้ สรุปให้เข้าใจง่ายๆ เรื่องทุกอย่างมันเลวร้ายลงเพราะ
เจ้าราฟนะเนี่ย แต่ที่น่าหมันไส้กว่าคือคนบงการอยู่เบื้องหลังอย่าง โครโน่ นี่ล่ะ ที่ไปเป่าหูไอ

 ซ้ำอีก จนเชื่อว่า เฟนท์เป็นฆาตกรฆ่าพ่อเธอ จากบทที่ ราฟ ได้รับเนี่ย ที่จริงก็ น่าสงสาร ราฟ
 อยู๋หรอก เพราะเสียแม่ไป แถมพ่อก็ยังแต่งใหม่เอานางร้ายเข้าครัวมาอีก แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผล

 ที่ ราฟ จะเที่ยวไปฆ่าใครทำลายทุกอย่างที่ตนเองเห็นว่ามันสะท้อนชีวิตตัวเองตามใจชอบ เหมือน
 หลีเมย่ ที่เอาความแค้นส่วนตัวมา อ้างเหตุผลเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกก็เหมือนกัน

สรุปดูได้ว่า เพราะ โครโน่ ไปขยายบ่วงแห่งความแค้น ให้มันสร้างความเสียหายได้มากกว่า
ที่ควรจะเป็น มันจึงขยายวงกว้างออกไปอีก แทนที่เรื่องของ ราฟ มันจะจบแค่นั้นเลยกลายเป็นว่า
 ราฟ ไปสร้างความแค้นให้คนอื่นอีก แล้วก็กินต่อเป็นทอดๆไม่รู้จบ

สุดท้ายเพื่อจบบ่วงแห่งความอาฆาตที่ขยายตัว เรกกะ จึงต้องทำ Dragoon Requiem
อย่างเราได้เห็นในตอนจบของ ทาลิ2 นั้นล่ะครับ



ว่าไปแล้ว เราแต่งนิยายนี่ สร้างข้อคิดได้เยอะแหะ ใช่ว่าอะไรที่ไม่ดีทำลายมันทิ้งไปก็
จะหมดปัญหา แต่เราต้องหาทางแก้ให้ถูกทาง เหมือนอย่างที่ ราฟ คิดสั้น ตัวเองโดนกดขี่

กลับแก้ทางด้วยการ ฆ่าคนที่กดขี่ตัวเอง นั่นเท่ากับทำลายปัญหา
แต่มันก็จะไปจุดชนวนปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก

สรุป เวรย่อมหยุดด้วยการไม่จองเวร ดังนั้นถ้าผู้คนไม่มีความแค้นต่อกันให้อภัยกันและกัน
 หาทางออกที่เหมาะสมก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ว่าซะยาว แล้วเรื่องทาลิมืด ล่ะ ไปไกลเลยเรา เอาเป็นว่าแค่นี้ก่อนนะครับ

« Last Edit: May 22, 2009, 03:02:01 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #107 on: May 23, 2009, 08:43:06 PM »

Sub-Turn 12 Card Hunt!!



หลังจากการกลับจากทัศนศึกษา เวลาก็ได้ล่วงเลยมา จนถึง

วันอาทิตย์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2700  เวลา 23.30  (คุณกำลังดู SMN VR! อยู่ไม่ต้องเป็นห่วง)

พิพิธภัณฑ์ ศิลปะ โบราณนาวา

ตัวอาคารแบบยุโรป ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางแสงไฟสปอตไลท์ ที่สาดส่อง
จับจ้องไปแทบทุกอาณาบริเวณ โดยที่ด้านหลังพิพิธภัณฑ์นั้น เป็นสวนสาธารณะ
รอบอาณาบริเวณ ถูกตั้งล้อมด้วยกำลังตำรวจมากมาย



“ วันนี้ 5ทุ่มครึ่ง ขอรับคนโทแห่งดวงดาว ไปก่อนนะจากจอมโจรดาร์ค…ปัดโธ่มันคิดว่า
ตัวเองเป็นใครกันนะ ที่นี่น่ะมีการป้องกันหนาแน่น ถ้าคิดว่าจะขโมยได้ก็มาเลยสิ ฮ่าๆๆ ”
สารวัตรชายวัยกลางคน กล่าวอย่างหยิ่งยะโส ก่อนจะได้รับรายงานจากลูกน้อง ผู้หมวดที่เข้ามาแจ้ง

“ คือ สารวัตรซาเอฮาระ(Saehara) ครับ คนโทแห่งดวงดาว ถูกขโมยไปแล้วครับ ”
ลูกน้องผู้หมวดรายงานจบ สารวัตรที่ได้ยินถึงกับหน้าถอดสีไปทันทีก่อนจะคว้าเอา
 note ของตัวเองขึ้นมา


/Call All/
“ นี่พวกแกได้ยินรึเปล่า รีบกระจายกันออกตามหาให้ทั่วอย่าให้มันหนีไปได้นะ!! ”
สารวัตร สั่งใส่ note ของตน ที่ต่อสายไปยัง note ทุกตัวของ เจ้าหน้าที่ภายใน
อาคารทั้งหมดก่อนที่ บรรดาเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งจะเฮโลกันออกมาจาก อาคาร
เพื่อหาตัว หัวขโมย  ที่หนีเอาของออกมา

“ หนอยแกนะแก เจ้าดาร์ค ”
สารวัตร สบถอย่างหัวเสียก่อนจะ ออกวิ่งจากไป เพื่อไปหาตัวหัวขโมยที่ใช้ชื่อ ดาร์ค ด้วยเช่นกัน
ทิ้งให้ ผู้หมวดที่มารายงาน ยืนอยู่อย่างนั้น

“ วันนี้ก็ง่ายเหมือนเดิมแฮะ ต้องขอบคุณ ท่านสารวัตร ซาเอฮาระ อีกแล้วนะครับ
ที่ช่วยให้ผมทำงานสะดวกมากขึ้นเลย ”
ผู้หมวดที่มารายงานกล่าวเสียงห้วนๆ ก่อนก้มลงดึงเอาถุง กระสอบที่อยู่
ใต้ท้องรถตำรวจที่ ท่านสารวัตร ยืนพิงอยู่เมื่อครู่ ออกมา ก่อนจะเดินหลบฝูงผู้คนและ

ตำรวจที่วุ่นวายกันอยู่แถวนั้นออกมา แล้วจึงถอดชุดเครื่องแบบ กับหมวกออก
ตัวจริงภายใต้คาบผู้หมวดที่เอามาสวมนั้น คือชายหนุ่มวัย 17 ปี ผมยาวชี้ตั้งตรงปลาย
และเป็นสีม่วงดำ แววตาเจ้าเล่ห์ และมีใบหน้าที่คมคาย

“ มานี่ซิ วิซ(Wiz) ”
สิ้นคำของ เค้าก็มีเงาสีดำพุ่งลงมาจากต้นไม้ก่อนจะกลายเป็นปีกสีดำหอบหิ้วเอาตัวเขาไป



“ แหมวันนี้ ก็กินนิ่มอีกแล้วเนอะ ไดสุเกะ ”      (*ท่านกำลัง SMN VR!! อยู่)
ชายผู้นั้นกล่าวออกมาก่อนที่จะมีเสียงตอบกลับออกมาจากภายในจิตใจของเค้า

“ นี่ทั้งที่แค่เอาออกมาเฉยๆ ก็ได้แล้วทำไมต้องลงทุนไปทำให้มันวุ่นวายแบบนั้นด้วยล่ะ ”
เสียง ของ ไดสุเกะ ดังตอบกลับขึ้นมาก่อน ที่ดาร์ค จะหัวเราะด้วยความขบขัน

“ ฮะๆๆ..แหงล่ะ ก็มันสนุกนี่น้า ไหนๆก็เอาออกมาแล้ว ถ้ายังไม่รู้ตัวก็แย่สิเน้อ ”
ดาร์ค ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงขบขัน ขณะที่ยุคลิคของ ไดสุเกะ ที่อยู่ในร่างนั้น
กำลังไม่พอใจกับ นิสัย ของ อีกบุคลิค ของเค้าที่ชื่อว่าดาร์ค

นี่เป็นพลังของ DNA Changer ของเค้าที่จะกลายเป็นอีกคนที่มี
ความสามารถและฝีมือด้านการขโมยแฮกเข้าระบบปลดล็อคทุกชนิดก็สามารถ

ทำได้รวดเร็วกว่าร่างจริงของเค้า แต่ข้อเสียคือตัวเค้าจะกลายเป็นอีกคนแทนทำให้ควบคุม
ไม่ได้ดั่งใจ

ปัง!!

เสียงดังขึ้นก่อนที่ ปีกสีดำของ ดาร์ค จะถูกอัดกระเด็น จนหลุดออกจากร่าง ทำให้ตัว ดาร์ค
ร่วงลงไปแต่ก็คว้าเอาชาคาบ้านหลังหนึ่งไว้ทันก่อนจะตกลงไป


“ ใครกันน่ะ!? ”
ดาร์ค ตะคอกขณะที่หมุนตัวกระโดขึ้นไปยืนบนหลังคาเพื่อสอดส่องสายตาหาคนร้าย

“ you ถามหา me เหรอme ก็อยู่นี่แล้วไง ”
เสียงดังขึ้นจากมุมมืด ของร่มเงาต้นไม้ที่บดบังส่วนหนึ่งของหลังคาบ้านที่ ดาร์ค ยืนอยู่ตอนนี้

“ แกเป็นใครกัน!? ”
ดาร์ค ถามขึ้น ขณะที่เจ้าของเสียงค่อยๆเดินออกมาจากเงามืด ยามเมื่อแสงจันทร์ตกกระทบ
ร่างของ เด็กหนุ่มวัย 14 ก็ค่อยปรากฏโฉมขึ้น

“ ชื่อของ I คือ boy บอย ซากะ ส่งคนโทนั่นมาให้ me เดี๋ยวนี้เลยถ้าไม่อยากเจ็บตัว ”
บอย เดินออกมาพร้อมกับ ในมือถือปืน พกที่มีรูปร่างประหลาด มันมี ช่องที่รังเพลิง
ที่กว้างพอจะเสียบไพ่เข้าไปได้ และคันชักที่สามารถชักให้รังเพลิง เปิดยื่นออกมาได้


“ โฮ่…นี่คิดจะมาเอาของไปจากโจรอีกต่อรึไง ไม่กลัวมันจะลวกมือเอางั้นหรือ ”
ดาร์ค เล่นคำขณะที่ รีบซ่อนกระสอบในมือไปเหน็บไว้ที่ด้านหลัง

“ ถ้า you จะลีลาล่ะก็ I ก็ไม่ปล่อย you ไว้แน่ ”
บอย กล่าวพลางยกปืนขึ้นขู่ ในขณะที่ ดาร์ค ค่อยๆถอยไปเรื่อยจนสุดทางไม่มีที่
จะให้ถอยอีกต่อไปแล้ว

“ you มีสมญานาม จอมโจรแห่งยุค Dark ส่วน me ก็มีสมญานาม
 จอมโจรแห่งมิติ เช่นกันไหนๆเราก็เป็นจอมโจรเหมือนกันน่าจะคุยกันง่ายๆดีกว่าไหม  ”
บอย กล่าวขณะที่เดินไล่เข้าไปเรื่อยๆ

“ คุยกันงั้นเหรอ เฮอะ ไม่เคยได้ยินรึไงสุภาษิต ของไทยน่ะ ”
ดาร์ค กล่าวถ่วงเวลาไปขณะที่ บอย ใกล้เข้ามาทุกขณะ

“ โอ้ sorry นะ I ไม่ค่อยสนใจเรื่องโบราณๆพรรค์นั้นหรอก  ”
บอย กล่าวโดยไม่ลดปืนลงแม้แต่น้อยจนเข้ามาจ่อติดกับหน้าอกของ ดาร์ค แล้ว

“ เหรอ งั้นฉันจะตอบให้เอาบุญ….เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ เป็นจอมโจรอย่าริอ่านมาร่วมมือกัน ”
สิ้นคำ ดาร์ค ก็ขว้างลูกกลมสีดำลงไปบนหลังคาก่อน มันจะระเบิดและปล่อยควันออกมามากมาย
จนมองไม่เห็นกันและกัน และควันนั่น ยังทำให้ บอย สำลักจน ปล่อยให้ ดาร์ค หนีไปได้


“ จะบอกเอาอะไรให้รู้ไว้นะ เพราะฉายเดี่ยวเค้าถึงเรียกว่าจอมโจรยังไงเล่า ไปก่อนนะ ฮ่าๆๆ ”
เสียง หัวเราะของ ดาร์ค ยังคงก้องอยู่ก่อนที่ควันจะจางหายไปจนหมด
ก็ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยของ ดาร์ค แล้ว

“ หนีไปได้งั้นรึ….เอาเถอะยังไงก็ต้องได้เจอกันอีก…อย่างแน่นอน ”
บอย กล่าวจบก็ เดินหายลับเข้าไปในมุมมืดอีกครั้ง

……….
………….


“ กิ้ววววว!!! ”
เสียงร้องของ เจ้ากระต่ายตัวน้อย ขนสีขาวตาสีแดง ที่ดังขึ้นขณะที่ ไดสุเกะ ป้าย ยาใส่ที่หูของมัน
ซึ่งบาดเจ็บมา โดยที่มันดิ้นพล่านด้วยความปวดแสบจากยาที่ทามา
ถึงขนาดที่ ฟรานซิสก้า องครักษ์สาวของ มาริน่า ต้องเข้ามาช่วยจับไม่ให้มันดิ้นอีกแรง

“ อยู่นิ่งๆสิ วิซ ไม่งันจะทายายังไงเล่า ”
ไดสุเกะ กล่าวขณะที่ พยายามจะจับหูของมันให้อยู่นิ่งๆ แต่เจ้าวิซ ก็ขัดขืนเต็มที่




“ ดูเหมือน เจ้านั่นมันจะใช้กระสุนอัดอากาศเอาล่ะนะ ก็เลยไม่เป็นแผลฉกรรจ์
ซักวันสองวันก็หายแล้วล่ะ แต่ที่น่าสงสัยคือมันเป็นใครนี่ล่ะ ถ้าเป็นโจรทั่วไปก็
ไม่น่าจะสนคนโท เก่าที่ราคาค่างวดไม่สูงอย่าง คนโทแห่งดวงดาวได้เลยนี่นา ”

มาริน่า เปรยขณะที่ เดินเข้ามาดูเจ้ากระต่าย

/Psychic  Puppet/(พลังจิตชักใย)
เสียงดังขึ้นจาก หุ่นกระบอกที่ มาริน่า พกติดตัวด้วยเสมอ
 ซึ่งมันเป็น note ในรูปร่างของหุ่นกระบอกนั้นเอง

เสียงที่ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่า มาริน่า กำลังใช้พลังจิตของเธอ
 ประสานกับพลังเวทย์ เพื่อสร้างเส้นเอ็น
บางๆขึ้นมาแล้วควบคุมมันให้ไปขึงร่างของเจ้า วิซ เอาไว้


“ รีบๆทาซะ ”
มาริน่า กล่าวขณะที่ ไดสุเกะ ยังคงเหวออยู่ แต่ก็ตั้งสติทันรีบ ทายาให้มัน ก่อนจะถูกรัดตาย
และเมื่อทายาเสร็จ เส้นเอ็นจึงคลายตัวออก พร้อมกับที่ เจ้าวิซ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่รอดตายมาได้


“ ประธานคะนี่หรือว่า… ”
ฟรานซิสก้า กล่าวขึ้นมาก่อนจะหยุดไปเมื่อจะพูดถึงตรงนี้

“ ใช่ นอกจากคนที่รู้ว่า คนโท นี่มีความพิเศษที่สำคัญอยู่เท่านั้นล่ะถึงอยากจะได้มัน
เศษเสี้ยวพลังของ อสูรเทพ ที่สถิตอยู่ในงานศิลปะชิ้นนี้ ”

มาริน่า กล่าวพลางเดินไปลูบ คนโทสีครามที่สลักลายดวงดาว ไว้รอบตัวอย่างประณีต

“ เห็นเค้าคนนั้นบอกว่าตัวเองชื่อ บอย ซากะ อะไรนี่ล่ะ ผมเองก็ฟังไม่ค่อยถนัดเท่า
ไหร่ ดาร์ค เองก็ไม่ยอมพูดอะไรด้วย ”
ไดสุเกะ กล่าวแต่ถึงยังงั้น มาริน่า ก็ยังคงไม่รู้อยู่ดีว่าคนๆนั้นเป็นใคร

“ เอาเถอะ เจ้าหนู ทำแผลเจ้ากระต่ายนั่นเสร็จแล้วใช่ไหม ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เข้า
นอนซะนี่มันก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว ฉันเองก็ชักจะง่วงขึ้นมา….ฮ้าว..ซะแล้วสิ ”
มาริน่า กล่าวก่อนจะหาวพลาง พวกเค้าจึงตัดสินใจแยกกันไปเข้านอน

………..
…………………..
………………………….

บ้าน ธนัท


“ นี่มัน.... ”
ธนัท เปรยขึ้น หลังจากรับเอาซองขาวมาจาก โคทาโร่

“ ซองนั่น มันวางอยู่บนโต๊ะเล็กในห้องพักที่ รีสอร์ท น่ะ ฉันเลยเก็บเอามาแต่ลืมคืนให้นาย ”
โคทาโร่ ตอบให้ก่อนที่เค้าจะถาม ธนัท จึงแกะผนึกซองออกแล้ว เทของข้างในออกมามันเป็น
ไพ่ซีล 3 ใบ

“ ไพ่พวกนี้.... ”
ธนัท กล่าวเมื่อหยิบไพ่พวกนั้นขึ้นมาดู ปรากฏว่า หน้าของไพ่นั้นว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย
เป็นเหมือน Seal Scroll แต่ที่ไม่เหมือนคือหลังปรากฏชนิดของการ์ดว่าเป็น
ซีลการ์ดไปแล้วดังนั้นนี่จึงเป็นไพ่ที่ใช้ผนึกแล้วแน่นอน


“ อะไรน่ะ Seal Scroll เหรอ ”
โคทาโร่ ถามขณะที่ ยื่นคอเข้ามาดูด้วย

“ ไม่น่าใช่นะ เพราะหลังไพ่มันไม่ได้เป็นสีซีดๆ ไพ่นี่มันถูกใช้ผนึกไปแล้วแต่…
ผนึกตัวอะไรไว้ล่ะ  ”
ธนัท ตอบขณะที่พลิกหงายไพ่กลับไปมาเพื่อหาดูตามจุดต่างๆ
แต่ก็ไม่พบอะไรที่ผิดสังเกตุ ด้านโคทาโร่ ก็หยิบเอาซอง ขึ้นมารื้อดู ก็ไปพบเข้าเศษ
กระดาษแผ่นหนึ่งที่แนบใส่มาในซองด้วย


“ อ๊ะ นี่มีเขียนอยู่ในนี้ด้วยล่ะ ”
โคทาโร่ กล่าวพลางคลี่ แผ่นกระดาษออกดูกับ ธนัท

“ เอ…ไหนๆ นี่คือลิสต์สำหรับจัดสำรับในตำนาน หากสามารถรวบรวม
ไพ่ทั้งหมดนี่ได้ ไพ่ที่พี่มอบให้ไปก็จะเผยตัวตนออกมา  จาก ศรี ”
ธนัท อ่านอย่างช้าจนเมื่ออ่านมาถึงชื่อของผู้ส่ง เค้าก็รีบแย่งแผ่นกระดาษมาจากมือ โคทาโร่ ทันที

“ นี่มันไม่ผิดแน่ ลายมือพี่ ศรี ชัวร์ งั้นตอนทัศนศึกษาวันนั้นก็เป็นความจริน่ะสิ ”
ธนัท อุทานหลังจากสำรวจ จนถี่ถ้วนทั้งแผ่นกระดาษแล้ว เค้ามั่นใจว่านี่เป็นของที่
พี่ของเค้าส่งมาให้จริงๆ

“ ศรี…หมายถึงคนที่ชนะยัยผีดิบนั่นได้น่ะเหรอ ”
โคทาโร่ ถามเพื่อขอความแน่ใจ ในขณะที่ ธนัท ดูรายการในลิสต์แล้ว ก็หน้าถอดสีด้วยความหมดหวัง


……………..

…………………
………………………

วันต่อมา

ห้องชมรม SMN (เวลาเลิกเรียนแล้ว)



“ หึ...ดูเหมือนศรี จะส่งพลังใหม่ที่กล้าแกร่งมาให้เจ้าหนูซะแล้วสิ ”
มาริน่า กล่าวขณะที่ ชุติการ แอน เคียว และ ไดสุเกะ มุงกันเข้าไปดู ลิสต์รายการจัดสำรับที่
ศรีส่งมาให้ ซึ่งแต่ล่ะคนพอได้เห็นก็หน้าถอดสีไปไม่แพ้กัน

“ ถ้าจัด สำรับใหม่ตามลิสต์นี่ล่ะก็ จะสามารถสร้างสำรับ ในตำนานได้งั้นเหรอ ”
ไดสุเกะ หันมาถามซึ่งก็ผงกหัวตอบว่าใช่


“ แต่ว่าแต่ล่ะใบเนี่ยมันหายากเหมือนกันแฮะ สงสัยต้องไปล่าเพิ่มที่ Terra World ล่ะ ”
เคียว เปรยพลางเกาหัวไปด้วยความสงสัย กับลิสต์ไพ่ที่จัดว่าหากจะทำตามแล้วนั้น
ยากยิ่งนัก

“ นอกจากจะจัดตามให้สมบรูณ์เป๊ะๆ ยังยากแล้ว ที่สำคัญคือ ธนัท จะต้องใช้สำรับ
นั้นให้ชำนาญด้วยไพ่ สาม ใบที่ส่งมานั่นถึงจะใช้งานได้  ”
โคทาโร่ เสริมโดยพลิกหลังกระดาษที่ให้ดูซึ่งมีข้อความต่อ ยอดอยู่ในส่วนนั้น

“ แต่ว่า ดูตามลิสต์นั่นแล้ว ถึงจะมีไพ่ที่ไม่รู้จักอยู่เยอะเลยก็เถอะ แต่จากที่ดูๆ
แล้ว สำรับนั่นน่ะใช้ซีลหลากหลายมากเลยนะ ไม่สิถ้าเฉลี่ยนดูแล้ว นอกจากจะมี
ธาตุครบทั้งหกธาตุ ไหนจะคอนเซปการเล่นที่ไม่น่าจะเอามารวมกันได้อีก ”

ฟรานซิสก้า กล่าวสำทับให้อีก กับลิสต์รายการไพ่ที่ น่าแปลกนี้

“ พูดได้เลยว่า ไม่ใช่แค่จัดตามอย่างเดียว แค่จะใช้ให้คล่องได้ ยังยากเลย  ”
อิส เสริม ให้อีกถึงอุปสรรค์ในการทำสำรับนี้

“ ก็สมกับ ที่เป็นสำรับที่เค้าคนนั้นคิดขึ้นมาให้แล้วนี่ เพราะอุปสรรค์ในการครองครอง
และการนำมาใช้เป็นสิ่งที่ผู้เล่น ต้องแบกรับเอาไว้อยู่แล้ว ยิ่งเป็นสำรับพิเศษแบบนี้ ก็สม
กับที่เป็นสำรับแห่งตำนานจริงๆนั่นล่ะ  ”

เสียงที่ฟังคุ้นหู ดังขึ้นราวกับเคยได้ยินมาก่อน ธนัท และเพื่อนๆหันไปมองยังทิศต้นเสียง
ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ


“ ภูเขา!!! ”
ธนัท ชุติการ และ เคียว ร้องขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน ขณะที่ แอน โคทาโร่ และ ไดสุเกะ ได้แต่มอง งงๆ
มาที่พวกเค้า

“ ไง ไม่เจอกันนานนะ…. ”
ภูเขา ทักทายก่อนจะหยุดกึกไปเพราะ ท่าทีระแวงจนออกนอกหน้าของ ธนัท กับ ชุติการ
ในขณะที่ เคียว ได้แต่มองดูอย่างเอือมๆ กับท่าทีระแวงของทั้งสองที่ออกจะโอเวอร์ เกิน
ทั้งหยิบไม้กวาด ไม้ถูพื้นมากระชับ ถือราวกับจะไปตีกะใคร

“ อ…เอ่อ ไม่ต้องเกร้งกันขนาดนั้นก็ได้ ”
ภูเขา กล่าวพลางถอยเท้ากลับหน่อยด้วยความผวาน้อยๆ

“ นี่กล้าบุกมาถึงถิ่นเลยเรอะ วันนี้ล่ะ ฉันไม่ให้นายหนีอีกแล้ว…อ่อก ”
ธนัท กล่าวพลางจะยกไม้กวาดไล่ฟาด แต่ก็โดน ฟรานซิสก้า
เอาสันมือสับต้นคอล้มลงซะไปก่อน

“ ดีมาก ฟรานซิสก้า  ”
มาริน่า เปรยขณะที่ เดินมาก้มลงข้างๆ ธนัท ที่ฟุบนอนอยู่กับ พื้นถึงตอนนี้ตัว ธนัท จะขยับไม่ได้
เพราะถูกสกัดจุดที่ ต้นคอ แต่ก็ยังไม่ได้หมดสติ ไปด้วย ขณะที่ มาริน่า กำหัวเขาเชิดขึ้นมา
คอขึ้นมาคุยด้วย


“ จำเอาไว้นะ เจ้าหนู ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว เรื่องที่นายดวลกับภูเขาในวันนั้น
เป็นแค่เรื่องที่ฉันทำให้เกิดขึ้นมาเท่านั้น คงไม่มีปัญหานะ ”
มาริน่า กล่าวจบก็ปล่อยหัว ธนัท ลงอย่างไม่ใยดี ก่อนจะลุกขึ้นไปมองที่ ชุติการ

“ เธอเองก็คงไม่มีปัญหาสินะ ”
มาริน่าถาม แต่แน่ล่ะใครจะกล้าไปปฏิเสธ เธอ เมื่อเห็นว่าปัญหาเคลีย
แล้ว เธอ จึงเอาส้นรองเท้า แตะเบาๆกลับไปที่ต้นคอของ ธนัท ทำให้การสกัดจุดของ ฟรานซิสก้า

หลุด ธนัท จึงขยับตัวได้อีก แต่ก็ระบมต้นคอไปหมด แต่ก็บ่นอะไรไม่ได้ ขณะที่
คนอื่นๆได้แต่มองดูการแก้ปัญหาแบบ อำมหิต ของ มาริน่า

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #108 on: May 23, 2009, 08:43:39 PM »

…………..
ครู่ต่อมา
……………


“ สรุปคือ พี่ ภูเขา เป็น1ในMaster Ceremony เองหรอกเหรอ  ”
ธนัท กล่าวพลางเอามือกุมต้นคอที่ยังระบมไม่หาย ขณะที่ฟัง อิส และ ไดสุเกะ
เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจาก การที่ มาริน่า จัดฉากให้เขาดวลกับภูเขาเพื่อจะทดสอบฝีมือ


“ ถ้ายังไงวันนั้นก็ต้องขอโทษด้วยนะ พอดีเล่นแรงไปเลยไม่ทันยั้งมือน่ะ ”
ภูเขา กล่าวขอโทษขอโพย พลางก้มหัวประหลกๆ ให้ผิดกับภาพลักษณ์ที่
ดูน่าเกรงขามเมื่อครั้งเจอกันในตอนแรก


“ เป็นคนดีกว่าที่คิดแฮะ….. ”
ธนัท กับ ชุติการ คิดเป็นเสียงเดียวกันเมื่อได้มาเห็นเบื้องหลังที่แท้จริงแบบนี้
ก็ถึงกับทำตัวกันไม่ถูกเลยทีเดียว

“ ไดสุเกะ เติมชา ทีซิ อิส ไปเปลี่ยนนิตยสารใหม่ที wiser เล่มนี้มันเก่า
จนน่าเบื่อแล้ว เอาเล่ม 350 มาที ” (โอว แม่เจ้า wiser อยู่มาถึง 350 เล่มได้ เหลือเชื่อ)

มาริน่า กล่าวพลางยื่นนิตยสารให้ อิส ที่รีบลุกจากเก้าอี้ในวงของ ธนัท มารับไปเปลี่ยนที่
ตู้หนังสือของชมรม ส่วน ไดสุเกะ ก็รีบลุกตามมา หยิบกาน้ำชา แล้วรีบกลับไปรินใส่ถ้วย

หน้าตาตื่นพอๆกันกับ อิส ที่รีบรื้อหาเล่มที่ เธอต้องการก่อนจะเอามาส่งให้
มาริน่า รับมาโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ ไดสุเกะ รินชาใส่ให้เสร็จ ทั้งสองก็รีบ

ถอยห่างทันทีก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก  ราวกับรอดออก
มาจากถ้ำเสือก็ไม่ปาน

“ เอ่อ…..มันอะไรกันน่ะ ”
โคทาโร่ เปรยด้วยความไม่รู้ว่าทำไมทั้งสองคนถึงมีทีท่ารนรานขนาดนั้น

“ อิส เป็นองครักษ์ ลำดับ 2 ส่วนไดสุเกะ เป็นลำดับ 3 ก็เลยมีหน้าที่รับใช้ ประธานด้วยน่ะ ”
เคียว ตอบให้แทนก่อนที่ มาริน่า จะหันมาค้อนใส่ จนทั้งเค้ากับ โคทาโร่
 ต้องกลืนน้ำเอือกใหญ่เพื่อบรรเทาอาการตกใจที่วูบขึ้นมาเพียงแค่สบตาของเธอ

“ งั้นพี่สาวนักดาบนั่นก็ด้วยสิ ”
โคทาโร่ หันมากระซิบถามแทน

“ เปล่าหรอก รุ่นพี่ ฟรานซิสก้า เป็นองครักษ์ลำดับ 1 หน้าที่รับใช้ก็มีบ้างแต่ส่วน
ใหญ่จะต้องอยู่ข้างประธานเพื่อคอยคุ้มครองตลอดนั่นล่ะ ดังนั้นคนที่ทำหน้าที่
รับใช้เรื่องจุกจิกต่างๆจะเป็นสองคนนั่นตลอด ”

เคียว กระซิบตอบ เบาๆโดยเหล่มองตลอดว่า มาริน่า จะได้ยินที่พวกเค้าพูดกันหรือไม่


“ จริงสิ เจ้าหนูจากนี้ไปแกจะเอายังไงต่อ….เรื่องสำรับนั่นน่ะ ”
มาริน่า ค้อนมองมาถาม ซึ่ง ธนัท เองก็ขนลุกซู่ไปไม่น้อย กับความรู้สึกเย็นสันหลังวาบๆ
ที่แผ่ออกมา จาก มาริน่า

“ นั่นน่ะสิ สำรับนี่น่ะ แค่ดูก็รู้แล้วว่าทำยากจะตายแล้วยังมีไพ่ที่เราไม่รู้จักอยู่เยอะเลยด้วย ”
ชุติการ กล่าวสำทับไปอีกที ขณะที่  ธนัท กำลังชั่งใจว่าจะทำอย่างไรกับ ลิสต์รายชื่อในกาารทำสำรับ ที่
พี่ของเค้าศรี เป็นคนส่งมาให้


“ ดีล่ะงั้น ฉันจะออกเดินทางรวบรวมไพ่ทั้งหมดมาตามลิสต์นี่ เพื่อทำสำรับแห่งตำนานให้สมบรูณ์ ”
ธนัท กล่าวด้วยแววตาที่ทอประกายความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม ก่อนจะโดนมะเหงกของ มาริน่า
ทุบเข้าให้

“ นี่แกติงต๊อง หรือปัญญาอ่อนกันแน่ยะ กะอีแค่รวบรวมไพ่มาทำสำรับ
แกกะจะหยุดเรียนแล้วหายหัวไปทำแบบพี่แกอีกคนหรือไง!!!! ”
มาริน่า เทศใส่เค้าเป็น การใหญ่ เมื่อได้ฟังคำตอบที่หลุดออกมาจากปากของเค้า

“ ง…งั้นจะให้ทำยังไงล่ะครับ ประธาน ลิสต์เนี่ย ถ้าค่อยๆทำล่ะก็มี
หวังอีกกี่ปีกว่าจะเสร็จล่ะครับ ”
ธนัท แย้งขณะที่กุมหัวด้วยความเจ็บที่โดน มาริน่า เขกเข้าให้เมื่อครู่

“ ถึงยังงั้นก็ห้ามย่ะ ถ้าแกหายไปอีกคนใครจะเดือดร้อนบ้างแกก็ไม่สนรึไง ”
มาริน่า ตะคอก ซึ่ง คราวนี้ ธนัท ไม่มีข้อแก้ตัวที่จะไปคัดง้างเหตุผลของ มาริน่า
อย่างสิ้นเชิง

“ แต่ ฉันจะไม่ห้ามแกทำสำรับนี่หรอกนะ ค่อยๆลองค่อยๆทำไปก็ได้
แกยังมีเพื่อนคอยช่วยอยู่ อีกอย่างการแข็งแกร่งขึ้นมันก็เป็เรื่องดี
แต่ไม่มีใครเค้าคิดจริงๆหรอกว่าจะให้แกมารับภาระปกป้องทุกคนแทนพี่แกน่ะ ”

มาริน่า กล่าวจบก็เดินกลับไปนั่งที่ โซฟา ก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อหน้าตาเฉย
ทิ้งให้ ธนัท จ้องมองเธอด้วยความงง งวย


“ เอาเป็นว่า วันนี้เราลองไปที่ Terra World ดูก่อนไหมล่ะ เพราะในลิสต์นี่มีพวก
ไข่มังกรทั้ง 6 ธาตุอยู่นี่ ถ้าเป็นพวกนี้ล่ะก็ชั้นพอจะรู้บ้างล่ะว่ามันอยู่ที่ไหน ”

ภูเขา เสนอแนะขึ้นมา พลางชี้ให้ดูในลิสต์รายชื่อนั้นมี ชื่อไพ่ที่มีคำว่า Dragon Egg
อยู่ถึง 6 รายชื่อเลยทีเดียว


“ ถ้างั้นรบกวนด้วยนะครับ ”
ธนัท กล่าวรับน้ำใจด้วยความยินดี ขณะที่ พวกเคียว เองก็จะร่วมทางไปด้วย


…………….
……………………..

Steel Bridge (สะพานเหล็กของปี พ.ศ.2700)

ณ อาคารสูงที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ อาคาร ภิรมย์พลาซ่า ภายในเป็นสำนักงาน
ย่อย ของ Phenomenon party ที่กระจายสาขาด้านการให้บริการ

ปรึกษาเกี่ยวกับ อสูรอัญเชิญ และ Note ซึ่งที่นี่มี ระบบที่เรียกว่า VR
ที่จะส่งจิตสำนึกของ ผู้ใช้บริการ ไปยังโลกเสมือนจริงที่ เรียกว่า Terra

ซึ่งเป็นที่รวมอยู่ของ อสูรอัญเชิญ มากมาย Terra นั้นที่จริงคือ โลกคู่ขนานที่อยู่ใน
มิติของพลังงานเวทมนต์ ที่ถูกดึงมาใช้ในโลกจริงผ่านอุปกรณ์ เวทยาการ ต่างๆ

ดังนั้นการส่งมนุษย์เข้าไปใน เทอร่า จริงๆจึงแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของ เทอร่า นั้น
เป็นเสมือนโลกแห่งพลังงาน จึงส่งได้เพียงจิตของมนุษย์ เข้าไปในรูปของพลังงานอย่างหนึ่ง
แทน และยังสามารถนำเอาพลังงานในโลกนั้นซึ่งก็คืออสูรอัญเชิญ ผนึกกลับมาใช้งานในโลก
จริงได้อีกด้วย





“ นี่เราจะไปเริ่มที่หนกันก่อนดีล่ะ ”
เสียงของ ธนัท ดังจากกลุ่มของพวกเค้าที่ประกอบด้วย เคียว ชุติการ โคทาโร่ ไดสุเกะ และภูเขา
ขณะที่อยู่ตรงหน้า แถวเก้าอี้เครื่องกล ที่มีหมวกสวมที่อยู่ที่ผนักพิง


“ ก่อนอื่น เราจะเริ่มจาก บริเวณหุบเขาคีรีบันดา ละกัน  ที่นั่นน่าจะมีไข่มังกรแห่งธาตุดินกับ ธาตุลม อยู่”
ภูเขา กล่าวขณะที่ นั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะนำหมวกของเก้าอี้มาสวม
ทุกคนก็ทำแบบเดียวกันก่อนที่ จะหยอดเหรียญลงไปในที่ผนักวางแขนของเก้าอี้

/กรุณา ติดตั้ง Navigation Operater Terminal Exe ของท่านด้วยค่ะ/
เสียงดังขึ้นมาจาก อุปกรณ์ของ เก้าอี้ก่อนที่ทุกคนจะถอดเอา note ของตนไปใส่ลงในช่องที่
เปิดออกตรงผนักวางแขน ซึ่งพอให้เสียบ note ลงไปได้

/การติดตั้ง note เรียบร้อยกำลังจะเข้าสู่ Break Mode ในอีก 15 วินาที/
เสียงดังตอบกลับขึ้นมาก่อนจะปรากฏตัวเลขนับถอยหลังบนหน้าจอของหมวกที่พวกเค้าสวมอยู่

/การนับถอยหลังเสร็จสิ้น เข้าสู่ Break Mode VR!!/
สิ้นเสียง จิตของ พวก ธนัท ก็ถูกย้ายผ่านเครื่องเข้าสู่โลกแห่งเครือข่ายเวทมนต์ Magic Cyber
และผ่านต่อเข้าไปยัง Terra World พวกเค้าได้มาโผล่อยู่ บนเชิงเขาที่พูนสูงขึ้นมาจาก
ผืนป่าที่กว้างใหญ่ไพศาล


“ งั้นเรามาเริ่มจาก เลาะหาตามเชิงผานี่ดูก่อนละกันน่าจะมี รังไข่ของมังกรธาตุแห่งลมอยู่บ้างล่ะ ”
ภูเขา กล่าวจบทุกคจึงแยกกันออกไปค้นหา ตามซอกผาต่างๆ

……..

กลุ่ม 1.ธนัท ภูขา

“ เอ่อ คือว่าตรงนี้มันจะมีแน่นะครับ ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัย เพราะที่ๆพวกเค้าเข้ามาหาอยู่ตอนนี้คือใน โพรงถ้ำทางเดินขนาดใหญ่
ของหุบเขา คีรีบันดา ซึ่งเป็นถ้ำหินย้อย หินงอกที่ขึ้นเต็มเพดานและพื้นไปหมด

“ แน่สิ ถ้าเป็นที่นี่ล่ะก็น่าจะมี ไข่มังกรพสุธาอยู่ แต่ที่ต้องระวังก็คืออย่าให้ตัวแม่มันมา
เจอเราเข้าล่ะม่งั้นได้เป็นอาหารมันแน่ ”
ภูเขา กล่าวขณะที่ คลานเลาะไปตามซอกหินงอกที่ ยื่นขึ้นมาจนไปเจอเข้ากับคราบมังกร
ที่ลอกทิ้งไว้ยาวไปเป็นทาง


“ ฮ่า เยี่ยมเลย มีคราบมังกรอยู่ แสดงว่าไข่คงอยู่อีกไม่ไกลจากที่นี่ เพราะแม่มังกรจะทำรัง
โดยการใช้คราบของตัวเอง ห่อหุ้มไข่เอาไว้เพื่อให้ความอบอุ่น ถ้าเราตามคราบนี่ล่ะก็ต้องเจอไข่ของมันแน่ ”
ภูเขา อธิบายอย่างลิงโลด ขณะที่ ธนัท นั้นเข้ามาสะกิดเค้าระหว่างที่กำลัง ตรวจดูคราบนั้น

“ อ…เอ่อ…ดูเหมือนเราจะไม่ได้เจอแต่ไข่หรอกนะครับ…. ”
เสียงของ ธนัท ดังสั่นๆเหมือนฟันกระทบกัน ขณะที่ ภูเขา ไม่ได้ใส่ใจยังคง
หยิบดูคราบมังกร เพื่อตรวจสอบอยู่

“ คราบนี่พึ่งลอกไปได้ไม่กี่วันเอง น่าทึ่งจริงๆ แสดงว่ามันพึ่งจะวางไข่ได้ไม่นาน
คราบยาวขนาดนี้ตัวแม่มันเป็นตัวอะไรน้า ว่าแต่เมื่อกี้พูดว่าอะไรเหรอ ”
ภูเขา กล่าวโดยไม่หันไปมองอากับกิริยาของ ธนัท ที่ตอนนี้สั่นเป็นลูกนกเลยทีเดียว

“ ผมว่ามันต้องลูกของ ไพทอน (Python, Kerebanda’s Guardian) แน่ๆเลย ”
ธนัท ตอบซึ่งเสียงก็ยังคงสั่นอยู่ โดยที่ภูเขา นั้นยังคงไม่เอะใจอะไร



“ เอ๊ะทำไมถึงบอกว่า เป็น ไพทอน ล่ะอืม แต่ที่จริงก็น่าเป็นไปได้แฮะ
 เพราะคราบยาวขนาดนี้ต้องเป็นมังกรที่ใหญ่เอามากๆ แล้วแถวนี้ก็เป็นเขตอาศัยของ
 ไพทอน ซะด้วยตีความเก่งดีเหมือนกันนี่ นายน่ะ…..อ๋า ”

ภูเขา พูดไปเรื่อยก่อนจะหันกลับมาชม ธนัท ทว่าเค้าก็ต้องชะงักไปเมื่อหากลับมา
รับเอาลมหายใจที่เหม็นหืน และร้อนผ่าวที่พัดโหมลงมาจนพวกเค้าทั้งสองแทบจะ
กลิ้งตามแรงลมนั้นไปที่เดียว

ตอนนี้ ภูขา รู้แล้วว่าที่น้ำเสียง ธนัท สั่นๆ แล้วยังสะกิดเรียกแล้วเรียกอีก
บวกกับที่เค้าเดาว่า คราบที่เจอเป็นของไพทอน นั้นเพราะอะไร


“ ทีนี้รู้แล้วใช่ไหม…..ครับทำไมผมถึง….บ…บอกว่ามันเป็นของ ไพทอน ”
ธนัท กล่าวเสียงสั่นพลางหันหน้ามาขอความเห็นจากภูเขา
 ซึ่งภูเขาก็หันตอบกลับมาก่อนจะพูดขึ้น

“ เข้าใจ ป….ไปถึงทรวง….ล…เลยล่ะ ”
ภูเขา กล่าวตะกุกตะกัก ไม่แพ้กัน ตอนนี้ มังกรไพทอน ผู้พิทักษ์แห่งหุบเขาคีรีบันดา
มาอยู่ตรงหน้าพวกเค้าแล้ว และกำลังโกรธจัดที่รังของมันถูกบุกรุก

“ โกยสิจะอยู่ทามท้ายยยยยย ”
ทั้งสองกล่าวจบ ก็วิ่งแจ้น เตลิดหนี ไพทอนที่ เดินลุยดงหินงอกหินย้อย พังตามมาเป็นแถบๆ

“ ก็าซซซซซซซซซซซซซซ ”
เสียงคำรามของมันดังกึกก้องลั่นไปทั้งถ้ำ

“ น….นี่มัน….นี่มันไม่ใช่ จูราสสิกปาร์ค นะเฟ้ย คนเขียนบท ”
ธนัท ตะโกน ไปพลางขณะที่วิ่ง หนีแบบไม่คิดชีวิต

 (อ้าวเหรอ? จะว่าไปไพทอนมัน ทีเร็กซ์ดีๆนี่เองเนาะ ขอให้โชคดีละกาน )


…………..
…………………..


กลุ่ม 2.ไดสุเกะ เคียว


“ ให้ตายสิ อะไรมันจะซวยขนาดนี้ ”
เคียว สบถขณะที่ตอนนี้ เค้ากับ ไดสุเกะ นั้นห้อยแขวนต่องแต่งอยู่บนกิ่งไม้
ที่ยื่นออกมาจากเชิงผา  ขณะที่ Note ของพวกเค้า เกี่ยวติดอยู่กับ กิ่งที่อยู่ถัดขึ้นไป

“ ก็ใครมันจะไปนึกล่ะ ว่าตรงนี้มันจะมีหลุมน่ะ ”
ไดสุเกะ เปรยขณะที่มองขึ้นไปด้านบน ซึ่งมีช่องโหว่ของ
เชิงผาอยู่ พวกเค้าตกลงมาจากช่องตรงนั้น ตอนที่ เดินมาสำรวจตรงเชิงผานี้

จากนั้น note ที่ห้อยคึอเอาไว้สายห้อยก็ดันไปเกี่ยวโดน กิ่งไม้ที่อยู่
ด้านล่าง จนหลุดจากคอของ พวกเค้า แล้วพวกเค้าก็ร่วงลงมา ห้อยอยู่ตรงกิ่งข้างล่าง
กิ่งเกี่ยว note ของพวกเค้าไว้


“ เฮ้อ แบบนี้ก็เหลือแต่รอให้ เวลาหมดหรือไม่ก็ ถูกตัวอะไรมาทำร้ายจน Hp หมดนั่นล่ะ ”
เคียว เปรยพลางถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ทว่าขณะที่ พล่ามกันอยู่นั้น
ก็มี วายเวิร์นปีกขน บินโฉบ ผ่านพวกเค้าไป

“ เวร….ลัวโมว์ส (Raumose, the Wool Wyvern) จะมีอะไรซวยไปกว่านี้อีกไหมเนี่ย ”
เคียว สบถจบ ลัวโมว์ส วายเวิร์นที่บินผ่านพวกเค้าไปก็โฉบ วกกลับมา
ตวัดปีก ตัดกิ่งไม้ที่ห้อยพวกเค้าเอาไว้



“ ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้น้าาาาา ”
สิ้นเสียงทั้งคู่ก็ร่วงลงไปด้านล่าง ฝ่าหมู่แมกไม้ในป่าลงไปตลอดทั้งทางก่อนจะหายวับไป
ในป่าด้านล่าง


…………
…………………




กลุ่ม 3.โคทาโร่ ชุติการ



“ นี่เราลงมาจากเขา แล้วเหรอเนี่ย ”
ชุติการ เปรยตอนนี้ เธอ กับ โคทาโร่ เดินลงมาจนถึงพื้นป่าแล้ว
แสงอาทิตย์ที่สาดส่องทะลุหมู่แมกไม้ลงมานั้น ส่องสว่างเป็นจุดๆ และเมื่อสายลมโบกพัด

กิ่งไม้เงาที่เกิดจากแสงก็โบกพลิ้วไหวลู่ไปตามแรงลม จนภายในป่ากว้างนั้น
ราวกับประดับประดาด้วยแสงตะวัน ที่ทอประกายระยิบระยับปทั่วผืนป่า


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #109 on: May 23, 2009, 08:44:10 PM »

“ ว้าว.. ”
ชุติการ อุทานหลังจากได้ยลโฉม ความงามของป่าที่ปรากฏแก่สายตา
สีหน้าของเธอนั้นดูยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นทันตา

“ ตอนเธอยิ้มเนี่ย ดูดีกว่าตอนหน้าบูดหน้าบึ้งเยอะเลยนะ ”
โคทาโร่ เหน็บใส่ จนชุติการ หันมาเบ้ใส่เขา

“ อ้าวๆ…อย่าหน้าบูดแบบนั้นสิ เดี๋ยวตีนกาก็ถามหาก่อนวัยหรอก ”
โคทาโร่ เหน็บใส่ต่อทันที

“ เชอะ ไม่สนนายแล้วด้วย ทำไมถึงต้องได้มาอยู่กับนายด้วยนะ ”
ชุติการ บ่นพลางเบือนหน้าหนีด้วยความหมันไส้

“ ช่วยไม่ได้นี่ ก็ เจ้า ธนัท มันจะไปกับ พี่ตาตี่(ภูเขา)คนนั้น ส่วน
ไดสุเกะ ก็ไปกับ เจ้า ผมตั้ง(เคียว)ก็เหลือแต่เธอกับชั้นแล้วนี่ ”
โคทาโร่ กล่าวย้อนไปถึงตอนที่ จะแยกย้ายกันออกค้นหา

“ ก็จริงของตานี่แหะ ก็เราดันไม่ออกปากขอไปกับใครเองนี่นา
ทั้งที่อยากจะไปกับ ธนัท แล้วทำไมฉันถึงได้ไม่กล้าพูดน้า พักนี้
พอมองหน้าหมอนั่นทีไรใจมันก็เต้นโครมครามจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกแล้วเนี่ย ”

ชุติการ คิดพลางขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด ที่ระยะหลังๆมานี้เธอ รู้สึกสับสนกับตัวเอง
อย่างบอกไม่ถูก

“ แต่ว่าแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ…. ”
เสียงของ โคทาโร่ ดังขึ้นทำให้เธอหยุดชะงักไปทันที ก่อนจะหันกลับไปมอง

“ เพราะชั้นเอง ก็อยากจะอยู่กันสองคนกับเธอมาตั้งนานแล้วล่ะ… ”
โคทาโร่ กล่าวสีหน้าจริงจัง เหมือนกับจะบอกว่านั่นเป็นสิ่งที่เค้าพูดออกมาจากใจจริงๆ มิใช่
การแหย่เล่นแบบ ทุกครั้ง

“ อ…อะไรของนายน่ะ อยู่ๆก็…. ”
ชุติการ กล่าวด้วยความงง งวย กับคำพูดของเขา


“ ก็ไม่มีอะไรหรอก…แค่จะบอกว่าชั้นเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาก็เท่านั้นเอง  ”
โคทาโร่ กล่าวเสียงเรียบ แต่ทำเอา ชุติการ หน้าแดงขึ้นด้วยความเขินทันที

“ ต…ตานี่เป็นอะไรไปกับเค้าอีกคนล่ะเนี่ย…อยู่ๆมาพูดแบบนี้มัน…..เอ๋หรือว่า!? ”
ชุติการ คิดขณที่หันหน้าหนีจาก โคทาโร่ มาอีกรอบก่อนจะ เอะใจขึ้นมา

“ หรือว่านี่…นี่….นี่…นี่เป็นคำสารภาพรัก!!!!!! ”
ชุติการ คิดอย่างร้อนรนขณะที่ แอบชายตามองไปที่ โคทาโร่ อีกครั้งเพื่อดู
กิริยาที่เค้าแสดงออก ทว่า โคทาโร่ ก็ยังคง แสดงออกสีหน้าที่จริงจัง ไม่ได้เปลี่ยน

“ เธอน่ะ..Angel ที่มีมังกรขาวอยู่ในร่างใช่ไหม ”
สิ้นคำของ โคทาโร่ ก็ทำเอาเธอ สะดุดไป

“ ท...ทำไมนายถึง.... ”
ชุติการ เปรยขณะที่หันกลับไปเผชิญหน้ากับเค้า ด้วยความสงสัยว่า
ทั้งที่ เค้าก็พึ่งจะเข้ากลุ่มมาไม่นาน ยังไม่น่าจะรู้เรื่องที่เธอเป็น Angel ได้

“ ทำไมถึงได้รู้ใช่ไหมล่ะ งั้นเดี๋ยว me จะตอบให้เอง ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ที่ บอย ได้เดินออกมาจาก หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง

“ น..นายคือ... ”
ชุติการ เปรยขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อได้เห็น บอย ที่เดินเข้ามาร่วมวงในตอนนี้

“ จะเลิกเล่นละคร แล้วหันมาทำงานจริงๆจังซักทีสินะ
ถ้างั้นเรามาเริ่มจากการเอา White Dragon ออกจาก Girl กันก่อนเลยไหม ”
บอย กล่าวจบ  note ที่ห้อยคอเค้าอยู่ก็กลายเป็น ปืนที่ใช้ ยิงดาร์ค ไปเมื่อคืนขึ้นมา

/Explosion/
สิ้นเสียง ที่กังวานขึ้นมาจาก note เสียงปังก็ดังขึ้นลั่นไปทั่วทั้งป่า

.....................
..............................



“ บลัดมูน จัดการซะ ”
สิ้นคำ บลัดมูนการูด้า ของ ภูเขา ก็ขว้างเคียวควงเข้าไปตัดปีกของมันจนขาดสะบั้นลงมา
ก่อนจะโยน Seal Scroll ไปผนึกมันไว้ทันที

“ เฮ้อ....เรียบร้อย กว่าจะจัดการได้ แทบแย่แน่ะ ”
ภูเขา เปรยขณะที่ รับเอา ไพ่ที่ผนึก ไพทอน แล้วกลับมาพวกเค้าถูกไล่ต้อนจนมาถึง
โถงถ้ำส่วนลึกของ หุบเขา ที่นี่แม้จะมีแสงส่องทะลุมาจากช่องเพดานเล็กๆด้านบน
แต่มันก็ยังทั้งมืดและอับชื้นอยู่ดี

“ อ๊ะ..มาดูนี่สิครับ รุ่นพี่ ”
ธนัท กล่าวเรียก ให้เค้าเข้าไปดูอะไรบางอย่างที่ เจอ อยู่ในซอกหินงอก

“ โอ้ นี่มันแจ๊คพอร์ตแตกเลยนะเนี่ย เหลือเชื่อ ”
ภูเขา เปรยขึ้นกับ สิ่งที่ ธนัท เจอ

...........
........................

“ เอาเข้าไป จะซวยไปถึงไหนกันเนี่ย ”
เคียว เปรย ขณะที่ตอนนี้ เค้า กับ ไดสุเกะ ก็ลงมาห้อยต่องแต่งอยู่บนต้นไม้อีกที
ซึ่งคราวนี้ด้านล่างมีฝูง เซนทอร์เรนเจอร์(Centaur Ranger) ล้อมกรอบอยู่แทน



“ เอ้อ ปลงเถอะ เราคงติดอยู่แบบนี้จนหมดเวลาแล้วล่ะ ”
สิ้นคำของ ไดสุเกะ กิ่งไม้ก็หักลงทันที

“ ไดสุเกะ วันหลังนายไม่ต้องพูดก็ได้นะ  ”
เคียว เปรย ขณะที่ พวกเค้า ร่วงลงไปกลางวง เซนทอร์ ก่อนจะโดนพวกมันรุม กระทืบ

....................
................................


“ ค....โคทาโร่ ”
ชุติการ เปรยด้วยความตกใจ ตอนนี้ แขนเสื้อของ โคทาโร่ นั้นฉีกขาดกระจุย
จากการ เข้ามารับกระสุนอัดอากาศ ที่ บอยยิงเข้ามา

“ ซากะ แกคิดจะทำอะไรของแก ”
โคทาโร่ สบถใส่ด้วยความฉุนจัด ขณะที่ บอยทำท่างงๆ กับท่าทีของ โคทาโร่

“ ทำอะไร...What? ก็เอาตัวเธอกลับไปกองบัญชาการน่ะสิ ิดว่า Girl จะยอมไปกับเราง่ายหรือ ”
บอย ตอบด้วยความสงสัย

“ ยังไงก็ตามห้ามทำร้ายเธอเด็ดขาด เรื่องทั้งหมดฉันจะรับผิดชอบเอง ”
โคทาโร่ ตะคอกขณะที่กุม ต้นแขนขวาที่ฟกช้ำจากการถูกกระสุนอัดอากาศ ของ บอย

“ นั้นเป็นคำสั่งงั้นรึ.... ”
บอย ถามเพื่อขอคำยืนยัน

“ ใช่...ฉันขอสั่งในนามของผู้คุมกฎ Paradiso da Regola Pawn แห่ง Checkmate 5   ”
โคทาโร่ กล่าวพร้อมกับ หยิบเอา ไพ่ใบหนึ่งขึ้นมาก่อนที่ อสูรอัญเชิญ ของในไพ่จะปรากฏตัวออกมา
อสูร ทูตสวรรค์สีขาว ที่มีเกราะเหล็กขนาดใหญ่ และใบมีดสีขาว ที่ลอยอยู่ล้อมรอบ
เกราะ

“ Requiem อำนาจแห่งสวรรค์ โดมินิก้า(Dominica, the Power of  Haeven)...
เข้าใจแล้ว ถ้ายืนยันถึงขนาดนั้น me ก็จะกลับไปรายงานตามที่ท่านสั่ง..  ”



บอย กล่าวจบ ร่างก็สลายหายไปอันเป็นการ ยกเลิกการส่งถ่ายจิตเข้ามายัง Terra World
เมื่อ บอย จากไปแล้ว เค้าจึงเก็บ เอา อสูรอัญเชิญ หลักแห่งสวรรค์ อันเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึง
 การเป็น 1 ใน 5 ผู้คุมกฎแห่ง Paradiso da Regola

“ น...นาย...เป็นพวก Paradiso da Regola งั้นเหรอ..... ”
ชุติการ เปรยถามด้วยความไม่อยากเชื่อว่า ตลอดมา ศัตรูนั้นอยู่ใกล้ตัวพวกเค้ามาเสมอ

“ ถ้าเธอถาม...ฉันก็จะตอบให้ฟัง....ทุกเรื่องเลย.... ”
โคทาโร่ เปรยเสียงเรียบ โดยไม่หันมามองเธอ

“ ถ้างั้นก่อนอื่น หันมามองฉันก่อน แล้วตอบฉันมา นายตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ”
ชุติการ กล่าวตอนนี้ภายในใจของ เธอนั้นสับสนไปหมดแล้วและยังคงไม่อยากจะเชื่อว่า
เค้าเป็น ศัตรู

...........
..............
....................

1 ชั่วโมงต่อมา

“ เป็นไงล่ะ ฉันเองยังทึ่งเลยนะ ที่มีมันทั้ง 6 ฟอง เก็บอยู่ในหีบน่ะ ”
ธนัท กล่าวพลางโชว์ ไพ่ Dragon Egg ทั้ง 6ใบ ที่เค้าผนึกมาได้















“ ฉันเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าจะมี ไข่มังกรทั้ง 6 ธาตุ เก็บเอาไว้ในหีบสมบัติของ
 ถ้ำลับที่อยู่ในหุบเขา คีรีบันดาน่ะ ”
ภูเขา กล่าวสำทับ ทั้งที่ยังทึ่งกับ การค้นพบ ไข่ทั้งหมดอย่างกะทันหันแบบนี้

“ นายนี่โชคดีจังนะ ”
เคียว เหน็บใส่ ก่อนที่ ธนัท จะทันสังเกตุ ว่า เคียว กับ ไดสุเกะ ทั้งสอง
คนมีอาการปวดเมื่อยตามลำตัว

“ พวกนายไปโดนอะไรมาหรือไง สภาพยังกะไปตีกับใครเขามา ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัย เพราะรอยฟกช้ำหรือรอยแผลที่ได้รับใน
โลกเทอร่า นั้น จะหายไปเมื่อกลับมายัง
โลกจริง แต่จะมีอาการเจ็บปวเล็กๆน้อยติดกลับมาบ้าง


“ ก..ก็นิดหน่อยน่ะนะ ”
ไดสุเกะ กล่าวพลางหัวเราะหน่อยๆตัดบทไป ด้าน ธนัท จากที่สนใจพวก เคียว อยู่
จึงพึ่งสังเกตว่า ชุติการ กับ โคทาดร่ นั้นดูเงียบๆไป แถมทั้งสองยังเบือนหน้าหนีกันอีก


“ นี่พวกนายเองก็โดนดีมาด้วยหรือไงล่ะนั่น ”
ธนัท ถามแต่ทั้งสองก็ไม่ตอบ กลับนิ่งเงียบไป

“ ฉันว่าพวกเค้าคงไปทะเลาะกันมาล่ะมั้ง ปล่อยพวกเค้าไปก่อนเถอะ ”
เคียว กล่าวพลางลาก ธนัท ออกจาก ทั้งสอง เมื่อเห็นตรงกันว่า ตอนนี้ยังไม่ควรเข้าไปยุ่ง
พวกเค้าจึงปล่อยให้ ชุติการ กับ โคทาโร่ อยู่กันเงียบๆตามลำพัง

................
....................
........................
เย็นวันนั้น

คฤหาสน์ของ มาริน่า

“ เจอตัวจนได้นะนายเนี่ย ชอบทำให้คนอื่นเค้าลำบากอยู่เรื่อยเลย ”
มาริน่า บ่น ขณะที่ เดินไปเปิดประตูระเบียงเพื่อให้ ภูเขา คิระ และ พี่สาวของ ธนัท กับ ชายอีกคนเดินเข้ามา

“ อยู่ๆก็เรียกมาตกใจหมด..ไม่นึกเลยว่านะว่านายจะกลับมาเองแบบนี้น่ะ ”
ภูเขา กล่าวขณะที่ มองไปที่ ชายอีกคนที่เพิ่มเข้ามาในกลุ่มนอกจาก เค้า คิระ มาริน่า และ รินพี่สาวของธนัท

“ ยังไงก็แล้วแต่อย่าพึ่งให้ ธนัทกับ คนอื่นๆรู้เรื่องที่ชั้น กลับมาตอนนี้เลยก็แล้วกัน ”
ชายผู้นั้นกล่าว ขณะที่เดินไปนั่งลงบนโซฟา ที่ตั้งอยู่บนระเบียง

“ จะเอางั้นก็ได้ ศรี ตามใจเธอ... ”
มาริน่า กล่าวขณะที่มองไป ยังชายผู้ที่เพิ่มมานั้นเขาคือ ศรี นั่นเอง

................
...............................

บ้าน ธนัท

“ แม่ครับ เห็น คอรัส ไหมผมจำไม่ได้แล้วว่าวางไว้ตรงไหน ”
 ธนัท กล่าวขณะที่ ยกจานกับข้าวไปเก็นในอ่าง ของครัว

“ ก็ลูกวางทิ้งไว้บนห้องเองไม่ใช่เหรอ ”
เสียงแม่ของ เค้าดังตอบกลับมาก่อน เค้าจะรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นบน แล้วเดินไปเปิดประตูห้อง

/idiot, you drop me again/(เจ้างั่ง นายทิ้งชั้นไว้อีกแล้วนะ)
เสียงของ คอรัส note ที่เค้าวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ส่งเสียงดังขึ้นขณะที่ ธนัท รีบเข้าไปเก็บมันขึ้นมา

“ โทษทีๆ ว่าแต่....หมอนั่นกลับมารึยังนะ ”
ธนัท กล่าวก่อนเปรยเสียงแผ่ว แล้วเดินตรงเข้าไปที่ประตูตู้
เพื่อเปิดประตูที่จะเชื่อไปห้องของ โคทาโร่ ท่วา ข้างในแทนทีที่จะเชื่อมไปยังห้องของ โคทาโร่
มันกลับกลายเป็น ตู้เสื้อผ้าธรรมดาๆที่ แขวนเสื้อและเก็บของๆเค้าเอาไว้เหมือนตอนก่อนที่
โคทาโร่ จะย้ายเข้ามาอยู่ ห้องของ โคทาโร่ หายไปแล้ว

“ นี่...หมอนั่น ....คอรัส นายเห็นไหมว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องฉันตอนลงไปกินข้าว ”
ธนัท หันมาถามเอาคำตอบกับ note ของเค้า

/puppy move out /(เจ้าลูกหมาย้ายออกไปแล้ว)
คอรัส ตอบ คำตอบของมันกลับทำให้ ธนัท ใจเสียไปไม่น้อย
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป ธนัท โยน คอรัส ทิ้งลงไปบนเตียง
ก่อนจะแจ้นออกจากห้องไป และวิ่งออกจากบ้านไปตามหา โคทาโร่

“ อย่าวิ่ง ในบ้านสิลูก ”
แม่ของ ธนัท ส่งเสียงออกมาตักเตือนลูก ก่อนจะเดินออกมาจากครัว
ก่อนจะมาหยุดเอาที่โต๊ะกินข้าวที่ ธนัท ผละออกมาเก็บจานตอนแรก
เธอได้ไปสะดุดตาเข้ากับ ใบรายชื่อสำรับในตำนานที่ ธนัท วางทิ้งไว้บนโต๊ะ

“ นี่มัน..... ”
แม่ ธนัท เปรยก่อนที่เธอจะ เดินขึ้นไปยังชั้นบน

......................

“ โคทาโร่ โคทาโร่ เฮ้ โคทาโร่ นายอยู่ไหน ”
เสียงตะโกนเรียกหาของ ธนัท ที่ดังก้องไปทั่วท้องถนนที่เริ่ม จะมืดลงทุกขณะ
กลับได้คำตอบเป็นเพียงความเงียบยามค่ำคืนแทน ไม่มีการตอบกลับใดๆจาก โคทาโร่ อีกเลย
.................
.......................

โปรดติดตามตอนต่อไป


“ งานวันวัฒนธรรม? ”
“ ใช่แล้ว ปีนี้เราจะแสดงเรื่อง พระอภัยมณี Vs. โฉมงามเจ้าชายอสูร  ”

“ ฉันคือ ศัตรูของ นาย.... Pawn แห่ง Checkmate 5 ”

เรื่องราวที่กำลังจะดำเนินไปสู่บทสรุป ความจริงที่กำลังจะเปิดเผย Next Sub-turn 13 Separate Way
ทางแยกที่เดินสวนกัน นั่นคือสิ่งที่นายเลือกงั้นสินะ

ก้าวไปบนวิถีแห่งสวรรค์เพื่อปกครองทุกสิ่ง
และ
จงทำลายทุกสิ่งแล้วเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน




เอาล่ะเริ่มไคล์แมกซ์กันแล้วนะครับตอนนี้ นี่คงเป็นสัญญาณ ที่จะบอกว่าใกล้ตอนอวสาน
เข้าไปทุกขณะ เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อหนอ โคทาโร่ ที่บอกความจริงกับ ชุติการไปแล้ว แถมยังกหายตัวไปอีก
แล้ว การกลับมาของศรีนั้นมีเป้าหมายอะไร ในที่สุด หน้าสุดท้ายของ การดวลในภาค VR!!
นี้ก็กำลังจะเผยโฉมขึ้นมาในไม่ช้า ต้องรอดูกันต่อไป เน้อ




Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #110 on: May 23, 2009, 08:49:40 PM »

Legend Thaliwilya of the Arimathe  Special Turn  Bath, Jack Panic(คดียึดโรงอาบน้ำ)

แนะนำตัวละครในตอนนี้

เรกกะ  ผู้มีพลังของ ทาลิวิลย่าแห่งอาริมาเทียทั้ง 6 อยู่ที่ศิลามังกรซึ่งฝังอยู่ในตาซ้ายของเค้า





เฟนท์ เพื่อนของ เรกกะ ซึ่งเป็นชนเผ่าครึ่งสมิง(ครึ่งคนครึ่งสมิง)สายพันธุ์หมาป่า



ไรด์ เพื่อนของ เรกกะ และ เฟนท์ เป็นชนเผ่าครึ่งสมิงสายพัน์พังพอน บ้าฟิคเกอร์นินจาเป็นพิเศษ



เซน่า พี่สาวของ เรกกะ เป็นคนอารมณ์ดี และใจเย็นจนออกจะไปในทางทองไม่รู้ร้อนซํกเท่าไหร่



ไอ แฟนของ เฟนท์ แต่ที่จริงแอบชอบเค้าอยู่ข้างเดียว เพราะตัว เฟนท์ ยังบื้อไม่รู้เรื่องว่า ไอ แอบชอบอยู่



โจรหมายเลข 1 โจรดวงซวยที่ถูกจับมาลงตอนพิเศษนี้



โจรหมายเลข 2 ฝโจรดวงซวยคนที่ 2 เหตุผลเหมือนข้างบน



ทาลิคนัส ทาลิวิลย่า แห่งไฟ ผู้มีความเกรียนเป็นวิถีชีวิต ประโยคติดปาก โอเระ ทันโจว มันแปลว่าพระเอกมาแล้ว



ทาลิควอส ทาลิวิลย่า แห่งน้ำ ผู้ปากจัดสุดๆ คำพูดติดปากคือ เบิกโรงนางเอก Show off



ทาไนซ ทาลิวิลย่า แห่งความมืด ผู้มีนิสัยเป็นเด็กเอาแต่ใจ ไม่พอใจไรเขี่ยทิ้งหมด คำพูดติดปากคือ
   ชะตานายขาดซะแล้วจะจ่ายหรือเปล่า ยังไงก็จัดการอยู่ดี ได้สินะ ไม่ขอคำตอบล่ะ



ทาโซรอส ทาลิวิลย่า แห่งดิน ผู้ขี้เซา ได้ยินคำว่าร้องไห้ไม่ได้ ต้องลุกขึ้นมาของขึ้นซะงั้น คำพูดติดปาก
ได้ร้องไห้แน่ ความแข็งแกร่งของ แม้แต่เด็กยังต้องร้องไห้



ตอนนี้มีตัวละครสำคัญแค่นี้ เริ่มเลยแล้วกัน


ฉากที่1 ร้านขายผัก บาร์ซิงเซย์

คนขายผัก: อ๊ะ คุณลูกค้าลืมเงินทอนแน่ะ

เรกกะ: อ๊ะจริงด้วย ขอโทษนะครับ

ขณะที่หันไปรับเงินทอน โจรคนหนึ่งวิ่งมา ขโมยจักรยานของ เรกกะ ไป

เรกกะ : อ๊ะ อ๊า!! ขโมยๆๆ!! เอาจักรยานผมคืนมาน้าา

โครม!!!( โจรก็ขับไปชนลังสินค้า)

เรกกะ: หยุดน้าาาา!!

เคร้ง!!! (โจรขับไปรถเข็นต่ออีกที)

เรกกะ หยุดน้าาาาา!!!

ตูม (คราวนี้โจรขับไปชน เสาไฟ หน้าโรงอาบน้ำ)

เรกกะ: เฮ้อๆๆแฮ่กๆๆ จักรยาน ....จักรยาน....จักรยาน....(เสียงหอบแบบสุดๆ)

โจร1 : อะไรมันจะซวยขนาดนี้ อูยยยย......

หวอๆๆๆๆ (เสียงไซเรนตำรวจ ความซวยไม่เข้าใครออกใครจริงๆแหะ)

โจร1 :ห๊ะ ตำรวจเรอะ น..นี่แกมานี่เข้ามานี่เลย...

เรกกะ: หวาจะๆ ทำอะไรน่ะเหวอ!!

โดนโจรลากเข้าโรงอาบน้ำไปเสร็จสรรพ

ฉากที่ 2โรงอาบน้ำ

เฟนท์: อ้าวเรกกะ นายมาอาบน้ำเหมือนกันเหรอ

ไรด์: เล่นอะไรกันอยู่น่ะ

ครืดดดด(เสียงปิดประตูเลื่อน)

โจร1: ย...ย..หยุดนะ....หยุดนะ..หยุดเดี๋ยวนี้...น...นี่...นี่คือ...การปล้น..เอ็ยไม่ใช่...นี่..นี่..นี่คือการอ..เอ่อ...เอ่อ

เรกกะ : จับตัวประกันใช่ไหมครับ?~

โจร1 : อ..เออ...ใช่..ใช่ๆ นั่นล่ะ..นี่คือการปล้นตัวประกัน..เอ้ย จับตัวประกัน

(พูดเสร็จไม่พอชักปืนขึ้นมาอีก)

เฟนท์ เย้ยยยย!!! ปืน!!

ไรด์: แว้กกก นี่ ชั้นกลายเป็นตัวประกันแล้วเหรอเนี่ยยยยย!!!~


เรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อ รอดูกันต่อไปกับตอนแถมคราวหน้า
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #111 on: May 24, 2009, 10:37:23 AM »

    แนวจบแบบรันทดสะกิดบึงก้นของหัวใจมาอีกแล้ว   

ตอนหน้าจะจบแล้วรึเนี่ย 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

+- -  เฟนท์กับไรด์เป็นวัลคีเรียนี่   อัดโจรไปเลยดีมั้ย?
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #112 on: May 24, 2009, 04:49:36 PM »

มีแววเรื่องนี้จะจบไม่สวยอีกเรื่องไหมนี่ จะมีใครตายไหมหนอ ภาคทาลิ นี่แต่ภาค ตายกันเป็นว่าเล่น
เสียว โคทาคุง ตายจริงๆเยยอ่า 

ตอนพิเศษกลับมารั่วอีกแล้ว จะรอดูต่อไนะคะ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #113 on: May 24, 2009, 07:17:38 PM »

Sub-turn 13 Separate Way



“ ทำไม…ทำไมนายถึงได้ไปดดยไม่บอกฉันล่ะ โคทาโร่ ”
ธนัท คิดขณะที่สาวเท้าวิ่งไปตามถนน ที่เงียบสงัดในยามวิกาลนี้
แต่ไม่ว่าเค้าจะวิ่งไปไกลซักเพียงไหนหรือ นานซักเท่าไหร่ ก็ไม่มีวี่แววของ โคทาโร่
ปรากฏอยู่เลย

“ แฮ่ก…แฮ่ก…แฮ่ก.. ”
ธนัท หอบอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะนั่งลงกับม้านั่งเหล็ก ในสวนสาธารณะ
ที่เค้าวิ่งมาจนถึงนี่

“ หายไปไหนของนายกันนะ…จริงสิ.. ”
ธนัท คิดขณะที่หอบไปพลางก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบลุกขึ้นวิ่งกลับไปยังบ้าน

………….
…………………..

“ คอรัส ติดต่อไปที่ มาราคัส ที ”
ธนัท กล่าวพลางเขย่า note ของเค้าไปด้วย

/I don’t calling, me don’t know member number/(ฉันทำไม่ได้,ฉันไม่รู้
 member number ของเค้า)

มาราคัส ปฏิเสธที่ จะติดต่อเพราะ ไม่รู้หมายเลขที่จะติดต่อไปยัง มาราคัส note ของโคทาโร่

“ บ้าเอ๊ย…หมอนั่นยังไม่เคยให้เบอร์ติดต่อใครไว้เลยนี่นา ”
ธนัท สบถพลางขว้าง คอรัสลงไปบนเตียงด้วยความหงุดหงิด

/Why is worried/ (จะกังวลไปทำไม)
เสียงของ คอรัส ดังขึ้นถามด้วยคความสงสัย

“ ก็….จะว่าไปทำมฉันถึงต้องมากังวลด้วยล่ะเนี่ย ”
ธนัท ตะคอกก่อนจะหยุดแล้วเปลี่ยนเป็น เปรยออกมาด้วยความสงสัยแทน

“ ที่จริง ฉันน่าจะดีใจนี่นา ที่หมอนั่นย้ายออกไปแล้ว แต่ทำไมกันนะ….
พอเห็นท่าทีของหมอนั่นวันนี้แล้วมันถึงได้รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมานะ ”
ธนัท คิดก่อนจะเดินออกจากห้อง แล้วเดินตามทางลงบันได ไปชั้นล่าง

“ จริงสิ เมื่อกี้เราทิ้งลิสต์สำรับกับไพ่ไข่มังกรเอาไว้บนโต๊ะนี่ ”
ธนัท นึกขึ้นมาได้จึงเดินเข้าไปที่ครัว แต่เค้ากลับต้องประหลาดใจเมื่อ
สิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่นั้นแล้ว หากแต่มีกองสำรับ
ที่เค้าไม่เคยเห็นมาตั้งทับรายชื่อเอาไว้

“ น..นี่มัน ”
ธนัท อุทานขณะที่เข้าไปหยิบสำรับขึ้นมาดู ซึ่งไพ่ที่อยู่ในสำรับนั้น พอรวมกับไพ่ที่เค้ามาวันนี้
มันก็ครบตามรายชื่อทั้งหมด สำรับที่สมบรูณ์แล้วได้ถูกนำมาวางเอาไว้ โดยที่เค้าไม่รู้
ว่าใครเป็นคนทำ

“ ใครกัน…ที่เอาของแบบนี้มาทิ้งไว้ แม่เหรอ… ”
ธนัท คิดก่อนจะออกเดินตามหาแม่ของเค้า แต่ก็ต้องชะงักไปก่อนจะออกจากครัว
เมื่อไปเห็นกระดาษที่แม่ของเค้าเขียนแปะแม่เหล็กไว้กับฝาตู้เย็น

“ แม่ต้องไปเข้าเวรที่โรงพยาบาลกะทันหัน อีกสี่วันจะกลับ จากแม่ ”
ธนัท อ่านข้อความที่เขียนอยู่บนกระดาษ จบเค้าก็ รีบขึ้นไปข้างบนห้องทันที
โดยที่ หยิบเอา สำรับติดมือไปด้วย

……………..

“ ติดต่อไม่ได้เลยเหรอ คอรัส ”
ธนัท กล่าวขณะที่รอให้ คอรัส ซึ่งกำลังต่อสายไปหาแม่ของเค้า

/Yeah, no sona/(อืม ไม่มีสัญญาณเลย)
คอรัส ตอบทำเอาเค้า คอตกด้วยความผิดหวังก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ

“ แม่ชอบปิด note เวลาทำงานซะด้วยเฮ้อ…งั้นก็ต้องรอ ถึงสี่วันเลยน่ะสิ กว่าจะได้ถาม ”
ธนัท เปรยพลางทิ้งตัวลงนอนกับเตียง

“ พรุ่งนี้นายจะมารึเปล่านะ โคทาโร่….จริงสิ บางที ชุติ อาจจะพอรู้ก็ได้ ”
ธนัท คิดก่อนจะลุกขึ้นมาหยิบเอา คอรัส มาใช้อีกครั้ง

/again!!/(อีกแล้วเรอะ)
คอรัส บ่นอย่างไม่พอใจที่มันถูกใช้ทิ้งๆขว้างๆมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

“ เงียบไปเลย ต่อสาย กอสเปล(gospel) ของชุติ ให้ที ”
ธนัท สั่งก่อนที่ คอรัส จะต่อสายให้ด้วยความไม่เต็มใจ
แต่ไม่ว่าจะโทรไปเท่าไหร่ ชุติการ ก็ไม่รับสายเลย
เค้าจึงทิ้ง คอรัส ไปก่อนจะออกจากห้องไปอีกครั้ง

……………….
……………………….

วันต่อมา

โรงเรียนมนต์วิทยา


“ สุดท้ายเมื่อคืนยัย ชุติ ก็ไม่รับสายไปหาที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่อีก
 แล้ววันนี้ก็ยังหยุดเรียนไม่มาด้วย เจ้าโคทาโร่ ก็อีก ”
ธนัท คิดพลางตีหน้าเซ็ง ขณะที่มองไปยังโต๊ะของ ชุติการที่ว่างอยู่และที่นั่งข้างๆของเค้า
ที่ทุกครั้งจะมี โคทาโร่ นั่งอยู่ด้วยแต่วันนี้กลับว่างเปล่า


“ นี่ ธนัท วันนี้ โคทาโร่ ไม่มาเหรอ ”
เพื่อนนักเรียนร่วมชั้นหญิง เดินเข้ามาถามเค้า

“ อืม ไม่โผล่หัวมาตั้งกะเช้าแล้วล่ะ ”
ธนัท ตอบขณะที่ เพื่อนักเรียนที่เข้ามาถาม ตีหน้าหงออย่างเสียดาย

“ แย่ล่ะสิ ว่าจะให้เค้าแสดงเป็นเจ้าชายอสูรซะหน่อย แบบนี้แสดงงานวันวัฒนธรรมไม่ทันแน่เลย ”
เพื่อนนักเรียนที่เข้ามาถาม เปรยด้วยความเสียดาย


“ งานวันวัฒนธรรม? ”
ธนัท เปรยด้วยความสงสัย

“ อ้าวนี่ ธนัท จำไม่ได้เร้อ ที่ อาจารย์บอกในคาบ โฮมรูม เมื่อวานหนา ”
แอน เข้ามาร่วมวงสนทนา ด้วยอีกคน เมื่อเห็น ธนัท ทำท่าเหมือนจะจำไม่ได้ว่า
โรงเรียนกำลังจะจัดงานวันวัฒนธรรม


“ ใช่แล้ว ปีนี้เราจะแสดงเรื่อง พระอภัยมณี Vs. โฉมงามเจ้าชายอสูร  ”
เพื่อนนักเรียนหญิง กล่าวด้วยสีหน้าระรื่น ก่อนจะถูกขัดจังหวะโดยหัวหน้าห้อง ที่เข้ามา
ร่วมวงด้วยอีกคน

“ ผิดแล้วค่ะ คุณ ชุสา เรื่องที่เราจะแสดงน่ะ มันเรื่อง moon melody ต่างหาก ”
หัวหน้าห้อง กล่าวแก้ให้ กับ เพื่อนนักเรียนที่ชื่อ ชุสา ซึ่งเข้าใจผิดในเรื่องที่จะนำมาแสดง

“ อ๋า ว้ายจริงด้วย แหะๆลืมซะสนิทเลย ”
ชุสา กล่าวพลางหัวแหะๆแก้เขินไปพลาง

“ แล้วนี่ งานชุดยังไม่เสร็จอีกเหรอคะ งานจะเริ่มพรุ่งนี้อยู่แล้วนะคะ ”
หัวหน้าห้องบ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่มาจากความวุ่นวายในการเตรียมงาน
ที่เธอต้องรับผิดชอบ

“ คือว่า โคทาโร่ ที่จะแสดงเป็น เรวิลส์ เค้าไม่มาน่ะสิ ฉันก็เลยไม่รู้จะวัดตัวเค้ายังไงดี ”
ชุสา กล่าวพลางยกเอาสายวัดขึ้นมาให้ดู

“ เออนี่ เรื่อง moon melody น่ะมันเป็นยังไงเหรอ ”
ธนัท ถามขึ้นด้วยความสนใจ

“ อ้าวนี่ ธนัท ไม่รู้จักเรื่องนี้หรอกเหรอ ”
ชุสา ถามด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่ ธนัท จะผงกหัวตอบว่าใช่

“ เรื่องโดยคร่าวๆนะ เจ้าหญิง ของอาณาจักรแห่งหนึ่งเธอชื่อ เรมี่ เธอมีเพื่อนที่สนิทกันมากตั้งแต่เด็ก อยู่สองคน คนหนึ่งคือ เกรค เป็น เจ้าชายของอาณาจักรข้างๆ ส่วนอีกคนเป็น เจ้าชายอสูรของ ป่าปีศาจ ชื่อ เรวิลส์   ”
เสียงของ เคียว ดังขึ้น พร้อมกับ เค้าที่เข้ามาร่วมวงสนทนาอีกคน

“ เฮ้อมีเจ้าชาย เจ้าหญิง แล้วก็ อสูร เอาเข้าไปนี่มันเทพนิยายนี่น่าเบื่อ ออก ”
ธนัท เปรยอย่างเซ็งๆ เมื่อได้ยินเรื่องที่เล่า

“ เรื่องต่อจากนั้นต่างหากล่ะคือจุดที่สำคัญ เพราะ เรมี่ นั้นรัก เกรค และ
อาณาจักรทั้งสองของพวกเค้า ก็หมายหมั้นจะให้ ทั้งสองแต่งงานด้วยกัน ทว่าด้าน

ป่าปีศาจของ เรวิลส์ นั้น กำลังเกิดความขัดแย้งกันขึ้น มีเพียงเรมี่ ที่เป็นเจ้าหญิงแห่ง
อาณาจักรข้างเคียงเท่านั้นที่จะสามารถ ขับกล่อมบทเพลงแห่งจันทรา เพื่อที่จะสยบ
ความคลุ้มคลั่งของเหล่าอสูรได้ แน่ล่ะ เรวิลส์ รู้อยู่แล้ว ว่า เกรค และ เรมี่ กำลังจะแต่งงาน

กันในเร็วๆนี้แต่หากไม่พาเธอมา ชนเผ่าของเค้าก็จะต้องล่มสลายแน่ ไม่มีเวลาเข้าปอธิบายให้กับ
 ทั้ง เกรค และ เรมี่ ที่สุดแล้ว เรวิลส์ ตัดสินใจลักพาตัวเธอ ออกมาและอธิบายเหตุผลให้เธอฟัง

 เรมี่ เข้าใจและยอมที่จะช่วยเหลือ ด้าน เกรค นั้นพอรู้ว่า เรวิลส์ มาลักพาตัวเธอไป ตอนแรกก็ยัง
ไม่ได้ปักใจเชื่อว่า เพื่อนของเค้าจะเป็นคนทำ แต่จากการยุยงและข่าวลือต่างๆนานา ทำให้ เกรค
เชื่อสนิทว่าเพื่อนของเค้าเป็น ศัตรูในเวลาต่อมา ”

เคียว เล่ามาเรื่อยๆจนมาถึงตรงนี้ ก็ถูกแทรกขึ้นมาโดย เสียงตะโกนของเหล่าเพื่อร่วมชั้น
ก่อนที่จะหันไปมองต้นเหตุของเสียง นั้นคือ ชุติการ กับ โคทาโร่ นั้นเดินเข้ามาด้วยกันแล้ว

“ นึกว่า พวกเธอจะไม่มาแล้วซะอีกนะ ”
ชุสา กล่าวขณะที่เดินเข้าไปหาทั้งสอง ที่พึ่งมาเอา ป่านนี้

“ โทษทีๆ พอดี ตื่นสายไปหน่อยน่ะ ”
ทั้งสอง ต่างก็แก้ตัวเหมือนกัน ขณะที่ ธนัท นั้นรีบลุกพรวดพราดจะเข้าไปถาม
เรื่องที่ค้างคาใจนั้น ชุสา กลับ ล็อคเอาตัว โคทาโร่ ไปซะก่อน

“ เอาล่ะไหนๆก็มาแล้ว งั้นเราไปวัดตัวตัดชุดให้เธอก่อนเลยก็แล้วกันนะจ้ะ ”
ชุสา กล่าว พลางลากขื่อลากสอย โคทาโร่ ออกไปจากกลุ่ม และพอ ธนัท จะหันไปถาม
ชุติการ ว่ารู้เรื่องเกี่ยวกับ โคทาโร่ บ้างไหมนั้น ชุติการ ก็โดนเพื่อนๆอีกกลุ่มเข้ามาล็อคตัวออกไปอีก

“ นี่ ชุติ เธอเองก็ต้องมาซ้อม บทนางเอกแล้วนะ ”
เพื่อนที่ เข้ามาล็อคตัวเธอ บอกเหตุผลพร้อมกับ ลากเธอ ออกไปทำให้ ธนัท
ไม่มีแม้แต่เวลาจะถามอะไรพวกเค้าด้วยซ้ำ

“ ถ้างั้น ฉันเองก็ไปซ้อมมั่งดีกว่า ธนัท นายเองก็อย่าอู้ซ้อมล่ะ ”
เคียว กล่าวก่อนจะออกก้าวเท้าเดินไป ทว่า ธนัท ก็เรียกเค้าไว้ซะก่อน

“ เดี๋ยวนะ เคียว ซ้อมของฉันเหรอ ซ้อมอะไรล่ะ ”
ธนัท ถามด้วยความฉงน ขณะที่ เคียวพอได้ยินคำถามของเค้าแล้วถึงกับหันมา
เกาหัวด้วยความแปลกใจ

“ นี่นายลืมปแล้วเหรอว่านายรับ บทเล่นเป็น เกรค น่ะ ”
เคียว กล่าวตอบ ขณะที่ ธนัท นั้นพอฟังคำตอบของ เค้าแล้วก็ถึงกับเอ๋อไปชั่วขณะ

“ ฉ…ฉันเป็น เกรค เหรอ ”
ธนัท ถามพลางชี้เข้าหาตัวเอง ซึ่งเคียว ก็พยักหน้าตอบ

“ ก็เมื่อวานตอนลงเสียง นายเล่นเป็น เกรค ชุติการ เล่นเป็น เรมี่ ส่วนโคทาโร่
เป็น เรวิลส์ ไงนายจำไม่ได้แล้วเหรอ ”
เคียว ถามกลับซึ่ง ธนัท เองก็จำแบไม่ได้ว่า เรื่องเมื่อวานเกิดอะไรึ้นบ้างนอกจากไปเก็บไพ่ที่ เทอร่า
เป็นเพราะตัวเค้ามัวแต่กลุ้มเรื่องของ โคทาโร่ และ ชุติการ จนทำให้ลืมเรื่องอื่นๆไปหมด

“ เออนี่ ว่าแต่จากนั้เรื่องเป็นไงต่อเหรอ ”
ธนัท ตัดใจเรื่องที่จะถาม โคทาโร่ และ ชุติการ ไปก่อนเพราะตอนนี้เค้ามีหน้าที่ที่ต้องทำ
ดังนั้นจึงขอให้ เคียวเล่า บทละครต่อให้ฟัง

“ ต่อจากนั้นน่ะเหรอ ก็ เกรค ได้เดินทางเข้าไปในป่าปีศาจ และฝ่าฟันบุกเข้าไปจนพบกับ เรวิลส์
แม้ตัว เรวิลส์ จะพยายามอธิบาย แต่เป็นเพราะ เกรคปักใจเชื่อว่า เรวิลส์ จับตัวเรมี่ มาจริงๆ ดัง

นั้นเค้าจึงไม่ฟังเหตุผลของ เรวิลส์ และเข้าต่อสู้ จนฆ่า เรวิลส์ ตายในที่สุด และเมื่อ เรมี่ เข้ามาเห็น
เธอจึงได้ อธิบายเหตุผลทั้งหมดที่ เรวิลส์ ทำลงไป เมื่อ เกรค เข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงของ เรวิลส์

เค้าก็รู้สึกผิดที่ฆ่า เรวิลส์ ไปจึงตัดสินใจตายเพื่อชดใช้ชีวิต เพื่อนของตน ส่วน เรมี่ ก็ต้องคอยขับร้อง
บทเพลงแห่งจันทราอยู่ในป่าแห่งปีศาจตลอดไป เพราะไม่มีเรวิลส์ ที่จะมาจัดการความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
ได้และ ไม่มี เกรค ที่จะช่วยเธอ ออกไปและหากเธอหยุดร้องพวกปีศาจก็จะคลุ้มคลั่งและออกปทำร้ายผู้คนได้ ”

เคียว เล่าจนจบ ซึ่ง ธนัท ที่ฟังอย่างตั้งใจก็รู้สึกสังหรณ์แปลกๆขึ้นมา

“ ถ้านายไม่มีอะไรแล้วฉันไปก่อนนะนายเองก็ขยันท่องบทเข้าล่ะ ”
เคียว กล่าวก่อนจะผละออกไป

“ ในตอนนั้น ฉันเองรู้สึกได้ถึงบางอย่าง…..บางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
….บทละครนี่มีอะไรบางอย่างที่สะกิดใจฉันอยู่ แต่มันคืออะไรล่ะ ”
ธนัท คิดถึงสังหรณ์แปลกๆที่เค้าเริ่มรู้สึกตั้งแต่ได้ยินเรื่อง moon melody(ทำนองแห่งจันทรา)
ความสงบสุขที่มีอยู่ตอนนี้ ราวกับเป็นลางอกเหตุก่อนที่พายุจะโหมเข้ามา

…………………….
…………………………..
 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #114 on: May 24, 2009, 07:18:14 PM »

โรงเรียนมนต์วิทยา  ชมรม SMN เวลา 17.00 น.


“ เฮ้อซ้อมเสร็จ ว่าจะมาถามสองคนนั่นซะหน่อยก็ดัน กลับกันไปก่อนซะอีกล่ะ
 วันนี้ไม่มีใครมาชมรมเลยรึไงนะ ”
ธนัท บ่นขณะที่เปิดประตูห้องชมรมเข้าไป แต่ข้างในก็ไม่มีใครอยู่เลย

“ สงสัยจะกลับกันไปหมดแล้วมั้ง ”
ธนัท เปรยพลางถอนหายใจอย่างหมดอารมณ์ แต่ก่อนเค้าจะปิดประตู้ห้องนั้น
ก็มีมือหนึ่งเข้ามาดึงประตูเอาไว้ก่อน

“ นี่ พอจะมีเวลาไหม ”
โคทาโร่ กล่าวพลางเปิดประตูออกกว้าง เพื่อจะได้มองเค้าให้ชัดๆ

“ อ…นี่นายมาก็ดีแล้ว ทำไมนายถึงย้ายออกจากห้องโดยไม่บอกฉันเลยล่ะแล้ว
เมื่อวานนายไปไหนมา ”
ธนัท ยิงคำถามใส่เป็นชุดทันทีที่เจอตัวเค้า ทว่า โคทาโร่ กลับไม่ตอบแต่หยิบเอาสำรับขึ้นมา

“ เรื่องนั้นฉันจะตอบให้ฟังวันพรุ่งนี้แต่ว่าวันนี้นายช่วย ดวลกับฉันหน่อยได้ไหมฉันอยาก
จะลองเล่นกับนายดูสักครั้ง ”
โคทาโร่ กล่าวสีหน้าของเค้านั้นจริงจังยิ่งกว่าทุกครั้ง และดูเซื่องซึมผิดปกติ นั่นจึงทำให้ ธนัท
ยอมที่จะไม่ถามอะไรจนกว่าเค้าพร้อมที่จะบอกเอง

“ งั้นก็เข้ามาสิ….นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้เล่นกับนายแบบนี้น่ะ ”
ธนัท กล่าวขณะที่ เดินไปที่โต๊ะในห้องชมรม โดยมี โคทาโร่ เดินตามมาติดๆ

“ อืม…ตั้งแต่คบกันมาเรายังไม่เคยเล่นด้วยกันแบนี้เลยนี่นะ คงเพราะมีแต่เรื่องเกิดขึ้น
เต็มไปหมดเลยล่ะมั้ง ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่วางสำรับของตัวเองลงบนโต๊ะ ส่วน ธนัท เองก็หยิบเอา
สำรับเก่าราชันย์มังกรอัคคี ของเค้าขึ้นมา

“ ยังไงซะ สำรับใหม่นี่เราคงยังไม่ต้องรีบใช้เอาตอนนี้หรอกมั้ง ”
ธนัท คิดขณะที่เอาสำรับวางลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะเริ่มเล่น
เวลาได้ล่วงเลยผ่านไป อย่างรวดเร็ว ดดยที่พวกเค้าไม่รู้ตัว ช่วงเวลา
ที่ได้เล่นสนุกกำลังจะหมดลงในไม่ช้านี้

……………..

“ เผลอแปปเดียวค่ำซะแล้วเหรอเนี่ย ยังเล่นไม่จบเลยแท้ๆ ”
ธนัท บ่นขณะที่ ปิดประตูห้องชมรมเพื่อที่จะกลับโดยที่ยังแข่งกันไม่รู้ผลแพ้ชนะ

“ แต่ว่าถ้ากลับบ้านดึกมันจะไม่ดีมั้ง พรุ่งนี้พวกเราต้องขึ้นแสดงนะ
ขืนไม่รีบกลับไปท่องบทล่ะก็ไม่ทันแน่ ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่ ธนัท ล็อค ประตูเสร็จแล้ว

“ เออนี่ทำไมวันนี้จู่ๆนายถึงได้อยากเล่นขึ้นมาล่ะ ”
ธนัท หันไปถามด้วยความสงสัย

“ ก…ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากจะลองเล่นกับนายดูบ้างน่ะเพราะตั้งแต่
เราเป็นเพื่อนกันมาก็ยังไม่เคยได้ลองประมือกัน ฉัน ก็เลย…. ”
โคทาโร่ กล่าวพลางเบือนหน้าหนี ธนัท ก็ได้แต่ฉงนกับ ทีท่าของเค้า

“ ว่าไป ตอนเจอกันครั้งแรกฉันเองก็เกลียดนายอยู่หรอกที่มาทำร้ายฉันแบบนั้นน่ะ
แต่พอมาตอนนี้ก็แปลกดีเนอะพอไม่มีนายอยู่ด้วยแล้ว มันทำให้รู้สึกอ้างว้างยังไงขึ้นมา
ไม่รู้สิ ”

ธนัท กล่าวคำพูดของ เค้าทำให้ โคทาโร่ หันมามองด้วยสายตาประหลาดใจ

“ นี่ก็เกือบเดือนแล้วนะ ตั้งแต่ที่นายมาเรียนที่นี่น่ะ ”
ธนัท กล่าวต่อโดยไม่ได้สนใจทีท่าของ โคทาโร่ แม้แต่น้อย

“ อ..อืมนั่นสิ…เวลาเนี่ยมันผ่านไปเร็วเหมือนกันนะว่าไหม ”
โคทาโร่ กล่าวพลางตีสีหน้าเรียบ

“ นั่นสิ แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นี่เนอะ….
เพราะงั้นวันนี้นายจะกลับไปที่ห้องของฉันไหมล่ะพอไม่มีนายแล้วมันเหงาๆขึ้นมาน่ะ ”
ธนัท กล่าวพลางหันไปยิ้มส่งให้ ทำเอา โคทาโร่ รู้สึกเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ พูดบ้าอะไรของนายเนี่ย ฉันเขินนะเว้ย ”
โคทาโร่ ตะคอกแก้เขินไป ขณะที่ ธนัท อดที่จะหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าที่แดง
ของ โคทาโร่

“ แต่ว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะที่เราจะได้เล่นกันแบบนี้น่ะ…. ”
โคทาโร่ เปรยเสียงแผ่วขณะที่ ธนัท ได้ยินก็มีสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที

“ ทำไมล่ะ ถ้านายอยากจะเล่นอีกเมื่อไหร่ก็บอกฉันได้นี่ ก็พวกเราน่ะเป็นเพื่อนกันนี่นา ”
ธนัท กล่าวอย่างรนราน เมื่อได้ยินคำพูดที่ราวกับจะเป็นการบอกลา

“ งั้นเหรอ….ขอบใจนะ งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ ธนัท… ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็วิ่งจากไป ทิ้งให้ ธนัท ยืนฉงนอยู่กับคำพูดของเค้าเมื่อครู่

“ เจ้านั่น….เรียกชื่อฉันด้วย…งั้นเหรอ ”
ธนัท เปรยด้วยความประหลาดใจนี่เป็นครั้งแรกที่ โคทาโร่ เรียกชื่เค้าต่อหน้าโดย
ไม่ได้เป็นการประชดประชัน



“ ตั้งแต่รู้จักกันมานายเป็นเพื่อนคนสำคัญของฉันคนหนึ่งเลย….. ”
โคทาโร่ ที่วิ่งออกไปก่อนคิดพร้อมกับ หยาดน้ำที่ปลิวสะท้อนกับแสงไฟของเสาไฟบนถนน

…………………..
………………………..


วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2700 เวลา 9.00 น.

โรงเรียนมนต์วิทยา วันจัดงานวันวัฒนธรรม

ในเช้าวันนี้ เป็นวันหยุดการเรียนการสอนเพื่อทำกิจกรรมของเหล่านักเรียน
ซึ่งในวันนี้ โรงเรียนเปิดให้ ผู้ปกครองและบรรดาผู้มาชมงานเข้ามาข้างในเพื่อดูงานที่จัดขึ้นได้
ในวันนี้ทั่วทั้งสนามโรงเรียน จึงเต็มไปด้วย ซุ้มต่างๆมากมาย

อีกทั้งอาคารโรงพละ ก็ยังมีการจัดตั้งเวทีสำหรับการแสดง ซึ่งด้านในมีเก้าอี้เรียงราย
อยู่บริเวณหน้าเวที ในโรงพละนี้ ขณะที่ตอนนี้ บรรดาผู้เข้าชมได้ทยอยกันเข้ามานั่ง
เพื่อรับชมการแสดงของ นักเรียน

“ โอ้โห คนมากันเยอะเลยหนา ”
แอน อุทานตอนนี้เธอ อยู่ในชุดสีเนื้อไม้และติดแกนกระดาษที่ตัดเป็นท่อนไม้ซึ่งมีช่องตาโผล่
ให้มองเหมือนต้นไม้ปีศาจ ตอนนี้เธอกำลัง แหวกผ้าม่านออกมาดูด้านหน้าเวที

ขณะที่ หลังเวทีตอนนี้ บรรดานักเรียน ห้องของเธอและห้องข้างเคียงที่แสดงร่วมนั้น
กำลังวุ่นอยู่กับการจัดเตรียมของ

“ นี่ ซาเอฮาระ เชือกนี่จะเอาไปไว้ตรงไหนดีล่ะ ”
ไดสุเกะ ถามเพื่อนร่วมห้องของเค้า ขณะที่แบกกองเชือก เอาไว้ในมือ

“ อ้อ นั่นน่ะเอาไปไว้ตรงโน้นเลย ”
ซาเอฮาระ ทาเกชิ (Saehara Takeshi) เพื่อนนักเรียนร่วมห้องของ
ไดสุเกะ ซึ่งมีผมชี้ตั้งสีดำกล่าวพลางชี้ไป ที่ข้างๆบันไดเวที
ก่อนที่ ไดสุเกะ จะยกเอาไปวางตามนั้น



“ นิวะคุง เห็น โคทาโร่คุง ที่อยู่ห้อง 2 ไหมชั้นยังไม่ได้แต่งหน้าให้เค้าเลย  ”
นักเรียนหญิงเพื่อนร่วมห้องของ ไดสุเกะ เข้ามาถามขณะที่เค้าวางเชือกอยู่


“ ไม่นี่ไม่เห็นเลย คุณฮาราดะ แต่งหน้าให้ เซนาคาว่าคุง อยู่เหรอ ”
ไดสุเกะ ย้อนถามขณะที่ปล่อยมือจากกองเชืองที่วางแล้ว

“ งั้นเหรอ? ไปไหนของเค้ากันนะ อีก สิบนาทีจะขึ้นแสดงอยู่แล้ว..ว้าย ”
ฮาราดะ ริสะ (Harada Risa) เพื่อนนักเรียงหญิงร่วมชั้นของ ไดสุเกะ ซึ่งมีผยาวสลวยสีน้ำตาลออกแดงนิดๆ
บ่นก่อนจะสะดุดเอากองเชือกที่ ไดสุเกะ วางจนเซถลาไปชนเข้ากับนักเรียน หญิงอีกคน



“ หวาคุณฮาราดะ อ๊า คุณ ริคุ ระวังนะคร้าบบบ ”
ไดสุเกะ ร้องผวาด้วยความตกใจขณะที่ทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น
นักเรียนหญิงอีกคนที่เป็นแฝดผู้พี่ของ ริสะ ฮาราดะ ริคุ(Harada Riku) ซึ่งไว้ทรงผมสั้น
และสีออกชมพูน้ำตาล ซึ่งเธอเดินเข้ามาโดยไม่ทันระวัง จึงชนโดน ริสะ ที่เซมา



“ ว้าย… ”
เสียงของ สองพี่น้องดังลั้นขึ้น ก่อนจะจบลงที่ทั้งคู่ล้มลงไปทับ ตัว ไดสุเกะ แทน

“ ว้าย ตายแล้ว ขอโทษนะนิวะคุง ”
สองพี่น้องกล่าวขอโทษ ขณะที่ช่วย จูง ไดสุเกะ ให้ลุกขึ้นมา

“  นิวะ สองพี่น้อง ฮาราดะ ระวังด้วยค่ะ ดาร์คเฟลมกิเลน(Dark Flame Kirin)มันวิ่งไปนั่นแล้ว  ”
เสียง หัวหน้าห้องของธนัท ดังขึ้นขณะที่ ม้าเพลิงสีดำ ดาร์คเฟลมกิเลน กำลังวิ่งเข้าปหาพวกเค้าทั้งสาม
ทว่าก่อนที่มันจะเข้าถึงตัวพวกเค้า มันก็สลายกลับเป็นไพ่ตามเดิม



“ คราวหน้าคราวหลัง เตรียมพร้อมสำหรับการยกเลิก การอัญเชิญเอาไว้ด้วยล่ะ
 มันอันตรายนะ ที่ปล่อยให้อสูรอัญเชิญมาเพ่นพ่านแบบนี้ถึงจะเอามาใช้ในการแสดงก็เถอะ ”
เสียงที่เย็นเรียบดังขึ้น จากนักเรียนชายเพื่อนร่วมห้องของ ไดสุเกะ อีกคนจะเข้ามา
กดสวิตซ์ที่ ปลอกแขน note ของ หัวหน้าห้อง

“ ฮิ….ฮิวาตาริคุง… ”
ไดสุเกะ เปรยขณะที่ เพื่อนนักเรียนที่มาช่วยพวกเค้าไว้ เค้าคือ ฮิวาตาริ ซาโตชิ(Hiwatari Satoshi)
เด็กหนุ่มผู้มีผมสีฟ้าออกเงิน และใบหน้าที่อยู่หลังแว่นตา



“ ไม่เป็นไรใช่ไหม…นิวะ ”
ฮิวาตาริ ถามขณะที่เข้าไปหา

“ อ๊า ตายแล้ว นี่มันจะเริ่มแสดงแล้วนี่นา โคทาโร่คุง อยู่หนายเธอต้องรีบมาแต่งหน้าต่อให้เสร็จนะ ”
ริสะ ที่พึ่งนึกขึ้นได้ก็รีบแจ้นไปหาตัว โคทาโร่ ต่อ

………………
……………………

เวลา 9.10 น. เริ่มการแสดง

“ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีเจ้าหญิงผู้ทรงมีเสียงอันไพเราะปานหยาดน้ำค้างใต้แสงจันทร์
เธอมีเพื่อเป็น เจ้าชายจากอาณาจักรใกล้เคียง และเจ้าชายอสูรจากป่าแห่งปีศาจ ”

เสียงเล่าบรรยายดังขึ้นพร้อมกับ ที่ม่านบนเวทีเปิดออก ชุติการ ที่อยู่ในชุดกระโปรงจีบ
เป็นชั้นๆ ก็ออกมาเดินบนเวที ที่ฉากด้านหลังนั้น เป็นภาพเป็นเมืองของยุโรปในยุคกลาง

สองเมืองติดกัน และ ถัดไปเป็นภาพของป่าที่มีทิวทันศ์เป็นเวลากลางคืน
แม้ว่าภายในอาณาจักรจะยังสว่างอยู่



“ การแสดงน่าจะไปได้สวยนะคงไม่มีปัญหาหรอก ”
หัวหน้าห้อง กล่าวขณะที่มองมาจากฉากข้างเวที กับ แอน

“ ไม่รู้สิหนาแต่รู้สึกสังหรณ์ใไม่ดียังไงไม่รู้ซี่ ”
แอน คิดขณะที่มองดูการแสดงที่น่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น



“ เรมี่ ของข้ารอก่อนนะข้าจะไปช่วยเจ้าจาก เรวิลส์ เพื่อนสารเลวที่ทรยศพวกเรา ”
ธนัท ที่ตอนนี้สวมบทเล่นเป็น เกรค เจ้าชายแห่งอาณาจักร สุริยะ ขณะที่กล่าวตามบทอยู่นั้น
ก็เดิน ขยับไปยัง ฉากส่วนที่เป็นป่ากลางคืน ก่อนที่ม่านจะปิดลงเพื่อเปลี่ยนฉาก

บรรดานักเรียน ที่อยู่หลังเวทีก็รีบขึ้นมา เก็บฉากพร้อมทั้งตั้งเอาฉากใหม่ขึ้นมาและ
คนที่จะลงแสดงในฉากนี้ก็ขึ้นมาประจำที่ เตรียมพร้อมกันเป็นการใหญ่



“ ดูท่าทางสนุกสนานเชียวนะ boss (เจ้านาย) คงยังไม่ลืมหน้าที่หรอก
ใช่ไหม แต่ I ก็จะเตือนให้อยูดีนั่นล่ะ ”
บอย ที่ยืนจับตาดูอยู่บน ระเบียงของโรงพละ เปรยขึ้นมาก่อนจะ หยิบไพ่ขึ้นมาใบหนึ่งแล้ว
ใส่มนลงในรังเพลิงของ ปืนที่แปลงมาจาก Note  ของเค้า จากนั้นจึงลั่นไก ร่ายอสูรออกไป
ร่างของมันหายเข้าไปในเงาอย่างรวดเร็ว


“ เรวิลส์ ข้ามารับ เรมี่ คืนหากเจ้ายังเป็นเพื่อนข้าก็จงส่งนางคืนมาแต่โดยดี ”
ธนัท กล่าวตามบท ขณะที่ตอนนี้ ฉากหลังนั้นเปลี่ยนเป็น ป่ากลางคืนแบบภาพเดียวแทน
และด้านหน้าเค้าก้เป็น โคทาโร่ ชุติการ เคียว และ แอนที่เข้ามาร่วมแสดงในฉากนี้ด้วย


“ เกรค ฟังข้าก่อน ข้าไม่อาจมอบ เรมี่ คืนให้เจ้าได้ในตอนนี้ ่าปีศาจยังไม่สงบ
เพราะอสูรที่คลุ้มคลั่ง…. ”
โคทาโร่ ที่รับ บทเป็นเรวิลส์ นอกจากชุดผ้าสีดำ ที่ตัดแบบขาดรุ่งริ่งให้ดูเหมือน
เจ้าชายอสูร และปีกค้างคาวกระดาษที่ติดหลังแล้ว ก็แทบจะไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่มเพียงแค่
ให้เค้าเบิกหูหมาตัวเองขึ้นมาก็เพียงพอแล้ว

“ อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า ลมปากของเพื่อนทรยศเช่นเจ้าข้าจะไม่ฟังเป็นอันขาดหากเจ้า
ไม่ยอมส่ง เรมี่ มาข้าจะจัดารเจ้าซะ ”
ธนัท กล่าวก่อนจะชักเอาดาบ พลาสติกที่เหน็บเอวอยู่ขึ้นมา
เคียว และ แอน ที่เล่นเป็นสมุนปีศาจก็เข้ามาขวางเอาไว้

“ อย่าทำร้ายเค้านะ นี่เป็นเรื่องของข้า ข้าจะจัดการเอง ”
โคทาโร่ กล่าวตามบทก่อนจะ เดินแยกจาก ชุติการ ที่ตอนนี้รับบทเป็น
เจ้าหญิงที่ต้องขับกล่อมบทเพลงตลอดเวลา เพื่อไม่ให้พวกปีศาจที่คลุ้มคลั่งลุกขึ้นมาอาละวาด

“ เข้ามาเลย เรวิลส์ ข้าจะดับลมหายใจของเจ้าเอง ”
ธนัท กล่าวจบก็จะเข้าไปฟันใส่ตามบท ทว่ากลับมีโซ่ พุ่งลงมามัดดาบของเค้าเอาไว้
ก่อนที่มันจะถูกกระชากจนหลุดมือไป ท่ามกลางความสับสนที่มีนอกบทที่วางไว้

นั้น อสูรอัญเชิญรูปร่างปีศาจขนาดใหญ่มันมีปีกกว้างประมาณใบเรือ แขนทั้งสอง
ข้างมัดพันด้วยโซ่มากมาย

“ คิเมรีส ปีศาจที่ถูกผนึก (Chimeries, the Sealed Devil) แต่มันมาได้ไงกันนี่ไม่มีในบทนี่ ”
ธนัท เปรยขณะที่จ้องไปยัง คิเมรีส ที่บุกเข้ามาป่วนการแสดง

“ หวายทำไงดี แบบนี้ละครล่มแน่ค่า อันฟอจูน(Unfortune=โชคไม่ดี) จริงๆ ”
แอน คิดแต่ก่อนที่ งานจะได้ล่มจริงเพราะ การเข้ามาของ คิเมรีส เคียวที่ตั้งสติได้ก็
หาทางออกโดยการ

“ แย่แล้ว องค์ชาย คิเมรีส อสูรคลุ้มคลั่งแห่งป่า มันหลุด
จากการผนึกของบทเพลงที่ ท่านเรมี่ ร้องแล้ว ”

เคียว ที่เล่นเป็นสมุนปีศาจ กล่าวแก้บทออกมาดื้อๆเพื่อให้ดูว่านี่เป็นการแสดง
จะได้ไม่เป็นเรื่องใหญ่ ด้านธนัท กับ คนอื่นที่ดูยัง งงๆอยู่ก็เริ่มจะเข้าใจถึงสิ่งที่
เคียว พยายามจะบอกให้ทำ ดังนั้นการเล่นนอกบทจึงเริ่มขึ้น ทันที

“ เจ้าได้เห็นแล้วใช่ไหม เกรค คิเมรีส อสูรที่ไม่เชื่อฟังข้ามันคิดจะ
ปกครองป่านี้และนำกำลังออกไปรุกรานอาณาจักรอื่นๆ ข้าถึงต้องพา เรมี่
มาช่วยขับขานบทเพลงแห่งจันทรา ”


โคทาโร่ ที่ปรับตัวทันจึงรีบคิดคำพูดนอกบทขึ้นมาทันที ขณะที่เข้าไปจูง ธนัท
 ที่ล้มเพราะแรงกระชากของ คิเมรีส ขณะที่ตัว คิเมรีส เองก็เริ่มสับสน
กับทีท่า ของ พวก ธนัท ที่ดูจะไม่ตกใจหรือ เกรงกลัวกับการรุกรานของมันเลย


“ โอ้ มีการใช้อสูรอัญเชิญมาร่วมแสดงด้วยหรือนี่ ”
“ นึกว่าของจริงซะอีก ตกใจหมดเลยที่แท้ก็ยังเล่นละครกันอยู่นี่เอง ”
“ moon melody แนวใหม่เหรอเนี่ย ยอดเลย ”

เสียงอือฮาของผู้ชมดังกระหึ่มชนิดที่เรียกว่า โดนใจทุกคนไปเลยกับการแสดง
ที่รั่วมานอกบทนี้ ว่าแล้ว บรรดานักเรียนจึงเตรียมที่จะตามน้ำกันทันที

“ ตอนนี้ข้าเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว ขอโทษด้วยนะ เรวิลส์
เรามาร่วมมือกันปราบ เจ้าปีศาจนี่เถอะ ”
ธนัท ที่รีบคิดบทตามน้ำขึ้นมากล่าว ก่อนที่ ชุติการ จะรีบลุกขึ้นมาหลังจากนั่งภาวนาตามบท

“ โอ เรวิลส์ เกรค ในที่สุดเธอทั้งสองก็เข้าใจซึ่งกันและกัน ข้า….ข..ขอ..ขอ ”
ชุติการ ที่กล่าวคล่องไปเรื่อยในตอนแรกเริ่มจะมาสะดุดเอาตอนท้าย เพราะ
บทพูดที่เขียนขึ้นมาให้ดูกระทันหัน ซึ่งป้ายคำพูดที่ยกขึ้นมาจาก  ฉากข้างเวที
ให้เธออ่านนั้นเป็น อะไรที่เธอไม่อยากจะเชื่อ

“ เป็นอะไรไปเล่ารีบเล่นตามบทสิคะ ”
หัวหน้าห้องที่อ้อม มาอยู่ฝั่งหลังฉากของ ชุติการ สั่งขณะที่ ตัวชุติการ ยังเอ๋อๆอยู่กับ
แผ่นป้ายบทที่ ไดสุเกะ ยกให้ดูอยู่อีกฝั่ง

“ ข…ข้าขอมอบบทเพลงแห่งชัยชนะแก่พวกเธอ จงรับอาวุธที่มาจากบทเพลงนี้เถิด ”
ชุติการ กล่าวจบเครื่องเล่นเสียง ก็ดังขึ้นก่อนที่ อิส จะแสตนบาย note ของตน
แล้วร่ายมิสติกออกมาหนึ่งใบ โดยโยนมันขึ้นไปบนเวที ทันทีที่ ละอองแสงจาก

จาก note ของเค้าไปรวมกันที่ ไพ่ก็ทำให้เกิดแสงเจิดจ้า ราวกับแสงแห่งปาฏิหาริย์
ก่อนที่ ดาบซึ่งมีกรรเชียงดาบตัดไขว้กับคัวด้ามและคมจนดูเหมือนกางเขน
จะลงมาปักกับพื้นเวที


“ เกรค จงใช้ดาบแห่ง อเล็คซานไดร์ (Alaxandrite, the Sword of Bryna)
 อันเป็นดาบแห่งวัลคีเรียไบรน่า นี้กำจัดอสูรชั่วร้ายนั่นเสีย ”
ชุติการ กล่าวตามบทีที่ ไดสุเกะ วิ่งกลับไปยกมาใหม่อย่างรวดเร็ว
เมื่อกล่าวจบแล้ว ธนัท จึงเข้าไปดึงเอาดาบ อเล็คซานไดร์ ขึ้นมา



“ ในนามของ ดาบศักดิ์สิทธิ์ อเล็คซานไดร์ นี้ขอจงขับไล่ปีศาจร้ายด้วยเถิด ”
ธนัท กล่าวตามบทที่ ไดสุเกะ ยกมาให้อีกก่อนจะชูดาบขึ้น ด้านอิส ที่ย้ายมาอยู่ด้านหลังชุติ
โดยให้ม่านบังไว้ ก็เปิดรังเพลิงที่ปลอกแขนออกก่อนจะเอา ซีลใส่ลงไปในนั้น

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #115 on: May 24, 2009, 07:18:28 PM »

/Korin man o jishite/(จุติ เผยโฉมอย่างสง่างาม)
สิ้นเสียงที่ดังขึ้นจาก note ของ อิส อสูร อัญเชิญของเค้า มาวินที่คราวนี้มาในชุดของผู้วิเศษสีขาว
(Zachariah Marvin, the Magus)  ก็ปรากฏกายขึ้น



“ จงขับไล่ความมืด ” /Enlighhtened Illumination/
น้ำเสียงของ อิส ก็เปลี่ยนไปเป็นบุคลิคแบบธาตุแสงสว่างตามที่ทำ
การอัญเชิญมาวินธาตุแห่งแสง มา สิ้นเสียงของ อิส และ เสียงกังวานก้อง
จาก noteของเค้า รีคอดเดอร์

มาวิน ก็ยิงลำแสงเวทย์สีขาวออกไป ลำแสงพุ่ง ออกมาพร้อมๆกับที่ ธนัท
 ตวัดดาบ อเล็คซานไดร์จนดูเหมือนกับว่า ลำแสงนั้นพุ่งมาด้วยการแกว่งดาบ

คิเมรีส ที่ถูกลำแสงเวทย์ ยิงก็ค่อยๆสลายกลับเป็น
ไพ่ปลิวไปกับลำแสงที่ยิงมา จนไม่มีใครสังเหตุเห็น


“ ชิ…ยังเล่นกันตามน้ำได้อีกนะครั้งนี้ฝากไว้ก่อนเถอะ ”
บอย สบถจบก็ยังไม่ทันที่จะได้ไปไหน ข้อมือและข้อเท้าของเค้าถูกเส้นเอ็นรัด
เอาไว้จนขยับไม่ได้เสียแล้ว

“ ก่อนจะไปเรามาคุยกันเป็นการส่วนตัวหน่อยไหมล่ะ ”
มาริน่า กล่าวขณะที่เดินออกมาจาก เงามืดของ ระเบียงพร้อมๆกับ คิระ ภูเขา ริน และ ศรี

“ Master Ceremony มากันพร้อหน้าเชียวนะ ”
บอย เหน็บใส่ขณะที่พยายามแก้มัด

“ อย่าดิ้นให้เสียงแรงเลย เพราะขนาด ไดสุเกะ หรือ จอมโจรดาร์ค
ยังไม่เคยหลุดจาก เอ็นนี้ไปได้เลย  ”
มาริน่า กล่าวโดยยกเอาตัวอย่างคนที่น่าจะปลดพันธนาการและล็อค
ได้ทุกชนิด อย่างไดสุเกะ หรือ แม้แต่ดาร์คขึ้นมา ก็ยังไม่สามารถหลุด
จากพันธนาการนี้ไปได้

…………..
…………………….

“ และแล้ว เจ้าชาย เกรค ก็ได้แต่งงานกับ เจ้าหญิง เรมี่ โดยที่ความสัมพันธ์กับ
 เรวิลส์ ก็ไม่ได้ถูกตัดขาดหายไป พวกเค้าทั้งสามจึงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป…….. ”
สิ้นเสียง บรรยายม่านก็ค่อยๆปิดลงมา ท่ามกลางเสียงปรบมือของ บรรดาผู้ชม

“ เฮ้อๆๆ ไม่เคยต้องเขียนบท….เร็วขนาดนี้…มาก่อนเลย ”
ริสะ เปรยพลางหอบแฮ่กๆด้วยความเหนื่อย พอๆกับ ริคุ และ ไดสุเกะ
ที่ต้องยกป้ายบทไปเปลี่ยนให้ พวกธนัท อ่านตาม


“ ดีนะที่งานวันนี้ไม่ล่มไปซะก่อนน่ะ ”
ชุติการ กล่าวด้วยท่าทีหนักใจ กับ อาการเหนื่อยหอบหมดแรงของ ทุกคนที่วุ่นวาย
กับการเปลี่ยนฉากเปลี่ยนบท กันแทบเป็นแทบตาย

“ เอาเถอะ แค่งานนี้ผ่านไปได้ด้วยดีก็ดีแล้วนี่นะ... ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่เดินเข้ามาใกล้ เธอ

“ แต่วันนี้ก็จะจบลงแล้ว สินะ.... ”
ชุติการ เปรยขณะที่ก้มหน้ามอง หมวกเจ้าหญิงที่เธอถืออยู่ด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย

“ แน่ใจนะว่าเธอต้องการแบบนี้น่ะ.... ”
โคทาโร่ กล่าวถามขณะที่ ยื่นเอาชุดนักเรียนของเธอให้

“ อืม..ก็ฉันสัญญาเอาไว้แล้วนี่ และถ้าฉันไม่ทำ นายเองก็คงลำบากใช่ไหมล่ะ อีกอย่างนี่
ก็เป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว ที่จะไม่ต้องให้ใครมา เจ็บเพราะฉันอีก...ถ้ามีนายคอยอยู่เคียงข้าง
ฉันก็มั่นใจว่าจะไม่กลัวอีกแล้ว ”
ชุติการ กล่าวขณะที่ รับเสื้อมา

“ งั้นเหรอ...ขอโทษนะที่ต้องให้เธอมาทำแบบนี้... ”
โคทาโร่ กล่าวก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้เธอ กอดเสื้อนักเรียนที่รับมาแน่นด้วยความขมขื่น
ก่อนจะ เดินออกจาก หลังเวทีนี้ไป


“ ชุติการ..... ”
ธนัท เปรยเมื่อได้เห็นทีท่าแปลกๆของเธอ
..................
เวลา 16.30 น.


“ พร้อมแล้วใช่ไหม ”
โคทาโร่ ถามขณะที่เดินมารับ ชุติการ ที่เดินมา หน้าทางออก โรงเรียน ซึ่งตอนนี้
งานเลิกแล้ว สนามจึงอ้างว้างและเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมที่โบกพัดหอบเอาเศษ กระดาษสีที่
เกลื่อนอยู่ตามพื้น เสียดสีไปกับพื้นจนเกิดเสียง แกรก เหมือนเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นในฤดูใบไม้ร่วง

“ ไปกันเถอะ... ”
ชุติการ กล่าวขณะที่ เดินเข้าไปหาเค้า

“ จะไม่บอกลาใครหน่อยเหรอ... ”
โคทาโร่ ถามด้วยความเป็นห่วงแต่เธอ กลับส่ายหน้าปฏิเสธที่จะบอกลากับใคร

“ แม้แต่ ธนัท ก็ด้วยเหรอ.. ”
โคทาโร่ ถามอีกครั้ง คราวนี้ ชุติการ มีปฏิกิริยา เล็กน้อย แต่เธอก็ยังแข็งใจ ปฏิเสธไป

“ ม..ม..ไม่ต้องหรอกเรารีบไปกันเถอะ ก่อนที่จะมีใครมาเห็น... ”
ชุติการ กล่าวปัดเพื่อจะเร่งให้ โคทาโร่ จัดการเรื่องต่อตามที่ตกลงกันไว้

“ ชุติการ.... ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่พวกเค้าจะได้ทันเดินออกไป

“ ธนัท!! ”
ทั้งสอง คนหันกลับมาก่อนจะกล่าวขึ้นพร้อมกัน ด้วยความประหลาดใจ
ที่ ธนัท มาอยู่ที่นี่

“ พวก นายคิดจะทำอะไรกัน... ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัย ความรู้สึกสับสยที่ผสมปนเปไปกับ ความ ร้อนรน

“ ค...คือ..คือว่า นี่น่ะมัน.... ”
โคทาโร่ ที่พยายามแก้ตัว กลับ ถูกขัดขึ้นโดย
อสูรอัญเชิญ นักรบหญิงที่มาพร้อมกับ ดาบเล่มใหญ่
   
“ เฟียเรสนักดาบพรหมจรรย์ (Fearless Swordmaiden) บอย....นี่แก ”
โคทาโร่ สบถเมื่อเห็นร่างของ นักดาบหญิงที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า
ก่อนจะหันค้อนไปยังทิศที่ นักดาบหญิงพุ่งตรงออกมา



“ กว่าจะหลุดจาก พวก master ceremony มาได้เล่นเอาแย่ไปเหมือนกันแฮะ ”
บอย กล่าวพลางเดินเข้ามาขวาง ธนัท เอาไว้ให้ห่างจากสองคนนั้น

“ น..นี่มันหมายความว่ายังไงกัน...โคทาโร่ นี่มันเรื่องอะไรกัน ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัย ที่ปนมากับความกลัวในสิ่งที่เค้าไม่อยากให้เป็นที่สุด

“ คงไม่ต้องปิดบังกันแล้วล่ะครับ boss เรื่องที่ boss แฝงตัวเข้ามา
ในกลุ่มของพวกมันเพื่อจะหาโอกาสพาตัว White Dragon Maiden
กลับไป Paradiso da Regolaน่ะ ”
บอย กล่าวจบ ธนัท ก็หันไปมอง โคทาโร่ เพื่อที่จะขอคำตอบ

“ มันไม่จริง...มันไม่จริงใช่ไหม โคทาโร่..บอกฉันสิว่ามันไม่ใช่ความจริง ”
ธนัท ถามย้ำเพื่อขอคำยืนยัน แต่ โคทาโร่ กลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“ ไม่...ธนัท มันเป็นเรื่องจริง ฉัน.....ฉัน.... ”
โคทาโร่ กล่าวอย่างยากลำบาก เค้าต้องทนข่มความรู้สึก ของตัวเองเพื่อที่จะ
กล่าวออกไปตัดความสัมพันธ์ของเค้ากับ ธนัท

“ ฉันคือ ศัตรูของ นาย.... Pawn แห่ง Checkmate 5 ”
โคทาโร่ ฝืนกล่าวออกมาได้ในที่สุด วินาทีนั้นราวกับหัวใจของ ธนัท ได้แตกสลายไป
ประหนึ่ง แก้วที่เปราะบางถูกทุบด้วยค้อนเหล็กที่เรียกว่าการทรยศ ทุบจนแตกละเอียด
พร้อมกับ รอยอักขระ ที่แขน ซ้าย ซึ่งเป็นวงแหวนพันธะจิตของเค้า กับ โคทาโร่ ได้
จางหายไป


“ เราไปกันเถอะ.... ”
โคทาโร่ กล่าวก่อนที่ บอย จะใส่ไพ่ลงไปใน note รูปแบบปืนของเค้า
จากนั้นพอเหนี่ยวไกปืนแล้ว ก็เกิดวงเวทย์รูปดาวหกแฉก ขึ้นบนพื้น ก่อนที่
มันจะเปล่งแสงจ้าขึ้นเรื่อยๆ

“ ลาก่อน...ธนัท.... ”
ชุติการ หันมากล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ เธอ โคทาโร่ และ บอย จะหายไป
กับวงเวทย์ที่ เรียกขึ้นมา ทิ้งให้ธนัท ทรุดล้มลงคุกเข่า อย่างอ่อนแรง
กับความรู้สึกที่แหลกละเอียดไปแล้ว

“ และแล้ว เรมี่ ก็ถูก เรวิลส์ พาตัวไป ทิ้งไว้เพียง เกรค ที่ได้แต่
กล้ำกลืนน้ำตานั้นเอาไว้.....ช่างเหมือนกันซะจริงนะ.....เรื่อง
ของพวกนายกับ Moon Melody ”

เคียว ที่มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ห่างๆเปรยก่อน จะเดินจากไป



...........................
.......................................

“ เท่านี้ เทพอสูร เรราเย่ ก็ตกอยู่ในมือของเราแล้ว.... ”
คิง ปอร์ กล่าวขณะที่ มองลงมาจาก แท่นบังลังค์ ที่ตรงหน้าแท่นั้น ชุติการ
ถูกจับ ใส่ชุดขาวตั้งแต่หัว จรดเท้าแบบนักพรต กำลังสวดอ้อนวอน อยู่ต่อหน้า แท่น สักการะ
ที่อยู่ตรงข้าม บัลลังค์ โดยมี เหล่าผู้คุมกฎทั้ง 5 แห่ง checkmate 5
ซึ่งมี ควีน จิงค์(Queen Jinglitleangel)
 บิชอป นิฮิล(Bishop Nihil)
รุค บีบิส(Rook Beabizz)
 ไนท์ ไกอา(Knight Gaia)
 พอน โคทาโร่(Pawn Kotaro)

....................

โปรดติดตามตอนต่อไป

Next Sub-Turn

“ ชุติการ ถูกพวก Paradiso da Regola จับตัวไปแล้ว ”

“ ฉันจะบุกไปที่ Phenomenon Party Center แล้วช่วย ชุติ ออกมาให้ได้ ”

“ นายไม่จำเป็นต้องสู้เพียงลำพังหรอกน่า พวกเราจะช่วยนายเอง ”

“ โคทาโร่ ไม่ว่ายังไงนายก็จะขวางฉันสินะ ”

“ จงออกมา เถิด จ้าวแห่งมังกรผู้ควบคุม ธาตุแห่งสรรพสิ่ง ”

เข้าสู่สนามรบสุดท้าย ศึกตัดสิน กับ Paradiso da Regola
จงทำลายทั้งหมดแล้วรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน อัญเชิญ
จ้าวมังกรแห่งสรรพสิ่ง ออกมา Next Sub-Turn 14 Element Burst

ก้าวไปบนวิถีแห่งสวรรคืเพื่อปกครองทุกสิ่ง
และ
จงทำลายทุกสิ่งแล้วเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน



เอาล่ะครับ และแล้วก็ใกล้จะถึงศึกตัดสินชี้ชะตา กันในภาค VR!! นี้แล้ว
เรื่องราวตอนต่อไปจะเข้มข้นขนาดไหนก็ต้องรอลุ้นกันล่ะนะครับ
คุณบอย ตอนนี้ดูเหมือนตัวร้ายเต็มพิกัดเลยแฮะ (สมเป็นตัวเชื่อมเรื่องจริงๆ
 ถ้าไม่มีคุณบอยนี่ เรื่องเดินไปไม่ถึงไหนเลยนะเนี่ยขอบคุณที่มาช่วยเร่งเรื่องให้ครับ
แหมบทร้ายได้ใจมาก)


Legend Thaliwilya of the Arimathe  Special Turn  Bath, Jack Panic(คดียึดโรงอาบน้ำ) ต่อ

แนะนำตัวละครเพิ่มเติม

R2 หญิงสาวผู้มีพลังของ อัศวินมังกร ทาลิเลีย เป็นเสมือนรุ่นพี่อัศวินให้ เรกกะ


มาธิอัส เพื่อนของ R2 คอยช่วยเหลือเรกกะ ด้านข่าวสารของ เทอเรี่ยน ที่มาราดัน ส่งมาบุก



จากตอนที่ แล้ว เรกกะ เฟนท์ แล้ว ก็ไรด์ ถูกโจรขโมยจักรยานจับเป็นตัวประกัน
เรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไปล่ะเนี่ย

ฉาก โรงอาบน้ำ

โจร 1 : ฮึ่ยๆๆ..ตำรวจ...ตำรวจ..ตำรวจ...ทำไงดี...ทำไงดี (พูดไปรนไป)

เฟนท์: อ....เอาไงดี...ไรด์ ถ้าจะจัดการโจรนี่ เราน่าจะทำได้นะ

ไรด์: จะบ้าเหรอ เดี๋ยวความแตกก็ซวยกันพอดี จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเรา Valkyrier นะเฟ้ย

เฟนท์:จ...จริงด้วยสิ แล้วจะทำยังไงดีล่ะ

เรกกะ:อ...เอ่อ..คือว่า...คือ ก็รู้อยู่หรอกนะว่าในสถานการณ์แบบนี้ ตัวประกัน
ไม่มีสิทธิเรียกร้องอะไร แต่ว่าถ้ายังไงขอ โทรศัพท์หน่อยจะได้ไหมครับ เพราะคิดว่า
พี่คงเป็นห่วงแย่แน่เลย

โจร 1 : หา!?...


ร้านเค้ก Happy Material บ้านเรกกะ

กริ้งงงงงง !! กริ้งงงงงง!! (เสียงโทรศัพท์)


เซน่า: Happy Material ค่ะ เอ๋ เรกกะ น่ะเหรอคะ..เหรอคะ อืม ...อืม..อืม..ค่ะขอบคุณมากนะคะ

กริ้ง!(เสียงวางหูโทรศัพท์)

ไอ: ใครโทรมาเหรอคะ พี่เซน่า

เซน่า : อ๋อโทรศัพท์จาก โจรน่ะจ้ะ บอกว่าจับตัว เรกกะ เป็นตัวประกันเอา
ไว้น่ะ อ๋อ จริงสิ เฟนท์ กับ ไรด์ ก็อยู่ด้วยนะ แหมถ้าจะยุ่งๆนะจ้ะ (เสียงเรียบแบบไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย)

ไอ: เห!.... เรกกะ ไรด์ แล้วก็ เฟนท์ โดนจับเป็นตัวประกันเหรอคะที่ไหนกันคะเนี่ย

เซน่า : อ๋อเห็นว่าโทรมาจาก โรงอาบน้ำใกล้ๆนี่เองจ้ะ (เสียงยังคงเรียบไม่รนราน ใจเย็นจริงๆ)

ไอ: พี่เซน่า คะ นี่ไม่ใช่เวลามาสงบใจอยู่แบบนี้นะคะ! ทำไงดีล่ะเนี่ย ทำกันอีท่าไหนถึง
ได้ถูกจับเป็นตัวประกันไปได้!? (คนนี้ล่ะที่รนแบบสุดๆ)

เซน่า: อ้ะ จริงด้วยสินะ นี่ไม่ใช่เวลามาใจเย็นซักหน่อยนี่เนอะ

ไอ: ใช่ไหมล่ะคะ พี่เซน่า !! เรารีบไปแจ้งตำรวจกันเถอะค่ะ

เซน่า: ต้องรีบไปทำข้าวกล่องให้แล้วล่ะ  เรกกะ  ยังไม่ได้กินมือเที่ยงเลย จริงสิ เฟนท์ กับ ไรด์
 เองก็คงจะหิวด้วยแน่เลย

โป๊ก !! (เสียงไอ กระแทก หน้าผากลงกับเคาเตอร์ร้าน)

ไอ: พ...พี่..เซน่า ขา~~~


ที่ โรงอาบน้ำ

โจร1: ให้ตายสิพี่แกนี่ใจเย็นชะมัด !!

เรกกะ: ค่อยยังชั่วหน่อยทีนี้พี่ก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงซักที

เฟนท์: เอ่อ เรกกะ นายห่วงแค่นั้นน่ะนะ

ครืดดดดด(เสียงประตู ห้องอาบน้ำหญิงเปิด)

R2: เรกกะ แย่แล้วล่ะมี เทอเรี่ยน บุกมาในเมือง

โจร 1: เหวอ นี่เธอเป็นใครกันเนี่ย ล...แล้วเข้ามาในนี้ได้ยังไง

เรกกะ : เข้าใจแล้ว ไปกันเถอะ ทาลิคนัส

ทาลิคนัส: เออ เข้าใจแล้วถึงเวลาชั้นออกโรงแล้วสินะ

วิ้งงงงง(เสียงตาซ้ายทำงานเปลี่ยนบุคลิคเป็น ทาลิคนัส)

R2: รีบไปเลยเจ้าบ้า ทาลิคนัส ที่นี่ ฉันจะจัดการเอง

ทาลิคนัส : โอ้งั้นฝากด้วยนะ (วิ่งไปเข้าห้องน้ำหญิง ที่จริงตรงนั้น เป็นประตูมิติเชื่อมไปที่ยาน
 ไซเบอริก้าดรากอนแล้ว)

โจร 1: ด....เดี๋ยว..เดี๋ยวเซ่...จะไปไหนน่ะ

R2 : นี่ถ้าเรื่องตัวประกันล่ะ ก็ขอแค่มีก็พอใช่มะ งั้นฉันจะเป็นแทนเองตกลงนะ

ไรด์: เอ่อ ตัวประกันเนี่ยมันเป็นแทนกันได้ด้วยเรอะ ?

ฉาก ที่ 3  ในเมือง

ดราก้อนฮอลลี่: Blaze Form /Regeneration
(แปลงร่างเรียบร้อย)

ทาลิคนัส: โอเระ ทันโจว! มันแปลว่าพระเอกมาแล้ว เอาล่ะจะจัดไคลแมกซ์ให้ตั้งแต่ต้นจนจบเลย
ว่าแต่ แล้ว เทอเรี่ยนมันอยู่ไหนล่ะ

มาธิอัส: มันหนีไปตั้งกะตั้งท่า โอเระ ทันโจว แล้ว

ทาลิคนัส: หน่าหนี(ภาษยุ่น อ่ะนะ =ว่าไงนะ) ฮึ้ย ของขึ้นๆๆ แต่ไม่ได้ปล่อย เซงโว้ยยย !!~

ฉาก โรงอาบน้ำ

ครืดดดดด(เสียงประตูห้องน้ำหญิง)

เรกกะ: กลับมาแล้วคร้าบ~

โจร 1: ก...ก...ก...แก แกกลับมาได้ยังไง..ล...ล..แล้วแกไปไหนมา...ด...ด...ได้ไง

เรกกะ : อ๊า R2 ขอโทษนะที่ต้องให้ลำบาก เป็นตัวประกันแทนน่ะ เดี๋ยวจะเป็นต่อให้เอง กลับไปที่ยานเถอะ

R2: อ๊ะ เหรอ งั้นฉันกลับล่ะนะ (แล้วก็เปลี่ยนตัว)

เฟนท์: นี่จับตัวประกันหรือเล่นโป้งแปะกันเนี่ย !?

ตำรวจ: เตรียมบุก !!!

โทรทัศน์: เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ ตำรวจเตรียมบุกเข้าไปช่วยตัวประกันออกมาแล้วค่ะ

โจร 1: ห...หา...ว...ว่าไงนะ...ย...ย...ยังงี้ก็มีแต่...ต...ต้องบุกฝ่า....ออ
...ออ..ออกไปเท่านั้น ม....มานี่..จ...เจ้าหนูผมทอง

เรกกะ: เอ๋ ผมเหรอ... ท....ท...ทำไงดีล่ะ...ผมไม่เคยเป็นตัวประกันแบบพาบุกฝ่าออกไปซะด้วยทำไงดีล่ะ

ทาลิควอส: งั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง เรกกะ

วิ้งงงงง(เสียงตาซ้ายทำงานเปลี่ยนเป็น ทาลิควอส)

ทาลิควอส: เบิกโรงนางเอก Show off

โจร 1: ก...แก..แกจะทำอะไรน่ะ..

ทาลิควอส : ขอยืมโทรศัพท์หน่อยนะ พ่อรูปหล่อ (เสียงนุ่มแบบผู้หญิงเลย)

เฟนท์+ไรด์: อ้วกกกกกกก (รับไม่ได้แบบสุดๆ คนเขียนก็จะรับไม่ได้เหมือนกันขออ้วกด้วยคน)

ฉากที่ 4 หน้าโรงอาบน้ำ

ตู๊ตๆๆๆๆๆ (เสียงวิทยุในรถตำรวจ)


สารวัตร: มีอะไร?

ทาลิควอส: นี่ สารวัตร ฮ้า เดี้ยนว่ารีบถอนกำลังจะดีกว่าไหมฮ้า (เสียงนุ่ม)

สารวัตร: นี่เธอเป็นใครกัน?!

ทาลิควอส: เป็นใครนั้นไม่สำคัญหรอก ฮ้า ที่สำคัญคือเรื่องที่สารวัตร แอบไปกะหนุงกะหนิง
กับน้อง มิโอจัง ทุกคืนในรถสายตรวจ แล้วยังเขียนคำสารภาพรักไว้บนถนน อีกด้วย อาจจะไปถึง
หูนักข่าวเอาได้ อะหุ แค่นี้ล่ะฮ้าา~~ (มีหว่านเสน่ห์ ตบท้าย)


สารวัตร: คึ...คึ...ก..แกรู้ได้ไง..แกเป็นใครกันเนี่ย

ตำรวจ: จะเอาไงดีครับ สารวัตรบุกเข้าไปเลยไหมครับ (สารวัตรคิดหนัก)

สารวัตร: ถ...ถอนกำลัง...ถอนกำลังเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้เลย

ฉาก ในโรงอาบน้ำ

โทรทัศ: อ๊ะ ตอนนี้ตำรวจถอนกำลังออกมากันหมดแล้วล่ะค่ะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะคะ
แต่สถานการณ์ น่าเป็นห่วงจริงๆค่ะ

โจร1: ด...ด...ได้ไง นี่แกทำได้ไงเนี่ย!?

ทาลิควอส : อะหุ เรื่องแค่นี้สำหรับเดี้ยน เจ้าแม่ข่าวลือสบาย ฮ่ะ

ครืดดดดดด(เสียงประตู ทางเข้าโรงอาบน้ำเปิด)

เซน่า: ของรบกวนหน่อยนะค้า~~(พี่แกเสียงใสมาแต่ไกล)

ไอ: พ...พี่ เซน่า คะบุกเข้ามาแบบนี้มันอันตรายนะคะ

เฟนท์: ไอ !!~
 ไอ: เฟนท์ !!~

เรกกะ : พี่!? มาทำอะไรที่นี่ครับเนี่ย

เซน่า: อ๊า เรกกะ พี่ทำข้าวกล่องมาให้แน่ะ ยังร้อนๆอยู่เลยรีบกินกันเอถะเดี๋ยวจะเย็นหมด

เอาล่ะสิ เทอเรี่ยนหนีไปได้ พี่เซน่า ทำข้าวกล่องมาให้ เรกกะ ถึงที่
ทาลิควอส ก็ไล่ตำรวจไปแล้ว เรื่องราวจะเป็นเช่นไร
รอดูต่อกันตอนหน้า
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #116 on: May 24, 2009, 09:19:05 PM »

    ง่า   เกือบวาย  ธนัทXโคทาโร่แล้ว 

อ๊ากกกกก   บีบคั้นหัวใจสุดๆ TT^TT

++++++++++++++++++++++++++++++++++

เห็นเรกกะแล้วจิ้น......อ้วกแตก
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #117 on: May 25, 2009, 01:47:20 AM »

Quote
ง่า   เกือบวาย  ธนัทXโคทาโร่แล้ว

ใช่มะ เจ๊ เองอ่านก็ว่ามัน วายนะ แต่เกรม่อนคุง บอกว่าไม่วายนี่มัน มิตรภาพ
แต่อ่านยังไงมันชวน จิ้นวายจริงๆ เจ้าเกรม่อน เอ๋ย ทำมาเล่นตัวบอกว่า เขียนนิยาย

วายไม่เก่งแต่ไหง
นิยายไม่ได้ส่ออารมณ์วายซักกะนิดมันเขียนซะฉัน จิ้นวายไปได้เนี่ย


ตอนพิเศษรอบนี้รู้สึกมันเขียนยากเขียนเย็นจริงๆ อีกไม่กี่ตอนจะอวสานแย้วจะทันไหมเนี่ย
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #118 on: May 25, 2009, 05:53:31 AM »

ถ้าเป็นปกติ อ่านบทนี้จบแล้ว อยากจะด่าตัวละครที่มันเลวได้
ใจมาก เค้าดีๆกันอยู่อีนี่มา ทำเสียซะงั้น ยุให้เค้าแตกคอกันเอง แต่มันดันเป็นคุณบอย ไปซะนี่คะ
เออ อยากด่าอยู่หรอกนะ แต่ไม่เอาดีกว่า ดันใช้ชื่อจากคนจริงอีก ซีรี่ย์นี้ สรุป คาใจว้อยยย

อยากด่าแต่ด่าไม่ได้ รู้สึกทุกซีรี่ย์ของ คุณเกรม่อน บทไหน ขึ้นเลข 13 แล้วบทนั้น
 ซวยสุดทุกเรื่องเลยนะคะ


เห็นด้วยที่อ่านบทนี้แล้ว เหมือนจิ้น โคทาโร่ X ธนัท ไปไกลเลยทั้งบทพูดทั้งบทบรรยาย
 เข้าข่ายทำเราคิดไปแล้วนะว่ามันรักสามเส้า ธนัท โคทาโร่ ชุติการ แต่ไม่ใช่ชาย 2 แย่ง 1 หญิงนะ

เราเหงเป็นว่า ชุติการแย่ง โคทาโร่ ไปจากธนัท ซะงั้น ทั้งที่จริงมันต้องคิดไปว่า โคทาโร่
มาแย่ง ชุติการไปต่างหาก สงสัยเพราะมีบทตอนไปเล่นการ์ดกันสองต่อสองกระมัง เลยจิ้นได้ขนาดนี้

ตอนพิเศษ พีี่เซน่า เค้าเป็นไฮเปอร์อ๊ะเปล่าคะเนี่ย ใจเย็นซะ....ขนาด
« Last Edit: May 25, 2009, 05:56:34 AM by Gee » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #119 on: May 25, 2009, 08:35:24 PM »

^
เหอๆ   ด่ามาเถอะ -*-   เพราะใช้เป็นชื่อตัวละครอยู่แล้ว 

อยากรู้ว่าตอนพิเศษจะมีวายอีกมั้ย +- -
Logged


Pages: 1 2 3 [4] 5 6  All
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.179 seconds with 19 queries.