Summoner Master Forum
April 27, 2024, 09:03:14 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1] 2 3 ... 6  All
  Print  
Author Topic: (อวสาน)SUMMONER MASTER VR! Up Final Sub-Turn Let's Duel VR!! พิเศษตอนแถมทาลิ1  (Read 95854 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« on: November 06, 2008, 12:26:56 AM »

*เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมิได้เกี่ยวข้องกับความเป็นจริงแต่อย่างใดผู้อ่านโปรดใช้วิจารญารในการอ่าน
ป.ล.หากสร้างความเสียหายให้แก่ผู้อื่นกระผมต้องขอ อภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ *

ภาพการ์ดที่ปรากฏ ในเนื้อเรื่องนำมาจาก Summoner Database นะขอรับ

สารบัญ (คลิกที่ชื่อบทรอแล้วมันจะพาไปหน้านั้นกระทู้นั้นเลย)
Sub-Turn 1-5 หน้า 1

Sub-Turn 1 Let’s Duel (มาดวลกัน)
Sub-Turn 2 Ignite (ลุกโชน)
Sub-Turn 3 DEATH or ALIVE (ตายหรืออยู่)
Sub-Turn 4 The Enemy Appear (ศัตรูปรากฏตัว)
Sub-Turn 5 Paradiso da Regola (หลักเกณฑ์แห่งสวรรค์)

Sub-Turn 6-8

Sub-Turn 6  Terrific (เรื่องเล่าสยองขวัญ)
Sub-Turn 7  Partner & Synchronize! (คู่หู่และสายสัมพันธ์)
Sub-Turn 8 White Dragon Maiden (องค์หญิงแห่งมังกรขาว)

Sub-Turn 9-10

Sub-Turn 9 Knight Attack (อัศวินรุกคืบ)
Sub-Turn 10 ทัศนศึกษา Panic!!! (ทัศนศึกษาอลวล)

Sub-Turn 11-15

Sub-Turn 11 Panic! Panic!! & Panic!!! (อลวล! อลวล!! อลวล!!! วิกฤติแล้ว ซึนามิเข้า)
Sub-Turn 12 Card Hunt!! (ล่าการ์ด!!)
Sub-turn 13 Separate Way (ทางแยก)
Sub-Turn 14 Element Burst(ระเบิดพลังแห่งธาตุ)
Final Sub-Turn Let's Duel VR!! มาดวลด้วยกันเถอะ!!

Special List Tag

Legend Thaliwilya of the Arimathe  Special Turn  Bath, Jack Panic(คดียึดโรงอาบน้ำ)

ตอนที่1
ตอนที่2 คลิกแล้วเลื่อนลงไปอีกหน่อยจะเห็น
ตอนที่3 จบ

เรื่องสั้นความในใจของ ลอว์เรนซ์



แนะนำตัวละคร(คลิก)


บทนำ Summoner Master VR!(Visual Reality )

ในอดีตมีศาสตร์ต่างๆมากมายหลายแขนง ที่ทั้งมนุษย์คิดค้นขึ้นมาและไม่ได้คิดค้นขึ้นมา
โดยมีศาสตร์ใหญ่ๆอยู่2แขนงที่แบ่งศาสตร์ทั้งสองประเภทที่กล่าวไปเมื่อข้างต้น
ได้แก่เวทมนต์และวิทยาการศาสตร์ทั้ง สองชนิดนี้ขัดแย้งกันโดยเวทมนต์นั้นจะ
สร้าง มนต์เสน่ห์ ที่ไม่สามารถพิสูจน์ออกมาได้ส่วนวิทยาการนั้นจะสร้างเสริมความเจริญ

ทางวัตถุซึ่งพิสูจน์ได้นั้นเพราะ เวทมนต์ จะสร้างเสริมหรือสลายความเจริญทางจิตใจซึ่งจิตเป็นสิ่ง
ที่ไม่อาจจับต้องได้เหมือนกับเวทมนต์ที่เราไม่อาจเห็นมันได้แต่
วิทยาการจะสร้างเสริมหรือสลายความเจริญ ทางวัตถุซึ่งวัตถุนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้าง

จึง จับต้องได้ ศาสตร์ทั้งสองนี้ขัดแย้งกันไม่ สามารถเข้ากันได้ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นแต่ ทว่าในอดีตได้มีผู้ที่คิดจะรวมเอาสองศาสตร์นี้เข้าด้วยกันแต่การเอาสิ่งที่ ขัดกันมารวมกันมันก็จะต่อต้านกัน
ในความกลมกลืนที่เราเห็นนั้นอาจมีความขัดแตกแยกกันซ่อนอยู่และจะก่อให้เกิดความหายนะ
อันที่จริงสิ่งเหล่านี้ก็มีให้เห็นโดยทั่วไปการรวมศาสตร์เวทกับวิทยาการเข้าด้วยกัน

เช่น การทำนายการพยากรณ์ต่างๆซึ่งก็คือการพยากรณ์อากาศ ทำนายดวงชะตา และสิ่งเหล่านี้ก็คือการนำสองศาสตร์มารวมกันการพยากรณ์อากาศที่ ทำนายได้ด้วยเครื่องจักรที่เกิดจาก วิทยาการและการทำนายได้ถูกราวกับมีเวท มนต์หยั่งรู้การทำนายดวงชะตาก็เช่นกันมีบ่อยครั้งไปที่มีการดูดวงชะตาจาก อินเตอร์เน็ตแต่ทว่าการขัดแย้งที่
ฝังอยู่ในศาสตร์นี้ก็สร้างความเสียหายเช่น กัน เพราะศาสตร์ที่เกิดจากเวทมนต์วิทยาการ รวมกันดังข้างต้นนั้นนั้น

เรียก ศาสตร์การทำนายแต่ศาสตร์นี้มีความขัดแย้งอย่างกล่าวไปจึงเกิด ผิดพลาดขึ้นได้ และการนำศาสตร์นี้ไปใช้
ในทางที่ผิดก็จะก่อให้เกิดความหายนะ แต่ทว่าก็ยังมีประโยชน์บ้างเช่นกัน การ
รวมศาสตร์ที่ว่านี้ไม่ได้จำแนกว่าจะได้ออกมาแค่ศาสตร์เดียวยังได้อีกมาก เร่งเวลาไปจนถึงยุคนี้ยุคที่
เวทมนต์กับวิทยาการรวมกันและกลายเป็นเกมกีฬาอย่างหนึ่ง เกมส์ นั้นคือ Summoner Master...


กรุงเทพ พ.ศ. 2700


“ เอาล่ะฉันขอบุกด้วย Ishan ลุย ”
เสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น มาจากกลุ่มเด็กที่ลุมล้อมอยู่รอบๆโต็ะที่มีลายตารางกว้างๆตีพาดอยู่บนโต็ะและ
มี การ์ดที่เป็นอุปกรณ์สำหรับแข่งขันกันในเกมส์ การร่ายอสูรวางอยู่บนตารางและมี สัตว์ประหลาดนักรบมากมายสู้กันอยู่ ที่สองฝั่งของโต๊ะมีเด็กชายกับเด็กสาว
กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่โดยที่เด็กหญิงมีสีหน้าลำบากใจแสดงออกมาเล็กน้อยและครุ่นคิดหาวิธี
ต่างๆนานาอยู่ผิดกับเด็กชายที่กำลังยิ้มอย่างได้ใจ

“ โอย อย่างนี้ฉันก็แย่สิเธอเล่นโจมตีซะฉันตั้งตัวไม่ทันเลยนะ ธนัท ”
เด็กสาวพูดอย่างหัวเสียที่ถูกต้อนจนจนมุม

“ ยังไงซะเธอก็แพ้ฉันแล้วล่ะเพราะตอนนี้เธอหรือไชน์แม็ก( Shine max )ของเธอแค่ 1 เลเวลเท่านั้น ”
เด็กชายที่เด็กสาวเรียกว่า ธนัท พูดอย่างมั่นใจพร้อมกับหยิบ การ์ดที่แพ้ออกจากสนาม

“ เอาล่ะหมดรอบของเธอแล้วตาฉันเทินร์ขอปิด เกมส์ด้วย Ash Dragon ลุยเลย ”
สิ้นเสียงของ ธนัท นักรบขนาดเล็กที่ยืนอยู่บนการ์ดก็เข้าโจมตีใส่หุ่นรูปไก่ ที่บนการ์ดเขียนว่า
Cocka-c

“ หว้าฉันแพ้อีกแล้วอะ ”
เด็กสาวพูดน้ำเสียงน้อยใจ

“ เอาน่า ชุติ ยังไง ธนัท มันก็เก่งอยู่แล้วธอก็รู้นี่ ”
เด็กชายอีกคนที่มีอายุเท่ากับพวกเขาพูดอย่างอารมณ์ดี

“ แหม เคียว ก็ฉันอยากชนะเขาบ้างนี่ ”
ชุติ พูดอย่างหัวเสียนี่นับเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เธอแพ้ เด็กชายที่อยู่ตรงหน้ามา ถึงได้ทำให้เธอหัวเสียขนาดนี้
คงไม่ต้องพูดถึง ความชำนาญของ เด็กชายที่ยืนประจันกับเธออย่างแน่นอน

[Data: ด.ญ. ชุติการ โพธิ์ทอง ชื่อเล่น ชุติ  Age:14 Year  Deck: สำรับประกอบธรรมดาสายแสงสว่าง ]



[Data: ด.ช. ธนัทธาทิเวศ จงกลาง ชื่อเล่น ธนัท Age: 14 Year  Deck:สำรับ ราชันย์มังกรอัคคี ]



[Data: ด.ช. วัชรพงศ์ สายตรงจิต ชื่อเล่น เคียว Age: 14 Year  Deck: ? ]





Sub-Turn 1 Let’s Duel

กลุ่มเด็กสิบกว่าคนที่รุมล้อม โต๊ะส่งเสียงดังแผดจ้าไปทั่ว สนามเด็กเล่นที่มีสไลเดอร์และกระบะขนาดใหญ่ที่บรรจุทราย
ไว้ สำหรับให้เด็กเล็ก เล่นที่โต๊ะเหล่าเด็กๆกำลังดวลร่ายเวทย์กันอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่าเด็กๆทุกคนกำลังจะมาเออออกันอยู่ที่โต๊ะเพียงอย่างเดียว แต่ทว่ากลับมีเด็กหนุ่มคน หนึ่งที่อยู่นอกวงเด็กคนนั้นนั่งอ่านหนังสือที่ หน้าปกเขียนว่า wiser อยู่บนชิงช้าที่ส่งเสียง เอี๊ยดอ็าด
จากการที่เขาแกว่งตัวไปมา  เมื่อ ธนัท ดวลกับชุติการเสร็จแล้วถึงพึ่งสังเกตเห็นเด็กคนนั้น

“ เฮ้ไม่มาเล่นด้วยกันเหรอ ”
ธนัท ตะโกนเรียกเด็กคนนั้นแต่เด็กคนนั้นก็ไม่หันมามองเอาแต่นั่งเงียบอ่านหนังสืออยู่เหมือนเดิม
แต่ทว่าไม่ใช่แค่เด็กคนนั้นเท่านั้นที่นั่งเงียบไป เด็กทุกๆคนรอบโต๊ะก็เงียบไปเหมือนกัน
ธนัทเองก็พึ่งจะรู้สึกตัวว่ามันแปลกๆไปจึงหันไปถามเคียว

“ นี่เคียวฉันพูดอะไรผิดเหรอ ”
ธนัทถามแต่เคียวเองก็ส่ายแล้วตอบกลับว่า

“ ไม่รู้สิ ”
ทันทีที่เคียวพูดจบชุติการก็เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

“ แต่ฉันรู้นะฟังจากพวกเด็กแถวนี้น่ะ ”
ชุติการพูดจบธนัทก็รู้สึกงุนงง

“ แล้วเค้าว่าไงบ้าง ”
ธนัทถามต่อ

“ เห็นเขาว่าพี่คน ที่นั่งอยู่นั่นน่ะเป็นแชมป์การแข่งขันมาหลายรายการแล้ว น่ะใครแข่งกับเขาก็แพ้แบบไม่เป็นท่าเลยสุดท้ายก็เลยไม่มีใคร ดวลด้วยน่ะสิ ”
ชุติการกระซิบข้างหูของธนัทกับเคียว

“ อ๋อประมาณว่าเก่งเกินไปสินะ ”
ธนัทพูดด้วยน้ำเสียงเข้าใจขึ้นมาทันที

“ อือในเมื่อเธอรู้แล้วก็………….. ”
ชุติการพูดยังไม่ทันขาดคำ ธนัท ก็เดินไปหาพี่ชายคนนั้นทันทีทำให้เธอถึงกับเซ ถลาไปเลย

“ อ้าวพึ่งบอกไปหยกๆไม่ฟังกันเล้ยยยย ”
ชุติการพูดน้ำเสียงเหนื่อยใจ

“ เอาเถอะน่ายังไงซะให้เขาเจอดีซะ บ้างก็ดีนะอีกอย่างเธอก็อยากเห็นเขาแพ้เหมือนกัน
ไม่ใช่เหรอเพราะว่าจะว่าไปแล้วหมอนั่นเองก็ไม่เคยแพ้ใครเหมือนกัน น่าดูแน่แมทนี้ ”
เคียวยิ้มอย่างพอใจชุติการเองก็เห็นด้วย


“ เฮ้! พี่ชายมาเล่นกันหน่อยสิเห็น พวกนั้นบอกว่าพี่เก่งนี่นาอยากสู้กับคนเก่งๆอย่างพี่มานานแล้วช่วยเป็นคู่มือให้ผมหน่อยสิ ”
ธนัทพูดอย่างมั่นใจพี่ชายคนนั้นหันมามอง

“ ท้าดวลเรอะฮึน่าสนุกดีนะ ไม่ได้ดวลมานานแล้วมือไม้มันชักจะแข็งไปหมดแล้วสิงั้นก็เอาสิ ”
พี่ชายคนนั้นลุกขึ้นจากชิงช้าทันทีที่เขาลุก ธนัท จึงเห็นว่าพี่ชายคนนี้ตัวสูงมากกว่าเขาและดูน่าสะพรึงกลัวอย่าง
ที่สุด
แล้วทั้งสองก็ เดินไปที่โต็ะและเริ่มหยิบสำรับไพ่ขึ้นมาแล้วก็แลกกันสลับแล้วส่งคืนให้กันแล้วจึงเริ่มดวล

“ ฉันเริ่มก่อน ”
พี่คนนั้นพูดซึ่ง ธนัท ก็ไม่ได้สนอะไรนัก

“ ขอเปิดเกมส์ด้วย Alkira, the Wood Witch ลงสู่ At line(ต่อไปย่อเป็น al) ”
สิ้นคำพูดของพี่คนนั้นเขาก็นำการ์ดที่มีรูป แม่มดสาวเข้ามาวางไว้ที่สนามด้านหน้าทันใดนั้นแสงสีน้ำตาล
ก็ส่องประกายออกมาจากการ์ดใบนั้น และจางลงพร้อมการปรากฏตัวของแม่มดสาวขนาดเล็ก ในชุดสีน้ำตาล
ยืนอยู่บนไพ่ที่ถูกส่งไปทุกคนโดยรอบไม่มีใครตกใจ ต่อเหตุการณ์นี้เพราะพวกเขาต่าง ก็เคยเห็นมันมาก่อนแล้ว



“ อ...นั่นมัน การ์ดโปรโมชั่นนี่ ”
ธนัทมีสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที

“ โหเปิดเกมส์มาก็ใช้โปรโมชั่นการ์ดเลยเหรอเนี่ย ”
เคียวถึงกับอึ้งไปเพราะการ์ดโปรโมชั่นนั้นสำหรับพวกเขาที่ไม่ค่อย
ได้ร่วมงานแข่งขันย่อมไม่สามารถหาการ์ดโปรโมชั่น
ที่จะได้จากการแข่งขันเท่านั้นมาครอบครองได้นอกจากการซื้อด้วย
ราคาที่แพงสำหรับพวกเขาที่ยังเด็กและมีรายได้น้อย

“ และส่ง Volcanic Demon สองตัวลงสู่  Df  line (ต่อไปย่อเป็น dl) ผ่าน ”
หลังจากที่พี่คนนั้นพูดจบก็ลงกาาร์ดที่มีรูปปีศาจสีแดงถือเคียวอยู่ลงมาสองใบและเกิดเป็นปีศาจขนาดเล็กสีแดงสองตัว
และก็ถึงตา ธนัท ลงการ์ดบ้าง



“ เชอะอย่าคิดนะว่าจะใช้โปรโมมาขู่ให้ชนะน่ะถึงจะเป็นโปรโมชั่นการ์ดก็เถอะแต่นี่มันก็เก่ามากแล้วลองเจอนี่เข้าไปหน่อยเป็นไงฉันขอจ่าย mp 3 เพื่อลง Archaic Viper ไว้ที่ Al ”
เช่นกันเมื่อ ธนัท ลงการ์ดไปในสนามก็เกิดแสงสีแดงส่องประกาย
ออกมาพร้อมกันเมื่อแสงจางลงก็ปรากฏตัวงูสามหัวกายสีแดง ขนาดเท่ามือซึ่งถือว่าใหญ่กว่าเหล่า ซีล ที่อยู่ด้านโน้นมาก



“ Cost Mp 1โจมตีเลย อาคาอิกไวเปอร์และให้มันติด Last Dance Curse ”
สิ้นคำของธนัทเจ้างูตัวนั้นก็เข้าโจมตีใส่แม่มดสาวอย่างบ้าคลั่ง

“ Cost Mp 2 Houdini ”
พี่คนนั้นพูดจบก็วางการ์ดที่มีรูปชายสวมหน้ากากห้อย หัวลงและทันทีที่การ์ดแตะถูกสนามแสงสีเทาก็ส่องออกมา
และจางลงพร้อมกับชายที่อยู่ในการ์ดปรากฏขึ้นมาในลักษณะ กลับหัวลงขณะที่มีโซ่คล้องขาอยู่ทันใดนั้นโซ่ก็คลายออก
จากขาเหมือนมีชีวิตเข้าไปมัดร่างเจ้างูไว้



“ Cost Mp 2 Holy Player ทำลายมิสติกการ์ดชนิด PSซะ ”
ธนัทกล่าวจบก็ส่งการ์ดที่มีรูปนักบวชหญิงกำลังภาวนาอยู่ออกมาและนักบวชหญิงองค์นั้นก็ปรากฏออกมาจากการ์ดแล้วเริ่มสวดภาวนาก็เกิดแสงสีขาวพุ่งตรงไปทำลายโซ่จนพัง

“ Cost Mp 5 สกิล Blood Moon Garuda Sacrifice (บูชายัญ)เป้าหมายการโจมตีของ
อาคาอิคไวเปอร์ ซึ่งนั่นคืออากิร่าแล้วจงมอบความตายแก่มันซะ ”
พี่คนนั้นพูดแล้วก็นำการ์ดอากิร่าลงไปยังไชน์(สถานที่เก็บการ์ดที่หมดพลังแล้ว)แล้วลงการ์ดที่รูปครุฑกายสีดำ
อยู่มาเกิดแสงสีดำพร้อมกับหมอกสีดำทมึนลองเคว้งอยู่บนโต็ะพร้อมกับ

พระจันทร์ สีแดงเหมือนเลือดซึ่งมีขนาดเล็กลอยอยู่พร้อมกับเงาสีดำที่พุ่งออกมาจากร่างของ
อากิร่าที่ค่อยๆสลายไปพุ่งเข้าตัดร่างของอาคาอิกจนขาดและ
สลายไปเงานั้นกลับมายังสนามฝั่งพี่คนนั้น



“ อาคาอิกของนายโดน Death Curse ต้องลงไปยังไชน์ ”
พี่ชายคนนั้นพูดหมอกที่ออกมาจากการเรียก บลัดมูนการูด้า ทำให้เขาดูน่ากลัวยิ่งขึ้น


“ หนอยไม่มี mp พอจะใช้การ์ด งั้นลง Ash Dragonไว้ที่  Dl ผ่าน ”
ธนัทพูดอย่างหัวเสีย
เมื่อถึงตาอีกฝ่ายจึงจั่วการ์ดมิสติก ขึ้นมาอีกสองใบรวมกับซีล
และมิสติอีกอย่างละใบบนมือทำให้มีไพ่สี่ใบมิสติกสามซีลหนึ่งใบ

[ Hand Sta: Seal:1 Mystic:3 ]



“ ไม่มี mp จะเล่นในเทิร์นนี้ ให้ บลัดมูนรวมร่างกับโวลคานิกเดม่อนแล้วผ่าน ”
พี่ชายคนนั้นพูดจบ บลัดมูนการูด้า กับ โวลคานิกเดม่อน ก็เดินเข้า หากันและสลายตัวเองรวมเข้าด้วยกันกลายเป็น
ครุฑสีดำปีกสีแดง หอกกับเคียวของทั้งสองรวมกันกลายเป็นเคียวสองแฉกแยกจากกัน
ทั้งหัวทั้งปลายสีแดงถูกควงอยู่

“ อึกจะทำยังไงดีเขาเก่งเกินไป ”
ธนัท พูดน้ำเสียงสั่นเพราะบัดนี้ดวงจันทร์สีแดงที่ลอยอยู่มันกลับแดงมากขึ้นจนตอนนี้มีเลือดไหลย้อย
อาบลงบนพื้นโต๊ะและเคียวของ บลัดมูนทำให้เขากลัวจนตัวสั่น

“ นี่ๆดูนั่นสิภูเขาแข่งอยู่กับธนัทล่ะ ”
เด็กชาย สองคนที่มาใหม่พูดขึ้นเมื่อเคียวกับชุติการได้ยินทั้งสองก็หน้าซีดเผือดทันที

“ ฮะๆๆเมื่อ..เมื่อกี๊เขาพูดว่าอะไรนะ ”
เคียวพูดเสียงตะกุกตะกักขณะหันไปหาชุติการ

“ ฮะๆเขาบอกว่าคนที่กำลังดวล กับ ธนัท คือภูเขาแชมป์งานแกรนทัวร์สามน่ะฮะๆ ”
ชุติการพูดจบทั้งสองก็หันกลับไปมองธนัท

“ เฮือก ”
ทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกันเมื่อสนามที่ตอนนี้บรรยากาศ แทบจะไม่ต่างกับป่าช้า และร่างของธนัทที่แข็งทื่อไปแล้วเพราะความกลัว

“ นายน่ะประมาทฉันเกินไป ”
ภูเขาพูดด้วยเสียงที่เย็นสะท้านเข้าไปในหัวใจ

“ ประมาทเกินไปฉันเนี่ยนะ ”
คำพูดเดียวที่ดังออกมาก่อนที่ ใจของเขาจะตกเข้าไปในความดำมืดอันน่าสะพรึงกลัว

« Last Edit: June 08, 2009, 01:05:12 AM by greamon » Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #1 on: November 06, 2008, 12:37:41 AM »

เห็นภาพตาม

สนุกดีๆ

แข่งกันดูเอลไปเรื่อยๆ 
Logged


shuresharn
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 73


« Reply #2 on: November 06, 2008, 02:25:41 AM »

เจ๋งดีครับ ให้ความรู้สึกเหมือนยูกิเลย แต่ของเราดีกว่าอยู่แล้น 

เป็นกำลังใจให้ครับ

ปล. อยากให้เปลี่ยนตอนการ์ดลงไชน์เป็นแบบเท่ๆหน่อยอ่ะครับ หยิบลงมันไม่ค่อยอลัง 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #3 on: November 07, 2008, 10:51:45 PM »

Sub-Turn 2  Ignite

ตอนนี้ บรรยากาศรอบโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว หมอกสีดำกระจายฟุ้งไป
ทั่วทั้งสนาม หลังของ ธนัท ตอนนี้เย็นวาบไปถึงกระดูก
บัดนี้ใจของเขาจมดิ่งลงไปในความมืดมิดอันน่าสะพรึงกลัว ความหวาดกลัวเข้า

ถาโถมใส่เขาราวกับตกนรก ในตอนนี้นั้นใจเขาคิดอยากจะหนีจากโต๊ะ
แต่ขาของเขากลับหนักอึ้งจนไม่อาจที่จะขยับได้ เคียวกับชุติการเห็นเช่นนั้น
ก็เริ่มกังวลแล้ว เพราะมีข่าวลือว่าหลังจากที่ภูเขาเป็นแชมป์โลกซัมมอนเนอร์

และได้ไต่ระดับจนไปถึงระดับที่เรียกว่า เจ้านักร่ายอสูน(Summoner Master) แล้ว
แต่พอเข้าสู่งานแข่งระดับโลก Grand Tounamentที่ 4 เขาก็เปลี่ยนไปหลัง
จากพ่ายแพ้ให้แก่แชมป์คนใหม่แถมยังได้กลายเป็นแชมป์ 2 ปีซ้อน

อีกตะหาก หลังจากที่ ภูเขา เสียตำแหน่งแชมป์ก็เป็นจุดเริ่มต้นของข่าวที่ว่า
เขาไปสังกัดกับผู้เล่นการ์ดกลุ่มหนึ่ง และเริ่มต้นการเล่นอันน่าสะพรึงกลัว
ใครที่เล่นกับเขาต้องเป็นอันหวาดกลัวจนถึงกับเป็นบ้าไปก็มีโดยเฉพาะพวกที่
จิตไม่แข็งพอ

“ เอ้า ตานาย เทิร์น แล้วนะ ”
ภูเขาพูดแววตาของเขาตอนนี้ดูดุดันและน่ากลัวกว่าตอนแรก ร่างของเขา

ถูกหมอกกลืนกินจนเหมือนกับจะหายไปกับหมอกนั่นเหลือไว้ให้เห็นเพียง
สายตาอันน่ากลัว

“ ธนัทตาเธอแล้วนะ ”
ชุติการบอกทำให้ ธนัท เรียกสติกลับมาสจาก พวัง ได้และเริ่มเล่นต่อ เขาดึงการ์ดจากสำรับมา
2 ใบเป็นมิสติกทั้งหมด 

[ Hand Sta: Seal: 3 Mystic:3 ]


“ เอาล่ะรอบของฉัน Cost mp 4 เพื่อเรียก Salamandera ออกมาที่ Al ”
ทันทีที่ ธนัท วางการ์ดที่มี รูปมังกรซาลามันเดอร่าสีแดง ลงบนสนามก็เกิดแสงสีแดงวาบ
อีกครั้งและมีควันสีแดงที่ร้อนผ่าวพวยพุ่งออกมาก็จะถูกสายลมจากกระพือปีก
ของเจ้ามังกรแดงร่างยักษ์ที่ปรากฏตัวออกมาหลังจากแสงจางลง

แรงลมพัดเอาหมอกสีดำออกไปด้วยจึงทำให้สนามกลับเป็นเหมือนเดิม
ความกลัวในใจ ธนัท ที่มีอยู่เมื่อครู่ก็จางหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ตอนนี้เขารู้สึกมีกำลังใจขึ้นบ้าง



“ และให้ซาลามันเดอร่า รวมร่างกับแอชดราก้อนที่ Dl พร้อมกับ Cost mp อีก1เพื่ออัญเชิญ Salamandery doll ไว้ที่ Dl อีกตัว ”
สิ้นคำของ ธนัท มังกรแอชดราก้อนที่อยู่ด้านหลังก็
พุ่งขึ้นไปเกาะบนหลังของ ซาลามันเดอร่า และซึมซับของไปในร่างของ ซาลามันเดอร่า
แล้วในทันทีที่แอชดราก้อนเข้าไปอยู่ร่าง ซาลามันเดอร่า ร่างของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อย
หลังจากนั้นจึงลง การ์ด ที่มีรูปตุ๊กตามังกรซาลามันเดอร่าตัวจ้อย ลงไปบนโต๊ะ

เกิดแสงสีแดงวาบขึ้นบน การ์ดก่อนที่ ตุ๊กตาเลียนแบบ ซาลามันเดอร่า ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า เจ้ามังกรยักษ์ตัวจริงที่อยู่ตรงหน้า จะออกมานอนแหมะอยู่ บนแนวหลัง



“ เอาล่ะทีนี้แผนการ ที่คิดจะใช้สนามทำให้ฉันสติแตกก็หมดไปแล้วต่อไปนี้ตาฉันเอาคืนบ้างล่ะรอบนี้ขอผ่าน ”
ธนัท พูดจบ ภูเขาก็จั่วซีล มาจากกองสองใบ
 
[ Hand Sta: Seal:3 Mystic:3 ]


“ หึๆๆฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ”
ภูเขาหัวเราะด้วยความสะใจทำให้ ธนัทโกรธจนมือสั่น

“ มีอะไรน่าขำ ”
ธนัท ตะคอกใส่ด้วยความหัวเสียมือก็ทุบโต๊ะลงไปอย่างแรง
จน ภูเขาหยุดหัวเราะ

“ ยังไม่รู้ตัวอีก เรอะว่าตัวเองน่ะ เดินหมากผิดซะแล้วน่ะ ”
ภูเขาพูดเสียงเย็นสายตากลับมาดูน่าเกรงขามเช่นเดิม

“ ผิ…ผิดตรงไหน ”
ธนัท พูดตะกุกตะกักด้วยความกังวลว่าตนเดินผิดตรงไหน

“ อะไรกันการ์ดนายเองแท้ๆกลับไม่รู้ซะนี่งั้น ก็ลองอ่านAbilityของ
ซาลามันเดอร่า แล้วเบิ่งตาดูพื้นที่ซะหน่อยสิ ”
ภูเขาโต้กลับ ธนัท มีสีหน้างง ๆเพราะไม่รู้ว่าภูเขาหมายถึงอะไร

“ หรือว่า ธนัท นี่นายไม่ได้อ่านรายละเอียดการ์ดตอนใส่ลงไปในสำรับเลยใช่มั้ย ”
เคียวมีสีหน้าวิตกขึ้นมาทันที

“ หมายความว่ายังไงน่ะเคียว ”
ชุติการถามเคียวด้วยความตกตะลึงในเรื่องที่ยิน

“ คือว่าเรื่องมันเกิดขึ้นที่ร้านการ์ดเมื่อเช้าน่ะ ธนัท เปิดซองน่ะ ”
เคียวนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าที่ร้านขายการ์ดฝั่งตรงข้ามโรงเรียน
มีป้ายชื่อร้านเขียนว่า ร้านการ์ดเกมส์ KORO KRO ธนัท อยู่ในร้านมือขวาถือกรรไกร
มือซ้ายถือซองการ์ดซัมมอนเนอร์ชุด D4K อยู่


“ เร็วสิเร็วๆสิ ”
เคียว จ้องมองซองการ์ดในมือธนัทที่ค่อยถูกกรรไกรตัดอย่างบรรจงจนขาดออกจากซอง
ธนัทเลียริมฝีปากที่แห้งผากเพราะความตื่นเต้นหน้านิ่วคิ้วขมวด
ทันทีที่ธนัทหยิบการ์ดจำนวนสิบใบออกมาจากซอง
ตาของเขาลุกเบิกกว้าง

“ เย้ ฉันได้ซาลามันเดอร่าแล้ว โห!ค่าพลังใช้ได้เลยนะเนี่ยยัดใส่สำรับซะเลย ”
ธนัท พูดจบก็หยิบสำรับไพ่ขึ้นมาแล้วจัดแจงใส่มันลงไปในสำรับแล้วก็ก้าวขาเดิน
เพื่อจะออกจากร้าน

“ เดี๋ยวสิ ”
เคียวพูดทำให้ ธนัท หยุดเดินแล้ว หันมาถาม

“ มีอะไรเหรอ ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัยที่อยู่ๆเคียวก็ทักขึ้นมา

“ นายจะไม่อ่านรายละเอียดการ์ดหน่อยเหรอ ”
เคียวตอบแต่ ธนัท ก็เดินจากไป

“ เดี๋ยวค่อยอ่านก็ได้ ”
ธนัท พูดจบก็เดินออกจากร้านไป

“ นี่แสดงว่า ธนัท เปิดซองเสร็จได้ Rare ก็จัดยัดใส่ สำรับ แล้วก็ไม่อ่านอะไรเลยเนี่ยนะ ”
ชุติการ พูดสีหน้าประหลาดใจสุดๆ

“ เฮ้อ ยังงี้ ก็ขึ้นกับเขา แล้วล่ะนะว่าเขาใส่การ์ดที่พี่สาวเขาให้ในวันเกิดไว้ด้วยรึเปล่าแค่นั้นแหละ ”
เคียวเอ่ยขึ้นลอยๆ

“ แล้วตกลงฉันพลาดอะไรเหรอ! ”
ธนัท ตะโกนเสียงดังทำให้ทั้งสองหันกลับมาสนใจการแข่งของ ธนัท

“ อะ..เอ้อ ลืมไปเลยแหะ เอาล่ะๆ จะบอกเดี๋ยวนี้แหละซาลมันเดอร่าน่ะมีสองอบิลิตี้ข้อดีหนึ่งข้อ ข้อเสียหนึ่ง ”
เคียวอธิบายแต่ ธนัท ก็ยังมีสีหน้างุนงงอยู่ดี

“ แล้วมันพลาดตรงไหนล่ะ ”
ธนัท พูดกระแหน่ะแหน

“ ก็คือว่า ซาลามันเดอร่า เนี่ยจะมี AT เพิ่มตามจำนวนซีลที่ Al ของฝ่ายเจ้าของและ AT จะลดลงตามจำนวนซีลใน Al ฝ่ายตรงข้าม ”
เคียวพูดอย่างช้าๆเพื่อให้ ธนัท เข้าใจ

“ ถ้างั้นซาลามันเดอร่าฉันก็มี At 12 น่ะสิ ”
ธนัทพูดด้วยน้ำเสียงลิงโลด

“ ใครบอกนายเล่าว่า At มัน 12! ”
ชุติการตะคอกเสียงดังใส่ ธนัท จนเขา เซถลา

“ แล้วมันยังไงอ้ะ ”
ธนัท ตะโกนอย่างหัวเสียที่ถูกมอง ว่าสะเพร่าไม่อ่านการ์ดในสำรับให้แตกฉานซะก่อน

“ ก็เพราะว่าในสนามฝั่งอีก ฝ่ายมี บลัดมูนอยู่ ใบหนึ่งท่าหักลบกับซาลามันเดอร่าในสนามนายก็เหลือ 11 เท่าเดิม น่ะแหละอีกอย่างนายให้ ซาลามันเดอร่ายืน Al อยู่ตัวเดียวถ้าฝ่าย โน้นเปลี่ยนไลน์มาอยู่ Al หมดเท่ากับว่าซาลามันเดอร่าของนายจะเหลือพลังแค่ 10 จุดเท่านั้นซึ่งหากเขาหาทางให้พลังของเขาเหนือกว่านั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ ”
คำพูดของเคียวทำให้สีหน้าของเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
จากที่มีกำลังใจจาก การเรียกตัวเป้งของสำรับออกมา ได้กลับกลายเป็นเสี้ยนตำตัวเองแทนซะนี่กระไร

“ เฮอะไม่อยากเชื่อนี่ฉันมา ดวล กับคนที่ไม่เคยแม้แต่จะอ่านการ์ดที่จะใช้ให้แตกฉานซะนี่ ”
ภูเขากล่าวเยาะเย้ยมาทำให้ ธนัท หันมา ภูเขามองเขาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม

“ เอาล่ะเกือบลืมแน่ะนี่ตาฉันนี่ ฉันขอนำ โวลคานิกเดม่อน ไปที่ Al ทีนี้ พลังของซาลามันเดอร่านายก็ลดลง 1 จุดแล้ว ”
ภูเขาพูดสายตายังคงจ้องมอง ธนัทอยู่ไม่ขาดสาย

“ ละ..แล้วยังไงล่ะถึงจะลดได้พลังเราก็ยังห่างกันอีกตั้งจุดท่านายจะลงซี ลเพิ่มเพื่อลดพลังของฉันนายก็ต้องเสีย mp เพิ่มนะและนั่นก็จะทำให้โอกาสใช้การ์ดแก้ของนายหมดไปด้วย ”
ธนัท แย้งแต่ภูเขาไม่สะทกสะท้านสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม แล้วในที่สุดเขาหลับตาลงแล้วหยิบ ซีล ใบหนึ่งจากมือก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ

“ ถูกของนายถ้าหากฉันลงซีลเพิ่มฉันก็ต้องเสีย mp จริงอยู่ แต่ท่าหากฉันมี ซีล ที่สามารถเรียกพวกออกมาได้ในคราวเดียวเยอะๆล่ะ ”
ภูเขาพูดจบนัยน์ตาของ ธนัท ก็เบิกกว้างขึ้นใจเต้นรัว
ด้วยความกลัวอีก ครั้งทั้งที่เขาพึ่งสลัดมันหลุด
ไปเมื่อครู่เริ่มเข้าถาโถมใส่เขาอีกครั้ง

“ แล้วตอนนี้ไพ่ที่ว่าก็มาอยู่บนมือฉันแล้วฉัน Cost mp 2 ลง Aerial Mongose ”
ภูเขาพูดจบก็ลงการ์ดที่มีรูปสัตว์ประหลาดสีเขียวลงไป
ทันทีที่การ์ดลงบนพื้นโต๊ะก็เกิดแสงสีเขียวสว่างวาบขึ้นมา
พร้อมกับลมหมุนเบาๆปรากฏร่างของสัตว์ประหลาดกายสีน้ำตาลอมเหลือง
มีขนปกคลุมมีปีกคล้ายค้างคาวลอยอยู่



“ เอ๋ อะไรเนี่ย ซีล ตัวเนี้ย ”
ธนัท พูดด้วยความแปลกใจ

“ ทันทีที่อัญเชิญ เอเรียลมันกูซ เจ้าของ จะได้เปิดกองการ์ดซีลสามใบบนและหากในสามใบนั้น
มี เอเรียล อีกก็สามรถนำมันลงสนามได้ด้วย ”
เคียวอธิบายทำให้ ธนัท ถึงกับอึ้งไปเลย

“ เอาล่ะฉันจะเปิดล่ะนะ ”
ภูเขาพูดจบก็ลงมือเปิดกองไพ่สามใบบนกองไพ่ซีล

“ โอ็ะโอดูท่าว่าโชคจะเข้าข้างฉันนะ ”
ภูเขาพูดจบก็หัวเราะอย่างสะใจในความโชคดีของตน

“ ฉันขออัญเชิญ เอเรียลมันกูซ สองใบแล้วเปิดอีกครั้งก็ได้อีกใบลงใบที่สามทั้งหมดไว้ที่ Al  ”
สิ้นคำของภูเขาเหล่าสัตว์ประหลาดตัวน้อยพุ่งออกมาจาก
การ์ดแล้วบินว่อนอยู่บนโต๊ะ ถึง 4 ตัวด้วยกัน

“ ทีนี้ซาลามันเดอร่า ก็เหลือพลังเพียง 6 จุดเท่านั้น Cost  mp 2 โจมตีเลย บลัดมูน
เคียวจันทร์มรณะ ( Death Moon Scythe ) ”
สิ้นคำของภูเขาครุฑกายสีแดงเกราะสีดำที่เกิดจากการรวมร่างก็พุ่งออกไป
และกลายเป็นเงาดำตรงไปยังมังกรยักษ์กายสีแดง

หมายจะบั่นคอมัน ทันทีที่เงานั้นปะทะกับร่างของ
ซาลามันเดอร่าก็เกิดแสงสว่างจ้าจากการปะทะ
ธนัท ก้มหน้านิ่งเงียบไม่ไหวติ่งมือของเขาข้างหนึ่งวางอยู่บนโตUะ
เหมือนกับจะเก็บการ์ดลง ไชน์

“ หึเสร็จไปแล้วสินะ ”
ภูเขา ยิ้มอย่างพอใจแต่แล้วทุกคนก็ต้องแปลกใจเมื่อ ธนัท ยิ้มออกมา
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นแววตาของเขาเปล่งประกายความหวังออกมา
แรงกล้าจน ภูเขา ถึงกับชะงักทันทีที่แสงจากลงก็ เห็น บลัดมูน
ถูกเกราะพลังงานสีน้ำตาลทรงกลมกักขังไว้อยู่

“ ฮ่าๆๆๆอย่านึกนะว่านายคนเดียวที่จะใช้ Hand Skill ได้อยู่คนเดียว ”
ธนัท พูดด้วยเสียงสดใส

“ อะไรกัน บลัดมูน ของเราหรือว่า ”
ภูเขามองไปยังสนามฝั่ง ธนัท ก็เห็น ซีล เข้ามาใหม่ตัวหนึ่ง
ซีล ตัวนั้นเป็นเด็กหนุ่มผมสีดำสวมเสื้อสีน้ำตาล
มีผ้าคาดหัวลายสี เขียว คลิบทอง

“ ขอแนะนำให้รู้จักผู้ช่วยของฉัน Ishan ”
ธนัท พูดจบสีหน้าของเพื่อนๆก็ดีขึ้นทันที



“ หนอยยยย.... มันใช้สกิลของ อิสฮาน สกัดกั้นการโจมตีของเรา
ไว้ทำไงดีไม่ได้เตรียมแก้ไว้ด้วยฮึ่ย Coat mp 3 อัญเชิญ Scarlet Reaper ไว้ที่ Dl ผ่าน  ”
ภูเขากัดฟันด้วยความโกรธแววตาดุดันขึ้น
แต่ก็ไม่สะเทือนถึง ธนัท อีกแล้วเพราะตอนนี้เขาสามารถเรียกคู่หู
ของเขา อิสฮาน ออกมาได้แ ล้ว

“ เยี่ยมมาก ธนัท เรียกอิสฮานออกมาแก้เกมส์ได้เจ๋งจริงๆ ”
เคียวชมด้วยความดีใจ

“ ยอดเยี่ยมมากเลย ธนัท ”
ชุติการพูดแสดงความยินดีอย่างสะใจ

“ เอาล่ะรุ่นพี่เกมส์มันพึ่งเริ่มเท่านั้น ”
ธนัทพูดแววตาของเขาฉายแววแห่งความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

“ หึได้ใจไปเถอะอีกเดี๋ยวฉันจะให้แกได้เห็นนรกพลังของสำรับ Scythe Reaper ของฉันมันไม่ได้มีแค่นั้นหรอก ”
ภูเขา คิดในใจ

To be continue

หลังจากลงตอนที่ 2 แล้ว ถึงได้รู้เลยว่า ซีรี่ย์ แรกที่เคยลงเป็น Duel legend เนี่ยข้อผิดพลาดเพียบเลย กว่าจะแก้หมด แล้วรีใหม่เล่นซะเหนื่อย ตอนหน้าจะลง หน้าคาแรกเตอร์ตัวแทน ของ ภูเขาคุง แล้วนะ
ขอละ ตัวจริงอย่าได้มาเห็นเลย กัวโดนตึ้บ


Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #4 on: November 09, 2008, 12:27:52 AM »

น่ากลัวอย่างกะดูเอลความมืด  = = ...

สมัยก่อนใส่อิสฮานแก้กันเยอะละสิเนี่ย
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #5 on: November 09, 2008, 02:38:06 AM »

เกรม่อนคุง หนีมาแต่งฟิคดวลการ์ด แทนเรอะแล้ว แอคเตอร์ล่ะทิ้งเลยไม่ต่อ ทาลิ ล่ะ
เอาเหอะช่างมันก่อนไอ้สองเรื่องนั้นมันจบไปแล้ว ว่าแต่อุตส่าห์ ไปขุดมาจากขุมล่างเลย
หรือนี่ เรื่องที่แต่งกันไว้ตั้งกะ ม.3 เริ่มเรื่องพร้อม ตำนานทาลิ แต่ทาลิ จบก่อน แถมพ่วงอีกภาคเฉย
ตอนนี้เลยจะมาต่อเรื่องนี้ให้จบสินะ ว่าแต่ภาพมันไม่ค่อยชัดเลยงิ เดี๋ยวส่งรูปมานะ
จะแก้ให้สมบูรณ์ โดยเฉพาะ รูปชุติการ น่ะ มันเบลอ
Logged


General Charles
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1162


« Reply #6 on: November 11, 2008, 02:41:41 AM »

อ้าว...ภูเขานี่คนจริงๆเหรอครับ
(นึกว่าตัวละครในเรื่องที่ไม่อิงเรื่องจริง เพราะคุณดันพิมพ์ว่าแชมป์โลก )
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #7 on: November 13, 2008, 02:00:27 AM »

คือ ชื่อตัวละครภายในเรื่องนี้เป็นการเอาฉายาของ คนในวงการมาใช้น่ะครับ ที่จริงเรื่องนี้
 เคยพิมพ์มาแล้ว แต่แต่งไม่จบ ตอนนี้เลยรีแล้วแก้ไขส่วนผิดพลาดพร้อมทั้งปรับ ไวยากรณ์ภาษาเล็กน้อย
+ใส่ภาพเพิ่ม ซึ่งก็ขอตอบตามตรงเลยเน้อ ครับหมายถึงตัวจริงแบบ เอามาอิงนั่นล่ะ
เดี๋ยวมี พี่ศรี มี คุณนิฮิล ไกอา พี่ปอ ไปจน ถึง เจ็ จิง เลยล่ะครับ

ปล.เอามาใช้นี่แค่ชื่อเรียกเล่นๆไม่ใช่ชื่อจริงคงไม่ว่ากันเน้อ เพราะ
เบสข้อมูลกะจะไม่ใส่ ชื่อจริงอยู่แล้ว เดี๋ยวโดนฐานหมิ่นประมาท
ส่วนชื่อตัวละครตัวอื่นนี่ ชื่อพวกเพื่อนๆผม เองครับ เดี๋ยวคงมีผมไปโผล่ในเรื่องด้วยแหล่ะ กระทั่งอาจารย์
 ยังมีเลยเหอๆ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #8 on: November 13, 2008, 02:03:50 AM »

Quote
เดี๋ยวมี พี่ศรี มี คุณนิฮิล ไกอา พี่ปอ ไปจน ถึง เจ็ จิง เลยล่ะครับ

จำได้ว่า ซีรี่ย์แรก จะให้ พวก นิฮิล เป็น จตุรเทพแห่ง
Phenomenon Force ใช่มะ แล้ว พี่ปอ เป็น ลีกค์แชมป์

ส่วนภูเขาสังกัด Temple แล้วก็แซวให้น้องชายแก มาเล่นเป็น รองหัวหน้าของ องค์กรตังร้าย ใช่ป่ะ
เหอๆ สปอย์ เต็มที่ มันจะด่ามั้ยเนี่ย

เอาเถอะคิดว่ารอบ นี้ฝีมือเขียนดีขึ้นเยอะน่าจะไม่ซ้ำแนวเดิมเพราะที่ว่าไปเนี่ยมันยังไม่ได้พิมพ์เลย

Quote
นึกว่าตัวละครในเรื่องที่ไม่อิงเรื่องจริง เพราะคุณดันพิมพ์ว่าแชมป์โลก

เอ่อ ก็ถูกแล้วนิ เพราะสมัยนั้น ซํมรู้สึกจะจัดแข่งที่ไทยเป็นหลัก ต่างประเทศไม่ค่อยมี ช่วง แกรน3
เอง
« Last Edit: November 13, 2008, 02:06:24 AM by cocka-c » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #9 on: November 16, 2008, 07:29:35 PM »

Sub-Turn 3 DEATH or ALIVE


ที่สนามเด็กเล่นพวกเด็กๆยังคง ออกันอยู่ที่โต๊ะเล่นการ์ดคอยจับตาดูการต่อสู้อันน่าทึ่งของทั้งสอง
ยังใจจด ใจจ่อ

“ เอาล่ะรอบของฉันจั่วไพ่ ”
ธนัท จั่วไพ่ขึ้นมาสองใบเป็นซีล1มิสติก1

[ Hand Sta: Seal:2 Mystic:4 ] Mp:4
 

“ รอบที่แล้วเรารอดมาได้ก็จริงแต่ว่ายังมีอีกเรื่องที่เรายังข้องใจอยู่ ไม่ว่าจะเป็น อากิร่า บลัดมูนการูด้า
โวลคานิกเดม่อน เอเรียลมันกูซ  ทำไมซีล การ์ดมันถึงได้หลากหลายนักล่ะไม่ว่าจะเป็น เผ่า ชื่อ ธาตุ
ก็ไม่มีจุดไหนที่เข้ากันเลยก็เลยทำให้เราไม่รู้เลยว่าสำรับของอีกฝ่ายคืออะไร ”

ธนัท คิดในใจเมื่อเคียวเห็น ธนัท ยังนิ่งอยู่ก็คิดจะเรียกแต่ ชุติการ ห้ามไว้

“ เราอย่าไปรบกวน ธนัท เลยให้เขาคิดต่อไปเถอะ ”
ชุติการกระซิบให้เคียว เคียวจึงพยักหน้าแล้วยืนดูต่อ

“ เอาล่ะฉันให้ซาลามันเดอร่า แยกร่างแล้วย้ายลงไป dl แล้วให้ อิสฮาน รวมร่างกับแอชดราก้อน ”
สิ้นคำของ ธนัท แอชดราก้อน ก็แยกออกมา และ อิสฮาน ก็กระโดดขึ้นไป
ขี่แอชดราก้อน ส่วน ซาลามันเดอร่า ก็เดินลงไปข้างหลัง

“ จากนั้นCost mp 3 ร่าย Urendo, The Lava Dragon แล้วผ่าน ”
สิ้นคำ ธนัท ก็วางซีลการ์ดลงไป บนช่อง วางซีล ในแนวป้องกัน(DF line [dl]) เกิดแสงสีแดงวาบขึ้น
บนการ์ด ก่อนที่ ร่างสีแดงฉานซึ่งลุกโหมด้วยเปลวเพลิงที่หมุนวนออกมาจาก การ์ดพร้อมๆกับที่มันปรากฏตัว

ขึ้นมาบนสนาม มันอ้าปากกว้างคำรามอย่าง ดุร้าย ลมหายใจที่ร้อนจนแทบจะลุกเป็นไฟได้พุ่งไปยัง ภูเขา ที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ลมหายอัคคี ได้พุ่งผ่านของเขาไป โดยไม่ทำอันตรายใดๆ แก่ร่างของเขา  แม้จะพึ่งถูกลมอัคคี
พัดไป เขากลับไม่มีทีท่า สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย



“ ตาฉันจั่วไพ่ ”
ภูเขาพูดพร้อมกับจั่วไพ่ขึ้นมา2ใบเป็น  ซีลการ์ดทั้งหมด


[ Hand Sta: Seal:3 Mystic:3 ]


“ เอางี้ ฉันจะบอกอะไรให้พวกนายคงจะสับสนกันแย่ล่ะซิว่าสำรับของฉันเป็นสำรับอะไร ”
ภูเขา กล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ สำรับของฉันคือ สำรับคมเคียวมรณะ(Scythe Reaper) ”
ภูเขา กล่าวด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ



[Data: ??? ฉายา: ภูเขา Age: ?? Year ????   Deck: คมเคียวมรณะ (Scythe Reaper) ]


“ คมเคียวมรณะ ชื่อแสลงพอๆกับคนมืดมนอย่างพี่ชายเลยนะ แล้วจะบอกมาทำไมไม่ได้ถามซะหน่อย ”
ธนัท กล่าวเยาะเย้ย ทำใจดีสู้เสือ ทว่าความจริงเขารู้สึกแปลกใจที่ ภูเขา เหมือนจะอ่านความคิดของเขาออก

“ Cost MP 2 ร่าย Garasu ไว้ที่ แนวป้องกันจากนั้นให้ วอลคานิกเดมอน ย้ายลงมาแนวป้องกัน ”
ทันทีที่ ภูเขาสั่งการจบ ซีลการ์ดบนมือก็ถูกนำลงมาวางบน สนามเกิดแสงสว่างวาบขึ้นจากบนรูปของ ไพ่ก่อนที่ ครุฑสีดำทมิฬอีกตัวจะปรากฏขึ้น เคียวที่มันถือมีหัวคมสองปลาย
ส่วน วอลคานิกเดมอน ได้บินลงไปยังแนวป้องกันแทน



“ จากนั้น Cost MP ทั้งหมดที่เหลืออยู่ 4 จุด ให้ เอเรียลมันกูซ ทั้งหมดโจมตีไปที่ อิสฮาน ”
คำสั่งของ ภูเขา ทำเอา ผู้คนโดยรอบตะลึงนิ่งด้วยความไม่คาดฝัน เอเรียลมันกูซ ทั้งสี่ตัว
ได้บินพุ่งตรงเข้าไป เพื่อจะจัดการกับเป้าหมาย อย่างไม่เกรงกลัว ทว่าทันทีที่พวกมันเข้าใกล้
อิสฮาน ก็วาดมือขึ้นร่ายมนต์วงเวทย์ สีแดงสดได้ปรากฏขึ้นจากฝ่ามือ ก่อนที่แสงสีแดงจะวาบ
ออกมาเผาผลาญ เอเรียลมันกูซ ทั้งสี่ จนวอดวายและแตกสลายไปในที่สุด ท่ามกลางความ
สับสนนั้นเอง ภูเขา ก็จัดแจงกวาด  การ์ดที่หมดสภาพ ลงไปยัง Shrine อย่างไม่ลังเล


“ ผ่าน รอบของนายแล้วและมันอาจจะเป็นรอบสุดท้าย ”
ภูเขา กล่าวด้วยทีท่าสงบนิ่ง


“ นี่มันอะไรกัน..ตาคนนั้นถอดใจแล้วงั้นเหรอถึงได้… ”
ชุติการ กล่าวด้วยทีท่าร้อนรน ทว่าเธอก็ต้อง เงียบไปเมื่อ เคียว ยกมือขึ้นปรามเธอไว้

“ พวกเราที่ยืนดูอยู่ไม่มี ทางเข้าใจหรอกว่าแรงกดดันจากการกระทำแบบนั้นน่ะ มันไม่ใช่น้อยๆเลยนะ ”
เคียว กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่


“ ร..รอบของฉัน จั่ว..ไพ่ ”
ธนัท กล่าวเสียงสั่น แรงกดดันจากการโจมตีเมื่อครู่ทำให้เขา เสียหลักไปมากพอควร
บัดนี้ในใจของเขาสับสนหว้าวุ่น ไปหมด การ์ดซีล และมิสติกอย่างละหนึ่งใบถูก
ดึงออกมาจากกองการ์ด ด้วยมือที่สั่นเทา

[HS(Hand Sta): SC(Seal Card):2 MC(Mystic Card): 5 ]


“ ต้องให้ ซารามันเดอร่า รวมร่างขั้นแรกแล้วจัดการกับ บลัดมูนการูด้า  แล้วให้ อิสฮาน กับ อูเรนโด้
จัดการ โวลคานิกเดมอน กับ สกาเร็ทลีปเปอร์ ก็จบเกมส์ เพราะตอนนี้ Shrine ของหมอนั่น
เหลือแค่ 6 เท่านั้น ”
ธนัท คิดในวินาทีที่ หนทางที่จะเอาชนะ ได้เปิดขึ้นมาแล้วนั้นความรู้สึกที่ ประหลาดก็ถาโถมเข้ามาในใจ
สังหรณ์แปลกๆที่ราวกับว่าหากเดินไปตาม หมาก นี้คงไม่แคล้ว ตกม้าตายอีกรอบแน่นอน แต่สุดท้ายเขาก็พยายามจะสลัดมันไป โดยคิดว่านี่อาจเป็นแค่ความลังเลของเขาเองก็ได้ จึงตัดสินใจเดินหน้าต่อทันที

“ ให้ อิสฮาน แยกการรวมร่าง และให้ ซาลามันเดอร่า ขึ้นไปยังแนวหน้า  ”
ธนัท กล่าวจบ อิสฮาน ก็ลงจากหลังของแอชดราก้อน ก่อนที่ ซาลามันเดอร่า จะเดินขึ้นมาสมทบ

“ จากนั้นให้ ซาลามันเดอ… ”
ทันทีที่ จะออกคำสั่งต่อจากนั้น ความรู้สึกที่ว่านั่นก็แทรกเข้ามาอีก

“ ร่า…รี่ดอล รวมร่างกับซาลามันเดอร่า เฮ้ยนี่ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย ”
ด้วยความตื่นเต้นทำให้ ธนัท สั่งการ ผิดไปเจ้ามังกรยักษ์ หันควับกลับลงไปยังแนวรับ ก่อนที่ตุ๊กตารูปเหมือนของมันจะขึ้นมา ขี่บนหัวของมัน

“ อี ตาบ้าทำอะไรของนายเนี่ยให้ ตุ๊กตา เป็นซีลหลักเนี่ยนะ นายยังสติดีอยู่รึเปล่า ”
ชุติการ ตวาดลั่นเสียจน ทุกคนรอบพากันหันมาเป็นทางเดียว กว่าจะรู้ตัวเธอก็ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนไปแล้ว
เธอจึงอาย ม้วนต้วน ไปหลบหลัง เคียว ที่ ตีสีหน้าเอือมๆ กับกิริยาของเธอ

« Last Edit: November 16, 2008, 07:31:28 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #10 on: November 16, 2008, 07:29:55 PM »

“ ชิ.. ”
ภูเขา สบถด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

“ ทำไงดีรวมไปแล้วด้วยจะแยกก็ไม่ได้แล้วถ้าจะให้ อิสฮาน รวมร่างอีกทีแล้วตีเข้าไปก็ไม่ไหวแน่ เรามีการ์ดที่จะใช้แก้ไม่พอ งั้นก็ต้องตามน้ำไปก่อนล่ะ ”
ธนัท คิดขณะที่ ถอนหายใจจากความผิดพลาดที่เกิดจากความสะเพร่าของเขา ก่อนจะงัดเอา
การ์ดในมือสามใบร่ายลงสู่สนาม

“ Cost Mp ทั้งหมด ร่าย อูเรนโด้มังกรลาวาไปที่ AL กับ แอชดราก้อน ลงไป DL จากนั้นให้ อิสฮาน
ย้ายไปแนวหลัง ให้ อูเรนโด้ ที่แนวหน้ารวมร่างกับแอชดราก้อนและ อูเรนโด้ อีกตัว Triple Combination (การรวมร่างสองชั้น) และร่าย มิสติกการ์ด Sekhmet แล้วผ่าน ”
ธนัท สั่งการ จบในสนามก็เกิดการเปลี่ยนแปลงวุ่นวายไปหมด มังกรอูเรนโด้ และแอชดราก้อน ถูกเรียกเพิ่มขึ้นมาเป็นสองตัว มังกรอูเรนโด้ และ แอชดราก้อน ตัวแรกรวมเป็นร่างเดียวกัน ยืนคุมเชิงในแนวหน้า
ขณะที่ อิสฮาน เดินกลับไปยังแนวหลัง ก่อนที่ มิสติกการ์ด จะถูกร่ายลงมา ซึ่งมิสติกที่ร่ายลงไปนั้นยังไม่แสดงผลของมันออกมา



“ คิดจะใช้ Sekhmet เก็บ Mp ไว้ปิดเกมส์ งั้นรึ เข้าท่าดีนี่แต่ว่าพอถึงตาหน้ามันก็คงไม่มีอะไรให้นายปิดนอกจากชีวิดของนายเองแล้ว รอบของฉันจั่วไพ่ ”
ภูเขา กล่าวจบก็ดึง มิสติกการ์ดออกมาจากสำรับ สองใบ

[HS: SC:2 MC:5 ] MP 7

“ ฉันจะบรรเลงเพลงสวดศพ ให้นายเอง Cost Mp 2 ร่าย Partake of Corpses (งานฉลองแด่ผู้ล่วงลับ) ”
ภูเขา กล่าวเสียงเรียบน้ำเสียงที่แว่วออกมานั้น แทบจะสะกดให้ หัวใจของ ธนัท หยุดเต้นเอาเสียตรงนั้น
ทันทีที่ มิสติกการ์ดของ ภูเขา ได้ถูกร่ายลงมาราวกับวิญญาณถูกดึงออกไปจากร่างจนหมด



พลังของ การ์ดได้สร้างภาพของ สมรภูมิ มรณะซากศพของเหล่าทหารที่ พลีชีพและถูกสังหารตายในสนามรบ
เกลื่อนกองอยู่มากมายรอบ พวกเขาไม่ใช่แค่บน โต๊ะเท่านั้นหากแต่ว่าพวกเขาทั้งหมดได้เข้าไปอยู่ในสมรภูมิ นั้น

จริงๆ ท้องฟ้า ถูกพลังเวทย์จาก การ์ดปกคลุมอาณาบริเวณ รอบสนาม จนราวกับโลหิตย้อมท้องนภา จนเป็นสีแดงก็ไม่ปาน เสียงร้องแหลมของ นกอีแร้งสีดำ ทมิฬ จำนวนมากมาย ดังแว่วมากับสายลมที่พัดอย่างอ้อยอิ่ง

ทุกครั้งที่เสียงของมันดัง ราวกับเสียงกระซิบของความตายที่จะดูดกลืนชีวิตออกจากร่างไป
ไม่นานนัก แร้ง ทั้งหมดก็ร่อนลงมาจากเวหา และบินวน ไปรอบๆเหนือโต๊ะ

ตอนนี้ สติของ ทุกคนที่ยืนดูอยู่แทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แรงกดดันจากพลังเวทย์ของ การ์ดใบนั้นมากมายเสียจนทำให้ประสาทรับรู้ คิดว่ามันเป็นของจริง นั้นคือสภาพของคนที่ยืนดูอยู่ภายนอก ทว่า ธนัท ที่

เป็นผู้ทำการต่อสู้นั้น จะต้องทนรับกับแรงกดดันที่มากกว่า พวกเขาอีกหลายเท่านัก นี่ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า
ข่าวลือเกี่ยวกับ ภูเขานั้น เป็นความจริง เพียงแค่จับจ้องดูการเล่นของพวกเขา ก็แทบไม่อยากจะ
มีชีวิตอยู่อีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ ผู้เล่นบางคนจะถึงกับเป็นบ้า เสียสติไป

“ ยินดีต้อนรับ สู่เขตแดนแห่งความเป็นและตาย ด้วยผลของ Partake of Corpses จะทำให้ฉันได้รับ Mp เพิ่มเท่ากับจำนวน ซีลใน Shrine ของฉัน ซึ่งตอนนี้มี 5 ตัวทำให้ Mp ของฉันมี เท่ากับ 10 ต้อง
ขอชม ที่นายสามารถมาได้ถึงจุดนี้ทั้งที่เป็นแค่ นักเล่นสะเพร่าไม่รู้จักเจียมตัว แต่นายก็ทำให้ฉัน
ต้องงัดไพ่ตายออกมาจนได้ จากนี้ก็เชิญฟังเพลงส่งศพของนายให้สำราญซะเถอะนะ เพราะท่อนที่สองของเพลงกำลังจะเริ่มแล้ว ”
ภูเขา กล่าวเสียงเรียบทว่า ธนัท ก็คงจะไม่ได้ยินคำพูดนั้นเสียแล้ว เพราะบัดนี้จิตของเขา
คงจะหลุดลอยไปไหนต่อไหนแล้ว

“ ชิ..partake of Corpses การ์ดที่ถูกห้ามนำมาใช้เพราะพลังที่มากมายเกินคณา นั่นจะทำให้ผู้เล่น
เป็นอันตรายได้ มันจึงกลายเป็นการ์ดต้องห้ามไป ทั้งที่การใช้มันน่าจะส่งผลกระทบอะไรบ้างสิ จิตใจของคนๆนี้ทำด้วยอะไรกันนะ ”
เคียว ที่ยังคงประคองสติไว้ได้คิด ขณะที่ เด็กคนอื่นๆเริ่มที่ จะกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและขอให้
เลิกการแข่ง ชุติการ ที่ทนรับแรงกดดันของพลังเวทย์ที่แผ่ออกมา ไม่ไหวได้ล้มลงหมดสติไป

“ จิตแข็งดีนี่ ที่ไม่ประสาทกินไปกับคนอื่นแต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะให้มันจบเดี๋ยวนี้ล่ะ ”
ภูเขา หันไปกล่าวกับ เคียว ที่ยังคงยืนมองมาที่พวกเขาด้วยท่าทีสงบ


“ เอาล่ะมาต่อกันเถอะ Cost MP 5 ร่าย Sacrifice ทิ้ง ซีลการ์ด สองใบในมือจากนั้นทำลายซีล 1
 ใบในสนามเป้าหมายคือ อูเรนโด้ ที่ ทริปเปิลคอมฯ อยู่จงหายไปซะ ”
สิ้นคำของ ภูเขา มิสติกการ์ดที่ ร่ายลงมาก็ส่องแสงวาบขึ้น ก่อนที่เขาจะ ทิ้งซีลการ์ดสองใบ ลงไป
ร่างของ ซีล ที่ถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยได้ปรากฏขึ้น ในสนามฝั่ง ภูเขา มันเป็น Scarlet Reaper



ทั้งสองใบ ร่างของมันทั้งสองค่อยสลายกลายเป็นเงาดำพุ่งเข้าไป กลืนร่างของ อูเรนโด้ ที่ยืนอยู่แนวหน้า และดูดมันให้จมหายลงไปในความมืดมิด  การ์ดซีล ที่หมดสภาพทั้ง สามใบได้ถูก เลื่อนไหลลงไปยัง Shrine
เองโดยอัตโนมัติ จากพลังเวทย์ที่ครอบคลุมอยู่ทั่ว

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #11 on: November 16, 2008, 07:30:06 PM »

“ สกาเร็ทลีปเปอร์ เมื่อตกไปยัง Shrine จะกลับเข้าไปอยู่ในกองการ์ด ดังนั้น ฉันจึงไม่เสีย
เลเวลใน Shrine แต่อย่างใดจากค่าใช้จ่ายของ แซคริไฟร์ มาต่อท่อนที่สามกันเลย Cost MP 4 ร่าย
You Must Die ทำลายซีล ที่ไม่ได้รวมร่างหนึ่งใบในสนามเป้าหมายคือ อิสฮาน เท่านี้ความหวังของนายก็ถูกกลืนหายไปหมดแล้ว ”
ภูเขา กล่าวจบ มิสติก การ์ดที่ ร่ายลงมาก็สำแดงเดชทันที ยมทูตได้พุ่งออกมาจาก ไพ่ก่อนจะเงื้อเคียว
ตวัดฟันใส่ร่างของ อิสฮาน จนขาดเป็นสองซีกและสลายไป ต่อหน้าต่อตา ของ ธนัทโดยที่เขายังคงรับรู้และรู้สึกได้ วินาที ที่ ซีลทั้งสองของเขาถูก ทำลายไปความเจ็บปวดที่ราวกับถูกตรวนไว้ด้วยโซ่ และถูกเข็มนับพันทิ่มแทงไปทั้งร่าง ในใจคิดแต่เพียงตนต้องตายเป็นแน่



“ ที่นี้ก็ท่อนสุดท้าย บทเพลงแด่ผู้ล่วงลับ ให้ สกาเร็ทลีปเปอร์ ย้ายมาแนวหน้า Cost MP 1โจมตีเป้าหมาย
เจ้าตุ๊กตามังกรนั้น ขยี้มันซะ ”
ภูเขา กล่าวจบสกาเร็ทลีปเปอร์ ก็ย้ายขึ้นไปแนวโจมตีและขว้างเคียวในมือ ออกไปคมเคียวที่ควงใกล้เข้ามา
เรื่อยๆ วินาทีที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลง ท่ามกลางความเงียบที่มืดมิด

“ ยามใดที่รู้สึก โดดเดี่ยวเมื่อนั้นเราก็จะแพ้ ผู้อัญเชิญอย่างเราไม่ได้สู้เพียงลำพังหากแต่ อสูร อัญเชิญนั้นคือเพื่อนของเราที่จะสู้ร่วมไปด้วยกันในสมรภูมิ…..  ”
เสียงนี้ได้ดังขึ้นจาก ส่วนที่ลึกของจิตใจ ไม่ทันทีที่จะมีใครคาดคิด แม้แต่ตัว ธนัท เองก็ตามมือของเขาได้ส่งไพ่บนมือลงไปแล้ว

“ Cost MP 2 ร่าย No Attacking ”
คำพูดหลุดออกไปจากปากของ ธนัท โดยไม่รู้ตัว เกิดแสงวาบขึ้นมาจาก มิสติก การ์ดที่ร่ายลงมา
เคียวที่ถูกเหวี่ยงมานั้นได้ถูก ดาบสองเล่มที่ไขว้กันไว้ พุ่งเข้ามาสกัดการโจมตีไว้



“ อ..อะไรกันหนอย ผ่าน ”
ภูเขา สบถด้วยความหงุดหงิดที่ไม่อาจเก็บเขาลงได้ ในดาบนี้ ทว่าแม้ตอนนี้สภาพจะผลของ Partake of Corpses จะยังคงแผ่ออกมาแม้จะหมดอำนาจไปแล้วก็ตาม แต่สภาพพวกนั้นตอนนี้กลับไม่ส่งแรงกดดันใดให้เขา อีกต่อไปแล้ว และทันทีที่เขาจะดึงไพ่ออกจากสำรับ ความรู้สึกที่ร้อนผ่าวก็แล่นขึ้นมา
ราวกับจะกระตุ้นให้เขาหยิบมันขึ้นมา ความรู้สึกนั้นยิ่งแรงกล้าขึ้นเรื่อยๆเมื่อเข้าใกล้กองการ์ดซีล
ความรู้สึกที่แรงกล้าซึ่งส่งผ่านมานั้น ทำให้เขาไม่ลังเล ที่จะหยิบมันขึ้นมา พร้อมกับ มิสติก การ์ดอีก หนึ่งใบ

“ นี่มัน… ”
ธนัท อุทานทันทีที่เห็น การ์ดที่ตนจั่วขึ้นมา สีหน้าของเขาก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่ สติของเขากลับมาจาก ภวังค์ จนถึงเมื่อครู่ เขาก็ได้สังเกตเห็นแล้วว่า พลังเวทย์จากการ์ดต้องห้ามที่ ภูเขา ใช้ทำให้เพื่อนๆของเขาต้อง ทรมานไปตามกันตอนนี้ ในใจของเขามีเพียงไฟแห่งความโกรธที่ สุมอยู่ในใจเป็นแรงพลังให้เขา ลุกขึ้นยืนหยัดและจะคว้าเอาชัยมาให้จงได้

“ พี่ครับช่วยเป็นแรงพลังให้ผมที ผมต้องโค่นบุรุษสุดแกร่งตรงหน้านี้ให้ได้ เพื่อช่วยทุกๆคนผมจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด  ”
ธนัท คิดหลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว เขาก็เริ่มเล่นต่อในทันที

[HS: SC:1 MC:4] Mp 5

“ รอบของ ฉันผลของ Sekhmet ทำงาน MP ของฉันเพิ่มขึ้น 3 หน่วย ”
สิ้นคำของ ธนัท มิสติก การ์ดที่ร่ายเอาไว้ใน เทิร์น ที่แล้ว ก็ส่องแสงวาบขึ้นมา
ทูตสวรรค์สามองค์ได้นำวงแหวนแสงลงมา ท่ามกลางฝูง แร้ง ที่บินวนอยู่เหนือโต๊ะ

 แสงจากวงแหวนเจิดจ้า
และร้อนแรง จนขับไล่พวก แร้งให้บิน แตกฝูงไปกันหมด แสงจากวงแหวนได้ ส่อง สกาวเจิดจรัส
ไปทั้งอาณาบริเวณที่ Partake of Corpses สำแดงอำนาจบรรยากาศที่เกิดจาก
พลังเวทย์ของ Partake of Corpses ได้จางหายไปในทันที

“ Cost MP 1 ร่าย Lilith ทิ้ง มิสติก การ์ดไป 1 ใบเพิ่ม MP ตามค่าร่ายของการ์ดที่ทิ้งไปที่ฉันจะทิ้งก็คือ
Star Shield ซึ่งมีค่าร่าย 4 Mp ของฉันจึงเพิ่มขึ้น 4 รวมเป็น 10 หน่วย  ”
ธนัท กล่าวจบ ก็ร่ายมิสติกการ์ด ลงไปพร้อมกับทิ้งมิสติก การ์ดอีกใบลง Shrine ไป
ภาพของ การ์ดที่ถูกทิ้งไปได้ปรากฏขึ้นก่อนจะสลายกลายเป็นหมอกสีดำ และ
ซึมเข้าร่างของ ธนัท ไป



“ ให้ ซาลามันเดอรี่ดอลแยกการรวมร่าง และ Cost MP 5 ร่าย Salamandera, The Fire Dragon เลือกเงื่อนไขทำการ Growth เป้าหมายคือ ซาลามันเดอร่า จงเกิดใหม่เป็นราชันย์มังกรอัคคีซะ ”
ทันทีที่ ธนัท กล่าวจบ เขาก็ร่ายซีล ลงไป ร่างของ ซาลามันเดอร่า ในสนามถูกอาบไว้ด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงออกมาจากร่างของมัน ก่อนที่จะมีขนาดใหญ่กว่าเดิม และมีปีกกับกล้ามเนื้อที่ทรงพลังกว่าแต่ก่อน



“ ให้ ราชันย์มังกรอัคคีซาลามันเดอร่า รวมร่างสองขั้นกับ ซาลามันเดอรี่ดอล และ แอชดราก้อน
จากนั้น Cost Mp 5 เพื่อให้ราชันย์มังกรอัคคีซาลามันเดอร่า โจมตี แบบ All ”
ธนัท กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความมุ่งมั่นอยู่เต็มเปี่ยม

“ หนอย….อย่าได้ฝันไปเลย Cost MP 2 ร่าย Hercules เพิ่ม AT 2 หน่วยให้กับ บลัดมูนการูด้า เท่านี้
บลัดมูนของ ฉันก็มี AT 11 การโจมตี All แค่ 10 ไม่มีทางทำอะไรได้หรอก และตอนนี้ Shrine ของฉันเหลืออยู่ 6 นอกจากบลัดมูน ก็มี สกาเร็ทลีปเปอร์ การาสุ กับวอลคานิคเดม่อน รวมเลเวลแล้วก็แค่ 5 หน่วยเท่านั้น
และถ้าหากไม่สามารถทำให้ Shrine ของฉันเต็ม ได้พร้อมกับที่ สกาเร็ทตก Shrine ไปมันก็จะฟื้นกลับเข้ากองการ์ดไป เท่ากับฉันจะเสีย Shrine แค่สามเท่านั้นและแกที่มี มิสติก เหลือแค่ 2 ใบจะไม่ทางรับมือกับบลัดมูนในรอบต่อไปได้แน่ ”
ภูเขากล่าว จบก็ร่ายมิสติก การ์ดเพิ่มพลังให้กับ บลัดมูนการูด้า เพื่อให้โต้กลับในรอบต่อไป



“ ดูเหมือนคนเก่งอย่างพี่ชายก็คงพลาดได้สินะ ราชันย์มังกรอัคคีซารามันเดอร่า น่ะเมื่อ Growth แล้วจะได้รับความสามรถเพิ่มเติมด้วย นั่นคือ เมื่อมังกรในสนามฝ่ายฉันโจมตี At จะเพิ่ม 1 หน่วย และอีกหนึ่งความสามารถ
เจ้านี่จะเพิ่ม At ตามจำนวน ซีลใน แนวหน้า ซึ่งตอนนี้มีอยู่หนึ่งตัว ผลรวมของการโจมตี Allนี่จึงไม่ใช่แค่ 10 แต่เป็น 12  ถึงผมจะสะเพร่าก็จริง แต่กับไพ่ใบนี้มันคนอย่างกัน  ”
ธนัท กล่าวอธิบายถึงอำนาจของ ราชันย์มังกรที่เขาอัญเชิญออกมา ภูเขาก็หน้าซีดไปในทันที

“ คนที่เล่นสนุกกับจิตใจของคนอื่น และเห็น อสูร อัญเชิญเป็นเพียงเครื่องมือ อย่างพี่ชายน่ะ ไม่มีวันจะเอา
ชนะคนที่เชื่อมั่นใน อสูรอัญเชิญ ได้หรอก จงลุกไหม้ผลาญปฐพี Nova Breath  ”
สิ้นคำของ ธนัท ราชันย์มังกรอัคคี ก็โบก สะบัด ปีกของตนเพื่อบินขึ้นไปก่อนจะพ่นคลื่น เปลว อัคคี
ลงมาแผดเผา สนาม เหล่า อสูรอัญเชิญของ ภูเขาทั้งหมดถูกทำลายจน ราบพนาสูญ


“ เชอะ…สุดท้ายเพราะความเฟอะฟะ ช่วยมันเอาไว้งั้นเรอะ ถ้ามันไม่รวมร่างผิดให้ตุ๊กตานั่นเป็น ซีล หลัก ป่านนี้ แค่ Sacrifice กับ You Must Die ก็คงเก็บมันไปได้แล้ว ไม่งั้นเราเองคงต้องไม่เสี่ยงบุกเข้าไปแบบนี้หรอก ครั้งนี้จะปล่อยไปก่อนก็ได้… ”
ภูเขา คิดขณะ เปลวเพลิงซึ่งลุกโหมกระหน่ำ ได้ลามออกมาปกคลุมร่างของเขาไว้ และทันทีที่ เปลวเพลิง จางหายไป เขากับสำรับ ทั้งหมดของเขาก็ อันตรธานหายไป โดยไร้ร่องรอย ท่ามกลางรัศมี แสงแห่งวงแหวนของทูตสวรรค์ ที่ยังคงทอประกายอยู่ ก่อนที่ทุกๆอย่างจะจางหายไป และกลับสู่สภาพปกติ



ภูเขา [HS: SC:0 MC:1 ] MP 5 Shrine 14/12   Lose
ธนั
« Last Edit: December 23, 2008, 01:20:49 PM by greamon » Logged


^ ^ poohkao ^ ^
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2125


Email
« Reply #12 on: November 16, 2008, 07:45:02 PM »

จุดจุดจุด
Logged


~MerShanDisE~
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2103


« Reply #13 on: November 16, 2008, 08:05:52 PM »

จุดจุดจุด

มาแล้ว 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #14 on: November 16, 2008, 08:54:51 PM »

Quote
จุดจุดจุด

แว้กมาแย้วเหรอคร้าบ รู้ได้ไงว่าข้าน้อย Re-Edition มาเป็นเรื่องนี้ง่า มีคนบอกเหยอตอบหน่อย
 จิ ตอน ซีรี่ย์แรก ก็มา ซีรี่ย์นี้ก็มา เหมือนติดตามดูตลอดเยย
(อ่ะหรือว่าเป็น 1 ใน แฟนนิยาย เง้อ )
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #15 on: November 17, 2008, 02:52:15 AM »

Quote
(อ่ะหรือว่าเป็น 1 ใน แฟนนิยาย เง้อ )

พูดเอง เออ เอง มัดมือชกไม่ดีนะจ้ะ ว่าแต่งานนี้ฉันไม่รับรู้ด้วยนะ
ขอให้โชค(เลือด)ดี

ME เผ่นออกจากกระทู้ด้วย สปีดของ Eyeshield21 4.2วินาที
อะเฟี้ยวววววววววว!!!!!!!! 
Logged


^ ^ poohkao ^ ^
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2125


Email
« Reply #16 on: November 17, 2008, 12:42:03 PM »

สนุกดีครับ  :)

บทร้ายได้อีก
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #17 on: November 18, 2008, 02:36:19 AM »

Quote
สนุกดีครับ  Smiley

บทร้ายได้อีก

โอว ขอบคุณมากครับที่ไม่ถือโทษโกรธเคือง แต่อย่างใดแถมมีชอบใจอีกแน่ะ อย่างว่าล่ะ คาแรคเตอร์ของพี่
ในความคิดผมเนี่ย เหมาะกับบทร้ายนิดๆ แต่แอบมีใจให้ มากเยย บอกตามตรงตอน พี่เสียแชมป์ตอน แกรนทัวร์ 4 นั้นนับเป็นการเปลี่ยงแปลงของวงการ ในสายตาของผมเลย มันถือเป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่ง
(ประมาณว่าตอนนั้ยังเด็กอยู่อะไรๆในสายตามันเลยดูใหญ่ไปหมด) แต่ตอนนี้เฉยๆแล้วล่ะครับ สงสัยคงต้องไปเผาต่อขอตัวไปหาข้อมูลมาเผาต่อละกันเน้อ

(เสร็จไป1 เหลือ อีก 4จะไปรอดจนจบไหมเนี่ย เอ้อยังมี พี่ศรีอีกคน นิหว่า)
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #18 on: November 22, 2008, 03:51:04 AM »

อาทิตย์นี้ ขอ งดนะครับ เพราะต้องสอบทฤษฎี รด. ในวันอาทิตย์นี้ ขออภัยอย่างยิ่ง
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #19 on: November 30, 2008, 11:43:34 AM »

Sub-Turn 4  The Enemy Appear

พุทธศักราช 2700 หรือ ค.ศ. 2157
ก่อนที่เวลาจะล่วงเลยมาถึงตรงนี้  ย้อนกลับไปเมื่อ 100 ปีหรือ 1 ศตวรรษ ที่แล้ว
โลกได้เผชิญเข้ากับ วิกฤตการณ์ พลังงาน และมลภาวะสะสม จากการใช้พลังงาน

เมื่อ น้ำมันหมดไปพลังงานอื่นๆจึงเริ่มที่จะเหือดหายไปด้วย ไม่ว่าจะพลังงานไฟฟ้า
แก๊สธรรมชาติ ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น มลภาวะต่างๆที่สะสมจนมากเกิน ทำให้สิ่งมีชีวิต ทั้งหลาย

ต้องทนทุกข์ทรมาน เมื่อน้ำแข็งขั้วโลก ละลาย น้ำท่วมสูงกลืนกิน ผืนปฐพีให้จมหายลงไปใต้พื้น สมุทร
ไฟป่าที่พัดโหมขึ้นพร้อมๆกันจาก อุณหภูมิ ของโลกที่สูงขึ้น เพราะปรากฏการเรือนกระจก
ของชั้นบรรยากาศที่เกิดจากสารที่ได้จากการเผาผลาญพลังงาน 

ในตอนนั้น ความหวังก็ได้ปรากฏขึ้น เมื่อการรื้อฟื้นพลังงานที่ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อสมัยโบราณกาล
สัมฤทธิ์ผล พลังงานที่ บริสุทธิ์และมีอย่างไม่จำกัด จนถึงกับพูดได้ว่าให้พวกเราเลิกฝากชีวิตไว้ กับ พลังงานน้ำมันพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานทางวิทยาศาสตร์ อื่นๆได้เลย พลังที่แม้แต่ พลังงานปรมาณู ยังไม่อาจเทียบเคียงได้
มันคือ พลังเวทมนต์!!!!
 
……………….
……………………


วัน จันทร์ ที่ 3 เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2700

ณ โรงเรียน มนต์วิทยา (ชื่อโรงเรียนนะนี่ - -*)

เสียงจอแจ ของนักเรียนที่ดังครึกครื้น จากทุกห้องเรียนของอาคาร สีเขียวขาว ที่ตั้งรายล้อมเป็น
แนวสี่เหลี่ยม ใจกลางเป็นสนามอันกว้างขวาง อาคารทุกอาคาร จะมีหมายเลยติดเอาไว้
ระเบียงที่ยื่น ออกมา  นี่คือสภาพภายนอกของโรงเรียนธรรมดาๆในยุคนี้ ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากเมื่อศตวรรษ ที่ผ่านมา มากนัก เพียงแต่วิถีชีวิตของ มนุษย์เท่านั้นที่เปลี่ยนไป เมื่อพลังงานต่างๆที่ใช้นั้นไม่ได้มีอย่างจำกัดอีกต่อไป

สังคมจึงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆแม้แต่เนื้อหาหลักสูตรก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อ ไฟฟ้าและน้ำมันไร้ความหมาย วิศวกรไฟฟ้า
หรือนักวิศวกรรมเคมี ต่างๆก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป พลังงานเวทมนต์เป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่
การแจกจ่ายพลังงานนี้แทบจะไม่ต้องพึ่ง สิ่งใดๆเลย ไม่จำเป็นต้องวางเสากับหม้อแปลงและ

โยงสาย ส่งให้ระโยงระยาง อีกต่อไป เพราะพลังมนตรานั้น ถูกแพร่กระจายไปในชั้นบรรยากาศ เป็นอนุภาค
ล่องลอยอยู่ในอากาศ ไสยศาสตร์ช่างดูเป็นพลังที่ล้ำลึกและยิ่งใหญ่ ทว่าการจะดึงเอาพลังงานนั้นมาใช้ก็ยังคงต้อง
พึ่งวิทยาศาสตร์อยู่ดี เทคโนโลยีที่จะดึงเอาพลังงาน แสนวิเศษนี้มาใช้ ดังนั้นการปฏิรูปวงการพลังงานของ โลก
ภาค วิศวกรรมศาสตร์ ทั้งหลาย จึงต้องปฏิวัติ ขึ้นใหม่และกลายเป็น ภาค วิศวมนตรา ขึ้นมาแทนอันเป็นจุดเริ่มต้น
ของการผสาน ศาสตร์ ทั้งสองเข้าด้วยกันตั้งแต่เมื่อ ครึ่งศตวรรษก่อน จนถึงปัจจุบันนี้

………………
…………………

ภายในห้องเรียน ซึ่งปูพื้นด้วยกระเบื้องพื้นสีขาว ผนังปูนที่วางพื้นด้วยสีขาว เช่นเดียวกับพื้นห้อง
โต๊ะเรียนไม้ ที่วางเรียงเป็นแนว ยาวไปตลอด ถึงห้าแถว  กับเด็กนักเรียนในชุดยูนิฟอร์ม ของโรงเรียน
ที่นั่งอยู่กันเพียงครึ่งห้องจากนักเรียนทั้งหมด ที่หน้าชั้นเรียน มีกระดาน โฮโลแกรม ลอยค้างอยู่พร้อมกับที่คอยแสดงเนื้อหาของวิชา ออกมาเรื่อยๆ โดยมีอาจารย์สาวยืนกำกับอยู่ที่โต๊ะไม้ ซึ่งตั้งอยู่ มุมขวาสุดของห้อง
ด้วยการสั่งการผ่านคำสั่งเสียง ของอาจารย์ ทำให้เจ้ากระดานไฮเทค ทำงานด้วยตัวเองตามคำสั่งของเธอ
 

“ ฉันเป็นฝ่ายชนะแล้ว Nova Breath ”
ประโยคที่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของ เด็กหนุ่มผมสีดำชี้ตั้งแซมปลายด้านหน้า ในเครื่องแบบนักเรียนเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว กางเกงดำขาสั้น ซึ่งกำลังนั่งเหม่อมองท้องฟ้า ผ่านกระจกห้องเรียนมา

“ ธนัท…เด็กชายธนัทธาทิเวศ เธอฟังที่ครูพูดอยู่รึเปล่า ”
เสียงตะคอกที่ทำเอาสันหลังของเขาเย็นวาบในพริบตา ก่อนที่เขาจะค่อยชะเง้อคอหันกลับมาที่หน้าโต๊ะเรียนของเขา อาจารย์สาว ผมสั้นสีดำเงาสะท้อนแสงประกายระยิบระยับ ส่งสายตาหงุดหงิด ตีหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่เขาอยู่
หล่อนสวมจี้ห้อยคอ สีเงิน แบบเดียวกับนักเรียนทุกคนในห้อง เช่นกัน ธนัท เองก็สวมด้วย 

“ ข..ขอโทษครับ อาจารย์บุษบารี  ”
ธนัท กล่าวเสียงสั่น เมื่ออยู่ต่อหน้า อาจารย์สาว

“ เฮ้อ ธนัท วันนี้เธอนั่งเหม่ออย่างนี้มา หลายคาบแล้วนะ ไม่สบายรึเปล่า ”
/Do you fine/(สบายดีรึเปล่า)
สิ้นคำของอาจารย์สาว ก็มีเสียงทุ้มต่ำเหมือนเสียงเครื่องจักร ดังออกมาจาก จี้ห้อยคอสีเงินของ หล่อน

/Don’t worry , My master is stupid always / (ไม่ต้องกังวลไป,มาสเตอร์ของชั้นเขางี่เง่าเป็นประจำอยู่แล้ว)

ยังไม่ทันที่ ธนัท จะตอบกลับจี้ห้อยคอที่เขาสวมอยู่ ก็ชิงกล่าวตัดออกมาซะก่อน ทำเอานักเรียนคนอื่นๆอดหัวเราะ
ออกมาไม่ได้

“ ฮะๆๆๆ เจ้า ธนัท โดน Note ของตัวเองว่าด้วยล่ะ ฮะๆๆๆ ”
เสียงเหน็บแนมดังครึกครื้นไปทั้งห้อง ทำให้ ธนัท หน้าแดงด้วยความเขินอาย

“ นี่ คอรัส (Chorus) ชั้นเป็นมาสเตอร์ของแกนะ จะเคารพกันหน่อยไม่ได้หรือไง ”
ธนัท กล่าวอย่างหัวเสียขณะที่หยิบเอาจี้เงิน ของเขาขึ้นมาต่อว่าด้วยความ ไม่ชอบใจ

“ เอาล่ะๆ เงียบได้แล้วครูจะต่อล่ะนะ ”
อาจารย์สาว กล่าวเสียงดังก่อนจะ เดินกลับไปที่กระดาน และเริ่มสอนต่อ

…………
…………

“ ทุกคนต่างก็มี Note พกกันอยู่คนละเครื่องใช่ไหมจ้ะ Note หรือ Navigation Operator Terminal Exe (N.o.t.e.) เป็นอุปกรณ์ที่สร้างจากวิทยาการมนตรา ซึ่งเป็นเสมือนกับ โทรศัพท์มือถือ ที่ใช้ติดต่อสื่อสารผ่านMagic Cyber อีกทั้งยังใช้ในการควบคุมสมดุลพลังงานธาตุต่างๆ เพื่อสามารถสร้าง
Summon Field(S.F.)เพื่อทำการร่ายอสูรอัญเชิญ ออกมาได้ โดยไม่ต้องพึ่ง Create Summon Field Table (C.S.F.T.) หรือเรียกแบบหยาบๆว่าโต๊ะเล่นการ์ดนั่นเอง นอกจากนี้Note ยังจำเป็นในการแข่งขัน SMN ด้วย เพราะการแข่งขันโดยใช้ SF จะก่อให้เกิดอันตรายได้หากไม่ได้รับความคุ้มครองจากเกราะเวทย์ที่ Note จะสร้างขึ้นคุ้มครองผู้ร่ายอสูร… ”
อาจารย์สาว กล่าวยังไม่ทันจบประโยค นักเรียนหญิงคนหนึ่งในห้องก็ถามแทรกขึ้นมา




“ อาจารย์คะ ทำไมเราต้องมาทบทวนเรื่องที่เรียนตอน ป.6 เอาเวลานี้ด้วยคะ ”
นักเรียนหญิง กล่าวถามขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนที่อาจารย์สาวจะขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดที่จะต้อง
กล่าวตอบคำถามนี้ ขณะที่สายตาจ้องไปยัง ธนัท จนถึงกับทำเอา ธนัท ต้องหดตัวด้วยความผวา

“ ก็เพราะมีคนที่ฝ่าฝืนข้อห้ามพื้นฐานที่แม้แต่เด็กประถมยังรู้อยู่ในห้อง ม.2/3 นี่น่ะสิ ”
อาจารย์สาว ตะคอกด้วยความหงุดหงิด เมื่อมองสภาพภายในห้องที่มีนักเรียก เหลือเพียงครึ่งห้องเท่านั้น
หลังจากที่ได้รับแจ้งการลาป่วยของนักเรียนกว่าครึ่ง เพราะได้รับแรงกระทบจากคลื่นพลังเวทย์

ที่เกิดจากการแข่งขัน SMN ของ ธนัท กับ ภูเขา ผลจากการใช้ไพ่ต้องห้ามที่มีพลังอำนาจสูงนั้นทำให้
ชุติการและ เพื่อนในห้องของเขา ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ จนสลบไม่ได้สติ
จนถึงเมื่อวานนี้ พวกเขาก็พึ่งจะฟื้นแต่ก็ยังไม่แข็งแรงพอจะมาโรงเรียนได้

“ ดูท่าว่า ธนัท คงยังคิดถึงตอนแข่งกับ พี่ชายตาขวางคนนั้นแน่เลย ”
เคียว ที่ชายตามองมาจากโต๊ะเรียนที่ตั้งเยื้องลงมาทางซ้ายล่างของ ธนัท

/ja/(G(ภาษาเยอรมัน) :ใช่)
จี้ห้อยคอของ เคียวตอบรับพร้อมกับกระพริบแสงวาบออกมาเล็กน้อย

“ คาสเทเน็ต(Castanets) เธอคิดว่าเราควรจะพา ธนัท ไปเยี่ยม ชุติ หน่อยไหม เมื่อวานชุติเองก็ดูอาการไม่ค่อยจะดีเลย ”
เคียว กระซิบ กับ จี้ห้อยคอ Note ของเขาที่ชื่อคาสเทเน็ต อย่างเบาที่สุด เพราะ อาจารย์สาวชายตามาที่เขา
เล็กน้อย

/Kein/ (G:ไม่)
คาสเทเน็ต ส่งเสียงออกมาโดยพยายามหรี่ให้เบาที่สุด

“ งั้นเหรอ เธอก็คิดว่าไม่สมควรสินะ ก็จริงเพราะคนอย่าง ธนัท ขืนให้ไปเยี่ยม ชุติ ล่ะก็มีหวังเศร้าหนักลงไปอีกแน่ ”
เคียว กระซิบ แม้ตอนนี้ อาจารย์ จะละสายตาไปจากเขาแล้วก็ตาม

/Get Call/
คาสเทเน็ต ส่งเสียงออกมาพร้อมกับไฟกระพริบรัวๆ

“ มีคนติดต่อเข้ามาเหรอ งั้นต่อสายเลย ”
/Ja Wohl/(G:รับทราบ)
สิ้นคำของ เคียว คาสเทเน็ต ก็ส่งเสียงตอบรับก่อนจะโอนสายผู้ติดต่อ ให้กับเคียว

“ เคียว นี่ แอน(Ann) เอง หนา ”
เสียงเหน่อๆของ ผู้ติดต่อ ดังออกมาจาก คาสเทเน็ต ก่อนที่เคียวจะหันไปมองข้าม หัวนักเรียนที่นั่งอยู่ข้างๆไปอีกโต๊ะ
เด็กสาวชาวต่างชาติ ผมทองผูกแกละไว้ข้าง กำลังโบกมือให้เขา

“ แล้วมีอะไรเหรอ ”
เคียวกระซิบ ใส่ Note ขณะที่สายตาคอยสอดส่อง ว่าอาจารย์เห็นพวกเขา สื่อสารกันหรือไม่

“ ได้ยินมาว่า ธนัท ไปดวลกับ อดีตแชมป์ ภูเขา มาแล้วผลการแข่ง ล่า ”
แอน กระซิบใส่ จี้ห้อยคอที่เป็น Note ของเธอ ก่อนที่เสียงของเธอจะถูกส่งไปยัง Note ของ เคียว


“ ธนัท ชนะมาได้แบบหวุดหวิดเลยล่ะ ”
เคียว กระซิบ

“ ว้าว วันเดอร์ฟูล(wonderful) ธนัท เนี่ยเก่งเหมือนกัน หนา ”
แอน กระซิบ

“ อืมแต่ว่ากันตามจริงแล้ว ท่าเขาไม่รวมร่างผิดล่ะก็คงแพ้ไปแล้วล่ะ ”
เคียว กระซิบ

“ ภูเขารวมร่างพลาดงั้นเหรอ ”
แอน กระซิบตอบกลับทันที

“ เปล่าที่พลาดน่ะ ธนัท ต่างหาก ถ้าเขาไม่รวมร่างผิดไปเอา Salamandery doll ขึ้นเป็นซีลหลัก
แทนที่จะเอา Salamandera ขึ้นล่ะก็เขาคงโดน Sacrifice เก็บไปแล้วก็หมดทางชนะไปแล้ว ”
เคียว ตอบกลับ

“ เหลือเชื่อจริงๆ นี่ ธนัท ดวงดีขนาดนั้นเลยเหรอ ”
แอน กระซิบกลับมา

“ ไม่รู้สิบางที ธนัท อาจจะมีความสามารถแฝงอยู่มากกว่าที่เราเห็นก็ได้นะ ”
เคียว กระซิบ ก่อนที่การสนทนาต้องหยุดชะงัก ไปซักครู่เพราอาจารย์หันมามองแถวพวกเขา
อยู่ซักครู่ ก่อนจะละสายตาไป

“ เอ่อนี่ถ้ายังไง วันเสาร์นี้ เรามาชวน ธนัท กับ ชุติ ไปเที่ยวที่บ้านฉันไหม เมื่อวาน ที่สวนแสดงโชว์ ของบ้านฉันพึ่งจะได้ วาฬเพชฌฆาต ตัวใหม่มาล่า ฉันอยากให้พวกเธอได้รู้จักมันหน่า เชลโล(Chello) เองก็เห็นด้วยล่ะเน่อ ”
/yeah/(อือ)
สิ้นเสียงของ แอน เสียงทุ้มๆของ Note ที่ แอน ถือครองอยู่ ก็ดังขึ้นตอบรับ


“ เอางั้นก็ได้น่าจะดีเหมือนกันนะ ”
เคียว ตอบซึ่งเขาก็เห็นดีด้วยเพราะนี่น่าจะเป็นทางที่ทำให้ ธนัท กับ ชุติ ร่าเริงขึ้นบ้าง

“ งั้นตกลงตามนี้ หนา วันเสาร์นี้มาที่ บ้านฉันตอน บ่ายสามโมงแล้วเจอกัน หนา ซีย่าร์(See ya) ”
สิ้นคำของ แอน สายก็ถูกตัดไปทันที

………………
…………………
……………………

5 วันผ่านไป

วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2700  เวลา 15.00 Pm

สวนแสดงสัตว์น้ำ Water Layer จังหวัด ระยอง อำเภอ เมือง

อาคาร ทรงกรอบสี่เหลี่ยม ขนาดใหญ่ ที่ใจกลางเป็น สระน้ำรูปวงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางแจ้ง
ที่ด้านหลังสระมี ฉากสีฟ้าอ่อน ตั้งบังหลังเวที ซึ่งยื่นลงไปในสระ รอบๆสระถูกล้อมไว้ด้วย
กำแพงที่ไม่สูงนักแต่มี ขอบกระจกวางล้อมอยู่ด้านกำแพงหินอีกที
 ที่เหนือสระ มีห่วงวงใหญ่ สามห่วงลอยตัวเคว้งอยู่กลางอากาศ โดยที่ไม่มีอะไรยึดเอาไว้

ด้านหน้าสระ เป็นลานแนวโค้งและถัดออกไป เป็นขั้นบันไดปูนสีขาวเรียงขึ้นไป โดยมีเต็นท์ผ้าใบ
กางบังลมบังแดด ไว้ให้แก่ผู้ชมที่จะมาชมการแสดง ที่ลานโชว์การแสดงสัตว์น้ำ
ซึ่งตอนนี้หมดเวลาการแสดง ไปแล้วทำให้ไม่มีคนอยู่ภายในลานเลย

นอกจาก กลุ่มเด็ก สี่คน ที่กำลังหยอกเล่นกับ เจ้าลูกวาฬสีดำผิวเป็นมันวาว


“ น่ารักใช่ไหมล่า คูทท์(Cute)สุดๆไปเลยมันชื่อ กีวี่(Givie) จ้ะ ”
เด็กสาวชาวต่างชาติ กล่าวเสียงเหน่อขณะที่ ลูบหัวลูกวาฬเพชฌฆาต ที่ลอยตัวอยู่ในสระ น้ำของลานแสดง

“ ว่าแต่นี่มันยังเป็นลูกวาฬอยู่เลยนะ แล้วครอบครัวมันล่ะ ”
ชุติ ถามด้วยความสงสัย ขณะที่เธอลองลูบหัว เจ้า กีวี่ ดูบ้างแต่มือของเธอก็ยื่นเข้ายื่นออกแบบกล้าๆกลัวๆ

“ ครอบครัวของ กีวี่ ตายหมดแล้วล่ะปู่ของ แอน ที่ทำงานที่ศูนย์วิจัย ไปพบ กีวี่กับครอบครัวของมัน เกยตื้นอยู่ที่หาด พวกของ คุณปู่ช่วยทันแค่ กีวี่ ตัวเดียวเท่านั้นนอกจาก กีวี่ แล้วแม่กับน้องของ มันก็ขาดใจตายไปซะก่อน..   ”
แอน กล่าวเสียงหงอย ขณะที่ คว้างลูกบอล พลาสติกที่ ลูกวาฬ คาบมาให้ ลงไปที่กลางสระ
เจ้าลูกวาฬ รีบว่ายไปคาบเก็บกลับมาอย่างรวดเร็วทันที

“ พ่อของ แอน ก็เลยขอรับมาเลี้ยงไว้  แล้วก็เลยฝึกให้มันแสดงน่ะ การแสดงของ กีวี่ จะเริ่ม ในเดือนหน้า..พวกเธอต้องมาดูให้ได้ หน่า เพราะแอน จะแสดงร่วมกับ กีวี่ ด้วย ”
แอน กล่าวสีหน้าดูสดใสกว่าเมื่อครู่ พวก ธนัท ต่างก็รับคำและสัญญาว่าจะมาดูให้ได้

………….
…………….

/Searching Complete/(การค้นหา สมบรูณ์แล้ว)

เสียงทุ้มต่ำดังออกมานจาก จี้ห้อยคอซึ่งเป็น note ของ หญิงสาวคนหนึ่งเธอยืน อยู่บนหัวเรือ
ที่จอดอยู่ในบริเวณ อ่าวซึ่งห่างออกไปจาก สวนจัดแสดงไม่มากนัก ผมสีดำยาวสลวยของเธอสะบัดพลิ้วไปตามแรงลมที่พัดเข้ามาปะทะใบหน้าของเธอ เธอสวมชุดรัดรูปสีดำ เอาไว้ทั้งตัวและคลุมทับด้วยเสื้อ
กันลมสีชมพูม่วง กับกระโปรงสีชมพูม่วง อีกผืน



“ เริ่มดำเนินการตามแผนได้ ”
หญิงสาวกล่าว สายตาของเธอมองตรงไปยัง อาคารที่ล้อม ลานแสดงเอาไว้ ด้วยท่าทีสงบนิ่งไม่ไหวติ่ง

/ricevuto/(I(ภาษาอิตาลี): ทราบแล้ว)
 Note ของเธอส่งเสียงตอบรับก่อนจะเริ่มกระพริบไฟถี่ขึ้น
ราวกับจะหยอกล้อแสงตะวันที่กำลังจะ คล้อยดิน


……
…………

ราตรีอันมืดมิดได้มาเยือน เมื่อดวงตะวันลับขอบฟ้า ดวงจันทรา ก็ขึ้นแทนที่ ทว่าเมืองทั้งเมืองกลับดูมีสีสันกว่า
ในเวลากลางวัน แสงไฟมากมายส่องวาบไปตามอาคารต่าง ย่านการค้ายังคงครึกครื้น แม้นี่จะหัวค่ำแล้วก็ตามที
รถรา ต่างๆวิ่งกันขวักไขว่ วิถีชีวิตของ ผู้คนแทบไม่ต่างไปจากเมื่อ 100 ปีก่อนเลย จนถึงบัดนี้มนุษย์ก็ยังคงสนุกกับการใช้ชีวิต เสเพลไปวันๆ ร้านเหล้า โรงแรม สถานเริงรมย์ต่างๆ ยังคงเป็นที่มั่วสุมของเหล่า วัยรุ่นและพวก

พนักงานบริษัท เพลยบอย ทั้งหลาย ที่ไม่รู้จักคิดเหมือนเดิม แม้ว่าเมื่อ 200 กว่าปีก่อน พวกเขาเองก็เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้พลังงานหมดไป ยิ่งตอนนี้ เมื่อพลังงานที่ไร้ขีดจำกัดได้ปรากฏขึ้นมา พวกเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ยังคงใช้ชีวิตสุลุ่ยสุร่ายในพลังงาน เหมือนเดิมและยิ่งหนักข้อกว่าเดิมด้วยซ้ำเมื่อ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย


ที่จะเสียให้กับองค์กรที่ดูแลเรื่องพลังงาน เพราะพลังงานที่ใช้นั้น ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าบริการ
อีก พวกเขาจึงสามารถที่จะเปิด ร้านบริการลูกได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่รู้จักเสียดายพลังงานอีก
สำนึกของมนุษย์ที่เคยเค้นกันให้รู้รักบำรุงพลังงาน  คงถูกบดสลายหายไปในอากาศธาตุเสียแล้ว

“ ถ้างั้นพวกเรากลับก่อนนะ ”
ธนัท กล่าวพร้อมกับโบกมือลา แอน ที่หน้าอาคาร ขณะที่ เคียวกับชุติ กำลังรอให้เขาไปสมทบ

กริ้งงงงง!

ทว่าก่อนที่พวก ธนัท จะได้ทันเหลียวหลังเดิน จากไปเสียงกริ่งในอาคารก็ดังขึ้นระงมไปทั่ว
ก่อนที่สัญญาณเตือนภัยจะดัง เหนือน่านฟ้า มีกลุ่มชาย สวมสูทสีดำสวมแว่นกันแดด3คน กำลังโดดร่มลงมา
ที่ลานแสดง

“ ส..สัญญาณเตือนมีผู้บุกรุก แย่แล้ว กีวี่ ยังอยู่ในสระอยู่เลย ”
แอน อุทาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้พวกเขาตัดสินใจ
ที่จะเข้าไป ดูสถานการณ์
 พวกธนัท ไม่รอช้ารีบวิ่งกลับเข้าไปในตัวอาคารทันที ทว่าทันทีที่เข้ามาในอาคารลูกกรงเหล็กก็กำลังเลื่อนตัวปิดทางเข้าออกทั้งหมดเอาไว้ เพื่อที่จะออกไปยังลานแสดงพวกเขาจะต้อง วิ่งฝ่าประตูทางเดินไปให้ทันก่อนที่ ลูกกรงเหล็กจะปิด

ภายในห้องจัดแสดงสัตว์น้ำ  ซึ่งผนังรายล้อมไปด้วยตู้เลี้ยงสัตว์น้ำหลากชนิด ติดโชว์เอาไว้ ภายในความมืดมิดแสงไฟที่ส่องออกมาจากตู้ปลา  ช่วยเบิกทางในความมืดมิดให้แก่พวกเขานอกจากแสงสีแดงจาก เครื่องเตือนภัยที่ วิ่งสาดไปทั้งห้อง กับเสียงกริ่งที่ดังจนน่ารำคาญ


“ นี่ แอน ห้องควบคุมที่นี่ไปทางไหน ”
เคียว ถามด้วยความรีบร้อน

“ จากนี่ตรงไปอีก สอง ห้องแล้ว เลี้ยวขวา ห้องก่อนที่จะถึงห้องออกไปยังลานแสดงหน่า ”
แอน กล่าว ขณะที่วิ่งไปอย่างสุดแรง ก่อนที่พวกเขาทั้งสี่ คนจะไถลตัว ลอดผ่าน ประตูลูกกรงที่กำลังจะเลื่อนลงสู่พื้น พวกเขาผ่านไปยังห้องที่สองแล้ว อีกสองห้องจะ ถึงทางออกสู่ลานแสดง

“ เลี้ยวขวาที่ห้องถัดไปสินะงั้นเดี๋ยวชั้นจะไปที่ห้องควบคุมแล้วจัดการปิดสัญญาณเตือนนี่ก่อน
แล้วจะโทรเรียกตำรวจมา จากนั้นจะเปิดประตูให้พวกเธอ ไปยังส่วนอื่นๆได้ ”
เคียว กล่าวขณะที่พวกเขาต้องเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีกเพราะ ลูกกรงเหล็กกำลังจะเลื่อนลงมาปิดประตูแล้ว
พวกเขา ไถลตัวลอดผ่านมาได้ จนถึงห้องก่อนทางออก เคียวก็ เลี้ยวออกไปยัง ทางเบี่ยงที่เชื่อมไปชั้นสองของอาคาร  ก่อนที่ พวกเขาทั้งสามคนจะออกวิ่งต่อ ทว่าทันที ที่ผ่านไปจนถึงห้องสุดท้าย ประตูลูกกรง
กำลังจะปิดลงอย่างสมบรูณ์แล้ว แอน รีบถลา ตัวพุ่งออกไปทันที ร่างของเธอลอดผ่าน ลูกกรงไปก่อนที่มันจะปิดได้ทัน ส่วน ธนัท กับ ชุติ กลับ ติดอยู่ข้างใน

“ รีบไปเถอะ แอน เดี๋ยวพอ เคียว ไปถึงห้องควบคุม ก็คงจะเปิดประตูให้เอง ”
ธนัท กล่าว

“ ร..ระวังตัวนะ แอน พวกชุดดำนั่นต้องเป็นคนไม่ดีแน่ ”
ชุติ กล่าวหน้าหงอราวกับจะร้องไห้

“ อืม เดี๋ยว แอนจะไปพา กีวี่ กลับเข้าแทงค์ก่อน ระหว่างนี้ แอนอยากให้พวก ธนัท ไปตาม ป๋ะป๋า แอน ที่ห้องพนักงานทีนะ เดี๋ยวแอนจะ ให้ เชลโล ส่งแผนที่ไปให้ ”
แอน กล่าวจบ ทั้งสองก็รับคำก่อนที่ แอน จะวิ่งอ้อมไปที่หลังเวที พร้อมกับ ยกเอาจี้ห้อยคอขึ้นมา

“ เชลโล ส่งแผนที่ของที่นี่ไปให้ คอรัส คาสเทเน็ต กับ กอสเปล ทีหน่า ”
/Roger, Sending Map/ (รับทราบ,ทำการส่งแผนที่)
ทันทีที่ แอน สั่งการจบ Note ของเธอ ก็ทำการส่งข้อมูลแผนที่ ไปที่ Note ของทุกคนทันที


/Get Item/
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจาก Note ของทั้งสาม ก่อนที่พวกเขาสามจะหยิบ จี้ห้อยคอขึ้นมาดู

“ หือ จากแอนแผนที่หรือ ดีล่ะ ”
เคียวกล่าว ขณะที่มอง จอโฮโลแกรมที่ ส่องออกมาจาก จี้ห้อยคอ ซึ่งเป็นภาพแผนผังของที่นี่
กับจุดแสดงตำแหน่งปัจจุบันของ ทุกคนที่วิ่งไปมาบนแผนภาพนี้

“ เอาล่ะ แอน ส่งแผนที่มาให้แล้ว เราไปกันเถอะ ”
ธนัท กล่าว ขณะที่ สั่งให้ คอรัส แสดงแผนที่ขึ้นมา


“ กอสเปล(Gospel)ช่วยเปิดแผนที่ ให้ทีจ้ะ ”
ชุติ กล่าวขณะที่ ยื่นจี้ห้อยคอของเธอ ขึ้นมา

/All Right/ (ได้เลย)
เสียงตอบรับจากNote ของเธอดังขึ้นก่อนที่ แผนภาพโฮโลแกรมจะถูกส่องออกมาก จี้ Note ของเธอ

เธอกับ ธนัท จึงเริ่มออกเดิน ภายในอาคาร โดยใช้แผนที่ช่วยนำทาง


ขณะเดียวกันกลุ่มชายชุดดำที่  โดดร่มลงมา ก็กระจัดกระจายลงกันคนละที่ สองคน  ลงที่ดาดฟ้า อาคารที่ พวก
ธนัท กำลังเดินตรวจอยู่ ส่วนอีกคน ลงที่ลานแสดง

แอนที่ อ้อมไปด้านหลังเวทีกำลัง ต้อนให้ ลูกวาฬ ว่ายเข้าไป ใน แทงค์ น้ำที่ ต่อกับ สระแสดง ซึ่งภายในมี
พวก โลมา และ แมวน้ำ ที่ใช้แสดงโชว์ อาศัยอยู่ทว่า เจ้าลูกวาฬกลับไม่ยอมเข้าไปง่าย มันอยากจะเล่นกับเธอมากกว่า เสียงน้ำกระเซ็นที่ เกิดจากการสะบัดตัวของ ลูกวาฬ ทำให้ ชายชุดดำ หันมาสนใจ และกำลังตรงเข้ามา
ใกล้

“ ย..อย่าเข้ามาหน่า ”
แอน ตะคอก ขณะที่เธอวิ่ง ขึ้นมาที่เวที ซึ่งยื่นเข้าไปในสระ ชายคนนั้นทำเสียงจิ้กจั้กด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยก่อน จะกระโดดทีเดียว ข้ามขอบสระ และผืนน้ำในสระ มาจนถึงพื้นเวทีที่ แอน ยืน อย่างง่ายดาย
สร้างความตกตะลึงให้แก่ เธออย่างมาก ที่เขาสามารถกระโดดข้ามจากฝั่งตรงข้ามของสระ มาหาเธอที่อยู่อีกฝั่งได้
ราวกับเหาะมาอย่างไงอย่างงั้น

“ Caller เองเหรอนึกว่าเป็นกระดูกแข็งอย่างระดับ Summoner ซะอีก ”
ชาย คนนั้นพึมพำด้วยความเสียดาย ก่อนที่จะยก เอาสำรับไพ่ ขึ้นมา


[Caller และ Summoner เป็นระดับฝีมือของผู้เล่นที่ถูกจัดอันดับเอาไว้ซึ่งมีการแบ่งระดับจากต่ำไปสูงเอาไว้ดังนี้ Caller<Summoner <Ruler ]

“ ท้าดวลงั้นเหร่อ ”
แอน กล่าวขณะที่ Note ของเธอ เชลโล ได้ส่องแสง วาบพร้อมกับที่ สำรับของเธอซึ่งถูกเก็บเอาไว้ใน จี้ห้อยคอ ได้ปรากฏออกมา
เธอคว้ามันไว้ด้วยมือขวาก่อนที่มือซ้ายจะคว้าเอา เชลโล เกิดแสงวาบขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ จี้ห้อยคอจะเปลี่ยนรูปร่างและย้ายมาเกาะที่
ข้อแขนซ้ายของเธอกลายเป็นถุงมือ จักรกลซึ่งมีช่องสำหรับเสียบสำรับสองช่อง

/Get Set/
เสียงดังขึ้นจาก Note ของเธอที่กลายเป็นถุงมือจักรกลไปแล้วในตอนนี้

“ แสตนบายน์เลย บาสซูน(Bastune) ”
/Get Set/
สิ้นคำของ ชายชุดดำ จี้ห้อยคอของเขา ก็เปลี่ยนรูปเป็นถุงมือจักรกลแบบเดียวกับ แอน
ทั้งสอง สลับกองการ์ดก่อนจะเสียบมันเข้าไปยังช่องเสียบสำรับ ซีลการ์ดช่องหนึ่ง มิสติกการ์ดช่องหนึ่ง

“ ดวลได้ ”
สิ้นเสียงของทั้งคู่ กระแสพลังเวทย์ก็แผ่ออกมาจากทั้งคู่และก่อตัวกลายเป็น Summoner Field
ก่อนที่การดวลระหว่าง แอน กับบุคคลปริศนาจะเริ่ม

“ ชื่อของฉันคือ แอนนา เชิร์กเวฟ(Anna Surge wave) ผู้ใช้สำรับนาวายะเยือก ”
แอน กล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ขณะที่ ลูกวาฬเพชฌฆาต กระโจนขึ้นจากน้ำข้ามพื้นเวที ตัดหน้า เธอไป ทิ้งไว้เพียง
หยาดน้ำที่กระเซ็นค้างในอากาศ เป็นสัญญาณเริ่มการดวล



[Data: แอนนา เชิร์กเวฟ Age: 14 Year    Deck:นาวายะเยือก ]


To be continue...
« Last Edit: December 23, 2008, 01:38:35 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #20 on: November 30, 2008, 11:46:36 AM »

ในเนื้อเรื่องของวันนี้คิดว่าคงจะได้เห็นเกี่ยวกับการแบ่งระดับ ผู้เล่นไปแล้วนะครับ
ดังนั้นเลยจะมาแจงรายละเอียด เพื่อสะดวกในความเข้าใจเล็กน้อย  ว่าแต่เอาภาษาเยอรมัน กับ อิตาลีมาใช้มันยุ่งยากไปไหมนี่ เหอๆ


Level Cost ใน Summoner Master VR




Caller และ Summoner เป็นระดับฝีมือของผู้เล่นที่ถูกจัดอันดับเอาไว้ในเรื่องนี้
ซึ่งมีผลต่อการอัญเชิญอสูรและผนึกอสูรลงในการ์ด ของแต่ละคนซึ่งรายละเอียดจะค่อยๆทยอยอธิบายในคราวหน้า ตอนนี้จะขออธิบายเกี่ยวกับ ระดับของผู้ร่ายอสูรกันก่อน พวก ธนัท อยู่ระดับ Caller


 
Caller(ผู้เรียก)ระดับนี้ผู้เรียกจะยังมีพลังเวทย์ไม่แข็งพอที่จะอัญเชิญอสูรระดับสูงออกมาได้มากนักเพราะ
พลังระดับนี้คือการร้องขอวิงวอนต่อ อสูรให้มาสู้ร่วมกัน ดังนั้นการอัญเชิญอสูรระดับสูง จึงยังเรียกใช้ได้ไม่ทั้งหมด

Summoner (ผู้อัญเชิญ) คือระดับที่สูงขึ้นมาจาก  Caller พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่ปลดระดับพลังให้สามารถควบคุมอสูรได้ในทุกระดับ ขึ้นกับความสามารถที่ตนมี อีกทั้งเมื่ออยู่ในระดับนี้ การผนึกอสูรก็จะสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พลังในระดับนี้ ถือเป็นการครองแก่นพลังของอสูร และเป็นการสั่งให้อสูรออกมา
ส่วนการอัญเชิญระดับสูงนั้น ยังคงใช้การวิงวอนอยู่ ทว่าก็สามารถทำได้กว้างขวางกว่า Caller นัก

Ruler (ผู้คุมกฎ) คือระดับพิเศษ ที่มีแต่เพียงผู้ถูกเลือกแล้วเท่านั้น บุคคลเหล่านี้จะมี
ยศระดับในกองกำลัง Phenomenon Party ซึ่งจะเรียกว่า Judge (ผู้ตัดสิน)พวกเขาเหล่านี้
คือผู้ผูกขาดสิทธ์ในการอัญเชิญ อสูรต้องห้าม ที่ถูกผนึกใน การ์ดซีรี่ย์ Promotion  เหล่า Judge นั้นจะทำหน้าที่คอยรับใช้ ผู้คุมกฎสูง ที่เป็นผู้นำในกองกำลัง Phenomenon Party

Judge (ผู้ตัดสิน) ระดับนี้คือยศพิเศษที่แต่งตั้งให้แก่สาวก ที่ถูกเลือกของ Phenomenon Party
ซึ่งมีการแยกระดับเป็น 4 ขั้น
Trainee Judge ยศระดับทหารฝึกหัดของกองทัพ ระดับพลังสูงกว่า Summoner เล็กน้อย และยังไม่สามารถอัญเชิญอสูรต้องห้ามได้
 
Judge ยศระดับทหารมีฝีมือในกองทัพ ระดับพลังในการอัญเชิญ อสูรต้องห้าม คือ Lv 2

 Senior Judge ยศระดับ ผู้หมวด ในกองทัพ  ระดับพลังในการอัญเชิญ อสูรต้องห้ามคือ Lv 3

Magna Judge ยศระดับ ผู้กอง ในกองทัพ  ระดับพลังในการอัญเชิญ อสูรต้องห้ามคือ Lv 4

Ruler คือยศสูงสุดในกองทัพ ที่เหล่า Judge ทุกระดับต้องรับใช้ บุคคลเหล่านี้สามารถอัญเชิญอสูรได้ทุกระดับ
ยกเว้น อสูรเทพ(Lv 5)

Summoner Master ผู้เชี่ยวชาญการร่ายอสูร ระดับนี้คือ บุคคลในตำนานเช่น ภูเขา บุคคลเหล่านี้จะมีพลังและความสามารถ
สูงเป็นระดับที่เทียบเท่าได้ กับ Ruler และมีสิทธิ์ผูกขาดในการอัญเชิญอสูรต้อง ห้ามเช่นเดียวกับ Ruler
แต่ยังไม่สามารถ อัญเชิญ อสูรเทพได้

Angel บุคคลเหล่านี้เป็นระดับพิเศษซึ่งเป็นผู้มี อสูรพิทักษ์ประจำตนหรือเรียกว่า อสูรเทพข้อมูลที่เหลือยังเป็นปริศนา




Logged


MoManTai
Member
*****
Offline Offline

Posts: 37


« Reply #21 on: December 06, 2008, 04:47:26 AM »

อ่านแล้วคล้ายๆกับดูคนนั่งแข่งการ์ดกันจริงๆแฮะ

แต่รู้สึกมันเหมือนกับว่า มันยาววววมากกกกก เลยอ่า

มันน่าจะทำได้เหมือนยูกิ ที่มันทำให้เกมสั้นลงได้ ไม่งั้น พอเจอพวกเดวิด งี้กว่าจะจบ (จะมีการ์ดคิดเองต่อคอมโบก็ดีนะงิ อิอิ)
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #22 on: December 07, 2008, 04:42:04 PM »

ต้องขอ อภัยแก่ผู้อ่านทุกท่านด้วยเนื่องจากตอนนี้โปรเจ็คใหม่ที่ข้าน้อยได้วางไว้เมื่อเนิ่นนานมาแล้วกำลังจะเริ่มได้แล้ว เพราะการ์ดชุด dragonology 3 อกมาแล้ว ทำให้ข้าน้อยต้องขอชะงักการอัพเดทตอนของ Summoner Master VR! ไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนจนกว่า โปรเจ็ค
 Legend Alimathe of The Thaliwilya : Crisis Valkyrie จะจบสมบูรณ์ ข้าน้อย
ต้องขอหยุดเอาไว้ชั่วคราว ก่อนแต่รับรองว่าจะไม่ปล่อยให้เนื้อเรื่องค้างไปตลอดการแน่นอน

ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย


แก้ไข:ตอนนี้จะกลับมาลงตามเดิมแล้วเพราะโปรเจ็คทาลิ ต้องเลื่อนออกไปดังนั้นเรื่องนี้จะต่อไปเรื่อยๆจนจบ

วันที่ 26 ธันวาคม 2551
« Last Edit: December 26, 2008, 12:12:48 PM by greamon » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #23 on: December 09, 2008, 11:35:54 PM »

ง่ะ!!!!!!!!!!!ไม่ได้ตามอ่านนาน ขอเรื่องย่อแบบย่อๆ หน่อยคร้าบ 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #24 on: December 10, 2008, 02:46:50 AM »

Quote
ง่ะ!!!!!!!!!!!ไม่ได้ตามอ่านนาน ขอเรื่องย่อแบบย่อๆ หน่อยคร้าบ 

เอ่อคือ เอาเรื่องย่ออันไหนล่ะครับ

เรื่องย่อของชุดใหม่ Drago3 ก็ที่นี่
http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=44882.0

หรือถ้าจะเอาบทนิยายผมก็
จะเอาตั้งแต่
War of Actor in Terra - Multi Armor Actor V.O.W -  Multi Armor Actor E.E
ดีล่ะขอรับ ถ้าจะเอายาวขนาดนี้ล่ะก็เดี๋ยวขอติดต่อ เจ้าการุรุม่อน(Cocka-c) ก่องน่อ
ส่วนทาลิ ภาคแรกไม่ต้องมั้งน่าจะยังไม่ลืม
หรือจะเอาเรื่องย่อของ Summoner Master VR!

เอ....แต่ แค่ 4 ตอนอ่านเอาก็ได้เนอะไม่ต้องย่อ

หรือกะลังเข้าใจผิดว่า ตำนานทาลิ ภาค วิกฤตินางฟ้า (Crisis Valkyrie) เนี่ยเขียนออกมาหลายตอนแล้ว
ถ้าใช่ต้องขอแจงก่องนะครับว่า ยังไม่ได้ลงเลยซักตอนกำลังเร่งทำภาพตัวละครกะเนื้อเรื่องอยู่ขอรับ พอดียังไม่ลงตัว  อ้อขอแก้ชื่อเรื่องด้วย ไม่ใช่ Legend Alimathe of The Thaliwilya : Crisis Valkyrie

แต่ต้องเป็น Legend Thaliwilya of Alimathe : Crisis Valkyrie บังเอิญรีบไปหน่อยเลยสับสนขอรับ

« Last Edit: December 26, 2008, 12:13:39 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #25 on: December 14, 2008, 09:57:44 PM »

ก่อนอื่นใดขอแจ้งข่าวดีก่อนนะขอร้าบ เนื่องจากจนกว่าจะถึง ปีหน้า ในเดือน มกราคม จะทยอยลง
Summoner Master VR! ไปจนกว่าจะสิ้นปีนะขอรับ

Sub-Turn 5 Paradiso da Regola (หลักเกณฑ์แห่งสวรรค์)


หลังจาก วิกฤติพลังงานของโลก ได้ผ่านพ้นไปนานนับศตวรรษ มนุษยชาติ กลับไม่ได้บทเรียนจากครั้งนั้นเลย
ครั้นเมื่อพลังอันไร้ขีดจำกัดได้ปรากฏขึ้น พลังงานอันเป็นพลังแห่งจิตใจซึ่งเป็นตัวแทนของ
ไสยศาสตร์ พลังเวทย์มนต์ พลังแห่งทางเลือกใหม่นี้ดูจะเป็นการค้นพบครั้งสำคัญของมนุษยชาติ เลยทีเดียว
ทว่าแม้พลังเวทย์มนต์ จะเป็นพลังบริสุทธิ์ แต่มันก็นับว่าเป็นพลังงานที่อันตรายยิ่งด้วย หากนำมันไปใช้
ในทางที่ผิด ผลของการทำลายล้างอาจจะไม่ได้จบแค่ ความเสียของประชากรและเมืองๆ หนึ่งเหมือนครั้ง ระเบิดปรมาณูเมื่อสงครามโลก เพราะพลังเวทย์มนต์นี้ มีอำนาจที่จะลบโลกให้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ได้เลยทีเดียว

แน่นอน ใช่ว่าจะไม่เคยมีใครทำเช่นนั้นมาก่อน เมื่อครั้งที่สามารถรื้อฟื้นพลังเวทย์ขึ้นมาได้
พวก สหภาพ องค์กรก่อการร้ายต่างๆก็ได้คิดริเริ่มที่จะนำมันเอามาใช้ในสงคราม
ผลจากครั้งนั้น เหล่าผู้โง่เขลาจึงต้องจบชีวิต ด้วยน้ำมือของตัวเอง พลังมนตรานี้
หาใช่พลังงานธรรมดาที่มนุษย์จะนำเอามาใช้ได้ตามใจนึก หากแต่พลังงาน นี้มีชีวิตความนึกคิด

 มันเป็นพลังงานที่มีผู้คุ้มครอง พลังงานมนตราเหล่านี้แท้จริงเป็นรูปหนึ่งของเหล่าอสูรอัญเชิญ ในครั้งที่มนุษย์จะนำเอาพลัง มนตรา มาพวกเขาได้ทำพันธะสัญญา กับอสูรอัญเชิญ และนำพวกมันเหล่านันมายังโลกแห่งความเป็นจริงในรูปของพลังงาน

จากการที่พลังงานนี้มีชีวิตมีความนึกคิด พวกที่ไม่เชื่อในเรื่องของไสยศาสตร์และดูถูก มันเช่นเดียวกับพลังแห่งวิทยาศาสตร์ที่ พวกเขาสร้างขึ้น ผลของการกระทำนั้น  …. ดินแดนในภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้ถูกลบหายไปด้วยพลังของ อสูรเทพ ที่ปรากฏตัวขึ้นเพื่อทำลายล้าง เหล่าผู้ฝักใฝ่ในสงคราม จากเหตุการณ์นั้น

 อิรัก อิสราเอล คูเวต จอร์แดน ตุรกี และประเทศทั้งหมดที่เคยอยู่ในสหภาพโซเวียต ต้องพบกับความล่มสลายในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที พลังที่แม้แต่นิวเคลียร์ ระเบิดที่เคยได้รับการยกย่องว่า เป็นอาวุธฆ่าที่มีอานุภาพทีาสุดกลายเป็นแค่ของเล่นไป ด้วยการทำลายล้างของ อสูรเทพเพียงตัวเดียว กลุ่มประเทศที่ก่อความขัดแย้งกันเองมานานนับศตวรรษ
จึงต้องจบประวัติศาสตร์แห่งสงครามอันยาวนานลงพร้อมกับ หน้าประวัติศาสตร์ของที่ ถูกสาปให้หายสาบสูญไป

เทพอสูร เลราเย่(Leraje, the Torment of War)  อสูรเทพแห่งสงครามได้จุติลงจากการที่ กลุ่มประเทศนั้นต้องการจะใช้อำนาจแห่งพลังมนตรา ทำลายซึ่งกันและกัน ทั่วโลกที่ได้รับรู้ถึงผลของการ
ที่คิดจะควบคุมพลังอำนาจนี้ จึงต้องปฏิวัติทัศนคติ ของตนเสียหากคิดจะเอาความได้เปรียบ ทางอำนาจการรบต่างๆ
บัดนี้ไม่ใช่พวกเขาอีกแล้วที่คุมบังเหียนโลกหากแต่ โลกต่างหากที่คุมบังเหียนพวกเขา หลังจาก เหตุการณ์ที่
เทพอสูร เลราเย่  จุติ ในครั้งนั้นทำให้ทุกประเทศในโลกต้องเลิกทำสงครามและสยบความขัดแย้งทั้งหมดลง
 


ข้อความแห่งประวัติศาสตร์ ที่ถูกจารึกเอาไว้ บนจอโฮโลแกรม ที่ส่องออกมาจาก Note ที่อยู่บนอุ้งมือของ
คนๆหนึ่ง ภายในห้อง โถงที่มืดสลัว โต๊ะประชุม วงรี ที่กลางโต๊ะมีภาพ โฮโลแกรม ของ สวนพันธ์สัตว์น้ำ Water Layer ในทุกซอกมุม ฉายอยู่ นอกจาก เจ้าของ Note ที่นั่งอ่านข้อความแห่งประวัติศาสตร์
เมื่อครู่แล้วก็ยังมี อีกสามคนที่นั่งประชุมอยู่ ด้วย

“ ควีน(Qeen) จิงค์ ลิตเทิลแองเจิล(Jing little Angel ) รายงานกลับมาแล้ว ”
ชายคนหนึ่งที่อยู่อีกฟากของโต๊ะกล่าวขึ้น แสงไฟสลัวๆจากโฮโลแกรม ที่กลางโต๊ะ ทำให้พอจะมองเห็นร่างของ บุคคลทั้งหมดที่ร่วมประชุมอยู่ ผนังห้องนั้นเป็นกระจกใส เงาของอะไรบางอย่างแหวกว่ายลอยผ่านไปมา
ไปรอบห้อง แสงจากโฮโลแกรม ที่กลางโต๊ะซึ่งส่องไปถึง กระจกหน้าต่างได้ล่อให้สิ่งหนึ่งที่แหวกว่ายอยู่ภายนอก
กระจก เข้ามาหา ฉลามหัวค้อนขนาดยักษ์ ซึ่งเวียนว่ายอยู่ด้าน นอกต่างมารุมล้อมเพราะแสงไฟที่ลอดออกมา
แน่นอนเงาที่แหวกว่ายอยู่ก่อนนั้น ก็คือเงาของ ปลาและสัตว์น้ำชนิดต่างๆที่ถูกเลี้ยงไว้ในแทงค์ ขนาดยักษ์
ที่ตั้งล้อมห้องประชุมไว้

“ จะมีแน่เหรอ ในที่แบบนั้นน่ะ ”
หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กล่าวเน้นเสียง

“ แต่จากสัญญาณที่ตรวจพบ เราสามารถยืนยันได้ว่าที่พวกเรากำลังตาม หาอยู่ได้ปรากฏขึ้นที่นั่นนะหรือว่าเธอไม่เชื่อในความสามารถของกองวิทยาการที่ฉันดูแลอยู่ล่ะ ไนท์ ไกอา(Knight Gaia) ”
หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายของโต๊ะประชุมกล่าวขึ้น

“ แหมๆ อย่าโกรธสิจ้ะเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอกเน้อ ตาลีบัญ ”
หญิงสาวที่ ถูกเรียกว่า ไนท์ ไกอา กล่าวหยอกล้อใส่

“ อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นนะ ไกอา …ชิปท์ บีบิส (Ship Beabizz) หัวหน้าฝ่ายวิทยาการ นั่นคือชื่อของฉัน
อย่าเอานาม ก๋องแก๋ง แบบนั้นมาเรียกฉันอีกนะ ”
หญิง สาวที่ถูกหยอก ตะหวาดด้วยความหัวเสีย

“ อ๋อเหรอ ยัยป้าคลั่งทฤษฎีที่ ชอบแอ็บแมน ในนิตยสารอย่างเธอนี่ก็ระเบียบจัดเหลือเกินนะ ”
ไกอา กล่าวเยาะเย้ย ทำให้ บีบิส หมดความอดทนและกล่าวโต้กลับไป

“ อ๋อเหรอ ยัยคนหลงตัวเองคิดว่าตัวเองสวยนักสิ ทำโปรย เสน่ห์ ใส่อยู่ได้ทุกฉบับ รู้ไหมคนอ่านเขาเอียน ยัยแก่
วิตกจริต อย่างเธอจะแย่อยู่แล้ว ไม่รู้รึไง เดี๋ยวก็พี่ ไกอ๊า ไก่อ้า ไกอา ขิขุ ตายล่ะ ”
บีบิส โต้กลับเสียจน ไกอา ต้องกรีดร้องด้วยความโมโห

“ ว้าย ยัยแก่ค้างปีหาฉันวิตกจริตงั้นเรอะ..มาดวลกันรู้ดำรู้แดงไปเลยดีไหม ”
ไกอา ตะหวาด ก่อนจะกระแทกตัวขึ้นยืนพร้อมกับ คว้าสำรับไพ่ขึ้นมา

“ จะเอาเรอะได้อยู่แล้ว ”
บีบิส ขบฟันพูดด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับคว้าสำรับขึ้นมาเช่นเดียวกัน

“ หยุดเลยทั้งคู่นั่นล่ะ ”
ชายที่นั่งอยู่ข้างๆไกอา ตะคอกทำให้ทั้งคู่ต้องชะงักในทันที

“ ต…แต่ นิฮิล ยัยป้านี่… ”
“ หุบปาก พวกเธอสองคนไม่ละอายบ้างรึไง นี่ต่อหน้าท่านประธาน นะ ”
ชายที่ถูกเรียกว่า นิฮิล ตะคอกใส่ จนหญิงทั้งสองต้องยอมจำนน และเลิกราแต่โดยดี

“ ขอบใจมาก บิชอป นิฮิล (Bishop Nihill) เอาล่ะ ควีนจิงค์ ติดต่อเข้ามาว่าไงบ้าง ”
ชาย ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ ที่นิฮิล นั่งอยู่ กล่าวชายคนนั้นยังคงนั่งอ่าน เนื้อหาของประวัติศาสตร์โลกที่ส่องออกมาจาก Note ของตัวเอง

“ ตอนนี้ คาดว่า บุคคลระดับ Angel ที่สามารถอัญเชิญอสูรเทพ ได้นั้นน่า จะอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่เราทำการวางกำลังตรวจหาไว้ตั้งแต่สามวันมานี้แล้วครับ ตอนนี้ ควีนจิงค์ ส่ง Judge ไปแล้วแต่ในพื้นที่มีกลุ่มบุคคล
อื่นนอกจาก บุคคลที่ว่าปะปนอยู่ด้วยทำให้เราไม่รู้ว่า ใครคือผู้ที่มีพลังระดับ Angel ครับ ”

“ เป็นไปตามคำทำนาย จริงๆสินะ องค์หญิงแห่งมังกรขาว ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้วสินะ งั้นก็จวนจะได้เวลาแล้วสินะ
เวลาที่จะทำให้โลกนี้กลับไปสู่ครรลองที่ควรเป็นของมันน่ะ ”
ประธาน ในที่ประชุมกล่าว เสียงเรียบ ก่อนที่ ภาพ การเคลื่อนไหวของ พวก ธนัท ภายในอาคาร
ซึ่งถูกฉายเอาไว้จะค่อยๆปรากฏขึ้นจนครบทุกคน

…………………
…………………….

เคียว ที่วิ่งไปตามบันได ซึ่งทอดยาวไปถึงชั้นบน ข้างหน้า ประตูเหล็กที่ขวางทางเข้าไว้ก็เลื่อนเปิดออก
โดยอัตโนมัติ ภายในห้องที่มีแผงควบคุม ติดตั้งอยู่รอบห้องนั้น มีชายสวมสูทสีดำ และสวมแว่นกันแดด
รอเขาอยู่ก่อนแล้ว

“ ทางนี้ก็ระดับ Caller งั้นเหรอช่วยไม่ได้ เพราะระดับ Angel มันไม่ได้กำหนดตายตัวว่าต้องเป็นระดับ Summoner อยู่แล้วเพราะงั้นทางเดียวที่จะรู้ได้ ”
/Get Set/
สิ้นคำ Note ของชายชุดดำก็ทำการเปลี่ยนรูปเป็นปลอกแขนสำหรับใช้ดวล ในทันที ก่อนที่เขาจะเสียบสำรับ ทั้งสองลงไปในช่องใส่สำรับ

ทางด้าน ธนัท กับ ชุติการ ที่กำลังเดินไปตามทาง ที่มืดสลัวก็ได้เจอเข้ากับ ชายชุดดำอีกสองคน

“ ทางเดียวที่จะรู้ว่าเป็นระดับ Angel รึเปล่าก็คือ ต้องดวลเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายอัญเชิญอสูรเทพออกมาเท่านั้นสินะ ”
/Get Set/
ชายชุดดำ ทั้งสองที่อยู่ต่อหน้า ธนัทและชุติ กล่าวก่อนที่ Note ของชายชุดดำทั้งสองจะเปลี่ยนเป็นปลอกแขนสำหรับดวล

…..


“ คาสเทเน็ต สแตนบายน์  ”
/Sich Bereit Halten/(G:Get Set)
สิ้นคำของ เคียว Note ของเขาก็เปลี่ยนรูปเป็นปลอกแขนสำหรับดวล ในทันที ก่อนที่ เขาจะเสียบสำรับลงไป
ในช่องสำรับ

“ คอรัส  แสตนบายน์ ”
“ กอสเปล แสตนบายน์ ”
/Get Set/
สิ้นคำของ ธนัท และ ชุติ สำรับไพ่ของทั้งสองก็ถูกส่งออกมาจาก Note ของตนก่อนที่ มันจะเปลี่ยนรูปเป็น
ปลอกแขนสำหรับดวล

“ ดวลได้ ”
สิ้นคำของทุกคนการต่อสู้กับ กลุ่มชายชุดดำก็เริ่มขึ้นทั้งหมด
……….
…………..
…………….


“ แอน เริ่มก่อน Cost Mp 2 ร่าย Ocean Chrysalis ลงไปที่ At line จากนั้น Cost Mp อีก 3 ร่าย  Golden Horn Walrus Baby 3 ใบไว้ที่ Df Line แล้ว End Turn ”
สิ้นคำของแอน เธอก็จัดการโปรย ซีลการ์ด สี่ใบบนมือ ออกไป ส่วนเฟืองอันเล็กๆที่ติดอยู่ตรงปลอกแขนก็เริ่มหมุนด้วยความเร็วสูงจนเกิดละอองแสง ลอยออกไป มวลละอองแสงเหล่านั้น ได้ไปจับกลุ่มกับ การ์ดที่โปรย

ออกไป และทำให้เกิดแสงสว่างวาบ ขึ้นเท่ากับจำนวนใบที่โปรยออกไป สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายกับ
หนอนทะเล ตัวกลม ลงมายืนคุมเชิงที่แนวหน้าในขณะที่ด้านหลังมีลูกวอรัสเขาสีทอง ขนสีขาวปุกปุย
สามตัวหลบอยู่ด้านหลังเจ้าหนอนทะเล 






“ รอบของฉัน Cost Mp2 ร่ายAngel of Rule(ทูตสวรรค์แห่งกฎ) จากนั้น Cost Mp3 ให้มิสติกพื้นที่ Crystal Court (ลานสนามคริสตัล) ทำงาน  ”
สิ้นคำ ชายชุดดำก็ โยนไพ่ออกไป เฟืองที่อยู่ตรงข้อแขนของเขาแบบเดียวกับ แอนก็หมุนด้วยความเร็วสูงจนปล่อยละอองแสงออกมา จับกลุ่มที่การ์ดใบนั้น ก่อนที่จะเกิดแสงสว่างวาบขึ้นไปทั้งลาน ทันทีที่
แสงจางลง ปราสาทผลึกใส ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเหนือพวกเขา บันไดของปราสาทได้ทอดลงไปบนผิวน้ำก่อนที่ ผิวน้ำในสระจะเปลี่ยนเป็นผลึกใสด้วย วงแหวน ผลึกที่ก่อตัวขึ้นล้อมรอบ เหนือปราสาทผลึกเอาไว้

ที่ยอดของปราสาทมีประกายแสงส่องสว่างวิบวับ ตลอดเวลา ก่อนที่ทูตสวรรค์ หกปีกจะควงหอกในมือ โบยบินลงมาจาก ยอดของ ปราสาท  จอโฮโลแกรมได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศตรงหน้า ของแอน ซึ่งในจอนั้นได้แสดงรายละเอียดของการ์ดแต่ละใบในสนาม และ Mp กับจำนวนการ์ดในมือ ของเธอกับอีกฝ่าย





“ Crystal Court เหรอ มิสติก ชนิด PA แบบไม่จำกัดเทิร์น ความสามรถคือ จะลดค่าร่ายของ เผ่าพันธ์ Divine จะลดลง 1 จุดงั้นเหร่อ ”
แอน อ่านรายละเอียดของ ไพ่ที่สร้างพื้นที่นี้ขึ้น ขณะเดียวกัน ลูกวาฬที่ว่ายอยู่ในสระ ก็ลอยตัวทะลุผิวธารผลึก
ที่เป็นเพียงภาพเสมือน ขึ้นมาเพราะในความเป็นจริงพื้นที่ตรงส่วนนั้นยังคงเป็นน้ำอยู่

“ Cost Mp1 ให้ แองเจิลออฟรูล โจมตีไปที่ โอเชี่ยน ชิลซาลิส  ”
สิ้นคำ ทูตสวรรค์แห่งกฎ ก็พุ่งเข้าไปแทง หนอนทะเลที่ยืนขวางแนวหน้าเอาไว้ด้วย หอกในมือจนมันแตกสลายเป็นแสงไป

“ ด้วยผลของ โอเชี่ยน ชิลซาริส ฉัน สามารถ Cost Mp ค่าร่ายของ ซีล เผ่าพันธุ์ Monster 1 ใบจากกองการ์ดซีลเข้ามาในสนามได้ ฉัน Cost Mp 2 และให้ Golden Horn Walrus ออกมาที่ At Line ”
แอน กล่าวจบประกายแสงของ โอเชี่ยน ชิลซาริส ที่ลอยตัวอยู่ก็หมุนวนรวมกันเกิดเป็น อสูรตัวใหม่
วอรัสเขาสีทองตัวเต็มวัยได้ปรากฏขึ้นใน สนาม



“ พลังโจมตี ของ วอรัส จะเพิ่มตาม วอรัสเบบี๋ ในสนาม ดังนั้น พลังของ วอรัสตอนนี้เท่ากับ 9 หน่วย ”
แอน กล่าวอธิบายขณะที่ ชายชุดดำเองก็เปิดจอโฮโลแกรมที่จะแสดงค่ามาตรต่างและคำอธิบายของไพ่แต่ละใบ
ขึ้นมาด้วย

“ Cost Mp2 ร่าย แองเจิลออฟรูล ลงไปอีก 2 ตัวที่แนวป้องกัน ”
ชายชุดดำกล่าวจบ ก็อัญเชิญ ทูตสวรรค์ลงมาอีกสององค์

“ เอ๋ ทำมายกันก็ใช้ Mp ไป 6 แล้วนี่หน่า แต่ทำไมถึงมีอีก 2 ล่า ”
แอน กล่าวด้วยความสับสนขณะที่เอามือเกาหัวอย่าง งงๆ

“ อาจจะโหดร้ายไปซักหน่อย แต่ชั้นต้องบังคับให้เธอ ดวล ด้วยกฎ ระดับ Summoner ไม่ใช่ Caller
ดังนั้น Mpจาก 7 จะเพิ่มเป็น 8 Shrine Max จาก 12จะเพิ่มเป็น 15 แน่นอนรวมไปถึงเพื่อนๆของเธอ ที่กำลังดวลกับพวกของชั้น ก็ต้องสู้ด้วยระดับ Summoner เท่านั้น ”
ชายชุดดำ กล่าวเสียงเรียบ คำพูดของเขาทำให้แอน เอะใจขึ้นมา

“ เชลโล…ช่วยแสดงตำแหน่งของทุกคนให้ที ”
/Yes Sir/(รับทราบ)
สิ้นคำของแอน Note ของเธอที่กลายเป็นปลอกแขน ก็ตอบรับก่อนจะ เปิดจอภาพโฮโลแกรมขึ้นมา
ตำแหน่งแสดงที่อยู่ปัจจุบันของทุกคนต่างหยุดนิ่ง กันหมด ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นที่กำลัง ดวลอยู่
แต่เพื่อนๆของเธอเองก็เช่นกัน

/Get Call/
“ ทุกคนถ้าตอนนี้กำลังดวลอยู่ล่ะก็ระวังด้วยนะเจ้าพวกนี้มันบังคับให้เราดวล ในระดับ Summoner  ”
เสียงของ เคียวดังขึ้นมา ก่อนที่ จอโฮโลแกรม เล็กๆอีกจอจะปรากฏขึ้น มันฉายภาพและเสียงของ เคียวที่ติดต่อเข้ามา


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #26 on: December 14, 2008, 09:58:09 PM »

“ ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็ทางนี้รู้แล้วล่ะ เพราะพวกเราเองก็โดน มันบังคับให้ ดวลแบบแทคทีมกัน
แถมยังเป็นการดวล ระดับ Summoner ด้วยทำให้พวกเราไม่ค่อยจะคุ้นเท่าไหร่ก็เลยเป็นฝ่ายตามอย่างเดียวเลย ”
เสียงของ ธนัท ที่จับคู่กับชุติการ อยู่ก็ดังขึ้นมาพร้อมกับ จอภาพโฮโลแกรมขนาดเล็กที่ ฉายเพิ่มขึ้นมาอีกจอ
เขากับ ชุติการกำลังถูก อสูรอัญเชิญ แบบเดียวกับที่ ชายชุดดำที่ดวลกับแอนกำลังใช้กดดันอยู่

“ นี่เคียว ทำไมสัญญาณเตือนมันถึงดับไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะ ”
ธนัท ถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่า เสียงสัญญาณเตือน เงียบลงไป

“ ก็เจ้าคนชุดดำที่อยู่ในห้องนี้น่ะสิ มันสับสวิตซ์สัญญาณเตือนแล้วแถมยัง ตัดสัญญาณแจ้งที่จะส่งไปที่ สถานีตำรวจ ไปแล้วด้วย ”
เคียว ตอบกลับ

“ ถ้างั้นใช้ Note โทรแจ้งไม่ได้เหรอ ”
ชุติการเสนอความเห็นบ้างขณะที่กำลังคิดหาทางโต้กลับอีกฝ่ายให้ได้

“ ไม่ได้เลยมันมีคลื่นอะไรบางอย่างรบกวนตั้งแต่ วกกลับเข้ามาตอนสัญญาณดังแล้วนั่นล่ะ
ตอนนี้เลยติดต่อ ออกไปข้างนอกไม่ได้เลยคิดว่าพวกมันคงรบกวนสัญญาณเอาไว้ ”
เคียว กล่าวจบ สัญญาณของเขาก็ถูกตัดไปทันที ไม่นานนัก สัญญาณของ ธนัท กับ ชุติ ก็ถูกตัดไปด้วย

“ ต้องขอ อภัยอีกครั้ง แต่คงจะให้พวกเธอติดต่อกันต่อไปอีกไม่ได้แล้วล่ะนะเอาล่ะมาต่อกันดีกว่า ตาเธอแล้วสาวน้อย ”
ชายชุดดำ กล่าวขณะที่ผายมือไปยังเธอ

“ รอบของฉาน Draw  ”
แอน กล่าวพร้อมกับดึง มิสติก การ์ดที่ช่อง เสียบสำรับ มิสติก ตรงข้อแขนออกมา หนึ่งใบจากนั้นจึงเลื่อนมือไป
แตะที่กระเปราะช่องเสียบ สำรับ ซีล ก่อนที่จะเอามือไปรอรับ ที่หน้าช่องสำรับ ซีล การ์ด ถูกดีด ออกมาเข้ามือของเธอพอดี  ก่อนที่จะนำมันไปรวมกับไพ่ที่อยู่บนมือ

[ Hand Sta: Seal:2 Mystic:3 ]Mp 6


“ Cost mp3 ร่าย Icicle Hound และ โกลเด้นท์ฮอร์นวอรัสเบบี๋ ลงไปที่ Df Line  ”
แอน กล่าวจบก็ร่าย การ์ลงไปอีกสองใบ ใบนึงคือลูกวอรัสเขาทองคำ กับอีกใบคือ ไอซิเคิลฮาวน์
ทั้งหมดได้ปรากฏขึ้นบนสนามฝั่งเธอ





“ จากนั้น Cost mp1 ให้ โกลเด้นท์ฮอนวอรัส โจมตี AT and Sp ของโกลเด้นท์ฮอนวอรัส จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนวอรัสตัวลูกในสนาม ตอนนี้มีสี่ใบ At and Sp ของโกลเด้นท์ฮอนวอรัส จึงเป็น At 10 และ Sp5
โจมตีใส่ แองเจิลออฟรูล เลย ”
แอน สั่งการจบวอรัส ตัวเต็มวัยก็พุ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูง หมายจะใช้เขาบนหัวแทงทะลุร่างของ ทูตสวรรค์

“ Cost mp2 ร่าย No Attacking ผลของมันจะทำให้ซีลที่สวมใส่ไม่สามารถโจมตีได้ ”
ชายชุดดำกล่าวขณะที่ ร่ายการ์ดลงไป ดาบไขว็ได้ปรากฏขึ้นมาขวางการโจมตีของ วอรัสเอาไว้ทว่า

“ ไม่ยอมหรอกน่า Cost mp2 ร่าย Inquistion ผลของมันจะทำลาย มิสติก การ์ดชนิดใดก็ได้ 1 ใบสนามเลือกทำลาย No Attacking ”
ทันทีที่แอนร่ายการ์ดใบนั้นออกไป ก็ปรากฏร่างของนักบวชขึ้นมากลางสนาม ในมือมีกระดาษยันต์ ซึ่งกำลังรุกไหม้อยู่ นักบวชได้ โยนกระดาษยันต์ นั้นไปที่ ดาบไขว้ทั้งที่ขวางการโจมตี อยู่ พลันดาบนั้นก็ได้ อันตธานหายไปอย่างสิ้นเชิง และเมื่อหน้าที่ลุล่วง นักบวชก็ได้สลายหายไป การโจมตีของวอรัส จึงสามารถทำลายทูตสวรรค์ลงได้



“ รอบของ ชั้นจั่วไพ่ ”
ชายชุดดำกล่าว ขณะที่ดึง มิสติกการ์ดออกจากช่องสำรับมิสติกมาสองใบ

[ Hand Sta: Seal:2 Mystic:2 ] mp 6 Shrine 2/15

“ แล้วเธอจะเสียใจที่ไม่ยอมทำลาย Crystal Court แต่เลือกที่จะทำลายซีลของชั้น Cost mp1 ร่าย แองเจิลออฟรูลอีกใบลงไปยังแนวป้องกัน จากนั้น Cost mp 2 ร่าย Angel of Anger(ทูตสวรรค์แห่งความโกรธ) ไว้ที่แนวหน้าและให้มันรวมร่างกับ แองเจิลออฟรูล 2 ตัว ที่อยู่ในสนามก่อนแล้ว ทริปเปิลคอมบิเนชั่น ”
ชายชุดดำกล่าวจบซีลการ์ด 2ใบก็ถูกร่ายลงมา ทูตสวรรค์ สององค์ได้โบยบินลงมาจากปราสาท คริสตัลที่ลอยตัวอยู่ด้านบน โดยมี ทูตสวรรค์แห่งกฎ 1องค์ และทูสวรรค์องค์ใหม่ซึ่งควงหอกสามง่าม ลงยืนขวางแนวป้องกันไว้
ทูตสวรรค์องค์นี้มีปีกขนาดใหญ่สองปีกและปีกขนาดเล็กอีกสองปีก



/Combination Console/
เสียงทุ้มแหลมที่ดังขึ้นมาจาก ปลอกแขนของชายชุดดำดังขึ้นพร้อมกับที่ จอโฮโลแกรมแนวยาวจะปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา บนจอนั้นมีไพ่ซีล ตามที่กำหนดอยู่บนสนาม เขายื่นมือไปแตะ ที่ไพ่ของ ทูตสวรรค์แห่งความโกรธ
ก่อนจะเลื่อนมันลง ไปทับกับ ทูตสวรรค์แห่งกฎ ที่อยู่แนวล่างของจอ ซึ่งทูตสวรรค์ทั้งสามใบนั้นมีใบหนึ่ง

ที่เป็นสีแดง ส่วนอีกสองใบเป็นสีปกติ ซึ่งใบที่เป็นสีแดงนั้นคือเครื่องหมายที่บ่งว่าไพ่ใบนั้นไม่สามารถเป็น
ซีลรองรวมร่างได้ ชายชุดดำได้เลื่อนเอาไพ่ของ ทูตสวรรค์แห่งความโกรธ ลงไปทับ ทูตสวรรค์แห่งกฎทั้งสองใบ

 อย่างรวดเร็วก่อนจะเลื่อนมันกลับขึ้นไปยัง แนวบนของจอ ความเร็วในการเลื่อนไพ่นั้น ทำให้เกิดแสง ที่ตกค้างจากการเลื่อนส่องเป็นลายทางราวกับกำลังวาด เส้นลงในอากาศทันทีที่การสั่งรวมร่างสมบรูณ์
จอสนามที่ปรากฏขึ้นก็หายไป ทูตสวรรค์ทั้งสามที่ถูกสั่งการก็พร้อมใจกัน บินขึ้นไปจากสนาม

“ Cost mp3 ให้แองเจิลออฟแองเกอร์โจมตี จงรับการลงทัณฑ์ ไปซะ Punishment(ลงทัณฑ์) ”
สิ้นคำของชายชุดดำ เหล่าทูตสวรรค์ทั้งสามก็พุ่งดิ่งลงมาจากด้านบนของ สนามพร้อมกับ กระชับอาวุธในมือของตน

“ แองเจิลออฟแองเกอร์ มี At 10 เท่ากับวอรัส แต่วอรัสของฉานมี Sp 5 ซึ่งมากกว่านั่นเท่ากับว่าแองเจิลออฟแองเกอร์ต้องถูกทำลายหน่า ”
แอน กล่าวขึ้นขณะที่การโจมตีของทูตสวรรค์ทั้งสามกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ

/No master, Ability for Angel of Anger is… /(ไม่มาสเตอร์,ความสามารถสำหรับทูตสวรรค์แห่งความโกรธคือ..)

เสียงของ เชลโล Note ของแอนดังขึ้นเพื่อที่จะเตือนเธอแต่ก็สายไปซะแล้ว เพราะทูตสวรรค์ทั้งสามก่อนจะเข้าถึงตัวของ วอรัส ก็ได้แยกออกไปสามทางและพุ่งเข้าโจมตีพร้อมกับซ้าย ขวาและด้านบน หอกและสามง่ามแทงทะลุร่างของ วอรัส ทั้งสามทิศ เจ้า วอรัส ครวญครางด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะแตกสลายไป

“ วอรัส ….นี่มานหมายความว่ายางงาย ”
แอน อุทานเสียงเหน่อด้วยความประหลาดใจ

“ อะบิลิตี้ของ แองเจิลออฟแองเกอร์ คือเมื่อมี เผ่าพันธุ์ Divine ใบอื่นในสนาม At จะเพิ่มขึ้น 1 จุดและยกเลิก Curse ดังนั้น At ของมันจึงไม่ใช่ 10 แต่เป็น 11 หมดรอบของชั้นตาเธอแล้วสาวน้อย ”
ชายชุดดำกล่าวเสียงเรียบ ขณะที่แอน ต้องขบฟันด้วยความช้ำใจที่ไม่ยอมอ่านความสามารถของอีกฝ่าย
แต่ถึงยังงั้นก็ตาม บนมือของเธอก็มีแต่ มิสติกการ์ดที่จะสร้าง Curse ให้กับอีกฝ่ายอย่าง Cool moon และการ์ดหยุดยั้งความสามารถอย่าง No skill เท่านั้น

“ รอบของฉาน Draw ”
แอน กล่าวแต่ขณะที่เธอจะ ดึงไพ่ออกจากสำรับเธอก็ชะงักไป

“ เราจะทำยังไงดีล่ะ ในสนามตอนนี้ที่พอจะสูสีก็มีแค่ ไอซิเคิลฮาวน์ เท่านั้น แต่มิสติก ของเราส่วนใหญ่
จะเน้นไปที่การ์ดหยุดยั้งอีกฝ่าย ไม่มีมิสติก ที่จะเสริมพลังให้เอาชนะ ได้เลย ถ้างั้นจะลองเสี่ยง จับซีลการ์ดอย่างเดียวแต่นั่น ก็หมายความว่าต้อง ดึงให้ได้ วอรัส อีกใบ ถึงจะพอมีทาง แต่ก็ใช่ว่าเราจะ จับ เอาวอรัสขึ้นมาได้แน่นอนซะด้วยสิ ถ้างั้นเอามาอย่างใบละกัน ”
แอนคิด เมื่อตัดสินใจได้แล้วเธอจึง จั่ว การ์ดขึ้นมา อย่างละใบ

[ Hand Sta: Seal:1 Mystic:3 ] mp 8  Shrine 3/15


“ Twin Star กับ โอเชี่ยนชิลซาริส เหร่อ ไม่ไหวไม่มีอันไหนจะไปสู้ได้เลยถ้างั้นคงต้อง ให้ ไอซิเคิลฮาวน์รวมร่างไปก่อน ”
แอนคิดได้ดังนั้นก็ ยื่นมืออกมาเพื่อที่จะรอ ออกคำสั่งให้ เชลโล เปิดระบบรวมร่าง



 “ ให้ ไอซิเคิลฮาวน์ทำการ ทริปเปิลคอมบิเนชั่น ”
/Combination Console/
สิ้นเสียงของเธอ เชลโลก็ตอบรับเตรียมจะทำการ เปิดระบบรวมร่างทว่า

“ Cost mp2 ร่าย Untouchable Emblem(สัญลักษณ์ของผู้ที่มิควรแตะต้องหรือ
ตราแห่ง จัณฑ์คาม) ไปติดที่ ไอซิเคิลฮาวน์ ”
*[จัณฑ์คาม พวกที่มีวรรณะที่ไม่มีผู้คบค้าด้วยในศาสนาฮินดู ว่าแต่เขียนจัณฑ์คาม ถูกต้องไหม
เนี่ย เรียนศาสนา ไว้นานแล้วชักลืมๆ]*
ชายชุดดำ กล่าวจบก็โยน มิสติกการ์ดบนมือ ออกไป เฟืองที่ข้อมือ เริ่มหมุเพื่อปล่อยละอองแสงออกไป
ทำให้ไพ่สำแดงอำนาจ ทันทีที่ มิสติกนั้นสำแดงเดช ก็เกิดควันสีดำพุ่งเข้าไป วนเวียนรอบๆไอซิเคิลฮาวน์

บรรดาลูกวอรัสที่อยู่ใกล้ๆกับ ไอซิเคิลฮาวน์ ต่างพากัน ถอยห่างออกในทันที



/Combination Fail/
เชลโล ส่งเสียงออกมาพร้อมกับที่ จอโฮโลแกรมที่เปิดขึ้นเพื่อทำการรวมร่าง กระพริบเป็นสีแดง
ก่อนจะหายไป การสั่งรวมร่างของเธอถูกยกเลิกเสียแล้ว

“ ด้วยผลของ Untouchable Emblem ซีลที่ได้รับผลของมันจะไม่สามารถรวมร่างได้ ”
ชายชุดดำอธิบาย เขาสามารถขัดขวางเธอได้อีกครั้ง

“ Cost mp2 ร่าง Twin Star(ดาวแฝด) ผลของมันจะทำให้ฉานDraw การ์ดเพิ่มได้อีกสองใบ ”
แอน กล่าวจบก็ร่ายการ์ดออกไป ไพ่ใบนั้นกลายเป็น มวลแสง สองดวง ก่อนจะพุ่งเข้าไปยัง ช่องใส่สำรับของเธอ

/Draw Please/(โปรดทำการจั่วไพ่)
เชลโล ส่งเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา ก่อนที่แอนจะดึงเอา ซีลและมิสติก อีกอย่างละใบขึ้นมาอย่างละใบ

[ Hand Sta: Seal:2 Mystic:3 ] mp 6 Shrine 3/15

“ คราวนี้เป็นโอเชี่ยนชิลซาริส กับ Black Wood(ป่าทมิฬ) เหร่อ ทำยังไงดีล่า ตอนนี้เรารวมร่างไม่ได้แล้ว
ยังไงก็ต้องป้องกัน ลูกวอรัส ไว้เพื่อที่จั่วได้ วอรัสมาอีกใบจะได้มีพลังพอ งั้นก็ต้องส่งซีลไปเป็นกำแพงก่อนแล้วใช้ผลของ โอเชี่ยนชิลซาริส เอาวอรัสขึ้นมา ”
แอน คิดได้ดังนั้น ก็กระชับ ซีลการ์ดทั้งสองใบไว้ทันที

“ ให้ ไอซิเคิล ฮาวน์ ย้ายไปที่ At line จากนั้น Cost mp 4 ร่ายโอเชี่ยนชิลซาริส ลงไปที่ At line
อีกสองใบ End Turn ”
แอน กล่าวจบก็ร่ายการ์ดลงไป หนอนทะเลสองตัวและไอซิเคิลฮาวน์ ได้ขึ้นไปป้องกันแนวหน้า เพื่อไม่ให้ การโจมตีของอีกฝ่ายทะลวงไปหา ลูกวอรัสได้

“ คิดจะใช้กำแพงซีล เพื่อให้ชั้น ตีเข้าไปจะได้เรียก วอรัส นั่นมาอีกล่ะสิแต่เธอคิดผิดซะแล้วที่
ทำแบบนั้น มันโจ่งแจ้งเกินไป ”
ชายชุดดำกล่าวขณะที่ จั่ว ซีล และ มิสติก ขึ้นมาอย่างละใบ

[ Hand Sta: Seal:1 Mystic:2 ] mp 6 Shrine 2/15


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #27 on: December 14, 2008, 09:58:26 PM »

“ การจะทำอะไรต้องคิดถึงสมดุลด้วยรู้ไว้ซะ สาวน้อยการที่เธอเอา ซีลที่สำคัญทั้งหมดแบ่งไปไว้ ด้านหลังหมด
 มันก็ใช่จะปลอดภัยเสมอไปหรอกนะ Cost mp2 ร่าย Cunning Clown ผลของมันจะทำให้ ซีลในสนามของเธอ สลับ ไลน์กัน ”
สิ้นคำของชายชุดดำ ทั้งสนามก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ทันทีหลังจากที่ ไพ่ใบนั้นลงมาในสนาม เมื่อเจ้าตัวตลก ที่ออกมาจากผลของ ไพ่ตีลังกา กลับหัว ซีลทุกใบของ แอน ก็เปลี่ยนพื้นที่กันทั้งหมด ลูกวอรัส ทั้งหมดขึ้นไปอยู่ที่ แนวหน้า ในขณะที่ กำแพงซีลที่เธอตั้งไว้ นั้นได้ย้ายลงไป ด้านล่างทั้งหมด



“ ให้ แองเจิลออฟแองเกอร์ แยกการรวมร่าง และให้ แองเจิลออฟรูล ที่แนวป้องกันขึ้นมาที่แนวหน้า จากนั้น Cost mp ทั้งหมด เพื่อให้ซีลทุกตัวจู่โจม ทำลายลูกวอรัสพวกนั้นเสีย  ”
สิ้นคำของชายชุดดำ ทูตสวรรค์ทั้งหมดก็ แยกตัวและพุ่งกันเข้ามา ทำลายลูก วอรัส ทั้งสี่ จนพินาศสิ้น
ในคราเดียว

“ รอบของ ฉาน Draw ”
แอน กล่าว มือของเธอ สั่นเทาด้วยความ ช็อก จากการโจมตีเมื่อครู่ หนทางชนะของเธอมันถูกปิดตายไปแล้วในวินาทีที่ การโจมตีของ ทูตสวรรค์ทั้งสี่พุ่งเข้าหาเธอ ตอนนี้ ไชน์ของเธอใกล้ จะเต็มแล้ว หากให้ไอซิเคิล

รวมร่าง เพื่อโจมตี ในรอบนี้ รอบหน้ามีสิทธิแพ้ในทันที หาก ไอซิเคิลฮาวน์ ถูกทำลายเธอก็จะไม่สามารถ
จัดทัพรบได้ทันเป็นแน่ ในตอนนี้มีเพียงมิสติก การ์ด Black Wood เท่านั้นที่พอจะทำให้เธอ
ยืดชีวิตออกไปได้  แต่ก็แค่ 1 Turn เท่านั้น ความลังเลที่จะจั่วไพ่อะไรขึ้นมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้
ได้บีบบังคับให้เธอ ต้องเลือกโดยที่ไม่อาจติดต่อหรือขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆของเธอได้ เลย

/Master , Not worry I believe my master , Draw Card for new hope,Master do it/(มาสเตอร์,อย่ากังวลฉันเชื่อในตัวมาสเตอร์,โปรดจั่วไพ่เพื่อพบกับความหวังใหม่,มาสเตอร์ต้องทำได้)
เชลโล กล่าวให้กำลังใจแก่ เธอ แม้จะเป็นคำพูดของจักรกล แต่มันก็ อบอุ่นราวกับมีใครคอยอยู่เคียงข้างคอยให้กำลัง ความกังวลในการจั่วของเธอได้ มลายหายไปราวกับถูกปลดจากพันธนาการ ซีลและมิสติกการ์ดอย่างละใบใบถูก ดึงออกมาจาก ช่องสำรับ ของเธอ ทันทีที่เธอเห็นไพ่ ที่จั่วขึ้นมา ตาของเธอก็ฉายแววตาอันเปี่ยมความหวังขึ้นมา

[ Hand Sta: Seal:1 Mystic:4 ] mp 8 Shrine 7/15

“ ธนัท ทำอย่างไงถึงจะเป็น นักร่ายอสูรที่เก่งๆเหมือน เธอได้บ้างล่า มีเคล็ดลับอะไรบอก แอน หน่อย สี~~~ ”
คำถามของเธอเมื่อสมัยเด็กตอนที่เธอย้ายมาเรียนที่ กรุงเทพ เพื่อนคนแรกของเธอคือ ธนัท และเธอก็เริ่มเล่นSummoner Master ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพราะ ธนัท เป็นแรงบันดาลใจให้เธอ

“ อ๋อ ไม่มีเคล็ดลับอะไรหรอก แต่ พวกพี่ๆกับคุณพ่อ น่ะมักจะพูดว่า นักร่ายอสูรที่ดีจะไม่เดี่ยวๆอะไรนี่แหล่ะ ”
คำพูดของ ธนัท ที่ตอบกลับเธอมาเมื่อหลายปีก่อนนั้นเธอยังคงจำได้ดี เด็กหนุ่มที่สูงวัย กว่าพวกเธอ ที่เดินเข้ามาหาเธอ กับ ธนัท 

“ ไม่ใช่เดี่ยวๆอะไรซักหน่อย นักร่ายอสูรอย่างพวกเราน่ะไม่ได้สู้เพียงลำพังหากแต่ อสูรอัญเชิญก็เป็นเพื่อนที่ร่วมสู้ไปกับเรา ขอแค่มีความเชื่อใจกับ อสูรที่เราเลือกมา หนทางแห่งชัยชนะก็จะเปิดให้เห็นเอง ”
คำพูดเด็กหนุ่มคนนั้นยังเป็นคติให้เธอยึดมั่นและสู้มาจนถึงทุกวันนี้

“ จริงด้วยสินะ ตอนนั้นพี่ชาย ของ ธนัท พูดเอาไว้นี่หนา ว่าให้เชื่อใจ อสูรอัญเชิญ แล้วหนทางจะเปิดออกเอง
ตอนนี้ ฉานเข้าใจความหมายของมันแล้ว ”
แอน คิดทันทีที่เห็นไพ่ที่เธอจั่วขึ้นมา

“ แววตาเปลี่ยนไป เพราะอะไรกันนะ หรือว่าหาหนทางที่จะแก้สถานการณ์นี้ได้แล้ว ไม่สิ ไม่น่าใช่ ตอนนี้ ซีลในสนามของเธอที่ต้องระวังก็มีแค่ ไอซิเคิลฮาวน์ เท่านั้น แต่ถึงโจมตีมาเราก็มี No Attacking ไว้รับมืออยู่แล้วไม่มีทางที่เราจะแพ้ได้อยู่แล้ว  ”
ชายชุดดำคิด เมื่อได้เห็นสายตา ของแอน ที่เปลี่ยนไป

“ Cost mp 2 ร่าย Black Wood และให้ ไอซิเคิลฮาวน์ ย้ายไปยัง Df line จากนั้น Cost mp อีก 2 ร่าย… ”
แอน ประกาศ ยังไม่ทัน จบมิสติกบนมือที่ร่ายไป ก็สำแดงอำนาจ ต้นไม้และผืนป่าก็ได้ยกตัวขึ้นมาจาก ใต้ดิน  กลายเป็นป่าทึบ ที่บดบังเสียงของเธอ จนอีกฝ่ายไม่ได้ยินว่าเธอ พูดว่าอะไร แนวป้องกันของทั้งสองฝ่ายไว้จนไม่อาจมองเห็นซีล ในแนวหลังของอีกฝ่ายได้
 ไอซิเคิลฮาวน์ ที่แนวหน้า หายเข้าไปในแนวป่าทึบ เสียแล้ว ทิ้งไว้เพียง โอเชี่ยนชิลซาริส ทั้งสองตัวใน แนวหน้า



สภาพที่เปลี่ยนแปลง อย่างกะทันหัน ทำให้เขาปรับตัวไม่ทัน จนต้องนิ่งอึ้งไปชั่วครู่

/Master , We Turn/ (มาสเตอร์,ตาเราแล้ว)
Note ของชายชุดดำกล่าว เรียกสติเขากลับมา

“ อ..อืม โทษที บาสซูน  ”
ชายชุดดำกล่าวกับ Note ของเขา ก่อนจะจั่วซีล กับมิสติกขึ้นมาอีกอย่างละใบ

[ Hand Sta: Seal:2 Mystic:2 ] mp 8  Shrine 2 /15


“ Cost mp 5 ร่าย Heaven Knight แล้ว Cost mp 0 ร่าย Valencia, the Angle of Order ลงไปที่ At lineแล้วให้ เฮเว่นไนท์ ที่ร่ายลงไปรวมร่าง รูปแบบทริปเปิล คอมบิเนชั่น และให้ วาเลนเซีย ที่ร่ายลงไปใหม่รวม ร่างกับ แองเจิลออฟรูล ในสนามอีกใบ ”
/Combination Console Triple and Double/
สิ้นคำของชายชุดดำ อัศวิน สวรรค์ และทูตสวรรค์ องค์ใหม่ทั้งสองก็ลงมายังสนาม ก่อนที่ชายชุดดำจะทำการ
เคลื่อนการ์ดให้รวมกัน บนจอโฮโลแกรม ซีลในสนามของเขาก็ทำการจัดกลุ่มในทันที แองเจิลออฟรูลทั้งสองใบ



ก่อนนั้น ได้ไปรวมกลุ่มอยู่ข้างๆอัศวินสวรรค์ ส่วน วาเลเซีย ทูตสวรรค์องค์ใหม่ก็ได้เข้าไป รวมร่าง
กับ แองเจิลออฟรูลอีกตัว ทำให้ตอนนี้ในสนามมี แองเจิล ออฟ แองเกอร์ ที่ไม่ได้รวมร่าง กับ วาเลนเซีย และ อัศวินสวรรค์ ที่รวมร่างแล้ว ทั้งหมดเป็นสาม กลุ่มในสนาม 

“ Cost mp ทั้งหมดที่เหลือ ให้ วาเลนเซีย กับ แองเจิลออฟแองเกอร์
 โจมตีไปที่โอเชี่ยนชิลซาริส ซ๊ลทั้งสองตัวยกเลิก Curse เธอไม่สามารถหยุดมันได้ด้วยมิสติกสร้าง Curse ได้หรอกนะ ”
สิ้นคำ ทูตสวรรค์ทั้งสองก็พุ่งเข้าไปทำลาย หนอนทะเลทั้งสองตัวที่อยู่แนวหน้าจน สิ้น หลังจากนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบ ขึ้นมาจากป่าฝั่ง ของแอน  ชายชุดดำหันไปมองจอโฮโลแกรม ที่อธิบายสภาพต่างๆในสนาม ก็เห็นว่า mp ของ แอนลดลงไป 4 หน่วย

“หมดรอบแค่นี้…ถึงร่ายซีลเพิ่มจากผลของ โอเชี่ยนชิลซาริส ก็เถอะ จะเป็นตัวอะไรก็ช่าง ยังไงซะก็เอาชนะ เฮเว่นไนท์ ที่มี At 12 และยกเลิก Mystic card ของอีกฝ่ายกับCurse ได้หรอก…อะ ”
ชายชุดดำ คิด ขณะที่ป่าทึบ ซึ่งเกิดจากผลของ Black Wood กำลังค่อยๆจางหายไปเขาก็ต้องชะงัก ไป
เมื่อซีลที่อยู่ใน แนวป้องกันของ แอน

“ อ..ไอซิเคิลฮาวน์ 4 ตัว ต..แต่ว่าได้ยังไงน่ะ ก็เมื่อกี้มันมีแค่ตัวเดียวนี่ แล้วถึงจะเรียกจากผลของ
 โอเชี่ยนชิลซาริส ก็เถอะมันก็ไม่น่าจะมีอีกตัวได้นี่ หะ..หรือว่า  ”
ชายชุดดำ อุทานเมื่อเห็น ไอซิเคิลฮาวน์ ทั้ง4 ใบในสนามของเธอ

“ ที่มันมี 4 ตัวก็เพราะ Turn เมื่อกี้ฉานร่ายมันทิ้งเอาไว้หลังจาก ที่ Black Wood ทำงานยางไงล่า
เพราะผลของ Black Wood มันจะบัง ซีล เอาไว้ทำให้มองไม่เห็น ฉานลองเสี่ยงพนันดูว่า แกจะ เฉลียวใจ
ตรวจสอบการ์ดที่ฉานร่ายลงไป บ้างหรือเปล่า แต่ไม่เลยแก กลับประมาทเพราะคิดว่าคุมเกมส์ไว้ได้แล้ว
ก็เลยโจมตีมาที่ โอเชี่ยน ชิลซาริส โดยไม่เอะใจเลยซักนิด ”
แอน กล่าวขณะที่จั่วการ์ด มิสติก ขึ้นมาสองใบ

[ Hand Sta: Seal:0 Mystic:5 ] mp4  Shrine 9/15 จำนวนซีลในไชน์คือ 8 ใบ


“ บ..บ้าน่าการจะรวบรวม ไอซิเคิลฮาวน์ให้ครบทั้งสี่ใบโดยที่ ไม่เกิดการขัดขวางนั้น มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ต่อให้เป็นนักร่ายอสูร ระดับ Summoner Master ก็เถอะการจะรวบรวมองค์ประกอบ ที่มากมายขนาด
นี้ให้ได้ยังเป็นเรื่องยากระดับพระกาฬ ”
ชายชุดดำอุทาน อย่างไม่เชื่อในสายตา

“ ฉานเองก็ไม่คิดว่าจะทำได้หรอก หนาแต่ว่าเคยมีคนพูดไว้ หากเชื่อมั่นในตัวอสูรอัญเชิญที่เราเลือกมาแล้วล่ะก็
หนทางแห่งชัยชนะก็จะเปิดออก เพราะฉานเชื่อว่า ไอซิเคิลฮาวน์ ของฉานจะต้องช่วยเปิดทางให้ได้แน่ ในขณะที่แกเองคงนึกไม่ถึงสิหนา ว่าฉานจะรวบรวม ไอซิเคิลฮาวน์ จริงๆหน่า ตอนแรกฉานเองก็คิดว่ามันเป็นไปม่ายได้
หรอกหนา แต่เพราะคำพูดของ คนๆนั้นทำให้ฉาน เชื่อและคิดว่าทำได้ และตอนนี้มันก็สำเร็จแล้ว  ”
แอน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“ เชอะถึงจะเรียก ออกมาได้ครบก็เถอะน่า ยังไงเธอก็ยังปิดเกมส์ในเทิร์นนี้ไม่ได้อยู่ดี เพาะหากเธอไม่ทำลายซีลทั้งหมดในสนามชั้นก็จะยังเหลือ Lv ใน Shrine max  อยู่ดี ”
ชายชุดดำกล่าว ออกมาอย่างสบายอารมณ์

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #28 on: December 14, 2008, 09:58:38 PM »

“ ไม่หรอกมานจะจบใน Turn นี้ล่าหนา Cost Mp 3 The Lament of Andre ผลของมันจะทำให้ ฉานได้รับ Mp เพิ่มตามจำนวนซีลใน Shrine ให้ถึงสูงสุด 8 หน่วย และตอนนี้ใน Shrine ก็มี ซีลอยู่ 8 ใบ
ดังนั้น Mp ของฉานจึงเพิ่มขึ้นมาอีก 8 หน่วยรวมเป็น 9 หน่วยเท่านี้ก็พอให้ใช้สกิล ทำลายทั้ง
สามตัวแล้วสิหนา ”
แอน กล่าวจบ มิสติก ที่ร่ายไปก็สำแดงผลเหล่าซ๊ล ที่ถูกทำลายไปของเธอทั้ง โอเชี่ยนชิลซาริส วอรัสเขาทองคำ
และวอรัสตัวลูก ทั้งหมดได้ปรากฏขึ้นมาบนสนาม ก่อนจะสลายกลายเป็นแสงล่องลอย ขึ้นไปเหนือ ปราสาทผลึก
และกลายเป็น สายธาร ไหลรินลง ยังพื้นสนามของ แอน เจ้าลูกวาฬที่ว่ายอยู่ในสระ ก็กระโจนจากสระ ข้างหัวแอน ไป ยังอีกฟากด้วยความอยากรู้อยากเห็น เกี่ยวกับ สายธารที่ไหลริน ลงมายังด้านหลังของเธอ



“ ให้  ไอซิเคิลฮาวน์ ทั้งหมดย้ายไปยังแนวหน้า จากนั้น Cost mp ทั้งหมด ให้ ไอซิเคิลฮาวน์ สามตัวในสนามใช้ Skill ทำลายการ์ด 1 ใบในสนามเมื่อมี ไอซิเคิล ฮาวน์ ในสนามฝ่ายเรา 4 ตัว ผล Skill ของ ไอซิเคิล ทั้งสามใบ
ทำลาย เฮเว่นไนท์ วาเลนเซีย และ แองเจิล ออฟ แองเกอร์ ซะ
 Quartet Destroyer (จัตุรัส แห่งการทำลายล้าง) ”
สิ้นคำของ แอน ไอซิเคิล ทั้งหมดในสนาม ก็พุ่งเข้า ไปขวิด ใส่ คณะของเฮเว่นไนท์ พร้อมๆกันจากทั้งสี่ทิศ
จน ทั้งคณะถูกทำลายสลายไป จากนั้นกองทัพของพวกมันก็บุกเข้าไปจัดการกับคณะของ วาเลเซีย จนพังสลายไปอีกเช่นเคย  ก่อนที่ แองเจิลออฟแองเกอร์จะ ถูกรุมทึ้งเป็นรายสุดท้าย ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

Anna  [ Hand Sta: Seal:0 Mystic:5 ] mp  Shrine 9/15 Win
Black Suit  [ Hand Sta: Seal:0 Mystic:2 ] mp 8 Shrine 15/15 Lose


เพียงพริบตา แอน ก็สามารถพลิกเกมส์ กลับมาชนะได้ในทันที สร้างความประหลาดใจให้แก่ชายชุดดำเป็นอันมาก ขณะที่ปราสาทผลึก ที่สร้างขึ้นจากผลของ Crystal Court ค่อยๆพังทลายลงมาทัพ ทับสนามจนเกิดหมอกควันไปทั่ว [Crystal Court เมื่อไม่มี เผ่าพันธุ์ Divine ในสนาม Crystal Court จะถูกทำลาย]

“ ม..ไม่จริงน่าชั้นแพ้ เด็กที่อยู่แค่ระดับ Caller เนี่ยนะชั้นที่เป็นระดับ Judge เนี่ยนะแพ้ เป็นไปไม่ได้ ”
ชายชุดดำคิดขณะที่ ปลอกแขนได้เปลี่ยนกลับไปเป็น จี้ห้อยคอ อีกครั้ง

/Get Call/
“ แย่แล้ว เจ้าเด็กพวกนี้ไม่ใช่เล่น ชั้นกับหมายเลย 3 แพ้ไปแล้ว ตอนนี้หมายเลข 4 ไม่ยอมตอบกลับเลย ”
เสียงติดต่อดังขึ้นมาจากจี้ห้อยคอที่เป็น Note ของชายชุดดำ

“ ชิ..หรือว่า หมายเลย4 ก็เสร็จมันไปแล้ว ”
ชายชุดดำ สบถด้วยความเจ็บใจ

หวอออ! หวอออออออ!

“ เสียงไซเรน ตำรวจงั้นเรอะ ”
ชายชุดดำคิด ทันทีที่ได้ยินเสียง หวอของไฟสัญญาณจากรถตำรวจที่ดังแว่วมา

“ เสียงรถตำรวจ แสดงว่า เคียวจัดการกับคนที่ห้องควบคุมได้แล้วสิ ”
แอน อุทานด้วยความดีใจ ขณะที่ เชลโล Note ของเธอกลับคืนเป็น จี้ห้อยคอตามเดิม

/Get Call/
เสียงของ เชลโล ดังขึ้นก่อนที่สายการติดต่อจะถูกเปิดรับ
“ แอน เป็นยังไงบ้าง ทางนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว ทางเคียวก็จัดการคนที่ส่งคลื่นรบกวนได้แล้วล่ะ
เมื่อ กี้ เคียวติดต่อเข้ามาพ่อของ เธอไปตามตำรวจมาแล้วล่ะ ส่วน ชั้นกับชุติ ตอนนี้ไล่ตาม เจ้าชุดดำสองคนที่ แพ้ไปอยู่ ”
เสียงของ ธนัท ที่ติดต่อเข้ามาดังขึ้น จาก เชลโล

“ ทุกคนอย่าให้พวกหนีไปได้นะ เพราะพวกมันอาจเป็นพวก สมาคมลับก็ได้ ” 
เสียง เคียว ที่ติดต่อไปยังทุกคนดังขึ้นจาก Note ของ พวกเขาทุกคน

“ สมาคนลับ หมายถึงพวกเดียวกับที่ ภูเขา น่าจะเข้าไปสังกัดก่อนจะเริ่มการเล่นต้องห้ามนั่น น่ะเหรอ ”
เสียงของ ธนัท ดังขึ้นจาก Note ของแอน

“ ใช่ ไม่แน่นี่อาจเป็นการ แก้แค้นของ ภูเขา ที่แพ้นายก็เป็นได้ ”
เสียงเคียวตอบกลับมา

“ หมายความว่ายังไงกัน แล้วเจ้า ภูเขา มันรู้ได้ไงว่า ชั้นจะมาระยองเนี่ย ”
ธนัท ถามขึ้น

“ ไม่รู้สิบางทีมันอาจ จะไม่ใช่อย่างที่ชั้นคิดก็ได้ ”
เสียงเคียว ดังตอบกลับมา ขณะที่กำลังสนทนาอยู่นั้นเอง ชายชุดดำ ที่ดวลกับแอน ก็ได้คิดหลบหนีออกไป

“ อ๊าา..อย่าหนีนะ กีวี่ กระโจน ”
แอน ตะโกนจบ เจ้าลูกวาฬ ในสระ ก็กระโจน ตะครุบชายชุดดำจนตกลงไปในสระ
แต่ทว่าทันทีที่ ชายคนนั้นตกลงไปในน้ำ เขาก็สามารถว่ายไปขึ้นฝั่งได้อย่างรวดเร็ว

ทว่า ทันทีทที่ ชายคนนั้นจะวิ่งหนีออกไป จากลาน ประตูลานก็ถูกลูกกรง ปิดล้อมเอาไว้หมดทำให้ไม่มีทางหนี
เช่นกัน สองคน ที่กำลังหนี ธนัท กับ ชุติ ก็ถูกต้อนจนมุม ส่วนคนที่อยู่ในห้องควบคุมกับ เคียว ยังคงสลบอยู่
ตั้งแต่ตอนที่ เคียวติดต่อมาหาพวกเขา

“ ชั้นปิดสัญญาณเตือนแล้วก็จริงแต่ ยังไม่ได้ปลดล็อคลูกกรง หรอกนะ เพราะชั้นใช้ อินเตอร์โฟนที่ห้องนี้
เรียกให้พ่อของ แอน ไปพาตำรวจมา แล้วเปิดทางออกให้เขาออกไปเพียงคนเดียวเท่านั้นพวก แกหมดทางหนีแล้วล่ะ ”
เสียง ของ เคียว ดังออกมาจากลำโพงทุกตัวในอาคารและที่ลานแสดง

“ ยอดไปเลยจ้า เคียว เวรี่กู้ด(Very Good) ม้ากมาก ”
แอน กล่าวเสียงเหน่อๆ  แต่ทว่าทันทีที่ แอนมองไปยัง ชายชุดดำคนนั้น จู่ๆก็มี หญิงสาว ผมดำสวมชุดรัดรูปสีดำ เอาไว้ทั้งตัวและคลุมทับด้วยเสื้อกันลมสีชมพูม่วง กับกระโปรงสีชมพูม่วง อีกผืน โผล่ขึ้นมา


 
“ ค..ควีน ”
ชายชุดดำ ครวญเสียงอ่อย ขณะที่ มองหน้าของ หญิงสาวที่มาใหม่


“ น..นี่เธอเข้ามาทางไหนกัน ”
แอน กล่าว ขณะที่ วิ่งอ้อม จากด้านหลังเวที มา

“ ยกเลิกภารกิจ ถอนตัวได้ เดี๋ยวจะไปรับ หมายเลข 4 กับคนอื่นๆ เราต้อง ถอยก่อนที่ตำรวจจะมา ”
หญิงสาว กล่าวเสียงเรียบ ซึ่งชายชุดดำนั้นไม่กล้าขัดเลยแม้แต่ ได้แต่ยืนผงกหัวรับคำ แต่เพียงฝ่ายเดียว

“ โฟร์เต้ (Forte) เตรียมการเคลื่อนย้ายด้วยพลังจิต ”
/Ricevuto/(I[ภาษาอิตาลี]:รับทราบ)
หญิงสาว สั่งก่อนที่ Note ของเธอจะตอบรับและส่องแสงกระพริบขึ้น

“ อย่าหนีน้าาา ”
แอน ตะโกนเพื่อจะให้อีกฝ่ายหยุดขณะที่ วิ่งเข้าใกล้ไปเรื่อยๆ

/Telepotation/(เคลื่อนย้ายพริบตา)
สิ้นเสียงทุ้มแหลมของ Note ที่หญิงสาวใช้ พวกเขาทั้งสองก็ได้แว่บ หายไปต่อหน้าต่อตา ของ เธอ

“ ห..หายไปแล้ว ”
แอน อุทาน ขณะเดียวกัน พวกชุดดำคนอื่น ได้ถูกอะไรบางอย่างดึงแวบ หายไปในอากาศธาตุ พวกมันทั้งหมดหนีไปได้โดยไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย

“ นี่ แอน ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง ทางนี้พวกมันหนีไปแล้ว อยู่ๆก็หายไปเลย ”
เสียงของ ทุกคนที่ติดต่อเข้ามาถาม ดังขึ้นจาก เชลโล

“ อืม ทางนี้ก็หนีไปได้เหมือนกัน ”
แอน ตอบกลับขณะที่ เดิน ไปยังสระเพื่อที่ จะต้อนเจ้าลูกวาฬกลับเข้าไปในแทงค์น้ำ
ทว่าเธอก็สังเกตเห็นว่ามันคาบอะไรบางอย่างไว้ เธอจึงก้มลงดึงมันออกมาจากปากของเจ้าลูกวาฬ
ซึ่งก็ยื้อกับมันเล็กน้อยเพราะดูเหมือนเจ้าลูกวาฬ ไม่ค่อยอยากจะให้เธอเสียเท่าไหร่

แอน หยิบมันขึ้นมาดู มันเป็นบัตรโลหะสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก ที่มีตราอะไรบางอย่างสลักไว้ซึ่งถูกฟันของเจ้าลูกวาฬแทะไปเสียครึ่ง จนมองไม่ออกและมีตัวหนังสือเขียนอยู่ข้างใต้ที่ยังพอมองเห็นลางๆ เธอยกมันขึ้นมองผ่านแสงจันทร์

“ พวกมันทำ อะไรบางอย่างตกไว้ เป็นแผ่นโลหะ ประทับตราอะไรซักอย่างน่ะ ที่แผ่นมันเขียนว่า…
พา..  Paradiso da Regola  ”
แอน อ่านตัวหนังสือที่เขียนไว้บน แผ่นโลหะให้ทุกคน ฟัง

“ หลักเกณฑ์แห่งสวรรค์ Paradiso Da Regola ”
เคียวเปรย เสียงเรียบ ผ่าน Note ของเขาออกไป ท่ามกลางความเงียบเชียบของราตรี ที่วุ่นวายนี้

To be continue


เฮ้อ เสร็จไปอีกหนึ่งตอนเท่านี้ก็จบ Season แรกแล้ว เดี๋ยว
ตอนต่อไปก็จะเป็นการขึ้น Season ที่สอง
เป็นการเปิดตัวละครใหม่ ที่จะมาเพิ่มอีกโขยง รวมไปถึง
 เหล่า Paradiso da Regola คือใครกัน และเกี่ยวข้องยังไงกับภูเขาหรือไม่

องค์หญิงแห่งมังกรขาวคืออะไร การจุติของ เลราเย่ เมื่อหลายปีก่อนที่ ทำให้
ประเทศในเขต สหภาพโซเวียต ต้องล่มสลายไป จนเป็นเหตุให้ความขัดแย้งทั่วโลกยุติลงอย่างถาวร
คืออะไรกันแน่

ทั้งหมดนี้สามารถติดตามได้ใน Season ที่ 2

ว่าแต่รวม Icicle Hound 4 ใบเนี่ยยังกะ เอ็กโซเดียของ ยูกิ เลยกว่าจะรวมได้(ให้ถูกคือ กว่าจะเขียน
ให้รวมได้คิดตั้งนานจะหาวิธีไหนให้ เรียกออกมาแบบอีกฝ่ายไม่รู้ตัว)แทบลากเลือด

ตัวอย่างตอนต่อไป ยั่วน้ำลายเล็กน้อย

“ นี่รู้ไหม ตอนนี้เขาลือกันให้ทั่วแล้วนะ ว่าตอนกลางคืนที่โรงเรียนเรา มีผี ดูดเลือดออกอาละวาดน่ะ ”
“ รู้สึกว่าจะมีคนเห็นมนุษย์หมาป่า แถวๆตรอกซอย ด้านหลังโรงเรียนเราด้วยล่ะ ”
ข่าวลือเรื่องลึกลับในโรงเรียน ที่อยู่ๆก็แพร่สะพรัดขึ้น

“ เขาชื่อ เซนาคาว่า โคทาโร่ แม่เขาเป็นคนญี่ปุ่นน่ะฝากพวกเรา ดูแลเขาด้วยก็แล้วกัน ”
“ น..นายไม่ใช่คนเหรอเนี่ย ”
“ จะตกใจไปทำไมกัน ข้างหลังพวกนายก็ด้วยแหล่ะ ยัยนั่นน่ะ อยู่มากี่ร้อยปีแล้วล่ะ ”

ความบังเอิญที่เหมือนกัน(ตรงไหน)นวัตกรรมของโลกที่ก้าวล้ำหรือความผิดพลาดทาง พันธุเวศกรรม

ทุกอย่างนี้ติดตามได้ใน Sub-Turn 6 ชื่อตอนยังไม่บอกเพราะยังไม่ได้คิด เก็บไว้ยั่วเล่นๆเหอๆ


« Last Edit: December 26, 2008, 12:14:56 PM by greamon » Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #29 on: December 15, 2008, 03:58:36 AM »

หุหุ โผล่ออกมาแล้วสินะ ดูเอลดิสของ การ์ดซัม โฮ่ๆเดี๋ยว วาดรูปเสร็จแล้วมาเอาที่โรงอาหารพรุ่งนี้ด้วยเน้อ
ว่าแต่ตกลงจะทำจริงๆเหรอ ทาลิ ภาค 2 เนี่ย พวกลอว์เรนซ์ ฉันเขียนให้ตายหมดแล้วนา
จะต่อเรื่องอีท่าไหนง่ะ  อ้อขอตอบอีกคำถามที่ Boy คุงเคยถามมาด้วยละกันนะจ้ะ

ที่ถามว่า โปรเจ็คใหม่ตอนนั้นเกี่ยวกับหุ่นยนต์ล่ะก็อันนั้นไม่ใช่จ้ะ รูปข้างล่างนั่น เป็นรูปที่น้องของเจ็ เขาเอามาลงฝากไว้ในลายเซ็นพอดีช่วงนั้นเกมส์ที่ มันเล่นอยู่ มีกิจกรรมให้เอารูปภาพไปเลี้ยง(เรียกกันงี้เปล่า)โดยการให้คนมากด
ลงที่รูปแล้วจะได้1แต้ม พอสะสมครบมันก็จะซื้อหุ่นได้น่ะ แต่ตอนนี้หมดกิจกรรมไปแล้วล่ะ

ส่วนโปรเจ็คใหม่ในตอนนี้ เจ็ยังคงไม่มีกำหนดการลงน่ะจ้ะ (แต่คิดว่าคงไม่เขียนแล้วล่ะขอเป็นลูกมือเกรม่อนคุงดีกว่า ไม่ถนัดงานเขียนจริงๆ ดูอย่างตอนจบ Actor สิรวบจบสุดๆ)
Logged


Pages: [1] 2 3 ... 6  All
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.191 seconds with 20 queries.