Summoner Master Forum

Summoner Master => Summoner Novel => Topic started by: Little Lamb, the Little Angel on February 17, 2005, 04:51:38 AM



Title: เนื้อเรื่องย่อ Epi 9
Post by: Little Lamb, the Little Angel on February 17, 2005, 04:51:38 AM
                         บนผืนแผ่นดินทวีปเมอริเซีย   ในครั้งนั้นกองทัพใหญ่ของทั้งสามอาณาจักร ซาโลม ฟีเลเซีย และ ฟูดินันกำลังประจันหน้าในสมรภูมิรบกันอยู่    กองทัพแห่งซาโลมอันแข็งแกร่งกำลังเข้าโรมรันกับกองทัพถึงสองกอง นั้นคือกองทัพแห่งฟีเลเซีย และฟูดินัน    ทางฝ่ายซาโลมที่มีกองทัพถึง 3 แสน ทั้งนี้ยังไม่รวมกองทัพผีดิบซอมบี้อีก 3 แสน เหล่าปีศาจ สัตว์ประหลาด มังกร  และยังมีกำลังเสริมส่งมาสนับสนุนกองทัพอยู่ตลอดเวลา  ณ เวลานี้ถึงแม้ฟิเลเซียและฟูดินันจะรวมกำลังกันแค่ไหนก็มิอาจปราบกองทัพอันแปลกประหลาด และไม่รู้จักหมดจักสิ้นแห่งซาโลมลงได้    ทำได้ก็เพียงแค่ชะลอเวลาแห่งความหายนะให้ยาวนานที่สุดเท่านั้น    ทางด้านเนริมอร์นั้นเนื่องจากการสงครามทำให้นางไม่ได้พบหน้าลูกชายเป็นเวลาแรมเดือน   เมื่อครั้นเห็นว่าซาโลมกำลังเป็นต่ออยู่มาก จึงเดินทางกลับซาโลมเพื่อไปดูแลซาร์ อิสฮาน ลูกชายสุดที่รัก และยังเป็นรัชทายาทเพียงองค์เดียวของซาโลมอีกด้วย  ซึ่งในครั้งนั้นมีอายุเพียงย่าง12ชันษาเท่านั้น

                         ในที่สุดกองทัพแห่งซาโลมก็แต่งทัพใหญ่ออกมาเผด็จศึกฟีเลเซีย และ ฟูดินันให้พินาศย่อยยับ   ซึ่งครั้งนี้ซาดิน อิบริดเป็นผู้นำทัพด้วยตนเอง  ทำให้ฝ่ายฟีเลเซีย และ ฟูดินัน ต้องเกณฑ์ไพร่พลทั้งหมดออกมาตั้งรับ  ทั้งเจ้าชายฮาริซัน แห่งฟูดินัน  เจ้าชายซิกมันต์ที่3 และ องค์หญิงเรจิน่า แห่งฟีเลเซียก็ต้องออกมานำทัพเอง  การรบในครั้งนั้นถูกขนานนามว่าเป็น “มหาสงคราม” ที่มนุษย์ต้องจดจำ  การรบในครั้งนั้นเจ้าชายฮาริซัน เจ้าชายซิกมันต์ที่3 และ องค์หญิงเรจิน่า  รวมแรงกันต่อกรกับซาดิน อิบริด อย่างแทบเอาชีวิตเข้าแลก เป็นเวลาถึง3วัน3คืน   ที่สุด ซาดิน อิบริด ก็พลาดท่าถูกทั้งสามโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ  จึงกลับเข้าไปในค่ายเพื่อรักษาตัว  แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น  เมื่อบลาส เซจ พ่อมดโฉดในคราบมหาอุปราชแห่งซาโลมเห็นว่าอย่างไรซาโลมต้องชนะแน่แล้ว   จึงคิดแผนชั่วหวังตั้งตนเองเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ครอบครองดินแดนทั้งหมดเสียเอง   ซาดิน อิบริด มหากษัตริย์แห่งซาโลมที่กำลังพักรักษาตัวในกระโจมที่พัก  เนื่องจากอาการบาดเจ็บ และความอ่อนล้าจากการสงคราม ซาดิน อิบริดมิอาจปกป้องตนเองได้   จึงถูกบลาส เซจ ทำให้กลายเป็นผีดิบทั้งเป็น
                         เมื่อซาดิน อิบริดเป็นผีดิบมีชีวิตที่ถูกบลาส เซจบงการ   ก็ได้ประกาศแต่งตั้งบลาส เซจ เป็นผู้รักษาการณ์ และเป็นผู้นำทัพแทน  ก่อนจะสิ้นใจตายอย่างทรมานในที่สุด     หลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งแล้ว บลาส เซจ ก็แจ้งข่าวแก่ เนอริเมอร์ที่พำนักอยู่ซาโลมว่าซาดินพลาดท่าถูกเจ้าชายฮาริซัน เจ้าชายซิกมันต์ที่3 และ องค์หญิงเรจิน่า ทำร้ายบาดเจ็บสาหัสและตายในกระโจมที่พักเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว   เนริมอร์เมื่อทราบข่าวก็เสียใจแทบสิ้นสติ และไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น   แต่นางนาซาอี นักพยากรณ์สาวแห่งซาโลมได้แจ้งความจริงแก่เนริมอร์ว่า ซาดินนั้นถูกทำร้ายบาดเจ็บก็จริงแต่ไม่ร้ายแรงถึงตาย   หากแท้จริงแล้วถูกบลาส เซจ ลอบสังหารอย่างน่าอนาจเพื่อหวังยึดครองอำนาจซาโลมแต่เพียงผู้เดียว   เนริมอร์ทั้งเสียใจ และแค้นบลาส เซจสุดที่จะพรรณนาได้   นางจึงสั่งให้กองทัพถอนกำลังทหารกลับซาโลมทั้งหมดเนื่องเพราะคิดว่าหากสิ้นซาดินแล้ว   บลาส เซจก็อย่าหวังจะได้ครอบครองอาณาจักรทั้งหมดนี้เลย

                         ด้านบลาส เซจ นั้นเมื่ออะไรๆต่างก็ผิดแผนไปเสียหมด   จึงได้เปลี่ยนแผนใหม่แสร้งยกทัพกลับบางส่วน อีกส่วนก็ให้ตรึงกำลังไว้ที่สมรภูมิเช่นเดิม   ทั้งนี้ก็เพื่อกลับไปกำจัด ซาร์ อิสฮาน องค์รัชทายาท เพราะหากสิ้นรัชทายาทแล้ว เนริมอร์ก็ย่อมหมดอำนาจไปด้วย   เพราะถึงอย่างไรผู้หญิงก็ไม่สามารถขึ้นครองราชย์ได้  ระหว่างยกทัพกลับ บลาส เซจ ก็ได้ปล่อยข่าวว่าแคว้นลาซาลที่อยู่ทางตะวันตกของซาโลมคิดก่อการปฏิวัติ แคว้นลาซาลนั้นเดิมทีเป็นแคว้นที่แม่ทัพคนนึงของซาโลมผู้ไม่เห็นด้วยกับการขยายอาณาจักรของซาดินหนีไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่น   ดังนั้นแคว้นนี้จึงเปรียบเหมือนหนามยอกอกของซาโลมตลอดมา บลาส เซจปล่อยข่าวก็เพื่อล่อลวง นาริส สุไลมาน ผู้เป็นเสนาบดีแห่งซาโลม  ให้นำทัพที่เหลือในซาโลมออกไปปราบแคว้นลาซาลโดยอ้างว่าเป็นคำสั่งของซาดินก่อนตาย  นาริสหลงเชื่อจึงนำทหารออกไปจากซาโลม จนกองทัพในซาโลมเหลืออยู่เพียงแค่หยิบมือเดียว   เมื่อบลาส เซจ กลับไปถึงซาโลมแล้วจึงเข้าไปพบเนริมอร์ในท้องพระโรง   เมื่อเห็นบลาส  เซจเดินเข้ามาเนริมอร์ก็มิอาจเก็บความเสียใจและความคับแค้นไว้ได้   จึงเปิดฉากโจมตีใส่บลาส เซจทันที   ด้วยพลังแค้นของเนริมอร์ และ อาคมที่แก่กล้าของ บลาส เซจ ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนเสียงดังไปทั่วปราสาท    ซาร์ อิสฮาน ด้วยความที่รักเนริมอร์ผู้เป็นแม่ยิ่งนัก  เมื่อได้ยินเสียงต่อสู้ในท้องพระโรง ก็รีบวิ่งเข้าไปในท้องพระโรงทันที เพราะรู้ว่าเนริมอร์มักจะออกว่าราชการแทนในเวลานี้


Title: Re:เนื้อเรื่องย่อ Epi 9
Post by: Little Lamb, the Little Angel on February 17, 2005, 04:52:32 AM
                     เมื่อบลาส เซจเห็นซาร์ อิสฮานก็เปลี่ยนเป้าหมายหันไปโจมตีซาร์ อิสฮานทันที   เนริมอร์จึงเอาตัวเข้าบังบุตรชายไว้ และทั้งต่อสู้กับบลาส เซจไปด้วย    ด้านซาร์ อิสฮานเมื่อเห็นมารดาถูกโจมตีอย่างหนัก   ด้วยความรักเมื่อเห็นมารดาใกล้จะเสียท่า ก็ใช้พลังเวทย์ดูดพลังโจมตีของบลาส เซจมาใส่ตนเองแทน   แต่ด้วยความเป็นเด็กซาร์ อิสฮานจึงมิอาจทนแรงเวทย์ที่แก่กล้าของ บลาส เซจไหว   จึงถูกแรงอัดจนกระอักเลือดแทบหมดสติ    เนริมอร์เมื่อเห็นดังนั้นหัวใจนางแทบจะหยุดเต้นรีบเข้าไปกอดอิสฮาน    บลาส เซจ เห็นดังนั้นก็ฉวยโอกาสใช้ความรักระหว่างแม่ลูกเป็นเครื่องมือ    สร้างลูกเพลิงมารขนาดใหญ่หมายจะเผาซาร์ อิสฮานและเนริมอร์ให้เป็นจุลในคราเดียว
                     เมื่อเนริมอร์ หันไปเห็นดังนั้นก็รู้ว่าตนไม่อาจต่อสู้บลาส เซจ และปกป้องบุตรชายในเวลาเดียวกัน   ทั้งยังรู้ดีว่าไม่อาจจะหนีหรือหลบซ่อนจากบลาส เซจที่มีแบล๊ค ไวเซอร์คอยช่วยเหลือได้   ทางเดียวที่ลูกสุดที่รักของเธอจะปลอดภัยคือต้องไม่มีคนชื่อบลาส เซจอยู่ในโลกนี้   นางจึงตัดสินใจใช้พลังเวทย์ทั้งหมดที่นางมีเหลืออยู่สร้างพลังเวทย์ไฟที่จะระเบิดทั้งพระราชวังเป็นจุลพร้อมบลาส เซจ  และได้ใช้ผ้าคลุมขนนกแดงที่มีพลังผ่านมิติ ส่งซาร์ อิสฮาน ไปยังที่ที่ปลอดภัยจากบลาส เซจ  
                     เนริมอร์กอดซาร์ อิสฮานไว้แน่นจูบเบาๆที่แก้ม ก่อนจะพูดทั้งน้ำตาว่า “ลูกรัก จงอยู่อย่างมีความสุข  อย่าให้เหมือนพ่อของเจ้าที่แสวงหามันมาตลอดชีวิตแต่ไม่เคยได้พบ”
                     ว่าแล้วเนริมอร์ก็ท่องคาถาส่งซาร์ อิสฮานผ่านมิติไป    ซาร์ อิสฮานน้ำตานองหน้า ตะโกนสุดเสียง “ไม่นะ ท่านแม่  ข้าจะอยู่กับท่านแม่”
                     ขณะที่ร่างค่อยๆห่างออกไปเรื่อย   เนริมอร์ยิ้มให้ลูกและพูดว่า “จงอยู่อย่างมีความสุข ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจงจำใบหน้าที่ยิ้มแย้มนี้ของแม่ แม่รักเจ้าลูกรัก”  ด้านหลังของเนริมอร์แดงวาบ  ซาร์ อิสฮานเห็นแม่ของตนหันหลังกลับพร้อมกับสร้างลูกไฟเวทย์ขนาดมหึมาอย่างรวดเร็วก่อนจะค่อยๆเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาท   เกิดเปลวเพลิงลุกท่วมก่อนที่ภาพจะเริ่มไกลออกไปเรื่อยๆ  แต่ใบหน้าของแม่ที่มองซาร์ อิสฮานและยิ้มอย่างอ่อนโยนยังคงตราตรึงติดตาองค์ชายน้อยอยู่    จนกระทั่งร่างของมารดามอดไหม้กลายเป็นจุลไป ต่อหน้าต่อตา   ซาร์ อิสฮานตะโกนเรียกแม่สุดเสียง ก่อนที่ประตูระหว่างมิติจะปิดลง
                     พลังของเนริมอร์ส่งซาร์ อิสฮานมาไกลถึงอาณาจักรฟูดินัน    ภาพที่ซาร์ อิสฮานเห็นจากเปลวเพลิงแดงฉานแปรเปลี่ยนเป็นสีเงินระยับงาม   ใบแห่งมหาพฤกษาโปรยปรายราวฝนจากสวรรค์   ท่ามกลางผืนพรมสีเงินมีร่างบอบบางของสตรีที่งดงามยิ่งยืนอยู่   เจ้าหญิงวานาอันซึ่งในขณะนั้นมีอายุครบ 16ชันษาแล้ว   หญิงสาวผู้งดงามยิ้มอย่างอ่อนโยนทำให้เธอดูเหมือนเทพธิดา   เธอมองมาที่เขาอย่างเป็นห่วงเป็นใย    เด็กน้อยเอ่ยออกมา “ท่านแม่......” ก่อนที่สติจะดับวูบลง
         
                     สงครามได้กินเวลายาวนานถึงสองปีเต็มแต่ก็ไม่ทีท่าว่าจะยุติลง   อิสฮานเจ้าชายองค์น้อยซึ่งมาบัดนี้ได้เติบใหญ่ขึ้นมากกลายเป็นหนุ่มน้อยรูปงาม   อีกทั้งยังมีฝีไม้ลายมือที่เก่งกล้า มีไหวพริบเฉลียวฉลาดทันคน เพราะแต่แรกเริ่มเดิมทีเมื่อครั้งที่ยังอยู่ที่ซาโลมเจ้าชายหนุ่มก็ได้รับการอบรมสั่งสอนวิชา ความรู้แขนงต่างๆจากอาจารย์มากมายหลายสำนัก   ทั้งยังเป็นผู้มีใจอารีเพราะได้รับการเลี้ยงดูอย่างอบอุ่นจากทั้งเนริมอร์ และนาริส สุไลมานอเป็นทุนอยู่แล้ว    เมื่อมาอยู่ที่อาณาจักรฟูดินันแล้วได้ผู้เฒ่าวูจิน   ปู่ของฮาริซันและวานาอันคอยให้การอบรมสั่งสอนวิชาความรู้ต่างๆทั้งศาสตร์  ศิลป์ และ ปรัชญาให้ ซ้ำยังได้เรียนรู้ความมีน้ำใจ ความรักต่อเพื่อนมนุษย์จากชีวิตจริงของชาวฟูดินัน ที่มิเคยรังเกียจหรือดูแคลนที่เจ้าชายเป็นคนต่างเผ่าต่างชนชาติ ทำให้เขากลายเป็นผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี รักเพื่อนมนุษย์ทุกคนมีความคิดอ่านที่เป็นผู้ใหญ่เกินตัวและยังเป็นที่รักของผู้คนในอาณาจักรอีกด้วย

                     กล่าวถึงด้านอาณาจักรซาโลม   เมื่อเนริมอร์ได้ใช้พลังเวทย์เผาผลาญทุกอย่างสิ้นทั้งแบล็ค ไวเซอร์ และบลาสเซจก็ถูกเผาผลาญชีวิตในกองเพลิง ทว่าบลาส เซจก่อนจะตายได้ใช้ร่างของแบล็ค ไวเซอร์ เรียกอสูรร้ายจากนรกทำสัญญาขายวิญญาณ   ดังนั้นบลาส เซจจึงยังมีชีวิตอยู่ในร่างของมารร้าย
                     ในระยะแรกนั้นเมื่อผู้คนในซาโลมรู้ว่าบลาส เซจทำการปฏิวัติสังหารซาดินและเนริมอร์กับองค์รัชทายาทซาร์  อิสฮานถูกเผาผลาญสิ้นในราชวัง    กลับมีเพียงบลาส เซจที่มีชีวิตรอดมาได้อย่างเหลือเชื่อ   ก็ต่างไม่ยอมรับในตัวบลาส เซจจอมโฉด   บรรดาขุนนางผู้จงรักภักดีต่างก็ไม่พอใจ บลาส เซจ และคิดแข็งข้อ   ทำให้บลาส เซจต้องหยุดพักการรบไว้เพียงแค่ตรึงกำลังรักษาดินแดนที่เคยตีมาได้ แล้วหันมาจัดการกำจัดผู้ที่คิดต่อต้านตนแทน   ทั้งใช้ลูกเพลิงมารเผา ทั้งสังหารโหด ทำให้ผู้คนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก    ผู้ที่เหลืออยู่ต่างก็ต้องฝืนใจยอมรับ    หลังจากยึดอำนาจได้เบ็ดเสร็จ บลาส เซจจึงประกาศล่าตัวนาริส สุไลมาน และประนามว่าเป็นกบฎคบคิดกับแคว้นลาซาล   พร้อมให้กองทัพออกไล่ล่ากองทัพของนาริสจนพินาศย่อยยับ   แต่นาริสสามารถหลบหนีไปได้    หลังจากที่บลาส เซจตั้งตนเป็นใหญ่ได้ไม่นานก็เกิดความผิดปกติในตัวขึ้น   เงาอสูรในจิตใจของบลาส เซจได้ออกมาครอบงำจนรูปร่างเปลี่ยนไปเป็นปีศาจร้ายที่น่ากลัว   ปีศาจบลาส เซจซึ่งเป็นใหญ่อยู่ในซาโลมได้สั่งให้สมุนปีศาจของตนเองไปเป็นผู้นำทัพรบกับ ฟีเลเซียและฟูดินันแทนโดยตนเองนั้นคอยควบคุมและสั่งบัญชาการรบเหล่าสมุนปีศาจด้วยโทรจิต


Title: Re:เนื้อเรื่องย่อ Epi 9
Post by: Little Lamb, the Little Angel on February 17, 2005, 04:53:17 AM
                         อิสฮาน หลังจากที่ได้รับการรักษาเยียวยาจนหายโดยท่านผู้เฒ่าวูจินก็อาศัยอยู่ที่เมืองฟูดินันมาโดยตลอด   เจ้าชายรู้สึกรักอาณาจักรแห่งนี้มากเพราะธรรมชาติอันร่มรื่นเงียบสงบ ชาวเมืองที่มีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย มีน้ำใจถ้อยทีถ้อยอาศัย และเป็นมิตร     โดยเฉพาะผู้เฒ่าวูจิน และองค์หญิงวานาอันที่แม้เมื่อครั้งพบกันในสภาพที่ชวนสงสัย และยังรู้ว่าเขาเป็นชาวซาโลมชนชาติศัตรูแต่ก็มิเคยถามถึงอดีตและที่มาของเจ้าชายเลย ทั้งยังรักใคร่ดูแลอย่างดีเหมือนเด็กธรรมดาทั่วๆไปในฟูดินัน    ซึ่งตัวอิสฮานเองก็รู้สึกอยากเกิดเป็นเด็กธรรมดาของฟูดินันที่มีชีวิตสงบสุข มากกว่าจะเกิดเป็นเจ้าชายของซาโลมที่ต้องเสียทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่พ่อและแม่ไป    เจ้าชายอิสฮานเมื่ออยู่ที่ฟูดินัน ก็คอยติดตามวานาอันไปทุกหนทุกแห่งเหมือนองครักษ์ประจำตัว   ทางด้านวานาอันเองก็รักเอ็นดูเจ้าชายเหมือนน้องชายของตน   แต่ความสัมพันธ์นี้ท่านผู้เฒ่าและฮาริซันนั้นรู้ดีว่าอิสฮานมิได้มีความรักต่อวานาอันเช่นพี่สาวน้องชาย และในชั่วขณะนั้นเองฟูดินันก็ได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายภายในขึ้น   เมื่อเหล่าโจรจากป่าทมิฬก่อการปล้นสะดม เพราะความไม่พอใจในการตั้งตนขึ้นเป็นผู้นำของฮารีซัน และการที่ต้องทนทุกข์กับสงคราม   ซึ่งเหตุการณ์นี้อิสฮานได้ใช้ความเฉลียวฉลาด และความสามารถปกป้องวานาอันและแก้ไขสถานการณ์ไว้ได้   ทำให้เจ้าชายหนุ่มได้รับการยอมรับจากฮาริซัน และชาวเมืองว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของเผ่า และจากเหตุการณ์นี้ทำให้วานาอันเริ่มมองอิสฮานในฐานะของชายหนุ่มคนหนึ่งมากขึ้น

                         หากจะกล่าวถึงทางด้านเจ้าหญิงอาลาน่าแห่งอาณาจักรแอนดิซองนั้น ช่วงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอได้รับการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนจากซิสเตอร์โรซาน่าและคอยช่วยเหลือคนยากจนในสลัม   เพราะแม้ว่าอาณาจักรแอนดิซองจะร่ำรวยสักปานใด     แต่ก็เหมือนกับเมืองใหญ่ทั่วไปที่ผู้ที่ร่ำรวยก็จะร่ำรวยจนล้นฟ้า ผู้ที่ต้อยต่ำก็จะต่ำเตี้ยติดดิน   เจ้าหญิงอลาน่าและซิสเตอร์โรซาน่าจะคอยออกไปช่วยเหลือคนยากคนจนโดยไม่แบ่งชั้นวรรณะ   แจกจ่ายอาหารให้ สอนหนังสือให้แก่เด็กๆ รักษาคนเจ็บป่วยด้วยพลังแห่งการรักษาของตนเอง   เจ้าหญิงอาลาน่าซึ่งอยู่ในพระหรรษทานของพระเจ้ามาตั้งแต่เล็กจึงซึบซาบเอาความมีเมตตา ความรักต่อเพื่อนมนุษย์มาไว้อยู่เต็มหัวใจ ทุกวันเจ้าหญิงจะนำอาหารจากในวังมาแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านในสลัม   บ้างก็จะคอยช่วยซิสเตอร์เลี้ยงดูเด็กกำพร้าในสลัม บ้างก็จะช่วยสอนหนังสือแก่เด็กๆ
                         จนเมื่อมหาสงครามของทั้ง3อาณาจักรอุบัติขึ้น   ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศต่างก็หลั่งไหลเข้าสู่แอนดิซองดั่งน้ำป่าหลาก ทั้งลูกเด็กเล็กแดง เหยื่อภัยสงคราม ทหารบาดเจ็บหนีทัพต่างก็มาแออัดอยู่ตามถนนหนทางในสลัมจนถึงหน้าปราสาท   ผู้ที่หนีภัยมาอยู่ที่แอนดิซองเมื่อไม่มีเงินพอเรียกครอบครัวก็ขายตัวเองเป็นทาสใช้แรงงาน บางคนก็ขายลูกขายเมียไปใช้แรงงานบ้างไปเป็นโสเภณีบ้าง สร้างความสะเทือนใจแก่เจ้าหญิงยิ่งนัก อาลาน่าจึงเริ่มออกช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มตัวโดยร่วมกับซิสเตอร์โรซาน่าตั้งศูนย์บรรเทาผู้ทุกข์ยากขึ้น    ผู้คนต่างก็เข้ามาขอพึ่งความบรรเทาใจจากศูนย์แห่งนี้เป็นจำนวนมาก   จนกระทั่งเมื่อบลาส เซจซึ่งได้กลายเป็นปีศาจและเริ่มบุกฟูดินันและฟีเลเซียอย่างบ้าคลั่งจนผู้คนต่างกล่าวขานกันว่าผู้คนถูกเข่นฆ่าจนเลือดย้อมมหาสมุทร
ในที่สุดอาลาน่าไม่อาจทนเห็นครอบครัวต้องพลัดพรากผู้คนต้องล้มตายไปมากกว่านี้   ในปีเดียวกันนั้นเองเจ้าหญิงอาลาน่าจึงตัดสินใจสละราชสมบัติออกบวชถือเพศบรรพชิตในคณะของซิสเตอร์โรซาน่านั้นเองโดยไม่ฟังคำทัดทานของอองเดร ออนเนอเร่ ราชองครักษ์และได้แต่งตั้ง อองเดร ออนเนอร์เร่ให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน   อาลาน่าเมื่อออกบวชแล้วก็ได้รักษาผู้คนทั้งชาวบ้านและทหารที่บาดเจ็บโดยไม่จำแนกว่าเป็นกองทัพใดฝ่ายใด   แต่จำนวนผู้บาดเจ็บก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ   ที่สุดซิสเตอร์อาลาน่าจึงคิดว่าหากอยู่ในแอนดิซองก็จะทำได้เคยเป็นที่รองรับผลพวงของสงครามเท่านั้น   แต่หากตนไปช่วยเหลือผู้คนที่สมรภูมิเลยตนยังสามารถเปลี่ยนจิตใจของเหล่าทหารให้เกิดความรักในเพื่อนมนุษย์ได้ และบวกกับความรู้สึกผิดที่เธอคิดว่าเธอเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบในสงครามนี้ด้วยเพราะเธอได้ให้การสนับสนุนแก่ฟีเลเซียและฟูดินัน
                         ซิสเตอร์อาลาน่าจึงรวบรวมอาสาสมัครได้ก็ออกเดินทางสู่สมรภูมิรบติดชายแดนของฟูดินัน และได้สร้างค่ายเพื่อรักษาผู้คนที่นั่น   ภายในค่ายแห่งนี้เป็นดังค่ายแห่งสันติเพราะผู้ที่มาในค่ายแห่งนี้เมื่อได้พบกับความเมตตาดุจเทพธิดาของซิสเตอร์อาลาน่าต่างก็รู้สึกสงบและเริ่มเปลี่ยนจากจิตใจที่แข็งกระด้างมาเป็นจิตใจที่อ่อนโยน   ทุกคนที่มาอยู่ในค่ายแห่งนี้จะอยู่กันอย่างสันติไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งชาติใดภาษาใดมีแต่คำว่าเพื่อนพี่น้อง   ทหารและชาวบ้านที่บาดเจ็บมากมายของทั้งสามอาณาจักรต่างก็หลั่งไหลมาสู่ค่ายแห่งนี้


                         ข้างฝ่ายอองเดรเมื่อดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนได้ไม่นาน ก็ถูกวิโอเรียผู้ซึ่งอยากจะเอาชนะอลาน่ามาตลอดเวลาจึงต้องการตำแหน่งราชินี  ยิ่งกว่านั้นเธอยังต้องการจะเป็นราชินีที่โด่งดังมีชื่อเสียงยิ่งกว่าอาลาน่าญาติผู้พี่ของเธอ  ดังนั้นวิธีเดียวที่ใครๆก็จะรู้ว่าแอนดิซองมีราชินีใหม่คือขึ้นครองราชและเข้าร่วมในมหาสงครามครั้งนี้    เพื่อการนี้เธอจึงได้ดึงเอาสภาทั้งสองเข้ามาเป็นพวกของตน   สภาพ่อค้าซึ่งนำโดยรูฟัสผู้ซึ่งมีความแค้นเคืองอาลาน่าเมื่อครั้งแอนดิซองเกิดโรคระบาดและต้องการจะแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าทาส การขายอาวุธ ตลอดจนการโก่งราคาเครื่องอุปโภคบริโภค  และสภาศาสนาซึ่งนำโดยมาสสิลิโอ้ผู้มองเห็นซาโลมเป็นสิ่งชั่วร้ายโดยเฉพาะการที่บลาส เซจร่วมมือกับภูติผีปีศาจ   จึงมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งที่คุณธรรมจะต้องลงโทษ   เมื่อวิโอเรียมีสภาทั้งสองหนุนหลังเช่นนี้จึงได้เริ่มยุยงอองเดรให้ยึดอำนาจ   อองเดรนั้นยังคงจงรักภักดีต่อราชสำนักอีกทั้งตนเองก็มิใช่เชื้อพระวงศ์ด้วยจึงไม่อาจทำได้    แต่ทว่าวิโอเรีย สังฆราชมาสสิลิโอ้และหัวหน้าพ่อค้ารูฟัสต่างก็ช่วยกันยุแยงโดยเสนอให้วิโอเรียที่มีสายเลือดเป็นเชื้อพระวงศ์แต่งงานกับอองเดร   ในที่สุดอองเดรก็ยอมทำตามและกลายเป็นกษัตริย์แห่งเมืองแอนดิซองได้สำเร็จ   หากแต่จุดประสงค์ของอองเดรหวังเพียงจะใช้กำลังของแอนดิซองยุติสงครามนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อว่าเมื่อสงครามสงบเจ้าหญิงอาลาน่าที่เขาเทิดทูนยิ่งกว่าชีวิต จะได้กลับมาเป็นเจ้าหญิงดังเดิมเท่านั้น


Title: Re:เนื้อเรื่องย่อ Epi 9
Post by: Little Lamb, the Little Angel on February 17, 2005, 04:53:47 AM
                      เมื่อซาโลมที่เจอทั้งศึกในและศึกนอกเริ่มเป็นฝ่ายล่าถอย   แอนดิซองเห็นการเสียเปรียบของฝ่ายซาโลมจึงยื่นข้อเสนอไปยังฟีเลเซียว่าจะร่วมรบด้วย   โดยจัดตั้งเป็นกองทัพศาสนจักรในนามอิคเครเซีย   และเพราะแอนดิซองมีคาลดินัลมาสสิลิโอ้ซึ่งมีศักดิ์สงฆ์สูงกว่าเกรกอรี่   แอนดิซองจึงฉวยโอกาสที่ได้เปรียบนี้เอาศาสนามาบังหน้าเพื่อทำให้ตนเองเป็นฝ่ายที่มีอำนาจสั่งการมากกว่าฟีเลเซีย

                      ในส่วนเจ้าหญิงอาลาน่าที่บัดนี้คือซิสเตอร์อาลาน่า เมื่อได้รู้ข่าวนี้ก็เศร้าเสียใจอย่างมาก ได้สวดภาวนาขอความเมตตาจากพระเจ้า   คืนหนึ่งขณะสวดภาวนา เธอได้เห็นนิมิตของ Amara,the Angel of Cups ซึ่งไขแสดงถึงอนาคตของเธอและสงคราม   ซิสเตอร์อลาน่าจึงตั้งหน้ารอคอยผู้ที่พระเจ้าจะนำมา และภารกิจอันยิ่งใหญ่อีกชิ้นหนึ่งที่เธอต้องกระทำเพื่อสันติสุขของโลก

                      เมื่ออิสฮานถูกส่งมาช่วยฮารีซันในแนวหน้าเป็นเวลา3เดือน   เขาได้มีโอกาสรู้จักซิสเตอร์อลาน่า  และได้เห็นความโหดร้ายของสงครามอันเกิดจากประเทศของตนและในอีกด้านที่ค่ายผู้ประสบภัยสงครามอันเปี่ยมสันติสุข   เขาเรียนรู้ถึงความรักที่มีต่อผู้อื่นโดยไม่มีเงื่อนไขของอาลาน่า และได้รู้จักความรักของพระเจ้าผ่านทางกิจการต่างๆของซิสเตอร์   ทำให้เขารู้สึกนับถืออาลาน่ายิ่งนักจึงรักยกย่องอาลาน่าเหมือนดั่งพี่สาวแท้ๆของตน และนั้นทำให้เขาเข้าใจในความรู้สึกของตนเองมากขึ้นว่าความรู้สึกที่เขามีต่อวานาอันนั้นมิใช่อย่างพี่สาวและยิ่งเมื่ออยู่ห่างไกลกัน   เขาก็ยิ่งได้รู้ว่าชีวิตของเขาไม่อาจอยู่อย่างมีความสุขโดยปราศจากเธอ    เขาได้เขียนจดหมายหลายฉบับที่แพร่งพรายความในใจของเขาแก่วานาอัน   ซึ่งวานาอันเองก็ได้ติดตามมาช่วยงานในค่ายของอลาน่า และเมื่อพบกันอีกครั้งทั้งสองจึงได้ค้นพบหัวใจที่แท้จริงของตนเอง
                      ซิสเตอร์อาลาน่านั้น เมื่อได้พบอิสอานจนได้รู้ว่าแท้จริงเขาคือใครก็ทราบว่าเขาคือคนที่นิมิตบอก   เธอจึงสอนอิสฮานในเรื่องต่างๆมากมายทั้งเรื่องศาสนา ความรัก ความเมตตา และให้กำลังใจในการเอาชนะตราบาปในใจเพื่อพลิกชะตาชีวิตของตน   อิสฮานผู้ซึ่งถูกขัดเกลาเหมือนได้เกิดใหม่จึงตัดสินใจที่จะไปปลดปล่อยประชาชนของตนให้เป็นไท และตั้งตนเป็นผู้ประกาศศาสนาเพื่อเผยแพร่ความรักต่อเพื่อนมนุษย์แก่ทุกคน   เพราะในขณะนั้นซาโลมยังไม่มีศาสนา   เขาเชื่อว่าด้วยการมีศาสนาจะสามารถช่วยรักษาจิตวิญญาณ เติมเต็มความหวัง และเปลี่ยนนรกในซาโลมได้   จึงได้รวบรวมเหล่าทหารและอาสาสมัครที่ต้องการให้เกิดสันติภาพเหมือนตนในค่ายนั้นออกเดินทางไปยังซาโลม โดยมีวานาอันติดตามไปด้วย และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ Ep10 Neo Prophet