Summoner Master Forum
March 29, 2024, 03:27:45 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: @@ นิยายSMN Chapter 62 เปลวเพลิงที่มอดดับ @@  (Read 10098 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« on: January 09, 2008, 04:16:55 AM »

Chapter 62   เปลวเพลิงที่มอดดับ



                            อาณาจักรซาโลมเวลานี้มีแต่เสียงร้องไห้คร่ำครวญ   ตามถนนหนทางเต็มไปด้วยบรรดาหญิงหม้ายในชุดผ้าดิบเนื้อหยาบสีทึ่ม ๆ เนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยฝุ่นดินและขี้เถ้า   ซึ่งเป็นธรรมเนีนมปฏิบัติของชาวทะเลทราย   ที่จะต้องแต่งตัวเช่นนี้   เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความทุกข์และความโศกเศร้าอาวรณ์ต่อผู้ที่จากไปจนไม่มีแก่ใจจะแต่งตัวให้สวยงาม   รวมไปถึงสิ่งสวยงามต่าง ๆ ภายในอาณาจักรไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้าง หรือ เครื่องประดับตกแต่งอาคารบ้านเรือนที่มีสัสันฉูดฉาดก็ถูกเก็บออกไป หรือไม่ก็ถูกคลุมทับด้วยผ้าดิบเนื้อหยาบ   จนทั่วทั้งอาณาจักรแลดูซึมเศร้าไร้สีสัน   ทุกคนต่างออกมายืนออตั้งแถวเตรียมรอรับขบวนศพของกษัตริย์ซาดินที่กัลงจะเคลื่อนเข้าสู่ประตูเมือง   และรวมไปถึงรอรับสิ่งของเคื่องใช้ของบรรดาสามี พ่อ พี่ชาย หรือ ลูกชายของพวกนางที่เสียชีวิตในสงคราม   เพราะเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า   ทุกบ้านจะไม่ได้รับศพของสมาชิกในครอบครัวกลับคืน   ดังนั้นใครได้รับสิ่งของเครื่องใช้คืนก็หมายความว่าพวกเขาเหล่านั้นเสียชีวิตแล้วนั่นเอง
                            ทันทีที่เสียงกลองหน้าประตูเมืองระรัวดังขึ้น   เสียงร้องไห้คร่ำครวญก็ยิ่งดังระงมมากยิ่งขึ้น   โดยไล่จากประตูเมืองด้านหนึ่งไปยังประตูเมืองอีกด้านหนึ่ง   เสียงกลองให้จังหวะการเดินดังหระหึ่มพร้อม ๆ กับขบวนนักแมนโดลินหลวง (Palace Mandolinist) ที่บรรเลงเพลงเศร้าด้านเครื่องเป่าเสียงแหลม   เสียงที่แหลมเล็กฟังแล้วเหมือนเสียงหวีดร้องคร่ำครวญของหญิงที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก   ซึ่งทำให้บรรยากาศที่ชวนสลดหดหู่อยู่แล้วยิ่งทวีความท้อแท้ สิ้นหวังมากขึ้นไปอีก   แม้บางคนจะไมได้รู้สึกโศกเศร้าเสียใจจริง ๆ   แต่บรรยากาศก็ชวนให้รู้สึกหดหู่ตามไปด้วย
ริ้วธงรูปวิหคเพลิงผืนใหญ่หลายร้อยผืนโบกสะบัดด้วยแรงลมเดินนำขบวนทัพมาเป็นอันดับแรก   โดยเหล่านักดนตรีก็แปรขบวนออกเดินนำหน้าเพื่อแห่พระศพขององค์กษัตริย์ไปทั่วเมือง   
                            เมื่อริ้วธงวิหคเพลิงเคลื่อนผ่านประตูเมืองไปจนครบแล้ว   ก็ถึงขบวนราชรถที่บรรทุกพระศพขององค์กษัตริย์   รถศึกสีแดงคลิปทองที่ถูกส่งไปรอรับพระศพที่เขตชายแดนตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนได้รับการตกแต่งประดับประดาอย่างเลิศหรูสมพระเกียรติ   โลงศพทองคำที่สลักเป็นลวดลายวิหคเพลิงกางปีกร่ายรำเป็นท่วงท่าต่าง ๆ อย่างแสนวิจิตรก็เปล่งประกายอย่างงดงามยามต้องแสงอาทิตย์   แต่ใครเลยจะรู้ว่าภายในโลงทองคำนั้น   มีเพียงเศษเถ้าถ่านของจอมกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น
                            อุปราชเบลซ เซจ ซึ่งนั่งอยู่บนรถศึกคู่กับแบล็ก ไวเซอร์ ตามหลังขบวนโลงศพทองคำก็นั่งสงบนิ่ง   ใบหน้าถูกฉาบด้วยความโศกเศร้าและอมทุกข์คล้ายกับคนที่ถูกดูสีสันแห่งชีวิตไป   บางครั้งก็แสร้งเงยหน้าขึ้นเหมือนคนพยายามกล้ำกลืนน้ำตา   จอมเวทย์ดำเหลือบมองสหายผู้ชั่วร้ายอย่างรู้ทันจึงอดแสร้งเหน็บไมได้
                            “ดูสมจริงมาก” จอมเวทย์ดำนั่งเอนหลังเล็กน้อยมองหน้าสหายผู้สูงวัยกว่าพลางเหยียดปากหยัน ๆ เหล่ตาไปทางโลงศพทองคำ   ด้วยเสียงที่แหบแห้งของแบล็ก ไวเซอร์ ทำให้ยากที่จะรู้ว่าเขาพูดด้วยความจริงใจหรือประชดกันแน่
                            “สงบปากของเจ้าไว้สักหน่อยจะดีกว่า   ถ้าเจ้ายังอยากจะทำลายฟีเลเซียให้ราบเป็นหน้ากลอง   ก็อย่าคิดมายั่วโทสะข้าในตอนนี้” เบลซ เซจ หันมาพูดโดยที่สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
                            “ข้าไม่ได้จะยั่วโทสะหรอก” จอมเวทย์แบล็ก ไวเซอร์ หรี่ตาลงข้างหนึ่งคล้ายจะกำลังประเมินความคิดของอีกฝ่าย “เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าท่านมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป   แตกต่างจากเดิมจนน่า...ประหลาดใจ” จอมเวทย์ดำเว้นระยะห่างคำพูดสุดท้ายอย่างจงใจ   ถึงคราวนี้อุปราชเฒ่าจึงเริ่มหรี่ตาลงบ้าง
                            “เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
                            “ข้าอดสงสัยไม่ได้ว่า...ท่านแอบไปทำอะไรลับหลังข้ารึเปล่า?” แบล็ก ไวเซอร์ถามกลับด้วยใบหน้ายิ้มน้อย ๆ เหมือนรู้ทัน
                            “ทำไม?   เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรรึ?”  เบลซ เซจขมวดคิ้วแสร้งตีหน้าซื่อ
                            “ก็อย่างเช่น... แอบทำสัญญากับจอมปีศาจ” แบล็ก ไวเซอร์พูดราวกับปล่อยหมัดเด็ดเข้าใส่ท้องของอุปราชเฒ่าเต็ม ๆ ก่อนจะมองจ้องใบหน้าของอุปราชเฒ่าด้วยสายตาที่คมกริบเพื่อจับสังเกตความผิดปกติใด ๆ ที่แสดงออกมา   
                            เมื่อเห็นว่า จอมเวทย์ดำ จ้องอย่างไม่วางตา อุปราชเฒ่าก็เค้นเสียงหัวเราะขึ้นกลบเกลื่อน “ดูจ้องข้าเข้าสิ   เรามานั่งระแวงกันเองเช่นนี้แล้วจะทำการใหญ่ได้อย่างไรกัน   เวลานี้เราต่างก็ต้องพึ่งพากำลังของกันและกันไม่ใช่รึ?”
แบล็ก ไวเซอร์ยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งยิ้มหยัน “ขอเตือนไว้ก่อนนะ   ทำสัญญาปีศาจต้องจ่ายด้วยค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว   ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายหรือรู้ไม่เท่าทันมัน   ก็อย่าคิดทำจะดีกว่า”
                            “เป็นห่วงข้ารึ?” เบลซ เซจถามด้วยน้ำเสียงยินดี   ทว่ากลับไม่มีความรู้สึกใด ๆ ฉายออกมาทางดวงตา
                            “ข้าห่วงตัวเองมากกว่า   ท่านจะทำอะไรมันก็เรื่องของท่าน   แต่อย่าให้เดือดร้อนมาถึงข้าก็แล้วกัน   เดี๋ยวจะต้องมาช่วยตามล้างตามเช็ดกันให้วุ่น” จอมเวทย์ดำเหลือบไปทางโลงศพทองคำเบื้องหน้า “นั่น...เป็นตัวอย่าง”
แบล็ก ไวเซอร์พูดจบก็เบือนหน้าไปมองประชาชนที่มาตั้งขบวนอยู่ข้างถนนโดยไม่ได้ให้ความสนใจใด ๆ กับอุปราชเฒ่าอีก   ทว่าข้างฝ่ายอุปราชเฒ่านั้นกลับโกรธจนแทบเนื้อเต้น   ขยับปากตั้งท่าจะโต้เถียงด้วยวาจาที่เผ็ดร้อน   แต่แล้วก็หุบปากลงเสียสนิทก่อนจะค่อย ๆ คลี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา
…

                            ที่หอคอยสูงฝั่งตะวันตกของปราสาท   ราชินีเนริมอร์กำคทาแน่นจนร่างเกร็งสั่นเทิ่มไปทั้งร่าง   แรงแค้นอาฆาตพุ่งพล่านออกมานอกกายขององค์ราชินีไม่ต่างกับภูเขาไฟปะทุ   ยิ่งทรงเห็นขบวนแห่พระศพที่มีเจ้าคางคกเฒ่านั่งตามหลังอยู่เช่นนั้น   ก็ยิ่งให้กริ้วฌกรธจนแทบคลั่ง   อยากจะฉีกเนื้อมันเป็นหมื่นชิ้นให้หายแค้น   ไอร้อนพัดพวยพุ่งหมุนวนจนบรรดาข้าวของที่มีน้ำหนักเบาพัดปลิวร่วงหล่นจนเกลื่อนพื้น
                            “ว๊าย! ” เสียงร้องของหญิงสาวดังขึ้นทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก
                            ราชินีเนริมอร์ทรงหันควับไปทางต้นเสียงราวกับจะเผาไหม้มันให้เป็นจุล   นางกำนัลมอบราบแทบพื้นตัวสั่นงันงกหน้าผากจรดพื้นไม่กล้าเงยหัวขึ้นสบตาแม้พื้นห้องจะร้อนเหมือนหม้อน้ำที่ตั้งบนไฟก็ตาม
                            “ข...ขะ...ขบวนพระศะ...ศพ  กำลังจะ...จะมาถึงทะ...ที่หน้าประตูวังแล้ว เพ...เพคะ”
                            ราชินีเนริมอร์ทรงตวัดคทาที่หัวทับทิมเปล่งแสงจนวาวโรจน์ก่อนจะสาวเท้าออกไปในทันที   ชายผ้าของพระนางเฉียดผ่านนางกำนัลแค่แว่บเดียวก็ทำให้นางกำนัลถึงกับสะดุ้งโหยง   รีบถลาหลบไปข้างหลังบานประตูนั่งกัดลิ้นตัวเองหลับตาปี๋   ไม่กล้าแม้จะให้เสียงครางด้วยความหวั่นกลัวดังเล็ดรอดออกไป
…
 
« Last Edit: June 18, 2008, 04:20:47 AM by Little Lamb, the Little Angel » Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #1 on: January 09, 2008, 04:18:57 AM »

                           “แปลกจริง” แบล็ก ไวเซอร์ ตั้งข้อสังเกตเมื่อพบว่าภายในท้องพระโรงมีแต่ความว่างเปล่า   บรรดาทหารช่วยกันเคลื่อนโลงศพทองคำขึ้นตั้งไว้บนแท่นที่ถูกจัดเตรียมไว้แล้วก็รีบกุลีกุจรออกจากห้องไปทันที จอมเวทย์ดำมองไปรอบ ๆ แล้วเบ้หน้า “พระราชพิธีศพของอาณาจักรนี้ประหลาดดีแท้”
                           “ไม่... มันไม่ใช่...” อุปราชเฒ่าหันมองรอบ ๆ ตัว   ความวิตกกังวลและหวาดระแวงของอุปราชเฒ่าทำให้แบล็ก ไวเซอร์เข้าใจในความไม่ชอบมาพากลทันที   เขาเริ่มกระชับคทาเวทย์ในมือและก้าวเดินอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น
                           “เรื่องเดือดร้อนเรื่องถัดไปรึไง?” จอมเวทย์ดำเปรยเหน็บเสียงแห้ง
                           “ทหาร!” อุปราชเบลซ เซจ ตะโกนเรียก   แต่กลับมีแต่ความเงียบเชียบจนน่าวังเวง “ทหาร! ... หายหัวไปไหนกันหมด ห๊า!”
                           แบล็ก ไวเซอร์สาวเท้ายาว ๆ ก่อนจะชะโงกหน้าออกไปดูทางประตูที่พวกตนเพิ่งจะเดินเข้ามา   ก่อนจะหันกลับไปหาอุปราชเฒ่า “ทางเดินว่างเปล่า   ไม่มีทหารสักคน”
                           ตูม!!
                           จู่ ๆ ประตูฝั่งซ้ายของบัลลังก์พระที่นั่งก็ระเบิดอย่างแรง   ทำให้ประตูที่เคยสวยงามกลายเป้นเศษไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายไปทุกทิศทุกทางจนฝุ่นควันฟุ้งไปทั่ว   ทั้งสองจึงต้องรีบยกแขนขึ้นป้องกันใบหน้าและดวงตาไว้
                           “นี่มันอะไรกัน!” อุปราชเฒ่าตะโกนอย่างฉุนเฉียว แม้จะยังตกใจอยู่ไม่น้อย
                           “ชอบการต้อนรับของข้าไหม?” เสียงแข็งกร้าวเหี้ยมเกรียมของสตรีดังออกมาจากข้างหลังม่านฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย   มีเพียงดางตาสีแดงเพลิงและหัวทับทิมสีแดงที่เปล่งแสงไม่ต่างกับเปลวเพลิงที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนท่ามกลางฝุ่นควัน   และแล้วจู่ ๆ เปลวเพลิงที่หัวคทาก็หมุนคว้างอย่างรวดเร็วและแปรเปลี่ยนไปเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ลอยสูงเกือบจรดเพดาน “Furious Flame!! ”


…

                           “เสด็จแม่?” เจ้าชายอิสฮานในชุดแต่งตัวเต็มยศค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไปในห้องบรรทมของพระมารดา   แต่แล้วเจ้าชายก็ต้องทรงเบ้ปากขึ้นเมื่อพบว่าภายในห้องบรรทมนั้นไม่มีใครอยู่เลย   เจ้าชายน้อยทรงนิ่วหน้าด้วยความสงสัยเมื่อจู่ ๆ พระมารดาก็มีรับสั่งให้พระองค์รออยู่ในห้องและแต่งตัวเตรียมรอรับพระศพเสด็จพ่อ   หากไม่มีรับสั่งเรียกตัวก็ไม่อนุญาตให้ออกจากห้อง   รวมถึงบรรดาข้าราชบริพารที่ไม่มีหน้าที่สำคัญก็ถูกสั่งให้ไปตั้งขบวนรับพระศพอยู่ที่ลานหน้าปราสาทจนเกือบหมด   เจ้าชายน้อยทรงยืนนิ่งคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งก็ใจหายวาบรีบวิ่งไปที่หีบทองคำประดับทับทิมสีแดงซึ่งตั้งอยู่ข้างแท่นบรรทมของพระมารดา   พระองค์ทรงค่อย ๆ เปิดออกด้วยความระมัดระวังพลางก้มดูภายในหีบทองนั้น   แล้วเจ้าชายน้อยก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าผ้าคลุมขนนกแดงของพระมารดายังคงวางอยู่ภายในนั้น
                           เจ้าชายอิสฮานทรงออกแรงดันฝาหีบจนอ้าหงายไปทางด้านหลังแล้วจึงค่อย ๆ ช้อนผ้าคลุมขนนกขึ้นมาอย่างเบามือ   พระองค์ก็เหมือนเด็ก ๆ ทั่วไปที่รู้สึกสนุกเมื่อได้จับต้องขนนุ่ม ๆ ของสัตว์   เจ้าชายทรงแทรกมือลงไปจนเห็นว่ามือทั้งมือนั้นจมหายลงไปในแพขนนก   เจ้าชายทรงยิ้มน้อย ๆ เมื่อรู้สึกจั๊กจี้ในอุ้งมือ
                           “ดีละ   เราตัดสินใจแล้ว   เราจะขออนุญาตเสด็จแม่เลี้ยงนก หรือไม่ก็สัตว์ขนปุยตัวเล็ก ๆ สักตัว สองตัว” เจ้าชายตรัสเหมือนให้สัญญากับตัวเอง แล้วจึงทรงยิ้มกว้างเมื่อนึกว่าจะทรงได้เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงน่ารัก ๆ “อันดับแรกต้องหาเสด็จแม่ให้เจอก่อน”  เจ้าชายตรัสจบก็นึกขึ้นได้ถึงเหตุผลที่ทรงออกตามหาพระมารดา   แม้จะทรงถูกพระมารดากำชับให้อยู่แต่เพียงในห้องของพระองค์   เพียงแค่ทรงคิดว่าพระมารดาอาจจะผิดหวังที่พระองค์ไม่เชื่อฟังรับสั่งของพระมารดา   จิตใจของพระองค์ก็ห่อเหี่ยวลงไปอักโขทีเดียว
                           “แต่จู่ ๆ ทุกคนก็หายไปกันหมดนี่นา  ถ้าท่านนาริสไม่ไปปราบแคว้นลาซาล   ท่านนาริสต้องอนุญาตให้เราออกมาเดินเล่นในอุทยาน หรือไม่ก็อาจจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนคุยกับเราแน่ ๆ ” เจ้าชายอิสฮานพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนการละเมิดคำสั่งของพระองค์เพื่อไม่ให้พระองค์รู้สึกผิดมากนัก   แต่ลึก ๆ ในใจนั้น พระองค์ทรงมีความประหวั่นและรู้สึกไม่สบายใจเกิดขึ้น   เพราะทรงรู้สึกว่าอาจจะมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น   แค่ถูกกำชับให้อยู่แต่ในห้องของพระองค์ก็ผิดปกติเกินไปแล้ว   เสด็จแม่รับสั่งให้พระองค์อยู่แต่ในห้องมาก่อนเลยนี่นา   แล้วยิ่งทุกคนรวมทั้งเสด็จแม่ดูเหมือนจะอันตธานไปกันหมด   จริงอยู่ที่พระองค์พบนางกำนัลหรือทหารตามห้องหรือมุมกำแพงอยู่บ้าง   ทว่าทุกคนก็พากันขอร้องให้พระองค์เสด็จกลับห้องพระเกรงกลัวอาญาขององค์ราชินี   เจ้าชายน้อยทรงยืนคิดไปพลางก็ขย๋ำมือในผ้าคลุมขนนกเล่นไปพลาง
                           ตูม!!!     
                           เจ้าชายน้อยสะดุ้งเฮือกหมุนตัวไปยังทิศทางที่เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวนั้น   มือทั้งสองกำผ้าคลุมขนนกแดงจนแน่น   ดวงเนตรคมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจมองตรงไปทางต้นเสียงราวกับจะสามารถเห็นทะลุกำแพงไปได้ “เสียงอะไรน่ะ?” ทรงตรัสเสียงเบาเหมือนถามตัวพระองค์เอง   แต่ก็ไม่มีคำตอบอะไรในใจของพระองค์เลย
                           ตูม!  ตูม!   ตูม!    ตูม!!!      
                           เจ้าชายน้อยสะดุ้งไปตามเสียงที่ดังสนั่นนั้นก่อนจะทรงยืนนิ่งด้วยทั้งตื่นตระหนกและงงงวย   ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น   พระองค์ทรงกระพริบตาปริ่ม ๆ ราวกับกำลังระดมพลังสมองให้ทำงานจนเร็วจี๋
                           “เสด็จแม่?” พระโอรสตรัสเสียงเบาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
                           ตูม!!!     
                           “เสด็จแม่!?!” เจ้าชายอิสฮานตะโกนสุดเสียงถลาวิ่งหน้าตาตื่นออกไปจากห้องบรรทมอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ขาเล็ก ๆ ของพระองค์จะทำได้
    …
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #2 on: January 09, 2008, 04:20:54 AM »

                        “หยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” เบลซ เซจตะโกนอย่างเกรียวกราดท่ามกลางซากปรักหักพังและฝุ่นควันที่คละคลุ้ง “นี่รึ? นี่รึคือวิธีตอบแทนของพระองค์ต่อผู้ที่มีความจงรักษ์ภักดีและอยู่เคียงข้างเจ้าเหนือหัวจนลมหายใจสุดท้าย   ทั้งยังแห่พระศพให้อย่างสมพระเกียรติ”
                        “หุบปากโสโครกของเจ้าซะ   จะตายอยู่แล้วยังกล้าสะเออะพูดจาปลิ้นปล้อนอีกรึ?” ราชินีเนริมอร์ทรงตวาดเสียงกร้าว “เจ้าคิดว่าทำอะไรในที่ลับแล้วจะไม่มีคนล่วงรู้รึ  เจ้าคางคกโสโครก”
                        “ระวังปากของพระนางหน่อย   ข้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย   อย่ามากล่าวหากันลอย ๆ ดีกว่า” เบลซ เซจแสร้งตีหน้าซื่อ แต่ใบหน้าก็ซีดลงอย่างมีพิรุธ
                        “ไอ้คางคกปลิ้นปล้อน   จนขนาดนี้แล้วยังกล้าพูดโป้ปดอีกรึ?!” ดวงเนตรของพระนางวาวโรจน์ “ไอ้ขี้ข้าทรยศ แกทำให้ซาดินต้องกลายเป็นผีดิบทั้งเป็น คิดว่าข้าไม่รู้รึ?”
                        ทันใดนั้นลูกไฟเวทย์ก็พุ่งเข้าใส่อุปราชเฒ่าและจอมเวทย์ดำทันที   แบล็ก ไวเซอร์รีบตวัดคทาสร้างลูกไฟเวทย์สีเขียวเจิดจ้าเข้าต้านลูกไฟเวทย์ของราชินีเนริมอร์จนเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น   แรงอัดทำให้จอมเวทย์ดำกระเด็นไปกระแทกผนังด้านหนึ่งอย่างแรง   แทบจะทันที ราชินีเพลิงก็ทรงตวัดแขนอีกข้างขึ้นเหนือเศียรสร้างลูกไฟเวทย์ที่ขนาดใหญ่กว่าเดิมขว้างใส่อุปราชเฒ่าจนสุดแรง   คราวนี้ถึงคราวเบลส เซจรีบปล่อยพลังเวทย์ใส่คทาเพื่อป้องกัน   แต่แรงปะทะอันร้ายกาจของเวทย์เพลิงจากองค์ราชินีก็รุนแรงจนผลักอุปราชเฒ่ากระเด็นไปกระแทกเสาต้นหนึ่งอย่างแรง
                        ครั้นเมื่อบุรุษทั้งสองตะเกียดตะกายลุกขึ้นมาได้จึงเห็นว่าต่างก็ได้รับบาดเจ็บทั้งคู่   เบลซ เซจนั้นปากแตกจนต้องถ่มเลือดทิ้ง   นี่หากไม่ได้ท่านอวารูเซจช่วยแนะให้เขาผ่อนแรงต้านลูกไฟเวทย์   เขาก็อาจจะบาดเจ็บหนักกว่านี้   ในขณะที่แบล็ก ไวเซอร์นั้นมีรอยแตกเหนือคิ้วซ้ายจนมีเลือดไหลเป็นทาง ทั้งหมวกทรงสูงของเขาก็ถูกแรงกระแทกจนกระเด็นหล่นไปไกลทีเดียว   ซ้ำยังดูเหมือนจะมีอาการบาดเจ็บภายในจากการกระแทกอย่างแรงด้วย 
                        “หนอย! ร้ายกาจนักนะนังตัวแสบ” เบลซ เซจตวัดคทาในมืออย่างฉุนเฉียว “ดูดพลังเวทย์ของมัน   ดูสิว่าจะทนการโจมตีได้นานสักแคไหน” อุปราชเฒ่าตะโกนสั่งเสียงกร้าว
                        “ก็ลองดูสิ!” ราชินีเนริมอร์ทรงตวัดคทาต้านพลังเวทย์ของจอมเวทย์ดำเต็มกำลังจนเกิดประกายไฟพุ่งเป็นสายเชื่อมต่อระหว่างคทาขององค์ราชินีและคทาของแบล็ก ไวเซอร์   ความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองก็เริ่มพัดหมุนคว้างจนเศษซากปรักหักพังชิ้นเล็ก ๆ ปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ
                        อุปราชเฒ่าได้ทีก็สร้างลูกไฟเวทย์ขึ้นบ้างก่อนจะขว้างเข้าใส่ราชินีเนริมอร์อย่างไม่ให้ทันตั้งตัว   ราชินีเพลิงทรงรีบสร้างลูกไฟเวทย์ขึ้นต้าน   ลูกไฟเวทย์ต่อลูกไฟเวทย์ปะทะกันจนเกิดระเบิดดังสนั่นกึกก้อง   แรงกระแทกส่งให้บุคคลทั้งสามกระเด็นหงายไปไกลหลายช่วงตัว   ที่จริง ด้วยพลังเวทย์ที่สูงกว่าขององค์ราชินี   พระองค์สามารถทานแรงปะทะได้มากกว่าเบลซ เซจ และ แบล็ก ไวเซอร์   ทว่าเพราะการปะทะอยุ่ในระยะประชิดและพระองค์ยังสร้างลูกเพลิงเวทย์ได้ไม่ใหญ่พอทำให้ต้านแรงไม่อยู่
                        ราชินีเนริมอร์ทรงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแม้จะทรงรู้สึกเสียวแปลบที่แขนซ้าย   พระองค์ทรงหายใจอย่างแรงทั้งด้วยความกริ้วโกรธและด้วยความเหนื่อยที่เร่งปล่อยพลังเวทย์แบบไม่ยั้ง   พระองค์ทรงเหลือบมองที่ต้นแขนจึงทรงเห็นว่ามีแผลเปิดและเริ่มมีโลหิตไหลซึมออกมา   พระนางทรงขบกรามแน่นอย่างโกรธเกรี้ยวหันไปมองบานกระจกกั้นฉากที่แตกเป็นแผ่นใหญ่กลายเป็นเหมือนคมมีดขนาดใหญ่ดูน่ากลัว
                        “ช่างพอเหมาะพอเจาะเสียจริง” องค์ราชินีตรัสด้วยความหงุดหงิด ดวงเนตรวาวโรจน์เงื้อคทาฟาดใส่แผ่นกระจกนั้นจนแตกละเอียดร่วงกราวลงกองกับพื้น   มีเพียงอุปราชเฒ่าที่ยิ้มอย่างยินดีเพราะรู้ว่าใครเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ
                        “คิดจะจัดการอย่างไรต่อไปก็เร็วเข้าเถอะ” แบล็ก ไวเซอร์กล่าวเร่งด้วยเสียงแหบแห้ง “พลังเวทย์ของนางปกติก็สูงกว่าเราอยู่แล้ว   ยิ่งเวลาโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุดเช่นนี้   ข้าดูดซับพลังเวทย์ทั้งหมดของนางไม่ไหวนะ”
                        “หึ! เริ่มขยาดแล้วรึ?  เจ้ายังดูดซับพลังข้าไปไม่ถึงหนึ่งในร้อยด้วยซ้ำ!” ราชินีเนริมอร์กระแทกเสียงด้วยแรงแค้นก่อนจะสร้างเพลิงเวทย์ลูกใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
                        จอมเวทย์ดำรีบยกคทาขึ้นดูดซับพลังเวทย์จากลูกไฟของราชินีเนริมอร์ทันที    ในขณะที่เบลซ เซจด้วยความช่วยเหลือของอวารูเซจก็พลังลูกไฟเวทย์ขึ้นมาพร้อม ๆ กันถึงห้าลูก   ข้างฝ่ายราชินีเนริมอร์เมื่อทรงเห็นดังนั้นก็สร้างลูกไฟขนาดใหญ่ขึ้นที่มืออีกข้างหนึ่งเตรียมต้านการโจมตีของเบลซ เซจ
                        ในวินาทีนั้น ลูกไฟก็พุ่งเข้าใส่ราชินีเพลิงจากทุกทิศทุกทางทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นต่อเนื่องหลายครั้ง   แรงอัดทำให้หน้าต่างประตูทุกบานระเบิดกระจายหายไปจนเหลือแต่ช่องว่างตามผนังกำแพง   ผ้าม่านและสิ่งของต่าง ๆ ที่ไหม้ไฟได้ต้องก็ถูกเผาจนมอดไหม้   ทันทีที่กลุ่มควันจางลงจึงได้เห็นว่าแต่ละคนก็ถูกแรงดันผลักจนกระเด็นไปคนละทิศละทาง   
                        “แกมีพลังขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ราชินีเนริมอร์ตรัสถามทั้งประหลาดใจและกริ้วโกรธที่การฆ่าอุปราชเฒ่าต้องยุ่งยากและเสียเวลายิ่งขึ้น   แรงกระแทกนั้นเริ่มส่งผลต่ออวัยวะภายในของพระองค์แล้วเมื่อพระนางทรงไอเอาโลหิตออกมา   แต่ดูทางฝ่ายอุปราชเฒ่าและจอมเวทย์ดำจะบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน   “คราวนี้แหละ   จบกันสักที”
ทั้งสามต่างก็เร่งสร้างลูกเพลิงเวทย์เตรียมจะเข้าห่ำหันกันทันที   
                        “เสด็จแม่!” เสียงเจ้าชายน้อยร้องเรียกดังขึ้นจากโถงทางเดินด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพห้องระเนระนาดจากช่องประตูที่เปิดออก   ราชินีเนริมอร์ทรงหันควับไปยังทิศทางที่มาของเสียงด้วยความตื่นตระหนกเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ
                        “อิสฮาน อย่าเข้ามานะ” ราชินีเนริมอร์ตรัสสุดเสียง   แล้วก็ต้องทรงเบิกเนตรด้วยความหวาดกลัวแทบสิ้นสติเมื่อเห็นดวงใจของพระนางวิ่งมาหยุดยืนอยู่ที่กรอบประตูด้วยดวงตาที่เบิกโพล่ง
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #3 on: January 09, 2008, 04:25:54 AM »

                          แล้ววินาทีนั้นเองอุปราชเฒ่าก็แอบฉวยโอกาสขว้างลูกเพลิงเวทย์เข้าใส่องค์ราชินีทันที   ราชินีเนริมอร์ที่ไม่ได้ทรงทันระวังเมื่อมองเห็นหน้าของบุตรชายกรีดร้องด้วยความหวาดกลัววิ่งเข้ามาภายในห้อง   ดวงตาจ้องมองไปทางอุปราชเฒ่า   พระนางจึงหันไปมองตาม   และก็ได้เห็นลูกไฟสีเขียวเจิดจ้ากำลังพุ่งตรงมาหาพระองค์อย่างเร็ว   แต่แล้วจู่ ๆ ลูกไฟก็เลี้ยวผ่านพระพักตร์ไปอย่างฉิวเฉียด   ทว่าแทนที่จะโล่งใจ พระนางกลับหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติที่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
                          ตูม! 
                          ร่างของเจ้าชายน้อยลอยละลิ่วกระแทกผนังอย่างแรงก่อนจะล่วงลงกระแทกพื้นจนเสียงดังโครม 
                          “ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ราชินีเนริมอร์ตะโกนสุดเสียงขว้างลูกไฟเวทย์เข้าใส่ชายทั้งสองแล้ววิ่งเข้าไปหาดวงใจของพระนางทันที “ไม่ ไม่ ไม่.... ไม่นะ   อิสฮาน ๆ “ ราชินีเนริมอร์บัดนี้เพลิงแค้นแทบจะมอดหายไปหมด   น้ำตาไหลพรู กรีดร้องราวกับจะเสียสติ   ทันทีที่ตะเกียดตะกายไปถึงตัวเจ้าชายน้อยได้ก็รีบพลิกร่างเล็ก ๆ นั้นสำรวจบาดแผลอย่างรนราน   หน้าผากแตก มีเลือดไหลออกมาจากปาก  ใบหน้าและเนื้อตัวมีแต่รอยขีดข่วน   ร่างนั้นนอนแน่นิ่งไปไหวติ่ง และดูเหมือนจะไม่หายใจด้วยซ้ำ
                          “ไม่นะอิสฮาน  ฟื้นสิ  ลืมตาสิ   ได้ยินไหม   หายใจเดี๋ยวนี้!” ราชินีเนริมอร์ทรงเขย่าร่างบุตรชาย   กรีดร้องราวกับกำลังถูกกระชากหัวใจออกมาทั้งเป็น
                          “แค่ก ๆ  ๆ ๆ ” เจ้าชายน้อยทรงสำลักเลือดออกมากองใหญ่   รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัวราวกับร่างจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ    เจ็บเกินกว่าจะร้องไห้ไหวด้วยซ้ำ   เจ้าชายอิสฮานกัดฟันก่อนจะปรือตาขึ้นตรัสเสียงแผ่ว “เสด็จแม่ ...เสด็จแม่ปลอดภัยรึเปล่า?”
                          “เด็กโง่ เด็กโง่” ราชินีเนริมอร์ร้องไห้สะอึกสะอื้นคว้าตัวบุตรชายขึ้นกอดแนบอก “แม่ปลอดภัยสิ   ใครใช้ให้เจ้าดูดพลังเวทย์ใส่ตัวเองอย่างนี้   ใครใช้ให้เจ้าทำอะไรโง่ ๆ อย่างนี้”
                          เจ้าชายอิสฮานยกมือขึ้นกอดพระมารดาอย่างอ่อนแรง   ดีใจเหลือเกินที่เสด็จแม่ปลอดภัย “ลูกจะปกป้องเสด็จแม่”
                          “แค่ก ๆ  ๆ ๆ “ เสียงไอดังมาจากอีกฟากของห้อง   ราชินีเนริมอร์ทรงหันไปทางต้นเสียงด้วยความหวาดหวั่น   จึงทรงเห็นว่าจอมเวทย์ดำกำลังพยายามลุกขึ้นยืน   ในขณะที่เบลซ เซจซึ่งยืนโงนเงนอยู่กำลังพยายามสร้างลูกเพลิงเวทย์ลูกใหม่   แล้วมือน้อย ๆ ของบุตรชายก็พยายามยกขึ้นมาจนอยู่ในระดับสายตาของพระองค์
                          “หยุดนะอิสฮาน!” ราชินีเนริมอร์ตรัสด้วยความตื่นตระหนก   ทรงได้ยินเสียงเพลิงเวทย์พุ่งผ่านอากาศมาอย่างรวดเร็วจึงรีบคว้าตัวบุตรชายกลิ้งองค์หลบไปอีกด้านหนึ่งได้มันก่อนที่เพลิงเวทย์จะมาถึงตัวเพียงชั่วเสี้ยววินาทีเดียว
                          ตูม!  
                          เสียงเพลิงเวทย์ระเบิดใส่พื้นท้องพระโรงดังสนั่นหวั่นไหว   
                          “ดี... ถ้าอย่างนั้นก็ตายพร้อมกันทั้งแม่ทั้งลูกเลย” เบลซ เซจ ประกาศอย่างเกรี้ยวกราดก่อนจะชูมือทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะเพื่อสร้างลูกไฟเวทย์
                          ราชินีเนริมอร์ทรงหันกลับมามองบุตรชายที่รักอีกครั้ง   พระนางทรงใช้หัตถ์ข้างหนึ่งปาดเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของพระองค์แล้วทรงคลี่ยิ้ม “ลูกแม่   เจ้าแอบเข้าไปในห้องแม่ด้วยใช่ไหม”
                          “ลูกขอโทษที่ไม่เชื่อฟังเสด็จแม่” เจ้าชายน้อยตรัสเสียงแผ่วมองใบหน้าที่ยิ้มละไมของพระมารดา   พระนางทรงหัวเราะเบา ๆ อย่างรักใคร่เอ็นดู ค่อย ๆ บรรจงดึงผ้าคลุมขนนกแดงห่อตัวบุตรชายไว้จนมิดพลางหันกลับไปมองอุปราชเฒ่าอีกครั้ง   ก่อนจะบรรจงเช็ดคราบเลือดออกจากใบหน้าของบุตรชายอย่างเบามือ   ริมฝีปากยังคงยิ้มแม้ดวงเนตรจะฉ่ำชื้นด้วยน้ำตา   พระนางบรรจงจูบแก้มทั้งสองข้างของลูกชายและสวมกอดอย่างทนุถนอม   เจ้าชายน้อยขมวดคิ้วกับท่าทางของพระมารดาแล้วก็เกิดกลัวขึ้นมาจับใจ
                          “ลูกรัก จงอยู่อย่างมีความสุข  อย่าให้เหมือนพ่อของเจ้าที่แสวงหามันมาตลอดชีวิตแต่ไม่เคยได้พบ”
                          “เสด็จแม่?!” เจ้าชายน้อยคว้ามือของพระมารดาไว้แน่น   
                          “ลูกรัก ดวงใจของแม่   จดจำรอยยิ้มของแม่ไว้นะลูก” พระนางพลิกมือของบุตรชายแนบกับริมฝีปากที่ยังคงแย้มยิ้มอยู่ “จำรอยยิ้มของแม่ไว้นะ   ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน   แม่จะอยู่กับเจ้าเสมอ”
                          และแล้วร่างของเจ้าชายน้อยก็ค่อย ๆ ลอยสูงขึ้น   มือทั้งสองค่อย ๆ หลุดออกจากกัน   แล้วร่างทั้งร่างของพระนางก็เริ่มมีเปลวไฟลุกขึ้นจนทั่วร่าง   ห้วงอากาศแหวกออกเป็นช่องที่มีแสงประหลาดระยิบระยับเคลื่อนไหวไปมาราวกับสายน้ำไหล
                          “ไม่ ไม่ เสด็จแม่   ลูกจะอยู่กับเสด็จแม่” เจ้าชายน้อยพยายามดิ้นรนอยู่ภายในห่อผ้าคลุมขนนก
                          “จงอยู่อย่างมีความสุข ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจงจำใบหน้าที่ยิ้มแย้มนี้ของแม่ แม่รักเจ้า ลูกรัก” ราชินีเนริมอร์ยังทรงยิ้มให้ดวงใจของพระนางอย่างอ่อนโยน  แม้ร่างทั้งร่างกำลังลุกเป็นไฟ
                          “ไม่นะ   เสด็จแม่” ด้านหลังของราชินีเนริมอร์แดงวาบ  ซาร์ อิสฮานเห็นมารดาของตนหันหลังกลับพร้อมกับสร้างลูกไฟเวทย์ขนาดมหึมาอย่างรวดเร็วก่อนจะค่อย ๆ เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาท   เกิดเปลวเพลิงลุกท่วมก่อนที่ภาพจะเริ่มไกลออกไปเรื่อยๆ  แต่ใบหน้าของพระมารดาที่มองพระองค์และยิ้มอย่างอ่อนโยนยังคงตราตรึงติดตาเจ้าชายน้อยอยู่    จนกระทั่งร่างของพระมารดามอดไหม้กลายเป็นจุลไป ต่อหน้าต่อตา
                          “เสด็จแม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ”




จบ ภาค Episode 8  The Deviding of 4 Kingdoms
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #4 on: January 09, 2008, 04:28:33 AM »

จบแล้วค๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบ

มาเม้าส์ กันที่นี่เลยน๊า
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #5 on: January 09, 2008, 04:30:28 AM »

จบแล้วค๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบ

มาเม้าส์ กันที่นี่เลยน๊า


http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=37069.0
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.062 seconds with 22 queries.