Summoner Master Forum
April 27, 2024, 05:06:27 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: 1 2 [All]
  Print  
Author Topic: [Fic] Elvin , The Pegasus Knight Chapter : 19  (Read 21386 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« on: April 18, 2008, 07:06:26 PM »

Chapter : 1  กำเนิดเอลวิน

ณ เมือง วอลเนีย
"เร็วๆเข้า เราไม่มีเวลาแล้ว รีบนำพลเรือนทุกคน เข้า สู่วิหารเทพฟรานเชสก้า" เหล่าบิช็อปและนักบวช เดินนำหน้า เหล่าพลเรือน โดยมีทหารคุมหลัง

"ตึกๆๆๆๆ"เสียงเดินจากด้านหลัง "นั่นเสียงอะไร" ทหารคนหนึ่งตะโกน อาร์คบิช็อป เกรกอรี่ หันไป " ทุกคนรีบ เข้าวิหารให้เร็วที่สุดอีก 200 เมตร " ทุกคนก็รีบวิ่ง ทหารซาโลมมากมายบุกตามหลังมา ส่วนใหญ่จะเป็นทหารที่มีมือขนาดใหญ่ [Zalom Headman]

พลเรือนส่วนใหญ่จะเข้าไปในวิหารได้ แต่มีอยู่หญิงคนหนึ่ง ปวดท้องใกล้คลอด " โอ้ย ช่วยข้าด้วย ข้าปวดท้องเหลือเกิน" อยู่นอกวิหาร เธออยู่ห่างจากประตูวิหารเพียง 30 เมตร แต่ เหล่าทหารซาโมลตามเข้ามาติด
เกรกอรี่ เห็นแต่จะสั่งการทหารก็คงไม่ได้ เพราะเหล่าทหารอิดโรยมาก

"เจสสิก้า วิคตอเรีย ข้าต้องการให้พวกท่านช่วยแล้ว"เกรกอรี่ พูด แล้วนางฟ้าสององค์ ปรากฏกายขึ้น "ค่ะ นายท่าน"เธอทั้งสองพูดพร้อมกัน "พวกท่านทั้งสอง ช่วยไปรับหญิงนางนั้นเข้ามาใน วิหาร เธอกำลังมีท้อง ต้องลำบากพวกท่านแล้ว"

เมื่อพูดจบ แสงสีแดง และสีขาวพุ่ง ไปจากหน้าเกรกอรี่ ไปอย่างไว แสงสีแดงก็ไปปรากฏกายขึ้นต่อหน้าทหารซาโลม คือ เจสสิก้านั่นเอง "Caclestis Vires" เธอกวาดดาบออกมาเป็นแสงสีแดงผลัก ทหารซาโลมกระเด็นออกไป

แสงสีขาวปัดลูกธนูที่ยิงมาสู่หญิงท้อง ส่วนแสงสีขาวที่กล่าวนั่นคือ วิคตอเรียไปรับ ตัวหญิงที่ท้อง วิคตอเรีย อุ้มเธอ มาอยู่ต่อเกรกอรี่ และเจสสิก้าก็ตามมา
"ขอบคุณ นางฟ้าทั้งสอง มีใคร แถวนี้ทำคลอดเป็นบ้าง"เกรกอรี่ตะโกนถาม แต่ก็ไม่มีคนตอบแม่แต่คนเดียว

แสงสีขาวก็ปรากฏกายขึ้นเป็นนางฟ้า แต่ไม่ใช่วิคตอเรีย เธอจะดูเด็กกว่า นางฟ้าทั้งสองที่กล่าวถึง "นายท่าย ข้าทำคลอดได้" เกรกอรี่พูด "ต้องลำบากท่านอีกแล้ว นางฟ้า กาเบรียล่า"

ผ่านไป ครึ่งชั่วโมง กาเบรียล่า ก็ทำคลอดออกมาได้ "ท่านได้ลูกผู้ชายนะ"แม่ของเด็กในท้องร้องไห้ด้วยความดีอกดีใจ แต่ที่น่าสังเกต เด็กผู้ชายคนนี้มีปานตรงคอรูปม้าเปกาซัส
"ใครคือพ่อของเด็ก"เกรกอรี่ถาม "พ่อของเด็กคนนี้ตายเมื่อเดือนก่อนที่หน้าประตูเมืองวอลเนีย เขาเป็นทหารม้าเปกาซัส"เธอกล่าว
"เสียใจด้วยนะ ข้าว่า เจ้าควรรีบตั้งชื่อให้เด็กคนนี้ก่อนเลย"เกรกอรี่พูด "เอลวิน แล้วกันค่ะ ท่านบิชอป"แม่ของเด็กพูด

"ตึงๆๆๆๆ"เสียงประตูวิหารดังขึ้น "พวกมันมากันแล้ว" "ทำยังไงดี" ประตูก็เปิดออกมา เหล่าทหารซาโลม เต็มไปหมด พวกเขาเข้ามาฆ่าคนข้างใน เกรกอรี่ก็พาพลเรือนวิ่งขึ้นไปยังบนยอดของวิหาร เหล่าพลเรือนก็ตายบ้างที่ละนิดทีล่ะหน่อย

เมื่อถึงยอดของวิหาร
"ท่านบิชอป"แม่ของเอลวินพูด "มีอะไรเหรอ"เกรกอรี่หันมาเป็นรูปแสงสีขาวจากปานที่อยู่ตรงคอเด็กเอลวิน
เกรกอรี่อึ้งไปชั่วคราว
"ฮี้ๆๆ " เสียงก้องจากบนฟ้า เกรกอรี่มองขึ้นไปยังพระจันทร์เห็น ม้าเปกาซัสบดบังแสงพระจันทร์ "Ether Strike"เสียงผู้หญิงตะโกนเสียง จากบนฟ้า ม้าเปกาซัสและหอกของเธอพุ่งโฉบลงมา แสงจากปลายหอกที่เธอถือเป็นสีน้ำเงิน พุ่งเข้าชนเหล่าทหารซาโลม หลายร้อยนายกระเด็นตกจากยอดวิหาร หมด

"ท่านโรน่านี่เอง"
« Last Edit: January 02, 2009, 02:51:16 AM by ArtiizZŽ » Logged


Simone, Deliver Band Alchemist
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 725


Email
« Reply #1 on: May 31, 2008, 12:45:19 AM »

แต่งนับว่า โอเคแล้วครับ
แต่ระวังเรื่องจุดผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ด้วยครับ อย่าง พิมพ์ผิด หรือตกหล่น ฮะ

ว่าแต่
Jessica กับ Victoria เป็นเทวดาองค์รักษ์ มิใช่ข้ารับใช้นิครับ 

พยายามเข้านะครับ
^^"
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #2 on: June 14, 2008, 03:45:34 PM »

ไม่แต่งต่อแล้วเหรอครับกำลังหนุก
Logged


Lord_Jack
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 309


Email
« Reply #3 on: June 14, 2008, 04:00:18 PM »

หนุกครับ
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #4 on: June 14, 2008, 04:05:55 PM »

แต่งต่อให้ได้นะครับ น่าสนุกด้วย

^^"

สู้ๆๆๆๆๆ
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #5 on: June 28, 2008, 02:13:05 PM »

ขอโทษด้วยครับ

ยังแต่งต่อไม่ได้ ติดกีฬาสี
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #6 on: July 22, 2008, 04:23:50 AM »

Chapter : 2  ฝันร้าย

"ท่าน เกรกอรี่ กองพันทหารเปกาซัสมาช่วยท่านแล้ว ซักประมาณ 10-20 นาที รถม้าเปกาซัส <Pegasus Chariot>จะมา อดทนรออีกสักหน่อย " แม่ทัพโรน่าพูดกับ เกรเกอรี่
"เย้ เรารอดแล้ว"เหล่าทหาร ชาวบ้านต่างดีอกดีใจ
"ขอบคุณท่านมาก ท่านโรน่า ถ้าเราไม่ได้ท่านพวกเราคงแย่แน่ๆ"เกรกอรี่พูดอย่างช้า แล้วก็ยิ้มออกมา

15 นาทีต่อมา
รถม้าเปกาซัสก็มา ชาวบ้าน-กรกอรี่ก็ต่างดีอกดีใจ ตอนนี้เองทหารซาโลมก็มีจำนวนลดน้อยลงไปมาก
"พวกเจ้าจงรีบไป ข้าจะอยู่กันให้พวกเจ้าต่อไป รีบๆไป เร็วๆ สิ"โรน่าเร่งทุกคน
"ต๊อก แต๊ก ๆ" เป็นเสียงคนเดินช้าๆขึ้นมาจาก บันไดวิหาร ฟรานเชสก้า โรน่าเองก็เห็นเงาเป็น แสงออร่าสีม่วงน้ำเงินดูน่ากลัวมากๆ

"พวกแก!!!! ตาย"เจ้าของเงาตะโกนเสียงดังพร้อมกับ ถือเคียวที่ยาวถึง 2 เมตร พุ่งเข้ามาที่โรน่า ซึ่งขี่ม้าอยู่ ม้าก็เกิดอาการล้าลงในทันใด จนล้มลงตายเมื่อ เจ้าของเคียวเข้ามาใกล้ๆ โรน่าอึ้งแล้ว ชักดาบออกมา ฟาดฟันกับเจ้าของเคียวคนนั้น

"แกเป็นใคร"โรน่ายกดาบกันเคียวพร้อมพูดไปด้วย "ข้าคือแม่ทัพ ราโชยู แห่งซาโลม"ฝ่ายตรงข้ามตอบ พร้อมกับโจมตีไม่หยุด

ระหว่างทั้งสองคนสู้กันอยู่ เหล่ารถม้าเปกาซัสก็ออกเดินทางตามคำสั่งของโรน่า แต่บนท้องฟ้าตอนกลางยืนช่างมืดมิด
"ขามา ฟ้ามันไม่มืดขนาดนี้นี่นา"ทหารม้าปีกไฟ ซึ่งคุมอยู่ขบวนหน้ารถม้าพูด แต่เมื่อพูดยังไม่ทันขาดคำ เขาก็ลูกธนู ยิงสาดเข้ามากจากกลุ่มเมฆมืด
"ข้าศึกโจมตี !!"เขาตะโกนจนสุดเสียง
เหล่า มือธนูกากอยบินออกมาจากก้อนเมฆนั่นพร้อมกับ ม้าปีกดำหลายตัวพร้อมคนขี่ "ข้าชื่อ ฮาร์โบริม อัศวินแห่งฝันร้าย ข้ารับคำสั่งจาก มหาอุปราช บลาสเซคให้มาจัดการพวกแก" เสียงตะโกนดังทั่วท้องฟ้า
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #7 on: July 23, 2008, 02:21:14 AM »

Quote
"ข้าชื่อ ฮาร์โบริม อัศวินแห่งฝันร้าย ข้ารับคำสั่งจาก มหาอุปราช บลาสเซคให้มาจัดการพวกแก" เสียงตะโกนดังทั่วท้องฟ้า

ฮาโบริมนึกอยู่ตั้งนานว่าตัวอะไรว่าเพิ่งนึกได้ นีโอชุดแรกเลยการ์ดเก่ามากซะจนลืม
ว่าแต่งได้ละเอียดดีจังครับขนาดบอกความยาวดาบได้เลยอ่ะ  :o
พยายามเข้านะครับมีรูปมาแปะให้ด้วยเผื่อใครนึกไม่ออก
Haborym, the Nightmare General



อาจจะเล็กไปหน่อยเพราะไปหาที่ database มันก็ดันไม่ได้อัพไว้เลยเอาโฟโต้ชอปสับซะ
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #8 on: July 25, 2008, 03:44:32 AM »

Chapter : 3  ปาฏิหาริย์ และ ความสูญเสีย

ห่าฝนลูกธนู แล้วกองทัพม้าปีกดำ บุกเข้าโจมตี ขบวนรถม้าบินของราชอาณาจักร ฟิเลเซีย แม่ทัพโรน่าซึ่งสู้กันอย่างดุเดือดกับแม่ทัพราโชยู
"ตอนนี้แกมีสองทางเลือกนะ จะตายที่เคียวข้าหรือจะตายบนฟ้ากับขบวนรถม้านั่น"ราโชยูพูด แล้วยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
โรน่าสีหน้าตึงเครียด "ทำไม เราต้องมาเสียเวลา กับไอ้นี่ด้วย ภารกิจเราก็คือช่วยเหลือท่านเกรเกอรี่กลับ ฟิเลเซีย" เธอคิด "วี๊ดดดดดดดดดดดดดด" เธอพิวปากเสียงเบาๆ

ม้าบลูสกาย บินมาจาก เงามืดของเมฆอีกด้านหนึ่ง บินมา เหนือ วิหารฟรานเชสก้า โรน่าก็เทคตัวกระโดด ขึ้นขี่ม้าบลูสกาย
"ท่านราโชยู จะเอายังไงต่อครับ"ทหารกรงเล็บคนหนึ่งถาม แม่ทัพราโชยู
"เรื่องบนฟ้าข้าไม่ถนัด ต้องพึ่ง ฮาโบริม กับ แฮม่อน เท่านั้นล่ะ ป่ะ พวกเรา ลงไปรอข้างล่าง รอเก็บศพได้เลย ฮ่าๆ"ราโชยูหัวเราะออกมาอย่างดัง พร้อมกับสั่งทหารทุกคนลงจากวิหารฟรานเชสก้า

โรน่าควบม้าบลูสกายคู่ใจบินขึ้นไปหา ขบวนรถม้าบินอย่างว่องไว แต่ระหว่างทาง เจอสกัดบ้างแต่โรน่าก็ฟาดฟันผ่านมาได้หมด
แต่ก็ดูเหมือนว่า โรน่าจะมาทันเวลาพอดี ขบวนรถม้ายังไม่เสียหายไปมากเท่าไร
"ท่านโรน่า ให้ไปแจ้ง แม่ทัพชาร์ล หรือ กษัตริย์ซิกมันมาช่วยดีมั้ยครับ"ทหารม้าปีกไฟคนหนึ่งถาม
"ไม่ต้อง พวกเราต้องฝ่า ไอ้พวกนี้ออกไปให้ได้ ให้ ทหารม้าบลูสกายคุมกองหลัง คอยกันด้านหลังให้ และ ทหารม้าปีกไฟอยู่ ทางซ้ายและขวา บรูนิลด้า ข้า และเหล่าทหารม้าบินขนทอง จะอยู่กองหน้าเอง"โรน่าออกคำสั่ง

"บรูนิลด้า!!!"โรน่าตะโกน
"ค่ะ มีอะไรหรือท่านโรน่า"บรูนิลด้าพูด
"เจ้าขี่ม้าที่เร็วที่สุดในฟิเลเซียแล้ว คือม้าอูริก เจ้าจงนำจดหมายนี่มอบให้กษัตริย์ซิกมัน เจ้าไม่ต้องบินกลับมาอีกแล้ว " โรน่ายื่นจดหมายให้
"แล้วท่านโรน่าล่ะ"บรูนิลด้าถาม
"ไม่ต้องห่วง ข้าเชื่อว่า เมื่อกษัตริย์ซิกมันได้รับจดหมาย ท่านคงช่วยพวกเราแน่ เจ้าต้องถึงฟิเลเซียภายใน 15 นาที ไปๆ เจ้าออกไปได้แล้ว"โรน่าสั่ง

บรูนิลด้าควบม้าอูริก ไปทางทิศตะวันออก ฝ่างกองทัพม้าปีกดำ อย่าปลอดภัย ส่วนโรน่าค่อยๆเคลียร์ทางแต่ละส่วนให้ ขบวนรถม้าบินออกไปได้ ระหว่างที่ฝ่าออกไป ทหารม้าบินของโรน่าก็ล้มหายตายจากไปบ้าง ทีละ 1 ทีละ 2 นาย

ผ่านมา 5 นาที ขบวนรถม้าก็ถูกโจมตีเข้า ปีกซ้ายปีกขวาคุมไม่ไหว
"ข้าทำอะไรไม่ได้เลยเหรอเนี่ย ได้เพียงนั่งอยู่ในรถม้าแบบนี้"เกรเกอรี่บ่น
พอเขาพูดจบลูกธนูก็ทะลุเข้ามา เจาะกะโหลกแม่ของเด็กที่เพิ่งคลบอดเมื่อครู่ตาย
ชาวบ้านแถวนั้นตกใจ รูที่ทะลุ ก็เริ่มใหญ่ขึ้นเนื่องจากความดันของอากาศ ชาวบ้านก็แตกตื่นวิ่งกันรอบรถม้า "ทุกคนอยู่ในความสงบ เรามาช่วยสวตมนต์ให้สวรรค์ช่วยเถอะ"เกรกอรี่พูดกพร้อมเอามือประกบกันนั่งสวดมนตร์

เอลวินเด็กทารกเห็นกรเกอรี่ทำก็เลยทำตาม แต่ด้วยความดันอากาศ เขาจึงถูกอากาศพัดเขาออกจากรถม้าบินไป
ด้วยความสูง สองพันเมตรจากพื้นดิน เขาตกลงมาด้วยความเร็วสูงมา แต่ก็มีมือที่เต็มไปด้วยออร่าสีขาวทั้งตัว
เจ้าของมือมีรูปร่างหน้าตาเหมือนเด็ก สวมชุดคลุมสีขาวสลับน้ำเงิน
"โอ๋ๆ เจ้าเด็กน้อยกำลังสวดมนตร์อยู่เหรอ"เขาพูดกับเด็ก
"นอกจากสวดมนตร์แล้วยังขอพรอีกนะเนี่ย เจ้าได้พรแล้วล่ะ"เขาพูดอีก

แสงส่องทะลุ เมฆสีดำ ออกมา กองทัพม้าบินของโรน่าเหลือเพียงไม่มากได้ แสงนั้นจึงตกใจอย่างมาก
ทางฝั่งซาโลมก็เช่นกัน
ชุดเกราะสีเงินระยิบระยับทั้งตัว ถือคอกยาว โดยมีรูปไม้กางเขนตรงปลายหอก ช่วงผมเป็นปีก ข้างหลังก็เป็นปีกเช่นกัน
แฮม่อนนักรบแห่งความตายเห็นจึงขี่ม้าบินคู่ใจเพื่อไปจัดการคนๆนี้
"แกเป็นใครกัน"แฮม่อนตะโกนถาม
"ข้าคือ อัศวินสวรรค์"พอเขาพูดจบปุ๊ป ก็ขว้างหอกไปหาแฮม่อน แฮม่อนหลบไม่ทัน ถูกหอกปักตาย ตัวแฮม่อนก็สลายไปตามอากาศ
แสงที่ออกมาจากการปรากฏตัวของอัศวินสวรรค์ นักรบปีศาจของซาโลมล้วน ถูกเผาสลายไปตามออกกาศหมด แม้แต่แม่ทัพฮาโบริมหรือกองพันม้าปีกดำ

แล้วอัศวินสวรรค์หายไป
ไม่ถึงครึ่งนาที ก็ทัพม้าบินแห่งฟิเลเซียอีกกองมุ่งมาหา โรน่า ผู้นำกองหน้าใส่ชุดเกราะสีเขียวประดับด้วยมรกตอันสวยงาม ขี่ม้าเพรูน ม้าที่เร็วที่สุดในทวีปเมอริเซีย แม้แต่ม้าอูริกเป็นรอง เขาไม่ใช่ใครที่ไหนคือ กษัตริย์ ซิกมันที่ สาม
เกรเกอรี่โผล่ออกมาดู ก็ดีใจ
แต่เมื่อเขาเช็คจำนวนชาวบ้านในรถม้า เด็กเอลวินกลับหายไป

"สงสัยจะต้องตายแล้วแน่ๆเลย ไม่น่าเลยนะ เอลวิน เกิดมาไม่ทันข้ามคืนก็จากไปเสียแล้ว"เกรเกอรี่พูด พร้อมกับโยนผ้าคลุดของเด็กออกไป กลางอากาศ "ไปสู่สุคตินะ ทุกคน"



ขอบคุณเว็ปตาหนูและ การ์ด ดาต้าเบส สำหรับภาพ
« Last Edit: August 14, 2008, 10:33:20 PM by Artiezz _ The Apprentice Oracle » Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #9 on: July 25, 2008, 10:31:02 PM »

Michael                  ไม่เกี่ยวกับเทอร์ร่าน้า > <


จริงๆน่าจะเป็น Francescar Kyrie หรือ Heaven Knight

อาจจะเนียนกว่านิดนึง                       


แล้วก็เรื่องสวดมนต์อีกนิดงิ

เป็นไปได้จริงๆอาจจะกล่าววาจาขอความเมตตาสวรรค์ให้ช่วยชนเหล่านี้
ผู้ไม่น่าตกเป็นเหยื่อของเหล่าปีศาจทั้งหลายให้รอดพ้นไป

ประมาณนี้ดีกว่ามั้ยอ่าเพราะเวลาน่าตกใจขนาดนั้นบางคนเค้าทำอะไรไม่ถูกเลยนะครับ     



เนื้อเรื่องโดยรวมดีแล้วครับ น่ากลัวมากเลย > < อยู่ๆก็โดนสอยหัว เฮดชอท

Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #10 on: August 02, 2008, 03:25:28 AM »

Chapter : 4  ชีวิตใหม่ๆ

1 วัน ต่อมาหลังจากสงครามที่วอลเนีย ในตอนนั้น ทารกที่อุ้มด้วย เทวดาเด็ก องค์หนึ่ง ชื่อว่า โฮลี่ เขาได้เดินทางมาถึง หน้าบ้านนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ชายแดนเมืองวอลเนียและฟิเลเซีย

"อื้ม ในอนาคต เขาจะช่วยเจ้าได้นะ"โฮลี่พูดเด็กทารกเอลวิน
โฮลี่ก็เสก ตะกร้าหวายสีขาวมาอันหนึ่งและรองรับตัวเด็กได้เป็นอย่างดี แล้วก็อุ้มตัวเอลวินไปอยู่ในตะกร้านั้น
แล้วโฮลี่ก็เดินไปเคาะประตู 3 ครั้ง "ก๊อก ก๊อก ก๊อก" จากนั้นเขาก็หายตัวไป

เจ้าของบ้านก็เดินออกมาดู เห็นแต่ตะกร้าหวายสีขาวและเด็กทารก
"เอ๋ ใครเอาลูกมาทิ้งไว้หน้าบ้านฉันเนี่ย"เขาบ่น จากนั้นเด็กทารกเอลวินก็ร้องไห้ออกมา
นักวิทยาศาสตร์ที่เป็นเจ้าของบ้าน ก็ตกใจแล้วก็อุ้มเด็กทารกเอลวินขึ้นมา "โอ่ๆๆ อย่าร้องไห้สิ มานี่ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าเองก็ได้" เขาก็พาเด็กเข้าไปในบ้าน

ภายในบ้านเขามีแต่รูปมังกรติดเต็มฝาผนังบ้าน ทั้ง ซาลามานเดอร่า , จอร์มันการ์ด , ไพธ่อน มังกรพวกนี้เป็นรูปวาดที่วาดได้สวยงามมาก ถัดไปอีก เป็นตู้สะสมของ และในตู้นั้นมีหนังสือเล่มใหญ่เล่มหนึ่ง ซึ่งหนามากๆ

"อาจารย์มาธีอัสค่ะ"ลูกศิษย์สุดน่ารักของนักวิทยาศาสตร์คนนี้เดินออกมาจากห้อง พร้อมกับถือสมุดจดบันทึกออกมาด้วย
"ว่าไง รีเบคก้า มีอะไรรึ"มาธิอัสพูด
"นี่ค่ะ อาจารย์ หนูวิเคราะห์สายพันธุ์ ของ เจ้า Palanalcar, the Baby Dragon เสร็จแล้วค่ะ ทั้งโครงสร้างและรูปร่าง วิวัฒนาการและการกลายพันธุ์"รีเบคก้าพูดแล้วยืนสมุดจดบันทึกให้มาธีอัสดู
มาธีอัสก็วางตะกร้าเด็กลงบนเก้าอี้ แล้วก็รับสมุดจดบันทึก มาธีอัสก็ดูทุกหน้าอย่างละเอียด
"โอ้ ละเอียดมากเลย รีเบคก้า อาจารย์มีลูกศิษย์ดีๆแบบนี้ คงเขียน ทฤษฎีมังกรศาสตร์โดยไม่ยากแน่ๆ"มาธีอัสกล่าวชม

"แง๊......"เสียงเด็กร้องอีกแล้ว แต่คราวนี้จะดังมากกว่าคราวที่แล้ว
รีเบคก้าก็มามุงดูและอุ้มเด็กขึ้น "อาจารย์ค่ะ นี่ลูกใครเหรอ ค่ะ" เธอถาม
"ไม่รู้สิ เห็นมาอยู่หน้าบ้าน อาจารย์เมื่อครู่นี่เอง"มาธีอัสพูด
"เขามีชื่อหรือยังค่ะ"รีเบคก้าถามอีกครั้ง
"ลืมซะสนิทเลย"มาธีอัสพูดจบแล้ว เสียงกลองก็ดังขึ้น "ตึงๆๆๆๆๆ"
"เดี๋ยวค่อยไว้ทีหลัง ออกไปดูเหตุการณ์ข้างนอกก่อน"มาธีอัสก็พารีเบคก้าออกไปข้างนอก สังเกตเห็นว่า เป็นซุ้มใหญ่ๆ ผู้คนเต็มไปหมด แต่หน้าซุ้มก็มีคนคุ้มกันอย่างแน่นหนา

"เอ๊ะนี่มันชุดของชาว ซาโลมนิ"มาธีอัสพูด
คนที่แต่งชุดซาโลม ก็เดินเข้ามา หามาธีอัส
"ท่านคือ บิดาแห่งมังกรศาสตร์ มาธีอัส ไบลท์ ใช่หรือไม่"เขาถาม
"ใช่"มาธีอัสตอบสั้นๆ
"ขอเชิญท่านเข้ามาในซุ้มที มีคนอยากพบหน้าท่าน"คนแต่งชุดซาโลมพูด แล้วก็พาตัวมาธีอัสไปในซุ้ม
มาธีอัสก็เอาเด็กเข้าไปด้วย

เดินเข้าไป พบผู้หญิงใส่ชุดรัดกุมคนหนึ่ง มีตาเป็นประกาย สีผิวเหลืองเหมือนคนซาโลม ผมยาว แล้วนั่งอยู่กับเก้าอี้ และโต๊ะข้างหน้าเธอ คลุมด้วยผ้าสีแดง และมีลูกแก้วตั้งอยู่ด้านหน้า
มาธีอัสอึ้งทันทีเมื่อเข้าไปเห็นเธอ "ท่านคือ เทพพยากรณ์แห่งซาโลม นาซาอี"
"ถูกต้อง ข้านาซาอี ข้ารอท่านอยู่ซักพักแล้วล่ะท่าน มาธีอัส ข้าเรื่องจะคุยกับท่านเพียงนิดหน่อย และเด็กคนนี้ด้วย"


To Be Continued.....
« Last Edit: August 14, 2008, 10:32:02 PM by Artiezz _ The Apprentice Oracle » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #11 on: August 13, 2008, 02:17:42 AM »

ขาดตอนนานจังเลย ว่าแต่เมืองวอลเนียเนี่ยมันยกออกไปจาก
ฟีเลเซียแล้วไม่ใช่เหรอเอาเถอะอย่ายึดติดมากเลยนี่มัน fic นี่เนอะ
อยากอ่านต่อง่า มาต่อตอนที
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #12 on: August 16, 2008, 04:36:34 PM »

ว้าว

เอาแล้วอย่างไร แม่นางนาซาอีกับคุณปู่เริ่มมีบทแล้ว ^^



ชักจะเริ่มสนุกละสิ ปริศนามาเรื่อยๆ
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #13 on: August 17, 2008, 03:00:13 AM »

Chapter : 5  คำทำนาย

นาซาอี เอามือขวาลูบลูกแก้วเบาๆ
"ทฤษฎีมังกรศาสตร์ของท่าน เริ่มใกล้จะสำเร็จแล้ว แน่นอนว่าท่านจะต้องภูมิใจกับมันแต่คงไม่มีโอกาส" นาซาอีกล่าวอย่างช้าๆ
มาธีอัสโกรธหน้าแดง " นี่ ท่านกล้าแช่งข้าอย่างนี้เชียวเหรอ" เขาตะคอกออกมา
"เบาๆ ก็ได้ท่าน มาธีอัส ตอนนี้ท่านก็อายุ 70แล้วนะ " นาซาอีพูด
"แต่ ท่าน ไม่ต้องถึงกับแช่งข้าขนาดนี้เลยนิ"มาธีอัสพูดกลับมา
"ข้าว่าอย่าใสใจเรื่องความตายเลยนะ ข้าดูท่านดีแล้ว ทฤษฎีมังกร จะมีคนที่สามารถคิดค้นจนเสร็จได้แน่ และมีถึงสองคน ด้วยกัน"นาซาอีอธิบายและปลอบใจ
"ใครล่ะ"มาธีอัสถาม
"ที่แน่ๆ เด็กสาวอายุ10ที่ยืนอยู่หน้าซุ้ม คนหนึ่งล่ะ แต่อีกคนหนึ่ง ข้าไม่แน่ใจ"นาซาอีพูด
"เรื่องนั้น ข้ารู้แล้วล่ะ ข้าเองก็สงสัย ว่าทำไมท่านต้องมาถึงที่นี่"มาธีอัสพูด
"ข้าเหรอ ข้ามาที่นี่ เพราะเด็กคนนี้"นาซาอีชี้ไปที่เด็กทารกเอลวิน
"เด็กคนนี้ เหรอ คือเมื่อตอนบ่ายที่ผ่านมา เด็กคนนี้ มาพร้อมกับตะกร้าหวายสีขาว ทำไมเหรอ " มาธีอัสถามอีก
"เมื่อวานนี้ ข้าก็อยู่ในศึกสงครามที่ วอลเนียเช่นกัน แต่ข้าก็ไม่ได้เข้าร่วมสงคราม ตอนที่แสงสว่างเต็มท้องฟ้า กองทัพซาโลม ก็สลายหายไป ข้าเห็น เทวดาติดปีกองค์น้อยคนหนึ่ง อุ้มเด็กมาด้วย แต่ถ้าสายตาข้าดูไปไม่ผิด เขาคือ เทวดาองครักษ์ขององค์หญิง อลาน่า แห่งแอนดิซอง ข้าได้ข่าวว่า องค์หญิงอลาน่าก็อยู่เมืองวอลเนีย แต่อยู่คนละที่ แปลกมากนะ ที่เด็กเกิดได้ไม่ถึงชั่วโมง สามารถเอามือไขว่กันเพื่อขอพรได้"นาซาอีพูด
"ท่านเห็นเหรอ"มาธีอัสสงสัย
"ข้ารู้ ข้าเห็น"นาซาอียิ้มแล้วพูดไป แล้วก็ชี้ไปที่หน้าอกของเด็กเอลวิน "เห็นมั้ยท่าน มาธีอัสเด็กคนนี้ มีแผลเป็น รูปปีกถึงสองปีก ข้าว่าเด็กคนนี้ ต้องเป็นอัศวินที่อยู่บนฟ้าที่ยิ่งใหญ่แน่นอน ข้าเชื่ออย่างนั้น"นาซาอีพูด
"มังกร ? กริฟฟิน ? หรือ เปกาซัส ?"มาธีอัสถาม
"ข้าไม่ขอตอบ ข้าต้องขอตัวล่ะ ข้าต้องไปที่อื่นต่ออีก"นาซาอีพูด
"เดี๋ยวก่อนท่าน เด็กคนนี้ ควรตั้งชื่อว่าอะไร"มาธีอัสถาม
"ไม่ต้องตั้งชื่อหรอก"นาซาอีพูดช้าๆ
"ข้าไม่เข้าใจ คนเราจะไม่มีชื่อได้อย่างไร"มาธีอัสแย้งออกมา
"เขามีชื่ออยู่แล้ว เขาชื่อ เอลวิน ไงล่ะ"นาซาอีก็เดินออกจากซุ้มไป

มาธีอัสก็เดินนาซาอีออกมาจากซุ้ม
"ข้าต้องขอตัวก่อนล่ะ ข้าไปต้องไปละแวกนี้อีกซักหน่อย"นาซาอีพูด
"ขอบพระคุณท่านมาก"มาธีอัสขอบคุณ
"ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก มันเป็นลิขิตของสวรรค์"นาซาอีพูดแล้วขึ้นรถม้าออกเดินทางไป

หลังจากนั้นมา มาธีอัสตั้งใจ ให้เอลวินเป็นเป็น อัศวินมังกรให้ได้ (Dragoon)

Side Chapter 5 : แม่สาวขายขนมปังกับเทพพยากรณ์แหง่ซาโลม ( Nazae & Bakery Girl )

"วันนี้เป็น ที่ร้อนจริงๆว่ามั้ยท่านนาซาอี"ทหารคนสนิทพูดกับนาซาอีอยู่บนรถม้า
"ข้าก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน อื้ม ข้างหน้าเป็นตลาด ข้าว่าเราก็เดินทางมามากแล้ว เราควรหยุดพักซักหน่อย"นาซาอีพูด

"เอ้า หยุด!!"นายทหารสั่งรถม้า
"ข้าขอตัวไปซื้อของแถวนี้ก่อนนะ ไม่ต้องตามมาหรอก ไม่มีใครจำหน้าข้าได้หรอก"นาซาอีสั่ง
"ถ้าเกิดเรื่องอันตรายล่ะท่าน"นายทหารพูด
"คงไม่เป็นอะไรหรอก"นาซาอีพูด แล้วก็เดินเข้ามาในตลาด

นาซาอีแต่งชุดคลุมสีแดง ไม่มีใครสังเกตมาก นาซาอีก็แวะมาที่ร้านขายขนมปังแห่งหนึ่ง

"รับอะไรดีค่ะ"สาวขายขนมปังถาม
"อื้ม ขนมที่สำหรับข้า"นาซาอีพูด
สาวขายขนมปังก็หยิบขนมปังสองชิ้นออกมา เป็นขนมทาเนยทั้งคู่
"มือซ้ายก็เป็นขนมปังทาเนย มือขวาก็เหมือนกัน จะให้ข้ากินชิ้นไหนล่ะคราวนี้"นาซาอีพูด
"ข้าว่า มือซ้ายของข้า มันน่าจะหวานเกินไปสำหรับท่าน แต่มือขวาของข้า มันเป็นที่ขนมที่แสนอร่อยสำหรับท่าน ถ้าท่านไม่เชื่อก็ลองชิมดู"สาวขายขนมปังพูด
"โอเค"นาซาอีก็หยิบขนมปังทาเนย ที่มือซ้ายของสาวขายขนมปัง แล้วก็กินเข้าไป นาซาอีรู้สึกว่ามันหวานเกินไป จริงๆ แต่นาซาอีพูดออกไปว่า " ขนมชิ้นนี้เหมาะกับข้าที่สุด ข้าชอบรสหวานๆแบบนี้ล่ะ"
"ท่านลองชิมอีกชิ้นดูก่อน"สาวขายขนมปังยื่นขนมอีกชิ้นหนึ่งมา
นาซาอีก็หยิบกิน เธอรู้สึกว่า มันก็ไม่หวานเท่ากับอันแรก เพียงหวานน้อยลงนิดหน่อย ขนมดูมันๆดี แต่นาซาอีก็พูดกลับไปว่า "ข้าไม่ชอบขนมชิ้นนี้"

สาวขายขนมปังก็หัวเราะออกมา "ข้าว่าแล้ว ข้าว่าแล้ว"
"ท่านต้องโกหกแน่ๆเลย ข้าว่าท่านเป็นคนที่ชอบรสของขนมปังมือขวาของข้า"เธอพูด
"ท่านรู้ได้ยังไง"นาซาอีถาม
"ข้ามีเซนซ์"สาวขายขนมปังพูด

นาซาอีก็เอาของมาทายเธอหลายครั้ง เธอก็ตอบได้ทุกอย่างว่าสิ่งนี้เป็นอะไร เธอก็แกล้งโกหกได้ว่าสิ่งนี้เป็นอะไรเช่นกัน
"ข้าว่า ดวงของเราสองคน คงสมพงษ์กันจริง"นาซาอีพูด
"สนใจ มาช่วยงานข้ามั้ยล่ะ"นาซาอีถาม
"ก็น่าสนใจ แต่ข้ารักในอาชีพขายขนมปัง"สาวขายขนมปังพูด
"โอเคได้เลย ข้าจะมาพบท่านบ่อยๆแล้วกัน บายๆ"นาซาอีโบกมือลา
"แต่ก่อนที่ข้าจะไป ท่านชื่ออะไรเหรอ"นาซาอีถามก่อนไป
"ข้าไม่มีชื่อ คนส่วนใหญ่เรียกข้าว่า เบเกอรี่"




Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #14 on: August 18, 2008, 12:39:02 AM »

อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยย       

Side Story OK !!!!  มีคำว่าโอเคด้วย

ฮามากๆๆ     มีบายๆแถมด้วยอ้า


-------------------------------------------

อนึ่งศึกเมือง Valnia  Princess Alana ยังอยู่ Annedisonge มิใช่หรือท่าน ^^

แต่ Holy เป็นเทวาอารักขาจะไปไหนมาไหนคงไม่เป็นไรถ้าเป็นบัญชาสวรรค์

เอลวินโตมาสงสัยจะเป็น Knight Mage แสงไม่ก็ลม มีเชื้อสายชาวฟีเลเซียนี่นะ 

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #15 on: August 18, 2008, 02:06:46 AM »

Quote
เอลวินโตมาสงสัยจะเป็น Knight Mage แสงไม่ก็ลม มีเชื้อสายชาวฟีเลเซียนี่นะ

เป็นธาตุดินก็ ฮาสิจ้ะ
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #16 on: August 24, 2008, 05:26:45 PM »

Chapter : 6  ความหวังครั้งสุดท้าย

มาธีอัสก็เลี้ยงดูเอลวิน ตั้งแต่เด็กจนโตขึ้นมา จนเอลวิน มีอายุ เท่ากับ 13 ปี นี่เอง มาธีอัสก็ย้ายที่อยู่ใหม่ ไปอยู่ บริเวณ ทางทิศเหนือของ อาณาจักรฟิเลเซีย ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง อุณหภูมิที่ต่ำ ทำให้อากาศหนาวเย็น และเป็นที่อยู่ของพวก ครุฑ(Garuda) และมังกร(Dragon) ซะเป็นส่วนใหญ่ โดยมาธีอัสเอา ตัว เอลวิน และ รีเบคก้ามาด้วย

“ปู่ครับ ที่อยู่ใหม่นี้ มันช่างหนาวเย็นจังเลยครับ” เอลวินพูดระหว่างการเดินทาง
“แน่นอน ล่ะที่นี่ มันเป็น ที่อยู่ของมังกร หลากหลายพันธุ์มากเลย ในอนาคต ไม่แน่นะ ปู่จะได้ ทำ ทฤษฎีมังกรเสร็จที่นี้เลยก็ได้นะ ฮ่าๆ ”มาธีอัสพูดแล้วหัวเราะไป
“ปู่ท่าทางจะเป็นคนรักมังกรมากเลยนะครับ”เอลวินพูดแล้วยิ้มให้มาธีอัส
“แน่นอน ไอ้หลานรัก”มาธีอัสก็เข้ามากอดคอเอลวิน
ทั้งสามคนก็เดินเข้าบ้านหลังหนึ่งไป เป็นบ้านที่ มาธีอัสซื้อไว้เมื่อตอนปีที่แล้ว บ้านจะดูใหญ่โตมากๆ และตั้งแต่นั้นมา กิจวัตรประจำวันของพวกเขา คือ ทั้งสามคนก็จะไปดูมังกรอยู่บนเขา แต่ช่วงหลังๆมา เอลวินก็เริ่มเบื่อๆ เพราะเขาอยู่กับมังกรมาตั้งแต่เด็ก

ในละแวกนั้น ก็มีการประลองกันเกิดขึ้น ซึ่งเอลวินได้แอบไปดูบ่อยๆ และเขาชอบในการต่อสู้แบบนั้นซะแล้ว รีเบคก้าสังเกตเห็น เอลวินไปดูการประลองบ่อยๆ

“อ.มาธีอัส ค่ะ หนูเห็น เอลวิน ไปดูการประลองบ่อยๆ อ.มาธีอัสจะทำยังไงเหรอค่ะ”รีเบคก้าถามด้วยความกังวล
“ไม่ต้องห่วง รีเบคก้า อาจารย์ว่า ปล่อยๆเขาไปบ้างก็ดี”มาธีอัสพูด
“อ้าวทำไมล่ะค่ะ อาจารย์ หนูรู้สึกว่าช่วงนี้ เขาจะดูห่างเหินไปจากมังกรมากเลยนะ”รีเบคก้าพูด
“ถ้าเค้าห่างเหินจากมังกร ดวงเค้ายังไงก็ได้เป็นอัศวินมังกรอยู่ดี เอาล่ะ อย่าไปพูดถึงเรื่องนี้อีกนะ”มาธีอัสพูด

เมื่อทั้งสองพูดจบ เอลวินก็เดินกลับมา และแบกดาบมาด้วยเล่มหนึ่ง เมื่อเอลวิน เห็นมาธีอัสและรีเบคก้า ก็ทิ้งดาบทันที มาธีอัสเลยเดินมาเอลวิน
“ปู่ครับผมขอโทษ”เอลวินพูด
“อื้ม ไม่เป็นไรหรอก ปู่ขออย่างหนึ่งได้มั้ย”มาธีอัสพูด
“ได้สิครับ ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อปู่เลยครับ”เอลวินดีใจที่มาธีอัสไม่ได้ว่าอะไร
“หลานต้อง เป็นอัศวินมังกรให้ได้นะ มันไม่ยากเกินความสามารถหลานหรอกนะ”มาธีอัสพูดถึงความหวังของตนเอง พร้อมกับลูบหัวเอลวินไปด้วย
“ได้ครับ ผมจะพยายาม”เอลวินก็กอดปู่ไว้แน่น

ตั้งแต่นั้นมา เอลวินก็เริ่มฝึกการต่อสู้บนหลังมังกร โดยมังกรที่เขาขี่ คือ นิลทิโคอิออน เป็นมังกรไฟที่อาศัยอยู่บนภูเขาเวฮาลทางเหนือของหมู่บ้าน โดยรีเบคก้าลงมือจับมาเอง
แต่มังกรซึ่งเป็นมังกรไฟ ทำให้เอลวินควบคุมลำบากมาก บางทีก็ท้อแต่ก็นึกถึงคำของปู่

หลังจากนั้น 3 เดือน มาธีอัสก็ล้มป่วยระหว่างเขียน ทฤษฎีมังกร โดยมาธีอัสขึ้นโปรเจคที่มีชื่อว่า “อมานคริส” โดยในทฤษฎีมังกรกล่าวไว้ว่า ” อมานคริส คือที่สุดของมังกร เป็นมังกรที่รวมทั้ง 6 ธาตุเข้าด้วยกัน ดิน น้ำ ลม ไฟ แสง และมืด” ตอนมาธีอัสล่มป่วย ก็นึกถึงคำที่นาซาอี พูดไว้เมื่อ 13 ปี ที่แล้ว
“คราวของเรามาถึงซักที”มาธีอัส เริ่มจะปลงกับความตาย

เอลวินและรีเบคก้ากลับมาจากภูเขาเวฮาล เห็นมาธีอัสนอนอยู่บนเตียงและหน้าซีดเผือกมากๆ
“ปู่ครับ เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย”เอลวินพูดด้วยความตกใจ
“หนูไปตามหมอมานะค่ะ”รีเบคก้าเดินออกไปที่ประตู เพื่อไปตามหมอ
“ไม่ต้องหรอก รีเบคก้า เวลาของฉันใกล้มาถึงแล้ว ปล่อยให้ไปตามเวรตามกรรมเถอะนะ”มาธีอัสพูด
เอลวินและรีเบคก้า ร้องไห้ “ทำไม ไม่ให้ไปตามหมอล่ะครับ/ค่ะ”
มาธีอัสไม่ตอบ เพียงแค่ลูบหัว เอลวินเบาๆ
“เอลวิน หลานรักของปู่ หลานต้องเป็นอัศวินมังกรที่เก่งที่สุดในทวีปเมอร์ริเซีย”มาธีอัสพูดเบาๆ
“และ รีเบคก้า ทฤษฎีมังกรของอาจารย์ ให้เธอ สานต่อนะ จงทำมันให้สำเร็จ ถ้าชาติ....”เสียงมาธีอัสเบาลงเรื่อยๆ
“หน้า.... มี .... จริง ....”คำพูดของมาธีก็เริ่มช้าลง แต่รีเบคก้าและเอลวินร้องไห้ไม่หยุด
“ขอให้.... เรา...สามคน....ได้พบกันอีก......”สิ้นคำของมาธีอัส เขาก็หมดลมหายใจ รีเบคก้าและเอลวินกอดตัวมาธีอัสไว้แน่น มาธีอัสเสียชีวิตลงด้วยอายุ 83 ปี
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #17 on: August 24, 2008, 05:47:31 PM »

และแล้วก็ตายจากไป - -

เอลวินคงจะมีเชดออฟเนมดรากูนเพิ่มขึ้นะล่ะ  อะม่ายช่าย ^^


Rebecca ดูจะไม่ค่อยชอบ Elvin อย่างไรไม่รู้ ไม่ค่อยสนิทกันเลยอ่าอยู่บ้านเดียวกันแต้ๆ ^^


----------------------------------------------


อยึ่งมี *เวร มี*กรรม    มี*ชาติ หน้า   ด้วย
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #18 on: August 26, 2008, 01:37:51 AM »

Chapter : 7 ว่าที่อัศวินคนใหม่

หลังจากมาธีอัสเสียไปได้ไม่นาน เอลวินก็ตั้งใจซ้อมการต่อสู้บนหลังมังกรได้เป็นอย่างดี ส่วนรีเบคก้าก็เอา หนังสือทฤษฎีมังกร ของมาธีอัสมาเปิดอีกรอบหนึ่ง เธอตั้งใจ ศึกษาและค้นคว้าทฤษฎีมังกร ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันอย่างนี้ ตั้งแต่นั้นมา

5 ปี ต่อมา

ตอนนี้เอลวิน ขี่ มังกรไฟ นิลทิโคอิออ
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #19 on: August 26, 2008, 01:43:33 AM »

ดวงดีจังเลย

อยู่ๆลาภก็ลอยมาพร้อมกับความโชคร้าย ^^
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #20 on: August 28, 2008, 01:32:45 AM »

Chapter : 8 เมื่อมาถึงฟิเลเซีย

เอลวิน และรีเบคก้า ได้ติดตามรถม้าเปกาซัสขององค์หญิงเรจิน่า แห่ง ฟิเลเซีย
เมื่อรถม้าเปกาซัสบินถึง มหานครอันโอ่อ่า เอลวินก็ยิ้มรับลม และตะโกน “ โอ้วว ว้าววววววววววว” รีเบคก้าเองก็แอบดีใจ เพราะได้กลับมาบ้านเกิดของตัวเอง

“นี่ล่ะ ฟิเลเซีย เอลวิน พี่ไม่ได้เห็นมันมา 18 ปี เต็ม” รีเบคก้าพูดพร้อมกับยิ้มไปด้วย
“ช่างใหญ่โต โอ่อ่าจริงๆเลย พี่เคยอยู่ที่นี่เหรอครับ”เอลวินยังอึ้งไม่หาย
“แต่ก่อนพี่ ก็เคยอยู่ในเมืองนี้ตอนเด็กๆ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปมากเลย เปลี่ยนไปจนพี่อึ้งสนิทเลย”รีเบคก้าพูด

รถม้าเปกาซัส และมังกรสองตัวที่ รีเบคก้าและเอลวินขี่มา ก็ลงสู่ สนามหญ้า ซึ่งป็นเหมือนลานจอด
เรจิน่าก็เดินพาทั้งสองคนขึ้นสู่ พระราชวังฟิเลเซีย ระหว่างทางที่เดินไป พบกับชาวบ้านเต็มไปหมด แต่ชาวบ้านก็ถวายการต้อนรับองค์หญิงเรจิน่าเป็นอย่างดี จนเอลวินและรีเบคก้าอึ้ง

เมื่อถึงหน้าท้องพระโรง ประตูหน้า ก็แง้มออกช้าๆ”แอ๊ดดดดดดดดดด” พบกับ ทหารยศแม่ทัพอยู่ฝั่งซ้าย มหาดเล็กและมหาดเล็ก ต่างๆอยู่ฝั่งขวา ตรงกลางเป็นบัลลังค์ มีบุรุษแต่งตัวเต็มไปด้วยเพชรสีเขียวระยิบระยับ สวมใส่มงกุฎ 12 ดาว ในตำนาน ข้างกายถือดาบยาวและหนาเล่มหนึ่งข้างกายบุรุษผู้นั้น

“ท่านผู้นั้นคือ กษัตริย์แห่งฟิเลเซีย ซิกมันต์ที่ 3”ทหารที่ตามหลังเรจิน่าพูดกับเอลวิน และ รีเบคก้า
รีเบคก้าและเอลวิน ก้มลง “ถวายบังคม พะยะค่ะ”
“ซิกมันต์ สองคนนี้คือชาวบ้านแถบเขาเวฮาล พี่พบสองคนนี้ตอน ที่พี่กลับจากเขาเวฮาลหลังจาก ทำพิธีบวงศรวงเทพเจ้าธอร์ เทพเจ้าแห่งสายฟ้า แล้วก็พบกับพวกเขาโดยบังเอิญ ตอนที่เขาต่อสู้กับพวกอัศวินเปกาซัสดำ เด็กคนนี้แสดงความสามารถได้เป็นอย่างดี”เรจิน่าอธิบาย
“เจ้าทั้งสองชื่ออะไร”กษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 ถาม
“ข้าน้อย ชื่อ รีเบคก้า สเตรเจอร์”รีเบคก้าแนะนำตัว
“ข้าน้อย ชื่อ เอลวิน ไบลท์”เอลวินก็แนะนำตัวตามหลังจากรีเบคก้า

คนทั้งท้องพระโรงก็มีเสียงดังขึ้นมาๆ “หยุดๆ พวกท่านข้องใจอะไรกันเหรอ เริ่มจะท่านก่อนเลยท่าน  นาตาลี “ ซิกมันต์ให้แต่ละคนแสดงความคิดเห็น ว่ามีเหตุอันใด
ผู้หญิงใส่ เสื้อรัดกุมและใส่ชุดทำงานสีกากี เดินออกมาหน้าซิกมันต์
“ข้าน้อย นาตาลี ขอออกความคิดเห็น พะยะค่ะ เจ้าเด็กนี่เอานามสกุลของ ศาสตราจารย์ด้านมังกรศาสตร์ของทวีปเมอริเซีย มาใช้เล่นได้อย่างไร ข้าน้อยว่ามันไม่ถูกต้อง”นาตาลีพูด
“ข้า คือ หลานของ ศาสตราจารย์ มาธีอัส ไบลท์  จริงๆ” เอลวินทนไม่ได้เลยพูดสวนออกมา

“เด็กคนนี้พูดได้ถูกต้องแล้ว”เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูด ซิกมันต์จึงหันไปดู เป็นผู้หญิงใส่เสื้อสีขาวผมสีเหลืองยาว และถือสมุดอยู่ตลอดเวลา
“ท่าน พูดอย่างนั้นได้อย่างไร ท่านเซนต์ มาธ่า “ นาตาลีถาม
“เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ศาสตราจารย์มาธีอัส ไบลท์ ได้เสียชีวิตไป ข้าเองก็ได้เป็นตัวแทนของราชสำนักฟิเลเซียไปงานศพของท่านศาสตราจารย์ด้วย ข้าเห็นเด็กคนนี้ ช่วยงานอยู่ ข้าจึงสอบถามรีเบคก้า ว่าเขาคือใคร เขาก็คือหลานของ ศาสตราจารย์จริงๆ”เซนต์ มาธ่า อธิบาย ให้พวกฝ่ายซ้ายฝ่ายขวาได้ยิน
“เอาล่ะๆ ข้าให้ พวกเจ้าไปอยู่ ที่พักเก่าของ ท่านศาสตราจารย์ มาธีอัส ไบลท์ แล้วกัน มันห่างจากตัวเมืองไม่ไกลมากนักหรอก”ซิกมันต์พูด
“พะยะค่ะ”รีเบคก้าและเอลวินก็ทำความเคารพ แล้วก็เดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน เอลวิน”ซิกมันต์เรียก
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”เอลวินหันหน้ากลับมา
“ข้าชักอยากเห็น ฝีมือเจ้า พรุ่งนี้เวลาเที่ยงตรง มาที่ ลานประลองหน้าพระราชวัง ฟิเลเซีย”ซิกมันต์พูด
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”เอลวินก็เดินออกไปจากท้องพระโรง แล้วก็เดินไปยังที่พักที่ กษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 เตรียมไว้ โดยมี เซนต์มาธ่าเป็นผู้นำทาง

“บ้านใหม่ ช่างน่าอยู่จริงๆ  เลย” เอลวินพูด
“ก็ใช่นะสิ แต่มันดูจะโทรมๆนะ ดูสิฝุ่นเกาะเต็มไปหมดเลย” รีเบคก้า ปัดฝุ่นและนั่งบนโซฟาเก่าๆหลังหนึ่ง
“พวกเธอ อยู่ที่นี่ นะ ถ้ามีอะไรก็บอกคนใช้ที่อยู่ข้างๆ บ้านได้เลย นะ” เซนต์ มาธ่าพูดและยื่นของมาให้อย่างหนึ่ง
“นี่อะไรค่ะ คุณ เซนต์ มาธ่า”รีเบคก้าถาม
“อ๋อ ข้าเอาไอ้นี่มาให้ มันคือกรงเล็บของมังกรไพธ่อน ซึ่งศาสตราจารย์ ค้าหามาได้ และลืมไว้กับข้า ข้าเอามาคืนน่ะ”เซนต์ มาธ่ายื่นของให้รีเบคก้ารับ
รีเบคก้าและเอลวินก็อาศัย อยู่ในบ้าน

ณ โบสถ์ฟิเลเซีย
เกรกอรี่ได้สวดมนต์ต่อหน้า รูปของเทพเซราฟ แล้ว โรน่าก็เดินเข้ามาหาเกรกอรี่
“ท่านเกรกอรี่ ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษา”โรน่าเดินเข้ามา
“มีเรื่องอันใดหรือ ท่านโรน่า”เกรกอรี่พูด
“เรื่องเด็กที่เข้ามาในท้องพระโรง ที่ชื่อว่า เอลวินน่ะ ข้ารู้สึกแปลกๆน่ะ ข้าเห็นเด็กคนนั้น มีพลังศักดิ์สิทธ์ เป็น ออร่าสีเขียวรอบ ตัวเหมือน อัศวินเปกาซัส อย่าง กษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 ตอนสมัยเป็น แม่ทัพอากาศ หรือจะเป็น บรูนิลด้า ผู้ขี่เปกาซัสคนแรกของทวีปเมอริเซีย”โรน่าสงสัย
“เอลวิน ชื่อนี้ข้าคุ้นๆ”เกรกอรี่นึก “ อ๋อ ข้าจำได้แล้ว เมื่อ 18 ปีที่แล้ว ข้านี่ล่ะเป็นตั้งชื่อ เด็กคนนี้ จำได้แม่นเลย ตอนที่ท่านโรน่าลงมาช่วย ข้ารู้สึกว่า ร่างกายเขาก็เป็น ออร่าสีเขียวเช่นกันและ มีแสงสีขาวจากปานที่คอของเขาด้วย เหมือนสัญญานที่เรียกเปกาซัสลงมา”เกรกอรี่อธิบาย
“ถ้าคำพูดของท่านเป็นจริง ฟิเลเซีย คงได้แม่ทัพเปกาซัสหนุ่มคนใหม่ในเร็วๆนี้แน่ๆเลย”โรน่ายิ้มแล้วพูด
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #21 on: August 28, 2008, 01:36:18 AM »

Chapter : 9 ศึกครั้งแรก

เวลาเที่ยงตรงของวันถัดมา

กษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 ได้เรียกตัวทหารทุกคนมารวมกัน “ข้าอยากทดสอบฝีมือ ของทหารทุกคน เริ่มจาก เจ้า ทหารใหม่ เอลวิน ไบลท์”

เอลวินเดินออกมาพร้อมกับบรรยากาศอันเงียบกริบ เพราะคนไม่ค่อยรู้จักเขา “ ข้าอยากทดสอบฝีมือเจ้า” เสียงตะโกนออกมาจากในประตูที่บัง แล้วประตูก็เปิดออกมาช้าๆ เป็นภาพบุรุษ ใส่หมวก-ชุดเกราะสีเงิน ถือดาบเล่มโตที่ผ่านการตีจากช่างตีดาบ 4 อาณาจักร ดาบคุนิกุนเ
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #22 on: August 28, 2008, 01:39:23 AM »

ติดตามตอนต่อไป ^^


บทบาทเยอะจังเลย หุหุ

แต่ละท่านแต่ละคน อนึ่งดึงเอา Seal ต่างๆมาเป็นตัวประกอบได้ดีมากๆ > <  



อนึ่งรีบรวบรัดแต่งเอาคนมาเยอะก็ไม่ดีนะครับ กั๊กๆไว้บ้างจิ = =

ป.ล. มี Aella ด้วย      :o
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #23 on: August 28, 2008, 01:43:25 AM »

ติดตามตอนต่อไป ^^


บทบาทเยอะจังเลย หุหุ

แต่ละท่านแต่ละคน อนึ่งดึงเอา Seal ต่างๆมาเป็นตัวประกอบได้ดีมากๆ > <  



อนึ่งรีบรวบรัดแต่งเอาคนมาเยอะก็ไม่ดีนะครับ กั๊กๆไว้บ้างจิ = =

ป.ล. มี Aella ด้วย      :o
มันก็มีบางคนแหละมั้งที่สำคัญ

นอกนนั้น ตัวประกอบ !!!
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #24 on: August 29, 2008, 01:31:47 AM »

Chapter : 10 สายลมอันสงบนิ่ง กับ ไฟที่โหมกระหน่ำ

ณ เมือง อวาเลีย ตอนตะวันตกดิน

เจ้าเมืองอวาเลีย นำทหารอวาเลีย ทำหน้าที่ป้องกัน ประตูและกำแพงเมืองไว้อย่างแน่นหนา กองทัพของบลาสเซคห่างไกลจาก ตัวเมือง อวาเลียเพียง 50 กิโลเมตร “คืนนี้ จะเปิดศึกกัน เลยหรือเปล่านะ”เจ้าเมืองบ่นพึมพำ
“อีกประมาณ กี่ชั่ว่โมง ทัพฟิเลเซียจะมาถึง และเสบียงเป็นยังไงบ้าง”เจ้าเมืองถามทหารคนสนิท
“คาดว่าอีกประมาณ 2 ชั่วโมงได้ เรื่องเสบียง ท่านเจ้าเมืองวอลเนียได้ส่งเสบียงมาให้สำหรับ 1 เดือนเต็ม บวกกับเสบียงที่เรามีอยู่ ทำให้เรามีเสบียงสู้ศึกได้ถึง 1 เดือนครึ่ง”ทหารคนสนิทพูด
“แต่เรื่องข้าศึก ข้าว่าควรหาพันธมิตรเพิ่มซักหน่อยนะ เช่น พวกชาวลาซาล ฟูดินัน หรือ แอนดิซอง”ทหารคนสนิทพูดอีกครั้ง
“บางทีนะ กองทัพฟิเลเซียอาจจะไม่ต้องเพิ่งพันธมิตรก็ได้ มันจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีก เหมือนศึกวอลเนียเมื่อ 18 ปีที่แล้ว”เจ้าเมืองพูด เล่นเอา นายทหารงงกันไปตามๆกันกับคำว่า “ปาฏิหาริย์”

 ผ่านไปครึ่งชั่วโมง

“ท่าน เจ้าเมือง ดูนั่นสิ”ทหารคนสนิทชี้ไปทางทิศเหนือของเมืองอวาเลีย
“นั่นมันตัวอะไรกัน !!”เจ้าเมืองตกใจ

ตัวสัตว์ประหลาด ถือหอกสีแดงสองอัน ตัวสูงเท่ากำแพงเมือง อวาเลีย “อ๊าซซซซซซซซซซ !!”เสียงเจ้าตัวนี้ดังสะเทือนทั่วแผ่นดิน
“ข้าชื่อ เลราเย่ ความระทมทุกข์แห่งสงคราม”เสียงตะโกนดังจนทหารที่อยู่กำแพงเมืองอวาเลีย กระเด็นตกกำแพงตาย

นอกจากเลราเย่แล้ว ทหารยูนิคอร์นสายฟ้าดำ [Black Thunder Unicorn Knight] และ ทหารไร้วิญญาน [ Souless ] บุกเข้ามาทางทิศเหนือของเมืองอวาเลียอย่างรวดเร็วประดุจดั่งสายฟ้าฟาด
ทหารเมือง อวาเลีย หมดกำลังใจ ที่ต่อสู้ เจ้าเมืองตะโกน “ แผ่นดินเรา ถ้าเราไม่ดูแลรักษาแล้วใครมันจะทำ ”
ทหารอวาเลียเกิดมีกำลังใจหึกเหิมจากคำพูดของ เจ้าเมือง จึงช่วยกันขน เครื่องดีดหิน และ เครื่องยิงธนูยักษ์ ออกมาจากหอคอย แล้วพยายามยิงตอบโต้ไปบ้างแต่ กองกำลังของฝ่ายตรงข้ามไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย กองกำลังของฝ่ายตรงข้าม ใกล้เข้ามาทุก

“อ๊าซซซซ ฮี้ๆๆๆๆ”เสียงม้าและมังกรผสมกันจากทางทิศใต้ อัศวินไฟนิลทิโคอิออน [Nilticoion Rider] และ ทหารม้าเปกาซัสปีกไฟ [Flame Wing Pegasus Knight] นับ 1 พันนาย มุ่งมาทางทิศใต้ของเมืองอวาเลีย
“ มาแล้ว กองกำลังแห่งฟิเลเซีย เฮ้ๆๆๆๆ ” ทหารในเมืองร้อง กันด้วยความดีใจ
“ ข้ามานำทัพหน้ามาช่วยแล้ว ท่านเจ้าเมือง อีกไม่นานกษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 จะมาถึง ”โรน่าขี่ม้าบลูสกายเปกาซัสบินสง่า ตะโกนบอก
“ ทหารม้าเปกาซัส อัศวินมังกร ทุกนาย โจมตี !!”โรน่าสั่งการทุกหน่วย เข้าโจมตี ทหารฝ่ายตรงข้าม โรน่านำทัพเปกาซัส บินขึ้นสูงที่สุด แล้วโฉบลงมาด้วยความเร็วสูง หาศัตรู

“ไปกันเถอะ นิลทิโคอิออน”เอลวินถือหอกยาว ตบหลังนิลทิโคอิออน นิลทิโคอิออนก็บินไปโจมตีทหารฝ่ายตรงข้าม และ พ่นไฟทำลายศัตรู จนมอดไหม้ ไปบางส่วน

แต่ทหารม้าเปกาซัส ทำอะไร เลราเย่ไม่ได้เลย

“พวกแกเป็นแค่เศษ สวะ !!!”เลราเย่คำราม ม้าเปกาซัส เกือบ 100 ตัวตกลงมาจากท้องฟ้าโดยคาดไม่ถึงทันที “Mighty Swing !!”เลราเย่ตวัดหอกสองด้าน ปัดหัวมังกรนิลทิโคอิออน 3 ตัวขาดพร้อมกัน เอลวินซึ่งตามหลังมาก็ตกใจ “มันตัวอะไรกัน วะ”

นิลทิโคอิออน ของเอลวิน เกิดอาการกลัวขึ้นมา ไม่ยอมต่อสู้ต่อ
“เป็นอะไรไป นิลทิโคอิออน สู้สิ แค่ไอ้ยักษ์นี่เอง”เอลวินตบหลัง นิลทิโคอิออนอีกทีหนึ่ง เอลวินบักคับตัวมังกรคู่ใจ บินเข้าสู่ตัวของเลราเย่อย่างไม่กลัวตาย
“เอลวิน อย่า !!!!!!!!” โรน่าตะโกนระหว่างที่กำลังต่อสู้อยู่กับทหารไร้วิญญาน หลายสิบตัว

เอลวิน สูดลมหายใจเข้าลึกมาก ก่อนที่ นิลทิโคอิออน ของ เอลวินจะพ่นไฟออกมาใส่เลราเย่ ”ฟู้!!!!!!!!!” มันพ่นไฟเรื่อยๆๆๆ และไม่หยุด เลราเย่หันมาพอดี และกำลัง ง้าง เตรียมใช้ “Mighty Swing”อีกรอบ ระหว่างที่นิลทิโคอิออน พ่น ไฟ หอกที่เอลวินถือ ก็ลุกเป็นไฟ “ดีล่ะ จังหวะนี้ล่ะ หอกแห่งอัคคีธรรม Flamma Stab ”  เอลวิน นำหอกไฟนั่น แทงเข้ากางลำตัวก่อนที่ เลราเย่จะตวัดหอก
“อ๊าซซซซซซซ!!!” เลราเย่ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด “แก ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ชิมรสหอกข้าซะ” เลราเย่ยกหอกแทงเข้ากลางลำตัวของนิลทิโคอิออน ของเอลวิน
“กี๊ซซซซซซซซซ” นิลทิโคอิออน ร้องด้วยความเจ็บปวด และมันก็ตายคาหอกของเลราเย่ เอลวินก็ถือหอกไฟหวังเข้าโจมตีอีกรอบ
“คิดจะโจมตี อีกแล้วเหรอ อย่าหวังเลย”เลราเย่ยังมีหอกอีกด้าน มันเหวี่ยงหอกเข้าใส่ เอลวินโดยตรง จนเอลวินกระเด็นออกจาก นิลทิโคอิออนไป
“เอลวิน !!!!”โรน่าตะโกนอีกทีแต่เธอช่วยอะไรไม่ได้เลย ตัวเอลวิน ลอยแหวกอากาศ ด้วยความเร็วสูงมาก หลังชนกับต้นไม้ที่อยู่ห่างจากจุดที่ เลราเย่ อย่างมาก

หลังเขากระแทกกับต้นไม้อย่างรุนแรง และ เขาก็กระเด็นจากต้นไม้ไปตกยังบ่อน้ำพิษ “Toxic Well” ที่ทหารของบลาสเซคสร้างขึ้นเอาไว้  แต่การสงครามยังไม่จบสิ้นและยังสู้กันต่อไป

“สายลมที่สงบนิ่งแบบนี้ไม่สามารถพัดพาไฟที่โหมกระหน่ำได้หรอก มีแค่เพียงสายลมมันไม่เพียงพอหรอก ต่อให้ลมนั้นจะแรงเพียงใด ไฟนั้นก็ไม่อาจมอดดับได้”เสียงของชายผู้หนึ่ง ยืนอยู่ริมบ่อ และมีแสงสีขาวเต็มไปหมด นั่นคือ ภาพที่เอลวินเห็น และ เสียงที่เขาได้ยินก่อนเขาจะหมดสติไป
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #25 on: August 29, 2008, 10:54:26 PM »

ใครละคนที่ช่วย Elvin น่ะ

หรือ Gregory?    ???


---------------------------------------------------------

อนึ่ง Mighty Swing นี่คุ้นๆนะ               
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #26 on: August 30, 2008, 02:38:26 AM »

Chapter : 11 เรื่องจริงหรือแค่ฝันไป

เอลวินนอนจมบ่อพิษของทหารบลาสเซค โดยพิษนี้มีพิษขั้นรุนแรง ถ้าโดนแม่แต่นิดเดียว เวลาเพียง 1 ชั่วโมง อาจจะทำให้ตายได้
“ตื่นได้แล้ว เอลวิน ไบลท์”เสียงผู้ชายกระซิบข้างหูเอลวิน เบาๆ แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกตัว
“เขาตายหรือยัง วาเลนทีอัส” เสียงผู้หญิงพูดเช่นกัน
“ยังหรอก วาเลนเซีย ข้าสัมผัสถึงจิตของเขาได้เขายังไม่ตาย แค่บาดเจ็บอย่างหนักเท่านั้นเอง” เสียงผู้ชายโต้ตอบกับเสียงผู้หญิงเมื่อซักครู่

เอลวินก็จะเริ่มรู้สึกตัว โดยร่างของเขาออกจากบ่อน้ำพิษมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขารู้สึกว่า ใต้พื้นหญ้าที่เขานอนอยู่ อุ่นๆ และสังเกตเหมือนคนสองคน ยืนอยู่ ข้างหน้าเขาเป็นผู้หญิงผมยาวดำ หน้าเรียวดูสวยงาม กับผู้ชายผมยาว สีขาวดุจดั่งหิมะ พวกเขากำลังมองดูที่หน้าเขา
“ข้าอยู่ไหน พวกแกเป็นใครกัน อย่าเข้ามานะ ข้าจะฆ่าทิ้งให้หมด”เอลวินพูดเสียงดังขึ้น

ปีกของผู้หญิงและผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ก็กางออกมา เอลวินแทบช๊อค เพราะทั้งสองคนเป็นเทวดา “ข้าสมควรตาย ข้าสมควรตาย ข้าดูหมิ่นเทวดาเหรอนี่”เอลวินรู้สึกผิดพลาดไปเมื่อซักครู่
“ช่างมันเถอะ ข้าชื่อ วาเลนทีอัส ส่วนนี่คือ วาเลนเซีย เรียกพวกข้าว่า เทวดาแห่งคำสั่ง [Angel Of Order] ข้าได้รับคำสั่ง จากสวรรค์ให้นำสิ่งที่สวรรค์ประทานให้ มาให้เจ้า”เขาแนะนำตัวแล้วพูดถึงภารกิจที่เขาจะต้องทำ
“สวรรค์น่ะ เหรอ ข้าไม่เชื่อพวกเรื่องนี้ หรอก ในนี้อาจจะเป็นเพียวความฝัน”เอลวินพูดเหมือนยังไม่เชื่อกับสิ่งที่ตาเห็น

วาเลนเซีย จึงจับมือของเอลวิน “ทีนี้เจ้าเชื่อหรือยัง ว่าไม่ได้ฝันไป” วาเลนเซียพูด เอลวินรู้สึกถึงมือที่อุ่นของวาเลนเซีย ถ้าเป็นความฝันเข้าจะไม่มีความรู้สึกใดๆ
“ข้าเชื่อแล้ว” เอลวิน พยักหน้า
“ข้านำสิ่งนี้มาให้เจ้าแล้ว” วาเลนทีอัส เอาของออกมา เป็นหอกศักดิ์สิทธ์ ยาวประมาณ 1.7 เมตร ดูสง่างามมาก แล้วยื่นให้เอลวิน
“มัน คืออะไร หอกนี่ ให้ข้าเหรอ”เอลวินถามเพราะสงสัย
“นี่คือ หอกแห่งคำสั่ง ออโดนัส [Ordonus , The Spear Of Order] มันเป็นหอกประจำตัว เทวดาแห่งคำสั่ง ทุกองค์ แต่หลักแห่งสวรรค์ให้ข้า นำมันมาให้เจ้าโดยเฉพาะ ข้าก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน” วาเลนทีอัสตอบ
“ข้าคงรับไว้ไม่ได้ มันเป็นถึงหอกออโดนัส ประจำตัว เทวดาแห่งคำสั่ง ทุกองค์ เลยนะ แต่ข้าเป็นใคร ข้าเป็นเพียงประชาชนคนเดินดินแท้ๆ”เอลวินปฏิเสธ
“ รับไป เถอะน่า ถ้าไม่รับถือว่าขัด คำสั่งแห่งสวรรค์นะ เจ้าคงไม่ได้ไปพุดไปเกิด มันคือบาปมหันต์เลยนะ”วาเลนเซียพยายามชักแม่น้ำทั้งห้า
“ตกลงๆ ข้ารับไว้ก็ได้”เอลวินยื่นมือไปรับ หอกออโดนัส มา เมื่อเขาจับหอกออโดนัส เขารู้สึกถึงพลังของมัน พลังกายและพลังใจ สิ่งที่ดีในอดีต มาหลอมรวมเป็นหนึ่งในหัวสมองของเขา
“เจ้าจงใช้หอกออโดนัส ทำแต่สิ่งที่ถูกที่ควร และไม่ควรนำมัน ไปใช้ในสิ่งที่ผิด ไม่งั้นมันก็จะทำลายตัวเองโดยธรรมชาติ”วาเลนเซียพูด
“ข้าเข้าใจแล้ว”เอลวินตอบรับ แล้ววาเลนเซียก็หายตัวไป

“ก่อนที่ข้าจะไป ข้ามอบสิ่งนี้เพื่อคู่กายเจ้าอีกอย่างหนึ่ง” วาเลนทีอัสพูดแล้ว ดีดนิ้วหนึ่งที “ฮี้ๆๆๆ” ม้าเปกาซัสปีกสีเงิน [Silver Wing Pegasus] โผล่ออกมาจากความมืด ปีกสีเงินตัวสีขาวโพลนเป็นแสงระยิบระยับทั้งตัว พร้อมกับบังเหียน อานม้า และเกราะครอบหัวม้า
“เปกาซัส ข้าไม่เคยขี่มันมาก่อนเลยนะ”เอลวินพูดอีกรอบหนึ่ง
วาเลนทีอัสก็ไม่พูดอะไร และหายตัวไป พร้อมทิ้งคำเพียง 4 คำ “เดี๋ยว ... ก็ ... ชิน ... เอง”

เอลวินก็ขึ้นขี่ม้าเปกาซัสเงิน “มันจะเหมือนขี่มังกรหรือเปล่านะ” เอลวินก็กระชากบังเหียน เหมือนที่เคยทำกับมังกร ม้าก็พยศ ทำให้เอลวินตกลงมา
“ต้องเบากว่านี้สิ ค่อยๆทำ”เอลวินพูดกับตัวเอง เขาทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง เขาก็สามารถขี่ม้าเปกาซัสอย่างคล่องแคล่วได้

“ไหน เจ้าลองบินสิ”เอลวินขึ้นขี่ม้า แล้วก็ตบที่ท้องม้าเบาๆ ปักสีเงินของม้าก็กางออก แล้วบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว “เจ้าเร็วประดุจดั่งสายลม ข้าขอเรียกเจ้าว่า วินดี้ แล้วกัน”เอลวินพูดกับม้า
“เราต้องไปช่วย ท่านโรน่า”เอลวินก็บังคับ วินดี้ ไปทาง แสงสีแดงของไฟ ที่เขาสังเกตเห็นแน่นอน ว่าไฟนั่น ต้องเป็นไฟแห่งสงคราม

วินดี้เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วมาก ได้ใจเอลวินอย่างมาก หอกออโดนัสของเอลวินก็เปล่งแสงสว่างออกมาตลอด เอลวินดึงหมวกเหล็กข้างอานม้ามาสวมใส่ เป็นหมวกสีเขียวและเงินติดปีก
ตอนนี้ทัพหน้าของโรน่าแตกกระเจิง แต่ทัพใหญ่ของกษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 เข้ามาเสริมพอดี โรน่าเองก็เกือบตายในเงื้อมือของ ปีศาจร้าย เลราเย่ กองทัพสายลมของกษัตริย์ซิกมันต์เองก็ ระสับระส่ายมาก ที่ไม่สามารถโค่นเลราเย่ลงได้ ทางกองทัพบลาสเซค บลาสเซคเดินทางมาถึงพอดี

เอลวินเองก็บินเหนือเมืองอวาเลีย พอดิบพอดี กับตอนที่ กษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 มาถึง
“เปกาซัสปีกสีเงินกับหอกแสงนั้น ข้าไม่เคยเห็น เจ้านั่นเป็นใครกัน”โรน่ามองเห็นเอลวินขี่ม้าเปกาซัสปีกเงิน แต่เธอยังไม่รู้ว่าเป็นเอลวิน
“ข้า คือ กษัตริย์ อมตะ แห่ง นรก มืด บลาสเซค !!!!!!” บลาสเซคคำรามดังไปทั่วเมืองอวาเลีย “ไปเลย สหายของข้า บาปแห่งความตายทั้ง 7” บลาสเซคพูด ปีศาจอีก 7 ตัว โผล่ขึ้นมา พื้นดิน
“นั่นมันตัวอะไรวะนั่น”ทหารฟิเลเซียตกใจ บาปทั้ง 7 เข้าโจมตี ทหารฟิเลเซีย ทั้งทางบกและทางอากาศ โดยลำพัง ก็รับมือกับเลราเย่ไม่ได้แล้ว บาปทั้ง 7 ยังโผล่ออกมาอีก

เอลวินเห็นไม่ได้การ จึงขี่วินดี้ ควงหอกออโดนัส เปล่งประกายเหมือนดั่งแสงจันทร์ โฉบลงมาเหนือ เมืองอวาเลีย
บางคนพูดหลากหลายแบบไป “นั่นคืออัศวินสวรรค์” “เทพีแห่งดาบ ฟรานเชสก้า” “เทพเจ้าสายฟ้า ธอร์” หรืออะไรต่อมิอะไรที่เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธ์ หรืิอ เทพเจ้า

แต่ก็ไม่มีความหมาย
เพราะนั่นคือ เอลวิน อัศวินเปกาซัสปีกเงิน
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #27 on: August 31, 2008, 04:30:16 PM »

Chapter : 12 การรวมตัวของ 3 อาณาจักร

ณ ที่ว่าการเมือง อวาเลีย

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมให้ทรงขอกำลัง เพิ่มจาก แอนดิซอง และ ฟูดินัน พะยะค่ะ กองทัพพวกมันมาเยอะเหลือเกิน เกินกำลังจะต้านไหว”ชาร์ลทูล
“เราจะไม่มีการ ขอกำลังเสริมเพิ่มใดๆทั้งสิ้น”กษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 ใช้วาจาเด็ดขาด
“ซิกมันต์ !! นิสัยเย่อหยิ่งทะนงตนของเจ้าไม่เปลี่ยนเลยนะ”เรจิน่าพูดแทรกเข้ามา
“ชาร์ล เจ้าจงนำ ขอกองกำลังเพิ่มจาก แอนดิซอง และฟูดินัน ให้เร็วที่สุดตอนนี้”เรจิน่าบัญชา
“พะยะค่ะ องค์หญิง”ชาร์ล เดินหันหลังออกจากที่ว่าการไป พบเอลล่า และ บรูนิลด้า ยืนอยู่
“เป็นยังไงบ้างท่านชาร์ล”บรูนิลด้าถาม
“ให้รีบ ขอกำลังจาก ฟูดินัน และ แอนดิซอง บรูนิลด้า เจ้าจงเอาเครื่องราชบรรณาการ นำไปที่ อาณาจักรแอนดิซอง เอลล่า เจ้าจงรีบขี่ม้าไปที่ อาณาจักรฟูดินัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนะทางทิศ ตะวันตก และนำเครื่องราชบรรณาการไปด้วย”ชาร์ลสั่งการ
“รับทราบ ค่ะ”เอลล่าควบม้าคู่ใจไปที่ อาณาจักรฟูดินัน และ บรูนิลด้าขึ้นขี่ม้าอูริก บินไปที่อาณาจักรแอนดิซอง ทันทีที่ชาร์ลสั่ง ชาร์ลก็ควบม้าออกจากประตูเมืองเพื่อ ไปต่อสู้ต่อ

เอลวินขี่วินดี้ โจมตีเข้าทางทัพหลังของ กองทัพบลาสเซค หอกออโดนัสที่แทงใส่ทหารปีศาจทั้งหลาย ทำให้พวกมันร้องโอดครวญอย่างดัง ทหารปีศาจพยายามโจมตี แต่วินดี้เร็วมาก ลูกธนู บอลไฟ ทำอะไรวินดี้ไม่ได้
“ไอ้เด็กเมื่อซืนอีกแล้วเหรอเนี่ย” เลราเย่เห็นเอลวิน เลยเคลื่อนที่เข้ามาหาเอลวิน แล้วหอกแทง เข้า วินดี้หลบได้สบาย
“ชิ !!!” เลราเย่พยายามฟัน ไปมาๆ แต่ก็ไม่โดนเอลวินซักที แต่เอลวินก็ไปไม่เสี่ยงที่จะเข้าไปใกล้ตัวเลราเย่
“มัวทำอะไรอยู่ เลราเย่ แกฆ่ามันเลยสิ”บลาสเซคตะโกนสั่ง แล้วก็ยิงลูกบอลไฟใส่เอลวิน อย่างต่อเนื่อง บาปทั้ง 7 ก็กรูเข้าหาเอลวินด้วยเช่นกัน
“หมาหมู่นี่หว่า ข้าจะปราบทีละตัวเลย” เอลวินพูด หอกออโดนัส ก็เปล่งแสง เหมือนแสงดวงจันทร์ อีกรอบ คราวนี้แสงจะสว่างอย่างมาก บาปทั้ง 7 หรือเลราเย่ เกิดอาการ มองไม่เห็น เพียงเสี้ยววินาที
“ตอนนี้ล่ะ ปณิธาน แห่ง คำบัญชา [The Will Of Order]”เอลวินกวาดหอกออโดนัสเป็นวงกลมรอบตัวเขาเอง แสงสีขาวตรงปลายหอกออโดนัส ก็ทิ่มแทงเลราเย่ แบบกระจายออกไป
“อ๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซ”เลราเย่คำรามด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว แผลที่ถูกหอกออโดนัสแทง ขนาดก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เลราเย่แค้น จัด ตวัดหอกคู่เข้าโจมตี เอลวิน แต่ วินดี้ก็หลบได้อย่างว่องไว
“แกตายซะเถอะ เจ้าปีศาจร้าย ปณิธานแห่งคำบัญชา!!”เอลวินตะโกนแล้วกวาดหอกออโดนัสเป็นรูปวงรี โดยรัศมีวงเข้าไปที่ตัว เลราเย่ทั้งหมด แทงสีขาวปลายหอกเลราเย่ เปรียบเหมือนเข็ม ร้อยหมื่นเล่ม แทงเข้าสู่ ตัวเลราเย่ล้มลง จากนั้นร่างของเลราเย่ ก็สลายไป

“เขาคือใครกัน” ทุกคนในบริเวณนั้นเห็นหมด ชาร์ล โรน่าเองก็งง
“เลราเย่!!!!”บลาสเซคตะโกนด้วยความตกใจ บลาสเซคก็นำกองทัพทั้งหมดมารุมที่ เอลวินคนเดียว

“เดี๋ยวก่อนไอ้กษัตริย์เฒ่าดูสิ ว่าใครมา”เสียงตะโกนจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ ที่ตั้งกองทัพบลาสเซค บลาสเซคมองไปเห็น อัศวินใส่เสื้อเกราะสีฟ้าดั่งน้ำแข็ง และถือดาบผลึกน้ำแข็ง และขี่มังกรแห่งไอหมอก ทิมเพอร่า [Timperra , The Vapor Dragon]
“อังเดร!!!”บลาสเซคอุทาน
“เออ ฉันนี่ล่ะ อังเดร” อังเดรกษัตริย์แห่งแอนดิซอง ชูดาบขึ้น “โจมตีได้เลย ทหารแอนดิซอง” มังกรแห่งไอหมอกนับพันตัวบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้อุณหูมิที่กำลังสูงมาก กลับต่ำลงอย่างน่าอัศจรรย์ เข้าโจมตีทัพบลาสเซค

“ข้า มาตามคำบัญชาแล้ว”เสียงนี้จากทางทิศตะวันออก บลาสเซคก็หันไปอีก เห็น ชาวป่าผมสีน้ำตาล ใส้ชุดเกราะที่น้ำตาลเงิน และสนับมืออันใหญ่โต
“ฮาริซัน!!!”บลาสเซคอุทานอีกรอบ
ฮาริซันหัวหน้าแห่งฟูดินัน ชูมือ แล้วก็ เข้าโจมตีพร้อมกับ เหล่าครึ่งคนครึ่งม้
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #28 on: August 31, 2008, 04:31:23 PM »

Chapter : 13 หอกออโดนัสหัก

3 วันต่อมา ณ โรงพยาบาลเมืองวอลเนีย

เอลวินรู้สึกตัวขึ้น บนเตียงนอนนิ่มๆ มองไปรอบๆ เห็นแม่ทัพใหญ่ๆต่างของอาณาจักรฟิเลเซีย ทั้ง ชาร์ล เอลล่า โรน่า บรูนิลด้า และ บาทหลวงเกรกอรี่

“รู้สึกตัวแล้วเหรอ ไอ้น้อง”เสียงผู้หญิงห้าวๆ ไม่ใช่ใครที่ไหน เอลล่า นั่นเอง
“เราชนะไหมท่านเอลล่า บลาสเซคมันไปหรือยัง”เอลวินถามทุกคน
“ตัวเอง เป็นฆ่าบลาสเซคเองแท้ๆ ยังมีหน้ามาถามอีก ฮ่าๆ”โรน่าพูด
“นี่เอลวิน เจ้าไปเอาหอกเล่มนั้นไปจากไหน แล้วม้าเปกาซัสตัวนั้นด้วย”ชาร์ลถาม
“ก็เรื่องมันยาวน่ะ ผมยังไม่รู้เลย มันเหมือนฝันไปจริงๆ”เอลวินกุมขมับตัวเอง
“แสดงว่า เจ้าได้พบกับ เทวดาแห่งคำสั่ง สินะ เพราะนั่นคือหอกออโดนัส เลยนะ”เกรกอรี่พูด
“คงงั้น มั้งครับผมจำอะไรไม่ค่อยได้เลย”เอลวินพูด
“นายคงต้องการ การพักผ่อน งั้น พวกเราไปก่อนนะ”เกรกอรี่พูดแล้วเดินออกจากห้องไป

ผ่านไป อีก 2 วัน อาการของเอลวินเริ่มจะหายดี

เขาเดินออกไปข้างนอกโรงพยาบาล เพื่อสูดอากาศตอนเช้า แล้วเขาก็หยิบหอกออโดนัสออกไปด้วย
“หอกเล่มนี้ เหรอที่ฆ่าบลาสเซค หรือ เลราเย่”เอลวินมองไปที่หอกออโดนัส
“เอลวินฉันขอคุยด้วยหน่อยนะ”เสียงผู้ชายเดินมาจากด้านหลัง เอลวินมองไปเห็นเป็นชาร์ล
“ว่าไง ท่านชาร์ล”เอลวินถาม
“เจ้ารู้สึกยังไงที่ได้หอกออโดนัสมา”ชาร์ลถาม
“เอ่อ อื้ม มันคงเป็นความบังเอิญมากกว่า แต่ผมรู้สึกว่าหอกนี้อ่ะ มันทำให้ผมอ่อนแอลง”เอลวินวางหอกออโดนัสลง
“ทำไม เจ้าว่าอย่างนั้นล่ะ มันทำให้เจ้าดูเข้มแข็งขึ้นต่างหากเล่า”ชาร์ลถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ผมพึ่งพาพลังของหอกเล่มนี้มากเกินไปครับ ทำให้ผมเหมือนคนไม่มีความสามารถใดๆเลย ศึกนี้ชนะก็ไม่ใช่เพราะผมหรอก แต่มันเป็นเพราะหอกเล่มนี้ต่างหาก”เอลวินอธิบาย
“อื้ม เจ้าคิดอย่างนั้นก็ดีแล้ว เจ้าต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างมาก”ชาร์ลพูดพร้อมกับตบไหล่เอลวิน
“ผมจะทำลายหอกเล่มนี้”เอลวินพูด แล้วหยิบหอกออโดนัสขึ้นมา
“มันจะดีเหรอเอลวิน ทำลายของวิเศษ เชียวนะ”ชาร์ลพูดแย้ง
“มันคงจะดี ในเมื่อมันทำให้ผมอ่อนแอ ผมจะไม่มีวันอ่อนแอเพราะมันอีกแล้ว ผมต้องยืนได้ด้วยตนเอง”เอลวินพูดแล้วก็ฟาดหอกออโดนัสลงบนพื้นดิน

“แกร้กๆ !!!”ด้ามจับหอกออโดนัสหักออกมาอย่างง่ายๆ

วาเลนทีอัสก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าชาร์ลและเอลวิน
“ข้านึกว่าเจ้าจะไม่คิดแบบนี้ซะแล้ว แต่เจ้าก็คิดถูก ที่ไม่พึ่งพาสวรรค์ แต่เมื่อไรที่เจอกับอุปสรรค เจ้าจงยืนยัดสู้กับมันด้วยตนเอง เรื่องหอกนี่ มันหักก็ต้องมีต่อได้”วาเลนทีอัสพูดแล้วก็หายตัวไป
“ท่านชาร์ล ผมต้อนยืนยัดด้วยพลังของตนเองผมสัญญา”เอลวินคุกเข่าต่อหน้าชาร์ลแล้วพูด
“ลุกขึ้นมาเถอะ เจ้าอัศวินเปกาซัสคนใหม่”ชาร์ลพูด
เอลวินก็ได้รับใช้ราชการเป็นอัศวินเปกาซัสแห่งอาณาจักรฟิเลเซีย

2 ปีต่อมา

“เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เราจะเดินทางไปทั่วเมอริเซียเพื่อมัน” เสียงเอลวินก้องไปทั่วฟิเลเซีย
“แปะๆๆๆ”เสียงปรบมือก็ได้ยินไปทั่ว
“ข้าอนุญาต เจ้าจงไปทำตามสิ่งที่เจ้าหวังเถอะ”กษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 พูด


“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #29 on: September 01, 2008, 01:37:32 AM »

หุหุ จบภาคแรกแว้ว มีภาคสองด้วย

Quote
“นายคงต้องการ การพักผ่อน งั้น พวกเราไปก่อนนะ”เกรกอรี่พูดแล้วเดินออกจากห้องไป

บิชอป พูดสำเนียงแบบนี้ฟังดูแล้วมันแปลกๆไงไม่รู้แต่ช่างเถอะเอาแค่เข้าใจในเนื้อหาก็พอแล้ว
อยากดูภาคสองเร็วๆจัง
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #30 on: September 01, 2008, 11:21:24 PM »

หุหุ จบภาคแรกแว้ว มีภาคสองด้วย

Quote
“นายคงต้องการ การพักผ่อน งั้น พวกเราไปก่อนนะ”เกรกอรี่พูดแล้วเดินออกจากห้องไป

บิชอป พูดสำเนียงแบบนี้ฟังดูแล้วมันแปลกๆไงไม่รู้แต่ช่างเถอะเอาแค่เข้าใจในเนื้อหาก็พอแล้ว
อยากดูภาคสองเร็วๆจัง

เปลี่ยน "นาย" เป็นเจ้าอาจจะเป็นปรกติแล้วมั้งครับ - -

อนึ่งว่า เดินทางไปทั่ว Merrisia เดี๋ยวก็ต้องเจอ Merman Unicorn Pegasus Dancer อีกละสิเนี่ย ^^


ป.ล. Ordonus หักแล้วทำลาย Mystic Card ได้ 1 ใบนะครับ ดาบชาร์ลไง   
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #31 on: September 05, 2008, 11:37:54 PM »

Episode II Elvin's Experience

ณ เมือง ฟิเลเซีย

"พับๆๆๆ"เสียงแกว่งของปีกสีเงิน ก้องกังวานได้ยินไปทั่วเมืองฟิเลเซีย ผู้คนก็ออกมาปรบมือและดีใจ คนที่ขี่ม้าเปกาซัสปีกสีเงินอยู่ เป็นเด็กหนุ่มอายุเพียง 18 ปี
"เอลวิน ๆ"ผู้คนที่อยู่รอบบริเวณสนามหญ้า ตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน เอลวินก็ยิ้มด้วยความปลื้มปิติยินดี

เอลวินก็ขี่ม้าเปกาซัสปีกเงินขึ้นไปบน อากาศ
"2 ปีที่ผ่านมา ข้าทำเพื่อแผ่นดินอันศักดิ์สิทธ์นี้ ข้าสัญญา ข้าจะกลับมา ฟิเลเซีย !!"
ม้าเปกาซัสปีกเงินและเอลวิน บินลับไปกับก้อนเมฆ

"ฟิเลเซีย ตอนนี้คงไม่ค่อยมีสีสันเลยนะทุกคน"กษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 ตรัส
"ใครบอกล่ะ เสด็จพ่อ"เด็กอายุ 10 ปีอ่อนกว่า เอลวิน 10 ปี เขามีนัยตาสีคราม ผมสีบรอนซ์ ยืนอยู่หลัง กษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 พูดออกมา
"ซิกมันต์ที่ 4"กษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 ตรัส
"องค์ชายค่ะ องค์ชาย"เหล่าพี่เลี้ยงในวังวิ่งตาม องค์ชาย ซิกมันต์ที่ 4
"ถ้า เอลวินคือสีสันของฟิเลเซียในอดีต ข้าเองล่ะ เป็นสีสันของฟิเลเซียในปัจจุบัน"ซิกมันต์ที่ 4 ก็พูดออกมาอย่างอาจหาญ

กษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 ก็หัวเราะ ออกมา "ไม่เลวๆ สมแล้วที่เป็นลูกของข้า โรน่า เกรกอรี่ ข้าแต่งตั้งให้เจ้าเป็นราชครู"
"พะยะค่ะ ฝ่าบาท"

ณ โบสถ์ฟิเลเซีย
เกรกอรี่ก็ยังนั่นสวดมนต์ต่อหน้า รูปภาพเทพเซราฟเช่นเคยเหมือนทุกวัน แสงสีขาว น้ำเงิน ฟ้า แดง เหลือง ก็ปรากฏขึ้นรอบกายเกรกอรี่
"ว่าไง ท่านนางฟ้าทั้งห้า"เกรกอรี่หลับตาพูด
"เด็กเอลวิน"เสียงมาจากแสงสีขาว
"ทำไมเหรอ ท่านวิกตอเรีย"เกรกอรี่ยังหลับตาอยู่แล้วเขาก็ถาม
"บางทีสิ่งที่ ท่านคาดหวัง ก็ไม่ตรงกับสิ่งที่คนอื่นเขาคาดหวังก็ได้ คนอื่นที่ล่วงลับ"เสียงออกมาจากแสงสีขาว
"คนล่วงลับ ใคร ใครกัน"เกรกอรี่พูด และลืมตาขึ้น แสงห้าสี ก็จางหายไป
"ใครกันที่คาดหวังในตัวเอลวินอยู่ ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ"เกรกอรี่บ่น

นี่เกริ่นนำ นะครับ
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #32 on: September 06, 2008, 02:32:51 AM »

มาทิอัสหรอ = =

สงสัยไม่ได้ผุดเกิดเพราะมีห่วง > <



ลูกชายสงสัยออกมาหาดาบให้พ่ออีกมั้งเนี่ย - -
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #33 on: October 13, 2008, 12:49:32 AM »

Chapter : 14 มุ่งหน้าสู่ ลาซาล

ทาง ตะวันตกเฉียงใต้ของ อาณาจักร ซาโลม

เอลวินก็เดินทางผจญภัยไปเรื่อยๆ และก็ได้พักอยู่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ก่อนที่เขาลงจากวินดี้ เขาได้สังเกตป้อมปราการขนาดใหญ่ ข้างหน้าอีกไม่ไกลมากนัก

"ท่านมาจากที่ใดกันเหรอครับ ดูท่าทางท่านน่าจะเป็นคนใหญ่คนโตมากเลย"เจ้าของบ้านพักถามเอลวิน
"ท่านก็ชมข้ามากเกินไป ข้ามาจากฟิเลเซียน่ะ ไม่ทราบว่า ป้อมปราการข้างหน้าเนี้ย คือตัวเมืองซาโลมใช่หรือไม่"เอลถ่อมตัว แล้วก็เอ่ยปากถาม
"ฮ่าๆ ไม่ใช่หรอก ถ้าท่านจะไปซาโลมนะ ยังอีกไกลแถมท่านยังมาผิดทางอีกนะเนี่ย"เจ้าของบ้านพักหัวเราะออกมา
"อ้าว แล้วข้าอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย"เอลวินชักสงสัย
"แคว้นลาซาลไง ท่าน แสดงว่าท่านยังไม่เคยมาแน่เลยใช่มั้ย"เจ้าของบ้านพักถาม
"อื้ม ใช่"เอลวินตอบ
"ข้าเชิญท่านพักผ่อนเลยแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะให้ลูกข้านำทางท่านเข้าสู่ ลาซาลเอง"เจ้าของบ้านพักพูด
"อื้ม"

เอลวินก็เข้าห้องไปพักผ่อน แล้วเขาก็นั่งลงบนเตียงไม้ แล้วเขาก็ฟุบลงบนเตียงไม้นั่น

"เอลวิน"เสียงกระซิบข้างหูของเขา
"เอลวิน"เสียงดังขึ้นกว่าเดิม
เอลวินก็ลืมตาขึ้นมา เห็นคุณตาใส่ชุดลำลองสีขาวนั่งอยู่ตรงปลายเตียง "ท่านคือใคร" เอลวินถาม
คุณตาคนนั้น หันหน้ามา เอลวิน ก็แทบจะร้องให้ "คุณปู่ !!!"
เอลวินก็จะกอดปู่ แต่ มือทั้งสองข้างของเขาก็เหมือนคว้าลม
"เอลวิน เจ้าเคยสัญญากับปู่ว่ายังไง"ปู่มาธีอัส ขึ้นเสียง
"อะไรนะครับ"เอลวิน
"เจ้าจะเป็น อัศวินมังกร ไง แล้วนี่ เจ้าเป็นอะไร"มาธีอัสเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ตาของเขาเริ่มแดงก่ำเหมือนปีศาจ
"แกไม่ใช่ปู่ของฉัน"เอลวินตะโกนใส่
"แกสิ ไม่ใช่หลานของฉัน ไอ้เลวไอ้หลานทรพี"มาธีอัสเสียงดัง มือของมาธีอัสเปลี่ยนเป็นกรงเล็บขนาดใหญ่ แล้วก็ตะปบเข้าหน้าของเอลวิน ก็กรงเล็บขนาดใหญ่ตะปบเข้ามา เขาสังเกตเห็น เงาขนาดใหญ่ มีหัวกระโหลกอยู่ส่วนบนของเงา ถือขวาน  อยู่ด้านหลังปู่ของเขา

เอลวิน ก็ตื่นขึ้นมา แล้วก็จับหน้าตัวเอง
"เห้ย ฝันร้ายเหรอเนี่ย"เอลวินเหงื่อแตกไปหมด
เจ้าของบ้านพักเห็นเสียงดังก็มาเคาะประตูหน้าห้องเอลวิน

"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ"เจ้าของบ้านพักพูดอยู่หน้าประตู
"ไม่มีอะไรครับ ขอบคุณๆ"เอลวินตอบกลับ

วันรุ่งขึ้น
ลูกชายของเจ้าของบ้านก็ รอเอลวินอยู่หน้าบ้านพัก
เอลวินก็จูงม้าวินดี้ ออกมาตามมา
เอลวินเห็นลูกชายของเจ้าของบ้าน ยืนอยูคนเดียว เอลวินสงสัย
"นี่ เจ้า จะไปเข้าเมืองยังไง มันก็ไกลอยู่นะ"เอลวินถาม
"ปรี้ด!!"ลูกเจ้าของบ้านเป่านกหวีดที่ค้องอยู่บนคอ
จิงโจ้ตัวหนึ่ง กระโดดออกมา
"อ๋อ เข้าใจแล้ว"เอลวินยิ้มแล้วก็ขึ้นมา ม้าวินดี้

พวกเขาทั้งสองก็มุ่งหน้าสู่เมืองลาซาล


มันหน้าตาอย่างนี้ล่ะครับ เงาที่อยู่หลังมาธีอัส


จิงโจ้ที่ว่า
« Last Edit: October 13, 2008, 12:57:19 AM by ArtiizZŽ » Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #34 on: October 13, 2008, 01:57:35 PM »

อ๊ะ โพสท์บอย ^^

อนึ่ง "แกสิไอ้หลานทรพี  = ="  อ่านแล้วมันไม่ตลกเลยนะ แต่อยากจะขำแปลกๆ

เหมือนกับขำหนังผีบ้านเรารึเปล่า นึกภาพตามแล้วมัน .... > <


ป.ล. อัพแคปเทอร์ต่อไปเร็วๆนะฮะ 

Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #35 on: October 15, 2008, 12:41:10 AM »

Chapter : 15  โจรทะเลทราย

ท่ามกลางทะเลทราย ที่ร้อนระอุ
เอลวินและ ลูกชายเจ้าของบ้านพักที่เอลวินอยู่ เดินทางอยู่บนทะเลทรายแห่งนี้

"นี่ นายชื่ออะไรเหรอ"ลูกชายเจ้าของบ้านถามระหว่างขี่อยู่จิงโจ้
"ข้าชื่อ เอลวิน ไบลธ์ แล้วเจ้าล่ะ"เอลวินแนะนำตัวและถามกลับไป
"ข้าเหรอ ข้าชื่อ คูรินิล "เขาแนะนำตัวเช่นกัน

เขาทั้งก็เดินทางไปเรื่อยๆ ป้อมปราการที่เอลวินสังเกตเห็น เหมือนไม่เข้าใกล้เลย เหมือนเป็นภาพลวงตา
"เมื่อไรจะถึงล่ะเนี่ย"เอลวินถาม
"เดี๋ยวซักหน่อยก็ถึงล่ะ"คูรินิลบอก
"มันเหมือนกับเราเดินทางไปเรื่อยๆ แต่ภาพป้อมปราการข้างหน้าทำให้ข้าไม่รู้สึกเข้าใกล้มันเลย"เอลวินพูด
"อ่อ เรื่องป้อมปราการน่ะเหรอ พ่อข้าบอกว่า มันเป็นป้อมปราการลวงตา ที่จริงเมืองลาซาลไม่มีป้อมปราการที่ใหญ่ขนาดที่ท่านเห็นหรอก ภาพลวงตานี้ เอาไว้กันพวกอาณาจักรอื่นมารุกราน ทำให้ลาซาลอยู่มาได้ทุกวันนี้ไงล่ะ"คูนิริลอธิบาย
"ข้าเข้าใจล่ะ"เอลวินพูด

พวกเขาเข้าพวกที่โอเอซิส แห่งหนึ่งกลางทะเลทราย พวกเขาก็เห็นป้าย " ระวังพวกนักล่าเงินรางวัลและนางแมว " ปักไว้ใต้ต้นตะบองเพชร
"มันมีด้วยเหรอพวกนี้"เอลวินถามคูรินิล
"ข้าเคยเจอนะ พวกมันเอาแต่ของที่มีค่า แต่โชคดีที่ข้าไม่ได้พกของที่มีค่าไว้เลย ฮ่าๆ"คูรินิล หัวเราะ
"อ้าวแล้วในกระเป๋าด้านหลังเจ้ามีอะไรล่ะ แบกซะตุงเชียว"เอลวินถาม
"พวกจดหมายน่ะ เมืองลาซาลเนี่ย ใช้ไปรษณีย์ทางบกอย่างเดียว เพราะทางอากาศทำได้ลำบากมาก จะใช้นกฮูกหรือนกอื่นๆไม่ได้หรอก เพราะเป็นเหมือนคำสาป ที่อะไรลอยอยู่บนฟ้า นี่แทบจะลุกเป็นไฟแล้วไหม้เป็นจุล เลยต้องใช้ทางบกเอา"คูิรินิลอธิบายอีก

คูนิริลพูดจบ นางแมวประมาณ 7-8 ตัว และ ชายชกรรจ์คนหนึ่ง ปรากฏขึ้นต่อหน้า เอลวินและคูรินิล
"ข้า ขอม้าตัวนี้ได้มั้ย"ชายชกรรย์คนนั้นพูด พร้อมก็ถือมีดชี้มาที่หน้าเอลวิน
"ข้าคงให้ไม่ได้"เอลวินพูด นาวแมวทั้งหลายตัว เข้าโจมตีเอลวินทันที
เอลวินหยิบดาบที่อยู่ติดตัวเขาขึ้นมา เป็นดาบยาว ด้ามจับใหญ่ ใบดาบขนาดใหญ่ คล้ายดาบหลวงฟิเลเซีย

"นี่มัน !!! ดาบศึกฟิเลเซี
« Last Edit: November 27, 2008, 11:43:31 PM by ArtiizZŽ » Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #36 on: October 18, 2008, 01:34:34 PM »

สั้นๆง่ายๆ

"ใครตะโกน?"       


ป.ล. อ๊ะ อัพแล้วต้องให้ตาม ไม่มีบอกเล้ยยยยยย = = 
Logged


Zenonymn
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 483


« Reply #37 on: October 19, 2008, 12:11:52 AM »

หนุกดี ๆ ครับ 
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #38 on: November 28, 2008, 12:25:36 AM »

Chapter : 16  สงครามขนาดย่อมกลางทะเลทราย

จอมโจร ราชาดหยุดมือทันที เมื่อได้ยิน หันหน้าไปทางชายผมขาวชุดดำ สวมผ้าคาดดวงตาทั้งสองด้าน เอลวินเคยเห็นหน้าชายผู้นี้ในประกาศจับในเมืองฟิเลเซีย ซึ่งค่าหัวของเขา ถึง 2 ล้าน ออเรียส

"เจ้าคือ คนใน ประกาศจับนั้น"เอลวินตะโกนขึ้นมา เอลวินควงดาบศึกฟิเลเซีย โจมตีใส่ชายชุดดำนั้น ชายชุดดำนั้น ยกดาบเซเบอร์คู่ประจำตัว ป้องกัน
"เฮ้ ฟังหน่อยสิ"ชายชุดดำพูด และป้องกันตัวเองไปในตัว
ราชาดและนางแมวรอบๆ พากันยกมีดป้องกันตัวชายชุดดำอย่างเข้มแข็ง
"หยุดก็หยุด แต่ข้าอยากถามเจ้า ว่า เจ้าคือใคร ทำไมถึงไปอยู่ในประกาศจับนั่น"เอลวินเก็บดาบลง แต่เขาก็ยังไม่ไว้ใจชายคนนั้น
"ข้าคือ เดลาโน่ มือสังหารแห่งฟิเลเซีย ข้าจำเป็นต้องหนีจากฟิเลเซีย เพื่อความปลอดภัยของตัวข้าเอง และ ครอบครัวของข้าก็ถูกประหารสิ้น"เขาแนะนำตัว
"แล้วเจ้ามีความผิดอะไร และทำไมต้องมาอยู่แบบนี้ด้วย"เอลวินซักไซร้
"ข้าถูกใส่ร้ายเรื่อง ลอบปลงพระชนม์ องค์ชายน้อยซิกมันต์ที่ 4 เมื่อ 2 ปีก่อน ในวันเกิดเหตุข้า่ไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ วันรุ่นขึ้น ทหารก็มาล้อมบ้านข้า และจับตัวข้าส่งให้ศาล และศาลสั่งประหารชีวิตข้า แต่ข้ารอดมาได้อย่างหวุดหวิด เพราะแม่ทัพชาร์ลช่วยเหลือ ข้าจึงหนีมาเรื่อยๆจนถึงลาซาล และก็ได้พบกับกลุ่มโจรกลุ่มนี้ ข้าจึงได้เข้าร่วมกับกลุ่มโจรนี้ด้วย เพราะข้าจำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอดของตนเอง"เดลาโน่พูดถึงอดีต

เดลาโน่พูดจบ เอลวินเองก็เข้าใจ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจเดลาโน่
คุรินิล ก็เดินเข้ามาหาเอลวิน เหมือนจะยื่นของบางอย่างให้เอลวิน สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ลูกธนูแหวกอากาศปักทะลุหน้าอกเด็กชาย เลือดจากหน้าอกกระเซ็นใส่เอลวินผู้อยู่เบื้องหน้า

"ตึกๆๆ" เสียงสัตว์ขนาดใหญ่วิ่งมาจำนวนมาก เอลวินกำลังตกใจกับร่างของเด็กชายผู้อยู่ต่อหน้า

หอกด้ามยาว แหวกอากาศมาหากลุ่มโจรจำนวนมาก เหล่านางแมวบางตัวก็ตาย เดลโน่และราชาด เริ่มหาที่กำบังหอกเหล่านั้น เอลวินเองก็นำร่างคุรินิลหาที่กำบังเช่นกัน

เอลวินมองไปเป็น อัศวินมังกรทะเลทราย [Desert Dragon Rider] ประมาณกองหนึ่ง เกือบ 100 นาย เขานับคนที่มี มีไม่ถึง 10 คนด้วยซ้ำ

"ทำยังไงดีท่านเดลาโน่"ราชาดเอ่ยปากถาม
"เอ่อ .. อื้ม"เดลาโน่อ้ำอึ้งอยู่ ทั้งๆ ที่ห่าฝนธนู โปรยพราย บริเวณที่เขากำบังอยู่
พวกเขาคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป เอลวินมองสิ่งที่ คุรินิลตั้งใจจะยื่นให้เขาเมื่อครู่ เขาจึงหยิบขึ้นมาดู เหรียญอะไรซักอย่างมีรูปนกอยู่ตรงกลาง แต่เขาเดาไม่ออกว่านกนั้นคืออะไร
" พี่ .. เอล ... วิน"เสียงเล็กๆเหมือนคนใกล้ตาย
เอลวินก้มลงมา คุรินิลยังไม่ตาย "ว่าไง คุรินิล เจ้ายังไม่ตาย"
"ปลดผนึกมัน...ปลดผนึกมัน"คุรินิลพูดสั่นๆ แล้วเขาก็สำลักเลือดออกมา และเขาก็สิ้นลมไป
 เอลวิน หยิืบเหรียญขึ้นมา " แล้วข้าจะรู้เหรอปลดผนึกยังไง "

เดลาโน่ ราชาด หรือกลุ่มนางแมวเองมองเอลวินด้วยความหวัง
เอลวินแบมือขวาขึ้น และวางเหรียญลงบนมือขวา จากนั้น เ้อามือซ้ายลูบผ่านเหรียญ และพูดในใจว่า "คลายผนึก"

แสงสีแดงสว่างจ้าออกมาจากมือขวา เอลวินมองไปบนฟ้า เห็นนกสีแดง จำนวน 20 กว่าตัว

"เกิดมา ข้าเพิ่งเคยเห็น นี่ล่ะ นกฟินิกซ์ ในตำนาน"
« Last Edit: December 01, 2008, 01:17:11 AM by ArtiizZŽ » Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #39 on: December 05, 2008, 03:39:30 PM »

Chapter : 17 คำสาปแห่งมิติ

นกฟินิกส์นับ 20 ตัว บินเข้าจู่โจมใส่ เหล่าอัศวินมังกรทะเลทราย ปีกสีเพลิง ทิ้งขนเล็กๆ ใส่ พื้นทะเลทราย
ทะเลทรายเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิงในทันใด จากนั้น นกฟินิกส์ก็หายลับไป

เอลวินมองเห็นเพลิงเช่นนั้น จึงขึ้นม้าวินดี้ " เดลาโน่ เจ้าจงหนีไป เพราะทหารพวกนี้ หวังจะจับท่านเข้าไปยังฟิเลเซีย ข้าว่าหลังจากนี้ไป ฟิเลเซีย จะต้องเกิดเรื่องแน่ๆเลย"เอลวินพูด
"ขอบคุณ เจ้าชื่ออะไรหรือ"เดลาโน่ถามก่อนที่จะจากลาไป
"ข้า เอลวิน ไบลธ์ รองแม่ทัพเปกาซัสแห่งฟิเลเซีย " เอลวินแนะนำตัว ก่อนจะนำพาวินดี้ขึ้นฟ้า เพื่อกลับไปยังฟิเลเซีย เพื่อเข้าพบแม่ทัพชาร์ล

เอลวินบินขึ้นไป บนฟ้าเหนือเมฆ อัศวินม้าดำคนหนึ่ง ที่เขาเคยเจอในเขาเวฮาล ปรากฏขึ้นต่อหน้า
"แกอีกแล้วเหรอเนี่ย"เอลวินตบม้าควงดาบศึกฟิเลเซีย เข้าประหัตศัตรู

แต่ เอลวินก็หยุดการโจมตี

"ปู่" เอลวินพูดเสียงดังอย่างตกใจ เพราะหน้าของอัศวินม้าดำคนนั้น คือ มาธิอัส ไบลธ์ คนที่เลี้ยงเขามากับมือ
อัศวินดำคนนั้น ไม่พูดอะไร ควงหอกแทงเข้าหา ตัวเอลวิน
เอลวินกำลังตั้งท่าหลบ

ลำแสงสีน้ำตาล จากเขาม้าดำที่อัศวินคนดังกล่างขี่ จี้เข้าหาตัวเขา ตัวเขาแข็งทื่อดั่งหินก้อนหนึ่ง
ตัวเขาแข็งทื่อ บนม้าวินดี้ อัศวินม้าดำ ก็นำหอกเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนห่างกันประมาณครึ่งเมตร

"คำสาป แห่ง มิติ" เสียงกระซิบเบาๆข้างหูเอลวิน จากนั้นตัวเอลวินและวินดี้ก็หายลับไปกับตา อัศวินม้าดำคนนั้น
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #40 on: December 05, 2008, 07:11:43 PM »

โดนม่านมิติหายไปทั้งคู่เลย

แล้วทำไมจะจบตอนสักทีนี่ต้องมีอะไร Surprise อยู่เรื่อยเลย
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #41 on: December 06, 2008, 03:47:56 AM »

Chapter : 18  การต้อนรับที่แสนอบอุ่น

คำสาปแห่งมิติ หรือที่รู้จักกันดีในนาม Dimension Curse สามารถพาผู้ที่ถูกคำสาป ไปที่ไหนก็ได้โดยสุ่ม บางคนโชคดีหน่อย อาจจะตกอยู่ในบริเวณ ที่ถูกคำสาปนี้ แต่ถ้าโชคร้ายหน่อย ก็จะไปอยู่กลางอ่าวแอนดิซอง เป็นเหยื่อของมังกร จอร์มันการ์ดไป หรือ เกาะวาลอค ที่สิงสถิตของตำนานมังกรไฮดร้า และอีกหลายที่

แต่เอลวิน ตกลงมาจากประตูมิติกางออกเป็น พื้นที่กว้างๆ เป็นถนน มีต้นไม้ดอก สีชมพูบานสะพรั่งหลายต้น
เอลวินเดินกลางถนนจูงม้าวินดี้คู่ใจมาพร้อม
"ข้าไม่เคยเห็น ไม้ดอกที่งดงามเช่นนี้ใน ฟิเลเซีัยมาก่อนเลย" เอลวินมองขึ้นไปบนต้นไม้งามเหล่านั้น
เอลวินเดินเลียบถนนไปเรื่อยๆ เห็นเป็นแหล่งน้ำ ขนาดใหญ่ประมาณทะเลสาบ เขาจึงจูงวินดี้มาแวะกินน้ำ และเขาก็ดื่มน้ำริมทะเลสาบนี้ด้วย น่าแปลก ที่ถนนเลียบทะเลสาบไม่มีพื้นที่อยู่อาศัยเลย

เมื่อ ปฏิบัติอะไรต่อมิอะไรเสร็จแล้ว ก็เดินตามถนนไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายปลายทาง จนเกือบเวลาตะวันตกดิน ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะเจอ ที่พักอาศัยเลย
เอลวินจึงพักใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง วินดี้ก็หลับไปเสียแล้ว
เอลวินกำลังนึกถึงเรื่องเมื่อตอนเช้า กับ เดลาโน่ "ถ้าเดลาโน่พูดความจริงทุกประการ เจ้าชายซิกมันต์ที่ 4 ก็กำลังจะตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ เกี่ยวกับบัลลังค์ของพระองค์ แต่คงจะไม่เป็นไรหรอกนะ แม่ทัพชาร์ลก็อยู่ แม่ทัพโรน่าก็อยู่"
และเขาก็ยังค้างคาอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องปู่ของเขา เขาจึงหยิบสมุดขึ้นมาเล่มหนึ่ง และจดลงไป "ตอนนี้ ข้าไม่เข้าใจว่า วิญญานของปู่ ยังติดค้างอะไรกับข้าอีก โปรเจคอมานคริส และทฤษฎีมังกรก็อยู่ในมือผู้สืบทอดแล้ว พี่รีเบคก้า ข้าไม่เข้าใจ ข้าติดค้างอะไรไว้"

ระหว่างที่เขาเขียนอยู่ เงาสองเงาแล่นผ่าน พุ่มไม้ด้านหน้าที่เอลวินนั่งอยู่
เอลวิน เอ๊ะใจขึ้นมา เลยลุกขึ้น หยิบดาบศึกฟิเลเซียออกจากฝัก
เงาทั้งสองปรากฏต่อหน้าเอลวิน เป็นชายคลุมหน้าทั้งคู่ พลางถามเอลวินด้วย " เจ้าเป็นใคร "
" ข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องการอะไร แต่ถ้ามาป้วนเปี้ยนตอนเวลาคนจะหลับจะนอน ข้าไม่ชอบ" วาแล้วเอลวินฟาดดาบศึกฟิเลเซีย ใส่ชายคลุมหน้าคนนึ่ง เขาหลบไม่ทัน ดาบศึกหั่นโดนมือขวา ขาดสะบั้นลงมา
คนที่มาด้วยอีกคนหนึ่ง หยิบ คาตานะ ด้านหลัง เข้าโจมตี เอลวิน เสียงเคร้ง ๆ ดังกึกก้องสนั่น "ดาบเล็กแค่นี้ ทำไมมันแข็งแกร่งจังเลย" เอลวินบ่น
"บ่นอะไรกันนักหนา"ชายคลุมหน้าพูด

ชายคลุมหน้า กระโดดลังกาหลัง ถอยไปห้าก้าว และทำท่าเหมือนจะเก็บดา่บ ความสีขาวๆพุ่งออกมาจาก เขาฟาดฟัน ควันเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงเป็นแสงดาบเล็กๆ นับหมื่นพุ่งเข้าหาเอลวิน เอลวินคงหลบไม่พ้น จึงยกดาบกัน ดาบศึกฟิเลเซีย เองก็ทนก็โจมตีแบบนี้ไม่ได้ ตัวดาบเริ่มบิ่นๆ ไปตามแรง

แสงดาบพุ่งเข้าหาเอลวินอย่างจัง ควันต่างๆ ฟุ้งกระจายไปหมด
เอลวินล้มลงตามแรงโน้มถ่วงโลก ในใจก็คิดเจ็บใจที่ไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งแบบนี้มาเลย ดาบศึกฟิเลเซียก็อยู่ในสภาพใช้การไม่ได้แล้ว
เอลวินมองขึ้นมา หาคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ พวกเขาเหล่านั้นก็หายไปเสียแล้ว สงสัยพวกนั้นนึกว่าเขาตาย

เสียงคนเดินมาใกล้ๆอีกเสียง เข้ามาในหูเขา
"จะอะไรกันอีกเนี่ย"เขาคิดในใจ
เขานอนเอาสายตามองช้าๆ สังเกตเป็นเสื้อสีแดงเถือก มัดผมสีดำ ไม่ปิดหน้าตาเหมือนคนเมื่อครู่ และที่สำคัญเป็นผู้หญิง
"เจ้าไหวไหมเนี่ย"เสียงผู้หญิงคนนั้นถาม
"อาจจะไม่ไหว เจ้าคือใครเหรอ"เอลวินถาม
"เดี๋ยวค่อยแนะนำตัว ข้าว่าไปที่พักของข้าเถิด เจ้าโชคดีมากเลยนะเนี่ย ที่รอดมาจาก ดัชนีหมื่นจันทรา ของ มือสังหาร มิสึกิ"ผู้หญิงคนดังกล่าวพยุงเอลวินลุกขึ้นมา พร้อมกับจูงม้าวินดี้มาด้วย

"ขอบใจเจ้า"
ผู้หญิงพยุงตัวเอลวินมาอย่างช้าๆ เข้าไปในป่า เอลวินเองก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ผู้หญิงคนนี้แผ่มาให้เขา และที่สำคัญในตอนที่เขาล้มลงในป่า เขามองเห็นหน้าเธอไม่ชัด สิ่งเขาต้องการเห็นที่สุดตอนนี้ คือ ใบหน้าของเธอคนนี้
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #42 on: December 07, 2008, 02:55:04 PM »

มิสึกิ  ???
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #43 on: January 02, 2009, 02:50:47 AM »

Chapter 19 : ทีมงานล่าสังหาร

ในตำหนักแห่งกิเลน กลางเมืองหลวงของประเทศนิโคอุ นางางิสะ

"ท่านไดเมียว การไล่ล่าเป็นอย่างไรบ้าง"จักรพรรดินี มิโกะ มะอิ ทรงตรัสถาม ไดเมียวชุดสีดำ ที่นั่งอยู่บริเวณเยื้องๆของพระที่นั่ง บุคลิกเหมือนคนท้วมดูหน้าตาคราว 50 ปี
"ยังไม่พบ เลยพะยะค่ะ"ไดเมียววัยกลางคน ถวายบังคมแล้วพูด
"แล้ว ทางเหนือล่ะ ท่านไดเมียวก็ไม่พบเลยเหรอ"จักรพรรดินี ทรงตรัสถามอีกรอบ
"ทางผู้ตรวจการภาคเหนือ ชิบาสึ ก็ยังไม่พบเลยพะยะค่ะ ภาคใต้เองก็เช่นกัน"ไดเมียวพูดตอบ
"นับมากี่วันแล้ว ที่มี ข่าวที่ ชิโรอิ จะกลับมาทวงราชบัลลังค์ ข่าวนี้เหมือนมารที่กวนใจข้าเหลือเกิน ท่านไดเมียว ข้าขอกำชับอีกที จับเป็นได้ขอให้จับเป็น แต่ถ้ากลับได้ศพกลับมาก็ไม่เป็นไร เอาล่ะ ท่านออกไปได้แล้วล่ะ"จักรพรรดินีตรัสสั่ง
"พะยะค่ะ"ถวายบังคมแล้วเดินออกมาจากห้องบรรทม

ณ จวนไดเมียวเต่าดำ
มือสังหารสองคน เดินเข้ามาไดเมียววัยกลางคนกลางห้องโถง
มือสังหาร เมื่อเห็นไดเมียว ก็ทำความเคารพ แต่อีกคนไม่สามารถทำได้เพราะ แขนขวาขาดไป
"เกิดอะไรขึ้น มิสึกิ"ไดเมียวไปถามมือสังหารผมสีแดงนาม มิสึกิ
"เป็นความของข้าเอง ข้าประมาทศัตรูมากเกินไป"มือสังหารแขนขาดคุกเข่าลง
"ลุกขึ้นมาเถอะ ชิบะ จงไปหาเซชิ เซชิน่าจะช่วยเจ้าได้ ส่วนมิสึกิ เจ้าจงไป ที่ห้องประชุม ทุกคนกำลังรอเจ้าอยู่"ไดเมียวพูดกับลูกน้อง
"ขอรับ ท่านไดเมียว"

มิสึกิค่อยๆเดินไปห้องประชุม เมื่อเปิดประตูออกมา มี เหล่ามือสังหารและนินจานับ สิบคนนั่งล้อมโต๊ะอยู่ ไดเมียวก็เดินเข้ามาตรงโต๊ะ แล้วก็พูด "มิสึกิ นั่งก่อน"

ไดเมียวก็นั่งลง อยู่ท่ามกลางมือสังหารและนินจานับสิบ
"พวกเจ้าทำงานกันไปถึงไหนแล้ว"ไดเมียวถาม
"ข้าพบร่องรอยของ ชิโรอิแล้ว"มือสังหารหญิงคนหนึ่งลุกขึ้นตอบ
ไดเมียว และมือสังหารทุกคนมองไป เป็นมือสังหารหญิงผมสีน้ำตาลออกจะเป็นเหลืองใส่ชุดรัดกุมสมกับเป็นมือสังหาร
"ว่ามา ยูริ"ไดเมียวพูด
"ข้าเจออยู่ตรงป่าริมถนน นางางิสะ-ชินาโนะ มีหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อว่า หมู่บ้านซากุระสีรุ้ง"ยูริอธิบาย
"งั้นให้ข้าไปจัดการเลยมั้ยครับ ท่านไดเมียว"เสียงหนุ่มอายุน้อยดังขึ้น สายตาทุกคนมองไป เป็นมือสังหารอายุน้อยที่สุด โฮโนโอะ
"งานนี้ข้าว่าเจ้าคนเดียวคงทำไม่ได้หรอก โฮโนโอะ แต่ถ้าข้าคนเดียวคงสบาย"คราวนี้เป็นเสียงแหบๆ พูดขึ้นมา สายตาทุกคนกวาดไปอีกรอบ เป็น ชายผมสีขาวอมม่วง ชุดสีม่วงทั้งตัว เขาคือมือสังหารเฮียว นากายากุ
"พอเถอะทั้งสองคน เรืองนั้นข้าคิดไว้ในใจแล้ว"ไดเมียวพูดเสียงดังเพื่อหยุดความวุ่นวายในห้องประชุม

"ยูริ คุเรไน ชิสึเนะ พวกเจ้าจงปฏิบัติภารกิจนี้"ไดเมียวพูดช้าๆชัดๆ
เหล่ามือสังหารชายไม่พอใจขึ้นมาทันใดที่ได้ยิน แต่ไดเมียวก็ไม่สนใจ ทั้งสามมือสังหารสาวเดินเข้ามาหาไดเมียว
"ท่านไดเมียว ข้าขอถามอะไรซักอย่าง"คุเรไน มือสังหารหญิง ที่มีผมยาวดำปิดหน้า ซึ่งเป็นคนไม่ค่อยพูด ถาม
"ว่ายังไง คุเรไน"ไดเมียวพูด
"จับเป็นหรือจับตาย"คุเรไนพูดช้าๆ

"ว่าแล้วว่าเจ้าต้องถามแบบนี้ งั้นก็แล้วแต่เจ้าต้องการแล้วกัน" ไดเมียวพูด

 ทั้งสามมือสังหารหญิงก็เดินจากห้องไป

มิสึกิที่นั่งเงียบอยู่นาน ก็นั่งคิดอยู่คนเดียว
"เมื่อวานนี้ ที่ที่เราเจอกับชาวต่างชาติ ก็บริเวณนั้นนี่นา หมอนั่นก็เก่งเอาเรื่องอยู่ เหอะแต่ช่างมันเถอะ ดัชนีหมื่นจันทราน่าจะพามันไปพบยมทูตแล้วล่ะมั้ง"

Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #44 on: January 03, 2009, 02:09:42 AM »

Chapter 20 : ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เวลาเช้ามืด
ณ บ้านหลังหนึ่ง ใน หมู่บ้านซากุระสีรุ้ง
หญิงผิวขาว หน้าตาดี ผมยาวตรงสีดำ กำลังขมักเขม้นทำกับข้าวอยู่ในครัว เมื่อเธอทำอาหารเสร็จ เธอก็ตรงไปที่ห้องนอนของเธอทันที

พบผู้ชายคนหนึ่งพันผ้าพันแผลรอบตัวนอนอยู่บนเตียงไม้ แน่นอน ชายคนนั้น เป็นเอลวิน

เขายังไม่รู้สึกตัวเลย
หญิงสาวผมดำก็ไม่ปลุก ได้แต่วาง อาหารเช้าที่โต๊ะใกล้ๆกับเตียง แล้วเธอก็ไปนั่งอยู่ตรงข้างๆเท้าของเอลวิน

เอลวินเริ่มจะรู้สึกตัว เขาเริ่มลืมตาออกมาเห็นภาพหญิงสาวที่ช่วยเขาไว้เมื่อคืนนั่งอยู่บนปลายเตียง
"เจ้า วินดี้ ม้าของข้าล่ะ"เอลวินห่วงม้าของเขาเป็นสิ่งแรก
"เจ้านี่จริงๆเลย ม้าเจ้าอยู่ในคอกม้าข้างบ้านนี่ล่ะ"หญิงสาวพูดกับเอลวินช้าๆ
"แล้วเจ้า เจ้าเป็นใคร"เอลวินลุกขึ้นมานั่งบนเตียง แล้วเริ่มเพิ่มความดังของเสียงตนเอง
"ใจเย็นๆ ข้าคือ ชิโรอิ ฮาโทเนะ ข้าควรถามเจ้ามากกว่า ว่าเจ้าเป็นใครทำไมมาอยู่แถวนี้ได้"เธอแนะนำตัวแล้วก็ถามเอลวิน
"ข้าเหรอ"เอลวินชี้นิ้วชี้มาที่ตัวเอง ชิโรอิพยักหน้าลง
"ข้า เอลวิน ไบลธ์"เอลวินแนะนำตัว
"เจ้าไม่ใช่คนที่นี่ เจ้าเป็นคนของคณะซิสเตอร์เหรอ"ชิโรอิถาม
"เปล่าซิสเตอร์อะไรกัน ข้าเป็นคนฟิเลเซีย"เอลวินส่ายหัว แล้วพูด

เพล้ง !!!

เสียงกระจกแตกละเอียด ในห้องนอน ชายหญิงที่นั่งอยู่บนเตียงหันไปมอง
ชิโรอิเห็นอะไรลอยเข้ามา
"ระเบิดควันเอลวิน หลบก่อน"ชิโรอิพูด

ฟู่ ควันจากระเบิดควันแผ่ออกเป็นวงกว้าง
มือสังหารชุดดำ โผล่ตัวออกมา พร้อมกับ คาตานะสีดำสนิท ปาดเข้าฟันร่างของชิโรอิ
ชิโรอิหลบทันควัน พร้อมกับหยิบดาบวากิคาชิออกจากฝักที่ติดตัวเธออยู่เสมอ
"ไปเอาม้าสิ เอลวิน"ชิโรอิตะโกนสั่งเอลวิน
เอลวิน วิ่งไปออกไปทางประตูหน้า
 มือสังหารสองคนยืนดักอยู่ ทั้งสองถือ คาตานะเล่มสีดำ เหมือนกันกับคนที่อยู่ในห้องนอน แต่ชุดสีแดงทั้งสองคน

เอลวินเองก็ยังไม่หายดี เลย ไม่คิดจะต่อสู้ เลยวิ่งไปที่คอกม้าอย่างว่องไว

ปัง!!

เอลวินถีบประตูคอกม้าอย่างเร่งรีบแล้วก็ขึ้นไปอยู่บนหลังวินดี้ ทั้งสองมือสังหารตามมาติดๆ หวังจะสังหารม้า แต่วินดี้ ก้าวหลบ เอลวินควบม้า ไปที่หน้าประตูบ้าน ชิโรอิที่มัวแต่ต่อสู้กันอยู่หน้าประตู เห็นเอลวินควบม้ามา
"ชิโรอิ เร็วเข้า"เอลวินตะโกน
เอลวินหยุนม้าที่ประตูบ้าน พร้อมยื่นมือ ชิโรอิคว้ามือเอลวิน แล้วขึ้นบนหลังม้า

มือสังหารทั้งสามก็ตามไปเรื่อยๆ มือสังหารคนหนึ่งวิ่งทันม้า และขว้างคาตานะสีดำใส่ชิโรอิ
ชิโรอิเอาวากิคาชิปัดออกไป

"ข้าว่าแล้ว ว่าจะไม่สำเร็จ"มือสังหารผมสีแดงยืนยิ้มพร้อมถือดาบคาตานะคู่ใจ มือขวาพร้อมที่จะดึงดาบออกจากฝัก
"มิสึกิ!!ลบเร็ว เอลวิน นั่นมันจะใช้ดัชนีหมื่นจันทรา"ชิโรอิทุบหลังเอลวินแล้วพูด

มิสึกิ ดึงดาบออกมาอย่างรวดเร็ว แสงดาบสีขาวพุ่งออกมาจากดาบเป็นร้อย พุ่งเข้าหาม้าวินดี้

แต่เอลวินไม่หลบกลับควบวินดี้เข้าไปตรงๆ
"เอลวินไม่ได้ยินเหรอ บอกให้หลบไง"ชิโรอิพูดเสียงดังขึ้น

"กางปีกสิ วินดี้"

วินดี้สยายปีกออกมา บินหลบแสงดาบเหล่านั้น แล้วขึ้นฟ้าได้อย่างปลอดภัยทิ้งความงง ให้กับมือสังหารเหล่านั้น
"เรื่องบังเอิญใช่มั้ยเนี่ย พระเจ้าช่วยเราไว้อีกแล้ว" ชิโรอิพูด

"ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก และไม่ใช่พระเจ้าด้วยที่ช่วย"
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #45 on: January 03, 2009, 02:31:33 AM »

Honoo , the Oinin

อยู่ฝ่าย Shiroi ไม่ใช่หรอครับ           :'(

เหอๆๆ มาโผล่ Nikkou เฉยเลย -*-

 
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #46 on: January 08, 2009, 01:37:24 AM »

Chapter 21 : ต้นไม้ซากุระสีเลือด

ชิโรอิและเอลวินกำลังนั่งอยู่บนวินดี้ ที่อยู่บนฟ้าเหนือเมืองชินาโนะ

ชิโรอิยัง อึ้งและตกใจไม่หายว่าตนเองมาอยู่นี้ได้ยังไง เอลวินก็อธิบายถึงเปกาซัสไปเรื่อยๆ จนชิโรอิเองเข้าใจ

"นี่เอลวิน เห็นต้นไม้เลือดริมหน้าผานั้นมั้ย"ชิโรอิชี้ไปทางต้นไม้ซากุระสีเลือด ที่เด่นอยู่ริมหน้าผาสูงชัน
"เห็นสิ เจ้าจะทำไรเหรอ ต้นไม้ต้นนั้นมีอะไร"เอลวินหันหลังถามชิโรอิ
ชิโรอิเงียบไปซักพักหนึ่ง "เอลวิน ข้าอยากลงไปไหว้มารดาของข้า ผู้ล่วงลับ" ชิโรอิพูดช้าๆ
"ข้าไม่น่าถามเลย ข้อขอโทษนะ"เอลวินส่ายหัวแล้วพูด น้ำเสียงของเขาดูเอื่อยๆ ชิโรอิจึงตบหลังเบาๆ "ไม่เป็นไรหรอกน่าเอลวิน"

เอลวินก็นำม้าลงข้างหน้าต้นไม้ซากุระสีเลือด ซึ่งดูน่ากลัวมากๆ ชิโรอิเดินเข้าไป ที่ลำต้นช้าๆ และเอามือลูบ คลำลำต้น น้ำตาของเธอเริ่มไหลออกมาช้าๆ

"ฟู่ววววว " เสียงลม พัดผ่านหน้าผาเสียงดัง ใบไม้จากต้นซากุระสีเลือด ร่วงหล่นลงมา ชิโรอิจึงหยิบใบไม้ที่เป็นสีแดงเลือดสดขึ้นมา
"ท่านแม่..."ชิโรอิพูดแม้กระทั่งน้ำตา จนน้ำตาร่วงบนใบไม้ใบนั้น

เหตุอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น

ใบไม้สีแดงเลือดสด เปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน
"ชิโรอิ ลูกแม่"เสียงห้าวๆหน่อยเหมือนผู้ชาย ชิโรอิหันกลับไป เจ้าของเสียงซักครู่ คือ เอลวินนั่นเอง
ชิโรอิอย่าง งงๆ แต่ความช่างสังเกตของชิโรอิ นัยน์ตาสีเขียวของชาวฟิเลเซีย เปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลอ่อน ชิโรอิ มองที่เพื่อนร่วมทางของเธอ

"แม่ทนทุกข์ทรมาณมา เกือบ 20 ปีเต็ม 20 ปี ที่ผ่านมาหลังจากที่แม่ตาย และได้สาปแช่งผู้คนทั่วทั้งนิโคอุ"องค์หญิงฮิเดโกะในร่างของเอลวินพูด
"แต่แม่ เรื่องมันก็ผ่านมา 20 ปีแล้วนะ แม่ยังไม่ลืมความแค้นอีกเหรอ"ชิโรอิพูดด้วยน้ำเสียงรุนแรงขึ้น
"แม่เจ้าใจลูกนะ ในเมื่อคำสาปแช่งของแม่เกิดผลจริง มีวิธีเดียวที่จะ ถอนคำสาปแช่งนี้ได้ คือ ได้มิโกะกิเลนองค์ใหม่ที่ไม่มีเชื้อสายจากไดเมียว หรือขุนนางชั่วเหล่านั้น ประเทศของเราจะได้สงบสุขเสียที"องค์หญิงฮิเดโกะพูด
"ทำไม แม่ไม่ถอนคำสาปแช่งนั้นด้วยตัวเองล่ะ" ชิโรอิพูด
"แม่ทำไม่ได้ ตอนนั้น เหมือนมีบาปที่เข้าครอบงำแม่ แต่ก็ช่างเถอะ แม่ติดตามดูลูกอยู่ตลอดเวลา เพื่อนลูกทั้งสามคนในโบสถ์น่ะ กำลังมีอันตรายนะ จงรักษาตัวของเจ้าไว้ดี แล้วอีกอย่าง ชายคนนี้ ก็ เป็นเพื่อนของเจ้าอีกคนเช่นกัน"ร่างของเอลวินค่อยๆทรุดลง

"มาโกโตะ ริวสึเกะ อุทาดะ!!!" ชิโรอิตะโกนขึ้นมา เอลวินก็สะดุ้งขึ้นมาทันที

"ไปเถอะเอลวิน พวกเราต้องรีบไป ไปช่วยเพื่อนของพวกเรา"

ชิโรอิยื่นมือจับเอลวินไว้แน่น แล้วดึงเอลวินลุกขึ้นมา เอลวิและชิโรอิขึ้นบนม้าวินดี้ บินขึ้นสู่ท้องฟ้า มุ่งหน้าสู่โบสถ์ที่ชิโรอิรู้จักดีริมทะเลชานเมืองนางางิสะ อย่างเร็วที่สุด
Logged


Pages: 1 2 [All]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.149 seconds with 20 queries.