Summoner Master Forum
April 27, 2024, 06:54:12 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: @@ นิยายSMN Chapter 33 เหตุการณ์ประหลาดกลางป่าลึก @@  (Read 10002 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« on: July 19, 2005, 05:19:15 AM »

Chapter 33 เหตุการณ์ประหลาดกลางป่าลึก
[/size]


                     กลางตลาดใหญ่ในฟีเลเซียเวลานี้คร่าคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายที่ออกมาจับจ่ายซื้อของ   วันนี้ตลาดดูจะคึกคักเป็นพิเศษเพราะชาวเมืองต่างก็เริ่มกว้านซื้อสินค้าและอาหารเพื่อกักตุนไว้ใช้หากสงครามขยายวงกว้างขึ้น   เด็กส่งสารหลายคนขี่คูกาโร่วิ่งไปตามถนนพร้อมแผ่นพับหอบใหญ่ในกระเป๋าหนังสีน้ำตาล   พลางร้องตะโกนเสียงดัง
                     “ข่าวด่วนครับ   ชาวเมืองวอลเนียถูกทหารปีศาจฆ่าล้างเมือง”  
                     “ข่าวด่วนจากเมืองวอลเนียครับ   ท่านบิชอปเกรเกอรี่อัญเชิญอัศวินสวรรค์ทำลายกองทัพปีศาจที่เมืองวอลเนียจนราบเป็นหน้ากลองในพริบตา”
                      บรรดาเด็ก ๆ ส่งสารวิ่งไปตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ ซึ่งจะมีป้ายแผ่นไม้ขนาดใหญ่ไว้สำหรับปิดประกาศต่าง ๆ    พลางแปะแผ่นพับลงบนป้ายประกาศเหล่านั้น
                     ชาวเมืองฟีเลเซียต่างรีบไปยืนมุงที่ป้ายประกาศเพื่ออ่านเนื้อหาของข่าวสาร เพราะล้วนก็อยากจะรู้ข่าวคราวของสงคราม และอาจจะได้รับรู้ข่าวญาติพี่น้องของตนที่ไปร่วมรบกับกองทัพ   ซึ่งหนึ่งในจำนวนชาวเมืองที่รุมกันอยู่นั้นก็มีสาวนามเดเปเป้รวมอยู่ด้วย   เมื่อได้อ่านข่าวต่าง ๆ จนจบแล้วก็รีบตรงดิ่งไปยังร้านขายเครื่องดื่มเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก
                     “มาแล้วจ๊ะ  โดโปโป้” เดเปเป้วิ่งเข้ามาพลางโบกมือเรียกเพื่อนสาวอย่างอารมณ์ดี   เสียงพยายามกลั้นหัวเราะดังมาจากโต๊ะโดยรอบ   จนทำให้หญิงสาวนามโดโปโป้อายจนหน้าแดง   เธอรีบวางเงินจำนวนห้าเดนาริอันพลางลุกขึ้นยืน  
                     “ฉันว่าเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ เดเปเป้” ทันทีที่โดโปโป้เรียกชื่อเพื่อนสาว   เสียงกลั้นหัวเราะก็แทบจะดังขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง  พร้อมกับมีเสียงสำลักน้ำของใครบางคนด้วย    โดโปโป้อายจนหน้าแดงไปถึงหูก่อนจะรีบจูงเดเปเป้เดินจ้ำออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว
                     “พระองค์ทรงตั้งชื่อประหลาด ๆ อีกแล้วนะเพคะ   ดูสิ...เขาขำกันใหญ่เลย” โดโปโป้พูดเสียงเบาพลางหันไปมองภายในร้าน และเห็นลูกค้าในร้านหลายคนยังคงหัวเราะกันอยู่
                     “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย   นี่เราช่วยให้พวกเขาผ่อนคลายความตึงเครียดในภาวะสงครามนะ” เรจิน่าหัวเราะอย่างร่าเริงขำกับปฏิกิริยาของนางกำนัลคนสนิทพลางเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
                     “แล้วพระ....แล้วนั่นเธอกำลังจะไปไหนจ๊ะ” นางกำนัลรีบเปลี่ยนคำพูดเมื่อมีป้าแก่ ๆ เดินสวนมา
                     “ฉันจะรีบกลับบ้าน   เพราะมีที่ที่น่าสนใจจะต้องไปสำรวจสักหน่อย  เธอก็รีบเดินเข้าสิจ๊ะ” เรจิน่ากล่าวอย่างร่าเริงในขณะที่นางกำนัลนั้นเริ่มไม่ไว้ใจกับสถานที่ที่น่าสนใจของเจ้าหญิง
                     “น่าสนใจที่ว่านะ   น่าสนใจในแง่ไหนเพคะ” นางกำนัลเร่งฝีเท้าจนทัน พลางกระซิบเสียงเบา  
                     “เอาเถอะ   เราจะอธิบายให้ฟังระหว่างทางแล้วกันจ๊ะ” เรจิน่าพูดเร็ว ๆ ก่อนจะเลี้ยวไปทางหลังตลาดเพื่อถอดคราบสาวชาวบ้าน กลับไปเป็นเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ตามเดิม

                     ระหว่างทางที่นำไปสู่ป่าทึบบนภูเขา   ขบวนเสด็จของเจ้าหญิงเรจิน่าซึ่งประกอบด้วยนางกำนัลคนสนิท และทหารรักษาพระองค์ยี่สิบนายตามเสด็จเพื่อคอยอารักขา   นางกำนัลควบม้าเข้าไปใกล้ กล่าวกระซิบเหลือบมองจำนวนทหารที่ติดตามมา
                     “พระองค์คิดว่านำทหารรักษาพระองค์มาเพียงเท่านี้จะพอหรือเพคะ” นางกำนัลเอ่ยถาม สีหน้าแสดงความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
                     “ทำไมถึงจะไม่พอล่ะ   เราไม่ได้ไปออกรบสักหน่อย   อีกอย่างพวกเขาก็ล้วนแล้วแต่ได้ชื่อว่ามีฝีมือดีกันทั้งนั้น   แล้วเราเองก็มีฝีมือพอที่จะปกป้องตัวเองได้” เรจิน่ายิ้ม พลางพูดกระเซ้า “รวมถึงปกป้องเจ้าได้ด้วยนะ”
                     “ฝ่าบาทอย่างทรงล้อเล่นสิเพคะ   หม่อมฉันมีหน้าที่ปกป้องพระองค์ด้วยชีวิตนะเพคะ   แล้วอีกอย่างที่หม่อมฉันพูดก็เพราะว่าเรายังไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่กลางป่าทึบนั่น”  นางกำนัลยังไม่คลายความวิตก
« Last Edit: August 21, 2005, 02:37:22 AM by Little Angel » Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #1 on: July 19, 2005, 05:21:04 AM »

                     “ก็จากในข่าวที่ปิดประกาศนั่น   ก็แค่มีการระเบิดเกิดขึ้นบ่อย ๆ ในเวลากลางคืน  มีเสียงระเบิดบางครั้งในเวลาช่วงบ่าย ๆ    มีเสียงดังแปลก ๆ ที่แหลมลึกจนลั่นป่า   ทำให้ชาวบ้านหลายคนไม่กล้าออกไปล่าสัตว์   ดังนั้นเราผู้ซึ่งรับหน้าที่ดูแลความสงบสุขของฟีเลเซียชั่วคราวก็ต้องออกมาสำรวจและให้ความกระจ่างถึงที่มาที่ไปของปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นแก่บรรดาชาวบ้านสิ” เรจิน่าอธิบายอย่างไม่ทุกข์ร้อน พลางกวาดตาชื่นชมทิวทัศน์โดยรอบ
                     “ก็นั่นแหละเพคะ   ไม่แน่อาจจะเป็นพวกทหารปีศาจของซาโลมแอบมาสร้างขุมกำลังในป่าลึก  แล้วพวกมัน...”
                     “เจ้าวิตกกังวลจนเกินเหตุแล้ว” เรจิน่ายิ้มขัน ๆ  “ทางที่เราไปเนี่ย   อยู่คนละฟากกับสนามรบเลยนะ   ไม่แน่นะว่าอาจจะเป็นแค่ภูตผีปีศาจที่ออกมาหากินในป่าลึก”
                     “ภูตผีปีศาจอย่างนั้นรึเพคะ   ถ้าเช่นนั้นทำไมพระองค์ไม่เอานักบวชมาด้วยสักองค์สององค์ละเพคะ” นางกำนัลตัวลีบเหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาด ๆ    ทำให้เรจิน่าหัวเราะเสียงใส
                     “เจ้านี่ชอบตื่นตระหนกวิตกกังวลจนเกินเหตุจริง ๆ เลย   เราล้อเจ้าเล่นต่างหากล่ะ” เรจิน่าแอบทำหน้าทะเล้นใส่นางกำนัล   “มาเถอะ   นี่ก็ใกล้จะถึงจุดที่มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นแล้ว   พวกเราผูกม้าไว้แถวนี้แล้วลงเดินสำรวจรอบ ๆ กันดีกว่า”  เมื่อกล่าวจบ เรจิน่า ก็ให้สัญญาณแก่เหล่าทหารองครักษ์พลางเหวี่ยงตัวลงจากหลังม้า
                     “แน่พระทัยรึเพคะ   หม่อมฉันว่าเรากลับไปตามทหารหรือนักบวชมาเพิ่มเพื่อความไม่ประมาทจะดีกว่านะเพคะ” นางกำนัลกระซิบ มือยังคงง่วนอยู่กับสายบังเหียนที่เธอพยายามผูกเข้ากับกิ่งไม้  
                     “ไม่‘ดีกว่า’จ๊ะ   แบบนี้แหละดีแล้ว   วันนี้เราอาจจะเจอหรือไม่เจออะไรเลยก็ได้   ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้วจะกลับไปกลับมาให้เสียเวลาทำไม” เรจิน่ากระตุกปมที่สายบังเหียนสองสามทีเพื่อให้แน่ใจว่าม้าสะบัดไม่หลุด   แล้วจึงหยิบดาบออกมาจากฟัก “เอาล่ะ   เริ่มสำรวจได้”
                     นางกำนัลจำใจดึงดาบออกจากฝักเดินตามนายของตนพร้อมกับเหล่าทหารองครักษ์   เรจิน่าและคณะเดินสำรวจมาได้สักพักหนึ่งก็เริ่มพบร่องรอยต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นหลุมขนาดต่าง ๆ   เศษดินเศษหินที่แตกกระจายเกลื่อนพื้น ซากหักโค่นของต้นไม้รวมไปถึงรอยไหม้ตามต้นไม้ต่าง ๆ    ทุกคนจึงเริ่มระวังตัวกันมากขึ้นพลางเหลียวซ้ายแลขวามองหาสิ่งผิดปรกติ  
                     ปี๊บบบบบบบบบบบบ! ปี๊บบบบบบบบบบบบบบบ!
                     เสียงที่แหลมจนแสบแก้วหูจู่ ๆ ก็ดังสั่นขึ้นจากทิศทางได้ไม่อาจรู้ได้   ทำให้เรจิน่าและคณะต้องรีบหาที่ซ่อนตัวด้วยความรวดเร็ว   โดยเรจิน่าและนางกำนัลหลบอยู่หลังก้อนหินขนาดไม่ใหญ่นักในขณะที่เหล่าทหารองครักษ์คนอื่น ๆ ซุ่มหลบอยู่ตามพุ่มไม้หนาทึบใกล้ ๆ
                    ปี๊บบบบบ  แซกกกกกกก แซกกกกกกกกกกกก  ตูมมม!
                     จู่ ๆ ก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นไม่ไกลจากที่ซ่อนตัวของพวกเรจิน่านัก   ทุกคนต่างมองหน้ากันราวกับจะถามความเห็นกันว่าควรจะทำอย่างไรกันดี   โดยมีนางกำนัลจับมือเรจิน่าเขย่าส่ายศีรษะแรง ๆ อย่างหนักแน่น   ซึ่งดูเหมือนเรจิน่าจะไม่สนใจท่าทางของนางเท่าไหร่เมื่อเธอเอ่ยขึ้น
                     “การระเบิดเมื่อครู่ดูท่าจะอยู่ไม่ไกลจากเราเท่าไหร่   ทุกคนระวังตัวมากขึ้นด้วย” เรจิน่าสั่งเสียงเบา
                     “ฝ่าบาท   มันไม่ปลอดภัยกับพระองค์เลย   ประทับอยู่ที่นี่เถิดเพคะ”นางกำนัลวิงวอน
                      ปี๊บบบบบ  แซกกกกกกก แซกกกกกกกกกกกก  ปิ๊บ ปิ๊บ!  
                     เสียงประหลาดนั่นดังขึ้นอีกครั้ง   และทันใดนั้นเองด้วยความไม่คาดฝัน  จู่ ๆ ทุกคนก็ได้ยินเสียงใครสักคนร้องดังลั่นป่า
                     “อ๊ากกกกกกก....กกกกกกกก........กกกกก................อ๊ากกกกกกกก.....กกกกกกกกกก” เสียงร้องดังขาดเป็นห้วง ๆ จากป่าด้านหน้า   ทำให้ทุกคนต้องลอบโผล่หน้าแอบดูว่าเกิดอะไรขึ้น  
                     ฉับพลันนั้นเองใครคนหนึ่งจู่ ๆ ก็พุ่งเข้าชนนางกำนัลจนล้มกลิ้ง   นางกำนัลกรีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจสุดขีดประสานกับเสียงร้องของชายแปลกหน้าที่ดังแข่งกับเสียงของเธอ   เหล่าองครักษ์ต่างพุ่งตัวออกมาแทบจะพร้อมกันเพื่ออารักขาเจ้าหญิงและรีบตรงเข้าไปกระชากเจ้าคนแปลกหน้าออกจากร่างของนางกำนัล   ทันทีที่นางกำนัลเป็นอิสระก็รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนขวางหน้าเจ้าหญิงแม้ตัวเองจะยังหน้าตาซีดเผือดตื่นตระหนกด้วยความตกใจ   ในขณะที่ชายแปลกหน้ายังคงร้องเสียงหลงอยู่นั่นเอง   ที่กางเกงของเขามีรอยไหม้ไฟที่ยังมีควันสีจาง ๆ โชยออกมา   นายทหารเขย่าร่างของเขาแรง ๆ พลางสั่งให้เงียบ   ทว่าพวกเขากลับได้ยินเสียงดังก๊องแก๊งเหมือนโลหะกระทบกันดังออกมาจากตัวของชายแปลกหน้า   ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นก่อนจะตะโกนร้องเสียงหลงอีกครั้ง   ทว่าในครั้งนี้เหล่าทหารที่เห็นใบหน้าของเขากลับต้องสะดุ้งตกใจจนรีบปล่อยมือออกจากคอเสื้อของชายแปลกหน้าคนนั้นทันทีพร้อมกับหันปลายดาบใส่เขาด้วยสัญชาตญาณ
« Last Edit: August 21, 2005, 02:37:38 AM by Little Angel » Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #2 on: July 19, 2005, 05:22:32 AM »

                    “อ๊า.............ช่วยด้วย......แก๊ก......ข้าศึกบุก..บุก...บุก.....ท...ทิ...ทิโม...ธี...ธี...ธ..แก๊ก.....ช่วยด้วย..ด้วย.....แก๊ก.....อ๊ากกกกก”เรจิน่าและนางกำนัลจำได้ทันทีว่านี่คือเจ้าหุ่นกระป๋องทินทอนนั่นเอง
                     “ทินทอน  ทินทอน” เรจิน่าพยายามเรียกชื่อแข่งกับเสียงร้องของเจ้าหุ่น
                     “ท..ทิ..ทิโมธี   ทิโม...โม....โม....โมธี.....แก๊ก แก๊ก ...ช่วยด้วย..ช่วย....ช่วย...ช่วยด้วย แก๊ก” เจ้าหุ่นยังคงหลับหูหลับตาร้องเสียงขาด ๆ หาย ๆ  เพราะทั้งตกใจและเครื่องรวน
                     “ทินทอน!” เสียงชายหนุ่มอีกคนดังขึ้นก่อนที่ร่างของเขาจะวิ่งฝ่าพุ่มไม้หนาเข้ามาด้วยความเร็วและชนกับทหารนายหนึ่งอย่างจังจนล้มกลิ้งไปกันพื้นทั้งคู่
                     “แค่ก  ๆ   ๆ ” ทิโมธีไอไล่ความจุกก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับมองเหล่าทหารด้วยความประหลาดใจ   โดยมีทินทอนถลาเข้ามาตะเกียดตะกายเกาะเกี่ยวคอจนเกือบจะล้มคะมำไปอีกรอบ
                     “ทิโม...ธี....แก๊ก....ข้าศึก....ศึก....บุกแล้ว.... แก๊ก...หนี...หนี.....หนีเร็ว...แก๊ก....” ทินทอนพูดอย่างไม่ลืมหูลืมตา
                     “ทินทอนดูดี ๆ สิ   พวกเขาเป็นทหารฟีเลเซียต่างหาก  ไม่ใช่ข้าศึกที่ไหนสักหน่อย”ทิโมธีต้องใช้เวลาพักหนึ่งจึงจะทำให้ทินทอนหยุดร้องโวยวายได้  
                     “ทหาร.....หาร.....แก๊ก....ฟีเล...เล...เซีย...เหรอ....แก๊ก” ทินทอนลืมตาขึ้นมองไปรอบ ๆ โดยมีสายตาทั้งประหลาดใจและระแวดระวังจากบรรดาทหารจ้องกลับมา
                     ทิโมธีกวาดตามองไปรอบ ๆ ประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นทหารองครักษ์มากมายในป่าทึบเช่นนี้จนสายตากวาดไปเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของสตรีทั้งสอง “อ๊ะ!พวกเจ้า....เออ.....แอดชูว์ กับบูลี่ใช่มั๊ย” ทิโมธีกล่าวทักอย่างยินดีเมื่อได้เจอเพื่อนร่วมชมรมผู้คลั่งไคล้สิ่งประดิษฐ์และการทดลองที่มนุษย์มองข้าม   ข้างฝ่ายทินทอนก็รีบถอดหมวกออกโค้งราวกับสุภาพบุรุษ
                     “คุณผู้หญิงทั้งสอง...สอง..แก๊ก.....นั่น...นั่นเอง” ทินทอนกล่าวอย่างกระฉับกระเฉงรีบเดินเข้าไปหา   ทว่าบรรดานายทหารรีบก้าวเข้ามาขวางทันที
                     “บังอาจ!เจ้าพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง   ท่านผู้นี้คือเจ้าหญิงเรจิน่าแห่งฟีเลเซีย   มิใช่หญิงชื่อประหลาดที่เจ้าเรียก” หัวหน้าองครักษ์ประกาศเสียงกร้าว
ทิโมธีมองเรจิน่าและนางกำนัลด้วยความงุนงง   ในขณะที่ทินทอนทำท่าเหมือนจะเถียงเหล่าทหาร  เรจิน่าจึงรีบเอ่ยขึ้น “พวกเจ้ากลับไปรอเราที่ที่พวกเราผูกม้าไว้ก่อนแล้วกัน   เดี๋ยวเราจะตามไป”
                     “แต่ฝ่าบาท...” หัวหน้าองครักษ์แย้งขึ้นพลางมองชายหนุ่มที่เนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยคราบเขม่าและมีรอยไหม้ไฟตามเสื้อผ้าหลายที่   ก่อนจะเหลือบไปมองหุ่นยนต์ประหลาดที่ดูไม่น่าไว้ใจนั่น  
                     “ไม่เป็นไร   ทั้งสองเป็นสหายของเราเอง   พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงเราจะออกไปสมบทกับพวกเจ้าแน่นอน” เรจิน่ากล่าวสำทับ
                     “ใช่..แก๊ก..เราเป็น...เป็น....ส....ส....สหาย....หายกัน แก๊ก” ทินทอนยืดอก เชิดหน้าขึ้นพูดอย่างอวด ๆ
                     “ทิ้งทหารไว้สักจำนวนหนึ่งไหมพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์เสนออย่างไม่ค่อยวางใจเท่าใดนัก
                     “ไม่จำเป็น   เหลือนางกำนัลไว้คนเดียวก็พอ   พวกเจ้าไปได้แล้ว”เรจิน่าสั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจึงทำให้เหล่าองครักษ์ยอมปฏิบัติตามแม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก  
                     เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้ว   เรจิน่าจึงหันไปกล่าวกับทิโมธีด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
                     “ขอโทษนะที่ทำให้พวกท่านต้องมาทราบความจริงเรื่องฐานะของพวกเราในลักษณะนี้   เราไม่ได้มีเจตนาจะปกปิดเพื่อความสนุกในการหยอกล้อท่านหรอกนะ   เราเพียงแต่ไม่อยากให้ผู้คนแตกตื่นเวลาที่พวกเราออกมาเดินภายนอกปราสาท”
                     “เออ...อา.....กระหม่อมเข้าใจ” ทิโมธีตอบ สีหน้าเศร้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าพระองค์ไม่ใช่สมาชิกชมรมผู้คลั่งไคล้สิ่งประดิษฐ์และการทดลองที่มนุษย์มองข้ามด้วยใช่มั๊ยพ่ะย่ะค่ะ”
                     “ใช่   เราขอโทษที่ต้องหลอกท่านเรื่องนั้นด้วย” เรจิน่ากล่าวขอโทษอีกครั้งเมื่อเห็นว่าทิโมธีก้มหน้าลงอย่างผิดหวัง   เรจิน่าหันไปมองนางกำนัลเหมือนกับจะขอให้ช่วยกันพูดปรับความเข้าใจกับทิโมธี
                     “ท่านนักประดิษฐ์   เจ้าหญิงไม่ได้ตั้งใจจะหลอกท่านจริง ๆ นะ   พระองค์แค่...” นางกำนัลพูดยังไม่ทันจบจู่ ๆ ทิโมธีก็เงยหน้าขึ้นมาถามอย่างร่าเริงและกระตือรือร้น
                     “ถ้าเช่นนั้นพระองค์สนใจจะสมัครเป็นสมาชิกชมรมผู้คลั่งไคล้สิ่งประดิษฐ์และการทดลองที่มนุษย์มองข้ามไหมพ่ะย่ะค่ะ   กระหม่อมนำใบสมัครติดตัวมาด้วย”
« Last Edit: August 21, 2005, 02:38:17 AM by Little Angel » Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #3 on: July 19, 2005, 05:23:47 AM »

                       คำพูดของนักประดิษฐ์ทำให้เรจิน่าหัวเราะออกมาทันทีเพราะความผิดคาดในปฏิกิริยาของนักประดิษฐ์หนุ่ม “ด้วยฐานะของเราคงไม่เหมาะ   พวกเราขอเป็นสมาชิกลับแบบไม่เปิดเผยตัวก็แล้วนะ”
                       “พวกเรารึเพคะ.....หมายถึงหม่อมฉันด้วยรึเพคะ” นางกำนัลย้อนถามทำตาโตด้วยความตกใจ
                       “โอ้...หรือว่าเจ้าอยากจะเป็นสมาชิกอย่างเปิดเผยละ   ถ้าเจ้าอยากจะเป็น...ก็ได้นะข้าอนุญาต” เรจิน่าแสร้งทำตาโตเลียนแบบถามย้อนอย่างขำ ๆ เพราะรู้ว่านางกำนัลคิดอย่างไร
                         นางกำนัลทำปากพะงาบ ๆ พูดไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่   แต่เมื่อเหลือบไปเห็นว่าทั้งทิโมธีและทินทอนกำลังลุ้นกับคำตอบของเธออย่างตื่นเต้น   นางกำนัลจึงรีบส่ายหน้าอย่างแรงกล่าวออกมาในที่สุด
                       “พระองค์เป็นแบบไหน   หม่อมฉันก็จะเป็นแบบนั้นเพคะ”
                       ทิโมธีและทินทอนรู้สึกว่าตัวห่อเหี่ยวลงเล็กน้อยเพราะผิดหวังกับคำตอบ  ทิโมธีใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยิ้มกว้างกล่าวออกมาในที่สุด “อืม...อย่างน้อยเป็นสมาชิกลับก็ยังดีกว่าไม่เป็นอะไรเลย   ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่พระองค์จะเห็นควรแล้วกันพ่ะย่ะค่ะ”      
                       “ถ้าอย่างนั้น...นั้น...แก๊ก....ทินทอน....ทิน...ทอน...แก๊ก...ก็ต้องถวายบัง....บัง...บัง.....บังคมให้เจ้า....เจ้า...แก๊ก...เจ้าหญิงเป็นการต้อนรับ....แก๊ก...สมาชิก..ชิก...ชิกลับสิ....แก๊ก” ทินทอนดูจะยินดีมิใช่น้อยเมื่อจะได้ต้อนรับเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์  จึงรีบโค้งคำนับอย่างสวยงาม
                       “ไม่เป็นไรหรอกทินทอน   เงยหน้าขึ้นเถอะ” เรจิน่ากล่าวเมื่อเห็นว่าทินทอนไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสักที
                       “อีกแล้วรึทินทอน” ทิโมธีพูด ก่อนจะหยิบไขควงออกมาจากด้านในของเสื้อแจ๊คเก็ต พลางขันน๊อตตรงส่วนคอบ้างตรงหลังบ้างสามสี่ที่  แล้วจึงหยดน้ำมันที่พกไว้ในกระเป๋าเสื้อลงตามข้อต่อแล้วจึงใช้มือทุบเบา ๆ ที่หลัง   ทันใดนั้นทินทอนก็กระเด้งตัวขึ้นมาหัวเราะร่า
                       “ฮ่า ฮ่า ฮ่า อยู่มานานแล้วก็ต้องมีขัด ๆ ยอก ๆ เป็นธรรมดา...แก๊ก” ทินทอนยกมือขึ้นตบหัวตัวเอง   คำพูดไม่ติด ๆ ขัด ๆ เหมือนตอนแรกแล้ว “นี่เราพูดถึงไหนกันแล้วนะ...แก๊ก   อ๋อ!ใช่...เจ้าหญิง   ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ” ทินทอนโค้งอย่างนบน้อมอีกครั้ง
                       “ฮ่า ฮ่า ตามสบาย” เรจิน่าแสร้งดัดเสียงทุ้มต่ำวางมาดอย่างพวกเจ้านายชั้นสูง
                       “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ...แก๊ก” ทินทอนเงยหน้าขึ้นพลางยืดอกขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
                       ทิโมธีมองเจ้าหญิงเรจิน่าอย่างใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาในที่สุด “พระองค์ดูไม่เหมือนเจ้าหญิงเลย   พระองค์ดูสนุกสนาน ร่าเริง ไม่ถือตัวและมีอิสระอยากจะไปไหนก็ไปได้   ถ้ากระหม่อมไม่เห็นขบวนองครักษ์ที่ติดตามมาด้วยอย่างวันนี้   กระหม่อมคงไม่มีวันเชื่อว่าพระองค์เป็นเจ้าหญิงแน่ ๆ ”
                       เรจิน่ายิ้มเมื่อนึกถึงอุปนิสัยของตัวเองที่ผิดแผกไปจากเจ้านายหรือเชื้อพระวงศ์คนอื่น ๆ ตามความคิดเห็นของทิโมธี   สายลมสดชื่นโชยพัดพาเอากลีบดอกไม้สีขาวสองสามกลีบหมุนวนตามแรงลมก่อนจะพัดผ่านเรจิน่าไป      
                       “เพราะเสด็จแม่ทรงเลี้ยงดูเราให้มีอิสระเหมือนอย่างสายลม” เรจิน่ายิ้มเมื่อนึกถึงมารดาพลางเหลือบมองใบไม้ที่สะบัดพลิ้วลู่กิ่งไหวหยอกล้อกับสายลมที่โชยพัดมาเบา ๆ “สายลมไร้รูปร่าง อิสระ มิอาจกักขัง หากเราไร้อิสระ เราก็ไม่ใช่ลมหากแต่เป็นเพียงนกในกรงเท่านั้น”
                       นางกำนัลมองเจ้าหญิงของตนยิ้มน้อย ๆ ด้วยความเข้าใจและชื่นชม      เธอโชคดีกว่าข้าราชบริพารคนอื่น ๆ มากนักเพราะได้เป็นนางกำนัลคนสนิทของเจ้าหญิง   แม้ว่าเจ้าหญิงจะทรงทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์แปลก ๆ ที่น่าอับอายบ้างน่าขบขันบ้าง   แต่เธอก็มีความสุขและสนุกสนานที่ได้อยู่กับเจ้าหญิงที่เต็มเปี่ยมด้วยความเฉลียวฉลาด เก่งกาจ และสนุกสนานกับทุกสิ่ง   คงไม่มีใครในฟีเลเซียที่จะอารมณ์ดี ร่าเริงและเพียบพร้อมในทุกด้านเท่ากับเจ้าหญิงของเธออีกแล้ว
                       “นก นก ทิโมธีก็มีนกเหมือนกัน...แก๊ก” ทินทอนพูดอวด
                       “นกอะไร” ทั้งทิโมธี เรจิน่า และนางกำนัลพูดขึ้นแทบจะพร้อมกัน
                       “อ้าว   ท่านเป็นเจ้าของนกท่านไม่รู้รึว่าตัวเองเลี้ยงนกอะไรไว้” นางกำนัลถาม เบิกตากว้างด้วยความสงสัย
                       “ข้าไม่ได้เลี้ยงนกสักหน่อย” ทิโมธีทำหน้ายุ่ง ขมวดคิ้วมองทินทอน
                       “เลี้ยงสิ  เลี้ยง  นกที่ร้องปี๊บ ปี๊บ ปล่อยแสงได้ด้วย แก๊ก  เมื่อกี้มันยังปล่อยแสงใส่ทินทอนเลย” ทินทอนยกมือขึ้นทำท่าเหมือนจะพยายามเลียนแบบนกตัวนั้นก่อนจะชี้รอยไหม้ที่กางเกงให้ดู      
                       เมื่อทิโมธีเห็นดังนั้นก็เงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะลั่น “นั่นใช่นกที่ไหนกันละทินทอน”
« Last Edit: August 21, 2005, 02:38:40 AM by Little Angel » Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #4 on: July 19, 2005, 05:26:01 AM »

                    “อ๊ะ!ที่แท้พวกท่านเป็นตัวการของเสียงร้องประหลาดนั่นเอง   รวมถึงการระเบิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นในป่าแถบนี้ด้วยใช่มั๊ย” เรจิน่าถามขึ้นทันใด
                    “พระองค์มาที่นี่เพราะเรื่องนี้เองหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ” ทิโมธีถามอย่างตกใจ ก่อนจะพูดเสียงเบาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “กระหม่อมอุตส่าห์หนีมาทำการทดลองไกลขนาดนี้แล้วยังมีคนฟ้องเรื่องการระเบิดอีกเหรอ   กระหม่อมไม่ได้อยากให้มันระเบิดบ่อย ๆ สักหน่อย”    
                    “ใช่ ใช่  ทิโมธีไม่ได้ทำระเบิดนะ   มันระเบิดเองทุกครั้งต่างหาก แก๊ก” ทินทอนพยายามพูดปกป้องเพื่อนรักแต่ดูเหมือนจะกลายเป็นการพูดซ้ำเติมมากกว่าทำให้สองสาวต้องพยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่   ในขณะที่ทิโมธีขมวดคิ้วมองทินทอนด้วยความไม่แน่ใจในคำพูดของเจ้าหุ่นกระป๋อง
                    “หมายความว่าท่านมาทดลองอะไรในป่านี่นะหรือ?” นางกำนัลถามต่อแม้ยังรู้สึกขบขันอยู่  
                    “เออ...อืม...ก็ใช่” ทิโมธีมีท่าทีลังเล
                    “เราอยากจะเห็นจังเลย” เรจิน่ากล่าวอย่างกระตือรือร้น
                    “แต่มันไม่ค่อยปลอดภัยกับพระองค์ อีกอย่าง...มันก็...ยังไม่ค่อยเสร็จสมบูรณ์เท่าไหร่” ทิโมธีพยายามพูดบ่ายเบี่ยง
                    “อ๊ะ อ๊ะ  อย่าลืมสิว่าพวกเราเป็นสมาชิกชมรมแล้วนะ” เรจิน่าทวงสิทธิ์ของสมาชิกด้วยสายตาซุกซนอย่างเป็นต่อ
                    “อืม...ถ้าอย่างนั้น...ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” ทิโมธียินยอมอย่างเสียไม่ได้   “แต่กระหม่อมอยากจะขอให้พระองค์รับปากว่าจะปิดเรื่องที่เห็นในวันนี้เป็นความลับเพราะมันยังไม่เสร็จสมบูรณ์   หากมีใครเข้ามาใกล้จะเป็นอันตรายเอาได้”
                    “ได้   เราสัญญา” เรจิน่ารับปากด้วยใบหน้าเบิกบาน
                    “ถ้าเช่นนั้นก็เชิญเสด็จทางนี้พ่ะย่ะค่ะ” ทิโมธีกล่าวพร้อมออกเดินนำหน้าทั้งสองนำทางลึกเข้าไปในป่า

                    บริเวณที่โล่งกว้างกลางป่าลึก   ต้นไม้หลายต้นถูกโค่นและเผาทำลายไปบางส่วน   มีเศษหินและหลุมกว้างขนาดใหญ่กระจัดกระจายไปทั่ว   ใกล้กับถ้ำเล็ก ๆ ตรงบริเวณตีนผามีเกวียนขนาดใหญ่พร้อมผ้าใบสีเขียวขี้ม้าคลุมอยู่   ทิโมธีเดินไปเปิดผ้าคลุมออก   ทั้งสองสาวจึงได้เห็นห่อผ้าหลายห่อขนาดต่าง ๆ กันไปสี่ห่อถูกมัดอย่างแน่นหนาวางกองเรียงกันอยู่บนเกวียน   แต่มีอยู่สองห่อที่ถูกแกะไว้แล้วอย่างหลวม ๆ
                    “ของพวกนี้เป็นซากอารยะธรรมโบราณที่กระหม่อมพบตอนออกสำรวจโบราณสถานเก่าแก่ตามที่ต่าง ๆ    บางชิ้นก็จมอยู่ในดินบางชิ้นถูกฝังไว้ในกำแพงเลย   ของพวกนี้เป็นอารยะธรรมเก่าแก่ก็จริงแต่กลับมีวิวัฒนาการก้าวหน้ากว่าในยุคนี้มากทีเดียว   อย่างทินทอน...กระหม่อมก็ได้เขามาจากตอนขุดค้นซากโบราณสถานแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของฟีเลเซีย” นักประดิษฐ์หนุ่มผมสีน้ำตาลแดงอธิบายไปเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันก็พยายามยกห่อผ้าที่แกะแล้วขนาดใหญ่เกือบเท่าครึ่งตัวของเขาออกมาจากเกวียนโดยมีสายตาสนอกสนใจของเรจิน่ามองสำรวจชิ้นส่วนโลหะที่โผล่ออกมานอกผ้าคลุม
                    “อย่างเจ้านี่” ทิโมธีเปิดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นหุ่นยนต์รูปทรงกลมสีเทาอมเขียว   ด้านหน้ามีส่วนที่ดูเหมือนเป็นกระจกใสกลม ๆ ติดอยู่หนึ่งบาน   ที่ด้านหลังมีโลหะขนาดใหญ่สองแผ่นลักษณะคล้ายปีกติดอยู่
                    “เจ้านี่ชื่อ แอลฟ่า-เอ (Alpha-A) คงเป็นเจ้านี่ที่ทินทอนคิดว่าเป็นนก” ทิโมธีพูดยิ้ม ๆ  “เดี๋ยวกระหม่อมจะสาธิตให้ทอดพระเนตรว่ามันทำอะไรได้บ้าง   ฝ่าบาทมาหลบตรงนี้ก่อนดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
                    ทิโมธีให้เรจิน่าและนางกำนัลหลบที่ปากถ้ำโดยมีเจ้าหุ่นกระป๋องทินทอนวิ่งตามเข้าไปหลบด้วยเพราะกลัวจะโดนลูกหลงอีก   เมื่อทุกคนอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว ทิโมธีจึงเปิดฝาที่อยู่ใต้ปีกทั้งสองของแอลฟ่า-เอขึ้นแล้วจึงกดปุ่มนู่นนี่เหมือนกำลังตั้งค่าอะไรบางอย่าง   ทันทีที่นักประดิษฐ์หนุ่มกดสวิทซ์สีแดงแอลฟ่า-เอก็เหมือนกับมีชีวิต   ตรงที่เป็นกระจกทรงกลมใสที่ด้านหน้ากลับกลายเป็นดวงตาของเจ้าหุ่นยนต์   ปีกทั้งสองข้างกางออกพร้อมกับพ่นไอร้อนจัดออกมา   ตัวของมันค่อย ๆ ลอยขึ้นจนสูงเลยศีรษะของทิโมธี   ทันใดนั้นมันก็ส่งเสียงร้องแหลมที่แสบแก้วหูจนทุกคนต้องรีบเอามือปิดหู
                    ปี๊บบบ  ปี๊บบบบบบ แซ่กกกกกก ตูม!!    
                    แอลฟ่า-เอร้องเสียงดังลั่นก่อนจะปล่อยแสงสีแดงเข้มออกจากดวงตาของมันใส่ต้นไม้ข้างหน้าจนต้นไม้ระเบิดกระจายลุกไหม้กลายเป็นจุลไปในทันที   ทำเอาสองสาวตกตะลึงจนตาค้าง   แล้วแอลฟ่า-เอ จึงค่อย ๆ โรยตัวลงมาและหยุดการทำงานในที่สุด
« Last Edit: August 21, 2005, 02:39:03 AM by Little Angel » Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #5 on: July 19, 2005, 05:27:55 AM »

                       “ตอนนี้เจ้าแอลฟ่า-เอ ทำได้แค่ลอยขึ้นและปล่อยแสงเลเซอร์   แต่มันยังขับเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ได้เลย  และเสียงร้องของมันดังเกินไปเหมือนมีชิ้นส่วนบางชิ้นหายไป   สงสัยคงต้องหาเวลารื้อเครื่องดูข้างในมันเสียที” ทิโมธีพูดอย่างเซ็ง ๆ บ่นพึมพำกับตัวเองแล้วจึงเดินไปที่เกวียนก้มลงอุ้มห่อผ้าที่แกะแล้วอีกห่อหนึ่งขึ้นมา   ซึ่งชิ้นนี้ดูท่าทางจะมีน้ำหนักเบากว่า แอลฟ่า-เอ   ทิโมธีวางมันลงบนพื้นแล้วจึงค่อย ๆ เปิดผ้าออก   ใต้ห่อผ้าคลุมนั้นคือหุ่นยนต์รูปร่างประหลาดมีขาสามขายาวเป็นจะงอยเหมือนแมงมุม   ลำตัวเป็นลำยาวมีดวงตาขนาดใหญ่อยู่บนปลายด้านบน   ในขณะที่ปลายอีกด้านมีดวงตาที่มีขนาดเล็กกว่าติดอยู่
                       “ส่วนเจ้าหนูนี่ชื่อ เดลต้า-ดี (Delta-D) ”  ทิโมธีแนะนำยิ้ม ๆ  “เจ้าหนูนี่ดีหน่อย  ไม่ร้องเสียงดังเท่าไหร่”
                       ทิโมธีเปิดฝาครอบด้านหลังแล้วป้อนคำสั่งลงไป   ดวงตาทั้งสองของเดลต้า-ดีก็เปล่งแสงวาบขึ้นราวกับมีชีวิต   ทันทีที่ทิโมธีกดปุ่มสุดท้าย   เจ้าเดลต้า-ดีก็ลอยตัวขึ้นสูงบินหมุนวนอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยิงแสงเลเซอร์ออกจากตาทั้งสองลงใส่พื้นดินไปคนละทิศละทาง
                       วี๊.........................ตูม!!
                       “เฮ้อ....เจ้าเดลต้า-ดีนี่ก็เล็งเป้าหมายไม่ได้สักที” ทิโมธีบ่น “เอา...เรามาดูเจ้าตัวนี้มั่งแล้วกัน”
                       ทิโมธีเดินไปที่เกวียนอีกครั้งโดยครั้งนี้อุ้มห่อผ้าชิ้นที่เล็กที่สุดออกมาอย่างระมัดระวัง   ค่อย ๆ วางมันลงแล้วแกะออกมาจากห่อผ้า   หญิงสาวทั้งสองจึงเห็นว่าเป็นหุ่นยนต์ขนาดเล็กสีคล้ายทองเหลืองที่มีขาเพียงข้างเดียว    
                       “เจ้านี่กระหม่อมเรียกมันว่า บอมเบอร์ แมชชีน (Bomber Machine)” ทิโมธีเปิดตรงส่วนหัวของมันออกแล้วจึงป้อนข้อมูลลงไป   เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเจ้าบอมเบอร์ แมชชีนก็กระโดดด้วยขาข้างเดียวกระโจนใส่ต้นไม้ใกล้ ๆ พร้อมกับเปิดปากขึ้น
                       ปุ้ง............ฟี้.............ฟี้
                       มีเสียงคลายกับระเบิดเบา ๆ เกิดขึ้นก่อนจะมีควันไฟกรุ่น ๆ ออกมาจากรอยต่อรอบ ๆ ตัวของเจ้าหุ่น   มันยังคงกระโดดชนต้นไม้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ยอมหยุด   ทิโมธีรีบวิ่งไปเปิดฝาครอบบนหัวของมันขึ้นตรวจดูข้างใน
                       “อืม...กระหม่อมลืมใส่ดินระเบิด ฮา ฮา ฮา” ทิโมธีแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนความสะเพร่าของตัวเอง “เจ้านี่จริง ๆ แล้วมีหน้าที่ยิงระเบิดใส่ศัตรู   แต่ดูท่าทางเมื่อกี้เหมือนจะระเบิดตัวเองมากกว่า ฮา ฮา”
                       ทิโมธีค่อย ๆ ทยอยเก็บหุ่นยนต์โบราณทีละชิ้นอย่างระมัดระวังโดยที่ยังไม่ได้แกะห่อสุดท้ายที่อยู่บนเกวียน   เรจิน่าจึงเอ่ยถามขึ้น
                       “หมดแล้วเหรอ?   แล้วอีกห่อบนเกวียนนั่นละ?”
                        “อืม...” นักประดิษฐ์เงยหน้ามองห่อผ้าอีกห่อบนเกวียน “จริง ๆ แล้วกระหม่อมยังมีเจ้าค๊อกคา-ซี(Cocka-C)อีกตัว   แต่...พระองค์อย่าเพิ่งดูเลยดีกว่า” จู่ ๆ ทิโมธีก็เปลี่ยนใจขึ้นมาเสียดื้อ ๆ   ส่ายหน้าแรง ๆ
                       “อ้าว!ทำไมล่ะ   ไหน ๆ ท่านก็ให้พวกเราดูแล้ว   ก็แล้วทำไมไม่ให้ดูทั้งหมดล่ะ” นางกำนัลย้อมถาม เริ่มอยากเห็นว่าข้างในห่อผ้าจะเป็นตัวอะไร
                       “ยังมีอีก...แก๊ก   แต่ตัวนั้นนิสัยไม่ดี   ทินทอนไม่ชอบ” ทินทอนส่ายหน้าไปมาเพื่อยืนยันคำพูดของตน
                       “ก็อย่างที่ทินทอนบอกพ่ะย่ะค่ะ   เจ้าค๊อกคา-ซีเนี่ยร้ายที่สุด   วิ่งก็เร็วแถมจำหน้าใครไม่ได้เลย   เดี๋ยวจะเป็นอันตรายเอาน่ะสิ” ทิโมธีสารภาพ
                       “ไม่เป็นไร   เราคิดว่าเราวิ่งเร็วพอ” เรจิน่าเองก็อยากจะเห็นเจ้าค๊อกคา-ซีไม่แพ้กัน
                       ทิโมธีลังเลใจอยู่พักใหญ่แต่ก็ยอมอุ้มห่อผ้าห่อสุดท้ายลงมาจากเกวียน   เมื่อแกะผ้าออกหญิงสาวทั้งสองจึงได้เห็นหุ่นยนต์รูปร่างคล้ายไก่สีแดงขลิบเงิน   ทันทีที่ทิโมธีเปิดสวิทซ์   เจ้าค๊อกคา-ซีก็วิ่งไล่ทิโมธีด้วยความรวดเร็วไปทั่วบริเวณ   ซึ่งทิโมธีก็รีบปีนขึ้นต้นไม้ที่ยังเหลืออยู่อย่างรวดเร็ว   เจ้าค๊อกคา-ซีวิ่งพล่านไปทั่วแถมยังส่งเสียงร้องเหมือนไก่อีกด้วย
                       “ป๊อก ป๊อก ป๊อก กระต๊าก! ป๊อก ป๊อก ป๊อก กระต๊าก! ”
                       ทันทีที่ร้องจบมันก็ปล่อยไข่ที่เป็นลูกเหล็กขนาดไม่ใหญ่กว่ากำมือออกมาหลายลูกเกลื่อนพื้น   เพียงชั่วอึดใจเดียวไข่เหล็กเหล่านั้นก็ระเบิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันจนพื้นสะเทือน   แรงระเบิดทำให้ค๊อกคา-ซีหงายท้องแต่ขาของมันยังคงวิ่งปั่นเร็วจี๋พร้อม ๆ กับเสียงร้องอย่างไก่ของมัน   ทิโมธีรีบกระโดดลงมาจากต้นไม้พุ่งตัวไปปิดสวิทซ์มันทันที  
                       “หุ่นยนต์พวกนี้เหมือนกับว่ามันเก่าจนเครื่องข้างในมันรวนหมดแล้ว   กระหม่อมคงต้องใช้เวลาอีกระยะในการซ่อมแซมมัน   กระหม่อมกับทินทอนถึงได้เข้ามาปักหลักกันกลางป่าอย่างนี้”
                       “เราเข้าใจแล้ว   ถ้าเช่นนั้นเราจะสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาใกล้ป่าแห่งนี้อีกจนกว่าท่านจะแก้ไขเจ้าหุ่นยนต์พวกนี้ได้เสร็จสมบูรณ์ดีมั๊ย” เรจิน่าเสนอ
« Last Edit: August 21, 2005, 02:39:25 AM by Little Angel » Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #6 on: July 19, 2005, 05:28:45 AM »

                      “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” ทิโมธีกล่าวอย่างยินดี
                      เสียงฝีเท้าม้าจำนวนมากจู่ ๆ ก็ดังใกล้เข้ามาในบริเวณที่ทั้งสี่อยู่   ทิโมธีรีบอุ้มเจ้าค๊อกคา-ซีขึ้นมาพร้อมกับเอาผ้าใบคลุมไว้   ในขณะที่เรจิน่าและนางกำนัลรีบออกมานอกถ้ำ   ชั่วอึดใจเดียวขบวนองครักษ์ควบม้าเข้ามาอย่างเร็วจนฝุ่นตลบ   หัวหน้าองครักษ์รีบกวาดตาดูสภาพรอบ ๆ บริเวณที่เละเทะระเนระนาดราวกับเกิดอาเพศครั้งใหญ่   เขารีบเหวี่ยงตัวลงจากหลังม้าเข้าไปหาเรจิน่าอย่างรวดเร็ว
                      “ฝ่าบาทไม่เป็นอะไรใช่มั๊ยพ่ะย่ะค่ะ   พวกข้าพระองค์ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหลายครั้ง   คิดว่าพระองค์อาจเกิดอันตรายจึงรีบมาอารักขา” หัวหน้าองครักษ์หันไปมองทิโมธีอย่างโกรธ ๆ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปจับจ้องห่อผ้าใบในมือของทิโมธี   เขาเดาได้ทันทีว่าการระเบิดเมื่อครู่ต้องเป็นฝีมือของนักประดิษฐ์เพี้ยนคนนี้แน่ ๆ
                      “ไม่มีอะไรหรอก   เราสบายดีอย่างที่เจ้าเห็นนี่แหละ   เอาเถอะพวกเจ้ามาก็ดีแล้วเพราะเรากำลังจะกลับไปพอดี” เรจิน่ารีบกล่าวกับหัวหน้าองครักษ์เพื่อไม่ให้ทิโมธีถูกสงสัยไปมากกว่านี้ “ท่านนักประดิษฐ์พวกเราคงต้องขอตัวก่อนนะ   เชิญพวกท่านตามสบาย   เราจะให้เจ้าหน้าที่ติดป้ายเตือนชาวบ้านแถวนี้ให้   แล้วเอาไว้พวกเราจะมาเยี่ยมท่านใหม่” เรจิน่าหันไปกล่าวกับทิโมธีและทินทอนพร้อมกับเหวี่ยงตัวขึ้นหลังม้า
                      “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท   แล้วพบกันใหม่”ทิโมธีกล่าวลา
                      “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ เจ้าหญิง...แก๊ก” ทินทอนโค้งอย่างสวยงาม ก่อนจะโบกมือให้นางกำนัลเป็นการล่ำลา

                      เมื่อเรจิน่าและนางกำนัลควบม้ามาไกลพอสมควรแล้วและทิ้งระยะห่างจากขบวนองครักษ์จนแน่ใจว่าไม่ได้ยินการสนทนาของทั้งสอง   นางกำนัลจึงเอ่ยถามขึ้น
                      “พระองค์จะทรงติดป้ายประกาศห้ามไม่ให้ใครเข้ามาในป่าแถวนี้รึเพคะ? นั่นไม่ยิ่งทำให้ใคร ๆ สงสัยเข้าไปใหญ่หรือเพคะ?”  
                      “ไม่เป็นไร   ถ้าเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านมันก็สมควรแล้ว   และเราเองก็อยากให้การทดลองหุ่นยนต์พวกนี้สำเร็จด้วย” เรจิน่าพูดแต่สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังคิดอะไรบ้างอย่างอยู่
                      “พระองค์ทรงมีแผนการอะไรในใจรึเพคะ” นางกำนัลถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของเจ้าหญิง
                      “ถ้าการทดลองครั้งนี้สำเร็จ...เจ้าลองคิดดูดี ๆ สิ”เรจิน่าหันมามองนางกำนัลคนสนิทและยิ้มด้วยสายตาแพรวพราว “หุ่นยนต์พวกนี้จะมีประโยชน์ต่อฟีเลเซียขนาดไหน”
                      “จริงด้วยสิเพคะ   หม่อมฉันไม่ได้คิดถึงประโยชน์ข้อนี้เลย” นางกำนัลทำตาโตเพิ่งจะเห็นประโยชน์ของนักประดิษฐ์เพี้ยนก็คราวนี้เอง
                      “เพราะเจ้าคิดแต่ว่าเขาทดลองอะไรเพี้ยน ๆ อยู่น่ะสิ” เรจิน่าทำตาโตใส่บ้างอย่างขำ ๆ  “เอาล่ะ!รีบกลับกันเถอะ   เราอยากจะคิดอะไรต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกสักหน่อย”  
                      เรจิน่าพูดจบก็เร่งฝีเท้าม้าให้เร็วขึ้นมุ่งหน้านำขบวนกลับปราสาททันทีโดยเก็บเรื่องที่เกิดขึ้นภายในป่าไว้เป็นความลับที่สุด
     
« Last Edit: August 21, 2005, 02:39:48 AM by Little Angel » Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #7 on: July 25, 2005, 04:14:58 PM »

เชิญมาเม้าส์กันต่อที่นี่


http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?board=2;action=display;threadid=13677
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.093 seconds with 22 queries.