Summoner Master Forum
April 26, 2024, 08:30:15 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: 1 ... 8 9 [10]  All
  Print  
Author Topic: Legend of The Thaliwilya (Complete 33 ตอน) update บทพิเศษ ครอบครัว  (Read 134501 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #270 on: August 17, 2008, 07:33:45 PM »

Tip for dragonology จับเข่าคุยอวสานตำนานทาลิ(จริงดิ)

แหมรู้สึกยังกะตัวเองเป็นนักเขียนการ์ตูนเลยน้อ แหมจะมีคนสนใจเอาไปทำหนังแบบแฮรี่ไหมเนี่ย
ภาคแรกจะได้ชื่อ ลอว์เรนซ์กับศิลามังกร(ของเขาแฮรี่กับกับศิลาอาถรรพ์)แหะๆๆมุขฝืดไปไหมเนี่ย
เอาล่ะครับก่อนจะมาพูดถึงภาคสองกันขอประเดิมเรื่องของภาคหนึ่งกันซักนิด

เริ่มจากเรื่องนี้ได้แต่งขึ้นตั้งแต่ผมยังอยู่ ม.ต้น อยู่เลยผู้อ่านบางท่านอาจจะสงสัยว่า
ทำไมเนื้อเรื่องช่วงแรกมันถึงดูเด็กนัก นั่นคงต้องบอกว่าเค้าโครงส่วนใหญ่ได้อิทธิพลมาจากดิจิม่อนที่
ยังดังอยู่บ้างในช่วงนั้น ก่อนที่ในภาคถัดมานั้น ตั้งแต่บทที่ 11 ซึ่งผมมาต่อให้อย่างต่อเนื่องนั้น

ได้มีตัวละครอย่างเจนัส ลากูน่า นีน่า และ ริคุเข้ามาผสมโรงด้วยคงต้องบอกว่า แนวความคิดของผมมันเปลี่ยนไปจากเมื่อสองปีก่อนโดยสิ้นเชิง ลำพังตอนแรกผมกะจะให้ลอว์เรนซ์ผจญภัยไปกับพวกลูกมังกรเท่านั้น
ไปๆมาๆผมก็เริ่มคิดแล้วว่า ลำพังคุยกับมังกรทั้งเรื่องคงเอียนตาย เลยเริ่มหาข้อมูล

ช่วงนั้นติด คุณครูจอมเวทย์เนกิมะ งอมแงมเลยครับ พูดไปขนาดนี้คงรู้
กันแล้วนะครับว่าตัวละครเหล่านี้ต้นแบบมาจากไหน ถ้าท่านไหนเคยอ่านคงจะร้องอ๋อกันไปแล้ว

ซึ่งช่วงนี้นั่นเองจากที่ผมแต่งกันอยู่กับเจ้าการุรุม่อนและ เพื่อนอีกคนที่แทบจะไม่ได้มาปรากฏให้เห็นตัวเป็นๆเลย
แต่เขาเคยมาในฐานะผู้ช่วยผมทีนึงแล้วนะครับ ตอนที่ผมมีกำหนดการเลื่อนวันแต่งบ่อยมาก
ครั้งนั้นผมต้องโพสตอนดึกเลยให้มันช่วยมาบอกว่าจะมาตอนดึกหน่อยน่ะครับ
ลองหาดูนะครับว่าใคร เขาคนนี้ก็คือคนที่ช่วยวาดภาพประกอบที่เป็นภาพเขียนมือ
เช่น ฟอร์มต่างๆของแอคเตอร์และอวตารร่างจิตของพระเจ้านะครับ

รวมไปถึงลอว์เรนซ์ร่างแรกด้วยก่อนลงสีด้วย คิดว่าใครเคยอ่านตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มคงจะได้เห็นกัน
ปัจจุบันลิงค์ภาพมันเจ๊งไปแล้ว ส่วนตัวภาพก็หายไปด้วย ใครที่เคยเห็นคงถือเป็นบุญตาได้เลย

และที่สำคัญอีกเรื่องการ์ดเสริม ในตอนอวสานนี้มีออกมาใหม่ถึง 5 ใบด้วยกัน
ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นเป็นพวก Lr ในอนาคตนั่นเอง ดูๆไปแล้วแทบไม่เหลือเค้าเดิมเลย ส่วนที่หูไม่เป็นสัตว์แล้วนั้น
เพราะพวกเขาได้โตขึ้นแล้วความสามารถในการจำแลงร่างนั้น จึงสูงตามไปด้วย แต่ก็ไม่พ้นหางยังโผล่อยู่
แต่ในการ์ดคงจะไม่เห็นหรอกครับ เพราะหันหน้ามาหมด

การุรุม่อน: ที่จริงคือหาภาพไม่ได้เลยตั้งใจกลบเกลื่อนว่างั้น…
เกรม่อน: เงียบไปเลยไป แหะๆอย่าไปสนใจฟังเลยครับ ว่าแต่ขออธิบายเกี่ยวกับวามสัมพันธ์ของการ์ดสองในห้า
นี้หน่อยเถอะครับเพราะดูจะออกมาเอื้อกันจริงๆ เจนัสกับนีน่าเนี่ย แหมแค่ชื่อท่าก็บ่งบอกความเป็นเนื้อคู่แว้ว
อย่างของเจนัสนี่ก็ตรงตัวเลย ด้วยสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะปกป้องเธอ ชื่อท่าเลยเป็น ปกป้องนีน่าไปซะงั้น
ส่วนของนีน่า เพื่อที่จะตอบแทนความรู้สึกที่เจนัสมีให้เลยกลายเป็นพลังแห่งรักไปซะงั้น
ภาคทาลิวิลย่านี้ พวกเขายังเด็กเกินไปคงยังไม่ค่อยเข้าใจคำว่ารักมากนัก แต่เจ้าการุรุม่อนจะเอาไปต่อ ยอด
หรือ ไม่คงต้องติดตามดู

อีกคนนี้ตั้งแต่ต้นเรื่องเลยมั้งดูจะได้รับอิทธิพลจากญี่ปุ่นมากยังกะหลุดออกมาจาก ซองชุด คริมสันซากุระเลย
ชื่อท่านี่ยุ่น จริงๆ คาไมทาจิเงี้ยคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มแต่ท่าใหม่นี่ สิ Kazumi Sakura (คาซุมิ ซากุระ)
แหมชื่อท่าก็บอกแล้วว่าซากุระว่าแต่แล้วมันเป็นยังไงหรอท่าเนี้ย จะบอกความหมายของมันให้

ก่อนอื่นเราต้องรู้ความหมายประโยคแรกก่อนจึงจะตีความได้ นั่นคือคาซุมิ แปลว่า หมอก พอเอามารวมกับซากุระ
เลยเป็นสายหมอกซากุระนั่นเอง ส่วนตัวท่าเป็นยังไงคิดว่าภาคสองเจ้าการุรุม่อนน่าจะเอาไปทำด้วย
และนอกจานี้ยังไม่เคยอธิบายเกี่ยวกับ ดาบวิเศษทั้งสองเล่มของพี่ กา กา ทั้งหลายเลยใช่มั้ยครับ
เริ่มจากชินเซเบอร์ก่อนเลย มันเป็นการรวมภาษาญี่ปุ่น กับภาษาอังกฤษเข้าด้วยกัน แปลว่าดาบที่แท้จริงครับ

ส่วนมิรัยเคนนั้น เป็นญี่ปุ่นล้วนโดยเอาคำว่า มิรัย ที่แปลว่าอนาคตและ เคน ที่แปลว่าดาบมา
รวมกันเป็นดาบแห่งอนาคต ซึ่งขอบอกไว้ก่อนนะครับว่าบางทีมันอาจจะผิดไวยากรณ์ของภาษาเค้าก็ได้
ทั้งนี้เพราะผมแค่เอาคำมาจาก ดิค ญี่ปุ่น เท่านั้น (เราสายวิทย์อ่ะ ไม่ใช่สายศิลปะญี่ปุ่น)

แหมเกริ่นกันมาซะยาว ที่จริงนอกจากผมสามคนทีมงานเรามีด้วยกันถึง 5 เชียวนะครับ
เดี๋ยวจะขึ้นลิสให้ตอนท้ายรายการ(เหอๆๆยังกะทอล์คโชว)
 
มาเข้าเรื่องกันลยดีกว่า ผมอยากลองเปิดเกมส์แฟนพันธุ์แท้ของทาลิ นี้มานานละ
โดยผมได้รวบรวมคำถามมาและจัดเป็นรายการถามตอบกับสมาชิคในกลุ่มกันเอง
โดยที่ผู้อ่านก็สามารถร่วมตอบไปกับเราก็ได้หลังจบรายการนะครับว่าแล้วก็เริ่มเลย
ผู้เข้าแข่งขันมีสามท่าน คนแรกได้แก่ การรุม่อน “ สู้ตายฮ่ะ ” และตามมาด้วย ฝ่ายบรรณาธิการ
ปิโยม่อน “ จะพยายามค่ะ ” และแขกพิเศษของเรา แวนเดม่อน “ รีบๆเริ่มซะทีข้าไม่มีเวลามานั่งไร้สาระนะ ”

“ แหมดุจัง ” by เกรม่อน

คำถาม

1.ในตอนอวสานเวลาได้ผ่านไปห้าปี ลอว์เรนซ์ เจนัส นีน่า ลากูน่าและริคุ ทั้ง 5 คนนี้อายุเท่าไหร่เอ่ย
การุรุม่อน:โห้ยง่ายมาก เรียงตามลำดับชื่อของโจทย์ ก็ 14 15 15 14 15 ไง โฮะโฮะ
ปิโยม่อน: จะถามทำไมเนี่ยขอตอบแบบข้างบนละกัน
แวนเดมอน: ไร้สาระจริง ตอบเหมือนข้างบน (แล้วทำไมพวกแกไม่ตอบเองฟะ)

เกรม่อน:โอเค คงง่ายไปงั้นเอาใหม่

2.ตั้งแต่มีการนำการ์ดตัวละครเสริมมาใช้ จนถึงตอนอวสานนี้รวมทั้งสิ้นมีทั้งหมดกี่ใบ นับอันที่รีเอามาทำใหม่อย่างเซโร่ด้วยน้า
การุรุม่อน:เอ 1234 โอยจำไม่ได้ว้อย (อ้าวแต่ฝ่ายตัดต่อภาพกับเสียงน่ะแกทำเองไม่ใช่เรอะ)
ปิโยม่อน:แล้วกันว่าจะตอบตามซะหน่อย
แวนเดมอน:ไม่รู้ไม่ตอบโว้ยย

เกรม่อน:ไมมันลอกกันแหลกงี้มีปัญญาคิดเองมั่งมั้ยเนี่ย


3.จงเรียงลำดับความใจเย็นของครึ่งสมิง เจนัส นีน่า ลากูน่า และริคุ จากน้อยไปหามาก(ง่ายๆใครมันบ้าเลือดที่สุดจัดมันไปไว้คนแรกเลย)
การุรุม่อน: เอ… ลากูน่า นีน่า เจนัส ริคุ เอจะว่าไปช่วงหลังๆเจนัสคุงก็ใจร้อนเหมือนกันนา
เอแต่ยังไงลากุจังก็อืมเลือกไม่ถูกอ่ะ
 
ปิโยม่อน:เจนัส ลากูน่า ริคุ นีน่า (ทำไมเรียงงี้ล่ะแถมยังเอาเจนัสไปข้างหน้าอีก) ก็ท่าส่วนใหญ่ของเจนัสต้องใช้ตอนที่เลือดออกเยอะๆนี่ ส่วนลากุก็เป็นน้องคงบ้าพอๆกัน ริคุก็ซัดกับเจนัสจนเลือดตกยางออกมาหลายตอน
แล้วแต่นีน่าจังนี่สิ น่าทะนุถนอม มีหนุ่มๆคอยปกป้องตลอด อีกอย่างใบ้ไปแล้วนี่ว่าใครบ้าเลือดก็คนนั้นแหล่ะ
 
แวนเดมอน: เท่ากันหมด (ทำไมล่ะ) เรื่องของข้าว้อย

เกรม่อน: อื้อหือ ชักดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะครับ(ไม่ใช่คำถามแต่จะเดือดกับไอ้แวนเดม่อนเนี่ยแหล่ะ)


4.ในเรื่องนี้มีครึ่งสมิงโผล่ออกมาทั้งหมดกี่ตัว
การุรุม่อน: 4 ชัวอยู่แล้ว
ปิโยม่อน:5 ต่างหาก ลืมนับกาโรห์ไปล่ะสิ
แวนเดมอน:จะจบยังข้ายิ่งรีบๆ(แล้วแกจะมาทำม้ายย)

เกรม่อน:ผิดหมดคำตอบคือ นับไม่ได้ เพราะที่หมู่บ้านแหลมทวีปมีอีก เพียบ


5.พ่อและแม่ของลอว์เรนซ์ ชื่อว่าอะไรบ้าง
การุรุม่อน:ง่ายแท้ อิเดีย ซาริ(ผิด)
ปิโยม่อน:อิเดีย ซาเร่(ผิด)
แวนเดมอน:มองหน้าหาเรื่องเรอะ  พลั่ก  (หมั่นไส้มานานขอสักทีเหอะเอาให้เลือดคาหมัดโลด)

สุดท้ายก็ไม่เป็นอันเล่นเพราะวิวาทกันจนเละไปหมด
สำหรับคำตอบที่ถูกต้องนั้น ก็แล้วแต่ท่านผู้อ่านจะคิดละกันครับเพราะผมเองก็คงตอบไม่
ถูกเหมือนกัน (แต่งเองตอบเองไม่ได้อย่าว่ากันเลยมันเยอะอ่ะ)

ส่วนข่าวคราวของภาคสองนั้น ต้องขอให้เตรียมใจกันนิดนึงนะครับ เพราะไม่ได้เกี่ยวกับทาลิวิลย่าแล้ว
แถมยังเปลี่ยนคนเขียนเป็นการุรุม่อนอีกที่สำคัญไม่ได้โพสในกระทู้นี้แต่แยกไปอีกกระทู้
ก็มันไม่เกี่ยวกับทาลิแล้วนิ ถ้างั้นแล้วทำไมมันถึงเป็นภาคสองได้นั้นเราจะไขความลับให้กระจ่างเองครับ 

เริ่มจากชื่อเรื่อง ไม่ใช่ Crisis of Valkyrie  นะครับแต่เปลี่ยนเป็น War of Actor In Terra
นั่นแหน่ เห็นชื่อเรื่องก็พอจะเดาออกแล้วใช่มั้ยครับ  เนื้อเรื่องภาคสองนี้จะเกี่ยวกับระบบแอคเตอร์
ที่ถูกสร้างขึ้นในอนาคต หรือให้เข้าใจง่ายๆมันก็คือ มาส์คไรเดอร์คาบูโตะฉบับ SMNนั่นเอง
แต่ทว่าทำไมมันถึงต่อเป็นภาคสองล่ะแค่เพราะเกี่ยวกับแอคเตอร์น่ะหรือไม่ใช่หรอก
ที่จริงแล้วคือตัวละครน่ะใช้ชุดเดิมด้วยอีกตะหาก แน่นอนพระเอกก็ Lr คุงเนี่ยล่ะ
แต่เป็นวัยรุ่นแล้ว ยกระดับของเรื่องขึ้นมานิด และที่สำคัญ นางเอกในภาคนี้ชื่อ เทีย
แต่ไม่ใช่คนที่ตายไปตอนวาเลนไทน์นะ เธอคนนี้มาจากโลกอนาคตในอีก 300 ปี

โดยเธอเป็นลูกสาวของนักวิจัยระบบแอคเตอร์ เทียเป็นเด็กนักเรียนธรรมดาๆ
อายุของเธอคือ 14 ปี ความฝันคืออยากเป็นเจ้าหญิง ที่ถูกเจ้าชายปกป้อง
(ไม ทีมเรื่องมันคุ้นๆหว่า) เพื่อความรักและความฝันแม้จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายก็จะไปให้ถึงนั่น
คือเจ้าชายในฝันของเธอ (นี่มันหรือว่า) ซึ่งในบทแรกนั้น ชื่อตอนก็มีว่า
เจ้าชายผู้มาจากฟากฟ้า (เปลี่ยนเป็นเจ้าชายที่ตกลงมาจากฟ้านะชัดเลย )
และแน่นอนว่าเจ้าชายของเธอคงไม่พ้น Lr แน่ ว่าแล้วเราลองไปดูตัวอย่างบทพูดในภาคสองนิดหน่อยเถอะ

“ เอามาสเตอร์แอคเตอร์หนีไปเร็ว ”

“ คือว่าที่ชั้นเรียกเธอมานี่น่ะ...ก็คือชั้น..ช…ชอบ…เธอ… ”
คำสารภาพรักของใครหว่า

“ เคยมีคนพูดไว้จงก้าวข้ามลิขิตแห่งฟ้าเพื่อไขว่คว้าอนาคตมาไว้ในกำมือ  ”
นี่ถ้ามันเป็นก้าวไปในทางแห่งสวรรค์ล่ะก็นะคงไม่ต้องไปแต่งมันแล้วล่ะ

“ ถึงจะเก่งแค่ไหนก็เถอะแต่ถ้าไม่แปลงเป็น ผู้พิทักษ์ ก็สู้กับแลนทิสที่ Time Walk ไม่ได้แน่ ”

“ คุณคือผู้ได้รับเลือกจากมันแล้ว จากนี้ไปชะตาของคุณจะต้องต่อสู้กับ… ”
“ ชั้นไม่คิดจะกลับไปจับดาบอีกหรอกเธอไปหาคนอื่นเถอะ ”

สรุปแล้วคือภาคสองนี้ไม่เกี่ยวกับทาลิวิลย่าละ สำหรับท่านต้องการติดตามก็เข้ามาดูได้
ที่บอร์ดแฟนอาร์ตอาทิตย์หน้าเวลาเดิมนะครับแต่เปลี่ยนกระทู้นะ บายครับ

Staff
เรื่อง by  Greamon
 ตัดต่อภาพ by Garurumon
ภาพประกอบเขียนมือ by ผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่ง
บรรณาธิการตรวจเช็ครายละเอียด(ซึ่งไม่เคยละเอียดมีผิดทุกตอน) by Piyomon
จัดหาข้อมูล by Tentomon (นี่ไม่เคยโผล่หน้าเลยงิ)

ขอขอบคุณภาพจากเว็บ ดาต้าเบสของบริษัท และ เพลงประกอบจาก www.Gendou.com

สุดท้ายจงอย่าลืม ทางเดินของเรานั้นเราคือผู้ลิขิต แต่ไม่ต้องขนาดก้าวข้ามลิขิตฟ้าเหมือนอย่างลอว์เรนซ์นะ
อันนั้นมันลำบากไป……
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #271 on: August 17, 2008, 09:34:43 PM »

จบแว้วๆ      ลาก่อน บาย  เรื่องออกจะหนุก น่าจะสานต่อ
ปล.1--- เนื้อเรื่องแบบที่เสนอมา รู้สึกขี้เกียจอ่านขึ้นมาตะหงิด ๆ
ปล.2---ตอนที่บอกว่า   โดยเธอเป็นลูกสาวทำระบบแอกเตอร์ บลาๆๆ  จนจบ ผมว่ามันเหมือน ginban kaleidoscope + mamotte lollipop แล้วาร 2 บวก 3 เอานู่นนี่มาปนกันหมดเลยครับ 
ปล.3--- ผมก็ชอบ เนกิมะเหมือนกัน ยิ่งภาคใหม่ เนกิมะ!? ก็สนุก 
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #272 on: August 18, 2008, 02:23:22 AM »

แหม อย่าพูดยังกะจะจบไปกับนิยายด้วยสิจ้ะ ลากงลาก่อนอะไรกัน เกรม่อนคุงเค้ายังไม่ตายซะหน่อยเอ
แต่รู้สึกโดนเจนัสซ้อมอยู่นะ อีกเดี๋ยวคงตาย 5555  เอ้ยไม่ช่าย
ที่จริงถึงเจ็อยากสานต่อ ก็คงสานไม่ติดอ่ะจ้ะเพราะศิลามังกรมันสลายไปแว้ว เกรม่อนคุงมัน
เล่นเขียนปิดบัญชีชนิดว่าจบก็จบจริงๆ แถมยังเขียนให้โตเป็นหนุ่มหมดเลยอีกตะหาก
เล่นซะเจ็ไม่มีช่องให้แทรกเลย

นี่ก็อวสานแล้วไหนเจ็ขอออกความเห็นฉากที่ประทับหน่อยเถอะจำได้มั้ยว่าเจนัสกับนีน่าเนี่ยมีฉากเซอวิส อยู่สองบทแน่ะ อันแรกก็บทที่18 หนุ่มน้อยตื่นขึ้นมาร่างเปลือยเปล่าเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียว ยัยม้าดีดกระโหลกมันยังเข้า
ไปจ่อปืนแนบซธชิดติดเลยนะ อีกตอนก็ที่บ่นในสวนสาธารณะ ใต้ต้นไม้เนี่ยคุยกันโรแมนติกซะจริง ซึ่งสถานที่นั้นก็ได้แบบมาจากภาพนี้ตอนที่ไปทัศนศึกษากัน



ว่าแต่ภาคสองเนี่ยเจ็ก็ไม่ได้กะแต่งให้มันเหมือน มาส์คไรเดอร์ นักหรอก ก็แค่ยืมๆเขามาหน่อยว่าแต่
เรื่อง ginban kaleidoscope เนี้ยมันคืออะไรเจ็ไม่ดูเลยอ่ะ ที่จริงทีมเรื่องตอนแรกจะเป็นการ
ใช้แอคเตอร์สู้กับพวกแลนทิสที่มาจากอนาคต เพราะพวกเซโร่ ดันไปเปิดประตูเชื่อมต่อโลกอนาคตที่วิหารของ
วัลคีรี่ทั้ง 12  เข้าซะี่นี่ ทำให้ อาวุธ 12 อย่างของพวกอาหมวยวัลคีรี่ กระเด็นหายไป

พวก Lr เลยต้องมาตามเก็บแต่เจ็ดูแล้วว่าทำทีมเรื่องแบบนี้มันคงยาวเกินไป เพราะอีกไม่นานพวกเจ็ก็จะสอบตรงแล้ว
สังเกตได้ที่เจ้าเกรม่อนคุงรีบรวบเรื่องขนาดนี้ นีเจ็พูดแล้วเหยียบไว้เลยนะ ที่จริงตอนแรกเกรม่อนคุง ตีความไว้ว่า
น่าจะจบในตอนที่49 - 50 แต่ไปๆมาๆมันไม่ทันแล้ว ก็เลยต้องเร่งเรื่องขนาดนี้ดูสิขนาด

ตอนแปลงเป็นทาลูคูสอ่ะยังเว้นช่วงมาแปลงเป็นทาโซรอสซะไกลเลย
แล้วยังรวบ ทาลิควาสกับทาเวนทอสมาอยู่ในบทเดียวกันอีก จากนั้นก็เป็นทาลิคนัส ทาไนซ แล้วก็มุรามาซะแล้วก็เรียงไปเรื่อยเลยอ่ะจ้ะ ที่จริงนี่เป็นความลับของ ทีมงานเราเลยนะจ้ะ อย่าไปบอกใครล่ะ

ดังนั้นเจ็ก็เลยเอาแค่สั้นๆ เลยเปลี่ยนทีมเรื่องซะใหม่  ความยาวบทในภาคสองนี้ก็เลย ประมาณสองบทของที่เจ้าเกรม่อนคุงแต่งอ่ะจ้ะ ยังไงๆก็ตามมาดูหน่อยเน้อ ถือซะว่าทำบุญให้เจ็เถอะน้าาา

ว่าแต่ช่วงนี้อย่านึกนะว่าเจ็จะไม่ได้จับตามองถึงเกรม่อนคุงจะไม่แย้ง แต่เจ็อยากรู้อ่ะว่านอกจาก boy คุง กับ อีฝจัง
มีใครมาอ่านแล้วไม่ได้ตอบกันบ้างเอ่ย เพราะ1 เดือนก่อนเจ็นั่งดูแล้วว่ามีคนเข้ามาอ่านกระทู้นี้
อยู่นานเป็นชั่วโมงถึง2 -3 คนถ้ายังไงก็ช่วยตอบเจ็ทีเถอะเน้อ



« Last Edit: August 18, 2008, 04:12:54 AM by cocka-c » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #273 on: September 02, 2008, 02:57:32 AM »

ขอเชิญชมภาค 2 ได้ที่นี่เลยครับ

http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=43523.0
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #274 on: September 14, 2008, 05:50:53 PM »

ก่อนจะไปดูกันนั้นขอแจ้งข่าวหน่อยนะครับ เรื่องสารบัญ ที่หน้าแรกนั้นผมเขียน ไว้ว่า จะรวบรวมเนื้อหาของตอนพิเศษทั้งหมด มารวมไว้ที่เดียวกันเพื่อสะดวกในการอ่าน ดังนั้นผมจะเริ่มทยอยรวมมาไว้ที่หน้าที่19
นี้นะครับอาจทำให้กระทู้คลาดเคลื่อนกันเล็กน้อย

Quote
เฮ้อว่าจะไม่ยืดแล้วนะแล้วก็ยืดจนได้ว่าแต่มีคนโทรมาขอให้ต่อตอนฟูดินันได้แล้วรออ่านอยู่เนี่ยสงสัยต้องลงตอนธรรมดาแทนแล้วงั้นพรุ่งนี้ตอนพิเศษนี้ลงอีกทีวันจันทร์ก็แล้วกันส่วน Duel Legendไว้วันพฤหัสนี้ลงแน่นอนพยายามหาดูก็แล้วกัน
เดี๋ยวบอกบทนำนิดหน่อยละกันของDuel Legend น่ะเป็นเรื่องราวที่ว่า

ในอนาคตเวทย์มนต์กับเทคโนโลยีได้ถูกผสานกันอย่างลงแต่ทว่าในความลงตัวนั้นได้มีรอยแตกแยกเล็กๆอยู่
หากมันขยายขึ้นมาเวทมนต์และเทคโนโลยีก็จะแยกจากกันซึ่งตัวแทนของเวทย์มนต์กับเทคโนโลยีที่ผสานกันลงตัว
นั้นคือการ์ดซัมมอนเน่อนั้นเอง หนุ่มน้อยที่พ่อและพี่ชายหายตัวไปจากการปะทะกับองค์กร

ชั่วร้ายZodiac(จักรราศี)ที่เหล่าผู้ช่ำชองฝีมือการ์ดร่วมกันตั้งขึ้นมาเป็นผู้คนจากหลากหลายประเทศ
เรื่องเริ่มขึ้นในวันหนึ่งที่พระเอกของเราได้เล่นการ์ดอยู่พวก Zodiac ก็เข้ามาก่อกวนมีด้วยกันห้าคน
ที่ถูกส่งมาจัดการกับพระเอกของเรา

ได้แก่ชาวกรีก ชื่อปีกัซ ผู้ใช้สำรับเปกาซัส
ชาวจีนชื่อ ชง ผู้ใช้สำรับ มังกร
ชาวเยอรมันชื่อ ลุคลิน ผู้ใช้สำรับ ฟีนิกซ์
ชาวญี่ปุ่นชื่อ ชุน ผู้ใช้สำรับ อันโดรเมด้า
ชาวไซบีเรียชื่อ สแวน ผู้ใช้สำรับหงส์ขาว
แล้วพระเอกของเราจะทำไงดีเนี่ยเอาใจช่วยเขาได้ในDuel Legend สงครามตำนานนักร่ายอสูรวันพฤหัสนี้ครับ
(จะว่าไปเหมือนเอาเซนส์เซย่ามารวมยังไงไม่รู้สิ)





คิดว่าคงจำคำพูดนี้กันได้นะครับ เรื่อง Duel Legend นั้น ผมคิดว่าคงจะพิมพ์ไม่ไหวแล้ว เพราะปัจจุบันตอนนี้ตัวผมก็ได้เลิกเล่น
การ์ดไปนานพอดูแล้ว ทำให้ กฏกติกาเริ่มเลือนไปหมดคิดว่าคงจะเขียนต่อให้ไม่ได้ต้องขออภัยจริงๆครับ

จะว่าไปแล้ว บทพิเศษ ครอบครัวนั้น เราจะได้เห็นชื่อจริงของ เทียแมต และ พ่อของนิทินโค ซาลามันเดอร์ด้วย นอกจากนี้ คุณตาของนอฟฮอฟอีกคน ในภาคสอง สงครามแอคเตอร์ก็มีน้องชายของ ไลท์โผล่มาอีก สามเลย คิดว่าคุณแม่ของไลท์คงจะได้มีบทมั่ง มั้งนะ

« Last Edit: September 16, 2008, 12:42:56 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #275 on: September 14, 2008, 06:12:59 PM »

Special  X,Mas OF the Thaliwilya
ตอนทาลิวิลย่าปะทะเอเลี่ยน

ที่ฟีเลเซีย
ณ ห้องทดลองของทิโมธี

" แค่กๆๆพลาดอีกแล้ว "
ชายหนุ่มที่มีผมสีแดงปลายผมมีรอยไหม้นิดๆ
ภายในห้องมีควันลอยโขมงอยู่เต็มห้องชายหนุ่มคนนั้นจะเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อระบายควันออกไประหว่างเดินไปนั้นมีเสียงเหล็กกระทบกันดังเรื่อยๆเพราะเครื่องมือต่างๆมากมายที่ตั้งไว้บนโต๊ะและที่พื้นถูกเขาเดินเตะปัดไปปัดมา

ในที่สุดชายคนนั้นก็เปิดหน้าต่างสำเร็จเสียงลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาในห้องพัดเอาควันออกไปเมื่อควันเริ่มจางทิโมธีก็หันไปหาทินทอนหุ่นยนต์ผู้ช่วยของเขา

" ทินทอนนายโอเคมั้ย "
ทิโมธีพูดจบก็มองหาทินทอนแต่ไม่เจอซักพักก็มีเสียงโครมครามมาจากกองเศษเหล็กข้างๆ
ทินทอนนั่นเองที่ผลักกองเศษเหล็กที่ทับตัวเองออกมา

" ทิ..แก็ก..ทิ.แก็ก..โมธี "
เสียงของเจ้าหุ่นยนต์ออกเสียงสูงๆต่ำๆไม่เท่ากัน

" เฮ้อทินทอนระบบเสียงเจ๊งอีกแล้วเหรอเนี่ย "
ทิโมธีพูดจบก็เดินไปหาทินทอนแล้วก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วควานหาอะไรซักอย่างซักพักเขาก็หยิบไขควงแล้วเข้าไปไขน๊อตที่ด้านหลังหัวของทินทอนจนมั่นใจว่าแน่นแล้วจึงลุกขึ้นเก็บไขควงกลับใส่กระเป๋าเสื้อตามเดิม
" ขอบใจทิโมธี แก็ก.. "
ทินทอนพูด

" พรุ่งนี้ค่อยลองใหม่ละกันเรื่องประตูข้ามมิติเนี่ย "
ทิโมธีพูดจบก็เก็บของแล้วเดินเข้าห้องนอนแล้วดับไฟตะเกียงทันที
ทินทอนก็เช่นกันเดินเข้าไปยังห้องของตัวเองแต่ก่อนที่ทินทอนจะเดินออกจากห้องก็มีเสียงเหมือนไฟลัดวงจรและมีแสงแวบออกมาชั่วครู่ทินทอนหันมามองแต่แสงนั่นก็ดับไปแล้ว

" น่าแปลกจริงๆ "
ทินทอนไม่สนใจจึงเดินออกไป
เมื่อทินิอนเดินออกไปเครื่องที่มีลักษณะเหมือนประตูทรงกลมก็เริ่มทำลานอีกครั้งและได้มีสิ่งที่โลกเทอร่าไม่เคยคิดว่าจะได้ประสบพบเจอเลยสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติข้ามมายังมิติเทอร่าแห่งนี้
สิ่งมีชีวิตนั้นมีร่างเหมือนกิ้งก่ายักมีเล็บที่ยาวคมกริบหางที่ยาวที่ปลายนั้นเป็นหัวลูกศร
มีหัวที่ใหญ่ยาวที่ปากนั้นมีปากที่เล็กกว่าอีกชั้นอยู่ในปากโลกเทอร่ากำลังจะพบกับหายนะ


อสูรกายตัวนั้นผ่านประตูมิติเข้ามาอยู่ในห้องทดลองของทิโมธีมันกำลังเดินสำรวจอยู่ภายในห้องมันเดินไปจนถึงประตูห้องของทินทอนและใช้กงเล็บพังประตูเข้าไปในห้องทินทอนกำลังชาจไฟตัวเองอยู่อสูรกายตัวนั้นเดินเข้าไปหาทินทอนมันกางกงเล็บออกอีกครั้งและทำลายทุกอย่างที่อยู่ในห้อง
เช้าวันถัดมา

" ฮึบ อ้า เช้าแล้วเหรอเนี่ยเมื่อคืนแทบไม่ได้นอนเลยเพราะเจ้าทินทอนมัวแต่ทำอะไรโครมครามอยู่ข้างๆนะเนี่ย " ( แล้วมันยังนอนต่อไม่ห่วงเพื่อนเลยนะ )
ทิโมธีลุกจากเตียงแล้วเดินไปเปิดหน้าต่าวเสียงนกเนด้าร้องประสานเสียงยามเช้าลมพัดเข้ามาในห้องทิโมธีและเมื่อเขามองลงไปข้างล่างภาพที่อยู่ตรงหน้านั้นแทบจะทำให้หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะเบื้องร่างจากชั้น 2 ของบ้านประตูหน้าบ้านของเขาที่ทำจากเหล็กอย่างดีและเครื่องล็อกกุณแจที่เขาคิดค้นเองเมื่อคืนก็ล็อกไว้

อย่างแน่นหนาแต่ตอนนี้มันกลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้วส่วนประตูก็มีคราบสีเขียวบางอย่างติดอยู่มีควันลอยออกมาจากคราบนั่นจางๆ

ทิโมธีแทบล้มทั้งยืนแต่เขายังทรงตัวทันเขาพยายามตั้งสติแล้วหันไปข้างหลังสิ่งที่เห็นทำให้เขา
เกือบเป็นลมประตูห้องของเขามีสภาพไม่ต่างไปจากประตูเลยเขาพยายามตั้งสติอีกครั้งเขาเดินไปที่ห้องทดลองปรากฏว่าห้องทดลองที่เคยเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องมือรกเกะกะมากมายบัดนี้ได้กลายสภาพไปไม่ต่างกับซากปรักห้กพัง

" ทิ..แก็ก...ม...แก็ก.โม..แก็ก...ท.ที.แก็ก "
เสียงของทินทอนที่ดูไม่ปะติดปะต่อเมื่อทิโมธีหันไปหาทินทอนเขาก็เป็นลมล้มผับไปเลยเพราะสภาพของทินทอนที่พังจนดูไม่ได้ข้างทั้ง 2 ข้างส่วนหังก็เหลือเพียงครึ่งเดียว
หลังจากนั้น....

" เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะท่านเกรเกอรี่ถึงได้ให้ข้ามาขอให้พวกท่านไปช่วยสืบเรื่องนี้อีกแรง "
ชาลว์พูดด้วยสีหน้าเหนื่อยใจเมื่อต้องนึกถึงสภาพของบ้านทิโมธีและท่านเกรเกอรี่ที่เป็นลมหน้าบ้านทิโมธีเมื่อเห็นสภาพของทินทอนที่ออกมาต้อนรับเมื่อเช้านี้

" อ..อ้องั้นเหรอ "
Lr มองชาลว์ที่มีสีหน้าเหนื่อยอ่อนแล้วก็ถึงกับอึ้งลูกมังกรทั้งหกเองก็เช่นกันด้วยว่าจอมทัพแห่งสายลมผู้นี้ไม่เคยแสดงอาการเหนื่อยใจมากมายเช่นนี้มาก่อนเลย

" เฮ้อเจ้านักประดิษฐ์บ๊องตื้นนั่นทำป่วนอีกแล้วสิเนี่ย "
ไฟร์(นิทินโคแหละชื่อจริงชื่อ นิทินโค ออฟ ไฟร์ อ้อแล้วที่พูดภาษาคนก็เพราะมี dgh ช่วยแปล)พูด

" เอาน่าฉันว่าเราไปช่วยเขาดีกว่า "
เอิธร์(นิลเฮอร์)พูด

" อื้อฉันเห็นด้วยจะได้ให้เขาช่วยซ่อมเครื่องสื่อสารนี่ด้วย "
วิลพูด

" อื้อในเมื่อความเห็นของทุกคนตรงกันงั้นเราก็ไปกันเลย "
Lr พูดจบก็ออกเดินทาง

 ที่บ้านทิโมธี

พวก Lr เดินทางมาถึงบ้านของทิโมธีก็ได้เห็นถึงความเสียหายของบ้านทิโมธีและเมื่อพวกเขาหันไปเพื่อที่จะหารือกับท่านแม่ทัพชาลว์ก็มีเสียงตะโกนขึ้นมาจากทิศทางที่ท่านชาลว์อยู่

" ฮื้อบ้านฉ้านนนนนนนนนน "
ทิโมธีนั่นเองที่โวยวายหลังฟื้นขึ้นมา

" ทิ.แก็ก...ม..แก็ก..โม..ธธธธธี...แก็ก...ฟ..ฟ..ฟื้นแล้วเหรอ "
ทินทอนเข้ามาหาทิโมธีในสภาพเสียหายเช่นเดิม

" ว้ากกกกกกกกกกกกกกกก "
ทิโมะร้องด้วยความตกใจจนเป็นลมไปอีกรอบ

" แย่แล้วท่านทิโมธีเป็นลมไปอีกแล้ว "
นายทหารที่อยู่ข้างๆทิโมธีตะโกนเรียกนายทหารอีกคนหนึ่ง

" อีกแล้วเหรอนี่มันรอบที่ 3 แล้วนะแล้วสมุนไพรก็หมดไปตั้ง 5 ขวดแล้วด้วย "
นายทหารคนนั้นตอบแล้วหันไปหาหมอหลวงที่กำลังดูอาการของเกรเกอรี่อยู่

" ท่านหมอหมอครับ.. "
นายทหารพูด

" รู้แล้วเดี๋ยวฉันจะไปดูรอแป็บนะ "
หมอหลวงพูดอย่างระส่ำระส่ายขณะที่กำลังเอาสมุนไพรให้เกรเกอรี่จนในที่สุดเกรเกอรี่ก็ฟื้น

" เอาล่ะเรียบร้อย "
หมอหลวงพูดแล้วก็หันไปรักษาทิโมธีต่อแต่แล้วทินทอนก็หันหาเกรเกอรี่ที่พึ่งฟื้นทำให้เกรเกอรี่ตกใจมากจนเป็นลมไปอีกรอบ

" ท่านเกรเกอรี่เป็นลมไปอีกแล้ว "
นายทหารพูด

" โอ้อีกแล้วรึ "
หมอหลวงเอามือกุมหัวแล้วก็เป็นลมล้มไปอีก

" ท่านหมอหลวงเป็นลมไปแล้วรีบไปเรียกหมอมาอีกคนเร็ว "
นายทหารบอกนายทหารอีกคน

" อีกแล้วนี่หมอคนที่ 6 แล้วนะ "
นายทหารพูดจบก็ออกไปตามหมอหลวงมาอีกคน

" เฮ้อคงวนอยู่อย่างนี้มาหลายรอบแล้วดิเนี่ย "
Lr พูดด้วยความเหนื่อยใจ

" อือมิน่าล่ะท่านชาลว์ถึงได้ดูหนักใจมากนัก "
วิลพูด

" พวกท่านไปก่อนเถอะ "
ชาลว์พูดพร้อมกับชี้ไปที่รอยเท้าที่แปลกประหลาด

" รอยนี่มัน "
Lr พูดจบก็เดินไปสำรวจรอยประหลาดนั้นลูกมังกรทั้ง6ก็เช่นกันต่างก็มีสีหน้าสนอกสนใจ

" เอ๋ "
ดาร์ค( ชื่อจริง นอพฮอฟ ออฟ ดาร์ค )เอ่ยขึ้นระหว่างที่สายดายังคงจับจ้องอยู่ที่รอยประหลาด

" มีอะไรเหรอดาร์ค "
ไลท์ถามนอพฮอฟชี้ไปยังคราบสีเขียวที่อยู่รอบๆรอยที่ยังมีไอลอยออกมาเล็กน้อย

" หือนี่มันเหมือนที่ติดอยู่กับประตูบ้านทิโมธีนี่ "
อควา( ชื่อจริง เฟินกอลโล ออฟ อควา ) พูดหลังจากที่เบียดเข้าดูรอยกับพวก Lr

" เฮ้ทุกคนมาดูนี่สิ "
เอิธท์ตะโกนเรียกให้ทุกคนไปหาเมื่อทุกคนตามไปดูเอิธท์ก็ถอนใบหญ้าขึ้นมาใบหนึ่งแล้วนำมันไปแตะคราบสีเขียวที่ยังคงเกาะกินประตูอยู่เมื่อใบหญ้ากระทบกับคราบนั่นใบหญ้าก็ละลายไปพร้อมกับเสียงเหมือนน้ำเดือดและกลุ่มไอควันก็พวยพุ่งออกมามากขึ้นกว่าเดิมจนทุกคนสำลักควันจนต้องเอามือปิดจมูกแล้ววิ่งออกจากบริเวณนั้นกันเป็นการใหญ่

" แค่กๆๆมันอะไรกันเนี่ย "
วิลพูดจบก็ไอเป็นการใหญ่

" ฉันคิดว่านะไอ้คราบสีเขียวๆเนี่ยมันคงจะเป็นพิษอะไรซักอย่างแน่ๆแค่กๆๆ "
เอิธท์พูดไปสำลักไป

" ฮ..ฮะ..ฮัดเช้ยยยยยยยย "
ไฟร์จามจนไฟออกมาพร้อมกับเสียงจามที่ดังสนั่นนายทหารทุกคนหันไปเพื่อจะมองแต่แล้วเมื่อไฟออกมามันก็ลุกขึ้นเป็นเปลวเพลิงลูกใหญ่ยิ่งเปลวเพลิงกระทบกับกลุ่มควันมันก็ยิ่งลุกไหม้มากยิ่งขึ้น

" หวาอะไรกันเนี่ย "
ไฟร์อุทานพร้อมกับวิ่งออกกจากรัศมีของเพลิงเมื่อเปลวเพลิงเผาไหม้จนไอควันจากคราบนั่นจนหมดไฟก็ดับลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับคราบสีเขียวที่ระเหยหายไปจนหมด

" รู้สึกว่าสารนี่มันจะติดไฟด้วยนะเนี่ย "
เอิธท์พูดเสียงสั่น

" เอาเป็นว่าเราออกเดินตามรอยนี่ไปดีกว่าเพื่อว่าเจ้าของรอยนี่จะยังไปไม่ไกล "
Lr กล่าวแล้วหันไปรอคำตอบจากทุกคน

" งั้นพวกท่านรีบออกเดินทางเถิดข้าจะตามไปสมทบเมื่อท่านเกรเกอรี่กับท่านทิโมธีฟื้นแล้ว "
ชาลว์พูดจบก็เดินไปพาทินทอนที่ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆนั้นไปให้ไกลจากทิโมธีเพื่อที่ทิโมธีฟื้นจะไม่ต้องเป็นลมเพราะทินทอนอีก
พวก Lr จึงเริ่มออกตามรอยปริศนานั้นไประหว่างทางก็สวนกับหมอหลวงและนายทหารคนที่ไปตามหมอหลวงมาอีกที

รอยทอดยาวเข้าไปในป่าลึกระหว่างที่พวกเขาตามรอยไปก็พบกับซากต้นที่หักโคนเพราะมีสารสีเขียวละลายที่ลำต้นจนผุพังหักโค่นลงมาตามทางซากสัตว์ที่ถูกฆ่าก็ตกเกลื่อนเต็มทางส่งกลิ่นเหม็นฉุนจนแสบจมูกยิ่งตามเข้าไปลึกมากเท่าไรตามทางก็คราบสีเขียวเปรอะเปื้อนเต็มทางไปหมดจนแทบจะต้องเลี่ยงเส้นทางหลักเพื่อไม่ให้สารนั่นละลายเท้าของต้นจนในที่สุดลูกมังกรทั้งหกก็ต้องช่วยกันแบก Lr ข้ามไปจนออกจากป่าพวกเขาจึงหยุดพักจนหายเหนื่อยจึงออกเดินตามรอยต่อจนมาถึงชายทะเล

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #276 on: September 14, 2008, 06:13:17 PM »

" อืมรอยสิ้นสุดตรงนี้แล้วมันไปอยู่ไหนกัน "
ไฟร์พูดอย่างพอใจเมื่อตามมาจนรอยหายลงไปในทะเล

" คิดว่ามันลงไปในทะเลรึเปล่าน่ะเอิธท์ "
Lr หันไปมองเอิธท์

" ไม่แน่ใจซักเท่าไหร่แต่ก็ไม่มีทางที่อยู่ๆดีรอยมันจัหายไปรึมันเพิ่งจัรู้ตัวว่าตนทิ้งไว้ก็เป็นไปไม่ได้เพราะไม่ยังงั้นคงลบรอยที่อยู่ในป่านั่นไปจนหมดไปแล้วล่ะไม่ปล่อยให้ตามมาจนถึงนี่หรอก "
เอิธท์พูดอย่างพินิจพิจารณาอยู่สักครู๋จึงยอมแพ้และพูดว่า
" ไม่แน่อาจจะเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำก็ได้และมีพิษซะด้วยสิ "
เอิธท์ตอบเสียงแผ่ว

" งั้นฉันจะลงไปสำรวจให้นะ "
อควากล่าว

" งั้นฝากด้วยก็ละกันอ้อระวังตัวด้วยนะเพราะมันมีพิษที่ร้ายกาจมากจริงๆขนาดละลายประตูของทิโมธีที่แม้แต่ไฟของไฟร์ยังเผาไม่ละลายได้เลย "
เอิธท์กล่าวอย่างห่วงใย

" อื้อฉันจะระวัง "
อควาพงกหัวรับคำแล้วก็ลงไปในทะเลอควาว่ายไปได้สักพักก็มีฝูงปลาฝูงใหญ่ว่ายสวนมาจนเขาต้องว่ายไปหลบแถวซอกหินบริเวณนั้นหลังจากฝูงปลาที่ว่ายแตกตื่นเหมือนกับหนีอะไรมาซักอย่างว่ายไปจนหมดก็มีเงาดำผ่านเหนือหัวของอควา

" ตัวอะไรน่ะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย "
อควาเอ่ยจบก็ว่ายตามไปแตเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นก็ว่ายเร็วซะจนเขาตามแทบไม่ทันแล้วมันก็ว่ายหายลับไปอควาจึงว่ายกลับไปที่ฝั่งที่นั่นพวก Lr ที่กำลังรอคำตอบของอควากำลังรอรับอยู่เมื่ออควาขึ้นมาเหนือผิวน้ำพวก Lr ก็ถอนหายใจกันเป็นแถบ

" เป็นยังไงเจออะไรรึเปล่า "
เอิธท์ตะโกน

" เจอแล้วแต่ฉันคลาดกับ...... "
อควาตะโกนตอบกลับแต่ยังไม่ทันจบปะโยคอควาก็หยุดพูดเมื่อเห็นสีหน้าของทุกคนดูประหลาดใจและแล้วเขาก็รู้สึกเสียวสันหลับวาบ

" กลับมาอวามันกำลังจะกินนายแล้ว "
ไลท์ตะโกนบอกอควาจึงหันหลังไปดูก็เห็นร่างของเงาที่เขาเห็นที่ใต้ทะเลความจริงมันไม่ได้ว่ายหนีไปแต่มันย้อนกลับมาตามล่าอควาซะเองภาพที่เห็นนั้นทำให้อควาตกใจจนต้องรีบว่ายกลับเข้าฝั่งความกลัวเริ่มแทรกเข้ามาในใจของเขอควาเร่งว่ายเข้าฝั่งแต่เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นเร็วมากจนอควาว่ายหนีไม่ทันมันเอามือจับตัวอควาไว้แล้วอ้าปากออกมาและปากชั้นในก็ยื่นออกมาอีกและจ่อตรงคออควา

" อควา ฮึ้ย ไลท์ไปกันเถอะอื้อ "
 Lr เรียกไลท์และทั้งสองก็วิ่งเข้าหาทะเล

" Metamorphose Fusion ( เมตามอฟอส ฟิวชั่น ) "
เสียงดังกังวานออกมาพร้อมกับแสงสว่างจ้าจาก dgh ลำแสงพลังงานสีขาวพวยพุ่งออกมาขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็วและแตกกระจายออกเป็นวงแหวนแสงขนาดใหญ่ขึ้นมาหนึ่งวงละอองแสงกระจายฟุ้งออกจากวงแหวนแสงขนาดไปทุกทิศทางวงแหวนแสงเริ่มหมุนเร็วขึ้นเรื่อยวงแหวนแสงที่หมุนเร็วขึ้นรวมเอาละอองแสงที่กระจายออกมาในตอนแรกจนหมดและ

แล้วลำแสงพลังขนาดใหญ่ก็ถูกยิงลงมาทั้งสองในลำแสงร่างของทั้งสองได้รวมกันเป็นหนึ่งร่างกายที่รวมกันของทั้งสองนั้นค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นลำแสงพลังงานก็สลายไปเหลือไว้แต่เรือนร่างของทั้งสองที่รวมกันเป็นหนึ่งยังคงส่องแสงเจิดจ้าและค่อยๆจางลง

เผยให้เห็นร่างอัศวินมังกรสีขาวสะอาดปีกทั้งสองข้างที่สวยเหมือนดั่งปีกของพญาหงส์ตาสีแดงน่าเกรงขาม
มือข้างขวาถือแท่งพลังงานแสงที่ยังคงส่องประกายเจิดจ้าอยู่สักพักมันก็ค่อยเปลี่ยนรูปร่างเป็นดาบสีทองที่มีแถบสีขาวพาดอัศวินมังกรตนนั้นสบัดปีกทั้งสองข้างเพื่อไล่ละอองพลังงานที่ยังติดอยู่ออกจากร่างจากนั้นก็ยกดาบขึ้นฟาดฟันเนกระบรวนท่าอันสวยงามน่าเกรงขาม
บัดนี้ไลท์กับ Lr ได้รวมร่างกันเป็นอัศวินมังกรแห่งทาลิวิลย่า

" แสงสีขาวที่ส่องประกายเจิดจ้าจะลบความกลัวแห่งปิศาจออกจากโลกใบนี้นามของข้าคือ
ทาลูคูส ( Thalucus, the Dragoon of Thaliwilya ) "

อัศวินมังกรเอ่ยขึ้นเสียงของอัศวินมังกรนั้นก็คือเสียงของไลท์กับ Lr ที่พูดพร้อมกัน



บัดนี้ Lr และไลท์ได้รวมกันเป็นหนึ่งทั้งกายและใจกลายเป็นอัศวินแห่งมังกรแสง
ทาลูคูสบินตรงไปยังสัตว์ประหลาดที่จับตัวอควาไว้ ด้วยความรวดเร็วดังแสงเพียงชั่วอึดใจเดียว ทาลูคสู ก็อ้อมไปอยู่ข้างหลังเจ้าสัตว์ประหลาดและตั้งท่าเตรียมฟัน

“ Lux et Dragos ”
สิ้นเสียงดาบก็เปล่งแสงออกมาทาลูคูสฟาดคมดาบลงไปบนหลังของเจ้าสัตว์ประหลาดเต็มแรงเกิดแสงสว่างเจิดจ้ากระจายเป็นรูปปีก
แห่งทูตสวรรค์สองปีกโบกสะบัดเหนือดาบเมื่อแสงที่เปล่งออกจากดาบจากลงปีกทั้งสองก็ฟาดซ้ำเข้าไปอีกเกิดแรงระเบิดอย่างแรงมือของเจ้าสัตว์ประหลาดปล่อยตัวอควาหล่นลงน้ำอควารีบว่ายเข้าฝั่งด้วยความกลัวอย่างสุดขีด

“ เป็นอะไรมากไหมอควา ”
เอิธท์ถามขณะวิ่งเข้าไปพาอควาเข้ามายังฝั่ง

“ ไม่มากมั้งมีตาไม่เห็นรึไงโนจับตัวไว้แล้วก็กลัวจนตัวสั่นๆซะขนาดนั้นน่ะ ”
ไฟร์ตอบประชด
ขณะเดียวกันเจ้าสัตว์ประหลาดที่ถูกกระบรวนท่าของทาลูคูสเข้าไปแต่กลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนซ้ำร้ายดาบมาคายาเดียกลับมีรอยร้าว
ซะเอง

“ หะดาบ…ดาบของมาคายาเดีย ”
เสียงของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกันเมื่อเห็นสภาพดาบของตนจึงตัดสินใจบินกลับไปยังหาดเพื่อไปสมทบกับทุกคน

“ อควา เป็นยังไงบ้าง ”
ทาลูคูสพูด

“ ไม่เป็นไรหรอกเขาแค่กลัวจนเป็นลมเท่านั้นแหละเดี๋ยวก็ฟื้น ”
เอิธท์พูดจบก็หันไปมองอควาที่กำลังตัวสั่นเพราะความกลัวอยู่

“ ยังไงซะตอนนี้ดาบก็ชำรุดแล้วคงต้องให้ดาบทำการฟื้นฟู Breack Fusion ”
สิ้นเสียงร่างของทาลูคูสก็เกิดแสงสว่างเปล่งประกายรอบตัวและทั้งสองก็กลับมาเหมือนเดิม

“ ทีนี้เราจะเอาไงกับมันดีล่ะ ”
วิลพูด

“ อือนั่นสินะเรายังไม่แน่ใจเลยว่ามันรึเปล่าที่พังบ้านทิโมธี ”
Lr พูดขณะที่จ้องมองรูปร่างอันประหลาดของมันเสียงน้ำแตกกระจายดังขึ้น

 

เสียงน้ำแตกกระจายดังขึ้นเจ้าอสูรกานกระโดขึ้นมาจากทะเลและเข้าจู่โจมทันทีมันพ่นสารละลายสีเขียวใส่พวก Lr
แต่พวกเขาหลบทันสารนั่นตกใส่พื้นชายหาดเสียงละลายของทรายที่ถูกสารนั่นตกใส่ดังฉ่าเหมือนเอาเนื้อสัตว์ไปย่างบนเตาที่กำลังร้อนจัดควันพวยพุ่งออกมาจากสารนั้นและถูกลมทะเลพัดไปพวก  Lr ยังคงจ้องอยู่ที่ทรายที่ยังละลายไปเรื่อยๆ

“ ก็าซซซซซซซซซซ ”
เสียงของเจ้าอสูรกายดังขึ้นทำให้พวกเขาสะดุ้งสติกลับคืนมาอยู่กับตัว

“ สงสัยต้องสู้อย่างเดียวแล้วสิพวกนายพร้อมไหม ”
Lr  พูดลูกมังกรทั้งหมดก็มองหน้ากันและเหันกลับไปพยักหน้าให้

“ ดีล่ะ ถ้างั้น โล่แห่งความเข้มแข้งมิคาเอล(Michael, the Shield of Thaliwilya) จงมา ”
Lr พูดเสียงกังวานไปทั่วทันใดนั้นที่หน้าอกของลูกมังกรทั้งหกก็มีแสงเปล่งออกมาเป็นสีและรูปตามสัญลักษณ์ธาตุ
ต่างๆที่ตนสังกัดอยู่ทั้งหกธาตุ แสงค่อยสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆและพุ่งออกไปเป็นสายลำแสงและมารวมกันมือของ Lr เกิดเป็นโล่สีขาวที่ใจกลางมีพลอยสีน้ำเงินเป็นรูปคล้ายสัญลักษณ์แห่งแสงสลักอยู่

“ Weapon Fustion Metamorphose (เวพ่อน ฟิวชั่น  เมตามอฟอส) ”
พลอยนั้นค่อยๆส่องแสงออกมาสว่างขึ้นเรื่อยๆจนแสงนั้นห่อหุ้มตัว Lr เอาไว้จากนั้นแสงนั้นก็พุ่งแหวกเมฆขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วแตกออกเป็นวงแหวนแสงเช่นเดิมแต่เป็นยแสงสีเขียวลมบริเวณรอบๆเริ่มก่อตัวเป็นพายุหมุนพัดเอาทรายบนชายหาดปลิวขึ้นไปภายในนั้นโล่ที่ Lr  ถืออยู่บัดนี้มันส่องประกายแสงเจดจ้า

ประกายนั้นแตกออกเป็นหกส่วนและไปเรียงกันรอบตัวเขาแสงค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสัยลักษณ์ธาตุต่างๆอีกครั้งและหมุนรอบตัวเขาเร็วจนกลายเป็นวงแหวนแสงที่มีหีหลายหลายปะปนกันอยู่วงแหวนหมุนไปเรื่อย

และหดตัวลงจนปะทะเข้ากับตัวเขาและแสงก็แตกกระจายออกห่อหุ้มตัวเขาอีกครั้งร่างของเขาค่อยๆขยายขึ้นสายลำแสงที่พุ่งขึ้นไปเริ่มดพูดเอาเมฆหมอกมารวมตัวกันและบีบอัดจนกลายเป็นชุดเกราะสีขาวลมพัดแรงขึ้นพวกลูกมังกรต้องพากันถอยออกห่างแต่เจ้าอสูรกายยังคงนิ่งเฉยไม่สะเทือนต่อเหตุการณ์ณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าแม้แต่น้อยชุดเกราะสีแตกตัวออกเป็นชิ้นส่วนเข้าไปสวมใส่ยัง Lr และเมื่อเขาสวมเสร็จลำแสงที่พุ่งขึ้นไปแตกกระจายออกเผยให้เห็นร่างของ Lr ที่กลายเป็นอัศวินมังกรทาลิวิลย่าเขาเอาแขนสองข้างมาประสานกันที่หน้าอกและสยายปีกสีขาวที่ปลายขนเป็นสีน้ำเงินขนาดใหญ่สวยงามดุจพญาเหี่ยวออกมากลุ่ม

เมฆที่รวมตัวกันเมื่อครู่แยกออกจากแสงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบรูปร่างที่เพียวลมสีขาวส่องประกายเจิดจ้าสว่างไสวมวลแสงที่ยังคงเหลืออยู่รอบๆเริ่มรวมตัวกันไปที่มือของเเขาและกลายเป็นแท่งมือจับของโล่เขาจับเอาไว้แล้วสะบัดมันไปข้างหลังมวลแสงทมี่เกาะอยู่รอบหมุนวนเป็นพัดเรียงกันจนกลายเป็นโล่เช่นเดิมพายุที่ก่อตัวขึ้นเมื่อครู่ก็กลับกลายเป็นสายลมที่พัดอย่างอ่อนไหวดังเดิม

“ นามของข้าคือ Thaliwilya (ทาลิวิลย่า)เจ้าสัตว์ร้ายเอ๋ยข้าจะจัดการเจ้าให้แหลกเป็นเถ้าถุลี Great of Dragon
(ความยิ่งใหญ่แห่งมังกร) ”
สิ้นเสียงตัวของเขาก็ส่องแสงขึ้นอีกครั้งและเขาก็เริ่มหมุนตัวเองเร็วจนกลายเป็นพายุและพุ่งออกไปขณะที่พุ่งออกไปพายุที่เเกิดจากหมุนของเขาเริ่มกลายเป็นมังกรพุ่งตรงไปยังร่างของเจ้าอสูรกายตัวนั้นและโดนเข้าไปหยั่งจังควันฟุ้ง ตลบอบอวลร่างของทาลิวิลย่ากระดดออกมาจากกลุ่มควัน



“ สำเร็จโดนเข้าไปขนาดนั้นไม่รอดแน่ ”
ไฟร์พูดด้วยความดีใจแต่ก็ต้องกลับกลายเป็นความตกตะลึงเพราะเมื่อควันจางร่างของเจ้าอสูรกายกลับไม่มีแม้แต่รอยบาดแผลหนำว้ำมันยังคงยืนนิ่งไหวติ่ง

“ ไม่จริงน่า ”
อควาพูดด้วยความทึ่ง

“ ทำไมหนังมันหนานักนะไอ้เจ้าตัวเนี้ย ”
ทาลิวิลย่าพูดขึ้นเช่นกัน

“ อย่างนี้ก็แย่ดิ ”
ไฟร์พูด
บัดนี้ทุกคนยังคงตกตะลึงอยู่แต่เจ้าอสูรกายนั่นก็วิ่งตรงมาหมายจะจัดการให้เสร็จสิ้นแต่ทาลวิลย่ายกดล่ขึ้นกันไว้เจ้าอสูรกายกัดเอาโล่
มิคาเอลไว้อย่างแรงมันทั้งสะบัดข่วนหมายจะทำลายให้สิ้น

“ หนอยมันคิดจะพังโล่ของเรางั้นต้องอีกที ”
ทาลิวิลย่าโจมตีเหมือนเดิมอีกครั้งคราวนี้เขาผลักมันตกทะเลลงไปได้และตามมันไปแต่ก็พลาดท่าถูกลากลงทะเลไปด้วย

“ Lr  ”
ไลท์อุทานเสียงดัง

“ เฮ้พวกนายเรามาแล้ว ”
เสียงตะโกนที่คุ้นหูดังลงมาจากด้านบนเมื่อทุกคนมองขึ้นไปก็เห็นทิโมธีนั่งอยู่บนหลังของกริฟฟินเล็บแดง (Red Claw Griffin)
โดยมีกาเทีย(เป็นชายผู้ควบคุมกริฟฟิน(Griffin tamer)ที่รู้จักกันกับพวก Lr ระหว่างการเดินทางและรู้จักกับทิโมธีด้วย)เป็นผู้ขับขี่แม่ทัพชาลว์และเกรเกอรี่เองก็ซ้อนท้ายอยู่ด้วยเช่นเมื่อกาเทียเอากริฟฟินเล็บแดงลงจอดทิโมธีก็กระโดลงมาแล้ววิ่งไปหาพวกลูกมังกรโดยมีกาเทีย ชาลว์ และเกรเกอรี่ตามมาติดๆ

“ อ้าวแล้ว Lr ไปไหนล่ะ ”
ทิโมธีถามพร้อมกับกวาดสายตาสำรวจบริเวณรอบๆที่เละไปหมดจากการต่อสู้(ความจริงเละเพราะลอเรนส์แปลงร่างอะแหล่ะ)

“ กีซซซซซซซซซซซซซซ ”( เขาถูกอสูรกายที่เราสงสัยว่าเป็นตัวที่ทำลายบ้านเจ้าลากลงทะเลไป )
วิลพูดแต่ทิโมธีฟังไม่ออกเพราะวิลพูดเป็นภาษามังกร

“ จริงสิลืมไปต้องใช้เครื่องแปลภาษามังกรนี่นา ”
ทิดมธีพูดพร้อมกับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบแท่งอะไรบางอย่างออกมาแล้วยื่นมันให้วิล

“ Lr ไปไหนล่ะ ”
ทิโมธีถามอีกครั้ง

“ เขาถูกอสูรกายที่เราสงสัยว่าเป็นตัวที่ทำลายบ้านเจ้าลากลงทะเลไปแล้ว ”
วิลพูด

“ เอาล่ะรองเล่าท ั้งหมดมาซิหน้ามันเป็นยังไง ”
เกรเกอรี่ถามทันทีที่เดินมาถึง
พวกวิลจึงเล่าถึงหน้าตาและรูปร่างกับเรื่องราวทั้งหมด

“ ถ้ายังงั้นก็ใช่แน่ๆเพราะข้ากำลังประดิษฐ์ประตูข้ามมิติอยู่เจ้านั่นคงเป็นอสูรกายที่หลุดออกมาจากอีกมิติ
ประตูคงทำงานตอนข้าหลับแน่ๆ ”
ทิโมธีพูดพร้อมกับเกาคางอยู่ด้วย

“ งั้นก็หมายความว่าเจ้าสร้างประตูข้ามมิติอยู่แล้วระหว่างที่เจ้าหลับมันก็เข้ามายังมิตินี้และพังบ้านเจ้าแล้วพวก Lr ก็ตามาจัดการกับมันนี่ข้าพูดถูกหรือเปล่า ”
เกรเกอรี่พูดพร้อมกับพยายามมเรียงลำดับเหตุการณ์

“ ก็ประมาณนั้นแหล่ะ ”
ทิโมธีพูดเสียงน้อยใจพร้อมกับเอานิ้วชี้ชนกัน

“ เอาเถอะเรามาช่วยกันคิดดีกว่าจะทำยังไงเพราะสัตว์ประหลาดนั่นมันฟันแทงไม่เข้าเลยนะ ”
ไลท์พูดขัดขึ้นและทันใดนั้นทุกคนก้รู้สึกถึงแรงลมที่พัดไปที่ทะเลสักพักก็เกิดน้ำวนขึ้นในทะเล
ทาลิวิลย่าบินขึ้นมาจากน้ำพร้อมกับดล่มิคาเอลที่แตกร้าวและบินมาที่ชายหาด

“ แฮ่กๆไม่ไหวสู้กับมันตั้งนานไม่มีทีท่าว่ามันจะพลังตกเลยแม้แต่น้อย ”
ทาลิวิลย่าพูดด้วยความเหนื่อยหอบ

“ แต่ข้ามีวิธี ”
ทิโมธีพูดขัดขึ้น

“ เอ๋เจ้ามีวิธีเหรอ ”
เกรเกอรี่ถาม

“ มีสิเจ้าอสูรกายตัวเนี้ยมันเป็นสัตว์ประหลาดต่างมิติเรียกว่าเอเลี่ยนข้าไปเจอในบันทึกลับของแวเลี่ยนเวสเล่( เป็นบันทึกเล่ามที่2ของเวสเล่ที่ดดยความจริงนั้นเวสเล่เขียนเล่มที่1แสร้จก็ข้ามไปเล่มที่3เลยแต่แท้จริงแล้วเขาเขียนเล่ม2ไว้ด้วยแต่มีคนมาขโมยมันไปและถูกเก็บไว้ที่วิหารแห่งหนึ่งหาอ่านได้ในบทที่มีชื่อว่าบันทึกลับแวเลี่ยน )ที่ Lr เอามาให้น่ะในนั้นมันมีวิธีสร้างประตูข้ามมิติอยู่ด้วยและยังเขียนถึงชาวต่างดาวอีกรวมถึงเจ้าเอเลี่ยนนี่ด้วยเอาล่ะเดี๋ยวนะข้าขอหยิบก่อน ”

ทิโมธีพูดจบก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบเอาหนังสือปกหนังสีเทาเล่มเก่าๆออกมาที่หน้าปกเขียนไว้ว่าบันทึกของแวเลี่ยนเขาเปิดหนังสือออกแล้วพลิกไปหน้าที่เข้าคั่นไว้
“ นี่แหล่ะๆเขาเขียนเอาไว้ตรงนี้ ”
ทิโมธีชี้ไปยังหน้าที่รูปเจ้าอสูรกายที่สู้ด้วยเมื่อตะกี้

“ สัตว์ประหลาดอีกมิติของโลกเทอร่าเอเลี่ยนข้าได้เดินทางมายังอีกมิติหนึ่งชาวต่างดาวได้บอกเล่าถึงเกี่ยวมันเอาไว้และพาเราไปดูการปราบมันเจ้าเอเลี่ยนมันมีเกราะที่แข็งกว่าเหล็กกล้าและน้ำลายที่เป็นพิษมีฤทธิ์ละลายทุกอย่างได้แม้กระทั่งเหล็กกล้ายกเว้นตัวมันแต่ถึงข้างนอกจะแข็งแต่ข้างในมันอ่อนไหวมากวิธีการปราบจึง
แค่โจมตีเข้าไปด้านของมัน ”
ทิโมธีอ่านจบก็ปิดหนังสือ

“ งั้นก็หมายความว่าต้องโจมตีจากข้างในเหรอ ”
วิลพูด

“ ให้เอาคลื่นพลังทำลายป้อนมันงั้นเหรอยากซะล่ะต่อให้เอาแขนไปไว้ในปากมันก็กัดจนขาดแถมยังมีสารละลายอีกต่าง ”
ทาลิวิลย่าพูด

“ แต่สารละลายนั่นข้ารู้แล้วว่ามันคืออะไรวิธีแก้ก็คือ…….. ”
เสียงของเอิธท์และทิโมธีดังขึ้นพร้อมกันทั้งคู่จึงหยุดพูดแล้วมองหน้ากัน

“ เอ้ารีบบอกมาซิมันจะมาแล้วนะ ”
ดาร์คพูดด้วยความรีบเร่งเพราะเจ้าอสูรนั่นเดินขึ้นมาแล้วและกำลังตรงมาทางพวกเขา

“ ข้าจะไปต้านไปไว้ก่อน ”
ชาลว์พูดจบก็ไม่รีรอวิ่งไปประจันหน้ากับเจ้าอสูรกาย

“ เอ้าเร็วๆเข้า ”
ไลท์พูด

“ มันคือกรดที่มีฤทธิ์รุนแรงมากเป็นพิเศษแต่ดูเหมือนมันจะไม่ถูกับน้ำทะเลนะเพราะเมื่อกี้ฉันเห็นสารที่มันทิ้งไว้เป็นทางที่เราตามรอยมันมาไว้บนหาดนี้พอถูกน้ำทะเลก็ละลายหายไปเลย ”
เอิธท์พูดอย่างเร่งรีบ

“ ถูกต้องในบันทึกเขียนไว้อย่างนั้นและอีกเดี๋ยวทินทอนคงมาพร้อมกับอาวุธที่จะปราบมัน ”
ทิโมธีพูดจบก็มีเสียงร้องของกริฟฟินอีกตัวดังจากข้างบนเช่นเดิมทินทอนกับลูกน้องของกาเทียมาถึงพร้อมกับเครื่องมือประหลาดๆที่เหมือนกับปืนใหญ่ขนาดกลางมีถังที่เก็บพลังงานเอาไว้ด้านข้างสองถังทินทอนนำมันมามอบให้กับทิโมธี

“ นี่คือปืนพลังงานแรงสูงที่ใช้กับมันได้$เอาแขนของเจ้ามาสิ ”
ทิโมธีพูดจบทาลิวิลย่าก็ยื่นแขนมาให้ทิโมธีประกอบปืนพลังงานเข้ากับแขนของทาลิวิลย่า

“ เอาเลยเอาปืนนี่กรอกปากมันเลย ”
ทิดมธีพูดจบทาลิวิลย่าก็ออกไปสมทบกับชาลว์ที่กำลังเพียงพล้ำอยู่

“ หนอยทำไมมันแข็งงี้นะ ”
ชาลว์พูดพร้อมกับยกดาบฟาดด้วยความเร็วแต่แรงดาบก็สะท้อนกลับใส่ตัวเขาแต่เจ้าเอเลี่ยนถูกลำแสงพลังงานที่ทาลิวิลย่ายิงพุ่งเข้าใส่กระแทกจนปลิวตกทะเลไปชาลว์หันไปยังต้นต่อของแสงควันพวยพุ่งมาจากปืนที่ติดอยู่กับทาลิวิลย่า

“ ท่านชาลว์ช่วยหลอกล่อให้มันอ้าปากจะกัดท่านหน่อยได้ไมหมตอนนั้นข้าจะเอาปืนนี่กรอกปากมัน ”
ทาลิวิลย่าพูดชาลว์ก็ผงกหัวรับและวิ่งไปยังเจ้าเอเลี่ยนและใช้ท่วงท่ากับความเร็วหรอกล่อมันเมื่อเจ้าเอเลี่ยนอ้าปากจะกัดชาลว์ทาลิวิลย่าก็พุ่งด้วยความเร็วเต้มที่อ้อมไปที่ปากของมันแล้วเอาปืนกรอกปากมันและยิงเต็มแรงร่างของเจ้าเอเลี่ยนแหลกเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร้อมกับเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าผ่า

“ เฮ้อจบกันซะที ”
ทาลิวิลย่าพูดพร้อมกับปลดอาวุธออกและคลายพลังกลับเป็นL r ตามเดิม

หลังจากนั้นทั้งหมดจึงพากันกลับไปบูรณะบ้านของทโมธีใหม่และทุกคนก็เริ่มออกเดินทางไปตามเส้นทางของแต่ละคนพวก Lr ก็ออกเดินทางตามหา dvd ดั่งเดิมทิโมธีก็กลับไปค้นคว้าวิจัยต่อ เกรเกอรี่ก็กลับบริหารกองกำลังต่อต้านให้พร้อมกับสถานการฉุกเฉินชาลว์กลับไปหารักแท้
ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตตามเดิม

แต่ที่ทะเลไข่ใบหนึ่งได้ถูกฟักทิ้งไว้และมันได้ฟักออกมาลูกของเอเลี่ยนมันเกิดขึ้นมาพร้อมที่จะอาละวาดอีกได้ทุกเมื่อ…..


               THE END
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #277 on: September 14, 2008, 06:35:24 PM »

Legeand of the thaliwilya special  valentine day

ตอน ช็อกโกแลตมังกร วาเลนไทร์แห่งรักครั้งแรกของ ลอเลนส์


ณ ทวีปคาดาร่า เมือง ทีนวาแลน วันที่ 13 เดือน Andrew    ปี พ.ศ. xxx

ใจกลางตลาดสดของเมือนทีนวาแลน มีเด็กผมทองคนหนึ่งกำลังเดินอยู่กับกลุ่มมังกรน้อนหกตัวได้แก่
พาลานัลคา(Palanalcar, the Baby Dragon)มังกรขาว            นิลเฮอร์(Nilhir,the Baby Dragon) มังกรพสุธา นิทินโค(Niltinco,the Baby Dragon) มังกรเพลิง           เฟินร์กอลโล(Firngollo,the Baby Dragon) มังกรวารี  ดิมมินิลู(Dimminuial,the Baby Dragon) มังกรวาโย และนอพฮอฟ(Novhoth,the Baby Dragon) มังกรดำ
พวกเขาเดินผ่าผู้คนมากมายบนท้องถนน จนไปถึงยังสวนที่อยู่ถัดจากตลาด
เด็กชายกับลูกมังกรทั้งหกต่างก็ถอนหายใจพร้อมกัน สายตาของผู้คนในเมืองจับจ้องมายังพวกเขาอย่างไม่ขาดสาย
หาได้เป็นเพราะเขาอยู่กับพวกลูกมังกรไม่  หากแต่เป็นหอบของที่พวกเขาหอบเอามาด้วยนั้นเอง

“ เฮ้อทำไมมันเยอะยังเงี้ย Lr ”
ลูกมังกรลมนามวิลพูดพร้อมกับค่อยๆวางถุงของหอบใหญ่สามถุงที่เขาแบกมาลงกับพื้น

“ เอาเถอะน่าเราสัญญากับเธอไว้แล้วนี่ ”
เด็กชายที่มีนามว่า Lr (ลอเลนส์)ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบพร้อมกับเอามือปาดเหงื่อออกจากใบหน้า

“ แล้วนี่เธอคนนั้นน่ะไปไหนซะแล้วล่ะ ”
ลูกมังขาวนามไลท์เอ่ยขึ้นลอยๆ

“ เอาเถอะรอเธอหน่อยละกัน ”
Lr ตอบพร้อมกับค่อยๆคิดทบทวนเรื่องเมื่อเช้า
ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางเข้ามาในเมืองนี้นั้น

“ วันนี้เขามีอะไรกันนะทำไมผู้คนถึงออกมาซื้อของกันเต็มไปหมดเลยนะ ”
Lr พูดระหว่างที่มองไปรอบๆภาพของผู้คนที่กำลังจับจ่ายซื้อของกันอย่างพลุกพล่านแล้ว
จู่เค้าก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมากระแทกตัวเขาจนเสียการทรงตัวและล้มลงกับพื้น

“ อ….เอ่อข..ข..ขอโทษค่ะ ”
ผู้ที่ชนร่างของเขาจนล้มกล่าวขอโทษและช่วยพยุงตัวเขาขึ้นร่างของผู้ที่มาชนเค้านั้นเป็นเด็กผู้หญิง มีผมสีแดงอมน้ำตาล
ตาสีฟ้าเป็นประกาย แก้มแดงเพราะความเขินอาย ก้มหัวขอโทษเขาอยู่ ความรู้สึกอันร้อนลุ่มหลั่งไหลเข้ามาใน
ร่างของเขาความร้อนในร่างกายพุ่งไปรวมอยู่ที่ใบหน้าของเขา

“ ไม่เป็นไรหรอก ”
Lr พูดพร้อมกับปลอบโยนเด็กน้อย

“กรี้ดดดดดดดด  “
เสียงกรีดร้องผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงระเบิดกลางตลาดควันสีดำพวยพุ่งขึ้นมาพร้อมกับชาวเมืองที่ได้รับผลกระทบ
จากแรงระเบิด นอนสลบกระจัดกระจายตามพื้น

“ มันอะไรกันน่ะ  ”
เด็กสาวอุทานด้วยความกลัว

“ นี่มันหรือว่าจะ…..  ”
Lr พูดยังไม่ทันที่จะจบประโยคเขาก็ถูกคลื่นลมพายุสีดำพัดลอยไปเหลือไว้แต่พวกลูกมังกรเท่านั้น
ที่ยังอยู่กับเด็กสาว

“ Lr ถูกพัดกระเด็นไปไหนแล้วน่ะ ”
ไลท์พูด

“  อย่างน้อยตอนนี้พวกแกก็ แปลงเป็นทาลิวิลย่าไม่ได้แล้วสินะถ้าเด็กนั้นไม่อยู่ ”
เสียงดังออกมาจากกลุ่มควัน เป็นเสียงที่เยือกเย็น เข้าไปจนถึงกระดูก และยังเป็นเสียงที่พวกเขาคุ้นเคย

“ แกแบล็คไวเซอร์สินะ  ”
มังกรดำนามดาร์คพูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนั้น
ทันทีที่กลุ่มควันสีดำที่เกิดจากการระเบิดจางลงก็เผยให้เห็นชายที่อยู่ในชุดผ้าคลุมดำลอยอยู่เหนือพื้นกับหญิงสาวผู้งดงาม
ที่มีผมสีดำยาวสลวยแต่ทว่า ร่างกายท่อนร่างนั้นกลับเป็นสัตว์ป่ามีหางที่ยาวที่ปลายคล้ายหัวลูกศร

“ จะแนะนำให้รู้จักนะนี่คือลูกสมุนของข้าชื่อของนาง คือซัคคิวบัท (Succubus)  ”
ชายนามแบล็คไวเซอร์กล่าว

“ งั้นไอ้ที่ระเบิดเมื่อกี้มันก็คือ ซีลบอล สินะแสดงว่าไอ้นี่มันก็ต้องเป็นสัตว์อสูร  ”
มังกรพสุธานามเอิธท์กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงคิดพิเคราะห์

“ งั้นถึงไม่ต้องเป็นทาลิวิลย่าพวกเราก็กำจัดได้สบายๆเลย รีบจัดการมันแล้วไปตาม Lr กลับดีกว่า  ”
มังกรเพลิงนามไฟร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ และแล้วลูกมังกรทั้งหมดก็เริ่มโจมตี

“ Light Flame  ”
สิ้นเสียงเปลวเพลิงสีขาวก็พุ่งออกจากปากของไลท์

“ Gaia Breat  ”
สิ้นเสียง เอิธท์ก็ลงไปที่พื้นแล้วเอามือกดลงกับพื้นทันใดนั้นก็เกิดแสงสีน้ำตาลอ่อนๆพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินที่เอิธท์
เอามือกดลงไปและแล้วก็มีคลื่นพลังบางอย่างไปตามพื้นดินเข้าโจมตี ซัคคิวบัท

“ Flame Breat  ”
สิ้นเสียง ไอความร้อนก็มารวมอยู่ที่ปากของไฟร์ก่อนที่เปลวไฟจะถูกพ่นออกมา

“ Blue Bubble  ”
สิ้นเสียง ฟองสีฟ้าจำนวนมากก็ถูกปล่อยออกมาจากปากของมังกรน้ำนาม อควา

“ Flying Flame  ”
สิ้นเสียงก็มีลมพายุเกิดขนาดเล็กเกิดขึ้นจากการกระพือปีกอย่างเร็วของลูกมังกรลมนามวิล ก่อนจะถูกซัดเข้าใส่ศัตรู

“ Dark Flame  ”
สิ้นเสียงเปลวเพลิงสีดำก็ออกมาจากปากของดาร์ค

 
การโจมตีของลูกมังกรทั้งหมดพุ่งไปที่ซัคคิวบิท แต่ทว่านางกลับหลบการโจมตีของเหล่ามังกรน้อยได้อย่างรวดเร็ว

“ อะไรกันหลบได้หมดเลยเหรอเนี่ย  ”
ไฟร์อุทาน

“ ท่าจะไม่ดีซะแล้วสิต้องให้ใครสักคนไปตาม Lr มาแต่จะไปมากก็ไม่ได้ด้วยไม่งัน้จะต้านพวกมันเอาไว้ไม่ได้  ”
เอิธท์ด้วยความกระวนกระวายใจ

“ งั้นฉันไปเองฉันบินเร็วที่สุดในกลุ่มพวกเราเพราะฉนั้นถ้าฉันไปน่าจะหาได้เร็วขึ้น ”
วิลกล่าวแล้วหันไปรอคำตอบจากทุกคน

“ ก็จริงอยู่ถ้านายไปแต่เมืองนี้มันกว้างมากเลยนะแล้วอีกอย่างเราพึ่งมาเมืองนี้ได้ไม่นานนะเดี๋ยวจะหลงเอา  ”
ไลท์พูดขึ้นระหว่างที่ตนยังโจมตีเพื่อสกัดซัคคิวบัทกับแบล็คไวเซอร์ไว้

“ งั้นให้ฉันไปด้วยละกันนะ  ”
เสียงดังมาจากด้านหลังของพวกเขาทำให้ทุกคนหันไปมอง เด็กสาวที่วิ่งชน Lr จนล้มนั่นเอง

“ ฉันรู้จักเส้นทางในเมืองนี้ดีฉันน่าจะช่วยตามหาเพื่อนพวกเธอได้  ”
เด็กสาวกล่าว ลูกมังกรจึงหันกลับไปปรึกษากันต่อ

“ คกลงเธอขึ้นมาบนหลังฉันเลย  ”
วิลกล่าวจบเด็กน้อยคนนั้นก็ปีนขึ้นไปบนหลังเขาแล้วทั้งสองก็ออกไปตามหา Lr

“ หนอยอย่าให้มันไปได้ตามมันไป ดราก้อนเนโคแมนเซอร์(ต่อไปย่อเป็น dn )  ”
แบล็คไวเซอร์ออกคำสั่งจบ ก็มีเงาสีดำห้าเงาไล่ตามพื้นไป

“ ไม่ให้ผ่านไปหรอกน่ะ  ”
ไลท์พูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่พร้อนกับพ่นเพลิวขาวออกไปอีกครั้งเพลิงขาวพุ่งใส่พื้นเงาดำสลายไปถึงสามเงาด้วยกัน
แต่อีกสองหนีไปได้


ทั้งสองบินไปยังทิศทางที่ Lr ถูกซัดกระเด็นไป เช่นกันเงาดำก็ตามทั้งสองไปจนทัน วิลมองลงไปข้างล่าง
แล้วกัดฟันกรอด

“ ชิมันตามมาเหรอเนี่ยงั้นเราก็ต้องรีบแล้วล่ะ ”
วิลพูดจบสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปตอนนี้คสามงุนงงเข้ามาในหัวเขา

“ จะว่าไปแล้วเธอฟังภาษามังกรออกได้ไงอ่ะ ”
วิลถามด้วยสีหน้าฉงนพร้อมกับมองหน้าของเด็กสาว

“ คือว่า….อ็ะนั่นไง ”
เด็กสาวชี้มือิลงไปเมื่อวิลหันไปก็เห็นL r กำลังโบกมืออยู่

“ เจอแล้วอยู่นี่เองเอาล่ะจับให้แน่นๆนะเราจะลงไปกันแล้ว ”
วิลบอกเด็กสาวที่ขี่หลังเขาอยู่แล้วพวกเขาก็ค่อยๆลดระดับลงสู่พื้น เมื่อทั้งสองลงถึงพื้นแล้ว
 Lr ก็ตรงเข้าไปหาทั้งสอง

“ อ้าวเธอเด็กคนนั้นนี่ ”
 Lr พูดสีหน้างุนงงเล็กน้อย

“ เธอมาได้ยังไงน่ะ ”
 Lr ถามเด็กน้อย

“ คือว่าพวกเขาบอกว่าจะออกตามหาพี่น่ะค่ะหนูก็เลยอาสาช่วย ”
เด็กน้อยน้ำเสียงอ้ำอึ้ง

“ แล้วเธอฟังพวกเขารู้เรื่องด้วยเหรอ ”
Lr ถามอีกครั้ง

“ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเฮอะพวกนั้นมันตามมาทันแล้วนะ ”
วิลพูดจบเงาที่ไล่ตามพวกเขามาก็พุ่งออกมาจากพื้นลงมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาเงานั้นเป็นชายสามคนที่
อยู่ในชุดสีดำพร้อมกับวงแหวนที่ใช้ควบคุมซากมังกรหรือใช้สร้างมังกรเวทย์ก็ได้เช่นกัน

“ เชอะพวกปลายอย่างพวกดราก้อนเนโครเนี่ยนะใช้เวลาไม่มากหรอกพร้อมนะวิล ”
Lr พูดจบกระพริบตาเป็นสัญญาณให้กับวิล

“ พร้อมมาตั้งนานแล้ว ”
วิลตอบกลับ ว่าแล้ว Lr ก็ยกมือข้างที่ใส่ดราก้อนฮอลลี่ขึ้นมาแต่ทว่ามันกลับไม่อยู่ซะแล้ว

“ อ็ะดราก้อนฮอลลี่ไม่อยู่หายไปไหนน่ะ ”
Lr พูดน้ำเสียงแฝงความกังวลอย่างเห็นได้ชัดทั้งสองจึงช่วยกันหาอย่างกระวนกระวายขณะเดียวกันพวก dn ก็กำลงเดินใกล้เข้ามา

“ เอ่อกำลังหาไอ้นี่อยู่หรือเปล่าคะ ”
เด็กสาวคนนั้นก็ยื่นเครื่องที่มีสายคาดซึ่งสลักเป็นมังกรสีทองที่พวกเขาเรียกว่าดราก้อนฮอลลี่(ต่อไปย่อเป็น dgh )

“ อ็า นั่นแหล่ะ นั่นแหล่ะ ”
ทั้งสองคนพูดพร้อมกันเป็นเสียงเดียวแล้ววิ่งเข้าหาเด็กสาวคนนั้นทำให้เธอตกใจจนเผลอโยน dgh ออกไป
ทางที่พวกdn อยู่

“ ท…ทะ..ทำอะไรน่ะหา ”
วิลพูดพร้อมกับทำสีหน้าน่ากลัวจนเธอตกใจ

“ ว้าย ข..ข..ขอโทษค่ะ ”
เด็กสาวกล่าวขอโทษด้วยความกลัว

“ ฮึบ ได้แล้วถ้าพวกแกไม่มีไอ้นี่พวกแกแปลงร่างไม่ได้แล้วสินะ ”
dn คนหนึ่งที่รับเอา dgh ไว้ได้พูดด้วยความรื่นเริงใจ

“ เป็นเพราะฉันแท้ๆเลยเป็นเพราะฉันพวกมันถึง ”
เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงเสียใจต่อการกระทำ น้ำตาของเธอพยายามจะเล็ดลอดออกมา

“ ไม่เป็นไรหรอกเธอไม่ผิดหรอกนะถึงพวกมันจะได้ของนั่นไปแต่แค่เธอไม่เป็นอะไรก็พอแล้วล่ะ ”
Lr  ปลอบเด็กสาว

“ เอาล่ะวิลเราไปเอามันคืนเถอะ ”
Lr พูดพร้อมกับหันไปสบตาวิล

“ งั้นก็เล่นมันเลยย้าก ”
วิลพูดจบทั่วทั้งบริเวณนั้นก็มีลมพัดโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง



“ ก็าซซซซซซซซ ”
เสียงตะโกนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมกันที่ใจกลางตลาดบัดนีร้ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆฝนคลึ้มไปทั่วทั้งท้องฟ้า

“ เปรี้ยงงงงงงงงงงง ”
เสียงฟ้าร้องดังผสมกับระเบิดที่ในเมือง

“ หึๆๆป่านนี้เจ้านั่นคงถูกเก็บไปเรียบร้อยแล้วมั้ง ”
แบล็คไวเซอร์กล่าวจบก็หัวเราะชอบใจในชัยชนะของตน พร้อมกับมองลงไปมองพวกลูกมังกร5ตัวที่
กำลังนอนสลบไสลเพราะอาการบาดเจ็บ

“ เอาล่ะซัคคิวบัทเก็บพวกมันซะ ”
แบล็คไวเซอร์สั่งจบนางปีศาจก็พุ่งเข้าใส่หมายจะปลิดชีพลูกมังกรทั้งหมด

“ Ventus et Dragos ”
เสียงดังมาจากฟากฟ้าพร้อมกับสายฟ้าที่ฟาดลงมาตัดหน้านางปีศาจจนนางชะงักนางมอง
ขึ้นไปข้างบนหยาดน้ำฝนตกลงมาโปรยปราย พร้อมกับการปรากฏร่างของอัศวินมังกรเทพที่มีเด็กสาวเกาะหลังอยู่
นามทาเวนทอส(Thaventos, the Dragoon of Thaliwilya)



“ ตราบใดที่ความกลัวยังปกคลุมท้องฟ้าข้าจะเป็นดังสายลมที่จะพัดพากลัวให้หายไปและนำความหวังมาแทนนามของข้าทาเวนทอส ”
ทาเวนทอสค่อยๆบินลงมาพร้อมกับสายลมที่เปลี่ยนทิศอย่างกะทันหันจนรวมกันกลายเป็นพายุพัดขึ้นไปสลายเมฆฝนจนหมดไป

“ ปัดโธ่วึ้ย มันแปลงร่างสำเร็จจนได้แต่ช่างเถอะแกจะสมุนที่เก่งที่สุดของได้รึเปล่าหึๆมาลองดูกันหน่อยเป็นไง ”
แบล็คไวเซอร์ทาเวนทอส

“ ยังไงซะเจ้านั่นมันก็แค่ดาร์คซีลเท่านั้นเองไม่น่าจะเก่งอะไรนักหนานี่ เอาเถอะถึงยังไงแกก็ท้ามาแล้วงั้นข้ารับคำท้าก็ได้ ”
ทาเวนทอสพูดอย่างมั่นใจแต่แท้จริงภายในใจยังมีความกระวนกระวายใจอยู่ลึกๆ

“ เก็บมันซะ ซัคคิวบัท ”
แบล็คไวเซอร์ออกคำสั่งนางปีศาจก็พุ่งตรงขึ้นไปแล้วเงื้อกงเล็บหมายจะฟันให้ทาเวนทอสขาดสองท่อนแต่เขาก็ยกดาบขึ้นมาป้อง
กันได้ทัน ดาบสีฟ้าตัดขาวของทาเวนทอสเริ่มเปล่งแสงสีเขียวทันใดนั้นนางปีศาจก็ถูกลมพัดไปและลมบริเวณข้างล่างก็เปลี่ยนทิศกะทันหันอีกครั้ง สายลมที่แปรปรวนรอบๆตัวของทาเวนทอสซึ่งพัดนางปีศาจไปเมื่อครู่ก็พัด
หมุนพุ่งไปกักนางปีศาจเอาไว้กลางอากาศและสายลมที่อยู่บริเวณด้านของนางซึ่งแปรปรวนอยู่เมื่อครู่ก็พัดเป็นพายุหมุนตัดกับลมหมุนที่กักนางไว้สายลมทั้งสองทางหยุดพัด

แต่ไปรวมกันที่ตัวนางปีศาจ จนนางลอยคว้างอยู่กลางอากาศและลมตรง่สวนนั้นยังคงพัดอยู่ สายลมได้แปรปรวนและเปลี่ยนทิศได้ดั่งใจของทาเวนทอสเสมือนเขาควบคุมสายลมได้

“ สายลมเป็นสาวกของข้า ข้าสามารถควบคุมมันได้ดังใจการที่เจ้ามาสู้ในเขตที่ลมพัด
อยู่ตลอดเช่นนี้ก็ถือเป็นความผิดผลาดอย่างแรกของเจ้าแล้ว ”
ทาเวนทอสพูดด้วยความมั่นใจ

“ หึๆๆคิดหรือว่าแค่พื้นที่เกื้อหนุนเจ้ามัจะทำให้เจ้าชนะน่ะ ”
แบล็คไวเซอร์กล่าวเสียงนัยน์ตาแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ และยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ ยังจะปากดีอีกนะงั้นข้าจะจัดการทำลายความมั่นใจของเจ้าซะ ”
ทาเวนทอสพูดจบก็เริ่มกวัดแกว่งดาบหมุนจนเป็นวงกลม ลมรอบๆตัวทาเวนทอสก็มารวมตัวกันที่วงรัศมีการแกว่งดาบ

“ Great of Dragon ”(ความยิ่งใหญ่แห่งมังกร)
สิ้นเสียง ทาเวนทอสก็ตวัดดาบปล่อยคลื่นพลังที่สะสมไว้ออกไปที่นางปีศาจซึ่งลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ
คลื่นพลังค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างเป็นมังกรพลังงานสีเขียวพุ่งเข้าไประเบิดที่ตัวนางปีศาจ
และทันทีที่คลื่นพลังกระจายหายจนหมดร่างของนางปีศาจก็ไม่อยู่แล้ว

“ สำเร็จจัดการได้แล้ว ”
ไฟร์พูดด้วยความดีใจในชัยชนะ

“ ไม่ ยังหรอกมันแปลกๆนะไม่เห็นมีควันสีดำที่จะต้องออกมาหลังจากทำลายดาร์คซีลได้เลยนี่ ”
เอิธท์แย้งขึ้นมา ภายในใจของเขาว้าวุ่นไปหมด

"การที่แบล็คไวเซอร์มั่นใจขนาดนั้นมันจะต้องมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่”
เอิธท์คิดในใจ



“ ไงล่ะสมุนของแกโดนกำจัดไปแล้วนะ ”
ทาเวนทอสพูด

“ งั้นรึเดี๋ยวแกก็รู้ว่าใครกันแน่ที่จะหัวเราะได้ดังกว่ากันหึๆๆ ”
แบล็คไวเซอร์พูดอย่างมีเลศนัยทำให้ทาเวนทอสเริ่มสงสัย

“ Icy Sphere ”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านล่างพร้อมกับแท่งน้ำแข็งแหลมจำนวนมากพุ่งมาปักที่ปีกทาเวนทอส

“ อ็ากกกก ”
ทาเวนทอสร้องด้วยความเจ็บปวดปีกที่ถูกแหลมน้ำแข็งปักกลายเป็นน้ำแข็งในทันทีทำให้เขาต้องสยายปีกอีกข้างออกมา
แทงอีกข้างที่ถูกแช่แข็งไว้

“ อควานายทำอะไรน่ะหะ ”
ทาเวนทอสพูดขณะหันไปหา อควา จู่ๆก็มีเปลวเพลิงพุ่งเข้ามาใส่ตัวเขาทาเวนทอสจึงล่วงลงมากระแทกพื้นอย่างแรง

“ My desire ”
เสียงดังมาจากข้างหลังพวกลูกมังกร

“ เสียงนี้มันเป็นไปไม่ได้ก็ข้าทำลายแกแล้วนี่ ”
ทาเวนทอสพูดน้ำเสียงไม่มั่นคง และแล้วสายตาของก็ต้องเห็นภาพที่ไม่น่าเชื่อนางปีศาจกำลังล่อลวงเพื่อนๆ
ของเขาให้ตกอยู่ในพวัง

“ ฮ่าๆๆ แล้วดูสิทีนี้แกจะกล้าทำร้ายเพื่อนแกเองมั้ยหึๆๆอยากจะหัวเราะให้ตายเลยคิดรึว่านางน่ะเป็นดาร์คซีลธรรมดาๆน่ะนางเป็นสมุนมือขวาของข้าเชียวนะ ”
แบล็คไวเซอร์กล่าวจบก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา

“ ไม่ใช่ดาร์คซีลแต่เป็นสมุนมือขวาเรอะถึงว่าทำไมมันเก่งอย่างงี้ ”
ทาเวนทอสพูด

“ จะประมาทมันไม่ได้ซะแล้วล่ะ Lr  ”
เสียงของวิลดังขึ้นในหัวของทาเวนทอส

“ อื้อแต่จะทำยังไงถึงจช่วยพวกเราได้ล่ะ ”
เสียงของ Lr ก็ดังขึ้นในหัวเช่นกัน ทั้งสองกำลังสนทนากันภายในตัวทาเวนทอส

“ จัดการมันซะ ”
แบล็คไวเซอร์ออกคำสั่งอีกครั้ง นางปีศาจสั่งให้ลูกมังทั้งห้าเข้าโจมตีทาเวนทอส การโจมตีของทุกคนพุ่งเข้าไปโดนทาเวนทอสอย่างจัง
จนได้รับบาดเจ็บสาหัส

“ พ..พวกเราอย่ายอมให้มันควบคุมจิตใจได้ส..สิ ”
ทาเวนทอสพูดจบล้มสลบลงไป

“ หึๆๆฮ่าๆๆๆ ในที่สุดข้าก็ชนะข้ารอวันนี้มานานแสนนานและแล้วมันก็สำเร็จ
ในที่สุดข้าก็ชนะไม่มีปาฏิหาริย์ใดๆจะมาพลิกผลันได้อีก ”

แบล็คไวเซอร์พูดจบก็สั่งให้นางซัคคิวบัทจัดการขั้นสุดท้าย

“ ได้ค่ะท่านข้าจะเก็บเสี้ยนหนามของท่านซะ ”
นางพูดจบก็ตรงเข้าโจมตีอีกครั้งแต่แล้ว ก็มีแสงสีขาวพุ่งตัดหน้านางไปและพาตัวทาเวนทอสหลบไปยั่งอีฝั่งถนน

“ ค..ใครน่ะ ”
นางปีศาจพูดด้วยควานร้อนรน แสงนั้นกลายเป็นชายสวมหน้ามังกรสีขาวซึ่งอยู่ในชุดคลุมสีขาวเช่นกัน

“ นามข้าเมทาไนท์ ”
ชายยามเมทาไนท์ได้ปรากฏตัวขึ้นและรีรอที่จะโจมตีเขาชักดาบออกจากฝักดาบแล้วเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว

“ อ็าาาาาา ”
นางปีศาจกรีดร้องอย่างโหยหวนก่อนจะขาดแตกกระจายเป็นชิ้นๆแล้วสลายกลายเป็นควันไป

“ หนอยแกบังอาจทำลายสมุนของข้าตายซะเถอะ ”
แบล็คไวเซอร์พูดจบก็ร่ายโจมตีทันทีเพลิงสีดำพุ่งอกจากคฑามุ่งตรง
มายังเมทาไนท์แต่ทว่า เขากลับเอาตัดเปลวเพลิงเวทย์จนสลายสิ้น

“ เอาล่ะต่อไปตาเจ้าแล้วสินะ ”
เมทาไนท์พูดจบก็กระโดขึ้นไปฟันแบล็คไวเซอร์ทว่าแบล็คไวเซอร์ก็ได้จางหายราวกับควัน

“ ชิหนีไปได้รึ ”
เมทาไนร์พูด จบก็ขบกรามด้วยความโกรธ

“ ฮ่าๆๆแล้วข้าจะกลับมาเอาคืนวันหลังวันนี้ฝากไว้ก่อนเถอะ ”
เสียงของแบล็คไวเซอร์ดังมาจากทิศใดทิศหนึ่ง

“ ข้าต้องไปแล้วฝากเจ้าดูแลเขาด้วยนะเด็กน้อย ”
เมทาไนร์หันไปพูกับเด็กสาวที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้เป็นคนเดียวกับที่ไปตามหา Lr เม ื่อครู่
แล้วจึงจากไปอย่างไร้ล่องลอย

……………………
…………………………

 “ อ..อ..อาเกิดอะไรขึ้นเนี่ยจำได้ว่าเราถูกมันเล่นงานแล้วหลังจากนั้นเราหมดสติไปนี่นา ”
Lr พูดขึ้นหลังจากฟื้นจากอาการบาดเจ็บเขาก็พบว่าตนนอน สลบอยู่ในสวนกลางเมืองตอนนี้ผู้กลับไปจับจ่ายซื้อ
ของกันตามเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขามองไปรอบๆก็ไม่พบร่องรอยของเพื่อนมังกรของเขาเลย

“ อ้าวฟื้นแล้วเหรอคะ ”
น้ำเสียงที่สดใสดังหยาดน้ำค้างตกกระทบผิวน้ำดังมาจากข้างหลัง Lr เมื่อเขาหันไป
ก็พบเจ้าของเสียงเป็นเด็กสาวมีผมสีแดงอมน้ำตาลตาสีฟ้าเป็นประกายพร้อมกับเพื่อนมังกรของเขา
ที่แบกของมากมายเต็มไปหมด

“ เอ้อพวกนายหอบอะไรมาเยอะแยะเลยน่ะ ”
Lr ถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“ ก็าซซซซซซซซซซซ ” (ตอนนายสลบพวกเราออกไปช่วยเธอซื้อของน่ะ)
ไฟร์พูดผ่านห่อถุงของมากมายที่กองอยู่บนแขนทั้งสองของเค้า สีหน้าของ Lr แสดงความประหลาด
ใจอยู่นิดแต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเพราะต่างก็ง่วนอยู่กับของที่แบกอยู่

“ จริงสิหลังจากที่ฉันสลบไปเกิดอะไรขึ้นเหรอ ”
Lr ถามต่ออย่างสนอกสนใจ

“ กีซซซซซซซซซซซซซซซ ” (เธอคนนี้บอกว่าเมทาไนท์เป็นคนมาช่วยเอาไว้น่ะ)
วิลพูดผ่านหอบของเช่นเดียวกันกับไฟร์

“ อะจริงด้วยสิตอนที่พี่สลบไปหนูยืมของของพี่ไว้ด้วยค่ะ ”
เด็กสาวเอามือลงไปควานหาของบางอย่างจากกระเป๋าหิ้วที่ทำจากผ้า
แล้วเอา dgh(ดราก้อนฮอลลี่)ออกมาแล้วส่งให้ Lr

“ นี่ ค่ะ ”
เด็กสาวยื่นdghให้ Lr มือของเธอจับมือของ Lr และส่ง dgh ใส่มือไปความรู้สึกที่ถูกมือที่แสนจะนุ่นนวลจับ
สร้างความอบอุ่นจนถึงขนาดร้อนหน้าของทั้งสองแดงก่ำขึ้นมาทันทีด้วยความเขินอายตาของทั้งสอง
ส่งสายตาจ้องกันไม่หยุดเหมือนว่าเวลาจะหยุดอยู่ตรงนั้นใจของทั้งสองเต้นแรงเร็วและดังขึ้นเรื่อย
ความรู้สึกนี้ได้แผ่ซาบซ่านไปทั่วหัวใจของทั้งสอง

“ ความรู้สึกนี้มันอะไรกันนะ ”
Lr คิดในใจ

“ เขาจ้องตาเราด้วยเราเองก็เหมือนกันรู้สึกแปลกๆจัง ”
เด็กสาวคิดในใจเช่นกัน ทั้งสองจ้องกันอยู่ชั่วครู่ใบหน้าของทั้งสองเริ่มขยับเข้าใกล้กัน
หัวใจของทั้งสองเต้นเร็วขึ้นด้วยความตื่นเต้นศรรักของกามเทพได้พุ่ง ปักอกของทั้งสองแล้ว

ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะแตะกันไลท์ก็ทำห่อของตกลงกับพื้นทำให้ทั้งสอง
หลุดจากผวังแห่งรัก ทั้งสองถึงได้รู้ว่าพวกตนยังจับมือกันอย่างแน่นเช่นเดิมไม่
เปลี่ยนทั้งสองจึงถอยออกห่างจากกันแล้วก็ไปช่วยกันเก็บของที่หกกระจาย
ออกจากห่อของที่ไลท์ถืออยู่

“ โทษทีนะลืมไปเลยวางของไว้ตรงนี้ก็แล้วกันนะ ”
เด็กสาวชี้ไปยังรถเข็นของเธอ พวกไลท์ก็รีบยกของไปไว้ที่รถเข็นจนเต็ม
 Lr ก็ลุกขึ้นไปช่วยยกของด้วยเช่นกัน

“ ขอบคุณนะคะที่ช่วยไปซื้อของให้น่ะค่ะเดี๋ยวยังต้องไปซื้ออีกรอบด้วยแค่นี้ไม่พอทำช็อกโกแล็ตหรอกนะ ”
เด็กสาวพูดพลางเข็นรถเข็นไป

“ เอองั้นพวกฉันจะไปช่วยเธอซื้อด้วยละกันนะถือเป็นการตอบแทนที่ช่วยฉันไว้ก็ละกันนะ ”
Lr พูดแล้วก็หันไปขอคำตอบจากเพื่อนทกคนก็ตกลงจะไปช่วยเธอซื้อของ

“ ขอบคุณนะคะจริงสืฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ฉันชื่อเทีย(tear) ”
เด็กสาวแนะนำตัวแล้วก็มอบกระเป๋าถือของเธอให้ Lr ก่อนจะเข็นรถออกไป

“ เดี๋ยวฉันเอาของไปเก็บที่ร้านก่อนนะคะในกระเป๋ามีเงินกับรายการของอยู่นะคะฝากด้วยนะ ”
เด็กสาวพูดจบเธอก็เข็นรถหายไป แล้วพวกเขาก็ออกไปซื้อของตามรายการจนครบแล้วกลับมารอเธอ
อยู่ที่สวนเวลาตอนนี้ตกเย็นแล้ว แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องไปทั่ว Lr มองdghอีกครั้งแล้วถอนหายใจ

ถึงตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงฟังคำพูดพวกลูกมังกรออกเพราะdghอยู่กับเธอเกือบจะตลอด
แต่ที่เขายังสงสัยอยู่เรื่องเดียวคือทำไม dgh ถึงตอบสนองต่อเธอและแปลความหมายของภาษามังกรให้ฟัง
เสียงเอี้ยดอ้าดของล้อรถเข็นดังแว่วมาจากด้านหลัง เมื่อเขาหันกลับไปก็พบว่าเด็กสาวเข็นรถกลับมาแล้ว

“ กีซซซซซซซซ ” (มาซักทีรอนานแล้วนะ)
อควาบ่นอุบอิบแต่ถึงอย่างไรเธอก็ฟังไม่ออกอยู่ดีเพราะ dgh ไม่ได้อยู่กับเธอ

“ อะนี่ของเธอฝากซื้อกับกระเป๋าเงินตรวจด้วยสิว่าของครบหรือ ”
Lr พูดกับส่งกระเป๋าถือกับของวางบนรถเข้นจนเต็มอีกครั้งแล้วเธอก็ก้มลงเปิดห่อเช็คความเรียบร้อย


“ อือผงโก้โก้ 5 ถุง น้ำตาล 4 ถุงอือออออ…ครบค่ะ ”
เด็กสาวเช็กของเรียบร้อยก็ห่อของกลับเข้าที่

“ เอ่อคือว่านี่ก็เย็นมากแล้วไปพักที่บ้านฉันก็ได้นะคะแม่ฉันท่านขอฉันชวนพวกคุณไปพักน่ะ ”
เด็กสาวเอ่ยชวน Lr หันกลับไปปรึกษากับลูกมังกร

“ เอาไงดีล่ะนี่เย็นมากแล้วนะถ้าจะหาที่พักก็คงไม่ทันแล้วล่ะ ”
ไฟร์พูด

“ งั้นก็พักที่บ้านเธอก็ได้นี่เธออุตส่าชวนแล้วแท้ๆ ”
อควาพูดทุกคนก็เห็นด้วยเช่นกัน

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #278 on: September 14, 2008, 06:35:38 PM »

“ งั้นตกลงตามนี้นะ ”
Lr พูดจบก็หันไปพูดเด็กสาว

“ ตกลงเราจะไปพักที่บ้านเธอคืนหนึ่งก็แล้วกัน ”
Lr บอกเด็กสาว

“ งั้นตามฉันมาเลยค่ะ ”
เด็กสาวเข็นรถออกเดินนำทางไปไปบ้านของเธอ

เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าทะลุก้อนเมฆขึ้นไปมีปราสาทลอยฟ้าซึ่งมีวงแหวนที่สลักอักขระเอาไว้หมุนรอบฐาน
จึงทำให้ปราสาทลอยอยู่ได้ภายในห้องโถงใหญ่ของปราสาทแบล็กไวเซอร์และ 12 เทพขุนศึกอีกหกคนกับหัวหน้าของ
องค์กรโฮลี่ไนท์แมร์กำลังประชุมกันอยู่

“ พลาดอีกจนได้นะแบล็กไวเซอร์ ”
เสียงของหญิงสาวที่แววตาแฝงไปด้วยความมาดร้ายดาบสีเงินคลิบทองที่มีออร่าพลังเวทย์ปกคลุมอยู่ เล่มใหญ่
อยู่ในมือของนางพูดขึ้น

“ เฮอะลูคเรเทียเจ้าพูดยังกับว่าเจ้าเคยทำอะไรได้ดีนักแหละ ”
แบล็คไวเซอร์พูดขณะหันไปมองนางด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

“ หนอยคิดจะหาเรื่องรึไง ”
ลูคเรเทียพูดด้วยความเกรี้ยวกราด



“ เฮอะเจ้ามันก็ดีแต่ฝึกพลังเวทย์ทั้งวันไม่เห็นจะแสดงฝีมืออะไรเลย ”
แบล็คไวเซอร์พูดด้วยวาจาเย้ยหยัน

“ หึยังน้อยเวลาข้าปฏิบัติงานก็ไม่เคยล้มเหลวเหมือนเจ้าหรอกน่า ”
ลูคเรเทียกำดาบในมือแน่นขึ้นด้วยความโกรทจนสั่นอย่างเห็นได้ชัด

“ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว ”
เสียงของผู้เป็นหัวหน้าดังออกมาจากเงามืดที่ล้อมรอบบัลลังเอาไว้

“ ขออภัยด้วยขอรับ ”
แบล็คไวเซอร์กล่าวด้วยความเกรงกลัวลูคเรเทียเองก็เช่นกันย่อเข่ากล่าวขออภัยต่อผู้เป็นหัวหน้า

“ เฮอะแตกคอกันอยู่เรื่อยเพราะยังงี้ล่ะมั้งถึงได้เสียท่าให้แก่พวกมันตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่รู้ ”
เสียงของผู้เป็นหัวหน้าดังขึ้นทั้งห้องโถงตกอยู่ในความตึงเครียด

“ งานเจ้ารับหน้าที่ไปละลูคเรเทีย ”
ผู้เป็นหัวหน้าออกคำสั่ง

“ ค่ะโปรดวางใจจอมดาบเวมย์มนต์ผู้นี้ได้เลยข้าจะไม่ให้ผิดผลาดเด็ดขาด ”
ลูคเรเทียพูดด้วยความมั่นใจแล้วก็เดินออกไป


ที่บ้านของเทีย
“ โอ้โหบ้านเธอเป็นร้านขายช็อกโกแล็ตเหรอเนี่ย ”
Lr พูดด้วยความทึ่ง







“ เทียบ้านเธอเป็นร้านทำขนมเหรอ ”
Lr สายตาสอดส่องมองไปทั่วร้านซึ่งมีขนมปัง ลูกกวาด และขนมหวาน
มากมายวางเรียงอยู่บนชั้นวางขนม

“ โอ้โหเพียบเลยแหะน่ากินทั้งนั้น ”
ไฟร์กลืนน้ำลายเสียงดังด้วยความอยากกิน

“ อ้าวเทียกลับมาแล้วเหรอแล้วนั่นใครน่ะ ”
ผู้หญิงดูมีอายุพอสมควรเดินออกมาจากหลังเคาน์เตอร์
แล้วตรงไปหาเทีย

“ เอ่อผมชื่อ Lr คับส่วนนี่ก็ลูกๆมังกรทั้งหลายนี่เป็นเพื่อนผมเอง ”
Lr แนะนำตัว

“ แม่คะพี่คนนี้แหละค่ะที่หนูบอก ”
เทียตอบเสียงใสหญิงที่เทียเรียกว่าแม่เข้าใจทันทีจึงพยักหน้าเล็กน้อย
แล้วมองไปยังพวก Lr ด้วยสายตาที่เป็นมิตร

“ พวกเธอสินะที่ช่วยลูกฉันจ่ายตลาดขอบใจมากนะจ้ะ ”
แม่ของเทียพูดน้ำเสียงนุ่มนวลและอบอุ่น
ทำให้พวก Lr ยิ้มออก

“ เอาล่ะนี่เย็นมากแล้วอาหารก็เตรียมเรียบร้อยพวกเธอก็เข้ามาทานด้วยกันสิไม่งั้นป้าไม่ยอนนะจ้ะ ”
แม่ของเทียพูดทีเล่นทีจริงทำให้ Lr และพักพวกรวมถึงเทียเองก็ยังอดหัวเราะไม่ได้
พวก Lr ตามเทียเข้าไปในห้องครัวด้านหลังร้าน
ภายในห้องมีเครื่องครัวมากมายเตาอบขนมขนาดใหญ่ซึ่งไฟในเตาดับไปแล้ว

กองฟืนที่กองอยู่ข้างๆเตามีไม่มากนัก
กลางห้องมีโต็ะขนาดย่อมตั้งอยู่บนโต็ะมีนก เนเดีย (Naedia) ย่างวางอยู่บนจานส่งกลิ่นหอมเย้ายวนข้างๆมีหม้อซุปใบโตวางอยู่ที่ด้านหนึ่งของโต็ะมีชายที่มีอายุพอๆกับแม่ของเทีย
นั่งอยู่ที่เก้าอี้เขาลุกขึ้นทันทีที่เห็นเทียเดินเข้ามา

“ อ้าวเทียกลับมาแล้วเหรอลูกวันนี้เป็นไงบ้างไหนล่ะคนที่ช่วยลูกจ่ายตลาดลูกพาเค้ามาด้วยรึเปล่า ”
พ่อของเทียถาม

“ เขาอยู่นั่นไงคะพ่อ ”
เทียตอบแล้วก็ชี้ไปยังพวก Lr

“ โอ้เชิญๆเข้ามานั่งด้วยกันสิขอบใจมากนะที่ไปช่วยเทียจ่ายตลาดปกติเทียไม่จ่ายตลาดเสร็จเร็วขนาดนี้แน่ต้องขอบใจพวกเธอจริงๆ ”
พ่อของเทียพูดจบก็เชิญพวก Lr และลูกมังกรทานอาหารค่ำ

ที่ใจกลางเมืองผู้คนที่ยังจับจ่ายซื้อของสำหรับวันเทศกาลวาเลนไทน์
ยังเดินกันพลุกพล่านเสียงพูดคุยต่อรองราคา ดังเซ่งแซ่ไปทั่ว
ที่มุมมืดของสวนสาธารณะมีเงาของคนกับสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ซ่อนอยู๋

แสงจันท์ลอดเล็ดผ่านพุ่มไม้เข้ามายังที่ซ่อนของพวกเธอ
เผยให้เห็นร่างของหญิงทีริมฝีปากของเธออิ่มเอิบเหมือนสาววัยแรกรุ่น
ที่มือขวาของเธอกำดาบสีเงินคลิบทอง

ส่องประกายระยิบยับเมื่อต้องแสงจันทร์
สัตว์ประหลาดกายสีดำสลับแดงขนาดยักษ์บนหลังมันมีหนอกขนาดย่อม
งอกออกมาและที่ไหล่ของมันทั้งสองข้างเช่นกันมันพ่น ลมหายใจที่

เต็มไปด้วยไอพิษที่หากเพียงได้สูดดมเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็มี สิทธิตายได้ทันที
กงเล็บของมันกางยึดติดกับพื้นยืนอยู่ข้างกายของเธอ
มันคือ เทอเรียน ที่เกิดในดินแดนที่มีแต่ควันไอพิษพวยพุ่งออกมามากมาย
นามของมันคือท็อคซิคเทอเรี่ยน(Toxic Therion)

“ ไปกันเถอะ ไวด์(wild) เราไปแสดงพลังที่แท้จริงของ 12 เทพขุนศึกกันเถอะ ”
หญิงสาวพูดกับสัตว์ประหลาดที่เธอเรียกว่าไวด์มันคำรามเบาๆเป็นสัญญาณ
ว่าพร้อม
ทันทีที่เงาของทั้งสองร่างออกจากพุ่มไม้ก็เกิดแสงสว่างเรืองรองของ
เปลวเพลิงที่เกิดจากแรงระเบิดทั้งเมืองกลายเป็นทะเลเพลิงในที่สุด


ที่บ้านของเทีย

พวก Lr กำลังฟังตำนานและที่มาของเทศกาลนี้อยู่ที่ห้องนั่งเล่นเล็กๆอยู่กับพ่อของเทีย
ส่วนเทียกับแม่นั้นอยู่ในครัวช่วยกันทำช็อกโกแลตสำหรับวันพรุ่งนี้

“ ไงจ้ะเทียชอบเขาใช่มั้ยล่ะ ”
แม่ของเทียเอ่ยขณะที่เห็นเทียเอาแต่จ้อง Lr ไม่วางตา

“ ค..คุณแม่อย่าล้อเล่นกันสิคะหนูอายนะคะ ”
เทียรีบพูดแก้ตัวเป็นการใหญ่หน้าของเทียแดงร้อนเพราะความเขินอาย
แม่ของเทียเห็นดังนั้นก็หัวเราะคิกคักพร้อมกับหันไปทำช็อกโกแลตต่อ

“ เอ่อคือว่า ”
เทียเอ่ยขึ้นทำให้แม่ของเธอหยุดมือแล้วหันไปพูดกับเธอ

“ มีอะไรจ้ะ ”
แม่ของเทียพูด เมื่อเทียจะพูดก็หยุดชะงักไปกลางคันเหมือนจะตัดสินใจว่าจะพูดดีหรือไม่
แต่สุดท้ายเธอก็ยอมพูด

“ คือว่าหนูอยากทำอะไรให้เค้าเป็นการตอบแทนหน่อยน่ะค่ะ ”
เทียพูดด้วยความเขินอาย





ที่ในเมืองตอนนี้สว่างไสวราวกับกลางวัน จากแสงของเปลวเพลิง
เงาของสัตว์ประหลาดและเงาของหญิงสาวที่ลากดาบเล่มใหญ่
มีลายอักขระสักอยู่บนดาบไถไปกับพื้น หน้าเงยขึ้นมองไปยัง
ร้านทำขนมที่อยู่นอกเมืองร่างของทั้งสองเดินตรงไปยังที่นั่น


“ นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ ”
Lr พูดขึ้นแววตาแฝงไปด้วย งง งวย

“ หรือว่าแบล็กไวเซอร์มันกลับมาอีก ”
ไฟร์พูดขึ้น

“ ดูนั่นสิเงาใครกำลังตรงมาทางนี้น่ะ ”
วิลพูด มือชี้ไปยังเงาทั้งสองร่างที่กำลังตรงมา

“ อาจเป็นพวกมันให้พวกเทียเข้าไปหลบก่อนฉันจะไปกับเอิธท์ที่เหลือ
เฝ้าพวกเทียไว้ ไปกันเถอะเอิธท์ ”
Lr พูดจบก็หันไปหาเอิธท์พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงบอกให้ตามมา
เอิธท์เดินเข้าไปใกล้ Lr

“ พร้อมนะ ”
Lr พูดขณะที่มองไปยัง เอิธท์

“ อืม พร้อม ”
ทั้งสองมองหน้ากันซักครู่แสงสีน้ำตาลก็ส่องประกายออกมาจากดราก้อนฮอลลี่
แสงนั้นซักพักก็รวมตัวกันกลายเป็นเสาลำแสงสีน้ำตาล
พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นวงแหวนสีน้ำตาลขนาดใหญ่หมุนเร็วขึ้นเรื่อยดูดเอา
ละอองพลังงานที่เกิดจากการพุ่งขึ้นมาและยิงส่งลงไปยังร่างของทั้งสอง

ร่างของทั้งสองหลอมรวมกันเป็นหนึ่งในลำแสงนั้น
พื้นดินบริเวณรอบก่อตัวขึ้นครอบร่างนั้นไว้และหยุดนิ่งไป
ซักพักก้อนดินก็ระเบิดแตกออก

เผยให้เห็นร่างของอัศวินมังกรกายสีน้ำตาลเข้ม
หางที่ยาวสะบัดไปมาในมือข้างขวาถือดาบมาคายาเดีย
ที่เปลี่ยนรูปจนกลายเป็นดาบโค้งงอมือซ้ายถือโล่กะโหลกมังกร

ทั้งสองกลายร่างเป็น ทาโซรอส (Thasolos, The Dragoon of Thaliwilya)

“ เมื่อความกลัวเข้าปิดหนทางพลังแห่งปัญญาจักส่องนำทางสู่แสงสว่าง ทาโซรอส ”
เสียงของทาโซรอสประกาศก้อง

“ เข้าไปหลบในบ้านก่อน ”
ทาโซรอสพูดจบทุกคนก็เข้าไปในบ้านเหลือเพียงทาโซรอสเท่านั้น

“ Solum et Dragos ”
สิ้นคำทาโซรอสก็เอาดาบฟาดกับพื้นจนแตกเป็นรอยแยก
ทันใดนั้นกำแพงศิลาก็ปรากฏขึ้นตามรอยแยกปกคลุมบ้านเอาไว้
“ เอาล่ะคงช่วยกันไว้ได้บ้าง ”
ทาโซรอสเอ่ยขึ้น



“ หึๆๆ คิดรึว่ากำแพงแค่นี้จะหยุดข้าได้น่ะกระจอกมาก Thunder Sphere ”
ลูคเรเทียพูดด้วยน้ำเสียงยโสก่อนจะรวบรวมกระแสไฟฟ้าจากอากาศ
โดยรอบจนกลายเป็นบอลพลังงานไฟฟ้าขว้างใส่กำแพงที่ป้องกันบ้านไว้

จนกำแพงระเบิดถล่มลงไปที่บ้านแต่ทาโซรอสก็กระโดด
ไปรับไว้ได้

“ อึบเกือบไม่ทัน ”
ทาโซรอสพูดเสียงหอบด้วยความหนักจากกำแพงศิลาที่ตนสร้างขึ้น

“ ท…ทำไมมันหนักยังงี้ล่ะ ”
ทาโซรอสพูดจบก็มองขึ้นไปจึงไดเห็นสาเหตุที่ทำให้หินหนักมากเกินจริง
บนเศษกำแพงที่ทาโซรอสแบกไว้ มีสัตว์ประหลาดกายสีดำขนาดยักษ์
ขึ้นไปอยู่บนนั้นทำให้น้ำหนักของมันบวกกับเศษกำแพงหนักมากขึ้น

“ หึๆๆ หนักมากล่ะซี่ ”
ลูคเรเทียพูดเสียงแหลม

“ หนอยถึงว่ามันหนักอยู่ลงไป!!! ”
ทาโซรอสพูดจบก็โยนเศษศิลาทิ้งลงไปทำให้ เจ้าสัตว์ประหลาดสีดำ
ตกลงไปกระแทกกับพื้นจนสลบ

“ ไวด์ ”
ลูคเรเทียร้องเสียงหลงรีบวิ่งไปยังร่างของสัตว์ประหลาดที่เธอเรียกว่าไวด์

“ ไวด์ !!  ไวด์ !! ”
ลูคเรเทียเขย่าร่างของไวด์เพื่อให้ตื่นแต่ไวด์ก็ยังคงสลบแน่นิ่งใต้กองเศษหิน
ที่ทับร่างของมันอยู่

“ หนอยยยยย แกบังอาจทำร้ายไวด์เรอะตายซะเถอะ ย้ากกกกกกกกกก! ”
ลูคเรเทียพูดจบก็ชักดาบขนาดใหญ่ออกมาฟันฉับลงไปที่ร่างของทาโซรอสแต่
ทาโซรอสก็เอาโล่รับไว้ทัน

“ เชอะโล่กะโหลกมังกรของเจ้าทานพลังดาบของข้าไม่ได้หรอก Thunder Impulse ”
ลูเรเทียพูดจบดาบของเธอก็มีประกายไฟฟ้าแลบขึ้นมาสักพัก
ก็มีแสงจ้าออกมาจากดาบร่างทาโซรอสกระเด็นไปไกลจากบ้านของเทียมาก

“ อ้ากกกกกกกก ”
ทาโซรอสร้องด้วยความเจ็บปวดขณะกระเด็นออกมาจากแรง
ปะทะรอบๆร่างกายมีประกายไฟฟ้าวิ่งอยู่รอบๆก่อนจะกระแทกกับพื้น
อย่างแรง โล่กะโหลกมังกรมีรอยแตกร้าวเพียงเล็กน้อย

“ คอยดูเถอะในเมื่อแกทำร้ายของรักของข้า ข้าก็จะทำลายสิ่งที่สำคัญที่สุด
ของแกคอยดู ”
ลูเรเทียพูดจบก็รวบรวมพลังงานไฟฟ้ามาไว้ที่มือแล้วขว้างใส่บ้าน
ของเทีย

“ เหวอรีบหนีเร็วบ้านจะพังลงมาแล้ว ”
ไฟร์ตะโกนไล่ทุกคนออกจากบ้าน เมื่อทุกคนออกมาได้หมด
บ้านก็พังทลายลงพอดี

“ เฮ้อเกือบไปอยู่กันรบใช่มั้ย ”
วิลพูดแล้วหันไปนับจนครบทุกคนและตอนที่กำลังจะหาตัวทาโซรอสก็มีแสง
พุ่งตกลงมาพร้อมกับเสียงระเบิด ร่างของทุกคน
กระเด็นกระดอนไปกันคนละทิศคนละทาง

“ อะไรกันเนี่ย ”
อควาบ่นอย่างรำคาญแต่แล้วเขาก็รู้สึกว่าตัวของเขาลอยขึ้นจากพื้น

“  หวาอะไรกันเนี่ย ”
อควาร้องเสียงหลงเมื่อหันกลับไปมองก็ได้เห็นว่าลูคเรเทียนั่นเองที่จับตัวเขาขึ้นมา

“ ช่วยด้วย ”
อคาร้องขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีใครเข้าไปเลยเพราะกลัวว่าหากเข้า
ไปอควาอาจจะได้รับอันตราย

“ ทาโซรอสหากแกไม่อยากเห็นเพื่อนของแกถูกบีบจนเละล่ะก็จงส่ง ดราก้อนฮอลลี่มาซะ ”
ลูคเรเทียยื่นข้อเสนอให้

“ หนอยยยยย แกอย่า… อึก ”
ทาโซรอสล้มขุกเข่าลงกับพื้นหลังจากที่ยืนขึ้นมา
ร่างของเขาชาไปหมดไม่มีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที

“ นี่มันอะไรกัน ”
ทาโซรอสพูด

“ คงจะโดนเข้าไปแล้วสินะท่าที่แกโดนไปตะกี้น่ะคือการโจมตีด้วยไฟฟ้าที่รุนแรงที่สุด
กล้ามเนื้อของแกก็โดนไฟฟ้าของโจมตีเข้าไปโดยตรงน่ะสิ ”
ลูคเรเทียพูดจบก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจขึ้นมา

“ เอาไงล่ะระหว่างเพื่อนของแกกับดราก้อนฮอลลี่แกจะเลือกอะไร ”
ลูคเรเทียพูดน้ำเสียงยโส

“ อึกอัก ”
ทาโซรอสพยายามจะลุกขึ้นแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์เลยร่างกายของเค้า
ชาไปหมดตาของเขาเริ่มพร่าลง

“ อควา ”
ทาโซรอสพูดออกมาอย่างลำบากแล้ปักดาบลงไปบนพื้นมือกำดาบนั่นก่อนจะล้มลงไป

“ Lr  ”
อควาร้องเสียงหลงเมื่อเห็นทาโซรอสฟุบลงไป

“ เชอะสลบไปแล้วเรอะก็ดี ”
ลูคเรเทียเดินตรงเข้าไปยังทาโซรอสที่สลบทั้งมือกำดาบอยู่

“ เอาล่ะวาระสุดท้ายของแกแล้วตายซะเถอะย้าก ”
ลูเรเทียเงื้อดาบขึ้นและขณะที่จะฟันลงไปมือของทาโซรอส
ก็พลักขาของลูเรเทียล้มลงมือปล่อยอควาเป็นอิสระไป

“ อ..อะไรกันก็แกขยับไปได้นี่นา ”
ลูคเรเทียพูดด้วยความงงงวย พร้อมกับที่ทาโซรอสลุกขึ้นมาเอาดาบ
จิ้มที่คอของหล่อน

“ จะบอกให้เอาบุญ ตอนที่ฉันสลบลงไปน่ะฉันได้เอาดาบลงไปที่พื้นด้วยไง ”
ทาโซรอสพูดเสียงเรียบ เมื่อลูคเรเทียได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันที

“ หรือว่าแกใช้ดาบของแกแทนสายดินพลังไฟฟ้าที่ยังตกข้างอยู่จนหมดน่ะ ”
ลูคเรเทียพูด

“ ถูกต้องเลยแล้วก็นะฝากไปบอกท่านผู้นั้นด้วยนะว่าอีกไม่นานฉนจะตามไปจัดการกับแกแน่ ”
ทาโซรอสพูดจบก็ชักดาบกลับแล้วหันหลังให้

“ เชอะไอ้หน้าโง่ …ไวด์ ”
ลูคเรเทียออกคำสั่งกับเจ้าท็อกซิกเทอเลี่ยนทันใดนั้นเทียที่อยู่ใกล้ๆกันก็ถูกไวด์
คาบมาและกระโดดเข้าใส่ทาโซรอส

“ เทีย!!! ”
ทาโซรอสตะโกนพร้อมกับกระโดดเข้าฟันไวด์จนล้มลงและช่วยเทีย
ไว้ได้

“ ไม่เป็นไรนะ ”
ทาโซรอสถามเทียพยักหน้ารับ
“ ตายซะเถอะย้ากกกกกกก ”
ลูคเรเทียพูดจบก็ฟาดดาบลงกับพื้นทันทีที่ดาบฟาดถึงพื้นสายฟ้าพุ่งลงมายังจุดที่ดาบฟาดไป
และเคลื่อนตัวอย่างเร็วไปหาทาโซรอส

“ ระวังค่ะ ”
เทียพูดจบก็ปัดมือทาโซรอสออกและเอาตัวเข้ารับสายฟ้าแทนแสงสว่างจ้าไปทั่ว

“ เทียยยยยยยยยยยย!!!! ”
ทาโซรอสตะโกนเรียกเทียจนสุดเสียง เมื่อแสงจ้าร่างของก็ตกลงกับพื้น

“ เทีย ”
พ่อแม่ของเทียร้องขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ เทียไม่เป็นไรนะพูดกับฉันซิเทียๆ ”
ทาโซรอสเขย่าร่างของเทียที่ร่างของเธอมีรอยไหม้ตามจุดที่ต่างๆ
อย่างแรงในใจหวังลึกๆว่าเธอจะฟื้นขึ้นมา เทียค่อยๆลืมตาขึ้น

“ เทีย ”
ทาโซรอสพูดน้ำเสียงแฝงความดีใจไว้เล็กน้อยรู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที

“ พี่คะหนุคงไม่รอดแล้วล่ะค่ะ ”
เทียพูดเสียงสั่นๆ

“ อะไรกันเทียอย่าพูดอย่างนั้นสิเธอต้องไม่ตายนะเทีย ”
ทาโซรอสพูดน้ำเสียงสั่นคลอน้ำตาคลอเบ้า

“ พี่คะก่อนจากกันฉันมีเรื่องจะบอกให้พี่รู้นะคะ ”
เทียพูด

“ ไม่ต้องพูดแล้วเทียอย่าพึ่งพูดตอนนี้เลยไม่งั้นเธออาจตายนะ ”
ทาโซรอสส่ายหัวเบาๆหยดน้ำตาค่อยๆไหลจากหน้าของทาโซรอส
หยดลงบนใบหน้าของเทีย

“ ไม่ได้หรอกค่ะฉันต้องพูดเดี๋ยวนี้ไม่งั้นฉันอาจไม่มีโอกาสอีก ”
เทียพูดน้ำเสียงเริ่มเบาลงชีพจรของเธอเริ่มอ่อนลง

“ เทีย…. ”
ทาโซรอสกล่าวคำพูดที่เหลือที่เขาจะพูดถูกกลืนลงไปหมด

“ ฉันรักพี่…ค..ค่ะ ”
เทีนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาจนแทบกระซิบก่อน
จะหมดลมหายใจไปในอ้อมกอดของทาโซรอส

“ ไม่นะเทียเธอต้องไปตายนะ ไม่ ”
ทาโซรอสตะโกนเสียงดังใจเขาเหมือนจะแตกสลายไปในทันที
น้ำตาเริ่มไหลพรากออกมา

“ เอ้าเสียใจพอรึยังล่ะงั้นข้าจะบุกต่อล่ะนะ ”
ลูคเรเทียตั้งท่าเตรียมจะร่ายเวทย์อีกครั้งแต่ทว่าเธอก็ต้องชะงัก
ไปเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากตัวทาโซรอส

“ อ..อะไรกันจิตสังหารที่รุนแรงขนาดนี้มันมาจากไหนหันหรือว่า ”
ลูคเรเทียพูดด้วยน้ำเสียงสั่นกลัวความกลัวเริ่มคลืบคลานเข้าสู่หัวใจเธอ
เมื่อทาโซรอสลุกขึ้นอุ้มร่างไร้วิญญาณของเทียขึ้นมาหันกลับไปสายตา

ของทาโซรอสเปลี่ยนไปจากตอนแรกดูหน้าเกรงขามขึ้นมาทันที
ทำเอาลูคเรเทียถึงกับผงะถอยหลังไปท็อกซิกเทอร์เลี่ยน
ของเธอก็ไปหลบอยู่ข้างหลังดูไม่ต่างกับลูกแมวน้อยดีๆนี่เอง

“ Lr เป็นอะไรไปน่ะ ”
เสียงของเอิธดังขึ้นในใจของทาโซรอส

“ มัน มันบังอาจฆ่าเทียของฉันมันต้องตาย ”
เสียงของ Lr ดังขึ้นในใจของทาโซรอสสักพักก็มีออร่าสีดำพุ่งออกมาจากร่าง
ของทาโซรอสออร่านั่นเข้าครอบคลุมร่างของทาโซรอสจนดำสนิท
สักพักร่างของเอิธก็กระเด็นออกมาไฟร์บินไปรับไว้ได้

“ เอิธนี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ ”
ไฟร์ถาม

“ แย่ล่ะสิไอ้นั่นมันกำลังจะออกมาอีกแล้วล่ะคงเพราะความเสียใจของ Lr ที่
เทียต้องตายแน่ๆเลย ”
เอิธพูดเสียงสั่น

“ ไอ้นั่นน่ะเหรอแย่แน่ๆล่ะเอาไงดีล่ะเนี่ย ”
ไฟร์พูดในใจมีแต่ความว้าวุ่นไปหมด

“ เหมือนตอนนั้นเลย ”
วิลพูด

“ ตอนนั้นน่ะเหรอ ”
ดาร์คพูด

“ ใช่มันกำลังจะออกมาแล้วพลังด้านมืดที่ดราก้อนฮอลลี่ได้รับจะแปรเปลี่ยน
มันเป็นโซลแห่งความอาฆาต ”
วิลพูดเสียงสั่นด้วยความกลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
ตอนนี้ร่างของทาโซรอสเริ่มเปลี่ยนแปลงไปออร่าสีดำ

ค่อยๆเปล่งออกมามากขึ้นและกลายเป็นแสงสีดำพุ่งขึนไปบนท้องฟ้า
กลุ่มเมฆยามค่ำคืนค่อยๆหมุนวนและแล้วแสงสีดำก็ถูกยิงลงมา
อย่างแรงเสียงดังลั่นราวกับฟ้าผ่า

“ ก็าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ ”
เสียงคำรามแหลมจนน่ากลัวราวกับปีศาจดังขึ้น
แสงที่ถูกยิงลงมาค่อยๆจางลงที่เบื้องล่างกลุ่มควันสีดำได้สลายลง
เผยให้เห็นอัศวินมังกรร่างดำสนิทตาสีแดงเขี้ยวที่โง้งลงมา

ราวกับดาบเกราะที่ใส่อยู่ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นเกราะกระดูกมังกรสีดำ
ดาบมาคายาเดียที่ถืออยู่ได้สูบกินหมอกสีดำเข้าไปเปล่งออร่าสีดำ
ออกมารุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆและกลายสภาพเป็นดาบยาวคล้ายๆดาบของพวกซามูไร

“ มาแล้วทูตสวรรค์แห่งความตายอัศวินมังกรแห่งความกลัว Thaliwilya Muramasa Soul(ต่อไปย่อเป็นTms) ”
วิลพูด ขณะที่ทุกคนยืนตะลึงอยู่นั้นที่ต้นสนต้นใหญ่ใกล้ๆต้นนึง
มีร่างของอัศวินในเกราะสีขาวผ้าคลุมขาวของเค้าปลิวพลิ้วไปตามลมฝนเริ่มตกลงมา
ลมแรงขึ้นๆเรื่อยๆอัศวินคนนั้นกำลังเฝ้ามองมายัง
พวกเขา
“ แย่ล่ะสิถูกความกลัวเข้าครอบงำซะแล้ว ”
อัศวินคนนั้นก็กระโจนลงไป เมทาไนท์น่ะเองที่จับตามองพวกเขาอยู่

“ อะไรกันเนี่ยอัศวินมังกรนี่มันอะไรกัน ”
ลูคเรเทียพูดไวด์ส่งเสียงครางหงิงๆอยู่ข้างหลังเธอ

“ ชื่อของข้าคือมุรามาซะโซล ”
Tms พูดจบก็สะบัดดาบออกไปคลื่นสีดำรูปเสี้ยวจันทร์พุ่งระเบิดใส่
ลูคเรเทียอย่างแรงจนกระเด็นไป

“ อักหนอยวันนี่แค่นี้ก่อนไปเร็วไวด์ ”
ลูคเรเทียพูดจบก็ขึ้นไปขี่บนหลังของไวด์และกำลังจะหนีไป
แต่ทว่า Tms ก็รวบรวมออร่าสีดำไปไว้ที่หลังและค่อยๆกลายเป็นปีกสีดำคล้ายปีกค้างคาวขนาดใหญ่บินตามมือซ้ายยังคงอุ้มเทียไปแล้วเงื้อดาบฟันใส่ลูคเรเทีย
แต่เธอก็เอาดาบรับไว้ได้

“ ก..แกทำไมถึง ”
ลูคเรเทียพูดเสียงสั่นสีหน้าแสดงถึงความกลัวสุดขีด Tms ก็ค่อยๆเอาร่างของเทีย
ยื่นเข้าไปใกล้ลูคเรเทียขยับหนีด้วยความกลัวสติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“ เพราะแกฆ่าเธอยังไงล่ะ ”
 Tms พูดน้ำเสียงเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งทำเอาลูคเรเทียถึงกับผวาแทบจะเป็นลม
อยู่ตรงนั้น

“ หมดเวลาเล่นซะที Fear of Testament ”
Tms พูดจบออร่าสีดำก็ครอบงำ ในใจของเธอตอนนี้มีแต่ความรู้สึกหวาดกลัว
อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเธอกรีดร้องเหมือนคนบ้าอยู่บนหลังของไวด์
ที่ยังคงวิ่งไป Tms จึงหยุดแล้วบินกลับไปหาพวกวิล

“ เอาล่ะต่อไปก็ตาพวกแกบ้างล่ะฮ่าๆๆ Fear of Testament  ”
Tms พูดจบก็เช่นเคยออร่าสีดำพุ่งเข้าเล่นงานทุกคน
ตอนนี้ทุกคนต้องเผชิญกับความหวาดกลัวอย่างไม่สิ้นสุด

“ Holy Breaker ”
เสียงของใครบางคนดังขึ้นพร้อมแสงสีขาวสามสายพุ่ง
เข้าเล่นงาน Tms จนกระเด็นไปทุกคนจึงหลุดจากความกลัว

“ เมทาร์ไนท์ ”
วิลร้องขึ้น
“ มีทางเดียวที่จะนำเอาจิตใจเขากลับมาจะต้องให้นึกให้ออกถึงความสุข
ตอนก่อนที่เขาจะถูกครอบงำ ”
เมทาร์ไนท์พูดพร้อมกับเอาดาบรับการโจมตีของ Tms ไว้

“ แต่จะทำยังไงล่ะถึงจะให้ Lr จำได้น่ะในเมื่อเทียก็…อ็ะ ”
เอิธพูดยังไม่ทันขาดคำก็นึกขึ้นได้จึงหันกลับไปหาพ่อแม่ของเทีย

“ เมื่อคืนเทียทำอะไรอยู่ในครัวน่ะครับ ”
เอิธพูดทำเอาพ่อแม่ของเทียพลอยตกใจไปด้วย

“ เอ่อคือเมื่อคืนเทียทำไอ้นี่ไว้น่ะจ้ะ ”
แม่ของเทียพูดจบก็ล้วงเอาห่อขนมขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ

“ ช็อกโกแลตนี่น่ะเทียตั้งใจจะทำให้เขาเพราะพรุ่งนี้น่ะเป็นวนวาเลนไทเหล่าชายหญิงจะบอกความในใจของตนผ่านการให้ช็อกโกแลตกับคนที่ตนรักมากที่สุด ”
แม่ของเทียพูดจบก็ยื่นช็อกโกแล็ตให้เอิธ

“ นี่แหละท่จะช่วย Lr กีซซซ ”(กีซซซ(ได้ล่ะ))
เอิธรีบพูดจนหลุดปากพูดภาษามังกรออกมาแทนวิลรีบหยิบเอาห่อช็อกโกแลตจากมือเอิธ
ให้เมทาไนร์

“ นี่คือช็อกโกแลตที่เทียทำไว้ให้ Lr พอจะใช้ได้ไหม  ”
วิลพูด

“ ได้เลยส่งมา ”
เมทาร์ไนท์พูด

“ เอ้ารับ ”
วิลพูดจบก็ขว้างห่อไปเมทาร์ไนท์รับไว้และพุ่งเข้าไปหา Tms

“ เอ้านี่L r นึกใหเออกสิความสุขของนายในตอนนั้นน่ะเทียเขารักนายนะแล้วนายจะมาทำยังงี้น่ะเหรอนายคิดว่าทำยังงี้แล้วเทียจะมีความสุ๘เหรอลองคิดดูสิ ”
เมทาร์ไน์พูดมือก็เกาะร่างของ Tms ไว้

“ หนอยลงไป ”
Tms พูดพร้อมกับออกแรงสะบัดเมทาร์ไนท์ให้หลุดออกจากตน

“ นึกให้ออกสิ Lr นายต้องเอาชนะปีศาจที่อยู่ในใจให้ได้นะ ”
เมทาร์ไนท์พูดจบ Tms ก็สงบลงออร่าสีดำค่อยๆสลายไป
Tms กลับคืนร่างเป็น Lr ตามเดิมร่างของเทียยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเขา

“ เทียนี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย ”
Lr คุกเข่าลงกับพื้นเริ่มร่ำไห้อีกครั้ง
......................
........................
..........................

รุ่งอรุณของวันใหม่ค่อยๆขึ้นมาที่เนินแห่งแห่งหนึ่งพวก Lr กำลังยืนอยู่หน้าหลุมศพของเทีย

“ นี่จ้ะพ่อหนุ่มช็อกโกแล็ตของเทียเทียเขาตั้งใจจะให้เธอให้ได้เลยล่ะ ”
พ่อของเทียพูดจบก็ยื่นห่อช็อกโกแล็ตให้ Lr
เมื่อเปิดห่อ ออกมาช็อกโกแล็ต รูปมังกรถือหัวใจช็อกโกแล็ต




“ เทียขอบใจมากนะ ”
Lr พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ


วันต่อมาพวกเขาก็ออกเดินทางต่อไป

“ ลาก่อนนะ เทีย ถึงเธอจะไม่อยู่แล้วฉันก็จะไม่ลืมเธอเลย ”
เสียงพูดของ Lr อ่ออยไปตามสายลม






อ้อเรื่องภาพนั้นน่ะคับมีอยู่ภาพหนึ่งที่ผมเอาของคุณ Sparow มาใช้ในตอนนี้น่ะครับต้องอภัยด้วย
นะคับที่ไม่ได้บอกคงไม่ว่ากันนะรูปนั้นคือรูปช็อกโกแล็ตมังกรน่ะครับ

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #279 on: September 16, 2008, 12:39:26 PM »




บทนี้เขียนไว้ตั้งนานแล้วล่ะครับแต่มันไม่ค่อยสมบรูณ์ ซักเท่าไหร่ถ้าลองอ่านดูแล้วรู้สึกมัน เก้ๆกังก็ขออภัยด้วย
อันที่จริงบทนี้ต้องการสื่อถึงความอบอุ่นของครอบครัว เสมือนจำลองเหตุการณ์ว่า ถ้าหาก ลอว์เรนซ์
ไม่ได้มีชะตาต้องเป็นทาลิวิลย่า ชีวิตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร และเป็นเสมือนบททดสอบสุดท้าย สำหรับตัวเอกของเราเองด้วย
ระหว่างอดีตและอนาคตอย่างใดคือสิ่งที่เขาควรจะเลือก ทั้งการที่จะลืมอดีตเพื่อก้าวไปยังอนาคต หรือ ยึดติดกับอดีตโดยไม่สนอนาคต
ขอเชิญชมบททดสอบสุดท้ายของผู้กล้า ผู้ไขว่คว้าอนาคตได้แล้วครับ


บทพิเศษ ฉลองอวสาน Legend of the Thaliwilya
ตอน ครอบครัว

หลังจากการต่อสู้กับ อวตารด้านลบของพระผู้เป็นเจ้า ที่ทะเลทรายแห่งการสิ้นสุด
และนับเป็นวันที่ กาเร็ท ซาราเบลด เสียชีวิต เวลาได้ผ่านไป  5 เดือนกว่าๆ
อาณาจักรฟีเลเซีย ซึ่งได้รับความเสียหายจากการโจมตีของ พวกมังกรทมิฬ นั้นได้เริ่มการฟื้นฟูมาอย่างต่อเนื่อง

 เช่นกันกับอาณาจักรอื่นๆ ที่ต้องวุ่นวายกับการฟื้นฟูบ้านเมือง โดยอาณาจักรแอนดิซองนั้น
ต้องรื้อฟื้นศาสนสถานขึ้นใหม่หลังจากสงครามกลางเมือง เพื่อตามจับตัวมาสซิลิโอ้ในฐานะกบฏ ซึ่งเป็นแผนของ
อวตารแห่งพระผู้เป็นเจ้า   แม้แต่ฟูดินันที่ แม้จะได้รับการคุ้มครองจากเหล่าเทพพิทักษ์ แต่ทว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ก็สร้างความเสียหายไปไม่น้อย  เนื่องจากเทพเจ้าที่คุ้มครองถูก มุรามาซะโซล ทำลายจนสิ้น พวกเขาจึงต้องรอเวลาที่จะกลับฟื้นคืน

ดังนั้นพลังการฟื้นฟูธรรมาชาติที่ควรจะ ไหลเวียนไปทั่วทั้งผืนดินนี้ จึงได้จางลงไปการฟื้นตัวของธรรมชาติจึงเป็นไปอย่างช้าๆ 

เช่นกันกับด้านซาโลม ที่ อยู่ใกล้กับเขตทะเลทรายแห่งการสิ้นสุด ซึ่งเป็นสนามรบในครั้งนั้น
ผลกระทบจากการต่อสู้ได้ทำให้ สภาพอากาศแปรปรวนและสร้างความเสียหายให้แก่พืชผล
มากมาย


ด้านมิติมังกร นั้นก็ไม่ต่างกัน แม้ว่าพลังของ ศิลามังกร ดราก้อนฮอลลี่ จะช่วยทำให้มิติฟื้นกลับคืนมาแล้ว
 แต่การที่ มิติ ซึ่งเคยแยกจากกันมารวมกันทำให้พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลมากขึ้น การฟื้นฟูและการสำรวจจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะไม่อาจทราบได้ว่า ทรับพยากรที่เคยมีอยู่ได้ถูกย้ายไปอยู่จุดไหนบ้าง

อีกทั้งการที่มังกรดำ ต้องมาอยู่ร่วมสังคมกับมังกร ตัวอื่นจากที่เคยอยู่แยกกันทำให้ ยังมีบางส่วนไม่ยอมรับกัน
ในขณะที่ ดีวายดราก้อน และ เทียแมต ได้พยายามเป็นตัวกลางในการเชื่อมปฏิสัมพันธุ์ กับทั้งสองฝ่าย
ก็ทำให้ความขัดแย้งหายไปในหลายๆเรื่องแต่ทว่า การที่จะให้ยอมีรับซึ่งกันและกัน ในเวลาสั้นๆนั้นก็ยังเป็นไปได้ยาก อยู่ดี  จากปัญหาความขัดแย้งนี้ทำให้ ส่วนทำการของราชการทั้ง สภา โรงเรียน และอื่นๆต้องหยุดไปตามๆกัน

ดังนั้นช่วงนี้การเรียนการสอนของโรงเรียนมังกรจึง ได้หยุดตัวลง เพื่อรอการ แก้ไขสถานการณ์ (อย่างกะบ้านเมืองเราตอนนี้เลยเนอะ)


ณ เนินทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งในมิติมังกร สายลมได้พัดโชยอ่อนๆ ต้นหญ้าเล็กๆลู่ตัวไปตามลม
ใต้แดดยามเช้า ของดวงตะวันในมิติ แห่งนี้ที่ค่อยๆลอยตัวขึ้น สู่ฟากฟ้า
 ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด เด็กชายผู้ถูกเลือกจากศิลามังกรแห่งตำนานให้เป็นทาลิวิลย่า
ด้วยชะตากรรมของเขาที่รับมาทำให้เขาต้องสูญเสียครอบครัวไปจนหมด และถูกดีวายดราก้อนเก็บมาเลี้ยงดู
ก่อนหน้านี้เขาคือผู้ กอบกู้โลกเทอร่า จากสงครามกับอวตารแห่งพระเจ้าที่พึ่งผ่านมาเมื่อไม่นานนี้

เขานอนมองดู ทิวทัศน์ของ หมู่บ้านจากเนินนี้ด้วยสายตา เศร้าสร้อย จากการที่ต้องเสีย กาเร็ท พี่ชาย
อันเป็นที่รักไป ในการต่อสู้ครั้งนั้น  มันยังคงฝังใจเขาอยู่มาตลอดเดือนเต็มๆ ที่ผ่านมา

“ นึกว่าไปไหนที่แท้ก็มาอยู่นี่เอง… ”
เสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ลอว์เรนซ์ จึงแหงนหน้า ไปมอง ลากูน่า กำลังยืนจ้องเขา
อยู่ ก่อนที่เขาจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง ลากูน่า จึงย้ายมานั่งข้างๆเขา

“ นี่ยังคิดเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ ”
ลากูน่าถาม แต่เขาก็ไม่ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้ารับเบาๆเท่านั้น

“ หึ..ชั้นเองก็ไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปบอกให้นายลืมๆมันไปหรอกนะแต่… ”
ลากูน่ากล่าว่กอนจะตัดไปทั้งที่ยังไม่จบประโยค เพราะ นีน่า ได้โผล่มาอยู่ตรงหน้าพวกเขา
โดยไม่รู้ตัวทำให้ทั้งสอง สะดุ้งด้วยความตกใจ  นั่นทำให้เธอ หัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ
ก่อนที่จะหยุดไปเมื่อเห็นว่า ลอว์เรนซ์ นั้นไม่ได้ร่าเริงสดใสขึ้นเธอจึงหยุดและเดินไปนั่งข้างๆเขาอีกคน
 

“ ลอว์เรนซ์ ฉันไม่เข้าใจหรอกนะความรู้สึกที่ต้องเสียพี่ชายไปน่ะแต่นี่มันก็ผ่านมาตั้งนานแล้วนะถ้าเธอเอาแต่เศร้าแบบนี้ก็ไม่ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมาหรอกนะ ”
นีน่า กล่าวโดยหวังว่ามันจะช่วยบรรเทาความเศร้าหมองในใจของเขาได้บ้าง แต่ลอว์เรนซ์ก็ยังคงเงียบอยู่
นีน่า กับ ลากูน่า ทั้งสองจึงไม่กล้ากล่าวอะไรออกมาอีกเพราะ กังวลว่านั่นจะทำให้ ลอว์เรนซ์ รู้สึกแย่ลงกว่าเดิม

ตูมมมมม!

ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น พร้อมกับควันไฟที่ ลอยออกมาจากหมู่บ้านต่อหน้า พวกเขา
นีน่า และ ลากูน่าจึงไม่รอช้ารีบลุกขึ้นวิ่งตรงไปยังหมู่บ้าน โดยมี ลอว์เรนซ์ ที่ยังคงเดินไปอย่างเย็นใจ
ราวกับไม่สนว่าอะไรจะเกิดขึ้น

…………………….
……………………….

ณ ลานกว้างของหมู่บ้านมังกร

ลานกว้างนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ประชุมหารือ ชั่วคราวในระยะที่ทำการฟื้นฟูหมู่บ้าน บัดนี้มันกำลังถูกใช้เป็น
พื้นที่การปะทะของ เหล่ามังกรที่ไม่ลงรอยกัน ระหว่างพวกมังกรดำและมังกรที่เคยอาศัยในมิตินี้
เพราะแต่เดิมมิติของมังกรดำนั้นจะอยู่แยก ไปอีกมิติแต่เมื่อมาอยู่รวมกันทำให้ ทัศนคติของทั้งสองฝ่ายที่
มีต่อกันนั้นแย่ลงไปอีก

“ ข้าทนไม่ไหวแล้ว ถ้าต้องฝืนอยู่กับพวกโสโครกนี่.. ”
มังกรซาลามันเดอร์(Salamundera, The Fire Dragon)คำรามอย่างฉุนเฉียว(ที่ไม่ใส่เป็นเสียงคำรามแล้วแปลเพราะตัวละครในที่นี้ต่างรู้ภาษามังกรกันอย่างถ่องแท้) 



“ นึกว่าข้าอยากจะเห็นหน้าเจ้างั้นรึ ไอ้ตะกวดย่าง อย่างแกน่ะ ”
เสียงคำรามอันแหบแห้งกึกก้อง ราวฟ้าผ่าของมังกรซึ่งมีร่างที่หน้าสะพรึงกลัว
ร่างของมันเป็นโครงกระดูก และ มีสีดำ ลำตัวยาวเฟื้อย และเป็นสีดำ มันคือมังกรฝันร้าย
บิรแกลม(Brilglam, the Dragon of Nightmare) ทั้งสองกำลังโต้เถียงกันอย่างรุนแรงโดยมีเสียงสนับสนุนจาก
ฝูงมังกร ของแต่ละฝ่าย และมี ดีวายดราก้อนและเทียแมต ขั้นกลางอยู่ ระหว่างทั้งสองฝ่าย



“ ท่านนายพลเบิร์น(Burn)ช่วยใจเย็นลงก่อนเถอะครับ ”
ดีวายดราก้อนกล่าวโดยพยายามจะเกลี้ยกล่อม นายพลซาลามันเดอร์ ที่กำลังฉุนเฉียว
โดยมี ไฟร์ หรือนิทินโค ลูกของเขาคอยช่วยเกลี้ยกล่อม

“ คุณพ่อใจเย็นก่อนเถอะครับ เราไม่ควรมาทะเลาะกันนะครับ ”
ไฟร์กล่าว ขอร้องด้วยความผวา

“ พ่อตาใจเย็นๆก่อนเถอะครับในเวลาเช่นนี้เราไม่ควร จะมีเรื่องกันนะครับ ”
เทียแมต กล่าวขอร้องให้ บิรแกลมผู้เป็นพ่อของภรรยาเขา ใจเย็นลง โดยมี ดาร์ค หรือ
นอฟฮอฟ คอยช่วยเกลี้ยกล่อมอยู่ข้างๆ

“ พอเถอะค่ะคุณตาเราไม่ควรจะทำให้เกิดความบาดหมางขึ้นมาอีกนะคะ ”
ดาร์ค กล่าวขอร้อง ทั้งน้ำตา ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้เพื่อนลูกมังกรตัวอื่นต้องแปลกใจเพราะดาร์คที่มีนิสัยสุขุม
เยือกเย็นนั้น กลับร้องขอทั้งน้ำตา

“ นี่แกจะให้พ่อ ถูกไอ้ โฮล (Hole) กับพวกมันหยามเกรียติในฐานะนายพลมังกรงั้นเหรอ ”
ซาลามันเดอร์ เบิร์น ผู้เป็นพ่อตะคอกใส่ไฟร์ ลูกชายของตน จนทำให้ไฟร์ต้องถอยผงะ

“ แบล็ค(Black) แกไม่ต้องมายุ่งวันนี้ถ้าข้าไม่ได้สั่งสอนไอ้ตะกวดปากนี่ล่ะก็ ข้าคงนอนไม่หลับแน่ ”
บริแกลม โฮล ตะคอกใส่ เทียแมต และลูก อย่างแรงก่อนจะ สะบัดพวกเขาจนพ้นออกไป
และพุ่งเข้าใส่ เบิร์น ที่ถูกดีวายดราก้อนสกัดเอาไว้อยู่ ก่อนที่เบิร์นจะผลัก ดีวายดราก้อน ล้มลงไปและเข้าไป
ชนกับ โฮล

“ หยุดเดี๋ยวนี้… ”
สิ้นเสียง ทั้งคู่ก็ถูก อะไรบางอย่างชนจนกระเด็นแยกจากกัน กลับไปหาฝ่ายของตน

“ เจนัส..พวกเรา ”
ไลท์ ซึ่งอยู่ข้างๆ ดีวายดราก้อน ผู้เป็นพ่อ ที่ถูกผลักล้มไปนั้น อุทานขึ้น เมื่อเห็น เจนัส ริคุ
นีน่า และ ลากูน่า เข้ามาห้ามการปะทะขอมังกรเจ้าอารมณ์ทั้งสอง

“ เด็กอย่างพวกแกถอยไปเลยนี่มันเรื่องของผู้ใหญ่ ”
เบิร์นกล่าวอย่างฉุนเฉียวขณะที่ลุกขึ้นมา

“ จะว่าไปแล้ว..พวกแกก็เคยเป็นคนของไอ้พวกที่มาทำลายหมู่บ้านมาก่อนยังจะมีหน้ามาอยู่ที่นี่อีกเรอะ ”
โฮล ตะหวาด ใส่คำพูดของเขาแทงทะลุจิตใจของทั้งสี่ อย่างที่สุดยิ่งไปกว่านั้น เสียงโห่ของ มังกรตัวอื่นๆที่
ตะโกนไล่พวกเขายิ่งเป็นการซ้ำเติมพวกเขาอย่างรุนแรง

“ แต่พวกเขาเคยช่วยพวกเรารบจนจัดการกับ อวตารชั่วร้ายมาแล้วลืมไปแล้วรึไงกัน พวกเขาไม่ใช่พวกมันอีกต่อไปแล้ว ”
ดีวายดราก้อนพยายามจะแก้ต่างแต่ก็ไร้ผล เมื่อเสียงของเขาไม่อาจสู้เสียงตะโกน ของเหล่ามังกรตัวอื่นๆได้
จนในที่ก็เกิดเป็นความวุ่นวาย เมื่อ การโต้เถียงของทั้งสองฝ่ายรุนแรงหนักข้อจนเกิดการวิวาท
ทันใดนั้น ก็มีประกายแสงพุ่งตรงลงมายังหมู่พวกเขาที่ ทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ เพียงพริบตาที่ประกายแสง
พุ่งลงมา พวกเขาก็ถูก ประกายแสงนั้นตรึงร่างไว้

“ หึหึหึ..ข้ากลับมาแล้ว ”
เสียงทีเย็นเฉียบและบาดลึกลงไปถึงขั้วหัวใจ ซึ่งเป็นเสียงที่ เจนัสและพวกกับเหล่าลูกมังกรนั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ทันทีที่พวกเขาหันไปยังต้นเสียง ที่ดังมาจากด้านบน ท้องฟ้าที่สว่างสดใส บัดนี้ได้เกิดหลุมอากาศอันมืดมิด
ขึ้นมันค่อยๆขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ

“ นี่มันหรือว่า.. ”
ดีวายดราก้อนที่เห็นเหตุการณ์ณืตรงหน้าอุทานออกมา เช่นกันเหล่ามังกรทั้งหมดที่เคยไปรบในสงครามกับอวตารแห่งพระเจ้าครั้งนั้น ต่างจำเสียงนั่นได้ อย่างฝังใจ

………………
………………..
……………….

“ นี่มัน…อะไรกัน ”
ลอว์เรนซ์ที่พึ่งจะเดินลงมาถึงหมู่บ้าน เปรยเสียงแผ่วด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็น ความมืดมิดที่ค่อยๆแผ่ขยายปกคลุมท้องฟ้า

“ อัก… ”
ลอว์เรนซ์ สำลัก ก่อนที่จะเอามือกุมหน้าอกซ้าย ด้วยสีหน้าทรมาน ราวกับหายใจไม่ออก
เขารู้สึกแน่นหน้าอก เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นเรื่อยๆ และรัวแรงกว่าทุกครั้ง
จนราวกับจะระเบิดออกมา ไม่นานนักทุกอย่างก็ดับวูบลงไป

…………..
………………
………………..

“ พี่ชาย..ตื่นสิฮะ..พี่ ”
เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้น ท่ามกลางความมืดมิด ก่อนที่ทุกๆอย่างจะค่อยๆปรากฏ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ใบหน้าของเด็กน้อยผมสีทอง ก้มหน้ามองดูเขาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา ก่อนที่เขาจะสะดุ้ง กระแทกตัวขึ้นมา

เด็กน้อยมองเขาด้วยความฉงน ขณะที่ลอว์เรนซ์ มองไปรอบๆเขาอยู่ในสวน ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ
และเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆเขานั้น คือสิ่งที่เขาแปลกใจมากที่สุดเพราะมันคือตัวเขา ที่น่าจะอายุประมาณ 5 ขวบได้

“ เจอตัวแล้วคราวนี้ ตา ลอว์เรนซ์ เป็นคนหานะ ”
เสียงดังขึ้นมาจากพุ่มไม้ด้านหลังพวกเขา ก่อนที่ ครึ่งสมิงเด็กวัยเดียวกับเด็กน้อยคนนี้
จะโผล่ออกมา ซึ่งนั่นก็ทำให้ เขาประหลาดใจยิ่งขึ้น เมื่อสมิงเด็กคนนี้ คือคนที่เขาคุ้นเคย

“ ลากูน่า.. ”
ลอว์เรนซ์ อุทานเมื่อครึ่งสมิงเด็ก ที่โผล่มานี้ เป็นครึ่งสมิงหมาป่า ซึ่งมีหูหมาขนสีเงิน

« Last Edit: September 16, 2008, 12:41:03 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #280 on: September 16, 2008, 12:40:26 PM »

“ พี่ชายเป็นใครกันทำไมรู้ชื่อผมล่ะ.. ”
ลากูน่าวัยเด็ก ถามเขาด้วยความฉงน ตอนนี้ ลอว์เรนซ์ รู้สึกสับสนไปหมดแต่ทว่านั่นยังไม่พอเมื่อ
มีครึ่งสมิงเด็กอีกสามตน กระโดตามเข้ามาจากพุ่มไม้ และแน่นอนว่าทั้งสามนั้นก็เป็นคนคุ้นเคยของเขานั่นเอง

“ เจนัส ริคุ นีน่า ”
ลอว์เรนซ์ อุทานอีกครั้งเมื่อ ทั้งสามตนนั้นคือ เพื่อนของเขาในวัยเด็กทั้งสิ้น ซึ่งเจนัสกับริคุก็ดูอ่อนกว่าตัวเขา
ในตอนนี้ ไป 4 ปี

“ คุณหนูคะ..คุณหนูลอว์เรนซ์อยู่ไหนคะ ”
เสียงตะโกนดังมาจากด้านหลังพุ่มไม้ ก่อนที่เด็กๆจะวิ่งออกไปตรงทะลุพุ่มไม้ไป ลอว์เรนซืนั้นไม่รู้จะทำอย่างไนจึง คลานตามออกไป ทันทีที่ทะลุพุ่มไม้ออกมา อีกด้านนั้นเป็นลานกว้าง ซึ่งเขาจำได้ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แต่ก่อนนั้น สายตาของคนสองคนที่จ้องลงมายังเขานั้น ทำให้เขาหันไปมองก่อนจะต้อง อุทานด้วยความประหลาดใจ ทันทีที่เห็นหญิงชรา กับ หญิงสาววัยกลางคน กำลังถูกพวกเขาในวัยเด็กรุมล้อม

“ เซโก้..แล้วก็คุณแม่ ”
ลอว์เรนซ์ อุทานเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้านั้น ไม่ใช่ใครอื่นหญิงชราที่อยู่ตรงหน้านั้นเขาเคยเห็นในความทรงจำที่รับ
มาจากมุรามาซะโซล เซโก้หรือยายของนีน่า และที่อยู่ข้างๆนั้น ก็ไม่ใช่ใครอื่น ซาเรียแม่ของเขานั่นเอง

“ นี่เธอเป็นใครน่ะ เข้ามาได้ยังไง ”
เซโก้ กล่าวถามด้วยท่าทีเอาเรื่อง แต่ซาเรียก็ปรามไว้ ก่อนจะส่ง ลอว์เรนซ์ในวัยเด็กให้
นางอุ้มไป

“ เซโก้พาเด็กๆเข้าไปในบ้านก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป ”
ซาเรียกล่าว แม้จะไม่อยากแต่ เซโก้ก็ยอมทำตามนางพา เด็กๆเดินตรงไปยังคฤหาสน์ที่ อยู่ลึกเข้าไป
ทันทีที่ ได้เห็นสภาพรอบๆภายในสวนนี้ เขาก็จำได้ทันทีว่านี่คือ ภายในคฤหาสน์ของ ซาราเบลด
ที่เขาเคย มาดูกับพี่ชายก่อนจะ เกิดเรื่องเกรเกอรี่ทรยศ  นั่นเอง แต่ตอนนี้มันยังอยู่ในสภาพที่สมบรูณไม่บุปสลาย


“ ตามมาสิจ้ะ ”
ซาเรียกล่าวก่อนจะออกเดินนำไป แม้จะยังไม่เข้าใจ แต่ลอว์เรนซ์ก็ยอมตามไปแต่โดยดี
พวกเขาเดินตรงไปยัง สวนซึ่งใกล้กับแปลงดอกไม้ ที่นั่น ตัวพวกเขาในวัยเด็กกำลัง
วิ่งเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนาน โดยคราวนี้มี เด็กชสยที่อายุคราวเดียวกับเขาในตอนนี้

และอีกคนที่ดูโตกว่า ซึ่งก็อีกเช่นเคย ทั้งสองคนนั้น คือ กาเร็ทพี่ชายของเขา และ กาเทีย
ลูกพี่ลูกน้องของนีน่า ยิ่งไปกว่านั้น ครึ่งสมิงสามีภรรยา ซึ่งก็คือมาฮาและ ราซานี
ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของเจนัส กับ ลากูน่า ที่ข้างๆเซโก้นั้น ชายวัยกลางคนอีกคนกำลัง
สนทนากับนาง ซึ่งเขาก็คือ อิเดีย พ่อของเขานั่นเอง พวกเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ที่วางล้อมโต็ะกลางแจ้ง

“ นี่เราย้อนกลับมาในอดีตงั้นเหรอ ”
ลอว์เรนซ์คิด ทว่าภาพความทรงจำของกองเพลิงที่ลุกไหม้
และเสียกรีดร้องกับน้ำตาแห่งความขมขื่นที่ประเดดัง ขึ้นมานั้นทำให้เขาฉุกคิด

“ ไม่ใช่..นี่ไม่ใช่อดีต ถ้านี่คือความจริงทุกคนคงจะไม่ได้มาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างนี้แน่
ใช่แล้วถ้าว่ากันตามจริงตอนนี้เจนัส ลากูน่า ริคุ นีน่า จะต้องฝึกอยู่กับเซอร์เซสและเป็นเทพขุนพลสิ
แล้วก็พี่กาเร็ท จะต้องอยู่กับเทียแมต ส่วนเราก็จะ… ”
ลอว์เรซ์คิดก่อนจะหยุดชะงักเมื่อมาถึงตรงนี้เพราะนี่คือส่วนที่เขาไม่อยากขะรื้อฟื้นขึ้นมา
ที่สุด มันคือความทรงจำวันที่เขาต้องสูญเสียทุกอย่างไป แต่แล้วซาเรีย ผู้เป็นแม่ก็ กวักมือเรียกเขาเข้าไป

ลอว์เรนซ์ยอมเดินเข้าไปแต่โดยดี  ทุกคนต่างจับจ้องสายตามาที่เขาด้วยความสนใจ

“ แม่ฮะพี่เค้าเป็นใครเหรอฮะ ”
ลอว์เรนซ์ในวัยเด็กกล่าวถามด้วยความอยากรู้

“ อ๋อพี่เค้าเป็นลูกชายของเพื่อนแม่น่ะจ้ะ…เนอะ ”
ซาเรีย กล่าวก่อนจะหันมาขยิบตาเป็นเชิงให้เขาซึ่งเขาก็รีบ รับคำทันที

“ งั้นเหรอเธอชื่ออะไรล่ะ ”
อิเดียหันมาถาม

“ ลอ..ทา..ทาลิวิลย่า ”
ลอว์เรนซ์กล่าวก่อนจะชะงักแล้วเปลี่ยนคำพูด เพราะนึกขึ้นได้ว่าหากเขาบอกชื่อตัวเองไป
อาจจะไม่เหมาะเพราะตอนนี้ก็มีตัวเขา อีกคนอยู่ตรงหน้าแล้ว จึงได้พยายามจะหาชื่ออื่น และในตอนนั้นเขาก็เผลอหลุดคำว่า ทาลิวิลย่า ออกไปโดยไม่รู้ตัว

“ ทาลิ..วิลย่าเหรอ ”
อิเดียทวนคำ อย่างช้าๆชัดๆ ก่อนที่ ทุกคนจะหัวเราะเป็นเสียงเดียวกัน

“ ฮะฮะฮะ..นี่แสดงว่าพ่อแม่ของเธอคงอยากจะให้เธอยอดนักรบเลยล่ะสิถึงได้ตั้งชื่อของ
อัศวินมังกรแห่งตำนานให้ ”
มาฮา กล่าวไปหัวเราะ ขณะที่พวกเด็กๆนั้นได้แต่เอียงคอ ด้วยความฉงน
ลอว์เรนซ์ ต้องหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในความเผอเรอของเขา

“ เอาล่ะๆ พอได้แล้วเห็นไหมเขาอายหมดแล้วเนี่ย ”
ซาเรีย กล่าวปรามพวกเขา

“ ฮะฮะ..โทษทีนะหัวเราะมากไปหน่อย ”
เซโก้ กล่าวอย่างขบขัน 

“ เอาล่ะนั่งก่อนสิจะได้เล่าเรื่องของเธอด้วย ”
อิเดียกล่าวจบ ก็ให้ผายมือไปยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ ซึ่งเขาก็ ยอมไปนั่งแต่โดยดี
ก่อนที่พวกเขาจะคุยกันไปเรื่อยๆ ถึงเรื่องราวต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงชีวิตอันสงบสุข
นี้ บรรยากาศของครอบครัวที่แสนอบอุ่นนั้นเหมือนฝันนี้ ทำให้เขาย้อนมองตัวเอง

หากเขาไม่ต้องถูกเลือกให้เป็นอวตารแห่งทาลิวิลย่า เขาก็ไม่ต้องพบกับโศกนาฏกรรม
และพวกเจนัส ก็จะได้อยู่กับครอบครัวอย่างสุขสงบ ไม่ต้องถูกฝึกฝนอย่างหนัก หรือมือเปื้อนเลือด
ของใครอีกหลายๆคน และคงจะได้ใช้ชีวิตครอบครัวที่แสน อบอุ่นนี้ อยู่อย่างผาสุข
และไม่ต้องเกิดตัวเขาในตอนนี้ขึ้นมา ความคิดที่ว่าถ้าเขาหายไปซะก็คงจะดี
หากไม่มีตัวเขาในตอนนี้ ตัวเขาที่อยู่ตรงหน้านี้ก็จะได้ไม่ต้องเป็นเพียงแค่ฝัน

ตอนนี้ ที่โต็ะเหลือเพียงแค่เขากับซาเรีย เท่านั้น ขณะที่ทุกคนกำลัง
เล่นและพูดคุยด้วยกันอย่างสนุกสนาน ที่สวน

“ ทำไมถึงบอกพวกเขาไปอย่างนั้นล่ะครับ ทั้งที่คุณยังไม่เคยเจอผมเลย ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวถามด้วยความอยากรู้ที่ ซาเรีย ช่วยแก้ต่างให้เขาตอนที่ถูกถามว่าเป็นใคร

“ แหมอย่าพูดอย่างนั้นสิจ้ะคนอื่นคนไกลที่ไหนกัน ก็ลอว์เรนซ์น่ะเป็นลูกของแม่นี่จ้ะ ”
ซาเรีย กล่าวพร้อมกับหันมายิ้มให้

“ รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่หรือครับ ”
ลอว์เรนซ์ ถามด้วยน้ำเเสียงแผ่วเบา

“ แน่สิจ้ะ..ก็ตอนนั้นเธอพูดออกมาเองนี่ว่า คุณแม่ น่ะถึงจะไม่มีใครรู้แต่แม่ก็พอจะเดาได้ว่าลูกก็คือลูกในอนาคตสินะ ”
ซาเรีย กล่าวพร้อมกับลุกไปหาเขา และโอบเขาไว้ด้วยความเอ็นดู

“ แม่ครับ.. ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวเสียงสั่นน้ำตาคลอเบ้า ด้วยความตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะซบลงที่ตรงตักของผู้เป็นแม่

“ พักให้สบายเถอะนะ ที่แล้วมาลูกผ่านอะไรต่างๆมามากมาย.. ”
ซาเรียกล่าวขณะที่ลูบหัวเขาเบาๆด้วยความเอ็นดู

“ ผมรู้..ว่านี่ไม่ใช่ความจริง..เพราะตอนนี้ คุณแม่ คุณพ่อ และทุกๆคนคง.. ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวสะอึกสะอื้น น้ำตาอาบแก้ม นางยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขา

“ ลอว์เรนซ์ ลูกพักให้สบายเถอะจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้แต่ลูกจะต้องกลับไป..กลับไปยัง
ที่ๆลูกควรจะอยู่ ”
ซาเรียกล่าว

“ ขอผมอยู่ต่อไปอีกซักพักนะครับ ”
ลอว์เรนซ์กล่าว

“ ปล่อยออกมาให้หมดเลยนะ ความอัดอั้นตลอด หลายปีที่ผ่านมาแม่
จะรับมันไว้เอง..ไม่ต้องห่วงแม่จะอยู่กับลูกตลอดไป ”
สิ้นคำ  บรรยากาศรอบๆของทั้งคู่ก็หยุดนิ่งลง ราวกับว่าเวลาได้หยุดเดิน

มีเพียงวเลาของพวกเขาทั้งคู่เท่านั้นที่ยังคงเดินอยู่ ลอว์เรนซ์ได้ปลดปล่อยความรู้สึกตลอดหลายปีที่ผฟ่านมาออกมาจนสิ้น ทั้งความอัดอั้นตันใจ ความขมขื่นและความโศกเศร้าที่เขาเก็บเอาไว้

“ ได้เวลา..ที่ผมต้องไปแล้ว.. ”
ลอว์เรนซ์กล่าวขณะที่ยกหัวออกจากตักของแม่ พร้อมกับเอาแขนปาดน้ำตาทิ้งไป
ทันใดนั้นเวลาก็ได้เดินอีกครั้ง แต่คราวนี้สภาพของทุกคนเปลี่ยนไป กาเร็ท เจนัส นีน่า ลากูน่า
ริคุ  กาเทีย ทุกคนได้เติบโตขึ้น กลับมาเป็นสภาพที่เขารู้จักทั้งหมด

“ พวกเรา.. ”
ลอว์เรนซ์กล่าวขณะที่หันไป มอง ตัวเขาในวัยเด็กได้ เดินเข้ามาหาเขา

“ สิ่งที่นายเห็นมานั้นคือ ภาพจากจิตใจของนาย ที่แสดงออกมา ความต้องการที่จะ
อยู่อย่างสงบสุขแต่ว่าลึกๆแล้ว นายก็ไม่ได้จงเกลียดจงชังในชะตาที่รับมาสินะเพราะมันทำให้นายได้
พบกับผู้คนมากมาย ได้เจอเพื่อนพ้อง และครอบครัวใหม่ นี่เป็นชีวิตของนาย จงลิขิตมันด้วยตัวนายเองเถอะ  ”
 ตัวเขาในวัยเด็กกล่าวจบ ก็สลายกลายเป็นแสง และรวมตัวกันเป็นประตู ลอว์เรนซ์หันกลับไปมอง ทุกๆคน

“ นี่คือครอบครัวของ ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด แต่สำหรับตัวผมในตอนนี้ผมไม่ใช่ซาราเบลดอีกแล้ว
ตอนนี้ครอบครัวที่แท้จริงของผมนั้นคือพวกเขา ”
สิ้นคำ เหล่ามังกรทั้งหลายก็ได้ปรากฏตัวขึ้น ท่ามกลางวังวนแห่งจิตใจที่สับสนนี้

“  ไม่สิถ้าจะพูดให้ถูกทุกคนที่อยู่ที่นี่คือครอบครัวเดียวกัน ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบ ประตูแสงที่ร่างของเขาในวัยเด็กก็ได้ เปิดออกก่อนที่ทุกๆอย่างจะแตกสลายลง
ภาพที่แท้จริงได้ปรากฏต่อหน้า ความมืดมิดที่ ปกคลุมไปทั่วทั้งมิติ

“ ได้สติซะทีนะ ”
เสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังก่อนที่เขาจะหันไป กาเทีย ยืนอยู่ข้างหลังเขาพร้อมกับ กรีแวร์(อดีต 12 เทพขุนศึกที่ถูกช่วยออกมา ตอนปราการลอยฟ้าถล่ม ยังจำได้เปล่า) 

“ หลุดออกมาได้งั้นรึสมแล้วที่เป็นเจ้า ”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น พร้อมกับที่ความมืดทั่วทั้งท้องฟ้าได้รวมตัวกัน และก่อร่างขึ้นเป็น มังกรที่อกของมันมีสัญลักษณ์แห่งการเวลาอยู่ ร่างเกิดจากความมืดมิดอันเวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุด

“ แก..อวตารแห่งพระผู้เป็นเจ้า…นี่มันหมายความว่ายังไงกันกาเทีย ”
ลอว์เรนซ์ เปรยเสียงเรียบ เมื่อบัดนี้ ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดได้มาอยู่ต่อหน้าเขาอีกครั้ง

“ ตอนที่ชั้นกับกรีแวร์เข้ามาที่มิติมันก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว เราสองคนเห็น นายยืนนิ่งค้างอยู่นี่แหล่ะก็เลย
จะเข้าไปเรียกแต่ก็ถูกกำแพงอะไรซักอย่างที่มองไม่เห็นขวางเอาไว้ก็เลยเข้าไปไม่ได้น่ะสิ ”
กาเทีย อธิบายถึงสภาพการณ์ที่เกิดขึ้น

“ อีกอย่างตอนนี้ทุกคนก็ถูกมันจับตัวเอาไว้หมดแล้วด้วย ”
กรีแวร์กล่าว พร้อมกับชี้ไปยัง พวกเจนัส และ เหล่ามังกรทั้งหมด ที่ถูกประกายแสงตรึงร่างเอาไว้

“ ข้าเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่า ควาไม่ลงรอยที่เกิดขึ้นในมิติแห่งนี้จะทำให้เกิดพลังงานด้านลบมากขนาดนี้
จนข้าสามารถฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง ถึงจะไม่มีพลังอำนาจเทียบเท่ามหาจุติก็เถอะแต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ”
อวตารแห่งพระเจ้าตรัส

“ แต่ชั้นว่าไม่นะ ถ้าระดับแกที่ไม่มีพลังมหาจุติล่ะกชั้นจัดการได้อยู่แล้ว ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น

“ น่าขัน อย่ามาทำอวดดีไปหน่อยเลย ศิลามังกรก็ไม่มี แล้วเจ้าจะสู้ยังไง ”
อวตารแห่งพระเจ้า ตรัสจบก็ ยิงแสงสีรุ้ง ออกมาจาก ร่างอันมืดมิด

“ คำพูดของพี่ชั้นเข้าใจมันแล้ว ไม่เกี่ยวว่าชั้นจะเคยเป็นใครหรืออะไรแม้จะเป็นซาราเบลดคนสุดท้ายก็
ไม่สำคัญเพราะชั้นก็คือชั้น แม้ฟ้าจะลิขิตชะตาอย่างไร ชั้นคือผู้เลือกเดิน และตอนนี้ชั้นจะก้าวข้ามมันอีกครั้ง
อนาคตชั้นเป็นคนเลือก ”
ลอว์เรนซ์คิด ก่อนที่ร่างของเขาจะเปล่งแสงสีทอง ทันทีที่แสงสีรุ้งระเบิดลงมายังร่างของเขา
แสงจากแรงระเบิดก็เจิดจ้าๆไปทั่ว ก่อนจะจางลง ทว่า ร่างของลอว์เรนซที่ควรจะแหลกไปแล้วกลับยังยืนอยู่
โดยที่ ศิลามังกรได้ลอยตัวอยู่ตรงหน้าเขา

“ บ..บ้าน่าก็ศิลามังกรโดนทำลายไปแล้วนี่แล้วทำไม ”
อวตารแห่งพระเจ้า ตรัสด้วยความตกพระทัยที่ศิลามังกรในตำนานได้ปรากฏขึ้นอีกครา
ลอว์เรนซ์คว้ามันไว้

“ ไม่ใช่หรอกนี่ไม่ใช่ศิลามังกรแห่งทาลิวิลย่า อย่างที่แกเข้าใจนี่เป็นพลังแห่งจิตใจ ที่ชั้นรับมาจากทุกคน
และแปรเปลี่ยนออกมาในรูปของศิลา จงดูซะให้เต็มตาก่อนที่วาระสุดท้ายของแกจะมาเยือน ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบ ศิลาก็ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงและเผาผลาญร่างของเขา จนลุกไหม้ ก่อนที่ร่างของเขาซึ่ง
เปลี่ยนแปลงไปได้ฝ่าออกมาจากกองเพลิง บัดนี้ร่างของ ลอว์เรนซ์ ได้เปลี่ยนรูปไปเป็นมนุษย์มังกร ซึ่งมีร่าง
ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง

“ นักสู้มังกรนามข้าคือ เอคนอไมเต้(Aegnormaite, the Drake Fighter)  ”
สิ้นคำ มนุษย์มังกรตนนั้นก็พุ่งเข้าหาร่างอันมืดมิดของอวตารแห่งพระเจ้า
ทันทีที่ ความมืดมิดดูดกลืนร่างของ เอคนอไมเต้ เข้าไปไฟก็ได้ลุกโชน เผาผลาญร่าง อันมืดมิดจน
เป็นธุรี อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีโอกาสให้ อวตารแห่งพระเจ้าได้ ตรัสกล่าวอะไรออกมาเลย



……………
…………….

“ เอาล่ะจับมือกันซะ ” 
สิ้นคำของ ลอว์เรนซ์ เบิร์น และ โฮล ก็เดินเข้าหากัน แต่ทันทีที่ทั้งคู่สบตากัน ก็เมินใส่กันทั้งคู่

“ นี่คงต้องให้ออกแรงใช่มั้ย ”
ลอว์เรนซ์กล่าวขณะที่ หักนิ้วมือตัวเองดังกรอกแกรก ทำให้ทั้งสอวต้องเข้าไปกอดกันด้วยความผวาจนลืมตัว
ต่อหน้าต่อตา สาธารณมังกรทั้งหมดที่เป็นสักขีพยาน

“ ร…เราจะไม่ทะเลาะกันอีกแล้วจ้า…สัญญาจ้า.. ”
ทั้งคู่กล่าวด้วยความผวาอย่างที่สุด

“ แล้วก็เรื่องของพวกเจนัสถ้าพวกเขาจะอยู่ จะมีปัญหาอะไรไหม ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวถามด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม เพื่อข่มขู่ทั้งสองที่เป็นต้นเหตุ
ให้เกิดความแตกแยกเสียจน อวตารแห่งพระเจ้าฟื้นคืนชีพ

“ ม….ไม่มีปัญหาจ้าปล่อนเราไปเถอะน้าาา ”
มังกรเจ้าอารมณ์ทั้งสองที่ เคยทำเป็นอวดเบ่ง บัดนี้กลับกลัว ลอว์เรนซ์ เสียจนขึ้นสมอง
เพราะหลังจากที่ จัดการกับอวตารแห่งพระเจ้าลงได้ ลอว์เรนซ์ก็ได้ใช้ร่างของ เอคนอไมเต้ ซัด
ถล่มภูเขาทั้งลูก แสดงเป็นขวัญตา จนทั้งต้องประจักษ์

“ ถ้าเข้าใจก็ดีแล้ว.. ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบก็เดินเข้าพาพวกเจนัส ที่สะบักสะบอม กลับไปยังบ้านของดีวายดราก้อน

“ ว่าแต่นายเถอะไปเจออะไรมารึไงถึงได้หายซึมแล้วน่ะ ”
เจนัสถาม ด้วยความสงสัย

“ ก็นิดหน่อยนะ ”
ลอว์เรนซ์ตอบพร้อมกับยิ้มอมความนัยนิด

“ แล้วสองตัวนั่นปล่อยไว้ยังงั้นจะดีเหรอ ”
ริคุ ถามไฟร์และ ดาร์ค ถึงเรื่องของ พ่อและตา ของพวกเขา

“ ปล่อยไปเถอะไม่งั้นคงไม่รู้จักเข็ด ”
ไฟร์และดาร์คกล่าวด้วยน้ำเสียงสมน้ำหน้า

“ จากนี้ไปผมจะไม่ยึดติดกับอดีตอีกแล้วแต่ผมก็จะไม่ทิ้งไปผมจะก้าวไปยังอนาคตพร้อมกับอดีตนี่ล่ะ ”
ลอว์เรนซ์คิดขณะที่อาทิตย์อัสดงของมิติมังกรนั้นเฉิดฉายอยู่เหนือฟ้า……
Logged


VanilaChoco
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 350


Email
« Reply #281 on: March 01, 2009, 01:47:02 AM »

Quote
ส่วนเซโร่น่ะเอามาจากเรื่อง mamotte lollipop ใช่ม้า       555+



ถุ....ถุ...ถุ..ถูกต้องนะคร้าบ ที่จริงตัวอื่นๆก็ด้วย ไม่ว่าจะ เจนัส ลากูน่า เรโค ่เซโร ่นีน่า Lr หรือแม้แต่Riku
ก็ล้วนแล้วแต่เอามาจากอนิเมะทั้งนั้น ครับแต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยรู้หรอกว่าเรื่องอะไรเพราะกด Google เข้าไปดู
ที่จำได้ก็มี Lr มาจาก เรื่อง Erementar Gerad เรโค่  มาจาก Rozen Maiden  ส่วนเซโร่นี่จนปัญญาจริงๆเลยหาไปๆมาๆ

ก็ถึงถึงเรื่องนี้เลย เพราะไหนๆก็มีนีน่าแล้วเซโร่แล้วงั้นเซโร่เอาจาก Mamotte Lolipop เลยละกัน ไม่แน่ต่อไปอาจจะมี
อิจิอิมาอีกคนก็ได้นะครับเอหรือว่าอาจมีฟอเต้ซัน ยาคุโม่ คิระ L ลุค บลาาาาา ขืนทำอย่างนั้น
เรื่องนี้มั่วแน่คงไม่มีมากกว่านี้แล้วล่ะครับ ว่าแต่ดูด้วยเหรอเนี่ยนึกว่าคนดูน้อยแล้วนาเรื่อง mamotte lolipop เนี่ย
ชอบมากเลย เสียดายอนิเมะ 13 ตอนจบไม่มีภาคต่อฮือๆๆ

ขอแสดงความยินดีด้วยคร้าบ   เรื่อง mamotte lollipop กลับมาฉายที่ ubc - true spark อีกครั้ง ณ วันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 17.00 น. ส่วนจันทร์-ศุกร์ก็ www.truevisionstv.com คร้าบ (ไม่ค่อยแน่ใจเวลา 

ผมชอบเรื่องนี้มาเล่นอะ  Mamotte! Lollipop อะ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #282 on: March 01, 2009, 02:34:03 AM »

โอ้วไปขุดจากหน้าไหนนั่น โฮะๆๆ สำหรับผมแล้ว mamotte lollipop เนี่ยเป็นเรื่องที่สนุกมากครับแต่น่าเสียดาย อนิเม มีน้อยตอนไปหน่อยแถมเอาภาค 1 กับภาคสอง ของหนังสือมาปนๆกันนิดตรงที่ว่า

ซึระ(ไอ้ตัวมาสคอท ที่บินไปบินมาน่ะ) นั้นเป็นสัตว์รับใช้ที่ ซีโร่ ซื้อมาแทน เพิล(ในอนิเมคือตัวที่นีน่า ฟักออกมาจากคริสตัลเพิล ในตอนอวสาน) ที่เอามาใช้ในภาคแรก เพราะว่าภาคแรกเพิลเป็นสัตว์รับใช้ของ

ซาราซ่า(พี่สาม อิจิอิ (พี่ไม่แท้ อ้อในหนังสือการ์ตูนเขาเรียกอิจิอิ ว่าอิชชี่)) ที่ฝากให้มาดูแลเซโร่กับ อิจิอิ แต่ในอนิเมเปลี่ยนเป็นซึระแทน และให้เพิลเป็นสัตว์รับใช้ของนีน่า ในตอนที่ฟักมันออกมา

แหมคุยเพลินเลยเรา ว่าแต่ นิยายเรื่องนี้ยังมีคนอ่านอีกเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อยังดีที่มีคนเห็นค่า

ที่จริงตอนแรกคิดชื่อให้ ครึ่งสมิงสาวไม่ออก ก็เลยเอาชื่อนีน่า มาใช้ จากนั้นไปๆมาๆก็เลยอยากได้ตัวละครเพิ่มเลยไปเอา เซโร่มาไปๆมาๆเลยเอา อิจิอิ มาด้วย แล้วเปลี่ยนชื่อนิดหน่อยเป็น อิจิกิ
เพื่อความเนียนเหอๆ
Logged


Pages: 1 ... 8 9 [10]  All
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.163 seconds with 20 queries.