Summoner Master Forum
April 19, 2024, 08:32:37 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: @@ นิยายSMN Chapter 29 สายลมแห่งความทรนง@@  (Read 9654 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« on: October 23, 2004, 03:04:14 AM »

Chapter29 สายลมแห่งความทรนง


                       ในเวลาเพียงแค่สามอาทิตย์ จอมทัพแห่งฟีเลเซียก็ฟื้นคืนกำลังอย่างรวดเร็ว   บาดแผลต่างๆแทบไม่เหลือร่องรอยความเจ็บปวดใดๆ และดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ   เพราะได้รับการเสริมพลังตลอดระยะเวลาที่รักษาตัวอยู่   ทุกวันชาร์ลจะไปสนามฝึกซ้อมภายในกองทัพเพื่อฝึกร่างกายอย่างหนักและในวันนี้ก็เช่นกันที่แม่ทัพหนุ่มคลุกอยู่แต่ในสนามฝึกซ้อม   แท่งเหล็กหนาหลายแท่งถูกมัดติดตามร่างกายของเขา   ในมือถือท่อนเหล็กขนาดใหญ่แทนดาบคู่ใจกวัดแกว่งจากกระบวนท่าหนึ่งไปอีกกระบวนท่าหนึ่งอย่างคล่องแคล่ว   นายทหารฝีมือดีมากกว่าสี่สิบนายในชุดเกราะป้องกันเต็มยศต่างยืนรายล้อมรอหาจังหวะเข้าจู่โจมผลัดกันถาโถมเข้าฟาดฟันใส่จอมทัพฟีเลเซียครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุด   แม้ต่างฝ่ายต่างก็เหนื่อยหอบแต่ก็ไม่ยอมเสียเวลาหยุดพักกันสักนาที
                       ทันใดนั้นเสียงแตรก้านยาวก็ดังขึ้นประกาศการมาถึงขององค์กษัตริย์   กษัตริย์ซิกมันต์ที่3 ในชุดเกราะเต็มยศสีเขียวเข้มมันวาวเสด็จเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมบิชอปเกรเกอรี่ และ ทหารผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง
                       “ข้าดีใจที่ท่านขยันฝึกซ้อมถึงขนาดนี้   ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีอย่างยิ่งให้กับพวกทหาร   แต่ท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้หักโหมมากจนเกินไป” ซิกมันต์กล่าวแก่ชาร์ลผู้เป็นทั้งอาจารย์และสหายคนสนิท  พลางกวาดตามองแท่งเหล็กที่ถูกมัดติดตามร่างกายของชาร์ล
                       “ฝ่าบาท   เวลานี้ร่างกายของหม่อมฉันดูจะแข็งแกร่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ   แต่หม่อมฉันก็ประมาทไม่ได้   กองทัพของพวกซาโลมแปลกประหลาดขึ้นทุกวัน ทั้งสัตว์ประหลาดทั้งทหารปีศาจ” แม่ทัพหยุดพูดไปชั่วขณะหนึ่งราวกับหวนระลึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะกล่าวต่อ “หลังจากการประมือกับแม่ทัพของฝ่ายนั้นจนอาการสาหัสอยู่เป็นเดือน   หม่อมฉันก็ไม่อาจนิ่งเฉยไม่ฝึกฝนร่างกายได้อีก   การจู่โจมของมันแต่ละครั้งถ้าโดนเข้าทีหนึ่งก็แทบปางตายได้เลย   หม่อมฉันจำเป็นต้องว่องไวยิ่งกว่าสายลม   ครั้งหน้ามันจะไม่มีโอกาสได้หนีการประลองไปกลางคันแบบนี้อีก” ชาร์ล กล่าวอย่างขุ่นเคืองเมื่อนึกถึงการประลองทั้งสองครั้งที่ทำให้เกียรติของเขาต้องด่างพร้อย
                       “ท่านแม่ทัพ   ข้าเข้าใจความคับข้องใจของท่านดี   แต่ความโกรธจะทำให้ท่านขาดสติในการตัดสินใจที่ดีได้” บิชอปกล่าวเตือนอย่างไม่จริงจังนัก ด้วยรู้นิสัยของจอมทัพหนุ่มผู้นี้ดีว่าโดยพื้นฐานแล้วเป็นคนอารมณ์ดี และสามารถจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกต่างๆได้เก่ง
                       ชาร์ลยิ้มกว้างเมื่อโดนบิชอปแกล้งเหน็บ “ท่านบิชอป   ข้าใช้ความขับข้องใจของข้าไปออกที่แรงที่กำลังนะ  ไม่ได้ไปออกที่สมอง”
                       “ดี   ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้ข้าดูหน่อยเป็นไง” ซิกมันต์กล่าวขึ้นบ้าง “ดาบของท่าน  ข้าให้ช่างหลวงเปลี่ยนให้ใหม่แล้ว”
                       “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ  แรงปะทะจากเคียวของแม่ทัพทมิฬนั้นทำให้คมดาบหม่อมฉันบิ่นไปหลายที่...  เดี๋ยว...ฝ่าบาทตรัสว่าเปลี่ยนอย่างนั้นเหรอ?”  ชาร์ลถามอย่างไม่แน่ใจ
                       ซิกมันต์โบกมือเป็นสัญญาให้นายทหารผู้ติดตาม   สักพักนายทหารสองนายก็ช่วยกันลำเลียงดาบของชาร์ลเข้ามา   ดาบสีเงินอมเขียวขนาดใหญ่เงาวาวคมกริบ   ที่ตัวดาบมีลายเส้นสีแดงสวยงาม  ด้ามจับสีน้ำเงินยังคงเดิมทว่าหุ้มด้วยหนังมังกรถักอย่างสวยงาม
                       “ดาบนี้หลังจากที่ฝ่าบาททรงปรับเปลี่ยนให้ใหม่แล้ว   ข้าได้เชิญนักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์หลายองค์มาร่วมกันสวดและอวยพรแก่ดาบเล่มนี้   ข้าได้ตั้งชื่อให้ดาบเล่มนี้ว่า คูนีกุนเด(Kunigunde, the Sword of Charles) ตั้งชื่อตามนักบุญหญิงผู้เป็นราชินีชาตินักรบผู้ยิ่งใหญ่   ตัวดาบเป็นโลหะจากสายแร่ใหม่ที่พบบนเกาะวาร็อค   เนื้อแข็งมากแต่น้ำหนักเบา   เวลานี้ดาบเล่มนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่งของฟีเลเซีย   จงใช้มันเพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งฟีเลเซียเถิด”  บิชอปเกรเกอรี่กล่าวพร้อมกับวาดมือเหนือดาบคูนีกุนเด
                       “ข้าสั่งให้ใช้โลหะนี้ทำชุดเกราะใหม่ให้แม่ทัพทุกคนรวมถึงท่านด้วย   มันคงทำให้ท่านเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นมากทีเดียว” ซิกมันต์กล่าว
                       “ลองดูสิ” เกรเกอรี่แนะ
เหล่าทหารต่างช่วยกันปลดท่อนเหล็กออกจากตัวจอมทัพ   ชาร์ลยกดาบขึ้นคะเนน้ำหนัก   เขาอดยิ้มอย่างชื่นชมและตื่นเต้นกับเพื่อนเก่าในรูปโฉมใหม่ไม่ได้   สายตาเขาไล่ละไปตามคมดาบ
                       “มันเบาขึ้นมากพ่ะย่ะค่ะ”
                       ซิกมันต์ผายมือไปกลางสนามซ้อม   ซึ่งจอมทัพหนุ่มก็ปฏิบัติทันที   ชาร์ลเหวี่ยงดาบเบาๆเพื่อสร้างความคุ้นเคย   สักพักจึงเริ่มตั้งท่าร่ายรำเพลงดาบ   เสียงคมดาบแหวกอากาศค่อยๆดังเร่งจังหวะถี่ระรัวขึ้นเรื่อยๆ   จนกระทั่งทุกคนแทบจะมองไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ   นอกจากเสียงหวีดหวิวของลมที่เกิดจากคมดาบ   รอบๆบริเวณนั้นเกิดลมหมุนพัดเอากิ่งก้านของต้นไม้โยกไหวอย่างแรง   ใบไม้หลุดร่วงปลิวว่อน
                       ซิกมันต์พยายามจ้องมองทุกความเคลื่อนไหวของชาร์ลตาไม่กระพริบ   เวลานี้แม้แต่ตัวเขาเองก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชาร์ลอีกต่อไป  
                       “หยิบท่อนเหล็กพวกนั้นมา” ซิกมันต์ออกคำสั่งให้ทหารนำท่อนเหล็กที่ชาร์ลใช้มาสักครู่มาให้ตน  
                       ซิกมันต์หยิบท่อนเหล็กขึ้นมาท่อนหนึ่งเขวี้ยงไปเหนือจอมทัพหนุ่มทันที   ในชั่วเสี้ยววินาทีนั้นชาร์ลก็ทะยานขึ้นและลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว   ในขณะที่แท่งเหล็กนั้นก็ถูกตัดขาดเป็นสี่ท่อนร่วงลงสู่พื้น   แต่ยังไม่ทันที่จะตกกระทบพื้น  ชาร์ลก็ตวัดดาบอีกครั้งตัดท่อนเหล็กเหล่านั้นที่จุดกึ่งกลางพอดิบพอดีจนดูราวกับว่าเขาได้คำนวณขนาดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว  
                       บรรดานายทหารต่างปรบมือกันเกลียวด้วยความอัศจรรย์ใจ   ทั้งซิกมันต์และเกรเกอรี่ต่างก็ยิ้มพยักหน้าอย่างชื่นชม   ชาร์ลเดินเข้ามาคำนับขอบคุณบุคคลทั้งสอง
                       ทันใดนั้นทหารนายหนึ่งก็วิ่งตรงมาหาบุคคลทั้งสามอย่างรวดเร็วกล่าวรายงานเสียงดัง
                       “ฝ่าบาท   กองทัพซาโลมมีการเคลื่อนไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
                       ซิกมันต์ยิ้มอย่างสะใจ “ศึกครั้งนี้ไอ้พวกซาโลมจะต้องประหลาดใจแน่”
« Last Edit: October 23, 2004, 03:42:58 AM by Little Angel » Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #1 on: October 23, 2004, 03:06:04 AM »

                           ย่างเข้าเดือนJamestonaresกองทัพซาโลมจำนวนหนึ่งแสนนายก็ยาตราประชิดเมืองฟรอนทีเนีย   ซึ่งเป็นเมืองที่เสมือนกับเป็นประตูสู่อาณาจักรตอนกลาง   ในขณะที่อีกกองทัพหนึ่งของซาโลมก็เตรียมบุกประชิดเมืองเอรีมเช่นกัน   แต่ทว่าในครั้งนี้ทางฟีเลเซียไม่อาจรู้ได้เลยว่าใครจะเป็นผู้นำกองทัพทั้งสองของซาโลม    ชาร์ล คลาแรนซ์จึงขันอาสายกทัพออกไปยันกับทัพเรือนแสนของซาโลมที่บริเวณทุ่งราบคีร่าชานเมืองฟรอนทีเนีย   เพราะเขาถนัดการรบประเภทบุกตะลุยแบบประชิดตัวมากกว่า   ภูมิประเทศที่เป็นทุ่งเปิดโล่งอย่างทุ่งราบคีร่าจะทำให้เขาสามารถออกอาวุธได้อย่างเต็มที่   ซึ่งซิกมันต์และบรรดาแม่ทัพต่างก็เห็นด้วย
                           ทางด้านเมืองเอรีมนั้น   กษัตริย์ซิกมันต์พร้อมแม่ทัพอีกจำนวนหนึ่งอยู่ป้องกันเมืองจากการโจมตีของทัพซาโลม   ขณะเดียวกันซิกมันต์ก็ได้ส่งเกรเกอรี่ บรรดาพระชั้นผู้ใหญ่ และเหล่านักบวชไปหลบภัยที่เมืองวอลเนีย   พร้อมทั้งทำหน้าที่สวดอ้อนวอนพระเจ้าเพื่อชัยชนะของฟีเลเซียโดยหารู้ไม่ว่าซาโลมได้แอบซุ่มกองทัพที่น่าสะพรึงกลัวไว้เตรียมบุกเมืองวอลเนียด้วยเช่นกัน




                           สองวันหลังจากที่ซิกมันต์ส่งชาร์ลและกองทัพฟีเลเซียกว่าเจ็ดหมื่นนายสู่เมืองฟรอนทีเนียแล้วก็รีบเรียกประชุมแม่ทัพ พร้อมทั้งเรียกตัวฟอล์คเนอร์เข้าพบทันที
                           “ได้เรื่องหรือยัง?” ทันทีที่ฟอล์คเนอร์มาถึง   ซิกมันต์ก็ยิงคำถามใส่อย่างรวดเร็ว
                           “พ่ะย่ะค่ะ   กระหม่อมต้องขอพระราชทานอภัยโทษที่ข่าวสารล่าช้าไปมาก   เพราะช่วงที่ผ่านมาทัพซาโลมปล่อยข่าวลือออกมามากมาย   แม้แต่ทหารในกองทัพเองก็ยังไม่มีใครรู้ว่าข่าวไหนจริงข่าวไหนเท็จ   ทำให้กว่าจะกรองข่าวได้เสร็จก็เสียเวลาไปมาก”
                           “ชิ! เจ้าเล่ห์นัก” ซิกมันต์กล่าวดูถูก “แล้วตกลงว่าใครเป็นผู้นำทัพทั้งสองของพวกมัน”  
                           “ทูลฝ่าบาท   ผู้นำทัพใหญ่ที่มุ่งหน้าสู่เมืองฟรอนทีเนีย คือ กษัตริย์ซาดินพ่ะย่ะค่ะ   ว่ากันว่าฝีมือของเขาร้ายกาจยิ่งกว่าราโชยูผู้เป็นแม่ทัพเสียอีกพ่ะย่ะค่ะ”
                           “หึ! มันจะเก่งสักแค่ไหนเชียว” ซิกมันต์เยียดปากอย่างดูแคลน สีหน้าแข็งกร้าวขึ้น “ถ้าอย่างนั้นกองทัพที่จะบุกเอรีมก็นำโดยราโชยูสินะ”
                           “พ่ะย่ะค่ะ” ฟอล์คเนอร์ตอบ
                           “ฝ่าบาท” แม่ทัพพลมังกรเอ่ยขึ้น “ข้าพระองค์เห็นว่าเราไม่ควรประมาทแม่ทัพผู้นี้พ่ะย่ะค่ะ   เพราะนอกจากจะเป็นผู้มีฝีมือและมีเรี่ยวแรงมหาศาลแล้ว   เขายังมีมังกรดำโนฟโฮทิออนเป็นพาหนะอีกด้วย”
                           “มังกรดำอย่างนั้นรึ?  ไม่มีทาง!มังกรโนฟโฮทิออนแทบจะฝึกให้เชื่องไม่ได้เลย   ข้าไม่เชื่อว่าไอ้พวกไร้อารยธรรมอย่างนั้นมันจะฝึกมังกรดำให้เชื่องได้”
                           “ฝ่าบาทเพคะ   หม่อมฉันเชื่อว่าพวกมันน่าจะใช้ผู้ฝึกมังกรร่ายเวทย์สะกดมังกรดำเพคะ” แม่ทัพผู้ฝึกมังกรหญิงกล่าวขึ้น “การร่ายเวทย์ควบคุมมังกรแม้จะยากลำบากกว่าการฝึกมังกรให้เชื่องหลายเท่านักแต่ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้  ทว่าก็เทียบไม่ได้เลยกับการร่ายเวทย์บังคับโนฟโฮทิออนเพราะต้องร่ายเวทย์ตลอดเวลาและต้องใช้ผู้ฝึกมังกรหลายคนในการบังคับมังกรดำหนึ่งตัว   หากเราสามารถทำลายการร่ายเวทย์ของพวกผู้ฝึกมังกรได้   มังกรดำจะต้องเสียการควบคุมแน่นอนเพคะ”
                           “ดี! ฟอล์คเนอร์เจ้าไปหาพวกผู้ฝึกมังกรให้เจอ  แล้วจำกัดซะ” ครั้นแล้ว ซิกมันต์จึงหันไปทางอัศวินหญิงท่าทางปราดเปรียวนางหนึ่ง “โรน่า (Rona, the Pegasus Knight General) ข้าต้องการเปกาซัสพันธุ์ไหนก็ได้   ไม่ต้องเคยผ่านศึกก็ได้   แต่ต้องเป็นตัวที่บินเร็วที่สุดที่เรามี”  
                           “ฝ่าบาท” แม่ทัพเปกาซัสสาวผู้มีผมยาวสยายสีน้ำตาลเข้มเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว “เปกาซัสที่ไม่เคยออกศึกเลยอาจจะตื่นและพยศได้นะเพคะ”
                           “เหลวไหล!   เจ้าก็รู้ว่าข้าขี่เปกาซัสได้ทุกตัว   ไม่ว่ามันจะพยศแค่ไหนข้าก็ปราบมันได้สำเร็จทุกครั้ง” สำหรับซิกมันต์ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านเปกาซัสที่สุดในฟีเลเซีย   ถึงขนาดว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีเปกาซัสคู่กายอย่างอัศวินเปกาซัสคนอื่น   ดังนั้นการเตือนเรื่องเปกาซัสด้วยความเป็นห่วงก็อาจกลายเป็นการดูถูกฝีมือได้
                           “ขอประทานอภัยเพคะฝ่าบาท   ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขอเสนอเปกาซัสสามสายพันธุ์ให้พระองค์เลือกเพคะ   คือ ไนท์แมร์ เปกาซัส(Nightmare Pegasus), เรนโบว์ วิง เปกาซัส (Rainbow Wing Pegasus) และ เปรัน เปกาซัส (Perun Pegasus)   เปกาซัสทั้งสามได้ชื่อว่าเร็วที่สุดเท่าที่กองทัพของเรามีในขณะนี้   แต่ในจำนวนทั้งสามนี้ เปรันเปกาซัสดูจะว่องไว ปราดเปรียว และ คึกคะนองที่สุด   เพียงแต่ว่ามันยังไม่ได้รับการฝึกเท่าที่ควร เพราะความเร็วและความคึกคะนองของมันทำให้ผู้ฝึกเปกาซัสบังคับมันลำบาก”
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #2 on: October 23, 2004, 03:07:12 AM »

                     “ดี   ข้าจะใช้เจ้านี่แหละปราบแม่ทัพเถื่อนนั่นให้ดู   เจ้าจัดการสั่งให้เตรียมสวมเกราะใส่อานเปรันเปกาซัสให้พร้อม”
                     “เพคะ” โรน่ารับคำ
                     เอาล่ะ   ใกล้เวลาที่พวกซาโลมจะเคลื่อนทัพมาถึงแล้ว   พวกเจ้าแยกย้ายกันไปเตรียมการได้   เมื่อพร้อมแล้วให้ไปพบข้าบนป้อมกำแพงฝั่งเหนือ”
                     “พ่ะย่ะค่ะ”  “เพคะ” บรรดาแม่ทัพทั้งหญิงชายต่างรับคำด้วยเสียงหนักแน่น


                     
                     ช่วงสายของวัน กองทัพซาโลมกว่าหกหมื่นสี่พันนาย ประกอบไปด้วยกองกำลังนกโมฮาหนึ่งหมื่นสองพันนาย มือเพชฌฆาตแห่งซาโลมเจ็ดพันนาย  ฮาโวก้าหนึ่งพันตัว นักรบเพลิงมารหนึ่งหมื่นห้าพันนาย ผู้ฝึกสัตว์ สัตว์ป่าและสัตว์ประหลาดอีกหนึ่งหมื่นตัว รวมถึงทหารชั้นเลวอีกสองหมื่นนาย  ก็เคลื่อนพลประชิดเมืองเอรีม   เสียงโห่ร้องและกลองชัยดังกระหึ่มเป็นจังหวะหมายจะข่มขวัญศัตรู   ในขณะที่ฟีเลเซียก็เตรียมพร้อมทั้งพลธนู ทัพนก ทัพอัศวิน ทัพมังกร และทัพเปกาซัสไว้รอท่าอยู่เช่นกัน   กษัตริย์ซิกมันต์ที่3 ยืนอยู่เหนือป้อมกำแพงมองดูกองทัพซาโลมที่ค่อยๆรุกคืบประชิดเข้ามา
                     “นี่รึกองทัพซาโลมที่ตีเมืองต่างๆจนแตกย่อยยับ   ดูๆก็ไม่เท่าไหร่   แล้วไหนละทหารปีศาจที่ทำลายกองทัพของข้าจนต้องเสียเมืองฟอร์เรนเชียให้มันไป”
                     “ฝ่าบาท   กองทัพที่มาในวันนี้ไม่มีทหารปีศาจมาด้วยเลย   ข้าพระองค์คิดว่าพวกมันคงไปกับทัพใหญ่   หมายจะบุกไปทางทิศตะวันตกรุกเข้าสู่อาณาจักรตอนกลางพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพพลมังกรกราบทูล
                     “พวกมันคิดว่าใครอยู่ปกป้องเมืองนี้กันถึงได้ส่งแต่พวกไร้น้ำยามารบแบบนี้   ดีล่ะ!ข้าจะตีทัพมันให้แตกเสียวันนี้เลย   สั่งพลธนู และเครื่องดีดหินทั้งพิสัยใกล้และไกลเตรียมพร้อม” ซิกมันต์คำรามเสียงดุดัน
                     ทันทีที่ทัพซาโลมเคลื่อนเข้ามาอยู่ในพิสัยการยิง   ซิกมันต์ก็ไม่รอช้าสั่งโจมตีทันที
                     “ยิง!!”
                     สิ้นคำกษัตริย์แห่งสายลม  ลูกธนูนับไม่ถ้วนก็วิ่งพุ่งเข้าเจาะร่างแนวหน้าของทัพซาโลมจนล้มลงราวใบไม้ร่วง   เหล่าพลทหารของซาโลมต้องยกโล่ขึ้นต่อกันป็นแผงโล่ขนาดมหึมาเพื่อกำบังร่างกาย   แต่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ถูกดีดเข้าใส่กองทหารทำให้ทหารซาโลมต้องวิ่งหลบเป็นพัลวัน ข้างฝ่ายซาโลมก็ส่งฝูงฮาโวก้าเข้าก่อกวนพลธนูและเครื่องดีดหินที่อยู่เหนือกำแพงเมือง   พวกมันใช้ฝ่ามือตวัดกวาดเอาบรรดาพลทหารและเครื่องดีดหินจำนวนมากร่วงละลิ่วจากกำแพงกระแทกใส่พื้นดินเบื้องล่างจนทัพทหารที่ประจำการอยู่บนกำแพงเกิดความโกลาหลกันยกใหญ่
                     เมื่อเห็นดังนั้น   ซิกมันต์จึงออกคำสั่งให้ทัพมังกรและทัพนกออกตอบโต้ทันทีเช่นกัน   เหล่าผู้ฝึกมังกรทั้งชายหญิงก็สั่งมังกรนานาชนิดทะยานขึ้นจู่โจมขับไล่ฮาโวก้าอย่างรวดเร็วจนเสียงแผดร้องของมังกรและฮาโวก้าดังสนั่นลั่นท้องฟ้าเหนือกำแพงเมืองเอรีม   ขณะเดียวกันฝูงทัพนกที่ซุ่มตัวอยู่นอกกำแพงเมืองก็บินโฉบโจมตีทัพหลังของซาโลมเป็นพัลวัน   ฝ่ายสุนัขป่าและสุนัขเขาดาบของซาโลมก็ไม่รอช้าวิ่งกวดเข้าต่อกรด้วยอย่างสุดกำลัง  
                     จนเมื่อฝ่ายซาโลมสามารถบุกประชิดกำแพงเมืองเอรีมได้สำเร็จและเริ่มใช้บันไดพาดเพื่อรุกล้ำเข้าภายในเมือง   ซิกมันต์ก็สั่งเปิดประตูเมืองปล่อยทัพอัศวินนับหมื่นให้ควบทะยานรถศึกเข้าทะลวงฟันลึกเข้าไปถึงทัพกลางของซาโลม   ทั้งเหล่าอัศวินบนหลังม้าก็ออกมากวาดไล่ทัพหน้าของซาโลมออกจากบริเวณกำแพงเมือง   เหล่าอัศวินแห่งสายลมในชุดเกราะสีเขียวมันวาวต่างควบฮ้อม้าศึกเข้าห้ำหั่นศัตรูอย่างไม่มีการลดราวาศอก   ซึ่งข้างฝ่ายซาโลมที่จัดกองกำลังนกโมฮาไว้คอยท่าอยู่แล้วก็ตรงเข้าจัดการกับทัพอัศวินทันที   ขณะที่ทัพกลางนั้นเหล่านักรบเพลิงมารก็ฟาดฟันใส่เหล่าอัศวินฟีเลเซียอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน   ต่างฝ่ายต่างก็โถมเข้าต่อตีกันอย่างเอาเป็นเอาตาย   เสียงอาวุธกระทบกันดังสะท้านกึกก้องไปทั่ว  
                     ไม่นานนักก็ดูเหมือนว่าทัพซาโลมจะฮึกเหิมและมีขวัญกำลังใจมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว   เสียงไชโยโห่ร้องต้อนรับจอมทัพซาโลมดังกระหึ่มก้อง   ที่ขอบฟ้าทางทิศเหนือราโชยูจอมทัพใหญ่ขี่มังกรดำโฉบไปมาเหนือกองทัพพร้อมๆกับการบุกเข้าห้ำหันเด็ดหัวทัพอัศวินของเหล่ามือเพชฌฆาตแห่งซาโลม      เสียงโห่ร้องด้วยความสะใจของทหารซาโลมยิ่งดังก้องสะท้อนมากขึ้นเมื่อแม่ทัพทมิฬโฉบมังกรดำลงตวัดเคียวกระชากร่างอัศวินฟีเลเซียคนหนึ่งขึ้นมา    ในขณะที่กงเล็บแหลมของมังกรโนฟโฮทิออนก็ตะปบจิกทะลุตัวม้าศึกโผทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยที่ยังมีรถศึกห้อยติดอยู่ด้วย     เลือดสดๆสาดกระจายไปทั่วราวกับฝนเลือด   นายทหารฟีเลเซียทั้งร้องและดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดซึ่งก็ยิ่งสร้างความสะใจให้แก่ทัพซาโลม   เมื่อบินสูงได้ระดับดีแล้วแม่ทัพร่างยักษ์ก็ควงเคียวด้วยมือเพียงข้างเดียวก่อนจะสะบัดร่างนายทหารชะตาขาดให้ลอยระลิ่วลงกระแทกพื้นเบื้องล่างอย่างจัง   ทั้งนี้ก็เพื่อปลุกกระตุ้นนายทหารแห่งซาโลมให้คลั่งคะนองยิ่งขึ้น
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #3 on: October 23, 2004, 03:08:41 AM »

                         “ป่าเถื่อนสิ้นดี!” บรรดาแม่ทัพที่อยู่บนป้อมกำแพงต่างประณามการกระทำของแม่ทัพโฉด  ในขณะที่ซิกมันต์มีใบหน้าแข็งกร้าวยิ่งขึ้น
                         “สั่งการลงไป...เตรียมเปรันเปกาซัสให้พร้อม   ข้าจะสั่งสอนมันต่อหน้าไอ้พวกทหารเถื่อนหน้าโง่ให้สาสมกับที่บังอาจมาหยามเกียรติชาตินักรบอย่างเรา   ดูสิว่าพวกมันจะระเริงใจไปได้สักกี่น้ำ”  ซิกมันต์ประกาศเสียงกร้าว    
                         ทันทีที่ซิกมันต์เห็นราโชยูขี่โนฟโฮทิออนบ่ายหน้าตรงเข้ามาใกล้   ซิกมันต์ก็เหวี่ยงตัวขึ้นเปรันเปกาซัสควบทะยานเข้าหาด้วยความรวดเร็วท่ามกลางเสียงโห่ร้องที่เปี่ยมไปด้วยขวัญและกำลังใจของทหารฟีเลเซีย   กษัตริย์แห่งสายลมควบเปรันเหินทะยานอย่างรวดเร็วพร้อมกับเหวี่ยงดาบเข้าใส่แม่ทัพร่างยักษ์ราวกับหมายจะบั่นศีรษะให้ขาดสะบั่นตั้งแต่วินาทีแรก   ซึ่งราโชยูก็รีบตวัดเคียวป้องกันไว้ได้ทันการณ์พอดี   เมื่อทั้งสองตั้งหลักกันได้แล้วราโชยูจึงกล่าวด้วยความขบขัน
                         “ฮ่า ฮ่า นี่รึกษัตริย์องค์ใหม่แห่งฟีเลเซีย   หน่วยก้านไม่เลว  แต่มุทะลุไปหน่อย”
                         “อย่าบังอาจมาวิเคราะห์ข้า   คนโง่อย่างเจ้าไม่คู่ควรที่จะพูดคุยกับข้าด้วยซ้ำ   แต่ข้าจะบอกอะไรเจ้าเอาบุญสักหน่อยว่าไอ้การที่เจ้าสามารถรับการจู่โจมเมื่อครู่นี้ได้ก็อย่าเพิ่งด่วนดีใจจนเนื้อเต้น   เมื่อครู่มันแค่การหยั่งเชิงของเจ้า   ขนาดข้ายังใช้ความเร็วไม่เต็มที่เจ้ายังเกือบจะตั้งรับไม่ทัน   แค่นี้มันก็เป็นการชี้ให้เห็นแจ่มแจ้งแล้วว่าเจ้าน่ะมีแต่แรง   แต่อืดอาดยิ่งกว่าม้าแก่ๆที่ใกล้จะหมดลม   ไม่สิ...เปรียบเทียบเจ้ากับม้าดูจะสูงส่งเกินไป   หยั่งเจ้าก็เป็นได้แค่หนอนดินที่ค่อยๆคลานเท่านั้น”
                         “ปากกล้าแล้วยังอวดดีอีกด้วย” ราโชยูเริ่มหงุดหงิดเมื่อถูกดูแคลน   แต่ก็รู้ดีว่ากษัตริย์หนุ่มแห่งฟีเลเซียนั้นฝีมือไม่ธรรมดาเลย    เพราะจากการปะทะเมื่อครู่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าซิกมันต์นั่นรวดเร็วยิ่งกว่าชาร์ลจอมทัพแห่งฟีเลเซียเสียอีก   แม้ฝีไม้ลายมือและชั้นเชิงอาจจะไม่เทียบเท่าแต่ก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน   ยิ่งต้องต่อสู้กันบนอากาศเช่นนี้ทำให้ซิกมันต์ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักรบเปกาซัสที่เก่งกาจที่สุดในฟีเลเซียยิ่งได้เปรียบตนอยู่หลายขุม   ดังนั้นหากจะปราบกษัตริย์หนุ่มผู้นี้ก็มีแต่จะต้องบีบให้ลงไปสู้กันบนพื้นดินเท่านั้น  
                         “หึ  เจ้าหนอนแก่   ไหนดูสิว่าเจ้าจะรับดาบของข้าด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นนี้ได้รึเปล่า” ซิกมันต์กล่าวจบก็ควบเปกาซัสเข้าจู่โจมทันที   เปรันเปกาซัสสะบัดกระพือปีกอย่างรวดเร็วบินหมุนควงไม่ต่างกับเกลียวพายุลูกย่อมโหมพัดเข้าใส่มังกรร้าย   ข้างฝ่ายแม่ทัพทมิฬก็บังคับมังกรดำพุ่งเข้าหาทำทีเหมือนจะปะทะกันซึ่งหน้า   แต่ทว่ากลับโฉบลงต่ำหมายจะตวัดเคียวโจมตีเปรันเปกาซัสให้บาดเจ็บเพื่อตัดกำลังและเป็นอุบายที่จะค่อยๆบีบให้การสู้รบในครั้งนี้เข้าใกล้กับพื้นดินมากขึ้น   แต่ซิกมันต์ก็สามารถบังคับเปรันบินโฉบขึ้นตีลังกากลับหลังหลบรัศมีวงเคียวได้อย่างง่ายดายพร้อมกับฝากรอยคมดาบไว้บนหมวกเกราะของจอมทัพทมิฬ  
                         กษัตริย์แห่งสายลมชักเปกาซัสกลับมาประจัญหน้าแม่ทัพทมิฬอีกครั้ง   สายตากวาดตามองร่องรอยที่ปรากฏบนหมวกเกราะก่อนจะยิ้มเยาะพลางตวัดดาบชี้หน้าราโชยู
                         “หึ หึ แล้วถ้าเป็นความเร็วระดับนี้ละ   เจ้าจะรับมือข้ายังไง?” กล่าวจบซิกมันต์ก็ชักเปรันทะยานโฉบเข้าใส่ทันที   ปีกเปรันเปกาซัสกระพือเร็วจนมองแทบไม่เห็น   ยังไม่ทันที่ราโชยูจะขยับตัวจู่ๆก็เกิดแรงลมมหาศาลพัดวูบเข้าปะทะ   ขนปีกของม้าบินตีละใบหน้าของเขาอย่างจังจนต้องรีบใช้มือปัดป้อง   และแทบจะทันทีหลังของเขาก็ถูกฟาดด้วยดาบอย่างแรงจนเกือบเสียหลักตกจากหลังมังกรดำ   ราโชยูพยายามบังคับบังเหียนในมืออย่างทุลักทุเล   เมื่อมังกรดำทรงตัวนิ่งดีแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองหากษัตริย์แห่งสายลม
                         ทันใดนั้นด้วยความรวดเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด    กษัตริย์ซิกมันต์ก็โฉบเปรันเปกาซัสหมุนควงราวดอกสว่านพุ่งตรงดิ่งจากทิศเบื้องบนทะลวงเจาะเกราะที่ไหล่ขวาของราโชยูจนแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ   แต่ก่อนที่คมดาบจะเจาะลึกเข้าไปในเนื้อของแม่ทัพร่างยักษ์   ราโชยูก็รีบตวัดเคียวปัดป้องสุดกำลัง   ทำให้ซิกมันต์ต้องโฉบหลบไปอีกทางหนึ่งก่อนจะบินวนอ้อมมาข้างหน้าช้าๆ
                         “ว่าไงล่ะเจ้าหนอนโง่   จะรอให้ข้าเปลื้องเกราะเปลื้องผ้าเจ้าจนหมดตัวก่อนรึไงถึงจะหายเฉื่อย” ซิกมันต์ตะโกนเย้ยหยันเสียงดังหมายจะให้แม่ทัพทมิฬได้อับอายขายหน้าแก่ทหารทั้งสองฝ่าย
                         “เจ้ามันก็มีดีแค่เวลาอยู่บนเปกาซัสนั่นเท่านั้นแหละ   ข้าก็อยากรู้นักว่าถ้าลองเจ้าสู้กับข้าตัวต่อตัวข้างล่างนั่น   เจ้าจะปากกล้าแบบนี้ได้นานแค่ไหนกัน”  ราโชยูคิดว่าหากหลอกล่อด้วยเล่ห์ไม่ได้ก็ต้องเอาด้วยกล   เด็กหนุ่มวัยคะนองอย่างซิกมันต์ลองถูกท้าซึ่งๆหน้าเช่นนี้จะต้องรับคำท้าแน่   และดูท่าการยั่วยุของเขาจะประสบผลสำเร็จด้วยเมื่อซิกมันต์โกรธจนแทบระเบิด
                         “สามหาว   หนอนแก่อย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาดูถูกข้าเช่นนี้   ดี!ข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าเจ้ามันไร้น้ำยาขนาดไหน” ว่าแล้วซิกมันต์ก็โฉบเปกาซัสลงต่ำทันที
                         
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #4 on: October 23, 2004, 03:10:10 AM »

                        ราโชยูแทบจะหัวเราะอย่างสะใจที่หลอกซิกมันต์สำเร็จได้อย่างง่ายดาย   แต่ยังไม่ทันที่ราโชยูจะชักมังกรดำตามลงไป   จู่ๆโนฟโฮทิออนก็เกิดคลุ้มคลั่ง อาละวาดแผดเสียงร้องคำรามดังสั่นกึกก้อง   ก่อนจะพุ่งตัวทะยานขึ้นฟ้าไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ   มันทั้งพยศ ทั้งสะบัดหมายจะสลัดร่างให้เป็นอิสระจากแม่ทัพร่างยักษ์
                        ข้างฝ่ายซิกมันต์เองเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงฉุกคิดถึงแผนการที่วางไว้ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีได้   นี่เขาเกือบจะหลงคารมเจ้าหนอนเจ้าเล่ห์ปล่อยให้ความโกรธที่ถูกหยามเกียรติครอบงำจิตใจ   ความรู้สึกเสียหน้าที่ถูกหลอกยิ่งทวีความโกรธขึ้นอีกหลายเท่าตัว   ซิกมันต์จึงกระตุกสายบังเหียนเชิดหน้าเปรันเปกาซัสควบทะยานไล่ตามมังกรดำด้วยความเร็วถึงขีดสุด   เปกาซัสตวัดกระพือปีกพุ่งตัวผ่านม่านเมฆชั้นแล้วชั้นเล่า   แรงลมที่ปะทะใบหน้าทำให้ดวงเนตรทั้งสองของเขานั้นแห้งผาก   แต่กระนั้นก็ไม่มีอะไรมาทำให้เขาละย่อความเร็วลงได้   จนเมื่อกษัตริย์หนุ่มไล่ตามมาถึงระยะประชิดหมายจะบั่นคอปลิดชีพแม่ทัพทมิฬให้บรรลัย   แต่แล้วเจ้ามังกรดำที่กำลังสะบัดหัวอย่างคลุ้มคลั่งก็เหลือบเห็นม้าบินที่กำลังบินตีคู่มาจึงเอี่ยวคอหันมาแว้งกัดทันที   ซิกมันต์จึงเบี่ยงตัวหลบเงื้อดาบขึ้นสุดแขนควงฟันใส่กลางลำคอของโนฟโฮทิออนสุดแรงเกิดจนหัวของมันขาดกระเด็น   เลือดสีแดงสดพุ่งสาดกระจายเป็นสาย   ร่างไร้หัวของมังกรดำตะเกียดตะกายกลางอากาศอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนจะร่วงหล่นลงอย่างรวดเร็ว
                        “เจ้าหนอนโง่   รู้ไว้ซะด้วยว่าที่ฟีเลเซียนี่ไม่มีใครเขาขี่โนฟโฮทิออนกันหรอก”
                        ซิกมันต์ที่3ตะโกนเย้ยยิ้มเยาะมองร่างมังกรดำและแม่ทัพทมิฬลอยละลิ่วผ่านชั้นเมฆลงสู่พื้นเบื้องล่างจนหายลับไปจากสายตา   แล้วจึงพุ่งตัวโฉบลงต่ำเหนือคลื่นสงครามเบื้องล่างท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทหารซาโลม และเสียงโห่ร้องที่เปี่ยมด้วยประกายแห่งความหวังและกำลังใจของเหล่าอัศวินแห่งสายลม
                        ซิกมันต์ตวัดดาบชี้ลงไปยังสนามรบประกาศด้วยเสียงอันดัง
                        “ฆ่าให้หมด   ให้พวกมันพ่ายแพ้อย่างน่าทุเรศเหมือนแม่ทัพของพวกมัน”
                        เสียงกู่ร้องขานรับคำจากบรรดาอัศวินฟีเลเซียดังก้องสะเทือนเลื่อนลั่นพร้อมกับการบุกตะลุยรุกไล่เต็มกำลัง   ทหารซาโลมที่เวลานี้อยู่ในอาการขวัญเสียและเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเพราะขาดผู้นำทัพเสียแล้ว   ต่างก็หนีแตกพ่ายกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางไม่ต่างจากฝูงมดแดงแตกรัง


                        “ส่งทหารไปหาซากไอ้แม่ทัพนั่น   ข้าต้องการเห็นศพมันเพื่อความไม่ประมาท” ซิกมันต์รีบเร่งสั่งการทันทีที่กลับถึงป้อมกำแพง  พลางหันไปทางแม่ทัพเปกาซัสสาว
                        “โรน่า   เจ้าจงเร่งจัดการยกทัพเปกาซัสไปช่วยแม่ทัพชาร์ลที่เมืองฟรอนทีเนียทันที   การปรากฏตัวของทัพเปกาซัสจะช่วยนำขวัญและกำลังใจให้เหล่าทหารได้เป็นอย่างดี   เพราะมันเป็นการยืนยันว่าที่เอรีมนี่เรามีชัยเหนือทัพซาโลมได้รวดเร็วขนาดไหน   ทั้งยังเป็นการประกาศว่าพวกมันอ่อนหัดจนทัพปกาซัสไม่ต้องออกรบด้วยซ้ำ   ส่วนทางนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว   ลองพวกซาโลมเสียขวัญขนาดนี้คงอีกนานกว่าจะกล้าจัดกองทัพมาสู้กับข้าอีกครั้ง” ซิกมันต์ยิ้มเยาะดูแคลน เหลือบตามองกองทัพเพลิงที่กำลังแตกถอยอย่างสิ้นท่า    
                        “เพคะ” โรน่ายิ้มด้วยความภาคภูมิใจ ขานรับคำเสียงหนักแน่น  ครั้นแล้วจึงหันไปผิวปากเป็นสัญญาณให้กับเปกาซัสสีฟ้าครามคู่ใจ   เปกาซัสหนุ่มก็โผทะยานขึ้นสู่ชั้นกำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว
                        “หากจำเป็น  เมื่อเหตุการณ์ทางนี้สงบเรียบร้อยแล้วข้าจะส่งทัพมังกรตามไปเสริมอีกแรง   ขอพระเจ้าทรงคุ้มครอง” กษัตริย์แห่งสายลมยกมือขึ้นกล่าวอวยพร
                        “ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองท่าน” “ขอพระเจ้าทรงคุ้มครอง” บรรดาแม่ทัพต่างก็อวยพรแม่ทัพเปกาซัส
                        “ขอบพระทัยเพคะ  ขอพระเจ้าทรงคุ้มครอง” โรน่าตอบกลับพร้อมโค้งถวายพร   แล้วจึงเหวี่ยงตัวขึ้นเปกาซัสคู่ใจด้วยความปราดเปรียวไม่ต่างกับเสือสาวที่องอาจและอันตราย   ธงแห่งทัพเปกาซัสโบกสะบัดเหนือกำแพงเมืองเอรีมพร้อมกับเสียงแตรเงินที่แผดดังเป็นสัญญาณเคลื่อนพล   กองทัพเปกาซัสจำนวนห้าร้อยนายก็โผทะยานมุ่งสู่น่านฟ้าฟรอนทีเนียในทันใด
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #5 on: December 19, 2004, 04:28:55 AM »

มาเม้าส์ต่อกันที่นี่นะจ๊า~~~

http://www.smnforum.com/yabb/index.php?board=2;action=display;threadid=8820;start=0#lastPost
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.095 seconds with 22 queries.