Summoner Master Forum
April 26, 2024, 01:16:17 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: 1 2 3 ... 6 [All]
  Print  
Author Topic: (อวสาน)SUMMONER MASTER VR! Up Final Sub-Turn Let's Duel VR!! พิเศษตอนแถมทาลิ1  (Read 95796 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« on: November 06, 2008, 12:26:56 AM »

*เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมิได้เกี่ยวข้องกับความเป็นจริงแต่อย่างใดผู้อ่านโปรดใช้วิจารญารในการอ่าน
ป.ล.หากสร้างความเสียหายให้แก่ผู้อื่นกระผมต้องขอ อภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ *

ภาพการ์ดที่ปรากฏ ในเนื้อเรื่องนำมาจาก Summoner Database นะขอรับ

สารบัญ (คลิกที่ชื่อบทรอแล้วมันจะพาไปหน้านั้นกระทู้นั้นเลย)
Sub-Turn 1-5 หน้า 1

Sub-Turn 1 Let’s Duel (มาดวลกัน)
Sub-Turn 2 Ignite (ลุกโชน)
Sub-Turn 3 DEATH or ALIVE (ตายหรืออยู่)
Sub-Turn 4 The Enemy Appear (ศัตรูปรากฏตัว)
Sub-Turn 5 Paradiso da Regola (หลักเกณฑ์แห่งสวรรค์)

Sub-Turn 6-8

Sub-Turn 6  Terrific (เรื่องเล่าสยองขวัญ)
Sub-Turn 7  Partner & Synchronize! (คู่หู่และสายสัมพันธ์)
Sub-Turn 8 White Dragon Maiden (องค์หญิงแห่งมังกรขาว)

Sub-Turn 9-10

Sub-Turn 9 Knight Attack (อัศวินรุกคืบ)
Sub-Turn 10 ทัศนศึกษา Panic!!! (ทัศนศึกษาอลวล)

Sub-Turn 11-15

Sub-Turn 11 Panic! Panic!! & Panic!!! (อลวล! อลวล!! อลวล!!! วิกฤติแล้ว ซึนามิเข้า)
Sub-Turn 12 Card Hunt!! (ล่าการ์ด!!)
Sub-turn 13 Separate Way (ทางแยก)
Sub-Turn 14 Element Burst(ระเบิดพลังแห่งธาตุ)
Final Sub-Turn Let's Duel VR!! มาดวลด้วยกันเถอะ!!

Special List Tag

Legend Thaliwilya of the Arimathe  Special Turn  Bath, Jack Panic(คดียึดโรงอาบน้ำ)

ตอนที่1
ตอนที่2 คลิกแล้วเลื่อนลงไปอีกหน่อยจะเห็น
ตอนที่3 จบ

เรื่องสั้นความในใจของ ลอว์เรนซ์



แนะนำตัวละคร(คลิก)


บทนำ Summoner Master VR!(Visual Reality )

ในอดีตมีศาสตร์ต่างๆมากมายหลายแขนง ที่ทั้งมนุษย์คิดค้นขึ้นมาและไม่ได้คิดค้นขึ้นมา
โดยมีศาสตร์ใหญ่ๆอยู่2แขนงที่แบ่งศาสตร์ทั้งสองประเภทที่กล่าวไปเมื่อข้างต้น
ได้แก่เวทมนต์และวิทยาการศาสตร์ทั้ง สองชนิดนี้ขัดแย้งกันโดยเวทมนต์นั้นจะ
สร้าง มนต์เสน่ห์ ที่ไม่สามารถพิสูจน์ออกมาได้ส่วนวิทยาการนั้นจะสร้างเสริมความเจริญ

ทางวัตถุซึ่งพิสูจน์ได้นั้นเพราะ เวทมนต์ จะสร้างเสริมหรือสลายความเจริญทางจิตใจซึ่งจิตเป็นสิ่ง
ที่ไม่อาจจับต้องได้เหมือนกับเวทมนต์ที่เราไม่อาจเห็นมันได้แต่
วิทยาการจะสร้างเสริมหรือสลายความเจริญ ทางวัตถุซึ่งวัตถุนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้าง

จึง จับต้องได้ ศาสตร์ทั้งสองนี้ขัดแย้งกันไม่ สามารถเข้ากันได้ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นแต่ ทว่าในอดีตได้มีผู้ที่คิดจะรวมเอาสองศาสตร์นี้เข้าด้วยกันแต่การเอาสิ่งที่ ขัดกันมารวมกันมันก็จะต่อต้านกัน
ในความกลมกลืนที่เราเห็นนั้นอาจมีความขัดแตกแยกกันซ่อนอยู่และจะก่อให้เกิดความหายนะ
อันที่จริงสิ่งเหล่านี้ก็มีให้เห็นโดยทั่วไปการรวมศาสตร์เวทกับวิทยาการเข้าด้วยกัน

เช่น การทำนายการพยากรณ์ต่างๆซึ่งก็คือการพยากรณ์อากาศ ทำนายดวงชะตา และสิ่งเหล่านี้ก็คือการนำสองศาสตร์มารวมกันการพยากรณ์อากาศที่ ทำนายได้ด้วยเครื่องจักรที่เกิดจาก วิทยาการและการทำนายได้ถูกราวกับมีเวท มนต์หยั่งรู้การทำนายดวงชะตาก็เช่นกันมีบ่อยครั้งไปที่มีการดูดวงชะตาจาก อินเตอร์เน็ตแต่ทว่าการขัดแย้งที่
ฝังอยู่ในศาสตร์นี้ก็สร้างความเสียหายเช่น กัน เพราะศาสตร์ที่เกิดจากเวทมนต์วิทยาการ รวมกันดังข้างต้นนั้นนั้น

เรียก ศาสตร์การทำนายแต่ศาสตร์นี้มีความขัดแย้งอย่างกล่าวไปจึงเกิด ผิดพลาดขึ้นได้ และการนำศาสตร์นี้ไปใช้
ในทางที่ผิดก็จะก่อให้เกิดความหายนะ แต่ทว่าก็ยังมีประโยชน์บ้างเช่นกัน การ
รวมศาสตร์ที่ว่านี้ไม่ได้จำแนกว่าจะได้ออกมาแค่ศาสตร์เดียวยังได้อีกมาก เร่งเวลาไปจนถึงยุคนี้ยุคที่
เวทมนต์กับวิทยาการรวมกันและกลายเป็นเกมกีฬาอย่างหนึ่ง เกมส์ นั้นคือ Summoner Master...


กรุงเทพ พ.ศ. 2700


“ เอาล่ะฉันขอบุกด้วย Ishan ลุย ”
เสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น มาจากกลุ่มเด็กที่ลุมล้อมอยู่รอบๆโต็ะที่มีลายตารางกว้างๆตีพาดอยู่บนโต็ะและ
มี การ์ดที่เป็นอุปกรณ์สำหรับแข่งขันกันในเกมส์ การร่ายอสูรวางอยู่บนตารางและมี สัตว์ประหลาดนักรบมากมายสู้กันอยู่ ที่สองฝั่งของโต๊ะมีเด็กชายกับเด็กสาว
กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่โดยที่เด็กหญิงมีสีหน้าลำบากใจแสดงออกมาเล็กน้อยและครุ่นคิดหาวิธี
ต่างๆนานาอยู่ผิดกับเด็กชายที่กำลังยิ้มอย่างได้ใจ

“ โอย อย่างนี้ฉันก็แย่สิเธอเล่นโจมตีซะฉันตั้งตัวไม่ทันเลยนะ ธนัท ”
เด็กสาวพูดอย่างหัวเสียที่ถูกต้อนจนจนมุม

“ ยังไงซะเธอก็แพ้ฉันแล้วล่ะเพราะตอนนี้เธอหรือไชน์แม็ก( Shine max )ของเธอแค่ 1 เลเวลเท่านั้น ”
เด็กชายที่เด็กสาวเรียกว่า ธนัท พูดอย่างมั่นใจพร้อมกับหยิบ การ์ดที่แพ้ออกจากสนาม

“ เอาล่ะหมดรอบของเธอแล้วตาฉันเทินร์ขอปิด เกมส์ด้วย Ash Dragon ลุยเลย ”
สิ้นเสียงของ ธนัท นักรบขนาดเล็กที่ยืนอยู่บนการ์ดก็เข้าโจมตีใส่หุ่นรูปไก่ ที่บนการ์ดเขียนว่า
Cocka-c

“ หว้าฉันแพ้อีกแล้วอะ ”
เด็กสาวพูดน้ำเสียงน้อยใจ

“ เอาน่า ชุติ ยังไง ธนัท มันก็เก่งอยู่แล้วธอก็รู้นี่ ”
เด็กชายอีกคนที่มีอายุเท่ากับพวกเขาพูดอย่างอารมณ์ดี

“ แหม เคียว ก็ฉันอยากชนะเขาบ้างนี่ ”
ชุติ พูดอย่างหัวเสียนี่นับเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เธอแพ้ เด็กชายที่อยู่ตรงหน้ามา ถึงได้ทำให้เธอหัวเสียขนาดนี้
คงไม่ต้องพูดถึง ความชำนาญของ เด็กชายที่ยืนประจันกับเธออย่างแน่นอน

[Data: ด.ญ. ชุติการ โพธิ์ทอง ชื่อเล่น ชุติ  Age:14 Year  Deck: สำรับประกอบธรรมดาสายแสงสว่าง ]



[Data: ด.ช. ธนัทธาทิเวศ จงกลาง ชื่อเล่น ธนัท Age: 14 Year  Deck:สำรับ ราชันย์มังกรอัคคี ]



[Data: ด.ช. วัชรพงศ์ สายตรงจิต ชื่อเล่น เคียว Age: 14 Year  Deck: ? ]





Sub-Turn 1 Let’s Duel

กลุ่มเด็กสิบกว่าคนที่รุมล้อม โต๊ะส่งเสียงดังแผดจ้าไปทั่ว สนามเด็กเล่นที่มีสไลเดอร์และกระบะขนาดใหญ่ที่บรรจุทราย
ไว้ สำหรับให้เด็กเล็ก เล่นที่โต๊ะเหล่าเด็กๆกำลังดวลร่ายเวทย์กันอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่าเด็กๆทุกคนกำลังจะมาเออออกันอยู่ที่โต๊ะเพียงอย่างเดียว แต่ทว่ากลับมีเด็กหนุ่มคน หนึ่งที่อยู่นอกวงเด็กคนนั้นนั่งอ่านหนังสือที่ หน้าปกเขียนว่า wiser อยู่บนชิงช้าที่ส่งเสียง เอี๊ยดอ็าด
จากการที่เขาแกว่งตัวไปมา  เมื่อ ธนัท ดวลกับชุติการเสร็จแล้วถึงพึ่งสังเกตเห็นเด็กคนนั้น

“ เฮ้ไม่มาเล่นด้วยกันเหรอ ”
ธนัท ตะโกนเรียกเด็กคนนั้นแต่เด็กคนนั้นก็ไม่หันมามองเอาแต่นั่งเงียบอ่านหนังสืออยู่เหมือนเดิม
แต่ทว่าไม่ใช่แค่เด็กคนนั้นเท่านั้นที่นั่งเงียบไป เด็กทุกๆคนรอบโต๊ะก็เงียบไปเหมือนกัน
ธนัทเองก็พึ่งจะรู้สึกตัวว่ามันแปลกๆไปจึงหันไปถามเคียว

“ นี่เคียวฉันพูดอะไรผิดเหรอ ”
ธนัทถามแต่เคียวเองก็ส่ายแล้วตอบกลับว่า

“ ไม่รู้สิ ”
ทันทีที่เคียวพูดจบชุติการก็เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

“ แต่ฉันรู้นะฟังจากพวกเด็กแถวนี้น่ะ ”
ชุติการพูดจบธนัทก็รู้สึกงุนงง

“ แล้วเค้าว่าไงบ้าง ”
ธนัทถามต่อ

“ เห็นเขาว่าพี่คน ที่นั่งอยู่นั่นน่ะเป็นแชมป์การแข่งขันมาหลายรายการแล้ว น่ะใครแข่งกับเขาก็แพ้แบบไม่เป็นท่าเลยสุดท้ายก็เลยไม่มีใคร ดวลด้วยน่ะสิ ”
ชุติการกระซิบข้างหูของธนัทกับเคียว

“ อ๋อประมาณว่าเก่งเกินไปสินะ ”
ธนัทพูดด้วยน้ำเสียงเข้าใจขึ้นมาทันที

“ อือในเมื่อเธอรู้แล้วก็………….. ”
ชุติการพูดยังไม่ทันขาดคำ ธนัท ก็เดินไปหาพี่ชายคนนั้นทันทีทำให้เธอถึงกับเซ ถลาไปเลย

“ อ้าวพึ่งบอกไปหยกๆไม่ฟังกันเล้ยยยย ”
ชุติการพูดน้ำเสียงเหนื่อยใจ

“ เอาเถอะน่ายังไงซะให้เขาเจอดีซะ บ้างก็ดีนะอีกอย่างเธอก็อยากเห็นเขาแพ้เหมือนกัน
ไม่ใช่เหรอเพราะว่าจะว่าไปแล้วหมอนั่นเองก็ไม่เคยแพ้ใครเหมือนกัน น่าดูแน่แมทนี้ ”
เคียวยิ้มอย่างพอใจชุติการเองก็เห็นด้วย


“ เฮ้! พี่ชายมาเล่นกันหน่อยสิเห็น พวกนั้นบอกว่าพี่เก่งนี่นาอยากสู้กับคนเก่งๆอย่างพี่มานานแล้วช่วยเป็นคู่มือให้ผมหน่อยสิ ”
ธนัทพูดอย่างมั่นใจพี่ชายคนนั้นหันมามอง

“ ท้าดวลเรอะฮึน่าสนุกดีนะ ไม่ได้ดวลมานานแล้วมือไม้มันชักจะแข็งไปหมดแล้วสิงั้นก็เอาสิ ”
พี่ชายคนนั้นลุกขึ้นจากชิงช้าทันทีที่เขาลุก ธนัท จึงเห็นว่าพี่ชายคนนี้ตัวสูงมากกว่าเขาและดูน่าสะพรึงกลัวอย่าง
ที่สุด
แล้วทั้งสองก็ เดินไปที่โต็ะและเริ่มหยิบสำรับไพ่ขึ้นมาแล้วก็แลกกันสลับแล้วส่งคืนให้กันแล้วจึงเริ่มดวล

“ ฉันเริ่มก่อน ”
พี่คนนั้นพูดซึ่ง ธนัท ก็ไม่ได้สนอะไรนัก

“ ขอเปิดเกมส์ด้วย Alkira, the Wood Witch ลงสู่ At line(ต่อไปย่อเป็น al) ”
สิ้นคำพูดของพี่คนนั้นเขาก็นำการ์ดที่มีรูป แม่มดสาวเข้ามาวางไว้ที่สนามด้านหน้าทันใดนั้นแสงสีน้ำตาล
ก็ส่องประกายออกมาจากการ์ดใบนั้น และจางลงพร้อมการปรากฏตัวของแม่มดสาวขนาดเล็ก ในชุดสีน้ำตาล
ยืนอยู่บนไพ่ที่ถูกส่งไปทุกคนโดยรอบไม่มีใครตกใจ ต่อเหตุการณ์นี้เพราะพวกเขาต่าง ก็เคยเห็นมันมาก่อนแล้ว



“ อ...นั่นมัน การ์ดโปรโมชั่นนี่ ”
ธนัทมีสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที

“ โหเปิดเกมส์มาก็ใช้โปรโมชั่นการ์ดเลยเหรอเนี่ย ”
เคียวถึงกับอึ้งไปเพราะการ์ดโปรโมชั่นนั้นสำหรับพวกเขาที่ไม่ค่อย
ได้ร่วมงานแข่งขันย่อมไม่สามารถหาการ์ดโปรโมชั่น
ที่จะได้จากการแข่งขันเท่านั้นมาครอบครองได้นอกจากการซื้อด้วย
ราคาที่แพงสำหรับพวกเขาที่ยังเด็กและมีรายได้น้อย

“ และส่ง Volcanic Demon สองตัวลงสู่  Df  line (ต่อไปย่อเป็น dl) ผ่าน ”
หลังจากที่พี่คนนั้นพูดจบก็ลงกาาร์ดที่มีรูปปีศาจสีแดงถือเคียวอยู่ลงมาสองใบและเกิดเป็นปีศาจขนาดเล็กสีแดงสองตัว
และก็ถึงตา ธนัท ลงการ์ดบ้าง



“ เชอะอย่าคิดนะว่าจะใช้โปรโมมาขู่ให้ชนะน่ะถึงจะเป็นโปรโมชั่นการ์ดก็เถอะแต่นี่มันก็เก่ามากแล้วลองเจอนี่เข้าไปหน่อยเป็นไงฉันขอจ่าย mp 3 เพื่อลง Archaic Viper ไว้ที่ Al ”
เช่นกันเมื่อ ธนัท ลงการ์ดไปในสนามก็เกิดแสงสีแดงส่องประกาย
ออกมาพร้อมกันเมื่อแสงจางลงก็ปรากฏตัวงูสามหัวกายสีแดง ขนาดเท่ามือซึ่งถือว่าใหญ่กว่าเหล่า ซีล ที่อยู่ด้านโน้นมาก



“ Cost Mp 1โจมตีเลย อาคาอิกไวเปอร์และให้มันติด Last Dance Curse ”
สิ้นคำของธนัทเจ้างูตัวนั้นก็เข้าโจมตีใส่แม่มดสาวอย่างบ้าคลั่ง

“ Cost Mp 2 Houdini ”
พี่คนนั้นพูดจบก็วางการ์ดที่มีรูปชายสวมหน้ากากห้อย หัวลงและทันทีที่การ์ดแตะถูกสนามแสงสีเทาก็ส่องออกมา
และจางลงพร้อมกับชายที่อยู่ในการ์ดปรากฏขึ้นมาในลักษณะ กลับหัวลงขณะที่มีโซ่คล้องขาอยู่ทันใดนั้นโซ่ก็คลายออก
จากขาเหมือนมีชีวิตเข้าไปมัดร่างเจ้างูไว้



“ Cost Mp 2 Holy Player ทำลายมิสติกการ์ดชนิด PSซะ ”
ธนัทกล่าวจบก็ส่งการ์ดที่มีรูปนักบวชหญิงกำลังภาวนาอยู่ออกมาและนักบวชหญิงองค์นั้นก็ปรากฏออกมาจากการ์ดแล้วเริ่มสวดภาวนาก็เกิดแสงสีขาวพุ่งตรงไปทำลายโซ่จนพัง

“ Cost Mp 5 สกิล Blood Moon Garuda Sacrifice (บูชายัญ)เป้าหมายการโจมตีของ
อาคาอิคไวเปอร์ ซึ่งนั่นคืออากิร่าแล้วจงมอบความตายแก่มันซะ ”
พี่คนนั้นพูดแล้วก็นำการ์ดอากิร่าลงไปยังไชน์(สถานที่เก็บการ์ดที่หมดพลังแล้ว)แล้วลงการ์ดที่รูปครุฑกายสีดำ
อยู่มาเกิดแสงสีดำพร้อมกับหมอกสีดำทมึนลองเคว้งอยู่บนโต็ะพร้อมกับ

พระจันทร์ สีแดงเหมือนเลือดซึ่งมีขนาดเล็กลอยอยู่พร้อมกับเงาสีดำที่พุ่งออกมาจากร่างของ
อากิร่าที่ค่อยๆสลายไปพุ่งเข้าตัดร่างของอาคาอิกจนขาดและ
สลายไปเงานั้นกลับมายังสนามฝั่งพี่คนนั้น



“ อาคาอิกของนายโดน Death Curse ต้องลงไปยังไชน์ ”
พี่ชายคนนั้นพูดหมอกที่ออกมาจากการเรียก บลัดมูนการูด้า ทำให้เขาดูน่ากลัวยิ่งขึ้น


“ หนอยไม่มี mp พอจะใช้การ์ด งั้นลง Ash Dragonไว้ที่  Dl ผ่าน ”
ธนัทพูดอย่างหัวเสีย
เมื่อถึงตาอีกฝ่ายจึงจั่วการ์ดมิสติก ขึ้นมาอีกสองใบรวมกับซีล
และมิสติอีกอย่างละใบบนมือทำให้มีไพ่สี่ใบมิสติกสามซีลหนึ่งใบ

[ Hand Sta: Seal:1 Mystic:3 ]



“ ไม่มี mp จะเล่นในเทิร์นนี้ ให้ บลัดมูนรวมร่างกับโวลคานิกเดม่อนแล้วผ่าน ”
พี่ชายคนนั้นพูดจบ บลัดมูนการูด้า กับ โวลคานิกเดม่อน ก็เดินเข้า หากันและสลายตัวเองรวมเข้าด้วยกันกลายเป็น
ครุฑสีดำปีกสีแดง หอกกับเคียวของทั้งสองรวมกันกลายเป็นเคียวสองแฉกแยกจากกัน
ทั้งหัวทั้งปลายสีแดงถูกควงอยู่

“ อึกจะทำยังไงดีเขาเก่งเกินไป ”
ธนัท พูดน้ำเสียงสั่นเพราะบัดนี้ดวงจันทร์สีแดงที่ลอยอยู่มันกลับแดงมากขึ้นจนตอนนี้มีเลือดไหลย้อย
อาบลงบนพื้นโต๊ะและเคียวของ บลัดมูนทำให้เขากลัวจนตัวสั่น

“ นี่ๆดูนั่นสิภูเขาแข่งอยู่กับธนัทล่ะ ”
เด็กชาย สองคนที่มาใหม่พูดขึ้นเมื่อเคียวกับชุติการได้ยินทั้งสองก็หน้าซีดเผือดทันที

“ ฮะๆๆเมื่อ..เมื่อกี๊เขาพูดว่าอะไรนะ ”
เคียวพูดเสียงตะกุกตะกักขณะหันไปหาชุติการ

“ ฮะๆเขาบอกว่าคนที่กำลังดวล กับ ธนัท คือภูเขาแชมป์งานแกรนทัวร์สามน่ะฮะๆ ”
ชุติการพูดจบทั้งสองก็หันกลับไปมองธนัท

“ เฮือก ”
ทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกันเมื่อสนามที่ตอนนี้บรรยากาศ แทบจะไม่ต่างกับป่าช้า และร่างของธนัทที่แข็งทื่อไปแล้วเพราะความกลัว

“ นายน่ะประมาทฉันเกินไป ”
ภูเขาพูดด้วยเสียงที่เย็นสะท้านเข้าไปในหัวใจ

“ ประมาทเกินไปฉันเนี่ยนะ ”
คำพูดเดียวที่ดังออกมาก่อนที่ ใจของเขาจะตกเข้าไปในความดำมืดอันน่าสะพรึงกลัว

« Last Edit: June 08, 2009, 01:05:12 AM by greamon » Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #1 on: November 06, 2008, 12:37:41 AM »

เห็นภาพตาม

สนุกดีๆ

แข่งกันดูเอลไปเรื่อยๆ 
Logged


shuresharn
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 73


« Reply #2 on: November 06, 2008, 02:25:41 AM »

เจ๋งดีครับ ให้ความรู้สึกเหมือนยูกิเลย แต่ของเราดีกว่าอยู่แล้น 

เป็นกำลังใจให้ครับ

ปล. อยากให้เปลี่ยนตอนการ์ดลงไชน์เป็นแบบเท่ๆหน่อยอ่ะครับ หยิบลงมันไม่ค่อยอลัง 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #3 on: November 07, 2008, 10:51:45 PM »

Sub-Turn 2  Ignite

ตอนนี้ บรรยากาศรอบโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว หมอกสีดำกระจายฟุ้งไป
ทั่วทั้งสนาม หลังของ ธนัท ตอนนี้เย็นวาบไปถึงกระดูก
บัดนี้ใจของเขาจมดิ่งลงไปในความมืดมิดอันน่าสะพรึงกลัว ความหวาดกลัวเข้า

ถาโถมใส่เขาราวกับตกนรก ในตอนนี้นั้นใจเขาคิดอยากจะหนีจากโต๊ะ
แต่ขาของเขากลับหนักอึ้งจนไม่อาจที่จะขยับได้ เคียวกับชุติการเห็นเช่นนั้น
ก็เริ่มกังวลแล้ว เพราะมีข่าวลือว่าหลังจากที่ภูเขาเป็นแชมป์โลกซัมมอนเนอร์

และได้ไต่ระดับจนไปถึงระดับที่เรียกว่า เจ้านักร่ายอสูน(Summoner Master) แล้ว
แต่พอเข้าสู่งานแข่งระดับโลก Grand Tounamentที่ 4 เขาก็เปลี่ยนไปหลัง
จากพ่ายแพ้ให้แก่แชมป์คนใหม่แถมยังได้กลายเป็นแชมป์ 2 ปีซ้อน

อีกตะหาก หลังจากที่ ภูเขา เสียตำแหน่งแชมป์ก็เป็นจุดเริ่มต้นของข่าวที่ว่า
เขาไปสังกัดกับผู้เล่นการ์ดกลุ่มหนึ่ง และเริ่มต้นการเล่นอันน่าสะพรึงกลัว
ใครที่เล่นกับเขาต้องเป็นอันหวาดกลัวจนถึงกับเป็นบ้าไปก็มีโดยเฉพาะพวกที่
จิตไม่แข็งพอ

“ เอ้า ตานาย เทิร์น แล้วนะ ”
ภูเขาพูดแววตาของเขาตอนนี้ดูดุดันและน่ากลัวกว่าตอนแรก ร่างของเขา

ถูกหมอกกลืนกินจนเหมือนกับจะหายไปกับหมอกนั่นเหลือไว้ให้เห็นเพียง
สายตาอันน่ากลัว

“ ธนัทตาเธอแล้วนะ ”
ชุติการบอกทำให้ ธนัท เรียกสติกลับมาสจาก พวัง ได้และเริ่มเล่นต่อ เขาดึงการ์ดจากสำรับมา
2 ใบเป็นมิสติกทั้งหมด 

[ Hand Sta: Seal: 3 Mystic:3 ]


“ เอาล่ะรอบของฉัน Cost mp 4 เพื่อเรียก Salamandera ออกมาที่ Al ”
ทันทีที่ ธนัท วางการ์ดที่มี รูปมังกรซาลามันเดอร่าสีแดง ลงบนสนามก็เกิดแสงสีแดงวาบ
อีกครั้งและมีควันสีแดงที่ร้อนผ่าวพวยพุ่งออกมาก็จะถูกสายลมจากกระพือปีก
ของเจ้ามังกรแดงร่างยักษ์ที่ปรากฏตัวออกมาหลังจากแสงจางลง

แรงลมพัดเอาหมอกสีดำออกไปด้วยจึงทำให้สนามกลับเป็นเหมือนเดิม
ความกลัวในใจ ธนัท ที่มีอยู่เมื่อครู่ก็จางหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ตอนนี้เขารู้สึกมีกำลังใจขึ้นบ้าง



“ และให้ซาลามันเดอร่า รวมร่างกับแอชดราก้อนที่ Dl พร้อมกับ Cost mp อีก1เพื่ออัญเชิญ Salamandery doll ไว้ที่ Dl อีกตัว ”
สิ้นคำของ ธนัท มังกรแอชดราก้อนที่อยู่ด้านหลังก็
พุ่งขึ้นไปเกาะบนหลังของ ซาลามันเดอร่า และซึมซับของไปในร่างของ ซาลามันเดอร่า
แล้วในทันทีที่แอชดราก้อนเข้าไปอยู่ร่าง ซาลามันเดอร่า ร่างของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อย
หลังจากนั้นจึงลง การ์ด ที่มีรูปตุ๊กตามังกรซาลามันเดอร่าตัวจ้อย ลงไปบนโต๊ะ

เกิดแสงสีแดงวาบขึ้นบน การ์ดก่อนที่ ตุ๊กตาเลียนแบบ ซาลามันเดอร่า ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า เจ้ามังกรยักษ์ตัวจริงที่อยู่ตรงหน้า จะออกมานอนแหมะอยู่ บนแนวหลัง



“ เอาล่ะทีนี้แผนการ ที่คิดจะใช้สนามทำให้ฉันสติแตกก็หมดไปแล้วต่อไปนี้ตาฉันเอาคืนบ้างล่ะรอบนี้ขอผ่าน ”
ธนัท พูดจบ ภูเขาก็จั่วซีล มาจากกองสองใบ
 
[ Hand Sta: Seal:3 Mystic:3 ]


“ หึๆๆฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ”
ภูเขาหัวเราะด้วยความสะใจทำให้ ธนัทโกรธจนมือสั่น

“ มีอะไรน่าขำ ”
ธนัท ตะคอกใส่ด้วยความหัวเสียมือก็ทุบโต๊ะลงไปอย่างแรง
จน ภูเขาหยุดหัวเราะ

“ ยังไม่รู้ตัวอีก เรอะว่าตัวเองน่ะ เดินหมากผิดซะแล้วน่ะ ”
ภูเขาพูดเสียงเย็นสายตากลับมาดูน่าเกรงขามเช่นเดิม

“ ผิ…ผิดตรงไหน ”
ธนัท พูดตะกุกตะกักด้วยความกังวลว่าตนเดินผิดตรงไหน

“ อะไรกันการ์ดนายเองแท้ๆกลับไม่รู้ซะนี่งั้น ก็ลองอ่านAbilityของ
ซาลามันเดอร่า แล้วเบิ่งตาดูพื้นที่ซะหน่อยสิ ”
ภูเขาโต้กลับ ธนัท มีสีหน้างง ๆเพราะไม่รู้ว่าภูเขาหมายถึงอะไร

“ หรือว่า ธนัท นี่นายไม่ได้อ่านรายละเอียดการ์ดตอนใส่ลงไปในสำรับเลยใช่มั้ย ”
เคียวมีสีหน้าวิตกขึ้นมาทันที

“ หมายความว่ายังไงน่ะเคียว ”
ชุติการถามเคียวด้วยความตกตะลึงในเรื่องที่ยิน

“ คือว่าเรื่องมันเกิดขึ้นที่ร้านการ์ดเมื่อเช้าน่ะ ธนัท เปิดซองน่ะ ”
เคียวนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าที่ร้านขายการ์ดฝั่งตรงข้ามโรงเรียน
มีป้ายชื่อร้านเขียนว่า ร้านการ์ดเกมส์ KORO KRO ธนัท อยู่ในร้านมือขวาถือกรรไกร
มือซ้ายถือซองการ์ดซัมมอนเนอร์ชุด D4K อยู่


“ เร็วสิเร็วๆสิ ”
เคียว จ้องมองซองการ์ดในมือธนัทที่ค่อยถูกกรรไกรตัดอย่างบรรจงจนขาดออกจากซอง
ธนัทเลียริมฝีปากที่แห้งผากเพราะความตื่นเต้นหน้านิ่วคิ้วขมวด
ทันทีที่ธนัทหยิบการ์ดจำนวนสิบใบออกมาจากซอง
ตาของเขาลุกเบิกกว้าง

“ เย้ ฉันได้ซาลามันเดอร่าแล้ว โห!ค่าพลังใช้ได้เลยนะเนี่ยยัดใส่สำรับซะเลย ”
ธนัท พูดจบก็หยิบสำรับไพ่ขึ้นมาแล้วจัดแจงใส่มันลงไปในสำรับแล้วก็ก้าวขาเดิน
เพื่อจะออกจากร้าน

“ เดี๋ยวสิ ”
เคียวพูดทำให้ ธนัท หยุดเดินแล้ว หันมาถาม

“ มีอะไรเหรอ ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัยที่อยู่ๆเคียวก็ทักขึ้นมา

“ นายจะไม่อ่านรายละเอียดการ์ดหน่อยเหรอ ”
เคียวตอบแต่ ธนัท ก็เดินจากไป

“ เดี๋ยวค่อยอ่านก็ได้ ”
ธนัท พูดจบก็เดินออกจากร้านไป

“ นี่แสดงว่า ธนัท เปิดซองเสร็จได้ Rare ก็จัดยัดใส่ สำรับ แล้วก็ไม่อ่านอะไรเลยเนี่ยนะ ”
ชุติการ พูดสีหน้าประหลาดใจสุดๆ

“ เฮ้อ ยังงี้ ก็ขึ้นกับเขา แล้วล่ะนะว่าเขาใส่การ์ดที่พี่สาวเขาให้ในวันเกิดไว้ด้วยรึเปล่าแค่นั้นแหละ ”
เคียวเอ่ยขึ้นลอยๆ

“ แล้วตกลงฉันพลาดอะไรเหรอ! ”
ธนัท ตะโกนเสียงดังทำให้ทั้งสองหันกลับมาสนใจการแข่งของ ธนัท

“ อะ..เอ้อ ลืมไปเลยแหะ เอาล่ะๆ จะบอกเดี๋ยวนี้แหละซาลมันเดอร่าน่ะมีสองอบิลิตี้ข้อดีหนึ่งข้อ ข้อเสียหนึ่ง ”
เคียวอธิบายแต่ ธนัท ก็ยังมีสีหน้างุนงงอยู่ดี

“ แล้วมันพลาดตรงไหนล่ะ ”
ธนัท พูดกระแหน่ะแหน

“ ก็คือว่า ซาลามันเดอร่า เนี่ยจะมี AT เพิ่มตามจำนวนซีลที่ Al ของฝ่ายเจ้าของและ AT จะลดลงตามจำนวนซีลใน Al ฝ่ายตรงข้าม ”
เคียวพูดอย่างช้าๆเพื่อให้ ธนัท เข้าใจ

“ ถ้างั้นซาลามันเดอร่าฉันก็มี At 12 น่ะสิ ”
ธนัทพูดด้วยน้ำเสียงลิงโลด

“ ใครบอกนายเล่าว่า At มัน 12! ”
ชุติการตะคอกเสียงดังใส่ ธนัท จนเขา เซถลา

“ แล้วมันยังไงอ้ะ ”
ธนัท ตะโกนอย่างหัวเสียที่ถูกมอง ว่าสะเพร่าไม่อ่านการ์ดในสำรับให้แตกฉานซะก่อน

“ ก็เพราะว่าในสนามฝั่งอีก ฝ่ายมี บลัดมูนอยู่ ใบหนึ่งท่าหักลบกับซาลามันเดอร่าในสนามนายก็เหลือ 11 เท่าเดิม น่ะแหละอีกอย่างนายให้ ซาลามันเดอร่ายืน Al อยู่ตัวเดียวถ้าฝ่าย โน้นเปลี่ยนไลน์มาอยู่ Al หมดเท่ากับว่าซาลามันเดอร่าของนายจะเหลือพลังแค่ 10 จุดเท่านั้นซึ่งหากเขาหาทางให้พลังของเขาเหนือกว่านั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ ”
คำพูดของเคียวทำให้สีหน้าของเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
จากที่มีกำลังใจจาก การเรียกตัวเป้งของสำรับออกมา ได้กลับกลายเป็นเสี้ยนตำตัวเองแทนซะนี่กระไร

“ เฮอะไม่อยากเชื่อนี่ฉันมา ดวล กับคนที่ไม่เคยแม้แต่จะอ่านการ์ดที่จะใช้ให้แตกฉานซะนี่ ”
ภูเขากล่าวเยาะเย้ยมาทำให้ ธนัท หันมา ภูเขามองเขาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม

“ เอาล่ะเกือบลืมแน่ะนี่ตาฉันนี่ ฉันขอนำ โวลคานิกเดม่อน ไปที่ Al ทีนี้ พลังของซาลามันเดอร่านายก็ลดลง 1 จุดแล้ว ”
ภูเขาพูดสายตายังคงจ้องมอง ธนัทอยู่ไม่ขาดสาย

“ ละ..แล้วยังไงล่ะถึงจะลดได้พลังเราก็ยังห่างกันอีกตั้งจุดท่านายจะลงซี ลเพิ่มเพื่อลดพลังของฉันนายก็ต้องเสีย mp เพิ่มนะและนั่นก็จะทำให้โอกาสใช้การ์ดแก้ของนายหมดไปด้วย ”
ธนัท แย้งแต่ภูเขาไม่สะทกสะท้านสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม แล้วในที่สุดเขาหลับตาลงแล้วหยิบ ซีล ใบหนึ่งจากมือก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ

“ ถูกของนายถ้าหากฉันลงซีลเพิ่มฉันก็ต้องเสีย mp จริงอยู่ แต่ท่าหากฉันมี ซีล ที่สามารถเรียกพวกออกมาได้ในคราวเดียวเยอะๆล่ะ ”
ภูเขาพูดจบนัยน์ตาของ ธนัท ก็เบิกกว้างขึ้นใจเต้นรัว
ด้วยความกลัวอีก ครั้งทั้งที่เขาพึ่งสลัดมันหลุด
ไปเมื่อครู่เริ่มเข้าถาโถมใส่เขาอีกครั้ง

“ แล้วตอนนี้ไพ่ที่ว่าก็มาอยู่บนมือฉันแล้วฉัน Cost mp 2 ลง Aerial Mongose ”
ภูเขาพูดจบก็ลงการ์ดที่มีรูปสัตว์ประหลาดสีเขียวลงไป
ทันทีที่การ์ดลงบนพื้นโต๊ะก็เกิดแสงสีเขียวสว่างวาบขึ้นมา
พร้อมกับลมหมุนเบาๆปรากฏร่างของสัตว์ประหลาดกายสีน้ำตาลอมเหลือง
มีขนปกคลุมมีปีกคล้ายค้างคาวลอยอยู่



“ เอ๋ อะไรเนี่ย ซีล ตัวเนี้ย ”
ธนัท พูดด้วยความแปลกใจ

“ ทันทีที่อัญเชิญ เอเรียลมันกูซ เจ้าของ จะได้เปิดกองการ์ดซีลสามใบบนและหากในสามใบนั้น
มี เอเรียล อีกก็สามรถนำมันลงสนามได้ด้วย ”
เคียวอธิบายทำให้ ธนัท ถึงกับอึ้งไปเลย

“ เอาล่ะฉันจะเปิดล่ะนะ ”
ภูเขาพูดจบก็ลงมือเปิดกองไพ่สามใบบนกองไพ่ซีล

“ โอ็ะโอดูท่าว่าโชคจะเข้าข้างฉันนะ ”
ภูเขาพูดจบก็หัวเราะอย่างสะใจในความโชคดีของตน

“ ฉันขออัญเชิญ เอเรียลมันกูซ สองใบแล้วเปิดอีกครั้งก็ได้อีกใบลงใบที่สามทั้งหมดไว้ที่ Al  ”
สิ้นคำของภูเขาเหล่าสัตว์ประหลาดตัวน้อยพุ่งออกมาจาก
การ์ดแล้วบินว่อนอยู่บนโต๊ะ ถึง 4 ตัวด้วยกัน

“ ทีนี้ซาลามันเดอร่า ก็เหลือพลังเพียง 6 จุดเท่านั้น Cost  mp 2 โจมตีเลย บลัดมูน
เคียวจันทร์มรณะ ( Death Moon Scythe ) ”
สิ้นคำของภูเขาครุฑกายสีแดงเกราะสีดำที่เกิดจากการรวมร่างก็พุ่งออกไป
และกลายเป็นเงาดำตรงไปยังมังกรยักษ์กายสีแดง

หมายจะบั่นคอมัน ทันทีที่เงานั้นปะทะกับร่างของ
ซาลามันเดอร่าก็เกิดแสงสว่างจ้าจากการปะทะ
ธนัท ก้มหน้านิ่งเงียบไม่ไหวติ่งมือของเขาข้างหนึ่งวางอยู่บนโตUะ
เหมือนกับจะเก็บการ์ดลง ไชน์

“ หึเสร็จไปแล้วสินะ ”
ภูเขา ยิ้มอย่างพอใจแต่แล้วทุกคนก็ต้องแปลกใจเมื่อ ธนัท ยิ้มออกมา
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นแววตาของเขาเปล่งประกายความหวังออกมา
แรงกล้าจน ภูเขา ถึงกับชะงักทันทีที่แสงจากลงก็ เห็น บลัดมูน
ถูกเกราะพลังงานสีน้ำตาลทรงกลมกักขังไว้อยู่

“ ฮ่าๆๆๆอย่านึกนะว่านายคนเดียวที่จะใช้ Hand Skill ได้อยู่คนเดียว ”
ธนัท พูดด้วยเสียงสดใส

“ อะไรกัน บลัดมูน ของเราหรือว่า ”
ภูเขามองไปยังสนามฝั่ง ธนัท ก็เห็น ซีล เข้ามาใหม่ตัวหนึ่ง
ซีล ตัวนั้นเป็นเด็กหนุ่มผมสีดำสวมเสื้อสีน้ำตาล
มีผ้าคาดหัวลายสี เขียว คลิบทอง

“ ขอแนะนำให้รู้จักผู้ช่วยของฉัน Ishan ”
ธนัท พูดจบสีหน้าของเพื่อนๆก็ดีขึ้นทันที



“ หนอยยยย.... มันใช้สกิลของ อิสฮาน สกัดกั้นการโจมตีของเรา
ไว้ทำไงดีไม่ได้เตรียมแก้ไว้ด้วยฮึ่ย Coat mp 3 อัญเชิญ Scarlet Reaper ไว้ที่ Dl ผ่าน  ”
ภูเขากัดฟันด้วยความโกรธแววตาดุดันขึ้น
แต่ก็ไม่สะเทือนถึง ธนัท อีกแล้วเพราะตอนนี้เขาสามารถเรียกคู่หู
ของเขา อิสฮาน ออกมาได้แ ล้ว

“ เยี่ยมมาก ธนัท เรียกอิสฮานออกมาแก้เกมส์ได้เจ๋งจริงๆ ”
เคียวชมด้วยความดีใจ

“ ยอดเยี่ยมมากเลย ธนัท ”
ชุติการพูดแสดงความยินดีอย่างสะใจ

“ เอาล่ะรุ่นพี่เกมส์มันพึ่งเริ่มเท่านั้น ”
ธนัทพูดแววตาของเขาฉายแววแห่งความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

“ หึได้ใจไปเถอะอีกเดี๋ยวฉันจะให้แกได้เห็นนรกพลังของสำรับ Scythe Reaper ของฉันมันไม่ได้มีแค่นั้นหรอก ”
ภูเขา คิดในใจ

To be continue

หลังจากลงตอนที่ 2 แล้ว ถึงได้รู้เลยว่า ซีรี่ย์ แรกที่เคยลงเป็น Duel legend เนี่ยข้อผิดพลาดเพียบเลย กว่าจะแก้หมด แล้วรีใหม่เล่นซะเหนื่อย ตอนหน้าจะลง หน้าคาแรกเตอร์ตัวแทน ของ ภูเขาคุง แล้วนะ
ขอละ ตัวจริงอย่าได้มาเห็นเลย กัวโดนตึ้บ


Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #4 on: November 09, 2008, 12:27:52 AM »

น่ากลัวอย่างกะดูเอลความมืด  = = ...

สมัยก่อนใส่อิสฮานแก้กันเยอะละสิเนี่ย
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #5 on: November 09, 2008, 02:38:06 AM »

เกรม่อนคุง หนีมาแต่งฟิคดวลการ์ด แทนเรอะแล้ว แอคเตอร์ล่ะทิ้งเลยไม่ต่อ ทาลิ ล่ะ
เอาเหอะช่างมันก่อนไอ้สองเรื่องนั้นมันจบไปแล้ว ว่าแต่อุตส่าห์ ไปขุดมาจากขุมล่างเลย
หรือนี่ เรื่องที่แต่งกันไว้ตั้งกะ ม.3 เริ่มเรื่องพร้อม ตำนานทาลิ แต่ทาลิ จบก่อน แถมพ่วงอีกภาคเฉย
ตอนนี้เลยจะมาต่อเรื่องนี้ให้จบสินะ ว่าแต่ภาพมันไม่ค่อยชัดเลยงิ เดี๋ยวส่งรูปมานะ
จะแก้ให้สมบูรณ์ โดยเฉพาะ รูปชุติการ น่ะ มันเบลอ
Logged


General Charles
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1162


« Reply #6 on: November 11, 2008, 02:41:41 AM »

อ้าว...ภูเขานี่คนจริงๆเหรอครับ
(นึกว่าตัวละครในเรื่องที่ไม่อิงเรื่องจริง เพราะคุณดันพิมพ์ว่าแชมป์โลก )
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #7 on: November 13, 2008, 02:00:27 AM »

คือ ชื่อตัวละครภายในเรื่องนี้เป็นการเอาฉายาของ คนในวงการมาใช้น่ะครับ ที่จริงเรื่องนี้
 เคยพิมพ์มาแล้ว แต่แต่งไม่จบ ตอนนี้เลยรีแล้วแก้ไขส่วนผิดพลาดพร้อมทั้งปรับ ไวยากรณ์ภาษาเล็กน้อย
+ใส่ภาพเพิ่ม ซึ่งก็ขอตอบตามตรงเลยเน้อ ครับหมายถึงตัวจริงแบบ เอามาอิงนั่นล่ะ
เดี๋ยวมี พี่ศรี มี คุณนิฮิล ไกอา พี่ปอ ไปจน ถึง เจ็ จิง เลยล่ะครับ

ปล.เอามาใช้นี่แค่ชื่อเรียกเล่นๆไม่ใช่ชื่อจริงคงไม่ว่ากันเน้อ เพราะ
เบสข้อมูลกะจะไม่ใส่ ชื่อจริงอยู่แล้ว เดี๋ยวโดนฐานหมิ่นประมาท
ส่วนชื่อตัวละครตัวอื่นนี่ ชื่อพวกเพื่อนๆผม เองครับ เดี๋ยวคงมีผมไปโผล่ในเรื่องด้วยแหล่ะ กระทั่งอาจารย์
 ยังมีเลยเหอๆ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #8 on: November 13, 2008, 02:03:50 AM »

Quote
เดี๋ยวมี พี่ศรี มี คุณนิฮิล ไกอา พี่ปอ ไปจน ถึง เจ็ จิง เลยล่ะครับ

จำได้ว่า ซีรี่ย์แรก จะให้ พวก นิฮิล เป็น จตุรเทพแห่ง
Phenomenon Force ใช่มะ แล้ว พี่ปอ เป็น ลีกค์แชมป์

ส่วนภูเขาสังกัด Temple แล้วก็แซวให้น้องชายแก มาเล่นเป็น รองหัวหน้าของ องค์กรตังร้าย ใช่ป่ะ
เหอๆ สปอย์ เต็มที่ มันจะด่ามั้ยเนี่ย

เอาเถอะคิดว่ารอบ นี้ฝีมือเขียนดีขึ้นเยอะน่าจะไม่ซ้ำแนวเดิมเพราะที่ว่าไปเนี่ยมันยังไม่ได้พิมพ์เลย

Quote
นึกว่าตัวละครในเรื่องที่ไม่อิงเรื่องจริง เพราะคุณดันพิมพ์ว่าแชมป์โลก

เอ่อ ก็ถูกแล้วนิ เพราะสมัยนั้น ซํมรู้สึกจะจัดแข่งที่ไทยเป็นหลัก ต่างประเทศไม่ค่อยมี ช่วง แกรน3
เอง
« Last Edit: November 13, 2008, 02:06:24 AM by cocka-c » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #9 on: November 16, 2008, 07:29:35 PM »

Sub-Turn 3 DEATH or ALIVE


ที่สนามเด็กเล่นพวกเด็กๆยังคง ออกันอยู่ที่โต๊ะเล่นการ์ดคอยจับตาดูการต่อสู้อันน่าทึ่งของทั้งสอง
ยังใจจด ใจจ่อ

“ เอาล่ะรอบของฉันจั่วไพ่ ”
ธนัท จั่วไพ่ขึ้นมาสองใบเป็นซีล1มิสติก1

[ Hand Sta: Seal:2 Mystic:4 ] Mp:4
 

“ รอบที่แล้วเรารอดมาได้ก็จริงแต่ว่ายังมีอีกเรื่องที่เรายังข้องใจอยู่ ไม่ว่าจะเป็น อากิร่า บลัดมูนการูด้า
โวลคานิกเดม่อน เอเรียลมันกูซ  ทำไมซีล การ์ดมันถึงได้หลากหลายนักล่ะไม่ว่าจะเป็น เผ่า ชื่อ ธาตุ
ก็ไม่มีจุดไหนที่เข้ากันเลยก็เลยทำให้เราไม่รู้เลยว่าสำรับของอีกฝ่ายคืออะไร ”

ธนัท คิดในใจเมื่อเคียวเห็น ธนัท ยังนิ่งอยู่ก็คิดจะเรียกแต่ ชุติการ ห้ามไว้

“ เราอย่าไปรบกวน ธนัท เลยให้เขาคิดต่อไปเถอะ ”
ชุติการกระซิบให้เคียว เคียวจึงพยักหน้าแล้วยืนดูต่อ

“ เอาล่ะฉันให้ซาลามันเดอร่า แยกร่างแล้วย้ายลงไป dl แล้วให้ อิสฮาน รวมร่างกับแอชดราก้อน ”
สิ้นคำของ ธนัท แอชดราก้อน ก็แยกออกมา และ อิสฮาน ก็กระโดดขึ้นไป
ขี่แอชดราก้อน ส่วน ซาลามันเดอร่า ก็เดินลงไปข้างหลัง

“ จากนั้นCost mp 3 ร่าย Urendo, The Lava Dragon แล้วผ่าน ”
สิ้นคำ ธนัท ก็วางซีลการ์ดลงไป บนช่อง วางซีล ในแนวป้องกัน(DF line [dl]) เกิดแสงสีแดงวาบขึ้น
บนการ์ด ก่อนที่ ร่างสีแดงฉานซึ่งลุกโหมด้วยเปลวเพลิงที่หมุนวนออกมาจาก การ์ดพร้อมๆกับที่มันปรากฏตัว

ขึ้นมาบนสนาม มันอ้าปากกว้างคำรามอย่าง ดุร้าย ลมหายใจที่ร้อนจนแทบจะลุกเป็นไฟได้พุ่งไปยัง ภูเขา ที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ลมหายอัคคี ได้พุ่งผ่านของเขาไป โดยไม่ทำอันตรายใดๆ แก่ร่างของเขา  แม้จะพึ่งถูกลมอัคคี
พัดไป เขากลับไม่มีทีท่า สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย



“ ตาฉันจั่วไพ่ ”
ภูเขาพูดพร้อมกับจั่วไพ่ขึ้นมา2ใบเป็น  ซีลการ์ดทั้งหมด


[ Hand Sta: Seal:3 Mystic:3 ]


“ เอางี้ ฉันจะบอกอะไรให้พวกนายคงจะสับสนกันแย่ล่ะซิว่าสำรับของฉันเป็นสำรับอะไร ”
ภูเขา กล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ สำรับของฉันคือ สำรับคมเคียวมรณะ(Scythe Reaper) ”
ภูเขา กล่าวด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ



[Data: ??? ฉายา: ภูเขา Age: ?? Year ????   Deck: คมเคียวมรณะ (Scythe Reaper) ]


“ คมเคียวมรณะ ชื่อแสลงพอๆกับคนมืดมนอย่างพี่ชายเลยนะ แล้วจะบอกมาทำไมไม่ได้ถามซะหน่อย ”
ธนัท กล่าวเยาะเย้ย ทำใจดีสู้เสือ ทว่าความจริงเขารู้สึกแปลกใจที่ ภูเขา เหมือนจะอ่านความคิดของเขาออก

“ Cost MP 2 ร่าย Garasu ไว้ที่ แนวป้องกันจากนั้นให้ วอลคานิกเดมอน ย้ายลงมาแนวป้องกัน ”
ทันทีที่ ภูเขาสั่งการจบ ซีลการ์ดบนมือก็ถูกนำลงมาวางบน สนามเกิดแสงสว่างวาบขึ้นจากบนรูปของ ไพ่ก่อนที่ ครุฑสีดำทมิฬอีกตัวจะปรากฏขึ้น เคียวที่มันถือมีหัวคมสองปลาย
ส่วน วอลคานิกเดมอน ได้บินลงไปยังแนวป้องกันแทน



“ จากนั้น Cost MP ทั้งหมดที่เหลืออยู่ 4 จุด ให้ เอเรียลมันกูซ ทั้งหมดโจมตีไปที่ อิสฮาน ”
คำสั่งของ ภูเขา ทำเอา ผู้คนโดยรอบตะลึงนิ่งด้วยความไม่คาดฝัน เอเรียลมันกูซ ทั้งสี่ตัว
ได้บินพุ่งตรงเข้าไป เพื่อจะจัดการกับเป้าหมาย อย่างไม่เกรงกลัว ทว่าทันทีที่พวกมันเข้าใกล้
อิสฮาน ก็วาดมือขึ้นร่ายมนต์วงเวทย์ สีแดงสดได้ปรากฏขึ้นจากฝ่ามือ ก่อนที่แสงสีแดงจะวาบ
ออกมาเผาผลาญ เอเรียลมันกูซ ทั้งสี่ จนวอดวายและแตกสลายไปในที่สุด ท่ามกลางความ
สับสนนั้นเอง ภูเขา ก็จัดแจงกวาด  การ์ดที่หมดสภาพ ลงไปยัง Shrine อย่างไม่ลังเล


“ ผ่าน รอบของนายแล้วและมันอาจจะเป็นรอบสุดท้าย ”
ภูเขา กล่าวด้วยทีท่าสงบนิ่ง


“ นี่มันอะไรกัน..ตาคนนั้นถอดใจแล้วงั้นเหรอถึงได้… ”
ชุติการ กล่าวด้วยทีท่าร้อนรน ทว่าเธอก็ต้อง เงียบไปเมื่อ เคียว ยกมือขึ้นปรามเธอไว้

“ พวกเราที่ยืนดูอยู่ไม่มี ทางเข้าใจหรอกว่าแรงกดดันจากการกระทำแบบนั้นน่ะ มันไม่ใช่น้อยๆเลยนะ ”
เคียว กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่


“ ร..รอบของฉัน จั่ว..ไพ่ ”
ธนัท กล่าวเสียงสั่น แรงกดดันจากการโจมตีเมื่อครู่ทำให้เขา เสียหลักไปมากพอควร
บัดนี้ในใจของเขาสับสนหว้าวุ่น ไปหมด การ์ดซีล และมิสติกอย่างละหนึ่งใบถูก
ดึงออกมาจากกองการ์ด ด้วยมือที่สั่นเทา

[HS(Hand Sta): SC(Seal Card):2 MC(Mystic Card): 5 ]


“ ต้องให้ ซารามันเดอร่า รวมร่างขั้นแรกแล้วจัดการกับ บลัดมูนการูด้า  แล้วให้ อิสฮาน กับ อูเรนโด้
จัดการ โวลคานิกเดมอน กับ สกาเร็ทลีปเปอร์ ก็จบเกมส์ เพราะตอนนี้ Shrine ของหมอนั่น
เหลือแค่ 6 เท่านั้น ”
ธนัท คิดในวินาทีที่ หนทางที่จะเอาชนะ ได้เปิดขึ้นมาแล้วนั้นความรู้สึกที่ ประหลาดก็ถาโถมเข้ามาในใจ
สังหรณ์แปลกๆที่ราวกับว่าหากเดินไปตาม หมาก นี้คงไม่แคล้ว ตกม้าตายอีกรอบแน่นอน แต่สุดท้ายเขาก็พยายามจะสลัดมันไป โดยคิดว่านี่อาจเป็นแค่ความลังเลของเขาเองก็ได้ จึงตัดสินใจเดินหน้าต่อทันที

“ ให้ อิสฮาน แยกการรวมร่าง และให้ ซาลามันเดอร่า ขึ้นไปยังแนวหน้า  ”
ธนัท กล่าวจบ อิสฮาน ก็ลงจากหลังของแอชดราก้อน ก่อนที่ ซาลามันเดอร่า จะเดินขึ้นมาสมทบ

“ จากนั้นให้ ซาลามันเดอ… ”
ทันทีที่ จะออกคำสั่งต่อจากนั้น ความรู้สึกที่ว่านั่นก็แทรกเข้ามาอีก

“ ร่า…รี่ดอล รวมร่างกับซาลามันเดอร่า เฮ้ยนี่ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย ”
ด้วยความตื่นเต้นทำให้ ธนัท สั่งการ ผิดไปเจ้ามังกรยักษ์ หันควับกลับลงไปยังแนวรับ ก่อนที่ตุ๊กตารูปเหมือนของมันจะขึ้นมา ขี่บนหัวของมัน

“ อี ตาบ้าทำอะไรของนายเนี่ยให้ ตุ๊กตา เป็นซีลหลักเนี่ยนะ นายยังสติดีอยู่รึเปล่า ”
ชุติการ ตวาดลั่นเสียจน ทุกคนรอบพากันหันมาเป็นทางเดียว กว่าจะรู้ตัวเธอก็ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนไปแล้ว
เธอจึงอาย ม้วนต้วน ไปหลบหลัง เคียว ที่ ตีสีหน้าเอือมๆ กับกิริยาของเธอ

« Last Edit: November 16, 2008, 07:31:28 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #10 on: November 16, 2008, 07:29:55 PM »

“ ชิ.. ”
ภูเขา สบถด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

“ ทำไงดีรวมไปแล้วด้วยจะแยกก็ไม่ได้แล้วถ้าจะให้ อิสฮาน รวมร่างอีกทีแล้วตีเข้าไปก็ไม่ไหวแน่ เรามีการ์ดที่จะใช้แก้ไม่พอ งั้นก็ต้องตามน้ำไปก่อนล่ะ ”
ธนัท คิดขณะที่ ถอนหายใจจากความผิดพลาดที่เกิดจากความสะเพร่าของเขา ก่อนจะงัดเอา
การ์ดในมือสามใบร่ายลงสู่สนาม

“ Cost Mp ทั้งหมด ร่าย อูเรนโด้มังกรลาวาไปที่ AL กับ แอชดราก้อน ลงไป DL จากนั้นให้ อิสฮาน
ย้ายไปแนวหลัง ให้ อูเรนโด้ ที่แนวหน้ารวมร่างกับแอชดราก้อนและ อูเรนโด้ อีกตัว Triple Combination (การรวมร่างสองชั้น) และร่าย มิสติกการ์ด Sekhmet แล้วผ่าน ”
ธนัท สั่งการ จบในสนามก็เกิดการเปลี่ยนแปลงวุ่นวายไปหมด มังกรอูเรนโด้ และแอชดราก้อน ถูกเรียกเพิ่มขึ้นมาเป็นสองตัว มังกรอูเรนโด้ และ แอชดราก้อน ตัวแรกรวมเป็นร่างเดียวกัน ยืนคุมเชิงในแนวหน้า
ขณะที่ อิสฮาน เดินกลับไปยังแนวหลัง ก่อนที่ มิสติกการ์ด จะถูกร่ายลงมา ซึ่งมิสติกที่ร่ายลงไปนั้นยังไม่แสดงผลของมันออกมา



“ คิดจะใช้ Sekhmet เก็บ Mp ไว้ปิดเกมส์ งั้นรึ เข้าท่าดีนี่แต่ว่าพอถึงตาหน้ามันก็คงไม่มีอะไรให้นายปิดนอกจากชีวิดของนายเองแล้ว รอบของฉันจั่วไพ่ ”
ภูเขา กล่าวจบก็ดึง มิสติกการ์ดออกมาจากสำรับ สองใบ

[HS: SC:2 MC:5 ] MP 7

“ ฉันจะบรรเลงเพลงสวดศพ ให้นายเอง Cost Mp 2 ร่าย Partake of Corpses (งานฉลองแด่ผู้ล่วงลับ) ”
ภูเขา กล่าวเสียงเรียบน้ำเสียงที่แว่วออกมานั้น แทบจะสะกดให้ หัวใจของ ธนัท หยุดเต้นเอาเสียตรงนั้น
ทันทีที่ มิสติกการ์ดของ ภูเขา ได้ถูกร่ายลงมาราวกับวิญญาณถูกดึงออกไปจากร่างจนหมด



พลังของ การ์ดได้สร้างภาพของ สมรภูมิ มรณะซากศพของเหล่าทหารที่ พลีชีพและถูกสังหารตายในสนามรบ
เกลื่อนกองอยู่มากมายรอบ พวกเขาไม่ใช่แค่บน โต๊ะเท่านั้นหากแต่ว่าพวกเขาทั้งหมดได้เข้าไปอยู่ในสมรภูมิ นั้น

จริงๆ ท้องฟ้า ถูกพลังเวทย์จาก การ์ดปกคลุมอาณาบริเวณ รอบสนาม จนราวกับโลหิตย้อมท้องนภา จนเป็นสีแดงก็ไม่ปาน เสียงร้องแหลมของ นกอีแร้งสีดำ ทมิฬ จำนวนมากมาย ดังแว่วมากับสายลมที่พัดอย่างอ้อยอิ่ง

ทุกครั้งที่เสียงของมันดัง ราวกับเสียงกระซิบของความตายที่จะดูดกลืนชีวิตออกจากร่างไป
ไม่นานนัก แร้ง ทั้งหมดก็ร่อนลงมาจากเวหา และบินวน ไปรอบๆเหนือโต๊ะ

ตอนนี้ สติของ ทุกคนที่ยืนดูอยู่แทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แรงกดดันจากพลังเวทย์ของ การ์ดใบนั้นมากมายเสียจนทำให้ประสาทรับรู้ คิดว่ามันเป็นของจริง นั้นคือสภาพของคนที่ยืนดูอยู่ภายนอก ทว่า ธนัท ที่

เป็นผู้ทำการต่อสู้นั้น จะต้องทนรับกับแรงกดดันที่มากกว่า พวกเขาอีกหลายเท่านัก นี่ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า
ข่าวลือเกี่ยวกับ ภูเขานั้น เป็นความจริง เพียงแค่จับจ้องดูการเล่นของพวกเขา ก็แทบไม่อยากจะ
มีชีวิตอยู่อีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ ผู้เล่นบางคนจะถึงกับเป็นบ้า เสียสติไป

“ ยินดีต้อนรับ สู่เขตแดนแห่งความเป็นและตาย ด้วยผลของ Partake of Corpses จะทำให้ฉันได้รับ Mp เพิ่มเท่ากับจำนวน ซีลใน Shrine ของฉัน ซึ่งตอนนี้มี 5 ตัวทำให้ Mp ของฉันมี เท่ากับ 10 ต้อง
ขอชม ที่นายสามารถมาได้ถึงจุดนี้ทั้งที่เป็นแค่ นักเล่นสะเพร่าไม่รู้จักเจียมตัว แต่นายก็ทำให้ฉัน
ต้องงัดไพ่ตายออกมาจนได้ จากนี้ก็เชิญฟังเพลงส่งศพของนายให้สำราญซะเถอะนะ เพราะท่อนที่สองของเพลงกำลังจะเริ่มแล้ว ”
ภูเขา กล่าวเสียงเรียบทว่า ธนัท ก็คงจะไม่ได้ยินคำพูดนั้นเสียแล้ว เพราะบัดนี้จิตของเขา
คงจะหลุดลอยไปไหนต่อไหนแล้ว

“ ชิ..partake of Corpses การ์ดที่ถูกห้ามนำมาใช้เพราะพลังที่มากมายเกินคณา นั่นจะทำให้ผู้เล่น
เป็นอันตรายได้ มันจึงกลายเป็นการ์ดต้องห้ามไป ทั้งที่การใช้มันน่าจะส่งผลกระทบอะไรบ้างสิ จิตใจของคนๆนี้ทำด้วยอะไรกันนะ ”
เคียว ที่ยังคงประคองสติไว้ได้คิด ขณะที่ เด็กคนอื่นๆเริ่มที่ จะกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและขอให้
เลิกการแข่ง ชุติการ ที่ทนรับแรงกดดันของพลังเวทย์ที่แผ่ออกมา ไม่ไหวได้ล้มลงหมดสติไป

“ จิตแข็งดีนี่ ที่ไม่ประสาทกินไปกับคนอื่นแต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะให้มันจบเดี๋ยวนี้ล่ะ ”
ภูเขา หันไปกล่าวกับ เคียว ที่ยังคงยืนมองมาที่พวกเขาด้วยท่าทีสงบ


“ เอาล่ะมาต่อกันเถอะ Cost MP 5 ร่าย Sacrifice ทิ้ง ซีลการ์ด สองใบในมือจากนั้นทำลายซีล 1
 ใบในสนามเป้าหมายคือ อูเรนโด้ ที่ ทริปเปิลคอมฯ อยู่จงหายไปซะ ”
สิ้นคำของ ภูเขา มิสติกการ์ดที่ ร่ายลงมาก็ส่องแสงวาบขึ้น ก่อนที่เขาจะ ทิ้งซีลการ์ดสองใบ ลงไป
ร่างของ ซีล ที่ถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยได้ปรากฏขึ้น ในสนามฝั่ง ภูเขา มันเป็น Scarlet Reaper



ทั้งสองใบ ร่างของมันทั้งสองค่อยสลายกลายเป็นเงาดำพุ่งเข้าไป กลืนร่างของ อูเรนโด้ ที่ยืนอยู่แนวหน้า และดูดมันให้จมหายลงไปในความมืดมิด  การ์ดซีล ที่หมดสภาพทั้ง สามใบได้ถูก เลื่อนไหลลงไปยัง Shrine
เองโดยอัตโนมัติ จากพลังเวทย์ที่ครอบคลุมอยู่ทั่ว

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #11 on: November 16, 2008, 07:30:06 PM »

“ สกาเร็ทลีปเปอร์ เมื่อตกไปยัง Shrine จะกลับเข้าไปอยู่ในกองการ์ด ดังนั้น ฉันจึงไม่เสีย
เลเวลใน Shrine แต่อย่างใดจากค่าใช้จ่ายของ แซคริไฟร์ มาต่อท่อนที่สามกันเลย Cost MP 4 ร่าย
You Must Die ทำลายซีล ที่ไม่ได้รวมร่างหนึ่งใบในสนามเป้าหมายคือ อิสฮาน เท่านี้ความหวังของนายก็ถูกกลืนหายไปหมดแล้ว ”
ภูเขา กล่าวจบ มิสติก การ์ดที่ ร่ายลงมาก็สำแดงเดชทันที ยมทูตได้พุ่งออกมาจาก ไพ่ก่อนจะเงื้อเคียว
ตวัดฟันใส่ร่างของ อิสฮาน จนขาดเป็นสองซีกและสลายไป ต่อหน้าต่อตา ของ ธนัทโดยที่เขายังคงรับรู้และรู้สึกได้ วินาที ที่ ซีลทั้งสองของเขาถูก ทำลายไปความเจ็บปวดที่ราวกับถูกตรวนไว้ด้วยโซ่ และถูกเข็มนับพันทิ่มแทงไปทั้งร่าง ในใจคิดแต่เพียงตนต้องตายเป็นแน่



“ ที่นี้ก็ท่อนสุดท้าย บทเพลงแด่ผู้ล่วงลับ ให้ สกาเร็ทลีปเปอร์ ย้ายมาแนวหน้า Cost MP 1โจมตีเป้าหมาย
เจ้าตุ๊กตามังกรนั้น ขยี้มันซะ ”
ภูเขา กล่าวจบสกาเร็ทลีปเปอร์ ก็ย้ายขึ้นไปแนวโจมตีและขว้างเคียวในมือ ออกไปคมเคียวที่ควงใกล้เข้ามา
เรื่อยๆ วินาทีที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลง ท่ามกลางความเงียบที่มืดมิด

“ ยามใดที่รู้สึก โดดเดี่ยวเมื่อนั้นเราก็จะแพ้ ผู้อัญเชิญอย่างเราไม่ได้สู้เพียงลำพังหากแต่ อสูร อัญเชิญนั้นคือเพื่อนของเราที่จะสู้ร่วมไปด้วยกันในสมรภูมิ…..  ”
เสียงนี้ได้ดังขึ้นจาก ส่วนที่ลึกของจิตใจ ไม่ทันทีที่จะมีใครคาดคิด แม้แต่ตัว ธนัท เองก็ตามมือของเขาได้ส่งไพ่บนมือลงไปแล้ว

“ Cost MP 2 ร่าย No Attacking ”
คำพูดหลุดออกไปจากปากของ ธนัท โดยไม่รู้ตัว เกิดแสงวาบขึ้นมาจาก มิสติก การ์ดที่ร่ายลงมา
เคียวที่ถูกเหวี่ยงมานั้นได้ถูก ดาบสองเล่มที่ไขว้กันไว้ พุ่งเข้ามาสกัดการโจมตีไว้



“ อ..อะไรกันหนอย ผ่าน ”
ภูเขา สบถด้วยความหงุดหงิดที่ไม่อาจเก็บเขาลงได้ ในดาบนี้ ทว่าแม้ตอนนี้สภาพจะผลของ Partake of Corpses จะยังคงแผ่ออกมาแม้จะหมดอำนาจไปแล้วก็ตาม แต่สภาพพวกนั้นตอนนี้กลับไม่ส่งแรงกดดันใดให้เขา อีกต่อไปแล้ว และทันทีที่เขาจะดึงไพ่ออกจากสำรับ ความรู้สึกที่ร้อนผ่าวก็แล่นขึ้นมา
ราวกับจะกระตุ้นให้เขาหยิบมันขึ้นมา ความรู้สึกนั้นยิ่งแรงกล้าขึ้นเรื่อยๆเมื่อเข้าใกล้กองการ์ดซีล
ความรู้สึกที่แรงกล้าซึ่งส่งผ่านมานั้น ทำให้เขาไม่ลังเล ที่จะหยิบมันขึ้นมา พร้อมกับ มิสติก การ์ดอีก หนึ่งใบ

“ นี่มัน… ”
ธนัท อุทานทันทีที่เห็น การ์ดที่ตนจั่วขึ้นมา สีหน้าของเขาก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่ สติของเขากลับมาจาก ภวังค์ จนถึงเมื่อครู่ เขาก็ได้สังเกตเห็นแล้วว่า พลังเวทย์จากการ์ดต้องห้ามที่ ภูเขา ใช้ทำให้เพื่อนๆของเขาต้อง ทรมานไปตามกันตอนนี้ ในใจของเขามีเพียงไฟแห่งความโกรธที่ สุมอยู่ในใจเป็นแรงพลังให้เขา ลุกขึ้นยืนหยัดและจะคว้าเอาชัยมาให้จงได้

“ พี่ครับช่วยเป็นแรงพลังให้ผมที ผมต้องโค่นบุรุษสุดแกร่งตรงหน้านี้ให้ได้ เพื่อช่วยทุกๆคนผมจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด  ”
ธนัท คิดหลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว เขาก็เริ่มเล่นต่อในทันที

[HS: SC:1 MC:4] Mp 5

“ รอบของ ฉันผลของ Sekhmet ทำงาน MP ของฉันเพิ่มขึ้น 3 หน่วย ”
สิ้นคำของ ธนัท มิสติก การ์ดที่ร่ายเอาไว้ใน เทิร์น ที่แล้ว ก็ส่องแสงวาบขึ้นมา
ทูตสวรรค์สามองค์ได้นำวงแหวนแสงลงมา ท่ามกลางฝูง แร้ง ที่บินวนอยู่เหนือโต๊ะ

 แสงจากวงแหวนเจิดจ้า
และร้อนแรง จนขับไล่พวก แร้งให้บิน แตกฝูงไปกันหมด แสงจากวงแหวนได้ ส่อง สกาวเจิดจรัส
ไปทั้งอาณาบริเวณที่ Partake of Corpses สำแดงอำนาจบรรยากาศที่เกิดจาก
พลังเวทย์ของ Partake of Corpses ได้จางหายไปในทันที

“ Cost MP 1 ร่าย Lilith ทิ้ง มิสติก การ์ดไป 1 ใบเพิ่ม MP ตามค่าร่ายของการ์ดที่ทิ้งไปที่ฉันจะทิ้งก็คือ
Star Shield ซึ่งมีค่าร่าย 4 Mp ของฉันจึงเพิ่มขึ้น 4 รวมเป็น 10 หน่วย  ”
ธนัท กล่าวจบ ก็ร่ายมิสติกการ์ด ลงไปพร้อมกับทิ้งมิสติก การ์ดอีกใบลง Shrine ไป
ภาพของ การ์ดที่ถูกทิ้งไปได้ปรากฏขึ้นก่อนจะสลายกลายเป็นหมอกสีดำ และ
ซึมเข้าร่างของ ธนัท ไป



“ ให้ ซาลามันเดอรี่ดอลแยกการรวมร่าง และ Cost MP 5 ร่าย Salamandera, The Fire Dragon เลือกเงื่อนไขทำการ Growth เป้าหมายคือ ซาลามันเดอร่า จงเกิดใหม่เป็นราชันย์มังกรอัคคีซะ ”
ทันทีที่ ธนัท กล่าวจบ เขาก็ร่ายซีล ลงไป ร่างของ ซาลามันเดอร่า ในสนามถูกอาบไว้ด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงออกมาจากร่างของมัน ก่อนที่จะมีขนาดใหญ่กว่าเดิม และมีปีกกับกล้ามเนื้อที่ทรงพลังกว่าแต่ก่อน



“ ให้ ราชันย์มังกรอัคคีซาลามันเดอร่า รวมร่างสองขั้นกับ ซาลามันเดอรี่ดอล และ แอชดราก้อน
จากนั้น Cost Mp 5 เพื่อให้ราชันย์มังกรอัคคีซาลามันเดอร่า โจมตี แบบ All ”
ธนัท กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความมุ่งมั่นอยู่เต็มเปี่ยม

“ หนอย….อย่าได้ฝันไปเลย Cost MP 2 ร่าย Hercules เพิ่ม AT 2 หน่วยให้กับ บลัดมูนการูด้า เท่านี้
บลัดมูนของ ฉันก็มี AT 11 การโจมตี All แค่ 10 ไม่มีทางทำอะไรได้หรอก และตอนนี้ Shrine ของฉันเหลืออยู่ 6 นอกจากบลัดมูน ก็มี สกาเร็ทลีปเปอร์ การาสุ กับวอลคานิคเดม่อน รวมเลเวลแล้วก็แค่ 5 หน่วยเท่านั้น
และถ้าหากไม่สามารถทำให้ Shrine ของฉันเต็ม ได้พร้อมกับที่ สกาเร็ทตก Shrine ไปมันก็จะฟื้นกลับเข้ากองการ์ดไป เท่ากับฉันจะเสีย Shrine แค่สามเท่านั้นและแกที่มี มิสติก เหลือแค่ 2 ใบจะไม่ทางรับมือกับบลัดมูนในรอบต่อไปได้แน่ ”
ภูเขากล่าว จบก็ร่ายมิสติก การ์ดเพิ่มพลังให้กับ บลัดมูนการูด้า เพื่อให้โต้กลับในรอบต่อไป



“ ดูเหมือนคนเก่งอย่างพี่ชายก็คงพลาดได้สินะ ราชันย์มังกรอัคคีซารามันเดอร่า น่ะเมื่อ Growth แล้วจะได้รับความสามรถเพิ่มเติมด้วย นั่นคือ เมื่อมังกรในสนามฝ่ายฉันโจมตี At จะเพิ่ม 1 หน่วย และอีกหนึ่งความสามารถ
เจ้านี่จะเพิ่ม At ตามจำนวน ซีลใน แนวหน้า ซึ่งตอนนี้มีอยู่หนึ่งตัว ผลรวมของการโจมตี Allนี่จึงไม่ใช่แค่ 10 แต่เป็น 12  ถึงผมจะสะเพร่าก็จริง แต่กับไพ่ใบนี้มันคนอย่างกัน  ”
ธนัท กล่าวอธิบายถึงอำนาจของ ราชันย์มังกรที่เขาอัญเชิญออกมา ภูเขาก็หน้าซีดไปในทันที

“ คนที่เล่นสนุกกับจิตใจของคนอื่น และเห็น อสูร อัญเชิญเป็นเพียงเครื่องมือ อย่างพี่ชายน่ะ ไม่มีวันจะเอา
ชนะคนที่เชื่อมั่นใน อสูรอัญเชิญ ได้หรอก จงลุกไหม้ผลาญปฐพี Nova Breath  ”
สิ้นคำของ ธนัท ราชันย์มังกรอัคคี ก็โบก สะบัด ปีกของตนเพื่อบินขึ้นไปก่อนจะพ่นคลื่น เปลว อัคคี
ลงมาแผดเผา สนาม เหล่า อสูรอัญเชิญของ ภูเขาทั้งหมดถูกทำลายจน ราบพนาสูญ


“ เชอะ…สุดท้ายเพราะความเฟอะฟะ ช่วยมันเอาไว้งั้นเรอะ ถ้ามันไม่รวมร่างผิดให้ตุ๊กตานั่นเป็น ซีล หลัก ป่านนี้ แค่ Sacrifice กับ You Must Die ก็คงเก็บมันไปได้แล้ว ไม่งั้นเราเองคงต้องไม่เสี่ยงบุกเข้าไปแบบนี้หรอก ครั้งนี้จะปล่อยไปก่อนก็ได้… ”
ภูเขา คิดขณะ เปลวเพลิงซึ่งลุกโหมกระหน่ำ ได้ลามออกมาปกคลุมร่างของเขาไว้ และทันทีที่ เปลวเพลิง จางหายไป เขากับสำรับ ทั้งหมดของเขาก็ อันตรธานหายไป โดยไร้ร่องรอย ท่ามกลางรัศมี แสงแห่งวงแหวนของทูตสวรรค์ ที่ยังคงทอประกายอยู่ ก่อนที่ทุกๆอย่างจะจางหายไป และกลับสู่สภาพปกติ



ภูเขา [HS: SC:0 MC:1 ] MP 5 Shrine 14/12   Lose
ธนั
« Last Edit: December 23, 2008, 01:20:49 PM by greamon » Logged


^ ^ poohkao ^ ^
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2125


Email
« Reply #12 on: November 16, 2008, 07:45:02 PM »

จุดจุดจุด
Logged


~MerShanDisE~
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2103


« Reply #13 on: November 16, 2008, 08:05:52 PM »

จุดจุดจุด

มาแล้ว 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #14 on: November 16, 2008, 08:54:51 PM »

Quote
จุดจุดจุด

แว้กมาแย้วเหรอคร้าบ รู้ได้ไงว่าข้าน้อย Re-Edition มาเป็นเรื่องนี้ง่า มีคนบอกเหยอตอบหน่อย
 จิ ตอน ซีรี่ย์แรก ก็มา ซีรี่ย์นี้ก็มา เหมือนติดตามดูตลอดเยย
(อ่ะหรือว่าเป็น 1 ใน แฟนนิยาย เง้อ )
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #15 on: November 17, 2008, 02:52:15 AM »

Quote
(อ่ะหรือว่าเป็น 1 ใน แฟนนิยาย เง้อ )

พูดเอง เออ เอง มัดมือชกไม่ดีนะจ้ะ ว่าแต่งานนี้ฉันไม่รับรู้ด้วยนะ
ขอให้โชค(เลือด)ดี

ME เผ่นออกจากกระทู้ด้วย สปีดของ Eyeshield21 4.2วินาที
อะเฟี้ยวววววววววว!!!!!!!! 
Logged


^ ^ poohkao ^ ^
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2125


Email
« Reply #16 on: November 17, 2008, 12:42:03 PM »

สนุกดีครับ  :)

บทร้ายได้อีก
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #17 on: November 18, 2008, 02:36:19 AM »

Quote
สนุกดีครับ  Smiley

บทร้ายได้อีก

โอว ขอบคุณมากครับที่ไม่ถือโทษโกรธเคือง แต่อย่างใดแถมมีชอบใจอีกแน่ะ อย่างว่าล่ะ คาแรคเตอร์ของพี่
ในความคิดผมเนี่ย เหมาะกับบทร้ายนิดๆ แต่แอบมีใจให้ มากเยย บอกตามตรงตอน พี่เสียแชมป์ตอน แกรนทัวร์ 4 นั้นนับเป็นการเปลี่ยงแปลงของวงการ ในสายตาของผมเลย มันถือเป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่ง
(ประมาณว่าตอนนั้ยังเด็กอยู่อะไรๆในสายตามันเลยดูใหญ่ไปหมด) แต่ตอนนี้เฉยๆแล้วล่ะครับ สงสัยคงต้องไปเผาต่อขอตัวไปหาข้อมูลมาเผาต่อละกันเน้อ

(เสร็จไป1 เหลือ อีก 4จะไปรอดจนจบไหมเนี่ย เอ้อยังมี พี่ศรีอีกคน นิหว่า)
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #18 on: November 22, 2008, 03:51:04 AM »

อาทิตย์นี้ ขอ งดนะครับ เพราะต้องสอบทฤษฎี รด. ในวันอาทิตย์นี้ ขออภัยอย่างยิ่ง
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #19 on: November 30, 2008, 11:43:34 AM »

Sub-Turn 4  The Enemy Appear

พุทธศักราช 2700 หรือ ค.ศ. 2157
ก่อนที่เวลาจะล่วงเลยมาถึงตรงนี้  ย้อนกลับไปเมื่อ 100 ปีหรือ 1 ศตวรรษ ที่แล้ว
โลกได้เผชิญเข้ากับ วิกฤตการณ์ พลังงาน และมลภาวะสะสม จากการใช้พลังงาน

เมื่อ น้ำมันหมดไปพลังงานอื่นๆจึงเริ่มที่จะเหือดหายไปด้วย ไม่ว่าจะพลังงานไฟฟ้า
แก๊สธรรมชาติ ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น มลภาวะต่างๆที่สะสมจนมากเกิน ทำให้สิ่งมีชีวิต ทั้งหลาย

ต้องทนทุกข์ทรมาน เมื่อน้ำแข็งขั้วโลก ละลาย น้ำท่วมสูงกลืนกิน ผืนปฐพีให้จมหายลงไปใต้พื้น สมุทร
ไฟป่าที่พัดโหมขึ้นพร้อมๆกันจาก อุณหภูมิ ของโลกที่สูงขึ้น เพราะปรากฏการเรือนกระจก
ของชั้นบรรยากาศที่เกิดจากสารที่ได้จากการเผาผลาญพลังงาน 

ในตอนนั้น ความหวังก็ได้ปรากฏขึ้น เมื่อการรื้อฟื้นพลังงานที่ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อสมัยโบราณกาล
สัมฤทธิ์ผล พลังงานที่ บริสุทธิ์และมีอย่างไม่จำกัด จนถึงกับพูดได้ว่าให้พวกเราเลิกฝากชีวิตไว้ กับ พลังงานน้ำมันพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานทางวิทยาศาสตร์ อื่นๆได้เลย พลังที่แม้แต่ พลังงานปรมาณู ยังไม่อาจเทียบเคียงได้
มันคือ พลังเวทมนต์!!!!
 
……………….
……………………


วัน จันทร์ ที่ 3 เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2700

ณ โรงเรียน มนต์วิทยา (ชื่อโรงเรียนนะนี่ - -*)

เสียงจอแจ ของนักเรียนที่ดังครึกครื้น จากทุกห้องเรียนของอาคาร สีเขียวขาว ที่ตั้งรายล้อมเป็น
แนวสี่เหลี่ยม ใจกลางเป็นสนามอันกว้างขวาง อาคารทุกอาคาร จะมีหมายเลยติดเอาไว้
ระเบียงที่ยื่น ออกมา  นี่คือสภาพภายนอกของโรงเรียนธรรมดาๆในยุคนี้ ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากเมื่อศตวรรษ ที่ผ่านมา มากนัก เพียงแต่วิถีชีวิตของ มนุษย์เท่านั้นที่เปลี่ยนไป เมื่อพลังงานต่างๆที่ใช้นั้นไม่ได้มีอย่างจำกัดอีกต่อไป

สังคมจึงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆแม้แต่เนื้อหาหลักสูตรก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อ ไฟฟ้าและน้ำมันไร้ความหมาย วิศวกรไฟฟ้า
หรือนักวิศวกรรมเคมี ต่างๆก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป พลังงานเวทมนต์เป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่
การแจกจ่ายพลังงานนี้แทบจะไม่ต้องพึ่ง สิ่งใดๆเลย ไม่จำเป็นต้องวางเสากับหม้อแปลงและ

โยงสาย ส่งให้ระโยงระยาง อีกต่อไป เพราะพลังมนตรานั้น ถูกแพร่กระจายไปในชั้นบรรยากาศ เป็นอนุภาค
ล่องลอยอยู่ในอากาศ ไสยศาสตร์ช่างดูเป็นพลังที่ล้ำลึกและยิ่งใหญ่ ทว่าการจะดึงเอาพลังงานนั้นมาใช้ก็ยังคงต้อง
พึ่งวิทยาศาสตร์อยู่ดี เทคโนโลยีที่จะดึงเอาพลังงาน แสนวิเศษนี้มาใช้ ดังนั้นการปฏิรูปวงการพลังงานของ โลก
ภาค วิศวกรรมศาสตร์ ทั้งหลาย จึงต้องปฏิวัติ ขึ้นใหม่และกลายเป็น ภาค วิศวมนตรา ขึ้นมาแทนอันเป็นจุดเริ่มต้น
ของการผสาน ศาสตร์ ทั้งสองเข้าด้วยกันตั้งแต่เมื่อ ครึ่งศตวรรษก่อน จนถึงปัจจุบันนี้

………………
…………………

ภายในห้องเรียน ซึ่งปูพื้นด้วยกระเบื้องพื้นสีขาว ผนังปูนที่วางพื้นด้วยสีขาว เช่นเดียวกับพื้นห้อง
โต๊ะเรียนไม้ ที่วางเรียงเป็นแนว ยาวไปตลอด ถึงห้าแถว  กับเด็กนักเรียนในชุดยูนิฟอร์ม ของโรงเรียน
ที่นั่งอยู่กันเพียงครึ่งห้องจากนักเรียนทั้งหมด ที่หน้าชั้นเรียน มีกระดาน โฮโลแกรม ลอยค้างอยู่พร้อมกับที่คอยแสดงเนื้อหาของวิชา ออกมาเรื่อยๆ โดยมีอาจารย์สาวยืนกำกับอยู่ที่โต๊ะไม้ ซึ่งตั้งอยู่ มุมขวาสุดของห้อง
ด้วยการสั่งการผ่านคำสั่งเสียง ของอาจารย์ ทำให้เจ้ากระดานไฮเทค ทำงานด้วยตัวเองตามคำสั่งของเธอ
 

“ ฉันเป็นฝ่ายชนะแล้ว Nova Breath ”
ประโยคที่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของ เด็กหนุ่มผมสีดำชี้ตั้งแซมปลายด้านหน้า ในเครื่องแบบนักเรียนเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว กางเกงดำขาสั้น ซึ่งกำลังนั่งเหม่อมองท้องฟ้า ผ่านกระจกห้องเรียนมา

“ ธนัท…เด็กชายธนัทธาทิเวศ เธอฟังที่ครูพูดอยู่รึเปล่า ”
เสียงตะคอกที่ทำเอาสันหลังของเขาเย็นวาบในพริบตา ก่อนที่เขาจะค่อยชะเง้อคอหันกลับมาที่หน้าโต๊ะเรียนของเขา อาจารย์สาว ผมสั้นสีดำเงาสะท้อนแสงประกายระยิบระยับ ส่งสายตาหงุดหงิด ตีหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่เขาอยู่
หล่อนสวมจี้ห้อยคอ สีเงิน แบบเดียวกับนักเรียนทุกคนในห้อง เช่นกัน ธนัท เองก็สวมด้วย 

“ ข..ขอโทษครับ อาจารย์บุษบารี  ”
ธนัท กล่าวเสียงสั่น เมื่ออยู่ต่อหน้า อาจารย์สาว

“ เฮ้อ ธนัท วันนี้เธอนั่งเหม่ออย่างนี้มา หลายคาบแล้วนะ ไม่สบายรึเปล่า ”
/Do you fine/(สบายดีรึเปล่า)
สิ้นคำของอาจารย์สาว ก็มีเสียงทุ้มต่ำเหมือนเสียงเครื่องจักร ดังออกมาจาก จี้ห้อยคอสีเงินของ หล่อน

/Don’t worry , My master is stupid always / (ไม่ต้องกังวลไป,มาสเตอร์ของชั้นเขางี่เง่าเป็นประจำอยู่แล้ว)

ยังไม่ทันที่ ธนัท จะตอบกลับจี้ห้อยคอที่เขาสวมอยู่ ก็ชิงกล่าวตัดออกมาซะก่อน ทำเอานักเรียนคนอื่นๆอดหัวเราะ
ออกมาไม่ได้

“ ฮะๆๆๆ เจ้า ธนัท โดน Note ของตัวเองว่าด้วยล่ะ ฮะๆๆๆ ”
เสียงเหน็บแนมดังครึกครื้นไปทั้งห้อง ทำให้ ธนัท หน้าแดงด้วยความเขินอาย

“ นี่ คอรัส (Chorus) ชั้นเป็นมาสเตอร์ของแกนะ จะเคารพกันหน่อยไม่ได้หรือไง ”
ธนัท กล่าวอย่างหัวเสียขณะที่หยิบเอาจี้เงิน ของเขาขึ้นมาต่อว่าด้วยความ ไม่ชอบใจ

“ เอาล่ะๆ เงียบได้แล้วครูจะต่อล่ะนะ ”
อาจารย์สาว กล่าวเสียงดังก่อนจะ เดินกลับไปที่กระดาน และเริ่มสอนต่อ

…………
…………

“ ทุกคนต่างก็มี Note พกกันอยู่คนละเครื่องใช่ไหมจ้ะ Note หรือ Navigation Operator Terminal Exe (N.o.t.e.) เป็นอุปกรณ์ที่สร้างจากวิทยาการมนตรา ซึ่งเป็นเสมือนกับ โทรศัพท์มือถือ ที่ใช้ติดต่อสื่อสารผ่านMagic Cyber อีกทั้งยังใช้ในการควบคุมสมดุลพลังงานธาตุต่างๆ เพื่อสามารถสร้าง
Summon Field(S.F.)เพื่อทำการร่ายอสูรอัญเชิญ ออกมาได้ โดยไม่ต้องพึ่ง Create Summon Field Table (C.S.F.T.) หรือเรียกแบบหยาบๆว่าโต๊ะเล่นการ์ดนั่นเอง นอกจากนี้Note ยังจำเป็นในการแข่งขัน SMN ด้วย เพราะการแข่งขันโดยใช้ SF จะก่อให้เกิดอันตรายได้หากไม่ได้รับความคุ้มครองจากเกราะเวทย์ที่ Note จะสร้างขึ้นคุ้มครองผู้ร่ายอสูร… ”
อาจารย์สาว กล่าวยังไม่ทันจบประโยค นักเรียนหญิงคนหนึ่งในห้องก็ถามแทรกขึ้นมา




“ อาจารย์คะ ทำไมเราต้องมาทบทวนเรื่องที่เรียนตอน ป.6 เอาเวลานี้ด้วยคะ ”
นักเรียนหญิง กล่าวถามขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนที่อาจารย์สาวจะขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดที่จะต้อง
กล่าวตอบคำถามนี้ ขณะที่สายตาจ้องไปยัง ธนัท จนถึงกับทำเอา ธนัท ต้องหดตัวด้วยความผวา

“ ก็เพราะมีคนที่ฝ่าฝืนข้อห้ามพื้นฐานที่แม้แต่เด็กประถมยังรู้อยู่ในห้อง ม.2/3 นี่น่ะสิ ”
อาจารย์สาว ตะคอกด้วยความหงุดหงิด เมื่อมองสภาพภายในห้องที่มีนักเรียก เหลือเพียงครึ่งห้องเท่านั้น
หลังจากที่ได้รับแจ้งการลาป่วยของนักเรียนกว่าครึ่ง เพราะได้รับแรงกระทบจากคลื่นพลังเวทย์

ที่เกิดจากการแข่งขัน SMN ของ ธนัท กับ ภูเขา ผลจากการใช้ไพ่ต้องห้ามที่มีพลังอำนาจสูงนั้นทำให้
ชุติการและ เพื่อนในห้องของเขา ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ จนสลบไม่ได้สติ
จนถึงเมื่อวานนี้ พวกเขาก็พึ่งจะฟื้นแต่ก็ยังไม่แข็งแรงพอจะมาโรงเรียนได้

“ ดูท่าว่า ธนัท คงยังคิดถึงตอนแข่งกับ พี่ชายตาขวางคนนั้นแน่เลย ”
เคียว ที่ชายตามองมาจากโต๊ะเรียนที่ตั้งเยื้องลงมาทางซ้ายล่างของ ธนัท

/ja/(G(ภาษาเยอรมัน) :ใช่)
จี้ห้อยคอของ เคียวตอบรับพร้อมกับกระพริบแสงวาบออกมาเล็กน้อย

“ คาสเทเน็ต(Castanets) เธอคิดว่าเราควรจะพา ธนัท ไปเยี่ยม ชุติ หน่อยไหม เมื่อวานชุติเองก็ดูอาการไม่ค่อยจะดีเลย ”
เคียว กระซิบ กับ จี้ห้อยคอ Note ของเขาที่ชื่อคาสเทเน็ต อย่างเบาที่สุด เพราะ อาจารย์สาวชายตามาที่เขา
เล็กน้อย

/Kein/ (G:ไม่)
คาสเทเน็ต ส่งเสียงออกมาโดยพยายามหรี่ให้เบาที่สุด

“ งั้นเหรอ เธอก็คิดว่าไม่สมควรสินะ ก็จริงเพราะคนอย่าง ธนัท ขืนให้ไปเยี่ยม ชุติ ล่ะก็มีหวังเศร้าหนักลงไปอีกแน่ ”
เคียว กระซิบ แม้ตอนนี้ อาจารย์ จะละสายตาไปจากเขาแล้วก็ตาม

/Get Call/
คาสเทเน็ต ส่งเสียงออกมาพร้อมกับไฟกระพริบรัวๆ

“ มีคนติดต่อเข้ามาเหรอ งั้นต่อสายเลย ”
/Ja Wohl/(G:รับทราบ)
สิ้นคำของ เคียว คาสเทเน็ต ก็ส่งเสียงตอบรับก่อนจะโอนสายผู้ติดต่อ ให้กับเคียว

“ เคียว นี่ แอน(Ann) เอง หนา ”
เสียงเหน่อๆของ ผู้ติดต่อ ดังออกมาจาก คาสเทเน็ต ก่อนที่เคียวจะหันไปมองข้าม หัวนักเรียนที่นั่งอยู่ข้างๆไปอีกโต๊ะ
เด็กสาวชาวต่างชาติ ผมทองผูกแกละไว้ข้าง กำลังโบกมือให้เขา

“ แล้วมีอะไรเหรอ ”
เคียวกระซิบ ใส่ Note ขณะที่สายตาคอยสอดส่อง ว่าอาจารย์เห็นพวกเขา สื่อสารกันหรือไม่

“ ได้ยินมาว่า ธนัท ไปดวลกับ อดีตแชมป์ ภูเขา มาแล้วผลการแข่ง ล่า ”
แอน กระซิบใส่ จี้ห้อยคอที่เป็น Note ของเธอ ก่อนที่เสียงของเธอจะถูกส่งไปยัง Note ของ เคียว


“ ธนัท ชนะมาได้แบบหวุดหวิดเลยล่ะ ”
เคียว กระซิบ

“ ว้าว วันเดอร์ฟูล(wonderful) ธนัท เนี่ยเก่งเหมือนกัน หนา ”
แอน กระซิบ

“ อืมแต่ว่ากันตามจริงแล้ว ท่าเขาไม่รวมร่างผิดล่ะก็คงแพ้ไปแล้วล่ะ ”
เคียว กระซิบ

“ ภูเขารวมร่างพลาดงั้นเหรอ ”
แอน กระซิบตอบกลับทันที

“ เปล่าที่พลาดน่ะ ธนัท ต่างหาก ถ้าเขาไม่รวมร่างผิดไปเอา Salamandery doll ขึ้นเป็นซีลหลัก
แทนที่จะเอา Salamandera ขึ้นล่ะก็เขาคงโดน Sacrifice เก็บไปแล้วก็หมดทางชนะไปแล้ว ”
เคียว ตอบกลับ

“ เหลือเชื่อจริงๆ นี่ ธนัท ดวงดีขนาดนั้นเลยเหรอ ”
แอน กระซิบกลับมา

“ ไม่รู้สิบางที ธนัท อาจจะมีความสามารถแฝงอยู่มากกว่าที่เราเห็นก็ได้นะ ”
เคียว กระซิบ ก่อนที่การสนทนาต้องหยุดชะงัก ไปซักครู่เพราอาจารย์หันมามองแถวพวกเขา
อยู่ซักครู่ ก่อนจะละสายตาไป

“ เอ่อนี่ถ้ายังไง วันเสาร์นี้ เรามาชวน ธนัท กับ ชุติ ไปเที่ยวที่บ้านฉันไหม เมื่อวาน ที่สวนแสดงโชว์ ของบ้านฉันพึ่งจะได้ วาฬเพชฌฆาต ตัวใหม่มาล่า ฉันอยากให้พวกเธอได้รู้จักมันหน่า เชลโล(Chello) เองก็เห็นด้วยล่ะเน่อ ”
/yeah/(อือ)
สิ้นเสียงของ แอน เสียงทุ้มๆของ Note ที่ แอน ถือครองอยู่ ก็ดังขึ้นตอบรับ


“ เอางั้นก็ได้น่าจะดีเหมือนกันนะ ”
เคียว ตอบซึ่งเขาก็เห็นดีด้วยเพราะนี่น่าจะเป็นทางที่ทำให้ ธนัท กับ ชุติ ร่าเริงขึ้นบ้าง

“ งั้นตกลงตามนี้ หนา วันเสาร์นี้มาที่ บ้านฉันตอน บ่ายสามโมงแล้วเจอกัน หนา ซีย่าร์(See ya) ”
สิ้นคำของ แอน สายก็ถูกตัดไปทันที

………………
…………………
……………………

5 วันผ่านไป

วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2700  เวลา 15.00 Pm

สวนแสดงสัตว์น้ำ Water Layer จังหวัด ระยอง อำเภอ เมือง

อาคาร ทรงกรอบสี่เหลี่ยม ขนาดใหญ่ ที่ใจกลางเป็น สระน้ำรูปวงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางแจ้ง
ที่ด้านหลังสระมี ฉากสีฟ้าอ่อน ตั้งบังหลังเวที ซึ่งยื่นลงไปในสระ รอบๆสระถูกล้อมไว้ด้วย
กำแพงที่ไม่สูงนักแต่มี ขอบกระจกวางล้อมอยู่ด้านกำแพงหินอีกที
 ที่เหนือสระ มีห่วงวงใหญ่ สามห่วงลอยตัวเคว้งอยู่กลางอากาศ โดยที่ไม่มีอะไรยึดเอาไว้

ด้านหน้าสระ เป็นลานแนวโค้งและถัดออกไป เป็นขั้นบันไดปูนสีขาวเรียงขึ้นไป โดยมีเต็นท์ผ้าใบ
กางบังลมบังแดด ไว้ให้แก่ผู้ชมที่จะมาชมการแสดง ที่ลานโชว์การแสดงสัตว์น้ำ
ซึ่งตอนนี้หมดเวลาการแสดง ไปแล้วทำให้ไม่มีคนอยู่ภายในลานเลย

นอกจาก กลุ่มเด็ก สี่คน ที่กำลังหยอกเล่นกับ เจ้าลูกวาฬสีดำผิวเป็นมันวาว


“ น่ารักใช่ไหมล่า คูทท์(Cute)สุดๆไปเลยมันชื่อ กีวี่(Givie) จ้ะ ”
เด็กสาวชาวต่างชาติ กล่าวเสียงเหน่อขณะที่ ลูบหัวลูกวาฬเพชฌฆาต ที่ลอยตัวอยู่ในสระ น้ำของลานแสดง

“ ว่าแต่นี่มันยังเป็นลูกวาฬอยู่เลยนะ แล้วครอบครัวมันล่ะ ”
ชุติ ถามด้วยความสงสัย ขณะที่เธอลองลูบหัว เจ้า กีวี่ ดูบ้างแต่มือของเธอก็ยื่นเข้ายื่นออกแบบกล้าๆกลัวๆ

“ ครอบครัวของ กีวี่ ตายหมดแล้วล่ะปู่ของ แอน ที่ทำงานที่ศูนย์วิจัย ไปพบ กีวี่กับครอบครัวของมัน เกยตื้นอยู่ที่หาด พวกของ คุณปู่ช่วยทันแค่ กีวี่ ตัวเดียวเท่านั้นนอกจาก กีวี่ แล้วแม่กับน้องของ มันก็ขาดใจตายไปซะก่อน..   ”
แอน กล่าวเสียงหงอย ขณะที่ คว้างลูกบอล พลาสติกที่ ลูกวาฬ คาบมาให้ ลงไปที่กลางสระ
เจ้าลูกวาฬ รีบว่ายไปคาบเก็บกลับมาอย่างรวดเร็วทันที

“ พ่อของ แอน ก็เลยขอรับมาเลี้ยงไว้  แล้วก็เลยฝึกให้มันแสดงน่ะ การแสดงของ กีวี่ จะเริ่ม ในเดือนหน้า..พวกเธอต้องมาดูให้ได้ หน่า เพราะแอน จะแสดงร่วมกับ กีวี่ ด้วย ”
แอน กล่าวสีหน้าดูสดใสกว่าเมื่อครู่ พวก ธนัท ต่างก็รับคำและสัญญาว่าจะมาดูให้ได้

………….
…………….

/Searching Complete/(การค้นหา สมบรูณ์แล้ว)

เสียงทุ้มต่ำดังออกมานจาก จี้ห้อยคอซึ่งเป็น note ของ หญิงสาวคนหนึ่งเธอยืน อยู่บนหัวเรือ
ที่จอดอยู่ในบริเวณ อ่าวซึ่งห่างออกไปจาก สวนจัดแสดงไม่มากนัก ผมสีดำยาวสลวยของเธอสะบัดพลิ้วไปตามแรงลมที่พัดเข้ามาปะทะใบหน้าของเธอ เธอสวมชุดรัดรูปสีดำ เอาไว้ทั้งตัวและคลุมทับด้วยเสื้อ
กันลมสีชมพูม่วง กับกระโปรงสีชมพูม่วง อีกผืน



“ เริ่มดำเนินการตามแผนได้ ”
หญิงสาวกล่าว สายตาของเธอมองตรงไปยัง อาคารที่ล้อม ลานแสดงเอาไว้ ด้วยท่าทีสงบนิ่งไม่ไหวติ่ง

/ricevuto/(I(ภาษาอิตาลี): ทราบแล้ว)
 Note ของเธอส่งเสียงตอบรับก่อนจะเริ่มกระพริบไฟถี่ขึ้น
ราวกับจะหยอกล้อแสงตะวันที่กำลังจะ คล้อยดิน


……
…………

ราตรีอันมืดมิดได้มาเยือน เมื่อดวงตะวันลับขอบฟ้า ดวงจันทรา ก็ขึ้นแทนที่ ทว่าเมืองทั้งเมืองกลับดูมีสีสันกว่า
ในเวลากลางวัน แสงไฟมากมายส่องวาบไปตามอาคารต่าง ย่านการค้ายังคงครึกครื้น แม้นี่จะหัวค่ำแล้วก็ตามที
รถรา ต่างๆวิ่งกันขวักไขว่ วิถีชีวิตของ ผู้คนแทบไม่ต่างไปจากเมื่อ 100 ปีก่อนเลย จนถึงบัดนี้มนุษย์ก็ยังคงสนุกกับการใช้ชีวิต เสเพลไปวันๆ ร้านเหล้า โรงแรม สถานเริงรมย์ต่างๆ ยังคงเป็นที่มั่วสุมของเหล่า วัยรุ่นและพวก

พนักงานบริษัท เพลยบอย ทั้งหลาย ที่ไม่รู้จักคิดเหมือนเดิม แม้ว่าเมื่อ 200 กว่าปีก่อน พวกเขาเองก็เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้พลังงานหมดไป ยิ่งตอนนี้ เมื่อพลังงานที่ไร้ขีดจำกัดได้ปรากฏขึ้นมา พวกเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ยังคงใช้ชีวิตสุลุ่ยสุร่ายในพลังงาน เหมือนเดิมและยิ่งหนักข้อกว่าเดิมด้วยซ้ำเมื่อ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย


ที่จะเสียให้กับองค์กรที่ดูแลเรื่องพลังงาน เพราะพลังงานที่ใช้นั้น ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าบริการ
อีก พวกเขาจึงสามารถที่จะเปิด ร้านบริการลูกได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่รู้จักเสียดายพลังงานอีก
สำนึกของมนุษย์ที่เคยเค้นกันให้รู้รักบำรุงพลังงาน  คงถูกบดสลายหายไปในอากาศธาตุเสียแล้ว

“ ถ้างั้นพวกเรากลับก่อนนะ ”
ธนัท กล่าวพร้อมกับโบกมือลา แอน ที่หน้าอาคาร ขณะที่ เคียวกับชุติ กำลังรอให้เขาไปสมทบ

กริ้งงงงง!

ทว่าก่อนที่พวก ธนัท จะได้ทันเหลียวหลังเดิน จากไปเสียงกริ่งในอาคารก็ดังขึ้นระงมไปทั่ว
ก่อนที่สัญญาณเตือนภัยจะดัง เหนือน่านฟ้า มีกลุ่มชาย สวมสูทสีดำสวมแว่นกันแดด3คน กำลังโดดร่มลงมา
ที่ลานแสดง

“ ส..สัญญาณเตือนมีผู้บุกรุก แย่แล้ว กีวี่ ยังอยู่ในสระอยู่เลย ”
แอน อุทาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้พวกเขาตัดสินใจ
ที่จะเข้าไป ดูสถานการณ์
 พวกธนัท ไม่รอช้ารีบวิ่งกลับเข้าไปในตัวอาคารทันที ทว่าทันทีที่เข้ามาในอาคารลูกกรงเหล็กก็กำลังเลื่อนตัวปิดทางเข้าออกทั้งหมดเอาไว้ เพื่อที่จะออกไปยังลานแสดงพวกเขาจะต้อง วิ่งฝ่าประตูทางเดินไปให้ทันก่อนที่ ลูกกรงเหล็กจะปิด

ภายในห้องจัดแสดงสัตว์น้ำ  ซึ่งผนังรายล้อมไปด้วยตู้เลี้ยงสัตว์น้ำหลากชนิด ติดโชว์เอาไว้ ภายในความมืดมิดแสงไฟที่ส่องออกมาจากตู้ปลา  ช่วยเบิกทางในความมืดมิดให้แก่พวกเขานอกจากแสงสีแดงจาก เครื่องเตือนภัยที่ วิ่งสาดไปทั้งห้อง กับเสียงกริ่งที่ดังจนน่ารำคาญ


“ นี่ แอน ห้องควบคุมที่นี่ไปทางไหน ”
เคียว ถามด้วยความรีบร้อน

“ จากนี่ตรงไปอีก สอง ห้องแล้ว เลี้ยวขวา ห้องก่อนที่จะถึงห้องออกไปยังลานแสดงหน่า ”
แอน กล่าว ขณะที่วิ่งไปอย่างสุดแรง ก่อนที่พวกเขาทั้งสี่ คนจะไถลตัว ลอดผ่าน ประตูลูกกรงที่กำลังจะเลื่อนลงสู่พื้น พวกเขาผ่านไปยังห้องที่สองแล้ว อีกสองห้องจะ ถึงทางออกสู่ลานแสดง

“ เลี้ยวขวาที่ห้องถัดไปสินะงั้นเดี๋ยวชั้นจะไปที่ห้องควบคุมแล้วจัดการปิดสัญญาณเตือนนี่ก่อน
แล้วจะโทรเรียกตำรวจมา จากนั้นจะเปิดประตูให้พวกเธอ ไปยังส่วนอื่นๆได้ ”
เคียว กล่าวขณะที่พวกเขาต้องเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีกเพราะ ลูกกรงเหล็กกำลังจะเลื่อนลงมาปิดประตูแล้ว
พวกเขา ไถลตัวลอดผ่านมาได้ จนถึงห้องก่อนทางออก เคียวก็ เลี้ยวออกไปยัง ทางเบี่ยงที่เชื่อมไปชั้นสองของอาคาร  ก่อนที่ พวกเขาทั้งสามคนจะออกวิ่งต่อ ทว่าทันที ที่ผ่านไปจนถึงห้องสุดท้าย ประตูลูกกรง
กำลังจะปิดลงอย่างสมบรูณ์แล้ว แอน รีบถลา ตัวพุ่งออกไปทันที ร่างของเธอลอดผ่าน ลูกกรงไปก่อนที่มันจะปิดได้ทัน ส่วน ธนัท กับ ชุติ กลับ ติดอยู่ข้างใน

“ รีบไปเถอะ แอน เดี๋ยวพอ เคียว ไปถึงห้องควบคุม ก็คงจะเปิดประตูให้เอง ”
ธนัท กล่าว

“ ร..ระวังตัวนะ แอน พวกชุดดำนั่นต้องเป็นคนไม่ดีแน่ ”
ชุติ กล่าวหน้าหงอราวกับจะร้องไห้

“ อืม เดี๋ยว แอนจะไปพา กีวี่ กลับเข้าแทงค์ก่อน ระหว่างนี้ แอนอยากให้พวก ธนัท ไปตาม ป๋ะป๋า แอน ที่ห้องพนักงานทีนะ เดี๋ยวแอนจะ ให้ เชลโล ส่งแผนที่ไปให้ ”
แอน กล่าวจบ ทั้งสองก็รับคำก่อนที่ แอน จะวิ่งอ้อมไปที่หลังเวที พร้อมกับ ยกเอาจี้ห้อยคอขึ้นมา

“ เชลโล ส่งแผนที่ของที่นี่ไปให้ คอรัส คาสเทเน็ต กับ กอสเปล ทีหน่า ”
/Roger, Sending Map/ (รับทราบ,ทำการส่งแผนที่)
ทันทีที่ แอน สั่งการจบ Note ของเธอ ก็ทำการส่งข้อมูลแผนที่ ไปที่ Note ของทุกคนทันที


/Get Item/
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจาก Note ของทั้งสาม ก่อนที่พวกเขาสามจะหยิบ จี้ห้อยคอขึ้นมาดู

“ หือ จากแอนแผนที่หรือ ดีล่ะ ”
เคียวกล่าว ขณะที่มอง จอโฮโลแกรมที่ ส่องออกมาจาก จี้ห้อยคอ ซึ่งเป็นภาพแผนผังของที่นี่
กับจุดแสดงตำแหน่งปัจจุบันของ ทุกคนที่วิ่งไปมาบนแผนภาพนี้

“ เอาล่ะ แอน ส่งแผนที่มาให้แล้ว เราไปกันเถอะ ”
ธนัท กล่าว ขณะที่ สั่งให้ คอรัส แสดงแผนที่ขึ้นมา


“ กอสเปล(Gospel)ช่วยเปิดแผนที่ ให้ทีจ้ะ ”
ชุติ กล่าวขณะที่ ยื่นจี้ห้อยคอของเธอ ขึ้นมา

/All Right/ (ได้เลย)
เสียงตอบรับจากNote ของเธอดังขึ้นก่อนที่ แผนภาพโฮโลแกรมจะถูกส่องออกมาก จี้ Note ของเธอ

เธอกับ ธนัท จึงเริ่มออกเดิน ภายในอาคาร โดยใช้แผนที่ช่วยนำทาง


ขณะเดียวกันกลุ่มชายชุดดำที่  โดดร่มลงมา ก็กระจัดกระจายลงกันคนละที่ สองคน  ลงที่ดาดฟ้า อาคารที่ พวก
ธนัท กำลังเดินตรวจอยู่ ส่วนอีกคน ลงที่ลานแสดง

แอนที่ อ้อมไปด้านหลังเวทีกำลัง ต้อนให้ ลูกวาฬ ว่ายเข้าไป ใน แทงค์ น้ำที่ ต่อกับ สระแสดง ซึ่งภายในมี
พวก โลมา และ แมวน้ำ ที่ใช้แสดงโชว์ อาศัยอยู่ทว่า เจ้าลูกวาฬกลับไม่ยอมเข้าไปง่าย มันอยากจะเล่นกับเธอมากกว่า เสียงน้ำกระเซ็นที่ เกิดจากการสะบัดตัวของ ลูกวาฬ ทำให้ ชายชุดดำ หันมาสนใจ และกำลังตรงเข้ามา
ใกล้

“ ย..อย่าเข้ามาหน่า ”
แอน ตะคอก ขณะที่เธอวิ่ง ขึ้นมาที่เวที ซึ่งยื่นเข้าไปในสระ ชายคนนั้นทำเสียงจิ้กจั้กด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยก่อน จะกระโดดทีเดียว ข้ามขอบสระ และผืนน้ำในสระ มาจนถึงพื้นเวทีที่ แอน ยืน อย่างง่ายดาย
สร้างความตกตะลึงให้แก่ เธออย่างมาก ที่เขาสามารถกระโดดข้ามจากฝั่งตรงข้ามของสระ มาหาเธอที่อยู่อีกฝั่งได้
ราวกับเหาะมาอย่างไงอย่างงั้น

“ Caller เองเหรอนึกว่าเป็นกระดูกแข็งอย่างระดับ Summoner ซะอีก ”
ชาย คนนั้นพึมพำด้วยความเสียดาย ก่อนที่จะยก เอาสำรับไพ่ ขึ้นมา


[Caller และ Summoner เป็นระดับฝีมือของผู้เล่นที่ถูกจัดอันดับเอาไว้ซึ่งมีการแบ่งระดับจากต่ำไปสูงเอาไว้ดังนี้ Caller<Summoner <Ruler ]

“ ท้าดวลงั้นเหร่อ ”
แอน กล่าวขณะที่ Note ของเธอ เชลโล ได้ส่องแสง วาบพร้อมกับที่ สำรับของเธอซึ่งถูกเก็บเอาไว้ใน จี้ห้อยคอ ได้ปรากฏออกมา
เธอคว้ามันไว้ด้วยมือขวาก่อนที่มือซ้ายจะคว้าเอา เชลโล เกิดแสงวาบขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ จี้ห้อยคอจะเปลี่ยนรูปร่างและย้ายมาเกาะที่
ข้อแขนซ้ายของเธอกลายเป็นถุงมือ จักรกลซึ่งมีช่องสำหรับเสียบสำรับสองช่อง

/Get Set/
เสียงดังขึ้นจาก Note ของเธอที่กลายเป็นถุงมือจักรกลไปแล้วในตอนนี้

“ แสตนบายน์เลย บาสซูน(Bastune) ”
/Get Set/
สิ้นคำของ ชายชุดดำ จี้ห้อยคอของเขา ก็เปลี่ยนรูปเป็นถุงมือจักรกลแบบเดียวกับ แอน
ทั้งสอง สลับกองการ์ดก่อนจะเสียบมันเข้าไปยังช่องเสียบสำรับ ซีลการ์ดช่องหนึ่ง มิสติกการ์ดช่องหนึ่ง

“ ดวลได้ ”
สิ้นเสียงของทั้งคู่ กระแสพลังเวทย์ก็แผ่ออกมาจากทั้งคู่และก่อตัวกลายเป็น Summoner Field
ก่อนที่การดวลระหว่าง แอน กับบุคคลปริศนาจะเริ่ม

“ ชื่อของฉันคือ แอนนา เชิร์กเวฟ(Anna Surge wave) ผู้ใช้สำรับนาวายะเยือก ”
แอน กล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ขณะที่ ลูกวาฬเพชฌฆาต กระโจนขึ้นจากน้ำข้ามพื้นเวที ตัดหน้า เธอไป ทิ้งไว้เพียง
หยาดน้ำที่กระเซ็นค้างในอากาศ เป็นสัญญาณเริ่มการดวล



[Data: แอนนา เชิร์กเวฟ Age: 14 Year    Deck:นาวายะเยือก ]


To be continue...
« Last Edit: December 23, 2008, 01:38:35 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #20 on: November 30, 2008, 11:46:36 AM »

ในเนื้อเรื่องของวันนี้คิดว่าคงจะได้เห็นเกี่ยวกับการแบ่งระดับ ผู้เล่นไปแล้วนะครับ
ดังนั้นเลยจะมาแจงรายละเอียด เพื่อสะดวกในความเข้าใจเล็กน้อย  ว่าแต่เอาภาษาเยอรมัน กับ อิตาลีมาใช้มันยุ่งยากไปไหมนี่ เหอๆ


Level Cost ใน Summoner Master VR




Caller และ Summoner เป็นระดับฝีมือของผู้เล่นที่ถูกจัดอันดับเอาไว้ในเรื่องนี้
ซึ่งมีผลต่อการอัญเชิญอสูรและผนึกอสูรลงในการ์ด ของแต่ละคนซึ่งรายละเอียดจะค่อยๆทยอยอธิบายในคราวหน้า ตอนนี้จะขออธิบายเกี่ยวกับ ระดับของผู้ร่ายอสูรกันก่อน พวก ธนัท อยู่ระดับ Caller


 
Caller(ผู้เรียก)ระดับนี้ผู้เรียกจะยังมีพลังเวทย์ไม่แข็งพอที่จะอัญเชิญอสูรระดับสูงออกมาได้มากนักเพราะ
พลังระดับนี้คือการร้องขอวิงวอนต่อ อสูรให้มาสู้ร่วมกัน ดังนั้นการอัญเชิญอสูรระดับสูง จึงยังเรียกใช้ได้ไม่ทั้งหมด

Summoner (ผู้อัญเชิญ) คือระดับที่สูงขึ้นมาจาก  Caller พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่ปลดระดับพลังให้สามารถควบคุมอสูรได้ในทุกระดับ ขึ้นกับความสามารถที่ตนมี อีกทั้งเมื่ออยู่ในระดับนี้ การผนึกอสูรก็จะสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พลังในระดับนี้ ถือเป็นการครองแก่นพลังของอสูร และเป็นการสั่งให้อสูรออกมา
ส่วนการอัญเชิญระดับสูงนั้น ยังคงใช้การวิงวอนอยู่ ทว่าก็สามารถทำได้กว้างขวางกว่า Caller นัก

Ruler (ผู้คุมกฎ) คือระดับพิเศษ ที่มีแต่เพียงผู้ถูกเลือกแล้วเท่านั้น บุคคลเหล่านี้จะมี
ยศระดับในกองกำลัง Phenomenon Party ซึ่งจะเรียกว่า Judge (ผู้ตัดสิน)พวกเขาเหล่านี้
คือผู้ผูกขาดสิทธ์ในการอัญเชิญ อสูรต้องห้าม ที่ถูกผนึกใน การ์ดซีรี่ย์ Promotion  เหล่า Judge นั้นจะทำหน้าที่คอยรับใช้ ผู้คุมกฎสูง ที่เป็นผู้นำในกองกำลัง Phenomenon Party

Judge (ผู้ตัดสิน) ระดับนี้คือยศพิเศษที่แต่งตั้งให้แก่สาวก ที่ถูกเลือกของ Phenomenon Party
ซึ่งมีการแยกระดับเป็น 4 ขั้น
Trainee Judge ยศระดับทหารฝึกหัดของกองทัพ ระดับพลังสูงกว่า Summoner เล็กน้อย และยังไม่สามารถอัญเชิญอสูรต้องห้ามได้
 
Judge ยศระดับทหารมีฝีมือในกองทัพ ระดับพลังในการอัญเชิญ อสูรต้องห้าม คือ Lv 2

 Senior Judge ยศระดับ ผู้หมวด ในกองทัพ  ระดับพลังในการอัญเชิญ อสูรต้องห้ามคือ Lv 3

Magna Judge ยศระดับ ผู้กอง ในกองทัพ  ระดับพลังในการอัญเชิญ อสูรต้องห้ามคือ Lv 4

Ruler คือยศสูงสุดในกองทัพ ที่เหล่า Judge ทุกระดับต้องรับใช้ บุคคลเหล่านี้สามารถอัญเชิญอสูรได้ทุกระดับ
ยกเว้น อสูรเทพ(Lv 5)

Summoner Master ผู้เชี่ยวชาญการร่ายอสูร ระดับนี้คือ บุคคลในตำนานเช่น ภูเขา บุคคลเหล่านี้จะมีพลังและความสามารถ
สูงเป็นระดับที่เทียบเท่าได้ กับ Ruler และมีสิทธิ์ผูกขาดในการอัญเชิญอสูรต้อง ห้ามเช่นเดียวกับ Ruler
แต่ยังไม่สามารถ อัญเชิญ อสูรเทพได้

Angel บุคคลเหล่านี้เป็นระดับพิเศษซึ่งเป็นผู้มี อสูรพิทักษ์ประจำตนหรือเรียกว่า อสูรเทพข้อมูลที่เหลือยังเป็นปริศนา




Logged


MoManTai
Member
*****
Offline Offline

Posts: 37


« Reply #21 on: December 06, 2008, 04:47:26 AM »

อ่านแล้วคล้ายๆกับดูคนนั่งแข่งการ์ดกันจริงๆแฮะ

แต่รู้สึกมันเหมือนกับว่า มันยาววววมากกกกก เลยอ่า

มันน่าจะทำได้เหมือนยูกิ ที่มันทำให้เกมสั้นลงได้ ไม่งั้น พอเจอพวกเดวิด งี้กว่าจะจบ (จะมีการ์ดคิดเองต่อคอมโบก็ดีนะงิ อิอิ)
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #22 on: December 07, 2008, 04:42:04 PM »

ต้องขอ อภัยแก่ผู้อ่านทุกท่านด้วยเนื่องจากตอนนี้โปรเจ็คใหม่ที่ข้าน้อยได้วางไว้เมื่อเนิ่นนานมาแล้วกำลังจะเริ่มได้แล้ว เพราะการ์ดชุด dragonology 3 อกมาแล้ว ทำให้ข้าน้อยต้องขอชะงักการอัพเดทตอนของ Summoner Master VR! ไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนจนกว่า โปรเจ็ค
 Legend Alimathe of The Thaliwilya : Crisis Valkyrie จะจบสมบูรณ์ ข้าน้อย
ต้องขอหยุดเอาไว้ชั่วคราว ก่อนแต่รับรองว่าจะไม่ปล่อยให้เนื้อเรื่องค้างไปตลอดการแน่นอน

ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย


แก้ไข:ตอนนี้จะกลับมาลงตามเดิมแล้วเพราะโปรเจ็คทาลิ ต้องเลื่อนออกไปดังนั้นเรื่องนี้จะต่อไปเรื่อยๆจนจบ

วันที่ 26 ธันวาคม 2551
« Last Edit: December 26, 2008, 12:12:48 PM by greamon » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #23 on: December 09, 2008, 11:35:54 PM »

ง่ะ!!!!!!!!!!!ไม่ได้ตามอ่านนาน ขอเรื่องย่อแบบย่อๆ หน่อยคร้าบ 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #24 on: December 10, 2008, 02:46:50 AM »

Quote
ง่ะ!!!!!!!!!!!ไม่ได้ตามอ่านนาน ขอเรื่องย่อแบบย่อๆ หน่อยคร้าบ 

เอ่อคือ เอาเรื่องย่ออันไหนล่ะครับ

เรื่องย่อของชุดใหม่ Drago3 ก็ที่นี่
http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=44882.0

หรือถ้าจะเอาบทนิยายผมก็
จะเอาตั้งแต่
War of Actor in Terra - Multi Armor Actor V.O.W -  Multi Armor Actor E.E
ดีล่ะขอรับ ถ้าจะเอายาวขนาดนี้ล่ะก็เดี๋ยวขอติดต่อ เจ้าการุรุม่อน(Cocka-c) ก่องน่อ
ส่วนทาลิ ภาคแรกไม่ต้องมั้งน่าจะยังไม่ลืม
หรือจะเอาเรื่องย่อของ Summoner Master VR!

เอ....แต่ แค่ 4 ตอนอ่านเอาก็ได้เนอะไม่ต้องย่อ

หรือกะลังเข้าใจผิดว่า ตำนานทาลิ ภาค วิกฤตินางฟ้า (Crisis Valkyrie) เนี่ยเขียนออกมาหลายตอนแล้ว
ถ้าใช่ต้องขอแจงก่องนะครับว่า ยังไม่ได้ลงเลยซักตอนกำลังเร่งทำภาพตัวละครกะเนื้อเรื่องอยู่ขอรับ พอดียังไม่ลงตัว  อ้อขอแก้ชื่อเรื่องด้วย ไม่ใช่ Legend Alimathe of The Thaliwilya : Crisis Valkyrie

แต่ต้องเป็น Legend Thaliwilya of Alimathe : Crisis Valkyrie บังเอิญรีบไปหน่อยเลยสับสนขอรับ

« Last Edit: December 26, 2008, 12:13:39 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #25 on: December 14, 2008, 09:57:44 PM »

ก่อนอื่นใดขอแจ้งข่าวดีก่อนนะขอร้าบ เนื่องจากจนกว่าจะถึง ปีหน้า ในเดือน มกราคม จะทยอยลง
Summoner Master VR! ไปจนกว่าจะสิ้นปีนะขอรับ

Sub-Turn 5 Paradiso da Regola (หลักเกณฑ์แห่งสวรรค์)


หลังจาก วิกฤติพลังงานของโลก ได้ผ่านพ้นไปนานนับศตวรรษ มนุษยชาติ กลับไม่ได้บทเรียนจากครั้งนั้นเลย
ครั้นเมื่อพลังอันไร้ขีดจำกัดได้ปรากฏขึ้น พลังงานอันเป็นพลังแห่งจิตใจซึ่งเป็นตัวแทนของ
ไสยศาสตร์ พลังเวทย์มนต์ พลังแห่งทางเลือกใหม่นี้ดูจะเป็นการค้นพบครั้งสำคัญของมนุษยชาติ เลยทีเดียว
ทว่าแม้พลังเวทย์มนต์ จะเป็นพลังบริสุทธิ์ แต่มันก็นับว่าเป็นพลังงานที่อันตรายยิ่งด้วย หากนำมันไปใช้
ในทางที่ผิด ผลของการทำลายล้างอาจจะไม่ได้จบแค่ ความเสียของประชากรและเมืองๆ หนึ่งเหมือนครั้ง ระเบิดปรมาณูเมื่อสงครามโลก เพราะพลังเวทย์มนต์นี้ มีอำนาจที่จะลบโลกให้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ได้เลยทีเดียว

แน่นอน ใช่ว่าจะไม่เคยมีใครทำเช่นนั้นมาก่อน เมื่อครั้งที่สามารถรื้อฟื้นพลังเวทย์ขึ้นมาได้
พวก สหภาพ องค์กรก่อการร้ายต่างๆก็ได้คิดริเริ่มที่จะนำมันเอามาใช้ในสงคราม
ผลจากครั้งนั้น เหล่าผู้โง่เขลาจึงต้องจบชีวิต ด้วยน้ำมือของตัวเอง พลังมนตรานี้
หาใช่พลังงานธรรมดาที่มนุษย์จะนำเอามาใช้ได้ตามใจนึก หากแต่พลังงาน นี้มีชีวิตความนึกคิด

 มันเป็นพลังงานที่มีผู้คุ้มครอง พลังงานมนตราเหล่านี้แท้จริงเป็นรูปหนึ่งของเหล่าอสูรอัญเชิญ ในครั้งที่มนุษย์จะนำเอาพลัง มนตรา มาพวกเขาได้ทำพันธะสัญญา กับอสูรอัญเชิญ และนำพวกมันเหล่านันมายังโลกแห่งความเป็นจริงในรูปของพลังงาน

จากการที่พลังงานนี้มีชีวิตมีความนึกคิด พวกที่ไม่เชื่อในเรื่องของไสยศาสตร์และดูถูก มันเช่นเดียวกับพลังแห่งวิทยาศาสตร์ที่ พวกเขาสร้างขึ้น ผลของการกระทำนั้น  …. ดินแดนในภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้ถูกลบหายไปด้วยพลังของ อสูรเทพ ที่ปรากฏตัวขึ้นเพื่อทำลายล้าง เหล่าผู้ฝักใฝ่ในสงคราม จากเหตุการณ์นั้น

 อิรัก อิสราเอล คูเวต จอร์แดน ตุรกี และประเทศทั้งหมดที่เคยอยู่ในสหภาพโซเวียต ต้องพบกับความล่มสลายในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที พลังที่แม้แต่นิวเคลียร์ ระเบิดที่เคยได้รับการยกย่องว่า เป็นอาวุธฆ่าที่มีอานุภาพทีาสุดกลายเป็นแค่ของเล่นไป ด้วยการทำลายล้างของ อสูรเทพเพียงตัวเดียว กลุ่มประเทศที่ก่อความขัดแย้งกันเองมานานนับศตวรรษ
จึงต้องจบประวัติศาสตร์แห่งสงครามอันยาวนานลงพร้อมกับ หน้าประวัติศาสตร์ของที่ ถูกสาปให้หายสาบสูญไป

เทพอสูร เลราเย่(Leraje, the Torment of War)  อสูรเทพแห่งสงครามได้จุติลงจากการที่ กลุ่มประเทศนั้นต้องการจะใช้อำนาจแห่งพลังมนตรา ทำลายซึ่งกันและกัน ทั่วโลกที่ได้รับรู้ถึงผลของการ
ที่คิดจะควบคุมพลังอำนาจนี้ จึงต้องปฏิวัติทัศนคติ ของตนเสียหากคิดจะเอาความได้เปรียบ ทางอำนาจการรบต่างๆ
บัดนี้ไม่ใช่พวกเขาอีกแล้วที่คุมบังเหียนโลกหากแต่ โลกต่างหากที่คุมบังเหียนพวกเขา หลังจาก เหตุการณ์ที่
เทพอสูร เลราเย่  จุติ ในครั้งนั้นทำให้ทุกประเทศในโลกต้องเลิกทำสงครามและสยบความขัดแย้งทั้งหมดลง
 


ข้อความแห่งประวัติศาสตร์ ที่ถูกจารึกเอาไว้ บนจอโฮโลแกรม ที่ส่องออกมาจาก Note ที่อยู่บนอุ้งมือของ
คนๆหนึ่ง ภายในห้อง โถงที่มืดสลัว โต๊ะประชุม วงรี ที่กลางโต๊ะมีภาพ โฮโลแกรม ของ สวนพันธ์สัตว์น้ำ Water Layer ในทุกซอกมุม ฉายอยู่ นอกจาก เจ้าของ Note ที่นั่งอ่านข้อความแห่งประวัติศาสตร์
เมื่อครู่แล้วก็ยังมี อีกสามคนที่นั่งประชุมอยู่ ด้วย

“ ควีน(Qeen) จิงค์ ลิตเทิลแองเจิล(Jing little Angel ) รายงานกลับมาแล้ว ”
ชายคนหนึ่งที่อยู่อีกฟากของโต๊ะกล่าวขึ้น แสงไฟสลัวๆจากโฮโลแกรม ที่กลางโต๊ะ ทำให้พอจะมองเห็นร่างของ บุคคลทั้งหมดที่ร่วมประชุมอยู่ ผนังห้องนั้นเป็นกระจกใส เงาของอะไรบางอย่างแหวกว่ายลอยผ่านไปมา
ไปรอบห้อง แสงจากโฮโลแกรม ที่กลางโต๊ะซึ่งส่องไปถึง กระจกหน้าต่างได้ล่อให้สิ่งหนึ่งที่แหวกว่ายอยู่ภายนอก
กระจก เข้ามาหา ฉลามหัวค้อนขนาดยักษ์ ซึ่งเวียนว่ายอยู่ด้าน นอกต่างมารุมล้อมเพราะแสงไฟที่ลอดออกมา
แน่นอนเงาที่แหวกว่ายอยู่ก่อนนั้น ก็คือเงาของ ปลาและสัตว์น้ำชนิดต่างๆที่ถูกเลี้ยงไว้ในแทงค์ ขนาดยักษ์
ที่ตั้งล้อมห้องประชุมไว้

“ จะมีแน่เหรอ ในที่แบบนั้นน่ะ ”
หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กล่าวเน้นเสียง

“ แต่จากสัญญาณที่ตรวจพบ เราสามารถยืนยันได้ว่าที่พวกเรากำลังตาม หาอยู่ได้ปรากฏขึ้นที่นั่นนะหรือว่าเธอไม่เชื่อในความสามารถของกองวิทยาการที่ฉันดูแลอยู่ล่ะ ไนท์ ไกอา(Knight Gaia) ”
หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายของโต๊ะประชุมกล่าวขึ้น

“ แหมๆ อย่าโกรธสิจ้ะเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอกเน้อ ตาลีบัญ ”
หญิงสาวที่ ถูกเรียกว่า ไนท์ ไกอา กล่าวหยอกล้อใส่

“ อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นนะ ไกอา …ชิปท์ บีบิส (Ship Beabizz) หัวหน้าฝ่ายวิทยาการ นั่นคือชื่อของฉัน
อย่าเอานาม ก๋องแก๋ง แบบนั้นมาเรียกฉันอีกนะ ”
หญิง สาวที่ถูกหยอก ตะหวาดด้วยความหัวเสีย

“ อ๋อเหรอ ยัยป้าคลั่งทฤษฎีที่ ชอบแอ็บแมน ในนิตยสารอย่างเธอนี่ก็ระเบียบจัดเหลือเกินนะ ”
ไกอา กล่าวเยาะเย้ย ทำให้ บีบิส หมดความอดทนและกล่าวโต้กลับไป

“ อ๋อเหรอ ยัยคนหลงตัวเองคิดว่าตัวเองสวยนักสิ ทำโปรย เสน่ห์ ใส่อยู่ได้ทุกฉบับ รู้ไหมคนอ่านเขาเอียน ยัยแก่
วิตกจริต อย่างเธอจะแย่อยู่แล้ว ไม่รู้รึไง เดี๋ยวก็พี่ ไกอ๊า ไก่อ้า ไกอา ขิขุ ตายล่ะ ”
บีบิส โต้กลับเสียจน ไกอา ต้องกรีดร้องด้วยความโมโห

“ ว้าย ยัยแก่ค้างปีหาฉันวิตกจริตงั้นเรอะ..มาดวลกันรู้ดำรู้แดงไปเลยดีไหม ”
ไกอา ตะหวาด ก่อนจะกระแทกตัวขึ้นยืนพร้อมกับ คว้าสำรับไพ่ขึ้นมา

“ จะเอาเรอะได้อยู่แล้ว ”
บีบิส ขบฟันพูดด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับคว้าสำรับขึ้นมาเช่นเดียวกัน

“ หยุดเลยทั้งคู่นั่นล่ะ ”
ชายที่นั่งอยู่ข้างๆไกอา ตะคอกทำให้ทั้งคู่ต้องชะงักในทันที

“ ต…แต่ นิฮิล ยัยป้านี่… ”
“ หุบปาก พวกเธอสองคนไม่ละอายบ้างรึไง นี่ต่อหน้าท่านประธาน นะ ”
ชายที่ถูกเรียกว่า นิฮิล ตะคอกใส่ จนหญิงทั้งสองต้องยอมจำนน และเลิกราแต่โดยดี

“ ขอบใจมาก บิชอป นิฮิล (Bishop Nihill) เอาล่ะ ควีนจิงค์ ติดต่อเข้ามาว่าไงบ้าง ”
ชาย ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ ที่นิฮิล นั่งอยู่ กล่าวชายคนนั้นยังคงนั่งอ่าน เนื้อหาของประวัติศาสตร์โลกที่ส่องออกมาจาก Note ของตัวเอง

“ ตอนนี้ คาดว่า บุคคลระดับ Angel ที่สามารถอัญเชิญอสูรเทพ ได้นั้นน่า จะอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่เราทำการวางกำลังตรวจหาไว้ตั้งแต่สามวันมานี้แล้วครับ ตอนนี้ ควีนจิงค์ ส่ง Judge ไปแล้วแต่ในพื้นที่มีกลุ่มบุคคล
อื่นนอกจาก บุคคลที่ว่าปะปนอยู่ด้วยทำให้เราไม่รู้ว่า ใครคือผู้ที่มีพลังระดับ Angel ครับ ”

“ เป็นไปตามคำทำนาย จริงๆสินะ องค์หญิงแห่งมังกรขาว ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้วสินะ งั้นก็จวนจะได้เวลาแล้วสินะ
เวลาที่จะทำให้โลกนี้กลับไปสู่ครรลองที่ควรเป็นของมันน่ะ ”
ประธาน ในที่ประชุมกล่าว เสียงเรียบ ก่อนที่ ภาพ การเคลื่อนไหวของ พวก ธนัท ภายในอาคาร
ซึ่งถูกฉายเอาไว้จะค่อยๆปรากฏขึ้นจนครบทุกคน

…………………
…………………….

เคียว ที่วิ่งไปตามบันได ซึ่งทอดยาวไปถึงชั้นบน ข้างหน้า ประตูเหล็กที่ขวางทางเข้าไว้ก็เลื่อนเปิดออก
โดยอัตโนมัติ ภายในห้องที่มีแผงควบคุม ติดตั้งอยู่รอบห้องนั้น มีชายสวมสูทสีดำ และสวมแว่นกันแดด
รอเขาอยู่ก่อนแล้ว

“ ทางนี้ก็ระดับ Caller งั้นเหรอช่วยไม่ได้ เพราะระดับ Angel มันไม่ได้กำหนดตายตัวว่าต้องเป็นระดับ Summoner อยู่แล้วเพราะงั้นทางเดียวที่จะรู้ได้ ”
/Get Set/
สิ้นคำ Note ของชายชุดดำก็ทำการเปลี่ยนรูปเป็นปลอกแขนสำหรับใช้ดวล ในทันที ก่อนที่เขาจะเสียบสำรับ ทั้งสองลงไปในช่องใส่สำรับ

ทางด้าน ธนัท กับ ชุติการ ที่กำลังเดินไปตามทาง ที่มืดสลัวก็ได้เจอเข้ากับ ชายชุดดำอีกสองคน

“ ทางเดียวที่จะรู้ว่าเป็นระดับ Angel รึเปล่าก็คือ ต้องดวลเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายอัญเชิญอสูรเทพออกมาเท่านั้นสินะ ”
/Get Set/
ชายชุดดำ ทั้งสองที่อยู่ต่อหน้า ธนัทและชุติ กล่าวก่อนที่ Note ของชายชุดดำทั้งสองจะเปลี่ยนเป็นปลอกแขนสำหรับดวล

…..


“ คาสเทเน็ต สแตนบายน์  ”
/Sich Bereit Halten/(G:Get Set)
สิ้นคำของ เคียว Note ของเขาก็เปลี่ยนรูปเป็นปลอกแขนสำหรับดวล ในทันที ก่อนที่ เขาจะเสียบสำรับลงไป
ในช่องสำรับ

“ คอรัส  แสตนบายน์ ”
“ กอสเปล แสตนบายน์ ”
/Get Set/
สิ้นคำของ ธนัท และ ชุติ สำรับไพ่ของทั้งสองก็ถูกส่งออกมาจาก Note ของตนก่อนที่ มันจะเปลี่ยนรูปเป็น
ปลอกแขนสำหรับดวล

“ ดวลได้ ”
สิ้นคำของทุกคนการต่อสู้กับ กลุ่มชายชุดดำก็เริ่มขึ้นทั้งหมด
……….
…………..
…………….


“ แอน เริ่มก่อน Cost Mp 2 ร่าย Ocean Chrysalis ลงไปที่ At line จากนั้น Cost Mp อีก 3 ร่าย  Golden Horn Walrus Baby 3 ใบไว้ที่ Df Line แล้ว End Turn ”
สิ้นคำของแอน เธอก็จัดการโปรย ซีลการ์ด สี่ใบบนมือ ออกไป ส่วนเฟืองอันเล็กๆที่ติดอยู่ตรงปลอกแขนก็เริ่มหมุนด้วยความเร็วสูงจนเกิดละอองแสง ลอยออกไป มวลละอองแสงเหล่านั้น ได้ไปจับกลุ่มกับ การ์ดที่โปรย

ออกไป และทำให้เกิดแสงสว่างวาบ ขึ้นเท่ากับจำนวนใบที่โปรยออกไป สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายกับ
หนอนทะเล ตัวกลม ลงมายืนคุมเชิงที่แนวหน้าในขณะที่ด้านหลังมีลูกวอรัสเขาสีทอง ขนสีขาวปุกปุย
สามตัวหลบอยู่ด้านหลังเจ้าหนอนทะเล 






“ รอบของฉัน Cost Mp2 ร่ายAngel of Rule(ทูตสวรรค์แห่งกฎ) จากนั้น Cost Mp3 ให้มิสติกพื้นที่ Crystal Court (ลานสนามคริสตัล) ทำงาน  ”
สิ้นคำ ชายชุดดำก็ โยนไพ่ออกไป เฟืองที่อยู่ตรงข้อแขนของเขาแบบเดียวกับ แอนก็หมุนด้วยความเร็วสูงจนปล่อยละอองแสงออกมา จับกลุ่มที่การ์ดใบนั้น ก่อนที่จะเกิดแสงสว่างวาบขึ้นไปทั้งลาน ทันทีที่
แสงจางลง ปราสาทผลึกใส ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเหนือพวกเขา บันไดของปราสาทได้ทอดลงไปบนผิวน้ำก่อนที่ ผิวน้ำในสระจะเปลี่ยนเป็นผลึกใสด้วย วงแหวน ผลึกที่ก่อตัวขึ้นล้อมรอบ เหนือปราสาทผลึกเอาไว้

ที่ยอดของปราสาทมีประกายแสงส่องสว่างวิบวับ ตลอดเวลา ก่อนที่ทูตสวรรค์ หกปีกจะควงหอกในมือ โบยบินลงมาจาก ยอดของ ปราสาท  จอโฮโลแกรมได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศตรงหน้า ของแอน ซึ่งในจอนั้นได้แสดงรายละเอียดของการ์ดแต่ละใบในสนาม และ Mp กับจำนวนการ์ดในมือ ของเธอกับอีกฝ่าย





“ Crystal Court เหรอ มิสติก ชนิด PA แบบไม่จำกัดเทิร์น ความสามรถคือ จะลดค่าร่ายของ เผ่าพันธ์ Divine จะลดลง 1 จุดงั้นเหร่อ ”
แอน อ่านรายละเอียดของ ไพ่ที่สร้างพื้นที่นี้ขึ้น ขณะเดียวกัน ลูกวาฬที่ว่ายอยู่ในสระ ก็ลอยตัวทะลุผิวธารผลึก
ที่เป็นเพียงภาพเสมือน ขึ้นมาเพราะในความเป็นจริงพื้นที่ตรงส่วนนั้นยังคงเป็นน้ำอยู่

“ Cost Mp1 ให้ แองเจิลออฟรูล โจมตีไปที่ โอเชี่ยน ชิลซาลิส  ”
สิ้นคำ ทูตสวรรค์แห่งกฎ ก็พุ่งเข้าไปแทง หนอนทะเลที่ยืนขวางแนวหน้าเอาไว้ด้วย หอกในมือจนมันแตกสลายเป็นแสงไป

“ ด้วยผลของ โอเชี่ยน ชิลซาริส ฉัน สามารถ Cost Mp ค่าร่ายของ ซีล เผ่าพันธุ์ Monster 1 ใบจากกองการ์ดซีลเข้ามาในสนามได้ ฉัน Cost Mp 2 และให้ Golden Horn Walrus ออกมาที่ At Line ”
แอน กล่าวจบประกายแสงของ โอเชี่ยน ชิลซาริส ที่ลอยตัวอยู่ก็หมุนวนรวมกันเกิดเป็น อสูรตัวใหม่
วอรัสเขาสีทองตัวเต็มวัยได้ปรากฏขึ้นใน สนาม



“ พลังโจมตี ของ วอรัส จะเพิ่มตาม วอรัสเบบี๋ ในสนาม ดังนั้น พลังของ วอรัสตอนนี้เท่ากับ 9 หน่วย ”
แอน กล่าวอธิบายขณะที่ ชายชุดดำเองก็เปิดจอโฮโลแกรมที่จะแสดงค่ามาตรต่างและคำอธิบายของไพ่แต่ละใบ
ขึ้นมาด้วย

“ Cost Mp2 ร่าย แองเจิลออฟรูล ลงไปอีก 2 ตัวที่แนวป้องกัน ”
ชายชุดดำกล่าวจบ ก็อัญเชิญ ทูตสวรรค์ลงมาอีกสององค์

“ เอ๋ ทำมายกันก็ใช้ Mp ไป 6 แล้วนี่หน่า แต่ทำไมถึงมีอีก 2 ล่า ”
แอน กล่าวด้วยความสับสนขณะที่เอามือเกาหัวอย่าง งงๆ

“ อาจจะโหดร้ายไปซักหน่อย แต่ชั้นต้องบังคับให้เธอ ดวล ด้วยกฎ ระดับ Summoner ไม่ใช่ Caller
ดังนั้น Mpจาก 7 จะเพิ่มเป็น 8 Shrine Max จาก 12จะเพิ่มเป็น 15 แน่นอนรวมไปถึงเพื่อนๆของเธอ ที่กำลังดวลกับพวกของชั้น ก็ต้องสู้ด้วยระดับ Summoner เท่านั้น ”
ชายชุดดำ กล่าวเสียงเรียบ คำพูดของเขาทำให้แอน เอะใจขึ้นมา

“ เชลโล…ช่วยแสดงตำแหน่งของทุกคนให้ที ”
/Yes Sir/(รับทราบ)
สิ้นคำของแอน Note ของเธอที่กลายเป็นปลอกแขน ก็ตอบรับก่อนจะ เปิดจอภาพโฮโลแกรมขึ้นมา
ตำแหน่งแสดงที่อยู่ปัจจุบันของทุกคนต่างหยุดนิ่ง กันหมด ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นที่กำลัง ดวลอยู่
แต่เพื่อนๆของเธอเองก็เช่นกัน

/Get Call/
“ ทุกคนถ้าตอนนี้กำลังดวลอยู่ล่ะก็ระวังด้วยนะเจ้าพวกนี้มันบังคับให้เราดวล ในระดับ Summoner  ”
เสียงของ เคียวดังขึ้นมา ก่อนที่ จอโฮโลแกรม เล็กๆอีกจอจะปรากฏขึ้น มันฉายภาพและเสียงของ เคียวที่ติดต่อเข้ามา


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #26 on: December 14, 2008, 09:58:09 PM »

“ ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็ทางนี้รู้แล้วล่ะ เพราะพวกเราเองก็โดน มันบังคับให้ ดวลแบบแทคทีมกัน
แถมยังเป็นการดวล ระดับ Summoner ด้วยทำให้พวกเราไม่ค่อยจะคุ้นเท่าไหร่ก็เลยเป็นฝ่ายตามอย่างเดียวเลย ”
เสียงของ ธนัท ที่จับคู่กับชุติการ อยู่ก็ดังขึ้นมาพร้อมกับ จอภาพโฮโลแกรมขนาดเล็กที่ ฉายเพิ่มขึ้นมาอีกจอ
เขากับ ชุติการกำลังถูก อสูรอัญเชิญ แบบเดียวกับที่ ชายชุดดำที่ดวลกับแอนกำลังใช้กดดันอยู่

“ นี่เคียว ทำไมสัญญาณเตือนมันถึงดับไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะ ”
ธนัท ถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่า เสียงสัญญาณเตือน เงียบลงไป

“ ก็เจ้าคนชุดดำที่อยู่ในห้องนี้น่ะสิ มันสับสวิตซ์สัญญาณเตือนแล้วแถมยัง ตัดสัญญาณแจ้งที่จะส่งไปที่ สถานีตำรวจ ไปแล้วด้วย ”
เคียว ตอบกลับ

“ ถ้างั้นใช้ Note โทรแจ้งไม่ได้เหรอ ”
ชุติการเสนอความเห็นบ้างขณะที่กำลังคิดหาทางโต้กลับอีกฝ่ายให้ได้

“ ไม่ได้เลยมันมีคลื่นอะไรบางอย่างรบกวนตั้งแต่ วกกลับเข้ามาตอนสัญญาณดังแล้วนั่นล่ะ
ตอนนี้เลยติดต่อ ออกไปข้างนอกไม่ได้เลยคิดว่าพวกมันคงรบกวนสัญญาณเอาไว้ ”
เคียว กล่าวจบ สัญญาณของเขาก็ถูกตัดไปทันที ไม่นานนัก สัญญาณของ ธนัท กับ ชุติ ก็ถูกตัดไปด้วย

“ ต้องขอ อภัยอีกครั้ง แต่คงจะให้พวกเธอติดต่อกันต่อไปอีกไม่ได้แล้วล่ะนะเอาล่ะมาต่อกันดีกว่า ตาเธอแล้วสาวน้อย ”
ชายชุดดำ กล่าวขณะที่ผายมือไปยังเธอ

“ รอบของฉาน Draw  ”
แอน กล่าวพร้อมกับดึง มิสติก การ์ดที่ช่อง เสียบสำรับ มิสติก ตรงข้อแขนออกมา หนึ่งใบจากนั้นจึงเลื่อนมือไป
แตะที่กระเปราะช่องเสียบ สำรับ ซีล ก่อนที่จะเอามือไปรอรับ ที่หน้าช่องสำรับ ซีล การ์ด ถูกดีด ออกมาเข้ามือของเธอพอดี  ก่อนที่จะนำมันไปรวมกับไพ่ที่อยู่บนมือ

[ Hand Sta: Seal:2 Mystic:3 ]Mp 6


“ Cost mp3 ร่าย Icicle Hound และ โกลเด้นท์ฮอร์นวอรัสเบบี๋ ลงไปที่ Df Line  ”
แอน กล่าวจบก็ร่าย การ์ลงไปอีกสองใบ ใบนึงคือลูกวอรัสเขาทองคำ กับอีกใบคือ ไอซิเคิลฮาวน์
ทั้งหมดได้ปรากฏขึ้นบนสนามฝั่งเธอ





“ จากนั้น Cost mp1 ให้ โกลเด้นท์ฮอนวอรัส โจมตี AT and Sp ของโกลเด้นท์ฮอนวอรัส จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนวอรัสตัวลูกในสนาม ตอนนี้มีสี่ใบ At and Sp ของโกลเด้นท์ฮอนวอรัส จึงเป็น At 10 และ Sp5
โจมตีใส่ แองเจิลออฟรูล เลย ”
แอน สั่งการจบวอรัส ตัวเต็มวัยก็พุ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูง หมายจะใช้เขาบนหัวแทงทะลุร่างของ ทูตสวรรค์

“ Cost mp2 ร่าย No Attacking ผลของมันจะทำให้ซีลที่สวมใส่ไม่สามารถโจมตีได้ ”
ชายชุดดำกล่าวขณะที่ ร่ายการ์ดลงไป ดาบไขว็ได้ปรากฏขึ้นมาขวางการโจมตีของ วอรัสเอาไว้ทว่า

“ ไม่ยอมหรอกน่า Cost mp2 ร่าย Inquistion ผลของมันจะทำลาย มิสติก การ์ดชนิดใดก็ได้ 1 ใบสนามเลือกทำลาย No Attacking ”
ทันทีที่แอนร่ายการ์ดใบนั้นออกไป ก็ปรากฏร่างของนักบวชขึ้นมากลางสนาม ในมือมีกระดาษยันต์ ซึ่งกำลังรุกไหม้อยู่ นักบวชได้ โยนกระดาษยันต์ นั้นไปที่ ดาบไขว้ทั้งที่ขวางการโจมตี อยู่ พลันดาบนั้นก็ได้ อันตธานหายไปอย่างสิ้นเชิง และเมื่อหน้าที่ลุล่วง นักบวชก็ได้สลายหายไป การโจมตีของวอรัส จึงสามารถทำลายทูตสวรรค์ลงได้



“ รอบของ ชั้นจั่วไพ่ ”
ชายชุดดำกล่าว ขณะที่ดึง มิสติกการ์ดออกจากช่องสำรับมิสติกมาสองใบ

[ Hand Sta: Seal:2 Mystic:2 ] mp 6 Shrine 2/15

“ แล้วเธอจะเสียใจที่ไม่ยอมทำลาย Crystal Court แต่เลือกที่จะทำลายซีลของชั้น Cost mp1 ร่าย แองเจิลออฟรูลอีกใบลงไปยังแนวป้องกัน จากนั้น Cost mp 2 ร่าย Angel of Anger(ทูตสวรรค์แห่งความโกรธ) ไว้ที่แนวหน้าและให้มันรวมร่างกับ แองเจิลออฟรูล 2 ตัว ที่อยู่ในสนามก่อนแล้ว ทริปเปิลคอมบิเนชั่น ”
ชายชุดดำกล่าวจบซีลการ์ด 2ใบก็ถูกร่ายลงมา ทูตสวรรค์ สององค์ได้โบยบินลงมาจากปราสาท คริสตัลที่ลอยตัวอยู่ด้านบน โดยมี ทูตสวรรค์แห่งกฎ 1องค์ และทูสวรรค์องค์ใหม่ซึ่งควงหอกสามง่าม ลงยืนขวางแนวป้องกันไว้
ทูตสวรรค์องค์นี้มีปีกขนาดใหญ่สองปีกและปีกขนาดเล็กอีกสองปีก



/Combination Console/
เสียงทุ้มแหลมที่ดังขึ้นมาจาก ปลอกแขนของชายชุดดำดังขึ้นพร้อมกับที่ จอโฮโลแกรมแนวยาวจะปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา บนจอนั้นมีไพ่ซีล ตามที่กำหนดอยู่บนสนาม เขายื่นมือไปแตะ ที่ไพ่ของ ทูตสวรรค์แห่งความโกรธ
ก่อนจะเลื่อนมันลง ไปทับกับ ทูตสวรรค์แห่งกฎ ที่อยู่แนวล่างของจอ ซึ่งทูตสวรรค์ทั้งสามใบนั้นมีใบหนึ่ง

ที่เป็นสีแดง ส่วนอีกสองใบเป็นสีปกติ ซึ่งใบที่เป็นสีแดงนั้นคือเครื่องหมายที่บ่งว่าไพ่ใบนั้นไม่สามารถเป็น
ซีลรองรวมร่างได้ ชายชุดดำได้เลื่อนเอาไพ่ของ ทูตสวรรค์แห่งความโกรธ ลงไปทับ ทูตสวรรค์แห่งกฎทั้งสองใบ

 อย่างรวดเร็วก่อนจะเลื่อนมันกลับขึ้นไปยัง แนวบนของจอ ความเร็วในการเลื่อนไพ่นั้น ทำให้เกิดแสง ที่ตกค้างจากการเลื่อนส่องเป็นลายทางราวกับกำลังวาด เส้นลงในอากาศทันทีที่การสั่งรวมร่างสมบรูณ์
จอสนามที่ปรากฏขึ้นก็หายไป ทูตสวรรค์ทั้งสามที่ถูกสั่งการก็พร้อมใจกัน บินขึ้นไปจากสนาม

“ Cost mp3 ให้แองเจิลออฟแองเกอร์โจมตี จงรับการลงทัณฑ์ ไปซะ Punishment(ลงทัณฑ์) ”
สิ้นคำของชายชุดดำ เหล่าทูตสวรรค์ทั้งสามก็พุ่งดิ่งลงมาจากด้านบนของ สนามพร้อมกับ กระชับอาวุธในมือของตน

“ แองเจิลออฟแองเกอร์ มี At 10 เท่ากับวอรัส แต่วอรัสของฉานมี Sp 5 ซึ่งมากกว่านั่นเท่ากับว่าแองเจิลออฟแองเกอร์ต้องถูกทำลายหน่า ”
แอน กล่าวขึ้นขณะที่การโจมตีของทูตสวรรค์ทั้งสามกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ

/No master, Ability for Angel of Anger is… /(ไม่มาสเตอร์,ความสามารถสำหรับทูตสวรรค์แห่งความโกรธคือ..)

เสียงของ เชลโล Note ของแอนดังขึ้นเพื่อที่จะเตือนเธอแต่ก็สายไปซะแล้ว เพราะทูตสวรรค์ทั้งสามก่อนจะเข้าถึงตัวของ วอรัส ก็ได้แยกออกไปสามทางและพุ่งเข้าโจมตีพร้อมกับซ้าย ขวาและด้านบน หอกและสามง่ามแทงทะลุร่างของ วอรัส ทั้งสามทิศ เจ้า วอรัส ครวญครางด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะแตกสลายไป

“ วอรัส ….นี่มานหมายความว่ายางงาย ”
แอน อุทานเสียงเหน่อด้วยความประหลาดใจ

“ อะบิลิตี้ของ แองเจิลออฟแองเกอร์ คือเมื่อมี เผ่าพันธุ์ Divine ใบอื่นในสนาม At จะเพิ่มขึ้น 1 จุดและยกเลิก Curse ดังนั้น At ของมันจึงไม่ใช่ 10 แต่เป็น 11 หมดรอบของชั้นตาเธอแล้วสาวน้อย ”
ชายชุดดำกล่าวเสียงเรียบ ขณะที่แอน ต้องขบฟันด้วยความช้ำใจที่ไม่ยอมอ่านความสามารถของอีกฝ่าย
แต่ถึงยังงั้นก็ตาม บนมือของเธอก็มีแต่ มิสติกการ์ดที่จะสร้าง Curse ให้กับอีกฝ่ายอย่าง Cool moon และการ์ดหยุดยั้งความสามารถอย่าง No skill เท่านั้น

“ รอบของฉาน Draw ”
แอน กล่าวแต่ขณะที่เธอจะ ดึงไพ่ออกจากสำรับเธอก็ชะงักไป

“ เราจะทำยังไงดีล่ะ ในสนามตอนนี้ที่พอจะสูสีก็มีแค่ ไอซิเคิลฮาวน์ เท่านั้น แต่มิสติก ของเราส่วนใหญ่
จะเน้นไปที่การ์ดหยุดยั้งอีกฝ่าย ไม่มีมิสติก ที่จะเสริมพลังให้เอาชนะ ได้เลย ถ้างั้นจะลองเสี่ยง จับซีลการ์ดอย่างเดียวแต่นั่น ก็หมายความว่าต้อง ดึงให้ได้ วอรัส อีกใบ ถึงจะพอมีทาง แต่ก็ใช่ว่าเราจะ จับ เอาวอรัสขึ้นมาได้แน่นอนซะด้วยสิ ถ้างั้นเอามาอย่างใบละกัน ”
แอนคิด เมื่อตัดสินใจได้แล้วเธอจึง จั่ว การ์ดขึ้นมา อย่างละใบ

[ Hand Sta: Seal:1 Mystic:3 ] mp 8  Shrine 3/15


“ Twin Star กับ โอเชี่ยนชิลซาริส เหร่อ ไม่ไหวไม่มีอันไหนจะไปสู้ได้เลยถ้างั้นคงต้อง ให้ ไอซิเคิลฮาวน์รวมร่างไปก่อน ”
แอนคิดได้ดังนั้นก็ ยื่นมืออกมาเพื่อที่จะรอ ออกคำสั่งให้ เชลโล เปิดระบบรวมร่าง



 “ ให้ ไอซิเคิลฮาวน์ทำการ ทริปเปิลคอมบิเนชั่น ”
/Combination Console/
สิ้นเสียงของเธอ เชลโลก็ตอบรับเตรียมจะทำการ เปิดระบบรวมร่างทว่า

“ Cost mp2 ร่าย Untouchable Emblem(สัญลักษณ์ของผู้ที่มิควรแตะต้องหรือ
ตราแห่ง จัณฑ์คาม) ไปติดที่ ไอซิเคิลฮาวน์ ”
*[จัณฑ์คาม พวกที่มีวรรณะที่ไม่มีผู้คบค้าด้วยในศาสนาฮินดู ว่าแต่เขียนจัณฑ์คาม ถูกต้องไหม
เนี่ย เรียนศาสนา ไว้นานแล้วชักลืมๆ]*
ชายชุดดำ กล่าวจบก็โยน มิสติกการ์ดบนมือ ออกไป เฟืองที่ข้อมือ เริ่มหมุเพื่อปล่อยละอองแสงออกไป
ทำให้ไพ่สำแดงอำนาจ ทันทีที่ มิสติกนั้นสำแดงเดช ก็เกิดควันสีดำพุ่งเข้าไป วนเวียนรอบๆไอซิเคิลฮาวน์

บรรดาลูกวอรัสที่อยู่ใกล้ๆกับ ไอซิเคิลฮาวน์ ต่างพากัน ถอยห่างออกในทันที



/Combination Fail/
เชลโล ส่งเสียงออกมาพร้อมกับที่ จอโฮโลแกรมที่เปิดขึ้นเพื่อทำการรวมร่าง กระพริบเป็นสีแดง
ก่อนจะหายไป การสั่งรวมร่างของเธอถูกยกเลิกเสียแล้ว

“ ด้วยผลของ Untouchable Emblem ซีลที่ได้รับผลของมันจะไม่สามารถรวมร่างได้ ”
ชายชุดดำอธิบาย เขาสามารถขัดขวางเธอได้อีกครั้ง

“ Cost mp2 ร่าง Twin Star(ดาวแฝด) ผลของมันจะทำให้ฉานDraw การ์ดเพิ่มได้อีกสองใบ ”
แอน กล่าวจบก็ร่ายการ์ดออกไป ไพ่ใบนั้นกลายเป็น มวลแสง สองดวง ก่อนจะพุ่งเข้าไปยัง ช่องใส่สำรับของเธอ

/Draw Please/(โปรดทำการจั่วไพ่)
เชลโล ส่งเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา ก่อนที่แอนจะดึงเอา ซีลและมิสติก อีกอย่างละใบขึ้นมาอย่างละใบ

[ Hand Sta: Seal:2 Mystic:3 ] mp 6 Shrine 3/15

“ คราวนี้เป็นโอเชี่ยนชิลซาริส กับ Black Wood(ป่าทมิฬ) เหร่อ ทำยังไงดีล่า ตอนนี้เรารวมร่างไม่ได้แล้ว
ยังไงก็ต้องป้องกัน ลูกวอรัส ไว้เพื่อที่จั่วได้ วอรัสมาอีกใบจะได้มีพลังพอ งั้นก็ต้องส่งซีลไปเป็นกำแพงก่อนแล้วใช้ผลของ โอเชี่ยนชิลซาริส เอาวอรัสขึ้นมา ”
แอน คิดได้ดังนั้น ก็กระชับ ซีลการ์ดทั้งสองใบไว้ทันที

“ ให้ ไอซิเคิล ฮาวน์ ย้ายไปที่ At line จากนั้น Cost mp 4 ร่ายโอเชี่ยนชิลซาริส ลงไปที่ At line
อีกสองใบ End Turn ”
แอน กล่าวจบก็ร่ายการ์ดลงไป หนอนทะเลสองตัวและไอซิเคิลฮาวน์ ได้ขึ้นไปป้องกันแนวหน้า เพื่อไม่ให้ การโจมตีของอีกฝ่ายทะลวงไปหา ลูกวอรัสได้

“ คิดจะใช้กำแพงซีล เพื่อให้ชั้น ตีเข้าไปจะได้เรียก วอรัส นั่นมาอีกล่ะสิแต่เธอคิดผิดซะแล้วที่
ทำแบบนั้น มันโจ่งแจ้งเกินไป ”
ชายชุดดำกล่าวขณะที่ จั่ว ซีล และ มิสติก ขึ้นมาอย่างละใบ

[ Hand Sta: Seal:1 Mystic:2 ] mp 6 Shrine 2/15


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #27 on: December 14, 2008, 09:58:26 PM »

“ การจะทำอะไรต้องคิดถึงสมดุลด้วยรู้ไว้ซะ สาวน้อยการที่เธอเอา ซีลที่สำคัญทั้งหมดแบ่งไปไว้ ด้านหลังหมด
 มันก็ใช่จะปลอดภัยเสมอไปหรอกนะ Cost mp2 ร่าย Cunning Clown ผลของมันจะทำให้ ซีลในสนามของเธอ สลับ ไลน์กัน ”
สิ้นคำของชายชุดดำ ทั้งสนามก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ทันทีหลังจากที่ ไพ่ใบนั้นลงมาในสนาม เมื่อเจ้าตัวตลก ที่ออกมาจากผลของ ไพ่ตีลังกา กลับหัว ซีลทุกใบของ แอน ก็เปลี่ยนพื้นที่กันทั้งหมด ลูกวอรัส ทั้งหมดขึ้นไปอยู่ที่ แนวหน้า ในขณะที่ กำแพงซีลที่เธอตั้งไว้ นั้นได้ย้ายลงไป ด้านล่างทั้งหมด



“ ให้ แองเจิลออฟแองเกอร์ แยกการรวมร่าง และให้ แองเจิลออฟรูล ที่แนวป้องกันขึ้นมาที่แนวหน้า จากนั้น Cost mp ทั้งหมด เพื่อให้ซีลทุกตัวจู่โจม ทำลายลูกวอรัสพวกนั้นเสีย  ”
สิ้นคำของชายชุดดำ ทูตสวรรค์ทั้งหมดก็ แยกตัวและพุ่งกันเข้ามา ทำลายลูก วอรัส ทั้งสี่ จนพินาศสิ้น
ในคราเดียว

“ รอบของ ฉาน Draw ”
แอน กล่าว มือของเธอ สั่นเทาด้วยความ ช็อก จากการโจมตีเมื่อครู่ หนทางชนะของเธอมันถูกปิดตายไปแล้วในวินาทีที่ การโจมตีของ ทูตสวรรค์ทั้งสี่พุ่งเข้าหาเธอ ตอนนี้ ไชน์ของเธอใกล้ จะเต็มแล้ว หากให้ไอซิเคิล

รวมร่าง เพื่อโจมตี ในรอบนี้ รอบหน้ามีสิทธิแพ้ในทันที หาก ไอซิเคิลฮาวน์ ถูกทำลายเธอก็จะไม่สามารถ
จัดทัพรบได้ทันเป็นแน่ ในตอนนี้มีเพียงมิสติก การ์ด Black Wood เท่านั้นที่พอจะทำให้เธอ
ยืดชีวิตออกไปได้  แต่ก็แค่ 1 Turn เท่านั้น ความลังเลที่จะจั่วไพ่อะไรขึ้นมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้
ได้บีบบังคับให้เธอ ต้องเลือกโดยที่ไม่อาจติดต่อหรือขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆของเธอได้ เลย

/Master , Not worry I believe my master , Draw Card for new hope,Master do it/(มาสเตอร์,อย่ากังวลฉันเชื่อในตัวมาสเตอร์,โปรดจั่วไพ่เพื่อพบกับความหวังใหม่,มาสเตอร์ต้องทำได้)
เชลโล กล่าวให้กำลังใจแก่ เธอ แม้จะเป็นคำพูดของจักรกล แต่มันก็ อบอุ่นราวกับมีใครคอยอยู่เคียงข้างคอยให้กำลัง ความกังวลในการจั่วของเธอได้ มลายหายไปราวกับถูกปลดจากพันธนาการ ซีลและมิสติกการ์ดอย่างละใบใบถูก ดึงออกมาจาก ช่องสำรับ ของเธอ ทันทีที่เธอเห็นไพ่ ที่จั่วขึ้นมา ตาของเธอก็ฉายแววตาอันเปี่ยมความหวังขึ้นมา

[ Hand Sta: Seal:1 Mystic:4 ] mp 8 Shrine 7/15

“ ธนัท ทำอย่างไงถึงจะเป็น นักร่ายอสูรที่เก่งๆเหมือน เธอได้บ้างล่า มีเคล็ดลับอะไรบอก แอน หน่อย สี~~~ ”
คำถามของเธอเมื่อสมัยเด็กตอนที่เธอย้ายมาเรียนที่ กรุงเทพ เพื่อนคนแรกของเธอคือ ธนัท และเธอก็เริ่มเล่นSummoner Master ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพราะ ธนัท เป็นแรงบันดาลใจให้เธอ

“ อ๋อ ไม่มีเคล็ดลับอะไรหรอก แต่ พวกพี่ๆกับคุณพ่อ น่ะมักจะพูดว่า นักร่ายอสูรที่ดีจะไม่เดี่ยวๆอะไรนี่แหล่ะ ”
คำพูดของ ธนัท ที่ตอบกลับเธอมาเมื่อหลายปีก่อนนั้นเธอยังคงจำได้ดี เด็กหนุ่มที่สูงวัย กว่าพวกเธอ ที่เดินเข้ามาหาเธอ กับ ธนัท 

“ ไม่ใช่เดี่ยวๆอะไรซักหน่อย นักร่ายอสูรอย่างพวกเราน่ะไม่ได้สู้เพียงลำพังหากแต่ อสูรอัญเชิญก็เป็นเพื่อนที่ร่วมสู้ไปกับเรา ขอแค่มีความเชื่อใจกับ อสูรที่เราเลือกมา หนทางแห่งชัยชนะก็จะเปิดให้เห็นเอง ”
คำพูดเด็กหนุ่มคนนั้นยังเป็นคติให้เธอยึดมั่นและสู้มาจนถึงทุกวันนี้

“ จริงด้วยสินะ ตอนนั้นพี่ชาย ของ ธนัท พูดเอาไว้นี่หนา ว่าให้เชื่อใจ อสูรอัญเชิญ แล้วหนทางจะเปิดออกเอง
ตอนนี้ ฉานเข้าใจความหมายของมันแล้ว ”
แอน คิดทันทีที่เห็นไพ่ที่เธอจั่วขึ้นมา

“ แววตาเปลี่ยนไป เพราะอะไรกันนะ หรือว่าหาหนทางที่จะแก้สถานการณ์นี้ได้แล้ว ไม่สิ ไม่น่าใช่ ตอนนี้ ซีลในสนามของเธอที่ต้องระวังก็มีแค่ ไอซิเคิลฮาวน์ เท่านั้น แต่ถึงโจมตีมาเราก็มี No Attacking ไว้รับมืออยู่แล้วไม่มีทางที่เราจะแพ้ได้อยู่แล้ว  ”
ชายชุดดำคิด เมื่อได้เห็นสายตา ของแอน ที่เปลี่ยนไป

“ Cost mp 2 ร่าย Black Wood และให้ ไอซิเคิลฮาวน์ ย้ายไปยัง Df line จากนั้น Cost mp อีก 2 ร่าย… ”
แอน ประกาศ ยังไม่ทัน จบมิสติกบนมือที่ร่ายไป ก็สำแดงอำนาจ ต้นไม้และผืนป่าก็ได้ยกตัวขึ้นมาจาก ใต้ดิน  กลายเป็นป่าทึบ ที่บดบังเสียงของเธอ จนอีกฝ่ายไม่ได้ยินว่าเธอ พูดว่าอะไร แนวป้องกันของทั้งสองฝ่ายไว้จนไม่อาจมองเห็นซีล ในแนวหลังของอีกฝ่ายได้
 ไอซิเคิลฮาวน์ ที่แนวหน้า หายเข้าไปในแนวป่าทึบ เสียแล้ว ทิ้งไว้เพียง โอเชี่ยนชิลซาริส ทั้งสองตัวใน แนวหน้า



สภาพที่เปลี่ยนแปลง อย่างกะทันหัน ทำให้เขาปรับตัวไม่ทัน จนต้องนิ่งอึ้งไปชั่วครู่

/Master , We Turn/ (มาสเตอร์,ตาเราแล้ว)
Note ของชายชุดดำกล่าว เรียกสติเขากลับมา

“ อ..อืม โทษที บาสซูน  ”
ชายชุดดำกล่าวกับ Note ของเขา ก่อนจะจั่วซีล กับมิสติกขึ้นมาอีกอย่างละใบ

[ Hand Sta: Seal:2 Mystic:2 ] mp 8  Shrine 2 /15


“ Cost mp 5 ร่าย Heaven Knight แล้ว Cost mp 0 ร่าย Valencia, the Angle of Order ลงไปที่ At lineแล้วให้ เฮเว่นไนท์ ที่ร่ายลงไปรวมร่าง รูปแบบทริปเปิล คอมบิเนชั่น และให้ วาเลนเซีย ที่ร่ายลงไปใหม่รวม ร่างกับ แองเจิลออฟรูล ในสนามอีกใบ ”
/Combination Console Triple and Double/
สิ้นคำของชายชุดดำ อัศวิน สวรรค์ และทูตสวรรค์ องค์ใหม่ทั้งสองก็ลงมายังสนาม ก่อนที่ชายชุดดำจะทำการ
เคลื่อนการ์ดให้รวมกัน บนจอโฮโลแกรม ซีลในสนามของเขาก็ทำการจัดกลุ่มในทันที แองเจิลออฟรูลทั้งสองใบ



ก่อนนั้น ได้ไปรวมกลุ่มอยู่ข้างๆอัศวินสวรรค์ ส่วน วาเลเซีย ทูตสวรรค์องค์ใหม่ก็ได้เข้าไป รวมร่าง
กับ แองเจิลออฟรูลอีกตัว ทำให้ตอนนี้ในสนามมี แองเจิล ออฟ แองเกอร์ ที่ไม่ได้รวมร่าง กับ วาเลนเซีย และ อัศวินสวรรค์ ที่รวมร่างแล้ว ทั้งหมดเป็นสาม กลุ่มในสนาม 

“ Cost mp ทั้งหมดที่เหลือ ให้ วาเลนเซีย กับ แองเจิลออฟแองเกอร์
 โจมตีไปที่โอเชี่ยนชิลซาริส ซ๊ลทั้งสองตัวยกเลิก Curse เธอไม่สามารถหยุดมันได้ด้วยมิสติกสร้าง Curse ได้หรอกนะ ”
สิ้นคำ ทูตสวรรค์ทั้งสองก็พุ่งเข้าไปทำลาย หนอนทะเลทั้งสองตัวที่อยู่แนวหน้าจน สิ้น หลังจากนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบ ขึ้นมาจากป่าฝั่ง ของแอน  ชายชุดดำหันไปมองจอโฮโลแกรม ที่อธิบายสภาพต่างๆในสนาม ก็เห็นว่า mp ของ แอนลดลงไป 4 หน่วย

“หมดรอบแค่นี้…ถึงร่ายซีลเพิ่มจากผลของ โอเชี่ยนชิลซาริส ก็เถอะ จะเป็นตัวอะไรก็ช่าง ยังไงซะก็เอาชนะ เฮเว่นไนท์ ที่มี At 12 และยกเลิก Mystic card ของอีกฝ่ายกับCurse ได้หรอก…อะ ”
ชายชุดดำ คิด ขณะที่ป่าทึบ ซึ่งเกิดจากผลของ Black Wood กำลังค่อยๆจางหายไปเขาก็ต้องชะงัก ไป
เมื่อซีลที่อยู่ใน แนวป้องกันของ แอน

“ อ..ไอซิเคิลฮาวน์ 4 ตัว ต..แต่ว่าได้ยังไงน่ะ ก็เมื่อกี้มันมีแค่ตัวเดียวนี่ แล้วถึงจะเรียกจากผลของ
 โอเชี่ยนชิลซาริส ก็เถอะมันก็ไม่น่าจะมีอีกตัวได้นี่ หะ..หรือว่า  ”
ชายชุดดำ อุทานเมื่อเห็น ไอซิเคิลฮาวน์ ทั้ง4 ใบในสนามของเธอ

“ ที่มันมี 4 ตัวก็เพราะ Turn เมื่อกี้ฉานร่ายมันทิ้งเอาไว้หลังจาก ที่ Black Wood ทำงานยางไงล่า
เพราะผลของ Black Wood มันจะบัง ซีล เอาไว้ทำให้มองไม่เห็น ฉานลองเสี่ยงพนันดูว่า แกจะ เฉลียวใจ
ตรวจสอบการ์ดที่ฉานร่ายลงไป บ้างหรือเปล่า แต่ไม่เลยแก กลับประมาทเพราะคิดว่าคุมเกมส์ไว้ได้แล้ว
ก็เลยโจมตีมาที่ โอเชี่ยน ชิลซาริส โดยไม่เอะใจเลยซักนิด ”
แอน กล่าวขณะที่จั่วการ์ด มิสติก ขึ้นมาสองใบ

[ Hand Sta: Seal:0 Mystic:5 ] mp4  Shrine 9/15 จำนวนซีลในไชน์คือ 8 ใบ


“ บ..บ้าน่าการจะรวบรวม ไอซิเคิลฮาวน์ให้ครบทั้งสี่ใบโดยที่ ไม่เกิดการขัดขวางนั้น มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ต่อให้เป็นนักร่ายอสูร ระดับ Summoner Master ก็เถอะการจะรวบรวมองค์ประกอบ ที่มากมายขนาด
นี้ให้ได้ยังเป็นเรื่องยากระดับพระกาฬ ”
ชายชุดดำอุทาน อย่างไม่เชื่อในสายตา

“ ฉานเองก็ไม่คิดว่าจะทำได้หรอก หนาแต่ว่าเคยมีคนพูดไว้ หากเชื่อมั่นในตัวอสูรอัญเชิญที่เราเลือกมาแล้วล่ะก็
หนทางแห่งชัยชนะก็จะเปิดออก เพราะฉานเชื่อว่า ไอซิเคิลฮาวน์ ของฉานจะต้องช่วยเปิดทางให้ได้แน่ ในขณะที่แกเองคงนึกไม่ถึงสิหนา ว่าฉานจะรวบรวม ไอซิเคิลฮาวน์ จริงๆหน่า ตอนแรกฉานเองก็คิดว่ามันเป็นไปม่ายได้
หรอกหนา แต่เพราะคำพูดของ คนๆนั้นทำให้ฉาน เชื่อและคิดว่าทำได้ และตอนนี้มันก็สำเร็จแล้ว  ”
แอน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“ เชอะถึงจะเรียก ออกมาได้ครบก็เถอะน่า ยังไงเธอก็ยังปิดเกมส์ในเทิร์นนี้ไม่ได้อยู่ดี เพาะหากเธอไม่ทำลายซีลทั้งหมดในสนามชั้นก็จะยังเหลือ Lv ใน Shrine max  อยู่ดี ”
ชายชุดดำกล่าว ออกมาอย่างสบายอารมณ์

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #28 on: December 14, 2008, 09:58:38 PM »

“ ไม่หรอกมานจะจบใน Turn นี้ล่าหนา Cost Mp 3 The Lament of Andre ผลของมันจะทำให้ ฉานได้รับ Mp เพิ่มตามจำนวนซีลใน Shrine ให้ถึงสูงสุด 8 หน่วย และตอนนี้ใน Shrine ก็มี ซีลอยู่ 8 ใบ
ดังนั้น Mp ของฉานจึงเพิ่มขึ้นมาอีก 8 หน่วยรวมเป็น 9 หน่วยเท่านี้ก็พอให้ใช้สกิล ทำลายทั้ง
สามตัวแล้วสิหนา ”
แอน กล่าวจบ มิสติก ที่ร่ายไปก็สำแดงผลเหล่าซ๊ล ที่ถูกทำลายไปของเธอทั้ง โอเชี่ยนชิลซาริส วอรัสเขาทองคำ
และวอรัสตัวลูก ทั้งหมดได้ปรากฏขึ้นมาบนสนาม ก่อนจะสลายกลายเป็นแสงล่องลอย ขึ้นไปเหนือ ปราสาทผลึก
และกลายเป็น สายธาร ไหลรินลง ยังพื้นสนามของ แอน เจ้าลูกวาฬที่ว่ายอยู่ในสระ ก็กระโจนจากสระ ข้างหัวแอน ไป ยังอีกฟากด้วยความอยากรู้อยากเห็น เกี่ยวกับ สายธารที่ไหลริน ลงมายังด้านหลังของเธอ



“ ให้  ไอซิเคิลฮาวน์ ทั้งหมดย้ายไปยังแนวหน้า จากนั้น Cost mp ทั้งหมด ให้ ไอซิเคิลฮาวน์ สามตัวในสนามใช้ Skill ทำลายการ์ด 1 ใบในสนามเมื่อมี ไอซิเคิล ฮาวน์ ในสนามฝ่ายเรา 4 ตัว ผล Skill ของ ไอซิเคิล ทั้งสามใบ
ทำลาย เฮเว่นไนท์ วาเลนเซีย และ แองเจิล ออฟ แองเกอร์ ซะ
 Quartet Destroyer (จัตุรัส แห่งการทำลายล้าง) ”
สิ้นคำของ แอน ไอซิเคิล ทั้งหมดในสนาม ก็พุ่งเข้า ไปขวิด ใส่ คณะของเฮเว่นไนท์ พร้อมๆกันจากทั้งสี่ทิศ
จน ทั้งคณะถูกทำลายสลายไป จากนั้นกองทัพของพวกมันก็บุกเข้าไปจัดการกับคณะของ วาเลเซีย จนพังสลายไปอีกเช่นเคย  ก่อนที่ แองเจิลออฟแองเกอร์จะ ถูกรุมทึ้งเป็นรายสุดท้าย ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

Anna  [ Hand Sta: Seal:0 Mystic:5 ] mp  Shrine 9/15 Win
Black Suit  [ Hand Sta: Seal:0 Mystic:2 ] mp 8 Shrine 15/15 Lose


เพียงพริบตา แอน ก็สามารถพลิกเกมส์ กลับมาชนะได้ในทันที สร้างความประหลาดใจให้แก่ชายชุดดำเป็นอันมาก ขณะที่ปราสาทผลึก ที่สร้างขึ้นจากผลของ Crystal Court ค่อยๆพังทลายลงมาทัพ ทับสนามจนเกิดหมอกควันไปทั่ว [Crystal Court เมื่อไม่มี เผ่าพันธุ์ Divine ในสนาม Crystal Court จะถูกทำลาย]

“ ม..ไม่จริงน่าชั้นแพ้ เด็กที่อยู่แค่ระดับ Caller เนี่ยนะชั้นที่เป็นระดับ Judge เนี่ยนะแพ้ เป็นไปไม่ได้ ”
ชายชุดดำคิดขณะที่ ปลอกแขนได้เปลี่ยนกลับไปเป็น จี้ห้อยคอ อีกครั้ง

/Get Call/
“ แย่แล้ว เจ้าเด็กพวกนี้ไม่ใช่เล่น ชั้นกับหมายเลย 3 แพ้ไปแล้ว ตอนนี้หมายเลข 4 ไม่ยอมตอบกลับเลย ”
เสียงติดต่อดังขึ้นมาจากจี้ห้อยคอที่เป็น Note ของชายชุดดำ

“ ชิ..หรือว่า หมายเลย4 ก็เสร็จมันไปแล้ว ”
ชายชุดดำ สบถด้วยความเจ็บใจ

หวอออ! หวอออออออ!

“ เสียงไซเรน ตำรวจงั้นเรอะ ”
ชายชุดดำคิด ทันทีที่ได้ยินเสียง หวอของไฟสัญญาณจากรถตำรวจที่ดังแว่วมา

“ เสียงรถตำรวจ แสดงว่า เคียวจัดการกับคนที่ห้องควบคุมได้แล้วสิ ”
แอน อุทานด้วยความดีใจ ขณะที่ เชลโล Note ของเธอกลับคืนเป็น จี้ห้อยคอตามเดิม

/Get Call/
เสียงของ เชลโล ดังขึ้นก่อนที่สายการติดต่อจะถูกเปิดรับ
“ แอน เป็นยังไงบ้าง ทางนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว ทางเคียวก็จัดการคนที่ส่งคลื่นรบกวนได้แล้วล่ะ
เมื่อ กี้ เคียวติดต่อเข้ามาพ่อของ เธอไปตามตำรวจมาแล้วล่ะ ส่วน ชั้นกับชุติ ตอนนี้ไล่ตาม เจ้าชุดดำสองคนที่ แพ้ไปอยู่ ”
เสียงของ ธนัท ที่ติดต่อเข้ามาดังขึ้น จาก เชลโล

“ ทุกคนอย่าให้พวกหนีไปได้นะ เพราะพวกมันอาจเป็นพวก สมาคมลับก็ได้ ” 
เสียง เคียว ที่ติดต่อไปยังทุกคนดังขึ้นจาก Note ของ พวกเขาทุกคน

“ สมาคนลับ หมายถึงพวกเดียวกับที่ ภูเขา น่าจะเข้าไปสังกัดก่อนจะเริ่มการเล่นต้องห้ามนั่น น่ะเหรอ ”
เสียงของ ธนัท ดังขึ้นจาก Note ของแอน

“ ใช่ ไม่แน่นี่อาจเป็นการ แก้แค้นของ ภูเขา ที่แพ้นายก็เป็นได้ ”
เสียงเคียวตอบกลับมา

“ หมายความว่ายังไงกัน แล้วเจ้า ภูเขา มันรู้ได้ไงว่า ชั้นจะมาระยองเนี่ย ”
ธนัท ถามขึ้น

“ ไม่รู้สิบางทีมันอาจ จะไม่ใช่อย่างที่ชั้นคิดก็ได้ ”
เสียงเคียว ดังตอบกลับมา ขณะที่กำลังสนทนาอยู่นั้นเอง ชายชุดดำ ที่ดวลกับแอน ก็ได้คิดหลบหนีออกไป

“ อ๊าา..อย่าหนีนะ กีวี่ กระโจน ”
แอน ตะโกนจบ เจ้าลูกวาฬ ในสระ ก็กระโจน ตะครุบชายชุดดำจนตกลงไปในสระ
แต่ทว่าทันทีที่ ชายคนนั้นตกลงไปในน้ำ เขาก็สามารถว่ายไปขึ้นฝั่งได้อย่างรวดเร็ว

ทว่า ทันทีทที่ ชายคนนั้นจะวิ่งหนีออกไป จากลาน ประตูลานก็ถูกลูกกรง ปิดล้อมเอาไว้หมดทำให้ไม่มีทางหนี
เช่นกัน สองคน ที่กำลังหนี ธนัท กับ ชุติ ก็ถูกต้อนจนมุม ส่วนคนที่อยู่ในห้องควบคุมกับ เคียว ยังคงสลบอยู่
ตั้งแต่ตอนที่ เคียวติดต่อมาหาพวกเขา

“ ชั้นปิดสัญญาณเตือนแล้วก็จริงแต่ ยังไม่ได้ปลดล็อคลูกกรง หรอกนะ เพราะชั้นใช้ อินเตอร์โฟนที่ห้องนี้
เรียกให้พ่อของ แอน ไปพาตำรวจมา แล้วเปิดทางออกให้เขาออกไปเพียงคนเดียวเท่านั้นพวก แกหมดทางหนีแล้วล่ะ ”
เสียง ของ เคียว ดังออกมาจากลำโพงทุกตัวในอาคารและที่ลานแสดง

“ ยอดไปเลยจ้า เคียว เวรี่กู้ด(Very Good) ม้ากมาก ”
แอน กล่าวเสียงเหน่อๆ  แต่ทว่าทันทีที่ แอนมองไปยัง ชายชุดดำคนนั้น จู่ๆก็มี หญิงสาว ผมดำสวมชุดรัดรูปสีดำ เอาไว้ทั้งตัวและคลุมทับด้วยเสื้อกันลมสีชมพูม่วง กับกระโปรงสีชมพูม่วง อีกผืน โผล่ขึ้นมา


 
“ ค..ควีน ”
ชายชุดดำ ครวญเสียงอ่อย ขณะที่ มองหน้าของ หญิงสาวที่มาใหม่


“ น..นี่เธอเข้ามาทางไหนกัน ”
แอน กล่าว ขณะที่ วิ่งอ้อม จากด้านหลังเวที มา

“ ยกเลิกภารกิจ ถอนตัวได้ เดี๋ยวจะไปรับ หมายเลข 4 กับคนอื่นๆ เราต้อง ถอยก่อนที่ตำรวจจะมา ”
หญิงสาว กล่าวเสียงเรียบ ซึ่งชายชุดดำนั้นไม่กล้าขัดเลยแม้แต่ ได้แต่ยืนผงกหัวรับคำ แต่เพียงฝ่ายเดียว

“ โฟร์เต้ (Forte) เตรียมการเคลื่อนย้ายด้วยพลังจิต ”
/Ricevuto/(I[ภาษาอิตาลี]:รับทราบ)
หญิงสาว สั่งก่อนที่ Note ของเธอจะตอบรับและส่องแสงกระพริบขึ้น

“ อย่าหนีน้าาา ”
แอน ตะโกนเพื่อจะให้อีกฝ่ายหยุดขณะที่ วิ่งเข้าใกล้ไปเรื่อยๆ

/Telepotation/(เคลื่อนย้ายพริบตา)
สิ้นเสียงทุ้มแหลมของ Note ที่หญิงสาวใช้ พวกเขาทั้งสองก็ได้แว่บ หายไปต่อหน้าต่อตา ของ เธอ

“ ห..หายไปแล้ว ”
แอน อุทาน ขณะเดียวกัน พวกชุดดำคนอื่น ได้ถูกอะไรบางอย่างดึงแวบ หายไปในอากาศธาตุ พวกมันทั้งหมดหนีไปได้โดยไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย

“ นี่ แอน ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง ทางนี้พวกมันหนีไปแล้ว อยู่ๆก็หายไปเลย ”
เสียงของ ทุกคนที่ติดต่อเข้ามาถาม ดังขึ้นจาก เชลโล

“ อืม ทางนี้ก็หนีไปได้เหมือนกัน ”
แอน ตอบกลับขณะที่ เดิน ไปยังสระเพื่อที่ จะต้อนเจ้าลูกวาฬกลับเข้าไปในแทงค์น้ำ
ทว่าเธอก็สังเกตเห็นว่ามันคาบอะไรบางอย่างไว้ เธอจึงก้มลงดึงมันออกมาจากปากของเจ้าลูกวาฬ
ซึ่งก็ยื้อกับมันเล็กน้อยเพราะดูเหมือนเจ้าลูกวาฬ ไม่ค่อยอยากจะให้เธอเสียเท่าไหร่

แอน หยิบมันขึ้นมาดู มันเป็นบัตรโลหะสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก ที่มีตราอะไรบางอย่างสลักไว้ซึ่งถูกฟันของเจ้าลูกวาฬแทะไปเสียครึ่ง จนมองไม่ออกและมีตัวหนังสือเขียนอยู่ข้างใต้ที่ยังพอมองเห็นลางๆ เธอยกมันขึ้นมองผ่านแสงจันทร์

“ พวกมันทำ อะไรบางอย่างตกไว้ เป็นแผ่นโลหะ ประทับตราอะไรซักอย่างน่ะ ที่แผ่นมันเขียนว่า…
พา..  Paradiso da Regola  ”
แอน อ่านตัวหนังสือที่เขียนไว้บน แผ่นโลหะให้ทุกคน ฟัง

“ หลักเกณฑ์แห่งสวรรค์ Paradiso Da Regola ”
เคียวเปรย เสียงเรียบ ผ่าน Note ของเขาออกไป ท่ามกลางความเงียบเชียบของราตรี ที่วุ่นวายนี้

To be continue


เฮ้อ เสร็จไปอีกหนึ่งตอนเท่านี้ก็จบ Season แรกแล้ว เดี๋ยว
ตอนต่อไปก็จะเป็นการขึ้น Season ที่สอง
เป็นการเปิดตัวละครใหม่ ที่จะมาเพิ่มอีกโขยง รวมไปถึง
 เหล่า Paradiso da Regola คือใครกัน และเกี่ยวข้องยังไงกับภูเขาหรือไม่

องค์หญิงแห่งมังกรขาวคืออะไร การจุติของ เลราเย่ เมื่อหลายปีก่อนที่ ทำให้
ประเทศในเขต สหภาพโซเวียต ต้องล่มสลายไป จนเป็นเหตุให้ความขัดแย้งทั่วโลกยุติลงอย่างถาวร
คืออะไรกันแน่

ทั้งหมดนี้สามารถติดตามได้ใน Season ที่ 2

ว่าแต่รวม Icicle Hound 4 ใบเนี่ยยังกะ เอ็กโซเดียของ ยูกิ เลยกว่าจะรวมได้(ให้ถูกคือ กว่าจะเขียน
ให้รวมได้คิดตั้งนานจะหาวิธีไหนให้ เรียกออกมาแบบอีกฝ่ายไม่รู้ตัว)แทบลากเลือด

ตัวอย่างตอนต่อไป ยั่วน้ำลายเล็กน้อย

“ นี่รู้ไหม ตอนนี้เขาลือกันให้ทั่วแล้วนะ ว่าตอนกลางคืนที่โรงเรียนเรา มีผี ดูดเลือดออกอาละวาดน่ะ ”
“ รู้สึกว่าจะมีคนเห็นมนุษย์หมาป่า แถวๆตรอกซอย ด้านหลังโรงเรียนเราด้วยล่ะ ”
ข่าวลือเรื่องลึกลับในโรงเรียน ที่อยู่ๆก็แพร่สะพรัดขึ้น

“ เขาชื่อ เซนาคาว่า โคทาโร่ แม่เขาเป็นคนญี่ปุ่นน่ะฝากพวกเรา ดูแลเขาด้วยก็แล้วกัน ”
“ น..นายไม่ใช่คนเหรอเนี่ย ”
“ จะตกใจไปทำไมกัน ข้างหลังพวกนายก็ด้วยแหล่ะ ยัยนั่นน่ะ อยู่มากี่ร้อยปีแล้วล่ะ ”

ความบังเอิญที่เหมือนกัน(ตรงไหน)นวัตกรรมของโลกที่ก้าวล้ำหรือความผิดพลาดทาง พันธุเวศกรรม

ทุกอย่างนี้ติดตามได้ใน Sub-Turn 6 ชื่อตอนยังไม่บอกเพราะยังไม่ได้คิด เก็บไว้ยั่วเล่นๆเหอๆ


« Last Edit: December 26, 2008, 12:14:56 PM by greamon » Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #29 on: December 15, 2008, 03:58:36 AM »

หุหุ โผล่ออกมาแล้วสินะ ดูเอลดิสของ การ์ดซัม โฮ่ๆเดี๋ยว วาดรูปเสร็จแล้วมาเอาที่โรงอาหารพรุ่งนี้ด้วยเน้อ
ว่าแต่ตกลงจะทำจริงๆเหรอ ทาลิ ภาค 2 เนี่ย พวกลอว์เรนซ์ ฉันเขียนให้ตายหมดแล้วนา
จะต่อเรื่องอีท่าไหนง่ะ  อ้อขอตอบอีกคำถามที่ Boy คุงเคยถามมาด้วยละกันนะจ้ะ

ที่ถามว่า โปรเจ็คใหม่ตอนนั้นเกี่ยวกับหุ่นยนต์ล่ะก็อันนั้นไม่ใช่จ้ะ รูปข้างล่างนั่น เป็นรูปที่น้องของเจ็ เขาเอามาลงฝากไว้ในลายเซ็นพอดีช่วงนั้นเกมส์ที่ มันเล่นอยู่ มีกิจกรรมให้เอารูปภาพไปเลี้ยง(เรียกกันงี้เปล่า)โดยการให้คนมากด
ลงที่รูปแล้วจะได้1แต้ม พอสะสมครบมันก็จะซื้อหุ่นได้น่ะ แต่ตอนนี้หมดกิจกรรมไปแล้วล่ะ

ส่วนโปรเจ็คใหม่ในตอนนี้ เจ็ยังคงไม่มีกำหนดการลงน่ะจ้ะ (แต่คิดว่าคงไม่เขียนแล้วล่ะขอเป็นลูกมือเกรม่อนคุงดีกว่า ไม่ถนัดงานเขียนจริงๆ ดูอย่างตอนจบ Actor สิรวบจบสุดๆ)
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #30 on: December 17, 2008, 02:26:31 AM »

Quote
หุหุ โผล่ออกมาแล้วสินะ ดูเอลดิสของ การ์ดซัม โฮ่ๆเดี๋ยว วาดรูปเสร็จแล้วมาเอาที่โรงอาหารพรุ่งนี้ด้วยเน้อ

รอมา สองวันแล้วไม่เห็นมาโรงเรียนเลย ทำไรอยู่

Quote
ว่าแต่ตกลงจะทำจริงๆเหรอ ทาลิ ภาค 2 เนี่ย พวกลอว์เรนซ์ ฉันเขียนให้ตายหมดแล้วนา
จะต่อเรื่องอีท่าไหนง่ะ

อันนั้รู้แล้วจบได้ เลวจริงๆ ไม่เป็นไรมีวิธีต่อเรื่องไว้แล้ว นั่นคือเหตุผลในตำนานน่ะเอง
ง่ายๆประโยคเดียว
"นิยายของแกกับของชั้นไม่เคยถือเป็นเรื่องเดียวกันเพราะคนแต่งคนละคน แค่อีกคนเอาซีรี่เดิมไปเชื่อมภาคในซีรี่ย์ของ ตัวเองเท่านั้น"

 ไงง่ายดีมะ ;D
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #31 on: December 17, 2008, 08:41:19 PM »

Quote
หุหุ โผล่ออกมาแล้วสินะ ดูเอลดิสของ การ์ดซัม โฮ่ๆเดี๋ยว วาดรูปเสร็จแล้วมาเอาที่โรงอาหารพรุ่งนี้ด้วยเน้อ

รอมา สองวันแล้วไม่เห็นมาโรงเรียนเลย ทำไรอยู่

Quote
ว่าแต่ตกลงจะทำจริงๆเหรอ ทาลิ ภาค 2 เนี่ย พวกลอว์เรนซ์ ฉันเขียนให้ตายหมดแล้วนา
จะต่อเรื่องอีท่าไหนง่ะ

อันนั้รู้แล้วจบได้ เลวจริงๆ ไม่เป็นไรมีวิธีต่อเรื่องไว้แล้ว นั่นคือเหตุผลในตำนานน่ะเอง
ง่ายๆประโยคเดียว
"นิยายของแกกับของชั้นไม่เคยถือเป็นเรื่องเดียวกันเพราะคนแต่งคนละคน แค่อีกคนเอาซีรี่เดิมไปเชื่อมภาคในซีรี่ย์ของ ตัวเองเท่านั้น"

 ไงง่ายดีมะ ;D
ทะเลาะกันในกระทู้เหรอครับ    เห็นกำลังมันส์ !!!!!!!!!
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #32 on: December 18, 2008, 07:20:13 PM »

Quote
หุหุ โผล่ออกมาแล้วสินะ ดูเอลดิสของ การ์ดซัม โฮ่ๆเดี๋ยว วาดรูปเสร็จแล้วมาเอาที่โรงอาหารพรุ่งนี้ด้วยเน้อ

รอมา สองวันแล้วไม่เห็นมาโรงเรียนเลย ทำไรอยู่

อ้างถึง
ว่าแต่ตกลงจะทำจริงๆเหรอ ทาลิ ภาค 2 เนี่ย พวกลอว์เรนซ์ ฉันเขียนให้ตายหมดแล้วนา
จะต่อเรื่องอีท่าไหนง่ะ

อันนั้รู้แล้วจบได้ เลวจริงๆ ไม่เป็นไรมีวิธีต่อเรื่องไว้แล้ว นั่นคือเหตุผลในตำนานน่ะเอง
ง่ายๆประโยคเดียว
"นิยายของแกกับของชั้นไม่เคยถือเป็นเรื่องเดียวกันเพราะคนแต่งคนละคน แค่อีกคนเอาซีรี่เดิมไปเชื่อมภาคในซีรี่ย์ของ ตัวเองเท่านั้น"

 ไงง่ายดีมะ Grin
ทะเลาะกันในกระทู้เหรอครับ    เห็นกำลังมันส์ !!!!!!!!!

อ๋อไม่ใช่ก็ใกล้เคียงอ่ะจ้ะ เอ๊ย ไม่ช่ายย เจ็ กับ เกรม่อนคุงน่ะสนิทกันจะตายไม่ทะเลาะกันหรอกเน้ออออ(จริงๆหลบหน้ามันมาสามวันแหล่ว) ว่าแต่เราอย่าไปสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆเลยเน้อ มาเข้าเรื่องดีกว่าไหนๆก็มาแล้ว

คราวก่อนบอกว่าขอเรื่องย่อแบบ ย่อๆใช่ไหมจ้ะ งั้นเจ็จะสรุปเรื่อง muti armor ที่เจ็เขียนไปให้ในก่อนดก็แล้วกัน

เรื่องของเรื่องเลยนะ คงยังจำได้ว่า พวกลอว์เรนซ์ถูกรับเรื่องให้เป็น ผู้ใช้มาสเตอร์แอคเตอร์ และข้ามเวลาไปยังอนาคตอีก 3000 ปี และต่อสู้กับ รีกอล หัวหน้าองค์กรชั่วที่คิดจะใช้ เหล่า lantis ในการครองโลก

และต่อมาพอพวกลอว์เรนซ์ ไปยังอนาคต ลอว์เรนซ์ก็ได้เปลี่ยนร่างตัวเองเป็น drake Hyper form
และจบชีวิต รีกอล ลง นั่นคือจบภาค war of terra

ต่อด้วยภาค Voice Of War (V.O.W.)

 องค์กรเบลครอส ที่เคยช่วยเหลือ พวกลอว์เรนซ์ในการสู้กับรีกอล ก็ได้เริ่มแผนการที่จะคืนชีพ
พระจิตสูงสุด(อวตารแห่งจิตด้านลบของพระเจ้าจากภาค ทาลิวิลย่า น่ะเอง)  ขณะนั้น พวกของลอว์เรนซ์ ที่มีความเห็นสวนทางกันจึง แยกกันไปตามทางของตัวเอง ในขณะเดียวกัน ชินจิ (ตัวเอกภาคนี้ในช่วงแรก ก่อนเปลี่ยนกลับให้ ลอว์เรนซ์มามีบทแทน) ที่คิดจะ ล้างแค้นให้กับ สเตล่า ก็ได้เข้าสังกัดกับ เบลครอส เพื่อสวมใส่  เคออส ซึ่งเป็น
 แอคเตอร์รุ่นอาร์เมอร์ซีรี่ย์ หนทางการต่อสู้ของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป
ได้ไปบรรจบกันในตอนท้ายที่สุด เมื่อ
เบลครอส สามารถคืนชีพ พระจิตสูงสุด ก็ได้ประกาศสงครามกับโลก
เพื่อที่จะจัดการกับนักรบทั้งห้าของ เบลครอส ที่ใช้ แอคเตอร์กระดิ่ง5เสียง
พวก เจนัสจึงยอมสละชีวิต ของตน และนั่นได้ทำให้ ลอว์เรนซ์ เปิดเผยพลังของ ดาบ 7เล่ม

ออกมาสยบ ร่างเทียมของ พระจิตสูงสุดลงได้ ทว่า พระจิตสูงสุดกลับคืนชีพเป็นร่างสมบูรณ์
ในตอนนั้นเอง เนเมซิส
ซึ่งก็คือ แมวดาร์คเดสทินี่สีขาว ในภาคทาลิวิลย่า ได้ปรากฏตัวออกมาช่วย
ทำให้ลอว์เรนซ์ใช้ดาบแห่งคำอธิษฐาน
ได้ และจบสงครมลงในที่สุด ลอว์เรนซ์ จึงได้ลา เทีย และกลับไปยังอดีต
และสิ้นลมหายใจลงที่บ้านเกิดในมิติมังกร 
จบภาค V.O.W.

ภาคEnd Era (E.E.)

ผลจากสงครามครั้งก่อน ทำให้เศรษฐกิจของโลกเทอร่า เข้าสู่วิกฤติ จึงเกิดสงครามมขึ้นอีกครั้ง
ในตอนนั้น พวกที่มาจากมิติอื่น ชนเผ่า มิชชิลด้า และ อาแร็คน่า ที่เคยช่วยสนับสนุนพวกลอว์เรนซ์ ตอนสู้กับ พระจิตสูงสุดก็ได้ คิดจะทำการเข้ายึดครอง ดวงดาวเทอร่า เทีย ที่แยกกับลอว์เรนซ์แล้ว
และเหล่าลูกเรือ ยาน แองเจิลวิงค์ จึงต้องออก เดินทางเพื่อเก็บรวบรวมมาสเตอร์แอคเตอร์ทั้งหมดของ พวกลอว์เรนซ์ที่ กระจัดกระจายกันไปอยู่ในมือของแต่ละ ขั้วอำนาจ และระหว่างภาระกิจ เด็กหนุ่ม ที่เอย์จิ ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับ แอคเซียแอคเตอร์ ที่เคยเป็นร่างเทียมของ พระจิตสูงสุด ก็ได้เข้ามาขวางการรบเอาไว้

แท้จริงแล้วตัว เอย์จิ นั้นคือ พระจิตสูงสุดที่อวตารลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ตัวเขาได้รับผลกระทบจากสงครามทำให้ต้องเสียครอบครัวไป และคิดที่จะทำให้โลกนี้หายไป แต่ด้วยการเกลี้ยกล่อมของ เทีย ทำให้ เอย์จิ เข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ และได้ใช้พลังของตนร่วมกับเหล่า มาสเตอร์แอคเตอร์ เพื่อดูดกลืนความเกลียดชัง พลังด้านมืดทั้งหมดในจิตของมนุษย์ทั้งโลกมา และสลายมันไป

หลังจากสงครามจบลง เอย์จิ ได้ถูก เทียรับอุปการะไว้ ส่วนเหล่าลูกเรือยานแองเจิลวิงค์ ก็ได้ แยกย้ายกันไปทางของตน และในช่วงสุดท้ายของบท เป็นฉากวันแต่งงานของ ชินจิ กับ ลูน่า ที่มีเหล่า
อดีตลูกเรือของยานแองเจิลวิงค์ ไปร่วมงาน

จบบริบูรณ์

นี่ละจ้ะเจ็ย่อได้เท่านี้ล่ะ สั้นกว่านี้เดี๋ยวจะพาลไม่รู้เรื่องเอา ว่าแล้วก็ลา ละจ้ะต้องรีบหนีเกรม่อนคุงก่อง


Logged


series
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 283


« Reply #33 on: December 21, 2008, 03:07:09 AM »

เรื่องสนุกดีนะครับ น่าจะเอาไปลงในไวเซอร์ คงจะมีคนติดตามเยอะพอควร
สำนวนการบรรยายก็พอเห็นภาพอยู่นะครับ
การบรรยายทำได้น่าติดตามดี (ถ้าเอาไปทำเป็นแอนิเมชั่นแบบยูกิท่าทางจะอลังกว่าไม่น้อย)
มีเรื่องการสะกดคำผิดอยู่ประปรายครับ เช่น
เวทย์มนต์ ต้องเป็นเวทมนตร์ครับ
เพราะเวทย์ตัวนี้แปลว่าความรู้ มาจากไวทยะ หรือวิทยะครับ
แล้วก็ตรงภาษาอังกฤษ
Do you fine? ควรเป็น Are you alright? ดีกว่านา
ส่วน My master is stupid always ?
คือส่วนมากเขาเรียก Master ว่าTeacher นา
แต่ถ้าจะใช้Masterก็ไม่เป็นไร แต่ตรงหน้า Always ควรมี as ด้วยครับ
As always มันจะประมาณว่า อย่างเคย หรือเป็นประจำน่ะครับ
Cute อ่านว่า คิวท์นะครับ
All Right มันไม่ได้แปลว่าได้เลยอะครับ
ถ้าได้เลย น่าจะใช้ sure หรือ Why not? มากกว่า
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #34 on: December 21, 2008, 06:51:44 PM »

Quote
เรื่องสนุกดีนะครับ น่าจะเอาไปลงในไวเซอร์ คงจะมีคนติดตามเยอะพอควร
สำนวนการบรรยายก็พอเห็นภาพอยู่นะครับ
การบรรยายทำได้น่าติดตามดี (ถ้าเอาไปทำเป็นแอนิเมชั่นแบบยูกิท่าทางจะอลังกว่าไม่น้อย)

ขอบคุณสำหรับคำชม ขอรับแต่น่าเสียดายที่พอ wiser special drago3 ออกเมื่อไหร่จะต้องระงับโปรเจ็คนี่ไว้ก่อน
แต่จะพยายามทำให้โปรเจ็ค ตำนานทาลิ2 จบให้ไวที่สุดนะขอรับ จะได้มาต่ออันได้ทัน แต่ตอนนี้ยังไม่วางตลาดก็ลงเรื่องนี้ไปก่อน

Quote
มีเรื่องการสะกดคำผิดอยู่ประปรายครับ เช่น
เวทย์มนต์ ต้องเป็นเวทมนตร์ครับ

โอ้อันนี้ต้องขออภัยอย่างแรงนะขอรับ ข้าน้อยก็พึ่งรู้ตัวว่าพิมพ์ก็วันนี้นี่เอง ขอบคุณที่ช่วยเตือนจะพยายามแก้ไขในส่วนที่ผิดไว้ให้นะขอรับ แต่อันก่อนๆที่ลงไปแล้วคงต้องรอกันซักระยะ เพราะตอนนี้ข้าน้อยงานวุ่นวายมาก ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย(เจ้าพิโยม่อน มันตรวจงานไม่ละเอยดเลยนี่หว่า ต้องจัดการไหนว่าพิมพ์ไม่ผิดไง เจอตัวต้องจับมาอัดด้วย mega flame)

Quote
แล้วก็ตรงภาษาอังกฤษ
Do you fine? ควรเป็น Are you alright? ดีกว่านา
ส่วน My master is stupid always ?
คือส่วนมากเขาเรียก Master ว่าTeacher นา
แต่ถ้าจะใช้Masterก็ไม่เป็นไร แต่ตรงหน้า Always ควรมี as ด้วยครับ
As always มันจะประมาณว่า อย่างเคย หรือเป็นประจำน่ะครับ
Cute อ่านว่า คิวท์นะครับ
All Right มันไม่ได้แปลว่าได้เลยอะครับ
ถ้าได้เลย น่าจะใช้ sure หรือ Why not? มากกว่า

เอ่อคือ ตรงส่วนนี้ข้าน้อยคงปรับปรุงได้ไม่มาก เพราะภาษาอังกฤษนั้น กระผมไม่ค่อยสันทัดเสียด้วย
ยัง งูๆปลาๆ อยู่คงต้องขออย่าพึ่งไม่ใส่ใจมันมากนักเลยนะขอรับ ส่วนที่ใช้ว่า master นั้นเพราะnote นั้นจะเรียก เจ้านายของตนว่า Master กันหมดขอรับ  อันนี้คงต้องขอเว้นไม่ให้ตรง ไวยากรณ์ล่ะครับ

ส่วน cute ที่อ่านว่าคิวท์ นั้นเข้าใจขอรับ แต่ต้องการที่จะสื่อว่า ตัว แอนนา นั้นเป็นคนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในไทย และพูดสำเนียงออกเหน่อๆ เลยแผลงให้เป็น คูท ไปแต่จากนี้บางส่วนหรืออีกหลายๆอย่างอาจผิดพลาดได้อีก

ผมเต็มใจที่จะรับ คำชี้แนะจากผู้อ่านทุกคนนะขอรับ เพราะงั้นจากในคราวนี้ กระผมจะนำเอาไป แก้ไขและปรับปรุงดีขึ้นกว่าเดิม อ้อ เกือบลืมอาทิตย์นี้ขอเลื่อนไปตอนหนึ่งนะขอรับ เพราะว่าต้องสอบกลางภาค แล้วเจอกันวันอังคารนะขอรับ See ya


Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #35 on: December 22, 2008, 11:28:11 AM »

Quote
แต่น่าเสียดายที่พอ wiser special drago3 ออกเมื่อไหร่จะต้องระงับโปรเจ็คนี่ไว้ก่อน
แต่จะพยายามทำให้โปรเจ็ค ตำนานทาลิ2 จบให้ไวที่สุดนะขอรับ

แย่แล้วเกรม่อนคุง เมื่อวานเจ็ ลืมโทรไปบอก ปิโยม่อนจัง(โค้ดเนม บ.ก. ของกลุ่มงาน) เขาบอกว่าโปรเจ็ค ทาลิ2 ให้
ยกเลิกการลงเอาไว้ก่อนแล้วลง ซัมวีอาร์นี่ให้จบซีซั่น 2 Paradiso da Regola ก่อน
แล้วเว้นภาค trinity เอาไว้ไปลงทาลิ เพราะปิโยจัง บอกว่าข้อมูลที่ให้จะเขียนยังไม่พอ
ต้องรอกันดั้มดับเบิลโอซ๊ซั่น2ออก เอ้ย ไม่ช่ายต้องรอไปเก็บข้อมูลก่อน(หวายหลุดไปแล้ว)

อ้อแล้วภาพดูเอลดิสของซํมวีอาร์ เจ็ส่งไปให้ที่เมลแล้วนะจ้ะฝากบอกแค่นี้ล่ะ

me/มาบอกข่าวดีจบก็ขอเผ่นออกจากระทู้ก่อนโดนเกรม่อนคุงไล่ตื้บล่ะจ้า
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #36 on: December 25, 2008, 02:37:15 AM »

Quote
แย่แล้วเกรม่อนคุง เมื่อวานเจ็ ลืมโทรไปบอก ปิโยม่อนจัง(โค้ดเนม บ.ก. ของกลุ่มงาน) เขาบอกว่าโปรเจ็ค ทาลิ2 ให้
ยกเลิกการลงเอาไว้ก่อนแล้วลง ซัมวีอาร์นี่ให้จบซีซั่น 2 Paradiso da Regola ก่อน
แล้วเว้นภาค trinity เอาไว้ไปลงทาลิ เพราะปิโยจัง บอกว่าข้อมูลที่ให้จะเขียนยังไม่พอ

เวรแล้ว คิดพล็อตไว้แล้วอ่ะ ทำไงดีตอนนี้ ซํมวีอาร์มันยังมีบางส่วนที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะชนได้ด้วยสิ
เอาไงดีหว่า ช่วยไม่ได้งั้นลงต่อเนื่องตามคำสั่งของท่าน บก.ปิโยม่อนเลยละกัน(วันๆเอาแต่สั่งไม่เหงทำไรเลยตรวจงานก็อู้เลยมีพิมพ์ ผิดเต็มเป็นพรืดอย่างที่เห็นเนี่ย)

เพราะฉนั้นด้วยประการละฉนี้+กับเสียงตอบรับจากผู้อ่านทุกท่านกระผมก็
จะขอลงเรื่องนี้ต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่เป็นการเป็นงาน เอ้ยไม่ใช่จะลงไป
เรื่อยๆอย่างเป็นการเป็นงานกว่านี้ ส่วนในเรื่องของการบรรยายและพรรณาในเรื่อง
ส่วนตัวผมคิดว่าอาจจะยังไม่ไดีเท่าที่ควร เพราะบางท่านอาจจะอ่านแล้วเกิดอาการ

สับสนว่ามันเป็นยังไงนึกภาพตามไม่ได้ ตัวผมจะพยายามฝึกฝนและแก้ไขให้ดีขึ้น
แต่ก็คงต้องบอกว่าแก้จนสมบรูณ์เต็ม100 ไม่ได้ เพราะบางทีก็ต้องรีบปั่นเหมือนกัน

ว่าแต่ทำไมต้องรอ ดับเบิลโอซีซั่น2ออกด้วยฟ่ะเนี่ย หรือจะให้ทาลิ เป็นเซเลสเชียลบีอิ้ง
หึ เฮ้อเห็นมันกลายเป็นนิยายสายเมคาไปแล้วรึ

Quote
อ้อแล้วภาพดูเอลดิสของซํมวีอาร์ เจ็ส่งไปให้ที่เมลแล้วนะจ้ะฝากบอกแค่นี้ล่ะ



โอเคอันนั้นได้รับแล้ว ขอบอกเห็นแล้วนึกถึง ดีไวซ์จากเรื่องสาวน้อยจอมเวทย์นาโนฮะ เลยถึงคนเขียนให้ลักษณะมันเหมือนจะเป็นฉานก็เถอะแต่แบบนี้มันตรงไปม้ายยยย


« Last Edit: December 25, 2008, 02:42:59 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #37 on: December 28, 2008, 07:53:18 PM »

Sub-Turn 6  Terrific

โลกในปี พ.ศ. 2700 ประเทศในทวีป เอเชียได้ กลายเป็นผู้นำด้าน นวัตกรรม เวทยาการ เพราะ ศาสตร์แห่งจิตใจ
ไสยศาสตร์แห่งเวทมนต์ที่ ฝังรากลึกลงไปใน วัฒนธรรมของพวกเขาทำให้การพัฒนาด้านพลังงานมนตรา นั้นได้เปรียบ กว่าพวก ยุโรป อเมริกา  ทว่าการที่จะนำพลังแห่งมนตรามาประยุกต์ใช้งาน ได้ก็ต้อง พึ่งพา วิทยาการ
ด้วยเช่นกัน ทำให้ ความสามารถในด้านวิทยาการ เทคโนโลยี ที่ทวีป ซีกโลก ตะวันตก เคยชำนาญ อยู่แล้ว

มีประสิทธิภาพ ขึ้นเมื่อเกิดความก้าวหน้าในด้านพลังงาน หลักวิชาการต่างๆก็ได้ก้าวตามไปด้วย
เทคนิค การแพทย์ที่พัฒนาล้ำหน้าเสียจน ทำให้โรคภัยต่างๆต้องสยบ อย่างศิโรราบ เมื่อการประสานเวทยาการกับ
วิทยาศาสตร์การแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นโรคติดต่อทางกรรมพันธุ์ หรือโรคร้ายแรงที่ไม่เคยรักษาได้เมื่อหลายร้อยปี

ก่อน บัดนี้เปลี่ยนไปแล้ว โรคหัวใจ สามารถหายได้ด้วยการอาบรังสีมนตรา ลงไปยังกล้ามเนื้อหัวใจ
หวัดมรณะที่เคยแพร่ระบาด ได้ถูกชำระจนสูญหายไปจากโลกโดยสิ้นเชิง มะเร็งโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนด้วยความ

ทรมาน ก็ต้องจบยุคของมันลงด้วย ยาปฏิชีวเวท เพียงเม็ดเดียว หากพิการทางร่างกายไม่ว่าจะแต่กำเนิดหรือเกิดจากอุบัติเหตุ อวัยวะนั้นสามารถ สร้างขึ้นมาทดแทนจนมีความสมบรูณ์ เทียบเท่ามนุษย์ทั่วไป
และหาก เป็นโรคที่เกิดจากความผิดพลาดทางพันธุกรรม ด้วยเทคนิคการ

ถ่ายทอดพันธุกรรม ของอสูรอัญเชิญลง ไปในร่างของมนุษย์ เพื่อทดแทนส่วนที่เสียไปหรือ
ที่ทำให้ส่วนที่พิกลพิการหายไป หากคุณเป็น ดาว์นซินโดม(เขียนถูกป่ะ) เพียงแค่ปลูกฝัง พันธุเวทกรรม
ของพวก Kobold ลงไปก็ทำให้อาการส่วนที่เป็นผลเสียถูกทดแทนด้วย พลังของชนเผ่า Kobold แล้ว
ซ้ำยังจะทำให้พวก เขาเหล่านั้นมีอำนาจยิ่งไปกว่ามนุษย์ทั่วไปเสียด้วย จากที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ กลับกลายเป็นอัจฉริยะ ไปได้โดยปริยาย ด้วยเหตุผลข้อนี้ทำให้ เมื่อ ครึ่งศตวรรษ ที่แล้ว หรือ 50 ปีก่อนหน้านั้น

ได้มีการ ผ่าตัด ดัดแปลง ให้มนุษย์กลายเป็นยอดของมนุษย์ เพื่อผลประโยชน์ในหลายๆทางแน่นอนหากคุณ
เลือกได้ระหว่างเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาไร้ซึ่งพลังอำนาจ กับการที่จะได้กลายเป็นสุดยอดของมนุษย์
คุณจะเลือกทางใด นั่นจึงกลายเป็นต้นตอของความขัดแย้งในเวลาต่อมา ผลตอบแทนของการเปลี่ยนคุณเป็นยอดแห่งคน

การแข่งขันทางสมรรถภาพทางกาย ที่สามารถปรับเปลี่ยน ได้ตามความต้องการ แน่ล่ะ พวกคุณได้เปลี่ยนตัวเองกลายเป็นเครื่องจักรที่หาดีได้ด้วยการเสริม ชิ้นส่วนที่เรียกว่า พันธุกรรม เมื่อพรสวรรค์ สามารถสร้างได้สิ่งที่ตามมาก็คือ
 การแข่งขันที่ผิดศีลธรรม ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมุมานะ และพยายาม เมื่อพวกที่เปลี่ยนตัวเองจน

เป็นสุดยอด สามารถทำได้เหนือกว่า พวกที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความมุมานะ พวกที่มีฐานะพอจะ
เปลี่ยนตัวเองเป็นยอดคนก็ได้เหยียบย่ำ ความมุ่งมั่นของผู้ที่ไม่มีอะไรเลย จนเกิดเป็นสงคราม และในครั้งนั้นความขัดแย้ง
ที่ก่อตัวรุนแรงขึ้นแม้จะไม่เป็นรูปธรรม เช่นที่มนุษย์เข่นฆ่ากัน ก็ตาม เหล่าผู้พ่ายแพ้ก็ถูก

ทอดทิ้งให้ตายอย่างโดดเดี่ยวและทุกข์ทม    ผลจากครั้งนั้น เทพอสูรดึกดำบรรพ์แห่งปฐพี Behemoth และ เทพอสูรดึกดำบรรพ์แห่งมหาสมุทร Leviathan ได้จุติลงมายังโลก และสร้างมหาวิบัติ ขึ้นไปทั่วทุกหย่อมหญ้า

เมื่อแผ่นดินพังทลาย คลื่นยักษ์ พัดพาเมืองให้จมลงสู่ ท้องสมุทรแม้ ยอดของมนุษย์ทั้งหลายจะ
ได้ปลูกฝังพลังอันมากมายใส่ตัวก็ไม่อาจทานอำนาจของ เทพอสูรได้
ไม่นานอาวุธสงครามที่ไม่ได้รับการพัฒนาจากเวทยาการซึ่งยังหลงเหลืออยู่จากสงครามในประวัติศาสตร์ครั้ง
ก่อนๆก็ถูกงัดออกมาใช้ เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงที่ เทพอสูร เลราเย่ จะจุติลงมา น่าเสียดาย พวกเขาคิดผิด

ไม่ว่าจะนำพลังแห่งมนตรามาใช้หรือไม่หากเกิดสงครามที่ มีการใช้อาวุธกันอย่างรุนแรงเมื่อนั้นเทพอสูร
 เลราเย่ ก็จัก จุติมาลงทัณฑ์ เหล่ามนุษย์ เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังของอสูรเทพ ทั้งสามตน ก็ไร้พลังอำนาจที่จะต่อกร

 ก่อนที่โลกจะต้องพบกับจุดจบ ก็ได้มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ได้ลุกขึ้นต่อกรกับอำนาจของเหล่า อสูรเทพ
 จอมทัพแห่งสรวงสวรรค์ เทพอสูรผู้ทรงธรรม ได้รับการวิงวอน จากเหล่าผู้กล้า และจุติลงมายังโลก
เพื่อพิพากษาเหล่า เทพอสูร ที่กระทำการเกินกว่าเหตุ ความวิบัติจึงหยุดลงได้แต่บัดนั้น
พลังของกลุ่มบุคคลที่
ร่วมมือกับเหล่าอสูรอัญเชิญ เพื่อที่จะร้องขอให้ จอมทัพแห่งสรวงสวรรค์ลงมา นั้น
ได้กลายเป็นที่มาของเหล่าผู้ใช้อสูร หรือที่เรียกว่า Summoner และเหล่าผู้กล้านั้นได้ถูกขนาน นามให้เป็น Summoner master …



สวนแสดงสัตว์น้ำ Water Layer จังหวัดระยอง 20.00 น.

หน้าอาคารของสวนแสดง ยานยนต์สีเงินขาว หลายคันได้จอดทิ้งไว้ โดยที่บนหลังคามีกล่อง
ที่สามารถส่องแสงสีแดงฟ้าหมุนสลับไปเรื่อยๆได้อยู่  นี่คือเหตุการณ์เมื่อประมาณ ครึ่งชั่วโมงก่อน
 ตอนนี้ ธนัท และพวก ได้กล่าว
ล่ำลา กันจริงๆเสียที ก่อนที่จะเดินตรงออกไปยังถนนใหญ่ โดยที่มี แอน โบกมือให้ลับหลังอยู่

“ เฮ้อเสียเวลาไปสอบปากคำ ที่ สน. ข้างๆนี่ตั้ง ชั่วโมง แต่ไม่มีใครยอมเชื่อเราเลยว่า พวกนั้นมันหายตัวได้”
ธนัท บ่นด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย  จากการที่ต้องตอบคำถามกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สอบปากคำพวกเขาถึง
ลักษณะของผู้บุกรุก แม้ว่าพวกเขาจะพูดออกไปตามที่เห็น และยื่นตราประทับ ที่พวกชุดดำนั้นทำตกไว้
ให้แก่ตำรวจ แต่ก็ไม่ได้ความคืบหน้าอะไรขึ้น ไม่มีใครหรือหน่วยงานใดรู้จัก ตราที่ประทับคำว่า
Paradiso da Regola  มาก่อนเลย

“ นี่ เคียว ก่อนเราจะออกไปให้ปากคำ เธอพูดไว้ใช่ ไหมว่า หลักเกณฑ์แห่งสวรรค์  มันคืออะไรกัน   ”
ชุติการ(เรียกย่อๆเป็นชุติ) เอ่ยถามขึ้น ด้วยความสงสัย ถึงเรื่อง เคียว พูดเอาไว้ทันทีที่ได้ยิน คำว่า
 Paladiso da Regola จากตอนที่ แอน ติดต่อเข้ามา

“ อ๋อนั่น น่ะ เหรอที่จริงมันเป็นภาษาอิตาลี ซึ่งถ้าแปลตรงๆตัวแล้วก็คือกฎข้อบังคับของฟ้าสูงน่ะ
แต่ว่าตอนที่ฉันได้ยินน่ะ พอแปลออกมาแล้วมันทำให้นึกถึงเรื่องที่ ประธานเคยพูดไว้ ก่อนที่ รุ่นพี่ ศรี จะหายตัวไป…น่ะ  ”
เคียว กล่าวได้ยังไม่ทันจบก็ต้องละที่เหลือไว้ เพราะ ธนัท  ที่หลบหน้าพวกเขาทันทีที่ กล่าวถึง คนที่ชื่อ ศรี

“ อ..เอ่อ โทษนะ ไม่ได้ตั้งใจหรอกฉันแค่.. ”
เคียว กล่าวได้ยังไม่ทันจบประโยค ธนัท ก็ส่ายหัวเบาๆก่อนจะกล่าว

“ ไม่เป็นไรเรื่องมันก็ตั้ง ครึ่งปี มาแล้วถึงตอนนี้ ทั้งฉัน แม่ แล้วก็พี่ ริน ก็ทำใจได้แล้วล่ะ ”
ธนัท กล่าวเสียงเรียบโดยพยายามหลบหน้าไม่ให้ ทั้งสองเห็น คราบน้ำตาที่ไหลออกมานิดน้อย
เคียว กับ ชุติ ที่เห็นเช่นนั้นจึงเงียบไป และพยายามไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ตลอดทางที่เดินไปจนถึง สถานี
ที่จะซื้อตั๋วเพื่อ วาร์ป กลับกรุงเทพ





……….
……………
สถานี Warp Gate  ระยอง  อ.เมือง

“ วาร์ป ปลายทางที่จะไปกรุงเทพฯ พร้อมจะใช้งานแล้วค่ะ ขอให้ผู้ที่ จะเดินทางกรุณา ยืนรอที่ลานเคลื่อนย้าย
อย่างเป็นระเบียบด้วยค่ะ ”
“ วาร์ป ปลายทางที่จะไปนครสวรรค์ จันทบุรี..  ”

เสียงประกาศที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ ซึ่งคอยแจ้งกำหนดการเคลื่อนย้าย ผ่านกระแสมนตรา
ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาทางการคมนาคม  เพื่อให้มีความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งการเดินทางด้วยการ วาร์ป
นั้นเป็นการเดินทางโดยใช้กระแสมนตรา เป็นสื่อนำทางซึ่งช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทาง
ให้อย่างมาก เพราะหากคุณจะเดินทางจากกรุงเทพ ไประยอง พวกคุณก็คงต้องนั่งรถกันเป็นชั่วโมงๆไม่ว่าจะ เป็นรถไฟก็ตาม

หากแต่การวาร์ป นั้นต่างกัน เพราะเพียงแค่คุณซื้อตั๋ว เที่ยวที่จะไปและไปยืนรอที่ลาน
 ส่งตัวจนถึงเวลาที่กำหนดเพียงไม่กี่อึดใจคุณก็ถึงที่หมายแล้ว นอกจากการเดินทางข้าม
จังหวัดแล้วยังมี วาร์ป ย่อยสำหรับเดินทางระหว่างเขต ต่างๆของจังหวัดด้วย

“ กรุณาแจ้งสถานที่ปลายทางด้วยค่ะ ”
เสียง ที่ดังขึ้นจากตู้ขายบัตรอัตโนมัติ ซึ่งตั้งเรียงรายติดผนังไปด้วยกันเป็นสาย
ชุติ ซึ่งกำลังเสียบ ธนบัตร ใบละ 20 บาท 3 ใบลงที่ช่องใส่เงิน ของตู้ พร้อมกับรอเสียงคำถามจาก
ตู้ขายบัตร

“ กรุงเทพ เขตบางกอกใหญ่ 3 ใบค่ะ ”
ชุติ กล่าวกับ ตู้ขายบัตรก่อนที่มันจะทำการป้อนข้อมูลตามที่เธอ สั่ง

“ กรุงเทพ เขตบางกอกใหญ่ สามที่ กรุณากดปุ่มยืนยัน ด้วยค่ะ ”
เสียงจากตู้ขายดังขึ้น ก่อนที่ ชุติจะกดนิ้วลงไปบนแป้น ที่ฉายตาราง ปุ่มคำสั่งต่างๆ
ซึ่งประกอบด้วย ยืนยัน ยกเลิก ตรวจสอบรายการ เลือกภาษา  และ ปุ่มตัวเลขกับตัวอักษร
ชุติ กดนิ้วลงไปบนช่องที่เขียนว่ายืนยัน ก่อนที่หน้าจอของเครื่องจะทำการแสดงรายการสินค้ำ
ออกมาและเริ่มทำการจ่าย บัตรกระดาษแข็ง สามใบออกมาจากช่องออกบัตร พร้อมกับ ใบเสร็จ
รายการสิ้นค้ำที่ถูก พิมพ์ออกมาพร้อมสรรพ

“ ขอบคุณที่ใช้บริการ ” 
เสียงตอบรับดังกลับออกมาจากเครื่อง หลังจากที่ ชุติ ดึงบัตรที่ ไหล ออกมาจากช่องออกบัตร กับใบเสร็จ
ที่ช่องออกใบเสร็จ มาเธอก็เดินออกจาก ตู้ฝ่าฝูง ชนที่เดินไปมาข้ามไปยัง
ทางฝั่งตรงข้ามที่เชื่อมไปยังห้อง ผู้โดยสาร ซึ่ง เคียวกับ ธนัท รอ อยู่ก่อนแล้ว
ชุติ ยื่นบัตร ให้ทั้งสองคนก่อนที่พวกเขา จะเข้าไปยังห้อง ผู้โดยสาร

ภายในห้องเป็นโถงทางเดิน ที่มีแท่นลาน ซึ่งยกตัวสูงขึ้นจากพื้น
ที่ลอยอยู่เหนือ แท่นนั้นเป็นป้ายโฮโลแกรม ที่เขียนว่า Warp Base ลอยเคว้งอยู่
ผู้คนในห้องโถง ต่างเดินกันขวักไขว่ เพื่อจะไปประจำแท่นวาร์ป  ทันทีที่พวกเขาทั้งสาม
 เดินขึ้นไปบนแท่นวาร์ป ก็ยกบัตร ขึ้นมาเจาะบริเวณรอยปรุที่อยู่บน บัตร เกิดแสงสีฟ้าขึ้นมาอาบร่าง
ของพวกเขาที่ยืนอยู่บนแท่นก่อนที่จะสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย

……..
……..

Warp Gate  สถานี กรุงเทพ  เขต บางกอกใหญ่

ลำแสงสีฟ้าที่พุ่งตัวอย่างรวดเร็วเดินทาง ข้ามจากพื้นที่หนึ่งถึงอีกที่หนึ่ง ในเวลาอันรวดเร็ว และพุ่งทะลุลงมายัง
อาคารที่เป็นสถานี วาร์ป และลงตรงจุดแท่นส่งของ สถานี กรุงเทพฯ ก่อนที่แสงจะจางหายไปพร้อมกับร่างของ ทั้งสามที่ปรากฏตัวขึ้น และบัตรที่สูญสลายหายไป สภาพของสถานี เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ผู้คนที่มาใช้ วาร์ป มีกันพลุกพล่าน ดังนั้นจึงเกิดแสง เคลื่อนย้ายแวบไปๆมาๆแทบจะตลอด
ตู้ขายบัตรก็มีผู้คนเรียงคิวกันยาว เหยียด ทั้งสามเดินลัดเลาะผู้คนที่เดินสวนกันไปมาตลอดทางจนออกมาหน้าสถานี ได้สำเร็จ

“ งั้นเราแยกกันตรงนี้ เลยละกันนะ ”
ธนัท กล่าว

“ อ้าวไม่กลับด้วยกันเหรอ ”
ชุติ กล่าวถามด้วยความสงสัยทั้งที่ทางกลับบ้านของ ธนัท ก็ไปทางเดียวกับพวกเธออยู่แล้ว

“ คือฉันว่าจะแวะไปโรงเรียนหน่อยน่ะ รู้สึกก่อนจะไปบ้าน แอน ฉันลืม ล็อกกุญแจ ห้องชมรมไว้น่ะ
เพราะพวก ปีหนึ่งที่มาซ้อมน่าจะกลับกันหมดแล้วล่ะ งั้นฉันไปนะ แล้วเจอกัน ”
ธนัท กล่าวจบก็วิ่งหายลับไปจากสายตาของทั้งสองทันที

“ ธนัท ยังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่สินะ ”
เคียว เปรยเสียงเรียบ ขณะที่สายตายังคงจ้องไปยังทางที่ ธนัท วิ่งหายไป

“ มันก็แน่สิ ตอนแรกพวกเรายังคิดเลยว่า รุ่นพี่จะต้องยังมีชีวิตอยู่ แต่จนถึงตอนนี้ฉันก็เริ่มเชื่อแล้วล่ะว่าบางที พี่ศรี  อาจจะตายไปแล้วจริงๆก็ได้นี่ แล้ว ธนัท ที่เป็นน้องของ พี่ศรีน่ะจะเสียใจขนาดไหนกัน  ”
ชุติ ตะคอกอย่างหัวเสียที่ เคียว ยังพูดได้เหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย

“ ไม่หรอกที่จริงเรื่องนี้ฉันเองก็ลืมมันไปแล้ว แต่ว่าหลังจากที่ ได้เจอ ภูเขา ในวันนั้นมันทำให้ฉันนึกถึงขึ้นมาน่ะ
ถึงเรื่องที่ ประธาน พูด กับ พี่ศรี เมื่อ ครึ่งปีก่อนจะหายตัวไป แบบนี้ ”
เคียว กล่าวเสียงเรียบ เนื้อความในประโยคทำให้ ชุติเริ่มสงสัยว่า เคียวพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่

“ แล้วตอนนั้น ประธานพูดกับ พี่ศรีว่ายังไงเหรอ ”
ชุติ กล่าวคิ้วขมวด น้ำเสียงเคร่งเครียดขึ้นมา

“ ไม่ไหว..ไม่ว่าจะนึกยังไงฉันก็จำไม่ได้ ว่า ประธานพูดอะไรกับพี่ศรี ไว้ ”
เคียว กล่าวพลางถอนหายใจ ก่อนที่คำพูดของเขาจะทำให้ ชุติ ต้องเซถลา ไปกับการที่
คำตอบนั้นไม่ได้ออกมาตรงประเด็นกับที่เธอคิดว่าน่าจะเป็น

“ ได้ไงกันเคียว ทีเรื่องสำคัญอย่างนี้ถึงนึกไม่ออกล่ะ ”
ชุติ ตวาดอย่างเสียอารมณ์ ใส่เคียวที่ทำให้เธอ หวังเก้อ ไปเปล่าๆปลี้ๆ

“ เอาเป็นว่า ไว้ค่อยไปถามประธานพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ ”
เคียว กล่าวเสียงหงอย ทันทีเพื่อที่จะให้ ชุติ ใจเย็นลง
แต่ก็ยังไม่วายจะโดนต่อว่า ไปตลอดทางที่กลับบ้าน
………………
…………………….
………………………


โรงเรียน มนต์วิทยา

บริเวณใต้อาคารที่ 4  ลานด้านหน้า ประตูห้องของชมรมต่างๆ นั้นมีโต๊ะหินอ่อนและเก้าอี้หินอ่อน
วางเรียงรายเพื่อสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนของนักเรียน ประตูกระจกของห้องชมรมห้องหนึ่งซึ่งเปิดอ้าอยู่
จากบรรดาประตู ห้องที่เรียงรายเป็นทางจนสุดตัวอาคาร แสงไฟจากห้องชมรมเพียงห้องเดียว
ที่ยังสว่างอยู่ได้ส่องผ่านประตูที่เปิดอยู่ออกมา ก่อนที่ แสงจะดับลงพร้อม กับเด็กหนุ่ม
 คนหนึ่งเดินออกมาจาก ห้องก่อนจะปิดบานประตูเข้าไป และชัก กุญแจที่มือ ไขลงไปในช่องกุญแจ
 ของประตูก่อนจะบิดมัน

กริ๊ก !

เสียงดังขึ้นก่อนที่เด็กคนนั้นจะชัก กุญแจ่ออกจากช่องและลองผลักมันดูเพื่อให้แน่ใจว่า ปิดสนิท ก่อนจะเก็บกุญแจ ลงกระเป๋ากางเกงไป

“ ธนัท จากนี้ไปต้องยืนหยัดด้วยตัวเองนะ เพราะพี่ไม่อาจจะอยู่เคียงข้างนายได้ตลอดไปหรอก ”
“ เมื่อไรจะยอมเข้าใจซักที หมอนั่นน่ะมันตายไปแล้ว ”
“ พี่ศรี ตายแล้วจริงๆเหรอฮะพี่ ริน ”
“ ไม่รู้สิ ตอนนี้พี่ไม่รู้ว่าอะไรจริงไม่จริงแล้ว....ฮึก ”

เสียงที่แวบขึ้นมาในหัว ทำให้เด็กหนุ่มต้องชะงัก ก่อนที่จะก้าวเท้าออกไป
สายตาที่ดูเหงาหงอยของ เด็กหนุ่มได้ทอดยาวออกไป ยังถนนในโรงเรียน ก่อนที่
ภาพในอดีตจะลอยขึ้นมาในหัว ภาพของเด็กชายที่กำลังเดินพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน กับ พี่ชาย และพี่สาว
ของตนไปตามถนนที่อยู่ข้างหน้าเขานี้

/idiot, be off with  absent-minded /(เจ้างั่ง,เลิกเหม่อซะที)
เสียงทุ้มต่ำแบบเสียงเครื่องจักรดังขึ้น ก่อนที่เด็กหนุ่มจะคลายจาก ภวังค์

“ อ..โทษที คอรัส พอเจอกับเรื่องวันนี้เข้าเลยทำให้นึกถึงเรื่องไม่อยาก
นึกขึ้นมาซะได้..ช่างเถอะรีบกลับกันดีกว่า ดึกมากแล้วด้วย ”
/yeah/(อืม)
ธนัท กล่าวละล่ำละลัก เมื่อรู้ว่า note ของเขาเป็นห่วง และแม้ตัว คอรัส เอง อยากจะซักถามต่อแต่ก็
เกรงใจเขาจึงตอบเออ ออ ตามไป
ธนัท เดินตัดสนามตรงไปยังทางออกของโรงเรียนโดย
ที่ในใจ ก็พยายามจะไม่คิดถึงเรื่องนั้นอีก
ลมกลางคืนที่พัดมากระทบกับผิวของเขาทำ ให้เขารู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว จนเขาถึงกับต้องกอดแขนทั้งสองข้าง
เอาไว้  เสียงใบไม้ที่ลู่ไปตามลม ดังระรัวมาจากขอบสนามแต่ละฝั่ง ผนวกกับบรรยากาศที่ อึมครึม อยู่แล้วทำให้

ธนัท อยากที่จะออกไปให้เร็วที่สุด เขาเร่งฝีเท้าก้าวให้ถี่ขึ้นเรื่อยๆจนเมื่อพ้นสนามออกมาและ
กำลังจะออกจากรั้วประตูโรงเรียน  ก็ได้มีเงาของอะไรบางอย่างพุ่งทะยานไปบนฟ้าขึ้นไปยังบนอาคาร
 ถึง3เงาด้วยกัน ทว่าด้วยความกลัวทำให้ ธนัท ไม่ได้สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไป

ทันทีที่ ออกมาพ้นนอก รั้วโรงเรียนได้ แสงจากไฟ จากร้านค้าที่สาดส่องมาก็พอทำให้เขา อุ่นใจขึ้นมา
ก่อนจะเดินทางต่อ เมื่อเดินมาจนถึงตรอกตัน แห่งหนึ่ง แสงไม่สามารถฉายเข้ามา
ถึงภายในตรอกได้แต่ก็พอจะมองเห็นได้ลางๆบ้างว่าภายใน ตรอกมีอะไร อยู่บ้าง

โครม ตึง เคร้งงงง

 ธนัท ที่เดิน ผ่านหน้าทางเข้าตรอกนั้น
ต้องชะงักฝีเท้าไปเมื่อได้ยินเสียงโครมครามดังออกมาจากตรอก นั้นถังขยะขนาดใหญ่ที่ตั้งติด
ผนังตึกที่สุด ตรอกนั้น ล้มเทกระจัดกระจาย กลิ่นขยะที่ไหลออกมาชวนให้เขาอยากจะอาเจียน
 เพราะมันเหม็นจนแสบจมูก

ทว่าสิ่งที่ เขาสนใจนั้นไม่ใช่กองขยะที่ เกลื่อนกระจายบนพื้น หากแต่เป็น ดวงตาสีเหลืองที่ฉายอยู่ในความมืด
ซึ่งกำลังจ้องมาที่เขา  กว่าที่จะทันรู้สึก ตัวก็มีอะไรบางอย่างที่คมกริบ พุ่งเฉี่ยวแก้มขวา ของเขาจนฉีก

โลหิตสีแดงสดค่อยๆไหลออกมาจากปากแผลที่ที่บาดเป็นทาง ยังไม่ทันที่
ธนัท จะได้โอดครวญ หรือ คิดสิ่งใด  ร่างของเขาก็ถูกอะไรบางอย่างชนกระแทกจนล้มลง
 พร้อมกับที่ สิ่งที่คมกริบเหมือนตอนแรกจะพุ่งทะยาน ตรงมาอีกทว่าเพราะเขาล้มลงทำให้ สิ่งนั้นพุ่งเลยผ่านไป

“ ชิ หนีไปแล้วงั้นเรอะ ”
สิ่งที่เข้ามาชนเพื่อช่วยเขาเอาไส้นั้นคือเด็กหนุ่มอีกคน เด็กหนุ่มคนนั้นสบถ ด้วยความเจ็บแค้นก่อนจะ
หันมามองหน้า เขาเพื่อดูว่าเขายังอยู่ดีรึไม่ ธนัท ที่ได้แต่นั่งมองหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยความสับสน
ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บจะแผ่ซ่านไปทั่ว จากบาดแผลที่ใบหน้า เขาเอามือขึ้นกุมปากแผลไว้
ก่อนจะกัดฟันทนด้วยความเจ็บแสบ

“ แผลแค่นั้นไม่ถึงตายหรอก ตอนนี้ฉันไม่ว่างจะมาเสวนากับนายแล้ว ขอตัวล่ะ ”
เด็กหนุ่มคนนั้นกล่าวจบ ก็ออกวิ่งตามเจ้าสิ่งที่ทำร้าย ธนัท ไปทิ้งให้เขานั่งกุมแผลด้วยความเจ็บแสบ
ก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับบ้านโดย เก็บเอาเรื่องที่เกิดขึ้นมาขบคิดตลอดทาง


............
.................

เช้าวันต่อมา

“ หน้าไปโดนอะไรมา น่ะ ”
ชุติ กล่าวถามด้วยความสงสัย ที่เห็น พลาสเตอร์ยา ติดอยู่ที่แก้มของเขา ขณะที่ ธนัท
ซึ่งถูกถามคำถามเดียวกันนี้จากหลายๆคนก่อนเข้ามาที่ห้องเรียน ก็ หน้ามุ่ย คิ้วขมวด
ด้วยความรำคาญ นอกจากนี้ เคียว กับแอน
เองก็ยังมามุงจ้องหน้าเขาด้วยความสนใจเช่นกัน

“ เมื่อคืนตอนที่มาปิดห้องชมรม ที่โรงเรียนขากลับโดนตัวอะไรก็ไม่รู้มันขว้าง อะไรคมๆมาเฉี่ยวใส่เนี่ยแหล่ะ
เล่นเอาเจ็บแทบแย่ ”
ธนัท สบถ ด้วยความหงุดหงิด แต่ในใจเค้าก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า หากเมื่อคืน เด็กหนุ่มคนนั้นไม่มาช่วยเขาไว้
ป่านนี้เค้าคงไม่ได้มานั่งอยู่ในห้องเรียนเป็นแน่

“ หรือว่าที่ทำร้าย ธนัท จะเป็นไอ้นั่นที่เขากำลังพูดถึงกันมาก หน่า ”
สำเนียงเหน่อๆของ แอน ขึ้นได้ยังไม่ทันจะขาดคำ ที่กลุ่มเด็กหญิง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มของเขานัก
ก็กำลังจับกลุ่มคุยกันดังซะจนได้ยินมาถึงพวกเขา

“ นี่รู้ไหม ตอนนี้เขาลือกันให้ทั่วแล้วนะ ว่าตอนกลางคืนที่โรงเรียนเรา มีผี ดูดเลือดออกอาละวาดน่ะ ”
“ เห็นเมื่อคืน พวกนักเรียนที่ ชมรม โอตาคุ โดนดูดเลือดด้วยล่ะ ”
“ ว้ายน่ากลัวจังเลย...อย่างนี้ก็อยู่ดึกไม่ได้น่ะสิ ต้องรีบกลับบ้านแต่เย็นเลย ”

เสียงพูดคุยที่ดังออกมาจากกลุ่มเด็กหญิง ดึงความสนใจให้แก่พวก ธนัท ได้ไม่นานทุกคนก็ต้อง
 ถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกันเป็นเสียงเดียว

“ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก แอน นั่นมันก็แค่ข่าวลือ ”
ทุกคนในกลุ่มนอกจากแอน กล่าวขึ้นด้วยท่าทีเหนื่อยใจ ทว่า แอน ก็โบกมือสั่นหัวไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ

“ ม่ายช่าย ที่แอนว่าน่ะไม่ได้หมายถึง ผีดูดเลือด แต่หมายถึง werewolf  ต่างหาก ล่า ”
แอน กล่าวจบ ธนัท ก็ถึงกับคอตกที่ดูว่าเรื่องที่ แอนพูดมันไม่ได้ห่างออกจากเรื่องเมื่อครู่เลยสักนิด

“ ไม่แน่หรอกนะเพราะที่ๆนายโดนทำร้ายมามัน เป็นตรอกด้านหลังโรงเรียนเราใช่ไหม ”
เคียว กล่าวเสียงขรึม ขึ้นมาในทันที ซึ่งชุติ เองก็พลอยตีสีหน้าจริงจังไป เขาด้วย


“ รู้สึกว่าจะมีคนเคยเห็นมนุษย์หมาป่า แถวๆตรอกซอย ด้านหลังโรงเรียนเราด้วยล่ะ ”
ชุติ กล่าวขณะที่ นึกถึงคำบอกเล่าที่ฟังกันมาเป็นทอดๆ อีกที

“ แล้ว ไอ้ข่าวลือที่ว่าเนี่ยมันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะทำไม ฉันไม่เคยได้ยินเลย ”
ธนัท กล่าวขึ้นเพราะเริ่มที่จะสนใจขึ้นมา

“ ประมาณสัปดาห์ที่แล้วเอง ”
เคียว กล่าวจบ อาจารย์บุษบารี ก็ก้าวเข้ามาในห้อง ทำให้พวกเขาต้องหยุดสนทนาและกลับไปนั่งประจำที่
เช่นเดียวกับทุกคน

“ ทั้งหมดตรงทำความเคารพอาจารย์ผู้สอน ”
นักเรียนหญิงที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าห้อง กล่าวจบทุกคนก็ลุกขึ้นยืนตรงก่อนจะพนมมือไหว้
เพื่อทำการแสดงความเคารพต่อผู้สอน

“ สวัสดีครับ/ค่ะ คุณครู ”
เสียงสวัสดีต้อนรับจากนักเรียนทุกคนดังขึ้น ก่อนที่ อาจารย์บุษบารี จะรับไหว้ ทุกคนจึง
นั่งลง

“ นักเรียนทุกคนวันนี้ห้องเราจะมีเพื่อนใหม่ย้ายเข้ามานะจ้ะ เขามีเชื้อชาติเดียวกับ วัชรพงศ์ เลยนะจ้ะ ”
อาจารย์สาวกล่าวจบ สายตาของทุกคนในห้องก็จ้องมาที่ เคียว กันทางเดียว

“ เชื้อชาติเดียวกับ เคียว งั้นก็คนญี่ปุ่น น่ะสิ ”
ชุติ คิด ขณะที่เสียงจอแจ ของนักเรียนเริ่มจะดังขึ้น จนอาจารย์สาวต้อง ตมมือเสียงดังเพื่อให้นักเรียนหยุด

“ เอาล่ะ เข้ามาเลยจ้ะ ”
อาจารย์สาว กล่าวจบ นักเรียนใหม่ก็เดินเข้ามา ในห้อง เขามีผมสีดำยาวปรกหู สวมเครื่องแบบ นักเรียนเช่นเดียวกับทุกคนในห้อง

[หมายเหตุในยุคอนาคตนี้ โรงเรียนไม่เข้มงวดเรื่องทรงผมแล้ว แต่ยังคงต้องแต่งเครื่องแบบ
เหมือนเดิม ถือว่าพัฒนาขึ้นมากจากเมื่อ 200 ปีก่อนทำไมโรงเรียนเราไม่มีแบบนี้มั่งน้า]


« Last Edit: December 28, 2008, 08:12:11 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #38 on: December 28, 2008, 07:53:35 PM »

“ เขาชื่อ เซนาคาว่า โคทาโร่ แม่เขาเป็นคนญี่ปุ่น น่ะฝากพวกเรา ดูแลเขาด้วยก็แล้วกันนะ ”
อาจารย์สาวกล่าว ขณะที่นักเรียนใหม่เดินเข้ามายืนข้างๆ

“ คือ..ชื่อผมถ้าอ่านแบบนั้นมันจะเป็นการอ่านแบบญี่ปุ่นนะครับ ต้องโคทาโร่ เซนาคาว่า สิครับอาจารย์ ”
เด็กหนุ่ม แย้งขึ้น ทำให้ อาจารย์สาวสะดุ้งเล็กน้อยที่ตัวเองเผลอ เรียกชื่อเขาตามที่ได้ยินมาตอนส่งตัวนักเรียน



“ Melodion ช่วยเปิดรายชื่อนักเรียนให้ทีสิ ”
/Yes Sir/(รับทราบ)
อาจารย์สาวกล่าวจบ Note ของเธอก็ตอบกลับพร้อมกับฉายจอโฮโลแกรม ซึ่งมีรายชื่อนักเรียนเขียนไว้
อาจารย์สาว ไล่สายตาดูรายชื่อชื่อลงมาเรื่อยๆก่อนจะหยุดที่ชื่อนักเรียนที่มาใหม่ ซึ่งเขียนแบบไทย
เป็น โคทาโร่ เซนาคาว่า ทำเอาอาจารย์สาวหน้าแดงด้วยความละอาย


“ เอ่อ..อาจารย์ขอโทษนะพอดีไม่ได้เช็ค รายชื่อ ถือว่าเราเข้าใจกันแล้วล่ะนะงั้น ที่นั่งเธอก็เอ...ไปนั่งข้างๆธนัท ก็แล้วกัน ”
อาจารย์สาวกล่าว จบก็ชี้ไปยังที่นั่งซึ่งยังว่างอยู่ ข้างๆธนัท

“ อ้าวเฮ้ย มีโต๊ะมาต่อตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ”
ธนัท คิด เมื่อพึ่งจะรู้สึกตัวว่า โต๊ะที่เขาเคยนั่งเดี่ยวมาตลอดพึ่งจะมีโต๊ะมาต่อเสริม อีกตัว
โดยที่เขาไม่ได้สังเกต ตอนที่เข้ามาเมื่อเช้า  ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไร โคทาโร่ ก็เดินเข้ามานั่ง ที่นั่งข้างๆด้วยแล้ว

“ ฝากตัวด้วยนะ ฉันโคทาโร่ ”
/I’m Maracas/ (กระผม มาราคัส)
โคทาโร่แนะนำตัวจบ Note ที่ห้อยคอของโคทาโร่ ก็ส่งเสียงแนะนำตัวด้วยเช่นกัน

“ อ..อืม ฉัน ธนัทธาทิเวศ ส่วนนี่ คอรัส ”
/Welcome , I’m Chorus/(ยินดีต้อนรับ , ฉัน คอรัส)
ธนัท กล่าวจบ คอรัส ก็ส่งเสียงทักทายกับเพื่อนใหม่ ทว่าทันทีที่ ธนัทได้เห็นหน้าของ โคทาโร่ แบบใกล้ๆ
ก็รู้สึกคุ้นๆว่าเคยเจอกันมาก่อนที่ไหนสักแห่ง

แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะคิดว่าตนคงคิดไปเอง จนการสอนเริ่มขึ้น ไปได้ซักพัก

“ เมื่อคืนทำไมนายถึงไปอยู่ตรงนั้น ”
โคทาโร่ กล่าวเสียงเรียบ ขึ้นมาโดยที่สายตายังคงจ้องไปที่กระดาน
คำถามของเขา ทำให้ ธนัท หันมามองด้วยความสงสัย

“ บอกไว้ก่อนเลยนะ ถ้าเมื่อคืนฉันไม่ช่วยเอาไว้ล่ะก็ ป่านนี้นายได้นั่งเรียนบนสวรรรรค์แล้ว
เพราะงั้นนายรู้เรื่องอะไร เกี่ยวกับเจ้านั่นบ้างบอกมาให้หมด ”
โคทาโร่ กล่าวทว่าสายตาก็ยังคงจับจ้องการเคลื่อนไหวของอาจารย์ ที่หน้าห้องอยู่

“ ม..เมื่อคืน หะ..นี่รึว่านายคือ ”
ธนัท อุทาน บัดนี้เขารู้แล้วว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้พบ หน้ากับโคทาโร่
นั้นเพราะคนที่ช่วยเขาไว้เมื่อคืนก็คือ โคทาโร่น่ะเอง

“ นี่นายคือ คนที่ช่วยฉันไว้เมื่อคืนงั้นเหรอ ”
“ ชู่ว อย่าหันมาสิ อาจารย์มองมาทางนี้แล้ว ”
ธนัท กล่าวยังไม่ทันขาดคำ ก็ถูก โคทาโร่ สั่งให้หันกลับไปเพราะอาจารย์ กำลังหันมา
จนเมื่ออาจารย์หันกลับไปแล้ว พวกเขาจึงเริ่มสนทนาต่อ

“ นายเป็นใครกันแน่ ”
ธนัท กล่าวถามด้วยความสงสัย

“ เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับนาย..หลังเลิกเรียน เราจะถก กันเรื่องนี้อีกที ”
โคทาโร่ กล่าวตัดบทจบก็ไม่ กล่าวอะไรต่ออีกเลย ทิ้งให้ ธนัท ต้องเก็บคำถามที่เขาต้องการจะรู้คำตอบ เอาไว้ถามตัวเองแทน

.................
......................

14.45 น. เลิกเรียนของวันนี้

ธนัท กับ โคทาโร่ เดินออกจากห้องไปด้วยกัน สร้างความประหลาดใจให้แก่พวก ชุติ มาก ที่ ธนัท ออกไปโดยไม่รอพวกเขา

“ สองคนนั่นสนิทกันไวจัง ดูสิ ถึงขนาดลืมพวกเราเลย ”
ชุติ บ่นเสียงอุบอิบ ด้วยความไม่พอใจกับการกระทำของ ธนัท

“ สนิทกันจริงๆน่ะเหรอ... ”
เคียว เปรยขึ้นมา ทำให้ แอน กับ ชุติ เอียงคอด้วยความสงสัย ที่ เคียว กล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับสงสัย ในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้น

“ ทำไมล่า แอน ก็ว่าเขาสองคนดูจะสนิทกันดีออก ดูสิ ขนาดตอนพักกลางวันยังแอบหนีพวกเราไปหา โคทาโร่ เลย ”
แอน กล่าวโดยอ้างจากเหตุการณ์เมื่อตอนพักกลางวัน ที่ ธนัท ขอแยกตัวออกไป จนพวกเขาอดใจสะกดรอยตามไปไม่ไหว จึงรู้ว่า ธนัท แอบ ไปพบ โคทาโร่

“ ก่อนที่ ธนัท จะออกจากห้องไป ดูเหมือนเขารีบๆแล้วก็ลนลานๆ ด้วยเหมือนไม่เต็มใจจะไป แถมยังคอยกันท่าไม่ให้พวกเราตามไปอีก เหมือนกับว่ามีความลับอะไรบางอย่าง ”
เคียว พิเคราะห์จากท่าทีของ ธนัท ที่เปลี่ยนไป ทว่าสองสาว นั้นดูจะเข้าใจผิดในประเด็นไป เพราะพวกเธอ
ถึงกับ นัยน์ตาเบิกกว้าง

“ นี่รึว่า ธนัท กับ โคทาโร่คุง จะไป.... ”
สองสาว อุทานขึ้นพร้อมกันด้วยความเข้าใจผิด

“ นี่พวกเธอ คิดไปถึงไหนกันเนี่ย เดี๋ยวก็ไม่ผ่านเซ็นเซอร์หรอก ” (เวรเขียนไปเขียนมา งง ซะเองทำไมมันวาย งี้)
เคียว ต้องตะคอกเพื่อให้สองสาวหยุดคิดก่อนจะถลำลึกลงไปกว่านี้
โดยไม่รู้ว่า การสนทนาของพวกเขา ถูกเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล ดักฟังอยู่ ก่อนจะผละแยกออกมา

“ ติดต่อประธานให้ทีสิ Recorder ”
/Signorsi/(I:รับทราบ)
เด็กหนุ่มที่แอบฟังการสนทนากล่าวกับ Note ของตนก่อนที่จะติดต่อกับใครบางคน



...................
...........................

มุมสุดของระเบียงทางเดิน บริเวณ ชั้น3 อาคารที่ 2

“ เอาล่ะทีนี้จะบอกได้รึยัง นายเป็นใครกันแล้วต้องการอะไรกันแน่ ”
ธนัท กล่าวน้ำเสียงเคร่งเครียด

“ ฉันไม่มีความจำเป็นต้องตอบคำถามนาย แต่จะบอกให้ก็ได้ถ้านาย ยอมบอกมาก่อนว่าเจ้าตัวเมื่อคืนเกี่ยว
ข้องอะไรกับนายบ้าง   ”
โคทาโร่ กล่าวย้อนทำให้ ธนัท ต้องกัดฟันด้วยความหงุดหงิด

“ เมื่อตอนกลางวัน ฉันบอกไปแล้วไงว่า ฉันแค่บังเอิญไปอยู่ตรงนั้นเฉยๆ ”
ธนัท ตะคอกใส่ อย่างแรง

“ ไม่จริงน่า แค่บังเอิญเหรอ...ไม่งั้นแล้วทำไม เจ้าตัวเมื่อคืนมันถึงได้ทำร้ายนายซะล่ะ ”
โคทาโร่ กล่าวย้อนเสียงอีกครั้งเพื่อที่จะยั่วให้เขาโกรธจนพูดความจริงออกมา
ทว่าที่ ธนัท พูดมานั้นก็ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงไว้อีกแล้ว ดังนั้นการเจรจาจึงไม่มีความคืบหน้าขึ้นเลย

“ ก็จะไปรู้เรอะแล้วทำไมนายถึงต้องมาตามตอแยฉัน เพื่อถามเอาข้อมูลของเจ้านั่นด้วยล่ะ ”
ธนัท ตะคอกใส่อีกครั้ง

“ ไม่ยอมบอกจริงๆเหรอเนี่ย ช่วยไม่ได้แฮะ ”
สิ้นคำ พลาสเตอร์ยา ที่แปะหน้าของ ธนัท อยู่ก็ถูกปัด ออกอย่างแรง ทุกอย่างเร็วจนมองตามไม่ทัน
ไม่ทันไร เมื่อรู้สึกตัวอีกที กำแพงที่อยู่ด้านหลัง ก็ถูกมือของ อีกฝ่ายทิ่มทะลุเข้าไปในผนัง

 โดยที่ซอกผนังที่ทะลุนั้น มี เศษ พลาสเตอร์ที่ขาดกระจุยติดอยู่  ปากแผลที่ปิดสนิทไปตั้งแต่เมื่อคืนวาน ตอนนี้ก็เปิดออก จากการที่ถูกเฉี่ยว จนเลือดไหลอาบออกมาอีกครั้ง แม้อยากจะหนีแต่ตอนนี้ทั้งร่างก็ไม่อาจขยับได้
กล้ามเนื้อทุกส่วนเกร็งไปหมด

“ ในเมื่อพูดดีๆแล้วไม่ยอมบอกกัน ก็ต้องเล่นแรงหน่อยล่ะ..ทีนี้พูดมาไม่งั้น อีกทีไม่ใช่แค่เฉี่ยวแน่ ”
โคทาโร่ กล่าวกรรโชก ใส่ขณะที่หูเยี่ยง สุนัขป่าได้โผล่พ้นเส้นผม ขึ้นมา ทันทีที่ถอนมือจากกำแพง
 ก็เผยให้เห็นเล็บที่ยื่นยาวออกมาเล็กน้อยราวกับกรงเล็บของสัตว์ป่า

“ น..นายไม่ใช่คนเหรอเนี่ย ”
ธนัท กล่าวเสียงสั่น ด้วยความตื่นตกใจกับสถานการณ์ในตอนนี้

“ เออสิ ฉันเป็นพวก DNA-Changer  ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่สายตาซึ่งคมประดุงสัตว์ป่าที่กำลังจะล่าเหยื่อ จับจ้องมาที่ ธนัท

/Calling/
คอรัส ส่งเสียงขึ้นก่อนจะทำการต่อสายไปยัง Note ของคนอื่นๆเพื่อขอความช่วยเหลือทว่า
ก็ไม่สามารถติดต่อได้

“ เป็น Note ที่รักเจ้านายซะจริงนะ แต่เสียใจด้วย เพราะ มาราคัส ของฉันจัดการบล็อก สัญญาณของพวกนายเอาไว้แล้ว ในที่ๆลับตาคนแบบนี้ นายหมดสิทธิ์ขอตัวช่วยซะแล้ว เอาล่ะทีนี้จะบอกหรือตาย  ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็ ยกกรงเล็บขึ้นมาจ่อคอของ เขาไว้

“ ก็ฉันบอกไปแล้วนี่ว่าไม่รู้ ตอนนั้นฉันแค่เดินผ่านไปแถวนั้นเองไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้แล้ว ”
ธนัท กล่าวโดยหวังว่าอีกฝ่ายจะเชื่อคำพูดของเขาขึ้นมาบ้างสักที ก่อนที่เขาจะถูก แทงทะลุเป็นรูโหว่ด้วยกรงเล็บของ อีกฝ่าย

“ จะตายแล้วยังปากแข็งอีกนะ งั้นตัดแขน ซักข้างแล้วคงจะช่วยได้บ้าง ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็ตวัดกรงเล็บ ลงในทันทีหมายจะตัดแขน ของ ธนัท ให้ขาดสะบั้นไปเลยทีเดียว

เคร้งงงงงง!

เสียงกรงเล็บกระทบกับอะไรบางอย่างที่เป็นเหมือนโลหะดังขึ้น ก่อนที่กรงเล็บจะตวัดลงมาถึงตัวของ ธนัท
แท่งโลหะยาวประมาณ ไม้บรรทัด ถูกยื่นเข้ามาขวางกรงเล็บเอาไว้

“ แก..มาได้ยังไง.. ”
โคทาโร่ กล่าวได้ยังไม่ทันจบ ก็ต้องยกกรงเล็บอีกข้างขึ้นมารับ พลองเหล็กอีกอันที่ ตวัดขึ้นมาเพื่อจะฟาดหัวของเขา ซึ่งเจ้าของโลหะทั้งสองก็คือ เด็กหนุ่มที่แอบฟังการสนทนาของ พวก เคียว น่ะเอง
ไม่นานนัก โคทาโร่ก็ต้อง ผละออกมาเพราะเด็กหนุ่มคนนั้น หมุนตัวเพื่อจะควงพลองคู่ ในมือ
ฟาดใส่

“ เรา คงจะให้นายทำอะไรเขา ไปมากกว่านี้ไม่ได้หรอกนะครับ ”
เด็กหนุ่มผู้มาใหม่กล่าว ขณะที่ควงพลองในมือทั้งสองข้างไปด้วย

“ อ..อิสรพงศ์ ”
ธนัท กล่าวเสียงตะกุกตะกัก ขณะที่ ทรุดตัวลงนั่ง ด้วยเพราะขานั้นอ่อนแรงจากการ เจอเรื่องชวนหวาดเสียว
จนล้าไปหมดทันทีที่ ทั้งร่างหายจากอาการเกร็ง  ทว่าได้พักใจไม่ทันไร โคทาโร่ ก็บุกเข้ามาอีก ทว่าคราวนี้พลอง
ของ อิสรพงศ์ ก็รับเอาไว้ได้

“ แหมไม่ต้องเรียกชื่อเต็มก็ได้ เจอเข้าไปทีถึงกับผวาจนไม่มีสติเลยเหรอครับ ถ้ายังไงเรียกผม อิส เฉยๆเหมือนเมื่อก่อนน่ะ แหล่ะดีแล้วครับ ”
อิส กล่าวจบก็ตวัดพลองในมือ เพื่อสลัด อีกฝ่ายให้หลุด ก่อนจะหันหัวพลองลง และประกบด้ามของทั้งสองอันเข้าด้วยกัน ที่ปลายด้ามจับนั้น มีช่องล็อค พลองทั้งสองเข้าด้วยกันทันทีที่บิดพลอง  พลองทั้งสองท่อน ก็เชื่อมติดกันเป็นกระบองยาว ก่อนที่ อิส จะควงมันอย่างรวดเร็ว และพุ่ง เข้าไปฟาดอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
โดย ที่โคทาโร่ ไม่อาจตามได้ทัน และทันทีที่เปิดช่อง ก็ถูกพลอง ของ อิส กด จนติดผนังกำแพง

“ อึก..นี่แกก็เป็นพวกเดียวกับมันด้วยงั้นเรอะ ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่พยายาม ดัน พลองที่กด หน้าอกและแขนของเขา เอาไว้ออก

“ เรียกว่าพวกก็คงไม่ถูกนัก เราแค่รับคำสั่งจาก ประธานให้มาพา นายกับ ธนัท ไปพบ
ถ้ายังไงช่วยตามไปแต่โดยดีด้วยนะครับ ทั้ง ธนัท ก็ด้วย ”
อิส กล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะ ยกพลองออกและปลดมันกลับเป็นสองท่อนและ
พับเก็บใส่กระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง ก่อนจะออกเดินนำทั้งสอง คนลงไปยังชั้นล่าง

....................
..........................

“ นี่ อิส ทำไม.. ”
ธนัท ถามขึ้นยังไม่ทันจะจบประโยค อิส ก็ตอบขึ้นมาทันควันราวกับรู้ว่าเขาจะถามสิ่งใด

“ ไม่ต้องสนใจหรอกมันเป็นเรื่องธรรมดา ครับ เพราะ เรา กับ พี่ ฟรานซิสก้า เป็นคู่สัญญาของ ประธาน
ดังนั้นจึงต้องมีวิชาไว้ป้องกันตัวด้วย เพื่อปกป้องประธานจากเหตุการณ์แบบที่ นายเจอไง..แต่ก็ไม่ได้เจอบ่อยๆนักหรอกนะ ”
อิส กล่าวพลางชายตา มองไปที่ โคทาโร่ เดินตามมาโดยไม่เต็มใจนัก

“ กับรุ่นพี่ ฟรานซิสก้า ก็พอจะรู้อยู่หรอก แต่นี่กระทั่งเจ้าอิส ก็เป็นไปกับเขาด้วยเหรอ ทั้งที่ภายนอกก็ยังดูเป็น คนเรื่อยเปื่อย ไม่เอาไหนเหมือนเดิมแท้ๆ ที่จริง แอน กับ ชุติ เองตอนเข้าชมรม ก็ทำสัญญากับ ประธานนี่นะ นอกจากนี้ สมาชิกหญิงคนอื่นๆก็ทำสัญญากับ ประธานทั้งนั้น แต่ดูๆไปแล้ว นอกจาก รุ่นพี่ ฟรานซิสก้า กับ อิส ก็ ไม่มีใครที่ประธานเลือกให้ติดตาม อยู่เกือบตลอดเวลาเลยนอกจาก 2 คนนี้ ”
ธนัท คิดระหว่างที่พวกเขา เดินตาม อิส ตรงไปยังห้องชมรมของชมรม SMN ทันทีที่มาถึง
 หน้าห้องชมรม ก็มีกลุ่มนักเรียบจากชมรมอื่นๆ มายืนมุงกันอยู่เต็มไปหมด

“ ไม่ว่ายังไง คุณมาริน่า ก็ยังจะปฏิเสธอีกหรือคะ ทั้งที่มีผู้เคราะห์ร้ายไปร่วมสิบรายแล้ว
ยิ่งเมื่อคืนวาน พวกสมาชิกจากชมรม โอตาคุ ก็เป็นพยานให้ได้ว่า เห็นคนร้ายสามคน ซึ่งถ้านับคุณ ฟรานซิสก้า กับ อิสรพงศ์ ก็จะครบสามคนพอดี แล้วคุณ ก็ยังเป็น DNA-Changer ที่ได้รับยีนพันธุกรรม ของแวมไพร์อีกด้วย ”
เสียง ตะคอกซึ่งดังอกมาจากห้องชมรม ทำให้ ธนัท อดที่จะต้องฝ่าฝูงชนเพื่อยื่นหน้าไปมองด้วยความอยากรู้ไม่ได้
ที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่กลาง ห้องชมรมนั้น นักเรียนหญิงชาวต่างชาติอายุมากกว่าเขา ประมาณสองปี ผมสีทอง ดวงตาสีแดง ก่ำราวกับเลือด
เธอสวมที่คาดผมซึ่งสะท้อนแสงเป็นประกายราวกับ มงกุฎเพชร
ที่แขนขวาของเธอกอดหุ่นกระบอกเอาไว้ตัวหนึ่ง ฝั่งตรงข้ามของ
เธอนั้น มีนักเรียนหญิงอีกคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ  กำลังค้ำตัวอยู่บนโต๊ะ



 ที่ตั้งขั้นกลางพวกเธอทั้งสองไว้ สีหน้าของนักเรียน หญิงคนนี้ออกอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ต่างจาก สีหน้าของนักเรียนต่างชาติที่ยังคงมีท่าทีสงบราวกับเพิกเฉยต่อทุกสิ่งรอบข้าง

“ แล้วไง จะบอกว่าฉันกับเหล่าองครักษ์ เป็นคนร้าย งั้นเหรอ  ”
นักเรียนหญิงชาวต่างชาติที่นักเรียนหญิงอีกคนเรียกว่า มาริน่า กล่าวถ้อยทีสงบเสงี่ยม อย่างใจเย็น

“ ถึงขั้นนี้แล้ว ยังไม่ชัดเจนอีกหรือคะ คุณ น่ะเมื่อ 2 ปีก่อนก็เคยเที่ยวไล่ดูดเลือดของนักเรียนคนอื่นๆมาแล้วไม่ใช่เหรอคะ  ”
นักเรียนหญิง อีกคนกระแทก เสียงใส่เธออย่างเกรี้ยวกราดแต่ก็ไม่อาจสร้างความหวั่นไหวให้เธอได้เลยแม้แต่น้อย

“ เรื่องนั้นมันก็จริง แต่เรื่องคราวนี้ไม่ใช่ฝีมือฉันหรอก แล้วอีกอย่าง ฟรานซิสก้า กับ อิส เองก็ไม่ได้เป็นแบบฉันนี่ แล้วมีความจำเป็นอะไรที่สองคนนั้นถึงมาเป็นผู้ต้องหาร่วมกับฉันล่ะ ไหนลองแจงเหตุผลของเธอหน่อยซิประธานชมรม โอตาคุ พรธิตา ”
มาริน่า ตอกกลับอย่างเยือกเย็น ทำเอาอีกฝ่ายพูดอะไรไม่ออกไป พักหนึ่ง

“ อึก..เรื่องนั้น..แต่ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใครไปได้จะบอกว่าในโลกนี้น่ะมี ผี อยู่จริงงั้น เหรอแล้วบางทีเธอก็อาจ จะให้ ลูกน้องของเธอช่วยจับเหยื่อก็ได้นี่ ไม่รู้ล่ะวันนี้ พวกเราจากทุกชมรม ทนมาพอแล้วกับการที่ต้อง หลบหัวซุกหัวซุน กลับบ้านเย็นไม่ได้ แล้ว ถ้ายังไม่ยอมรับ อีกล่ะก็พวกเราจะรื้อทำลายชมรมนี่ทิ้งซะ ”
พรธิตา กล่าวข่มกลับไปโดยที่หวังจะได้เห็นสีหน้าที่หวั่นไหว กับการบีบคั้นของเธอทว่าสิ่งที่เธอหวังนั้นไม่ปรากฏแก่สายตาเธอเลยแม้แต่น้อย  มาริน่า ยังคงนิ่งเงียบและมีสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม


“ ว้อย ไม่ต้องสืบไม่ต้องเสาะแล้วลุยมันเลยไม่ใช่พวกมันแล้วจะเป็นใครได้ ”
นักเรียนชาย คนหนึ่งที่ในกลุ่มของ พวกที่มาเอาเรื่อง ตะโกนขึ้น ก่อนที่คนอื่นๆในกลุ่ม จะเริ่มโห่ร้อง

“ ใช่ๆ กับผีดูดเลือดน่ะไม่ต้องไปปราณี มันฆ่ามันเลย  ”
“ ใช่ๆไม่ต้องเจรจาแล้ว ลุยมันเลย ”
เสียงโห่ร้องที่ดังฮึกเหิม ของเหล่านักเรียนชาย ที่ดูจากการแต่งตัวที่สะเพร่าแล้วก็บอกได้เลยว่าเจ้าพวกนี้เป็นนักเลงหัวไม้ดีๆนี่เอง ไม่นานนัก การเจรจาก็ถูกเปลี่ยนเป็นการ บุกรุก พวกนักเรียนที่มาประท้วงต่างพากันบุกเข้ามาเพื่อที่จะ ทำลายข้าวของ อย่างไม่หยี่ระ ต่อสายตาของสมาชิกในชมรม

“ หึ..จัดการให้เสร็จๆซะ ฟรานซิสก้า ”
มาริน่า กล่าวกับที่สมาชิกหญิง อีกคนซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ที่ยืนประจำอยู่ด้านหลังเก้าอี้ที่เธอนั่ง

“ รับทราบ ”
สมาชิกหญิง รับคำ เธอมีผมสีเทาออกเขียว ยาวสลวย ดวงตาสีเขียวราวกับมรกต
ในมือกระชับดาบซึ่งเสียบอยู่ในฝักก่อนที่เธอจะหายไปจากตรงนั้น เพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่พวกนักเรียกเจ้าอารมณ์ทั้งหลายจะได้ทันจับต้องสิ่งใด ในห้อง ก็ถูกฟาดจนสลบล้มลงกองเกลื่อนพื้นชมรม ต่อหน้าพวกสมาชิกชมรมอื่นที่มาประท้วงอยู่ด้านนอก ต้องยืนดูด้วยความตกตะลึง



ซึ่งทันทีที่ทุก ร่างร่วงกราวหมด ท่ามกลางฝูงนักเรียนเจ้าอารมณ์เหล่านั้นก็เหลือเพียง สตรีผู้เจนศึก นั่งย่อตัวอย่างงดงามโดยที่ดาบยังคงเสียบอยู่ในฝัก เหล่านักเรียนที่ถูก อัดจนสลบนั้นไม่มีบาดแผลนอกจากรอยช้ำ บริเวณลำตัว
สองสามรอย

“ หนอย..นั่นน่ะเหรอ นักดาบหญิงผู้เป็นตำนาน ฟรานซิสก้า ร้อยศพ แห่งฝ่ายคุมความประพฤติ จะยังก็ช่างแต่เจอคนหมู่มากขนาดนี้เธอก็เปิดช่องจนได้ ยัยผีดูดเลือดนี่ไม่คนคุ้มกันแล้ว..เสร็จข้าล่ะย้าก ”
นักเรียนชายคนหนึ่งที่รอดมาจากการโจมตีของ ฟรานซิสก้า ได้กล่าวก่อนที่จะโผล่เข้าทางด้านหลังของ มาริน่า
และยกเอาไม้หน้าสาม จะฟาดใส่เธอ

แกร็งง!

เสียไม้ฟาดกระทบกับโลหะ พลองสั้นซึ่งถูกยกขึ้นมารับ ไม้หน้าสามไว้ก่อนที่จะเข้าถึงตัว มาริน่า
ก่อนที่ เจ้าของพลองซึ่งเข้ามาขวางนั้นจะจัดการ อัดด้วยพลองจนสลบ

“ มาช้านะ อิส ”
มาริน่า เปรยเสียงเรียบ โดยที่ไม่ได้หันไปมอง องครักษ์ ตัวน้อยที่เข้ามาจัดการพิชิต อริร้ายให้สิ้นในคราเดียว

“ ต้องขออภัยด้วย ท่านประธาน ผมพึ่งพาพวกเขามา เลยตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเล็กน้อย ขอรับ ”
อิส กล่าวขณะที่ พับพลองทั้งสองอัน เก็บ


“ ป..ไปตอนไหนเนี่ย ตะกี้ยังอยู่ข้างหลังเราอยู่เลย อะไรจะเร็วลมกรดขนาดนั้น ”
ธนัท ที่จ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอยู่ในฝูงชนที่ยัง ยืนมุงอยู่ด้านหน้าประตู ด้วยตกตะลึง
แม้จะรู้อยู่แล้วก็ตาม  แต่ทว่า อิส ที่อยู่ด้านหลังฝูงชนนั้นกลับสามารถ ข้ามเข้าไปปกป้อง มาริน่า
ได้ในพริบตาก็ยังยากที่จะเชื่อ


“ เอาล่ะ ทีนี้ใครยังอยากจะลองอีกไหม ”
มาริน่า กล่าวจบ ไม่ทันไรก็มีสิ่งหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว  ทว่า ฟรานซิสก้า กับ อิส ก็เข้าไป
ขวางเจ้าสิ่งนั้นด้วยอาวุธที่ตนมี แต่เจ้าสิ่งนั้นก็ ต้านรับการโจมตีของพวกเขาแล้วอ้อม เข้าไปหา มาริน่า ได้


/ Psychic Puppet/ (พลังจิตชักใย)
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นมาจาก เจ้าหุ่นกระบอกที่ มาริน่า กอดไว้ด้วยแขนขวาก่อนที่ผู้จู่โจมเข้าไปนั้นจะต้องหยุดกึกกลางอากาศ จากการถูกเส้นเอ็นที่ พุ่งออกมาจากตัวหุ่นกระบอก มัดแข้งมัดขาเอาไว้

« Last Edit: March 12, 2009, 06:58:07 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #39 on: December 28, 2008, 07:54:13 PM »

“ ชิ..พลัง Psychic งั้นเหรอ  ”
เด็กหนุ่มผู้เป็น DNA-Changer สายพันธ์มนุษย์หมาป่า สบถ ขณะที่ร่างถูกตรึงนิ่งกลางอากาศ


“ แว้ก เจ้านั่นมันหาเรื่องตายชัดๆ ขืนไปยั่ว คุณมาริน่า มากๆเข้าล่ะก็มีหวังโดนสูบเลือดหมดตัวแน่ ”
ธนัท คิดขณะนั้น พวก เคียว ก็พึ่งจะมาถึงห้อง ชมรมพอดี ก็ได้เจอเข้ากับภาพที่ชวนให้ประหลาดใจยิ่ง
เมื่อเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ กำลังมีเรื่องกับ ประธานชมรมของตน

“ แก…พวก URH งั้นเรอะ  ”
มาริน่า กล่าวถามเสียงเรียบ ด้วยสายตาเย็นชา


“ ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะ ”
โคทาโร่ ตอบกลับด้วยท่าทียียวน ก่อนที่จะต้องเสียใจกับคำพูดของตัวเอง เพราะทันที ที่ คำตอบของเขา ดังขึ้น
มาริน่า ก็ดีดนิ้ว ขึ้นหนึ่งเปาะ เส้นเอ็นที่รัด คอ ร่าง แขน และขา ก็รัดแน่นขึ้นจน ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่นานนัก เส้นเอ็นก็ยิ่งมัดแรงขึ้นเรื่อยๆ โคทาโร่ ที่คิดจะดิ้นให้หลุดก็ออกแรงสลัดอย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่อาจต้านแรงของเส้นเอ็นได้ ยิ่งไปกว่านั้นเส้นเอ็น ก็บาดเนื้อจนเปิดลอก ทำให้โลหิต สีแดงค่อยๆหยดย้อยลงมาตามเส้นเอ็น

ภาพตรงหน้าทำให้ ฝูงชนที่มามุงดูรวมไปจนถึงสมาชิกในชมรมคนอื่นๆ แม้แต่ พวก ธนัท กับ สององครักษ์
ต้องจ้องตาค้างด้วยความตื่นตระหนก

“ ป..ประธานคือ ”
อิส ที่กล่าวแทรกขึ้นมา ก็ต้องชะงักไปเมื่อ มาริน่า หันมามองเขา

“ ไม่ต้อง…ถ้ามันเป็นพวก URH จริงก็ไม่มีความจำเป็นที่มันจะต้องอยู่ที่นี่ หรือ แกจะบอกว่าให้มันเข้ามาฆ่าฉันก่อนก็ไม่เป็นไรรึไง ”
มาริน่า กล่าวเสียงเรียบด้วยนัยน์ตาที่แฝงไปด้วยความอำมหิต ทำให้ อิส ไม่อาจกล่าวต่อได้
เช่นกันกับที่ผู้อื่นไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางอีกเลย

“ เดี๋ยวก่อน ครับ คุณมาริน่า ”
ธนัท กล่าวพร้อมกับแหวกฝูงชน เข้ามาหาเธอโดย ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย


“ ปล่อยเขาเถอะครับ  ”
ธนัท กล่าวขอร้อง ทว่าคำขอนั้น ทำให้เธอเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความสงสัย

“ นี่แกก็เพี้ยนไปอีกคนด้วยรึไง เจ้าหมานี่มันคิดจะฆ่าฉันนะ ถ้าไม่ฆ่ามันก่อนที่จะแว้งมากัดล่ะก็.. ”
มาริน่า กล่าวได้ไม่ทันจบประโยคเธอก็ต้องชะงักไป เพราะ ธนัท ได้ก้มลงขุกเค่าต่อหน้าเธอ


“ ขอร้องล่ะครับ ให้ผมได้ปรับความเข้าใจของเขาให้โอกาสเขาด้วยเถอะครับ ถึงจะเป็น URH แต่เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนๆกับเรานะครับ  ”
ธนัท  กล่าว ขณะที่ก้มหน้าแนบติดพื้น เพื่อขอร้องให้เธอไว้ชีวิต นักรบแปลงพันธุกรรม ที่เคยคิดทำร้ายเขาด้วยซ้ำ

“ …..วิโอริน(Violin) คลายเอ็น ”
/Ja Wohl/(G:รับทราบ)
มาริน่า กล่าวจบ หุ่นกระบอกที่เธอกอดอยู่ส่ง เสียงตอบรับก่อนที่ เส้นเอ็นจะคลายตัว และวางร่างของ
เด็กหนุ่มสภาพปางตายลง บนพื้น


“ เห็นแก่ที่แกยอมขอร้องถึงขนาดนี้ ฉันจะขอดูท่าทีไปก่อนก็ได้ แต่จงจำไว้ถ้ามีอีก คราวหน้ามันจะไม่ได้แม้แต่
รู้สึกเจ็บอย่างแน่นอน  ”
มาริน่า กล่าวจบ ธนัท ที่ก้มหัวให้อยู่ ก็ลุกไปดูอาการของ โคทาโร่ พวกเคียวเองก็ตามเข้าไปสมทบด้วยเช่นกัน
ก่อนที่มาริน่า จะเดินสวนออกไป หาฝูงชน

“ เอาล่ะมาต่อเรื่องของเราให้จบซะ ฉันไม่ได้เป็นคนทำและถ้ายังไม่เชื่อฉันจะพิสูจน์ให้พวกแกดูก็ได้ คืนนี้
ฉันจะจับไอ้เจ้า แวมไพร์ พวกนั้นมาให้พวกแก ยลโฉมมันซะ แค่นี้ล่ะ ฟรานซิสก้า ตามฉันมา เราจะไปเตรียมตัว อิส แกอยู่ที่นี่ทำยังไงก็ได้อย่าให้ไอ้หมานั่นตาย เพราะฉันยังมีเรื่องต้องสะสางกับมันก่อน  ”
มาริน่า กล่าวจบ ฟรานซิสก้า ก็เดินเข้ามาสมทบกับเธอ

“ วิโอริน เคลื่อนย้ายมวลสาร ”
/Ja Wolh , Teleportation/(G:รับทราบ , E(อังกฤษ):เคลื่อนย้ายมวลสาร)
มาริน่า สั่งการหุ่นกระบอกที่ดูจะเป็น Note ของเธอ น่ะเองก่อนที่มันจะรับคำ และพาเธอ กับ ฟรานซิสก้า
แวบหายไปในพริบตา

“ พูดกันง่ายๆงี้เลยนะ ท่านประทาน เราไม่ใช่หมอ ซะหน่อยแต่ดูๆไปแล้ว คงไม่เป็นไรมั้ง
พวกสายพันธุ์หมาป่า ฟื้นตัวเร็วอยู่แล้วนี่ ”
อิส เปรยด้วยทีท่าเหนื่อยหน่าย ขณะที่หันไปมอง ร่างของ โคทาโร่ ที่พวก ธนัท กำลังช่วยกันยกเพื่อพาไปทำแผล


…………….
………………
……………..

เวลาได้ล่วงเลยมาจนเมื่อ พระจันทร์ขึ้นประทับเหนือฟ้า


“ Marina A .E. Marionetta องค์หญิงแห่งราชวงศ์ ค่าหัวไม่ใช่น้อยๆเลยถ้าจัดการได้ก็ ทั้งฉันและนายก็ไถ่ตัวออกจากกองทัพได้เลย…เพราะงั้นนายไม่ต้องเสี่ยงหรอกฉันจะ เอาเงินค่าหัวมาไถ่ตัวนายกับฉัน
แล้วพวกเราก็จะได้เป็นอิสระ ซะทีรอฉันก่อนอย่าพึ่งตายล่ะ  ”
“ เสียใจด้วย เค้าตายแล้วเพราะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็เลยถูกพวกราชวงศ์ ฆ่าทิ้งไปแล้ว ”

เสียงแห่งความทรงจำที่ดังขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า ท่ามกลางความมืดมิด ก่อนที่จะถูกทำลายลงด้วยแสง
ที่ส่องสว่างขึ้นมา ก่อนที่ภาพของเพดานห้องสีฟ้าจะ ปรากฏขึ้นอย่างเรือนรางและค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

“ อ้าว..ฟื้นแล้วเหรอ ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่ ผ้าห่มสีขาวซึ่งห่มร่างของ โคทาโร่ จะถูกปัดออก และในตอนนี้  เขาถึงรู้ตัวว่า ตนสลบไปตอนนี้เขานั่งอยู่บนโซฟาในห้องชมรม ที่โต๊ะกลางห้องชมรม นั้นนอกจาก ธนัท ที่หันมาถามเขา ก็ยังมี เคียว ชุติ และ แอน นั่งเล่นการ์ดกันไปพลางๆ  ทันทีที่เขาขยับเพื่อจะลุก ขึ้นยืนก็ รู้สึกเจ็บแปลบ ขึ้นมาทั้งร่าง ก่อน
จะทรุดตัวลงกับ โซฟา อีกครั้ง

“ อย่าพึ่งขยับสิ เดี๋ยวปากแผลก็เปิดหรอก ”
ชุติ กล่าวขึ้นขณะที่ลุกจากโต๊ะเข้ามาช่วยพยุงร่างของ โคทาโร่ ให้นอนลงไปบนโซฟา
จนถึงตอนนี้เขาเองถึงได้พึ่งสังเกตเห็นว่า ร่างของเขามีผ้าพันแผลพันอยู่ทั่ว ทั้งแขนขาและลำตัว
กระทั่งที่คอ ข้างๆโซฟา มีเก้าอี้ไม้เล็กๆอยู่ตัวหนึ่ง นอกจาก เสื้อนักเรียนของเขาที่แขวนไว้บนพนักเก้าอี้แล้ว
Note ของเขา มาราคัส ก็ถูกแขวนอยู่ด้วยกัน 


“ ทำไมถึงช่วยฉันล่ะ ”
โคทาโร่ หันมาถามกับ ธนัท ที่คราวนี้ พลาสเตอร์ยาที่ปิดปากแผลบริเวณใบหน้าถูกแปะลงไปใหม่หลังจากที่อันเก่า ถูกเขาฉีกจนกระจุยไปแล้ว

“ ทำไมน่ะเหรอ..จะช่วยคนต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ ”
ธนัท กล่าว เสียงเรียบสร้างความสงสัยให้แก่ โคทาโร่ เป็นทวียิ่ง เพราะจากคำพูดนั้น หมายถึง ธนัท ช่วยเขาไว้โดยไม่ได้คิดเลยว่าจะช่วยไปเพื่ออะไร

“ เอาล่ะ พอๆไม่ต้องทำน่ามึนขนาดนั้น ธนัท ก็เป็นแบบนี้ล่ะอย่าไปสนเลย ”
เคียว ที่อยู่ๆก็กล่าวออกมา ขณะที่ลุกจากโต๊ะตรงมายังโซฟา

“ ก่อนอื่นนะ โคทาโร่คุง เรามีเรื่องจะต้องคุยกันก่อนเรื่องแรกเลย เป็นนักรบของ สหพันธ์ปฏิรูปมนุษยชาติ URH (Union Revolution Human)ใช่ไหม  ”
เคียว ถามเสียงเรียบขณะที่ แอน กับ ชุติ ทำหน้า งงๆ เพราะไม่เข้าใจเรื่องที่ เคียว พูด

“ อะไร URH เหรอเห็นพูดถึงกันตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ช่วยอธิบายทีสิ ”
ชุติ กล่าวถามด้วยความอยากรู้

“ ถ้าจะเล่าแล้วเรื่องมัน ยาวนะ เอาเป็นว่าประธาน ของเราน่ะคือ ผู้สืบเชื้อสายแห่งราชวงศ์ จากราชอาณาจักรที่ล่มสลายไปแล้ว เรื่องนี้พวกเธอก็คงจะรู้ๆกันอยู่สินะ  ”
เคียวกล่าว ซึ่งแอน กับ ชุติ ก็พยักหน้ารับ ว่าทราบถึงฐานะของ ประธานมาริน่า

“ 50 ปีก่อนเกิดวิกฤติมนุษย์แปลงพันธุกรรมขึ้น ซึ่งราชวงศ์ของ ประธานเองก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้นด้วย
หลังจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และจบลงด้วยการแก้ไขของ เหล่านักร่ายอสูรในตำนานแล้ว พวกเธอคิดว่า
พวกแปลงพันธุกรรม ที่ถูกต่อต้านน่ะ ไปอยู่ไหนกัน  ”
เคียว กล่าว เด็กหญิง ทั้งสองก็เริ่มที่จะเข้าใจถึงเรื่องราวขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้น เคียว จึงอธิบายต่อ

“  พวกแปลงพันธุกรรม ถูกขับไล่ให้ไปเป็นชนชั้นล่าง และถูกมองราวกับเป็นตัวประหลาด
และได้ เกิดความคิดเห็นแยกออกเป็นสองฝ่ายนั่นคือพวก แปลงพันธุกรรมส่วนหนึ่งต้องการที่
จะเรียกร้อง สิทธิของตนให้ถูกปฏิบัติเยี่ยงมนุษย์ก็ได้ก่อตั้งกลุ่ม  URH ขึ้นทั่วทุกมุมโลกกลาย
เป็นองค์กรก่อการร้ายไป ในขณะที่ราชอาณาจักรแห่งสเปน ราชวงศ์ Marionetta ซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตี
ในการบัญญัติ กฎหมายโลกเกี่ยวกับพันธุเวทกรรม ให้ใช้ในการแพทย์เท่านั้น และข้อห้ามเรื่องการแปลงพันธุกรรมเพื่อเสริมความสามารถอย่างไร้เหตุผล ตามมาตราต่างๆ ผลจากการร่างกฎหมาย
นี้ก็เพื่อที่จะจำกัด กลุ่มคนที่แปลงพันธุกรรม ให้ลดลง แล้วไม่ใช่แค่นั้น ราชวงศ์ยังคิดจะใช้พวกเขาเป็นทหารในการรบ ก็เลยเกิดเป็นเผด็จการ ขึ้น มีการจับกุมตัวพวกแปลงพันธุกรรมทั่วโลก เพื่อฝึกให้เป็นทหารอย่างไม่แยแส  ต่อความรู้สึกของพวกเขา ”
เคียว อธิบายให้ทั้งสองฟังเป็นฉากๆไป อย่างละเอียด

“ รู้เยอะดีนี่..แต่คงไม่รู้สินะว่า ที่พวกราชวงศ์ มันทำแบบนั้นก็เพื่อที่จะทำให้ขุมกำลังของพวกมัน
แกร่งพอที่จะรับมือกับอสูรเทพได้ แน่นอนเป้าหมายของพวกมันคือการครองโลก เพราะ พวกราชวงศ์ มี Angle ที่ควบคุมอสูรเทพได้อยู่ ในราชวงศ์  ก็เลยคิดจะลองดีกับพระเจ้า จนได้เรื่องเข้าไม่นาน เลราเย่ ก็ไปเยือน แล้ว ราชอาณาจักรก็ถึงคราวล่มสลาย แต่พวกเราก็ยังคงถูกปฏิบัติ เยี่ยงทาสเหมือนเคยทันทีที่จำความได้ก็มีแต่
การสู้รบราฆ่าฟันฝังหัวอยู่อย่างเดียว ชีวิตทั้งชีวิตต้องจับอาวุธไปจนวันตาย… ”
โคทาโร่ ที่กล่าวแทรกขึ้นมา

“ แต่สำหรับประเทศไทย ไม่เหมือนที่อื่นๆเพราะเป็นกลางกับทุกฝ่าย ดังนั้น จึงไม่มีการล่าตัว DNA-Changer
ส่งให้แก่กองทัพ ก็เลยทำให้ ภายในประเทศ เป็นศูนย์รวมของ ทุกชนชาติอย่างไม่มีการแบ่งแยก หรือพูดให้ถูกมันคือแดนสวรรค์ที่มีอิสรเสรี อย่างที่สุดนอกจากนี้เพราะประเทศเรา รุ่งเรืองวิทยาการด้าน เวทมนต์ยิ่งกว่าใคร
 เลยไม่ต้องกลัวกลุ่มขั้วอำนาจที่ จะเข้ามาระรานเลย เพราะงั้นนายก็เลย หลบหนีเข้ามาในประเทศงั้นสิ ”
เคียว กล่าวย้อน


“ เปล่า ฉันกับพรรคพวกในองค์กร ถูกช่วยออกจาก URH ไปแล้ว โดยพวกองค์กรเสรีภาพตั้งแต่ 4 ปีก่อน  ”
โคทาโร่ กล่าวในขณะที่ สองสาวจ้องหน้าเขาอย่างไม่วางตา

“ งั้นก็หมายความว่า โคทาโร่ เคยเป็นพวก URH มาก่อนงั้นเหรอ  ”
ชุติ อุทานด้วยความตกใจ

“ ว้าว ถึงว่าทำไมรู้ละเอียดเหมือนเคยประสบมาก่อนเลยหนา แล้วทำไมตอนตอบประธานถึงบอกว่ายังอยู่ในสังกัด ล่า ”
แอน กล่าวเสียงเหน่อ

“ จะตกใจไปทำไมกัน ข้างหลังนายก็ด้วยแหล่ะ ยัย นั่นน่ะ อยู่มากี่ร้อยปีแล้วล่ะ ”
โคทาโร่ กล่าวคำพูดของเขาทำให้ทุกคนแปลกใจเล็กน้อย  ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้น


“ เกี่ยวกับเรื่องนั้นฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องเบี่ยงบ่ายความจริงด้วย ”
เสียงซึ่งฟังดูคุ้นหูดังขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะหันไปยังที่มาของเสียง มาริน่า กับสององครักษ์  อิส และ ฟรานซิสก้า
ทั้งสามได้เข้ามาในห้องชมรม

“ รู้อยู่ก่อนแล้วสินะว่าเราโกหก ”
โคทาโร่ คิดขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ ที่ มาริน่า ซึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำ
 พร้อมกับเหล่าองครักษ์ ในชุดเต็มอัตราศึก ฟรานซิสก้า พกดาบเพิ่มมาอีกเล่ม และในเสื้อคลุมสีขาวของเธอ
ก็คงจะมี สรรพอาวุธมากมายอีกให้ใช้ ส่วน อิส นั้น นอกจากเสื้อคลุมสีขาว ที่คลุมทับเสื้อนักเรียน
เลยแค่หัวไหล่ไปเท่านั้น ก็มีเพียง เข็มขัดหนังสะพายเอวซึ่งพกเอา แท่งโลหะและอุปกรณ์อีกมากพอสมควร
เหนือสิ่งอื่นใด ที่ทั้งสามคนมีพกมาเหมือน กันนั้นคือ แผ่นการ์ด ซีลและมิสติก อย่างละปึก ซึ่งทุกใบเป็นหน้าเปล่าๆเหมือนกันหมด

“ ว่าแต่คืนนี้จะมาจับคนร้ายที่เป็นผีดูดเลือดไม่ใช่เหรอครับ แล้วทำไมถึงเอาผนึก Seal Scroll มาเป็นปึก งี้ล่ะ ”
ธนัท ถามขึ้นด้วยความสงสัย

[Seal Scroll หรือผนึก ที่เรียกนั้นเป็นอุปกรณ์ ของนักร่ายอสูร ที่จะใช้ผนึกพลังพลังเวทย์ลงไปในแผ่นการ์ด
หรือก็คือการผนึกอสูรอัญเชิญและคาถามนตราเพื่อนำมาใช้ นั่นเอง รายละเอียดที่เหลือจะแยกไปอธิบายอีกครั้ง]
 
“ โง่น่ะ..นี่แกคิดว่าผีมีอยู่จริงงั้นเหรอ ที่จริงอยู่ชมรม ร่ายอสูรแต่ฟังสถานการณ์แล้วยังแยกไม่ได้อีกว่ามันคือ คาถาหรืออสูรอัญเชิญไร้การควบคุมน่ะ ถ้าเป็นไอ้พวกนอกชมรมล่ะก็ว่าไปอย่าง นี่แกเป็นน้องายของ ศรี ที่โค่นฉันคนนี้จริงรึ เนี่ยจนตอนนี้ฉันยังไม่อยากเชื่อเลย ”
มาริน่า กล่าว เย้ยหยัน ทำให้ ธนัท ต้องหน้าแดงด้วยความอับอายและรู้สึกเคืองๆเธออยู่บ้าง

“ หือ ยัยปีศาจนี่เคยถูกโค่นมาแล้วเหรอ คนที่ชื่อ ศรี อะไรนั่นเป็นใครกัน พี่ชายของหมอนี่เรอะ หืม..นี่มันความรู้สึกนี้ ..รึว่าเจ้านั่น ”
โคทาโร่ คิดก่อนจะต้องชะงักไป เพราะเขาจับได้ถึงสัมผัสบางอย่างที่คุ้นเคย ไม่รอช้า โคทาโร่
เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็ลุกพรวดขึ้นมาโดยไม่แยแสว่า ปากแผลจะเปิดหรือไม่ เขาคว้าเอา เสื้อกับ Note แล้ววิ่งออกไป
จากห้องชมรมในทันที

“ อ้ะ..เดี๋ยวก่อนจะไปไหนน่ะ ”
ธนัท ตะโกนถามขณธที่วิ่งตามออกไป โดยมี เคียว ที่กำลังจะวิ่งตามออกไป

“ เดี๋ยวก่อน..เจ้าหมานั่นให้ ไอ้หนู จัดการไปส่วนพวกแกมากับฉัน ”
มาริน่า กล่าว เคียว จึงต้องหยุด

“ มีความจำเป็นอะไรที่ผมจะต้องทำตามที่ประธาน สั่งถ้าไม่มีความจำเป็นพอผมจะไป เพราะคู่สัญญาของผมไม่ใช่คุณ แต่เป็น ธนัท และหากคุณจะใช้อำนาจของ ประธานก็ขอให้มีเหตุผลพอเพียงด้วย ”
เคียว กล่าวเสียงเรียบโดยที่ไม่หันกลับไปเพื่อที่ว่าหากไปได้ เขาจะได้วิ่งออกไปได้ในทันที

“ ถ้าพวกแกไปกัน แล้วใครจะคุ้มกันพวก ไทยมุงที่อยู่ข้างนอกนั่นล่ะ ”
มาริน่า กล่าวคำพูดของเธอทำให้ เคียว ไม่อาจปฏิเสธได้ เขาจึงชักเท้ากลับเข้ามา

“ งั้นมัวรออะไรอยู่ล่ะ รีบๆไปจัดการให้มันเสร็จๆไปซะทีสิ ”
เคียว กล่าวเสียงเรียบทว่าในใจของเขาตอนนี้ร้อนรนเสียยิ่งกว่าไฟป่าที่ลุกโหม อีก


“ งั้นรีบไปกันเถอะ ”
มาริน่า กล่าวขณะที่ ก้าวเดินแซงหน้า เคียว ออกมา


“ จะดีรึขอรับยังไงเจ้าหมานั่นก็เคยเป็นพวก URH แถมก่อนจะพาตัวมาพบ ท่านประธาน มันก็ยังเคยทำร้าย ธนัท ด้วยนะขอรับ ”
อิส กระซิบ ขณะที่เดินตาม มาริน่าไป

“ ถ้าเจ้านั่นเป็นอันตรายจริง ป่านนี้มันคงได้ไปท่องยมโลกร่วมกับเพื่อนๆของมันที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้วล่ะ ”
มาริน่า กล่าวเสียงเชียบ อย่างหามิได้ ขณะที่เดินตามทางไปยังสนามซึ่งแสงจันทร์ทอดผ่าน
To Be Continue


“แว้กกลายเป็นเรื่องอะไรไปแล้วเนี่ย ยิ่งเขียนเองยิ่งมึนเอง โอยนี่มันจะกลายพันธุ์นิยาย ดวลการ์ดท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างสดใสแสนสนุก กลายนิยาย บู๊ ล้างผลาญพลังภายในไปแล้วเรอะ ”

เอ่อใครที่มีความคิดอย่างว่าดังกล่าว ขอให้สบายใจได้ครับนี่เป็นเนื้อเรื่องที่คงความเป็นปกติไว้ที่สุดแล้ว
เพราะการที่จะเอาแต่นั่งเล่นการ์ดกันโดย ไม่สนใจสถานการณ์บ้านเมืองเลยมันคงจะไม่ดีนัก

ดังที่จะได้เห็นในการเกริ่นก่อน เข้าเรื่องของทุกตอน ที่จะต้องมีสงครามหรือความขัดแย้งนา นับประการ
ที่เกิดขึ้นหลังจากการนำเอาพลัง เวทมนต์เข้ามาใช้กับวิทยาการ ดังที่เคยอารัมภ์บท ไว้ในตอนต้นของ
Sub-Turn 1 แน่นอนไม่ต้องคิดมากครับมันเป็นสีสัน ของนิยาย เพราะเกรงว่านั่งเล่นการ์ด

กันอย่างเดียวอาจจะเบื่อ เลยต้องมีการใส่ แอ็คชั่น และความเป็น ดราม่า ลงไปเล็กน้อย
แล้วก็วันนี้ เจ้าการุรุม่อน ผู้ช่วยผม นั้นมีอะไรจะกล่าวด้วยดังนั้น

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #40 on: December 28, 2008, 07:55:02 PM »

หวัดดีเจ้าค่า การุรม่อน ฮ่ะ คือที่จริงแล้ว ช่วงนี้เป็นหน้าเทศกาล ซึ่งตามหลักแล้วพวกเรามักจะมีตอนพิเศษหรืออะไรพิเศษๆมาฝากให้ จนแทบจะเป็นประเพณีไปแล้ว แต่ที่ปีนี้ไม่มีอะไรเลย ทั้งตำนานทาลิ ก็ไม่มีตอนพิเศษ(ปะทะเอเลี่ยน2 เร้อ) หรืออะไรที่ภิเศษๆสำหรับเรื่องนี้ก็ด้วย เจ๊ เลยจัดสกู๊ปพิเศษมาให้ ที่จริงคิดว่าหลายๆคนคงไม่ต้องการ มากเท่าไหร่ แต่สำหรับบางคนนี่อาจเป็นสิ่งที่รอมาตลอด นั่นก็คือ
Deck List ของ ภูเขาในเรื่องนี้ Scythe Reaper เจ้าค่า สำหรับคนที่คอยติดตามเพื่อจะลองจัดสำรับสนุกๆ
ไปเล่นตอนนี้ก็ขอเปิดเผย  Deack List ให้ดูกันนะจ้ะ
   
Deck List Scythe Reaper

Seal 27

Scarlet Reaper x 4
Volcanic Demon x 4
Blood Moon Garuda x 4
Garasu x 4
Alkira, the Wood Witch x 2
The Amputator of Death x 1
Necro Soldier x 4
Aerial Mongose x 4

Mystic เอาที่สำคัญๆก็
Partake of Corpses x 2
Sacrifice x 2
You Must Die x 2
ที่เหลือเก็บไว้เป็นความลับจ้า

ก็คงไปต้องพูดมากถึงวิธีการเล่น เพราะได้เห็นคอนเซ็ปของการไปแล้วในเรื่องคือทำเกมส์ด้วย Death Curse แบบฉับเดียวจบ และมิสติก ที่มีพลังทำลายอย่างน่ากลัว คอยเชือดเก็บไปเรื่อยๆโดยอาศัย ซีลเลเวลต่ำๆหรือเป็นอมตะอย่างสกาเร็ทลีปเปอร์ เป็นเครื่องสังเวย หากใครอยากจัด ไปเล่นก็อย่าลืมเอา Partake of Corpses
ออกก่อนนะ อาจใส่เป็น Lilith (จำไม่ได้เขียนงี้เปล่า) ที่ธนัทใช้ไปเกน Mp แทนก็ได้เหมือนกันนะเพราะในการ์ดพวกนี้ค่าร่ายสูงอยู่แล้ว คงเกน Mp ได้เยอะพอควร

สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อน แล้วเจอ กันอาทิตย์หน้าจ้า
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #41 on: December 29, 2008, 12:51:47 AM »

ผมว่าเรื่องย่ออ่านเข้าใจง่ายดีครับ
แล้วก็อยากให้เนื้อเรื่องเต็มเนี่ย...เว้นบรรทัดลงมาอีกครับ  มันค่อนข้างอ่านยาก
สุดท้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆก็คือ คุณ greamon,cocka-c ก็ยังเป็นหุ้นส่วนในการสร้างนิยายสนุกเหมือนเดิมคร้าบบบบบบบ

ปล.ผมอยากรู้ว่าทั้งสองคนเป็นชายหรือหญิงครับ
ปล.2 อย่าโกรธนะ

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #42 on: December 30, 2008, 03:45:25 AM »

Quote
ปล.ผมอยากรู้ว่าทั้งสองคนเป็นชายหรือหญิงครับ
ปล.2 อย่าโกรธนะ

อันนี้ล้านเปอร์เช็น เจ็ ควบสองฮ่ะ ส่วนเกรม่อนคุงโฮะๆแฟน เจ...อุบ พูดไปคงไม่ดีแน่
อันนี่แล้วแต่จะคิดนะจ้ะแต่ที่แน่ๆเจ็ควบสองจ้า
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #43 on: December 30, 2008, 12:16:30 PM »

Quote
ปล.ผมอยากรู้ว่าทั้งสองคนเป็นชายหรือหญิงครับ
ปล.2 อย่าโกรธนะ

อันนี้ล้านเปอร์เช็น เจ็ ควบสองฮ่ะ ส่วนเกรม่อนคุงโฮะๆแฟน เจ...อุบ พูดไปคงไม่ดีแน่
อันนี่แล้วแต่จะคิดนะจ้ะแต่ที่แน่ๆเจ็ควบสองจ้า
งง~   แล้วก็ฝากบอกเค้าด้วยน่ะครับว่า Personalized Picture ของเค้าเสียแล้ว
« Last Edit: December 30, 2008, 12:18:45 PM by boy » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #44 on: December 31, 2008, 05:08:48 AM »

Quote
ปล.ผมอยากรู้ว่าทั้งสองคนเป็นชายหรือหญิงครับ
ปล.2 อย่าโกรธนะ

อันนี้ล้านเปอร์เช็น เจ็ ควบสองฮ่ะ ส่วนเกรม่อนคุงโฮะๆแฟน เจ...อุบ พูดไปคงไม่ดีแน่
อันนี่แล้วแต่จะคิดนะจ้ะแต่ที่แน่ๆเจ็ควบสองจ้า
งง~   แล้วก็ฝากบอกเค้าด้วยน่ะครับว่า Personalized Picture ของเค้าเสียแล้ว

- -* เอ่อก่อนอื่นใดอย่าไปเชื่อที่เจ้าการุรุม่อนมันพูดเลยนะ กระผมนี่ชายทั้งแท่ง แต่มันน่ะควบสองเพศหรือเปล่าไม่แน่ใจ

(ทุกวันนี้ยังเสียวมันจะ Back Stab เข้าให้) แต่โรงเรียนของกระผมเป็นโรงเรียนชายล้วนชื่อทวีธ... ละไว้ละกันแต่คิดว่าน่า
จะรู้จักกันนะครับ ส่วน บ.ก. ท่านพิโยม่อน ก็ไม่ใช่ใครอื่นพี่สาวกระผมเอง เหอๆถ้ายังไงเรื่องส่วนตัว พอแค่นี้ก่อนดีกว่านะขอรับขอตัวไปนอนก่องไม่ไว้เลี้ยว ลุยงานส่งก่อนสิ้นปีนี้เหนื่อยจริงๆ

ปล.เรื่องการเว้นวรรค บรรทัดจะพยายามเว้นเพิ่มให้นะครับ ต้องขออภัยที่ตอนก่อนๆเว้นไว้ให้ไม่เยอะพอดีมันค่อนข้างยุ่งๆ
แล้วเจอกันวัน พฤหัสนี้ จะลง Sub Turn 07
« Last Edit: December 31, 2008, 11:27:04 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #45 on: January 04, 2009, 06:17:01 PM »

Sub-Turn 7  Partner & Synchronize!


พ.ศ. 2700 หลังจากวิทยาการพลังงานอันมหัศจรรย์ ที่เรียกว่า เวทยาการ ซึ่งเป็นศาสตร์จากการ
ผสมผสาน วิทยาศาสตร์ และ เวทมนต์ เข้าด้วยกันซึ่งพลังนี้ได้นำซึ่งภัยพิบัติมาเยือน แก่มนุษยชาติถึงหลายครั้ง

หลายครา แต่กระนั้นมนุษย์ก็ยังไม่ละทิ้งที่จะควบคุมพลังนี้เสียให้ได้ และในที่สุด ผลจากความทะเยอทะยาน
นั้นก็ได้สร้าง คาถาที่จะ สะกดพลังอันมหาศาล ของอสูรอัญเชิญ ที่เป็นตัวแทนของพลังเวทย์ เพื่อที่จะควบคุม

มันได้ในที่สุด ผนึก หรือ ยันต์คาถาที่อยู่ในรูปของแผ่น การ์ดบางๆซึ่งเรียกว่า Seal Scroll เป็นผลิตผลที่ประสบ
ความสำเร็จยิ่งยวดของมนุษยชาติ ด้วยผนึกสะกดนี้ เราจะสามารถ ผนึกพลังอันแข็งแกร่งของ อสูรอัญเชิญ

มาใช้ได้ ตั้งแต่นั้นมากิจการ เกี่ยวกับผนึกนี้ก็ได้รุ่งเรืองขึ้นมา และพัฒนาจนกลายมาเป็น เกมกีฬา
ในนาม ของ Summoner Master ซึ่งเรียกตาม ชื่อขานของเหล่ายอดฝีมือ ในอดีตที่ช่วยกัน ยับยั้ง
ภัยพิบัติ จากเหล่าอสูร เทพซึ่งกลายมาเป็นตำนานในเวลาต่อมา

ทว่า แม้จะรับรู้ผลจากการ กระทำอันโง่เขลาของตนแล้วก็ตาม มนุษย์ก็ยังจะดันทุรัง เดินหน้าทำในสิ่งนั้นต่อไป
สงครามที่เกิดจากความขัดแย้ง ทางเผ่าพันธุ์ อันนำมาซึ่งความคิดที่ว่า ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ระหว่าง มนุษย์

กับ DNA-Changer ซึ่งจนถึงบัดนี้ ก็ยังคงดำเนินเรื่อยมา จากนี้ไปโฉมหน้าเบื้องหลัง
ของความขัดแย้งนี้ กำลังจะเปิดเผยต่อ ธนัท และพรรคพวกในอีกไม่ช้า แล้วพวกเขาจะทำเช่นไร…..
………
…………….


“ ถ้านี่เป็นแค่สังหรณ์ที่ฉันคิดไปเอง ก็ตามที แต่ฉันก็ยังอยากจะเชื่อว่านายยังอยู่
 ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้
ก็ตามที แต่ฉันก็จะทำเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เหลือให้ยึดถือ นอกจากนายแล้ว
ฉันก็ไม่เหลือใครอีกแล้วในโลกนี้.. ”
เสียงที่ดังขึ้นในจิตใจ ของใครซักคน ท่ามกลางความมืดมิดที่ เกิดจากหมู่ไม้ซึ่งบดบังแสงจันทร์
ในราตรี อันเงียบสงบ ที่กำลังจะกลายเป็น สนามรบในอีกไม่ช้านี้

“ มาราคัส ตรวจหารอบๆนี้ให้หมดเลย อย่าให้คลาดเชียวล่ะ ”
/Yes Sir/(รับทราบ)
โคทาโร่ สั่งขณะที่วิ่งทะลุ สวนหย่อม ออกไปยังสนาม เพื่อตรงไปยังประตูโรงเรียน โดยมี ธนัท วิ่งตามมาติดๆ

“ คราวนี้จะไม่ให้หนีไปไหนอีกแล้ว ”
โคทาโร่ คิดขณะที่พยายามเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก  จนทิ้งห่าง ธนัท ไปมาก

“ เจ้าบ้านั่น…แฮ่กๆ..จู่ๆก็วิ่งออกมาเป็นอะไร..แฮ่ก..ของมันนะ ”
 ธนัท กล่าวขณะที่ถูกทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆจนลับสายตาไป เขาจึงชะลอฝีเท้าลงด้วยความเหนื่อยอ่อน

/Why is Stop Idiot  / (หยุดทำไมเจ้างั่ง )
คอรัส Note ของเขา กล่าวยั่วยุเขาขึ้นมา แต่ว่าตอนนี้เขาก็เหนื่อยเกินจะ เถียงโต้กับ คอรัส แล้ว
จึงได้แต่นิ่งเงียบให้ คอรัส บ่นไป โดยที่สายตายังคงมองไป ที่ประตูทางออกซึ่ง โคทาโร่ วิ่งหายลับไป

…………
…………………….
………………………

กลุ่มเด็กนักเรียนกว่า 20 ถึง 30 คนซึ่งยืน ออกันเป็นฝูง อยู่กลางสนาม กำลังแหวกออกเป็น ทางให้คณะ ของ
มาริน่า เดินผ่านเพื่อเข้าไปยังอาคาร หมายเลข 5 ซึ่งเป็นอาคาร ที่อยู่ใกล้กับประตูทางออกโรงเรียนที่สุด
คณะของ มารีน่า เดินนำไปจนถึงหน้าทางเข้าอาคาร กลุ่มนักเรียน ที่ตามมาดู ก็หยุดเคลื่อนที่กันในทันที

มาริน่า และพวกเคียว ต้อง แปลกใจเล็กน้อยเพราะทุกคนต่าง แสดงสีหน้า หวาดกลัว และยังพากันชี้ไม้ชี้มือ
ไปยังกันสาดหน้าทางเข้าของอาคาร และเมื่อพวกเขาหันไป พวกเขาก็กระจ่างถึงสิ่งที่ทุกคนกลัว เงาสีดำ
ขนาดคนสามเงา ซึ่งมีดวงตา ส่องประกายในความมืด กำลังจ้องลงมายังพวกเขา

พวกนักเรียนเริ่ม แตกตื่น บ้างก็พากันวิ่งหนีออกห่าง บ้างก็คว้าเอา Note ขึ้นมาบันทึกภาพ
[ บอกไปหรือยังว่า Note เนี่ยสามารถบันทึกภาพเก็บลง Memory ในนามสกุลไฟล์ SAD(Spell Audio Data) ]
บ้างก็ส่องไฟฉายทีพกมา ขึ้นไปยังร่างเงานั้นบ้าง ทันทีที่ แสงไฟส่องไปยังร่างเงานั้น พวกมันทั้งสาม ก็หลบหายเข้าไปยังระเบียงอาคาร  มาริน่า และสององครักษ์ ไม่รอช้ารีบวิ่งตามเข้าไปทันที



“ เคียว คอยคุ้มกันอยู่ที่นี่ไม่ต้องตามเข้ามา เข้าใจนะ ”
มาริน่า ตะโกนสั่งกลับไปขณะที่วิ่งนำเข้าไปในตึก เมื่อเห็นว่า เคียว ชุติ และ แอน กำลังจะตามเข้ามา

“ ไม่ต้องมาสั่งน่า ”
เคียว ตะโกนกลับเสียงขุ่นด้วยความหงุดหงิด ขณะที่รวบตัว สองสาว กลับออกไป ก่อนจะแจง หน้าที่ให้ไป คอยคุ้มกัน พวกนักเรียน ที่มามุงดู ทว่าไม่ทันที่จะจัดทัพ ก็ถูกล้อมเสียแล้ว น้ำปริมาณมากไหล ออกมาจากท่อน้ำ
โดยไม่ทราบสาเหตุ จน เจิงนองไปทั่ว


ไม่นาน ก็มีบางสิ่งผุดขึ้นมาจาก น้ำขังที่เจิงนองอยู่ มันเป็นภูตร่างสีขาว ซีดราวกับกระดูก ผุดขึ้นมาจากน้ำ
ในมือ ถือหอกยาว มันไม่ได้มาเพียวหนึ่งหากแต่ผุดขึ้นมาจากน้ำเป็นร้อยๆ

“ อ..Aqua Wraith(เจตภูตวารี) ”
แอน กล่าวเสียงหลง ด้วยความตกใจอย่างที่สุด ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้



“ อควอเรธ อสูรอัญเชิญสายกองทัพเจตภูต ถึงแม้จะเห็นว่ามาเป็น กองทัพแต่จริงๆแล้วนั่นเป็นร่างที่แยกออกมา
เพราะมันเกิดจากคาถาอัญเชิญ เดียวกัน  ”
เคียว คิดขณะที่ประเมินสภาพของ ศัตรู

“ ย..เยอะขนาดนี้มันใช่อสูรไร้การควบคุมแน่เหรอ  ”
ชุติ กล่าว เสียงสั่นเมื่อต้องเจอกับกองทัพ ภูตผีที่มาโดยไม่ทันตั้งตัว

“ วิธี เดียวที่จะพิสูจน์ได้ ”
เคียว กล่าวจบก็ คว้างการ์ด ใบหนึ่งออกไปมันเป็นการ์ดมีหน้าที่ว่างเปล่า หลังการ์ดเป็นพื้นสี
ขาวประทับตรา แบบ การ์ด SMN ทั่วไปทันที ที่การ์ดพุ่งไปถึงกลุ่มของพวก เจตภูต การ์ดก็สลายตัวเองก่อนจะ
เกิดเส้นแสงวิ่ง ล้อมกรอบกลุ่มภูตไว้กลุ่ม

หนึ่ง เป็นลักษณะกรอบสี่เหลี่ยม พร้อมกับยกตัวขึ้นสร้างเป็นผนังแสงสีฟ้า จนมีลักษณะเป็นกล่อง
และเชื่อมปิดด้านบนจนล้อมขังไว้ทุกด้านกลายเป็นห้องๆหนึ่งที่ขังพวกเจตภูตไว้

 พวกมันพยายามจะทำลาย ผนังแสง ทุกวิถีทาง ทั้งหอกฟาดฟัน แทงใส่ผนัง ทว่าก็อาจสร้าง
ความเสียหายให้แก่กรอบผนึกที่ล้อมพวกมันเอาไว้ได้เลย

“ ผนึก! ”
/Sealing/
สิ้นคำของ เคียว คาสเทเน็ต Note ของเขาก็ตอบรับก่อนจะปลดปล่อยละอองพลังเวทย์สีเขียว ออกมา
รวมกันที่อุ้งมือ ของเขาจนราวกับสวมถุงมือ แสงสีเขียวไว้ทันทีที่ เขาตวัดมือลง

กรอบผนึกที่ ขังพวกเจตภูตเอาไว้ส่วนนั้น ก็หมุนเหวี่ยงอย่างรวดเร็วและบีบอัด ขนาดของกรอบลง
ก่อนจะเกิดแสงวาบขึ้น และหายไปพร้อมกับปรากฏการ์ด ที่ขว้างออกไปขึ้นมา หน้าที่เคยว่างเปล่าบัดนี้

ได้มีภาพของกองทัพเจตภูตวารี ที่ถูกผนึกเอาไว้ กับข้อมูลของการ์ดปรากฏขึ้น
 และหลังการ์ดที่เปลี่ยนเป็น สีน้ำเงินเช่น ซีลการ์ด ทั่วไป
ก่อนที่การ์ดจะพุ่งวกกลับมาที่มือของ เคียว

“ ผนึกได้ แสดงว่าพวกมันเป็น อสูรไร้การควบคุมจริงๆน่ะสิ ”
ชุติ กล่าวด้วยท่าทีเป็นกังวล

“ ถ้างั้นก็ต้องรีบหน่อยล่ะเพราะอสูรไร้การควบคุมอันตราย มากมันจะทำทำอย่าง
ด้วยความต้องการของมันเอง โดยไร้ซึ่งการควบคุม ถ้าไม่รีบหยุดเอาไว้ จะเป็นอันตารายได้ ”
เคียว กล่าวจบก็หันกลับไปเพื่อที่จะขอแรงพวกนักเรียน ที่มาดูการจับ ผีดูดเลือดของ พวกมาริน่า

แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะ ไม่มีใครที่มีใจกล้าจะสู้กันเลยเหลือก็เพียงแค่ สมาชิกชมรมSMN คนอื่นประมาณ สองสามคนที่มาช่วยเป็นกองหนุนให้

“ ช่วยกันต้านเอาไว้ อย่าพวกเข้ามาได้ รอจนกว่าประธานจะออกมา ”
“ รับทราบ ”
ทันทีที่ เคียว สั่งการจบ ชุติ แอน และพรรพวกอีก สามคน ต่างรับคำก่อนจะพากันไปประจำตำแหน่ง
ป้องกัน พวกนักเรียนคนอื่นๆ

…………..
……………….
……………………

“ วิโอริน สแตนบายน์  ”
/Sich Bereit Halten/(G(เยอรมัน): Get Set)
มาริน่า สั่งการให้ Note ของเธอเปลี่ยนรูปแบบ เป็นโหมดปลดปล่อยพลังมนตรา ทันทีที่ วิโอริน
รับคำ ก็ได้เปลี่ยนรูปจากจี้ห้อยคอ มาเป็นปลอกแขนจักรกล ประกอบเข้าที่แขนซ้ายของเธอ

ซึ่ง องครักษ์ทั้งสองของเธอ อิส กับ ฟรานซิสก้า ก็ได้ทำการ สแตนบายน์ เช่นกัน
เพราะขณะนี้ พวกเขาได้ไล่ต้อน เงาปริศนาทั้งสาม มาจนถึงทางเชื่อม อาคารหมายเลข 2กับ 5
แล้ว ทันทีที่ ข้ามผ่านทางเชื่อมมาได้ เงาทั้งสาม ก็แยกทางกันหนีทำให้พวกเขาต้องแยกกันตามไป คนละทิศ

โดย อิส วิ่งตามตัวที่หนีขึ้นบันไดไปชั้น ที่ 3 ฟรานซิก้า  ไล่ตามตัวที่วิ่งลงบันได ไปชั้น 1 ส่วน มาริน่า
วิ่งตามตัวที่ตรงไปตามทางเดิน ระเบียงตึก

…………
………………..

ถนน ที่ตัดผ่านหน้าโรงเรียน ซึ่งมีรถวิ่งน้อยในช่วงดึก  และยังมืดสลัวเพราะ มีเสาไฟเพียงไม่กี่ต้น
แสงไฟที่ส่องจากหลอดของเสาไฟ ได้ดับลงทีละดวงๆ ทุกครั้งที่เงาของบางสิ่งพุ่งผ่าน มันกระโดด

สลับขวาซ้ายไปเรื่อยๆ ตามเสาไฟ ก่อนจะหายลับเข้าไปยังตรอกซอย แห่งหนึ่งโดย มีโคทาโร่ วิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ

“ เจอตัวจนได้ คราวนี้จะไม่ให้หนีเลยคอยดูสิ ”
โคทาโร่ สบถ ขณะที่เร่งฝีเท้าถี่ขึ้น ตามเจ้าเงานั้น เข้าไปในตรอก และวิ่งลัดเลาะตามตรอกที่มืดสนิท
จนออกมาถึง ลานกว้าง ซึ่งถูกทิ้งให้มีหญ้าขึ้นรกร้าง  ภายในลานพอจะมองเห็นสิ่งต่างๆอยู่บ้าง

 เพราะเมฆที่บังแสงจันทร์ เริ่มจะเคลื่อนตัวออก ทำให้แสงส่องลงมาแล้วแน่นอน นอกจากข้าวของที่พุพัง
ซึ่งถูกทิ้งไว้ ท่ามกลางลานสนามที่เป็นทราย ซึ่งมีหญ้า ขึ้นรก ร่างเงาปริศนานั้น ก็ได้ปรากฏขึ้นใต้แสงจันทร์

มันมีขนสีดำนิล ขนาดร่างที่ล่ำสัน กรงเล็บและเขี้ยวที่พร้อมจะฉีกกระชาก ศัตรูให้เป็นชิ้นๆ
มันเป็นมนุษย์หมาป่าที่มีดวงตาสีนิลทอประกาย เสียงหอนของมัน

หากฟังแล้วคงเย็นเข้าไปถึงกระดูกราวกับ ถูกแช่แข็งทั้งเป็น
ไม่นาน นักพระจันทร์ก็ ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับถูกย้อมด้วย โลหิต

“ มาราคัส สแตนบายน์ ”
/Get Set/
 สิ้นคำของ โคทาโร่ Note ของเขาก็เปลี่ยนรูปเป็นชิ้นส่วน จักรกลชิ้นย่อยๆสาม ชิ้นก่อนจะ
เข้าไปประกอบติดกับ แขนซ้ายจนกลายเป็นปลอกแขนจักรกลซึ่งมีฟันเฟือน ติดอยู่ที่กลางแขน
 
ทว่าทันทีที่ฟันเฟือนเริ่มหมุน มันกลับหมุนอย่างๆช้าโดยที่ ความเร็วของรอบการ
หมุนไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย ละออง แสงซึ่งเป็นพลังเวทย์ที่ปล่อยออกจาก เฟืองจึงน้อยตาม ไปด้วย

“ ชิ…ที่เสียหายไปเมื่อวานมีผลจริงๆด้วยสินะ มาราคัสช่วยเร่งพลังเวทย์ให้อีกหน่อย ไหวไหม ”
/I will try/ (จะพยายาม)
โคทาโร่ กล่าวขอให้ Note ของเขาเพิ่มรอบการหมุนเพื่อส่งพลังเวทย์ ซึ่ง มาราคัส เองก็พยายามเร่งรอบการหมุน
ของเฟืองอย่างสุดกำลังแต่ ความเร็วก็เพิ่มขึ้นมาไม่มากนัก

“ ชิ..สุดกำลังแล้วถ้าละอองเวทย์ เบาบางแค่นี้ล่ะก็ คงอัญเชิญ ซีล ระดับสูงไม่ได้ที่สุดก็ เลเวล 1 กับ
มิสติก อีกใบสองใบ ต้องลองเสี่ยงดู ”
โคทาโร่ คิดได้ดังนั้น ก็ไม่รอที่จะให้  เจ้ามนุษย์หมาป่า หนีหรือเข้ามาเล่นงาน เขารีบดึงไพ่ออกมาจากช่อง
สำรับซีล การ์ด ก่อนที่ละอองแสงจากเฟืองจะไหลมารวมกันที่ไพ่ ทันทีที่ ขว้างออกไป ก็เกิดแสงสว่าง

วาบขึ้นที่ไพ่ก่อนที่วงแสงจะขยายขึ้นและจางลง  พร้อมกับการปรากฏร่างของ นักสู้เด็กหนุ่มคนหนึ่ง
ขึ้น นักสู้เด็กมีผมสีน้ำตาลแดง สวมสนับมือเหล็ก ไว้ที่ข้อมือทั้งสองข้าง ได้ตั้งท่าเตรียมสู้ เพื่อปกป้อง เจ้านาย

ในขณะที่ มนุษย์หมาป่ายังคงนิ่งเฉย ดูท่าทีของ เขา

“ ให้เราบุกเข้าไปงั้นเหรอ ”
โคทาโร่ คิด ก่อนจะหยิบไพ่จากช่องสำรับ มิสติก ขึ้นมาสองใบ ก่อนจะร่ายมันออกไป
สนับมือ ซึ่งประดับด้วย อรัญมณี (Gemmed Gauntlet) และสนับมือซึ่งติดมีดไว้ที่ปลาย
(Daimyo Gauntlet) ทั้งสองชิ้น ได้ปรากฏสวมเข้าที่มือทั้งสองข้าง ของนักสู้เด็กหนุ่ม




“ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ(Akamu Inzu, The Apprentice Pugilist) จู่โจม ”
โคทาโร่ สั่งการจบ นักสู้เด็กนาม อาคามุ ซึ่งเป็นอสูรอัญเชิญที่เขาร่ายขึ้นมาก็บุกเข้าไปจู่โจม ใส่
มนุษย์หมาป่า ตนนั้น



“ หึ..ถึงจะรวมร่างไม่ได้ เพราะพลังไม่พอก็เถอะ แต่ระดับพลังของแกอย่างมากก็แค่  7 อาคามุ
มีความสามารถที่จะเพิ่มพลังเมื่อ มิสติกอุปกรณ์ ประเภท Gauntlet ถูกร่ายออกมา และบวกกับพลังของ
สนับมือพวกนั้น อาคามุ ของ ฉันอัดแกได้สบายๆอยู่แล้ว..อ… ”

โคทาโร่ ที่กล่าวอย่างได้ใจก็ต้องนิ่งชะงักไป เมื่อ อาคามุ ถูกมันซัดกลับ จนปลิวไปกองกับพื้น
อย่างง่ายดาย

“ อ..อะไรกัน ทั้งๆที่พลังของเราน่าจะเหนือกว่านี่แล้วทำไมกัน ”
ระหว่างที่ โคทาโร่ กำลังตะลึงใจอยู่นั้น เขาก็ไม่ทันที่จะระวัง
ก้อนหิน ซึ่งถูก เจ้าหมาป่าขว้างมา ก้อนหินพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ภาพนั้นสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา แต่มันก็สายเกินกว่าที่จะหลบเสียแล้ว ความแรงในการขว้างนั้น
เป็นระดับเดียวกับที่สร้างบาดแผลให้ ธนัท เมื่อคืนก่อน ซึ่งตอนนี้หินนั่นกำลังจะพุ่งเข้ามากระแทก

ตาของเขาให้ทะลุเสียแล้ว….ทว่าก่อนที เศษหินก้อนนั้นจะ ทันพุ่งเข้าใส่ โคทาโร่ ตุ๊กตามังกรซาลามันเดอร่า
สีแดงสด ก็ได้ถูกเหวี่ยงเข้ามาชนจนเศษก้อนหินนั้น เบี่ยงทิศไป ก่อนที่เจ้าตุ๊กตาซึ่งถูกแรงกระทบจนเด้ง
เข้าใส่หน้า เขาจนเซ เสียหลักล้มลงไปแทน โดยที่มี เจ้าตุ๊กตานั่งทับอยู่บนใบหน้า


“ ฮึ้ยยย..เจ้าบ้า นี่ดีนะที่ฉันตาม มาทันน่ะ ไม่งั้นป่านนี้ นายได้ปิดตาเป็นโจรสลัดแน่ ”
 เสียงของ ธนัท ดังก้องขึ้นมาขณะที่ โคทาโร่ พยายามย้ายก้นเจ้าตุ๊กตาซาลามันเดอรี่
ออกจากใบหน้าของเขา

“ นี่แก จะฆ่าฉันรึไงเกือบหายใจไม่ออกตายแล้วรู้ไหม ”
โคทาโร่ ตะคอกใส่ ขณะที่ ยันตัวลุกขึ้นมา

“ นี่ฉันช่วยนายเอาไว้นะ ยังจะมาตะคอกใส่ฉันแบบนี้อีกนี่เหรอวิธีตอบแทนน้ำใจ ของนายน่ะ ”
ธนัท ตะคอก กลับขณะที่คว้าเจ้าซาลามันเดอรี่ดอล ขึ้นมา

“ อ๋อ พูดงี้นายจะหาเรื่องใช่มะ ”
“ นายน่ะแหล่ะชวนตีก่อน ”
“ นายแหล่ะ ”
“ นายน่ะแหล…. ”
การโต้เถียงของทั้งคู่ต้อง หยุดลงเมื่อ ร่างของ อาคามุ ถูกเหวี่ยงมากระแทก จนโคทาโร่
ต้องล้มลงไปกองด้วยกัน โดยที่สภาพของ อาคามุ นั้นโทรมจากการต่อสู้กับ มนุษย์หมาป่าตนนั้น

“ เจ้านี่มัน ”
/Scanning/(ทำการตรวจสอบ)
ธนัท กล่าวยังไม่ทันไร คอรัส ที่แสตนบายน์ เป็นปลอกแขนไว้ก่อนแล้ว ก็เริ่มทำการวิเคราะห์
ก่อน แสดงผลการวิเคราะขึ้นจอโฮโลแกรม

[MoonShine WereWolf  At 9 DF 9 SP 4
Equipment: Bloody Moon 
Owner: None  ]

“ อย่างที่คิดจริงๆด้วย การที่ อาคามุ ซึ่งได้รับพลังทั้งจากความสามารถ และ มิสติก แล้วก็ยังไม่อาจชนะได้
ก็เพราะ มันได้รับการติดตั้ง มิสติก เอาไว้ด้วย แถมเพราะไม่มี เจ้าของเราก็เลยไม่สามารถ แชร์ข้อมูล
ที่ลงทะเบียนของมันได้ รู้แค่ ชื่อ กับค่าสถานะปัจจุบันเท่านั้นเอง ”
ธนัท กล่าวขณะที่เห็นค่าสถานะของอีกฝ่ายปรากฏขึ้นบนจอ 

“ ชิ…เพราะสู้กับมันเมื่อคืน ไดนาเมซ (Dynamaze) ของ มาราคัส ก็เลยเสียหายจนเพิ่มรอบการปั่น
เพื่อเร่งพลังเวทย์ไม่ได้ แม้แต่ Scanning Mode ก็หยุดทำงาน ตอนนี้ฉันใช้ได้แค่เท่าที่มีนี่ล่ะ ”
โคทาโร่ รายงานสถานะของเขา ตอนนี้ให้กับ ธนัท ขณะที่ช่วยพยุง อาคามุ ให้ลุกขึ้น

[Dynamaze คืออุปกรณ์ที่คล้ายกับไดนาโมพลังเวทย์ ที่เปลี่ยนพลังงานกลให้เป็น
พลังเวทย์แทนที่จะเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งในที่นี้ ก็คือเฟืองที่โผล่พ้นปลอกแขนขึ้น ซึ่งภายในเชื่อมกับ
อุปกรณ์แปลง พลังงาน ในที่นี้ จะใช้พลังเวทย์ขับเคลื่อน เฟืองก่อนเพื่อให้สร้างพลังเวทย์
มากขึ้น ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเป็นอุปกรณ์เร่งพลังเวทย์นั่นเอง]

“ งั้นเหรอ..เอาเถอะฉันคนนี้มาช่วยนายแล้ว เดี๋ยวเจ้าหมาเนี่ย โดนซาลามันเดอร่า ของฉันเป่าทีเดียว
ก็จอดแล้ว วางใจได้เลย เอ้าออกมาเลยซาลามันเดอร่า ”
ธนัท กล่าวอย่างมั่นใจขณะที่ ย้ายมือขวาไปยัง ช่องเสียบสำรับ ซีล

………….
…………….

“ เป็นอะไรเหรอ แอน ทำไมดูเหม่อๆล่ะ ”
ชุติ กล่าวถาม ขณะที่เธอ คอยควบคุม เจ้าไก่เหล็ก ค็อกคาซี(Cocka-C) สกัดพวก เจตภูตวารี
(Aqua Wraith)ไม่ให้เข้าใกล้ 



“ แอน เป็นห่วง ธนัท หน่า เพราะเขาทิ้งการ์ดทั้งหมดเอาไว้ที่ห้อง ก่อนออกไป หนาซี่ ที่พอจะมีติด
ตัวไปก็ ซีลกับมิสติกอย่างละใบที่ เขาถือเอาไว้ตอนเล่นกับ แอน หน่า นี่ไงสำรับทั้งหมดของเขา  ”
แอน กล่าวจบ ก็ควักเอาสำรับ ของ ธนัท ขึ้นมา ซึ่งเกือบทั้งปึกอยู่ที่นี่

“ หวายตายแล้วอีตานั่น ทำไมถึงได้ลืมของสำคัญแบบนี้ไปได้ นี่ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไงล่ะเนี่ย
แถมดูแล้ว ที่หมอนั่นพกไปน่ะ แค่ ซาลามันเดอรี่ดอล กับ  ไลซิ่งซัน(Rising Sun) สองใบเอง  ”
ชุติ กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ ไม่ต้องห่วงหรอกมั้ง ทางนั้นมี โคทาโร่ อยู่ด้วยทั้งคนนี่หนา  ”
แอน กล่าวเสียงเหน่อ อย่างวางใจทำให้ ชุติ คลายความกังวลไปบ้าง

“ นั่นสินะ คงไม่เป็นไรหรอกเนอะ..คิดว่างั้นนะ ”
ชุติ ลำพึงกับตัวเองขณะที่หันกลับไปรับมือ กับศัตรูต่อ

….แต่ในความเป็นจริงแล้ว…..

“ แว้กกก..ช่วยด้วย ”
ธนัท ร้องเสียง หลงขณะที่มือ ซ้ายควงเจ้าตุ๊กตาซาลามันเดอรี่ วิ่งหนีไปพร้อมๆกับ อาคามุ และโคทาโร่
ขณะที่ต้องวิ่ง ซิกแซกไปมา เพื่อหลบห่ากระสุนเศษหิน ที่แวร์วูฟแสงจันทร์
ระดมขว้างใส่ไม่หยุด ไปรอบลานกว้าง

“ ไหนว่าจะเป่ามันไง รีบๆทำเข้าสิ ”
“ ฉันลืม การ์ดทั้งหมด ไว้ที่ห้องชมรมตอนนี้ไม่มีอะไรจะสู้กับมันแล้ว ”

ไม่เป็นไรซะที่ไหน วิกฤติสุดๆเลยต่างหาก ตัดกลับไปที่ พวกมาริน่า ก่อนเถอะ

………….
………………

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #46 on: January 04, 2009, 06:17:21 PM »

ฝูงค้างคาวที่ บินพุ่งเข้าหา ค่อยๆถูก กระบองสั้น สองอันตวัดปัดจนร่วงหล่นไปทีละตัว
ก่อนที่ อิส จะต้องประกอบ พลองทั้งสองท่อนเป็นพลองยาว เพื่อรับการจู่โจมของ
เงาดำที่พุ่งเข้า มาในตอนท้าย

“ อึก..แรงเยอะจริงๆแฮะ ”
อิส กล่าวเสียงใสอย่างไม่ทุกร้อน ขณะที่ยังคงทำตัวสบายๆ อย่างใจเย็น

“ มนุษย์อย่างพวกแกไม่มี ทางทำอะไรข้าได้หรอก ตายซะ! ”
เงาดำที่เป็นเจ้าของเสียงกล่าว ก่อนที่ อิส จะถูกกรงเล็บของ อีกฝ่ายตวัดกระแทกจนกระเด็นไปกระแทก กับ
ราวระเบียง โดยพลองยาวนั้น หักเป็นสองท่อนจากการรับแรงปะทะเมื่อครู่

“ อัก..ท่าจะเล่นด้วยไม่ได้ซะแล้ว รีคอร์ดเดอร์ แสตนบายน์ ”
/Approntare/(I(อิตาลี):Get Set)
ทันทีที่ อิสกล่าวจบ รีคอร์ดเดอร์ ก็ทำการเปลี่ยนรูเป็น เกราะปลอกแขน ประกอบเข้าที่แขนซ้าย
ก่อนที่ อิส จะหยิบการ์ดซีล ขึ้นมาและร่ายออกไป

“ เห็นทีจะเลี่ยงไม่ได้ซะแล้ว แต่ก็อย่าให้อาคารเรียนเสียหายนักล่ะ มาร์วิน (Zechariah Marvin) ”
อิสกล่าวกับ อสูรอัญเชิญของเขา ที่เป็นจอมเวทย์หนุ่มน้อยซึ่งสวมเสื้อคลุมสีม่วง
ขณะที่ ตัวเขาทิ้ง พลองที่หักแล้วไป พร้อมกับชัก พลองใหม่อีกคู่ที่เสียบเข็มขัดไว้ขึ้นมาจาก
ก่อนจะ สะบัดให้มันยืดออกจากการพับเก็บ

“ เอาล่ะมาลุยกันเลย ”
อิส กล่าวเสียงเรียบ ท่าทีเปลี่ยนไปจากทุกครั้ง ดูสงบเยือกเย็นกว่าที่ผ่านมา ขณะที่ร่างของ เงาดำเมื่อครู่ค่อยๆปรากฏ ตัวขึ้น มันคือชายผิวซีดเผือดราวกับศพไร้ชีวิต ซึ่งสวมเสื้อสูทสีดำ และคลุมทับด้วยผ้าคลุมยาวย้วยระยาด
ที่มุมปากของชายผู้นั้น มีเขี้ยวยาวโง้งออกมาเล็กน้อย กำลังเดินตรงเข้ามา



[Data: อิสรพงศ์ วงศาธร  ชื่อเล่น:อิส Age: 14 Year    Deck: Marvin Change Form ]

…………
……………

เคร้ง! เคร้ง!

เสียงปะทะกันของ ดาบที่ ฟรานซิสก้า ประเข้ากับกรงเล็บของ ชายที่มีลักษณะเดียว กับ
ที่อิส ต่อกร ด้วย เธอกำลังเป็นฝ่ายไล่ต้อน จนเมื่อ เห็นช่องโหว่ของ ศัตรู ดาบอีกเล่มที่สะพายหลัง

ไว้ ก็ถูกชักออกจากฝัก ผ่าร่างของ ชายผู้นั้นจนขาดสองท่อน อย่างรวดเร็ว
ทว่า ร่างของของชายคนนั้น กลับแตกตัวเป็นฝูงค้างคาวก่อนจะกลับมารวมตัวกันใหม่
และฟื้นคืนสภาพอย่างสมบรูณ์

“ แวมไพร์(Vampirism) สสารมนตรา! สู้กับเจ้านี่เหมือนสู้กับผีที่ไม่รู้จักตายเลย ”
/Get Call/
“ ถูกแล้ว เพราะงั้นถึงต้องผนึกมันให้เร็วที่สุดยังไงล่ะ เพราะพวกมันไม่มีวันตาย
เพราะเป็น เพียง สสารมนตรา ที่ไร้การควบคุม การโจมตีทางฟิสิกส์ ทำให้พวกมันบาดเจ็บไม่ได้หรอก ”
ฟรานซิสก้า สบถยังไม่ทันขาดคำ ก็มีการติดต่อเข้ามาที่ Note ของเธอ
ก่อนที่เสียงของ มาริน่า จะดังขึ้นเช่นกันเสียงนี้ก็ถูกติดต่อเข้าไปที่ รีคอร์ดเดอร์ Note ของอิส ด้วย



“ ถ้างั้น ก็ต้องใช้พลังเวทย์ในการทำให้มันอ่อนแรงเพื่อให้ ผนึกเอาไว้ได้ง่าย ”
อิส กล่าวจบ ก็ถอย ออกมาตั้งหลักห่างจาก ร่างของเจ้า แวมไพร์ โดยปล่อย ให้ มาร์วิน อสูรอัญเชิญ
เผ่ามนุษย์สายจอมเวทย์ คอยร่ายเวทย์สกัด เอาไว้ ในขณะที่ปล่อยพลองในมือทิ้งไปก่อนจะ
 เอื้อมมือ ไปคว้าเอา แท่งโลหะ

ที่เหน็บเข็มขัดสะพาย เอาไว้ขึ้นมาข้างละสองแท่ง  ก่อนที่ ไดนาเมซ ของรีคอร์ดเดอร์จะเริ่ม หมุนเพื่อ
ปล่อยละอองเวทย์ออกมา  แท่งโลหะดูดซับเอาละออง แสงเหล่านั้นไว้ ก่อนที่ปลายข้างที่ยื่น

ห่างจากมือของ อิสจะกางออก และสร้าง ใบมีดลำแสงขึ้นมา จนดูรูปร่างของ มีดแล้วคล้ายกับ
กางเขนไขว้ 

“ เอาล่ะ เราไม่ใจบุญขนาดจะส่งวิญญาณร้ายอย่างแกไปสู่สุขคติเหมือน ในการ์ตูนหรือในหนังละครหรอกนะ
แกจะต้องถูกผนึกและมารับใช้ เราในฐานะพลังของเรา! ”
สิ้นคำ อิส ก็ขว้าง กางเขนมีดลำแสง นั้นออก ไ ป มีดทั้งสี่เล่ม พุ่งเข้าไปปักร่างของ เจ้าวิญญาณร้าย
มันร้องโอดครวญอย่างโหยหวน และทรุดลงอย่างอ่อนแรง ควันร้อนที่พวยพุ่งออกมาจาก

รอยบริเวณที่มีดปักลง ยิ่งออกมามากกว่าเดิมทันทีที่ มัน ถอนมีดออก ก่อนจะ โดดหลบ ไพ่ Seal Scroll
ที่ อิส ขว้างมา กรอบผนึกถูกสร้าง ขึ้นในทันที แต่ก็คว้าน้ำเหลวไปเพราะมันหลบได้ก่อนที่

จะล้อมขอบเขตเสร็จ
ทันทีที่ การผนึกไม่สัมฤทธิ์ผล กรอบผนึกก็สลายตัวไปพร้อมกับ
ไพ่ผนึกที่ขว้างไปก็ไม่กลับมาแต่ได้สลายหายไป


“ เจ้ามนุษย์ ชั้นต่ำข้าจะต้องเอาเลือด แกมาล้างคอให้ได้ ”
เจ้าแวมไพร์ กล่าวอย่างเคียดแค้น ขณะที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หมายจะ
ขย้ำคอของเขา ทว่าร่างของมันก็ถูกดาบ จำนวนนับสิบเล่ม

พุ่งปักร่างจน กระเด็นไปติดกับ ผนังห้องเรียน ทันทีที่มัน จะทำการสลายร่างเป็นค้างคาวเพื่อคืนสภาพ
ดาบอีกสามเล่มก็ ถูกเสกขึ้นมาก่อน จะพุ่งเข้าไปปัก ที่หัวใจของมัน ทำให้การคืนสภาพของมันต้องชะงัก
ซึ่งผู้ที่เสกดาบนั้นขึ้นมาก็คือ มาร์วิน ที่เปลี่ยนร่าง ไปสวมชุดเกราะสีแดงทอประกายดั่งทับทิม

“ อัก..เจ้าจอมเวทย์นั่น…นี่แก..อ็าคคคค! ”
ไม่ทันที่เจ้าผีดูดเลือด จะได้กล่าวต่อ อิส ก็ชักเอามีดลำแสงอีกเล่มขึ้นมาจากเข็มขัด
ก่อนจะปักลง ที่หน้าผากของมัน

“ หยุดพูดเถอะ..รำคาญเสียงแกจะแย่อยู่แล้ว ”
อิส กล่าวจบก็ปล่อย ไพ่คาถาผนึก Seal Scroll ลงไปยัง พื้นเกิดกรอบผนึกขึ้นล้อมร่างของ มันไว้
ขณะที่ อิส  ถอยออกมา

“ ผนึก! ”
สิ้นคำพร้อมกับการ ตวัดมือที่อาบพลังเวทย์เอาไว้ กรอบผนึกก็บิดตัวและหดขนาดบีบอัด ร่างของเจ้า แวมไพร์ ลง
ก่อนจะกลับเป็นการ์ดที่มี รูปของมันและคำอธิบายอำนาจ ของมัน พร้อมกับหลังการ์ดที่เปลี่ยนเป็นสีแดง
แบบมิสติก การ์ดทั่วไป ก่อนจะวกกลับไปยังมือของเขา

“ หว้า..ผนังห้องสึกหมดเลยช่างเถอะ รีบเก็บข้าวของแล้วไปสมทบกับประธาน ดีกว่า ”
อิส กล่าวขณะที่ ก้มลงเก็บพลองที่ทิ้งไป มีดลำแสงที่กลับสภาพเป็น แท่งโลหะตามเดิม เพราะไม่มีพลังเวทย์หลงเหลืออีกแล้ว

………..
…………….

“ ผนึก! ”
สิ้นเสียง กรอบผนึก ก็บีบอัดร่างของ แวมไพร์ ที่ถูกขังเอาไว้และกลับสภาพเป็นการ์ดในทันที
ก่อนจะวกกลับไปที่มือ ของ ฟรานซิสก้า ผู้เป็นเจ้าของ เธอเก็บไพ่ใบนั้นลงในช่องสำรับมิสติก
ที่ปลอกแขนก่อนจะ เดินวกกลับขึ้นบันได ไปยังชั้นสอง โดยเร็วที่สุด

…………..
…………….

เจ้าแวมไพร์ตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ ซึ่งกำลังหนีจากการตามล่าของ มาริน่า อย่างไม่คิดชีวิต
ในขณะที่มันหันกลับไปก็ไม่มีใคร ตามมันมาแล้ว ฝีเท้าจึงผ่อนลง ด้วยความเหนื่อยล้า
ที่พ่วงมากับความเบาใจ

/Teleportation/ (เคลื่อนย้ายพริบตา)
เสียงก้องกังวานดังขึ้นก่อนที่ ร่างของ มาริน่า ปรากฏขึ้นต่อหน้ามัน พร้อมกับ Seal Scroll ที่อยู่ในมือของเธอ
จะถูกวางลงบนหน้าผากของมัน กรอบผนึกได้ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ อย่าคิดว่าจะหนีฉันคนนี้ไปได้เลย..ผนึก! ”
 สิ้นคำ กรอบผนึก ก็บีบอัดร่างของมัน และผนึกมาอยู่ในรูปของ การ์ด
ขณะที่ เธอเก็บ การ์ดที่ผนึกมาได้องครักษ์ทั้งสองก็ได้ตามมาสมทบ พอดี

“ เอาล่ะงานบนนี้เสร็จแล้ว เราลงไปช่วยเจ้าพวกนั้นดีกว่า ”
มาริน่า กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่เบือนสายตา มองจากระเบียงอาคารเรียนลงไปยังสนาม ซึ่ง
เต็มไปด้วยกองทัพของ เจตภูตวารี นับร้อย กำลังรุมทึ้ง พวกนักเรียนที่อยู่ข้างล่าง

………………..
……………………



“ อาคามุ โจมตีอีกครั้ง ”
สิ้นคำของ โคทาโร่ อาคามุ ได้บุกเข้าจู่โจมอีกเป็นครั้งที่สองในทันที

“ Rising Sun ”
ธนัท กล่าวขณะที่ร่ายการ์ดของตนออกไป เกิดมวลแสงสว่างทรงกลมขึ้น หลังจากที่การ์ด ดูดซับพลังเวทย์
จนเต็ม อาคามุ ก็สามารถโต้ตอบ แวร์วูฟแสงจันทร์ได้ในทันที

“ แจ๋ว! เพราะGemmed Gauntlet จะเพิ่มพลังให้ทุกๆครั้งที่ต่อสู้ พอบวกกับพลังของ ไลซิ่งค์ ซัน
ก็มีลังเหนือกว่ามันแล้ว ”
ธนัท กล่าวเสียงใสในขณะที่พวกตนกำลังเป็นต่อ

“ ดีล่ะ อาคามุ เอาให้หมอบจะได้ผนึกมันซะที ”
โคทาโร่ กล่าวจบ ยังไม่ทันที่ อาคามุ ของเขาจะได้ทันทำตามคำสั่ง
แวร์วูฟแสงจันทร์ ก็ทะลวงกรงเล็บของมัน ทะลุร่างขง อาคามุ ก่อนที่ร่างจะคงสภาพ
ไม่ได้และแตกสลายกลับเป็น การ์ดดังเดิม

“ อ..อะไรกัน ”
โคทาโร่ อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา อาคามุ ของเขาแพ้ไปแล้ว
ในขณะที่ ธนัท ไม่รอที่จะตรวจสอบ อีกฝ่ายในทันที

“ นี่มัน ”
ทันทีที่ผลการตรวจสอบออกมา ธนัท ก็ต้องอุทานออกมาด้วยอีกคน


[MoonShine WereWolf  At 11 DF 9 SP 4
Equipment: None  , Owner: None , Ability :Active  ]

ค่าที่ปรากฏบนจอนั้นสร้างความตกตะลึงให้แก่ทั้งสองอย่างยิ่ง เมื่อจู่ๆพลังของศัตรูกลับเพิ่มขึ้นอย่างไร้สาเหตุ

“ ท..ทำไมกันหรือว่ามันรวมร่างอยู่ ”
ธนัท กล่าวเสียงผวา กับค่าที่อ่านได้

“ นี่มัน..ดูดีๆสิ มีข้อมูลของมันเพิ่มขึ้นมาจากเดิมที่อ่านได้ แสดงว่ามันต้องทำอะไรซักอย่าง ”
โคทาโร่ แย้งให้มองถึงความแตกต่างของ จอข้อมูลที่เปลี่ยนไป

“ จริงด้วยถ้าลองดูดีแล้วตะกี้มันไม่ข้อมูลของ Ability นี่แสดงว่าเจ้านั่นใช้ Ability
ไปงั้นสิ ”
ธนัท กล่าว ขณะที่สามารถไขความลับของสาเหตุที่อีกฝ่ายมีพลังเพิ่มขึ้น

“ เกี่ยวกับเรื่องนั้น นายช่วยตรวจสอบให้ทีนะ ฉันจะต้านมันไว้ให้ ”
โคทาโร่ กล่าว ขณะที่เก็บซีลการ์ด กับมิสติก ที่ย้อนกลับมาแล้ว

“ เดี๋ยวสิแล้วนายจะสู้ยังไง ซีลนายหมดสภาพไปแล้วนะ แถมไดนาเมซ  ที่พังอยู่นั่น
 ก็ยังต้องรอชาร์จพลังเวทย์อีก กว่าจะใช้ซีลได้อีกก็… ”
ธนัท ต้องเงียบไปก่อนจะได้ทันกล่าวอะไรต่อ เพราะ แวร์วูฟแสงจันทร์ ได้พุ่งเข้ามา
โดยไม่ให้พวกเขาตั้งตัว ทว่าโคทาโร่ ก็สามารถ สกัดการโจมตีนั้นไว้ได้ ก่อนที่จะลากมันอกไปให้ห่างจาก ธนัท

“ อย่าลืมสิว่า ฉันเป็น DNA-Changer น่ะ นายคอยตรวจสอบให้ดีก็แล้วกัน ถ้าจะให้ดีก็อย่านาน..นักล่ะ ”
โคทาโร่ กล่าวท้ายเสียงสะดุด เล็กน้อย ทำให้ ธนัท พึ่งสังเกตว่า ผ้าพันแผลใต้เสื้อนักเรียนของ โคทาโร่ เริ่มจะเป็นสีแดง เรื่อๆ

“ นี่นายปากแผลเปิดแล้วงั้นเหรอ  ”
ธนัท กล่าวตะคอกเสียงด้วยความตกใจ

“ เอ่อสิ ไม่ใช่แค่เปิดแต่โดนเพิ่มด้วย ”
โคทาโร่ กล่าว ก่อนที่จะถอดเสื้อที่คลุมอยู่ออก บริเวณแขนและหัวไหล่ กับตามลำตัวนอกจาก ที่ผ้าพันแผลปิดไว้แล้ว ก็มีปากแผลที่เลือดอาบซิบๆ อยู่ไปทั่ว ผ้าพนแผลบางที่ก็ฉีกขาดไปแล้ว

“ เพราะงั้นอย่านานนักล่ะ ถ้าฉันตายไปซะก่อนนายก็ไม่รอดนะเฟ้ย รีบๆเข้าล่ะ ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็กางกรงเล็บพร้อมกับกระโจนเข้าใส่ แวร์วูฟแสงจันทร์


“ ฮึ้ยย..เจ้าบ้าคิดอะไรของเค้ากันนะ เจ็บขนาดนั้นแท้ๆยังจะเข้าไปสู้อีก ชแต่ก็จริงอย่างว่าถ้าเราไม่รีบล่ะก็
ทั้งนายและฉันคง.. ”
ธนัท คิดก่อนจะส่ายหัวเพื่อสลัดความกังวลไป

“ ไม่ได้สิเราจะมัวกังวลอยู่ไม่ได้ หมอนั่นยอมสู้เพื่อถ่วงเวลาให้เรา ต้องรีบหาทางเอาชนะมันให้ได้
ว่าแต่ทำไมอยู่ๆ Ability ของมันถึงทำงานขึ้นมาล่ะ ไม่มีเหตุผลเลย ทั้งที่สู้กันตอนแรก Ability
 มันก็ไม่ทำงานหรือว่าเงื่อนไขของการทำงานสามารถควบคุมได้ ส่วนใหญ่แล้วเงื่อนไขแบบนี้มัน

จริงสิ แล้วมิสติก อุปกรณ์ ที่เจ้านั่นสวมอยู่ไปไหนซะแล้วล่ะ หรือว่าเป็นผลของ มิสติกการ์ด
 แต่ถ้าเป็นยังงั้นจริงที่ ช่อง มิสติก ก็น่าจะยัง Active อยู่สิแล้วมันหายไปได้ยังไง ”

ธนัท คิดก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้า วินาทีนั้นเขาก็ฉุกคิดขึ้นได้ทันที เมื่อเห็น
ว่าดวงจันทร์ กลับมาเป็นสีเดิมแล้ว และเมื่อหันสายตากลับมามองการต่อสู้ของ มันกับ โคทาโร่
ในหัวของเขาก็เริ่มจะตีความทุกอย่างออกแล้ว

“ จะว่าไปแล้ว ตอนนี้มิสติกนั่นก็ไม่ได้แสดงผลแล้วนี่  แสดงว่ามันถูกทำลายหรือหมดผลไปแล้ว
ส่วนตัวมัน ถ้าดูดีๆแล้วก่อนนี้ยัง ขว้างก้อนหินบ้าง ไล่งับบ้างจู่โจม สะเปะ สะปะ ไปทั่ว
แต่ตอนนี้กลับ บุกโดยใช้ หมัดกับขาอย่างเดียว อย่างกับว่ามีอะไรบังคับให้มันเปลี่ยนรูปแบบการจู่โจม
หรือว่า… ”

ธนัท คิดได้ดังนั้น ก็ทำการเรียกจอโฮโลแกรม ขึ้นมาอีกครั้ง

“ คอรัส ช่วยตรวจสอบเกี่ยวกับท่าจู่โจมที่ใช้ในตอนนี้ แล้วก็ Ability ที่ต้อง Sacrifice Mystic
ที่มีความสัมพันธ์กับ การเปลี่ยนท่าจู่โจมที ”
/Yes Sir/(รับทราบ)
ธนัท สั่งการ คอรัสเริ่มทำการสำรวจทันทีหลังจากรับคำแล้ว ไม่นานนักผลการตรวจสอบก็แสดง
ขึ้นบนจอโฮโลแกรม

[Action Attack: Full Moon Party At 11 Type: Triple Combination

Ability ที่สัมพันธ์กัน เมื่อต่อสู้;โจมตี;ถูกโจมตี สามารถ Sacrifice Mystic;การ์ด x;1ใบ และเลือกท่ารวมร่าง 1ท่าจากนั้นถือว่าอยู่ในสภาพนั้น  ]

“ ดีล่ะถ้าลองเอาข้อมูลของมัน ไปเชื่อมต่อกับ ฐานข้อมูล Data Base ที่เป็นทางการ
ของ Magic Cyber ล่ะก็..สำเร็จได้ข้อมูลของมันแบบ ครบถ้วนมาแล้ว ”
ธนัท กล่าวอย่างลิงโลด เมื่อสามารถค้นหาข้อมูลของ อีกฝ่ายมาได้แล้ว

“ เมื่อ MoonShine WereWolf  ต่อสู้สามารถเลือก Sacrifice การ์ด 1 ใบแล้วเลือกท่ารวมร่าง 1 ท่า
จากนั้นถือว่าอยู่ในสภาพรวมร่างนั้นจนจบ Sub-Turn นี่สินะสาเหตุที่พลังของเจ้านั่นเพิ่มขึ้น..แต่ ”
ธนัท อ่านไปได้ซักพักก็ต้อง เงียบเสียงไป



“ จนจบ Sub-Turn น่ะถ้านี่เป็นการดวล ล่ะก็แค่รอให้อีกฝ่ายสั่งผ่านก็หมดซับเทิร์นแล้ว
แต่นี่เป็นการต่อสู้ไม่ใช่การ ดวล การกำหนดตาในการเทิร์นของแต่ละคน

จะแยกกัน ด้วยการตัดสินใจของตนเอง ดังนั้น หากเจ้านั่น ยังไม่ทำจนถึงจุดที่ตัวเองคิดว่า หมดเทิร์น
แล้ว ผลนั้นก็จะยังแสดงไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นแบบนั้นการกำหนด เทิร์นในครั้งนี้ก็คือ
ฆ่าเราสองคนทิ้ง จะนับว่าจบเทิร์นของมัน  ”
ธนัท คิดได้ดังนั้น ก็เริ่มที่จะสิ้นหวัง เพราะด้วย ไพ่ที่เขามีอยู่ไม่อาจเอาชนะได้เลย

“ ทำไงดี การ์ดที่เรามีไม่สามารถทำอะไรได้เลย แถม ไดนาเมซ ของเจ้าโคทาโร่ ก็ดันมีขีดจำกัด
จะร่ายการ์ดช่วยสนับสนุน มาเต็มที่ยังไงก็ตาม มากที่สุดเมื่อกี้ก็คือ ทำให้ซีล เลเวล 1 มีพลังพุ่ง
สูงสุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ก็ยังเอาชนะมันไม่ได้เลย นี่ถ้ามี ซีลที่มีพลังมากกว่านี้ล่ะก็.. ”
/Get Call/
ธนัท ที่กำลังจะหมดหวังอยู่นั่นเอง จู่ก็มีสายติดต่อเข้ามา ซึ่งนั่นคงจะเป็นความหวังที่
โผล่ขึ้นมาในวินาทีสุดท้ายนี้ เขาไม่รอช้ารีบ สั่งให้ คอรัส ต่อสายทันที

« Last Edit: January 04, 2009, 08:42:03 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #47 on: January 04, 2009, 06:17:37 PM »

“ เจ้า หนูนี่ฉันเองนะ ”
เสียงของมาริน่า ดังขึ้น ก่อนที่จอโฮโลแกรม ซึ่งฉายภาพและเสียงของเธอจะถูกแสดงขึ้นมา

“ ป..ประธาน เหรอครับ ”
ธนัท ตอบเสียงหลงด้วยความไม่นึกฝันว่า มาริน่าจะเป็นคนติดต่อเข้ามา

“ เอ่อสิ ตอนนี้ฉันกำลังจับตาแก ผ่านทางโทรจิต กำลังลำบากเลยสินะ เจ้าลูกหมานั่น
อีกสักพัก ก็คงหมอบล่ะมั้ง ”
เสียง ของมาริน่า กล่าวออกมาราวกับว่าเห็นสถานการณ์ ตอนนี้อยู่จริงๆ
ตอนนี้ โคทาโร่ เริ่มที่จะหมดแรงและ เป็นถูกซ้อม อยู่ฝ่ายเดียวแล้ว

“ ประธาน ขอร้องล่ะครับมาช่วยทางนี้หน่อยเถอะ.. ”
“ ยากซะล่ะ! ”
ธนัท กล่าวยังไม่ทันจบ มาริน่า ก็ขัดไว้ก่อนทันที

“ ทางนี้เองก็กำลังยุ่งๆอยู่เหมือนกัน แกคงต้องหาทางเอาเองแล้วล่ะ ”
ภาพของมาริน่า ที่ปรากฏบนจอโฮโลแกรม นั้นกำลังสู้อยู่กับ พวก เจตภูต ที่ปิดล้อมอาคาร
ไว้ไม่ให้พวกเธอออกไป ช่วยคนอื่นๆได้ทำให้ธนัท ต้องคอตกอย่างหมดหวัง

“ นี่ฉัน มีทางออกให้แกอยู่ทางหนึ่ง Synchronize ไงล่ะ  ”
มาริน่า กล่าวเสียง เรียบในขณะที่ ธนัท เมื่อๆได้ยินประโยคดังกล่าว ดวงตาก็เบิกกว้าง
หัวใจเต้นรัวแรงด้วยความตื่นเต้น ชนิดแทบจะหยุดเต้นเอาเสียให้ได้

“ นี่หมายความว่า จะให้ทำสัญญากับ หมอนั่นเนี่ยนะ..ไม่เอาเด็ดขาดคร้าบบบ ”

“ อ้าวไม่ดีเหรอหรืออยากจะตาย ”

“ อันนั้นก็ไม่อาววว ไม่มีทางอื่นเลยหรือไงคร้าบเนี่ย ”

“ อ้าวๆๆ ดูท่าเจ้าลูกหมานั่นจะไม่ไหวซะแล้วล่ะ รีบตัดสินใจละกันนะ วิธีการแกก็รู้
อยู่แล้ว อีกอย่างไม่ใช่ครั้งแรกซักหน่อยแค่นี้ล่ะ ”

“ แต่ประโยคร่าย ลิเก เรียกพี่แบบนั้น เจ้าหมอนั่นมันจะยอมเหรอคร้าบเดี๋ยวสิประธาน..ประธานคร้าบ ”

ตรู้ดด ตรู้ดด…..

บทสนทนาของทั้งสองเป็นอันต้องจบเมื่อ มาริน่า ตัดสายไปกลางคัน

“ เอาไงดีล่ะเนี่ย จริงอยู่ถ้าทำสัญญาแล้ว  Synchronize ก็จะทำให้เกิดซีล
ที่มีพลังรูปแบบใหม่ขึ้นมา แต่ไม่ว่ายังไง…..ประโยคลิเก เรียกพี่ แบบนั้นหมอนั่นมันจะยอมจริงๆเร้อ  ”
ธนัท คิดหน้านิ่วคิ้วขมวด ขณะที่ต้องตัดสินใจ นั้น เวลาก็ไม่มีให้คิดอีกแล้ว เพราะ โคทาโร่
ตอนนี้หมดซึ่งเรี่ยวแรง ที่จะต่อกรไปแล้ว ขณะถูก เหวี่ยงกลิ้งมาล้มต่อหน้า ธนัท

“ เอาวะ..ทำก็ทำไม่มีทางเลือกแล้วนี่ ”
ธนัท ตัดสินใจได้เสร็จ ก็ ควักเอา Seal Scroll ขึ้นมาสามใบก่อนจะวางมันลงพื้น  ก่อนจะลากร่างของ โคทาโร่ เข้ามา
ในกรอบ ที่ Seal Scroll ล้อมเอาไว้ ก่อนจะให้ คอรัส ทำการผนึกกรอบให้สมบรูณ์ เพื่อป้องกัน

ไม่ให้มันเข้ามา โจมตีเอาได้ง่ายๆ

“ ชิ..จะผนึกมันเลยตรงๆก็คงไม่ไหวเหมือน กันขนาดกางไว้สามชั้นยัง สะเทือนมาถึงนี่เลย ”
ธนัท รำพึง ก่อนจะหยิบเอา สมุดบันทึกเล่มเล็กๆขึ้นมาและเปิดมันออกๆไล่ไปเรื่อยๆจน
เจอหน้าที่ต้องการ

“ นี่นายคิดจะทำอะไรน่ะ ”
โคทาโร่ ที่พึ่งจะฟื้นสติ กล่าวอย่างอิดโรย ขณะที่ยันตัวขึ้น นั่ง

“ ฟื้นแล้วก็ดีเลย คืองี้นะ ”
ธนัท กล่าวจบก็เริ่มอธิบาย ขั้นตอนให้ฟังในทันที

…………..
…………………


“ มากันไม่หยุด ไม่หย่อนจริงๆนะ ”
เคียว สบถขณะที่ พวกเขาเริ่มจะต้านพวก เจตภูตวารี เอาไว้ไม่อยู่เสียแล้ว

“ ได้เท่านี้สินะ…. ”
 ท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างหวาดผวาของ เหล่านักเรียน ได้มีเสียงหนึ่งกระซิบขึ้นอย่างเงียบๆ
ด้านหลังใบหู ของเคียว ทันทีที่ เขาหันกลับไป  นักเรียนชายรุ่นพี่ราวเดียวกับ มาริน่า และฟรานซิสก้า เค้ามีผมสีขาวราวหิมะ ได้เดินอ้อมหลังเคียว ขึ้นมา ข้างหน้า อย่างสงบเสงี่ยม เขาเดินเข้าหาฝูงเจตภูตวารี อย่างไม่เกรงกลัว

“ ทีเนอร์(Tenor)สแตนบายน์ ”
/Get Set/
สิ้นคำ Note ของเขาก็เปลี่ยนจากจี้ห้อยคอ เป็น เกราะปลอกแขน ก่อนที่เฟือง ไดนาเมซ จะหมุนอย่างรวดเร็ว
จนเกิดละอองแสง ขึ้นคละคลุ้งไปทั่ว  จนแทบจะมองไม่เห็นร่างของเขา และ กลุ่มภูตวารีที่อยู่ข้างหน้า

ภาพสุดท้ายที่เห็นคือ  พวกเจตภูต หันไปรุมทึ้งเขาแทน เพราะละอองพลังเวทย์ที่หนาแน่น มากทำให้ไม่สามารถมองอะไรในนั้นได้อีกเลย  เพียงครู่เดียวเท่านั้น  ปลายดาบขนาดยักษ์สี่เล่ม ก็ได้โผล่พ้น กลุ่มหมอกละอองแสงออกมา ก่อนที่ จะพุ่งขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับ อะไรบางอย่างที่รวดเร็วเสียจนมองตามไม่ทัน

“ เรายืนอยู่บนจุดสูงสุดของทุกสรรพสิ่ง ผู้ที่กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า Sacred Sword Bounding ”
เสียงซึ่งฟังดูสงบเยือกเย็น ได้ดังขึ้นอย่างเงียบเชียบ เสี้ยววินาทีนั้น ดาบยักษ์ ทั้งสี่เล่มก็พุ่งลงไปยัง
เบื้องล่าง ที่ใจกลางทัพของ พวกเจตภูตวารี ทั้งสี่ทิศ ก่อนที่จะเกิด เส้นแสง ลาก วางอาณาเขต
 
ล้อมสนามทั้งหมด เอาไว้ก่อนที่พื้นจะเรืองแสงสว่างจ้า เสียจนทุกคนต้องปิดตา แสงจ้าอยู่ชั่วครู่ก่อนที่
จะจางลงทันทีที่ ทุกคนเปิดตาขึ้นภาพตรงหน้านั้น สร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่พวกเขายิ่งนัก
เมื่อพวก เจตภูตทั้งหมด ต่างสลบแน่นิ่ง แล้วยังถูกขังเอาไว้ในกรอบผนึก ขนาดใหญ่ 6 กรอบ

ไม่นานกรอบผนึกก็บีบอัดตัวเพื่อผนึกพวกมันเอาไว้ในการ์ด และลอยกลับไปหาเจ้าของผู้ผนึก ที่ยืนอยู่บนร่างของ
จักรกล ซึ่งมีปีกสีขาวนวล และส่องรัศมีออกมาราวกับทูตสวรรค์  โบยบินอยู่เหนือสนาม

“นั่น คิระ นี่ เค้ากลับมาแล้ว ”
“ รองอันดับ 2 ของประเทศที่เป็นคณะประธานสูงสุดของชมรม SMNโรงเรียนเราน่ะเหรอ ”
“ สุดยอดพลังเหลือร้ายจริงๆ ”
“ นึกว่า วางมือไปแล้วซะอีก ”
เสียงพูดคุยที่ดังอลหม่านขึ้น ไปทั้งสนาม ต่อการปรากฏตัว ของอสูรอัญเชิญ ที่ชายซึ่งถูกเรียกว่า คิระ ร่ายออกมา


“ นั่นใช่ คุณ คิระ จริงๆน่ะเหรอ  ”
ชุติ กล่าวถามด้วยความไม่แน่ใจ

“ ไม่ผิดแน่อสูรอัญเชิญตัวนั้นเขาคือ อนุชิต นิมิตการดี หรือที่ใครๆเรียกว่า คิระ  มือสังหารแห่งพระเจ้า ”
เคียว กล่าวขณะที่สายตา ยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของ ทูตสวรรค์จักรกล ตัวนั้น

ขณะเดียว กันพวกภูต ที่ออกันอยู่หน้าตึกเรียน ที่คอยสกัดพวก มาริน่า เอาไว้ เลยรอดจากการ
ทำลายแบบล้างบางของ คิระ มาได้ ก็ไม่วายถูก มาริน่า ผนึกจนครบทั้งหมด ทันที
ที่กลุ่มของ มาริน่า เดิน ออกมานอกอาคาร ก็มีอาการตกใจอยู่บ้างที่ได้เห็น อสูรของ คิระ

“ มือสังหารแห่งพระเจ้าออกโรงเองเลยเหรองั้น ก็คงไม่มีอะไรให้ทำแล้วล่ะมั้ง ”
ขณะที่ มาริน่า กล่าวอย่างสบายอารมณ์อยู่นั้น ก็มีเจตภูตวารี ตนหนึ่งที่ยังไม่ถูกผนึก พุ่งเข้ามา
หมายจะแทงหอกลงไปยังร่างของ เธอ โดยที่เหล่าองครักษ์ ซึ่งล้าแล้ว ไม่อาจทันรับมือ

ฉัวะ!

เสียงร่างของมันถูกคมเคียวตัดควงผ่าร่างของมัน ดังขึ้น ก่อนที่มันจะขาดเป็นสองท่อน
และเคียวควงวก กลับมา โดยที่ใบมีดของเคียวนั้น แปะ  Seal Scroll เอาไว้ทันทีที่

เคียวควงกลับมาถึงจุดที่ร่างของมันลอยเคว้งอยู่  Seal Scroll ก็ทำงานกรอบผนึกถูกสร้าง
ขึ้นก่อนจะ ผนึกมันเป็นการ์ดในที่สุด ก่อนจะวก กลับไปหาเจ้าของ ที่ปาเคียวนั้นมา

ร่างของ ยมทูตซึ่งกระชับเคียวไว้ในมือ เดินคู่มากับ ชายผมตั้งคนหนึ่ง ออกมาจากมุมมืดของตึก

“ ไม่เจอกันซะนาน..อย่าให้ต้องคุยแบบไม่มีหัวสิ ”
ชายคนนั้นกล่าว เพราะเงาของกันสาดทำให้มองไม่เห็นหน้าของเขา

“ คนที่จะทำฉันหัว กุดก็คือแกนั่นแหล่ะ แต่ก็เอาเถอะถือว่าหายกันไป ว่าแต่เรื่องที่
ขอไปล่ะเป็นไง..ช่วยแจงมาให้ละเอียดด้วยนะ…ภูเขา แห่งยมราชเคียวทมิฬ ”
มาริน่า กล่าว ขณะที่ถอยให้แสงจันทร์ ส่องไปที่ใบหน้าของชายผู้นั้น
ภูเขา ที่เคยปราชัยให้กับ ธนัท ไปแล้วกำลังยืนฉีกยิ้ม ด้วยความสำราญ

………..
…………….


“ ห..หา! ต้องพูดแบบนั้นด้วยเหรอ ”
โคทาโร่ ร้องเสียงหลงทันทีที่ ได้ฟังขั้นตอนต่างๆจาก ธนัท

“ นายพูดคนเดียวซะที่ไหนเล่า แล้วก็ใช่ว่าฉันอยากพูดนักหรอกนะ แต่ทำไงได้
บทร่ายมันเป็นพิธีกรรมตั้งแต่ ร้อยกว่าปีก่อนแล้วนี่ ทำๆไปเหอะ หรืออยากจะตายกันหมดนี่ล่ะ ”
ธนัท พยายามหว่านล้อมให้ เขายอมรับ ทว่าสายตาของตัวเขาเองนั้นยังคงบ่งถึงความไม่อยากอยู่อย่าง
ปฏิเสธ เสียไม่ได้อย่างชัดเจน

“ เฮ้อ..เออ เอาก็เอา ”
โคทาโร่ ถอนหายใจด้วยความเอือมระอา ก่อนจะตอบตกลง

“ เฮ้ย!เอาจริง ดิ..ง่ายๆงี้เลยเหรอ ”
ธนัท อุทานด้วยความแปลกใจ ที่โคทาโร่ ยอมรับข้อเสนออย่างง่ายดาย

“ เออสิ..ขืนชักช้าอยู่แบบนี้ ได้ถูกฉีกเป็นชิ้นๆกันพอดี ”
โคทาโร่ เร่ง ธนัท ในทันที เพราะผนึกที่คุ้มกันพวกเขาไว้แตกทลายลงมาถึงชั้นที่สองแล้ว

“ การทำ Synchronize ทั้งฉันและนายจะต้องปรับคลื่นจิต ของเราให้ตรงกันแล้วร่ายคาถา
พร้อมกับแลกเปลี่ยน พลังเวทย์ในร่างผ่านการสัมผัสตัว ซึ่งจุดที่มีพลังมากที่สุดและง่ายต่อ

การถ่ายเทแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน  ก็คือหน้าผาก หลังจากทำพิธีจบ เราต้องเอาหน้าผากชนกัน
เพื่อแลกเปลี่ยนพลังเวทย์ซึ่งกันและกัน แล้ว วงแหวนแห่งพันธะจิต ก็จะปรากฏขึ้น
 เท่านี้การผูกสัญญาก็จะเป็นอันเสร็จสิ้น ”
ธนัท กล่าวอธิบายก่อนจะ ควักเอา Seal Scroll ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงอีกใบ
แต่ยังไม่ทันที่ จะวางผนึก ก็ถูกโคทาโร่ หยุดมือเอาไว้ซะก่อน


“ เดี๋ยว ถ้ายังไงขอทำใจก่อน… ”
โคทาโร่ กล่าวหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ในขณะที่ผนึกกรอบที่สอง แตกไปแล้ว
 ตอนนี้เหลือผนึกป้องกันเพียงกรอบเดียว


“ แว้ก…ยังจะมาอาย หาพระแสงอะไรตอนนี้เล่า มันจะพังเข้ามาได้แล้วน้าาาา~~~ ”
“ ก..ก็ปุบปับแบบนี้ ใครมันจะทำใจทันได้เล่า ”
“ แล้วนายคิดว่าฉันทำใจได้รึไงที่อยู่ๆต้องมาทำอะไรแบบนี้ น่ะ ”
ทั้งสอง โต้เถียงกันจนเวลายืดเยื้อ ทว่ากรอบผนึกก็เริ่มจะเอาไม่อยู่และเริ่มแตกร้าวแล้ว

“ ดูท่าจะไม่มีเวลาให้มาเล่นซะแล้ว….เอาไง ”
ธนัท หันไปถามความพร้อมของอีกฝ่าย ซึ่งเมื่อไม่มีทางเลือกแล้ว โคทาโร่จึงจำใจต้องยอม

“ งั้นจะเริ่มล่ะนะ ”
ธนัท กล่าวจบ กรอบผนึกก็ถูกกระแทกจนเกิดรอยร้าว ไปทั่วกรอบผนึก
ทำให้มองไม่เห็นสภาพภายใน กรอบผนึกเลย

“ ในนามมหาราชแห่งสุริยะ…เราพบเห็นแสงของท่าน รัศมีของท่าน
แสงที่เปิดทางไปพบสหาย..สหายร่วมศึกที่จะผูกพันกันด้วยวงแหวนแห่งเหล็กกล้า ”
เสียงของ ธนัท ดังขึ้นพร้อมกับที่ Seal Scroll ถูกวางลงไปบนพื้น เกิดเส้นแสงสว่างลาก
ล้อมกรอบเป็น กางเป็นอาณาเขตรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว หมุนอยู่กลางวงกลมซึ่งจารึก อักขระ

ไว้รอบวง ลวดลายเหล่านี้ปรากฏขึ้นบนพื้น และส่องประกายแสงขึ้นมา จนสว่างจ้า ละอองแสง
ถูกขับออกมาจาก ไดนาเมซของทั้งสอง มากขึ้นเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นร่างของทั้งสองแล้วในขณะนี้
(ให้ถูกคือมันเป็นเซ็นเซอร์น่ะเอง หลังจากนี้ใครอยาก y ต่อไปคิดเอาเองนะ ผมไม่กล้าเขียนล่ะบรึ๋ยย)

“ ข้าจะขอรับใช้และสู้ร่วมสมรภูมิ เคียงข้างท่าน ด้วยคำสาบาน ”
“ เจ้าจักมาเป็น สหายร่วมรบเคียงบ่ากับข้า เช่นนั้นก็จงสวมวงแหวนแห่งพันธนาการ มันจะตราตรึง
มิให้เจ้าจักมีใจทรยศ…สหายข้าบัดนี้สองเราได้ผูกพันด้วย วงแหวนเหล็กกล้า แม้เพลิงโลกัณฑ์  ก็มิอาจ
เผาผลาญให้สะบั้นได้…. ”

/Ritual Complete/(พิธีกรรมเสร็จสิ้น)
เสียงการทำพิธีของดังสองดังสลับกันไปมา ก่อนที่เสียงจาก Note ทั้งสองเครื่อง จะดังขึ้น
กรอบผนึกที่ร้าวจนใกล้จะแตกเต็มที ก็ได้ถูกแรงอัดกระแทกจากข้างในระเบิดออก ส่งให้ร่างของ แวร์วูฟ
แสงจันทร์ ถูกเป่ากระเด็น ไปไกล


“ .. ได้เวลาเอาคืนแล้ว ”
เสียงของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน ตอนนี้ที่ข้อมือขวาของ โคทาโร่ มีลายสักอักขระ
จารึกเป็นวงรอบข้อมือราวกับกำไล ข้อมือ ธนัทเองก็มีแบบเดียวกันแต่มีสองวง โดยที่วงบน
ถัดจากข้อมือ นั้นมีลายอักขระเดียวกับของโคทาโร่ ส่วนวงล่างที่มีอยู่ก่อนแล้ว เป็นลายอักขระอีกแบบ

ทั้งสองยกมือข้างที่มีกำไลอักขระขึ้นประสานกันกับมือของอีกคน กำไลอักขระก็ผลันส่องแสงวาบ
ขึ้นมาตัวอักขระ ค่อยนูนขึ้น และบิดเกลียวรวมกับอักขระอื่นจนกลายเป็น กำไลข้อมือโลหะ ซึ่งสลักตัวอักขระ
ที่เรืองแสงไว้ขึ้นมา ที่เส้นกลางวงกำไลนั้น เป็นแกนเฟืองที่สามารถหมุนได้

“ อย่างที่บอกไปพยายามปล่อยใจให้สบายเข้าไว้ ให้พลังงานคงตัวก่อน ถ้าสำเร็จก็จะเรียบร้อยในทันที
ตอนนี้ซีลของเรา คืนสภาพพร้อมใช้งานอีกครั้งแล้ว เงื่อนไขการ Synchronize จะต้องมี เลเวล
เท่ากันโดยที่เลเวลนั้นจะต้องไม่เกิน 2 ขึ้นไป และจะต้องมี ธาตุเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน ด้วยนายเอาอาคามุ

ออกมาอีกทีละกัน ส่วนฉันจะใช้ ซาลามันเดอรี่ดอล ตอนี้เจ้านั่นมันยังมึน จากแรงกระแทกที่ผลักมันไปอยู่
โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น พร้อมนะ  ”
ธนัท กล่าวขณะที่ เขากับโคทาโร่ ร่ายการ์ดซีล ลงไปอีกครั้ง อาคามุ และซาลามันเดอรี่ดอล
 ได้ปรากฏขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง  ก่อนพวกเขาจะสูดลมหายใจให้เต็มทั่วทั้งปอด

“ เริ่มการปรับคลื่นทางจิต Synchronize ”
/Synchronize Progress/
สิ้นคำทั้งสองก็ตั้งแขนซ้ายที่ มีปลอกแขนติดอยู่ ไดนาเมซ เริ่มหมุนทำงานอีกครั้ง และทันทีที่การหมุนของ
ไดนาเมซ คงที่แล้ว กำไลที่ข้อมือขวาก็ถูก ยกขึ้นครูดกับ ไดนาเมซ โดยที่เฟืองของกำไล ถูกเฟืองไดนาเมซ

ปั่นส่งแรงจนเริ่มหมุน ในขณะที่หมุนนั้น เฟืองของกำไลก็เริ่มทำการดูดซับละอองแสง
ที่ ไดนาเมซ ปล่อยออกมา มันเป็นการส่งถ่ายพลังเวทย์เข้าไปใน กำไลเพื่อทำการเชื่อมต่อจิตของทั้งคู่
   
ซึ่งจังหวะที่ ครูดเฟืองนั้นต้อง กะ ให้พร้อมกันทั้งสองฝ่าย การผสาน Synchronize จึงจะสมบูรณ์
ตอนนี้ ร่างของอสูรอัญเชิญของพวกเขาทั้งสอง  ได้รับพลังเวทย์จาก กำไลพันธะสัญญา

และเริ่มทำการหลอมรวมร่างให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ทว่าการผสานนั้นกลับไปได้อย่างไม่ราบรื่นนัก
ทุกครั้งที่ร่างจะผสานรวมกันก็จะเกิดแรง ช็อคจนทำให้การรวมตัวแยกจากกัน เสมอ


“ ชิ…พลังเวทย์ จาก มาราคัสไม่พอจริงๆหรือเนี่ย ”
โคทาโร่ สบถขณะที่ ยังคงปล่อยให้ ไดนาเมซ ปั่นเฟืองที่กำไลต่อไป

“ ไม่หรอก..เกือบจะได้แล้วพยายามเข้าอีกนิดเดียว ”
ธนัท กล่าวขณะที่ พยายามคุมการปล่อยพลังเวทย์ให้เสถียรกับการปล่อยพลังเวทย์ของ โคทาโร่
ทว่า แวร์วูฟแสงจันทร์เองก็เริ่มเคลื่อนไหวบุกเข้าไปหาพวกเขาแล้วเช่นกัน

และทันทีกับที่ร่างของซีล ทั้งสองหลอมรวมกันได้อย่างสมบรูณ์  เปลวเพลิงที่วาบออกมาจาก
แสงที่เกิดจากการหลอมรวมร่าง ทำให้ แวร์วูฟแสงจันทร์ต้องชะงัก ไป


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #48 on: January 04, 2009, 06:17:45 PM »

/Synchronize Summon  Aegnormaite, The Drake Fighter/
Note ทั้งสองประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน กับการปรากฏร่างของ นักสู้ครึ่งมังกรที่มีเปลวเพลิงลุกท่วมร่าง



“ ตอนนี้แหล่ะร่าย มิสติก เสริมพลังไปเลย ”
ธนัท กล่าวจบโคทาโร่ ก็รีบร่าย การ์ดอุปกรณ์ที่ เคยติดตั้งให้กับ อาคามุ แก่นักสู้มังกร
สนับมือทั้งสองข้างปรากฏขึ้นสวมที่แขนของมัน

“ คอรัส Mystic Synchron ”
/Synchronize Mystic Create Mystic Power Up/
ธนัท สั่งการจบ มิสติก ไลซิ่งค์ซัน ที่เคยใช้เพิ่มพลังให้ อาคามุ ก็เปลี่ยนเป็นไพ่ใบอื่นแทน
ภาพบนไพ่เปลี่ยนเป็น ตราชั่งที่ข้างหนึ่งมีดาบสองเล่ม วางตะแคง อยู่ส่วนอีกข้างเป็น มิสติก
การ์ดวางตะแคงเช่นเดียวกัน

ธนัท ร่ายมิสติกการ์ดนั้น ลงไป ทันทีที่มิสติก นั้นสำแดงอำนาจเปลวเพลิงที่ลุกโชนร่างของ นักสู้มังกร
กลับยิ่งลุกโชนขึ้นกว่าเดิม

“ โจมตี ”
ทั้งสองสั่งการขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่นักสู้มังกร จะบุกเข้าไปสู้ประชิดตัวกับ แวร์วูฟแสงจันทร์

/Active Ability, Yes or No/
เสียงจาก มาราคัส ดังขึ้นเพื่อถามการใช้ความสามารถ
 
“ ชัวร์อยู่แล้ว สั่งใช้งาน  ทิ้งการ์ดใบบนสุดของกองไป แล้วเทียบค่าพลังกับ Df ของอีกฝ่าย ”
สิ้นคำของ โคทาโร่ เขาก็ดึงมิสติก ออกจากช่องสำรับมาใบหนึ่ง ก่อนที่จะเก็บ มันใส่ช่อง

Shrine ที่อยู่ใต้ปลอกแขน นักสู้มังกร ที่ได้รับ อนุญาตการใช้ความสามารถ  ก็ย่อตัวลง
ก่อนจะพุ่งตัวกระแทก ลำตัวของ แวร์วูฟแสงจันทร์จนมันลงไป กองแน่นิ่งกับพื้น

โคทาโร่ จึงชิงโอกาสนั้น ขว้าง Seal Scroll ออกไป กรอบผนึกได้ถูกสร้างขึ้นและขังร่างของ มันเอาไว้

“ ผนึก! ”
สิ้นคำ ร่างของ แวร์วูฟแสงจันทร์ก็ถูก บีบอัดย่อ ลงการ์ดไปในที่สุด ก่อนจะวกกลับมา
ที่มือของ โคทาโร่ ซึ่งหน้าการ์ดนั้น มีรูปภาพและข้อมูลของมันปรากฏขึ้นมา อย่างครบถ้วนสมบรูณ์

เสี้ยววินาที แห่งการตัดสินได้ผ่านพ้นไปแล้ว ความเครียด ที่สุมอยู่ในอก ก็คลายในทันที
พวกเขาทั้งสองล้มตัวลงนอน กับพื้นหญ้า อย่างอ่อนแรง ในขณะที่ ร่างของ นักสู้มังกรได้สลายกลับ
เป็นละอองเวทย์ดังเดิม ส่วน Note ก็เปลี่ยนกลับไปเป็น จี้ห้อยคอเช่นกัน



“ ช..ชนะแล้ว ”
ทั้งสองเอ่ยขึ้น ด้วยสุดเสียงที่จะมีอย่างแผ่วเบา ทั้งร่างรู้สึกอ่อนล้าไร้ซึ่งพละกำลัง
ที่จะยืนหยัดขึ้นมา หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนาน

“ เฮ้อ..เหนื่อยสุดๆเลยเริ่มจะหมดแรงแล้วด้วย. ”
 โคทาโร่ กล่าวเสียงอ่อย

“ นั่นสินะ…แต่รู้สึกเหมือนเราลืมอะไรบางอย่างไปไม่รู้สิ ”
ธนัท เปรยเสียงอ่อย ด้วยความอ่อนล้า


………….
………………

“ เออ..แล้ว ธนัท ล่ะ ”
เคียว กล่าวเสียงสะดุ้งทันทีที่ พึ่งนึก ออกว่า ธนัท ยังไม่กลับมา
ขณะที่ตอนนี้พวกเขา กำลังแยกย้ายกันกลับหลังจากเก็บ กวาดความเสียหายภายในโรงเรียน
เสร็จ

“ จริงด้วยสิ ลืมไปเลยหนา ”
แอน กล่าวเสียงเหน่อๆก่อนจะ อ้าปากฮ้าวหวอดด้วยความง่วง

“ หา!ว่าไงนะสองคนนั้น ยังหลับอยู่ที่ลานกว้าง หลังซอย 13 เหรอ ”
/Yes/(ใช่)
ชุติต้องร้องเสียงหลงทันทีที่ มีการติดต่อเข้ามาจาก คอรัส ซึ่งติดต่อมาด้วยตัวเอง

“ ต้องรีบหาตัวแล้ว ”
ชุติ กล่าวด้วยความสับสนวุ่นวาย และร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด

“ สองคนนั้น คงเหนื่อยก็เลยนอนพักซักครู่ มั้งคงจะแอบหนีไปเล่นอยู่แถวนั้นใช่ไหมล่ะ ”
เคียว กล่าวตามที่ตัวเองคาดการณ์ไว้ ทว่าชุติกลับหันมา ทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้

“ แต่นี่มันเที่ยงคืนแล้ว คอรัส ติดต่อเข้ามารอบแรก น่ะยัง 4 ทุ่มอยู่เลย  ”
ชุติ กล่าวเสียงผวาอย่างที่สุดในขณะที่ เคียวกับ แอนที่ รับรู้ถึงสถานการณ์ต่างหน้าซีดไปในทันที

“ นั่นมัน สองชั่วโมงมาแล้วนะ ขืนปล่อยไว้เป็นหวัดตายพอดี ”
เคียว กับ แอน ตะเบง เสียงขึ้นพร้อมๆกันด้วยความตกใจ ก่อนที่พวกเขาทั้งสามจะ ตะลอนไปหา
ตัว ธนัท กับ โคทาโร่

ซึ่งในตอนนี้…..

“ อ๋อยยย..ไม่หวายแย้ว..ขยับม่ายด้ายเยยง่า ”
“ ชาไปทั้งตัวเลย..อูยยย ”
เสียงครางของทั้งสองคนที่นอนตาก ลมมา กว่า สองชั่วโมง ดังขึ้นจากร่างที่วิญญาณเกือบจะ
โบกพัดไปกับสายเสียแล้ว

………….
…………


1.00 PM บ้าน ธนัท

“ เฮ้อดีนะ..ที่พวกนั้นมาช่วยเราได้ทัน ไม่งั้นมีหวังได้นอนแข็งตายอยู่ตรงนั้นแน่ Synchronize เนี่ย
กินแรงเยอะเหมือนกันแฮะ … ”
ธนัท ที่พึ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ กล่าวขณะที่เช็ดผมด้วยผ้าขนหนู ผืนเล็ก ก่อนจะหมุนมือซ้ายบิดลูก
บิดประตูเปิดห้องของตนเข้าไป

“ งายย…หวาดดี ”
โคทาโร่ กล่าวทักทายอย่างสบายอารมณ์ ขณะที่นั่งเท้าคางอยู่บนโต๊ะ ญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่กลางห้องนอน
ของ ธนัท

“ ท..ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้เนี่ยยยย~~ ”
ธนัท ร้องเสียงหลงพร้อมกับชี้หน้า โคทาโร่ ในขณะที่ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

“ อ้อตั้งแต่วันนี้ฉันจะมาอยู่ที่ห้องนาย ด้วยเพราะงั้นหน้าต่าง ห้องไม่ต้องล็อค นะเดี๋ยวเข้าไม่ได้ ”
โคทาโร่ กล่าวเสียงเรียบ โดยไม่สนท่าทีของ ธนัท เลยแม้แต่น้อย

“ ต..แต่ๆ ”
ธนัท กล่าวตะกุกตะกักเพราะตกใจจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี

“ ไม่ต้องห่วงๆ..รับรองฉันไม่กวนนายแน่ นายก็นอนในห้องของนายไปส่วน
ห้องของฉันก็อยู่ในตู้เสื้อผ้านี่..อ๋อแล้วก็ของในตู้ น่ะนะ ฉันย้ายมาไว้ในห้องแล้ว จะใช้ก็เข้ามาเอาได้ตามสะดวกเลยนะ  ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่เดิน ไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า ออกข้างในเป็นห้องอีกห้องหนึ่งมี เตียงโต๊ะคอมฯ และเก้าอี้ พร้อมห้องน้ำเสร็จสรรพ อีกทั้งด้วยตู้เย็น ตู้เสื้อผ้าและข้าวของอื่นๆ อีกมากมาย ราวกับว่า ประตูตู้เสื้อผ้าเป็นประตู เปิดไปสู่อีกมิติหนึ่งเลยทีเดียว


“ นี่มัน.. ”
ธนัท กล่าวน้ำเสียงยังคงผวาไม่หาย กับการมาแบบปุบปับของ โคทาโร่

“ อ๋อ จะถามว่าสร้างห้องได้ยังไงน่ะเหรอ พอฉันไปบอกว่ายังไม่มีที่พักขอค้างที่ห้องชมรมได้ไหม
ยัยผีดิบนั่นก็ให้ การ์ดคาถาสร้างมิติห้องนี่ มาแล้วบอกให้ฉันไปสร้างห้องที่บ้านนาย
 ก็เลยมาเนี่ย คืนนี้ก็ดึกมากแล้ว ราตรีสวัสดิ์ อ้อ อาหารเช้าไม่ต้องเตรียมเผื่อนะ
ห้องฉันมีครัวอยู่แล้ว  ”
โคทาโร่ กล่าวจบ ก็เดินเข้าห้องของเขาพร้อมกับปิดประตูตู้ไป

“ ล…แล้วใครใช้ให้นายมาสร้าวห้อง ในห้องคนอื่นแบบนี้~~~ ”
“ ธนัท อย่าเสียงดังสิลูก มันดึกแล้วรบกวนข้างบ้านเค้า ”
“ หวา…..ขอโทษครับแม่ ”

และแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โคทาโร่ เซนาคาว่า ก็ได้ย้ายมาอาศัยอยู่บ้านเดียวกับธนัท เรื่องราวจะเป็นยังไง
คงจะต้องติดตามในตอ..อ้อยังๆ ยังไม่จบครับ พวกมาริน่า หายไปไหนซะล่ะ

…………….
…………………..


“ เหรอ แสดงว่าพวกมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้วงั้นสิ ”
มาริน่า กล่าว ขณะที่ จิบน้ำชาไปพลาง อยู่บนชานระเบียง ของคฤหาสน์ ใหญ่ในป่าแห่งหนึ่ง
ขณะที่ ภูเขา ยืนพิงราวระเบียงอยู่ ส่วน อนุชิต หรือ คิระ เลือกที่จะพิงกำแพงเพื่ออ่าน
สมุดโน๊ตเล่มเล็กๆในมือของเขา

“ ก็คงงั้นแหล่ะ จากที่มันบุกมาวันนี้ นี่คงไม่ใช่แค่เหตุการณ์ อสูรหรือคาถา
ไร้การควบคุมเล็ดลอดออกมาธรรมดาๆแล้ว ”
ภูเขา กล่าวขณะ ที่สายตาจ้องมองไปยังขอบฟ้าในยามราตรีนี้

“ เราจักจัดระเบียบโลกนี้ให้เป็นไปตามครรลองที่ควร  Paradiso Da Regola
พวกนั้นคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าหรือไงกันนะ ”
มาริน่า กล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ

“ พวกมันเป็นได้ก็แค่พระเจ้าจอมปลอม เพราะฉันคือผู้กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าที่ฉันรับใช้มีแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ”
คิระ กล่าวเสียงเชียบ โดยที่ไม่ละสายตาจาก สมุดโน๊ต เลยแม้แต่น้อย

“ ให้ตายสิ ยังเชียบเหมือนเดิมเลยนะ อนุชิต ”
เขา กล่าวหยอกๆแต่ คิระ ก็ไม่สนใจฟังแต่อย่างใดยังคงนั่งอ่านสมุดอยู่เหมือนเดิม

“ แล้วฝีมือของ เจ้าหนูล่ะ..พอจะเทียบกับเค้าคนนั้นได้บ้างไหม ”
มาริน่า ถามคำถามต่อมาในทันที เมื่อเห็นว่าเรื่องที่คุยชักจะเลยเถิดออกไปนอกเรื่องนอกราว

“ อ๋อ ธนัท น่ะเหรอ สมเป็นน้องชายของ หมอนั่นแสบเหลือร้ายจริงๆ แต่ก็ยังไม่ดีพอจะเทียบ
กับหมอนั่นหรอก ที่จริงฉันก็ไม่คิดว่าจะมีใครเทียบ หมอนั่นได้หรอกนะ นายก็คิดงั้นใช่ไหม อนุชิต ”
ภูเขา กล่าวขณะที่หันมาหาแรงหนุนซึ่ง คิระ ก็พยักหน้ายอมรับในความคิดของเขาเช่นกัน

“ แต่ว่านะ ในเวลาแบบนี้ อีตานั่นจะต้องไม่อยู่ทุกทีสิน่า เอาเถอะถ้าดูแล้วน้องชาย
ของมันจะพึ่งพาอะไรไม่ค่อยได้ ก็เปลี่ยนไปลากคอพี่ชายมัน มาช่วยแทนก็แล้วกัน ”
มาริน่า กล่าวอย่างเย็นใจขณะที่วางถ้วยน้ำชาซึ่งดื่มหมดแล้วลง

“ แล้วจะหาเจอได้ง่ายๆเร้อ คุณ ศรี หรือ Thaliwilya Master ชายผู้เป็นจ้าวแห่งอัศวินมังกรคนนั้นน่ะ ”
ภูเขา เปรยก่อนจะถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง

“ เอาเถอะถึงเวลาเมื่อไหร่หมอนั่นก็จะกลับมาเอง หาก ริน ยังคงตามหาอยู่สักวันก็คงเจอ ”
มาริน่า กล่าวจบก็ ยันตัวลุกขึ้น และเดินไปยังระเบียง ทอดสายตามองไกลออกไป

“ เธอไปอยู่ไหนกันนะ ศรี ”
มาริน่า คิดขณะที่ลมเริ่มจะโบกพัด ในค่ำคืนนี้…………..


To be Continue


บทนี้กว่าจะเสร็จ เขียนนานมากเลย ครับตอนแรกกะว่าช่วงวันหยุดนี้ จะได้โพส ยาวเลย
ก็ดันต้องมาแป็ก เพราะโดนลากไปเที่ยวต่างจังหวัดแทน แถมไประยองซะด้วย
พวก ธนัท พึ่งจะกลับไปจากระยองเอง รู้สึกเหมือนไปเก็บข้อมูลยังไงไม่รู้ เพราะแทบไม่ได้นอนเลย

อยู่ที่นั่นมีแรงบันดาลใจในการเขียนเยอะซะจน เลือกไม่ถูก
สุดท้ายเลยกลายเป็นยัดอะไรต่อมิอะไรลงไปเต็มเลย เหอๆ

  ด้านนิยายตอนนี้เองก็เดินเรื่องมาจนถึง บทที่ 7 แล้ว ซึ่งในบทนี้ นอกจากตัวละคร
ใหม่ที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวอย่าง คิระ หรือแม้แต่ภูเขาเจ้าเก่าก็โผล่มาให้เห็นในตอนท้ายๆ

กับมุขที่พยายามอัดลงไปในนิยาย ให้ขำให้ฮา กันเล็กน้อย ในครั้งนี้อาจจะรู้สึกแปลกๆกับ
สไตล์ การเขียนในบทนี้ซักหน่อย จากที่เดิม มักจะจริงจัง ทุกเมื่อเชื่อตอน กลับมีบทแทรกมุขลงไปเพิ่ม

คงพูดได้ว่าผมกำลังจะลอง ปรับปรุงการเดินเรื่องดู ก็ขอให้สนุกกับการอ่าน SMN VR! นะครับ
สำหรับอาทิตย์นี้ สวัสดีปีใหม่ขอให้ผู้อ่านทุกท่าน ประสบแต่โชค ลาภนะขอรับ

!Happy New Year!

ตัวอย่างตอนต่อไป
“ นักเรียนทุกคน วันจันทร์หน้านี้ เราจะไป ทัศนศึกษากันที่ ภูเก็ตเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน
ดังนั้นรีบเตรียมตัวกันหน่อยนะนักเรียน  ”


“ ว่ายังไงนะ แอน หายตัวไปงั้นเหรอ ”

“ เอาล่ะองค์หญิงแห่งมังกรขาว คือคนไหนเอ่ย  ”

ตอนหน้าเริ่ม ภาคของการ ทัศนศึกษา สุดแสนอันตราย  เหล่าผู้คุมกฎกำลังจะเคลื่อนไหวแล้ว
ติดตามได้ใน Sub-Turn 8 White Dragon Maiden




Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #49 on: January 04, 2009, 06:19:25 PM »

ช่วง Tip for Dragonology เอ็ย ไม่ช่าย นี่มันไม่ใช่เรื่อง thaliwilya แล้วนิ
งั้นก็ต้องเปลี่ยนเป็น

VR! Review

แฮ่ๆ ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป เจ็ จะเป็นคนรับหน้าที่อธิบาย รายละเอียดของ อุปกรณ์
และพิธีกรรมต่างใน VR! ให้เองจ้ะ เนื่องจากคำอธิบายในนิยาย เป็นแบบรวบๆ

ไม่สามารถอธิบายได้ครอบคลุม อีกทั้งอาจทำให้เกิดความสับสน และสำหรับผู้ที่สนใจ
อยากรู้รายละเอียดของมันให้ลึกยิ่งขึ้น ก็จะ ได้ไม่ต้องนั่งสงสัยกัน

 (เพราะหลายคนมักจะอายไม่กล้าโพสถาม เลย
ส่งPm มาถามแทน ตอบทีละอันคงไม่ไหวอ่ะจ้ะ เลยมาตอบ All เอาในกระทู้เลยดีกว่า )

งั้นมาเข้าเรื่องกันเลยละกันน้า วันนี้เป็นเรื่องที่ว่าเกี่ยวกับ Note ที่ห้อยคอตัวละคร
แทบทุกตัวในเรื่องขนาดอาจารย์ยังมีใช้กัน ดังนั้นวันนี้จะเป็นเรื่องของ Note ทั้งระบบNormal
และ Duel เลยละกัน

N.o.t.e. หรือ Navigation Operator Terminal EXE ไม่ต้องสงสัยกัน
เลยว่าทำไมต้องย่อชื่อให้มันสั้นลงก็ยาวยืดเป็นกิโลฯ แบบนี้ใครที่ไหนจะจำกันได้
นอกจากนี้พอย่อลงแล้วก็จะได้ความหมายใหม่ว่า โน๊ตดนตรี ได้ด้วย

นั่นก็เลยเป็นที่มาของชื่อ Note แต่ละตัวที่จะเป็นชื่อเกี่ยวกับดนตรี อย่าง Chorus ก็คือวงคอรัส
Castanet ก็คือ เครื่องดนตรีที่คล้ายกรับ violin นี่ก็คือไวโอรินน่ะ แหล่ะ แต่เราแผลงชื่อ

เรียกมันหน่อยจะได้ไม่ดู เก้ๆ กังๆ ส่วนที่ เหลืออย่าง  Shello  maracas Melodian หรือ Tenor
นั้นก็ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการดนตรีทั้งสิ้น ทีนี้เรื่องชื่อก็จบกันไปแล้ว

ต่อไปก็ระบบการใช้งานของ Note ไปดูกันเลยดีกว่าจะได้ไม่เปลืองเนื้อที่
 
System Of Note


ระบบการทำงานของ Note แบ่งเป็นพวกใหญ่ได้สองระบบคือ
Normal กับ Duel เริ่มจาก

Normal ในโหมดนี้ Note จะคงรูปร่างเป็น จี้ห้อยคอรูปร่างคล้ายกับดาบเล่มเล็กๆ
ระบบปฏิบัติการในโหมด นี้จะเป็นการใช้งานจิปาถะ ทั่วไป เช่นติดต่อสื่อสารกับ Note อื่น

นอกจากนี้ยังต่อสายไปที่โทรศัพท์ บ้านก็ได้ด้วย อีกทั้ง Note ยังสามารถเชื่อมต่อฐานข้อมูล
กับ Magic Cyber หรือ Internet ของยุคนี้น่ะเอง และยังรับส่งข้อความ

 หรือ ไฟล์ข้อมูล อีกทั้งยังถ่ายรูปและบันทึกภาพได้อย่างคมชัด ซึงดูๆไปแล้วมันก็คล้ายกับมือถือใน
ยุคของเรานี่เอง แต่ดีหน่อยตรงที่มีขนาดเล็ก และไม่เสียค่าบริการ อีกทั้งสามารถติดต่อได้ทุกที่

เพราะไม่ได้อาศัย คลื่นวิทยุเป็นสื่อ หากแต่ใช่คลื่นพลังเวทย์ ที่ปกคลุมชั้นบรรยากาศของโลกเอาไว้

เป็นสื่อนำสัญญาณ ดังนั้นไม่ว่าอยู่ในภูมิอากาศแบบใดก็สามารถติดต่อได้ อย่างไม่มีปัญหา
อีกทั้งยังไม่มีคลื่นแทรกด้วย นอกจากนี้ ยังมีระบบ On Broad สำหรับพูดคุยแบบเห็นหน้ากันได้

แหมสะดวกขนาดนี้แถม กะทัดรัด ขนาดคล้อยสายห้อยไปไหนมาไหนได้ อยากได้ซักเครื่องมั่งจัง
แต่สำหรับยุคเราคงอีกนาน คงต้องรอโลกแตกแล้วค้นพบพลังเวทมนต์ก่อนล่ะเน้อ เหอๆๆ

อย่างไรก็ตามในโหมดนี้ ตัวเครื่องจะไม่สามารถสร้างแรงขับพลังเวทย์ ได้สูงมาก
เพราะ การใช้งานเป็นแบบ จิปาถะทั่วไป แต่ในเรื่องจะเห็น มาริน่า กับผู้คุมกฎ ที่มีฉายาว่า ควีน

ใช้ เทเลพอร์ท  กันหน้าตาเฉย อันนี้ขอบอกไว้ก่อนว่า นั่นไม่ใช่เวทมนต์นะ แต่เป็นพลังจิต
ที่นำมาประสานกับพลังเวทย์ของ Note เรื่องนี้จะไว้ไปอธิบายอีกทีในคราวหน้า  เราไปดูโหมด
 ดวลกันเลยดีกว่า

Duel ในโหมดนี้ Note จะทำการเปลี่ยนเป็น เกราะปลอกแขนที่มี เฟืองโผล่ออกมาอันหนึ่ง
ซึ่งเรียกว่า Dynamaze ที่ในโหมดนี้ต้องมี Dynamaze ก็เพื่อสร้างประจุพลังเวทย์

สำหรับเป็นแรงขับให้พลัง เวทย์ที่ถูก ผนึกอยู่ในการ์ด สามารถสำแดงเดชได้
นอกจากนี้แล้ว ระบบ การสื่อสารและโต้ตอบ กับผู้ใช้ ก็ยังคงทำงานเหมือน Normal

โหมดได้ตามปกติเพียงแต่สามารถสร้าง Summon Field ขึ้นมาเพื่อใช้ในการดวลได้
แต่เพราะต้องมีการติดตั้ง อุปกรณ์ผลิตประจุเวทย์ เข้าไป ทำให้ต้องขยายขนาดขึ้น

จึงไม่สะดวกแก่การพกพา ดังนั้นส่วนใหญ่จะเปิดใช้โหมดนี้เมื่อต้องการร่ายอสูรอัญเชิญหรือ
ทำการดวลเท่านั้น นอกจากนี้การจะทำพิธีกรรม ต่างๆก็ต้องใช้โหมดนี้เพื่อสร้างประจุพลังเวทย์
ขึ้นด้วย หมดกันไปสำหรับโหมดนี้แล้วต่อไป เรื่องภาษาที่โน็ตใช้โต้ตอบกับเรา



System Language of Note

ในนิยายนั้น ผู้อ่านบางท่านอาจสงสัยว่าทำไมต้องใช้ ภาษาที่มันหลากหลายแล้วก็ยุ่งยากขนาดนี้
เพื่อความเก๋ไก๋งั้นเหรอ อันนั้นก็ถูกส่วนหนึ่งจ้ะ แต่จริงๆแล้วเพราะในเรื่อง ประเทศที่ทำการพัฒนา

 Note ขึ้นมาไม่ใช่ประเทศไทย เราจึงไม่มีสิทธิไป ลอกของเขามาก็อปแล้วเปลี่ยนภาษาได้จ้ะ
ไม่งั้นเดี๋ยวเกิดข้อพิพาทแล้ว เลราเย่  จะลงมาสาด All เอา ที่จริงการพัฒนาระบบ Note นั้น

ด้านวิทยาการ อเมริกาเป็นผู้พัฒนา ส่วนเรื่องระบบการจ่ายพลังมนตรา และคาถาที่เป็นพื้นฐานข้อมูล
นั้น ประเทศไทยเป็นผู้พัฒนา ดังนั้นนี่จึงเป็นงานร่วมของ ประเทศไทยกับ อเมริกา

แต่ด้วยที่ปัจจัยพื้นฐานของการสร้างนั้น ทางอเมริกาเป็นผู้ถือสิทธิ์คุม เอาไว้เราจึงต้องยอมๆ ให้เขาใช้ภาษา
ของเขาไปล่ะจ้ะ ส่วนที่ในบทที่ 7 นี้ ทำไมหน้าจอมันถึงปรากฏภาษาไทยขึ้นมานั้น

ก็เป็นเพราะฐานข้อมูลที่ ธนัท ใช้ค้นหาข้อมูลเป็น Server ของไทยจ้ะ ข้อมูลที่ปรากฏมันเลยเป็น
ภาษาไทย

ส่วน Note ที่ใช้ภาษา อิตาลีหรือเยอรมัน นั้นก็เพราะนอกจาก อเมริกาแล้ว ไทยเรายังทำ
การพัฒนาระบบพลังเวทย์ ส่งให้กับประเทศอื่นด้วย เพื่อหากำไรเข้าประเทศ  แต่ถ้าจะถามว่า

แล้วมันต่างกันยังไงแค่ใช้ภาษา ต่างกันงั้นเหรอ แล้วทำไมบางที Note ที่พูดภาษาเยอรมันถึง
พูดอังกฤษปนกันด้วย

เรื่องนั้น มันเกี่ยวกับ ซอฟแวร์ เวทมนต์ที่ เรียกว่า Spellware แน่นอนก็ขนาด เกมออนไลน์
จากเกาหลีเค้ายังมี Patch ภาษาของแต่ละประเทศมาลงทับก่อนเปิดให้บริการ ในประเทศนั้นๆเลย

Note เราก็เหมือนกันเพียงแต่ โดยส่วนใหญ่แล้วเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เลย
ใช้ภาษาอังกฤษเหมือนๆกัน หมดทุกประเทศ เพราะเป็นภาษาสากล

แต่ก็ยังคงมีบางศัพท์ที่ยังคงภาษาของประเทศผู้ผลิต ทีเกมส์ยังมีภาษาไทยปนอังกฤษเลย
ก็เหมือนๆกันน่ะแหล่ะ ขนาด 200 ปีไปแล้วยังใช้ธรรมเนียมเดิมเลยเนอะ

ส่วนรุ่นของ แต่ละประเทศนั้นจะแตกต่าง กันที่ระบบปฏิบัติการเสริม ที่สามารถเพิ่มเติม
Spellware หรือระบบอื่นๆเข้าไปได้อีกด้วย เรื่องนี้จะเก็บไว้พูดคราวหน้าละกันนะจ้ะ

เป็นไงบ้างอาจจะยาวไปซักหน่อย แต่คิดว่าคงได้รายละเอียดเกี่ยวกับเจ้า Note นี่กันบ้าง
ล่ะนะ ตอนนี้หมดเวลาของ เจ็ แล้ว เจอกันอาทิตย์หน้านะจ้าาาาา

ปล.อนึ่งที่อธิบายให้เสร็จสรรพเป็นฉากๆเนี่ยไม่ใช่ว่า เจ็ หรือ เกรม่อนคุงมีพกตัวเป็นๆอยู่เครื่อง
สองเครื่องหรอกนะ อย่า Pm มาสั่งซื้อให้หน้าแตกเล่นล่ะไม่ใช่โฆษณาขายของเหอๆๆ

ปล.อีกที บทหน้าไปทัศนศึกษากัน แล้วแนวเรื่องคุ้นๆนะ สู้กับแวมไพร์เสร็จ
ไปทัศนศึกษา กันต่อ อืม ไม่ขอพูดดีกว่า ว่าแต่โคทาโร่ ไปอยู่ห้องเดียวกับ ธนัท ได้งายย

ไม่เอาอ่า เจ็ จะให้มาอยู่ห้อง เจ็ อ่า จะเอามานอน กก เอิ้กๆๆ
(ตัวละครที่ชื่อแอน คือตัว เจ็ เองแหล่ะจ้ะ ชื่อตัวละคร น่ะมาจากชื่อ เจ็ เอง
ส่วน เกรม่อนคุง ก็มีในเรื่องแล้วตัวหนึ่ง เหมือนกันลองหาดูนะ
 ชื่อจริงของ เกรม่อนคุง น่ะ คือชื่อตัวละครตัวนั้น ใบ้ให้ชื่อคนไทยนะจ้ะ )
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #50 on: January 04, 2009, 08:41:00 PM »

อืมๆ อื้มๆ อ้อ อ้ออ๋ออ๋อ นะนะ เนาะเนาะ 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #51 on: January 04, 2009, 09:52:43 PM »

Quote
อืมๆ อื้มๆ อ้อ อ้ออ๋ออ๋อ นะนะ เนาะเนาะ 

อืมๆแสดงว่าที่ เจ้าการุรุม่อนมันพูดเนี่ย ฟังรู้เรื่องสินะ ว่าแต่ไอ้มุขเข้าตู้เสื้อผ้าเนี่ย
มันมนต์รักสาวลอลลี่ป็อบนิ เหอๆ
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #52 on: January 04, 2009, 10:22:36 PM »

Quote
อืมๆ อื้มๆ อ้อ อ้ออ๋ออ๋อ นะนะ เนาะเนาะ 

อืมๆแสดงว่าที่ เจ้าการุรุม่อนมันพูดเนี่ย ฟังรู้เรื่องสินะ ว่าแต่ไอ้มุขเข้าตู้เสื้อผ้าเนี่ย
มันมนต์รักสาวลอลลี่ป็อบนิ เหอๆ
  ล่ะมั้งครับ 

(ปล.อ่านแบบ.......แบบว่า.......ไม่กล้าบอกแฮะ  )
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #53 on: January 12, 2009, 03:34:30 AM »

เอ่อเนื่องจากสัปดาห์นี้ เกรม่อนคุงไปสอบก็เลยไม่มีต้นฉบับส่งมา ต้องขออภัยที่ไม่ได้ลง
นิยายในอาทิตย์นี้ด้วยนะเจ้าค่ะ ส่วนที่ Signature ของเกรม่อนคุง นั้นตอนนั้นเปลี่ยนรับศักราชใหม่

กับ โปรเจ็ค Crisis Valkyrie คิดว่าคงได้เห็น หน้าตาตัวละครหลักจาก signature กันไปแล้ว
นะเจ้าคะ งั้นอาทิตย์นี้เพื่อให้ไม่ว่าง ดิฉัน ปิโยม่อน (บก. & พี่สาว ของเกรม่อนคุง) จะขอมาอธิบาย
เกี่ยวกับเนื้อเรื่องและตัวละคร ใน Legend Thaliwilya of Alimathe : Crisis Valkyrie



อย่างที่เห็นไป ว่าเหล่าตัวละครนั้น ลักษณะคล้ายกับ ตัวละครในภาคแรกมาก แต่จริงๆแล้วเป็นคนละคนกันนะ
เนื้อเรื่องในภาคนี้ จะอยู่ที่ ทวีป Alimathe ในอีก 200 กว่าปี หลังจากก่อตั้งมิราบิลิสขึ้น ซึ่งนั่นเท่ากับเวลา
กว่า 2 ชั่วอายุคนนับจากภาคแรก

เวลาในขณะนั้นเป็นยุคที่เกิดสงครามและความขัดแย้ง ระหว่างทวีปต่างๆ และเผ่าพันธุ์ ของแต่ละชนชั้น
ซึ่งในยุคนั้น มังกร ได้ถูกใช้ในการทำสงครามเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังมีการสร้างมนุษย์สำหรับสู้รบขึ้น
ทว่าก็ไม่อาจควบคุมได้ จึงทำให้ สงครามกลายเป็น สามฝ่าย ระหว่างมนุษย์ มังกร และ มนุษย์เทียม

นี่คือสภาพ การณ์ของ เนื้อเรื่องเป็นใน Legend Thaliwilya of Alimathe : Crisis Valkyrie
ซึ่งจะขอแนะนำตัวละคร กันเลยเพื่อไม่ให้เสียเวลา
จะเรียง ลำดับโดยนับจากภาพทางซ้าย มาทางขวา

1.คนแรกสุด ที่ผมสีทองสวมชุดแดง ชื่อ Recca Highday

เรกกะ นั้นสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับอดีตของตัวเอง ปัจจุบันเขาอยู่กับชายแก่ที่เก็บเขามาอุปการะ
เพียวสิ่งเดียวที่เขาพอจะจำได้นั้นก็มีเพียง ลูกมังกรธาตุแสง พาลลานัลคา ที่อยู่กับเขาในตอนที่ ถูกชายแก่มาพบ

2.คนต่อมา ที่มีหูหมาสีดำ ชื่อ Feint Neovel

เฟนท์ เป็นลูกครึ่งเผ่าพันธุ์สมิง เป็นเด็กขี้แย ที่มักจะถูกรังแก แต่ก็จะได้ เรกกะ คอยช่วยเหลือปกป้อง
ซึ่งทุกครั้งที่เขาร้องไห้ พี่สาวของเขาก็จะเข้ามาปลอบใจ อยู่เสมอ เรกกะ คือเพื่อนสนิทกับเขาที่สุดใน
ชั้นเรียนเลยก็ว่าได้

3.คนที่3 ที่ผมสีแดง นั้นชื่อ Ryad Laserio

ไรด์ เป็นเพื่อนสนิทอีกคน ของ เรกกะ ครอบครัวของเขา ค่อนข้างจะมีปัญหากับ ครอบครัวของ เฟนท์
และเขามักถูกห้ามคบกับ เฟนท์ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เขาก็ยังคบ เฟนท์เป็นเพื่อนอยู่ดี
 ไรด์ มีอุปนิสัย ไม่จริงจังกับอะไรมากนัก รักสนุก ชื่นชอบนินจา มาก
 มักจะมีของสะสมที่เกี่ยวกับนินจา เช่น ดาวกระจาย ดาบคาตานะ ฟิกเกอร์ และโมเดลตุ๊กตา
เก็บเป็นคอลเลคชั่นในห้องที่บ้าน เช่นกันกับ เฟนท์ เขาเป็นลูกครึ่งเผ่าสมิง

4.คนที่สี่ เด็กหญิงผมสีทองชื่อ San Neovel
เธอเป็นลูกครึ่งเผ่าพันธุ์สมิง และเป็นพี่สาวแท้ๆของ เฟนท์ เธอมีนิสัยห้าวแบบผู้ชาย
และมักจะไม่ชอบให้ใครมาดูถูก แม้เธอมักจะบ่นที่น้องชาย เอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ แต่จริงๆแล้วเธอ
รักและเป็นห่วงน้องชายมาก ซึ่งทุกครั้งที่ น้องชายของเธอร้องไห้ เธอก็จะเข้าไปปลอบอย่างอ่อนโยน

5.คนขวาสุด ที่มีผมสีเงินชื่อ Emil Runevel
เอมิล เป็นลูกครึ่งเผ่าพันธุ์สมิง เช่นกันกับอีกสามคนก่อน เขาเป็นคนเงียบๆ
ไม่ค่อยพูดจา ส่วนหนึ่งมาจากการที่ ครอบครัวของเขา คัดค้าน ไม่ให้เขาไปคบกับ พวกเฟนท์ และไรด์
เพราะ ครอบครัวของพวกเขามีความบาดหมางระหว่างกันในอดีต
แต่ถึงกระนั้น เอมิล ก็ไม่เคยคิดว่า เฟนท์ และ ไรด์ เป็นอริ ครอบครัวเลยแม้แต่น้อย

และนี่คือข้อมูลของ ตัวละครทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ใน Signature นะเจ้าคะ
ส่วนเนื้อหาสำคัญๆนั้นขอปิดไว้ก่อน เพราะยังไม่อาจสรุปได้ตายตัว
ดังนั้นก็ขอให้รอ ไปก่อน จนกว่าน้องชายของดิฉันจะพร้อมเขียน นะเจ้าคะ

อ้อเกือบลืม ขอโทษด้วยที่ต้องเอา User ของ ค็อกคาซี(การุรุม่อน) มาใช้แบบนี้
ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ

BY Piyomon








Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #54 on: January 18, 2009, 09:21:00 PM »

Sub-Turn 8 White Dragon Maiden


ภาพ การต่อสู้ของ เหล่านักเรียน ในโรงเรียน มนต์วิทยา ในคืนวันที่
กองทัพ เจตภูตวารี (Aqua Wraith) และการต่อสู้กับ แวมไพร์(Vampirism)

ในอาคาร ที่พวกมาริน่า ตามเข้าไป ทั้งหมดปรากฏอยู่บนจอ โฮโลแกรม
ท่ามกลางห้องที่มืดสนิท ไร้ซึ่งแสงสว่าง มีเพียงแสงจาก โฮโลแกรมที่ พอจะทำให้เห็นจำนวน

บุคคลในห้อง ซึ่งมีเพียงห้าคนนั่งล้อมรอบโต๊ะกลม ที่ตรงกลางเป็นเครื่องฉายโฮโลแกรม


“ นี่คือรายงาน ผลของแผนการ พิสูจน์ M เพื่อค้นเอาตัว องหญิงออกมาจาก กลุ่มนักเรียนกว่า
สี่สิบคน ซึ่งก็คว้าน้ำเหลวอย่างที่เห็น  ”

“ ก็แหงสิ ให้ Knight ไกอา เป็นคนจัดการงานมันก็ออกมาสะเพร่าแบบนี้แหล่ะ ”

“ อ๋อ นี่หล่อนจะบอกว่าฉันทำเล่นๆหรือไง ถ้าไม่มีพวกเด็กบ้านั่นล่ะก็ป่านนี้
ฉันก็ได้ตัว องค์หญิงมาแล้ว ”

“ คำแก้ตัวนั้น น่ะฟังไม่ขึ้นหรอกกะอีแค่ เด็กนักเรียนไม่กี่สิบ กลับส่งกองทัพ ออกไปเป็นร้อย
แถมยังโดนเด็กแค่คนเดียว จัดการกวาดซะเรียบ ดีนะที่มันเป็นอสูรไร้การควบคุมไม่อย่างนั้น
พวกตำรวจจะสาว มาถึงเราได้ คุณควรพิจารณาตัวเองได้แล้วนะคะ ไกอา  ”

“ กรอดดด… ”

“ เอาล่ะพอได้แล้วเลิกเถียงกันเองซะที ตอนนี้เราต้องหาทาง แยกตัวองค์หญิง
ออกมาจากกลุ่มคนพวกนั้นเสียก่อน ”

“ King คะดิฉันขอเสนอ ออกปฏิบัติการด้วยตัวเองค่ะ เพื่อชดใช้กับที่พลาดในหนนี้ดิฉันจะต้อง
พา ตัวองค์หญิงมาให้ได้ ”

“ เอา งั้นก็ได้ ไกอา ฉัน อนุมัติให้เธอใช้  Requiem ได้เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน  ”

“ ท่านพี่ Requiem น่ะมันอันตร… ”

“ ไม่เป็นไร ถึงจะใช้  Requiem ไปแล้วด้วยเส้นสายในองค์กรของเรา จะไม่มีใครสาวมาถึงเราได้แน่นอน ”

“ งั้นการประชุมในวันนี้ ก็จบลงเท่านี้นะครับ ”

“ อืม..เลิกประชุม ”

ทันทีที่เสียงสุดท้ายดังขึ้น จอภาพโฮโลแกรมก็ดับลง ทั้งห้องกลับเข้าสู้ความมืดมิด อีกครั้ง


…………….
…………………..


/Wake Up! Wake Up! Wake Up!/(ตื่น!)
เสียงทุ้มกังวานของ คอรัส ที่ดังครั้งแล้วเล่าอยู่ บนหัวเตียง ที่สายคล้องของมันห้อย เสาเตียงเอาไว้
ปลายผ้าห่มสีขาวนวล ค่อยๆขยับเลื่อนลง พร้อมกับเสียงคราง งัวเงียๆของ เด็กชายคนหนึ่ง

“ อืม..ตื่นแล้วๆ..เลิกปลุกได้แล้ว คอรัส ”
 ธนัท กล่าวสีหน้า สลึมสลือ ด้วยความงัวเงียขณะที่ลุกขึ้นจาก เตียงพร้อมกับคว้า คอรัส ไปวาง
ไว้บนโต๊ะทำงาน ข้างหน้าต่าง ขณะที่เดินไป หยิบ ชุดนักเรียน ที่แขวนไว้ที่ข้างฝา มาเปลี่ยน

“ ต่อไปก็ถุงเท้า…เพราะเรื่องเมื่อคืนเลยทำเอานอนไม่พอเลย.. ”
ธนัท ครางเสียงอ่อยขณะที่เปลี่ยนชุดเสร็จ ก็ตรงไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อจะหยิบ ถุงเท้า
ทว่าทันทีที่ เขาเปิดประตูตู้  โคทาโร่ ก็วิ่งพรวดออกจาก ตู้ชนกับ ธนัท จนกลิ้งโครมลงไปทั้งคู่

“ ทำอะไรของนายเนี่ย จะเข้าก็หัดเคาะกันบ้างสิ..อูยย หัวปูดไหมเนี่ย เห็นดาวเลย ”
โคทาโร่ ครางอย่างเจ็บแสบ ขณะที่เอามือกุมหัว ส่วน ธนัท ก็ได้แต่นั่งตลึง ตาค้างอยู่ที่พื้น


“ ว..แว้กกกก..อุบ ”
เสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจสุดขีด ของ ธนัท ดังขึ้น ก่อนที่ โคทาโร่ จะต้องเอามืออุดปากเขาไว้ไม่ให้เสียง
ดังไปถึงข้างล่าง

“ ไอ้เบื๊อก..จะร้องไปทำไม เดี๋ยวก็ได้ความแตกกันพอดี ”
โคทาโร่ ตะคอกใส่ ขณะที่หูสุนัขของเขากระดิกเพื่อฟังปฏิกิริยา ของคนที่อยู่ข้างล่าง


………….


“ เมื่อกี้ เสียงอะไรน่ะ ”
“ ธนัท คงนอนตกเตียงอีกแล้วล่ะมั้งคะ ”
“ เหรอ  แม่ว่า ลูกไปเรียกน้องลงมากินข้าวดีกว่าเดี๋ยวจะไปสายกันพอดี ”

เสียงพูดคุยของ บุคคลในครอบครัวของ ธนัท ดังมาถึงหูของ โคทาโร่ ที่มีประสาทรับสัมผัสดีเยี่ยง สุนัขป่า

“ ซวยแล้ว พี่นายกำลังจะขึ้นมา ฉันไปก่อนนะ ”
โคทาโร่ กล่าวจบ ก็ละมือ ออกจากปากของเขา ก่อนจะเปิดบานหน้าต่างวิ่งออกไปที่ระเบียง
และกระโดด ลงจากชั้นสอง ไปยังรั้ว กำแพงบ้านฝั่งตรง ก่อนจะลงไปยังถนน


“ เออ..จริงด้วยเมื่อคืน เจ้านั่นมันมาค้าง ในตู้เสื้อผ้าเรานี่หว่า..ว่าแต่นี่กี่โมงแล้วเนี่ย คอรัส ขานเวลาหน่อย ”
/ 7.30 AM/(เจ็ดโมงครึ่งแล้ว)
สิ้นเสียงของ คอรัส นัยน์ตา ของธนัท ก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ

“ เจ็ดครึ่งแล้วเหรอ ซวยแล้ว ถุงเท้าๆเจ้านั่นมันย้ายของในตู้เราไปไว้ไหนกันนะ ”
ธนัท ร้องเสียงหลง ขณะที่พรวดพราดเข้าไปในห้องของ โคทาโร่ ก่อนจะสะดุดกับ ลังกระดาษ
ลังเบ้อเร่อ จนล้มข้าวของในลังกระจาย กลบร่างเขาจนเกลื่อนไปทั่ว ซึ่งก็เป็น พวก
เสื้อผ้า และถุงเท้า กับอื่นๆที่อยู่ในตู้ของเขานั่นเอง

ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก

“ ธนัท พี่จะเข้าไปล่ะนะ ”
เสียง ของหญิงสาว ที่ดังมาจากอีกฝั่งของประตู ทำให้ ธนัท ต้องรีบกวาดข้าวของ
ทั้งหมดลงไปในลังและไม่ลืมที่จะ คว้าเอาถุงเท้า มาด้วยก่อนจะรีบออกมาและปิด
ประตูตู้ไป ซึ่งก็ทันกับที่ พี่สาวของเขาเปิดประตูเข้ามา

“ แม่เรียกให้ไปกินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวก็สายหรอก ”
 เสียงของ พี่สาวดังขึ้นก่อนที่ประตูห้องจะปิดไป ธนัท ทียืนตัวเกร็งจึง
ล้มตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง

“ ตื่นเต้นซะจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นเลย ”
ธนัท คิดขณะที่เอามือกุมหน้าอกเอาไว้ เพื่อเรียกให้ขวัญกลับมาอยู่กับตัว

…………..
………………..

ที่ห้องเรียน

“ เมื่อเช้าถ้า ฉันปิดห้องไม่ทันป่านนี้ความแตกไปแล้วรู้ไหม ”
ธนัท กล่าวสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยขณะที่ กำลังจัดของในกระเป๋า
ไปวางในเก๊ะ ของโต๊ะเรียน

“ ก็เมื่อคืนนายเอาแต่บ่นไม่ยอมฟังที่ฉันพูดเลยนี่ ฉันก็เลย เอาลังไปตั้งไว้ตรงประตู
นายจะได้เห็นชัดๆ ”
โคทาโร่ กล่าวโต้กลับไป ด้วยอาการหงุดหงิด ที่ ธนัท มาตามเฉ่งเอากับเขา อยู่ตั้งแต่เช้า


“ แล้วที่สำคัญไอ้ลายสัก ประหลาดๆเนี่ย เมื่อไหร่มันจะหายไปซักที ”
โคทาโร่ กล่าวพร้อมกับ ยกข้อมือขวาที่ ถูกสลัก วงแหวนแห่งพันธะจิต
เอาไว้ขึ้นมา


“ นั่นน่ะ ถ้าทำแล้วมันก็จะอยู่ต่อไปเรื่อยๆจนกว่า จะมีใครคนใดคนหนึ่ง ตายไปนั่นล่ะ ”
ธนัท กล่าวเสียงเรียบ

“ หา!งั้นฉันก็ต้องมีไอ้นี่ติดไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ แหวะ!เห็นมันแล้วทำให้นึกถึงเรื่องที่ไม่ อยากจะนึกเลย ”
โคทาโร่ บ่นอุบอิบ แต่ด้าน ธนัท เองก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ต้องมาทำสัญญากับ เขาด้วย

“ ว่าแต่ที่ มือ นายมันมีอีกวงไม่ใช่เหรอ เป็นของใครกันล่ะ ….หรือว่าเป็นของ… ”
โคทาโร่ กล่าวพลางส่งสายตาไปมอง ยังข้อมือ ขวาของ ชุติ กับ แอนที่มี วงแหวนพันธะจิตเช่นกัน

“ นายนี่มีดีกว่าที่เห็นเยอะนะ..ว่าแต่คนไหนล่ะ ”
โคทาโร่ แอบเข้าไปกระซิบกับ ธนัท ที่ได้แต่ตีหน้าเบ้ พร้อมความนัยในสายตาที่บอกว่า
ความคิดของ โคทาโร่ ไม่เฉียดจะถูกต้องเลยซักนิด ฉายอยู่ในแววตา

“ คือ อันนี้น่ะ เป็นสัญญาของ… ”
“ ของฉันเอง มีปัญหาอะไรไหม ”
ธนัท กล่าวไม่ทันจบ เคียว ที่พึ่งเดินเข้าห้องมา ก็แทรกขึ้นกลางคัน

“ การทำสัญญา เพื่อ Synchronize เป็นพิธีกรรม ที่มี แต่ผู้สืบทอด
ระดับ Summoner Master เท่านั้นที่ทำได้ ซึ่งพี่ ของ ธนัท เป็นคณะประธานสภาสูงของ
Master Ceremony ซึ่งก็คือ กลุ่ม  Champion ของแต่ละประเทศซึ่งนำโดยกลุ่มของประเทศไทยเรา
ส่วนที่ ธนัท ทำได้เพราะเขาได้รับการ ฝากฝังอำนาจจาก พี่ชายของเขา ”
อิส ซึ่งเป็นเจ้าของเสียง กล่าวขณะที่เดินมาร่วมวงสนทนาด้วย

“ ฮ้า..พี่ของหมอนี่เป็นคนดังขนาดนั้นเชียว ”
โคทาโร่ กล่าวพลางชายตามองด้วยความไม่อยากเชื่อมากนัก

“ แล้วทำไมต้องมองฉันแบบนั้นด้วย ”
ธนัท กล่าวกับทีท่า แหยๆที่ โคทาโร่แสดงออกมา


“ ครูมาแล้วรีบนั่งที่เร็ว ”
เสียงจาก นักเรียนที่คอยดูต้นทาง อยู่ที่ขอบประตูดังขึ้น ก่อนที่ นักเรียนทุกคนจะ
แยกย้ายกันกลับไปนั่งที่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ อาจารย์ บุษบารี จะเดินเข้ามาในห้องเรียน

“ วันนี้ครูมีข่าวดีมาแจ้งให้ทุกคนทราบ ”
อาจารย์สาว กล่าว เสียงเรียบ ขณะที่สายตาทอประกาย ด้วยความหรรษา  อย่างขัดกันเสียมิได้
ทำเอานักเรียกทุกคน ในห้องเอือมไปตามๆกัน

“ นักเรียนทุกคน วันจันทร์หน้านี้ เราจะไป ทัศนศึกษากันที่ ภูเก็ตเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน
ดังนั้นรีบเตรียมตัวกันหน่อยนะนักเรียน  ”
สิ้นคำของ อาจารย์สาว นักเรียนทุกคน ในห้องต่างพากัน โห่ร้อง ด้วยความดีใจ เสียงพูดคุย
ดังกระหึ่ม เสียจน อาจารย์บุษบารี คุมเอาไว้ไม่อยู่ทำให้ ชั่วโมง Home Room ในวันนี้
เสียไปโดยเปล่าประโยชน์


…..………

……………

คาบที่ 3 วิชาหน้าที่พลเมือง

“ พรบ.เกี่ยวกับเทคโนยีมนตรา ปี พ.ศ. 2677  ได้บัญญัติไว้ว่า การแพทย์ที่พึ่งพลังเวทมนต์
ต้องอยู่ในขอบข่ายตามที่กำหนดในมาตราที่ 553 ซึ่งว่าไว้ด้วยเรื่องข้อจำกัดทางพันธุเวศกรรม... ”
อาจารย์บุษบารี กล่าวตามตัวหนังสือที่ ปรากฏขึ้นบน กระดาน โฮโลแกรมที่ตั้งฉายจากเครื่องอยู่หน้า
ห้อง โดยที่ นักเรียนทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตาฟัง และคอยพิมพ์ บันทึกสิ่งที่เธอกล่าว

/I’m far gone/(กระผมรู้สึกไม่ดีเลย)
เสียงของ มาราคัส Note ของโคทาโร่ ดังขึ้นซึ่งเสียงนั้นฟังดูอ่อนระโรย
ก่อนที่จะปล่อยคลื่นแสงบางอย่างออกมารอบๆ จนเกิดควันพวยออกมาจาก ตัวจี้ห้อยคอ
จนทั้งห้องเกิดความแตกตื่น


“ มาราคัส..เป็นอะไรไปน่ะ มาราคัส ”
โคทาโร่ กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นพรวด จากเก้าอี้ ด้วยความตกใจ ขณะที่ มาราคัส
ยังคงมีควันพวยออกมาอยู่เรื่อย

/System Down/
มาราคัส ส่งเสียงทุ้มยานคางออก มาก่อนที่ เสียงจะหยุดไปและไม่มีการตอบรับใดๆกลับมาอีกเลย
อาจารย์ บุษบารี ต้องเข้ามาดูด้วยความสนใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ สงสัยว่ามันจะเสียนะ ครูว่า เลิกเรียนแล้วเธอเอาไปซ่อมดีกว่า
เพราะถ้าปล่อยไว้อาจจะพังจนใช้ไม่ได้อีกเลยก็ได้นะ ”
บุษบารี แนะนำ ก่อนจะสั่งให้ทุกคนกลับไปนั่งที่และเริ่มสอนต่อ


16.00 น. เลิกเรียน

“ อืม…ดูท่าอาการจะหนักนะ…อืมมม ”
ชายแก่ร่างท้วม ครางขึ้น พลางกด นิ้วลงไปบนจอโฮโลแกรม ที่ มาราคัส ฉายออกมา
ภาพแผงวงจร แปลกประหลาดถูกฉาย สลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยทุกครั้งที่ นิ้วของชายแก่
กระทบกับจอ

“ ซ่อมไม่ได้เลยเหรอ ลุง ”
น้ำเสียงของ โคทาโร่ ไม่ค่อยสู้ดีนัก เมื่อได้ฟังสภาพอาการ Note ของเขา

“ อืม..ก็ไม่ใช่ว่าจะซ่อมไม่ได้เลยล่ะนะ แต่ฉันว่า เอาไปให้ช่างที่ Steel Bridge ดูให้ดีกว่านะ ”
ชายแก่ กล่าวก่อนจะ กดนิ้วลงไปบนจอโฮโลแกรม อีกครั้ง เพื่อปิดจอ โฮโลแกรมทั้งหมด
และวาง มาราคัส ลงบน เคาเตอร์ ในร้านที่วางกั้นเขา กับโคทาโร่ และ ธนัท ไว้
ภายในร้าน เต็มไปด้วยสินค้า เกี่ยวกับการ์ดเกมส์ ของสะสม และ อะไหล่ของเล่นอีก
นับไม่ถ้วน เมื่อมองผ่านกระจกประตูของร้านออกไปก็จะเห็น รั้วประตูโรงเรียน มนวิทยา ทันที

ใช่แล้วนี่คือร้านการ์ดเกมส์ koro kro ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนพอดี
ซึ่ง ธนัท ได้พา โคทาโร่ ให้เอา Note มาตรวจสภาพ ที่นี่

“ แล้วไอ้ Steel Bridge เนี่ยมันที่ไหนกันล่ะ ”
โคทาโร่ กล่าว ขณะที่รับ Note กลับมา

“ ถ้างั้น เราก็พาเขาไปด้วยกันเลยสิ ”
เสียงหนึ่งดัง ขึ้นพร้อมกับเสียง กระดิ่ง ที่ห้อยไว้เหนือ ประตูร้าน
พร้อมกับการ มาเยือนของ แอน และ เคียว

“ อ้าว แล้ว ชุติ ล่ะ ”
ธนัท กล่าวถามทันที เมื่อเห็นว่า ชุติการ ไม่ได้มาด้วย

“ ชุติ ไปช่วยงาน กับประธานเป็นการส่วนตัวน่ะ ว่าแต่เมื่อกี้ บอกว่า ต้องไปซ่อมที่ Steel Bridge
ช่ายหมายยย งั้นไหนๆเราก็จะไปหา พี่เบล อยู่แล้ว ง้านเราพาเขาไปด้วยซะเลยสิ ”
แอน กล่าวเสียงเหน่อ  ขณะที่ เดิน เข้ามาหาพวกเขา

“ อืม..ก็นะเรื่องพาหมอนี่ ไปซ่อม Note ก็เรื่องหนึ่งแล้ว ว่าแต่ทำไมต้องไปพบ พี่เบลด้วยล่ะ ”
ธนัท ถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ เมื่อกี้ เราพึ่งไปถามประธานมาเกี่ยวกับเรื่อง ที่เราปะทะกับพวกชุดดำ ”
เคียว กล่าวจบ นัยน์ตาของ ธนัท ก็เบิกผึงจนแทบจะหลุดออกจากเบ้า

“ แล้วประธาน ว่ายังไง ”
ธนัท ตะคอกใส่ ด้วยความรู้สึกที่ราวกับ อารมณ์ภายในจะปะทุออกมา

“ ประธานบอกว่า ให้ลองไป ถามพี่เบล เพราะเขาเคยเป็น Judge มาก่อน  ”
เคียว ตอบเสียงเรียบ

“ แล้วเรื่องที่เบล เคยเป็น Judge เนี่ย มันมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ”
ธนัท กล่าวโดยที่มือของเขากำแน่น เพื่อที่จะสยบ อารมณ์ของตัวเอง

“ เพราะว่า คนที่แอน ดวล ด้วยเมื่อวันนั้น พูดออกมาว่า Judge อย่างฉันแพ้ ผู้เล่นธรรมดาๆ อะไรนี่ล่า ”
แอน กล่าวเสียงเหน่อ ขณะพยายามจะนึกถึง เหตุการณ์ เมื่อคืนนั้น

“ แล้วเบาะแสของเรา แผ่นตราประทับนั่น ตำรวจก็ยึดไปแล้ว ที่เหลือก็มีแค่ ชื่อขององค์กร ของพวกมัน
Paladiso da Regola เท่านั้น ”
เคียว กล่าวเสียงหนักแน่น เพื่อแสดงถึงความจริงจังของ สถานการณ์ ในขณะนี้

“ นี่นายกำลังจะ บอกว่าบุคลากรของ Phenomenon Party อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้เหรอ ”
ธนัท กล่าวน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย ข้อมูลที่เข้ามาในขณะที่ทำเอา สันหลังเขาเย็บวาบไปไม่น้อยเลย
เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายอาจเป็นองค์กร ระดับโลกซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพล ในการผลิต เวทยาการ ต่างๆตั้งแต่ Note ไปจนถึง
อสูรอัญเชิญเทียม ที่มาในรูปแบบของ ซองการ์ดหรือ Booster Pack

[ในหนึ่งซองจะมีแรร์ 1 ใบและส่วนมากเป็นอสูรอัญเชิญแท้ไม่ใช่ของเทียม แบบ อันคอมม่อน กับคอมม่อน ]


“ แต่ว่าถ้าพวกนั้นเป็น Phenomenon Party จริงแล้วพวกมันมาทำอะไรในวันนั้นกันล่ะ ”
ธนัท กล่าวถามด้วยความสงสัย


“ ก็ไม่แน่หรอก นะว่าจะเป็น Phenomenon Party แต่อาจเป็นพวก ที่มีความเกี่ยวข้อง กับ องค์กรก็ได้ ”
เคียว กล่าว

“ เอ๋..นี่หรือว่า พวกนั้นเป็นสายของ ประเทศอื่นที่เข้ามา สืบความลับ เวทยาการของประเทศเราหน่า ”
แอน อุทานเสียงเหน่อ ขณะที่ต้องเอามือ กุมประสานกันไว้ด้วยความสะดุ้ง

“ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว แต่ก็มีอีกความเป็นไปได้นึง อยู่คือเจ้าพวกนั้นเป็นกลุ่มกบฏต่อ องค์กร ”
เคียว เปรยเสียงเรียบ

“ กบฏในกลุ่มองค์กร งั้นหรือ…ไม่แน่บางเจ้าสามคนนั่น… ”
โคทาโร่ คิดในใจขณะที่ ฟังการสนทนา ของ ธนัท ไปเรื่อยๆดูเหมือนว่าตัวเขาจะรู้อะไรบางอย่างอยู่
แต่ก็เก็บเงียบเอาไว้

“ นี่ฉานว่าเราเลิก ถกกันเรื่องนี้เถอะหนา เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน รีบไปที่ Steel Bridge กานเถอะ ”
แอน กล่าวเสียงเหน่อ เพื่อชักชวนให้พวกเขา ออกเดินทาง ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยเพราะ
นี่ก็เกือบ เย็นแล้วหากไม่รีบพวกเขาอาจต้องกลับบ้านมืดเอาได้
จึงพากัน ลาชายแก่เจ้าของร้าน ก่อนจะออกจากร้านไป

………………
…………………….

Steel Bridge ย่านการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งในครั้งอดีตมันถูกเรียกว่า สะพานเหล็ก ศูนย์ รวม
ของสื่อบันเทิง ต่างๆ แต่ด้วย สงครามเมื่อ ศตวรรษที่แล้วมา ทำให้มันถูกทิ้งรกร้างอยู่ก่อนจะถูกบูรณะขึ้นใหม่
และถูกเรียกว่า Steel Bridge ซึ่งกลายเป็นแหล่งรวม ย่านการค้าของอุปกรณ์ เวทยาการ สมัยใหม่
มากมาย

………………
……………………..
………………………..

อาคาร ซึ่งตกแต่งภายในโดยคงสภาพไว้เหมือนเมื่อ 2 ศตวรรษ ที่แล้ว มีการสร้าง บันได เวียนขึ้นไป
ในแต่ละชั้น ซึ่งมีช่องกลางบันได เว้นไปจนถึงชั้นบนสุด และหลังคาเหนือ ช่องกลางบันได
 ถูดติดตั้ง บานกระจกเอาไว้แทน ผนังอิฐ เหมือนชั้นอื่นๆ

“ อืม..ไดนาเมซ เสียหายหนักมากเลย เพราะตอนแรกมันก็ขัดข้องอยู่แล้ว ทำให้อัตราการ สร้างประจุ
ทำงานไม่คงที่ แล้วก็ยังไปฝืนใช้มันอีก ตัววงจรไหม้ชำรุดจนถึง ข้างในเลย แบบนี้
ต้องเปลี่ยน ไดนาเมซใหม่แล้วล่ะน้องครับ ”
ช่างซ่อม ซึ่งยืน อยู่หลังเคาเตอร์ ของร้านแผงลอย ที่ตั้งอยู่บริเวณ เชิงบันไดในอาคาร ภิรมย์พลาซ่า Return
กล่าว ขณะที่ก้มลง หยิบเอา อุปกรณ์ ที่มีรูปร่างเหมือนมอเตอร์ขนาดเล็ก ที่มีเฟือง ปล่อยประจุ
ติดเอาไว้ขึ้นมา บนเคาเตอร์


“ ถ้างั้น ฉัน กับแอน จะขึ้นไปถาม เรื่องจากพี่เบล ก่อนนะ นาย รอ อยู่กับโคทาโร่ เนี่ยแหล่ะ ”
เคียว กล่าวขึ้น ขณะที่ ช่างซ่อมเปลี่ยนให้ Note ของโคทาโร่ ไปอยู่ โหมด สำหรับดวล
ซึ่งเป็นรูปแบบ ถุงมือจักรกล ก่อนจะลงมือ โละชิ้นส่วน ของถุงมือ ออกเป็นชิ้นๆ

“ ทำไมล่ะ ฉันก็อยากไปฟังด้วยนี่นา ”
ธนัท กล่าวน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย

“ ก็เพราะฉันยังไม่วางใจ เจ้าหมอนี่น่ะสิ ”
เคียวกล่าว พร้อมกับ ชายตามองไปที่ โคทาโร่ ซึ่งกำลัง ดูสภาพภายใน
ของ Note ที่ถูกแกะออกมา

“ เพราะงั้น นายต้องอยู่ดูเจ้าหมอนี่ไว้  แล้วฉันจะกลับมาเล่าให้ฟังอีกทีก็แล้วกันนะ ไปล่ะ ”
เคียว กล่าวจบก็เดิน ขึ้นบันได ไปพร้อมกับ แอน ทิ้งให้ ธนัท ต้องอยู่กับ โคทาโร่ อีกครั้ง

“ เฮ้อ เคียวเอ๋ย นายรู้แล้วหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่เนี่ย ทิ้งให้ฉันอยู่กับหมอนี่
 ไม่กลัวมัน ขยี้ฉันเละเป็นโจ๊กก่อนเรอะ ”
ธนัท กล่าวอย่างหมดอาลัยตายอยากขณะที่ ชะเง้อคอกลับมามอง โคทาโร่
แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนความคิดไป  เพราะ โคทาโร่ ดูจริงจังกับ การซ่อม Note ของเขามาก

“ Note เครื่องนั้นคง สำคัญกับนายมากเลยสินะ ”
ธนัท กล่าวขณะที่ เดินเข้าใกล้โคทาโร่

“ ฉันน่ะตั้งแต่จำความได้ ก็อยู่ในกลุ่ม URH แล้ว ไม่มีใครมาคอยดูแลเอาใจใส่หรอก
ตั้งแต่เด็กๆแล้ว สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ก็มีแค่วิชาการสังหาร การควบคุมและใช้งาน อสูร เท่านั้น

 ถ้าไม่ฆ่าก็จะถูกฆ่า ถ้าไม่อยากถูกฆ่าก็ต้องฆ่ามันก่อนที่มันจะฆ่าเรา ที่นั่นมันเป็นแบบนั้นล่ะ
 ที่พอจะหาคนปรับทุกข์ได้ก็มีแค่ Note ที่องค์กรมอบให้เท่านั้นเอง ”
โคทาโร่ กล่าว สายตาของเขาช่างดูโศกเศร้า อย่างที่ไม่เคยแสดงมาก่อน

“ สาเหตุคงเพราะ URH แข็งข้อต่ออำนาจโลก ก็เลยคิดจะปฏิวัติแต่เพราะ
ถูกไล่ต้อนก็เลยต้องฝึกพวกของตนให้ต่อสู้ด้วยสินะ แบบนี้มันก็ไม่ต่างไปจาก พวกราชวงศ์
สเปน เลยน่ะสิ ”
ธนัท คิด ในขณะที่ตัวเขาเอง ก็เริ่มจะเห็นใจ DNA-Changer ผู้นี้ขึ้นมาบ้างแล้ว
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขายังรู้สึกผวากับ การกระทำของ โคทาโร่ ที่ดิบทราม ราวกับสัตว์ป่า มาแล้วก็ตาม

ในวินาทีนั้น เพียงชั่ววูบเท่านั้น ราวกับพวกเขาถูกสายตาของ พญาราชสีห์
ที่จะออกล่าเหยื่อ จับจ้องอยู่ จิตสังหาร ที่รุนแรงเสียจนรู้สึกได้ ทำให้ ธนัท กับ โคทาโร่ หันกลับไป
มองที่ บันได นักเรียนรุ่นพี่ผมสีขาวราวหิมะ กำลังเดินนวยนาด ลงบันไดมายังร้านชั้นล่างที่พวกเขา ยืนอยู่


“ รุ่นพี่ อนุชิต..คิระ ”
ธนัท เปรยเมื่อได้เห็นร่างเจ้าของ จิตสังหารเมื่อครู่


“ ขอดูหน่อยเถอะว่านายเหมาะที่จะเป็นผู้สืบทอด ของเขาผู้นั้นหรือไม่ ”
คิระ กล่าวจบ ก็ยกข้อมือ ที่ Note ของเขา สแตนบายน์ไว้ก่อนแล้วขึ้นมา

/Get Set/
สิ้นเสียง คอรัส Note ของ ธนัท ก็เปลี่ยนรูปเป็น ถุงมือจักรกลเช่นกัน

“ เฮ้ยจู่ๆมาถึงก็ท้าทายกันงี้เลยเรอะ หมอนี่เป็นใครกัน ”
โคทาโร่ กล่าวถามด้วยความหงุดหงิดกับการกระทำของ คิระ


“ นายถอยไปซะ ”
ธนัท กล่าวเสียงเฉียบ ทพเอา โคทาโร่ นิ่งอึ้งกับท่าทีที่เปลี่ยนไปแบบปุบปับของเขา
สายตาของ ธนัท เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนล่ะคน โคทาโร่ ไม่อาจขัดขืนได้ จึงยอมถอยออกห่าง
ไม่นานนัก ละออง พลังเวทย์ ก็ค่อยๆกระจายตัวออกมาจาก Note ของ ทั้งคู่

“ ตลอดมาฉันไม่เคยแพ้ใครมาก่อนเลย นั่นเพราะฉันดวลกับคู่ดวลที่ไร้ฝีมือ แต่เขาคนนี้ไม่ใช่…. ”
ธนัท คิด ก่อนที่ การดวลของเขา กับ คิระ จะเริ่มขึ้น

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #55 on: January 18, 2009, 09:21:11 PM »

………………….
……………………….
…………………………..


“ เอ๋ พี่เบลไม่อยู่เหรอ ”
เคียว กล่าวขณะที่ เด็กเฝ้าร้านส่ายหน้าเป็นเชิง

“ พี่เค้าบอกว่าจะออกไปทำธุระ แล้วก็หายไปเลย นี่ก็สองชั่วโมงมาแล้วยังไม่กลับมาเลย ”
เด็กเฝ้าร้านตอบ 

“ เอ..แล้วเค้าไปไหนกันนะ เธอคิดว่าไง แอน.. ”
เคียว กล่าวก่อนจะชะงักไปเพราะเมื่อเขาพยายามจะถามความเห็น แอน ก็หายตัวไปซะแล้ว



…………..
…………..


มังกรเพลิงอัคคี ซาลามันเดอร่า  กำลังเผชิญหน้ากับ จักรกลคล้ายตาชั่ง
ซึ่งส่องประกายรัศมี ออกมาตลอดเวลา โดยที่แนวหลังของมันมี จักรกลคล้ายมนุษย์ สองตัวยืนคุมเชิงอยู่

“ Cost Mp3 ให้ Scales of Libra ใช้ Skill นำ Machine 1 ใบในสนามกลับขึ้นมือ
นำตัวมันเองกลับขึ้นมา และ ให้ Lambda-L ขึ้นไป At Line ”
คิระ กล่าวจบ จักรกลรูปร่างตาชั่งก็ เรืองแสงขึ้นก่อนจะ กลับเป็นการ์ดและ
พุ่งกลับไปอยู่บนมือของเขา ก่อนที่จักรกลรูปร่างมนุษย์ ทั้งตัวหนึ่งจะย้ายไปอยู่แนวหน้าแทน

อนุชิต(คิระ) [ Hand Sta: Seal:5 Mystic:1 ] mp 7  Shrine 0/12





“ แล้ว Cost Mp 3 ร่าย สกาเลด ออฟ ไลบรา ลงมาที่ Df Line จากนั้นให้ Ability
ของสกาเลด ทำงานเลือก ค่า AT และ DF ของสกาเลด เท่ากับค่าพลังของ
 Salamundera The Fire Dragon  ค่าAt 14 และค่า Df เท่ากับ 9 ผ่าน  ”

สิ้นคำ คิระ ก็ร่าย สกาเลด ลงมาอีกครั้งจักรกลตาชั่ง ได้ปรากฏขึ้นพร้อมกับที่จานชั่งของมัน
ปรากฏมวลพลังงาน สีแดงขึ้นที่จานชั่งใบหนึ่งและสีขาวขึ้นอีกใบหนึ่ง โดยจานสีแดงหนักกว่า

ข้างสีขาว ก่อนที่แขนชั่ง จะค่อยๆปรับระดับ ให้เท่ากัน ขณะเดียวกับที่ ตัวเลขแสดงค่าพลังของ
สกาเลด กำลังเพิ่มขึ้นจนหยุดเท่ากับ ซาลามันเดอร่า การปรับแขนชั่งจึงหยุดลง



“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
ธนัท กล่าวจบก็ดึง มิสติก การ์ดขึ้นมาสองใบ

ธนัท  [ Hand Sta: Seal:0 Mystic:2 ] mp 7 Shrine 9/12


“ ชิ..ทำไงดี ตอนนี้ เรามีแค่ ซาลามันเดอร่า ที่Growth กับอยู่ในท่า Double Combination
  ตัวเดียวเท่านั้นถึงจะพึ่ง อะบิลิตี้ทำให้มีพลังมากขึ้นก็เถอะ แต่เพราะเทิร์น ที่แล้วเราโจมตีเข้าไป ทำให้

ค่าพลังของ ซาลามันเดอร่า เพิ่มขึ้นเป็น 14 แต่ก็แค่ 1 เทิร์นเท่านั้น แล้วเจ้า Lumbda-L ตัวที่เรา
ทำลายไปมันก็มีอะบิลิตี้คืนชีพได้ครั้งนึง อีก เจ้าตัวที่ขึ้นมาอยู่ข้างหน้าแทนตัวเมื่อกี้ ยังไม่ได้ใช้ อะบิลิตี้ เลย

ถ้าเราโจมตีเข้าไปมันก็จะฟื้นคืนชีพอยู่ดี  นี่เพราะรู้สินะว่าเราจะต้องจั่วมิสติกขึ้นมา
เพื่อบุกในรอบนี้ เลยสร้างแนวป้องกันเพื่อบีบ ให้เราจั่วซีล แต่ถ้าทำแบบนั้น รอบต่อไปเราก็จะโดน

สวนทันที รอบนี้ยังไงก็เลี่ยงการโจมตีไม่ได้อยู่ดี ถ้าเราไม่บุกเข้าไป ซาลามันเดอร่า ก็จะไม่ได้บวกพลังเพิ่มจากการโจมตี..มีแต่ต้องลุยเท่านั้นสินะ  ”
ธนัท คิดประเมินสถานการณ์ ที่กำลังเผชิญ ซึ่งเขาไม่อาจตอบโต้คู่แข่งได้เลย

“ ที่น่าติดใจกว่านั้น ก็คือรูปแบบการเล่นของ รุ่นพี่  ตั้งแต่เริ่มเกมส์ มา ก็ใช้มิสติก
ไปแค่ 2 ใบเท่านั้น ถ้ารวมกับที่อยู่บนมือ เท่ากับว่ามาจนถึงตอนนี้ รุ่นพี่มีแค่ 3 ใบเท่านั้น

เพราะการบุกสายฟ้าแลบของเรา ทำให้เสียซีลไปขนาดนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถ้า ซาลามันเดอร่า
ถูกทำลายก็จบอยู่ดี สำรับของ รุ่นพี่ คิระ ชื่อของมันคือ  Heaven Gundamus
 นอกจากชื่อสำรับแล้วเราก็ไม่รู้อะไรเลย นี่เป็นทริค ของ สำรับหรือ ว่าเขายังไม่เอาจริงกับเรากันแน่ ”
ธนัท คิดหลังจากที่ประเมินสถานการณ์ที่ผ่านมาอย่างถี่ถ้วน


“ แปลกจริงๆด้วย ปกติการทำเกมส์นั้น บนมือจะต้องมีซีลให้น้อยเข้าไว้เพื่อจะเผื่อที่ให้มิสติก
แต่นี่มันกลับกันชัดๆ แถมตั้งแต่เมื่อกี้แล้วด้วยใช้แค่ สกาเลด ออฟ ไลบรา เท่านั้นในการบุก

แล้วก็ส่ง ลัมดาแอล ออกไปตั้งรับ สลับไปเรื่อยๆ ซีลสองในห้า บนมือนั่นก็คือ ลัมดาแอลที่ใช้
 อะบิลิตี้ไปแล้ว หมอนี่มันคิดจะไม่จั่วมิสติกเลยเรอะ ”
โคทาโร่ คิดขณะที่จ้องมองการ ดวล ของทั้งสองอยู่ห่างๆ

“ Cost Mp  4 ให้ ราชันย์มังกรอัคคีซาลามันเดอร่า โจมตี ไปที่ลัมดาแอล Blaze Breath ”
ธนัท สั่งการจบ ซาลามันเดอร่า ก็สูดลมหายใจลงท้องไปก่อนจะพ่นออกมาเป็นเพลิงพิฆาตครอกร่างของ ลัมดาแอล

“  ให้ อะบิลิตี้ ของลัมดาแอล ทำงาน ให้ AT+3 Sp+1 แบบไม่จำกัดเทิร์น แทนการถูกทำลาย ”
สิ้นคำ เพลิงพิฆาตก็ถูก ลัมดาแอล ปัดสลายไป ก่อนที่จะมีไอน้ำพวยพุ่งออกจากร่างของมัน
พร้อมกับ ค่าพลังที่เพิ่มขึ้น

“ Cost Mp 2 ร่าย Silent Prohibitor ไปติดที่ ซาลามันเดอร่า ผ่าน ”
สินคำ ธนัท ก็ร่ายมิสติกบนมือลงไป ปรากฏร่างของ บุรุษในชุดคลุมขึ้นก่อนที่
บุรุษผู้นั้นจะปักไม้เท้าของตนลงบนพื้น และหายตัวไป

“ ซีลที่ติด ไซเรนโปรฮิบิเตอร์ จะป้องกัน มิสติกการ์ด สกิล การโจมตี และการสวนกลับการโจมตี ได้ 1 เทิร์น
เท่านี้รอบหน้าเราก็รอดแล้ว ”
ธนัท คิดขณะที่ คิระ ดึงซีล การ์ดขึ้นมาเพียงใบเดียวเท่านั้น



“ นี่คือการทดสอบว่านายเหมาะจะเป็นผู้สืบทอดของเขาคนนั้นหรือไม่ ลองรับ
การทดสอบจากคมดาบแห่งพระผู้เป็นเจ้าหน่อยเป็นไง Cost Mp 3 ร่าย The Guardian of Lexdetheo Seal(ผู้พิทักษ์ผนึกแห่งเลกซ์เดทีโอ) ไปที่ At line ”

สิ้นคำ ซีลการ์ด ที่จั่วมาของ คิระ ก็ถูกปล่อยให้ตกจากมือไป โดยไม่ได้โยนออกไป ละอองพลังเวทย์
ที่กระจายฟุ้งอยู่รอบสนาม ได้ถูกดูดกลืนเข้าไปที่ซีลใบนั้น และทันทีที่มันตกถึงพื้นแทนที่
ล้มแปะลงกับพื้น มันกลับ จมหายหายลงไปอบ่างช้าๆแทน ก่อนที่จะเกิดแสงสว่างส่องวาบขึ้นไป

จากลานบริเวณหน้าร้าน พุ่งขึ้นไปตามช่อง กลางของ บันไดจนดูราวกับเป็นเสาแสงตั้งตระหง่านอยู่
ใจกลางอาคาร



“ นี่มัน…. ”
เคียว ที่ตามหา แอน อยู่อุทานขึ้นเมื่อเห็นเสาแสงพุ่งขึ้นมาจากชั้นล่าง
ทันทีที่ แสงนั้นจางลง ร่างของ จักรกล ซึ่งคล้ายกับทูตสวรรค์กับดาบยักษ์ 4 เล่มที่ลอยอยู่รอบตัว
 ก็ปรากฏขึ้นยังชั้นบนสุดของ อาคาร
ลอยตัวอยู่ในช่องว่างตรงกลางภายในอาคาร ความงดงามของมันทำให้ผู้คนรอบๆไม่อาจละสายตาไปได้

“ ผู้พิทักษ์เลกซ์เดทีโอ………….คิระเหรอ ”
เคียว กล่าวเมื่อได้เห็นร่างของ อสูรอัญเชิญตัวนั้น เขาจำได้ถึงรูปร่างของมัน ในคืนที่
กองทัพ เจตภูตวารีบุกโจมตีโรงเรียน นี่คือ อสูรที่คิระ ใช้จัดการ กับกองทัพ เจตภูต นับร้อย ในคราเดียว

………..
…………….

“ เมื่อ ผู้พิทักษ์เลกซ์เดทีโอ เข้ามาในสนาม สามารถแสดงมิสติก 4 ใบบนสุดกองการ์ดตัวเองแล้วเลือก มิสติก
ชนิด PS มา 1 ใบไปติดไว้ที่ ผู้พิทักษ์จากนั้นนำที่เหลือ ทั้งหมดลงไชน์ไป
และนี่คือ 4 ใบที่อยู่บนสุดของสำรับฉัน ”
คิระ กล่าวขณะที่ ดึงมิสติก ทั้งสี่ใบขึ้นมาและ แสดงให้ ธนัท ดู


“ นี่มัน.. ”
โคทาโร่ได้แต่ นิ่งอึ้งเมื่อเห็น ไพ่ทั้ง 4 ใบนั้น  ใบแรกเป็น เทพที่มีหัวเป็นสุนัข อานูบิส(Anubis)
ใบที่สองเป็น คทาสีแดงฉานราวกับเปลวเพลิง แมกม่าเทีย(Magma Tear, The Wand of Brenda )
ใบที่สามเป็น นาฬิการูปนก คุคู(KuKu Clock) และใบที่สี่ใบสุดท้ายเป็นนักเวทย์สาว
ซึ่งนางมีคฑา ถึงสามอันให้เลือกในภาพ  ซึ่งแสดงถึงการสับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลง (Alternation)



“ ฉันเลือก แมกม่าเทีย มาติดที่ ผู้พิทักษ์เลกซ์เดทีโอ นอกนั้นทิ้งไป และในตอนนี้ อะบิลิตี้ทั้งหมดของมิสติกที่ฉันทิ้งไปก็จะทำงาน ”
สิ้นคำ ของคิระ มิสติก ที่แสดงทั้งหมดก็เรืองแสงขึ้นก่อนจะพุ่งขึ้นไปยังร่างของ ผู้พิทักษ์เลกซ์เดทีโอ
ก่อนที่มันจะเลือก ดาบออกมา 1จาก 4 เล่มทั้งหมด ซึ่งก็คือตัวแทนของ แมกม่าเทียนั่นเอง


“ ใบที่ 1 เทพแห่งความตายอานูบิส เมื่อตกไชน์จากกองการ์ด อีกฝ่ายต้องทิ้งไพ่ไปสองใบ ”
สิ้นคำของคิระ ผู้พิทักษ์ ก็คว้าดาบมาอีกเล่มก่อนที่จะเหวี่ยงมันลงไป ดาบยักษ์ถูกเหวี่ยงควงลงมา
กระแทกเสียจนเขากระเด็นไป กระแทกกับผนังอาคารอย่างแรง จนล้มครูดไปกองกับพื้น พร้อมกับมิสติกในมือที่ถูกส่งไปยัง ช่องเก็บการ์ดในไชน์ ที่ข้อแขนของขา


“ ใบที่ 2 Alternation เมื่อตกไชน์จากกองการ์ดย้าย มิสติการ์ดชนิด PS 1 ใบ
ไปยังซีลที่สามารถติดได้ใบอื่น เลือกย้าย ไซเรนโปรฮิบิเตอร์มาที่ ผู้พิทักษ์ ”
สิ้นคำของคิระ ผู้พิทักษ์ ก็ คว้าดาบอีกเล่มมาก่อนจะเหวี่ยงควงลงไปที่
ไม้เท้าที่ปักอยู่ใกล้กับ ซาลามันเดอร่า ทันทีที่ดาบควงกระแทกเข้ากับไม้เท้า ไม้เท้านั้นก็ถูกดาบตวัดให้ย้ายไปฝั่ง
คิระแทน การป้องกันจึงถูกย้ายไปที่ผู้พิทักษ์แทน


“ และใบที่ 3 ใบสุดท้าย นาฬิกาคุคู เร่งเวลา ซาลามันเดอร่าไป 1 เทิร์นทำให้
 At ของซารามันเดอร่าลดลง เหลือ 13   ”
และอีกครั้งที่ดาบเล่มสุดท้ายของ ผู้พิทักษ์ถูก คว้างมา ดาบได้กระแทกเข้ากับ ร่างของเจ้ามังกร จนมันล้มลง
แล้วค่าพลังของมันก็เปลี่ยนลดลงไปในทันที

“ ให้ผู้พิทักษ์ รวมร่างกับ สกาเลด จากนั้น Cost Mp 3 โจมตี  Sacred Sword Bounding เรายืนอยู่บนจุดสูงสุดของทุกสรรพสิ่ง ผู้ที่กวัดแกว่งดาบแทนพระผู้เป็นเจ้า ”
สิ้นคำ สกาเลดก็ลอยตัวขึ้นไปประกอบร่างกับ ผู้พิทักษ์ จานชั่งทั้งสามใบ ที่ติดอยู่ตามจุดต่างๆ
ได้เปลี่ยนกลายเป็นโล่คุ้มกัน ให้แก่ ผู้พิทักษ์ขณะที่ชิ้นส่วนอื่นๆของมันคอยเสริมขนาดของ

ผู้พิทักษ์ราวกับเป็นชุดเกราะให้ ก่อนที่จะพุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว
พร้อมกับดาบเล่มแรกที่เลือกมาซึ่งก็คือแมกม่าเทีย  โดย การลงดาบครั้งแรกนั้นทำได้แค่เพียง
เจาะเกล็ดอันแข็งแกร่งของ ซาลามันเดอร่าเท่านั้น

“ เมื่อโจมตีสำเร็จ Cost Mp 1 เพื่อให้ผู้พิทักษ์เลกซ์เดทีโอจู่โจมอีกครั้ง การโจมตีครั้งแรกด้วยผลของ
แมกม่าเทีย ทำให้ มีค่าพลังเพิ่มจาก 10 เป็น 12 และการโจมตีในครั้งนี้จะเพิ่ม อีก 2 เป็น 14 ชะตาของเจ้าสะบั้นแล้ว ”
สิ้นคำของ คิระ ผู้พิทักษ์ก็ได้เข้าไปจู่โจมอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ ซาลามันเดอร่าถูกทำลายลงในที่สุด



อนุชิต(คิระ)[ Hand Sta: Seal:5 Mystic:1 ] mp 0 Shrine 0/12 Win
ธนัท [ Hand Sta: Seal:0 Mystic:0 ] mp 0 Shrine 12/12 Lose


“ อ่อนหัดสิ้นดี.... ”
คิระ กล่าวจบก็เดินขึ้นบันได จากไปทิ้งให้ ธนัท นอนหมดสติ โดยที่ไม่รู้ว่าตนพ่ายไปแล้ว


“ จริงอยู่ที่หมอนี่ยังอ่อนหัดแต่… ”
โคทาโร่ กล่าวขึ้นขณะที่ เข้าไปพยุงร่างของ ธนัท ให้นั่งพิงกำแพง
คำพูดของเขาทำให้ คิระหยดเดิน ชั่วครู่เพื่อที่จะฟังสิ่งที่ โคทาโร่จะสื่อ ออกมา

“ หมอนี่ยังสามารถพัฒนาไปได้อีก เพราะฉันเห็นมันมากับตาแล้วซักวัน
หมอนี่คงจะเก่งจนโค่นแก ได้ ”
โคทาโร่ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น ทำให้ คิระ รู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับคำพูดที่ออกจากปากของเขา

“ ไว้ถึงตอนนั้น ฉันจะถอนคำพูดก็แล้วกัน ”
คิระ กล่าวก่อนจะก้าวเดิน ออกไป โดยที่ เคียว วิ่งสวนกับเขาลงไป ดูอาการ ธนัท
ที่ถูก ดาบของ ผู้พิทักษ์ผนึกเลกซ์เดทีโอ อัดจนสลบ


/Get Call/
“ ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง.. ”
เสียงของ ผู้ติดต่อเข้ามาดังขึ้นจาก ทีเนอร์ Note ของ คิระ

“ จัดการเรียบร้อยแล้ว.. ”
คิระ กล่าวเสียงห้วน ขณะที่ เดิน ขึ้นบันได ไปยังชั้นบนเรื่อยๆ

“ งั้นหรือดีแล้ว เพราะเราจะให้พวกมันรู้ไม่ได้ว่า ใครคือ องค์หญิงแห่งมังกรขาว
การที่ส่งนายไปจะเป็น การดึงความสนใจของพวกมันไปที่ เจ้าหนู และยังทำให้พวกมันไม่
กล้าลงมืออย่างๆผลีผลามอีกด้วย ”
เสียงของผู้ติดต่อดังขึ้นก่อนที่ จะตัดสายไป


“ ใช้คนเก่งจริงนะ...เอาเถอะเราจะมัวมาอยู่แบบนี้ไม่ได้ พวกมันคงจะเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ”
คิระ คิด ขณธที่ยังคงมุ่งหน้าขึ้นไปยังชั้นบนของอาคารเรื่อยๆ

.........
.........
...............

“ ว่ายังไงนะ แอน หายตัวไปงั้นเหรอ ”
ธนัท ร้องเสียงหลงในทันที หลังจากที่ได้ยินเรื่องจากปากของ เคียว ขณะที่ โคทาโร่ ช่วยพยุงเขา
ไปนั่งที่เก้าอี้ ข้างๆร้านซ่อม

“ อืม..พี่ เบล เองก็ไม่อยู่ด้วย แถมพอหันมาอีกที แอนก็หายไปแล้ว ”
เคียว กล่าวหน้าถอดสี ขณะที่ มือถือ คาสเทเน็ท Note ของเขาเอาไว้กระชับ เพื่อรอให้แอน รับสาย

“ ชิ..นี่หรือว่า พวกมันอีกแล้ว... ”
ธนัท สบถพร้อมกับกัดด้วยความเจ็บแค้น จากความพ่ายแพ้ที่ถูกมอบให้
อย่างไม่มีทางสู้ แล้ว เพื่อนของเขาอาจจะถูกพวกชุดดำจับตัวไปอีก
ราวกับเป็นการซ้ำเติม ในความไม่เอาไหนของเขา
..................
.........................

“ เอาล่ะองค์หญิงแห่งมังกรขาว คือคนไหนเอ่ย  ”
เสียงหวานๆของสาววัยแรกรุ่น ดังขึ้นพร้อมกับสายตาที่จ้องมองพวก ธนัท
ลงมาจากมุมมืด ที่ชั้น บนสุดของ อาคาร



To be Continue

หลังจากตอนนี้ไปขอแถลงเลยละกันครับ จะของด ยาวไปจนถึง เดือน มีนาคม เลย
เพราะอาทิตย์ ที่จะถึงนี้ต้องไป เขาชนไก่แว้ว แล้วต่อด้วยสอบ o-net A-net
อีกคงต้องหยุดอ่านหนังสือกันพักใหญ่ล่ะขอรับ เพราะฉะนั้นต้องขออภัยในความไม่สะดวก
นะขอรับ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #56 on: January 18, 2009, 09:21:43 PM »

พิเศษ ก่อนลายาว By Garurumon
แหมๆ บทนี้ก็ไม่รู้จะแถลงอะไรมากนะฮ้า
เลยจะมาพูดเกี่ยวกับ ตัวละครที่ชื่อ อนุชิต นิมินตการดี กันซักหน่อย
เริ่มจากฉายาของท่านนั้น ได้แต่ใดมาลือ แล้วชื่อสำรับของท่านมีความหมายว่าอะไรได้มาจากไหนหรือ
ช่วยไขข้อข้องใจของเดี้ยนทีนะฮ้า

คิระ: “ ฉายาเหรอ ไม่รู้หรอกพวกมันก็เรียกๆกันเงี้ย ชื่อสำรับ เจ้า ศรีมันตั้งให้ ไม่รู้ความหมายหรอก ”

เวรสรุป รู้อะไรเกี่ยวกะตัวเองมะเนี่ย ไปถาม ธนัท ดีก่า

ธนัท: “ ก็ฉายาเหรอคับ คือเพราะพี่อนุชิต ชอบใช้ อสูรที่มีรูปร่างคล้าย กันดั้ม แล้วฝีมือพี่แกก็เข้าขั้นเทพ ไปๆมาๆ คนอื่นเลยเรียกว่า คิระ ชื่อของตัวละครจากโมบิลสูทกันดั้มซีดเดสทินี่ ไงคับ ”

ง่ะพูดไม่ออก แล้วชื่อสำรับล่ะ

ธนัท:“ อันนี้มะรุครับ พี่ผมเป็นคนตั้งให้นี่ ”
เวรแล้วจะไปถามใครเนี่ย ไอ้ชื่อ Heaven Gundamus เนี่ยกด ดิทส์ยังไม่มีเลย
รู้แว้วถามเกรม่อนคุงไง

Greamon: “ อ๋อก็แปรว่า กันดั้มแห่งสวรรค์ไง ตรงตัวเป๊ะ gundamus = กันดั้ม Heaven ก็สวรรค์ไง ”

จุดจุดจุด........

Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #57 on: January 18, 2009, 09:27:05 PM »

--3--  เดี๋ยวพี่มาบอกผมด้วยนะ  ว่าเขาชนไก่เค้าต้องเข้ากันทั้งหมดกี่วัน

ส่วนวิธีเตรียมตัว ใน www.dek-d.com มีลงไว้แล้วนะครับ  รวมถึงอันตรายจากสิ่งที่ขึ้นต้นด้วย "ผ" ตามด้วย สระอี ด้วยครับ 

แล้วก็.......  Heaven gandamus=กันดั้มสวรรค์ เนี่ย .........
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #58 on: January 20, 2009, 02:50:45 AM »

คุณ boy เรียนรด. ปีไหนล่ะครับ ถ้าปีสองก็ไปสามวันสองคืน ถ้าปีสามก็ไปห้าวันสี่คืน

แต่ปีสองไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ จะมาเหนื่อยก็ปีนี้ล่ะคร้าบ ปีสามเนี่ย

แถมกลับมาเหลืออีกสัปดาห์เดียว สอบไล่ จากนั้นก็ O-Net ต่อเลย
แล้วเว้นช่วงอีกอาทิตย์ A-Net แถมรุ่นเราเป็นรุ่นสุดท้ายอีกด้วย
ก่อนเป็น Gat Pat เหอๆเหงเขาบอกว่าปีนี้จะยากเปงพิเศษ เพราะงั้น
เลยต้อง งด เขียนนิยายยาวเลยล่ะครับ ไว้ติดม.แล้วจะมาลงต่อแต่กำลังคิดว่า

เรื่องนี้ไม่ค่อยมีคนดูแล้ว เลยจะเปลี่ยนไปลง ทาลิภาค2ก่อง เพราะตอนนี้ข้อมูลเขียนเรื่องนี้ตันมาก
คุยกับพี่สาวแล้ว ไปๆมาๆ เลยให้เจ้าการุรุม่อน ไปหาเอาของเถื่อน กันดั้ม ดับเบิลโอ ซับไทยมาให้พีดูแทน

แล้วก็ไปๆมาๆกลายเป็นว่า พล็อตเรื่องอะไรของพี่เค้าไม่รุ มันลงตัวเป้ะเลยจะเปลี่ยนล่ะครับ
ดูจาก sig ของผมแล้วคุณ boy คงจะคุ้นเลยสิท่า เรกกะ หน้าถอดแบบมาจาก ลอว์เรนซ์ เด้ะ

แถม เจนัส กับ นีน่า ยังเปลี่ยนนามสกุลแล้วกลายเป็นตัวละครใหม่เฉยเลย
คิดว่าตัวละครเหล่าเป็นมายังไงเอ่ย ขอสปอยไว้เลยละกันครับ
พวกนี้เป็นรุ่นลูกหลานของ ลอว์เรนซ์ แต่ที่ ครอบครัว รูลเวลล์ กับ ลาเซริโอ้ ทะเลาะกันนี่ขออุบไว้ก่อน
ส่วน นีโอเวลมายังไง คิดว่าคุณ boy น่าจะเดาออกนะครับเหอๆ

พูดไปแล้วมันเศร้า ผทเป็นผู้ชายแท้ๆดันชอบเรื่องโรแมนติกอย่างลอลลี่ป็อบ พี่ผมเป็นสาวเป็นแส้ ดันชอบกันดั้ม
ซะงั้น ส่วนเจ้าการุรุม่อน ชอบ มาสไรเดอร์ เอาเข้าไป

แต่ก็นี่แหล่ะ โแมหน้าทีมงานแต่งนิยายของพวกเรา ตอนนี้กะว่าหลังสอบเสร็จจะลองฝึกทำอนิเมชั่น สร้าง เพลง Op
ของนิยายขึ้นมาซะเลยแต่จะให้เป็นอนิเมะเลยคงไม่ไว้ ได้แค่ Op Ed ก็ยังดี

ถ้ายังไงขอลาไปจัดของเข้ากรเป๋าเตรียมไปเขาชนไก่ ก่อนดีก่า

แง้ ตอนนี้ล่ะที่อยากได้ นีน่าจัง กับ เจนัสคุง มาช่วยติวการไปค่ายจริงๆ เอ หรือจะไปให้เซอร์เซสฝึกดี.....


ต๊องไม่เลิกนะนายเนี่ย แล้วไหงภาค 2ฉันถึงไม่มีบทเลยง่าาา By ลอว์เรนซ์

แล้ว ลอว์เรนซ์ แต่งงานกับใครเหรอ by นีน่า

แต่งกับ พี่สาวอ้ะเปล่า By ลากูน่า

เฮ้ยหมายความว่าไงฟะ แฟนฉันนะว้อย มาให้เจี๋ยนเดี๋ยวนี้เลย By เจนัส

เฮ้ย ลากุ อย่าล้อเล่นแบบนี้เดะ เฮ้ย เจนัส อย่าๆๆ อ็าคคคคคค By ลอว์เรนซ์

ปะชะวิ้ง

" แสงสีขาวที่ส่องประกายเจิดจ้าจะลบความกลัวแห่งปิศาจออกจากโลกใบนี้นามของข้าคือ
ทาลูคูส ( Thalucus, the Dragoon of Thaliwilya ) "

อ้ะเสียงคุ้นๆ

Change Hyper Wolf

อะอันนี้ก็คุ้นๆ


ลอว์เรนซ์ ร่างทาลิวิลย่าแห่งแสงของนาย เอาชนะ เนลฟาแอคเตอร์ ไฮเปอร์โหมดไม่ได้หรอก
ย้าก ท่าไม้ตาย Maximum Hyper Typhoon

By เจนัส

แล้วไงลองรับนี่ดู Great of Dragon ความยิ่งใหญ่แห่งมังกร และตอนนี้ขออันเชิญ เนเมซิส
ใช้ดาบแห่งคำอธิษฐาน ท่าพิฆาต Great of Dragon G.o.d(God เป็นตัวย่อของ
Great of Dragon ซึ่งเรียกว่าเทพได้พอดีเลย )

By ลอว์เรนซ์

เฮ้ยหยุด ! by?

ใครวะ By ลอว์เรนซ์ เจนัส

พระเอก........มาแล้ว by?

แกคือ... by ลอว์เรนซ์ เจนัส

เรกกะ อัศวินทาลิวิลย่าแห่งอาริมาเทีย สวมร่างแปลงกาย

Light From

"เมื่อข้าคนนี้ส่องประกาย ไม่ว่าเมื่อไหร่มันจะต้อง ไคลแมกซ์สุดๆ "

by เรกกะ ร่างทาลูคูส แห่งอาริมาเทีย

เฮ้ยไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกถือดียังไงมาหือกับรุ่นพี่หึ by ลอว์เรนซ์ เจนัส

อ้าวๆไม่รู้เหรอ ดราโกรีเจนฯ น่ะแรงสุดๆแล้วตอนนี้ เพราะฉนั้นมันหมดยุคของ พวกตาแก่ตกยุคไปแล้วจากนี้มันต้อง
ไคล์แมกซ์สุดๆตั้งแต่ต้นจนจบ

by เรกกะ

อ้าวพูดหมาๆงี้ได้งาย มาดวลกันดีกว่า ความแรงกับความเก๋า ใครจะเจ๋งกว่ากัน by เจนัส ลอว์เรนซ์

ไม่มีปัญหา เข้ามาเลยเว้ย by เรกกะ

ตุบตับตุบตับ ผัวะบึกปึก แช้ด ตูม บรึม เอี้ยดอ้าด เอี้ยดอ้าด ปิ้วๆๆๆ  เคร้ง เปรี้ยง
โครม บรึม ซี้ด~~~~อ้าาาาา เพล้ง บรึม ตูม โครมๆ แกร็ง หมดยกที่1


เวรเรียกมาช่วยจัดของ ดันตีกันเองจนเละไปหมดแล้ว T_T  byเกรม่อน







Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #59 on: January 20, 2009, 09:35:45 PM »

งง..ครับ กับบทสนทนาที่งงงวย

อีกอย่าง...ผมแค่ม.1 นะ       อีกอย่าง.....แบบนี้ไม่มีนิยายอ่านแน่เลย 

เพราะอายุยิ่งมาก ยิ่งมีกิจกรรมเยอะ  วุฒิการศึกษายิ่งสูงก็ยิ่งมีเวลาน้อย 
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #60 on: January 21, 2009, 03:54:45 AM »

Quote
งง..ครับ กับบทสนทนาที่งงงวย

อย่าไปงง เลยจ้ะสนไปก็ไม่ได้อะไรหรอก เพราะมันก็แค่มุขฝืดๆของคนๆหนึ่ง

แต่ถ้าจะให้แจงก็ คือ ลอว์เรนซ์ ทะเลาะกับ เจนัส เพราะ นีน่า ถามว่าลอว์เรนซ์แต่งงานกับใครถึงมี
ลูกมีหลานให้มาอยู่ภาค2 ได้ แล้วเจ้าลากุ(ขอเรียกชื่อเล่นบ้างนะอยากเรียกมานานละแทบไม่มีโอกาส) มันก็ดัน

แซวไปว่า ลอว์เรนซ์แต่งนีน่า อ้ะเปล่า (พี่สาวในที่นี้คือคำที่ ลากุใช้เรียก นีน่า)
แล้วเจนัสคุง สุดเลิฟของ เจ็ ก็ดันเข้าใจเป็นจริงเป็นจัง เลยทะเลากัน

จากทะเลาะก็กลายเป็นใส่เอฟเฟ็คเต็มสูบ ลอว์เรนซ์แปลงเป็นทาลิฯ
เจนัส สวมแอคเตอร์แถมเปลี่ยนโหมดสุดยอดเป็นไฮเปอร์ฟอร์มด้วย
(ถ้าไม่รู้ว่า เนลฟาแอคเตอร์ไฮเปอร์ฟอร์มคืออะไร ลองย้อนกลับไปดูที่ กระทู้ของเจ็นะจ้ะ มัลติแอคเตอร์อ่ะ)

แล้วก็สู้ไปสู้มา เรกกะ พระเอกของทาลิ ภาคใหม่ก็มาท้าตีกับเขาซะกลางวง

คุยไปคุยมาเป็นเรื่องกันอีก สุดท้ายเกรม่อนคุงเลยไม่ได้จัดกระเป๋าซะที เอ็ะ แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนนิ
ชักงง พอจะเข้าใจละว่าทำไม บอกว่างง ขนาดฉันเป็นสผู้ช่วยมันยังง เองเลย

55555+

แต่ไม่ต้องกงัวลนะจ้ะว่า จะไม่มีอะไรให้อ่านไปซักพัก เดี๋ยวพอว่างแล้ว เกรม่อนคุงก็มาเขียนเองล่ะ
 ว่าแต่ขอถามซักนิดนะ Smn VR! เรื่องนี้เนี่ยหลังจากออกมาถึง 8 ตอนแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง ดูแล้วประทับใจ
 หรือห่วยก็บอกกันตรงๆเลยก็ได้จ้ะ เพราะอันนี้ไม่คิดมากอันที่จริง ก็ไม่ได้ตั้งใจเขียนต่อให้มันยาวขนาดเนี้อยู่แล้ว

แต่โดน ปิโยม่อน พี่สาวเกรม่อนคุง สั่งแกมบังคับ อ่ะจิ ทั้งที่พล็อตเรื่องยังไม่ได้คิดไม่ได้วาง เพิ่มเติมเลย
เพราะที่เอามาเขียนเนี่ย กะเขียนให้ดวลกะ ภูเขาจบพอ เพราะซีรี่ย์แรกมันดวลค้างกันไว้

ทิ้งไว้เดี๋ยวคาใจ ถ้ายังไง ก็บอกกันหน่อยเน้อว่ารู้สึกยังไงบ้างกับเรื่องนี้ จะบอกว่ามันก็อบเนื้อเรื่องการ์ตูนที่ไหนมาก็ได้นะ เพราะมันไม่มีข้อมูลเขียนจริงๆ พวก เจ็ เลิกเล่นการ์ด ไปประมาณ2ปีที่แล้วพึ่งจะกลับมาจับอีกรอบเนี่ย
เลยไม่มีแท็คติก การดวลเจ๋งๆ หรืออะไรที่มันน่าตื่นเต้นมาเขียนอ่ะจ้ะ

เลยต้องแทรก แอคชั่นเข้าไป ซะเยอะจนมันจะออกทะเลอยู่แล้ว ว่าแต่ คิระ กับเ Deck กันดั้ม สวรรค์เป็นไงมั่งเอ่ย

แต่ว่า ร.ด. ปีนี้เนี่ย พี่จะนอนเต็นท์เดียวกับเกรม่อนคุงล่ะ จะเอาให้ดิ้นไม่หลุดเลย หึๆๆๆ จะหนีไปไหนพ้น ว่าแล้วขอเตรียมตัวไปจัดการ..เอ็ย จัดกระเป๋าก่อนนะจ้า


ปล.รด.ปี สอง คือม.5 ไป3วัน2คืน
ปีสามคือม.6 ไป5วัน4คืน
ส่วนปีหนึ่งหรือม.4 ไม่ต้องไป


Logged


dhaos
Member
*****
Offline Offline

Posts: 109


Email
« Reply #61 on: January 22, 2009, 03:20:57 PM »

Quote
ว่าแต่ขอถามซักนิดนะ Smn VR! เรื่องนี้เนี่ยหลังจากออกมาถึง 8 ตอนแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง ดูแล้วประทับใจ
 หรือห่วยก็บอกกันตรงๆเลยก็ได้จ้ะ เพราะอันนี้ไม่คิดมากอันที่จริง ก็ไม่ได้ตั้งใจเขียนต่อให้มันยาวขนาดเนี้อยู่แล้ว

ตามอ่านมานานในฐานะคนอ่านคนนึง บอกตรงๆเลย เหมือนเป็นการยำใหญ่ของการ์ตูนเรื่อง "ยูกิ เกมส์กลคนอัฉริยะ" + "คุณครูจอมเวทเนกิมะ"
องค์หญิงแห่งมังกรขาว >>>>> ร่างมนุษย์ของ Blue Eye White Dragon ในยุคอียิปต์
โคทาโร่ >>>>> แหมชื่อและลักษณะนิสัยออกจะตรงตัว ถ้าอ่านเนกิมะแล้วไม่รู้นี่ก็บ้าล่ะ
มาริน่า >>>>> มีเชื้อแวมไพร์ ใช้เส้นเอ็นได้ เอวาจาลีนชัดๆ
เรื่องการผนึกอาจจะคล้ายๆกับการ์ตูนเรื่อง "มอนโคลเร่ ไนท์"
แต่ถ้ายกเอาเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้ออกไป(เพราะยังไงมีฐานจากการ์ดเกมส์ เรื่องที่แต่งออกมาก็ต้องสู้กันแบบยูกินั่นแหละ)ถือว่าเป็นนิยายที่ออกมาเป็นแบบฉบับของตัวเองดี มีฐานเนื้อเรื่องที่คนอ่านสามารถเข้าใจได้รวดเร็ว เพราะใช้หลักความจริงในปัจจุบันมาเกี่ยวข้อง(อย่างวิกฤติพลังงาน, การตกแต่งพันธุกรรม) มีการเสริมเนื้อเรื่องนอกเหนือจากการเล่นการ์ดเข้าไปเยอะทำให้คนอ่านไม่รู้สึกเบื่อ(ถ้าเป็นยูกิ เอะอะอะไรมันก็ DUEL!!! ไม่งั้นก็เจอไคบะลับคมไพ่เขวี้ยงใส่)  การดำเนินเนื้อเรื่องชวนให้น่าติดตามเสมอ ภาษาที่ใช้ไม่ยุ่งยากอาจจะติดขัดในเรื่องของภาษาอังกฤษนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา
โดยรวมแล้วถ้ามีคะแนน 10 คะแนน ก็ให้เต็ม 10 ไม่งั้นก็เอาไป 11 เลย

ปล.ไป รด. กัน ไร่อ้อยข้างค่ายฝึกเหี้ยนเตียนกันไปรึยังนั่น ไอ้เราจบจนทำงานยังจำได้ว่าตอนไปฝึกนั่งเคี้ยวอ้อยกันเป็นทางทุกปี
« Last Edit: January 28, 2009, 04:27:23 AM by dhaos » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #62 on: January 22, 2009, 06:27:43 PM »

Quote
ตามอ่านมานานในฐานะคนอ่านคนนึง บอกตรงๆเลย เหมือนเป็นการยำใหญ่ของการ์ตูนเรื่อง "ยูกิ เกมส์กลคนอัฉริยะ" + "คุณครูจอมเวทเนกิมะ"
องค์หญิงแห่งมังกรขาว >>>>> ร่างมนุษย์ของ Blue Eye White Dragon ในยุคอียิปต์
โคทาโร่ >>>>> แหมชื่อและลักษณะนิสัยออกจะตรงตัว ถ้าอ่านเนกิมะแล้วไม่รู้นี่ก็บ้าล่ะ
มาริน่า >>>>> มีเชื้อแวมไพร์ ใช้เส้นเอ็นได้ เอวาจาลีนชัดๆ
เรื่องการผนึกอาจจะคล้ายๆกับการ์ตูนเรื่อง "มอนโคลเร่ ไนท์"
 


ที่ว่ายำใหญ่ การ์ตูนนี่ ตรงประเด็นสุดเลยครับ เพราะมันไม่มีอะไรจะมาเป็นฐานการแต่งจริงๆนั่นล่ะ
ที่จริง นอกจากที่ว่ามามันยังมีอีกเยอะกว่านั้น แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว
เรื่องแนวเวทมนย์ บู๊ บุ๊น กันมันก็คงไม่พ้นพวกนี่หรอกครับ อ้อส่วนเรื่องการ ผนึกซีลนั้น ได้แบบมาจาก Kekkaishi

ผู้ผนึกมาร เห็นว่า ผนึกมันแหวกแนวดี เลยเอาความคิดเกี่ยวกับกรอบของมันมาใช้ แต่เปลี่ยนจากที่
ในการ์ตูนนั้นจะสลายปีศาจที่ถูกผนึก ให้หายไปเป็นผนึกเก็บในรูปของการ์ดแทน


ส่วนองค์หญิงมังกรขาวนั้น ตอนแรกก็ไม่นึกหรอกครับว่า มันจะไปตรงกับ บูลอายร่างมนุษย์ ในยูกิ พอดีซีลเลเวล
5 ตัวนี้ มันเป็นมังกรขาว ก็ไม่ใช่ตัวอื่นหรอกแกรนเดครอสแหล่ะ ไปๆมาๆมันดันไปตรงกันได้ไงก็มะรุ แต่ก็ดีเหมือนกัน

อย่างกับชะตาลิขิตให้เรื่องของเรามันลื่นไปได้เรื่อย เหอๆๆ
ส่วนการทำ ซิงโคร อะไรนั่น ก็เอา ร็อคแมนEXE กับ เนกิมะมารวมกัน
นอกจากนี้ พวก Note ที่พูดกันจ้อนั่น ก็เอา ดูเอลดิสของยูกิ มาจับยำกับ ดีไวซ์ของ นาโนฮะ
จากเรื่องสาวน้อยจอมเวทย์นาโนฮะ

ส่วนในเรื่องที่เอา โลเกชั่นมาเขียนนั้น อ้างอิงจากสถามนที่จริงๆก็ มี สะพานเหล็ก
อาคารภิรมย์พลาซ่า ถ้าสังเกตุในรูปที่ลงไปในตอนที่8 จะเห็นว่าเป็นร้าน การ์ดที่ อยู่ตรงชั้นล่างสุด
ส่วนโรงเรียนมนต์วิทยา นั้น เอาโลเกชั่นมาจาก โรงเรียนในเขตบางกอกใหญ่
ไม่บอกนะว่าโรงเรียนไหน เพราะมันเป็นโรงเรียนที่พวกกระผมเรียนอยู่ อะหุ

นอกเหนือจากนี้ก็มีอีกเย้อแยะ จนสาธยายไม่หมด เอาเป็นว่าช่างมันเถอะเนอะ เพราะ ยังไงเรื่องราวต่างมัน
ก็ต้องมีพื้นฐานจากสิ่งดียวกันอยู่ที่ว่าเรา จะจับมันมาดัดแปลงแล้วแก้ไข เปลี่ยนให้มันเป็น สไตล์ของเราเองยัง
ไงนั่นล่ะนะครับ


Quote
ปล.ไป รด. กัน ไร่อ้อยข้างค่ายฝึกเหี้ยนเตียนกันไปรึยังนั่น ไอ้เราจบจนทำงานยังจำได้ว่าตอนไปฝึกนั่งเคี้ยวอ้อยกันเป็นทางทุกปี


ไร่อ้อย บ้านั่นยังอยู่ครับ ทำเอาหงุดหงิดจริงๆ เดินไปมันก็มาเกี่ยวขาเราไป เหอๆ
Logged


dhaos
Member
*****
Offline Offline

Posts: 109


Email
« Reply #63 on: January 23, 2009, 01:01:09 PM »

จะว่าไปซิงโครรวมร่าง Seal ใหม่มันก็ Cross Fusion จริงๆแหะ
มีมายำเยอะก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เหมือนมันจะกลายเป็นเอกลักษณ์ของการ์ตูนสมัยนี้ไปแล้ว ดูอย่าง เคโรโร่ะ หรือ ฮายาเตะพ่อบ้านประจัญบาน หรือ เจปัง ก็ดีเป็นการยำใหญ่การ์ตูนแทบทั้งนั้น(แต่มันเป็นแนวฮานี่น่ะ)


ปล.จำนวนคนเข้ามาอ่านก็เยอะ ทำไมคนวิจารณ์ไม่มีเลยแหะ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #64 on: January 28, 2009, 02:41:27 AM »

Quote
ปล.จำนวนคนเข้ามาอ่านก็เยอะ ทำไมคนวิจารณ์ไม่มีเลยแหะ

นั่นสิ ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน ว่ามีคนอ่านออกจะเยอะแต่ไหงไม่มีคนวิจ่รณ์ คือที่จริงก็ไม่ใช่
ว่าถึงกับเงียบไปเลย เพราะมีคนคอยตอบอยู่ประปราย อย่างคุณ boy ถ้าไม่นับคุณ dhaos  เจ้าการุรุม่อน
ตัวผมกับคุณ boy แล้วนอกนั้นก็จะมาตอบให้แค่ช่วงต้นๆ

ที่จริงก็ไม่ใช่ว่าผมอยากจะเรียกร้อง เสียงเชียร์หรือให้มีคนมาชื่นชมเยอะหรอกนะครับ แต่บางทีมันก็เงียบเกินไป
ผมเองยังคิดอยู่จนถึงตอนนี้เลย ว่าผมแต่งได้น่าเบื่อมากเลยหรือเปล่า คนที่เข้ามาอ่าน

เขาถึงได้ไม่ยอมตอบกัน ยังนึกเลยว่าเข้ามาอ่านแค่2 บรรทัดก็เลิกเบื่อไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่เจ้าการุรุม่อนผู้ช่วยผม มันได้แอบจับตาดูอยู่ในกระทู้ตลอดเวลาอยู่ในช่วง สัปดาห์หนึ่งปรากฏว่า ทันทีที่
มีการอัพเดท มีเข้าชมอยู่ประปราย และนั่งอ่านอยู่ในเกณฑ์ ของเวลาที่น่าจะอ่าน จบลงได้ในบทนั้นๆ
 แต่ทว่าเสียงตอบรับ...เงียบอย่างที่เห็น

บางทีกำลังใจมันก็เป็นสิ่งสำคัญนะครับ แต่ก็ไม่ถึงกับว่า ต้องชมต้องเอาใจ กันให้ซะทุกครั้งไป
ตัวกระผมต้องการแค่ความคิดเห็นที่จะนำมาปรับปรุง การแต่งการเขียนของตัวเองบ้าง

เหมือนนิยาย ของท่านอื่นๆ ท่านจะวิจารณ์ทางลบ หรือทางบวกก็ได้ผมไม่ว่า
 แต่ที่ต้องการก็คือความคิดเห็นและทัศนคติของผู้อ่านทุกๆท่าน

ก่อนนี้ผมยังเคยนึกเอาเองเล่นๆเลยว่า นิยายของผมไม่มีจุดบอดให้ผู้อ่านติ หรือวิจารณ์เลยเหรอ
จนเคยถึงกับ ลองสร้างความผิดพลาดแทรกลงไปในนิยาย ของตัวเอง เพื่อทดสอบ
กระแสตอบรับ ซึ่งต่อมา ก็เลยนำมายังการแต่งแบบที่ผมไม่ค่อยถนัดนัก เพื่อสร้างแนวนิยาย

ของผมให้พัฒนาไปอีกระดับ นั่นคือการใช้ภาษา ต่างประเทศมาเข้าช่วย ซึ่งผมเป็นคน
ที่ไม่เก่งเรื่องภาษาขั้นรุนแรง อย่างสุดๆ ซึ่งที่จริง พี่สาวผมจะช่วยก็ได้ แต่ผมเอง
ที่เป็นคน ยืนกรานจะเขียนบรรยาย ทั้งหมดโดยไม่ให้ ลูกทีมเข้ามาช่วย และให้พวกเขา

ไปหาข้อมูล และเก็บภาพ กับโลเกชั่นต่างๆ รวมไปถึงเทคนิกการ ดวล แมทซ์การแข่งขัน ต่างๆจาก
 ไวเซอร์ที่กองพะเนินเต็มบ้าน

เมื่อมาถึงตรงนี้ ถึงได้เริ่มจะเห็นอยู่ลางๆแล้ว ว่า อาจจะไม่ใช่ นิยายของมีจุดผิดพลาดมากเกินไป แต่อาจเป็น
เพราะผม ได้ขัด และสกัดกั้นความผิดพลาดทั้งหมดของตัวเอง ด้วยการมีช่วง ทิป อธิบายส่วนขยายต่างๆในนิยาย
ของตัวเอง เพื่อตอบคำถามในวงกว้าง
ได้อย่างมากทำให้ไม่มีคนตั้งถาม หรือสงสัยอะไรกันเลยแม้แต่น้อย

หรืออาจเป็นเพราะ ผมทำตัวเป็นเกรียน(อธิบายศัพท์แบบรวบๆ คิดว่าคงเข้าใจ)
จนน่าหมั่นไส้ สุดๆไปหรือเปล่า ก็สุดจะคาดเดาจริงๆขอรับ

ถ้ายังไงสุดท้ายนี้ผมอาจจะเป็นคนพูดมากและมากความ กะอีแค่ ขอให้มีคนตอบหรือวิจารณ์
 ดันวิพากออกมาซะเป็นวรรค เป็นเวร อย่างกะ ละครน้ำเน่า
ก็ตาม แต่ผมเป็นคนประเภท ชอบทำอะไรอ้อมค้อมตลอด มันก็เลยเป็นเช่นประการนี้แล
Logged


dhaos
Member
*****
Offline Offline

Posts: 109


Email
« Reply #65 on: January 28, 2009, 04:38:40 AM »

ความจริงการที่คนจะน้อยก็ไม่น่าแปลกใจอะไรมากนัก เพราะบอร์ดนี้เป็นบอร์ดของคนเล่นการ์ดซะส่วนใหญ่ โดยมากก็จะเข้ามาหาข้อมูลการ์ดกันมากกว่า ออกจะเป็นแนวบอร์ดที่ค่อนข้างเฉพาะทางซักหน่อย ไม่เหมือนกับประมูลที่เป็นบอร์ดเปิดเสรี ดังนั้นกลุ่มคนที่พอจะวิจารณ์ออกมาได้จึงค่อนข้างน้อย
ซึ่งตรงจุดนี้การจะหาคนวิจารณ์จึงน่าจะไปลองดูที่บอร์ดอื่นบ้าง เอาแบบที่เกี่ยวข้องกันก็น่าจะไปที่บอร์ดของ Summoner Master Online
http://forum.summoner.in.th/index.php

เนื่องจากมันเป็นบอร์ดของเกมส์ Online จึงน่าจะมีคนเข้าบอร์ดมากกว่าของที่นี้ มดนิฮิลก็ไปพัฒนาเกมส์อยู่ที่นั่น
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #66 on: January 29, 2009, 09:53:45 AM »

ผมว่าอาจจะมีคนอ่านแต่ขี้เกียจตอบมากกว่า 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #67 on: January 29, 2009, 12:51:51 PM »

Quote
ผมว่าอาจจะมีคนอ่านแต่ขี้เกียจตอบมากกว่า

อันนี้ก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น เอาเถอะครับ ยังไงก็ช่างขอแค่รู้ว่ามีคนติดตามดูอยู่ก็มีแรงกำลังจะเขียนต่อละ แต่ตอนนี้ยังไม่ว่างเขียนอยู่ดี ต้องอ่านหนังสือ 

แล้วก็เรื่อง SMN VR! นี่ไม่มีมุขจะเขียนตันอยู่ จะขอเลื่อนเรื่องนี้ออกไแล้วลง ทาลิภาค2แทนก่อนละกันเน้อ
Logged


~{[M]iRRo[R]}~
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 250


Email
« Reply #68 on: March 12, 2009, 03:26:34 AM »

เนื้อเรื่องสนุกดีนะคับ
เจ้าของเรื่องม.6ใช่มะ ผมก้เหมือนกัน รอคะแนนแอดไปเรื่อยๆ(นอกเรื่องแหละ)
เนื้อเรื่องเอาการ์ตูนหลายๆเรื่องรวมเยอะเลยอะ
แต่บางทีไม่รู้ซิว่าคิดไปเองไหมที่คิดว่า บางทีก้ขาดๆเกินๆ
แต่โดยรวมใช่ได้คับ
ป.ล. บางทีรูปก็ไม่ติดอะ - -*
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #69 on: March 12, 2009, 06:33:44 PM »

Quote
เนื้อเรื่องสนุกดีนะคับ

ขอบคุณสำหรับคำชมนะขอรับ

Quote
เจ้าของเรื่องม.6ใช่มะ ผมก้เหมือนกัน รอคะแนนแอดไปเรื่อยๆ(นอกเรื่องแหละ)

ครับ ม.6 ขอรับ แต่ตอนนี้ไม่ลุ้นผลแอดแล้วล่ะขอรับ เพราะสอบตรงติดไปแว้ว อยู่ตั้งเกษตร ศรีราชาแน่ะ ฮือๆๆ
  จะไม่เอาก็ไม่ได้ ทางบ้านเค้าเป็นห่วง ไม่กล้าปล่อยให้ลุ้นกับแอดฯ

Quote
ป.ล. บางทีรูปก็ไม่ติดอะ - -*

อันนี้ คือว่ารูปมันหายไปไม่ติดนั้นอาจเป็นเพราะเวบที่ฝากรูปไว้ เค้าปิดปรับปรุงอยู่หรือไม่ก็อาจเป็น เพราะ
ความเร็วในการโหลดเน็ท ของท่าน อาจไม่เพียงพอ เพราะรูปนั้นผมแปะไว้เยอะพอสมควรเลยอาจทำให้โหลดช้าบ้าง แต่ถ้ารูปไหนเสีย ผมจะทำการแก้ไขให้นะขอรับ

ก็น่ายินดีจริงๆ ที่ซีรี่ย์นี้ พอเอากลับมาทำไมก็ยังมีท่านผู้ชมคอยติดตามให้การสนับสนุนอย่างดี
พอๆกับตอนที่เคยลงเรื่องนี้ไปเมื่อ 3ปี ที่แล้ว แต่ลงไม่จบพอ หลังจากจบซีรี่ย์ ทาลิวิลย่า

ก็เลยว่าจะต่อให้เสร็จ(พอดีว่างไม่มีไรทำ) แต่สุดท้ายเพราะคำสั่ง บก. ปิโยม่อน เลยทำให้ต้องพักไว้ก่อนจนกว่า โปรเจค ซีรี่ย์

 ทาลิวิลย่า ภาคอาริมาเทีย จะจบ ซึ่งมีกำหนดมาแล้วว่า 25ตอนจบ คิดว่ากว่าจะได้กลับมาเขียนเรื่องนี้อีกทีคง

นานพอสมควรล่ะนะขอรับ ก็ต้องขออภัยสำหรับผู้ที่ติดตามเรื่องนี้อยู่ 
(ที่มันบวกกับว่า ไม่มีข้อมูลจะเขียนอยู่พอดีด้วย)

ถ้ายังไงก็ขอเชิญติดตามกับ ซีรี่ย์ ทาลิวิลย่า อาริเมเทีย ได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี่ ไปพลางๆก่อนละกันนะครับ
http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=48206.0





Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #70 on: March 12, 2009, 06:40:56 PM »

เรื่องนี้ดูๆแล้วงงมากกว่าอีกซีรี่ย์นะในความคิดผม 

ผมก็เลยไม่ได้อ่านเลย 

(ผมมันโง่....ขออัดตัวเอง

ปล.พี่อยู่ม.6เหรอครับ     (ผมกำลังขึ้นม.2เอง)
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #71 on: March 12, 2009, 09:47:32 PM »

Quote
เรื่องนี้ดูๆแล้วงงมากกว่าอีกซีรี่ย์นะในความคิดผม

ผมก็เลยไม่ได้อ่านเลย 

หมายถึงเรื่องไหนหรือจ้ะ เรื่องนี้ หรือเรื่องทาลิ จ้ะ ถ้าเรื่องนี้ขอไม่เถียงด้วยเหตุอันใดทั้งปวง
อาจเพราะเอาเรื่องที่มันไม่มีต้นแบบมาแต่ต้นแล้วอย่าง กรุงเทพ ในอนาคต กับสงครามประวัติศาสตร์ อะไรต่อมิอะไรที่ยกเมฆมาเขียน มันก็เลย แปลกๆก็ได้มั้ง

ว่าแต่ช่างมันก่อนที่จะมาบอกก็คือว่า ช่วง วันสงกรานต์เนี่ย เราไม่ได้ลงตอน พิเศษมาก็นาน แล้ว
เลยจะมาขอลงซะเลยรอบนี้ ก็เลยกะว่า จะลง SMN VR! เจาะเวลา บุกพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ Vs. เรราเย่
ซะเลย เหอๆมันมั่วไปไหมนี่ แต่เราเอาจริงนะเออ
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #72 on: March 12, 2009, 10:09:55 PM »

เรื่องนี้ครับเนื่องจากการผสมปนเปของเนื้อหา 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #73 on: May 09, 2009, 06:11:00 PM »

ตอนหน้า Sub-turn 09 Knight Attack
คอยดูให้ดีเถอะถึงคราวของชั้นแสดงฝีมือแล้ว (โคทาโร่ เซนาคาว่า)

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #74 on: May 10, 2009, 06:33:10 PM »

Sub-Turn 9 Knight Attack

“ ตายแหล่ว นี่มานทีไหนกานเนี่ย..สงสาย แอน จา โหลงทางซะแล้วซี่ ”
แอน เปรยแบบ งงๆ ขณะที่เดินลอยชายไปมา อยู่ในอาคารชั้นล่างสุดซึ่งเป็นส่วนของร้านค้าห้องแถว
ที่ตั้งเรียงกันเป็นตารางอยู่ภายในตัวอาคาร [ใครเคยไปภิรมย์พลาซ่า ก็ชั้นล่างที่มันขายพวกของเล่นน่ะแหล่ะ]


“ เอ๋…จะว่าปาย ทามมาย แถวนี้ถึงม่ายมีใครอยู่เลยล่ะเนี่ย ทั้งที่เมื่อกี้ยังเดินกันให้พล่านเลยนี่หนา ”
แอน เปรยกับตัวเองอีกรอบ หลังจากที่สังเกตว่า ผู้คนรอบๆพากันหายไปหมด
ก่อนที่จะมี เสียงฝีเท้า ดังกรูกันมาเรื่อยๆ แอน หันไปมารอบๆแต่ก็ยังไม่พบใคร ทว่าเสียงฝีเท้า
นั้นก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆ  ทำให้ แอน เริ่มระแวง ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยวหักออกไปจากทางเส้นหลัก

ทว่า ก็มีกลุ่มชายชุดดำ แห่กันมาจากทุกทิศ ล้อมเธอไหวจนไม่มีทางหนี โดยที่ด้านหน้าของ พวกชายชุดดำนั้น
มีอสูรอัญเชิญ หุ่นยนต์รูปแบบแมงมุม ซึ่งมีดวงตาสองดวงที่ด้านบนกับด้านล่าง ซึ่งมันก็คือ Delta-D
น่ะเอง ซึ่งมีจำนวน นับสิบ ตัว



“ พบเป้าหมายแล้วครับ ”
ชายคนหนึ่งในกลุ่ม กล่าวรายงานผ่าน Note ไปก่อนที่จะมีเสียงตอบกลับมา

“ ท่าน Knight สั่งให้จัดการซะไม่ต้องปราณี ”
เสียงดังตอบกลับจาก Note ของ ชายคนนั้นก่อนที่ เจ้าของ เดลต้าดี จะพากัน
เตรียมพร้อมสั่งการพวกมัน

“ จัดการได้ ”
“ Yes My Lord ”

สิ้นเสียงของชายคนนั้น บรรดาลูกน้องทั้งหลายรอบๆก็ รับคำก่อนจะให้ เดลต้าดี จู่โจม
ไม่นาน ดวงตาทั้งสองของ เดลต้าดี ก็เริ่มเรืองแสงขึ้นพร้อมกับที่
ลำแสงพิฆาตได้พุ่งตรงไปยัง แอน ที่ได้แต่ยืนกรีดร้องด้วยความหวาดผวา

………………
…………………….

“ พวกเรารีบออก..ตามหา..แอน…กันเถอะ..อึก ”
ธนัท ฝืนกล่าวออกมาอย่างลำบาก ขณะที่เดินโซเซไปยังบันได ก่อนจะล้มฟุบลงไปหน้าบันได
ก่อนที่ บรรดา เพื่อนๆจะพากันมาพยุงตัวเค้ากลับไปนั่งพัก ที่เก้าอี้ อีกครั้ง

“ ดูท่าจะสาหัสกว่าที่เห็นแหะ นายในตอนนี้น่ะไม่ไหวหรอก ”
โคทาโร่ กล่าวพลาง กดไหล่ของ ธนัท ไว้ไม่ให้ ฝืนลุกขึ้นมาอีก
เคียว ที่ดูทีท่าอาการของ ธนัท แล้วจึงส่ายหัวเป็นเชิงว่า ธนัท ยังไม่ไหว


“ นายพักอยู่นี่แหละ ธนัท ชั้นจะไปตาม รุ่นพี่คิระ ให้ช่วยอีกแรง ”
เคียว กล่าวจบก็วิ่งออกไปทันที โดยไม่ฟังคำตอบ
ธนัท จึงทำได้เพียงแค่ขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ

“ หมอนั่น เป็นเพื่อนกับนายมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย ”
โคทาโร่ เปรยขณะที่ล้มตัวลงนั่งข้างๆเค้า ทำให้ ธนัทแปลกใจนิดหน่อยที่
อยู่ๆ โคทาโร่ ก็ทำเหมือนเข้ามาตีสนิท


“ เจ้านั่นทั้งที่บอกว่าชั้นไว้ใจไม่ได้ แต่ก็ยังทิ้งนายที่เจ็บหนักเอาไว้กับชั้นอีก… ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่หันไปมองหน้า ธนัท แต่เค้ากลับเป็นฝ่ายแปลกใจเสียเอง
เมื่อได้เห็น ธนัท ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันมาตอบ

“ เคียวน่ะ ถึงจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจาหรือพูดไม่เข้าหู แต่เฉพาะกับคนที่เค้าไว้ใจเท่านั้น
อย่างชั้น ชุติ หรือ แอน นั่นล่ะ ที่เค้าจะยอมเปิดใจคุยด้วย .. ”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ธนัท ก็หยุดไปเสียดื้อ ทำให้ โคทาโร่ สงสัยครั้นจะเอ่ยถาม ธนัท กลับแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ ถึง เคียว จะบอกว่านายไว้ใจไม่ได้ก็เถอะ แต่ที่จริงเค้าไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกนะ เพราะเค้าเป็นคน
ปรับตัวเข้ากับคนอื่นที่ไม่คุ้นเคยได้ช้าน่ะ… เอาล่ะนี่ก็ไม่ใช่เวลาจะมานั่งอ้อยอิ่งอยู่แบบนี้  ”
ธนัท กล่าวจบก็ฝืนจะลุกขึ้นมาอีก แต่ก็ยังเดินกะโผลกกะเผลกอยู่ดี ขณะที่ โคทาโร่ ลุกขึ้นมาขวางทางเค้าไว้

“ นี่นายจะมาห้ามชั้นอีกเหรอ ชั้นน่ะ ”
“ เปล่า..ชั้นก็แค่จะให้นายรอด้วยเท่านั้นเอง มาราคัส ของชั้นน่ะซ่อมเสร็จแล้วล่ะ ”
 ธนัทที่ กล่าวสะดุดไปเมื่อ โคทาโร่ แย้งขึ้นพลางชี้ไปที่ เคาเตอร์ ร้านซ่อมซึ่ง เจ้าของร้าน
กลับมาพร้อม Note มาราคัส ของ โคทาโร่ ที่ซ่อมเสร็จแล้ว

“ ถ้าใช้ความสามารถของ ชั้นล่ะก็ ต้องตามหาเจออยู่แล้ว สุนัข น่ะ จมูกดีกว่าคนเป็นร้อยเท่านี่ ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็ยิ้มเป็นเชิงว่า ให้ไว้ใจเค้าได้ ธนัท ก็ได้เพียงแต่มองเค้าด้วยสายตาที่ทราบซึ้ง
ต่อน้ำใจที่ โคทาโร่ ยื่นให้

……………….
……………………
………………………..



“ เอ๋..นี่มาน ”
แอน เปรยเสียงเรียบ ขณะที่ลดแขนที่เธอยกขึ้นมาป้องด้วยความกลัว
กองทัพ เดลต้า-ดี กับกลุ่มชายชุดดำทั้งหมดต่างก็ล้มฟุบหมดสติไป อย่างไม่ทราบสาเหตุ
ขณะที่ด้านหน้าเธอนั้น มีชายหญิงสองคน ยืนอยู่แทน


“ ไกอา ทำแบบนี้มันเกินไปแล้วนะ ถึงจะได้รับอำนาจสั่งการมาแต่เอากำลัง มาใช้ในที่สาธารณะแบบนี้มัน.. ”
หญิงคนที่อยู่ข้างหน้าเธอกล่าวหน้ามุ่ย  ซึ่งทันทีที่ใบหน้าของเธอนั้นแหงนมาคุยกับ ชายคนข้างๆ แอน
 ก็จำได้ทันทีว่าเธอเคย เจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน


“ อ๊ะ เธอคนเมื่อตอนนั้นนี่ที่ มายโฮม(My Home) ที่มากับพวก แบล็คสูท(Black Suit) ”
แอน อุทานเสียงเหน่อ เธอจำได้ว่า ผู้หญิงตรงหน้าเธอคือคนที่ใช้พลัง เทเลพาที พาชายชุดดำสามคน
ที่มาบุกบ้านเธอ หนีไปในตอนนั้นแต่ก่อนเธอจะได้ทันทำอะไร ชายที่อยู่ข้างๆก็

ดีด ลูกกลมใส่เธอทันทีที่ มันสัมผัสถูกตัวของ แอน ลูกกลมก็แตกออกแล้วปล่อยควันออกมา
สองคนนั้นปิดจมูกทันทีเพื่อไม่ให้เผลอสูดเข้าไป ส่วนแอน ที่รับเอาควันนั้นเข้าไปเต็มๆก็
เกิดอาการ เบลอจนล้มฟุบหมดสติไป



“ เกือบไปแล้วนะ ถ้าเธอเห็นหน้าของคุณคงได้เป็นเรื่องแน่ ”
หญิงสาวที่มากับเค้าหันไปเหน็บ ซึ่งเธอคือ จิงค์ ลิตเติลแองเจิล



[Data: จิงค์ลิตเติลแองเจิล(Jing Little Angel) LV:Ruler Queen of Checkmate 5
Age:?  Year  Deck:?]

“ ยังไงก็ให้เป็นแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้วเพราะถ้าฐานะของผม บิชอป นิฮิล ถูกล่วงรู้
ว่าอยู่เบื้องหลัง Paladiso Da Regola ล่ะก็คงวุ่นวายกันไม่น้อยเลย ”
ชายที่มากับ เธอกล่าว เค้ามีผมสีน้ำตาลเข้ม ซอยลงมาเป็นแถวๆ ดวงตาสีเขียวสด
และน่าเกรงขาม สีหน้าของเค้านั้นเรียบนิ่งอยู่แทบตลอดเวลา เค้าคนนี้คือ นิฮิล
1ในcheckmate 5 ของ Paladiso Da Regola



[Data:นิฮิล (Nihil) LV:Ruler Bishop of Checkmate 5 
Age: ? Year  Deck:?]


“ รีบเคลื่อนย้ายคนของเราออกจากที่นี่ก่อนจะมีใครมาเจอดีกว่า ส่วน ไนท์ไกอา
ปล่อยให้เธอดำเนินแผนของเธอต่อไป ”
นิฮิล กล่าวจบ จิงค์ ก็ยกเอา Note ที่เธอห้อยคอไว้ขึ้นมา

“ โฟร์เต้(Forte) เตรียมการเคลื่อนย้าย ”
จิงค์ ออกคำสั่งกับ Note ของเธอก่อนที่มันจะเรืองแสงตอบกลับมา

“ Telepotion ”
สิ้นเสียงจาก Note ของเธอกลุ่มชายชุดดำทั้งหมด รวมไปถึงเดลต้า-ดี
และ นิฮิล กับ จิงค์ ทั้งหมดก็หายวับไปในพริบตา

เหลือทิ้งไว้เพียงร่างของ แอน ที่นอนนหมดสติอยู่บนทางเดินเท่านั้น

……………..
………………….
………………………..

“ ให้ตายสิ ทำเป็นพูดซะดิบดี สุดท้ายก็ต้องมาเดินหากันเองไม่ใช่เรอะ! ”
ธนัท บ่นใส่ โคทาโร่ ไม่หยุดขณะที่พวกเค้า ออกเดินหาไล่ขึ้นไปทีล่ะชั้นๆ

“ ก็แหมถ้าไม่มีของให้เทียบกลิ่นฉันเองก็แยกไม่ออกหรอก ว่ากลิ่นใครเป็นกลิ่นใครนี่ ”
โคทาโร่ แก้ตัวอย่างเซ็งๆ เพราะฟังธนัท บ่นมาตลอดทาง

“ เฮ้อเอาเถอะ ยังงตอนนี้รีบหาก่อนเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย คนรอบตัวพวกเราก็เริ่มกลับ
กันหมดแล้ว ถ้าคนน้อยลงอีกเดี๋ยวคงหาตัวเจอเองล่ะ ”

ธนัท เอ่ย ขณะที่มองไปรอบๆ เพื่อมองหา แอน ตามที่ต่างๆซึ่งตอนนี้ผู้คนรอบๆก็ทยอยกันกลับ
ไปทีล่ะคนสองคน จนเมื่อผ่านไปซักพักพวกเค้าทั้งสองจึงเริ่มเอะใจบางอย่าง

“ นี่…มันแปลกๆนะว่าไหม ”
โคทาโร่ เอ่ยขึ้นก่อนจะหยุดเดิน

“ อืม… ”
ธนัท รับคำก่อนที่พวกเค้าจะหันไปมองรอบๆอีกครั้ง บัดนี้บริเวณรอบๆทั้งตัวตึกนั้น
ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากพวกเค้า ทั้งร้านค้าบางร้านที่เปิด ทิ้งไว้ก็ไม่มีคนเฝ้าร้าน
หรือแม้กระทั่ง โทรทัศน์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ต่างๆของร้านขายเกมส์ หรือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์
ก็ยัง เปิดเครื่องของเหล่านั้นทิ้งไว้

“ นี่ยังไม่ 6 โมงดีเลย แต่ผู้คนรอบตัวเรากลับหายไปกันหมดแบบนี้มัน.. ”
ธนัท กล่าวขณะที่ให้ คอรัส Note ของเค้าเปิดจอโฮโลแกรมบอกเวลาขึ้นมาดู

“ แถมร้านยังไม่ปิดแต่คนขายกลับไม่อยู่ซะอีก นี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วนะ ”
โคทาโร่ สนับสนุนถึงความรู้สึกประหลาดที่พวกเค้าพึ่งจะรู้ตัว
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พวกเค้าแทบม่ได้เอะใจเลยว่า อาคารภิรมย์พลาซ่า แห่งนี้
กำลังถูกจัดฉากโดยใครบางคนอยู่  พวกเค้าทั้งสอง จึงรีบเร่งฝีเท้าเดินขึ้นไป
ตามบันได จนมาถึงชั้น ที่ 3 ของอาคาร


ชั้น 3 Food Center

ธนัท และ โคทาโร่ วิ่งขึ้นมาจนถึงชั้นนี้ ในที่สุดโดยที่ตลอดทางที่ขึ้นมานั้น
พวกเค้าไม่พบหรือเจอใครอยู่ในอาคารเลย

พวกเค้าทั้งสอง จึงหยุดพักกันที่ชั้นนี้ ด้วยความเหนื่อยหอบ ที่วิ่งวนไล่ตั้งแต่ ชั้นหนึ่งขึ้นมา
พร้อมทั้งสำรวจให้ทั่วทุกชั้น แต่กลับไม่เจอแม้แต่เงาของ ใครเลย



“ แฮ่กๆๆ..นี่มัน…ชักจะ…แฮ่กๆ…ไม่ดี..แล้วนะ ”
ธนัท กล่าวไปหอบไปด้วยความเหนื่อยล้า ขณะที่ เกาะอยู่ตรงราวบันได
ทางขึ้นมายังชั้นนี้




“ อ้าวอะไรกัน เด็กผู้หญิงอีกคนนั่นไม่ได้มาด้วยงั้นเหรอ…แต่เอาเถอะ
 ขอเล่นสนุกกับพวกแกก่อนก็ได้ ”
เสียงหวานๆของหญิงสาวนางหนึ่งดังขึ้นจากอีกฟากของขั้นบันได ที่ถัดไปอีกชั้น
พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังก้องลงมา ธนัท และ โคทาโร่ จึงหยุดมองไปยังต้นเสียง

ขณะที่ เสียงนั้นใกล้เข้ามา ได้ยินชัดเจน พร้อมกับร่างของ สาววัยแรกรุ่นที่ใบหน้า
ขาวใส ผูกผมหางม้าสีชมพู กำลังเดินตรงเข้ามา ดวงตาของ เธอเป็นสีเดียว
ผมของเธอ



“ ธ..เธอคือ..ต้นเหตุ…ของเรื่อง..ทั้งหมด…แฮ่ก..สินะ ”
ธนัท กล่าวทว่าก็ยังไม่หยุดหอบขณะที่ เธอยกแขนขึ้นตั้งฉากระดับหน้าอก


“ ถ้าบอกว่าใช่แล้วจะทำยังไงต่อล่ะ ”
“ approntare ”(ภาษาอิตาลี = get set)

สิ้นคำของเธอและจบเสียงของ Note ที่เธอห้อยเอาไว้ Note ของเธอ
ก็เปลี่ยนรูปร่างมาเป็น ปลอกแขนสำหรับดวลไพ่ทันที


“ ท้าดวลงั้นเหรอ..ได้เลย ”
ธนัท กล่าวแต่สีหน้าก็ยังคงซีดเซียวจากความเหนื่อยล้าอีกทั้งความบอบช้ำ
ที่แพ้ คิระ มาก็ยังไม่หายดี โคทาโร่ ที่เห็นแบบนั้นจึงเข้ามาขวางไว้

“ นายไม่ไหวหรอก ให้ฉันจัดการเถอะ ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็ยก มาราคัส Note ของตนขึ้นมา

“ Get Set ”
สิ้นเสียง มาราคัส ก็กลายเป็นปลอกแขนสำรับดวลให้แก่เขาไป

“ ถ้างั้น ฝากนายด้วยนะ ”
ธนัท กล่าวก่อนจะล้มลงไปนั่งด้วยความเหนื่อยอ่อน
และให้ โคทาโร่ เป็นคน ออกไปดวลแทน

“ ใครก็ได้ทั้งนั้นล่ะขอแค่อย่าทำให้ฉันเบื่อก็แล้วกัน ”
เธอ กล่าวก่อนที่ โคทาโร่ จะมายืนประจันหน้า



“ Let’s Duel Summoner Level (Mp8) ”
สิ้นคำทั้งสองฝ่าย ก็จั่วไพ่ขึ้นมาจนครบ 7 ใบ


“ ฉันเป็นฝ่ายบุกก่อน Cost mp 3 ร่าย คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน(Crystal Archer Paladin)ไปที่ At line ”
สิ้นคำของเธอ ไพ่ซีลบนมือก็ถูกโยนออกมาก่อนที่เฟืองไดนาเมซ ที่ปลอกแขนจะหมุนสร้างละออง
พลังเวทย์ออกไปรวมที่ ไพ่และทำให้มันปรากฏร่างของ อสูรอัญเชิญรูปร่างมนุษย์ ซึ่งมาพร้อมกับ
คันธนู ร่างทั้งร่างนั้นทอประกายรัศมีราวกับผลึกคริสตัล



“ จากนั้น Cost mp 2 เพื่ออัญเชิญ มารีนไนท์(Marine Knight) ออกมา 2 ตัวที่ Df Line ผ่าน ”
สิ้นคำไพ่ซีล อีกสองใบก็ถูกส่งลงมาและกลายเป็นอสูรอัญเชิญ รูปแบบอัศวินมนุษย์เงือกอีกสองตัว
ลงมาที่แนวป้องกัน



“ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน At 8 Sp 4 งั้นเหรอดีล่ะถ้าจัดการได้รอบหน้าอีกฝ่ายก็
จะต้องร่ายซีลตัวใหญ่ลงมาเพิ่มแน่ ”
โคทาโร่ คิดขณะที่กำลังลือกไพ่บนมือ ก่อนจะหยิบเอาออกมาแล้วร่ายลงไป

“ Cost mp 2 ร่ายอาคามุ อินซู (Akamu Inzu) ลงมาไปที่ df line ”
สิ้นคำ ไพ่ที่ร่ายออกไปก็ปรากฏร่างขึ้นเป็น นักสู้หนุ่มผมสีน้ำตาลแดงขึ้นมา
ที่แนวป้องกัน




[Data: โคทาโร่ เซนาคาว่า Age: 14 Year    Deck: Gut Fighter ]


“ จากนั้นให้ Ability ของ อาคามุ ทำงานเมื่อเข้ามาในสนามแสดง Pugilist 1 ใบจาก
กองการ์ดแล้วนำขึ้นมือได้ ที่ชั้นจะนำขึ้นมาก็คือ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ อินซู
(Akamu inzu, the Apprentice Pugilist) ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็ ดึงสำรับไพ่ ซีล ขึ้นมาจากช่องเสียบที่ปลอกแขนก่อนจะเปิดไล่จนเจอใบที่ต้องการ
แล้วนำมันแสดงและเก็บไปรวมกับ ไพ่บนมือก่อนจะสลับสำรับแล้วใส่คืนช่องไป



“ จากนั้น cost mp 2 ร่าย อาคามุ อินซู อีกใบและให้ ability ทำงานนำ อาคามุ อินซู ขึ้นมาไว้บนมืออีกใบ ”
สิ้นคำ โคทาโร่ ก็ร่ายนักสู้หนุ่มที่เหมือนกับตัวแรก ออกมาอีก ก่อนจะหยิบไพ่แบบเดียวกับที่ ร่ายลงไป
ขึ้นมาจากกองอีกใบไปเก็บไว้บนมือ

“ แล้ว cost mp1 ร่าย นักสู้ฝึกหัด อาคามุ ลงไปที่ at line จากนั้นทำการทริปเปิลคอมฯ ”
สิ้นคำของ โคทาโร่ นักสู้เด็กก็ถูกร่ายออกมา ที่แนวหน้า

“ Combination Console ”
เสียงดังขึ้นจาก Note ของเค้าก่อนที่จะเปิดจอโฮโลแกรมขึ้นมา ซึ่งมีภาพไพ่ทั้งสามใบ
ในสนามฝั่งเขาแสดงอยู่ก่อนที่ จะเลื่อนเอาไพ่ของ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ
ไปทับกับ อาคามุ อินซุ อีกสองใบ

(หมายเหตุ อาคามุ อินซุ ใช้เรียกตัวเลเวล2 ส่วน นักสู้ฝึกหัดอาคามุ ใช้เรียกตัว
 เลเวล 1 เพื่อไม่ให้สับสนจึงเรียนมา ณ ที่นี้)


“ เดี๋ยวสิ ทำไมถึงรวมร่างได้ล่ะ สองตัวนั้นพึ่งจะลงมาเองนะ ”
อีกฝ่ายแย้งขึ้นมาด้วยความสงสัย

“ อาคามุ อินซุ น่ะมีอีก ability คือเมื่อ มี Pugilist ใบอื่นเข้ามาใน
สนามตัวมันจะนับว่าผ่านไป1เทิร์น ดังนั้น เมื่อ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ เข้ามาในสนาม
 อาคามุทั้งสองจึงนับว่าผ่านไป1เทิร์นแล้ว และสามารถเป็นซีลรองรวมร่างได้ ”

โคทาโร่ อธิบายขณะที่ จอโฮโลแกรม ค่อยๆจางหายไป ขณะที่ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ กับ อาคามุอินซู
นั้นเดินเข้าไปรวมกลุ่มกันที่  At Line

“ cost mp ที่เหลืออยู่ทั้งหมด 3 แล้วให้ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ โจมตีไปที่ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน
Shooting Star Fist(หมัดดาวตก) ”
สิ้นคำกลุ่มนักสู้ทั้งสามคน ก็พุ่งตัวออกไป ปล่อยหมัดพร้อมๆกันอย่างรวดเร็วจนดูราวกับเป็น
ฝนดาวตก

“ ability ของ คริสตัลอาเชอร์พาลาดินทำงาน เมื่อต่อสู้กับซีลที่มีค่าร่าย น้อยกว่าหรือเท่ากับตัวเอง
สามารถจ่ายmp1เพื่อร่ายมิสติกการ์ดที่มีค่าร่ายเท่ากับหรือต่ำกว่า 3 ได้ 1ใบ cost mp 1
ให้ Cool Moon ที่อยู่บนมือทำงาน ”
สิ้นคำของเธอ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน ก็ยกคันธนูขึ้นเหนือหัวก่อนจะสร้างมวลแสง
สีฟ้าขึ้นมาในมือแล้วนำไปรั้งกับคันธนู ก่อนจะยิงมันขึ้นไปธนูแสงสีฟ้าไปพุ่งทะยานไปด้านบนก่อนจะ

ส่องประกายเจิดจ้า และปรากฏดวงจันทร์ สีฟ้าขนาดใหญ่ขึ้นกลางสนาม
ก่อนที่ การโจมตีของ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ จะเข้ามาถึงพื้นสนามก็กลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้
กลุ่มนักสู้ทั้งสาม ลื่นไถลกลับไปที่ แนวป้องกันของตนแทน



“ ชิ…ติดสภาพ Freeze Curse  เลยโจมตีต่อไม่ได้…ผ่าน ”
โคทาโร่ สบถด้วยความไม่พอใจ ที่การโจมตีของเค้านั้นไร้ผล

“ จะบอกอะไรให้นะเจ้าหนู เธอน่ะ…. ”
หญิงสาวกล่าวขณะที่ ดึง มิสติกการ์ดออกมาถือเพิ่มอีก 2 ใบ
โดย โคทาโร่ คอยฟังว่าเธอจะพูดอะไร


โคทาโร

“ เมื่อ เงือกแห่งสุสานวารี ต่อสู้ Seal ที่ต่อสู้ด้วยจะยกเลิก Skill และ Ability ของ
Seal ใบอื่นที่ไม่มีคำว่า Merman อยู่ในชื่อ ดังนั้นผลการป้องกันการโจมตี และ
การถูกทำลายจากการต่อสู้ของ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ จึงหายไปในการโจมตีนี้ ”

สิ้นคำของเธอ เงือกสุสานวารี ที่ร่ายออกมา ก็พุ่งเข้าโจมตีใส่พื้นที่กลุ่มของ อาคามุ ยืนอยู่จนเกิด
รอยร้าวบนพื้นที่นั้นทำให้ ทั้งกลุ่มไม่สามารถใช้ผลของ ability ขยับตัวหลบหลีกได้

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #75 on: May 10, 2009, 06:35:33 PM »

“ ดับเบิลคอมฯ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน เป็นซีลหลักกับ
มารีนไนท์ แล้ว cost mp 3 โจมตีและให้ abilityทำงาน cost mp อีก 1 ให้

Hercules ทำงาน Atของ คริสตัลอาเชอร์พาราดิน
เพิ่มขึ้น 2 หน่วยรวมเป็น12หน่วย Crystal Bow Blade(คมดาบคันธนูคริสตัล) ”

สิ้นเสียงของเธอ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน ที่รวมกับ มารีนไนท์ แล้วก็เริ่มการจู่โจม
พร้อมกับที่ ปรากฏภาพมิสติก ของ Hercules ขึ้นมาบนสนามก่อนที่จะสลายกลายเป็น
ละอองแสงและไปรวมที่ การโจมตีครั้งนี้ ทำให้ค่าพลังของ คริสตัลอาเชอร์พาราดิน เพิ่มสูงขึ้น

หากการโจมตีนี้สำเร็จ โคทาดร่ จะต้องเสียซีลในสนามไปทั้งหมดและ เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายลุกไล่จน
พ่ายแพ้ได้

“ cost mp 3 ร่าย ธันเดอร์โบล(Thunder Bolt)  เป้าหมายไปที่ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ ”
สิ้นคำ ไพ่มิสติกบนมือของ โคทาโร่ ก็ถูกส่งลงไป เกิดสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางกลุ่มของเหล่า อาคามุ
จนแยกการรวมกลุ่มออกมา ทำให้ มีเพียง นักสู้ฝึกหัดอาคามุ เท่านั้นที่ถูกทำลายไป



“ ยังไม่จบหรอกน่า ให้ มารีนไนท์ อีกตัวที่อยู่ df line ขึ้นไปแล้ว
cost mp ที่เหลืออีก1โจมตีไปที่ อาคามุ อินซุ ใน df line ”
สิ้นคำ มารีนไนท์ อีกตัวทีอยู่แนวป้องกันก็พุ่งขึ้นมาโจมตี อาคามุ อินซุ ทว่า
ค่าพลังที่แตกต่างกันทำให้ ดาบของมารีนไนท์ นั้นถูก อาคามุ อินซุ ปัดกระเด็นออกไป

“ ผ่าน ในตอนนี้เมื่อ จบ Sub-Turn ที่มารีนไนท์ โจมตีสำเร็จสามารถนำ ตัวมารีนไนท์
ออกจากเกม จากนั้นนำ Knight ธาตุน้ำ 1ใบจากกองเข้ามาในสนามได้ ที่จะนำมาก็คือ
 คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน ”

สิ้นคำ ตัวของ มารีนไนท์ ก็เปล่งแสงก่อนจะเปลี่ยนรูปกลายเป็น คริสตัลอาเชอร์พาลาดินไป
ขณะที่ ละอองแสงส่วนที่กระจายออกมาจากการเลี่ยนร่างนั้น กลับรวมเป็นไพ่ของ มารีนไนท์ กลับ

ไปที่มือของเธอ ก่อนที่เธอจะนำมันไปเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ และนำเอาคริสตัลอาเชอร์พาลาดิน อีก
ใบในกองสำรับมาร่ายลงไปแทน


“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
โคทาโร่ ขานรับขณะที่ ดึงเอามิสติกขึ้นมาอีกสองใบ
ซึ่งทั้งสองใบนั้นเป็น  Gemmed Gauntlet ทั้งคู่
เค้าจึงตีสีหน้าไม่สู้ดีนักเพราะตอนนี้ ที่อยู่อีกใบก็เป็น มิสติกสวมใส่
 kanshinsha, the gauntlet of harison
อีกทำให้ทั้งมิสติกบนมือเค้านั้น ไม่สามารถใช้แก้สถานการณ์ได้





โคทาโร

“ Synchronize ”
เสียงดังกังวานขึ้นมาจาก Note ของเค้า พร้อมกับที่ เอกนอร์ไมเต้ ปรากฏตัวได้สำเร็จ

“ การร่าย เอกนอร์ไมเต้ นั้นเสียต้อง cost mp ให้ 3 จากนั้นให้
เอกนอร์มเต้ ดับเบิลคอมฯ กับอาคามุ อินซุ  ”

โคทาโร่ กล่าวจบ Note ของเค้าก็เปิดจอโฮโลแกรมสำหรับรวมร่างขึ้นมาให้
เมื่อเค้าจะใส่คำสั่งลงไป เสร็จ เอกนอร์ไมเต้ก็สลายตัวกลายเป็นเปลวเพลิงพุ่งเข้าไป
หลอมใส่ ร่างของ อาคามุ อินซุ ราวกับเป็นชุดเกราะ เพลิงรูปมังกร

“ cost mp 2 ให้ เอกนอร์ไมเต้ โจมตีไปที่ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน  ที่รวมร่างอยู่ ”
โคทาโร่ กล่าวจบ เอกนอร์ไมเต้ ก็พุ่งเข้าไปสู้กับ กลุ่มของคริสตัลอาเชอร์พาลาดินและ มารีนไนท์

“ ยังไงพลังโจมตีของ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน มากกว่าอยู่ดีคิดจะฆ่าตัวตายรึไง ”
เธอกล่าวด้วยความลำพองก่อนที่มันจะกลายเป็นความประหลาดใจไป
เมื่อได้ฟังคำตอบของ โคทาโร่

“ เอกนอร์ไมเต้ เมื่อโจมตีสามารถนำไพ่ใบบนสุดของกองใดกองหนึ่งไปยังShrine
แล้วนำค่า At ของ เอกนอร์ไมเต้ ไปเทียบกับ ค่า df ของSeal ที่ต่อสู้ด้วยได้ ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็ดึงเอามิสติกใบบนสุดทิ้งลงไปในช่องเก็บไพ่ที่แพ้แล้ว
ซึ่งไพ่ใบนั้นคือ kashinsha อีกใบ

ทันทีที่เริ่มเงื่อนไขการใช้ ability เอกนอร์ไมเต้ ก็เข้าจู่โจมด้วยหมัดอัคคี ที่มือซ้าย
กวาดล็อกคอ ทั้งสองตัวเอาไว้ แล้วจัดการอัดลำตัวของ ซีลทั้งสองด้วยกรงเล็บที่มือขวา
คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน และ มารีนไนท์ จึงถูกทำลายลงในทันที

“ ผ่าน ”
โคทาโร่ กล่าวจบเทิร์นของตน เพราะเค้าไม่ mp เหลือจะเล่นแล้ว
หลังจากนั้น อีกฝ่ายจึงดึงเอามิสติกการ์ดขึ้นมาอีกสองใบ

“ ให้คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน ดับเบิลคอมฯกับ เงือกแห่งสุสานวารี แล้วcost mp 3 โจมตี ”
หญิงสาวกล่าวอย่างรวดเร็วฉับไว ด้วยน้ำเสียงบขุ่นเคืองที่อะไรๆก็ไม่เป็นอย่างที่เธอคิดนัก
ทันทีที่ คริสตัลอาเชอร์พาลาดินรวมร่างเสร็จ การโจมตีนั้น โคทาโร่ ก็ไม่สามารถต้านได้

ถึงพลังจะห่างกันเพียงแค่ 1 จุด ระหว่าง 10 กับ 9 ก็ตาม แต่เพราะบนมือเค้านั้นไม่มีมิสติก
ที่จะร่ายลงมาเพิ่มพลังแบบ เลย

“ ช่วงที่ทำการต่อสู้ ฉันให้ ability ของ คริสตัลอาเชอพาลาดินทำงานด้วย cost mp 1
ให้ Falling From Top จากบนมือทำงาน อีกฝ่ายต้องเลอกทิ้ง Seal บนมือไป 1 ใบ ”
สิ้นคำ ไพ่บนมือของเธอก็ถูกร่ายลงมา ปรากฏภาพของหอคอย สูงก่อนที่จะมีอสูรตัวหนึ่ง
ซึ่งออกมาพร้อมกับ หอคอยนี้ บินวนอยู่เหนือหอคอย ทันทีที่ผลของไพ่เริ่มทำงาน

ธนูไฟก็ถูกยิงออกมาจากหอคอย จนเจ้าอสูร โดนยิงร่วงลงมาระเบิด ที่ด้านหลังของ โคทาโร่
แรงระเบิดทำให้เค้าถึงกับกลิ้งกระเด็น ไปกระแทกเข้ากับกลุ่มโต๊ะทานข้าว ที่ตั้วอยู่เลยทีเดียว



“ เอาล่ะเจ้าหนูทิ้งไพ่ซะ ”
เธอย้ำเตือน ขณะที่ โคทาโร่ ค่อยๆยันตัวขึ้นมาอย่างเจ็บระบบ ไปทั้งตัวก่อนจะหยิบเอา อาคามุ อินซุ
อีกใบบนมือ ทิ้งลงไปในช่องเก็บการ์ด ของ ปลอกแขน

“ ดี ถ้างั้นเอาไปอีกละกันนะ Falling From Top  ”
สิ้นคำเธอก็ร่ายไพ่แบบเดิมลงมาอีกใบเหตุการณ์ณ์ที่ อสูรถูกสอยตกลงมาระเบิดใส่ เค้าจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง
โดยครั้งนี้ ตัวโคทาโร่ แทบจะลุกขึ้นไม่ไหว แต่สุดท้ายก็กัดฟันฝืนทนลุกขึ้นมายืนได้

“ โคทาโร่!! ”
ธนัท ตะโกน เพื่อเตือนสติของ โคทาโร่ ที่ดูท่าจะไปกับการถูกระดมยิงใส่โดยตรงอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้ระหว่าง อาคามุ อินซุ อีกใบกับ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ เค้าต้องเลือกตัดสินใจว่าจะทิ้งใบใดลงไป

“ ถ้าทิ้ง นักสู้ฝึกหัด อาคามุไป เราจะเสียหายน้อยกว่าก็จริง แต่ถ้าป็นแบบนั้นรอบหน้าจะทำยังไงล่ะ
ถ้าหาทางยืดออกไปไม่ได้อีกซักเทิร์นล่ะก็ ถึงจะให้ อาคามุ รวมร่างแล้วเพิ่มพลังด้วยไพ่สวมใส่พวกนี้ก็เถอะ
แต่ถ้าอีกฝ่ายแก้ได้ล่ะก็ เราก็จบอยู่ดี ชิ..เอาไงดี  ”

โคทาโร่ คิดหาทางที่จะยืนหยัดอยู่ต่อไปในรอบหน้าให้ได้ ตอนนี้เค้าถูกบีบให้เลือกอย่างลำบาก
ในที่สุดเมื่อตัดสินใจได้แล้ว เค้าจึงเลือกทิ้ง อาคามุ ไปแทนและเก็บ นักสู้ฝึกหัดไว้เพื่อใช้ ability
ของ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ เอาตัวรอดเพื่อตั้งตัวใหม่อีกครั้ง


“ รอบของฉันหมดแค่นี้ล่ะ ว่าแต่เจ้าหนู แกได้ยินเสียงอะไรไหม ”
เธอกล่าวขณะที่ โคทาโร่ เดินกลับมาที่เดิม หลังจากถูกอัดจนกลิ้งกระเด็นไปไกล
ครั้นเมื่อได้ยินคำถามของเธอ ทั้งเค้าและ ธนัท ก็พากันแปลกใจ

ก่อนที่ โคทาโร่ จะเริ่มได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่เหม็นฉุนและเสียงแปลกๆเหมือนเสียง
ลมที่ผ่านช่องอากาศออกมา

“ น..นี่มัน  ”
โคทาโร่ อุทานขณะที่เค้าหันไปมาเพื่อหาต้นตอของ กลิ่นและเสียง จนไปหยุดที่ ครัวด้านหลังเคาเตอร์
ร้านอาหารที่ ตั้งอยู่เชิงบันได ที่ ธนัท นั่งพิงดูการดวลของ เค้ากับ เธอ

“ ธนัท หมอบเร็ว!!! ”
สิ้นคำไม่ทันที่ จะคิดอะไรต่อไปอีก ธนัท ที่ตกใจเสียงของ โคทาโร่ จึงหมอบลงโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งก็พอดีกับ เตาแก๊สในครัว ของร้านระเบิดออกมาพอดี จนเกิดไฟไหม้ลุกลามไปทั่วทั้งชั้น
นี้

“ นี่มันหมายความว่ายังไง ”
โคทาโร่ หันกลับไปสบถใส่เธอ ซึ่ง เธอ ก็เอาแต่อมยิ้มชอบใจในสีหน้าตอนโกรธของเค้า

“ ก็ไม่อะไรทั้งนั้นล่ะ ตอนนี้ที่ห้องควบคุมพลังงานชั้นบนสุดของอาคาร ฉันก็แค่ไปปรับให้มัน
ปล่อยแก๊ส ออกมาแล้วก็เปิดให้ เตาไฟมันทำงานตามเวลาที่ตั้งไว้ ที่ชั้นอื่นๆก็มีนะ
ไม่ว่าจะพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ฉันก็ตั้งให้มันจ่ายไฟแรงเป็นพิเศษ อีกเดี๋ยวก็คงได้
เกิดดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ขึ้นกลางเมืองแน่เลยเนอะ มันคงเป็นภาพที่สวยงามน่าดูชมเชียว  ”

หญิงสาว อธิบายถึงแผนการณ์ ของเธอซึ่งทำเอา ทั้ง ธนัท และ โคทาโร่
พูดไม่ออกกันไปเลยทีเดียว เพราะหากคิดถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นนั้นมันมากมายเกินคณานับ
หากอาคารทั้งหลังระเบิดอาคารรอบๆก็จะได้รับความเสียหาย และเมื่อตัวอาคารถล่มลงไป บนท้องถนน
ที่ล้อมรอบอาคารนี้อยู่ก็จะกลายเป็น โศกนาฏกรรม ครั้งใหญ่เลยทีเดียว


“ น…นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ ถ้าทำแบบนั้นล่ะก็ ได้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่กันพอดี ”
ธนัท สบถถามใส่เธอ แต่เธอก็ยังคงนิ่งเงียบและรอที่จะดวลต่อให้เสร็จ

“ ไปพูดกับคนแบบนี้ก็ไม่ได้อะไรหรอก ธนัท ฉันจะรีบๆจัดการยัยนี่
 แล้วพวกเรารีบไปเปิดระบบรักษาความปลอดภัยในตึกกัน ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่ดึงไพ่มิสติกขึ้นมาใบหนึ่ง

“ สถานการณ์ตอนนี้เราจะเอาชนะโดยเร็ว ได้ยังไงกัน Shrine เรายังมากกว่าเค้าซะด้วยซ้ำ
แถมซีลอีกฝ่ายก็ไม่มีพอที่เราจะไปทำลายทั้งหมดแล้วจบในรอบนี้อีกด้วย
 ไม่สิลำพังเราเองไม่มีจะเอาอะไรไปสู้กับซีลของเธอด้วยซ้ำ ”

โคทาโร่ คิดขณะที่ดูมิสติกที่จั่วมา

“ นี่มัน ทรานซ์ฟิกชั่น(Transfixtion) ไพ่ที่จะทำให้ผู้เล่นทุกคนข้าม Draw Step
ถัดไปของตัวเองเดี๋ยวสิซีลไม่พอ…ซีลไม่พอทีจะทำลาย…..ไม่มีซีล..จริงด้วยยังมีวิธีอยู่นี่
วิธีที่เราจะชนะในรอบนี้ ต้อลองเสี่ยงเดิมพันกับการจั่วอีกใบ ถ้าจั่วได้ไพ่ใบนั้นล่ะก็ ”

โคทาโร่ คิดแววตาของเค้าเริ่มส่องประกายแห่งความหวังขึ้นมาทันที
นั่นทำให้ เธอสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเค้าไม่น้อย



“ สีหน้าแบบนั้น หาทางแก้สถานการณ์ตอนนี้ได้แล้วงั้นเหรอ เอาเถอะถึงอย่างนั้น
ก็ไม่มีทางจบในรอบนี้ได้หรอกเพราะ ต่อให้ส่งซีลทั้งบนสนามและในมือของฉันลงไชน์

 ไปก็ไม่จบเกมอยู่ดี…ที่สำคัญ ลงทุนทำถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าหนึ่งในพวกนี้มีคนที่เป็น Angel
ที่คุมมังกรขาวได้ล่ะก็มันก็น่าจะปรากฏตัวออกมาได้แล้วนะ หรือว่า… ”

หญิงสาวคิด ถึงแผนการที่เธอจัดเตรียมไว้เพื่อจะล่อให้ เจ้าหญิงแห่งมังกรขาว แสดงพลังออกมา
โดยสร้างสถานการณ์ ฉุกเฉินขึ้นมากระตุ้น การอัญเชิญของ เป้าหมายที่เธอต้องการ


“ ทุกอย่างฉันขอเดิมพันกับการจั่วครั้งนี้ ”
โคทาโร่ คิดก่อนจะดึงเอาซีลการ์ดขึ้นมา ทันทีที่ได้เห็นซีลใบนั้น เค้าก็ยิ้มออกทันที


“ หือ..ยิ้มแบบนั้น…เอาเถอะบนมือฉัน มี ธันเดอร์โบล 2 ใบถึงจะรวมร่างมาแค่ทำให้แยกร่างซะ
ก็สู้คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน ของฉันไม่ได้แล้ว ”
เธอคิด อย่างลำพองเพราะมั่นใจว่าเธอเตรียมการป้องกันเอาไว้สมบรูณ์ทั้งหมด

โคทาโร

“ จากนั้น cost mp 1 ร่าย นักสู้ฝึกหัดอาคามุลงไปที่ at line อีกใบ จากนั้นให้ อาคามุ อินซุ ที่อยู่ df line ขึ้นไปที่ at lineด้วย ”
สิ้นคำของ โคทาโร่ซีลทั้งสามก็ ขึ้นไปอยู่แถวหน้ากันทั้งหมด

“ cost mp 1 สั่ง มูนไชน์แวร์วูฟร์ โจมตี จากนั้นให้ability ทำงาน Sacrifice นักสู้ฝึกหัดอาคามุ
แล้วเลือกท่าโจมตี ทริปเปิลคอมฯ  Full Moon Party(ลอยกระทง) ”
สิ้นคำ มูนไชน์แวร์วูฟร์ ก็สะบัดกรงเล็บ ใส่ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ จนโลหิตสีแดงสาดออก
มาอาบร่างของมัน

ก่อนที่ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ จะหมดสภาพและถูกส่งไปยัง Shrine แล้วตัวมันจึง
บุกเข้าสู้กับ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน อย่างบ้าเลือด

“ ย..แย่ล่ะสิ นี่มันใช้การเลือกท่าจู่โจมเข้ามาโจมตี ยังงี้ ธันเดอร์โบล ก็ใช้ไม่ได้กันพอดี ”
เธอ คิด ขณะที่ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน นั้นรับมือกับ มูนไชน์แวร์วูฟร์ไปได้ไม่นานถูก
กรงเล็บของมันฉีกเป็นชิ้นๆ และสลายกลับเป็นไพ่ ไปเก็บยังช่อง Shrine ของเธอ
ทันที

“ จากนั้น cost mp 1 ให้ อาคามุ อินซุ โจมตีขึ้นมือเป้าฟหมายซีลการ์ดใบนั้น ”
สิ้นคำ อาคามุ อินซุ ก็เข้าไปโจมตีใส่แต่ก็ปรากฏ ไพ่ซีลที่เป็นเป้าหมายขึ้นมาป้องกันเธอไว้ทำให้
การโจมตีนั้นไปลงที่ ซีลแทนและ ไพ่ซีลนั้นจึงถูกส่งไปยัง Shrineซึ่งนั่นคือ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน
ใบที่3ของเธอ ตอนนี้ เธอไม่เหลือทั้ง ซีลในสนามและบนมืออีกแล้ว
ถึงกระนั้น เธอก็ยังไม่สะทกสะท้านอยู่ดี

“ แล้วยังไงก็แค่ทำลายซีลของฉันจนหมดแต่ รอบนี้ก็ยังไม่จบอยู่ดี พวกเธอก็ได้
แต่รอคอยเวลาที่ตึกนี้มันจะระเบิดต่อไปเท่านั้นล่ะนะ ”

เธอกล่าว ทว่า โคทาโร่ ก็ไม่ตอบโต้กลับไปหากแต่ร่าย มิสติกการ์ดต่อทันที


“ cost mp 2 ร่าย Transfixtion ผู้เล่นทุกคนจะต้องข้าม Draw Step ถัดไปของตัวเอง ”
สิ้นคำ ไพ่ของ โคทาโร่ ก็สำแดงเดช โดยการสร้างดาบสองเล่มขึ้นมาปักลงไปบน
กองไพ่ที่ปรากกขึ้นมาพร้อมกับมัน เป็นสัญญาณว่าในรอบต่อไปของแต่ละคนจะไม่สามารถจั่วไพ่ได้

“ น…นี่มัน Close Draw Kill(ปิดการจั่วสังหาร) ”
เธอ อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตา

“ ถูกต้องความปลอดภัยสมบรูณ์แบบที่เธอสร้างขึ้นมามันกลับกลายเป็น
คมดาบที่ย้อนศรมาทำลายตัวเอง

ถ้ามีซีล น้อยกว่าที่จะทำลายทั้งหมดเพื่อจบเกม มันก็จะปิดช่องโหว่ในการ
แพ้เพราะ Shrine Max
แต่ว่ามันก็เปิดช่องโหว่สำคัญอีกอย่างขึ้นมา ”

โคทาโร่ กล่าวขณะที่ เธอนั้นยังคงอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่




“ ตามกฏกติกาสากลSMN ข้อที่102.5หมวดการตัดสินแพ้-ชนะ หากผู้เล่นคน
ใดไม่มีซีลในช่วง Check up Step และภายใน Sub-Turn นั้นยังคงไม่
นำซีลเข้ามาในสนาม เมื่อจบ Sub-Turn นั้นผู้เล่นนั้นจะเป็นฝ่ายแพ้ทันที ”

ธนัท กล่าวจบการแข่งขันก็รู้ผลในทันที เมื่อเธอไม่สามารถที่จะจั่วไพ่ได้ในรอบนี้และบนมือ
ของเธอก็ไม่มีพ่ที่จะนำซีลเข้ามาในสนามได้ ดังนั้นเธอจึงถูกปรับแพ้ไปตามกฎสากล


โคทาโร
« Last Edit: May 15, 2009, 04:46:25 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #76 on: May 10, 2009, 06:36:03 PM »

“ ค..คือว่า ม..ไม่ต้องคิดมาก.. ”
“ นี่เจอตัวแล้วใช่ไหม ”

แอน ที่ตอบกลับ เคียว ไปได้ยังไม่ทันจบก็ถูกเสียงของ คิระ(อนุชิต) แทรกเข้ามาซะก่อน
ขณะที่เจ้าตัว พึ่งจะเดินเข้ามาสมทบกับพวกเธอ

“ ครับ เจอแล้วล่ะครับ คิดว่าเธอคงเป็นลมไประหว่างทาง เพราะแถวนี้ตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่แล้วด้วย ”
เคียว ชิงตอบให้ แอน แทนเสร็จศัพท์ ด้าน แอน ที่บอกเรื่องที่เธอถูกพวกชายชุดดำไล่ล่า
ก็ยังไม่ทันเอ่อยปากก็มีสายต่อเข้ามา ที่ Note ของ คิระ ซะก่อน

“ Get Call ”
เสียงของ Note ที่ คิระ ห้อยคอเอาไว้ดังขึ้นก่อนที่ คิระ จะยกมันขึ้นมาถือไว้ในอุ้งมือ

“ รับสาย ทีเนอร์(Tenor) ”   “ Ja wohl ”(ภาษาเยอรมัน=รับทราบ)
คิระ สั่งจบ ทีเนอร์ Note ของเค้าก็รับคำก่อนจะต่อสายที่เรียกเข้ามาให้

“ รุ่นพี่ อนุ….. ”
“ คิระ! ”
“ อ๊า..อ…อ่าครับ!...ร.รุ่นพี่ คิระ ”

เสียงของ ธนัท ที่ดังออกมาจาก ทีเนอร์ เรียกชื่อของเค้าได้ยังไม่ทันจบ
ก็ถูกเค้าแทรกบังคับให้ เรียกฉายาของตัวเองแทน ทำให้ ธนัท จำใจยอมเรียก
ในทันที ก่อนจะเริ่มกล่าวต่อ

“ คือว่า ตอนนี้พวกผมอยู่ที่ชั้นบนสุดของ อาคารแล้วนะครับ หน้าห้องควบคุมน่ะครับ
ถ้าตอนนี้พวกเราเข้าไปหยุดระบบจ่ายพลังงานไม่ทันล่ะก็ ตึกทั้งหลังจะระเบิดพร้อมกันทุกชั้น
แต่ว่าตอนนี้เรามีปัญหากันนิดหน่อยน่ะครับ ”

ธนัท กล่าวอย่างรีบเร่ง ขณะที่ข้างๆ เขานั้น โคทาโร่ กำลังกดปุ่มป้อนรหัสเพื่อเปิดประตู
แต่มันก็ไม่ผ่านซะทุกครั้ง บวกกัเวลาที่บีบเข้ามาเรื่อยๆทำให้ เค้า รีบเร่งซะจนไม่มีสมาธิ
มานั่งแกะรหัสอีก

“ ปัญหาอะไรเหรอ ”
เสียงของ คิระ ดังตอบกลับมาขณะที่ โคทาโร่ เปลี่ยนจากใส่ รหัสเพื่อเปิดประตูมาเป็นพังประตูแทน
แต่ทว่า ประตูห้องควบคุม ที่อยู่บนเชิงบันไดที่ขึ้นมาถึงห้องนี้นั้น

เป็นประตูไททาเนียม อย่างแข็งสุดๆ แม้แต่พลัง DNa Changer ของ โคทาโร่ ที่เคยขยี้กำแพงยุบมาแล้ว
ยังไม่ระคายผิว อีกทั้ง เขตนี้ยังจำกัดพลังเวทย์ ทำให้การเรียกอสูรอัญเชิญออกมาช่วยพัง
เข้าไปเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้

“ เพราะตอนนี้ประตูห้องควบคุมมันล็อคอยู่ น่ะครับ พวกเราก็ลยยังเข้าไปไม่ได้ แถมทั้ง โคทาโร่
ทั้งผมเองก็พังข้าไปไม่ได้ซะด้วย พอจะมีวิธ ปลดล็อคหรืออะไรบ้างไหมครับ ”
ธนัท กล่าวอย่างรวดเร็วอีกเช่นเคย ขณะที่ มอง โคทาโร่ อยู่ตรงเชิงบันได
ซึ่งแม้ โคทาโร่ จะพุ่งตัวกระแทกซักกี่สิบครั้ง ประตูก็ไม่มีแม้แต่รอยยุบเลย


“ จะโอนสายไปให้ มาริน่า นะเรื่องนี้ฉันไม่ถนัด แค่นี้ล่ะ… ”
สิ้นคำเสียงจาก คิระ ก็ถูกตัดไปก่อนที่ Note ของ ธนัท จะถูกโอนสยไปที่ มาริน่า แทน


“ ปัดความรับผิดชอบกันง่ายๆเลยนินะ เฮ่อสมเป็นรุ่นพี่จริงๆ ”
ธนัท เปรยด้วยทีท่า เอือม กับนิสัยเอาแต่ใจของ คิระ ที่ไม่สนดีสนงาม
เชื่อแต่ตัวเองอย่างเดียว

“ อ้าว เจ้าหนู มีอะไรเหรอ ”
เสียงของ มาริน่า ดังขึ้นทำเอา เค้าตกใจสะดุ้งจนเกือบทำ คอรัส Note ของเค้าตกจากมือ

“ ประ…ประธาน ”
ธนัท อุทานขณะที่ตอนนี้ โคทาโร่ เริ่มหมดแรงแล้วจึงเปลี่ยนมาหาวิธีปลดล็อคประตูอีกครั้ง

“ เรื่องที่นั่นน่ะ คิระ เล่าให้ฉันฟังแล้ว ไม่ต้องห่วงไปหรอกเจ้าหนู ฉันส่งมืออาชีพไปให้แล้วอีกเดี๋ยวก็คงถึง ”
เสียงของ มาริน่า ดังขึ้นจาก Note ขณะที่ ธนัท นั้นได้แต่เกาหัวด้วยความสงสัย

“ มืออาชีพ ?...หมายถึง… ”
ธนัท ที่เอ่ยกลับยังไม่ทันจบ ก็เผอิญ เห็นเงาใครบางคนที่วิ่งตัดหน้าเค้าไปยังประตู


“ โธ่เว้ย…นี่ถ้าเป็นนายล่ะก็ ล็อคแค่นี้แก้ได้ไม่ยากแน่ ถ้าตอนนี้ นายอยู่นี่ก็ดีสิ ไดสุ…อ๊ะ ”
โคทาโร่ ที่เปยด้วยความสิ้นหวังอยู่ในวินาทีที่เค้า คิดถึงเพื่อน ที่เค้าออกตามหา อยู่
นั้นก็ต้องสะดุ้งทันทีเมื่อ คนที่วิ่งตัดหน้า ธนัท ไปนั้นวิ่งแทรกเข้ามา ที่แผงปุ่มกดรหัส

อย่างเงียบๆ และยังไม่ทันที่โคทาโร่ จะพูดอะไร หรือทันสังเกตุใบหน้าของอีกฝ่าย
ผู้มาใหม่ก็ จัดแจงกดนิ้วลงไปบนปุ่มรหัส อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่วินาที

เสียงล็อคถูกปลดก็ดังขึ้น สร้างความประหลาดใจให้กับ ทั้ง โค ทาโร่ และ ธนัท
ไปตามๆกัน

“ จริงสิ นี่ไม่ใช่เวลาจะมาอึ้งนี่นา ”
ธนัท ที่ตั้งสติได้ทันจึงรีบวิ่งขึ้นไปเปิดประตูห้องเข้าไปด้านในได้สำเร็จ
ก่อนจะ ยื่นเอา Note ของเค้าไปที่จ่อช่องปลั๊กของแผงวงจรที่ เครื่องควบคุมระบบภายในอาคาร

“ Chorus Jack in Exe Transmission ”
สิ้นคำของ ธนัท คอรัส Note ของเค้าก็เปล่งแสงก่อนที่แสงนั้นจะรวมเป็นเส้นแสง
แล้วพุ่งเข้าไปในช่อง ปลั๊กของ เครื่องควบคุม

“ คอรัส ตัดระบบจ่ายพลังงานทั้งหมดในตัวอาคาร แล้วบูส ระบบรักษาความปลอดภัยก่อนเลย ”
ธนัท สั่งขณะที่ หน้าจอมอนิเตอร์ในห้องควบคุมที่ ล้อมอยู่สามด้านของผนังห้อง
เริ่มแสดงผัง ของอาคาร และระบบควบคุมของทั้งตัวอาคารขึ้นมา

“ Roger, Mission Started ”
สิ้นเสียงจาก คอรัส ระบบทั้งหมดภายในห้องควบคุมก็ ถูกคอรัส เจาะเข้าไปดึงการควบคุมทั้งหมดมา
หน้าจอแสดงผลของห้องเริ่ม เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามการทำงานของ คอรัส

“ Shuting Down Link energy Sever and Boosting Security System all green ”
สิ้นเสียงของ คอรัส หลอดไฟในตัวอาคารทั้งหลังก็ดับลง จนมืดสนิทไปทั้งอาคาร
และการตัดไฟนี้ทำให้ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆในตัวอาคารที่กำลังจะ โอเวอร์ฮีทเพราะทำงานเกินกำลัง
หยุดทำงานลงไปด้วย

ตอนนี้แม้แต่ หลอดไฟที่เปิดในห้องควบคมก็ดับลง จนทำให้มองเห็นแค่แสงจาก ปุ่มของ
แผงควบคุมและ แสงจากหน้าจอมอนิเตอร์เท่านั้น

ขณะเดียวกัน นี้เมื่อ ระบบรักษาความปลอดภัยกลับมาทำงานไฟที่กำลังไหม้อยู่ที่ชั้น 3
จึงถูกดับด้วย สปริงเกอร์ ดับไฟฉีดน้ำลงมาจนดับสนิท แล้ว

คอรัส จึงเริ่มทำการ เปิดระบบการจ่ายพลังของทั้งอาคารอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้
ตัดคำสั่งที่ หญิงสาวลึกลับคนนั้นทิ้งไว้ออกไปแล้ว สถานการณ์ทั้งหมดจึงกลับสู่สภาวะปกติ
ในที่สุด


“ ทำได้ดีมาก คอรัส เฮ่อ..Jack out ”
สิ้นคำของ ธนัท แสงที่พุ่งเข้าไปในช่องปลั๊กของ เครื่องควบคุมก็พุ่งออกกลับมาที่ Note ของเค้า
ทันทีที่ทุกอย่างแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ด้วยความโล่งใจทำให้ ธนัท และ โคทาดร่ ถึงกับหมดแรงเข่าอ่อนไปทั้งคู่

“ เฮ่อ นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว ว่าแต่นายเป็นใครเนี่ย ปลดล็อคเก่งเหมือนใครบางคนที่ฉันรู้จักเลยแฮะ ”
โคทาโร่ ถามพลางหอบหายใจเบาๆ โดยที่เค้าเองนั้นยังไม่ทันสังเกตหน้าของผู้ที่มาปลดล็อคให้


“ ก็ใครคนนั้น น่ะอยู่ตรงนี้แล้วไง ”
เสียงนั้นตอบกลับมา ทำเอา โคทาโร่ หยุดกึกไปทันทีเพราะตัวเค้าจำเสียงนั้นได้
ก่อนจะรีบหันควับกลับไปดูหน้าของ คนๆนั้นอย่างชัดๆ
เค้าคนนั้นเป็น เด็กที่อายุพอๆกับพวกเค้า ผมสีแดงชี้ตั้งไปมา ดวงตากลมโตสีแดง
นั้นจับจ้องมาพร้อมกับ รอยยิ้มน้อยๆที่บ่งบอกถึงความยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง

“ ด…ด…ไดสุเกะ นี่นายเองเหรอ! ”
โคทาโร่ ร้องเสียงหลงทันทีที่เมื่อได้เห็นหน้าอีกฝ่าย

“ อืม ไม่เจอกันนานเลยนะ เซนาคาว่าคุง ”
ไดสุเกะ ทักทายกลับขณะที่ โคทาโร่ นั้นยังจ้องตาไม่กระพริบ
ด้าน ธนัท ที่เห็นท่าทีของทั้งสอง ก็งงเป็นไก่ตาแตกไปทันที


“ นี่นายรู้จักกับ…นิวะ ที่อยู่ห้อง ข้างๆด้วยเหรอ ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัยต่อท่าที ที่โคทาโร่ แสดงออกมา


“ จะไม่รูจักได้ไงเล่า ก็เจ้านี่น่ะ เป็นเพื่อนฉันตั้งแต่สมัยอยู่ใน URH เมื่อ 2 ปีนู่นแล้ว ”
โคทาโร่ ตอบน้ำเสียงลิงโลด พลางลุกขึ้นกอดคอ เพื่อรักที่ไม่ได้เจอกันมานาน

“ ตอนแรกที่นาย ออกมาล่าค่าหัวยัย ผีดิบนั่น(มาริน่า) ฉันนึกว่านายเดี้ยงไปแล้วนะเนี่ยว่าแตนายมาอยู่นี่ได้ไง? ”
โคทาโร่ กล่าวไปพลางรัดตัว ไดสุเกะ ซะแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ด้าน ไดสุเกะ ก็พยายามดิ้น
จากแรงคิดถึงของ เพื่อนตัวดี เต็มที่ จน ธนัท ต้องเข้ามา แยกออก

“ แค่กๆ…ยังแรงดีเหมือนเดิมเลยนะ เซนาคาว่าคุง ”
ไดสุเกะ กล่าวพลางกุมคอไอค่อกแค่กไป



[Data: ไดสุเกะ นิวะ(Daisuke Niwa) Age: 14 Year  Deck: Stealing Wonder
SpecialType: DNA Changer Dark Angel]


“ ไงเจ้าลูกหมา ทีนี้แกก็ม่ต้องมาตอแยกับฉันแล้วนะ เพื่อนแกก็ยังอยู่นั่นแหละ ”
เสียงของ มาริน่า ดังขึ้นมาจาก Note ของธนัท ทำให้พวกเค้าทั้งสามหันไปมองที่ คอรัส

“ คือว่า..ที่จริงแล้ว เมื่อ 2 ปีก่อนน่ะ… ”
ไดสุเกะ ที่จะอธิบายเรื่องราวนั้น กลับถูกขัดจังหวะขึ้นมาโดย มาริน่า แทน

“ มันก็ไม่มีอะไรหรอก แค่วันนั้นที่หมอนี่มา ถึงก็หลงทางโซเซมาล้มลงตรงหน้าคฤหาสน์ฉัน
เห็นว่า น่ารักดี จะเชือดทิ้งก็ยังไงอยู่เลย ให้มาทำงานที่บ้านฉันแทนน่ะ ”
เสียงของ มาริน่า ดังขึ้นตอบคำถามของพวกเค้าให้เสร็จสรรพชนิดขวานผ่าซากแบบสุดๆ


“ เอ่อ..ก็..แบบนั้นล่ะ..แฮะๆ ”
ไดสุเกะ กล่าวอ้ำๆอึ้งต่อไปอีกหน่อย ขณะที่ โคทาโร่ ที่ได้ฟังคำตอบก็เปลี่ยนทีท่า
 ชนิดจากหน้ามือ เป็น หลังเท้าเลยทีเดียว


“ นี่ ฉันออกตามหานายตั้ง 2 ปีเต็มๆ แต่นายดันไปเป็นคนรับใช้ให้ ยัยผีดิบนั่นสบายใจเฉิบ
งั้นเรอะ!!!!! ”
โคทาโร่ ตะหวาดขึ้นมาอย่างหัวเสียก่อนที่จะไล่ ตะครุบ ไดสุเกะ ไปรอบห้อง

“ อ่า..คือ ประธานครับ…วันหลังพูดอ้อมๆหน่อยก็ดีนะครับ.. ”
“ เหรอ..ทำไมล่ะฉันว่าแบบนี้เข้าง่ายดีออก ”

ธนัท เปรยด้วยความเอือมสุดทนกับ นิสัยกำปั้นทุบดินของ มาริน่า ในขณะที่เธอตอบกลับอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร

………………….
……………………….
………………………………..


โรงเรียนมนต์วิทยา ห้องชมรม SMN

“ ประธาน มีอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ ถึงได้เรียกมาวันนี้.. ”
ชุติการ กล่าวถามด้วยความสงสัยขณะที่ มริน่า วางสายจากพวก ธนัทไป

“ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก แต่ Angel อย่างเธอน่าจะรู้ตัวแล้วนะว่าเป้าหมายของ
 Paradiso da Regola คือมังกรขาวในตัวของเธอ ชุติการ ”
มาริน่า กล่าวเสียงเรียบขณะที่หันมาคุยกับเธอ



…………….
………………..
………………………..



“ ขออภัย จริงๆค่ะที่ดิฉันทำพลาด ก่อนที่จะทันใช้ Requiem เสียอีก
ต้องขอประทานอภัยจริงๆดิฉันขอยอมรับผิดทุกอย่าง ”
หญิงสาวลึกลับที่ ดวล กับ โคทาโร่ ได้กลับมายังห้องประชุม ของ Paradiso da Regola
ที่ตอนนี้ เหล่า Ruler อีก 4 คนกับ King กำลังฟังรายงาของเธอ

“ ไนท์ ไกอา (Knight Gaia) เธอทำงานพลาดมา 2 ครั้งแล้วโทษของเธอนั้น.. ”
“ ช้าก่อน นิฮิล…ไม่ต้อง ”

บิชอป นิฮิล ที่กำลังจะกล่าวโทษที่เธอจะได้รับ นั้นกลับถูก ผู้ที่นั่งตำแหน่ง King ปรามไว้

“ ถึงเธอจะทำงานพลาดแต่ก็ทำให้เราได้รู้แล้วว่า ใครใน 4 คนนั่น ที่เป็น องค์หญิงแห่งมังกรขาว Angel ผู้ที่มี
พลังอัญเชิญอสูรเทพ ได้ ”
King กล่าวพร้อมทั้งอภัยโทษ ที่เธอทำพลาดให้

“ หากได้ตัวเธอมาก็ไม่มีอะไรจะมาขวาง คิง ปอร์ ฟีโนเมน่อน (King por Phenomenon) ผู้นี้ได้อีก ”
คิง ปอร์ เปรยอย่างสบายอารมณ์ ขณะที่ บรรดา Checkmate 5 ซึ่งเป็น Ruler ทั้ง 5 แห่ง
Phenomenon Party นั้นคอยมองดูความคิดของ  นายเหนือหัวตน

………….
…………….
…………………


บ้าน ธนัท เวลา 20.48 น.

“ นี่ โคทาโร่ ”
ธนัท เอ่ยเรียกขึ้นมา ขณะที่ กำลังเลือกชุดเสื้อผ้าเพื่อเตรียมจัดใส่กระเป๋าสำหรับเดินทาง
ทัศนศึกษา ในวันจันทร์ที่จะถึง ด้าน โคทาโร่ ที่ออกมานั่งจัดกระเป๋า อยู่ในห้องของธนัท
ก็หยุดฟังคำถาของเค้า

“ ทำไมเหรอ? ”
โคทาโร่ ย้อนถามก่อนจะเริ่มพับเสื้อเก็บลงกระเป๋าต่อ

“ ช่วยเล่าเรื่องที่นายเคยอยู่ที่ URH ให้ฟังหน่อย….ได้รึเปล่า….แต่ถ้ายังไง..
ถ้านายไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ ฉันไม่บัง.. ”
ธนัท ถามขึ้นห้วนๆ ก่อนจะรู้ตัวว่า ความอยากรู้ของเขานั้น ไปล่วงเกิน โคทาโร่ เอาซะแล้ว

“ โทษทีนะ…ยังไงฉันก็เล่าให้ฟังไม่ได้หรอก…. ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็ปิดกระเป๋ของ ตัวเองลงก่อนจะยกมันขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูตู้เสื้อผ้าของ ธนัท

“ ราตรีสวัสดิ์ ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็เปิดประตูตู้ ออกก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของเขา ที่อยู่ด้านในตู้เสื้อของ ธนัท

“ อ…อืม..โทษทีนะที่ถามเรื่องแบบนั้นไป.. ”
ธนัท กล่าวโดยพยายามไม่หันไปมอง จนเมื่อ ประตูตู้ปิดไป เค้าจึงหันกลับไป
ด้วยความเป็นห่วงที่เริ่มจะมีให้กับผู้ที่มาอาศัย อยู่ด้วยในตอนนี้

“ เรานี้มัน ปากเสียจริงๆ….อยากรู้จักเค้าอยากเข้าใจเค้า แต่ดันไปฝืนบังคับ…ให้เค้ามารู้จักแบบนั้น…เฮ่อ ”
ธนัท คิดก่อนจะถอนหายใจ ออกมา แล้วเดินไปนั่งบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอน
พลางนึกย้อนถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่ วันที่ เค้ากับ โคทาโร่ ได้เจอกัน

ก่อนจะหันไปมอง กองสำรับของ เค้าที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานข้างหน้าต่าง
ภาพตอนที่เค้า แพ้ให้กับ คิระ ก็หวนย้อนกลับขึ้นมา

“ นี่เรา….ยังไม่เก่งพอ…สินะ ”
ธนัท คิดก่อนที่จะผล็อยหลับไปในคืนนั้น


“ Idiot, you forgot Turn on , hey wake up! wake up! ” (เจ้างั่ง นายลืมปิดๆไฟนะ เฮ้ตื่นสิตื่น)
คอรัส Note ของเค้าที่ห้อยอยู่ตรง คานเสาของเตียงนอน ส่งเสียปลุกให้เค้าลุกขึ้นมาปิดไฟในห้อง
ก่อน แต่ทว่า ด้วยความเหนื่อยอ่อน กับเรื่องที่เจอมาในวันนี้ทำให้ ะนัท หลับสนิทไปแล้ว

ขณะที่ คอรัส ยังปลุกอยู่นั้น ประตูตู้ก็เปิดขึ้นมาอีก ก่อนที่โคทาโร่ จะเดินออกมาเก็บเอาเสื้อ
ที่วางทิ้งไว้นอกกระเป๋า ของ ธนัท ลงไปในกระเป๋าก่อนจะปิดมันแล้วเอาไปตั้งพิงไว้ที่ข้างผนังห้อง
ก่อนจะเดินมาที่เตียงของ ธนัท แล้วห่มผ้าห่มให้เค้า แล้วจึงเดินไปที่ สวิตซ์ ไฟของห้อง

“ hey Puppy, … Thank you ”(เฮ้ เจ้าลูกหมา..ขอบใจนะ)
คอรัส ส่งเสียงขึ้นมาอีก เพื่อขอบคุณที่ โคทาโร่ ช่วยมาดูแลธนัท ให้เค้าหันกลับมายิ้มให้
คอรัส ก่อนจะสับสวิตซ์ไฟ ลงเพื่อปิดไฟแล้วจึงเดินกลับไปที่ห้องของเค้าเพื่อเข้านอน

………………

To be Continue


Next Sub-turn

และแล้ว วันทัศนศึกษาก็มาถึง พวกเราได้เดินทางไปพักแรมที่ เกาะภูเก็ต เป็นเวลา 3วัน 2คืน
ในขณะที่สนุกกับการทัศนศึกษา ศึกใหม่ก็กำลังจะเปิดขึ้นไปพร้อมๆกัน

ขณะเดียวกัน ชุติการ ก็มีท่าทีแปลกไป ทำให้ ธนัท และเพื่อนๆเริ่มเป็นห่วง

บัดนี้ม่านศักราชแห่งการดวล ได้เปิดขึ้นสู่บทใหม่อีกครั้ง การดวลนั้นเป็นของคู่ความรัก
ว่าแล้ว ก็Lovely Duel !!! เรื่องราวจะเป็นเช่นไร



Next Sub-Turn 10 ทัศนศึกษา Panic!!!

ก้าวไปบนวิถีแห่งสวรรค์เพื่อปกครองทุกสิ่ง




………………


ในที่สุดเราก็กลับมาอีกครั้งพร้อมการ ดวลไพ่ สุดมันสืในตอนกับตัวละครใหม่อีกโขยง
พร้อมเปิดสู่ศักราชใหม่ อันร้อนแรงที่รับรองได้ว่า ออกทะเล ไปจนไม่เห็นฝั่งแน่ (เอ๊ะยังไง)
เพราะจะไปกันถึงภูเก็ต ว่าแล้ว ดารารับเชิญในตอนนี้ก็มี

Nihil เป็น bishop Ruler of Checkmate 5
พี่ปอ (Phenomenon party) เป็น king ผู้นำ Checkmate 5
นิวะ ไดสุเกะ จาก D.N.Angel
Gaia จาก คอลัมน์ ไก่อ้าพาที ในนิตยสาร Wiser เป็น Knight Ruler of Checkmate 5
ว่าแล้วมันชักจะมั่วเข้าไปทุกทียิ่ง ปลั๊กอิน ตอนสุดท้ายที่ส่ง Note
เข้าคอมฯ ไปแก้ระบบ นี่มัน  เหอๆๆๆ Rockman Exe ชัดๆ
ช่างมานนน เราสนแต่การดวล ตัวละครดึงมั่ว เนื้อเรื่องออกทะเล จะแข่งกะ เจ้าชายลูกสัตว์ประหลาด
(จริงๆมันต้อง Prince of Tennis เจ้าชายลูกสักหลาก สิ)

ว่าแล้วตอนหน้าจะมั่วได้ใจขนาดไหนคงต้องดูกันต่อไปเน้อ ว่าแต่
คุณ boy คร้าบไม่ต้องช็อคแล้วเน้อ ไดจัง ย้ายมาอยู่เรื่องนี้แว้ว แถมความสามารถพร้อม
นิสัยลอกมาเป๊ะๆ อีดเดี๋ยว ฮิวาตาริคุง คงมาตอนนี้ จิ้นวาย ธนัท กะ โคทาโร่ ไปก่อนเน้อ

ส่วนตอนนี้ พี่ภูเขาของเรา ไม่มีบทจ้า รอต่อไป(รือบทพี่ท่านจะจืดจางเท่าอิชิมารุใน eyeshield 21)
ว่าแล้วเจอกันตอนหน้าเน้อ Let’s Duel

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #77 on: May 10, 2009, 06:36:43 PM »

เอ่อ เอาเข้าไป มั่วได้ใจอีก แต่มันมั่วไปแล้ว ถึงเรื่องมันจะไม่ดูน่าเบื่อแต่มันจะสับสนก่อนอ่ะดิ
แล้วจับคนนู้คนนี้มาเผา ไม่บอกเดี่ยวก็โดนรุมประชาฑัณ ยำ ตอ-สระ-อี-นอ หรอก

เอาเถอะช่างมาน ไดจัง ย้ายมาอยู่เรื่องนี้ก็พอใจละ ขอแค่มี ไดจัง กะ โคทาคุง ก็พอ แค่นี้
ก็สวรรค์แล้วฉาน โฮ่ๆๆๆๆๆ ว่าแต่ สปอยล์ D.N.Angel น่ะรีบๆทำซะรู้มั้ยทำมาแปะวัน 7 หน้า
5 หน้าอ่านแล้วมันขัดใจว้อย ทำทีก็ทำมาเยอะๆสิ!!!!

ว่าแต่ ตั้งชื่อชัยชนะของ โคทาจัง ได้แบบไม่คิดเลยจริงๆ ยังกะ  one turn kill ในยูกิ
Close Draw Kill(ปิดการจั่วสังหาร) เท่ห์ตายล่ะ นั่งเปิด Ruler book ทั้งคืนสิท่า
ถึงเอากฎมาชนะเนี่ย เรียกได้ว่า ใครดูเรื่องนี้แล้ว เล่นการ์ดไม่เป็นอ่านไม่รู้เรื่องเลยนะนิ

ส่วนdeck เจ็ gaia น่าเล่นมาก พึ่งรู้นะว่าแรร์ขยะเอามาทำดีๆ มันกลายเป็นเทพได้
ตีไปร่าย falling form top โอ้แม่เจ้า เก็บซีลในสนามบวกตัดไพ่บนมือ
คิดได้ไงงิ step นี้ เดี๋ยวไปจัดมั่ง(แต่สงสารน้องโคทาโรวววว่ โดนอัดซะกลิ้งเลยT_T )

จบการสครีมตอนนี้แต่เพียงเท่านี้ ซาโยน่าร้าก น่ารัก หุๆ อันนี้ยืมมุขชินจังมา
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #78 on: May 10, 2009, 07:24:27 PM »

ตอนแรกว่าจะไม่อ่านแล้วแหะ ไปๆมาๆ ลองซํกนิดละกัน อืม หนุกดีนะ
จะรอตอนต่อๆไปละกันน้าค้าา
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #79 on: May 10, 2009, 10:09:42 PM »

อ่านจบแล้ว     แหกตา 9 ตอนรวด

สนุกดี   

ไดจัง+โคทาโลลิค่อน   
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #80 on: May 11, 2009, 04:10:23 AM »

Quote
อ่านจบแล้ว ::017::แหกตา 9 ตอนรวด

นับถือๆ

อ่านเข้าไปได้ยังไง รวมหมดนั่น มันครึ่งเล่ม harry potter ได้มั้งนั่น

ตอนต่อไปเตรียมไปภูเก็ต เด้อ เออ ถ้าซึนามิ เข้าอีกรอบ ธนัท ทำไงดี
เนี่ย
Logged


Leraje
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 826


« Reply #81 on: May 11, 2009, 02:53:21 PM »

สนุกดีครับ อ่านแล้วมันส์ + ฮาดี

อ่าน 9 Subturn รวดเดียวจบ สายตาสั้นไปอีก - 25 แน่ๆ

เอาเป็นว่ามาลงต่อเร็วๆ ละกันนะครับ รออ่านอยู่

ปล. ไม่ยักรู้ว่าเราไปถล่มพวกอิรักตั้งแต่ตอนไหน สงสัยคงละเมอเดินไปมั้ง......? 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #82 on: May 11, 2009, 06:44:58 PM »

^
^
^

โอ อ่านกันรวดเดียวกันหมดเลยนะครับเนี่ย

สงสัยจะทิ้งเรื่องนี้นานไปรึเปล่า (ถึงกับความจำเสื่อมกันเลยทีเดยว ย้อนอ่านกันรวดเหอๆ)

เอาเป็นว่า เรื่องจะค้างนานจนไม่จบนี่ไม่ต้องเป็นห่วง รับรองรอบนี้จนจบได้แหงมๆ
 เพราะไม่มีเรื่องอื่นให้เขียนแย้ว ทาลิสองภาคจบไปเรียบร้อย ภาคสามเก็บเข้ากรุ

คิดว่าน่าจะได้ลง sub-turn10 ประมาณวันพุทธ ล่ะมั้งครับ

โหะๆ deck เจ็ไกอา น่าเล่นจริงๆด้วย แต่เอาไปเล่นจริงถ้าจะโดน ZiZ งาบไปกินก่อนทำ คอมโบล่ะ - -
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #83 on: May 11, 2009, 06:52:07 PM »

^
^
คุณ greamon   อย่าขุดโศกนาฏกรรมจากกระดองหัวใจผมขึ้นมาอีกเลย 

อยากดูทาลิ 3  (me// "ไดจางกับดาร์คอ้าๆๆๆๆๆๆ" แหกปากลั่นซอย)

(ฝุบๆ//สากแม่ค้าส้มตำลอยมากระทบอากาศเฉียดหัวข้าพเจ้า  )

เย้ๆ  วันพุธๆ
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #84 on: May 11, 2009, 07:03:18 PM »

Quote
คุณ greamon   อย่าขุดโศกนาฏกรรมจากกระดองหัวใจผมขึ้นมาอีกเลย

อยากดูทาลิ 3  (me// "ไดจางกับดาร์คอ้าๆๆๆๆๆๆ" แหกปากลั่นซอย)

ขอด้วยคนค่ะ อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาา ไดจางงงงงงงงง ดาร์คคคคคคค
ฮิวาจางงงงงงง

ได้แค่ทำใจสินะ เอาเถอะ ไดจังมาอยู่นี้แว้ว ขอให้ ที่เหลือตามกันมา(หวังลมๆแร้งลง )

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #85 on: May 13, 2009, 02:37:41 AM »

อ่า คือ Sorry อย่างแรง ที่บอกว่าจะลงประมาณวัน พุธ หรือพรุ่งนี้นั้น ต้องมีอัน เลื่อนไปอีกวัน
นะขอรับเนื่องจาก ต้องไปรายงาน กลับมาแล้วถึงพิมพ์ ได้ก็รอไปก่อนเน้อ 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #86 on: May 15, 2009, 04:36:07 AM »

Sub-Turn 10 ทัศนศึกษา Panic!!!

วันจันทร์ 17 มิถุนายน พ.ศ.2700 เวลา 12.37 น.


ซ่า~~ ซ่า~~
ครืน~~


เสียงลมพัดโหมอย่างเอื่อยๆ และ คลื่นที่ซัดสาด เข้ากับท้องเรือสำราญลำใหญ่ ที่ล่องไปในมหาสมุทร
อันกว้างใหญ่ บนดาดฟ้าเรือกลุ่มนักเรียน หลายกลุ่มกำลังชมทัศนียภาพอันงดงามอย่างผ่อนคลาย
เสียงพูดคุยนั้นดังจอแจตัดกับ เสียงคลื่นและลม แล้วยังมีเสียงร้องของฝูงนกนางนวล
ที่บินไล่ๆกันมา ……….


“ อา~~~อากาศดีจริงๆ แถมท้องฟ้าก็ยังเป็นใจอีกด้วย ”
โคทาโร่ พลางบิดขี้เกียจ ไปขณะที่ ธนัท แอน และ ไดสุเกะ นั้นเกาะกาบเรือ
เพื่อจะยื่นหน้าออกไปมองดู พื้นน้ำ ส่วน เคียว กับ อิส นั้นนั่งเล่น SMN
อยู่บนโต๊ะ ใต้ร่มกันแดดที่จัดตั้งไว้บนเรือ โดยที่ มี ชุติการ ยืนดูอยู่ห่างๆ


วันนี้เป็นวันแรกของการไป ทัศนศึกษา กับโรงเรียนเป็นเวลา 3 วัน 2 คืนของนักเรียนระดับชั้น ม.2
โรงเรียน มนต์วิทยา  ตอนนี้พวกเค้ากำลังนั่งเรือสำราญที่ใช้โดยสารไปยังเกาะ ภูเก็ต
 

“ นี่จะว่าไปพวกเราขึ้นมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้ว จะมานั่งแหมะอยู่ตรงนี้ก็ยังไงอยู่ ถ้ายังไง
ลองลงไสำรวจให้ทั่วทั้งเรือเลยดีไหม ”

ธนัท เสนอความคิด ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ยกเว้น ชุติการ ที่ยังคงนิ่งซึมอยู่

“ อ้าว ชุติ เป็นอะไรไปน่ะ ไม่ไปด้วยกันเหรอ ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัย ขณะที่ เพื่อนๆทุกคหันไปมองเธอด้วยความแปลกใจ

“ โทษทีนะ ทุกคนแต่ฉันขออยู่คนเดียว ซักพักละกันนะ ”
ชุติการ กล่าวจบเธอก็หันหน้าเดินออกไปจากกลุ่ม โดยไม่เหลียวกลับมามอง
สายตาเป็นห่วงของเพื่อนๆ ที่มองไล่หลังเธอไป

“ สงสัยจะยังไม่หายช๊อคเรื่องตอนดวลกับ ภูเขา ล่ะมั้ง ”
เคียว เปรยก่อนที่ ธนัท จะหน้านิ่วคิ้วขมวด บ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ

“ อะไรของเค้านะ เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ยังเก็บมาคิดอยู่อีก ”
ธนัท บ่นอุบอิบก่อนจะถูก โคทาโร่ ตบหัวเบาๆเข้าไปที ด้วยความยัวะปนกับความประหลาดใจ
ทำให้ ธนัท หันควับกลับไปเพื่อจะต่อว่า โคทาโร่ แต่ยังไม่ทันจะเผยอปากพูดก็ โดน แอน
เหยียบเท้าเข้าให้อย่างแรง จนร้องเสียงหลงออกมาด้วยความเจ็บ

“ โอย เจ็บๆๆ นี่พวกนายเล่นอะไรกันเนี่ย ”
ธนัท สบถพลางเอามือกุมเท้าที่ที่ระบมจาการถูกเหยียบ

“ นายนี่มันทึ่มซะจริงเลยนะ ”
โคทาโร่ ตอบเสียงเรียบพลางฉีกยิ้มที่มุมปากพร้อมจ้องด้วยสายตา
หน่ายใจกับ นิสัยของ ธนัท  ขณะที่ เจ้าตัว ธนัท ก็ยัง งงๆอยู่ว่าทำไมตัวเองถึงโดน
แบบนี้

“ ธนัท เนี่ยม่ายข้าวจายหัวอกของ เลดี้(Lady)อาวซะเลยหนา ”
แอน กล่าวเสียงเหน่อก่อนจะโขกสับใส่ ธนัท อีกรอบ ทั้งที่เจ้าตัวก็ยังไม่เข้าใจว่า
แอน พูดเรื่องอะไร

“ ถึงพูดไปคนอย่าง ธนัท ก็ไม่เข้าใจหรอก เพราะ ธนัท เคยสนเรื่องคนอื่นจริงจังซะที่ไหนล่ะ ”
เคียว สนับสนุนให้หลังจากที่ เก็บ ไพ่ทั้งหมดแล้ว พร้อมกับ อิส

“ แอน จะตามไปหา ชุติ หนาปล่อย ชี(She) ไปคนเดียวมันหนาเป็นห่วง ”
แอน กล่าวจบก็วิ่งออกจาก กลุ่มไป

“ อาวล่ะงั้นฉันกับ ไดสุเกะ จะไปทัวร์เรือกันก่อนล่ะ ”
โคทาโร่ กล่าวพลางตบไหล่ ไดสุเกะ ที่อยู่ข้างๆ

“ เอ๋? ”
ไดสุเกะ อุทานด้วยความแปลกใจก่อนที่จะโดน โคทาโร่ ยื่นหน้าเข้ามาหา

“ ไม่ต้องมา เอ๋ เลย นายมีเรื่องต้องคุยกับฉันอีกเยอะเลย รู้ไหมว่า 2 ปีมานี่ ฉันมีอะไรจะพูดกับนาย
ตั้งไม่รู้กี่เรื่อง ตอนนี้เราต้องมาปรับความเข้าใจกันหน่อยแล้ว  ”
โคทาโร่ พูดแกมขู่ใส่ ขณะที่ ล็อคตัว ไดสุเกะ ไม่ให้หนีไปไหน ก่อนจะลาก
ออกจากกลุ่มไปทั้งอย่างนั้น ทำให้ตอนนี้ เหลือเพียงแค่ ธนัท เคียว และ อิส เท่านั้น


“ ถ้างั้น ฉันเองขอตัวโทรไป คุยกับ ประธาน เรื่องที่ Steel Brigde เมื่อ
 อาทิตย์ ที่แล้วก่อนแล้วจะเลยไปหาอะไรกอนที่ล็อบบี้ต่อเลย พวกเชิญนายตามสบายแล้วกัน ”
เคียว กล่าวจบก็ เดินออกจาก กลุ่มไปอีกคน ทิ้งให้ ธนัท หันไปมองว่ามีใครเหลืออยู่อีก
แต่ก็มีแค่ อิส กับเค้าเท่านั้น


“ ดูเหมือน คุณธนัท ต้องไปเดินเที่ยวกับผมแทนซะแล้วสินะครับ ”
อิส กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่ ธนัท ได้แต่ถอนหายใจด้วยทีท่าเบื่อโลกสุดๆ



…………
……………..
…………………


ณ ล็อบบี้ กลางของเรือ

ถัดลงมจากดาดฟ้าเรือ และ ส่วนของ ห้องพัก ที่ชั้นล่างถัดมานี้คือห้องโถงที่
กว้างใหญ่ ซึ่งเพดานประดับด้วยโคมไฟระย้า ผนังห้องทั้งสี่ด้านนั้น ปิดคลุมด้วยผ้าม่าน

การตกแต่งเป็นสไตล์ ยุโรปสมัยกลาง ให้บรรยากาศแบบย้อนยุค จึงมีการนำเอาชุดเกราะ
อัศวิน หรือภาพเขียนโบราณๆมา วางแสดง เพื่อเพิ่มบรรยากาศ

ภายในล็อบบี้นี้ เป็นที่คึกคัก อย่างมากเพราะเป็ร ศูนย์ รวมความบันเทิง
ที่มีตั้งแต่ ส่วนพักผ่อนที่ติดตั้ง จอทีวีโฮโลแกรมขนาดใหญ่สำหรับฉายภาพยนต์

 และ บูธของคาสิโน แต่ตอนนี้ถูกปิดไว้เพราะเหมาจองในการมาทัศนศึกษา(การพนันเป็นสิ่งไม่ดีนะจ้ะ)
ภายในล็อบบี้นี้ยัง เชื่อมไปยังห้องอาหาร โรงอาบน้ำ และส่วนอื่นๆของเรืออีกด้วย

เพราะล็อบบี้นี้คือส่วนกลางของ เรือทั้งหมด จึงทำให้บรรดานักเรียนเดินไปมากัน
ขวักไขว่กว่าที่อื่นในเรือ

“ เออ นี่..ว่าจะถามตั้งหลายหนแล้วล่ะ ”
ธนัท กล่าวขณะที่ อิสหันมามองด้วยความสงสัย
ตอนนี้พวกเค้าทั้งคู่นั่ง พักอยู่ในส่วนพักผ่อนของล็อบบี้ ซึ่ง
ตอนมีเสียงจาก ภาพยนต์ที่ฉายอยู่ดังกระหึ่ม มาตลอด

“ เรื่องอะไรหรือครับคุณธนัท ”
อิส ตอบกลับเสียงเรียบ

“ แต่ก่อนอื่น นายช่วยเรียกชื่อฉันแบบ เฉยๆได้รึเปล่า อยู่กันแค่สองคน
ไม่ต้องสุภาพขนาดนี้ก็ได้ เรียกธนัท เฉยๆก็พอแล้ว ”
ธนัท กล่าวด้วยความรู้สึกเก้ๆกังๆ ที่ถูกเรียกว่า คุณขึ้นต้นตลอด ด้วยความไม่รู้สึกชิน

“ ทำไมล่ะครับ คุณธนัท เพราะอะไรหรือ ”
อิส ก็ย้อนถามกลับมาอีกรอบ ซึ่งคำพูดนั้นทำเอาเค้า รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างบอกไม่ถูก

“ คือแบบว่า ฟังแล้วมันจั้กจี้หัวใจยังไงก็ไม่รู้ง่ะ ”
ธนัท ตอบโดยที่ตัวเค้าเองก็ไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดยังไง
คำพูดที่เค้าสื่อ ออกไปเลยยิ่งทำให้ อิส มีทีท่า งงๆมากกว่าเดิม


“ อ..เอ้อช่างมันเถอะ อยากพูดยังไงก็ตามใจนายแล้วกัน ”
ธนัท กล่าวก่อนจะฟุบลงกับ โต๊ะ ด้วยความหน่ายใจกับ ความซื่อของ อิส
ที่ยังดูจะ งงๆ กับความหมายที่เค้าต้องการจะสื่อ ออกมาว่าให้คุยกับเค้าแบบปกติ
ฉันเพื่อน แต่ดูท่าว่า อิส คงจะไม่เข้าใจที่สุดแล้วเค้าจึงยอมล้มเลิกไป

“ ว่าแต่เรื่องที่คุณธนัท จะถามล่ะครับ ”
เมื่อเห็นว่า ธนัท ตัดบทสนทนาไปดื้อๆ ตัวเค้าจึงเริ่มถามถึง คำถามแรกที่ธนัทจะถาม

“ อ๋อคือ ที่ฉันจะถามน่ะ…. ”  ติ๊งต่อง
ธนัท ที่กำลังจะเอ่ยปากถามได้ไม่ทันไร เสียงกริ่งเรือก็ดังขึ้น ก่อนที่ประกาศ
จะดังออกมาจากลำโพง

“ ขณะนี้ เรือของเราใกล้จะเทียบท่าแล้ว ขอให้ผู้โดยสารทุกท่าน เตรียมตัวลงจากเรือด้วยค่ะ ”
เสียงประกาศ ดังขึ้นจนจบ ภายในล็อบบี้ จึงเริ่มดังจอแจปด้วยเสียงของ นักเรียนที่
พากันเก็บ ข้าวของเตรียมตัวลงจากเรือ

“ ไว้เราค่อยมาคุยเรื่องกันอีกทีวันหลังแล้วนะครับ ”
อิส กล่าวขณะที่ ธนัท เองก็รับคำอย่างเสียดาย ที่ตัวเค้ายังไม่ได้ถาม
ถึงสิ่งที่เค้าอยากจะรู้เลย แต่ตอนนี้ ได้เลาที่ต้องลงจากเรือแล้ว เค้าจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้
พร้อมๆกับ อิส แล้วจึงเดิน ออกจาก ล็อบบี้ขึ้นไปรวมกลุ่มยังดาดฟ้าเรือ เพื่อเตรียมลงจากเรือ

…………..
……………….
…………………….

รีสอร์ท สนธยา


“ขอให้นักเรียนทุกคนเอาสัมภาระของตนไปเก็บไว้ที่ห้องพักด้วยนะคะ ”
อาจารย์ บุษบารี ประกาศผ่านไมค์ ต่อหน้าคณะนักเรียน ที่เข้าแถวรออยู่ในห้องล็อบบี้ของ
อาคารรีสอร์ท ซึ่งภายในล็อบบี้ ตกแต่งแบบเรียบง่ายให้บรรยากาศสบายตา แก่ผู้มาเข้าพัก

“ แล้วก็ชั้น 1 ของ นักเรียนชาย ชั้น 2 ของนักเรียนหญิง นักเรียนชายห้ามขึ้น
ไปชั้นของนักเรียนหญิง เว้นแต่มีเหตุจำเป็น เท่านั้น นะจ้ะ ไม่งั้นล่ะก็~~ โฮะๆๆๆ ”
อาจารย์บุษบารี กล่าวไปสักพักก็หัวเราะด้วยสีหน้าที่แฝงความอำมหิตเอาไว้ลึกๆ ออกมา
 ทำเอาบรรดานักเรียนชาย พากันกลืนน้ำเอือกใหญ่ ด้วยความผวา

“ อาจารย์ บุษบารี เข้าโหมดแผ่รังสีแย้ว ”
“ จะมีที่ไหนน่ากลัวกว่านี้อีกไหมเนี่ย ”
“ นั่นสิ ”

เสียงกระซิบกระซาบของ เหล่านักเรียนชายดังขึ้นกันเป็นทอดๆ ก่อนจะเงียบกริบไปเพราะ อาจารย์แก
หัวเราะเสียงดังขึ้นไปอีกหน่อยก็ทำเอาพวกเค้า เสียวสันหลังวาบไปตามกัน

“ อะแฮ่ม..ถ้างั้นเชิญนักเรียนไปทำธุระได้ บ่ายโมงครึ่งเราจะมารวมกันที่ ล็อบบี้อีกครั้งนะนักเรียน ”
อาจารย์ บุษบารี กระแอมไอเพื่อปรับน้ำเสียงและสีหน้าก่อนจะหันมา

ยิ้มหวานแล้วกล่าวน้ำเสียงเพราะพริ้งเหมือนเดิม แล้วจึงออกเดินนำ กลุ่มนักเรียนที่จะขึ้นไป
 ยังชั้นสองไปด้วยทีท่ากระดี๊กระด๊า
ในขณะที่ บรรดานักเรียนชายยังมิวายจิตตกไม่หายกับ รังสีอำมหิตที่ อาจารย์ปล่อยมาเมื่อครู่

“ ป...เป็น อาจารย์ที่ (แปลก) ดีเนอะ ”
โคทาโร่ เปรย ขณะที่ ธนัทและนักเรียนชายคนอื่นๆรับคำอย่างเห็นด้วย


..................
..........................

“ ว้าว!!~ ”
ธนัท ร้องด้วยความดีใจทันทีที่เปิดประตูห้องพักออก
ภายในห้องพักมีสองเตียงนอน ห้องน้ำและห้องอาบน้ำในตัว

ระหว่างเตียงทั้งสองมี โต๊ะ และโคมไฟเล็กๆตั้งขั้นเอาไว้
ถัดไปคือระเบียงที่ยื่นหันหน้าเข้าหาชายหาด
ทำให้สามารถนั่งตากลมทะเลเย็นสบายได้ทุกเมื่อ

“ โอ้โห..หรูเหมือนกันแฮะ มีครบเลยนี่ ”
โคทาโร่ เดินตามเข้ามาทีหลังก็อดที่จะชมไม่ได้

“ แต่ไม่นึกเลยนะ ขนาดอยู่ที่บ้านนายก็อยู่ห้องเดียวกับฉัน มานี่จับสลากแล้วนายก็ยังได้อยู่กับฉันเลย ”
ธนัท กล่าวหยอกเล่นๆ

“ เฮ่อ เอาเถอะ ถ้าดวงมันจะเป็นงี้เราก็ไปขัดไม่ได้หร้อก ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่ วางกระเป๋าลงข้างเตียง ฝั่งในขณะที่ ธนัท ใช้เตียง ฝั่ง หน้าต่างระเบียง


................
........................
.....................................


หลังจากการ รวมตัวที่ล็อบบี้อีกครั้งในเวลา 13.30 น.
ตารางการทัศนศึกษาตามสถานที่สำคัญต่างๆในตัวจังหวัดจึงเริ่มขึ้น
คณะนักเรียน ได้ออกเดินทางไปยัง Link Gate ของจังหวัด

ซึ่ง Link Gate นี้เปรียบเสมือน Warp Gate ย่อยๆ ที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับ
การเดินทางในตัวจังหวัดเท่านั้น โดยส่วนใหญ่ แล้วมักจะสร้างเพื่อให้ความสะดวกในการท่องเที่ยว
ซึ่ง Link Gate นี้ไม่จำเป็นต้องเสียค่าบริการ และวิธีการใช้ยังง่ายและสะดวกกว่า Warp Gate

นั่นคือ Link Gate จะแบ่ง แท่นย้ายมวลสารเอาไว้ 4 แท่น โดย3 แท่นจะเชื่อมต่อกับ ปลายทางของ
3 อำเภอในจังหวัดภูเก็ตนี้
ซึ่งได้แก่
1.อำเภอเมืองภูเก็ต
2.อำเภอกระทู้
3.อำเภอถลาง

 ส่วนอีก แท่นวาร์ปนั้นใช้สำหรับไปยัง สถานี Warp Gate  ของจังหวัด


“ ที่แรกที่เราจะไปกันวันนี้ คือที่ไหนเหรอ ”
ไดสุเกะ ถามขึ้น ตัวเค้ามาร่วมกลุ่มกับ ธนัท โคทาโร่ เคียว แอน และ ชุติการ แทน อิส ที่ไป
อยู่กลุ่มหัวหน้าห้อง เพื่อช่วยเช็คจำนวนและงานของรองหัวหน้า

“ นี่ไง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง  ในอำเภอถลาง ตำบล ศรีสุนทร ”
ธนัท กล่าวพลางชี้ไปที่ กระดาษแจงกำหนดการที่เค้าพกติดตัวมาด้วย
ขณะที่ พวกผู้ชายในกลุ่มมุงดู กำหนดการของวันนี้ แอน ที่ยังเป็น ชุติการ ที่เธอยังคง
เงียบเหงาเซื่องซึมอยู่ก็ อดที่จะมองเธอเป็นระยะๆด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

“ นี่จะทำหน้าบูดเป็นดอกไม้เน่าอีกนานไหมเนี่ย ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่ ชุติการ จะหันควับกลับไปถลึงตาใส่ด้วยความโกรธที่ วูบขึ้นมา
จากน้ำเสียงที่ฟังกวนโมโห และ ใจความในคำพูด ซ฿่ง ธนัท เป็นคน กล่าวออกมานั่นเอง

“ นายว่าใครเป็น ดอกไม้เน่ายะ ”
ชุติการ ตะคอกใส่ ด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่ธนัท จะตีหน้าเบ้ แล้วทำย้อนเสียง
เลยทำให้เธอโกรธ หัวฟัดหัวเหวี่ยง จนลืม อาการเซื่องซึมเมื่อครู่ไปเลยทีดียวแล้วหันมาไล่กวด
 ธนัท ที่วิ่งล่อเธอไปมา

โดยมีเสียงหัวเราะ ของเพื่อนๆที่ท่าทางการไล่กวดแล้ว หาก ธนัท โดนจับได้คงเละไม่เหลือชิ้นดีแน่

“ ธนัท... ”
แอน เปรยด้วยความโล่งใจ ที่ ธนัท ทำให ชุติการ หายซึมได้เป็นปลิดทิ้ง ทั้งที่เธอ
พยายามจะชวน ขุติการ คุย ตอนอยู่บนเรือแต่เธอก็เอาแต่เงียบไม่พูดด้วยอย่างเดียว
แต่พอมาตอนนี้ เธอกลับ ร่าเริงขึ้นทันตา

..............
................................
.........................................


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง


/หลังจากเหตุการณ์ ซึนามิ ถล่มในวันนั้น ช่วง 2 ศตวรรษที่ผ่านมาแม้จะยังไม่มีการเกิดซึนามิ
ขึ้นมาอีก แต่การพัฒนาและหาทางรับมือกับ ภัยธรรมชาตินี้ก็ยังดำเนินมาจนถึงวันนี้ /

/นับตั้งแต่ พ.ศ. 2664  ก็มีการริเริ่มการนำระบบพลังมนตรามาพัฒนากับระบบป้องกัน จนในที่สุด
 เราจึงสามารถค้นคว้า เกราะสนามพลังที่สามารถป้องกันการกระแทกได้ทุกชนิด/

/ ไม่ว่าลมพายุ หรือคลื่นยักษ์ ก็ไม่สามารถทลายเกราะสนามพลังนี้ได้  เกราะสนามพลังนี้
เคยเปิดทำการทดลองใช้ ไปเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2267 ในการป้องกันพายุ ที่พัดเข้ามา /

/ทำให้หลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดได้ทั้งหมด ดังนั้น เราจึงมั่นใจได้ว่า ภูเก็ต
จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ปลอดภัยจาก ภัยธรรมชาติทั้งปวง... /

เสียงบรรยายจาก ลำโพงที่ติดกับจอติดผนังใน ทางเดินพิพิธภัณฑ์ นั้นดังขึ้นพร้อมกับ
ภาพจำลองเหตุการณ์ ที่คลื่นยักษ์ โถมเข้ามา โดยที่แบบแรกนั้น ไม่มีเกราะสนามพลังขึ้นมาป้องกัน

ความเสียหายที่จะเกิดจะมีมาก ส่วนภาพถัดเป็นแบบเดิมเพียงแต่คราวนี้มีการกางสนามป้องกันขึ้นมา
ผลปรากฏคือ คลื่นยักษ์ เป็นได้เพียง น้ำฝนที่สาดกระเซ็นมาดดกระจกรถเท่านั้น ไม่มีความเสียหายใดๆเกิดขึ้น

ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งนี้ จะบรรยาย เรื่องราวเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของ จังหวัด ภูเก็ต
โดยที่ บรรดานักเรียน หลังจากชมสื่อสารสนเทศเรื่องการรับมือภัยสึนามิ แล้ว จึงพากันแยกย้าย
ไปสำรวจและเดินชมภายในตัวอาคารที่จัดแสดง สื่อ และ ภาพยนตร์ต่างๆ ที่จัดแสดงไว้



“ นี่เป็นภาพจุดที่ทำการติดตั้ง เครื่องก่อสนามพลังเวทย์ ที่ติดตั้งตามหาด ทั่วทั้ง เกาะ เหรอ ”
เคียว ถามขณะที่ เดินเข้ามา อิส ที่กำลังตั้งใจดู ภาพจุดสีแดงที่ จุดเอาไว้บนแผนที่ ของจังหวัด
ซึ่งรายล้อมทั้ง เกาะภูเก็ต

“ ครับ..แถมมีตั้ง 150 จุดแน่ะ ตรงนี้น่าจะเป็นบริเวณที่ เราพักอยู่นะครับ ”
อิส กล่าวพลางชี้ให้ดูยังจุดหนึ่งในแผนที่ ที่มีจุดแดงรายล้อม เป็นแนวโค้ง
ซึ่งตรงนั้นเป็นจุดเดียวกับ ที่ รีสอร์ท ที่พวกเค้าพักตั้งอยู่ ซึ่งบริเวณนี้มีทั้งสิ้น  17 จุด


“ อืม..ถ้าถึงเวลาที่เกิดคลื่นยักษ์ แล้วเสาต้นใดต้นหนึ่งไม่ทำงานขึ้นมาล่ะก็
สนามป้องกันก็จะไม่สมบรูณ์ เพราะงั้นจึงต้องมีการตรวจเช็ค กันตลอดเวลา
แต่การจะตรวจทั้งหมด 150 ต้น แถมเป็นอาณาบริเวณทั่วทั้งเกาะ นี่มันก็…. ”

เคียว อธิบายก่อนจะหยุดไปเพราะ อิส แทรกขึ้นมา

“ ถึงจะบอกว่าดูแล แต่ก็ไม่ได้ดูให้ละเอียดถี่ถ้วนจริงๆหรอกครับ อย่างมากก็แค่เช็คผ่าน
หน้าปัดเครื่องควบคุมไม่ก็ ส่งคนไปดูผ่านๆ เอาแค่ไม่เสียหายขนาดหายปทั้งเสาหรือโดนชำแหละ
จนเละ ก็พอ…..แล้วพอถึงเวลาก็…. ”

อิส เปรยก่อนจะหยุดกล่าวไปเสียดื้อๆ โดยที่มือของเค้านั้นกำแน่น
จนข้อซีดขาวราวกับโกรธอะไรบางอย่างอยู่
ลึกๆในใจแต่กลับซ่อนสีหน้าและความรู้สึกเอาไว้ ทำให้สีหน้าของเค้าดูเหมือนกับ
เป็นคนเรื่อยๆสบายๆไม่คิดอะไรมาก หลังจากเงียบไปนาน  อิส จึงเดินออกไปจาก จุดจัดแสดง

“ นี่…เรื่องตอนนั้นน่ะมันไม่ใช่ความผิดของนายหรอกนะ… ”
เคียว เปรยคำพูดของเค้าทำให้ อิส นิ่งไปซักพัก แต่สีหน้าของเค้าก็ยังคงไม่เปลี่ยน

“ ขอบคุณที่เป็นห่วงแต่ถึงยังไง…ผมก็ไม่คิดว่าจะยกโทษให้ตัวเองได้หรอกครับ… ”
อิส ตอบก่อนจะออกเดินต่อโดยไม่หันกลับไปมอง

“ ประธาน มาริน่า ก็เก่งเหมือนกันแฮะทั้งที่ก่อนนี้ตอนเกิดเรื่องนั้นเมื่อปีก่อน
แค่ครับซักคำก็ยังพูดไม่ออกเลยด้วยซ้ำ จะตอบอะไรก็ไม่ตอบ เฮ่อ… ”

เคียว คิดก่อนจะถอนหายใจด้วยความรู้สึกอึดอัดกับ สถานะที่เป็น อยู่ของ อิส ในตอนนี้
มันทำให้ เค้ากับเพื่อนๆเหมือนห่างเหินจาก อิส ไปทุกขณะ แต่คนอื่นก็ไม่มีใครคิดที่จะพูด
เพราะต่างรู้ว่า เรื่องที่เคยเกิดนั้นคงจะเป็นแผลใจให้ เค้าไปอีกนาน

……….

หลังจาก เดินชมจนทั่วและถึงเวลากลับแล้ว นักเรียนทั้งหมดจึงมารวมกลุ่มกันเพื่อ
กลับไปยังที่พัก
 ……….

รีสอร์ท สนธยา เวลา 15.30 น.



“ ขอแจ้งข่าวหน่อย ตั้งแต่ตอนนี้ถึง 5 โมง เป็น ฟรีไทม์(Free Time)
ใครจะไปว่ายน้ำไปลงชื่อที่อาจารย์ได้เลย ”
เพื่อนชายในห้อง เปิดประตู ห้อง เข้ามาแจ้งข่าวให้ กับ ธนัท และ โคทาโร่ ที่กำลังจัดของ
ในกระเป๋า

“ เอ้อ! รับทราบ เราไปว่ายน้ำแน่…เน้อ~ ”
โคทาโร่ ตอบพลางหันกลับมา ส่งยิ้มเป็นนัยให้ธนัท ขณะที่ ธนัท ได้แต่เอียงคอ
มองตอบด้วยความสงสัย

………..
ครู่ต่อมา
……………..

« Last Edit: May 15, 2009, 03:17:32 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #87 on: May 15, 2009, 04:36:28 AM »

หาดหน้า รีสอร์ท

หาดทรายขาวยาวสุดลูกหูลูกตา และคลื่นทะเล ที่พัดเกยขึ้นมาบนฝั่งก่อนจะกวาดเอา
สิ่งที่อยู่บนทรายลงไป เสียงคลื่นและลมที่ ดังสลับกันไป ตัดปนไปกับเสียง
จอแจ ของเหล่านักเรียน ที่เปลี่ยนชุดว่ายน้ำออกมาเดินชายหาด

เล่นน้ำ และกิจกรรมอื่นๆที่พึงจะทำ พวกนักเรียนหญิง บางกลุ่มพกครีมกันแดดมาทา
แล้วแบ่งกันใช้ นอกจานี้ยังมีการจับกลุ่มอาบแดด กัน โดยที่มีสายตาของ บรรดานักเรียน
ชายจ้องไปเป็นระยะเรื่อยๆไม่มีหยุด

“ อา..ตรงนั้นมัน…สวรรค์…สวรรค์ต้องห้าม นางฟ้า…รอให้ไปคว้ามาครอง อ้า~~ ”
นักเรียนชายบางคนถึงกับหลุดสติลอยกันเป็นแถบ บ้างก็มี
ขณะที่ บรรยากาศ กำลัง เคลิ้มอยู่นั้น อาจารย์ บุษบารี ก็เดินมา เข้ากลุ่มกับ พวกนักเรียน หญิงก่อน
เสียงกรี้ดกร้าดกันอย่างสนุกสนาน ดังลั่นหาด แต่อาจารย์ บุษบารี ก็เป็นหญิงงามที่แม้จะผ่าน

กาลเวลามานานก็ยังคงความงดงามนั้นไว้ ทว่า สิ่งที่ทำให้บรรดาสายตาเจ้าชู้ทั้งหลายต้องพังทลายลง
ก็คือ บรรดาอาจารย์ หญิง ที่แค่มองใบหน้าบ่งบอกตัวเลขที่ทะลุเกิน 60 ไปแล้วกันทุกคนที่
เฮโล มาร่วมกลุ่มกับพวกผู้หญิงด้วย ทำให้ กลายเป็นภาพที่ ทั้งน่าดูและน่ากลัวปนกันไป
จนในที่สุด ทุกคนก็เลิกสนใจไป

……….
…………

“ วันนี้หล่ะ จะหาปูทะเล ตัวใหญ่กลับไปกินให้ดู ”
โคทาโร่ ประกาศอย่างมุ่งมั่น ก่อนจะแปลงส่วนมือให้กลายเป็น กรงเล็บของสุนัขป่า
พร้อมกางใบหูออกมา ซึ่งเป็นสัญญาณพลังของ DNA Changer กำลังสำแดงเดชอยู่

ไม่นาน พื้นทรายก็ถูก โคทาโร่ ขุดอย่างรวดเร็ว จนทรายสุมกันขึ้นมา ทับร่างของ ธนัท จนถึงต้นคอ
เลยดูเหมือนเล่นฝังทรายกันอยู่ ด้าน ไดสุเกะ ที่พยายามห้ามแล้วห้ามอีก ก็กระเด็นออกมาเพราะคลื่นทราย
ที่ โคทาโร่ คุ้ยขึ้นมา จนเข้าใกล้ไม่ได้ ส่วนเคียว นั้น โดนกลบจนมิดหัวอยู่กองทรายไปก่อน ธนัท แล้ว


“ ฮึ้ยยย~~ อย่างนี้มันเกินไปแล้วนะ โคทาโร่! ”
ธนัท ตะโกน ทว่า โคทาโร่ ก็ยังคงขุด แบบไม่สนใจเหมือนไม่ได้ยินเสียงร้องให้หยุดของ ธนัท


“ นี่!!! ”
ธนัท ยังคงตะโกนต่อไป แต่ โคทาโร่ ก็ไม่มี ทีท่า จะหยุดเลยซักนิด
ขณะ นั้น อิส ก็เดิน ตรงเข้ามายังกลุ่มของพวกเค้า

“ อ๊ะ นั่นปูม้า ตัวเบ้อเร้อเลยนี่ ”
อิส เปรยเสียง เรียบขึ้นมา ขณะที่ทรายซึ่งถูกคุ้ยนั้น หยุดลงทันที ก่อนที่ โคทาโร่
จะโผล่หัวขึ้นมาจากหลุม

“ หา! ไหนๆ ปูม้า อยู่ ไหน ”
โคทาโร่ กล่าวพลางหันไปมา เพื่อหาปูม้า ที่เค้าได้ยิน

“ อ๊ะ มันหนี ลงรูตรงโน้นไปแล้วล่ะ ครับ ”
อิส กล่าว พลางชี้ไปที่ ทรายตรงส่วนที่ใกล้กับน้ำทะเล ซึ่งนี่เป็นการหลอกให้ โคทาโร่
ไปขุดตรงส่วนนั้น ซึ่งต่อให้ขุดเร็วแค่ไหน น้ำก็จะพัดเอาทรายกลับลงหลุมไปอยู่ดี
ด้าน โคทาโร่ ที่หลงกลคำพูดของ อิส ก็รีบตะบี้ตะบัน ไปขุดตรงนั้นเป็นการใหญ่


“ ขอบใจนะ อิส ..เฮ่อ นึกว่าจะแย่แล้วซะอีก ”
ธนัท กล่าวขอบคุณ ก่อนจะถอนหายใจ ด้วยความหน่ายอกหน่ายใจ กับนิสัย จริงจัง
เกินเหตุ ของ โคทาโร่ ที่เล่นเอาเค้า เกือบ สำลักทรายตาย

“ ระวังตัวหน่อยก็ดีนะครับ โคทาโร่ น่ะ ”
อิส กล่าวขณะที่ก้มลงขุดเอาทรายที่ทับส่วนแขนของ เค้า ออก

“ เอ๋.. ”
ธนัท เปรยด้วยความสงสัย ขณะที่ อิส ก็ตั้งหน้าตั้งตา ขุดไปเรื่อย

“ ถึงตอนนี้ เค้าจะแสดงออกว่าเป็นมิตร แต่นั่นอาจจะแค่แกล้งหลอกเฉยๆก็ได้ ถึง
การให้เค้าได้พบกับ คุณไดสุเกะ อาจจะทำให้เราไว้ใจเค้าขึ้นมาได้บ้างก็ตามที ”

 อิส กล่าวปเรื่อยๆขณะที่ ขุดจนเจอ แขนของธนัท แล้ว จึงปัดเอาทรายที่อยู่รอบๆออก
และเกลี่ยทรายไปเรื่อยๆ


“ ฮะๆๆ..หลังจากนั้นนะ เค้าก็พูดว่า… ”
ชุติการ ที่เดิน คุยมากับ แอน และ เพื่อนนักเรียนหญิงอีก สองคน
ขณะที่กำลังคุยกันเพลิดนั้น พวกเค้าก็มา เจอ อิส กำลัง คุ้ยทรายให้ ธนัท อยู่

“ ว้าว..ผู้ชายสองคนอยู่ด้วยกัน ”
“ กำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ ”

เสียงของ สองเพื่อนสาว ดังสลับกันขึ้นมา ขณะที่ อิส เกลี่ยทรายออกจากตัวธนัท หมดแล้ว

“ โฮ่ โนว่(Ho! No) ม่ายจริงน่า นี่ ธนัท กับ อิส หรือว่า… ”
แอน ร้องเสียงเหน่อ ด้วยความตกใจ ขณะที่ ชุติการ นั้นรีบ เบือนหน้าหลบแล้วยังหน้าแดง
เพราะความอายแทนอีกด้วย

“ น..นี่..ด..เดี๋ยวก่อนสิ ไม่ใช่นะ..อิส ก็พูดอะไรบ้างสิ ”
ธนัท รีบลุกขึ้นมาปฏิเสธ เสียงแข็งทันที ก่อนจะหันไป บอกให้อิส ช่วยยืนยัน

“ นั่นสิ…พูดอะไรดีล่ะ.. ”
อิส กล่าวจบก็ลุกเดิน จากไป ทิ้งให้ ธนัท โดนเข้าใจผิดไปยกใหญ่

“ อ..อ้าว นี่เดี๋ยวก่อน ไหงงั้นล่ะ.. ”
ธนัทกล่าว หน้าตื่นขณะที่พยายามโบกมือเรียกให้ อิส กลับมาอธิบายให้พวกเธอฟัง
แต่ อิส กลับเดิน หนีออกไปโดยที่ไม่สนใจ ขณะที่ บรรดาเพื่อนสาวพากันหัวเราะร่า
ไม่ฟัง ธนัท อธิบาย


……………….
วันถัดมา
…………………..

 วันอังคาร ที่ 18  มิถุนายน  เวลา 6.50 น.

รีสอร์ทสนธยา

ด้านหลังของ อาคารพักแรม นั้น เป็นสวนธรรมชาติ ที่มีทางเดินทอดยาว ไปจนถึงตีนเขา
ภูเขาแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของเขตอนุรักษ์ พันธุ์ป่าไม้และสัตว์ป่าบางชนิด

ทำให้ บนภูเขานั้น นอกจากจะมีทัศนียภาพที่หาดูยากของ ผืนป่าและพันธุ์ไม้
ก็อาจจะยังมีสัตว์ป่าบางชนิดโผล่มาให้เห็น ซึ่งเหมาะกับการเดินทางปีนภูเขาเพื่อชมทัศนียภาพ
และนอกจากนี้ ที่ถ้ำบริเวณ ชะง่อนผาที่ยื่นออกไป ทางฝั่งทะเลตะวันออกของเกาะ

ยังเป็นถ้ำที่ เป็นรังของ นกนางแอ่น อีกด้วย ซึ่งในแต่ละปีพอถึงฤดูท่องเที่ยว
จะมีนักท่องเที่ยว แห่มากันมาดู นกนางแอ่น การสาธิต เก็บรังนกนางแอ่น ที่จะมีให้ดูเพียง
แค่ช่วงนี้เท่านั้น

เพราะตามกฎอนุรักษ์ พันธุ์สัตว์ป่าที่ ให้ความคุ้มครองแก่นกเหล่านี้ แต่ในช่วงท่องเที่ยว
นั้นจะยกเว้นเป็นกรณีที่รับได้เป็นพิเศษ เท่านั้น คือเป็นเพียงการแสดงไม่ใช่การตลาด

นอกจากที่นี่แล้วหมู่เกาะรอบ เกาะภูเก็ต ก็ยังมีเกาะที่มี ถ้ำนกนางแอ่น อยู่อีกมาก
แต่โดยส่วนใหญ่ถ้ำจะอยู่บริเวณ ชะง่อนผาที่มนุษย์เข้าไปไม่ค่อยถึง ดังนั้นจึงมีไม่มีกี่แห่งที่จะ
สามารถเข้าไปยลโฉมความงามของธรรมชาตินี้ได้ง่ายๆ

.............

“ อ้าว ชุติ มาเดินเล่นเหมือนกันเหรอ ”
ธนัท กล่าว พลางโบกมือทักทาย ขณะที่เดินตามทางเท้า เข้าไปหา ชุติการ ที่กำลังเหม่อมอง
บรรยากาศรอบๆอยู่ เสียงสะท้อนที่ก้องออกมา จากการเดินของ ธนัท ในทุกครั้งเท้ากระทบกับ

พื้นหินอ่อนเสียงนั้นก็ก้องขึ้นใน หัวของเธอ ทั้งที่มันเป็นเพียงเสียงที่เบาแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน
แต่มันกลับดังก้องสะท้านอยู่ในหัวของเธอ ราวกับเป็นเสียงที่ดังมาก ก่อนที่เธอ จะหันไปหา ธนัท

ชั่วครู่แววตาของเธอเหมือนกตกใจกลัวอะไรบางอย่าง ก่อนจะค่อยๆเซถลาล้มลง ธนัท ที่เห็นว่า
เธอกำลังจะล้มจึงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อจะรับเธอแต่ทว่า

ตุบ โครมมมม!!!

“ ม...ไม่เป็นไรนะ ”
ธนัท กล่าวเสียงสั่น ขณะที่ ชุตืการ ที่พึ่งรู้สึกตัวว่าตัวเอง ล้มก็
หันซ้ายทีขวาทีเพื่อจะมองหา ธนัท แต่ก็ไม่เจอ จนเมื่อเธอรู้สึกว่านั่งทับอะไรอยู่
เธฮจึงมองลงมา ก็เห็นว่า เธอกำลังนั่งทับ ธนัท อยู่นั่นเอง

“ อ๊ะ..ว้าย แล้วไหงนายอยู่ตรงนี้ได้เนี่ย ”
“ เรื่องแบบนี้...ใช่ว่าจะเกิดขึ้นบ่อย....หรอกนะ..แต่ช่วยลุก...อ๋อย ”

ชุติการ ร้องด้วยความตกใจ ก่อนเธอจะสะดุ้งรีบลุกจากตัว ธนัท ก็ตอนที่เค้าขอให้เธอลุกออก


“ ข..ขอโทษนะ..พอดี มันรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยน่ะ... ”
ชุติการ กล่าวแก้เขิน พลางเบือนหน้าหนี ธนัท เพื่อไม่ให้ เค้าเห็น ใบหน้าที่ร้อนผ่าวจนแดงของเธอ
ขณะที่ ธนัท กำลังยันตัวลุกขึ้นมานั่ง ทั้งสอง นั่งกันอยู่บนพื้นหินอ่อน

อย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร ท่ามกลางความเงียบนี้ มีเพียงเสียงหัวใจของ ชุติการ
ที่ดังแผ่วออกมาหน่อยๆ
ตอนนี้เธอรู้สึกตื่นเต้นแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน


“ ทำไมกันนะ หัวใจเราถึงได้เต้นแรงแบบนี้ล่ะ..หรือว่า...ไม่จริงน่ะ ”
ชุติการ คิดก่อนจะนึกย้อนถึงคำพูดที่ ประธานมาริน่าได้พูดกับเธอเอาไว้ในวันที่
เรียกเธอไปพบเป็นการส่วนตัว

“ มังกรขาวในตัวของเธอกำลังจะตื่นขึ้นในอีกไม่ช้า ”
“ มังกรขาว...ในตัวฉันน่ะเหรอคะ... ”
“ ใช่...พักหลังมาเนี่ยเธอ.....ไปประทับใจใครมารึเปล่า.... ”
“ เอ๋....ท..ทำไมถามแบบนั้นล่ะคะ ”
“ โดยทฤษฎี แล้วบุคคลที่เป็น Angel พลังของเจ้าตัวจะตื่นขึ้นก็ต่อเมื่อ
ได้รับแรงกระตุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับจิตใจ
ยกตัวอย่างก็ ความโกรธ ความเกลียด หรือไม่ก็.....ความรัก ”

บทสนธนาระหว่างเธอกับ มาริน่า ในวันนั้นได้แวบขึ้นมาในหัวเธอ
และทำให้เธอเริ่มเอะใจ กับความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้

“ ม...ไม่จริงน่า...นี่หรือว่าเรา.... ”
ชุติการ คิดขณะที่ค่อยๆหันไปมองหน้า ธนัท อย่างช้าๆ
ด้าน ธนัท ที่ยังคงนิ่งเงียบ นั้นก็ยังไม่ได้ทำอะไร ขณะที่ ชุติการ เริ่มรู้สึกว่า เธอเขินขึ้นมา
ณ เวลา นี้ ก็ทำเอาเธอแทบไม่อยากเชื่อความรู้สึกตัวเอง

“ นี่... ”
ธนัท เอ่ยขึ้นมาแบบปุบปับทำเอาเธอ ทำตัวไม่ถูกไปเลยทีเดียว
แต่ก่อนที่เธอจะได้แสดงความ เป๋อ ออกมา เธอก็ต้องหยุดนิ่งไปชั่วขณะเมื่อเห็นทีท่าของ

 ธนัท ในตอนนี้ซึ่งเธอ เองก็ไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะบรรยากาศ ที่เงียบสงัดในเช้านี้ หรือ แสงแดด
อ่อนๆที่ สาดส่องลอดทะลุหมู่ไม้ ลงมาจนสร้างบรรยากาศให้เธอรู้สึกอย่างนั้น


“ ธนัท... ”
ชุติการ เปรยด้วยเสียงที่แผ่วเบาอย่างไม่ทันคิด

“ ตอนนี้ เธอ...กังวลเรื่องอะไรอยู่รึเปล่า..ถ้ายังไงบอกชั้นมาก็ได้นะ.. ”
ธนัท กล่าวเสียงเรียบ ชุติการ ไม่เคยเห็น  ธนัท เป็นเช่นนี้มาก่อน ก็เกิดความสับสนผสม
ความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกขึ้นมา

“ ร..เรื่องกลุ้มใจเหรอ....เอ่อ ม..ม..ไม่มีหรอก ฉันไม่ได้กลุ้มใจอะไรเลยจริงๆนะ... ”
ชุติการ รีบปฏิเสธเป็นการใหญ่ขณะที่เธอ เองก็รู้สึกตื่นเต้นตูมตาม ไปกับสถานการณ์
จนทำอะไรไม่ถูก ขณะที่ ธนัท ลุกขึ้นยืน

“ งั้นก็ดีแล้วล่ะ..ทุกคนเค้าเป็นห่วงนะที่เธอเอาแต่ซึมอยู่แบบนั้นน่ะ ”
ธนัท กล่าวจบก็ วิ่งหนีเธอไป ทิ้งให้เธอ นั่งฉงนกับทีท่าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเค้า

“ นี่หรือว่าเรา....ชอบเค้า...ไม่ๆๆๆๆ อย่าง อีตา ธนัท เนี่ยนะ ....คิดไปเองๆๆ...ฉันนี่มันบ้าจริงๆ ”
ชุติการ เปรยก่อนจะเปลี่ยนเป็น โวยวายพลางทุบหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด
ก่อนจะหยุดเพราะโมโหจนเหนื่อย

“ งั้นความรู้สึกนี้มันอะไรกันล่ะ...ฮึ้ยยย ไม่เอาล้วเลิกคิดดีกว่า ”
ชุติการ เปรยก่อนจะกรี้ดขึ้นมาแล้ว เดินกระทืบเท้าไปด้วยความหงุดหงิด


............
.............
......................

10.20 น. หน้า ทางเข้าสวนธรรมชาติ 
คาบกิจกรรม: เดินทางไกล เป้าหมาย ชมถ้ำผานางแอ่น

กลุ่มของแต่ละคน

กลุ่ม A
วัชรพงศ์(เคียว) อิสรพงศ์ (อิส)  และเพื่อนร่วมห้อง 1 คน

กลุ่ม B

โคทาโร่ ไดสุเกะ และ เพื่อร่วมห้อง 1 คน

กลุ่ม C

ธนัทธาทิเวศ(ธนัท) ชุติการ(ชุติ) แอนนา(แอน)

.................
....................

“ ม่ายหวายแล้ว ทำไมมัน เวรี่ เวรี่ (Very Very) ไกล ขนาดนี้ แอน ม่ายหวายแล้วหนา  ”
แอน บ่นพลางนั่งลงกับ ชะง่อนหิน ที่ยื่นออกมาจากผนังของภูเขา ระหว่างทางเดินขึ้น

“ นี่เราพึ่งเดินมาได้ยังไม่ถึงครึ่งทางเลยนะ ”
ชุติการ แย้ง ขณะที่ หันไปหา แอน

“ แหม ก็ แอน เหนื่อยแล้วนี่หนา รู้งี้เอา เชลโล่(Shello) ออกมาด้วยก็ดีจะได้
 เรียก  Icicle Hound ออกมาขี่ ”
แอน บ่นถึง Note ที่เธอไม่ได้ พกมาด้วย เช่นกัน กับ พวก ธนัท
ที่ไม่ได้พกมาเพราะไม่อยากฟังเสียง
 บ่นของ Note ที่อาจจะรบกวนการเดินทางได้

“ แหมแต่อย่างนั้น มันก็ไม่เรียกว่าเดินทางไกลสิ ”
ชุติการ แย้งพลางคะยั้นคะยอ จะให้เธอไปด้วยกันให้ได้

“ แอน ถ้าเธอไม่ไป ฉันก็ต้องอยู่กับ .ธนัท สองคนนะ แค่เมื่อเช้าก็ทำเอาฉันจะหัวใจวายตายอยู่แล้ว
ขืนต้องเดินไปด้วยกันสองต่อสองล่ะก็.....ว้าย ไม่เอา ยังไงฉันก็ไม่เอาเด็ดขาด ”
ชุติการ คิดอยู่ในใจขณะที่ พยายามจะดึง ให้ แอน ลุกแต่เธอก็ขัดขืนไม่ยอมลุก

“ แหม ชุติการ นี่ล่ะก็ ขี้อายซะจริงหนา ทำอะไรไม่ตรงกับใจจริงๆหนอ คงจะอายล่ะสิ แต่ยังไง
นีก็เป็นวิธีทำให้เธอร่าเริงได้ไวที่สุดแล้วหนา ยังไงก็ต้องให้เธอไป
ซูเปอร์ เลิฟเลิฟ ไทม์(Super Love Love Time) กับ ธนัท ห้ายด๋ายยย ”

แอน คิดอยู่ในใจเช่นกัน ขณะที่ยื้อกันอยู่นั้น ธนัท ที่เริ่มหงุดหงิดกับความไม่ลงรอยของทั้งสอง
จึงกล่าวออกมา

“ เอาล่ะพอเถอะ ถ้าแอน เค้าไม่ไหวแล้ว เราไปกันก่อนก็ได้...แอน เธอรอนี่อย่าไปไหนซะล่ะ ”
ธนัท กล่าวตัดบทจบก็ ลาก ชุติการ ไปทันที โดยไม่สนว่า
 เธอจะขัดขืนหรือไม่ ขณะที่ แอน คอยโบกมือ
ให้ลับหลัง

“ ด..เดี๋ยว..เดี๋ยวก่อนซี่ ธนัท คือ..คือ..ฉัน..ฉ..ฉัน ”
ชุติการ กล่าวตะกุกตะกักด้วยความตื่นเต้น ขณะที่ โดนลากให้เดินตามไปอย่างทุลักทุเล

“ กู้ดลักซ์ แอน ซี ย่าห์(Good luck and See ya!=โชคดีน้า แล้วเจอกัน!) ”
แอน กล่าวเสียงใสพลางโบกมือ ส่งให้อย่างดีใจขณธที่ ธนัท กับ ชุติการ ไกลออกไปเรื่อยๆ
ทุกขณะ

................
........................
...........................

12.00 น.

“ น..นี่ ก็เดินมาตั้ง เกือบ 2 ชั่วโมงแล้วแต่ ยังไม่ได้คุยกันเลย
ซักนิด....ท..ท..ทำไงดี ฉันทำตัวไม่ถูกแล้วนะเนี่ย ”

ชุติการ คิดขณะที่สาวท้าวเดินไปด้วยความกังวลใจ เพื่อเดินตาม ธนัท ที่เดินนำเธอไปไกลแล้วเหมือนกัน

“ ยัยนี่ แปลกๆตั้งกะเมื่อเช้าละ..ป่วยหรือไงน้า ”
ธนัท คิดพลางชายตาไปมอง ชุติการ เป็น ระยะๆ ด้วยความเป็นห่วง ขณะที่เดิน เลียดไปตามไหล่เขา
จนออกมาถึง เชิงผา ที่ยื่นออกมาเป็น ชะง่อนได้แล้ว

พวกเค้าจึงหยุดมองหาไปรอบๆเพื่อหา ถ้ำนกนางแอ่น
ที่จะเข้าไป ดูและสายตาของทั้งคู่ ก็มาหยุดที่ โพรงขนาดใหญ่ซึ่ง มีทางทอดยาวเข้าไปด้านใน

“ ตรงนั้นสินะ ว่าแต่มันดูแคบกว่าที่คิดซะอีกนะเนี่ย.. ”
 ธนัท เปรยขณะที่เดินนำเข้าไปในโพรงที่เริ่มจะแคบลงเรื่อยๆ
โดยมี ชุติการ ตามมาติดๆ หลังจากเดินเข้าไปได้ซักพัก พวกเค้าก็หลุดออกมายัง โถงกว้างของถ้ำ ซึ่ง

ดังระงมไปด้วยเสียง กระพือปีกและเสียงร้อง ของ นกนางแอ่น จำนวนมาก
 ที่อยู่ในโพรงถ้ำกว้างนี้ ด้านบนเพดานถ้ำ นั้นเป็น ช่องโพรงที่สู่ด้านนอกทำให้

 แสงผ่านเข้ามาให้แสงสว่างกับความอบอุ่น
ภายในถ้ำที่มืดและเย็นจัดนี้

ภาพของ นกนางแอ่น  ที่บินไปมาในถ้ำอย่างรวดเร็วนั้น
แม้จะดูสับสนวุ่นวายแต่ก็เป็นภาพชีวิตที่เป็นธรรมชาติ ที่ไม่สามารถหาดูได้ง่ายๆ
 กับการที่จะได้เห็นนกทั้งฝูง มาบินอยู่ตรงหน้า

และเดินกันให้ขวักอยู่ตามพื้นเพื่อหา
อาหารหรือเศษวัสดุที่จะนำไปทำรังได้

“ วิเศษ ไปเลย... ”
ชุติการ เปรยขณะที่สายตาจับจ้องไปด้านบนเพื่อมองดูเหล่านกทั้งหลาย
 พลางเดินไปโดยที่ไม่ได้ดูทาง

“ ฮ..เฮ้ เดี๋ยวข้างหน้านั่นมัน.. ”
ธนัท เรียกให้เธอหยุดเพราะเธอกำลังจะเดิน ไปที่ขอบเนินซึ่งลาดชันลงไปยังด้านล่างของถ้ำ

“ มีอะไร...ว้ายย ”
ชุติการ ที่หันกลับมาถามได้ยังไม่ทันขาดคำ พื้นที่เธอเหยียบก็เปราะก่อนจะแตกทลาย
จนเธอลื่นตกลงไป

“ ชุติการ!!!!! ”
ธนัท ตะโกน พร้อมกับ กระโดดลงไปเพื่อช่วยเธอ ตอนนี้ทั้งคู่ตกลงไปยังส่วนลึกของถ้ำเสียแล้ว

.................
...............
....................

หาดหน้า รีสอร์ทสนธยา  13.01 น.

“ รู้สึกพายุจะเข้านะ.... ”
เคียว เปรยขณะที่ ยืนอยู่บนหาดที่ตอนนี้ มีลมกรรโชกพัดโหม จนทรายบนหาดยังปลิวขึ้นมา
ราวพายุทราย ในขณะที่ บรรดา เพื่อนๆที่อยู่รอบๆพากันล้มลุกคลุกคลาน เพื่อจะต้านแรงลมที่จะ
พัดเอาพวกเค้ากลิ้งไป ขณะที่มาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเล

“ ย..ยัง..จะมีหน้ามาพูด...ว่ารู้สึก...อีกเร้อออ... ”
โคทาโร่ สบถ ขณะที่พยายามจะต้านฝ่าแรงลมเข้ามาคุยกับเค้า แต่ก็ไม่วายโดน
พัดกลิ้งโค่โล่กลับไปออกไป

อีก ขณะเดียวกัน ในทะเลห่างออกไปจากหาดไกลเสียจนเห็นเป็นเพียง จุดเล็กๆ
 มังกรยักษ์กายสีฟ้า ลำตัวของมันยาวเหยียด
เป็นไมล์ ได้ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับ บันดาลคลื่นยักษ์ ออกมาและกำลังจะพัดมาทางเกาะ อย่างช้าๆ

“ สงสัย จะเป็น จอร์มันกาด (jormungand) ล่ะมั้ง นั่นก็ ซึนามิ(Tidal Wave) สินะ ”
เคียวเปรย อย่างไม่รู้ร้อนอะไร ในขณะที่ บรรดา ผู้คนที่หาดพากัน วิ่งหนีหน้าตื่น
 ขึ้นจากหาดกันเป็นการ ใหญ่ โดยมีสัญญาณเตือน จากเสาสูง ที่วางอยู่รอบแนว

 หาดของเกาะดังขึ้นเพื่อเตือนการมาของ คลื่นยักษ์
ก่อนที่ ระบบสนามป้องกันที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกัน คลื่นและพายุที่จะเข้า
มาสร้างความเสียหายจะเริ่มทำงาน

กำแพงพลังงานค่อยๆปรากฏขึ้นจากการ เชื่อมต่อพลังงานเวทย์ของเสาสูง ทั้ง 150 ต้นรอบเกาะ
จนประสานซ้อนกันกลายเป็น โดมพลังงาน ครอบคลุมทั่วทั้งอาณาบริเวณ เกาะทั้งหมด

ทว่า ก่อนที่เกราะจะประสานตัวกันแน่น สนิทนั้น อยู่ๆเสาต้นหนึ่ง ในบริเวณ หาดของรีสอร์ท
กลับไม่ทำงาน จากนั้นจึงลามไปยังต้นข้างเคียง จนทำให้ เกราะ 1ใน4 ของทั้งหมด
ไม่ถูกสร้างขึ้นมาเชื่อม

เกราะสนามพลังจึงเป็นเหมือนกับภาชนะที่เปิดอ้าเตรียมรับน้ำเข้ามา คลุกเค้าส่วนผสมภายใน
ไปเลยทีเดียว หากคลื่นซัดเข้ามาตอนนี้ เกาะทั้งเกาะก็จะถูกน้ำซัดชำระลงมาจนหมด


……………
…………………..
สำนักงานการปกครองส่วนภูมิภาค จังหวัดภูเก็ต

ภายในห้องควบคุมที่เต็มไปด้วย เครื่องคอมฯ และจอมอนิเตอร์ แสดงผลและภาพการ
ทำงานของ เสาสนามพลังทั่วทั้งเกาะตอนนี้ กำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เหล่าพนักงาน
ต่างทำงานกันมือเป็นประวิงเพื่อหาสาเหตุที่ เสาสร้างสนามพลังไม่ทำงาน


“ อะไรกันยังตรวจสอบไม่ได้อีกเรอะ คลื่นจะมาถึงใน ไม่ภึง 30 นาที แล้วนะ ”
“ ไม่ได้เลยครับ เสาต้นที่ 75 ถึง 90 ในเขต C ไม่ยอมตอบสนองเลย ”
“ แล้วทีมสำรวจที่ส่งไปล่ะ ”
“ ยังไม่ติดต่อกลับมาเลยครับ ”
“ ชิ..นี่มันอะไรกัน…หรือว่าจะเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้าย ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีการจับสัญญาณ
ของแผ่นดินไหว ได้เลยนี่แล้ว คลื่นยักษ์นี่มันมาได้ยังไง ”


บทสนธนา ระหว่างหัวหน้างาน กับลูกน้องที่กำลัง เคร่งเครียดกับ สถานการณ์ตอนนี้
ที่พวกเค้าไม่สามารถทำอันใดได้เลย

“ ติดต่อไปยังทีมสำรวจจนกว่าจะติดต่อได้ ”

หัวหน้างานสั่งก่อน ที่พนักงานลูกน้องจะรับคำ แล้วเริ่มทำการ สื่อสารไปยัง
ทีมงานที่ออกไปยังที่เกิดเหตุ


………….

)
« Last Edit: May 15, 2009, 04:41:43 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #88 on: May 15, 2009, 04:36:44 AM »

เยื้องหาดฝั่งซ้ายของ รีสอร์ท สนธยา เวลา 13.07 น.

“ ครืดดดด…ทีมสำรวจตอบด้วย….ครืดดด…นี่หอควบคุม ถึงทีมสำรวจตอบ…ครืดดด…ด้วย ”
เสียง ติดต่อดังขึ้นมาจาก Note ของ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจากในกลุ่มทั้งหมดที่มีด้วยกัน 4 คน
แต่ การติดต่อนั้นกลับไม่ได้รับการตอบกลับเพราะทั้ง 4 คนนั้นถูก กลบฝังด้วยทราย ไปแล้ว

“ ครืดดด…ถึงทีมสำรวจนี่หอควบ.. ” 
เสียงติดต่อที่ยังคงดังอยู่ก่อนจะถูกกลบ หายไปกับ ทรายที่สุมขึ้นมาอีกจนเสียงลอดออกมาไม่ได้

“ น่ารำคาญซะจริง เอาเถอะอีกเดี๋ยวพวกแกก็จะได้ไปว่ายน้ำเล่นกันหมดแล้ว หึๆๆ ”
ชายสวมสูทสีดำ และแว่นกันแดด ซึ่งเป็น เครื่องแบบฟอร์มเดียวกับพวกที่มาบุกพิพิธภัณฑ์สัตว์
น้ำ Water Layer ในวันก่อนๆนั้น กล่าวขณะที่ ปูสีน้ำตาลตัวเขื่อง พอๆกับคน กำลัง
พัดทรายขึ้นไปสุมใส่พวก เจ้าหน้าที่ มันมีลายกระดองสีฟ้าตัดกับสีพื้นกระดองที่เป็นสีน้ำตาล


/Get Call/

เสียงดังขึ้นมาจาก Note ที่เปลี่ยนสภาพเป็นปลอกแขน สวมอยู่ที่แขนซ้าย ของเค้าดังขึ้นก่อนที่เสียง
ของ ควีน จิงค์ จะดังขึ้นจาก Note นั้น


“ เริ่มตามแผนได้ Cancer Magnus มาเร็นงอ(Marenngou) ”
เสียงสั่งของ ควีน ดังขึ้นก่อนที่ ชายผู้นั้นจะรับคำแล้วออกเดินฝ่า สายลมที่พัดกรรโชกนี้
เลาะไปตามขอบชายหาด มุ่งหน้าตรงไปยัง รีสอร์ท สนธยา


…………..
…………………

13.10 น. (อีก 23 นาทีก่อนคลื่นซึนามิ จะมาถึง)

“ ว้าย!! ”
“ แว้ก!! ”

เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นทั่วบริเวณ หาดด้านหน้า รีสอร์ท ดังขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
เมื่อ ชายชุดดำ เดินเข้ามาพร้อม ให้เจ้า ปูยักษ์ สาดทรายไล่พวกนักเรียนคนอื่นๆออกไป

“ สาเหตุของเรื่องพวกนี้ก็คือแกเองสินะ ”
เคียว กล่าวพลางยก คาสเทเนต(Castanet) Note ของตนเองขึ้นมา

/ sich bereit halten /(ภาษาเยอรมัน=Get Set)
คาสเทเนต ส่งเสียงก่อนจะเปลี่ยนรูปเป็นโหมด สำหรับดวลหรือรูปแบบปลอกแขน

/approntare /(ภาษาเยอรมัน=Get Set)
 เสียงดังขึ้นจาก รีคอดเดอร์(Recorder) Note ของอิส ขณธที่เค้าเดินเข้ามาขวางระหว่าง
 เคียว กับ ชายชุดดำเอาไว้

“ งั้นผมจะเป็นคู่มือให้เอง ”
อิส กล่าวพลางเสียบสำรับของตนลงไปในช่องสำรับที่ Note

“ หาอ้าวเฮ้ย แย่งซีนกันแบบนี้เลยเรอะ ฉันท้าก่อนนะเฟ้ย ”
เคียว แย้ง ขึ้นมาด้วยทีท่า หงุดหงิดก่อนจะโดน อิส สวนกลับมาด้วยคำพูดที่เค้าโต้ไม่ออก

“ ไม่ได้ นี่เป็นคำสั่งของคนเขียน ตอนนี้ถึงตาผมออกโรง คุณเคียว รอต่อไปเถอะครับ ”
อิส กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่ เคียว เถียงไม่ออก

“ แหะๆ คำสั่งคนเขียนบท อ่ะน้า ช่วยไม่ได้ ”
โคทาโร่ กล่าวแกมหัวเราะเพื่อปลอบใจ เคียว ที่ตอนนี้หมดเรี่ยวแรงกลิ้งไปตามแรงลมมา
 ติดที่ปลายเท้าของเขา


“ จะใครก็ได้ทั้งนั้น เดี๋ยว Magnus Cancer แห่ง 12 zodiac magnus ผู้คุมวิหาร
ปูยักษ์ คนนี้จะจัดการเอง ”
ชายชุดดำ กล่าวโต่กลับไปอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะเรียกให้ ปูยักษ์ ของเค้ากลับเข้าสำรับ

“ Let’s Duel Summonner Level(mp8) ”
สิ้นคำการดวลก็เริ่มขึ้นท่าามกลางกระแสลมพายุที่พัดอย่างบ้าคลั่งบนหาดนี้
 โดยมีเสียงกระชิก ของ เคียว ที่ดังมาเป็นระยะๆ

“ แล้วเมื่อไหร่ ฉันจะมีบทบ้างงงงง! ”

...................................
..........................................

ถ้ำผานางแอ่น

“ อูยยย นี่ฉันตกลงมาถึงไหนกันเนี่ยแล้วทำไม พื้นมันถึงไม่แข็งนะ แถมยังรู้สึกนุ่มๆอีก ”
ชุติการ เปรยขณะที่หันลงไปมอง แล้วเธอก็ต้องตกใจร้องออกมาอีกครั้ง เพราะ เธอ
 นั่งทับตัวของ ธนัท
อีกแล้ว

“ ท...ทำ..ทำไมนายถึงไปอยู่ตรงนั้นได้เนี่ย เมื่อเช้าก็ทีแล้ว... ”
ชุติการ โวยวายด้วยความร้อนตัวบวกความตื่นเต้นและความเขินอาย
ที่เธอนั่งกดทับ ธนัท มาถึงสองรอบในวันเดียว

“ ก็ขอ..ตอบเหมือนเดิมล่ะ...เรื่องแบบนี้...ไม่เกิดขึ้น..บ่อย...อ่อก ”
ธนัท เปรยขณะที่ยันตัวขึ้นนั่ง ก่อนจะหันไปสำลักเพราะความจุก

“ ว้ายนี่เป็นอะไรรึเปล่า...อุ... ”
ชุติการ ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่ทันทีที่เธอขยับข้อเท้าซ้ายของเธอก็ปวดขึ้นมา
จนเธอต้องล้มลงแล้วรีบเอามือไปกุมข้อเท้า มันแพลงซะแล้ว


“ แย่ล่ะสิ ขาซ้ายแพลงแบบนี้...แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ ”
ชุติการ คิดขณะที่มองขึ้นไปยังยอดเนินของ ผาที่พวกเค้าตกลงมา มันสูงและชัน
ไม่ใช่น้อยแม้จะพอมี ทางเดินให้ปีนขึ้นไปบ้างก็ตาม

“ แย่ล่ะสิ... ”
ธนัท เปรยขึ้นทำเอาเธอตกใจนึกไปว่า เค้ารู้เรื่องที่เธอข้อเท้าแพลงแล้ว


“ ม...ไม่เป็นไร...ฉ..ฉัน ”
“ ฟ้ามืดแบบนี้อีกเดี๋ยวพายุคงจะมาแน่เลย ต้องรีบออกจากที่นี่แล้วกลับไปที่รีสอร์ทแล้วล่ะ
 แอน ก็ยังรออยู่ตรงนั้นด้วย ”

ชุติการ ที่จะรีบออกปากไม่ให้ธนัท เป็นก็แป้วไปเพราะที่ ธนัท ห่วงคือสภาพอากาศตอนนี้

“ ถึงจะชันไปหน่อย แต่ก็พอมีทางให้ปีนได้บ้าง เรารีบขึ้นก่อนดีกว่า อากาศก็เริ่มจะเย็นลงแล้วด้วย ”
ธนัท กล่าวพลางมองหาเส้นทางที่จะปีนขึ้นไป

“ นี่ ธนัท...ทำหน้าเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ได้ด้วยเหรอ...ทั้งที่ปกติแล้วจะตีหน้าเซ่อ เหมือนเด็กๆแท้ๆ ”
ชุติการ คิดขณะที่จ้องหน้า ธนัท ไปพลางหน้าของเธอก็แดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว

“ เอาล่ะตรงนี้น่าจะปีนได้นะ ระวัง หน่อยก็แล้วกัน ฉันจะขึ้นไปก่อน
เธอจับมือฉันแล้วปีนตามขึ้นมาก็แล้วกัน ”
ธนัท กล่าวจบก็ปีนขึ้นไปเชิงหินที่ยื่นออกมาเป็นชั้น ก่อนจะส่งมือลงให้ ชุติการ
แต่เธอกลับไม่ลุกขึ้นยืนมาจับมือเค้าแล้วปีนตาม

“ เป็นอะไรไป กลัวหรือไง ”
ธนัท กล่าวถามด้วยความสงสัยก่อนจะทัน สังเกตว่าเธอเอามือกุมข้อเท้าตัวเองอยู่

“ อ๊ะ...เอ่อ...ม....ไม่ใช่นะ ข้อเท้าฉันมัน...ว้าย ”
ชุติการ ที่รนจะแก้ตัวก็เลยเผลอพูดเรื่องเท้าออกไป ทำให้ ธนัท แน่ใจแล้วว่า
เธอได้รับบาดเจ็บตอนที่ ไถลตกลงมา จึงปีนกลับลงมาดู

“ ม..ไม่ใช่นะ..มันแค่ถลอกนิดหน่อยน่ะ เธอไปก่อนเถอะเดี๋ยวฉันจะตามไป ”
ชุติการ กล่าวอย่างร้อนรนเพราะกลัว ว่าเธอจะทำให้ ธนัท เป็น กังวล

“ ไปก่อนเหรอ...เธอนี่นะ..ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ยังมัวแต่ห่วงคนอื่นอีก ”
ธนัท บ่นขณะที่ปีนลงมา แล้วเข้ามาปัดมือเธอ ออกเพื่อดูบาดแผล
ปรากฏว่าข้อเท้าเธอนั้นบวมขึ้นมาจนน่ากลัว

“ ไม่ไหว แบบนี้เดินไม่ได้แน่... ”
ธนัท เปรยด้วยความตกใจและความเป็นห่วง ขณะที่ ชุติการ ก็มองหน้าเค้าด้วยความเป็นกังวลว่า
เธอจะเป็นตัวถ่วงให้เค้ารึเปล่า ขณะที่เธอ เหม่อ อยู่นั้นเอง ธนัท ก็ยื่นหลังให้เธอ

“ เอะ...เอ๋ จะทำอะไรน่ะ ”
ชุติการ ถามด้วยความสงสัย

“ จะอะไรซะอีกล่ะ..ขาเธอเป็นแบบนั้น แล้วจะเดินไปได้ยังไงกัน ฉันจะแบกเธอไปเองขึ้นมาสิ ”
ธนัท ตะคอกเบาๆแกล้งทำเหมือนไม่พอใจ แต่จากอากับกริยาที่แสดงอยู่นั้น
 เธอที่เป็นเพื่อนกับเค้ามานานนั้นรู้ดีว่า เค้าแกล้งพูดแก้เขินไปงั้นๆ แต่ใจจริงแล้วเค้าเป็นห่วง
ซะจนปล่อยไว้ไม่ได้

“ ต...แต่ฉันน่ะหนักไม่เบาเลยนะ ”
ชุติการ กล่าวทว่า ธนัท ก็แย้งขึ้นมา

“ เอาเถอะน่า เธอคนเดียวจะหนักขนาดไหนกัน ”
ธนัท กล่าวยืนยัน จะให้เธอขี่หลังเค้าขึ้นไป เมื่อไม่มีทางเลือก ชุติการ จึงยอมทำตาม

“ แต่ถ้ารู้สึกหนักเมื่อไหร่ต้องบอกฉันทันทีนะ ”
ชุติการ ยื่นข้อเสนอ ซึ่งธนัท ก็ผงกหัวให้เป็นสัญญาณ เธอจึงเดินไปขี่หลัง ธนัท
ก่อนที่เค้าจะเค้นแรงแบกเธอขึ้นมา และถึงเค้าจะไม่พูดออกมา แต่ท่าทางการออกแรงที่

แสดงออกมาก็ฟ้องอยู่ทนโท่ ว่าตัวเธอนั้นหนักไม่เบาเลยทีเดียว แต่ ธนัท ก็ยังกัดฟัน
แบกเธอปีนขึ้นไป

.....................
.......................
................................


หาดหน้า รีสอร์ท สนธยา เวลา 13.15 น. (อีก 18 นาทีก่อน ซึนามิ จะมาถึง)

“ ฉันเริ่มก่อน Cost mp 3 ร่าย คิงมาคแคนเซอร์(King Mask Cancer)ไว้ที่ df line ”
สิ้นคำของชายชุดดำ ไพ่ซีลบนมือก็ถูกส่งออกไปก่อนที่ เฟือง Dynamaze
 จะเริ่มหมุนเพื่อสร้างละอองเวทย์

ไพ่ได้ดูดซับละอองเหล่านั้นเข้าไปก่อนจะกลายเป็น อสูร รูปร่างปูยักษ์ที่เค้าใช้ให้มัน
สาดทรายใส่พวกเจ้าหน้าที่และตอนที่เดินมา ออกมาอยู่ในแนวป้องกัน



“ จากนั้น Cost mp 2ร่าย ไวเปอร์แครบ (Viper Crub) ออกมา
สองใบไว้ที่ At line แล้วผ่าน ”
สิ้นคำไพ่อีกสองใบก็ถูกส่งออกมาก่อน จะปรากฏอสูรอัญเชิญครึ่งปูครึ่งงู
ออกมาสองตัวที่แนวโจมตี



“ รอบของผม Cost mp3 ร่าย เซริยาห์ มาวิน (Zechariah Marvin) ลงไปที่ At line  ”
อิส กล่าว ก่อนจะส่งไพ่บนมือลงไป ก่อนที่ อสูรอัญเชิญ จอมเวทย์หนุ่มน้อยจะปรากฏตัวขึ้น
 ที่แนวโจมตี
ของเค้า ซึ่งเป็นอสูรตัวเดียวกับที่เค้าเรียกออกสู้กับ แวมไพร์ ในคืนวันนั้นที่โรงเรียน



“ แล้ว Cost mp 2 ร่าย เนเชรัล สปิริตแฟรี่(Natural Spirit Fairy) ลงมาที่ At line ”
อิส กล่าวจบไพ่อีกใบก็ถูกร่ายลงมา ปรากฏร่างของ ภูตน้อยตัวจิ๋ว ขึ้นมาพร้อมกับ
 ลูกบอล หกลูกซึ่งทั้งหกลูกมีสีต่างกันไปตามธาตุในตอนนี้



“ ให้ ability ของเนเชรัลสปิริตแฟรี่ ทำงานเมื่อเข้ามาสนามสามารถเลือกธาตุสังกัดให้แก่
มันได้ ผมขอเลือกธาตุไฟ ”
สิ้นคำของ อิส ภูตน้อยก็เปลี่ยนสีลูกบอลทั้งหกให้กลายเป็นสีแดงเพลิงไป

“ จากนั้นให้ ability ที่สองของ เนชเรัลสปิริตแฟรี่ ทำงาน เมื่อมี มาวิน อยู่ในสนามสามารถสั่ง
ซีลใบนี้เป็น ซีลรองให้กับมาวินได้ เริ่มทำการ Double Combination ”
สิ้นคำของ อิส แผงโฮโลแกรมสำหรับ ทำการรวมร่างของเค้าก็ปรากฏขึ้นก่อน
จะลากไพ่บนนั้นให้

ทำการรวมร่าง ทันทีที่การป้อนคำสั่งเสร็จสิ้น
ภูตน้อยก็เข้าไปสิงในไม้เท้าของ มาวิน ก่อนจะเกิด
เพลิงลุกโหมขึ้นที่ปลายไม้เท้า


“ cost mp ที่เหลืออยู่ 3 ให้ มาวิน โจมตีไปที่
ไวเปอร์แครบ Anger of Flame(ความพิโรธแห่งอัคคี) ”
สิ้นคำ มาวิน ก็โบกไม้เท้าในมือก่อนที่จะเกิดลำอัคคีพุ่งเข้าไปเผาร่างของ
ไวเปอร์แครบ ก่อนที่มันจะถูกทำลายไป

“ หมดรอบเท่านี้ ”
อิส กล่าวขณธที่ ชายชุดดำ จั่วไพ่ ซีลและมิสติกขึ้นมาอย่างล่ะใบ

“ ซีลที่ไม่มี ธาตุ กับ ซีลที่สามารถเปลี่ยนแปลงธาตุของตัวเองได้ 
สำรับของแกคงเป็นรูปแบบการเล่นแร่แปรธาตุแบบหนึ่งสินะ ”
ชายชุดดำกล่าว ขณะที่เรียงไพ่บนมือใหม่

“ ก็คงยังงั้นล่ะมั้งครับ ว่าแต่ คิงมาคส์แคนเซอร์ มีแต่ท่ารวมร่างแบบ
 ทริปเปิล เท่านั้น แต่ตอนนี้
ซีลในสนามไม่พอซะแล้วสินะครับ รอบต่อไปผมก็ยังใช้มาวิน บุกต่อ
ไปแบบนี้เรื่อยๆเกมมันจะจบเอาง่ายๆนะครับ ”

อิส กล่าวจบ ชายชุดดำก็หัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูด

“ นับว่าเธอมีความสามารถในการวิเคราะห์ที่สูงมาก ที่สามารถตัดทางการ
 รวมร่างของฉันแล้วยังหาทางรับมือในกรณีที่ฉันจะส่ง ซีลที่เก่งกว่าลงมา

ด้วยการใช่ซีลที่มีค่าพลังสูงขึ้นจาก
การรวมร่ามแบบรวดเร็วนั่น แต่นั่นสำหรับกรณีที่เป้าหมายของฉันเป็นการจู่โจมล่ะก็นะ ”

ชายชุดดำกล่าวจบเค้าก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เค้าสั่งรวมร่าง โดยให้ ไวเปอร์แครบ ที่มีค่า
พลังเมื่อรวมร่างแล้วน้อยกว่า เป็นซีลหลักทั้งๆอย่างนั้น

“ cost mp 2ใช้สกิลของ ไวเปอร์แครบ เมื่อมันรวมร่างโดยที่มีซีลรองรวมร่างเป็น ธาตุดิน
เลือกซีลในสนามที่มี sp 2- 4 1 ใบในสนาม เมื่อเข้าสู่ sub-turn
ถัดไปซีลนั้นจะติด ston curse 2 turn ”

ชายชุดดำกล่าวจบ ไวเปอร์แครบ ที่ขี่อยู่บนหลังของ คิงมาส์คแคนเซอร์ ก็พุ่งเข้าไป
โดยมี คิงมาส์คแคนเซอร์ ตามไป จับล็อคแขนทั้งสองข้างของ มาวิน
ไว้ด้วยก้ามอันทรงพลังของมัน

จนมาวิน ขยับไม่ได้ก่อนที่ ไวเปอร์แครบ จะตวัดก้ามหนีบของมันเฉือน เข้าที่ ขาของ
 มาวิน จนเป็นรอยแผลบาดลงไป แต่เลือดกลับไม่ไหลออกมา แล้วพวกมันทั้งสองจึงถอยกลับไป


“ จากนั้น Cost mp 4 ร่าย ดีปบลูเรย์ (Deep Blue Ray) ลงไปที่ df line ”
สิ้นคำ หลังไพ่ถูกส่งออกมา ก็ปรากฏร่างของ อสูรกระเบนขนาดยักษ์ บินอยู่
เหนือหัวของพวกเค้าในแนว
ป้องกันของ ชายชุดดำ



“ จากนั้น cost mp 2 ร่าย เดสทรอยเมจิกทาวเวอร์ (Destroy Magic Tower)
ผลของมันจะทำให้อีกฝ่ายต้องสุ่มทิ้งไพ่มิสติกบนมือไปหนึ่งใบ ”
สิ้นคำ ก็ปรากฏ ภาพหอคอยลุกไฟ ค่อยๆถล่มลงมายังพื้นที่ด้านหลังของ อิส ก่อนที่จะจางหายไป
พร้อมกับที่ มิสติกบนมือหนึ่งใบนั้น ถูกละอองเวทย์ พุ่งเข้าไปรวมแล้ว ย้ายมันไปเก็บยังช่อง
 ไชน์ที่ปลอกแขนของเค้า


“ ผ่าน mp ของฉันหมดแล้วในรอบนี้ ”
ชายชุดดำกล่าวจบ ก็ส่ง turn กลับไปให้อิส เล่น ทันทีที่ เข้าสู่ตาเล่นของ อิส ร่างของมาวิน
ก็ค่อยๆกลายเป็นหิน จนขยับไม่ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากพิษที่ ไวเปอร์แครบ ฝากเอาไว้ในตาที่แล้ว

“ ยอมรับเลยว่าคุณทำให้ผม ตกใจเหมือนกันที่การคาดการณ์ของ ผม จะพลาดแบบนี้
....ก็อยากจะพูดแบบนั้นแต่ที่จริงแล้ว คุณน่ะเดินไปตามแผนที่ผมวางไว้แล้วต่างหาก ”
อิส กล่าวจบก็ จั่วไพ่ มิสติกขึ้นมาสองใบ

“ ว่าไงนะ.. ”
ชายชุดดำ อุทานด้วยความสงสัย ขณธที่ อิส เลือก ซีลขึ้นมาหนึ่งใบจากบนมือ

“ เรื่องที่คุณจะใช้สกิลถ่วงเวลาน่ะผมรู้อยู่แล้ว เพราะหาก มาวิน ที่เป็นซีลหลักเพียงตัวเดียวในตอนนี้ถูก ston curse ก็จะทำให้ แยกร่างแล้วก็เป็นซีลรองหรือทำอะไรต่อไม่ได้
การเดินเกมของผมก็จะลำบาก ดังนั้นผมจึงเตรียมใช้มันเป็นวัตถุดิบที่จะฝังคุณลงไปในรอบนี้ซะ ”

อิส กล่าวจบก็ยกปลอกแขนnote ของตัวเองขึ้นมาก่อนจะ ยื่นมือไปเลื่อน รังเพลิงส่วนที่อยู่
ด้านบนของปลอกแขนออก ซึ่งมันเป็นช่องให้ใส่ไพ่ลงไปได้

“ จริงสิ note ของแกใช้เซ้ตแบบ อิตาลี แสดงว่านั่นเป็นรุ่นดัดแปลงสินะ.. ”
ชายชุดดำสบถ ขณะที่ อิส ยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ ถูกต้องนะคร้าบ ที่ รีคอดเดอร์ได้รับการปรับปรุงมาก็เพราะ สำรับของผมนั้นเป็นแบบเฉพาะที่มีอยู่
กันน้อย เดี๋ยวผมจะแสดง1ในความสามารถทั้งหมดของมันให้คุณดูเอง ”
อิส กล่าวขณะที่ ใส่ไพ่ซีลลงไปในช่องรังเพลิงนั้น ขณะที่ เคียว หันมามองเค้าอย่างสนใจ เช่นกัน กับ
โคทาโร่ และ ไดสุเกะ รวมไปถึงคนอื่นๆที่ยังอยู่บริเวณนี้แต่ก็เหลืออยู่สองสามคนเท่านั้น


/Ore-Sanjou /(ภาษาญี่ปุ่น = พระเอกมาแล้ว)
เสียงดังกังวานขึ้นมาจาก note ของอิส ทันทีที่ เค้าสับรังเพลิงกลับเพื่อให้ไพ่เข้าไปด้านใน

“ cost mp 3 ร่าย นักดาบมนตรา เซคาริยาห์ มาวิน
(Zechariah Marvin, the Swords Magician) แล้วทำการ
 Growth มาวิน ที่อยู่ในสนามเพื่อให้ได้ความสามารถใน Growth Box  ”

อิส กล่าวจบร่างของ มาวิน ที่แข็งเป็นหินนั้นก็กะเทาะ ผิวหินออก ก่อนที่เนเชรัลสปิริตแฟรี่
 จะออกมาจากไม้เท้า
แล้ว แล้วเปลี่ยนตัวเองเป็นชุดเกราะสีแดงเพลิง แล้วสวมให้กับร่างของ มาวิน
ส่วนไม้เท้านั้นก็กลายเป็น

ดาบขนาดเล็กฝังลงไปที่ข้อแขนขวาของ มาวิน  ตอนนี้ มาวิน ได้เปลี่ยนอาชีพ
 เป็น นักดาบเวทมนต์ แล้ว



“ การ Growth แบบพิเศษที่ใช้การเปลี่ยนอาชีพงั้นเหรอ ”
โคทาโร่ กล่าวขึ้นมาอย่างสนใจ ก่อนที่ เค้าจะต้องอึ้ง กับสิ่งที่กำลังจะเกิดต่อไป

“ ฉันจะจัดไคล์แมกซ์ให้ตั้งแต่ต้นจนจบเลย ”
อิส กล่าวน้ำเสียงของเค้าเปลี่ยนไป อีกทั้งท่าทางก็ยังเปลี่ยนราวกับเป็นคนละคนไปด้วย

“ แว้ก!!!!นั่นอะไรน่ะ ”
โคทาโร่ อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา ที่บุคลิคของ อิส นั้นจะเปลี่ยนพลิกจาก
หน้ามือเป็นหลังเท้าได้ขนาดนี้ จากที่ดูเก็บอาการกริยาท่าทางและดูเป็นคนนอบน้อม กลับ
กลายเป็นคนใจร้อน ฉุนเฉียวและทำอะไรไม่ยั้งคิด ไป

“ อ่า...นั่นล่ะมันมาแล้วไง...ผลการฝึกจากประธาน เมื่อ อิส แปลงร่างให้กับมาวิน
 อารมณ์กับบุคลิคก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามธาตุนั้นๆด้วย ”
เคียว กล่าวด้วยสีหน้าเอือมกับความสามารถที่แถมมากับพลังของ
อิส ที่ได้รับมาจากการฝึกของ มาริน่า

“ โม้ป่าว..แบบนี้ใครดวลด้วยปวดหัวตายชัก ”
โคทาโร่ ถามเพื่อขอคำยืนยันอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ ขณะที่หันไปมองท่าทีของ อิส ที่เปลี่ยนไป
จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม

“ Cost mp 1 ออกมาเลยเจ้า มาวินจิ๋ว ”
สิ้นคำ ของ อิส ที่เปลี่ยนบุคลิคไปแล้ว มาวิน เวอร์ชั่น in memory
(Zechariah Marvin In Memory) ก็ถูกเรียกออกมาที่แนวโจมตี



“ cost mp 1ให้นักดาบเวทย์โจมตี ใช้ท่าไม้ตายย่างสดมันเป็นซีฟู้ด ทะเลซะเลย ”
สิ้นคำของ อิส นักดาบเวทย์มาวิน ก็เสกดาบ ออกมาด้วยพลังของ ไม้เท้าที่กลายเป็นดาบขนาด
เล็กซึ่งติดอยู่ที่ข้อแขนขวา โดยเสกออกมาล้อมเป็นวงจำนวน สิบเล่มด้วยกัน

/Magic Sword/
เสียงดังกังวานขึ้นมาจาก รีคอร์ดเดอร์ ก่อนที่ดาบเล่มหนึ่งจะพุ่ง ออกไปจากจำนวนสิบเล่ม

“ ให้ ability ของ มาวินจิ๋ว ทำงาน เมื่อ ซีลที่มีชื่อ มาวิน
ติดอยู่ต่อสู้สามารถเลือกท่าโจมตีแบบ ดับเบิลคอมฯได้1ท่าจากนั้นใช้ท่านั้นโจมตี

 แล้วก็ให้ ability ของ นักดาบเวทย์มาวิน

ทำงานเมื่อโจมตีนำ มิสติกชนิดPS(Paste on Seal) 1ใบจาก ไชน์ มาแปะได้
 เอา แมกม่าเทีย จาก ไชน์มาแปะ ค่าพลังของซีลที่ติดมันจะเพิ่มขึ้น 2 ทุกครั้งที่โจมตี
ดังนั้นท่าไม้ตายนี้มีพลัง 11 หน่วยเฟ้ย ”

อิส กล่าวขณะที่ มิสติกที่อยู่ใน ไชน์ แมกม่าเทีย ที่ คิระ เคยใช้ ซึ่งถูกทิ้งไป
ในตาที่แล้วจากผลของ

เดสทรอยเมจิคทาวเวอร์  จะปรากฏขึ้นบนสนามและกลายเป็นคฑาให้
นักดาบเวทย์มาวิน ถือเป็นอาวุธ

เสกเปลวเพลิง เข้าไปครอบ ดาบที่ พุ่งออกไป ทันทีที่ ดาบพุ่งผ่านร่างของ
ไวเปอร์แครบ ร่างของมันก็ถูกครอกด้วยเพลิงบรรลัยกันต์ ก่อนจะลามมายัง
 คิงมาส์คแคนเซอร์ แล้วจึงแตกสลายไปทั้งคู่



“ ยังไม่จบนะเฟ้ย cost mp1 ร่ายAngel of Wand ไปติดอีกใบ ทำให้สามารถโจมตีได้อีกรอบเฟ้ย  ”
 อิส กล่าวจบ ดาบอีกเล่มจากที่เหลืออยู่ 9 เล่ม ก็พุ่งออกไปโดยคราวนี้ไฟ ที่เสกออกมาจาก
แมกม่าเทียนั้น รุนแรงกว่าเดิม เพราะค่าพลังที่เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่โจมตีทำให้การ
โจมตีนี้มีความรุนแรง 13 หน่วย



เพียงแค่ดาบพุ่งผ่านไปทีเดียว กระเบนยักษ์ดีปบลูเรย์ ก็กลายเป็นกระเบนย่างในทันที
ก่อนจะสลายลงไชน์ ตามไปอีกใบ

“ จากนั้น cost mp อีก1 ให้ เจ้าจิ๋วนี่โจมตีไปสอยซีลมันมาซะ ”
อิส กล่าวจบ มาวินin memory ก็เข้าไปฟาดไม้เท้าใส่ ทว่า ไพ่ซีลที่เป็นเป้าหมายของ อิส
บนมืออีกฝ่ายก็ออกมาเป็นเกราะป้องกันให้ก่อนจะถูกส่งไปยัง ไชน์ ซึ่งมันคือ ดีปบูลเรย์ อีกใบ

“ น...นี่มัน...อะไรกันเนี่ย... ”
ชายชุดดำกล่าวด้วยความตกตะลึงที่ตอนนี้เค้าโดนไล่ต้อนจน ซีลหมดสนาม
แถมยังถูกต้อนจนเสียซีลไปอีกใบบนมือ จนตอนนี้ ไชน์ของเค้าแทบจะเต็มปรี่ในทีเดียว
 กับการจู่โจมต่อเนื่องที่ อิส กระหน่ำมา

“ บอกแล้วไง ว่าจะจัดไคล์แมกซ์ให้ตั้งกะต้นยันจบเลย ”
อิส กล่าวพลางหักนิ้วไปมาด้วยความสะใจ

อิ
« Last Edit: May 16, 2009, 03:20:08 AM by greamon » Logged


dhaos
Member
*****
Offline Offline

Posts: 109


Email
« Reply #89 on: May 15, 2009, 06:31:05 PM »

ถ้าใครได้ดูอนิเมะของ DNAngel ก็จะรู้ทันทีแหละว่า Sub-Turn 10 เนี่ยยกมาทั้งตอนทัศนะศึกษาเป๊ะๆเลย แล้วก็ถ้าเดาไม่ผิดคงเอาไปรวมตอนวิหารใต้ทะเลด้วยสิน่ะ เหอๆ
ว่าแล้วไปค้น DVD มาดูเพื่อให้เห็นภาพนิยายมากขึ้น 555

พูดถึง DNAngel ไทยเราดองนานจริงๆ ญี่ปุ่นออกเล่ม 12 ไปตั้งนานแล้ว แต่ไทยเราไม่มีวี่แววจะวางแผงซักที
« Last Edit: May 15, 2009, 06:41:57 PM by dhaos » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #90 on: May 15, 2009, 06:45:05 PM »

^
^
^
อ่ะถูก แต่ตอนวิหารใต้ทะเลนี่ไม่แน่ใจนะว่ายกมารวมด้วย จำมะค่อยได้แหล่ว รู้แต่ว่า
ฉากวายของ ฮิวาตาริกะ ไดสุเกะ นี่ก็อบมาเนียนๆ ส่วนตอนตกเขาก็ใช่
แต่เปลี่ยนไปตกในถ้ำแทน เอหรือว่าส่วนที่ติดอยู่ ในถ้ำนี่จะมาจากตอนวิหารใต้ทะเลโดยไม่รู้ตัว

ช่างมาน เอาเป็นว่าตอนหน้าซึนามิจะเข้าภูเก็ตอีกรอบหรือไม่ต้องดูกันต่อ
(ว่าแต่ จอมอนกาด มาไงงิยังไม่ได้บอกเลย)

เกือบลืมประโยคปิดท้ายตอนที่ต้องพูดเสมอๆ


ก้าวไปบนวิถีแห่งสวรรค์เพื่อปกครองทุกสิ่ง

และ

จงทำลายให้สิ้นทุกสิ่งแล้วเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน





Logged


dhaos
Member
*****
Offline Offline

Posts: 109


Email
« Reply #91 on: May 15, 2009, 07:50:15 PM »

หลังจากคิดดูแล้ว คิดว่าน่าจะมีจุดพลาดนิดนึง
ใน Sub-Turn 9 ช่วงที่โคทาโร่สู้นั้น Water Grave Merman ที่สั่งโจมตีไปยัง Akamu Inzu, the Apprentice Pugilist ที่รวมร่างสำเร็จตอนลงมา คิดว่าน่าจะผิดเพราะAkamu Inzu นั้นไม่สามารถเป็นเป้าโจมตีของWater Grave Merman ได้เนื่องจาก"ป้องกันการโจมตี" อยู่
« Last Edit: May 15, 2009, 07:56:06 PM by dhaos » Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #92 on: May 15, 2009, 07:51:01 PM »

ก็อบ D.N. ANgel มาทั้งตอนจริงๆนะเนี่ย  

ว่าคุ้นๆตั้งกะ โคทาคุง ขุดทรายแล้ว นี่มัน ซาเอฮาระ เวอร์ชั่น บ้าพลังจริงๆ

แว้ก อิส เป็นญาติกะเรกกะ เหรอค้า โดนวิญญาณทาลิคนัส สิง (เฮี้ยนจริงๆ)

ว่าแล้วรอดูกันต่อไป

ปล. ทำเอาขำกลิ้งเหมือนกันแหะตอนนี้ ดูท่าจะบั่นทอนปัญญาไปเยอะเหอๆ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #93 on: May 15, 2009, 08:04:08 PM »

Quote
หลังจากคิดดูแล้ว คิดว่าน่าจะมีจุดพลาดนิดนึง
ใน Sub-Turn 9 ช่วงที่โคทาโร่สู้นั้น Water Grave Merman ที่สั่งโจมตีไปยัง Akamu Inzu, the Apprentice Pugilist ที่รวมร่างสำเร็จตอนลงมา คิดว่าน่าจะผิดเพราะAkamu Inzu นั้นไม่สามารถเป็นเป้าโจมตีของWater Grave Merman ได้เนื่องจาก"ป้องกันการโจมตี" อยู่ทำให้เป็นเป้าการโจมตีไม่ได้


ตรงนี้เจ๊ เองก็สงสัยอ่ะนะ คิดว่า เกรม่อนคุงคงจะเข้าใจผิดเรื่องกฏไปนิดนุง (เห็นใจมันเถ้อ เวลาเขียนแต่ล่ะบทนี่
ต้องสวมบทเล่นการ์ดทั้งสองฝ่าย จะมีมึนมั่งก็ไม่แปลก) คิดว่ามันคงอ่าน Ruler Book แล้วเข้าใจผิดกระมัง แต่ช่างเถอะ
เรื่องมันผ่านไปแล้ว อีกอย่างนี่เป็น fic อะไรก็เกิดขึ้นได้เนอะ ทียูกิ ยังแก้ เอฟเฟคไพ่บางใบได้แล้วทำไมเราจะไม่ทำล่ะ ฮึๆๆๆ

เอาเป็นว่า เรื่องกฏรั่วเนี่ย เดี๋ยวจะเตือน เจ้าเกรม่อนคุง ให้ ไม่ให้ผิดออกมาอีก


ว่าแต่ตอนนี้มันสปอยตอนหน้าได้สั้นจริงๆ ลืมกระทั่งการแทรกบทพูดของตัวละครในตอนหน้าไปอีก
เอ้าว่าแล้วใส่ให้ซะเลย


/Kotare wa Kitenai/

" ขอกำจัดนายนะ ไม่ขอฟังคำตอบล่ะ "


" อย่าสนใจเลย ฉันก็แค่คนหน้าตาดีที่บังเอิญผ่านมาแถวนี้...แต่ถ้าอยากรู้ก็จะบอกชื่อให้ "

" บอย....บอย ซากะ (Boy Saga) Magnus Virgo แห่งราศีสาวพรหมจรรย์ 1ในStarter ทั้ง12 "


ง่ะ boy .....(ดารารับเชิญอีกแว้ว)

Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #94 on: May 15, 2009, 08:27:16 PM »

เอ่อ....ทำไมอิส กลายเป็นทาลิคนัสไปได้ละเฟ้ยยยยยยยยยย
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #95 on: May 15, 2009, 09:06:31 PM »

ู^
^
^

นั่นสิ ทำไม อิส ถึงได้เป็น เรกะ ทำไม อิส ถึงได้เป็นทาลิคนัส คำตอบ.........ต้องดูกันต่อปายเหอๆ

ตอนหน้า คุณ boy ออกโรงจะมาแนวไหนหว่า อันนี้เก๊าะต้องรอดูกันต่อไป

แถม Spoil DN Angel ฉบับภาษไทย

คลิก
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #96 on: May 15, 2009, 10:40:34 PM »

     ว่าแต่...ดูๆตอนแรกเหมือน D.N.Angel

ดูๆอีกที     umineko no naku koro ni นี่หว่า (แว่วเสียงนกนางนวล) 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #97 on: May 16, 2009, 03:30:21 AM »

ขออภัยก่อนเลยนะคร้าบ เนื่องจากเมื่อวาน โพสดึกมากเลย เบลอๆจำ
Rainbow Lobster สับ กับ Viper Crab ไปซะได้ ตอนนี้แก้ให้แล้วนะครับ 


Quote
umineko no naku koro ni นี่หว่า (แว่วเสียงนกนางนวล)

เอาเข้าไป ว่าแต่ตอนต่อไป คุณน่ะจะ ออกโรงแล้วหนา

รีบปิ๊บมาคลุมหัวก่อนดีไหม เหอๆ ไม่ใช่ล่ะ เชื่อได้เลยว่าดารารับเชิญของเราจะต้องมีบทที่(ไม่)ดีแน่นอนครับหุๆ

Quote
พูดถึง DNAngel ไทยเราดองนานจริงๆ ญี่ปุ่นออกเล่ม 12 ไปตั้งนานแล้ว แต่ไทยเราไม่มีวี่แววจะวางแผงซักที



ญี่ปุ่นรู้สึกจาถึงเล่ม13แล้ว แต่คนเขียนตัดจบเลิกเขียนต่อทั้งที่ยังแปะป้าย
 to be continueเอาไว้เห็นว่าอย่างนั้นนะครับ

เหมือนนิยายทาลิฯภาค3เราเลย ตัดจบเพราะหมดมุขเหมือนกัน
(จึ๋ยส์  ตายล่ะหว่าสะกิดจี้ใจดำใครเข้าแล้วเนี่ย)
« Last Edit: May 16, 2009, 04:34:10 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #98 on: May 16, 2009, 08:32:51 PM »

Sub- Turn 11 Panic! Panic!! & Panic!!!


ความเดิมจากตอนที่แล้ว:

ธนัท และเพื่อนๆเดินทางมาทัศนศึกษาที่ ภูเก็ต เป็น เวลา 3วัน2คืน ในช่วง
ของการทัศนศึกษาวันที่2นั้นเองก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้

เมื่อ ธนัท และ ชุติการ ผลัดตกลงไปยังส่วนลึกของถ้ำผานางแอ่น
และขณะเดียวกัน มังกรวารี จอร์มอนกาด ได้สร้างคลื่นซึนามิ(Tidal Wave)

 ห่างออกไปจากเกาะไม่ไกลนัก แต่ทว่าระบบป้องกันของทั้งเกาะกลับเป็นอัมพาต
 ทำให้การสร้างสนามป้องกันไม่สมบรูณ์ โดยมี PaladisoDa Regola อยู่เบื้องหลัง

 เรื่องนี้ เหลือเวลาอีกเพียง 10 นาทีเท่านั้น คลื่นก็จะมาถึงแล้ว อิส และเพื่อนๆ
จะสามารถจัดการ กับ Magnus Cancer 1ใน12 Starter
แห่งราศีปูยักษ์ แล้วปลดล็อคระบบรักษาความปลอดภัยได้ทันหรือไม่…..









“ รอบของ ฉัน Cost mp 5 ร่าย Rock Clutch Crab 2 ใบ และ
 Rainbow Lobster 1 ใบ ไปที่Df line ”
สิ้นคำ ของ มาเร็นงอ ชายชุดดำผู้อ้างตัวว่าเป็น 1ใน12Starter Magnus แห่ง Cancer
อสูรมนุษย์ปู สองตัวกับ กุ้งมังกรสายรุ้งก็ปรากฏตัวขึ้นมาบนสนามแนวป้องกันของเค้า



“ จากนั้น Cost mp 3 ร่าย Disarmament ไปติดที่ นักดาบเวทย์มาวิน ซีลที่ติดไพ่ใบนี้จะ
ไม่สามารถสั่งซีลนั้นโจมตีได้  ผ่าน ”
มาเร็นงอ กล่าวจบ ดาบเวทย์ ที่สร้างขึ้นมาของ มาวิน ก็ร่วงหล่นลงกับพื้น และ
ใช้การไม่ได้ทำให้ นักดาบเวทย์ มาวิน ไม่มี อาวุธที่จะซัดเข้าไปโจมตี

“ รอบของฉันจั่วไพ่ ”
อิส กล่าวขณะที่ จั่วซีลกับมิสติกขึ้นมาไว้อย่างละใบก่อนจะเริ่มเล่นต่อ

“ เอาล่ะจากการคาดการณ์ของเรา ด้วย Disarmament น่าจะยืดเวลาให้เราได้ตั้งตัวออกไปอีก
ถึงตอนนั้น ฉันก็จะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ หรือไม่ก็เวลาจะหมดลงเพราะ คลื่นยักษ์จะ

กลืนพวกแกลงไปในทะเลกันหมด ส่วนฉันก็จะหนีไปด้วย พลังของ ท่านควีน จิงค์
 หึๆเกมส์นี้พวกแกแพ้มาตั้งแต่ต้นแล้วเจ้าพวกเด็กๆ ”

มาเร็นงอ คิดทว่า เค้าก็ต้องแปลกใจไปกับทีท่า ที่อยู่ๆก็เงียบไปของ อิส



“ นายเนี่ย น่ารำคาญจัง…ขอกำจัดล่ะ คงได้สินะ ไม่ขอฟังคำตอบด้วย ”
อิส กล่าวขึ้นมาพร้อมกับ น้ำเสียงและบุคลิค ที่เปลี่ยนไปอีกแล้ว คราวนี้บุคลิคออกไป
เหมือนเด็กๆ ที่เอาแต่ใจซะมากกว่า

“ อึ๋ยนี่เปลี่ยนอีกแล้วเหรอ ”
โคทาโร่ ถาม เคียว ที่ตอนนี้ ทำใจยอมรับกับเรื่องที่ไม่คาดฝันนี้ได้แล้ว
จึงผงกหัวตอบกลับด้วยทีท่าที่เซื่องซึม ที่บทของตัวเองนับวันยิ่งจะริบหรี่ลงไปทุกทีๆ


“ นี่แกเป็น ไฮเปอร์รึเปล่าเนี่ย เปลี่ยนบ่อยๆมันสับสนนะว้อยย! ”
มาเร็นงอ ตะคอกด้วยความหงุดหงิด กับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปมาของ อิส


“ ถ้ามีไพ่นั่นอยู่ก็จะเล่นเกมต่อไม่ได้สินะ เข้าใจแล้ว.. ”
อิสกล่าวจบ ก็เปิดช่องรังเพลิงที่เคยใส่ไพ่นักดาบเวทย์มาวิน ลงไปออกเนื่องจากไพ่ที่อยู่ข้าง
ในถูกดีดออกไปแล้ว ภายในรังเพลิงจึงว่างเปล่า อิส ได้ใส่ ไพ่ซีลใบใหม่ลงไปแทน
ก่อนจะชักรังเพลิงกลับเพื่อให้มันทำงาน

/Kotarewa Kiite nai/(ภาาญี่ปุ่น= ขอกำจัดนายล่ะนะ ไม่ขอฟังคำตอบล่ะ)
สิ้นเสียง จาก รีคอร์ดเดอร์ Note ของ อิส มาวิน อีกเวอร์ชั่นก็ปรากฏขึ้นมา
ในสนามแนวโจมตี โดยคราวนี้สวมชุดเสื้อคลุ่มสีเขียว พร้อมไม้เท้า ที่มีขนนกยื่นออกมา

จากด้าม มากมาย และที่ที่แขนขวาคราวนี้ มีสร้อยคล้องข้อมือที่
ผูกติดกับขนนกเส้นหนึ่ง


" ขอกำจัดนายนะ ไม่ขอฟังคำตอบล่ะ "
สิ้นคำ อิสก็คว้าซีล ใบสุดท้ายบนมือโยนขึ้นไป ไพ่ที่ลอยลิ่วขึ้นไปก็ดูดซับเอาละอองเข้ามารวม
กันไว้ก่อนจะปรากฏร่าง ของนกที่มีขนหลากสีจนดูราวกับมีสายรุ้งพาดผ่านร่างของมัน ก็ร่อนลง
มา ในสนามที่แนวโจมตี มันคือ เนเดีย (Naedia)



“ อ๊ะ เดี๋ยวสิ ทำไม mp จากการ ร่ายเจ้านกนั่นถึงไม่ถูกหักออกจาก mp ที่เหลือล่ะ ”
โคทาโร่ แย้งด้วยความสงสัย ขณะที่ ตอนนี้ยังคงต้องยกมือขึ้นป้องตาไม่ให้ทรายที่พัดมาเข้าไป

“ ability ของ ผู้อัญเชิญอสูรมาวิน (Zechariah Marvin, the Summoner) น่ะ
เมื่อมันเข้ามาในสนามจะสามารถอัญเชิญ อสูรอัญเชิญ ที่มีเลเวลเท่ากับ 1 ลงมาได้ใบหนึ่ง ”



“ จะเปิดล่ะนะ ไม่ขอฟังคำตอบล่ะ ”
อิส กล่าวก่อนจะหมุนตัวเต๊ะท่าจั่วซีลขึ้นมาไปด้วย ความร่าเริง แล้วจึงโยนไพ่ซีลนั้นขึ้นไปอีก
ก็ปรากฏร่างของ นก เนเดีย ร่อนลงมาอีกตัว จากนั้นอิส ก็หมุนตัวดึงไพ่ซีลอีกครั้ง

แล้วโยนมันขึ้นไปอีก ก็ปรากฏร่างของ นกเนเดีย ร่อนลงมาอีกตัว
ราวกับว่า เค้ากำลังเล่นมายากลอยู่




“ ว้าว ฮะๆๆ ฉันนี่โชคดีจริงๆเลยจะเปิดล่ะนะ ไม่ขอฟังคำตอบอีกนั่นแหละ ”
อิส กล่าวจบก็หมุนตัวดึงไพ่ออกมาอีกแต่คราวนี้ เค้ากลับมีทีท่า สลดไปเพราะที่จั่วขึ้นมาคือ
 มาวินแบบปกติซึ่งไม่ถูกกับเงื่อนไขของ เนเดีย

“ ability ของ เนเดีย จะให้เปิดดูซีลการ์ดไปบนสุดได้
หากเปิดเลเวล 1 ก็นำลงมาในสนามแต่ถ้าไม่ใช่ก็ต้องวางคืนลงไป  ”

ไดสุเกะ ที่เกาะ ขา โคทาโร่ อยู่กล่าวขณะที่ตอนนี้ กำลังจะปลิวไปเพราะลมกระหน่ำแรงขึ้นอีก

“ เค้าโมโหแล้วนะ ขอกำจัดนายล่ะ คงได้สินะ ไม่ขอฟังคำตอบด้วย ”
อิส กล่าวจบก็คืนไพ่ที่จั่วมา กลับลงไปที่สำรับขณะที่ มาเร็นงอ ได้แต่มองด้วยสายตางงๆ
อิส ก็ทำการรวมร่าง ผู้อัญเชิญอสูรมาวิน กับนกเนเดีย ที่เข้ามาจากกองการ์ดด้วยผลของ เนเดีย

 ใบแรก ตอนนี้ เนเดีย ทั้ง 2 ตัวจาก 3 ตัวในสนามได้กลายเป็น ขนนกตัวล่ะเส้น ลอยไปติด
ที่ไม้เท้าของ ผู้อัญเชิญอสูรมาวิน เพิ่ม ขึ้นจากเดิมอีก

/Summon Splash/
เสียงดังขึ้นจาก รีคอร์ดเดอร์ Note ของ อิส ก่อนที่ mp จะถูก Cost ไป 4 เพื่อให้
ผู้อัญเชิญอสูรมาวินโจมตีแบบ All ซึ่งทันทีที่เริ่มการโจมตี ขนนกที่

ไม้เท้าทั้งหมดก็สลัดตัวออกและกลายเป็นนกเนเดียมากมายบิน
กรูกันออกไปราวกับการแสดงกลนกพิราบก็ไม่ปาน



“ เชอะ ถึง All มาได้ At แค่ 8 จะมาจัดการ กับ Rock Clutch Crab ของ
ฉันงั้นเรอะไม่มีวันซะล่ะ ”

มาเร็นงอ สบถด้วยความจองหอง ที่คิดว่าอีกฝ่ายพลาดแล้ว ที่โจมตีมาแบบนั้นเพราะค่า
 Df ของ Rock Clutch Crab มี 8 เท่ากับของมาวิน แต่ Sp ของ มาวินนั้นต่ำกว่า
ดังนั้นที่จะถูกจัดการจึงมีเพียง Rainbow lobster ใบเดียวเท่านั้น

“ จะเล่นกลน่ะมันก็ต้องมีสปอตไลท์ส่องมาด้วยสิ นี่ไง ”
อิส กล่าวพลางหมุนตัวโยนมิสติกออกมาใบหนึ่ง ซึ่งนั่นคือ Rising Sun ที่ธนัทเคยใช้
เมื่อตอนร่วมมือกับโคทาโร่เพื่อสู้กับ มูนไชน์แวร์วูฟ

“ เสร็จกัน บนมือเราตอนนี้ มีแต่ ไพ่เพิ่ม At อย่าง Hercules กับ Disarmament
อีกใบเท่านั้นเอง บอดสนิทแบบนี้ก็โดนกินเรียบน่ะสิ ”

มาเร็นงอ คิดขณะที่มองไพ่บนมือตัวเองที่ไม่มีใบไหนใช้การได้ในตอนนี้เลยสักใบ
ในขณะที่ แสงจากผลของ Rising Sun นั้นสว่างเจิดจ้า ขึ้นมาราวกับแสงไฟสปอตไลท์

พร้อมกับ ฟูงนกเนเดีย ที่แห่กรูกัน ผ่านแสงนั้นออกมา ราวกับนี่กลายเป็นเวทีแสดงมายากล
ไปเสียแล้วบรรดาซีลของเค้าถูก เนเดีย รุมจิกทึ้งจนแตกสลายไปในทันที

อิ

“ ส่วนมี(me) แอนนา เชิร์กเวฟ (Anna Surge wave) ไนซ์ทูมีทยู(nice to meet you) หนา บอย…”
แอน แนะนำตัวก่อนจะทักทายอีกครั้ง

“ ว่าแต่ ยู(you) มาทำอะไรที่นี่เหรอ ”
บอย ถามขณะที่ แอน พึ่งนึกได้ว่าเธฮต้องรีบออกตามหา ธนัท เพราะพายุกำลังจะลงเขาแล้ว

“ จริงสิ แอน กำลังตามหาเพื่อนของ แอน อยู่หนาว่าแต่  บอย พอจา…อ้าว ”
แอน ที่นึกขึ้นได้กล่าวพลางหันไปซ้ายทีขวาทีเพื่อมองหารอบๆ แถวนี้ว่า พวก ธนัท
อาจจะหลงหรือติดอยู่ด้านล่าง แต่พอเธอหันกลับมาเพื่อจะถาม บอย เค้ากลับหายตัวไปเสียแล้ว

……….
……………
………………


« Last Edit: May 16, 2009, 08:38:38 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #99 on: May 16, 2009, 08:33:31 PM »

“ แฮ่กๆๆ..ฮึบ… ”
ธนัท ที่ยังคงออกแรงก้าวเท้าเดินขึ้นไปตามทางลาดชันนี้ก็ใกล้จะถึง พื้นถ้ำด้านบนแล้ว
แต่เส้นทางก็ทั้งชันอีก ทั้งตัวเค้าเองก็เริ่มจะหมดแรงแล้ว

“ นี่ ชุติ เราใกล้จะถึงแล้วนะ อดทนหน่อยล่ะ…ชุติ ”
ธนัท ที่กล่าวเพื่อจะให้เธอคลายความกังวล กลับได้คำตอบเป็นเพียงความเงียบกลับมา
ธนัท จึงหันกลับไปมองและก็พบว่า เธอหมดสติฟุบลงไปซะแล้ว ธนัท จึงรีบวางตัวเธอลง
เพื่อดูอาการ

“ ตัวเย็นเฉียบเลย เพราะเหงื่อเลยทำให้ อุณหภูมิร่างกายลดลงต่ำกว่าปกติงั้นเหรอ…
ขืนเป็นแบบนี้ไม่ทันแน่ อีกไม่ไกลก็ขึ้นไปถึงแล้วก็จริงแต่จากนั้น เราจะพาเธอลงไป
ยังไงล่ะ พายุก็จะลงแล้วด้วย ทำไงดี ”

ธนัท คิดขณะที่ตอนนี้ สถานการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ลมก็พัดเข้ามาข้างในถ้ำแรงขึ้นทำให้
อากาศภายในถ้ำเย็นจัดลงไปอีก ในขณะที่ตัวเค้าเองก็เริ่มรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเหมือนพิษไข้
จะกำเริบ

“ ชิ…นี่ตัวเราเองก็จะไม่ไหวแล้วงั้นเรอะ…ไม่ได้การ ยังไงก็ต้องรีบขึ้นไปให้ได้ก่อน ”
ธนัท คิดก่อนจะตัดสินใจฝืนแบก ชุติการ ขึ้นหลังแล้วปีนขึ้นไปต่อ

“ อย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะ ชุติ ”
ธนัท คิดขณะที่ปีน ขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมือของเค้าก็ แตะพื้นถ้ำได้แต่ขณะที่กำลัง
จะดึงตัวขึ้นไป ข้างบนนั้นเอง

“ ยินดีที่ได้พบกันนะ…น่าเสียดายที่ ไอ(I)มาเพื่อคิลยู (Kill You) ตามคำสั่งเท่านั้นเอง ”
เสียงนั้นดังขึ้น ขณะที่ ธนัท เงยหน้ามองไปที่ทางออก สายตาที่ปรับชินกับความมืดแล้ว
พอมาเจอแสงที่ทางออกจึงทำให้เค้ารู้สึกตาพร่าเล็กน้อย จึงเห็นแค่เงา ของเจ้าของเสียงเท่านั้น

“ น…นายเป็นใครกัน.. ”
ธนัท ถามขณะที่พยายามยกมือขึ้นป้องตาจากแสงที่ สาดเข้ามา

“ บอย…เรียก มี(me)ว่าอย่างนั้นแล้วกัน ถ้า ยู (you)รอดกลับมาได้ล่ะก็ ”
/Explosion/(ระเบิด!)

สิ้นคำของ บอย note ที่ห้อยคอเค้าก็ส่งเสียงก้องออกมา ก่อนที่จะเกิดระเบิด ที่พื้นหน้า ธนัท
จนทำให้ ธนัท เผลอปล่อยมือ จนเสียหลักร่วงหล่นลงไป

“ กู้ดบาย(Good Bye) ”
บอย กล่าวสำทับไปอีกทีขณะที่ ธนัท และ ชุติ กำลังจะร่วงลงไปกระแทกกับพื้นถ้ำอีกครั้ง


……………..
……………..
……………………

13.32 น.  อีก 20 วินาที คลื่นจะเข้ามาถึง


“ เอาล่ะเสร็จแล้ว ”
ไดสุเกะ ตะโกนส่งไปให้ เคียว ที่กำลังยืนคุมเชิงอยู่ห่างจาก ระหว่างเสาสองต้นที่อยู่
กลางแถวของเสาทั้งหมด ทันทีที่ ไดสุเกะ ปลดล็อคเสาทั้งหมดตามที่เค้าบอกเสร็จ

เสาสองต้นสุดท้ายที่ปลดไปก็ สร้างสนามพลังเชื่อมกันจนเป็นกำแพง ที่ยืดขึ้นไปเชื่อมกับ
ส่วนโดมที่ครอบอยู่ของเกาะ ขณะที่ อันอื่นๆซึ่งยังไม่ถูกปลดก็ไม่เกิดกำแพงขึ้น
ตอนนี้ สภาพเกราะฝั่งรีสอร์ท ที่เคยว่างเว้นไปได้เกิดเกราะสนามพลังเชื่อมขึ้นมา
แบบเว้นช่องจนดูเหมือนลูกกรง

/Sich bereit Halten/(ภาษาเยอรมัน=Get Set)
เสียงของ คาสเทเนต ดังขึ้นก่อนที่จะเปลี่ยนไปอยู่ในรูป ของปลอกแขนแล้วเคียวจึงหยิบเอา
ซีลการ์ดออกมา
ใบหนึ่ง ขณธที่เฟืองDynamaze ของคาสเทเนต เริ่มหมุนเพื่อปล่อยละออง พลังเวทย์ออกมา
ทันทีที่ไพ่ของ เคียว ดูดซับเอาละอองเหล่านั้นเข้าไป ก็เกิด กระแสไฟฟ้าจำนวนมาก พุ่งออกมาจากไพ่

“ อึก...ข้าแต่ทวยเทพผู้ถือครองแสงแห่งนภา...ผู้คำรามกึกก้องผู้คุ้มภัยแห่งอัสนี..
.ไรจิน(Raijin) เอ๋ยของจงลงมาสถิตย์ยังที่นี้ด้วย ”
เคียว ร่ายบทเวทย์ออกมาขณะที่ กระแสไฟฟ้าค่อยๆแรงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะพุ่งออกไป
เกาะระหว่างช่องว่างที่สนามพลังสร้างขึ้นจน กลายเป็นตาข่ายไฟฟ้าที่ขึง

ส่วนที่เว้นว่างของ เกราะสนามพลัง ในขณะที่ตอนนี้ คลื่นได้พัดมาอยู่ห่างจาก
 สนามพลังเพียงไม่กี่เซ็น



ก่อนจะโถมกระหน่ำเข้ากับเกราะสนามพลัง แล้วลอดมาโดนตาข่ายไฟฟ้า
แต่ก็สลายกลายเป็นไอ ไป
จนมีเพียงน้ำบางส่วนเท่านั้นที่กระจายหกลงมาได้

“ แบบนี้นี่เอง...ใช้กระแสไฟฟ้าขึงเกราะสนามพลังที่ตั้งขึ้นเหมือนเสา
เพื่อสร้างข่ายป้องกันน้ำโดยใช้หลักการไฟฟ้าแยกน้ำกลับให้เป็นแก๊ส
 ไฮโดรเจน กับ ออกซิเจน นี่เอง ”


ไดสุเกะ อุทานออกมาเมื่อได้เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ เมื่อคลื่นน้ำนั้นไม่สามารถซํดเข้ามา
ได้ทั้งหมด เพราะถูกกระแสไฟฟ้าจากข่ายป้องกันที่ เคียว สร้างขึ้นทำปฏกิริยาจนกลายเป็นไอ
ไปซะก่อน

“ อึก...งานนี้หนักเหมือนกันแฮะ จากที่เรารู้มา คลื่นนี่น่าจะพัดโถมอยู่อีก 1-2นาที
 แต่เราจะทนได้จนถึงตอนนั้นรึเปล่า...มีแต่ต้องเสี่ยงเท่านั้นสินะ ”
เคียว คิดขณะที่ เริ่มใช้สองมือยันไพ่ที่ปล่อยพลังออกมาอยู่ตอนนี้เอาไว้ ซึ่งเท้าเค้าก็เริ่มครูด
ไปจากแรงสะท้อนของพลังงานมหาศาลที่ออกมาตอนนี้

ครึก.....ซ่า....ซูม...

เสียงที่ดังอึกทึกคึกโครมนี้ เกิดขึ้นจากการที่ เกราะสนามพลังนั้นเริ่มที่จะร้าวจนทำให้น้ำไหลรอดเข้ามา
เป็นจุดๆเสียแล้ว

“ เสร็จกัน เราลืมคำนวณเรื่องความทนทานของเกราะ ที่จะรับพลังคลื่นไฟฟ้าของ ไรจิน ด้วย
นอกจากแรงกระแทกของ คลื่นแล้วยังต้องรับ ความเสียหายจากพลังไฟฟ้าของ ไรจิน
 เกราะนี่คงจะทนได้ไม่ถึงตอนนั้นแน่ ”

เคียว สบถ ขณธที่ น้ำเริ่มทะลักเข้ามาเรื่อยๆแล้ว ด้าน โคทาโร่ กับ ไดสุเกะ ที่คิดจะเข้าไป
ปลดล็อคเสาที่ยังเหลืออยู่ก็ทำไม่ได้ เพราะคลื่นไฟฟ้านั้นแรงเกินไปจนไม่สามารถเข้าใกล้ได้

..............
...................
......................

“ ลาก่อน ถ้าโชคดีเราคงได้เจอกันอีก ธนัท  ”
บอย กล่าวสำทับอย่างเย็นใจ ขณะที่ ธนัท กับ ชุติการ นั้นค่อยๆร่วงลงไปยังก้นถ้ำอีกครั้งทว่า

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #100 on: May 16, 2009, 08:33:44 PM »

“ ถ้างั้นก็คงได้เจอกันอีกนั่นแหล่ะ ”
เสียงหนึ่งกลับดังขึ้นจากด้านล่างของ ถ้ำก่อนที่ ร่างของอัศวินมังกร สีทองขาวจะพุ่งทะยานสวนขึ้นมา
และรับเอาร่างของทั้งสองไว้

/in time/(ทันเวลาพอดีเลย)
เสียงก้องกังวานของ note ดังขึ้นก่อนที่ ร่างของ อัศวินมังกร ร่างสีทองอีกตนจะพุ่งขึ้นมา
ด้วยเช่นกัน ตนแรกที่รับร่างของพวก ธนัท เอาไว้นั้น ถือโล่สีทองขาวประดับด้วยทับทิมสีฟ้า
ส่วนอีกตนที่มีกายสีทองนั้น ถือดาบเล่มสีแดง

“ ท...ทาลิวิลย่า (Thaliwilya) กับ เทพอัศวินมังกรทาลิวิลย่า
 (Thaliwilya, the God of Dragoon)งั้นเหรอ...เป็นไปไม่ได้ ”

บอย อุทานด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อต่อความจริงตรงหน้า เมื่อเค้าได้เห็รนร่างของ
อัศวินมังกรทั้งสอง ก่อนที่มันจะบินขึ้นไปยังช่องบนเพดานถ้ำ พร้อมๆ กับฝูงนกนางแอ่น
 ที่แห่กรูกันออกมาด้วยความตกใจ




“ Thaliwilya Master ยังไม่ตายหรอกรึเนี่ย... ”
บอย เปรยก่อนจะเดินกลับออกไปด้วยทีท่าหงุดหงิดเล็กน้อย


“ หวา นั่น ธนัท กับ ชุติการ นี่ หวายย ”
แอน ที่เห็นร่างของ ธนัท และ ชุติการ ที่ถูกพาออกมาโดยอัศวินมังกรทั้งสอง
ก็เผลอตกใจจนไถลตกลงจาก ไหล่เขามาอีกรอบ ทว่าคราวนี้ เธอกลับตกลงมาอยู่ในอ้อมแขน
ของอัศวินมังกร กายสีฟ้าแทนที่บินมารอรับเธออยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะพาเธอลงมาส่งที่พื้น



“ น...นี่...ท...ท...ทาลิวิลย่า... ”
แอน กล่าวตะกุกตะกักด้วยความประหลาดใจที่เธอถูกอัศวินมังกรช่วยเอาไว้ ก่อนที่เธอจะ
ทันนึกได้ว่ารู้จักกับ อัศวินมังกรเหล่านี้ แต่ อัศวินตนนั้น ก็ได้สลายหายไปก่อนที่เธอ
จะทันได้ทำอะไร

ขณะที่สับสนอยู่นั้น แอน ก็มองขึ้นไปบนฟ้าจึงได้ตัดสินใจวิ่งออกจากสวนธรรมชาติตาม
อัศวินมังกรสองตนที่ พา ธนัท กับ ชุติการ ไป


...............

“ นี่เรา...มาได้แค่นี้หรือ... ”
เคียว เปรยขณะที่ ตอนนี้ เกราะส่วนหนึ่งได้พังทลายลงมาแล้ว จนน้ำทะลักเข้ามา ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้น
ตรงจุด ที่เกิดคลื่นครั้งแรก มังกรวารี จอมอนกาด ก็บันดาล คลื่นยักษ์ออกมาอีกมากมาย



“ ถ้าเป็นไปตามที่คาดไว้ อีกเดี๋ยวพลังของ มังกรขาวจะต้องแสดงออกมาแน่ ”
คิง ปอร์ ที่จับจ้องภาพเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านจอโฮโลแกรม ในห้องประชุมลับของ Checkmate 5
ทว่า สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด กลับเกิดขึ้นเมื่อปรากฏร่างของ อัศวินมังกร ที่บินตรงลงมาที่หาด

“ นั่นมัน...เป็นไปไม่ได้น่า ”
ไนท์ ไกอา อุทาน ด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นไปต่างไปจาก
 คนอื่นๆในห้องเช่นกัน

“ ทาลิวิลย่า เป็นไปได้ยังไงก็...ก็... ”
รุค บีบิส กล่าวด้วยสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน

“ ดูเหมือนจะมีเรื่องที่เราไม่คาดคิดเกิดขึ้นซะแล้วล่ะ ”
คิงปอร์ กล่าวสำทับโดยที่ยังคงทีท่านิ่งเฉยเอาไว้

ที่หาด ตอนนี้ อัศวินมังกร ทั้งสอง ได้วางร่างของ ธนัท กับ ชุติการ ลงก่อนจะบินขึ้นเข้าหา
กำแพงไฟฟ้า ที่เริ่มจะเสียสูญเพราะไม่มีหลักให้ยึด

“ พ....พี่..... ”
ธนัท เปรยออกมาก่อนจะหมดสติฟุบไป ด้านเคียว ที่ต้านแรงสะท้อนพลังของ อสูรที่ตนเรียกมาไม่ไหว
ก็กระเด็น ครูดไปกับพื้นทรายพร้อมกับที่กำแพงไฟฟ้า ได้ทลายลง แต่ก่อนที่คลื่นน้ำจะได้ทัน ท่วมลงมานั้น

/Great of Dragon/
เสียงกังวานของ note กลับดังขึ้นก่อนที่ อัศวินทั้งสองทำท่าราวกับได้รับคำสั่งก่อน
จะยิงลำแสงมังกรออกจากอาวุธ พุ่งเข้าแหวกน้ำคลื่นน้ำ จนแตกกระจายกลายเป็นสาย
ฝนตกลงมาแทนส่วนลำแสงมังกรนั้น ก็พุ่งทะลวงคลื่นทั้งหมดฝ่าไปจนถึงตัว จอมอนกาด ก่อนจะ
ระเบิดใส่ร่างของมันจน สลายกลับเป็นไพ่ จมหายลงไปในทะเล


เหตุการณ์ทั้งหมดได้ สงบลงในพริบตาที่อัศวินมังกรทั้งสองตนปรากฏกาย ก่อนที่
ร่างของทั้งสองจะสลายไปหายไปกับสายฝนที่กระหน่ำลงมานี้

..........
...................

“ เห็นไหมคะท่านผู้คะนี่คือภาพที่ตากล้องจับไว้ได้ค่ะ วินาทีวิกฤติ ก่อนที่ซึนามิ จะถล่มลงมา
อสูรรูปร่างอัศวิน สองตนนี้สามารถทำลายคลื่นทั้งหมดก่อนที่จะซัดเข้าได้ค่ะ เหลือเชื่อจริงๆค่ะ

แต่นี่คือภาพเหตุการณ์ณืจริงที่ตากล้องของเราจับภาพมาได้นะคะ แค่พลังของอสูรอัญเชิญสอง
ตัวสามารถพลิกวิกฤติได้เลยทีเดียวค่ะ ”

เสียงบรรยาย ของผู้บรรยาย ที่ดังขึ้นจากโทรทัศน์ใน ห้องนั่งเล่นของ
 คฤหาสน์ที่ มาริน่า นั่งดูอยู่กับ คิระ และ ภูเขา ที่กำลังจับจ้องมองดูภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในจอโทรทัศน์


“ เจ้าหมอนี่มันตายยากยิ่งกว่าแมลงสาบซะอีกนะเนี่ย ”
ภูเขา กล่าวแกมหัวเราะ ด้วยทีท่านิ่งเรียบ

“ ก็บอกแล้วไง ว่าเค้าคนนั้นคือผู้ที่ก้าวไปทางแห่งสวรรค์เพื่อปกครองทุกสิ่ง ”
คิระ กล่าวน้ำเสียงเรียบมั่น


“ ถึงจะเป็นแค่คำพูดโอ้อวด แต่หมอนั่นก็เอาชนะคนที่กุมชะตาของโลกมาแล้วอย่างฉันได้นี่นะ
ก็สมกับชื่อ Thaliwilya Master แล้วล่ะ อัศวินมังกรผู้กอบกู้งั้นเหรอ...เหมาะกับนายดีนี่..ศรี ”
มาริน่า เปรยก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นดื่ม

...................
.........................
....................................

17.30 น. ล็อบบี้รีสอร์ท สนธยา



“ เดินไหวแน่หนา ชุติ ให้ แอน ไปเป็นเพื่อนไหม ”
แอน กล่าวขณะที่ประคองตัว ชุติการ ที่พันข้อเท้าที่ซ้น แล้ว เดินเข้าในล็อบบี้

“ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ แค่นี้ฉันพอเดินได้ อีกอย่างพยาบาลก็บอกว่า พรุ่งนี้คงหายแล้วเธอไปเถอะ
 ฉันอยากจะนั่งเล่นที่ล็อบบี้ หน่อยน่ะ ”
ชุติการ กล่าวก่อนจะแยกจาก แอน มาขณะที่เธอเดินเข้ามาก็มานั่งลง ที่เก้าอี้ โซฟา ซึ่ง
ตั้งหันหลังชนกับเก้าอี้ โซฟาอีกตัว โดยที่ไม่ทันได้ดูหน้าของคนที่นั่งอยู่อีกตัว
หลังจากที่นั่งลงแล้ว เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งที่ในที่สุด ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติดังเดิมแล้ว

“ ขอโทษ.... ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น จากโซฟาด้านหลังเธอ ทำเอาเธอสะดุ้งไปเหมือนกันเมื่อจำได้ว่าเสียง
นั้นเป็นของ ธนัท

“ ธนัท... ”
“ อย่าหันมานะ!... ”
ชุติการ ที่กล่าวออกมาพร้อมกับจะหันไปแต่ก่อนนั้น ธนัท กลับแย้งขึ้นมาทำให้เธอ หยุดกึกไป

“ อย่าพึ่งมอง...ตัวฉันในตอนนี้..... ”
เสียงของ ธนัท นั้นแผ่วเบาและดูเซื่องซึม ขณะที่ ชุติาร เมื่อได้ยินเสียงของ ธนัท ที่
ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนจึงจำใจยอมหันกลับไปนั่งตามเดิม แม้ใจจริงนั้นยังคงเป็น
ห่วงเค้าอยู่

“ ว...ว่าแต่ ขอโทษ เรื่องอะไรกัน...นายไม่ได้ผิด... ”
ชุติการ ที่พยายามแก้ต่างนั้น กลับถูก ธนัท แย้งขึ้นมาอีก

“ เพราะ ฉัน อ่อนแอ...จนช่วยใครไว้ไม่ได้เลย...แม้แต่เธอ..ทั้งที่ฉันรู้ถึงหน้าที่ของตัวเองดีแท้ๆ
...ทั้งที่รู้ว่า ตอนนี้พวกเรากำลังตกเป็นเป้าหมายของศัตรู ที่หวังในพลังของ เธอแท้ๆ....
แต่ฉัน กลับช่วยใครไว้ไม่ได้เลย ...อ่อนหัด...ซะขนาดที่พี่ศรี ต้องออกมาช่วยแบบนี้.... ”

ธนัท กล่าวน้ำเสียงนั้นฟังดูสั่นเครือ ราวกับกำลังร้องไห้อยู่ แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะหันไปมอง

“ ฉันสัญญานะ.....ฉันจะ...เข้มแข็งขึ้นกว่านี้ จากนี้ไปฉันจะต้องปกป้องทุกคนไว้ให้ได้... ”
ธนัท กล่าวจบก็ลุกเดินออกไปทิ้งให้ ชุติการ นั่งคิดกับคำพูดที่เค้าทิ้งไว้


“ พลังที่อยู๋ในตัวฉัน มังกรขาว...มันรังแต่จะนำมาซึ่งอันตรายทั้งปวงจริงๆนั่นล่ะ ”
ชุติการ เปรยด้วยสีหน้าเจ็บปวดที่เธอเป็น ต้นเหตุให้เพื่อนๆต้องมาลำบากกันแบบนี้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มี โคทาโร่ คอยดูอยู๋ห่างๆ ก่อนเค้าจะเดินจากออกไป


....................
..................................

To be Continue

Next Sub- Turn


“ นี่มัน.... ”
“ ซองนั่น มันวางอยู่บนโต๊ะเล็กในห้องพักที่ รีสอร์ท น่ะ ฉันเลยเก็บเอามาแต่ลืมคืนให้นาย ”

“ ไพ่พวกนี้.... ”

“ หึ...ดูเหมือนศรี จะส่งพลังใหม่ที่กล้าแกร่งมาให้เจ้าหนูซะแล้วสิ ”

“ ถ้าจัด สำรับใหม่ตามลิสต์นี่ล่ะก็ จะสามารถสร้างสำรับ ในตำนานได้งั้นเหรอ ”

“ แต่ว่าแต่ล่ะใบเนี่ยมันหายากเหมือนกันแฮะ สงสัยต้องไปล่าเพิ่มที่ Terra World ล่ะ ”

“ ดีล่ะงั้น ฉันจะออกเดินทางรวบรวมไพ่ทั้งหมดมาตามลิสต์นี่ เพื่อทำสำรับแห่งตำนานให้สมบรูณ์ ”

สำรับแห่งตำนานคืออะไร สิ่งที่ ศรี ทิ้งไว้ให้คือ..... Next Sub-Turn 12 Card Hunt!!

ผู้ที่ก้าวไปในทางแห่งสวรรค์เพื่อปกครองทุกสิ่ง

และ

จงทำลายให้สิ้นทุกสิ่งแล้วจงเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน





ตอนนี้ก็ มั่วเมาเละ ออกทะเลอีกเช่นเคย สครีมไม่ลงดูแล้วคิดกันเองเน้อ




Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #101 on: May 16, 2009, 09:26:40 PM »

ผักบทน้อยจัง 

ข้าพเจ้าเล่นเด๊คอะไรเอ่ย  Virgo รึ?
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #102 on: May 16, 2009, 09:30:27 PM »

^
^
^

สงสัยจะ Virgo นั่นล่ะ ก็บอกชื่อซะเต็มยศขนาดนั้น - - *

แปลว่า boy คุงจะใช้ deck สาวๆเรอะ
(ชื่อคนเล่นแปลว่าชายแต่ deck เป็นหญิงทั้ง deck เอาเข้าไป ฮาเร็มเรอะ )

ตอนนี้มันมั่วได้ใจจริงๆ ทาลิวิลย่า มาไงกันเต็มไปหมดแต่ไม่ยักกะเห็นตัว ศรี เหอๆ
Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #103 on: May 19, 2009, 01:48:12 AM »

ไอ้คำพูด ขอจัดการนายนะ เนี่ย มันเป็นของทาลิมืดไม่ใช่หรือค้าบบบ ไหงกลายเป็นของมาวินลมละเนี่ย ธาตุลมมันต้องพูดขอโทษๆไม่ใช่รึ?

รู้สึกเเปลกๆนะ ทั้งๆที่พวกธนัทยังเล่นการ์ดเก่าๆตั้งเเต่ซาลามันเดอร่าดราก้อนสองอยู่เลยเเท้ๆ เเถมยังมีซอง d4k ให้เปิดอีก ดูอิสดิ ขนาดมาวินโปรโมยังไม่มีเลย เเล้วพี่ศรีท่านไปเอา ทาลิน้ำดราก้อนสามมาจากหนายยยยยยยยย
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #104 on: May 21, 2009, 02:39:05 AM »

Quote
อ้คำพูด ขอจัดการนายนะ เนี่ย มันเป็นของทาลิมืดไม่ใช่หรือค้าบบบ ไหงกลายเป็นของมาวินลมละเนี่ย ธาตุลมมันต้องพูดขอโทษๆไม่ใช่รึ?

คำตอบนั้นคือ........มาวินมีไม่ครบ 6 ธาตุครับ(ง่ายไปไหมเนี่ย) มันดันมีไร้ธาตุซึ่ง
เป็นธาตุประจำตัวอารมณ์ของ อิส อยู่แล้ว และเนื่องจาก นิสัยของทาลิมืดหรือทาไนซ

 นั้นออกไปในแนว เด็กๆ และเพราะความสามารถของมาวินลม คือการอัญเชิญที่เสกอะไรต่อมิอะไรออกมา
เลยคิดว่าภาพจน์ ของมันเหมือน นักมายากล และมายากลค่อนข้างเป็นอะไรที่เด็กชอบและใฝ่ฝัน

ดังนั้นมันจึงมารวมกันได้ครับ ว่าแต่ทำไมจำบุคลิคของ ทาลิฯทั้ง6 ตัวจาก ทาลิ2 ได้หมดเลยเนี่ย 
ว่าแล้วขอถามนิดนุง (แอ๊บแบ๊วใช้นิดนุง อิอิ) ในบรรดาทั้ง6ธ่าตุของทาลิภาคอาริมาเทียชอบบุคลิคของธาตุไหน
มากที่สุดครับ

ทาลิ ไฟ เกรียน
ทาลิ น้ำ ปากจัด
ทาลิ ลม อัธยาศัยดีขอโทษติดปากตลอด
ทาลิ มืด เอาแต่ใจเอะอะเก็บหมด ไม่ฟังคำตอบใครทั้งนั้น
ทาลิ ดิน ผู้ขี้เซา แต่ได้ยินคำว่าร้องไห้ไม่ได้ ต้องลุกขึ้นมา นาเคะรุเดะ(ได้ร้องไห้แน่)
ทาลิ แสง ผู้ถือตนเป็นองค์ชายหัวสูง ทุกคำพูดนั้นแสนจะลิเก๊ ลิเก

ชอบตัวไหนเอ่ยช่วยตอบที อยากรู้เรตติ้งความรั่วของ ทาลิ 2 ว่าถูกใจใครมั่ง เพราะภาคนั้นเขียนรั่วที่สุด
 ดูอย่างตอนพิเศษได้ ป้า R2 อย่างรั่ว นึกแล้วยังฮาอยู่จนวันนี้




Quote
รู้สึกเเปลกๆนะ ทั้งๆที่พวกธนัทยังเล่นการ์ดเก่าๆตั้งเเต่ซาลามันเดอร่าดราก้อนสองอยู่เลย เเท้ๆ เเถมยังมีซอง d4k ให้เปิดอีก ดูอิสดิ ขนาดมาวินโปรโมยังไม่มีเลย เเล้วพี่ศรีท่านไปเอา ทาลิน้ำดราก้อนสามมาจากหนายยยยยยยยย

คำตอบของเรื่องนี้คือ....... ศรีคงไปจับเอามาเองมั้งครับ เพราะในเรื่องซีลและมิสติกไม่ได้มาจากการซื้อเพียงอย่างเดียว (อ้างอิงจาก บทที่6) ซึ่งซีลที่จับมา นั้นเป็นซีลแท้ครับ ซึ่งเป็นมวลพลังงานเวทมนต์ ที่บริสุทธิ
ส่วนยซีลที่มาจากการผลิตขายจำหน่ายนั้นส่วนใหญ่เป็นซีล สังเคราะห์ขึ้นมาจากเวทย์ประดิษฐ์
จะมีเฉพาะ แรร์การ์ดที่มากับ บูสเตอร์แพค ซึ่งโดยส่วน
ใหญ่ เป็นซีลแท้ครับ ทำให้มีราคาแพง ว่าแต่ตอนต่อไป ธนัทคุง จะยกเครื่องทั้ง deck เลยนะเนี่ยสรุป ราชันย์มังกรไฟได้ดวล2ตอนแล้วเก็บเข้ากรุไปเลยเรอะ


ที่บ่นมาเยอะๆนี่ไม่ใช่อะไรหรอกเน้อพึ่งกลับมาจากปรับพื้นฐานที่ม.เกษตร ศรีราชา(จ.ชลบุรี)
เน็ต หอเน่ามาก ล็อคอินเข้า บอร์ดไม่ได้กว่าจะได้ก็ช้าอีก เลยขอระบายตอบเยอะๆหน่อย
 ทนอ่านหน่อยเน้อ ส่วนนิยายจะรีบมาอัพให้(ถ้าฟื้นตัวจากความเหนื่อยสุดกะความรั่วของรุ่นพี่ได้ก่อนนะ)



Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #105 on: May 22, 2009, 01:18:54 AM »

เหอๆ ผมชอบทาลิคนัสมากสุดเเล้วคับ โอเระ ทันโจววว!!!  ส่วนตอนพิเศษผมชอบตอนร้านเเฮมกับโรงเเรม ที่ร้านเเฮมป้าเเกพูดจากวนส้นได้ใจมาก "ต๊ายตาย นี่นายกล้าขึ้นเสียงกับลูกค้าเเบบนี้หรอ" ฮาคับ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #106 on: May 22, 2009, 02:47:30 AM »

ชอบทาลิคนัส นี่เองสินะครับ ก็นะทั้งที่ ทาลิคนัส ออกมาหลัง ทาลูคัส
 แท้ๆแต่ดูบทจะเยอะกว่าใครเพื่อนเลย เหมือนภาคแรกที่ให้ ทาลูคัส
 เป็นหลักเพราะร่างรวมเกิดจาก ไลท์ กับ ลอว์เรนซ์ที่สนิทกันอยู่ก่อนแล้ว

ถ้าพูดถึงทาลิคนัส อาริมาเทียต้องนึกถึง โอเระ ทันโจววว!! โฮ่ๆๆๆ

แต่พอมาลองย้อนอ่านดูไปตอนที่ ทาไนซ ปรากฏตัวครั้งแรกเนี่ย ที่บทมันชวนหดหู่ สงสัย
เพราะดูละครมากไปหน่อย เลยเอา เรื่องมือนาง มารวมเฉยเลย สังเกตุได้ว่า ราฟ มีอดีต ที่รันทด เหมือนนางเอกในเรื่อง มือนาง

แต่เราเขียนให้โหดสะใจกว่านั้น เพราะเราไม่ให้เด็ก ถูกกดขี่อยู่อย่างนั้น
 สไตล์เราไม่ใช่คนดีเอาแต่รอแต่กล้าที่จะทำ แถมกล้ามากซะด้วยสิ เพราะ ราฟ

 มันฆ่าแม่เลี้ยงตัวร้ายกับยัยลูกสาวตัวแสบ แถมยังพ่วงพ่อแท้ๆของมันมาอีก
แล้วเลยกลายเป็นโรคจิต ชอบฆ่าคนเป็นงานอดิเรก โดยเฉฃพาะคนที่น่าเวศทนา

แล้วตัวมันก็มาทึกทักเอาเองว่า ได้ส่งวิญญาณของบุคคลผู้น่าเวทนาคืนให้แก่พระผู้เป็นเจ้าเพื่อ
ให้เค้าไปดี ซะงั้น แต่บางทีมันอาจจะดีกว่าก็ได้ (มั้ง)

ที่จริงโศกนาฏกรรม แบบฆ่าหมู่ล้างทวีปจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้า โครโน่ ไม่เจือกเข้าไปยุ่ง
เอา Crisisor ไปให้ ราฟ ปล่อยๆให้มันถูกจับไปน่ะดีแล้ว เพราะถ้าราฟ ไม่เป็น Valkyrier
พ่อของ ไอ ก็

จะไม่ตาย ไอก็จะรักกับ เฟนท์ ได้ สรุปให้เข้าใจง่ายๆ เรื่องทุกอย่างมันเลวร้ายลงเพราะ
เจ้าราฟนะเนี่ย แต่ที่น่าหมันไส้กว่าคือคนบงการอยู่เบื้องหลังอย่าง โครโน่ นี่ล่ะ ที่ไปเป่าหูไอ

 ซ้ำอีก จนเชื่อว่า เฟนท์เป็นฆาตกรฆ่าพ่อเธอ จากบทที่ ราฟ ได้รับเนี่ย ที่จริงก็ น่าสงสาร ราฟ
 อยู๋หรอก เพราะเสียแม่ไป แถมพ่อก็ยังแต่งใหม่เอานางร้ายเข้าครัวมาอีก แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผล

 ที่ ราฟ จะเที่ยวไปฆ่าใครทำลายทุกอย่างที่ตนเองเห็นว่ามันสะท้อนชีวิตตัวเองตามใจชอบ เหมือน
 หลีเมย่ ที่เอาความแค้นส่วนตัวมา อ้างเหตุผลเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกก็เหมือนกัน

สรุปดูได้ว่า เพราะ โครโน่ ไปขยายบ่วงแห่งความแค้น ให้มันสร้างความเสียหายได้มากกว่า
ที่ควรจะเป็น มันจึงขยายวงกว้างออกไปอีก แทนที่เรื่องของ ราฟ มันจะจบแค่นั้นเลยกลายเป็นว่า
 ราฟ ไปสร้างความแค้นให้คนอื่นอีก แล้วก็กินต่อเป็นทอดๆไม่รู้จบ

สุดท้ายเพื่อจบบ่วงแห่งความอาฆาตที่ขยายตัว เรกกะ จึงต้องทำ Dragoon Requiem
อย่างเราได้เห็นในตอนจบของ ทาลิ2 นั้นล่ะครับ



ว่าไปแล้ว เราแต่งนิยายนี่ สร้างข้อคิดได้เยอะแหะ ใช่ว่าอะไรที่ไม่ดีทำลายมันทิ้งไปก็
จะหมดปัญหา แต่เราต้องหาทางแก้ให้ถูกทาง เหมือนอย่างที่ ราฟ คิดสั้น ตัวเองโดนกดขี่

กลับแก้ทางด้วยการ ฆ่าคนที่กดขี่ตัวเอง นั่นเท่ากับทำลายปัญหา
แต่มันก็จะไปจุดชนวนปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก

สรุป เวรย่อมหยุดด้วยการไม่จองเวร ดังนั้นถ้าผู้คนไม่มีความแค้นต่อกันให้อภัยกันและกัน
 หาทางออกที่เหมาะสมก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ว่าซะยาว แล้วเรื่องทาลิมืด ล่ะ ไปไกลเลยเรา เอาเป็นว่าแค่นี้ก่อนนะครับ

« Last Edit: May 22, 2009, 03:02:01 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #107 on: May 23, 2009, 08:43:06 PM »

Sub-Turn 12 Card Hunt!!



หลังจากการกลับจากทัศนศึกษา เวลาก็ได้ล่วงเลยมา จนถึง

วันอาทิตย์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2700  เวลา 23.30  (คุณกำลังดู SMN VR! อยู่ไม่ต้องเป็นห่วง)

พิพิธภัณฑ์ ศิลปะ โบราณนาวา

ตัวอาคารแบบยุโรป ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางแสงไฟสปอตไลท์ ที่สาดส่อง
จับจ้องไปแทบทุกอาณาบริเวณ โดยที่ด้านหลังพิพิธภัณฑ์นั้น เป็นสวนสาธารณะ
รอบอาณาบริเวณ ถูกตั้งล้อมด้วยกำลังตำรวจมากมาย



“ วันนี้ 5ทุ่มครึ่ง ขอรับคนโทแห่งดวงดาว ไปก่อนนะจากจอมโจรดาร์ค…ปัดโธ่มันคิดว่า
ตัวเองเป็นใครกันนะ ที่นี่น่ะมีการป้องกันหนาแน่น ถ้าคิดว่าจะขโมยได้ก็มาเลยสิ ฮ่าๆๆ ”
สารวัตรชายวัยกลางคน กล่าวอย่างหยิ่งยะโส ก่อนจะได้รับรายงานจากลูกน้อง ผู้หมวดที่เข้ามาแจ้ง

“ คือ สารวัตรซาเอฮาระ(Saehara) ครับ คนโทแห่งดวงดาว ถูกขโมยไปแล้วครับ ”
ลูกน้องผู้หมวดรายงานจบ สารวัตรที่ได้ยินถึงกับหน้าถอดสีไปทันทีก่อนจะคว้าเอา
 note ของตัวเองขึ้นมา


/Call All/
“ นี่พวกแกได้ยินรึเปล่า รีบกระจายกันออกตามหาให้ทั่วอย่าให้มันหนีไปได้นะ!! ”
สารวัตร สั่งใส่ note ของตน ที่ต่อสายไปยัง note ทุกตัวของ เจ้าหน้าที่ภายใน
อาคารทั้งหมดก่อนที่ บรรดาเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งจะเฮโลกันออกมาจาก อาคาร
เพื่อหาตัว หัวขโมย  ที่หนีเอาของออกมา

“ หนอยแกนะแก เจ้าดาร์ค ”
สารวัตร สบถอย่างหัวเสียก่อนจะ ออกวิ่งจากไป เพื่อไปหาตัวหัวขโมยที่ใช้ชื่อ ดาร์ค ด้วยเช่นกัน
ทิ้งให้ ผู้หมวดที่มารายงาน ยืนอยู่อย่างนั้น

“ วันนี้ก็ง่ายเหมือนเดิมแฮะ ต้องขอบคุณ ท่านสารวัตร ซาเอฮาระ อีกแล้วนะครับ
ที่ช่วยให้ผมทำงานสะดวกมากขึ้นเลย ”
ผู้หมวดที่มารายงานกล่าวเสียงห้วนๆ ก่อนก้มลงดึงเอาถุง กระสอบที่อยู่
ใต้ท้องรถตำรวจที่ ท่านสารวัตร ยืนพิงอยู่เมื่อครู่ ออกมา ก่อนจะเดินหลบฝูงผู้คนและ

ตำรวจที่วุ่นวายกันอยู่แถวนั้นออกมา แล้วจึงถอดชุดเครื่องแบบ กับหมวกออก
ตัวจริงภายใต้คาบผู้หมวดที่เอามาสวมนั้น คือชายหนุ่มวัย 17 ปี ผมยาวชี้ตั้งตรงปลาย
และเป็นสีม่วงดำ แววตาเจ้าเล่ห์ และมีใบหน้าที่คมคาย

“ มานี่ซิ วิซ(Wiz) ”
สิ้นคำของ เค้าก็มีเงาสีดำพุ่งลงมาจากต้นไม้ก่อนจะกลายเป็นปีกสีดำหอบหิ้วเอาตัวเขาไป



“ แหมวันนี้ ก็กินนิ่มอีกแล้วเนอะ ไดสุเกะ ”      (*ท่านกำลัง SMN VR!! อยู่)
ชายผู้นั้นกล่าวออกมาก่อนที่จะมีเสียงตอบกลับออกมาจากภายในจิตใจของเค้า

“ นี่ทั้งที่แค่เอาออกมาเฉยๆ ก็ได้แล้วทำไมต้องลงทุนไปทำให้มันวุ่นวายแบบนั้นด้วยล่ะ ”
เสียง ของ ไดสุเกะ ดังตอบกลับขึ้นมาก่อน ที่ดาร์ค จะหัวเราะด้วยความขบขัน

“ ฮะๆๆ..แหงล่ะ ก็มันสนุกนี่น้า ไหนๆก็เอาออกมาแล้ว ถ้ายังไม่รู้ตัวก็แย่สิเน้อ ”
ดาร์ค ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงขบขัน ขณะที่ยุคลิคของ ไดสุเกะ ที่อยู่ในร่างนั้น
กำลังไม่พอใจกับ นิสัย ของ อีกบุคลิค ของเค้าที่ชื่อว่าดาร์ค

นี่เป็นพลังของ DNA Changer ของเค้าที่จะกลายเป็นอีกคนที่มี
ความสามารถและฝีมือด้านการขโมยแฮกเข้าระบบปลดล็อคทุกชนิดก็สามารถ

ทำได้รวดเร็วกว่าร่างจริงของเค้า แต่ข้อเสียคือตัวเค้าจะกลายเป็นอีกคนแทนทำให้ควบคุม
ไม่ได้ดั่งใจ

ปัง!!

เสียงดังขึ้นก่อนที่ ปีกสีดำของ ดาร์ค จะถูกอัดกระเด็น จนหลุดออกจากร่าง ทำให้ตัว ดาร์ค
ร่วงลงไปแต่ก็คว้าเอาชาคาบ้านหลังหนึ่งไว้ทันก่อนจะตกลงไป


“ ใครกันน่ะ!? ”
ดาร์ค ตะคอกขณะที่หมุนตัวกระโดขึ้นไปยืนบนหลังคาเพื่อสอดส่องสายตาหาคนร้าย

“ you ถามหา me เหรอme ก็อยู่นี่แล้วไง ”
เสียงดังขึ้นจากมุมมืด ของร่มเงาต้นไม้ที่บดบังส่วนหนึ่งของหลังคาบ้านที่ ดาร์ค ยืนอยู่ตอนนี้

“ แกเป็นใครกัน!? ”
ดาร์ค ถามขึ้น ขณะที่เจ้าของเสียงค่อยๆเดินออกมาจากเงามืด ยามเมื่อแสงจันทร์ตกกระทบ
ร่างของ เด็กหนุ่มวัย 14 ก็ค่อยปรากฏโฉมขึ้น

“ ชื่อของ I คือ boy บอย ซากะ ส่งคนโทนั่นมาให้ me เดี๋ยวนี้เลยถ้าไม่อยากเจ็บตัว ”
บอย เดินออกมาพร้อมกับ ในมือถือปืน พกที่มีรูปร่างประหลาด มันมี ช่องที่รังเพลิง
ที่กว้างพอจะเสียบไพ่เข้าไปได้ และคันชักที่สามารถชักให้รังเพลิง เปิดยื่นออกมาได้


“ โฮ่…นี่คิดจะมาเอาของไปจากโจรอีกต่อรึไง ไม่กลัวมันจะลวกมือเอางั้นหรือ ”
ดาร์ค เล่นคำขณะที่ รีบซ่อนกระสอบในมือไปเหน็บไว้ที่ด้านหลัง

“ ถ้า you จะลีลาล่ะก็ I ก็ไม่ปล่อย you ไว้แน่ ”
บอย กล่าวพลางยกปืนขึ้นขู่ ในขณะที่ ดาร์ค ค่อยๆถอยไปเรื่อยจนสุดทางไม่มีที่
จะให้ถอยอีกต่อไปแล้ว

“ you มีสมญานาม จอมโจรแห่งยุค Dark ส่วน me ก็มีสมญานาม
 จอมโจรแห่งมิติ เช่นกันไหนๆเราก็เป็นจอมโจรเหมือนกันน่าจะคุยกันง่ายๆดีกว่าไหม  ”
บอย กล่าวขณะที่เดินไล่เข้าไปเรื่อยๆ

“ คุยกันงั้นเหรอ เฮอะ ไม่เคยได้ยินรึไงสุภาษิต ของไทยน่ะ ”
ดาร์ค กล่าวถ่วงเวลาไปขณะที่ บอย ใกล้เข้ามาทุกขณะ

“ โอ้ sorry นะ I ไม่ค่อยสนใจเรื่องโบราณๆพรรค์นั้นหรอก  ”
บอย กล่าวโดยไม่ลดปืนลงแม้แต่น้อยจนเข้ามาจ่อติดกับหน้าอกของ ดาร์ค แล้ว

“ เหรอ งั้นฉันจะตอบให้เอาบุญ….เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ เป็นจอมโจรอย่าริอ่านมาร่วมมือกัน ”
สิ้นคำ ดาร์ค ก็ขว้างลูกกลมสีดำลงไปบนหลังคาก่อน มันจะระเบิดและปล่อยควันออกมามากมาย
จนมองไม่เห็นกันและกัน และควันนั่น ยังทำให้ บอย สำลักจน ปล่อยให้ ดาร์ค หนีไปได้


“ จะบอกเอาอะไรให้รู้ไว้นะ เพราะฉายเดี่ยวเค้าถึงเรียกว่าจอมโจรยังไงเล่า ไปก่อนนะ ฮ่าๆๆ ”
เสียง หัวเราะของ ดาร์ค ยังคงก้องอยู่ก่อนที่ควันจะจางหายไปจนหมด
ก็ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยของ ดาร์ค แล้ว

“ หนีไปได้งั้นรึ….เอาเถอะยังไงก็ต้องได้เจอกันอีก…อย่างแน่นอน ”
บอย กล่าวจบก็ เดินหายลับเข้าไปในมุมมืดอีกครั้ง

……….
………….


“ กิ้ววววว!!! ”
เสียงร้องของ เจ้ากระต่ายตัวน้อย ขนสีขาวตาสีแดง ที่ดังขึ้นขณะที่ ไดสุเกะ ป้าย ยาใส่ที่หูของมัน
ซึ่งบาดเจ็บมา โดยที่มันดิ้นพล่านด้วยความปวดแสบจากยาที่ทามา
ถึงขนาดที่ ฟรานซิสก้า องครักษ์สาวของ มาริน่า ต้องเข้ามาช่วยจับไม่ให้มันดิ้นอีกแรง

“ อยู่นิ่งๆสิ วิซ ไม่งันจะทายายังไงเล่า ”
ไดสุเกะ กล่าวขณะที่ พยายามจะจับหูของมันให้อยู่นิ่งๆ แต่เจ้าวิซ ก็ขัดขืนเต็มที่




“ ดูเหมือน เจ้านั่นมันจะใช้กระสุนอัดอากาศเอาล่ะนะ ก็เลยไม่เป็นแผลฉกรรจ์
ซักวันสองวันก็หายแล้วล่ะ แต่ที่น่าสงสัยคือมันเป็นใครนี่ล่ะ ถ้าเป็นโจรทั่วไปก็
ไม่น่าจะสนคนโท เก่าที่ราคาค่างวดไม่สูงอย่าง คนโทแห่งดวงดาวได้เลยนี่นา ”

มาริน่า เปรยขณะที่ เดินเข้ามาดูเจ้ากระต่าย

/Psychic  Puppet/(พลังจิตชักใย)
เสียงดังขึ้นจาก หุ่นกระบอกที่ มาริน่า พกติดตัวด้วยเสมอ
 ซึ่งมันเป็น note ในรูปร่างของหุ่นกระบอกนั้นเอง

เสียงที่ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่า มาริน่า กำลังใช้พลังจิตของเธอ
 ประสานกับพลังเวทย์ เพื่อสร้างเส้นเอ็น
บางๆขึ้นมาแล้วควบคุมมันให้ไปขึงร่างของเจ้า วิซ เอาไว้


“ รีบๆทาซะ ”
มาริน่า กล่าวขณะที่ ไดสุเกะ ยังคงเหวออยู่ แต่ก็ตั้งสติทันรีบ ทายาให้มัน ก่อนจะถูกรัดตาย
และเมื่อทายาเสร็จ เส้นเอ็นจึงคลายตัวออก พร้อมกับที่ เจ้าวิซ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่รอดตายมาได้


“ ประธานคะนี่หรือว่า… ”
ฟรานซิสก้า กล่าวขึ้นมาก่อนจะหยุดไปเมื่อจะพูดถึงตรงนี้

“ ใช่ นอกจากคนที่รู้ว่า คนโท นี่มีความพิเศษที่สำคัญอยู่เท่านั้นล่ะถึงอยากจะได้มัน
เศษเสี้ยวพลังของ อสูรเทพ ที่สถิตอยู่ในงานศิลปะชิ้นนี้ ”

มาริน่า กล่าวพลางเดินไปลูบ คนโทสีครามที่สลักลายดวงดาว ไว้รอบตัวอย่างประณีต

“ เห็นเค้าคนนั้นบอกว่าตัวเองชื่อ บอย ซากะ อะไรนี่ล่ะ ผมเองก็ฟังไม่ค่อยถนัดเท่า
ไหร่ ดาร์ค เองก็ไม่ยอมพูดอะไรด้วย ”
ไดสุเกะ กล่าวแต่ถึงยังงั้น มาริน่า ก็ยังคงไม่รู้อยู่ดีว่าคนๆนั้นเป็นใคร

“ เอาเถอะ เจ้าหนู ทำแผลเจ้ากระต่ายนั่นเสร็จแล้วใช่ไหม ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เข้า
นอนซะนี่มันก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว ฉันเองก็ชักจะง่วงขึ้นมา….ฮ้าว..ซะแล้วสิ ”
มาริน่า กล่าวก่อนจะหาวพลาง พวกเค้าจึงตัดสินใจแยกกันไปเข้านอน

………..
…………………..
………………………….

บ้าน ธนัท


“ นี่มัน.... ”
ธนัท เปรยขึ้น หลังจากรับเอาซองขาวมาจาก โคทาโร่

“ ซองนั่น มันวางอยู่บนโต๊ะเล็กในห้องพักที่ รีสอร์ท น่ะ ฉันเลยเก็บเอามาแต่ลืมคืนให้นาย ”
โคทาโร่ ตอบให้ก่อนที่เค้าจะถาม ธนัท จึงแกะผนึกซองออกแล้ว เทของข้างในออกมามันเป็น
ไพ่ซีล 3 ใบ

“ ไพ่พวกนี้.... ”
ธนัท กล่าวเมื่อหยิบไพ่พวกนั้นขึ้นมาดู ปรากฏว่า หน้าของไพ่นั้นว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย
เป็นเหมือน Seal Scroll แต่ที่ไม่เหมือนคือหลังปรากฏชนิดของการ์ดว่าเป็น
ซีลการ์ดไปแล้วดังนั้นนี่จึงเป็นไพ่ที่ใช้ผนึกแล้วแน่นอน


“ อะไรน่ะ Seal Scroll เหรอ ”
โคทาโร่ ถามขณะที่ ยื่นคอเข้ามาดูด้วย

“ ไม่น่าใช่นะ เพราะหลังไพ่มันไม่ได้เป็นสีซีดๆ ไพ่นี่มันถูกใช้ผนึกไปแล้วแต่…
ผนึกตัวอะไรไว้ล่ะ  ”
ธนัท ตอบขณะที่พลิกหงายไพ่กลับไปมาเพื่อหาดูตามจุดต่างๆ
แต่ก็ไม่พบอะไรที่ผิดสังเกตุ ด้านโคทาโร่ ก็หยิบเอาซอง ขึ้นมารื้อดู ก็ไปพบเข้าเศษ
กระดาษแผ่นหนึ่งที่แนบใส่มาในซองด้วย


“ อ๊ะ นี่มีเขียนอยู่ในนี้ด้วยล่ะ ”
โคทาโร่ กล่าวพลางคลี่ แผ่นกระดาษออกดูกับ ธนัท

“ เอ…ไหนๆ นี่คือลิสต์สำหรับจัดสำรับในตำนาน หากสามารถรวบรวม
ไพ่ทั้งหมดนี่ได้ ไพ่ที่พี่มอบให้ไปก็จะเผยตัวตนออกมา  จาก ศรี ”
ธนัท อ่านอย่างช้าจนเมื่ออ่านมาถึงชื่อของผู้ส่ง เค้าก็รีบแย่งแผ่นกระดาษมาจากมือ โคทาโร่ ทันที

“ นี่มันไม่ผิดแน่ ลายมือพี่ ศรี ชัวร์ งั้นตอนทัศนศึกษาวันนั้นก็เป็นความจริน่ะสิ ”
ธนัท อุทานหลังจากสำรวจ จนถี่ถ้วนทั้งแผ่นกระดาษแล้ว เค้ามั่นใจว่านี่เป็นของที่
พี่ของเค้าส่งมาให้จริงๆ

“ ศรี…หมายถึงคนที่ชนะยัยผีดิบนั่นได้น่ะเหรอ ”
โคทาโร่ ถามเพื่อขอความแน่ใจ ในขณะที่ ธนัท ดูรายการในลิสต์แล้ว ก็หน้าถอดสีด้วยความหมดหวัง


……………..

…………………
………………………

วันต่อมา

ห้องชมรม SMN (เวลาเลิกเรียนแล้ว)



“ หึ...ดูเหมือนศรี จะส่งพลังใหม่ที่กล้าแกร่งมาให้เจ้าหนูซะแล้วสิ ”
มาริน่า กล่าวขณะที่ ชุติการ แอน เคียว และ ไดสุเกะ มุงกันเข้าไปดู ลิสต์รายการจัดสำรับที่
ศรีส่งมาให้ ซึ่งแต่ล่ะคนพอได้เห็นก็หน้าถอดสีไปไม่แพ้กัน

“ ถ้าจัด สำรับใหม่ตามลิสต์นี่ล่ะก็ จะสามารถสร้างสำรับ ในตำนานได้งั้นเหรอ ”
ไดสุเกะ หันมาถามซึ่งก็ผงกหัวตอบว่าใช่


“ แต่ว่าแต่ล่ะใบเนี่ยมันหายากเหมือนกันแฮะ สงสัยต้องไปล่าเพิ่มที่ Terra World ล่ะ ”
เคียว เปรยพลางเกาหัวไปด้วยความสงสัย กับลิสต์ไพ่ที่จัดว่าหากจะทำตามแล้วนั้น
ยากยิ่งนัก

“ นอกจากจะจัดตามให้สมบรูณ์เป๊ะๆ ยังยากแล้ว ที่สำคัญคือ ธนัท จะต้องใช้สำรับ
นั้นให้ชำนาญด้วยไพ่ สาม ใบที่ส่งมานั่นถึงจะใช้งานได้  ”
โคทาโร่ เสริมโดยพลิกหลังกระดาษที่ให้ดูซึ่งมีข้อความต่อ ยอดอยู่ในส่วนนั้น

“ แต่ว่า ดูตามลิสต์นั่นแล้ว ถึงจะมีไพ่ที่ไม่รู้จักอยู่เยอะเลยก็เถอะ แต่จากที่ดูๆ
แล้ว สำรับนั่นน่ะใช้ซีลหลากหลายมากเลยนะ ไม่สิถ้าเฉลี่ยนดูแล้ว นอกจากจะมี
ธาตุครบทั้งหกธาตุ ไหนจะคอนเซปการเล่นที่ไม่น่าจะเอามารวมกันได้อีก ”

ฟรานซิสก้า กล่าวสำทับให้อีก กับลิสต์รายการไพ่ที่ น่าแปลกนี้

“ พูดได้เลยว่า ไม่ใช่แค่จัดตามอย่างเดียว แค่จะใช้ให้คล่องได้ ยังยากเลย  ”
อิส เสริม ให้อีกถึงอุปสรรค์ในการทำสำรับนี้

“ ก็สมกับ ที่เป็นสำรับที่เค้าคนนั้นคิดขึ้นมาให้แล้วนี่ เพราะอุปสรรค์ในการครองครอง
และการนำมาใช้เป็นสิ่งที่ผู้เล่น ต้องแบกรับเอาไว้อยู่แล้ว ยิ่งเป็นสำรับพิเศษแบบนี้ ก็สม
กับที่เป็นสำรับแห่งตำนานจริงๆนั่นล่ะ  ”

เสียงที่ฟังคุ้นหู ดังขึ้นราวกับเคยได้ยินมาก่อน ธนัท และเพื่อนๆหันไปมองยังทิศต้นเสียง
ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ


“ ภูเขา!!! ”
ธนัท ชุติการ และ เคียว ร้องขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน ขณะที่ แอน โคทาโร่ และ ไดสุเกะ ได้แต่มอง งงๆ
มาที่พวกเค้า

“ ไง ไม่เจอกันนานนะ…. ”
ภูเขา ทักทายก่อนจะหยุดกึกไปเพราะ ท่าทีระแวงจนออกนอกหน้าของ ธนัท กับ ชุติการ
ในขณะที่ เคียว ได้แต่มองดูอย่างเอือมๆ กับท่าทีระแวงของทั้งสองที่ออกจะโอเวอร์ เกิน
ทั้งหยิบไม้กวาด ไม้ถูพื้นมากระชับ ถือราวกับจะไปตีกะใคร

“ อ…เอ่อ ไม่ต้องเกร้งกันขนาดนั้นก็ได้ ”
ภูเขา กล่าวพลางถอยเท้ากลับหน่อยด้วยความผวาน้อยๆ

“ นี่กล้าบุกมาถึงถิ่นเลยเรอะ วันนี้ล่ะ ฉันไม่ให้นายหนีอีกแล้ว…อ่อก ”
ธนัท กล่าวพลางจะยกไม้กวาดไล่ฟาด แต่ก็โดน ฟรานซิสก้า
เอาสันมือสับต้นคอล้มลงซะไปก่อน

“ ดีมาก ฟรานซิสก้า  ”
มาริน่า เปรยขณะที่ เดินมาก้มลงข้างๆ ธนัท ที่ฟุบนอนอยู่กับ พื้นถึงตอนนี้ตัว ธนัท จะขยับไม่ได้
เพราะถูกสกัดจุดที่ ต้นคอ แต่ก็ยังไม่ได้หมดสติ ไปด้วย ขณะที่ มาริน่า กำหัวเขาเชิดขึ้นมา
คอขึ้นมาคุยด้วย


“ จำเอาไว้นะ เจ้าหนู ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว เรื่องที่นายดวลกับภูเขาในวันนั้น
เป็นแค่เรื่องที่ฉันทำให้เกิดขึ้นมาเท่านั้น คงไม่มีปัญหานะ ”
มาริน่า กล่าวจบก็ปล่อยหัว ธนัท ลงอย่างไม่ใยดี ก่อนจะลุกขึ้นไปมองที่ ชุติการ

“ เธอเองก็คงไม่มีปัญหาสินะ ”
มาริน่าถาม แต่แน่ล่ะใครจะกล้าไปปฏิเสธ เธอ เมื่อเห็นว่าปัญหาเคลีย
แล้ว เธอ จึงเอาส้นรองเท้า แตะเบาๆกลับไปที่ต้นคอของ ธนัท ทำให้การสกัดจุดของ ฟรานซิสก้า

หลุด ธนัท จึงขยับตัวได้อีก แต่ก็ระบมต้นคอไปหมด แต่ก็บ่นอะไรไม่ได้ ขณะที่
คนอื่นๆได้แต่มองดูการแก้ปัญหาแบบ อำมหิต ของ มาริน่า

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #108 on: May 23, 2009, 08:43:39 PM »

…………..
ครู่ต่อมา
……………


“ สรุปคือ พี่ ภูเขา เป็น1ในMaster Ceremony เองหรอกเหรอ  ”
ธนัท กล่าวพลางเอามือกุมต้นคอที่ยังระบมไม่หาย ขณะที่ฟัง อิส และ ไดสุเกะ
เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจาก การที่ มาริน่า จัดฉากให้เขาดวลกับภูเขาเพื่อจะทดสอบฝีมือ


“ ถ้ายังไงวันนั้นก็ต้องขอโทษด้วยนะ พอดีเล่นแรงไปเลยไม่ทันยั้งมือน่ะ ”
ภูเขา กล่าวขอโทษขอโพย พลางก้มหัวประหลกๆ ให้ผิดกับภาพลักษณ์ที่
ดูน่าเกรงขามเมื่อครั้งเจอกันในตอนแรก


“ เป็นคนดีกว่าที่คิดแฮะ….. ”
ธนัท กับ ชุติการ คิดเป็นเสียงเดียวกันเมื่อได้มาเห็นเบื้องหลังที่แท้จริงแบบนี้
ก็ถึงกับทำตัวกันไม่ถูกเลยทีเดียว

“ ไดสุเกะ เติมชา ทีซิ อิส ไปเปลี่ยนนิตยสารใหม่ที wiser เล่มนี้มันเก่า
จนน่าเบื่อแล้ว เอาเล่ม 350 มาที ” (โอว แม่เจ้า wiser อยู่มาถึง 350 เล่มได้ เหลือเชื่อ)

มาริน่า กล่าวพลางยื่นนิตยสารให้ อิส ที่รีบลุกจากเก้าอี้ในวงของ ธนัท มารับไปเปลี่ยนที่
ตู้หนังสือของชมรม ส่วน ไดสุเกะ ก็รีบลุกตามมา หยิบกาน้ำชา แล้วรีบกลับไปรินใส่ถ้วย

หน้าตาตื่นพอๆกันกับ อิส ที่รีบรื้อหาเล่มที่ เธอต้องการก่อนจะเอามาส่งให้
มาริน่า รับมาโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ ไดสุเกะ รินชาใส่ให้เสร็จ ทั้งสองก็รีบ

ถอยห่างทันทีก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก  ราวกับรอดออก
มาจากถ้ำเสือก็ไม่ปาน

“ เอ่อ…..มันอะไรกันน่ะ ”
โคทาโร่ เปรยด้วยความไม่รู้ว่าทำไมทั้งสองคนถึงมีทีท่ารนรานขนาดนั้น

“ อิส เป็นองครักษ์ ลำดับ 2 ส่วนไดสุเกะ เป็นลำดับ 3 ก็เลยมีหน้าที่รับใช้ ประธานด้วยน่ะ ”
เคียว ตอบให้แทนก่อนที่ มาริน่า จะหันมาค้อนใส่ จนทั้งเค้ากับ โคทาโร่
 ต้องกลืนน้ำเอือกใหญ่เพื่อบรรเทาอาการตกใจที่วูบขึ้นมาเพียงแค่สบตาของเธอ

“ งั้นพี่สาวนักดาบนั่นก็ด้วยสิ ”
โคทาโร่ หันมากระซิบถามแทน

“ เปล่าหรอก รุ่นพี่ ฟรานซิสก้า เป็นองครักษ์ลำดับ 1 หน้าที่รับใช้ก็มีบ้างแต่ส่วน
ใหญ่จะต้องอยู่ข้างประธานเพื่อคอยคุ้มครองตลอดนั่นล่ะ ดังนั้นคนที่ทำหน้าที่
รับใช้เรื่องจุกจิกต่างๆจะเป็นสองคนนั่นตลอด ”

เคียว กระซิบตอบ เบาๆโดยเหล่มองตลอดว่า มาริน่า จะได้ยินที่พวกเค้าพูดกันหรือไม่


“ จริงสิ เจ้าหนูจากนี้ไปแกจะเอายังไงต่อ….เรื่องสำรับนั่นน่ะ ”
มาริน่า ค้อนมองมาถาม ซึ่ง ธนัท เองก็ขนลุกซู่ไปไม่น้อย กับความรู้สึกเย็นสันหลังวาบๆ
ที่แผ่ออกมา จาก มาริน่า

“ นั่นน่ะสิ สำรับนี่น่ะ แค่ดูก็รู้แล้วว่าทำยากจะตายแล้วยังมีไพ่ที่เราไม่รู้จักอยู่เยอะเลยด้วย ”
ชุติการ กล่าวสำทับไปอีกที ขณะที่  ธนัท กำลังชั่งใจว่าจะทำอย่างไรกับ ลิสต์รายชื่อในกาารทำสำรับ ที่
พี่ของเค้าศรี เป็นคนส่งมาให้


“ ดีล่ะงั้น ฉันจะออกเดินทางรวบรวมไพ่ทั้งหมดมาตามลิสต์นี่ เพื่อทำสำรับแห่งตำนานให้สมบรูณ์ ”
ธนัท กล่าวด้วยแววตาที่ทอประกายความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม ก่อนจะโดนมะเหงกของ มาริน่า
ทุบเข้าให้

“ นี่แกติงต๊อง หรือปัญญาอ่อนกันแน่ยะ กะอีแค่รวบรวมไพ่มาทำสำรับ
แกกะจะหยุดเรียนแล้วหายหัวไปทำแบบพี่แกอีกคนหรือไง!!!! ”
มาริน่า เทศใส่เค้าเป็น การใหญ่ เมื่อได้ฟังคำตอบที่หลุดออกมาจากปากของเค้า

“ ง…งั้นจะให้ทำยังไงล่ะครับ ประธาน ลิสต์เนี่ย ถ้าค่อยๆทำล่ะก็มี
หวังอีกกี่ปีกว่าจะเสร็จล่ะครับ ”
ธนัท แย้งขณะที่กุมหัวด้วยความเจ็บที่โดน มาริน่า เขกเข้าให้เมื่อครู่

“ ถึงยังงั้นก็ห้ามย่ะ ถ้าแกหายไปอีกคนใครจะเดือดร้อนบ้างแกก็ไม่สนรึไง ”
มาริน่า ตะคอก ซึ่ง คราวนี้ ธนัท ไม่มีข้อแก้ตัวที่จะไปคัดง้างเหตุผลของ มาริน่า
อย่างสิ้นเชิง

“ แต่ ฉันจะไม่ห้ามแกทำสำรับนี่หรอกนะ ค่อยๆลองค่อยๆทำไปก็ได้
แกยังมีเพื่อนคอยช่วยอยู่ อีกอย่างการแข็งแกร่งขึ้นมันก็เป็เรื่องดี
แต่ไม่มีใครเค้าคิดจริงๆหรอกว่าจะให้แกมารับภาระปกป้องทุกคนแทนพี่แกน่ะ ”

มาริน่า กล่าวจบก็เดินกลับไปนั่งที่ โซฟา ก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อหน้าตาเฉย
ทิ้งให้ ธนัท จ้องมองเธอด้วยความงง งวย


“ เอาเป็นว่า วันนี้เราลองไปที่ Terra World ดูก่อนไหมล่ะ เพราะในลิสต์นี่มีพวก
ไข่มังกรทั้ง 6 ธาตุอยู่นี่ ถ้าเป็นพวกนี้ล่ะก็ชั้นพอจะรู้บ้างล่ะว่ามันอยู่ที่ไหน ”

ภูเขา เสนอแนะขึ้นมา พลางชี้ให้ดูในลิสต์รายชื่อนั้นมี ชื่อไพ่ที่มีคำว่า Dragon Egg
อยู่ถึง 6 รายชื่อเลยทีเดียว


“ ถ้างั้นรบกวนด้วยนะครับ ”
ธนัท กล่าวรับน้ำใจด้วยความยินดี ขณะที่ พวกเคียว เองก็จะร่วมทางไปด้วย


…………….
……………………..

Steel Bridge (สะพานเหล็กของปี พ.ศ.2700)

ณ อาคารสูงที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ อาคาร ภิรมย์พลาซ่า ภายในเป็นสำนักงาน
ย่อย ของ Phenomenon party ที่กระจายสาขาด้านการให้บริการ

ปรึกษาเกี่ยวกับ อสูรอัญเชิญ และ Note ซึ่งที่นี่มี ระบบที่เรียกว่า VR
ที่จะส่งจิตสำนึกของ ผู้ใช้บริการ ไปยังโลกเสมือนจริงที่ เรียกว่า Terra

ซึ่งเป็นที่รวมอยู่ของ อสูรอัญเชิญ มากมาย Terra นั้นที่จริงคือ โลกคู่ขนานที่อยู่ใน
มิติของพลังงานเวทมนต์ ที่ถูกดึงมาใช้ในโลกจริงผ่านอุปกรณ์ เวทยาการ ต่างๆ

ดังนั้นการส่งมนุษย์เข้าไปใน เทอร่า จริงๆจึงแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของ เทอร่า นั้น
เป็นเสมือนโลกแห่งพลังงาน จึงส่งได้เพียงจิตของมนุษย์ เข้าไปในรูปของพลังงานอย่างหนึ่ง
แทน และยังสามารถนำเอาพลังงานในโลกนั้นซึ่งก็คืออสูรอัญเชิญ ผนึกกลับมาใช้งานในโลก
จริงได้อีกด้วย





“ นี่เราจะไปเริ่มที่หนกันก่อนดีล่ะ ”
เสียงของ ธนัท ดังจากกลุ่มของพวกเค้าที่ประกอบด้วย เคียว ชุติการ โคทาโร่ ไดสุเกะ และภูเขา
ขณะที่อยู่ตรงหน้า แถวเก้าอี้เครื่องกล ที่มีหมวกสวมที่อยู่ที่ผนักพิง


“ ก่อนอื่น เราจะเริ่มจาก บริเวณหุบเขาคีรีบันดา ละกัน  ที่นั่นน่าจะมีไข่มังกรแห่งธาตุดินกับ ธาตุลม อยู่”
ภูเขา กล่าวขณะที่ นั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะนำหมวกของเก้าอี้มาสวม
ทุกคนก็ทำแบบเดียวกันก่อนที่ จะหยอดเหรียญลงไปในที่ผนักวางแขนของเก้าอี้

/กรุณา ติดตั้ง Navigation Operater Terminal Exe ของท่านด้วยค่ะ/
เสียงดังขึ้นมาจาก อุปกรณ์ของ เก้าอี้ก่อนที่ทุกคนจะถอดเอา note ของตนไปใส่ลงในช่องที่
เปิดออกตรงผนักวางแขน ซึ่งพอให้เสียบ note ลงไปได้

/การติดตั้ง note เรียบร้อยกำลังจะเข้าสู่ Break Mode ในอีก 15 วินาที/
เสียงดังตอบกลับขึ้นมาก่อนจะปรากฏตัวเลขนับถอยหลังบนหน้าจอของหมวกที่พวกเค้าสวมอยู่

/การนับถอยหลังเสร็จสิ้น เข้าสู่ Break Mode VR!!/
สิ้นเสียง จิตของ พวก ธนัท ก็ถูกย้ายผ่านเครื่องเข้าสู่โลกแห่งเครือข่ายเวทมนต์ Magic Cyber
และผ่านต่อเข้าไปยัง Terra World พวกเค้าได้มาโผล่อยู่ บนเชิงเขาที่พูนสูงขึ้นมาจาก
ผืนป่าที่กว้างใหญ่ไพศาล


“ งั้นเรามาเริ่มจาก เลาะหาตามเชิงผานี่ดูก่อนละกันน่าจะมี รังไข่ของมังกรธาตุแห่งลมอยู่บ้างล่ะ ”
ภูเขา กล่าวจบทุกคจึงแยกกันออกไปค้นหา ตามซอกผาต่างๆ

……..

กลุ่ม 1.ธนัท ภูขา

“ เอ่อ คือว่าตรงนี้มันจะมีแน่นะครับ ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัย เพราะที่ๆพวกเค้าเข้ามาหาอยู่ตอนนี้คือใน โพรงถ้ำทางเดินขนาดใหญ่
ของหุบเขา คีรีบันดา ซึ่งเป็นถ้ำหินย้อย หินงอกที่ขึ้นเต็มเพดานและพื้นไปหมด

“ แน่สิ ถ้าเป็นที่นี่ล่ะก็น่าจะมี ไข่มังกรพสุธาอยู่ แต่ที่ต้องระวังก็คืออย่าให้ตัวแม่มันมา
เจอเราเข้าล่ะม่งั้นได้เป็นอาหารมันแน่ ”
ภูเขา กล่าวขณะที่ คลานเลาะไปตามซอกหินงอกที่ ยื่นขึ้นมาจนไปเจอเข้ากับคราบมังกร
ที่ลอกทิ้งไว้ยาวไปเป็นทาง


“ ฮ่า เยี่ยมเลย มีคราบมังกรอยู่ แสดงว่าไข่คงอยู่อีกไม่ไกลจากที่นี่ เพราะแม่มังกรจะทำรัง
โดยการใช้คราบของตัวเอง ห่อหุ้มไข่เอาไว้เพื่อให้ความอบอุ่น ถ้าเราตามคราบนี่ล่ะก็ต้องเจอไข่ของมันแน่ ”
ภูเขา อธิบายอย่างลิงโลด ขณะที่ ธนัท นั้นเข้ามาสะกิดเค้าระหว่างที่กำลัง ตรวจดูคราบนั้น

“ อ…เอ่อ…ดูเหมือนเราจะไม่ได้เจอแต่ไข่หรอกนะครับ…. ”
เสียงของ ธนัท ดังสั่นๆเหมือนฟันกระทบกัน ขณะที่ ภูเขา ไม่ได้ใส่ใจยังคง
หยิบดูคราบมังกร เพื่อตรวจสอบอยู่

“ คราบนี่พึ่งลอกไปได้ไม่กี่วันเอง น่าทึ่งจริงๆ แสดงว่ามันพึ่งจะวางไข่ได้ไม่นาน
คราบยาวขนาดนี้ตัวแม่มันเป็นตัวอะไรน้า ว่าแต่เมื่อกี้พูดว่าอะไรเหรอ ”
ภูเขา กล่าวโดยไม่หันไปมองอากับกิริยาของ ธนัท ที่ตอนนี้สั่นเป็นลูกนกเลยทีเดียว

“ ผมว่ามันต้องลูกของ ไพทอน (Python, Kerebanda’s Guardian) แน่ๆเลย ”
ธนัท ตอบซึ่งเสียงก็ยังคงสั่นอยู่ โดยที่ภูเขา นั้นยังคงไม่เอะใจอะไร



“ เอ๊ะทำไมถึงบอกว่า เป็น ไพทอน ล่ะอืม แต่ที่จริงก็น่าเป็นไปได้แฮะ
 เพราะคราบยาวขนาดนี้ต้องเป็นมังกรที่ใหญ่เอามากๆ แล้วแถวนี้ก็เป็นเขตอาศัยของ
 ไพทอน ซะด้วยตีความเก่งดีเหมือนกันนี่ นายน่ะ…..อ๋า ”

ภูเขา พูดไปเรื่อยก่อนจะหันกลับมาชม ธนัท ทว่าเค้าก็ต้องชะงักไปเมื่อหากลับมา
รับเอาลมหายใจที่เหม็นหืน และร้อนผ่าวที่พัดโหมลงมาจนพวกเค้าทั้งสองแทบจะ
กลิ้งตามแรงลมนั้นไปที่เดียว

ตอนนี้ ภูขา รู้แล้วว่าที่น้ำเสียง ธนัท สั่นๆ แล้วยังสะกิดเรียกแล้วเรียกอีก
บวกกับที่เค้าเดาว่า คราบที่เจอเป็นของไพทอน นั้นเพราะอะไร


“ ทีนี้รู้แล้วใช่ไหม…..ครับทำไมผมถึง….บ…บอกว่ามันเป็นของ ไพทอน ”
ธนัท กล่าวเสียงสั่นพลางหันหน้ามาขอความเห็นจากภูเขา
 ซึ่งภูเขาก็หันตอบกลับมาก่อนจะพูดขึ้น

“ เข้าใจ ป….ไปถึงทรวง….ล…เลยล่ะ ”
ภูเขา กล่าวตะกุกตะกัก ไม่แพ้กัน ตอนนี้ มังกรไพทอน ผู้พิทักษ์แห่งหุบเขาคีรีบันดา
มาอยู่ตรงหน้าพวกเค้าแล้ว และกำลังโกรธจัดที่รังของมันถูกบุกรุก

“ โกยสิจะอยู่ทามท้ายยยยยย ”
ทั้งสองกล่าวจบ ก็วิ่งแจ้น เตลิดหนี ไพทอนที่ เดินลุยดงหินงอกหินย้อย พังตามมาเป็นแถบๆ

“ ก็าซซซซซซซซซซซซซซ ”
เสียงคำรามของมันดังกึกก้องลั่นไปทั้งถ้ำ

“ น….นี่มัน….นี่มันไม่ใช่ จูราสสิกปาร์ค นะเฟ้ย คนเขียนบท ”
ธนัท ตะโกน ไปพลางขณะที่วิ่ง หนีแบบไม่คิดชีวิต

 (อ้าวเหรอ? จะว่าไปไพทอนมัน ทีเร็กซ์ดีๆนี่เองเนาะ ขอให้โชคดีละกาน )


…………..
…………………..


กลุ่ม 2.ไดสุเกะ เคียว


“ ให้ตายสิ อะไรมันจะซวยขนาดนี้ ”
เคียว สบถขณะที่ตอนนี้ เค้ากับ ไดสุเกะ นั้นห้อยแขวนต่องแต่งอยู่บนกิ่งไม้
ที่ยื่นออกมาจากเชิงผา  ขณะที่ Note ของพวกเค้า เกี่ยวติดอยู่กับ กิ่งที่อยู่ถัดขึ้นไป

“ ก็ใครมันจะไปนึกล่ะ ว่าตรงนี้มันจะมีหลุมน่ะ ”
ไดสุเกะ เปรยขณะที่มองขึ้นไปด้านบน ซึ่งมีช่องโหว่ของ
เชิงผาอยู่ พวกเค้าตกลงมาจากช่องตรงนั้น ตอนที่ เดินมาสำรวจตรงเชิงผานี้

จากนั้น note ที่ห้อยคึอเอาไว้สายห้อยก็ดันไปเกี่ยวโดน กิ่งไม้ที่อยู่
ด้านล่าง จนหลุดจากคอของ พวกเค้า แล้วพวกเค้าก็ร่วงลงมา ห้อยอยู่ตรงกิ่งข้างล่าง
กิ่งเกี่ยว note ของพวกเค้าไว้


“ เฮ้อ แบบนี้ก็เหลือแต่รอให้ เวลาหมดหรือไม่ก็ ถูกตัวอะไรมาทำร้ายจน Hp หมดนั่นล่ะ ”
เคียว เปรยพลางถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ทว่าขณะที่ พล่ามกันอยู่นั้น
ก็มี วายเวิร์นปีกขน บินโฉบ ผ่านพวกเค้าไป

“ เวร….ลัวโมว์ส (Raumose, the Wool Wyvern) จะมีอะไรซวยไปกว่านี้อีกไหมเนี่ย ”
เคียว สบถจบ ลัวโมว์ส วายเวิร์นที่บินผ่านพวกเค้าไปก็โฉบ วกกลับมา
ตวัดปีก ตัดกิ่งไม้ที่ห้อยพวกเค้าเอาไว้



“ ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้น้าาาาา ”
สิ้นเสียงทั้งคู่ก็ร่วงลงไปด้านล่าง ฝ่าหมู่แมกไม้ในป่าลงไปตลอดทั้งทางก่อนจะหายวับไป
ในป่าด้านล่าง


…………
…………………




กลุ่ม 3.โคทาโร่ ชุติการ



“ นี่เราลงมาจากเขา แล้วเหรอเนี่ย ”
ชุติการ เปรยตอนนี้ เธอ กับ โคทาโร่ เดินลงมาจนถึงพื้นป่าแล้ว
แสงอาทิตย์ที่สาดส่องทะลุหมู่แมกไม้ลงมานั้น ส่องสว่างเป็นจุดๆ และเมื่อสายลมโบกพัด

กิ่งไม้เงาที่เกิดจากแสงก็โบกพลิ้วไหวลู่ไปตามแรงลม จนภายในป่ากว้างนั้น
ราวกับประดับประดาด้วยแสงตะวัน ที่ทอประกายระยิบระยับปทั่วผืนป่า


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #109 on: May 23, 2009, 08:44:10 PM »

“ ว้าว.. ”
ชุติการ อุทานหลังจากได้ยลโฉม ความงามของป่าที่ปรากฏแก่สายตา
สีหน้าของเธอนั้นดูยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นทันตา

“ ตอนเธอยิ้มเนี่ย ดูดีกว่าตอนหน้าบูดหน้าบึ้งเยอะเลยนะ ”
โคทาโร่ เหน็บใส่ จนชุติการ หันมาเบ้ใส่เขา

“ อ้าวๆ…อย่าหน้าบูดแบบนั้นสิ เดี๋ยวตีนกาก็ถามหาก่อนวัยหรอก ”
โคทาโร่ เหน็บใส่ต่อทันที

“ เชอะ ไม่สนนายแล้วด้วย ทำไมถึงต้องได้มาอยู่กับนายด้วยนะ ”
ชุติการ บ่นพลางเบือนหน้าหนีด้วยความหมันไส้

“ ช่วยไม่ได้นี่ ก็ เจ้า ธนัท มันจะไปกับ พี่ตาตี่(ภูเขา)คนนั้น ส่วน
ไดสุเกะ ก็ไปกับ เจ้า ผมตั้ง(เคียว)ก็เหลือแต่เธอกับชั้นแล้วนี่ ”
โคทาโร่ กล่าวย้อนไปถึงตอนที่ จะแยกย้ายกันออกค้นหา

“ ก็จริงของตานี่แหะ ก็เราดันไม่ออกปากขอไปกับใครเองนี่นา
ทั้งที่อยากจะไปกับ ธนัท แล้วทำไมฉันถึงได้ไม่กล้าพูดน้า พักนี้
พอมองหน้าหมอนั่นทีไรใจมันก็เต้นโครมครามจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกแล้วเนี่ย ”

ชุติการ คิดพลางขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด ที่ระยะหลังๆมานี้เธอ รู้สึกสับสนกับตัวเอง
อย่างบอกไม่ถูก

“ แต่ว่าแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ…. ”
เสียงของ โคทาโร่ ดังขึ้นทำให้เธอหยุดชะงักไปทันที ก่อนจะหันกลับไปมอง

“ เพราะชั้นเอง ก็อยากจะอยู่กันสองคนกับเธอมาตั้งนานแล้วล่ะ… ”
โคทาโร่ กล่าวสีหน้าจริงจัง เหมือนกับจะบอกว่านั่นเป็นสิ่งที่เค้าพูดออกมาจากใจจริงๆ มิใช่
การแหย่เล่นแบบ ทุกครั้ง

“ อ…อะไรของนายน่ะ อยู่ๆก็…. ”
ชุติการ กล่าวด้วยความงง งวย กับคำพูดของเขา


“ ก็ไม่มีอะไรหรอก…แค่จะบอกว่าชั้นเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาก็เท่านั้นเอง  ”
โคทาโร่ กล่าวเสียงเรียบ แต่ทำเอา ชุติการ หน้าแดงขึ้นด้วยความเขินทันที

“ ต…ตานี่เป็นอะไรไปกับเค้าอีกคนล่ะเนี่ย…อยู่ๆมาพูดแบบนี้มัน…..เอ๋หรือว่า!? ”
ชุติการ คิดขณที่หันหน้าหนีจาก โคทาโร่ มาอีกรอบก่อนจะ เอะใจขึ้นมา

“ หรือว่านี่…นี่….นี่…นี่เป็นคำสารภาพรัก!!!!!! ”
ชุติการ คิดอย่างร้อนรนขณะที่ แอบชายตามองไปที่ โคทาโร่ อีกครั้งเพื่อดู
กิริยาที่เค้าแสดงออก ทว่า โคทาโร่ ก็ยังคง แสดงออกสีหน้าที่จริงจัง ไม่ได้เปลี่ยน

“ เธอน่ะ..Angel ที่มีมังกรขาวอยู่ในร่างใช่ไหม ”
สิ้นคำของ โคทาโร่ ก็ทำเอาเธอ สะดุดไป

“ ท...ทำไมนายถึง.... ”
ชุติการ เปรยขณะที่หันกลับไปเผชิญหน้ากับเค้า ด้วยความสงสัยว่า
ทั้งที่ เค้าก็พึ่งจะเข้ากลุ่มมาไม่นาน ยังไม่น่าจะรู้เรื่องที่เธอเป็น Angel ได้

“ ทำไมถึงได้รู้ใช่ไหมล่ะ งั้นเดี๋ยว me จะตอบให้เอง ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ที่ บอย ได้เดินออกมาจาก หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง

“ น..นายคือ... ”
ชุติการ เปรยขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อได้เห็น บอย ที่เดินเข้ามาร่วมวงในตอนนี้

“ จะเลิกเล่นละคร แล้วหันมาทำงานจริงๆจังซักทีสินะ
ถ้างั้นเรามาเริ่มจากการเอา White Dragon ออกจาก Girl กันก่อนเลยไหม ”
บอย กล่าวจบ  note ที่ห้อยคอเค้าอยู่ก็กลายเป็น ปืนที่ใช้ ยิงดาร์ค ไปเมื่อคืนขึ้นมา

/Explosion/
สิ้นเสียง ที่กังวานขึ้นมาจาก note เสียงปังก็ดังขึ้นลั่นไปทั่วทั้งป่า

.....................
..............................



“ บลัดมูน จัดการซะ ”
สิ้นคำ บลัดมูนการูด้า ของ ภูเขา ก็ขว้างเคียวควงเข้าไปตัดปีกของมันจนขาดสะบั้นลงมา
ก่อนจะโยน Seal Scroll ไปผนึกมันไว้ทันที

“ เฮ้อ....เรียบร้อย กว่าจะจัดการได้ แทบแย่แน่ะ ”
ภูเขา เปรยขณะที่ รับเอา ไพ่ที่ผนึก ไพทอน แล้วกลับมาพวกเค้าถูกไล่ต้อนจนมาถึง
โถงถ้ำส่วนลึกของ หุบเขา ที่นี่แม้จะมีแสงส่องทะลุมาจากช่องเพดานเล็กๆด้านบน
แต่มันก็ยังทั้งมืดและอับชื้นอยู่ดี

“ อ๊ะ..มาดูนี่สิครับ รุ่นพี่ ”
ธนัท กล่าวเรียก ให้เค้าเข้าไปดูอะไรบางอย่างที่ เจอ อยู่ในซอกหินงอก

“ โอ้ นี่มันแจ๊คพอร์ตแตกเลยนะเนี่ย เหลือเชื่อ ”
ภูเขา เปรยขึ้นกับ สิ่งที่ ธนัท เจอ

...........
........................

“ เอาเข้าไป จะซวยไปถึงไหนกันเนี่ย ”
เคียว เปรย ขณะที่ตอนนี้ เค้า กับ ไดสุเกะ ก็ลงมาห้อยต่องแต่งอยู่บนต้นไม้อีกที
ซึ่งคราวนี้ด้านล่างมีฝูง เซนทอร์เรนเจอร์(Centaur Ranger) ล้อมกรอบอยู่แทน



“ เอ้อ ปลงเถอะ เราคงติดอยู่แบบนี้จนหมดเวลาแล้วล่ะ ”
สิ้นคำของ ไดสุเกะ กิ่งไม้ก็หักลงทันที

“ ไดสุเกะ วันหลังนายไม่ต้องพูดก็ได้นะ  ”
เคียว เปรย ขณะที่ พวกเค้า ร่วงลงไปกลางวง เซนทอร์ ก่อนจะโดนพวกมันรุม กระทืบ

....................
................................


“ ค....โคทาโร่ ”
ชุติการ เปรยด้วยความตกใจ ตอนนี้ แขนเสื้อของ โคทาโร่ นั้นฉีกขาดกระจุย
จากการ เข้ามารับกระสุนอัดอากาศ ที่ บอยยิงเข้ามา

“ ซากะ แกคิดจะทำอะไรของแก ”
โคทาโร่ สบถใส่ด้วยความฉุนจัด ขณะที่ บอยทำท่างงๆ กับท่าทีของ โคทาโร่

“ ทำอะไร...What? ก็เอาตัวเธอกลับไปกองบัญชาการน่ะสิ ิดว่า Girl จะยอมไปกับเราง่ายหรือ ”
บอย ตอบด้วยความสงสัย

“ ยังไงก็ตามห้ามทำร้ายเธอเด็ดขาด เรื่องทั้งหมดฉันจะรับผิดชอบเอง ”
โคทาโร่ ตะคอกขณะที่กุม ต้นแขนขวาที่ฟกช้ำจากการถูกกระสุนอัดอากาศ ของ บอย

“ นั้นเป็นคำสั่งงั้นรึ.... ”
บอย ถามเพื่อขอคำยืนยัน

“ ใช่...ฉันขอสั่งในนามของผู้คุมกฎ Paradiso da Regola Pawn แห่ง Checkmate 5   ”
โคทาโร่ กล่าวพร้อมกับ หยิบเอา ไพ่ใบหนึ่งขึ้นมาก่อนที่ อสูรอัญเชิญ ของในไพ่จะปรากฏตัวออกมา
อสูร ทูตสวรรค์สีขาว ที่มีเกราะเหล็กขนาดใหญ่ และใบมีดสีขาว ที่ลอยอยู่ล้อมรอบ
เกราะ

“ Requiem อำนาจแห่งสวรรค์ โดมินิก้า(Dominica, the Power of  Haeven)...
เข้าใจแล้ว ถ้ายืนยันถึงขนาดนั้น me ก็จะกลับไปรายงานตามที่ท่านสั่ง..  ”



บอย กล่าวจบ ร่างก็สลายหายไปอันเป็นการ ยกเลิกการส่งถ่ายจิตเข้ามายัง Terra World
เมื่อ บอย จากไปแล้ว เค้าจึงเก็บ เอา อสูรอัญเชิญ หลักแห่งสวรรค์ อันเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึง
 การเป็น 1 ใน 5 ผู้คุมกฎแห่ง Paradiso da Regola

“ น...นาย...เป็นพวก Paradiso da Regola งั้นเหรอ..... ”
ชุติการ เปรยถามด้วยความไม่อยากเชื่อว่า ตลอดมา ศัตรูนั้นอยู่ใกล้ตัวพวกเค้ามาเสมอ

“ ถ้าเธอถาม...ฉันก็จะตอบให้ฟัง....ทุกเรื่องเลย.... ”
โคทาโร่ เปรยเสียงเรียบ โดยไม่หันมามองเธอ

“ ถ้างั้นก่อนอื่น หันมามองฉันก่อน แล้วตอบฉันมา นายตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ”
ชุติการ กล่าวตอนนี้ภายในใจของ เธอนั้นสับสนไปหมดแล้วและยังคงไม่อยากจะเชื่อว่า
เค้าเป็น ศัตรู

...........
..............
....................

1 ชั่วโมงต่อมา

“ เป็นไงล่ะ ฉันเองยังทึ่งเลยนะ ที่มีมันทั้ง 6 ฟอง เก็บอยู่ในหีบน่ะ ”
ธนัท กล่าวพลางโชว์ ไพ่ Dragon Egg ทั้ง 6ใบ ที่เค้าผนึกมาได้















“ ฉันเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าจะมี ไข่มังกรทั้ง 6 ธาตุ เก็บเอาไว้ในหีบสมบัติของ
 ถ้ำลับที่อยู่ในหุบเขา คีรีบันดาน่ะ ”
ภูเขา กล่าวสำทับ ทั้งที่ยังทึ่งกับ การค้นพบ ไข่ทั้งหมดอย่างกะทันหันแบบนี้

“ นายนี่โชคดีจังนะ ”
เคียว เหน็บใส่ ก่อนที่ ธนัท จะทันสังเกตุ ว่า เคียว กับ ไดสุเกะ ทั้งสอง
คนมีอาการปวดเมื่อยตามลำตัว

“ พวกนายไปโดนอะไรมาหรือไง สภาพยังกะไปตีกับใครเขามา ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัย เพราะรอยฟกช้ำหรือรอยแผลที่ได้รับใน
โลกเทอร่า นั้น จะหายไปเมื่อกลับมายัง
โลกจริง แต่จะมีอาการเจ็บปวเล็กๆน้อยติดกลับมาบ้าง


“ ก..ก็นิดหน่อยน่ะนะ ”
ไดสุเกะ กล่าวพลางหัวเราะหน่อยๆตัดบทไป ด้าน ธนัท จากที่สนใจพวก เคียว อยู่
จึงพึ่งสังเกตว่า ชุติการ กับ โคทาดร่ นั้นดูเงียบๆไป แถมทั้งสองยังเบือนหน้าหนีกันอีก


“ นี่พวกนายเองก็โดนดีมาด้วยหรือไงล่ะนั่น ”
ธนัท ถามแต่ทั้งสองก็ไม่ตอบ กลับนิ่งเงียบไป

“ ฉันว่าพวกเค้าคงไปทะเลาะกันมาล่ะมั้ง ปล่อยพวกเค้าไปก่อนเถอะ ”
เคียว กล่าวพลางลาก ธนัท ออกจาก ทั้งสอง เมื่อเห็นตรงกันว่า ตอนนี้ยังไม่ควรเข้าไปยุ่ง
พวกเค้าจึงปล่อยให้ ชุติการ กับ โคทาโร่ อยู่กันเงียบๆตามลำพัง

................
....................
........................
เย็นวันนั้น

คฤหาสน์ของ มาริน่า

“ เจอตัวจนได้นะนายเนี่ย ชอบทำให้คนอื่นเค้าลำบากอยู่เรื่อยเลย ”
มาริน่า บ่น ขณะที่ เดินไปเปิดประตูระเบียงเพื่อให้ ภูเขา คิระ และ พี่สาวของ ธนัท กับ ชายอีกคนเดินเข้ามา

“ อยู่ๆก็เรียกมาตกใจหมด..ไม่นึกเลยว่านะว่านายจะกลับมาเองแบบนี้น่ะ ”
ภูเขา กล่าวขณะที่ มองไปที่ ชายอีกคนที่เพิ่มเข้ามาในกลุ่มนอกจาก เค้า คิระ มาริน่า และ รินพี่สาวของธนัท

“ ยังไงก็แล้วแต่อย่าพึ่งให้ ธนัทกับ คนอื่นๆรู้เรื่องที่ชั้น กลับมาตอนนี้เลยก็แล้วกัน ”
ชายผู้นั้นกล่าว ขณะที่เดินไปนั่งลงบนโซฟา ที่ตั้งอยู่บนระเบียง

“ จะเอางั้นก็ได้ ศรี ตามใจเธอ... ”
มาริน่า กล่าวขณะที่มองไป ยังชายผู้ที่เพิ่มมานั้นเขาคือ ศรี นั่นเอง

................
...............................

บ้าน ธนัท

“ แม่ครับ เห็น คอรัส ไหมผมจำไม่ได้แล้วว่าวางไว้ตรงไหน ”
 ธนัท กล่าวขณะที่ ยกจานกับข้าวไปเก็นในอ่าง ของครัว

“ ก็ลูกวางทิ้งไว้บนห้องเองไม่ใช่เหรอ ”
เสียงแม่ของ เค้าดังตอบกลับมาก่อน เค้าจะรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นบน แล้วเดินไปเปิดประตูห้อง

/idiot, you drop me again/(เจ้างั่ง นายทิ้งชั้นไว้อีกแล้วนะ)
เสียงของ คอรัส note ที่เค้าวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ส่งเสียงดังขึ้นขณะที่ ธนัท รีบเข้าไปเก็บมันขึ้นมา

“ โทษทีๆ ว่าแต่....หมอนั่นกลับมารึยังนะ ”
ธนัท กล่าวก่อนเปรยเสียงแผ่ว แล้วเดินตรงเข้าไปที่ประตูตู้
เพื่อเปิดประตูที่จะเชื่อไปห้องของ โคทาโร่ ท่วา ข้างในแทนทีที่จะเชื่อมไปยังห้องของ โคทาโร่
มันกลับกลายเป็น ตู้เสื้อผ้าธรรมดาๆที่ แขวนเสื้อและเก็บของๆเค้าเอาไว้เหมือนตอนก่อนที่
โคทาโร่ จะย้ายเข้ามาอยู่ ห้องของ โคทาโร่ หายไปแล้ว

“ นี่...หมอนั่น ....คอรัส นายเห็นไหมว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องฉันตอนลงไปกินข้าว ”
ธนัท หันมาถามเอาคำตอบกับ note ของเค้า

/puppy move out /(เจ้าลูกหมาย้ายออกไปแล้ว)
คอรัส ตอบ คำตอบของมันกลับทำให้ ธนัท ใจเสียไปไม่น้อย
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป ธนัท โยน คอรัส ทิ้งลงไปบนเตียง
ก่อนจะแจ้นออกจากห้องไป และวิ่งออกจากบ้านไปตามหา โคทาโร่

“ อย่าวิ่ง ในบ้านสิลูก ”
แม่ของ ธนัท ส่งเสียงออกมาตักเตือนลูก ก่อนจะเดินออกมาจากครัว
ก่อนจะมาหยุดเอาที่โต๊ะกินข้าวที่ ธนัท ผละออกมาเก็บจานตอนแรก
เธอได้ไปสะดุดตาเข้ากับ ใบรายชื่อสำรับในตำนานที่ ธนัท วางทิ้งไว้บนโต๊ะ

“ นี่มัน..... ”
แม่ ธนัท เปรยก่อนที่เธอจะ เดินขึ้นไปยังชั้นบน

......................

“ โคทาโร่ โคทาโร่ เฮ้ โคทาโร่ นายอยู่ไหน ”
เสียงตะโกนเรียกหาของ ธนัท ที่ดังก้องไปทั่วท้องถนนที่เริ่ม จะมืดลงทุกขณะ
กลับได้คำตอบเป็นเพียงความเงียบยามค่ำคืนแทน ไม่มีการตอบกลับใดๆจาก โคทาโร่ อีกเลย
.................
.......................

โปรดติดตามตอนต่อไป


“ งานวันวัฒนธรรม? ”
“ ใช่แล้ว ปีนี้เราจะแสดงเรื่อง พระอภัยมณี Vs. โฉมงามเจ้าชายอสูร  ”

“ ฉันคือ ศัตรูของ นาย.... Pawn แห่ง Checkmate 5 ”

เรื่องราวที่กำลังจะดำเนินไปสู่บทสรุป ความจริงที่กำลังจะเปิดเผย Next Sub-turn 13 Separate Way
ทางแยกที่เดินสวนกัน นั่นคือสิ่งที่นายเลือกงั้นสินะ

ก้าวไปบนวิถีแห่งสวรรค์เพื่อปกครองทุกสิ่ง
และ
จงทำลายทุกสิ่งแล้วเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน




เอาล่ะเริ่มไคล์แมกซ์กันแล้วนะครับตอนนี้ นี่คงเป็นสัญญาณ ที่จะบอกว่าใกล้ตอนอวสาน
เข้าไปทุกขณะ เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อหนอ โคทาโร่ ที่บอกความจริงกับ ชุติการไปแล้ว แถมยังกหายตัวไปอีก
แล้ว การกลับมาของศรีนั้นมีเป้าหมายอะไร ในที่สุด หน้าสุดท้ายของ การดวลในภาค VR!!
นี้ก็กำลังจะเผยโฉมขึ้นมาในไม่ช้า ต้องรอดูกันต่อไป เน้อ




Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #110 on: May 23, 2009, 08:49:40 PM »

Legend Thaliwilya of the Arimathe  Special Turn  Bath, Jack Panic(คดียึดโรงอาบน้ำ)

แนะนำตัวละครในตอนนี้

เรกกะ  ผู้มีพลังของ ทาลิวิลย่าแห่งอาริมาเทียทั้ง 6 อยู่ที่ศิลามังกรซึ่งฝังอยู่ในตาซ้ายของเค้า





เฟนท์ เพื่อนของ เรกกะ ซึ่งเป็นชนเผ่าครึ่งสมิง(ครึ่งคนครึ่งสมิง)สายพันธุ์หมาป่า



ไรด์ เพื่อนของ เรกกะ และ เฟนท์ เป็นชนเผ่าครึ่งสมิงสายพัน์พังพอน บ้าฟิคเกอร์นินจาเป็นพิเศษ



เซน่า พี่สาวของ เรกกะ เป็นคนอารมณ์ดี และใจเย็นจนออกจะไปในทางทองไม่รู้ร้อนซํกเท่าไหร่



ไอ แฟนของ เฟนท์ แต่ที่จริงแอบชอบเค้าอยู่ข้างเดียว เพราะตัว เฟนท์ ยังบื้อไม่รู้เรื่องว่า ไอ แอบชอบอยู่



โจรหมายเลข 1 โจรดวงซวยที่ถูกจับมาลงตอนพิเศษนี้



โจรหมายเลข 2 ฝโจรดวงซวยคนที่ 2 เหตุผลเหมือนข้างบน



ทาลิคนัส ทาลิวิลย่า แห่งไฟ ผู้มีความเกรียนเป็นวิถีชีวิต ประโยคติดปาก โอเระ ทันโจว มันแปลว่าพระเอกมาแล้ว



ทาลิควอส ทาลิวิลย่า แห่งน้ำ ผู้ปากจัดสุดๆ คำพูดติดปากคือ เบิกโรงนางเอก Show off



ทาไนซ ทาลิวิลย่า แห่งความมืด ผู้มีนิสัยเป็นเด็กเอาแต่ใจ ไม่พอใจไรเขี่ยทิ้งหมด คำพูดติดปากคือ
   ชะตานายขาดซะแล้วจะจ่ายหรือเปล่า ยังไงก็จัดการอยู่ดี ได้สินะ ไม่ขอคำตอบล่ะ



ทาโซรอส ทาลิวิลย่า แห่งดิน ผู้ขี้เซา ได้ยินคำว่าร้องไห้ไม่ได้ ต้องลุกขึ้นมาของขึ้นซะงั้น คำพูดติดปาก
ได้ร้องไห้แน่ ความแข็งแกร่งของ แม้แต่เด็กยังต้องร้องไห้



ตอนนี้มีตัวละครสำคัญแค่นี้ เริ่มเลยแล้วกัน


ฉากที่1 ร้านขายผัก บาร์ซิงเซย์

คนขายผัก: อ๊ะ คุณลูกค้าลืมเงินทอนแน่ะ

เรกกะ: อ๊ะจริงด้วย ขอโทษนะครับ

ขณะที่หันไปรับเงินทอน โจรคนหนึ่งวิ่งมา ขโมยจักรยานของ เรกกะ ไป

เรกกะ : อ๊ะ อ๊า!! ขโมยๆๆ!! เอาจักรยานผมคืนมาน้าา

โครม!!!( โจรก็ขับไปชนลังสินค้า)

เรกกะ: หยุดน้าาาา!!

เคร้ง!!! (โจรขับไปรถเข็นต่ออีกที)

เรกกะ หยุดน้าาาาา!!!

ตูม (คราวนี้โจรขับไปชน เสาไฟ หน้าโรงอาบน้ำ)

เรกกะ: เฮ้อๆๆแฮ่กๆๆ จักรยาน ....จักรยาน....จักรยาน....(เสียงหอบแบบสุดๆ)

โจร1 : อะไรมันจะซวยขนาดนี้ อูยยยย......

หวอๆๆๆๆ (เสียงไซเรนตำรวจ ความซวยไม่เข้าใครออกใครจริงๆแหะ)

โจร1 :ห๊ะ ตำรวจเรอะ น..นี่แกมานี่เข้ามานี่เลย...

เรกกะ: หวาจะๆ ทำอะไรน่ะเหวอ!!

โดนโจรลากเข้าโรงอาบน้ำไปเสร็จสรรพ

ฉากที่ 2โรงอาบน้ำ

เฟนท์: อ้าวเรกกะ นายมาอาบน้ำเหมือนกันเหรอ

ไรด์: เล่นอะไรกันอยู่น่ะ

ครืดดดด(เสียงปิดประตูเลื่อน)

โจร1: ย...ย..หยุดนะ....หยุดนะ..หยุดเดี๋ยวนี้...น...นี่...นี่คือ...การปล้น..เอ็ยไม่ใช่...นี่..นี่..นี่คือการอ..เอ่อ...เอ่อ

เรกกะ : จับตัวประกันใช่ไหมครับ?~

โจร1 : อ..เออ...ใช่..ใช่ๆ นั่นล่ะ..นี่คือการปล้นตัวประกัน..เอ้ย จับตัวประกัน

(พูดเสร็จไม่พอชักปืนขึ้นมาอีก)

เฟนท์ เย้ยยยย!!! ปืน!!

ไรด์: แว้กกก นี่ ชั้นกลายเป็นตัวประกันแล้วเหรอเนี่ยยยยย!!!~


เรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อ รอดูกันต่อไปกับตอนแถมคราวหน้า
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #111 on: May 24, 2009, 10:37:23 AM »

    แนวจบแบบรันทดสะกิดบึงก้นของหัวใจมาอีกแล้ว   

ตอนหน้าจะจบแล้วรึเนี่ย 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

+- -  เฟนท์กับไรด์เป็นวัลคีเรียนี่   อัดโจรไปเลยดีมั้ย?
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #112 on: May 24, 2009, 04:49:36 PM »

มีแววเรื่องนี้จะจบไม่สวยอีกเรื่องไหมนี่ จะมีใครตายไหมหนอ ภาคทาลิ นี่แต่ภาค ตายกันเป็นว่าเล่น
เสียว โคทาคุง ตายจริงๆเยยอ่า 

ตอนพิเศษกลับมารั่วอีกแล้ว จะรอดูต่อไนะคะ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #113 on: May 24, 2009, 07:17:38 PM »

Sub-turn 13 Separate Way



“ ทำไม…ทำไมนายถึงได้ไปดดยไม่บอกฉันล่ะ โคทาโร่ ”
ธนัท คิดขณะที่สาวเท้าวิ่งไปตามถนน ที่เงียบสงัดในยามวิกาลนี้
แต่ไม่ว่าเค้าจะวิ่งไปไกลซักเพียงไหนหรือ นานซักเท่าไหร่ ก็ไม่มีวี่แววของ โคทาโร่
ปรากฏอยู่เลย

“ แฮ่ก…แฮ่ก…แฮ่ก.. ”
ธนัท หอบอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะนั่งลงกับม้านั่งเหล็ก ในสวนสาธารณะ
ที่เค้าวิ่งมาจนถึงนี่

“ หายไปไหนของนายกันนะ…จริงสิ.. ”
ธนัท คิดขณะที่หอบไปพลางก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบลุกขึ้นวิ่งกลับไปยังบ้าน

………….
…………………..

“ คอรัส ติดต่อไปที่ มาราคัส ที ”
ธนัท กล่าวพลางเขย่า note ของเค้าไปด้วย

/I don’t calling, me don’t know member number/(ฉันทำไม่ได้,ฉันไม่รู้
 member number ของเค้า)

มาราคัส ปฏิเสธที่ จะติดต่อเพราะ ไม่รู้หมายเลขที่จะติดต่อไปยัง มาราคัส note ของโคทาโร่

“ บ้าเอ๊ย…หมอนั่นยังไม่เคยให้เบอร์ติดต่อใครไว้เลยนี่นา ”
ธนัท สบถพลางขว้าง คอรัสลงไปบนเตียงด้วยความหงุดหงิด

/Why is worried/ (จะกังวลไปทำไม)
เสียงของ คอรัส ดังขึ้นถามด้วยคความสงสัย

“ ก็….จะว่าไปทำมฉันถึงต้องมากังวลด้วยล่ะเนี่ย ”
ธนัท ตะคอกก่อนจะหยุดแล้วเปลี่ยนเป็น เปรยออกมาด้วยความสงสัยแทน

“ ที่จริง ฉันน่าจะดีใจนี่นา ที่หมอนั่นย้ายออกไปแล้ว แต่ทำไมกันนะ….
พอเห็นท่าทีของหมอนั่นวันนี้แล้วมันถึงได้รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมานะ ”
ธนัท คิดก่อนจะเดินออกจากห้อง แล้วเดินตามทางลงบันได ไปชั้นล่าง

“ จริงสิ เมื่อกี้เราทิ้งลิสต์สำรับกับไพ่ไข่มังกรเอาไว้บนโต๊ะนี่ ”
ธนัท นึกขึ้นมาได้จึงเดินเข้าไปที่ครัว แต่เค้ากลับต้องประหลาดใจเมื่อ
สิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่นั้นแล้ว หากแต่มีกองสำรับ
ที่เค้าไม่เคยเห็นมาตั้งทับรายชื่อเอาไว้

“ น..นี่มัน ”
ธนัท อุทานขณะที่เข้าไปหยิบสำรับขึ้นมาดู ซึ่งไพ่ที่อยู่ในสำรับนั้น พอรวมกับไพ่ที่เค้ามาวันนี้
มันก็ครบตามรายชื่อทั้งหมด สำรับที่สมบรูณ์แล้วได้ถูกนำมาวางเอาไว้ โดยที่เค้าไม่รู้
ว่าใครเป็นคนทำ

“ ใครกัน…ที่เอาของแบบนี้มาทิ้งไว้ แม่เหรอ… ”
ธนัท คิดก่อนจะออกเดินตามหาแม่ของเค้า แต่ก็ต้องชะงักไปก่อนจะออกจากครัว
เมื่อไปเห็นกระดาษที่แม่ของเค้าเขียนแปะแม่เหล็กไว้กับฝาตู้เย็น

“ แม่ต้องไปเข้าเวรที่โรงพยาบาลกะทันหัน อีกสี่วันจะกลับ จากแม่ ”
ธนัท อ่านข้อความที่เขียนอยู่บนกระดาษ จบเค้าก็ รีบขึ้นไปข้างบนห้องทันที
โดยที่ หยิบเอา สำรับติดมือไปด้วย

……………..

“ ติดต่อไม่ได้เลยเหรอ คอรัส ”
ธนัท กล่าวขณะที่รอให้ คอรัส ซึ่งกำลังต่อสายไปหาแม่ของเค้า

/Yeah, no sona/(อืม ไม่มีสัญญาณเลย)
คอรัส ตอบทำเอาเค้า คอตกด้วยความผิดหวังก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ

“ แม่ชอบปิด note เวลาทำงานซะด้วยเฮ้อ…งั้นก็ต้องรอ ถึงสี่วันเลยน่ะสิ กว่าจะได้ถาม ”
ธนัท เปรยพลางทิ้งตัวลงนอนกับเตียง

“ พรุ่งนี้นายจะมารึเปล่านะ โคทาโร่….จริงสิ บางที ชุติ อาจจะพอรู้ก็ได้ ”
ธนัท คิดก่อนจะลุกขึ้นมาหยิบเอา คอรัส มาใช้อีกครั้ง

/again!!/(อีกแล้วเรอะ)
คอรัส บ่นอย่างไม่พอใจที่มันถูกใช้ทิ้งๆขว้างๆมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

“ เงียบไปเลย ต่อสาย กอสเปล(gospel) ของชุติ ให้ที ”
ธนัท สั่งก่อนที่ คอรัส จะต่อสายให้ด้วยความไม่เต็มใจ
แต่ไม่ว่าจะโทรไปเท่าไหร่ ชุติการ ก็ไม่รับสายเลย
เค้าจึงทิ้ง คอรัส ไปก่อนจะออกจากห้องไปอีกครั้ง

……………….
……………………….

วันต่อมา

โรงเรียนมนต์วิทยา


“ สุดท้ายเมื่อคืนยัย ชุติ ก็ไม่รับสายไปหาที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่อีก
 แล้ววันนี้ก็ยังหยุดเรียนไม่มาด้วย เจ้าโคทาโร่ ก็อีก ”
ธนัท คิดพลางตีหน้าเซ็ง ขณะที่มองไปยังโต๊ะของ ชุติการที่ว่างอยู่และที่นั่งข้างๆของเค้า
ที่ทุกครั้งจะมี โคทาโร่ นั่งอยู่ด้วยแต่วันนี้กลับว่างเปล่า


“ นี่ ธนัท วันนี้ โคทาโร่ ไม่มาเหรอ ”
เพื่อนนักเรียนร่วมชั้นหญิง เดินเข้ามาถามเค้า

“ อืม ไม่โผล่หัวมาตั้งกะเช้าแล้วล่ะ ”
ธนัท ตอบขณะที่ เพื่อนักเรียนที่เข้ามาถาม ตีหน้าหงออย่างเสียดาย

“ แย่ล่ะสิ ว่าจะให้เค้าแสดงเป็นเจ้าชายอสูรซะหน่อย แบบนี้แสดงงานวันวัฒนธรรมไม่ทันแน่เลย ”
เพื่อนนักเรียนที่เข้ามาถาม เปรยด้วยความเสียดาย


“ งานวันวัฒนธรรม? ”
ธนัท เปรยด้วยความสงสัย

“ อ้าวนี่ ธนัท จำไม่ได้เร้อ ที่ อาจารย์บอกในคาบ โฮมรูม เมื่อวานหนา ”
แอน เข้ามาร่วมวงสนทนา ด้วยอีกคน เมื่อเห็น ธนัท ทำท่าเหมือนจะจำไม่ได้ว่า
โรงเรียนกำลังจะจัดงานวันวัฒนธรรม


“ ใช่แล้ว ปีนี้เราจะแสดงเรื่อง พระอภัยมณี Vs. โฉมงามเจ้าชายอสูร  ”
เพื่อนนักเรียนหญิง กล่าวด้วยสีหน้าระรื่น ก่อนจะถูกขัดจังหวะโดยหัวหน้าห้อง ที่เข้ามา
ร่วมวงด้วยอีกคน

“ ผิดแล้วค่ะ คุณ ชุสา เรื่องที่เราจะแสดงน่ะ มันเรื่อง moon melody ต่างหาก ”
หัวหน้าห้อง กล่าวแก้ให้ กับ เพื่อนนักเรียนที่ชื่อ ชุสา ซึ่งเข้าใจผิดในเรื่องที่จะนำมาแสดง

“ อ๋า ว้ายจริงด้วย แหะๆลืมซะสนิทเลย ”
ชุสา กล่าวพลางหัวแหะๆแก้เขินไปพลาง

“ แล้วนี่ งานชุดยังไม่เสร็จอีกเหรอคะ งานจะเริ่มพรุ่งนี้อยู่แล้วนะคะ ”
หัวหน้าห้องบ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่มาจากความวุ่นวายในการเตรียมงาน
ที่เธอต้องรับผิดชอบ

“ คือว่า โคทาโร่ ที่จะแสดงเป็น เรวิลส์ เค้าไม่มาน่ะสิ ฉันก็เลยไม่รู้จะวัดตัวเค้ายังไงดี ”
ชุสา กล่าวพลางยกเอาสายวัดขึ้นมาให้ดู

“ เออนี่ เรื่อง moon melody น่ะมันเป็นยังไงเหรอ ”
ธนัท ถามขึ้นด้วยความสนใจ

“ อ้าวนี่ ธนัท ไม่รู้จักเรื่องนี้หรอกเหรอ ”
ชุสา ถามด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่ ธนัท จะผงกหัวตอบว่าใช่

“ เรื่องโดยคร่าวๆนะ เจ้าหญิง ของอาณาจักรแห่งหนึ่งเธอชื่อ เรมี่ เธอมีเพื่อนที่สนิทกันมากตั้งแต่เด็ก อยู่สองคน คนหนึ่งคือ เกรค เป็น เจ้าชายของอาณาจักรข้างๆ ส่วนอีกคนเป็น เจ้าชายอสูรของ ป่าปีศาจ ชื่อ เรวิลส์   ”
เสียงของ เคียว ดังขึ้น พร้อมกับ เค้าที่เข้ามาร่วมวงสนทนาอีกคน

“ เฮ้อมีเจ้าชาย เจ้าหญิง แล้วก็ อสูร เอาเข้าไปนี่มันเทพนิยายนี่น่าเบื่อ ออก ”
ธนัท เปรยอย่างเซ็งๆ เมื่อได้ยินเรื่องที่เล่า

“ เรื่องต่อจากนั้นต่างหากล่ะคือจุดที่สำคัญ เพราะ เรมี่ นั้นรัก เกรค และ
อาณาจักรทั้งสองของพวกเค้า ก็หมายหมั้นจะให้ ทั้งสองแต่งงานด้วยกัน ทว่าด้าน

ป่าปีศาจของ เรวิลส์ นั้น กำลังเกิดความขัดแย้งกันขึ้น มีเพียงเรมี่ ที่เป็นเจ้าหญิงแห่ง
อาณาจักรข้างเคียงเท่านั้นที่จะสามารถ ขับกล่อมบทเพลงแห่งจันทรา เพื่อที่จะสยบ
ความคลุ้มคลั่งของเหล่าอสูรได้ แน่ล่ะ เรวิลส์ รู้อยู่แล้ว ว่า เกรค และ เรมี่ กำลังจะแต่งงาน

กันในเร็วๆนี้แต่หากไม่พาเธอมา ชนเผ่าของเค้าก็จะต้องล่มสลายแน่ ไม่มีเวลาเข้าปอธิบายให้กับ
 ทั้ง เกรค และ เรมี่ ที่สุดแล้ว เรวิลส์ ตัดสินใจลักพาตัวเธอ ออกมาและอธิบายเหตุผลให้เธอฟัง

 เรมี่ เข้าใจและยอมที่จะช่วยเหลือ ด้าน เกรค นั้นพอรู้ว่า เรวิลส์ มาลักพาตัวเธอไป ตอนแรกก็ยัง
ไม่ได้ปักใจเชื่อว่า เพื่อนของเค้าจะเป็นคนทำ แต่จากการยุยงและข่าวลือต่างๆนานา ทำให้ เกรค
เชื่อสนิทว่าเพื่อนของเค้าเป็น ศัตรูในเวลาต่อมา ”

เคียว เล่ามาเรื่อยๆจนมาถึงตรงนี้ ก็ถูกแทรกขึ้นมาโดย เสียงตะโกนของเหล่าเพื่อร่วมชั้น
ก่อนที่จะหันไปมองต้นเหตุของเสียง นั้นคือ ชุติการ กับ โคทาโร่ นั้นเดินเข้ามาด้วยกันแล้ว

“ นึกว่า พวกเธอจะไม่มาแล้วซะอีกนะ ”
ชุสา กล่าวขณะที่เดินเข้าไปหาทั้งสอง ที่พึ่งมาเอา ป่านนี้

“ โทษทีๆ พอดี ตื่นสายไปหน่อยน่ะ ”
ทั้งสอง ต่างก็แก้ตัวเหมือนกัน ขณะที่ ธนัท นั้นรีบลุกพรวดพราดจะเข้าไปถาม
เรื่องที่ค้างคาใจนั้น ชุสา กลับ ล็อคเอาตัว โคทาโร่ ไปซะก่อน

“ เอาล่ะไหนๆก็มาแล้ว งั้นเราไปวัดตัวตัดชุดให้เธอก่อนเลยก็แล้วกันนะจ้ะ ”
ชุสา กล่าว พลางลากขื่อลากสอย โคทาโร่ ออกไปจากกลุ่ม และพอ ธนัท จะหันไปถาม
ชุติการ ว่ารู้เรื่องเกี่ยวกับ โคทาโร่ บ้างไหมนั้น ชุติการ ก็โดนเพื่อนๆอีกกลุ่มเข้ามาล็อคตัวออกไปอีก

“ นี่ ชุติ เธอเองก็ต้องมาซ้อม บทนางเอกแล้วนะ ”
เพื่อนที่ เข้ามาล็อคตัวเธอ บอกเหตุผลพร้อมกับ ลากเธอ ออกไปทำให้ ธนัท
ไม่มีแม้แต่เวลาจะถามอะไรพวกเค้าด้วยซ้ำ

“ ถ้างั้น ฉันเองก็ไปซ้อมมั่งดีกว่า ธนัท นายเองก็อย่าอู้ซ้อมล่ะ ”
เคียว กล่าวก่อนจะออกก้าวเท้าเดินไป ทว่า ธนัท ก็เรียกเค้าไว้ซะก่อน

“ เดี๋ยวนะ เคียว ซ้อมของฉันเหรอ ซ้อมอะไรล่ะ ”
ธนัท ถามด้วยความฉงน ขณะที่ เคียวพอได้ยินคำถามของเค้าแล้วถึงกับหันมา
เกาหัวด้วยความแปลกใจ

“ นี่นายลืมปแล้วเหรอว่านายรับ บทเล่นเป็น เกรค น่ะ ”
เคียว กล่าวตอบ ขณะที่ ธนัท นั้นพอฟังคำตอบของ เค้าแล้วก็ถึงกับเอ๋อไปชั่วขณะ

“ ฉ…ฉันเป็น เกรค เหรอ ”
ธนัท ถามพลางชี้เข้าหาตัวเอง ซึ่งเคียว ก็พยักหน้าตอบ

“ ก็เมื่อวานตอนลงเสียง นายเล่นเป็น เกรค ชุติการ เล่นเป็น เรมี่ ส่วนโคทาโร่
เป็น เรวิลส์ ไงนายจำไม่ได้แล้วเหรอ ”
เคียว ถามกลับซึ่ง ธนัท เองก็จำแบไม่ได้ว่า เรื่องเมื่อวานเกิดอะไรึ้นบ้างนอกจากไปเก็บไพ่ที่ เทอร่า
เป็นเพราะตัวเค้ามัวแต่กลุ้มเรื่องของ โคทาโร่ และ ชุติการ จนทำให้ลืมเรื่องอื่นๆไปหมด

“ เออนี่ ว่าแต่จากนั้เรื่องเป็นไงต่อเหรอ ”
ธนัท ตัดใจเรื่องที่จะถาม โคทาโร่ และ ชุติการ ไปก่อนเพราะตอนนี้เค้ามีหน้าที่ที่ต้องทำ
ดังนั้นจึงขอให้ เคียวเล่า บทละครต่อให้ฟัง

“ ต่อจากนั้นน่ะเหรอ ก็ เกรค ได้เดินทางเข้าไปในป่าปีศาจ และฝ่าฟันบุกเข้าไปจนพบกับ เรวิลส์
แม้ตัว เรวิลส์ จะพยายามอธิบาย แต่เป็นเพราะ เกรคปักใจเชื่อว่า เรวิลส์ จับตัวเรมี่ มาจริงๆ ดัง

นั้นเค้าจึงไม่ฟังเหตุผลของ เรวิลส์ และเข้าต่อสู้ จนฆ่า เรวิลส์ ตายในที่สุด และเมื่อ เรมี่ เข้ามาเห็น
เธอจึงได้ อธิบายเหตุผลทั้งหมดที่ เรวิลส์ ทำลงไป เมื่อ เกรค เข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงของ เรวิลส์

เค้าก็รู้สึกผิดที่ฆ่า เรวิลส์ ไปจึงตัดสินใจตายเพื่อชดใช้ชีวิต เพื่อนของตน ส่วน เรมี่ ก็ต้องคอยขับร้อง
บทเพลงแห่งจันทราอยู่ในป่าแห่งปีศาจตลอดไป เพราะไม่มีเรวิลส์ ที่จะมาจัดการความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
ได้และ ไม่มี เกรค ที่จะช่วยเธอ ออกไปและหากเธอหยุดร้องพวกปีศาจก็จะคลุ้มคลั่งและออกปทำร้ายผู้คนได้ ”

เคียว เล่าจนจบ ซึ่ง ธนัท ที่ฟังอย่างตั้งใจก็รู้สึกสังหรณ์แปลกๆขึ้นมา

“ ถ้านายไม่มีอะไรแล้วฉันไปก่อนนะนายเองก็ขยันท่องบทเข้าล่ะ ”
เคียว กล่าวก่อนจะผละออกไป

“ ในตอนนั้น ฉันเองรู้สึกได้ถึงบางอย่าง…..บางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
….บทละครนี่มีอะไรบางอย่างที่สะกิดใจฉันอยู่ แต่มันคืออะไรล่ะ ”
ธนัท คิดถึงสังหรณ์แปลกๆที่เค้าเริ่มรู้สึกตั้งแต่ได้ยินเรื่อง moon melody(ทำนองแห่งจันทรา)
ความสงบสุขที่มีอยู่ตอนนี้ ราวกับเป็นลางอกเหตุก่อนที่พายุจะโหมเข้ามา

…………………….
…………………………..
 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #114 on: May 24, 2009, 07:18:14 PM »

โรงเรียนมนต์วิทยา  ชมรม SMN เวลา 17.00 น.


“ เฮ้อซ้อมเสร็จ ว่าจะมาถามสองคนนั่นซะหน่อยก็ดัน กลับกันไปก่อนซะอีกล่ะ
 วันนี้ไม่มีใครมาชมรมเลยรึไงนะ ”
ธนัท บ่นขณะที่เปิดประตูห้องชมรมเข้าไป แต่ข้างในก็ไม่มีใครอยู่เลย

“ สงสัยจะกลับกันไปหมดแล้วมั้ง ”
ธนัท เปรยพลางถอนหายใจอย่างหมดอารมณ์ แต่ก่อนเค้าจะปิดประตู้ห้องนั้น
ก็มีมือหนึ่งเข้ามาดึงประตูเอาไว้ก่อน

“ นี่ พอจะมีเวลาไหม ”
โคทาโร่ กล่าวพลางเปิดประตูออกกว้าง เพื่อจะได้มองเค้าให้ชัดๆ

“ อ…นี่นายมาก็ดีแล้ว ทำไมนายถึงย้ายออกจากห้องโดยไม่บอกฉันเลยล่ะแล้ว
เมื่อวานนายไปไหนมา ”
ธนัท ยิงคำถามใส่เป็นชุดทันทีที่เจอตัวเค้า ทว่า โคทาโร่ กลับไม่ตอบแต่หยิบเอาสำรับขึ้นมา

“ เรื่องนั้นฉันจะตอบให้ฟังวันพรุ่งนี้แต่ว่าวันนี้นายช่วย ดวลกับฉันหน่อยได้ไหมฉันอยาก
จะลองเล่นกับนายดูสักครั้ง ”
โคทาโร่ กล่าวสีหน้าของเค้านั้นจริงจังยิ่งกว่าทุกครั้ง และดูเซื่องซึมผิดปกติ นั่นจึงทำให้ ธนัท
ยอมที่จะไม่ถามอะไรจนกว่าเค้าพร้อมที่จะบอกเอง

“ งั้นก็เข้ามาสิ….นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้เล่นกับนายแบบนี้น่ะ ”
ธนัท กล่าวขณะที่ เดินไปที่โต๊ะในห้องชมรม โดยมี โคทาโร่ เดินตามมาติดๆ

“ อืม…ตั้งแต่คบกันมาเรายังไม่เคยเล่นด้วยกันแบนี้เลยนี่นะ คงเพราะมีแต่เรื่องเกิดขึ้น
เต็มไปหมดเลยล่ะมั้ง ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่วางสำรับของตัวเองลงบนโต๊ะ ส่วน ธนัท เองก็หยิบเอา
สำรับเก่าราชันย์มังกรอัคคี ของเค้าขึ้นมา

“ ยังไงซะ สำรับใหม่นี่เราคงยังไม่ต้องรีบใช้เอาตอนนี้หรอกมั้ง ”
ธนัท คิดขณะที่เอาสำรับวางลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะเริ่มเล่น
เวลาได้ล่วงเลยผ่านไป อย่างรวดเร็ว ดดยที่พวกเค้าไม่รู้ตัว ช่วงเวลา
ที่ได้เล่นสนุกกำลังจะหมดลงในไม่ช้านี้

……………..

“ เผลอแปปเดียวค่ำซะแล้วเหรอเนี่ย ยังเล่นไม่จบเลยแท้ๆ ”
ธนัท บ่นขณะที่ ปิดประตูห้องชมรมเพื่อที่จะกลับโดยที่ยังแข่งกันไม่รู้ผลแพ้ชนะ

“ แต่ว่าถ้ากลับบ้านดึกมันจะไม่ดีมั้ง พรุ่งนี้พวกเราต้องขึ้นแสดงนะ
ขืนไม่รีบกลับไปท่องบทล่ะก็ไม่ทันแน่ ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่ ธนัท ล็อค ประตูเสร็จแล้ว

“ เออนี่ทำไมวันนี้จู่ๆนายถึงได้อยากเล่นขึ้นมาล่ะ ”
ธนัท หันไปถามด้วยความสงสัย

“ ก…ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากจะลองเล่นกับนายดูบ้างน่ะเพราะตั้งแต่
เราเป็นเพื่อนกันมาก็ยังไม่เคยได้ลองประมือกัน ฉัน ก็เลย…. ”
โคทาโร่ กล่าวพลางเบือนหน้าหนี ธนัท ก็ได้แต่ฉงนกับ ทีท่าของเค้า

“ ว่าไป ตอนเจอกันครั้งแรกฉันเองก็เกลียดนายอยู่หรอกที่มาทำร้ายฉันแบบนั้นน่ะ
แต่พอมาตอนนี้ก็แปลกดีเนอะพอไม่มีนายอยู่ด้วยแล้ว มันทำให้รู้สึกอ้างว้างยังไงขึ้นมา
ไม่รู้สิ ”

ธนัท กล่าวคำพูดของ เค้าทำให้ โคทาโร่ หันมามองด้วยสายตาประหลาดใจ

“ นี่ก็เกือบเดือนแล้วนะ ตั้งแต่ที่นายมาเรียนที่นี่น่ะ ”
ธนัท กล่าวต่อโดยไม่ได้สนใจทีท่าของ โคทาโร่ แม้แต่น้อย

“ อ..อืมนั่นสิ…เวลาเนี่ยมันผ่านไปเร็วเหมือนกันนะว่าไหม ”
โคทาโร่ กล่าวพลางตีสีหน้าเรียบ

“ นั่นสิ แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นี่เนอะ….
เพราะงั้นวันนี้นายจะกลับไปที่ห้องของฉันไหมล่ะพอไม่มีนายแล้วมันเหงาๆขึ้นมาน่ะ ”
ธนัท กล่าวพลางหันไปยิ้มส่งให้ ทำเอา โคทาโร่ รู้สึกเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ พูดบ้าอะไรของนายเนี่ย ฉันเขินนะเว้ย ”
โคทาโร่ ตะคอกแก้เขินไป ขณะที่ ธนัท อดที่จะหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าที่แดง
ของ โคทาโร่

“ แต่ว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะที่เราจะได้เล่นกันแบบนี้น่ะ…. ”
โคทาโร่ เปรยเสียงแผ่วขณะที่ ธนัท ได้ยินก็มีสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที

“ ทำไมล่ะ ถ้านายอยากจะเล่นอีกเมื่อไหร่ก็บอกฉันได้นี่ ก็พวกเราน่ะเป็นเพื่อนกันนี่นา ”
ธนัท กล่าวอย่างรนราน เมื่อได้ยินคำพูดที่ราวกับจะเป็นการบอกลา

“ งั้นเหรอ….ขอบใจนะ งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ ธนัท… ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็วิ่งจากไป ทิ้งให้ ธนัท ยืนฉงนอยู่กับคำพูดของเค้าเมื่อครู่

“ เจ้านั่น….เรียกชื่อฉันด้วย…งั้นเหรอ ”
ธนัท เปรยด้วยความประหลาดใจนี่เป็นครั้งแรกที่ โคทาโร่ เรียกชื่เค้าต่อหน้าโดย
ไม่ได้เป็นการประชดประชัน



“ ตั้งแต่รู้จักกันมานายเป็นเพื่อนคนสำคัญของฉันคนหนึ่งเลย….. ”
โคทาโร่ ที่วิ่งออกไปก่อนคิดพร้อมกับ หยาดน้ำที่ปลิวสะท้อนกับแสงไฟของเสาไฟบนถนน

…………………..
………………………..


วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2700 เวลา 9.00 น.

โรงเรียนมนต์วิทยา วันจัดงานวันวัฒนธรรม

ในเช้าวันนี้ เป็นวันหยุดการเรียนการสอนเพื่อทำกิจกรรมของเหล่านักเรียน
ซึ่งในวันนี้ โรงเรียนเปิดให้ ผู้ปกครองและบรรดาผู้มาชมงานเข้ามาข้างในเพื่อดูงานที่จัดขึ้นได้
ในวันนี้ทั่วทั้งสนามโรงเรียน จึงเต็มไปด้วย ซุ้มต่างๆมากมาย

อีกทั้งอาคารโรงพละ ก็ยังมีการจัดตั้งเวทีสำหรับการแสดง ซึ่งด้านในมีเก้าอี้เรียงราย
อยู่บริเวณหน้าเวที ในโรงพละนี้ ขณะที่ตอนนี้ บรรดาผู้เข้าชมได้ทยอยกันเข้ามานั่ง
เพื่อรับชมการแสดงของ นักเรียน

“ โอ้โห คนมากันเยอะเลยหนา ”
แอน อุทานตอนนี้เธอ อยู่ในชุดสีเนื้อไม้และติดแกนกระดาษที่ตัดเป็นท่อนไม้ซึ่งมีช่องตาโผล่
ให้มองเหมือนต้นไม้ปีศาจ ตอนนี้เธอกำลัง แหวกผ้าม่านออกมาดูด้านหน้าเวที

ขณะที่ หลังเวทีตอนนี้ บรรดานักเรียน ห้องของเธอและห้องข้างเคียงที่แสดงร่วมนั้น
กำลังวุ่นอยู่กับการจัดเตรียมของ

“ นี่ ซาเอฮาระ เชือกนี่จะเอาไปไว้ตรงไหนดีล่ะ ”
ไดสุเกะ ถามเพื่อนร่วมห้องของเค้า ขณะที่แบกกองเชือก เอาไว้ในมือ

“ อ้อ นั่นน่ะเอาไปไว้ตรงโน้นเลย ”
ซาเอฮาระ ทาเกชิ (Saehara Takeshi) เพื่อนนักเรียนร่วมห้องของ
ไดสุเกะ ซึ่งมีผมชี้ตั้งสีดำกล่าวพลางชี้ไป ที่ข้างๆบันไดเวที
ก่อนที่ ไดสุเกะ จะยกเอาไปวางตามนั้น



“ นิวะคุง เห็น โคทาโร่คุง ที่อยู่ห้อง 2 ไหมชั้นยังไม่ได้แต่งหน้าให้เค้าเลย  ”
นักเรียนหญิงเพื่อนร่วมห้องของ ไดสุเกะ เข้ามาถามขณะที่เค้าวางเชือกอยู่


“ ไม่นี่ไม่เห็นเลย คุณฮาราดะ แต่งหน้าให้ เซนาคาว่าคุง อยู่เหรอ ”
ไดสุเกะ ย้อนถามขณะที่ปล่อยมือจากกองเชืองที่วางแล้ว

“ งั้นเหรอ? ไปไหนของเค้ากันนะ อีก สิบนาทีจะขึ้นแสดงอยู่แล้ว..ว้าย ”
ฮาราดะ ริสะ (Harada Risa) เพื่อนนักเรียงหญิงร่วมชั้นของ ไดสุเกะ ซึ่งมีผยาวสลวยสีน้ำตาลออกแดงนิดๆ
บ่นก่อนจะสะดุดเอากองเชือกที่ ไดสุเกะ วางจนเซถลาไปชนเข้ากับนักเรียน หญิงอีกคน



“ หวาคุณฮาราดะ อ๊า คุณ ริคุ ระวังนะคร้าบบบ ”
ไดสุเกะ ร้องผวาด้วยความตกใจขณะที่ทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น
นักเรียนหญิงอีกคนที่เป็นแฝดผู้พี่ของ ริสะ ฮาราดะ ริคุ(Harada Riku) ซึ่งไว้ทรงผมสั้น
และสีออกชมพูน้ำตาล ซึ่งเธอเดินเข้ามาโดยไม่ทันระวัง จึงชนโดน ริสะ ที่เซมา



“ ว้าย… ”
เสียงของ สองพี่น้องดังลั้นขึ้น ก่อนจะจบลงที่ทั้งคู่ล้มลงไปทับ ตัว ไดสุเกะ แทน

“ ว้าย ตายแล้ว ขอโทษนะนิวะคุง ”
สองพี่น้องกล่าวขอโทษ ขณะที่ช่วย จูง ไดสุเกะ ให้ลุกขึ้นมา

“  นิวะ สองพี่น้อง ฮาราดะ ระวังด้วยค่ะ ดาร์คเฟลมกิเลน(Dark Flame Kirin)มันวิ่งไปนั่นแล้ว  ”
เสียง หัวหน้าห้องของธนัท ดังขึ้นขณะที่ ม้าเพลิงสีดำ ดาร์คเฟลมกิเลน กำลังวิ่งเข้าปหาพวกเค้าทั้งสาม
ทว่าก่อนที่มันจะเข้าถึงตัวพวกเค้า มันก็สลายกลับเป็นไพ่ตามเดิม



“ คราวหน้าคราวหลัง เตรียมพร้อมสำหรับการยกเลิก การอัญเชิญเอาไว้ด้วยล่ะ
 มันอันตรายนะ ที่ปล่อยให้อสูรอัญเชิญมาเพ่นพ่านแบบนี้ถึงจะเอามาใช้ในการแสดงก็เถอะ ”
เสียงที่เย็นเรียบดังขึ้น จากนักเรียนชายเพื่อนร่วมห้องของ ไดสุเกะ อีกคนจะเข้ามา
กดสวิตซ์ที่ ปลอกแขน note ของ หัวหน้าห้อง

“ ฮิ….ฮิวาตาริคุง… ”
ไดสุเกะ เปรยขณะที่ เพื่อนนักเรียนที่มาช่วยพวกเค้าไว้ เค้าคือ ฮิวาตาริ ซาโตชิ(Hiwatari Satoshi)
เด็กหนุ่มผู้มีผมสีฟ้าออกเงิน และใบหน้าที่อยู่หลังแว่นตา



“ ไม่เป็นไรใช่ไหม…นิวะ ”
ฮิวาตาริ ถามขณะที่เข้าไปหา

“ อ๊า ตายแล้ว นี่มันจะเริ่มแสดงแล้วนี่นา โคทาโร่คุง อยู่หนายเธอต้องรีบมาแต่งหน้าต่อให้เสร็จนะ ”
ริสะ ที่พึ่งนึกขึ้นได้ก็รีบแจ้นไปหาตัว โคทาโร่ ต่อ

………………
……………………

เวลา 9.10 น. เริ่มการแสดง

“ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีเจ้าหญิงผู้ทรงมีเสียงอันไพเราะปานหยาดน้ำค้างใต้แสงจันทร์
เธอมีเพื่อเป็น เจ้าชายจากอาณาจักรใกล้เคียง และเจ้าชายอสูรจากป่าแห่งปีศาจ ”

เสียงเล่าบรรยายดังขึ้นพร้อมกับ ที่ม่านบนเวทีเปิดออก ชุติการ ที่อยู่ในชุดกระโปรงจีบ
เป็นชั้นๆ ก็ออกมาเดินบนเวที ที่ฉากด้านหลังนั้น เป็นภาพเป็นเมืองของยุโรปในยุคกลาง

สองเมืองติดกัน และ ถัดไปเป็นภาพของป่าที่มีทิวทันศ์เป็นเวลากลางคืน
แม้ว่าภายในอาณาจักรจะยังสว่างอยู่



“ การแสดงน่าจะไปได้สวยนะคงไม่มีปัญหาหรอก ”
หัวหน้าห้อง กล่าวขณะที่มองมาจากฉากข้างเวที กับ แอน

“ ไม่รู้สิหนาแต่รู้สึกสังหรณ์ใไม่ดียังไงไม่รู้ซี่ ”
แอน คิดขณะที่มองดูการแสดงที่น่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น



“ เรมี่ ของข้ารอก่อนนะข้าจะไปช่วยเจ้าจาก เรวิลส์ เพื่อนสารเลวที่ทรยศพวกเรา ”
ธนัท ที่ตอนนี้สวมบทเล่นเป็น เกรค เจ้าชายแห่งอาณาจักร สุริยะ ขณะที่กล่าวตามบทอยู่นั้น
ก็เดิน ขยับไปยัง ฉากส่วนที่เป็นป่ากลางคืน ก่อนที่ม่านจะปิดลงเพื่อเปลี่ยนฉาก

บรรดานักเรียน ที่อยู่หลังเวทีก็รีบขึ้นมา เก็บฉากพร้อมทั้งตั้งเอาฉากใหม่ขึ้นมาและ
คนที่จะลงแสดงในฉากนี้ก็ขึ้นมาประจำที่ เตรียมพร้อมกันเป็นการใหญ่



“ ดูท่าทางสนุกสนานเชียวนะ boss (เจ้านาย) คงยังไม่ลืมหน้าที่หรอก
ใช่ไหม แต่ I ก็จะเตือนให้อยูดีนั่นล่ะ ”
บอย ที่ยืนจับตาดูอยู่บน ระเบียงของโรงพละ เปรยขึ้นมาก่อนจะ หยิบไพ่ขึ้นมาใบหนึ่งแล้ว
ใส่มนลงในรังเพลิงของ ปืนที่แปลงมาจาก Note  ของเค้า จากนั้นจึงลั่นไก ร่ายอสูรออกไป
ร่างของมันหายเข้าไปในเงาอย่างรวดเร็ว


“ เรวิลส์ ข้ามารับ เรมี่ คืนหากเจ้ายังเป็นเพื่อนข้าก็จงส่งนางคืนมาแต่โดยดี ”
ธนัท กล่าวตามบท ขณะที่ตอนนี้ ฉากหลังนั้นเปลี่ยนเป็น ป่ากลางคืนแบบภาพเดียวแทน
และด้านหน้าเค้าก้เป็น โคทาโร่ ชุติการ เคียว และ แอนที่เข้ามาร่วมแสดงในฉากนี้ด้วย


“ เกรค ฟังข้าก่อน ข้าไม่อาจมอบ เรมี่ คืนให้เจ้าได้ในตอนนี้ ่าปีศาจยังไม่สงบ
เพราะอสูรที่คลุ้มคลั่ง…. ”
โคทาโร่ ที่รับ บทเป็นเรวิลส์ นอกจากชุดผ้าสีดำ ที่ตัดแบบขาดรุ่งริ่งให้ดูเหมือน
เจ้าชายอสูร และปีกค้างคาวกระดาษที่ติดหลังแล้ว ก็แทบจะไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่มเพียงแค่
ให้เค้าเบิกหูหมาตัวเองขึ้นมาก็เพียงพอแล้ว

“ อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า ลมปากของเพื่อนทรยศเช่นเจ้าข้าจะไม่ฟังเป็นอันขาดหากเจ้า
ไม่ยอมส่ง เรมี่ มาข้าจะจัดารเจ้าซะ ”
ธนัท กล่าวก่อนจะชักเอาดาบ พลาสติกที่เหน็บเอวอยู่ขึ้นมา
เคียว และ แอน ที่เล่นเป็นสมุนปีศาจก็เข้ามาขวางเอาไว้

“ อย่าทำร้ายเค้านะ นี่เป็นเรื่องของข้า ข้าจะจัดการเอง ”
โคทาโร่ กล่าวตามบทก่อนจะ เดินแยกจาก ชุติการ ที่ตอนนี้รับบทเป็น
เจ้าหญิงที่ต้องขับกล่อมบทเพลงตลอดเวลา เพื่อไม่ให้พวกปีศาจที่คลุ้มคลั่งลุกขึ้นมาอาละวาด

“ เข้ามาเลย เรวิลส์ ข้าจะดับลมหายใจของเจ้าเอง ”
ธนัท กล่าวจบก็จะเข้าไปฟันใส่ตามบท ทว่ากลับมีโซ่ พุ่งลงมามัดดาบของเค้าเอาไว้
ก่อนที่มันจะถูกกระชากจนหลุดมือไป ท่ามกลางความสับสนที่มีนอกบทที่วางไว้

นั้น อสูรอัญเชิญรูปร่างปีศาจขนาดใหญ่มันมีปีกกว้างประมาณใบเรือ แขนทั้งสอง
ข้างมัดพันด้วยโซ่มากมาย

“ คิเมรีส ปีศาจที่ถูกผนึก (Chimeries, the Sealed Devil) แต่มันมาได้ไงกันนี่ไม่มีในบทนี่ ”
ธนัท เปรยขณะที่จ้องไปยัง คิเมรีส ที่บุกเข้ามาป่วนการแสดง

“ หวายทำไงดี แบบนี้ละครล่มแน่ค่า อันฟอจูน(Unfortune=โชคไม่ดี) จริงๆ ”
แอน คิดแต่ก่อนที่ งานจะได้ล่มจริงเพราะ การเข้ามาของ คิเมรีส เคียวที่ตั้งสติได้ก็
หาทางออกโดยการ

“ แย่แล้ว องค์ชาย คิเมรีส อสูรคลุ้มคลั่งแห่งป่า มันหลุด
จากการผนึกของบทเพลงที่ ท่านเรมี่ ร้องแล้ว ”

เคียว ที่เล่นเป็นสมุนปีศาจ กล่าวแก้บทออกมาดื้อๆเพื่อให้ดูว่านี่เป็นการแสดง
จะได้ไม่เป็นเรื่องใหญ่ ด้านธนัท กับ คนอื่นที่ดูยัง งงๆอยู่ก็เริ่มจะเข้าใจถึงสิ่งที่
เคียว พยายามจะบอกให้ทำ ดังนั้นการเล่นนอกบทจึงเริ่มขึ้น ทันที

“ เจ้าได้เห็นแล้วใช่ไหม เกรค คิเมรีส อสูรที่ไม่เชื่อฟังข้ามันคิดจะ
ปกครองป่านี้และนำกำลังออกไปรุกรานอาณาจักรอื่นๆ ข้าถึงต้องพา เรมี่
มาช่วยขับขานบทเพลงแห่งจันทรา ”


โคทาโร่ ที่ปรับตัวทันจึงรีบคิดคำพูดนอกบทขึ้นมาทันที ขณะที่เข้าไปจูง ธนัท
 ที่ล้มเพราะแรงกระชากของ คิเมรีส ขณะที่ตัว คิเมรีส เองก็เริ่มสับสน
กับทีท่า ของ พวก ธนัท ที่ดูจะไม่ตกใจหรือ เกรงกลัวกับการรุกรานของมันเลย


“ โอ้ มีการใช้อสูรอัญเชิญมาร่วมแสดงด้วยหรือนี่ ”
“ นึกว่าของจริงซะอีก ตกใจหมดเลยที่แท้ก็ยังเล่นละครกันอยู่นี่เอง ”
“ moon melody แนวใหม่เหรอเนี่ย ยอดเลย ”

เสียงอือฮาของผู้ชมดังกระหึ่มชนิดที่เรียกว่า โดนใจทุกคนไปเลยกับการแสดง
ที่รั่วมานอกบทนี้ ว่าแล้ว บรรดานักเรียนจึงเตรียมที่จะตามน้ำกันทันที

“ ตอนนี้ข้าเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว ขอโทษด้วยนะ เรวิลส์
เรามาร่วมมือกันปราบ เจ้าปีศาจนี่เถอะ ”
ธนัท ที่รีบคิดบทตามน้ำขึ้นมากล่าว ก่อนที่ ชุติการ จะรีบลุกขึ้นมาหลังจากนั่งภาวนาตามบท

“ โอ เรวิลส์ เกรค ในที่สุดเธอทั้งสองก็เข้าใจซึ่งกันและกัน ข้า….ข..ขอ..ขอ ”
ชุติการ ที่กล่าวคล่องไปเรื่อยในตอนแรกเริ่มจะมาสะดุดเอาตอนท้าย เพราะ
บทพูดที่เขียนขึ้นมาให้ดูกระทันหัน ซึ่งป้ายคำพูดที่ยกขึ้นมาจาก  ฉากข้างเวที
ให้เธออ่านนั้นเป็น อะไรที่เธอไม่อยากจะเชื่อ

“ เป็นอะไรไปเล่ารีบเล่นตามบทสิคะ ”
หัวหน้าห้องที่อ้อม มาอยู่ฝั่งหลังฉากของ ชุติการ สั่งขณะที่ ตัวชุติการ ยังเอ๋อๆอยู่กับ
แผ่นป้ายบทที่ ไดสุเกะ ยกให้ดูอยู่อีกฝั่ง

“ ข…ข้าขอมอบบทเพลงแห่งชัยชนะแก่พวกเธอ จงรับอาวุธที่มาจากบทเพลงนี้เถิด ”
ชุติการ กล่าวจบเครื่องเล่นเสียง ก็ดังขึ้นก่อนที่ อิส จะแสตนบาย note ของตน
แล้วร่ายมิสติกออกมาหนึ่งใบ โดยโยนมันขึ้นไปบนเวที ทันทีที่ ละอองแสงจาก

จาก note ของเค้าไปรวมกันที่ ไพ่ก็ทำให้เกิดแสงเจิดจ้า ราวกับแสงแห่งปาฏิหาริย์
ก่อนที่ ดาบซึ่งมีกรรเชียงดาบตัดไขว้กับคัวด้ามและคมจนดูเหมือนกางเขน
จะลงมาปักกับพื้นเวที


“ เกรค จงใช้ดาบแห่ง อเล็คซานไดร์ (Alaxandrite, the Sword of Bryna)
 อันเป็นดาบแห่งวัลคีเรียไบรน่า นี้กำจัดอสูรชั่วร้ายนั่นเสีย ”
ชุติการ กล่าวตามบทีที่ ไดสุเกะ วิ่งกลับไปยกมาใหม่อย่างรวดเร็ว
เมื่อกล่าวจบแล้ว ธนัท จึงเข้าไปดึงเอาดาบ อเล็คซานไดร์ ขึ้นมา



“ ในนามของ ดาบศักดิ์สิทธิ์ อเล็คซานไดร์ นี้ขอจงขับไล่ปีศาจร้ายด้วยเถิด ”
ธนัท กล่าวตามบทที่ ไดสุเกะ ยกมาให้อีกก่อนจะชูดาบขึ้น ด้านอิส ที่ย้ายมาอยู่ด้านหลังชุติ
โดยให้ม่านบังไว้ ก็เปิดรังเพลิงที่ปลอกแขนออกก่อนจะเอา ซีลใส่ลงไปในนั้น

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #115 on: May 24, 2009, 07:18:28 PM »

/Korin man o jishite/(จุติ เผยโฉมอย่างสง่างาม)
สิ้นเสียงที่ดังขึ้นจาก note ของ อิส อสูร อัญเชิญของเค้า มาวินที่คราวนี้มาในชุดของผู้วิเศษสีขาว
(Zachariah Marvin, the Magus)  ก็ปรากฏกายขึ้น



“ จงขับไล่ความมืด ” /Enlighhtened Illumination/
น้ำเสียงของ อิส ก็เปลี่ยนไปเป็นบุคลิคแบบธาตุแสงสว่างตามที่ทำ
การอัญเชิญมาวินธาตุแห่งแสง มา สิ้นเสียงของ อิส และ เสียงกังวานก้อง
จาก noteของเค้า รีคอดเดอร์

มาวิน ก็ยิงลำแสงเวทย์สีขาวออกไป ลำแสงพุ่ง ออกมาพร้อมๆกับที่ ธนัท
 ตวัดดาบ อเล็คซานไดร์จนดูเหมือนกับว่า ลำแสงนั้นพุ่งมาด้วยการแกว่งดาบ

คิเมรีส ที่ถูกลำแสงเวทย์ ยิงก็ค่อยๆสลายกลับเป็น
ไพ่ปลิวไปกับลำแสงที่ยิงมา จนไม่มีใครสังเหตุเห็น


“ ชิ…ยังเล่นกันตามน้ำได้อีกนะครั้งนี้ฝากไว้ก่อนเถอะ ”
บอย สบถจบก็ยังไม่ทันที่จะได้ไปไหน ข้อมือและข้อเท้าของเค้าถูกเส้นเอ็นรัด
เอาไว้จนขยับไม่ได้เสียแล้ว

“ ก่อนจะไปเรามาคุยกันเป็นการส่วนตัวหน่อยไหมล่ะ ”
มาริน่า กล่าวขณะที่เดินออกมาจาก เงามืดของ ระเบียงพร้อมๆกับ คิระ ภูเขา ริน และ ศรี

“ Master Ceremony มากันพร้อหน้าเชียวนะ ”
บอย เหน็บใส่ขณะที่พยายามแก้มัด

“ อย่าดิ้นให้เสียงแรงเลย เพราะขนาด ไดสุเกะ หรือ จอมโจรดาร์ค
ยังไม่เคยหลุดจาก เอ็นนี้ไปได้เลย  ”
มาริน่า กล่าวโดยยกเอาตัวอย่างคนที่น่าจะปลดพันธนาการและล็อค
ได้ทุกชนิด อย่างไดสุเกะ หรือ แม้แต่ดาร์คขึ้นมา ก็ยังไม่สามารถหลุด
จากพันธนาการนี้ไปได้

…………..
…………………….

“ และแล้ว เจ้าชาย เกรค ก็ได้แต่งงานกับ เจ้าหญิง เรมี่ โดยที่ความสัมพันธ์กับ
 เรวิลส์ ก็ไม่ได้ถูกตัดขาดหายไป พวกเค้าทั้งสามจึงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป…….. ”
สิ้นเสียง บรรยายม่านก็ค่อยๆปิดลงมา ท่ามกลางเสียงปรบมือของ บรรดาผู้ชม

“ เฮ้อๆๆ ไม่เคยต้องเขียนบท….เร็วขนาดนี้…มาก่อนเลย ”
ริสะ เปรยพลางหอบแฮ่กๆด้วยความเหนื่อย พอๆกับ ริคุ และ ไดสุเกะ
ที่ต้องยกป้ายบทไปเปลี่ยนให้ พวกธนัท อ่านตาม


“ ดีนะที่งานวันนี้ไม่ล่มไปซะก่อนน่ะ ”
ชุติการ กล่าวด้วยท่าทีหนักใจ กับ อาการเหนื่อยหอบหมดแรงของ ทุกคนที่วุ่นวาย
กับการเปลี่ยนฉากเปลี่ยนบท กันแทบเป็นแทบตาย

“ เอาเถอะ แค่งานนี้ผ่านไปได้ด้วยดีก็ดีแล้วนี่นะ... ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่เดินเข้ามาใกล้ เธอ

“ แต่วันนี้ก็จะจบลงแล้ว สินะ.... ”
ชุติการ เปรยขณะที่ก้มหน้ามอง หมวกเจ้าหญิงที่เธอถืออยู่ด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย

“ แน่ใจนะว่าเธอต้องการแบบนี้น่ะ.... ”
โคทาโร่ กล่าวถามขณะที่ ยื่นเอาชุดนักเรียนของเธอให้

“ อืม..ก็ฉันสัญญาเอาไว้แล้วนี่ และถ้าฉันไม่ทำ นายเองก็คงลำบากใช่ไหมล่ะ อีกอย่างนี่
ก็เป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว ที่จะไม่ต้องให้ใครมา เจ็บเพราะฉันอีก...ถ้ามีนายคอยอยู่เคียงข้าง
ฉันก็มั่นใจว่าจะไม่กลัวอีกแล้ว ”
ชุติการ กล่าวขณะที่ รับเสื้อมา

“ งั้นเหรอ...ขอโทษนะที่ต้องให้เธอมาทำแบบนี้... ”
โคทาโร่ กล่าวก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้เธอ กอดเสื้อนักเรียนที่รับมาแน่นด้วยความขมขื่น
ก่อนจะ เดินออกจาก หลังเวทีนี้ไป


“ ชุติการ..... ”
ธนัท เปรยเมื่อได้เห็นทีท่าแปลกๆของเธอ
..................
เวลา 16.30 น.


“ พร้อมแล้วใช่ไหม ”
โคทาโร่ ถามขณะที่เดินมารับ ชุติการ ที่เดินมา หน้าทางออก โรงเรียน ซึ่งตอนนี้
งานเลิกแล้ว สนามจึงอ้างว้างและเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมที่โบกพัดหอบเอาเศษ กระดาษสีที่
เกลื่อนอยู่ตามพื้น เสียดสีไปกับพื้นจนเกิดเสียง แกรก เหมือนเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นในฤดูใบไม้ร่วง

“ ไปกันเถอะ... ”
ชุติการ กล่าวขณะที่ เดินเข้าไปหาเค้า

“ จะไม่บอกลาใครหน่อยเหรอ... ”
โคทาโร่ ถามด้วยความเป็นห่วงแต่เธอ กลับส่ายหน้าปฏิเสธที่จะบอกลากับใคร

“ แม้แต่ ธนัท ก็ด้วยเหรอ.. ”
โคทาโร่ ถามอีกครั้ง คราวนี้ ชุติการ มีปฏิกิริยา เล็กน้อย แต่เธอก็ยังแข็งใจ ปฏิเสธไป

“ ม..ม..ไม่ต้องหรอกเรารีบไปกันเถอะ ก่อนที่จะมีใครมาเห็น... ”
ชุติการ กล่าวปัดเพื่อจะเร่งให้ โคทาโร่ จัดการเรื่องต่อตามที่ตกลงกันไว้

“ ชุติการ.... ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่พวกเค้าจะได้ทันเดินออกไป

“ ธนัท!! ”
ทั้งสอง คนหันกลับมาก่อนจะกล่าวขึ้นพร้อมกัน ด้วยความประหลาดใจ
ที่ ธนัท มาอยู่ที่นี่

“ พวก นายคิดจะทำอะไรกัน... ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัย ความรู้สึกสับสยที่ผสมปนเปไปกับ ความ ร้อนรน

“ ค...คือ..คือว่า นี่น่ะมัน.... ”
โคทาโร่ ที่พยายามแก้ตัว กลับ ถูกขัดขึ้นโดย
อสูรอัญเชิญ นักรบหญิงที่มาพร้อมกับ ดาบเล่มใหญ่
   
“ เฟียเรสนักดาบพรหมจรรย์ (Fearless Swordmaiden) บอย....นี่แก ”
โคทาโร่ สบถเมื่อเห็นร่างของ นักดาบหญิงที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า
ก่อนจะหันค้อนไปยังทิศที่ นักดาบหญิงพุ่งตรงออกมา



“ กว่าจะหลุดจาก พวก master ceremony มาได้เล่นเอาแย่ไปเหมือนกันแฮะ ”
บอย กล่าวพลางเดินเข้ามาขวาง ธนัท เอาไว้ให้ห่างจากสองคนนั้น

“ น..นี่มันหมายความว่ายังไงกัน...โคทาโร่ นี่มันเรื่องอะไรกัน ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัย ที่ปนมากับความกลัวในสิ่งที่เค้าไม่อยากให้เป็นที่สุด

“ คงไม่ต้องปิดบังกันแล้วล่ะครับ boss เรื่องที่ boss แฝงตัวเข้ามา
ในกลุ่มของพวกมันเพื่อจะหาโอกาสพาตัว White Dragon Maiden
กลับไป Paradiso da Regolaน่ะ ”
บอย กล่าวจบ ธนัท ก็หันไปมอง โคทาโร่ เพื่อที่จะขอคำตอบ

“ มันไม่จริง...มันไม่จริงใช่ไหม โคทาโร่..บอกฉันสิว่ามันไม่ใช่ความจริง ”
ธนัท ถามย้ำเพื่อขอคำยืนยัน แต่ โคทาโร่ กลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“ ไม่...ธนัท มันเป็นเรื่องจริง ฉัน.....ฉัน.... ”
โคทาโร่ กล่าวอย่างยากลำบาก เค้าต้องทนข่มความรู้สึก ของตัวเองเพื่อที่จะ
กล่าวออกไปตัดความสัมพันธ์ของเค้ากับ ธนัท

“ ฉันคือ ศัตรูของ นาย.... Pawn แห่ง Checkmate 5 ”
โคทาโร่ ฝืนกล่าวออกมาได้ในที่สุด วินาทีนั้นราวกับหัวใจของ ธนัท ได้แตกสลายไป
ประหนึ่ง แก้วที่เปราะบางถูกทุบด้วยค้อนเหล็กที่เรียกว่าการทรยศ ทุบจนแตกละเอียด
พร้อมกับ รอยอักขระ ที่แขน ซ้าย ซึ่งเป็นวงแหวนพันธะจิตของเค้า กับ โคทาโร่ ได้
จางหายไป


“ เราไปกันเถอะ.... ”
โคทาโร่ กล่าวก่อนที่ บอย จะใส่ไพ่ลงไปใน note รูปแบบปืนของเค้า
จากนั้นพอเหนี่ยวไกปืนแล้ว ก็เกิดวงเวทย์รูปดาวหกแฉก ขึ้นบนพื้น ก่อนที่
มันจะเปล่งแสงจ้าขึ้นเรื่อยๆ

“ ลาก่อน...ธนัท.... ”
ชุติการ หันมากล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ เธอ โคทาโร่ และ บอย จะหายไป
กับวงเวทย์ที่ เรียกขึ้นมา ทิ้งให้ธนัท ทรุดล้มลงคุกเข่า อย่างอ่อนแรง
กับความรู้สึกที่แหลกละเอียดไปแล้ว

“ และแล้ว เรมี่ ก็ถูก เรวิลส์ พาตัวไป ทิ้งไว้เพียง เกรค ที่ได้แต่
กล้ำกลืนน้ำตานั้นเอาไว้.....ช่างเหมือนกันซะจริงนะ.....เรื่อง
ของพวกนายกับ Moon Melody ”

เคียว ที่มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ห่างๆเปรยก่อน จะเดินจากไป



...........................
.......................................

“ เท่านี้ เทพอสูร เรราเย่ ก็ตกอยู่ในมือของเราแล้ว.... ”
คิง ปอร์ กล่าวขณะที่ มองลงมาจาก แท่นบังลังค์ ที่ตรงหน้าแท่นั้น ชุติการ
ถูกจับ ใส่ชุดขาวตั้งแต่หัว จรดเท้าแบบนักพรต กำลังสวดอ้อนวอน อยู่ต่อหน้า แท่น สักการะ
ที่อยู่ตรงข้าม บัลลังค์ โดยมี เหล่าผู้คุมกฎทั้ง 5 แห่ง checkmate 5
ซึ่งมี ควีน จิงค์(Queen Jinglitleangel)
 บิชอป นิฮิล(Bishop Nihil)
รุค บีบิส(Rook Beabizz)
 ไนท์ ไกอา(Knight Gaia)
 พอน โคทาโร่(Pawn Kotaro)

....................

โปรดติดตามตอนต่อไป

Next Sub-Turn

“ ชุติการ ถูกพวก Paradiso da Regola จับตัวไปแล้ว ”

“ ฉันจะบุกไปที่ Phenomenon Party Center แล้วช่วย ชุติ ออกมาให้ได้ ”

“ นายไม่จำเป็นต้องสู้เพียงลำพังหรอกน่า พวกเราจะช่วยนายเอง ”

“ โคทาโร่ ไม่ว่ายังไงนายก็จะขวางฉันสินะ ”

“ จงออกมา เถิด จ้าวแห่งมังกรผู้ควบคุม ธาตุแห่งสรรพสิ่ง ”

เข้าสู่สนามรบสุดท้าย ศึกตัดสิน กับ Paradiso da Regola
จงทำลายทั้งหมดแล้วรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน อัญเชิญ
จ้าวมังกรแห่งสรรพสิ่ง ออกมา Next Sub-Turn 14 Element Burst

ก้าวไปบนวิถีแห่งสวรรคืเพื่อปกครองทุกสิ่ง
และ
จงทำลายทุกสิ่งแล้วเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน



เอาล่ะครับ และแล้วก็ใกล้จะถึงศึกตัดสินชี้ชะตา กันในภาค VR!! นี้แล้ว
เรื่องราวตอนต่อไปจะเข้มข้นขนาดไหนก็ต้องรอลุ้นกันล่ะนะครับ
คุณบอย ตอนนี้ดูเหมือนตัวร้ายเต็มพิกัดเลยแฮะ (สมเป็นตัวเชื่อมเรื่องจริงๆ
 ถ้าไม่มีคุณบอยนี่ เรื่องเดินไปไม่ถึงไหนเลยนะเนี่ยขอบคุณที่มาช่วยเร่งเรื่องให้ครับ
แหมบทร้ายได้ใจมาก)


Legend Thaliwilya of the Arimathe  Special Turn  Bath, Jack Panic(คดียึดโรงอาบน้ำ) ต่อ

แนะนำตัวละครเพิ่มเติม

R2 หญิงสาวผู้มีพลังของ อัศวินมังกร ทาลิเลีย เป็นเสมือนรุ่นพี่อัศวินให้ เรกกะ


มาธิอัส เพื่อนของ R2 คอยช่วยเหลือเรกกะ ด้านข่าวสารของ เทอเรี่ยน ที่มาราดัน ส่งมาบุก



จากตอนที่ แล้ว เรกกะ เฟนท์ แล้ว ก็ไรด์ ถูกโจรขโมยจักรยานจับเป็นตัวประกัน
เรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไปล่ะเนี่ย

ฉาก โรงอาบน้ำ

โจร 1 : ฮึ่ยๆๆ..ตำรวจ...ตำรวจ..ตำรวจ...ทำไงดี...ทำไงดี (พูดไปรนไป)

เฟนท์: อ....เอาไงดี...ไรด์ ถ้าจะจัดการโจรนี่ เราน่าจะทำได้นะ

ไรด์: จะบ้าเหรอ เดี๋ยวความแตกก็ซวยกันพอดี จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเรา Valkyrier นะเฟ้ย

เฟนท์:จ...จริงด้วยสิ แล้วจะทำยังไงดีล่ะ

เรกกะ:อ...เอ่อ..คือว่า...คือ ก็รู้อยู่หรอกนะว่าในสถานการณ์แบบนี้ ตัวประกัน
ไม่มีสิทธิเรียกร้องอะไร แต่ว่าถ้ายังไงขอ โทรศัพท์หน่อยจะได้ไหมครับ เพราะคิดว่า
พี่คงเป็นห่วงแย่แน่เลย

โจร 1 : หา!?...


ร้านเค้ก Happy Material บ้านเรกกะ

กริ้งงงงงง !! กริ้งงงงงง!! (เสียงโทรศัพท์)


เซน่า: Happy Material ค่ะ เอ๋ เรกกะ น่ะเหรอคะ..เหรอคะ อืม ...อืม..อืม..ค่ะขอบคุณมากนะคะ

กริ้ง!(เสียงวางหูโทรศัพท์)

ไอ: ใครโทรมาเหรอคะ พี่เซน่า

เซน่า : อ๋อโทรศัพท์จาก โจรน่ะจ้ะ บอกว่าจับตัว เรกกะ เป็นตัวประกันเอา
ไว้น่ะ อ๋อ จริงสิ เฟนท์ กับ ไรด์ ก็อยู่ด้วยนะ แหมถ้าจะยุ่งๆนะจ้ะ (เสียงเรียบแบบไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย)

ไอ: เห!.... เรกกะ ไรด์ แล้วก็ เฟนท์ โดนจับเป็นตัวประกันเหรอคะที่ไหนกันคะเนี่ย

เซน่า : อ๋อเห็นว่าโทรมาจาก โรงอาบน้ำใกล้ๆนี่เองจ้ะ (เสียงยังคงเรียบไม่รนราน ใจเย็นจริงๆ)

ไอ: พี่เซน่า คะ นี่ไม่ใช่เวลามาสงบใจอยู่แบบนี้นะคะ! ทำไงดีล่ะเนี่ย ทำกันอีท่าไหนถึง
ได้ถูกจับเป็นตัวประกันไปได้!? (คนนี้ล่ะที่รนแบบสุดๆ)

เซน่า: อ้ะ จริงด้วยสินะ นี่ไม่ใช่เวลามาใจเย็นซักหน่อยนี่เนอะ

ไอ: ใช่ไหมล่ะคะ พี่เซน่า !! เรารีบไปแจ้งตำรวจกันเถอะค่ะ

เซน่า: ต้องรีบไปทำข้าวกล่องให้แล้วล่ะ  เรกกะ  ยังไม่ได้กินมือเที่ยงเลย จริงสิ เฟนท์ กับ ไรด์
 เองก็คงจะหิวด้วยแน่เลย

โป๊ก !! (เสียงไอ กระแทก หน้าผากลงกับเคาเตอร์ร้าน)

ไอ: พ...พี่..เซน่า ขา~~~


ที่ โรงอาบน้ำ

โจร1: ให้ตายสิพี่แกนี่ใจเย็นชะมัด !!

เรกกะ: ค่อยยังชั่วหน่อยทีนี้พี่ก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงซักที

เฟนท์: เอ่อ เรกกะ นายห่วงแค่นั้นน่ะนะ

ครืดดดดด(เสียงประตู ห้องอาบน้ำหญิงเปิด)

R2: เรกกะ แย่แล้วล่ะมี เทอเรี่ยน บุกมาในเมือง

โจร 1: เหวอ นี่เธอเป็นใครกันเนี่ย ล...แล้วเข้ามาในนี้ได้ยังไง

เรกกะ : เข้าใจแล้ว ไปกันเถอะ ทาลิคนัส

ทาลิคนัส: เออ เข้าใจแล้วถึงเวลาชั้นออกโรงแล้วสินะ

วิ้งงงงง(เสียงตาซ้ายทำงานเปลี่ยนบุคลิคเป็น ทาลิคนัส)

R2: รีบไปเลยเจ้าบ้า ทาลิคนัส ที่นี่ ฉันจะจัดการเอง

ทาลิคนัส : โอ้งั้นฝากด้วยนะ (วิ่งไปเข้าห้องน้ำหญิง ที่จริงตรงนั้น เป็นประตูมิติเชื่อมไปที่ยาน
 ไซเบอริก้าดรากอนแล้ว)

โจร 1: ด....เดี๋ยว..เดี๋ยวเซ่...จะไปไหนน่ะ

R2 : นี่ถ้าเรื่องตัวประกันล่ะ ก็ขอแค่มีก็พอใช่มะ งั้นฉันจะเป็นแทนเองตกลงนะ

ไรด์: เอ่อ ตัวประกันเนี่ยมันเป็นแทนกันได้ด้วยเรอะ ?

ฉาก ที่ 3  ในเมือง

ดราก้อนฮอลลี่: Blaze Form /Regeneration
(แปลงร่างเรียบร้อย)

ทาลิคนัส: โอเระ ทันโจว! มันแปลว่าพระเอกมาแล้ว เอาล่ะจะจัดไคลแมกซ์ให้ตั้งแต่ต้นจนจบเลย
ว่าแต่ แล้ว เทอเรี่ยนมันอยู่ไหนล่ะ

มาธิอัส: มันหนีไปตั้งกะตั้งท่า โอเระ ทันโจว แล้ว

ทาลิคนัส: หน่าหนี(ภาษยุ่น อ่ะนะ =ว่าไงนะ) ฮึ้ย ของขึ้นๆๆ แต่ไม่ได้ปล่อย เซงโว้ยยย !!~

ฉาก โรงอาบน้ำ

ครืดดดดด(เสียงประตูห้องน้ำหญิง)

เรกกะ: กลับมาแล้วคร้าบ~

โจร 1: ก...ก...ก...แก แกกลับมาได้ยังไง..ล...ล..แล้วแกไปไหนมา...ด...ด...ได้ไง

เรกกะ : อ๊า R2 ขอโทษนะที่ต้องให้ลำบาก เป็นตัวประกันแทนน่ะ เดี๋ยวจะเป็นต่อให้เอง กลับไปที่ยานเถอะ

R2: อ๊ะ เหรอ งั้นฉันกลับล่ะนะ (แล้วก็เปลี่ยนตัว)

เฟนท์: นี่จับตัวประกันหรือเล่นโป้งแปะกันเนี่ย !?

ตำรวจ: เตรียมบุก !!!

โทรทัศน์: เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ ตำรวจเตรียมบุกเข้าไปช่วยตัวประกันออกมาแล้วค่ะ

โจร 1: ห...หา...ว...ว่าไงนะ...ย...ย...ยังงี้ก็มีแต่...ต...ต้องบุกฝ่า....ออ
...ออ..ออกไปเท่านั้น ม....มานี่..จ...เจ้าหนูผมทอง

เรกกะ: เอ๋ ผมเหรอ... ท....ท...ทำไงดีล่ะ...ผมไม่เคยเป็นตัวประกันแบบพาบุกฝ่าออกไปซะด้วยทำไงดีล่ะ

ทาลิควอส: งั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง เรกกะ

วิ้งงงงง(เสียงตาซ้ายทำงานเปลี่ยนเป็น ทาลิควอส)

ทาลิควอส: เบิกโรงนางเอก Show off

โจร 1: ก...แก..แกจะทำอะไรน่ะ..

ทาลิควอส : ขอยืมโทรศัพท์หน่อยนะ พ่อรูปหล่อ (เสียงนุ่มแบบผู้หญิงเลย)

เฟนท์+ไรด์: อ้วกกกกกกก (รับไม่ได้แบบสุดๆ คนเขียนก็จะรับไม่ได้เหมือนกันขออ้วกด้วยคน)

ฉากที่ 4 หน้าโรงอาบน้ำ

ตู๊ตๆๆๆๆๆ (เสียงวิทยุในรถตำรวจ)


สารวัตร: มีอะไร?

ทาลิควอส: นี่ สารวัตร ฮ้า เดี้ยนว่ารีบถอนกำลังจะดีกว่าไหมฮ้า (เสียงนุ่ม)

สารวัตร: นี่เธอเป็นใครกัน?!

ทาลิควอส: เป็นใครนั้นไม่สำคัญหรอก ฮ้า ที่สำคัญคือเรื่องที่สารวัตร แอบไปกะหนุงกะหนิง
กับน้อง มิโอจัง ทุกคืนในรถสายตรวจ แล้วยังเขียนคำสารภาพรักไว้บนถนน อีกด้วย อาจจะไปถึง
หูนักข่าวเอาได้ อะหุ แค่นี้ล่ะฮ้าา~~ (มีหว่านเสน่ห์ ตบท้าย)


สารวัตร: คึ...คึ...ก..แกรู้ได้ไง..แกเป็นใครกันเนี่ย

ตำรวจ: จะเอาไงดีครับ สารวัตรบุกเข้าไปเลยไหมครับ (สารวัตรคิดหนัก)

สารวัตร: ถ...ถอนกำลัง...ถอนกำลังเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้เลย

ฉาก ในโรงอาบน้ำ

โทรทัศ: อ๊ะ ตอนนี้ตำรวจถอนกำลังออกมากันหมดแล้วล่ะค่ะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะคะ
แต่สถานการณ์ น่าเป็นห่วงจริงๆค่ะ

โจร1: ด...ด...ได้ไง นี่แกทำได้ไงเนี่ย!?

ทาลิควอส : อะหุ เรื่องแค่นี้สำหรับเดี้ยน เจ้าแม่ข่าวลือสบาย ฮ่ะ

ครืดดดดดด(เสียงประตู ทางเข้าโรงอาบน้ำเปิด)

เซน่า: ของรบกวนหน่อยนะค้า~~(พี่แกเสียงใสมาแต่ไกล)

ไอ: พ...พี่ เซน่า คะบุกเข้ามาแบบนี้มันอันตรายนะคะ

เฟนท์: ไอ !!~
 ไอ: เฟนท์ !!~

เรกกะ : พี่!? มาทำอะไรที่นี่ครับเนี่ย

เซน่า: อ๊า เรกกะ พี่ทำข้าวกล่องมาให้แน่ะ ยังร้อนๆอยู่เลยรีบกินกันเอถะเดี๋ยวจะเย็นหมด

เอาล่ะสิ เทอเรี่ยนหนีไปได้ พี่เซน่า ทำข้าวกล่องมาให้ เรกกะ ถึงที่
ทาลิควอส ก็ไล่ตำรวจไปแล้ว เรื่องราวจะเป็นเช่นไร
รอดูต่อกันตอนหน้า
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #116 on: May 24, 2009, 09:19:05 PM »

    ง่า   เกือบวาย  ธนัทXโคทาโร่แล้ว 

อ๊ากกกกก   บีบคั้นหัวใจสุดๆ TT^TT

++++++++++++++++++++++++++++++++++

เห็นเรกกะแล้วจิ้น......อ้วกแตก
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #117 on: May 25, 2009, 01:47:20 AM »

Quote
ง่า   เกือบวาย  ธนัทXโคทาโร่แล้ว

ใช่มะ เจ๊ เองอ่านก็ว่ามัน วายนะ แต่เกรม่อนคุง บอกว่าไม่วายนี่มัน มิตรภาพ
แต่อ่านยังไงมันชวน จิ้นวายจริงๆ เจ้าเกรม่อน เอ๋ย ทำมาเล่นตัวบอกว่า เขียนนิยาย

วายไม่เก่งแต่ไหง
นิยายไม่ได้ส่ออารมณ์วายซักกะนิดมันเขียนซะฉัน จิ้นวายไปได้เนี่ย


ตอนพิเศษรอบนี้รู้สึกมันเขียนยากเขียนเย็นจริงๆ อีกไม่กี่ตอนจะอวสานแย้วจะทันไหมเนี่ย
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #118 on: May 25, 2009, 05:53:31 AM »

ถ้าเป็นปกติ อ่านบทนี้จบแล้ว อยากจะด่าตัวละครที่มันเลวได้
ใจมาก เค้าดีๆกันอยู่อีนี่มา ทำเสียซะงั้น ยุให้เค้าแตกคอกันเอง แต่มันดันเป็นคุณบอย ไปซะนี่คะ
เออ อยากด่าอยู่หรอกนะ แต่ไม่เอาดีกว่า ดันใช้ชื่อจากคนจริงอีก ซีรี่ย์นี้ สรุป คาใจว้อยยย

อยากด่าแต่ด่าไม่ได้ รู้สึกทุกซีรี่ย์ของ คุณเกรม่อน บทไหน ขึ้นเลข 13 แล้วบทนั้น
 ซวยสุดทุกเรื่องเลยนะคะ


เห็นด้วยที่อ่านบทนี้แล้ว เหมือนจิ้น โคทาโร่ X ธนัท ไปไกลเลยทั้งบทพูดทั้งบทบรรยาย
 เข้าข่ายทำเราคิดไปแล้วนะว่ามันรักสามเส้า ธนัท โคทาโร่ ชุติการ แต่ไม่ใช่ชาย 2 แย่ง 1 หญิงนะ

เราเหงเป็นว่า ชุติการแย่ง โคทาโร่ ไปจากธนัท ซะงั้น ทั้งที่จริงมันต้องคิดไปว่า โคทาโร่
มาแย่ง ชุติการไปต่างหาก สงสัยเพราะมีบทตอนไปเล่นการ์ดกันสองต่อสองกระมัง เลยจิ้นได้ขนาดนี้

ตอนพิเศษ พีี่เซน่า เค้าเป็นไฮเปอร์อ๊ะเปล่าคะเนี่ย ใจเย็นซะ....ขนาด
« Last Edit: May 25, 2009, 05:56:34 AM by Gee » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #119 on: May 25, 2009, 08:35:24 PM »

^
เหอๆ   ด่ามาเถอะ -*-   เพราะใช้เป็นชื่อตัวละครอยู่แล้ว 

อยากรู้ว่าตอนพิเศษจะมีวายอีกมั้ย +- -
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #120 on: May 26, 2009, 06:40:37 AM »

ตอนนี้ขอบ่นหน่อยเถอะ อยากระบาย ช่วยทำเปงไม่เห็นไปเถอะ


ตอนนี้ปวดหัวมากกับตอนจบของ VR!!นี้ เพราะข้ามช็อตไปเยอะมากๆ

เรื่องแรกเลย เคียวโดนตัดบทไปโดยอิส ทั้งที่มันเป็นตัวละครที่ออกมาพร้อมกับ
 ธนัทตอนแรก แต่ยังไม่มีบทดวลเด่นๆเป็นของตัวเอง ที่สำคัญนางเอกของเราชุติการ
 ไม่มีบทดวลเป็นเรื่องเป็นเป็นราวกับเค้าซํกที

มาริน่า กับ ฟรานซิสก้าที่แสนจะเก่ง ไม่มีบทดวลเต็มๆให้แสดงฝีมือ

คิดแล้วเศร้า ที่ต้องรวบจบเรื่องไวแบบนี้เพราะไม่แน่ใจว่าอยู่ มหาลัย แล้วจะมีเวลาเขียนไหม
 เพราะยังไม่มีโน๊ตบุ๊คเป็นของตัวเอง ไว้มีก่อนเถอะ อาจจะได้
เห็น Summoner VR!!ภาคสามเทพอสูร(Lavithan Behamouth Ziz)

เหอๆ แต่ถ้าจะยากเริ่มเซงเวลาเขียนซีรี่ย์นี้ ดวลกันทีปวดหัวทุกตอน
คิดแต่พล็อตดวลจนไม่มีเวลาสร้างคาแรกเตอร์เลยต้องไปยืมเอา
 ของคนอื่นเค้ามาหลายเรื่องเลย

เอาเป็นว่าจะทำตอนจบออกมาให้สวยพอที่จะรับได้ไม่ปาหมอนเหมือน
 มัลติอาเมอร์ของเจ้า การุรุม่อนละกัน

แต่คงไม่ดีเยี่ยมเท่าทาลิ2ภาคก่อน เรายังงงอยู่เลย ลอว์เรนซ์จะมาทำไมเนี่ย
 ภาคเรกกะ เนี่ย

มาก็แย่งบทไปเด่นได้ตอนหนึ่งทีเหลือโดนเฟนท์ ขโมยซีนหมด จนบางทีคิดไปเลยด้วยซ้ำว่า
พระเอกคือ เฟนท์ นางเอกคือ ไอ เหอๆ

มีคนเคยถามว่าภาคแรก พระเอกเป็นใครนางเอกเป็นใคร ผมก็เอ๋อไปทีเหมือนกัน
ว่าเอ เราเขียนจนอ่านไม่รู้เรื่องเลยเหรอว่า ลอว์เรนซ์คือพระเอก หรือมันอ่านไม่รู้เรื่องเองกันแน่

ปรากฏ พอฟังว่าเค้าอ่านยังไงช่วงตรงไหน ถึงได้ไปถึงบางอ้อได้เอาตอนท้ายๆ

"ผมดูตั้งแต่ช่วงบทที่ 15 ขึ้นไปเพราะเนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้น"

นี่ล่ะคำตอบของเรา ก็แหมคุณคร้าบบบบ ช่วงบทที่ 15 ไปจนถึง เกือบๆ26จบ ช่วง Dragoon Age
 ขึ้น Last Legend มันเป็นเรื่องของ พวก เจนัส ตลอดรายการเลย ลอว์เรนซ์
ไม่ค่อยเด่นหรอก (บางทีอาจเพราะไม่นางเอกมาคู่เลยหมดรัศมีพระเอกไป)

มีคนเคยบอกว่า เรื่องของผมทุกเรื่องต้องมีหนุ่มหมา ทุกซีรี่ย์ ที่เกี่ยวกับทาลิ
 ก็จริงแฮะขนาดภาคนี้ยังมีเลยนิ (ศรีใช้ทาลิ)

และทุกซีรี่ย์ที่มีหนุ่มหมามันจะต้องมาพร้อมคู่รัก ที่ไม่เป็นแมวก็ปลาหรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คน
แล้วเรื่องก็จะวนไปวนมาอยู่กับไอ้คู่นี้ ราวกับมันเป็น คู่พระ-นาง ไปซะงั้น

พอได้ฟังแบบนั้นเข้าไป เราก็เลยลองย้อนมองดูตัวเอง เราไม่เคยหานางเอกให้พระเอกของเรา
เป็นตัวเป็นตนซักกะเรื่อง อย่างมาก ลอว์เรนซ์ มีแค่เทียจัง
ที่ลาลับดับโลกไปแล้ว กับ เทียจัง ในอนาคต

พอมาภาคเรกกะ ซานเป็น แฟน เรกกะ แต่ไหงบทเจ๊แกไม่มี ออกจะเทไปให้ R2 ด้วยซ้ำ
แต่เอาเข้าจริง เรกกะ ไม่ได้ชอบป้าR2 ก็แห้วกินไปอีก คู่เฟนท์ ไอ เลยได้เป็นคู่กรรมภาคนั้นแทน
เพราะภาคลอว์เรนซ์ เทีย เป็นคู่กรรมไปแล้ว

พอมาคราวนี้ SMN VR!! ธนัท ชุติการ คู่นี้แน่แล้วสินะ แต่ โคทาโร่ จะมาแย่งไปซะงั้น เวรแล้ว
กลายเป็นรักสามเส้า

เอาเข้าจริง มันกลายเป็น โคทาโร่ แย่งธนัท ไปจาก ชุติการ (วายได้อีกชั้น  )
สงสัยผมจะมีปัญหาด้านการเขียนบทรักของตัวเอกเอามากๆ เลยนะเนี่ย คงต้องดูกันต่อไปว่าเรื่อง
ใหม่ต่อจากซีรี่ย์นี้

MAR GEAR สงครามขับเทพพิชิตมาร
 พ่อหนุ่ม รูจิ จะได้สมหวังกับ เรมี่ไหมหนอ เอหรือจะมีคนมาแย่งเหมือนเรื่องนี้อีก

อ่อ พูดไปให้งงกันเล่น คือ เรื่อง MAR GEAR เนี่ยว่าจะเขียนต่อจาก
 ซีรี่ย์นี้ แต่คงต้องดูเวลาก่อนอาจจะอีกนานกว่าจะได้ลง เพราะคงต้องปรับตัวกันสุดขีดกับชีวิต ม.

ว่าแล้วเกริ่นไปหน่อยเลยแล้วกัน

MAR GEAR เป็นชื่อเรียกของ เทพพิทักษ์ทั้ง 5(เรกุลัม เจนนิเฟอร์ โดมินิก้า ลัมดามุส เวอร์ทูเทม)
ที่สร้างขึ้นโดยใช้ต้นแบบจากหลักสวรรค์(จริงๆคือเอาตัวหลักสวรรค์ทั้ง 5 ตัวนั่นล่ะมาเขียนอิงเอา)
เนื้อเรื่องเป็นช่วงยุคสงครามที่ลัทธิ Zordom ขยายอำนาจ ออกจากเมอริเซ๊ย ไปทั่วสารทิศ
ลัทธินี้มีการใช้อาคูม่า ในการทำสงคราม ซึ่งสิ่งที่จะปราบพวกมันได้มีเพียง
MAR GEAR เท่านั้น

เอาล่ะเกริ่นแค่นี้ก่อน เพราะเรื่องคิดไว้แค่นี้ยังไม่ลงรายละเอียดลึกขนาดนั้น
 แต่แน่ใจได้เลยว่ามันจะเป็นแนวขับหุ่นรบสู้กัน แบบกันดั้ม แหงมๆ อยากลองเขียนอะไรที่
มันแหวกแนวดูบ้าง แต่ก็ยังไม่แน่ใจตัวเองอยู่ดีว่าจะ

เขียนออกมาได้ลื่นเท่า ทาลิ อ่ะเปล่า เพราะลองเปลี่ยนเขียนแนวยูกิ ทีนี่
 ทำเอามือแข็งเขียนไม่ออกเลย เนื้อเรื่องเลยชวนเผาออกทะเล ซะขนาดนี้ ตอนแรกกะว่า
 การ์ตูนดวลเล่นมุขยิงมุขกัน ฮาๆแบบสดใส
ไปๆมาๆ ข้าพเจ้า ยิงมุขละครน้ำเน่ากลิ่นหึ่งมาแต่ไกลเชียว อย่างว่าตอนจบถ้าไม่เศร้า
มาก่อนแล้วสดใสเอาทีหลัง มันจะไม่ประทับใจ เพราะฟ้าหลังฝนนั้นย่อมสดใส นิยายผมถือคติแบบนี้
 ดังนั้นทุกภาค ก่อนจะจบซีรี่ย์ พระเอก จะซวยสุดชีวิต


ทาลิภาคแรก ลอว์เรนซ์ โคตรซวย พ่อตัวเองเป็นศัตรู
ทาลิสอง เรกกะ อภิมหาซวย พี่สาวสุดที่รักเป็นบอสตัวสุดท้าย
ทาลิสาม ไดจังสุดซวย โดนตัดจบกลางคัน(อ๊ะอันนี้ไม่เกี่ยว)

มัลติอาเมอร์ ลอว์เรนซ์ของเรา โคตรซวยอีกแล้ว
ทั้งตัวทั้งเพื่อตายยกฝูง (อันนี้เจ้าการรุมันเขียนเราจะนับดีมะเนี่ย)

SMNVR!! ธนัทของ เราแสนซวย ตกบ่วงรักสามเส้า โดน โคทาโร่ กับ ชุติการแย่งกัน(เอ้ยใช่เรอะ)
เฮ่้ยไม่ช่ายยย เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ต่างหาก

สรุปทุกเรื่องสิน่าเรา อันไหนจะจบพระเอกซวยทุกที ว่าแต่ตอนพิเศษจะเขียนจบทันกะ
VR!! ป่ะเนี่ย เหลืออีก 2ตอนเอง ตอนที่ 15ดวลกะพี่ปอร์จบก็อวสานแล้ว










« Last Edit: May 27, 2009, 07:21:12 PM by greamon » Logged


DJ Chess
Judge
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2849


Email
« Reply #121 on: May 26, 2009, 03:32:42 PM »

แอบติดตามมานานละ 

ตอนนี้ ขอสังเกตการณ์ ตัวละครที่น่าสนใจบ้าง จากที่อ่านมานานก็มาเจอสิ่งหนึงที่น่าสนใจ คือ มี ยศ หมากรุก เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  อย่าง Queen of Checkmate   Bishop of Checkmate  โอ  ราชินีแห่งการรุกฆาต    บิชอป แห่งกรรุกฆาต  ซึ่งเห็นแล้ว เอ้อ น่าสนใจดี  ก็เลยติดตามมาเรื่อยๆ ก็เห็นว่า โผล่มา แค่ไม่กี่ chap เท่านั้น - . -     

ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้เขียนต่อๆไปนะฮะ แล้วจะรอดูว่า จะมีอะไรเกี่ยวกับหมากรุกโผล่ออกมาอีกไหม 


ปล. น่าจะเริ่ม ทำ หน้า สารบัญ บอก Chap กับ แนะนำตัวละคร ได้แล้วนะ เพราะเริ่มเยอะและ  เอิ๊กๆๆ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #122 on: May 26, 2009, 06:57:05 PM »

โอ นึกว่าจะไม่มีคนสังเกตุแล้วซะอีกนะเนี่ย
 (แต่อย่างว่าชื่อคุณพี่บอกมาแต่ไกลกระทั่งSig ยังเป็นหมากรุก)

ที่จริงตอนนี้เจ๊เริ่มสงสัยอย่างหนึ่งเจ้า เกรม่อนมันไม่ได้บอกซะด้วย(ม.เริ่มเปิดละเลยไม่ได้
เจอหน้ากันเลยหลังๆมานี่)

ถ้านับยศของ เหล่าผู้คุมกฏแห่ง Checkmate 5 ตอนแรกก่อนที่ โคทาจัง
จะเผยตัวว่าเป็น Pawn(ตัวเบี้ย)

มันจะมี King Queen Bishop Rook แล้วก็ Knight ที่รุคตอนแรกเขียนเป็น
 ชิพท์ เพราะเจ้าเกรม่อนมันจำชื่อยศในหมากรุคผิด เพราะของไทยเค้าเรียก รุค
ว่าเรือมันเลยจำผิด พึ่งมาแก้เอาตอนนี้

เข้าเรื่องต่อ ถ้าไม่นับโคทาจังที่เป็น Pawn แล้ว ตอนแรก Checkmate 5 จะมีครบ 5พอดี
เลยพลอยคิดไปด้วยว่า คิง นับเป็นหนึ่งใน Checkmate 5 แต่พออ่านๆไปซักพักจะเริ่มเห็นว่า คิง

ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งของ Checkmate 5 แต่สูงกว่านั้น เลยทำให้คิดว่า ใครจะมาเป็นคนที่5
ปรากฏดันเป็น Pawn ที่เป็นโคทาจังไป

ดังนั้นยศใน Paradiso da Regola ก็จะเรียงดังนี้

จากสูงไปหาต่ำ


King

Checkmate 5 (Queen Bishop Rook Knight Pawn) ระดับผู้เล่นเป็น Ruler

Starter 12 ระดับผู้เล่นเป็น Magnus Judge

กองพลชุดดำ ระดับ Judge ที่ไม่ใช่ Magnus ทั้งหมด

สรุปแผนผังได้ดังนี้นี่เอง

ส่วนสิ่งที่ใช้แสดงตนว่าเป็น Checkmate 5 ตอนนี้จะเห็นได้ว่ามี อสูรที่เป็น1 ใน หลักสวรรค์ทั้ง5
ดดมินิก้าโผล่มาแล้ว เพราะงั้นตีความได้เลยว่า เหล่า Checkmate 5 จะต้องถือครอง หลักสวรรค์ไว้คนละใบชัวร์ แล้วพี่ปอร์ ล่ะจะใช้อะไร

ส่วนสารบัญว่าจะทำอยู่เหมือนกันทั้งของอันนี้แล้วก็ ทาลิ2 ด้วยเลย ไว้เดี๋ยวแจ้งเจ้าเกรม่อนให้อีกที

Logged


DJ Chess
Judge
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2849


Email
« Reply #123 on: May 27, 2009, 02:45:58 AM »

โอ้ นำเนื้อเรื่องมาผูกกับ หลังสวรรค์ทั้ง 5 นี่เอง ครีเอท ได้สนุกและน่าติดตามเป็นอย่างมากครับ

ส่วนตามยศแล้วนั้น  ตามหลักของหมากรุกจริงๆจะเรียงอย่างนี้ฮะ




โดย Bishop นั้นจะอยู่สูงกว่าไนท์ ใน 1 ระดับ (จริงๆมันมีค่ามากกว่าไนท์ 0.5 แต้มนะ) แต่ก็จัดอยู่ในหมวด Minor Piece (หมากรอง)  เพราะ ประสิทธิภาพ ปานกลาง

ส่วนหมาก อาณุภาพสูงอย่าง Rook Queen นั้นที่เป็น Major Piece (หมากนาย)  ความสามารถก็รู้ๆกันอยู่

ถามว่าทำไม Bishop ถึงอยู่ในหมวดเดียวกับ Knight หละ ทั้งๆที่มันเดินยาวได้เหมือน Rook

 เพราะ ตามหลัก Position และการให้คะแนนศักดิ์หมากนั้น  2 Bishop นั้น มีค่าเท่ากับ 1 Rook เอง ในการไล่ หรือเข้า End Game เพราะ Rook คอนโทรลแนวตั้งและแนวนอน โดย กินพื้นที่ทั้งสองสี ทำให้ หมากเดินลำบากเพราะตี line ล้อมกรอบเอาไว้ในลักษณะของกล่อง   ส่วน  Bishop นั้นถ้าจะเก่ง ต้อง อยู่คู่กัน เพราะ Bishop 1 ตัว จะคุมแค่ สีของพื้นกระดาน ที่ตัวเองอยู่แค่สีเดียวเท่านั้นไม่สามารถย้าย สี ของ Square ได้ ฉะนั้น ทำให้ ตีไลน์ โดยแนวทแยงมุม ก็ยังมีช่องโหว่ให้หมากเล็ดลอดมาได้ แล้วโครงสร้างเบี้ยนั้นสามารถทำให้การ เดินของ Bishop ลำบากทีเดียว
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #124 on: May 27, 2009, 03:00:08 PM »

แนะนำตัวละคร



[Data:  ธนัทธาทิเวศ จงกลาง ชื่อเล่น ธนัท Age: 14 Year LV: Caller Deck:สำรับ ราชันย์มังกรอัคคี]
ธนัท เป็นคนร่าเริงและร้อนแรงมักใจร้อนชอบทำอะไรก่อนคิด แต่หลังจากพ่ายให้กับ คิระ เค้าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ต่อมาภายหลังเปลี่ยนเป็นสำรับ Element Striker และเพิ่มยศเป็น LV:Summoner


[Data: ชุติการ โพธิ์ทอง ชื่อเล่น ชุติ  Age:14 Year  LV: Caller
 Deck: สำรับประกอบธรรมดาสายแสงสว่าง ]
ชุติการ หรือที่ ธนัท เรียกว่า ชุติ เสมอๆ เธอเป็นเด็กสาวที่เฮี้ยวแก่นไม่เบาเลย ในใจเธอนั้นแอบชอบธนัท อยู่แต่ปฏิเสธตัวเองมาตลอด
เธอเป็นร่างทรงของอสูรเทพมังกรขาว


[Data: แอนนา เชิร์กเวฟ Age: 14 Year    Deck:นาวายะเยือก ]
แอนนา เพื่อนๆมักจะเรียกเธอสั้นๆว่า แอน เธอเป็นลูกครี่งชาวไทย-อเมริกา
 สำเนียงการพูดค่อนข้างเหน่อ และพูดไทยคำอังกฤษคำ สำเนียงการพูดของเธอนั้นจะเหน่อประมาณ ล่ะ เป็น หลา บ้างอะไรแบบนี้
เธอ เป็นเพื่อนกับ ธนัท มาตั้งแต่เด็ก และยังเป็นเพื่อนสนิทของ ชุติการ ด้วยบ้านของเธอ เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ สัตว์น้ำ
เธอรักและชอบเกี่ยวกับทะเล และ สัตว์น้ำชนิดต่างๆมาก


[Data: วัชรพงศ์ สายตรงจิต ชื่อเล่น เคียว Age: 14 Year LV:Summoner Deck: เจ้าแห่งสายฟ้า Raijin ]
เคียว เป็นคนที่เงียบๆจะไม่ค่อยพูดกับคนที่เค้าไม่คุ้นเคยเด็ดขาด ฝีมือในการดวลของเค้านั้นสูงมากกว่าพวกธนัท
อยู่โข แต่ไม่ค่อยจะได้ดวลซักเท่าไหร่


โคทาโร่ เซนาคาว่า นักเรียนเข้าใหม่ระหว่างภาค เค้าเป็น DNA Changer(ผู้ที่เปลี่ยนพันธุกรรมเองได้)
ที่ปลูกฝังยีนของ Seal สายพันนุ์สมิงหมาป่า เป็นทั้งคู่หูคู่กัดของ ธนัท
นอกจากนี้เค้ายังมาสร้างห้องพักของตัวเองไว้ในตู้เสื้อผ้าของ ธนัท
เบื้องหลังของเค้า เป็น1ในผู้นำระดับสูงของ Paradiso da Regola เค้ามียศเป็น Pawn แห่ง Checkmate 5
ทำให้ในศึกตัดสินเค้าต้องเป็นศัตรูกับ ธนัท อย่างไม่มีทางเลือก



อิสรพงศ์ วงศาธร ชื่อเล่น อิส
เป็น1ในองครักษ์ผู้ติดตาม มาริน่า เป็นคนสุภาพเรียบร้อยแต่มีฝีมือด้านการใช้อาวุธและความเร็วสูงกว่าคนทั่วไป
มักจะพกพลองสั้นที่ประกอบกันเป็นพลองยาวได้ไว้เสมอ และยังมีคัตเตอร์พลังเวทย์ที่นานๆจะเอาออกมาใช้
อิส สามารถเปลี่ยนบุคลิคของเค้าในเวลา ดวลได้โดยจะเปลี่ยนตามธาตุของ Seal ที่ชื่อ Marvin ของเค้าซึ่งมีความ
สามารถในการเปลี่ยนฟอร์มต่างๆได้

สาเหตุที่เค้ามีบุคลิคอื่นถึง5บุคลิคด้วยกันเพราะเค้า มีอดีตที่ปวดร้าวอยู่ทำให้เค้ากลายเป็น
คนที่ไม่พูดอะไรและเอาแต่เก็บตัว ต่อมาเมื่อ มาริน่า

ช่วยฝึกให้เค้าเป็นองครักษ์ประจำตัวเธอ เค้าจึงเปลี่ยนแปลงตัวเองและกลับมาร่าเริงได้
พร้อมทั้งการเปลี่ยนบุคลิคก็มาจากการฝึกด้วย จากในเนื้อเรื่องไม่ได้เปิดเผยว่าอดีตของเค้าเป็นมายังไง


ฟรานซิสก้า องครักษ์อันดับ1ของมาริน่า ความสามารถทางกายเธอนับว่าเก่งที่สุดในบรรดาองครักษ์ทั้ง3ของ มาริน่า
เธอมีฝีมือดาบอันเลื่องชื่อลือชามาก เธอเป็นเจ้าหน้าที่คุมความประพฤติ และด้วยฝีมือดาบของเธอทำให้ได้
ฉายา ฟรานซิสก้าร้อยศพ จากพวกเด็กเก ทั้งหลายมาแล้ว


ไดสุเกะ นิวะ
1ใน3องครักษ์ ของ มาริน่า เค้าเป็นDNA-Changer ที่เคยอยู่ใน องค์กรปฏิวัติของเหล่าผู้แปลงพันธุกรรมเหมือนกับ โคทาโร่
ก่อนที่จะล้มเหลวในภารกิจที่มากำจัดมาริน่า ตามคำสั่งองค์กร แต่ มาริน่า ก็เมตตา รับเค้ามาเลี้ยงดูและฝึกให้เป็น องครักษ์ แทน
ดังนั้นเค้าจึงพักอยู่ที่ คฤหาสน์ของ มาริน่า

ไดสุเกะมี อีกร่างหนึ่งที่ชื่อ ดาร์ค ซึ่งเป็นจอมโจรในตำนานผู้ที่สามารถขโมยได้ทุกอย่าง
เค้าใช้ความสามารถนี้ในการช่วย มาริน่า ขโมยเอาวัตถุที่มีพลังของ อสูรเทพ ซึ่งอาจเป็นอันตราย
มาให้เธอได้ นอกจากนี้ตัว ไดสุเกะ ยังมีความสามารถในการปลดล็อคทุกชนิด ไม่ว่าแบบใด
และยังทำได้รวดเร็วมาก

เหล่ายอดฝีมือ Master Ceremony
ภูเขา เพื่อนของ ศรี ปรากฏตัวครั้งแรกด้วยมาดขรึม
เพื่อจะทดสอบฝีมือธนัทตามที่ มาริน่า สั่งเค้าจึงต้องวางมาดร้ายเต็มที่ แต่ที่จริงแล้วเป็นคนที่ใจดีเอามากๆ

มาริน่า บุคคลที่น่ากลัวที่สุดในโรงเรียน เลยก็ว่าได้เป็น ประธานชมรม SMN ของโรงเรียนและ
ยังเป็น DNA-Chamger สายพันแวมไพร์ เบื้องหลังเธอเป็น รัชทายาทของ ราชวงศ์สเปน ที่ออกกฏการ
ใช้ DNA-Changer เป็นทาสของมนุษย์ 

ริน พี่สาวของ ธนัท สำรับของเธอคือ สำรับ Valkyrie ทั้ง12

ศรี พี่ชายของธนัท เป็นนักเล่นที่ได้รับการขนานนามว่าเก่งที่สุดในโลก
 เค้าเป็นผู้นำของบรรดา Master Ceremony ทั้งหมด แะมีฉายาว่า Thaliwilya Mster
ตามที่สำรับของเค้านั้นใช้ อัศวินมังกรทาลิวิลย่าเป็นหลัก

คิระ(อนุชิต) เป็นคนเย็นชาและไม่ค่อยพูดจา เค้าเป็นคนที่มีฝีมือสูงมาก
และนับถือ ศรี เป็นอย่างยิ่งอีกด้วย ฉายา คิระ ของเค้ามาจากการที่เค้าชอบใช้ Seal ที่มีหน้าตา
เป็นหุ่นยนต์เหมือนในการ์ตูนหุ่นรบชื่อ Gunปิ้บ และด้วยฝีมือที่สูงส่ง
เลยถูกเรียกตามชื่อตัวละครใน GDS (Gunปิ้บ seed ) สำรับของเค้า ศรี เป็นคนตั้งชื่อให้ว่า Haeven Gundamus(กันดั้มสวรรค์)
คิระ ไม่ชอบให้ใครนอกจาก ศรี เท่านั้นเรียกชื่อจริง ดังนั้นทุกคนจะเรียกเค้าว่า คิระ ตลอด(ยกเว้น มาริน่า)

องค์กร Paladiso da Regola
King ผู้นำองค์กร ปอร์(Por)

เหล่า Checkmate 5(เชคเมทไฟร์) ผู้คุมกฏแห่ง Paradiso da Regola
Queen จิงค์ลิตเติลแองเจิล(Jing Littleangel) น้องสาวของ ปอร์
Bishop นิฮิล (Nihil)
Rook บีบิส (Beabizz)
Knight ไกอา (Gaia)
Pawn โคทาโร่ (Kotaro)


เหล่า N.o.t.e.(Navigation Operater Terminal EXE)
อุปกรณ์Ai สื่อสารและสำหรับทำการดวลแบบเคลื่อนที่ข้อมูลเพิ่มเติม
Normal Mode


Duel Modeคลิกเพื่อดูรูปใหญ่ได้


Chorus เจ้าของ ธนัท
Castanet เจ้าของ เคียว
Gospel เจ้าของ ชุติการ
Shello เจ้าของ แอนนา
Recorder เจ้าของ อิส
Maracus เจ้าของ โคทาโร่
Alto เจ้าของ ไดสุเกะ
Melodian เจ้าของ อาจารย์ บุษบารี
Mezzo เจ้าของ บอย
Tenor เจ้าของ อนุชิต หรือ คิระดาบแห่งพระเจ้า
Soprano เจ้าของ ฟรานซิสก้า
Forte เจ้าของ ควีนจิงค์ลิตเติลแองเจิล



replyนี้จะขอใช้เป็นหน้า แนะนำตัวละครนะครับเพราะแปะข้างหน้าเลยมันรกไป
สารบัญเราอัพเกรดให้ดีกว่าของ ทาลิ1 ที่ลิงค์ไปแค่หน้า เพราะคราวนี้คลิก ปุบแล้วรอมันจะไปจอดที่บทนั้นให้เลยเราไม่ต้องหาเอง

ส่วน คุณ Chessknight รู้สึกจะชอบหมากรุกมากเลยนะครับเนี่ย แหะๆ เสียดายที่เวลามีน้อยไปหน่อย
เหล่า เชคเมทไฟร์ เลยไม่ค่อยได้ออกโรง  แต่ Knight ได้ออกโรงไปเต็มๆแล้ว 1 บท ที่ดวลกะโคทาโร่
ถ้านับดูแล้ว เชคเมทไฟร์ ที่มีบทเยอะ คงไม่พ้น Pawn โคทาโร่คุงนี่ล่ะ (ให้ตายเถอะจอร์จ เบี้ยเล็กสุดดันบทสำคัญกว่า คิง  )

ส่วนเรื่อง rook beabizz นั้น ตอนแรกคิดว่าเป็นเรือนึกว่าเรียก Ship เลยกลายเป็นตลกๆไป
ก็ขอบคุณสำหรับตารางยศหมากรุกที่เอามาแปะให้นะครับ ผู้อ่านท่านอื่นจะได้ทำความรู้จักเกี่ยวกับยศเหล่านั้นด้วย
(จะให้ดีย่อรูปให้เล็กลงหน่อยก็ดีนะครับ ใหญ่มาก กระทู้เลื่อนเลย )

เดี๋ยวขอตัวไปจัดการตอนพิเศษทาลิให้จบก่อน แล้วจะได้เอามาลงกับ sub-turn 14 ที่จริง ชื่อตอนไม่ตรงกับที่คิดตอนแรกแหะ
มันต้องชื่อ multi-battle แต่เอาเถอะช่างมันปะไร



« Last Edit: May 30, 2009, 10:02:34 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #125 on: May 27, 2009, 05:17:39 PM »

Sub-Turn 14 Element Burst

ความเดิมตอนก่อนๆใน SMN VR!: โคทาโร่ ได้เปิดเผยตัวจริงออกมาเค้าเป็น
 1ใน 5 ผู้คุมกฏของ Paradiso da Regola (หลักแห่งสวรรค์)  องค์กรซึ่งอยู่เบื้องหลังบริษัท

 Phenomenon Party  โคทาโร่ ได้พาตัว ชุติการ ซึ่งมีมังกรขาวอสูรเทพในตำนานไป
ต่อหน้าต่อตา ธนัท พร้อมทั้งทำลายพันธะสัญญาที่เค้ากับ ธนัท เคยทำไว้ในตอนที่สู้กับมูนไชน์แวร์วูฟ

ขณะเดียวกัน master ceremony ทั้ง 5 ที่ได้ ศรี กลับมาร่วมจึงทำให้กลุ่มครบแล้วจึงเริ่มแผนการ
ที่จะต่อสู้กับ Paradisa da Regola อย่างจริงจัง

ในขณะเดียว กัน ธนัท ได้สร้างสำรับแห่งตำนาน ขึ้นมาจนสมบรูณ์ได้แล้ว
เรื่องราวกำลังจะเปิดฉากเข้าสู่เวทีสุดท้ายแห่งการต่อสู้ ชะตาของพวกเค้าจะเป็นเช่นไร
ต้องติดตามกันต่อไป….




วันพุธ ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2700  เวลา 17.00 น. สภาพอากาศ ฝนตก

โรงเรียนมนต์วิทยา  ชมรม SMN



“ ชุติการ ถูกพวก Paradiso da Regola จับตัวไปแล้ว ”
ริน ศรี ภูเขา ทั้งสามคนร้องขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ กับข่าวที่ได้ยินจากปากของ เคียว

“ ป…เป็นความจริงเหรอ ”
ริน ถามเพื่อขอคำยืนยัน ซึ่ง เคียว ก็ พยักหน้าตอบ

“ นึกแล้วเชียว เจ้าเด็กนั่น มันใช้ภาพลวงตา อสูรอัญเชิญสร้างหลอกพวกเรา ”
มาริน่า สบถพลางทุบมือลงปบน พนักเก้าอี้

“ ว่าแต่? พี่ ศรี กลับมาได้ไงขาเนี่ย ”
แอน ถามด้วยสีหน้างงๆพลางชี้ไปที่ ศรี ที่นั่งอยู่ในวงสนทนานี้ด้วย

“ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ แต่ที่สำคัญคือตอนนี้ พวกมันได้มังกรขาวไปไว้ในมือแล้ว
เราจะช้าไม่ได้อีกแล้ว ”
คิระ แย้งขึ้นมา ขณะที่ แอน และ ไดสุเกะ นั้นยัง งงๆกับสถานการณ์ในตอนนี้

“ ถ้ายังไง….เอ่อคือ…ถ้ายังไงจะช่วยเล่าให้ฟังก่อนได้ไหมครับว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ”
ไดสุเกะ ถามด้วยความสงสัย ทั้งเรื่องที่ พวก มาริน่า พูดถึง และทีท่าของ ธนัท ที่นั่ง
เซื่องซึมอยู่บนเก้าอี้ โซฟา ในชมรม

“ ฟรานซิสก้า ช่วยอธิบายสภาพการณ์ในตอนนี้ ให้ พวกเค้าฟังที คิระ กับ ภูเขา
ไปจัดการเกณฑ์พวกเด็กๆในชมรมที เอามาเฉพาะที่น่าจะใช้ได้ซัก สองสามคนพอ

 เราจำเป็นต้องมีกำลังรบมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ริน เธอมา กับฉัน เราจะไป
รายงานเรื่องนี้ กับอาจารย์ใหญ่ ให้จัดการเตรียมการตามแผนที่วางไว้ ”

มาริน่า สั่งจบ ต่างๆคนต่างก็แยกย้าย กันออกไปจัดการตามหน้าที่ของตัวเอง
ตอนนี้ในห้อง ชมรม จึงเหลือเพียง ธนัท แอน อิส ไดสุเกะ ศรี และ ฟรานซิสก้า


“ งั้นก็เริ่มจาก เรื่อง มังกรขาวในตัวของ ชุติการ ก่อนก็แล้วกันนะ ”
ฟรานซิสก้า กล่าวก่อนจะเริ่มเล่า เรื่องทั้งหมดให้ ไดสุเกะ แอน และ ธนัท ที่ยังคลุมเครือ
กับเรื่องนี้อยู่

“ นานมาแล้วในอดีตมี อสูรที่มีพลังยิ่งใหญ่เหนือกว่าอสูรทั่วไป มันคือ อสูรเทพ
 นับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของมนุษย์มีการนำพลัง เวทมนต์ เข้ามาใช้อสูรเทพ ที่ทำ

หน้าที่เป็นเหมือนหัวหน้าใหญ่ของเหล่าอสูรอัญเชิญ ก็คอยควบคุมโลกของเราไม่ให้
 ทำเลยเถิดไป ทั้งสงครามและการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น หากมนุษย์คิดจะเบียดเบียนชีวิต

อื่นอย่างร้ายแรง พวกมันจะจุติลงมาทำลายทุกอย่างจนกว่าสิ่งเหล่านั้นจะหมดไป
มังกรขาวของ ชุติการ เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ตัวบุคคลที่สามารถควบคุมและอัญเชิญ
อสูรเทพได้จะถูกเรียกว่า Angel เรื่องเธอคงรู้แล้วสินะ ธนัท ”

ฟรานซิสก้า เล่าจบก็หันไปถาม ธนัท ที่ยังคงซึมเศร้ากับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นอยู่ เค้า
ไม่ตอบอะไรแค่เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น ฟรานซิสก้า จึงเริ่มเล่าต่อ

“ Paradiso da Regola องค์กรที่อยู่เบื้องหลังของ บริษัท Phenomenon Party
ที่มีสาขาเกี่ยวกับการพัฒนาเวทยาการทั่วโลก ต้องการตัวมังกรขาวของ ชุติการ ไปเพื่อทำให้
แผนการที่ จะทำให้โลกของเราและ โลก เทอร่าของเหล่าอสูร รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ”

ฟรานซิสก้า กล่าวจบ แอน ก็ถึงกับสะอึกไปทันที เมื่อได้รับรู้ถึงเป้าหมายของศัตรู

“ แล้ว อสูรเทพมีพลังที่จะทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอครับ ”
ไดสุเกะ ถามด้วยความสงสัย

“ ตรงนี้ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจหรอกนะ ว่ามันจะทำได้จริงรึเปล่าและถึงเป็นไปด้มันจะออกมายังไง
ฉันเองก็บอกไม่ได้หรอก แต่ที่แน่ๆคือเราจะยอมให้ พวกมันทำตามใจไม่ได้ ”
ฟรานซิสก้า กล่าวขณะที่ ศรี ลุกขึ้นเดินเข้าไปหา ธนัท

“ ธนัท สำรับในตำนานน่ะ น้องได้มันมาแล้วใช่ไหม ”
ศรี ถามก่อนที่ ธนัท จะยื่นเอาสำรับนั่นให้ ศรี จึงรับมาดูก่อนจะส่งคืนให้เค้า

“ ครบถ้วนทุกใบ แต่แม่คงยังไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้นายฟังสินะ
นี่น่ะเป็นสำรับ ที่พ่อเคยใช้พี่เป็นคนให้ แม่เก็บไว้ เพื่อที่จะยกให้นาย

ใช้มันในเวลาที่ยามนี้มาถึง มันจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่เมื่อนายรู้จักวิธีที่จะ
ใช้มันอย่างถูกต้อง ”

ศรี กล่าวขณะที่ ธนัท รับสำรับคืนมา

“ เรื่องชุติการไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ พวกพี่จะจัดการเอง
ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะต้องพาเธอกลับมาได้อย่างปลอดภัยแน่นอน ”
ศรี กล่าวหวังที่จะปลอบใจน้องชายของตน ที่เจ็บช้ำน้ำใจ จากการถูกทรยศ

“ ผม….ขอตัวนะครับ ”
ธนัท กล่าวก่อนจะลุกเดินไปเปิดประตูชมรม เสียงฝนและ ลม ได้ดังก้องเข้ามาใน
ห้องชมรมที่ เงียบสงัด ก่อนที่ เสียงจะเงียบไปพร้อมกับบานประตูที่ปิดลง

“ ธนัท… ”
แอน เปรยด้วยความเป็นห่วง ขณะที่มองไปที่ ประตูที่ ธนัท เดินออกไป

…………..

ซ่า ๆๆ ครืนนนนน!

เสียงฝนที่ผสมปนเปมากับเสียง ฟ้าร้องและเสียงลมที่พัดโหมเข้ามาราวพายุที่
จะหอบเอาทุกสิ่งไป ธนัท กำลังเดินฝ่าสายฝน ที่เท ลงมาอย่างบ้าคลั่งนี้

โดยไม่แยแสว่าตัวเองจะเป็นอะไรไปหรือไม่ แม้ตอนนี้เสื้อของเค้าจะชุ่ม
ไปด้วยน้ำจนหนัก และ เย็นเพียงใด เค้าก็ยังคงเดินต่อไป

“ วันนี้จะมีนักเรียน ย้ายมาใหม่เค้าชื่อ เซนาคาว่า โคทาโร่ ฝากทุกคนดูแลเค้าด้วยนะ ”
“ ไงยินดีที่ได้รู้จัก ”
“ หาต้องพูดแบบนั้นด้วยเหรอไอ้การ ทำสัญญาเนี่ย ”
“ ก็เพราะเราเป็นเพื่อนกันนี่นา ”
“ นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ที่ เราจะได้มาเล่นกันแบบนี้ ”

เสียงของ โคทาโร่ จากความทรงจำของเค้าตอนนี้มันดังก้องอยู่ในหัวของเค้า
แทบจะตลอดทางที่เดินมา จนเมื่อมาถึงตรงหน้าลานกว้างที่เค้ากับ โคทาโร่

ทำสัญญากันครั้งแรก เค้าก็ล้มฟุบลงไป โดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่
ข้อแขนข้างที่เคยมีอักขระแห่งพันธะจิต ของโคทาโร่ ที่ตอนนี้ได้หายไปแล้ว

“ โคทาโร่….นาย….. ”
ธนัท เปรยออกมาก่อนจะสลบไปท่ามกลางพายุฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง

/Hey! Idiot you will not sleep at on/ (เฮ้ เจ้างั่งนายจะมานอนตรงนี้ไม่ได้นะ)
คอรัส ส่งเสียงเรียกให้เค้าตื่น ทว่าไม่ว่าจะเรียกดังแค่ไหน ธนัท ก็ไม่ตอบกลับ
หรือลุกขึ้นมาเลย


“ ในที่สุด…ก็เจอตัวจนได้ ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่ ควีนจิงค์ จะปรากฏตัวขึ้นพร้อม กับ กำแพงใสซึ่ง
เกิดจากพลังจิตองเธอจะบังฝนให้ เธอและ ธนัท

/Teleportation/
สิ้นเสียงที่กังวานขึ้นจาก note ของเธอร่างของ เธอกับ ธนัท ก็หายวับไปจากตรงนั้น


……………….
……………………….

“ ลาก่อน….ธนัท ”
“ ไม่นะอย่าไปนะ ชุติ….ชุติ…. ”
ภาพเหตุการณ์ ที่ ชุติการ ถูก โคทาโร่ พาตัวไป นั้นปรากฏขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด
ก่อนที่ ตัวเค้าจะพุ่งพรวดขึ้นมา ด้วยความตกใจ

“ ที่นี่…. ”
ธนัท เปรยขึ้นหลังจากที่ ตั้งสติได้และมองไปรอบๆ ตอนนี้ตัวเค้านอนอยู่ บนเตียง
ในห้องของเค้าเองอีกทั้ง เสื้อผ้าก็แห้งและไม่เปียกเลยแม้แต่น้อย ที่น่าประหลาดใจกว่านั้น
คือเค้ากลับมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แม้จะพยายามทบทวนเท่าไหร่ แต่ในหัวมันก็ว่างไปหมดซะทุกอย่าง

“ ทำไมกัน ฉันจำไม่ได้เลยว่า กลับมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ …. ”
ธนัท กล่าวพลางกุมขมับ ด้วยความรู้สึกที่ยังมึนๆหัวอยู่ เค้าจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
นอกจาก เค้าไปที่ลานกว้างแล้วจากนั้นทุกอย่างก็ขาวโพลนไปหมด

“ ฉันเป็นคนพา เธอ กลับมาเองแหละ ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจาก มุมห้อง ก่อนที่ ธนัท จะทันสังเกตุว่า ควีน อยู่ในห้องของเค้าด้วย

“ ธ…เธอ….ป…เป็นใครกัน แล้วทำไมถึงมาอยู่ในห้องฉันได้ ”
ธนัท กล่าวตะกุกตะกัก ด้วยความตกใจ

“ ฉันเหรอ…จิงค์… จิงค์ลิตเติลแองเจิล 1 ใน 5 ผู้คุมกฎแห่ง Paradiso da Regola
 Queen แห่ง Checkmate 5 ”
ควีนจิงค์ ตอบเสียงเรียบขณะที่ ธนัท ทวนคำตอบของเธอแล้วก็ร้องผวาขึ้นมาทันที

“ น…นี่…นี่เธอเป็น พวก Paradiso da Regola งั้นเหรอนี่หรือว่าเธอจะมาจัดการกับ ฉัน ”
ธนัท กล่าวอย่างร้อนตัว ก่อนจะถูกเธอขัดขึ้นมา

“ ฉัน ไม่ได้มาร้ายหรอกนะ แค่ต้องการหาคนร่วมมือด้วยก็เท่านั้นเอง ”
ควีน จิงค์ ตอบเสียงเรียบเฉย ขณะที่ ธนัท ยังคงฉงนกับคำพูดของเธอ

“ ร่วมมือ…กับเธองั้นเหรอ ”
ธนัท ทวนคำตอบของเธอ อีกครั้ง ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับ ก่อนจะกล่าวต่อ

“ ฉันต้องการให้เธอร่วมมือกับ ฉันในการหยุดแผนชั่วของพี่ชายฉัน
 King แห่ง Checkmate 5 ผู้นำสูงสุดของ Paradiso da Regola ”
ควีน จิงค์ กล่าวคำตอบของเธอ นั้นทำให้ ธนัท ประหลาดใจมากทีเดียว

……………….
……………………..

“ นี่ มาริน่า แผนการณ์ของ พวกมันที่จะรวมโลกเป็นหนึ่งกับ เทอร่า นี่มันเป็นยังไงเหรอ ”
นักเรียนสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับ มาริน่า กล่าวถามเธอมีผมแซ่ก
สีน้ำตาลและมัดผมด้วยผ้าโผกหัวสีแดง



“ ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะ ริน ว่ามันเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆคือยังไงเราก็ยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ ”
มาริน่า กล่าวตอบ รินขณะที่ทั้งสอง กำลังเดินลงบันไดอาคารเรียนหลัก หลังจากติดต่อเรื่องกับ
อาจารย์ใหญ่เรียบร้อยแล้ว

“ ธนัท จะเป็นอะไรรึเปล่านะ ดูถ้าจะช็อคหนักเลย ที่ โคทาโร่ เป็นศัตรูแบบนี้น่ะ ”
ริน เปรยด้วยความกังวล ต่อทีท่าของ น้องชายที่ เปลี่ยนไปหลังจาก
ต้องเจอกับเรื่องทั้งหมด

...............
..........................


“ หมายความว่าเธอไม่เห็นด้วย กับแผนการของพี่ชายงั้นเหรอ ”
ธนัท ถามเพื่อขอคำยืนยัน จาก ควีนจิงค์

“ ใช่..เพราะฉันไม่คิดว่า แผนการของพี่จะเป็นสิ่งที่ถูกหรอกนะ การรวมโลกทั้ง2
ให้เป็นหนึ่งนั่นจะทำให้โลกล่มสลาย ”
ควีน จิงค์ กล่าวขณะที่ฟังอยู่นั้น ธนัท ก็เกิดอยากถามเรื่องของ โคทาโร่ ขึ้นมา

“ จริงสิ เธอบอกว่าเป็น ๅ ใน Checkmate 5 อะไรนั่นใช่ไหมงั้นขอถามอะไรหน่อยสิ
คนที่เป็น Pawn น่ะ ”
ธนัท ถามขึ้นก่อนที่ ควีนจิงค์ จะแทรกขึ้นมา

“ หมายถึง เซนาคาว่า น่ะเหรอ ”
ควีนจิงค์ กล่าวตอบ ซ฿่งคำตอบของเธอ ทไให้ ธนัท รู้สึกมีหวังขึ้นมา
หน่อยๆเค้าจึงเริ่มถามต่อ

“ ใช่ๆ คือเจ้านั่นน่ะ ได้รับคำสั่งให้มาสอดแนมพวก ฉัน เป็นความจริงรึเปล่า ”
ธนัท ถามโดยที่ในใจของเค้านั้นหวังอะไรอยู่ลึกๆ โดยที่ตัวเค้าเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม

“ งั้นเหรอ นั่นสินะ ถ้าฉันอยากจะให้เธอร่วมมือ ฉันควรเล่าในสิ่งที่เธออยากรู้ให้ฟังสินะ
.......ที่จริงเราไม่ได้มีคำสั่งอะไรเลย ตอนที่เค้าพา ตัวองค์หญิงแห่งมังกรขาวมา

พวกเราเองก็ตกใจกันมาก เพราะไม่นึกว่าเค้าจะแฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มนั้น ที่จริง
ใน Checkmate 5แทบจะไม่มีใครเคยเห็นหน้าตาเค้าเลย นอกจากพี่ที่เป็น คิง
แต่สาเหตุที่เค้าเข้ามาเป็น 1 ใน 5ผู้คุมกกน่ะฉันพอจะรู้อยู่  ”

ควีน จิงค์ กล่าวจบ ธนัท ก็ไม่รอช้าที่จะถามต่อทันที

“ แล้ว เหตุผลของเจ้านั่นล่ะ ”
ธนัท ถามอย่างรีบร้อน ก่อนที่ ควีนจิงค์ จะเล่าทุกอย่างให้เค้าฟัง
ท่ามกลางเสียงฝนที่ตกกระทบ อยู่ตลอดทั้งช่วงเย็นนั้น
...................
...............................

“ เข้าใจแล้วหลา ที่ หลังๆมานี้ ชุติ ดูไม่ค่อยสบายเพราะแบบนี้นี่เอง.... ”
แอน กล่าวหลังจากที่ได้รับรู้เรื่องทั้งหมดจาก ปากของ ฟรานซิสก้า
เธอจึงได้เข้าใจในที่สุด ว่าตลอดมา ชุติการ นั้นรู้สึกอย่างไร มาตลอด

“ เจ้า ธนัท เอง ก็คงคิดว่าเป็นเรื่องที่มันต้องรับผิดชอบด้วยล่ะมั้ง
เพราะ ฉันดันไปพูดว่าฝากทุกคนด้วย ก่อนจะออกเดินทางไปแบบนั้น  ”
ศรี กล่าว ขณะที่ มองผ่านกระจกหน้าต่างชมรมออก ไปสายฝนยังคงโปรยปรายลงมา
อย่างไม่ลืมหูลืมตา

“ ที่ โคทาโร่ ทำแบบนี้ไปน่ะ ผมว่าเค้าจะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน
 ผมเชื่อว่า ที่เค้าแสดงออกนั้นไม่ใช่การเสแสร้งแต่เป็นสิ่งที่ออก
มาจากใจของเค้าจริงๆ เพราะผมเป็นเพื่อนกับเค้ามาตั้งแต่ตอนที่เรายังอยู่ใน URH แล้ว ”

ไดสุเกะ ยืนยันขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมเค้าไม่เชื่อว่า โคทาโร่ จะทรยศจริงๆ
ซึ่งทุกคนเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน

“ ใช่แล้วล่ะ...ก็เหมือน moon melody นั่นล่ะ เรวิลส์ ไม่ได้พาตัว เรมี่ ไป
เพราะเจตนาร้าย แต่เค้ามีเหตุผลจำเป็นที่ต้องทำ เพื่อไม่ให้เรื่องต้องจบแบบ
น่าเศร้าเรามาแก้ไขมันกันเถอะ ”

เคียว กล่าวจบ ทุกคนก็หันมามองเค้าด้วยความประหลาดใจที่ไม่นึกว่า เคียว จะพูดออกมาแบบนี้ได้

“ ทำไมเหรอ...ฉันพูดอะไรผิดหรือไง ”
เคียว ถามด้วยความประหลาดใจที่ทุกคนหันมามองเค้า

“ ป...เปล่าหรอก แต่นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่า เคียว จะพูดให้กำลังใจแบบนี้ได้หนา ”
แอน กล่าวเก้ๆกังๆ เพราะยังรู้สึกประหลาดๆกับคำพูดปลุกใจของ เคียว เมื่อครู่
ขณะที่ เคียว เกาหัวด้วยความฉงน

...................
.........................

“ เหตุผลที่ เซนาคาว่า มาเข้าร่วมกับเราก็เพราะ เค้าเป็นผู้นำของ URH ในปัจจุบันนี้
เพื่อที่จะให้ องค์กรที่แบกภาระชีวิตของ DNA-Changer อีกหลายชีวิต อยู่รอดต่อไปได้

พี่ชา ฉันได้ยื่นข้อเสนอที่จะช่วย องค์กรของเค้า แลกกับการที่เค้าต้องมาเป็น
ผู้คุมกฎของ Paradiso da Regola เรื่องที่ ฉันพอจะรู้ก็มีเท่านี้ล่ะ ส่วนเรื่อง

ร่วมมือนั้นแล้วแต่เธอก็ละกันถ้าเธอตกลง คืนนี้ 2 ทุ่มตรงมาเจอฉันที่
 หน้า Phenomenon Party Center ตามที่อยู่ในนี้ ฉันจะรอเธอนะ ”

คำพูดของ ควีนจิงค์ ที่ ธนัท ฟังมานั้นทำให้เค้าต้องมานั่งวิตกกับการตัดสินใจที่
เค้าจะต้องเลือกในเร็วๆนี้


“ ฉันเองก็อยากจะไปช่วย ชุติ อยู่หรอก แต่ถ้าทำแบบนั้น จะทำให้ โคทาโร่
ต้องลำบากหรือเปล่านะ... ”
ธนัท เปรยขึ้นมาตอนนี้เค้ามีตัวเลือกสองทาง ระหว่าง ชุติการ กับ โคทาโร่
ทำให้เค้าตัดสินใจยากขึ้นไปอีก

“ นี่ฉันจะทำไงดีนะ คอรัส ถ้าฉัน ช่วย ชุติ โคทาโร่ ก็จะต้องลำบากเพราะฉัน
แต่ถ้าฉันไม่ไป ชุติ ก็จะตกอยู่ในอันตราย ”
ธนัท กล่าวพลางหันไป มอง note ของตน

/Idiot, no choose the way/ (เจ้างั่ง ก็ไม่เห็นต้องเลือกเลยนี่)
คอรัส ตอบกลับมาคำพูดของมันทำให้เค้า นึกได้ว่าตอนนี้เค้าควรทำอย่างไร

“ นั่นสิ จริงด้วยเนอะ ฉันจะมานั่งกลุ้มทำไมกันในเมื่อเลือกไม่ได้ก็ไม่เห็นต้องเลือกเลยนี่
ฉันตัดสินใจแล้วล่ะ คอรัส ”
ธนัท กล่าวจบก็หยิบเอา คอรัส ขึ้นมาห้อยคอ

“ ฉันจะบุกไปที่ Phenomenon Party Center แล้วช่วย ชุติ ออกมาให้ได้ ”
ธนัท กล่าวก่อนจะหยุดไปเพราะตัวเค้าเองก็ไม่แน่ใจนักว่าจะทำได้อย่างที่คิดไหม
แต่สุดท้ายเค้าก็กล่าวออกมา

“ ....แล้วก็ หาทางปรับความเข้าใจกับ โคทาโร่ ไปด้วย นายจะช่วยฉัน ใช่ไหมคอรัส ”
ธนัท กล่าวขณะที่รอคำตอบจาก คอรัส มันนิ่งเงียบอยู่เหมือนกับจะประเมินผลอะไร
บางอย่างที่เป็นการตัดสินใจอยู่

/All Right , My…. Master/ (ไม่มีปัญหา,มาสเตอร์....ของฉัน)
คอรัส ตอบกลับมานี่เป็นครั้งแรก ที่มันยอมเรียกเค้าว่า มาสเตอร์

“ ขอบใจนะ คอรัส ”
ธนัท กล่าวตอบอย่างปลื้มใจ ก่อนจะ ขึ้นไปเปลี่ยนชุดเตรียมไปตามที่นัด

....................
................................

เวลา 20.00 น. จังหวัดสมุทรปราการ หน้าอาคารสำนักงานใหญ่ Phenomenon Party Center

อาคารสีขาวสูงเสียดฟ้า ปูด้วยกระจกตัดไปตลอดชั้น จนสุดนี่ตั้งตระหง่านอยู่กลางตัวเมือง
อาคารแห่งนี้ คือฐานบัญชาการที่ใหญ่ที่สุดของเครือบริษัท Phenomenon Party ทั้งหมด

“ ข้างในมีระบบรักษาความปลอดภัยอะไรบ้างรึเปล่า ”
ธนัท ถามขณะที่เดิน เข้าไปในอาคารกับ ควีนจิงค์ ที่มารอเค้าอยู่ก่อนแล้ว

“ ถึงจะมีก็แค่ระบบรักษาความปลอดภัยธรรมดาน่ะ แต่ช่วงชั้น ที่ 20 ขึ้นไป
จะเป็นเขตวิหาร 12 ราศีซึ่งจะมี Starter คุมอยู่ แล้วถัดไปอีก ก็จะเป็นชั้นของ
 Checkmate 5 ที่ชั้นบนสุดจะเป็นห้องของคิง ”

คีวน จิงค์ อธิบาย แผนภาพภายในตึกให้ฟังไประหว่างที่พวกเค้า ขึ้นลิฟต์ มาจนถึงชั้นที่ 20
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ตรงหน้าพวกเค้านั้นเป็นบานประตูกระจกขนาดใหญ่ที่
 ด้านหลังประตูเป็น บันไดทอดยาวขึ้นไปยังชั้นต่อไปอีก

“ นี่มันแปลกๆอยู่นะ ตั้งแต่เราเข้ามายังไม่เห็นเจอใครซักคนอยู่ในตึกเลย ”
ธนัท เอ่ยด้วยความสงสัยหลังจากที่ ตลอดทางที่พวกเค้า เข้ามาจนถึงตรงนี้
กลับไม่เจอยามรักษาการ หรือพนักงานของบริษัท เลย

“ ท่านพี่คงสั่งการให้ ทุกคนออกไปหมดแล้ว เพราะเดิมทีแผนการ
นี้เป็นความลับที่เปิดเผยต่อสมาชิกทั่วไปไม่ได้อยู่แล้ว ถึงต้องมี Paradiso da Regola
 เพื่อเป็นหน่วยพิเศษสำหรับดำเนินแผนการนี้อย่างลับๆไง ”

ควีนจิงค์ กล่าวขณะที่เดินไปแตะประตูกระจก ซักพักมันก็เลื่อนออกเองโดยอัติโนมัติ
พวกเค้าทั้งสอง จึงเดินเข้าไปและขึ้นไปตามบันด จนมาถึง ชั้นถัดมา

ซึ่งเป็น ห้องที่มีสีขาวโพลนไปทั้งห้อง ภายในห้องว่างเปล่าไม่มีอะไร
ตั้งวางไว้อยู่เลยจะมีก็เพียงแค่ ช่องบันไดขึ้นไปยังชั้นถัดไป และตราประทับรูป
ปูยักษ์ที่แปะอยู่บนคานช่องบันไดนั้น

“ ยินดีต้อนรับ สู่วิหารราศีปูยักษ์ Starter Cancer มาเร็นงอ คนนี้
จะเป็นคู่มือให้เจ้าเองผู้บุกรุกเอ๋ย ”
เสียงดังลงมาจาก อีกฝากของ ช่องบันได ก่อนที่ มาเร็นงอ Starter ผู้เคยพ่ายให้แก่ อิส
จะเดินลงบันไดมา ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเค้า

“ มาเร็นงอ ถอยไปซะฉันไม่มีเวลามา เล่นไร้สาระ ”
ควีนจิงค์ ออกคำสั่งเสียงเฉียบโดยใช้ ยศของตนเป็นเครื่องมือที่จะผ่านขึ้นไปยังชั้นต่อไป

“ อ๊ะ อ้า คงม่ได้หรอกขอรับ ต่อให้เป็นท่านก็ตาม คิง สั่งลงมาว่าอย่าให้ใคร
ผ่านเข้าไปได้ ดังนั้นต่อให้เป็นท่านก็ไม่มีการยกเว้น….เว้นเสียแต่…. ”
มาเร็นงอ กล่าวก่อนจะหยุดไปเสียดื้อๆ โดยไม่พูดต่อ เพราะรู้ว่า ควีนจิงค์
ทราบในเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ควีนจิงค์ ถึงกับสบถด้วยความหงุดหงิด

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #126 on: May 27, 2009, 05:18:41 PM »

“ เว้นแต่…เว้นแต่อะไร…. ”
ธนัท ตะคอกถามด้วยความอยากรู้

“ เรื่องนั้น ควีน น่าจะตอบให้เจ้าได้นะ ”
มาเร็นงอ กล่าวพลางชี้ไปที่ ควีนจิงค์

“ การทดสอบผู้ที่จะผ่านเข้าไปในวิหาร แซงชูรี่(Sanctuary) ที่อยู่ คิง
อยู่จะต้องผ่านการทดสอบการดวลกับStarter ทั้ง 12 และเหล่า Checkmate 5
ด้วยกฏระดับ Ruler แบบ Challange Mode  ”

ควีนจิงค์ ตอบขณะที่ มาเร็นงอ เปลี่ยน note ของตนให้เป็นปลอกแขนสำหรับดวลแล้ว

“ Ruler แบบ Challenge Mode?..มันคืออะไร ”
ธนัท ถามอีกครั้งด้วยความสงสัย

“ เธอรู้ใช่ไหมว่า SMN แบ่งระดับการดวลเอาไว้ 3 ระดับ Caller กับ Summoner
น่ะจะแตกต่างกันที่จำนวนสูงสุดของ Mp Max และ Shirne Max แต่ในระดับ Ruler
จะมีการเพิ่มกฎพิเศษเข้าไปก่อนเริ่มการแข่ง ซึ่งกฎที่ว่าก็คือ Challenge Mode  ”

ควีนจิงค์ อธิบายจบ มาเร็นงอ ก๋ต่อให้จนจบทันที

“ Challenge Mode จะเป็นการให้ผู้เล่นแต่ละฝ่าย กำหนดซีล 1 ใบใน
สำรับเป็น MD (Master Deck) ซึ่งถ้าซีลที่เป็น MD ถูกส่งไปยัง Shrine

 ไม่ว่ากรณีใดๆ เจ้าของซีลนั้นจะเป็นฝ่ายแพ้ทันที แล้วก็ Shrine Max
ตั้งแต่ที่วิหาร นี้ไปจนกว่าจะถึง  วิหารของ Checkmate 5 Shirne Max
จะมีได้แค่ 5 เท่านั้น ”

มาเร็นงอ กล่าวจบ ธนัท ก็ถึงกับหน้าถอดสีไปไม่น้อยเมื่อรู้ถึงกฎสุดเขี้ยวของ
บททดสอบที่ต้องผ่านไปให้ได้

“ หมายความว่า ตลอด 12 วิหารจะต้องดวลโดยที่ มี Shirne เต็มสุดแค่ 5 เท่านั้นและ
 ซีลที่เป็น MD ก็ห้ามถูกทำลายด้วยงั้นเหรอ ”
ธนัท กล่าวซึ่ง มาเร็นงอ ก็รับคำว่าใช่ ทำเอา ธนัท คิดหนักไปทันที

“ ถึงจะยากยังไงก็ไม่มีทางเลือกแล้ว ตกลง MD ของชั้น
จะใช้ Salamandera the Fire Dragon ”
ธนัท กล่าวก่อนจะหยิบเอา ราชันย์มังกรอัคคีซารามันเดอร่า ขึ้นมาจากสำรับแสดง
ให้อีกฝ่ายดู

“ งั้นของ ข้าก็เอาเป็น Crab of Cancer ”
มาเร็นงอ กล่าวจบก็ แสดงไพ่ซีลรูป ปูยักสีฟ้า ตัวใหม่ ที่ธนัท ไม่เคยเห็นมาก่อนขึ้น



“ นั่นมันไพ่ อะไรกันน่ะ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ”
ธนัท อุทานเมื่อได้เห็น ไพ่ที่อีกฝ่ายแสดง ขณะที่ ควีนจิงค์ นั้นแสดงออกถึง
ปฏิกริยาอย่างเห็นได้ชัด

“ ไพ่นั่น Zodiac นี่ท่านพี่ปลดผนึกมันแล้วยังงั้นหรือ….. ”
ควีนจิงค์ สบถด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา

“ ใช่แล้ว คิง ได้ปลดผนึกชุดไพ่ในตำนานทั้ง 24 ใบของชุด Zodiac มอบ
ให้แก่พวกเราในครั้งนี้เพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เมื่อได้ ไพ่ชุดนี้มา เสริมสำรับ
ของพวกเราทั้ง 12 คน ก็จะไร้เทียมทาน ”

มาเร็นงอ โอ้อวดสรรพคุณของ ซีลใหม่ที่ได้รับมา

“ อ้อเกือบลืมบอกไป ซีลที่เป็น MD จะต้องนำขึ้นมาอยู่บนมือ 1 ใบ
จากจำนวนไพ่ทั้งหมดที่จะถือในตอนแรก 7 ใบ ”
มาเร็นงอ กล่าวก่อนที่ พวกเค้า จะเริ่ม จั่วไพ่ จนครบตามจำนวน โดยที่บนมือทั้งสองฝ่ายต่างก็มี
 MD อยู่ในมือแล้ว

“ Let’s Duel Level Ruler ”
สิ้นเสียงของทั้งสองฝ่าย การดวลก็เปิดฉากขึ้นทันที

…………………
……………………….

“ นี่ ฉันทำถูกแล้วหรือเปล่านะ ”
ชุติการ คิด ตอนนี้เธอกำลังประสานมือ สวดภาวนาอยู่ต่อหน้าแท่นแก้ว
 ที่ตรงหน้าเธอซึ่ง วาง Seal Scroll เอาไว้บนแท่นแก้วนั้น และบริเวณฐาน

ของแท่นมีสายไฟ ระโยงระยางต่อไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องประมวลผล
ต่างๆที่รายล้อมอยู่รอบห้อง โดยมีทีมนักวิจัย คอยสังเกตผลการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้น


“ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ ทั้ง โคทาโร่ แล้วก็ทุกคนก็จะต้องลำบากเพราะชั้น
นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว….ฉนตัดสินใจไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนี่ ”
ชุติการ คิดก่อนที่จะนึกย้อนไป ถึงตอนที่เธอคุยกับ โคทาโร่ ที่ โลกเทอร่า
หลังจากที่ บอย จากไปแล้ว



“ โคทาโร่ เธอแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มเพื่อที่จะจับตัวฉัน…ตั้งแต่แรกแล้วงั้นเหรอ… ”
ภาพความทรงจำที่เธอ ตะคอกถามใส่ โคทาโร่ ที่ก้มหน้ารับผิดทุกอย่างต่อหน้าเธอ
นั้นได้หวนย้อนกลับขึ้นมา


“ ที่จริงมันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก….เพียงแต่ฉันไม่นึกเลย….
ว่าองค์หญิงแห่งมังกรขาวจะเป็นเธอ…ฉันมารู้เอาก็ตอนที่เกิดเหตุ
ทัศนศึกษานั่นล่ะ  ”

โคทาโร่ ตอบเสียงแผ่วขณะที่ เธอยังไม่อยากจะเชื่อว่า เค้าจะยอมรับออกมา
แบบนี้


“ หมายความว่าเธอจะพาตัวฉันกลับไปให้พวกมันใช่ไหม… ”
ชุติการ ถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ตอนนี้หัวใจของเธอ เต็มไปด้วยความสับสน
และกังวล


“ ไม่…ไม่ใช่นะ ฉันไม่มีวันทำแบบนั้น….เด็ดขาด….. ”
โคทาโร่ ปฏิเสธขึ้นทันควันอย่างรนราน ขณะที่ เธอมองเค้าด้วยสายตา
ที่ไม่อาจไว้ใจได้อีกแล้ว เค้าจึงเบือนหน้าหลบสายตาของเธอ ก่อนจะกล่าว
ต่อ ออกมาอย่างแผ่วเบา

“ ฉ…ฉัน….มาเข้าเรียนที่โรงเรียนมนต์วิทยา ก็เพื่อจะเข้ามาหา ไดสุเกะ
 ที่ฉันได้ข่าวว่าเค้ามาเรียนอยู่ที่นี่ แต่ก็ดันมีเรื่อง ซีล นอกการควบคุมออก

มาอาละวาดซะก่อน ….ที่จริง ฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้าใครในองค์กรเยอะ
นักหรอกนะ เว้นแต่ คิง(King) ที่ช่วยฉันกับ URH เอาไว้ ”

โคทาโร่ ตอบโดยไม่สบตาเธอ ขณะที่เธอรู้สึกได้ว่า เค้าพูดความจริงและกำลัง
รู้สึกผิดต่อ เธอ และ เพื่อนๆมากมายเพียงใด

“ เดี๋ยวก่อนนะ เธอ กับ URH ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้วไม่ใช่เหรอ?... ”
ชุติการ ถามด้วยความสงสัยในคำพูดของเค้าเมื่อครู่

“ ที่จริงเรื่องที่ฉัน ถูกช่วยออกจาก URH นั่น เป็นเรื่องที่ฉันกุขึ้นมา….
ความจริงผู้นำองค์กร คนปัจจุบันตอนนี้ก็คือฉัน แต่เพราะกระแสต่อต้านทั่วโลก
ทำให้องค์กรเริ่มระสับระส่าย….คนที่เข้ามาช่วยฉันเอาไว้ก็คือ

 คิงของ Paradiso da Regola เค้าสัญญาว่าจะช่วยเหลือดูแลชีวิตของ
DNA-Changer ที่ไม่มีที่ไปที่ยังเหลืออยู่ในองค์กร แลกกับที่ ฉันจะเข้าเป็น
 สมาชิกของ Checkmate 5….. ”

โคทาโร่ อธิบายให้เธอฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ ขณะที่ฟังไปนั้น เธอก็เริ่มจะเข้าใจ
เรื่องทั้งหมด

“ ฉันไม่มีทางเลือก จึงรับข้อเสนอนั้นไป จากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่ ประเทศนี้ แล้ว
ก็ทำงานให้กับองค์กรอย่างลับๆ โดยมี ซากะ เป็นคนกลางคอยติดต่อระหว่าง
ฉันกับองค์กร…. ”

โคทาโร่ เล่าเรื่องทั้งหมดของเค้าให้เธฮฟังจนจบในที่สุดแล้ว เค้าก็ถอยออกห่างจากเธอ

“ นั่นนายจะไปไหนน่ะ ”
ชุติการ ถามพลางตามไปดึงแขนไว้ไม่ให้เค้าไป


“ ….ปล่อยฉันเถอะ…ฉันจะไปเอง….ฉันสัญญาว่าจะไม่โผล่หน้ามาให้เธอกับทุกคนเห็นอีก
….ถ้าฉันกลับไปแล้วจะขอร้องกับ คิง ให้ปล่อยเรื่องของพวกเธอไป…ฉันจะทำ…ทำเท่าที่ทำได้นะ ”
โคทาโร่ กล่าวน้ำเสียงสั่นเครือ โดยไม่หันมาสบตาเธอ

“ เดี๋ยวสิถ้าทำแบบนั้นแล้วเธอจะเป็นยังไงต่อล่ะ… ”
ชุติการ ถามขึ้นขณะที่พยายามรั้งตัวเค้าไว้อย่างเต็มกำลัง

/Master will deleted/(นายท่านจะถูกลบหายไปน่ะสิ)
เสียงมาราคัส note ของ โคทาโร่ ตอบขึ้นมาให้แทน คำตอบนั้นทำเอาเธออึ้งไปไม่น้อย

“ จ….จริงเหรอ….ถ้าหากว่าทำแบบนั้น นายก็จะ…. ”
ชุติการ ถามด้วยความรนราน เมื่อได้รู้คำตอบ

“ ฉัน…เตรียมใจไว้แล้ว….หลังจาก ซากะ กลับไปรายงานฉันก็จะถูกเรียก
ตัวไปจากนั้นก็คงจะเริ่มการไต่สวน….ฉันจะถูกกำจัดทิ้งหลังจากนั้น ฐานเป็นคนทรยศ ”

โคทาโร่ ตอบ ชุติการ ที่ได้ทราบเรื่องแล้ว ถึงกับหน้าถอดสีไป
ตอนนี้เธอสับสนไปหมดทุกอย่าง

“ หมายความว่า นาย….จะยอมสละตัวเองเพื่อพวกเรา…ทำไมล่ะ
…ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย.. ”
ชุติการ ถามขึ้นทั้งน้ำตาที่รินไหล ออกมาด้วยความสับสนและกังวลที่
บีบคั้นหัวใจของเธอในตอนนี้

“ เพราะ….เพราะอะไร….ตัวฉันเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันเพียงแต่….
ฉันไม่อยากที่จะสูญเสีย พวกเธอไป ฉันเอง…ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกอย่างนั้น ”
โคทาโร่ ตอบน้ำเสียงสั่นเครือ ขณะที่ ชุติการ พึ่งสังเกตว่า ที่ข้างแก้มของเค้ามีหยาดน้ำ
อาบอยู่

“ เข้าใจแล้วล่ะ….ฉันจะไปกับนายเอง… ”
ชุติการ กล่าวจบก็ปล่อยแขนของโคทาโร่ ขณะที่ เค้าหันกลับมามองเธอด้วย
สีหน้าแปลกใจ

“ ฉันเอง…ก็ไม่อยากที่จะให้ใครต้องมาเจ็บเพราะฉันอีกแล้ว….ทั้งนาย ทั้งธนัท แล้วก็ทุกคน
ถ้าต้นเหตุ ทั้งหมดมันเกิดจากฉัน ….ฉันจะขอจบมันด้วยตัวเอง… ”
 วาจาของ ชุติการ ที่ได้ลั่นออกไปในตอนนั้น คือการตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วของเธอ
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอ มาอยู่ที่นี่อย่างสมัครใจ

…………..
……………………..


“ รอบของ ฉัน… ”
ธนัท กล่าวก่อนจะหยุดไป โดยที่ยังไม่ได้ดึงไพ่ขึ้นมา

มาเร็นง

ส่วนสนามของฝ่าย มาเร็นงอ นั้นในแนวโจมตีมี
ไก่แห่งปี ระกา(Ji, the Rooster) 4 ตัวยืนขวางแนวนี้คอยป้องกัน
ปูยักษ์ที่เป็น MD ของ มาเร็นงอ เอาไว้



“ ระกาทั้ง 4 ใบมีสกิลที่จะสามารถโยกย้ายSton Curse จากซีลใบอื่นของเราได้
เมื่อมันรวมร่างกับซีลที่สังกัดธาตุดิน
 ส่วน Crab of Cancer ก็มีความสามารถที่จะสร้าง Ston Curse หรือ

 Freeze Curse ได้ทุกครั้งที่เข้าสู่ Sub-Turn ป้องกันของเราโดยจะเลือกสร้าง
 Curse ให้แก่ซีลของเรา เท่ากับจำนวนเลเวลของซีลที่เราจะ สร้าง Curse ให้แก่มัน

จากนั้นเราก็ใช้สกิลของ ระกา ย้ายไปให้มันเท่านี้ ซีลของมันก็จะเป็นง่อยกันหมด
ขอแค่รอบหน้าเรารวมร่าง ระกา ได้
ทีนี้ก็สบายเรานี่ล่ะ คอบโบของสำรับ Cancer ที่ได้รับพลังเพิ่มจากชุด Zodiac ”

มาเร็นงอ คิดขณะที่ยิ้มเยาะด้วยความหยิ่งผยองอยู่ในใจ ที่แผนการของตนกำลัง
พร้อมที่จะใช้เล่นงาน ธนัท


“ เราต้องรีบเอาชนะให้เร็วที่สุด ซึ่งก็คือการจัดการกับ DM ของมันในรอบนี้ที่จริง
ก็มีวิธีอยู่หรอก แต่ดิมมิเนี่ยว ที่เราลงไปแล้วมีความสามารถหลังการ Growth

คือการจู่โจมข้ามไลน์ แต่ก็ดันลงไข่มังกรที่จะเอามา Growth หลังจากตอนที่เรา
ร่ายมันไปแล้วแทน บนมือก็ไม่มีซีลที่มีพลังพอจะจัดการทั้ง ไก่สี่ใบนั่นไปพร้อมๆ
กับ ปู นั่นได้เลย ”

ธนัท คิดตอนนี้เค้าไม่มีเวลาที่จะมานั่งเล่นให้ยืดยาวได้มากกว่านี้
แต่สถานการณ์ก็ไม่อำนวยเท่าใดนักเพราะ เค้าไม่สามารถที่จะสร้างซีล
สำหรับปิดเกมส์ในตอนนี้ได้

“ …สำรับนี่เป็นของพ่อ มันจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่หากนายรู้จักวิธีที่จะใช้มันอย่างถูกต้อง… ”
ในตอนนั้นเอง คำพูดที่ ศรีพูดเอาไว้กับเค้าก็แว่วขึ้นมาในหัว และทำให้เค้านึกอะไรขึ้นได้

“ จริงสิพี่บอกว่า สำรับนี้มีพลังที่แข็งแกร่งอยู่…ถ้าเรารู้จักวิธีที่จะใช้มัน
…หมายความว่ายังไง วิธีที่จะใช้….เดี๋ยวก่อนจำได้ว่า ไพ่ที่ได้มาใหม่มัน
มีคำว่า Regeneration อยู่ด้วย ไม่แน่บางที… ”

ธนัท คิด ขณะที่ยังคงข้างคาอยู่ที่ Check up Step ซึ่งเป็นช่วงเข้า รอบโจมตีของเค้า

“ เฮ้ รีบเข้า Draw Step ซักทีเซ่ มัวรอ อะไรอยู่ได้ ”
มาเร็นงอ ตะคอกใส่ด้วยความไม่พอใจที่ ธนัท ค้างการเข้ารอบของตัวเองอยู่นาน

“ รอบนี้ก่อนเข้าสู่ช่วง Check up Step ซึ่งเป็นช่วงเข้า Sub-Turn
โจมตีของฉัน ขอสั่งเงื่อนไขพิเศษ ”
ธนัท กล่าวคำพูดของเค้าทำให้ ทั้ง มาเร็นงอ และ ควีนจิงค์ ถึงกับงงไปว่าเค้า
หมายถึงอะไร

“ ฉันให้ ดิมมิเนี่ยว อาริมาเทีย เบบี้ดราก้อน ทำการ Regeneration โดยใช้
ไข่มังกรบนหน้าผาเป็นวัตถุดิบ ” /Regeneration/
สิ้นคำของ ธนัท คอรัสก็ส่งเสียงกังวานขึ้น ก่อนที่
ลูกมังกรดิมมิเนี่ยว กับ ไข่มังกรสีขียว จะสลายกลายเป็นละออง
ก่อนจะมารวมกันที่ แนวป้องกัน ตรงจุดที่ ดิมมิเนี่ยว เคยยืนอยู่ และกลายเป็น

ไข่มังกรบนหินผาแทน จากนั้นเปลือกขอมันก็กะเทาะออกและ ลูกมังกรดิมมิเนี่ยว
 ก็ฟักออกมา จากไข่พร้อมทั้งขนาดของมันที่ใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย

“ Regeneration นี่มัน….อะไรกันไม่เคยเห็นพลังแบบนี้มาก่อนเลย ”
มาเร็นงอ อุทานหลังจากที่ได้เห็น การใช้ความสามารถใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
นั้น ควีนจิงค์ เองก็งงไปตามๆกันด้วยขณะที่ดูการดวลของทั้งสอง

“ ทำได้แล้ว….เราทำได้จริงๆด้วย Regeneration เป็นการ Growth
ในสนามได้ ดดยไม่ต้องลงจากการร่าย ความสามารถของ เผ่ามังกรจาก ทวีปอาริมาเทีย ”
ธนัท เปรยด้วยความดีใจที่สิ่งที่เค้าคิดไว้นั้นถูกต้อง 

“ ดีล่ะให้ ดิมมิเนี่ยว รวมร่างกับ ซาลามันเดอรี่ดอลแล้วย้ายไป At line
ด้วยความสามารหลังการ Regeneration ทำให้มันโจมตีข้ามไลน์ได้
 Cost Mp 2 โจมตีไปที่ Crab of Cancer  ”  /Flying Flare/
สิ้นคำของ ธนัท คอรัส ก็ส่งเสียงก้องกังวาน ร่วมไปกับเค้าด้วย

ก่อนที่ลูกมังกรดิมมิเนี่ยว จะคว้าเอา ตุ๊กตาซาลามันเดอรี่ดอล เข้ามากอดเอาไว้ แล้วบิน

ข้ามหัวพวก ไก่ไป ก่อนจะทิ้ง ซาลามันเดอรี่ดอล ลงไปใส่ เจ้าปูยักษ์ ทันทีที่
 ซาลามันเดอรี่ดอลร่วงลงไปกระแทกใส่กระดองของมันก็แตกออก พร้อมกับที่

 ดิมมิเนี่ยว กระปือปีกของมัน
จนเกิดลมพายุเพลิงสีเขียว เข้าไปเผาผลาญร่างของมันจนสลายไปในที่สุด


“ ไม่จริงน่ะ นี่ข้าคนนี้แพ้ทั้งๆที่มีพลังของชุดไพ่ในตำนานอย่าง Zodiac เนี่ยนะ ”
มาเร็นงอ ร้องเสียงหลงด้วยความไม่อยากเชื่อ ขณะที่ล้มลงไปอย่างเข่าอ่อนเนื่องจากความ
ช๊อกที่แพ้ แบบไม่ทันตั้งตัว

“ ไพ่ที่ยอดเยี่ยม ก็ใช่ว่าจะทำให้ผู้เล่นยอดเยี่ยมตามนะ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงมันต้อง
อาศัยทั้งฝีมือ ความคิดและการตัดสินใจของผู้ใช้ด้วย การที่แกไม่ยอม ใช้ความสามารถของ

 Crab of Cancer สะกดซีลที่มีแนวโน้มเป็นอันตรายเอาไว้ก่อน เพราะเสียดายเวลา
ในการที่จะทำคอบโบ ที่จะเกิดจาก ข้อแลกเปลี่ยนของความสามารถที่ Crab of Cancer มี
 นั่นแหละ ที่ทำให้แกแพ้ ”

ควีนจิงค์ เทศใส่ ก่อนจะเดินตาม ธนัท ที่รีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นต่อไปก่อนแล้ว

“ คอยก่อนนะ ชุติ ฉันจะรีบไปช่วยเธอให้เดี๋ยวนี้ล่ะ ”
ธนัท คิดขณะที่ วิ่งขึ้นไปยังชั้น ต่อไป และเริ่มดวลกับผู้คุมของชั้นถัดไปทันที

……………….
…………………………

“ ผู้คุ้มกันวิหารแห่งราศีปู แพ้ไปแล้ว…มีคนกำลังบุกเข้ามา ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่เดินเข้าไปหา ชุติการ ที่ยืนมองแท่นแก้วที่บัดนี้
 ไม่มีสายไฟต่อระโยงระยางค์อีกแล้ว

Seal Scroll ที่เคยวางไว้ก็ถูกนำออกไปแล้วเช่นกัน
ทีมงานและคนอื่นๆที่เคยอยู่ภายในห้องตอนนี้  ก็ออกกันไปหมดแล้ว
จึงเหลือเพียงเค้าและเธอเท่านั้น

“ เหรอ…. ”
ชุติการ กล่าวเสียงเรียบ เธอดูจะไม่ใส่ใจซักเท่าไหร่กับสิ่งที่เค้าพูด

“ คนที่บุกเข้ามา ก็คือ ควีน ที่หนีไปก่อนจะออกคำสั่งเริ่มแผนการ แล้วก็อีกคนที่มาด้วยคือ….ธนัท ”
โคทาโร่ กล่าวต่อไปเรื่อยๆจนมาถึงชื่อ ของธนัท ก็ทำให้ ชุติการ สะดุ้งขึ้นมา
ก่อนที่เธอจะรีบเก็บอาการทันที

“ ไม่ต้องฝืนหรอก…ถ้าเธออยากจะโกรธจะเกลียดฉัน ก็ไม่เป็นไร …
ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เพราะฉันเลยทำให้เธอต้องมาทำอะไรแบบนี้ไปด้วย ”

โคทาโร่ กล่าวด้วยความรู้สึกที่อยากจะขอโทษเธอ แต่เธอก็เอาแต่ฟัง
เค้าเงียบๆโดยไม่ตอบอะไรแต่อย่างใด เมื่อไม่มีอะไรจะพูดต่ออีก เค้าก็หันกลับ
และจะเดินจากออกไป ทว่า

“ นี่ โคทาโร่ เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการที่ฉันยอมมากับเธอ….
.สัญญากับฉันเรื่องหนึ่งได้ไหม ”
ชุติการ กล่าวขึ้นขณะที่ โคทาโร่ กำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องไป
เค้าจึงหยุดเพื่อฟังคำขอร้องของเธอ

“ ได้สิ… ”
โคทาโร่ ตอบระหว่างที่รอฟังคำขอของเธอ

“ ช่วยเชื่อใจ…เชื่อใจในตัวของ ธนัท เชื่อใจในตัวเพื่อนๆของนาย
…อย่าคิดเสียสละตัวเองอีก เพราะคนที่ต้องเจ็บปวดก็คือพวกเค้า ”
ชุติการ กล่าวจบ เธอก็เดินเข้ามาหาเค้า ก่อนจะส่งไพ่ใบหนึ่งให้แก่เค้า
ซึ่ง โคทาโร่ ก็รับมาด้วยความแปลกใจ

……………
……………………………

“ แฮ่ก…แฮ่ก…นี่ชั้นที่เท่าไหร่แล้ว ”
ธนัท กล่าวไปหอบไปพลางขณะที่ เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นถัดไปหลังจากเอาชนะ
ผู้คุมชั้นที่แล้วๆมาได้ เค้าก็เริ่มที่จะหมดแรงลงเรื่อยๆ

“ เราผ่าน วิหาร ราศี ปู มีน มังกร วัว และ แพะ มาแล้ว เหลืออีก 7 ชั้น กับ
 ห้องของ Checkmate 5 ก็จะถึงห้องของคิง แล้วล่ะ ฉันว่าเธอพักซัก
หน่อยเถอะ นี่เธอก็ฝืนดวลมามากแล้วนะ Starter แต่ละคนก็จะเขี้ยว
ขึ้นเรื่อยๆไปอีก ”

ควีน จิงค์ ตอบพลางเข้าไปช่วยพยุง ธนัท ที่กำลังจะล้มลง

“ ม..ไม่มีเวลามานั่งพักแล้ว ชุติ กำลัง…แฮ่ก..กำลังรอฉันอยู่ ”
ธนัท กล่าวก่อนจะฝืนลุกขึ้นเดินต่อ จนมาถึงชั้นถัดมาซึ่งผู้คุมของชั้นนี้ก็มา
รอพวกเค้าอยู่ก่อนแล้ว

“ ยืนดีต้องรับสู่ วิหาร ตราชั่ง ฉัน Starter แห่ง Libra เป็นผู้คุมชั้นนี้ ”
หญิงสาวสวมชุดคลุมหัวสีดำกล่าวขณะที่ยก ปลอกแขนขึ้นเตรียมทำการ ดวล

“ เข้ามา…เลย ”
ธนัท กล่าวอย่างกระอักกระอ่วน ขณะที่เดิน โซเซเข้าไป แต่ยังไม่ทันที่จะเริ่ม
เค้าก็ทรุดล้มลงไปด้วยความอ่อนแรงซะก่อน

“ บ้าเอ้ย…ทั้งที่ตอนนี้…ตอนนี้มีแค่ฉันเท่านั้น…ฉันคนเดียวทำอะไรไม่ได้เลยรึไงกัน… ”
ธนัท สบถด้วยความเจ็บใจขณะที่พยายามฝืนจะลุกขึ้นดวลแต่ร่างกายของเค้า ก็ล้าเกินกว่า
จะดวลไหว

“ นายไม่จำเป็นต้องสู้เพียงลำพังหรอกน่า พวกเราจะช่วยนายเอง ”
เสียงหนึ่งซึ่งฟังดูคุ้นหูดังขึ้น  ก่อนที่เค้าจะหันไปมอง มีกลุ่มคนกำลังเดินขึ้นบันได
ตามพวกเค้าขึ้นมายังชั้นนี้

“ ใช่แล้วหลา ธนัท เธอยางมีพวกเราอยู่หนา มายเฟรนด์(Mt Friend) ของเธอไงหลา ”
สำเนียงเหน่อๆของ แอน ดังขึ้นพร้อมกับที่กลุ่มคนที่ตามขึ้นมาทั้งหมดได้ปรากฏตัว
ขึ้นต่อหน้าพวกเค้า

“ เคียว แอน อิส ไดสุเกะ ประธาน พี่ แล้วก็ทุกคน!! ”
ธนัท อุทานด้วยความประหลาดใจที่ได้เห็น ทุกคนในชมรม
โผล่มาอยู่ตรงหน้า ในตอนนี้


“ เจ้าหนูอย่าทำเป็นเก่งหน่อยเลย เล่นบุกมาคนเดียวแบบนี้คิดอะไรของแกอยู่น่ะห๊า ”
มาริน่า กล่าวขณะที่เดินเข้ามาหาเค้า ก่อนยื่นเอา วิโอริน หุ่นกระบอกที่เป็น Note
ขอเธอ เข้าไปใกล้ ธนัท ไม่นานละอองพลังเวทย์ ก็พุ่งออกมาจากปากของมัน
อาบใส่ร่าง ธนัท

“ หวา ทำอะไรเนี่ย.. ”
ธนัท ร้องด้วยความผวาพลางสะบัดมือปัดละอองออก ทว่าอยู่ๆเค้ากลับรู้สึกโล่ง
และหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งในทันที

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #127 on: May 27, 2009, 05:21:06 PM »

“ อ…อะไรกัน…อยู่ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ขึ้นมาซะเฉยๆ ”
ธนัท เปรย ด้วยความแปลกใจทั้งที่ก่อนนี้ตัวของเค้ารู้สึกหนักอึ้ง และ เหนื่อยล้า
แต่ตอนนี้กลับเบาสบายและหายล้า อย่างน่าอัศจรรย์

“ ใช้พลังจิตกับพลังเวทย์ช่วยฟื้นฟู ร่างกายได้…เธอคง
เป็น DNA-Changer เหมือนกันสินะ ”
ควีนจิงค์ กล่าวขณะที่มองการกระทำของ มาริน่า

“ เธอเองก็ด้วยสินะ มิน่าฉันถึงรู้สึก แกร่วแปลกๆตั้งแต่
เจอเธอเมื่อกี้แล้ว เป็น Psychicper Type เหมือนกับฉันสินะ ”
มาริน่า กล่าวเสียงเรียบขณะ ที่ ธนัท ลุกขึ้นยืนขึ้นมา

“ เอาล่ะเจ้าหนู เรื่องชั้นต่างๆของที่นี่เรารู้จากพวกข้างล่างหมดแล้ว
จากนี้ไป แกจะต้องฝ่าขึ้นไปเรื่อยๆโดยที่พวกเราจะเป็นคนดวลให้
แทนในแต่ละชั้น เอง แบบนั้นมันจะเร็วกว่า ”
มาริน่า กล่าวจบทุกคนก็เข้ามาให้กำลังใจ ธนัท กันอย่างพร้อมเพรียง

“ ธนัท พวกเราจะช่วยเองหนา ไม่ต้องเป็นห่วง ” /No Problame/ (ไม่มีปัญหา)
แอน กล่าวขณะที่  note ของเธอ เชลโล ก็ส่งเสียงก้องกังวานออกมาด้วย

“ นายน่ะเก็บแรงเอาไว้ไปจัดการ กับ คิง เถอะ ” /Senza Problema/(ภาษาเยอรมัน=ไม่ต้องกังวล)
เคียว กล่าวพร้อมกับ note ของเค้า คาสเทเนต ก็ให้กำลังใจไปพร้อมกัน

“ ช่วยคุณ ชุติการ ให้ได้นะครับ ที่นี่ผมจะการเอง ” /Va Bene/ (ภาษาอิตาลี=ไว้ใจได้เลย)
อิส กล่าวพร้อมกับ รีคอเดอร์ note ของเค้า ก่อนจะเข้าไปดวลกับผู้คุมชั้นนี้

“ ฝาก เซนาคาว่าคุง ด้วยนะ ผม กับ อัลโต้(Alto) จะคอยช่วยเอง ” /Try it’s/(พยายามเข้านะ)
ไดสุเกะ กล่าวพร้อมกับ note ของเค้า อัลโต้

“ ขอบใจมากนะทุกคน….. ”/Master, Let’s Go!!/
ธนัท กล่าวด้วยความปลื้มปิติ ในความช่วยเหลือของทุกคน
 ก่อนที่ มาราคัส จะส่งเสียงเรียกให้พวกเราออกเดินทางต่อ
 พวกเค้าจึงขึ้นไปยังชั้นถัดไปต่อโดยที่ อิส เข้าไปดวลกับ ผู้คุมของชั้นนี้

“ มาเลย ผมจะเป็นมือให้คุณเอง ” /Approntare/(ภาษาอิตาลีช GetSet)
อิส กล่าวพร้อมกับ สแตนบายน์ note ของตน


“ ชั้นนี้ ให้เป็นหน้าที่ แอน เองหนา ” /Get Set/
แอน กล่าวก่อนที่จะ เชลโล จะแสตนบายน์ แล้วเธอจึงเข้าไปเผชิญหน้ากับ
ผู้คุมชั้นนี้ โดยให้ ทุกคนขึ้นไปยังชั้นถัดไปทันที


“ ชั้นนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ ฉันเอง ”/Sich bereit Halten/ (ภาษาเยอรมัน=Get Set)
เคียวกล่าวพร้อมกับ แสตนบายน์ คาสเทเนต แล้วเข้าไป ดวลกับ ผู้คุมชั้นนี้ทันที
ก่อนที่ คนที่เหลือจะ ทยอยขึ้นไปต่อ


“ ฟรานซิสก้า ฝากทีนะ ”
มาริน่า กล่าวจบ ฟรานซิสกก้า ที่ตามเธอมาติดๆ ก็เข้าไปดวลกับผู้คุมของ
ชั้นก่อนสองชั้นสุดท้ายของ เหล่า Starter

“ วางใจได้ค่ะประธาน ดิฉันจะรีบตามไปให้เร็วที่สุด ”/Get Set/
ฟรานซิสก้า กล่าวจบ โซปราโน่(Soprano) note ของเธอ ก็ส่งเสียง
กังวานออกมาก่อนจะ สแตนบายน์ ธนัท กับ คนที่เหลอจึงรีบขึ้นไปยังชั้นต่อ

ไปซึ่งเป็นชั้นก่อนสุดท้ายของเหล่า Starter โดยคนที่เหลือนตอน
นี้มีเพียง มาริน่า ศรี ริน ภูเขา คิระ และควีนจิงค์

“อ้าวชั้นนี้ไม่คนคุมเหรอ ”
ริน อุทานด้วยความแปลกใจ ซึ่งชั้นนี้ตราประทับเป็นสัญลักษณ์รูปคนสองคนจับมือกัน

“ ชั้นนี้เป็นชั้นของราศี คนคู่ ที่จริงต้องมีผู้คุมฝาแฝดอยู่ที่ห้องนี้นะ เพราะ
เป็นการดวลแบบแทกทีมแค่ชั้นนี้ เท่านั้น ”
ควีนจิงค์ กล่าวขณะที่ทุกคนช่วยกันมองหา บุคคลดังกล่าวภายในห้องแต่ก็หาไม่เจอ

“ นี่ไม่ใช่เวลามาหาตัวคนที่จะถ่วงพวกเราหรอกนะ ถ้าไม่มีก็ข้ามมันไปเลย ”
คิระ กล่าวจบทุกคนก็รีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นต่อไปทันที

“ ข้างหน้านี่เป็น ชั้นสุดท้าย ชั้นของราศีสาวพรหมจรรย์ สินะ ”
ศรี ถามขึ้นขณะที่ กำลังวิ่งขึ้นไปยังชั้นสุดท้าย

“ อืม ชั้นราศี สาวพรหมจรรย์ ที่บอย ซากะ เป็นผู้คุม ”
ควีนจิงค์ตอบ ขณะที่ ธนัท เพมื่อได้ยิน ชื่อของ ผู้คุมชั้นถัดไปเค้าก็ถึง
เรื่องที่เกิดขึ้นที่ ถ้ำผานางแอ่นบนเกาะภูเก็ต ตอนที่ไปทัศนศีกษา

“ ชื่อของ ฉันคือ บอย ซากะ Magnus Virgo 1ใน12  Starter  ”
คำพูดที่ บอย เคยพูดไว้กับเค้า ก่อนที่จะยิงพื้นจนทลายทำให้เค้าร่วงลงมา
นั้นแว่วขึ้นมาในหัวทันที

“ เจ้าหมอนั่น ทั้ง ฉัน ทั้งชุติการ แม้แต่ โคทาโร่ ก็ถูกเจ้านั่นขู่เข็นเอา… ”
ธนัท คิดพลางกำมือแน่น ขณะที่ วิ่งขึ้นมาจนถึงห้องของ ราศีสาวพรหมจรรย์
แล้ว แต่กลับไม่มีใครอยู่ในห้องเลย


“ ชั้นนี้ก็ด้วยเหรอ ”
ภูเขา เปรยขณะที่ตามขึ้นมา

“ ช่างเถอะไม่มี ก็ไม่ต้องไปสนมันแล้ว นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะ
มาเล่นตามเกมส์ของมัน ”
มาริน่า ตัดบทให้จบทุกคนก็ขึ้นต่อไปยังชั้นถัดไป

“ ยินดีต้อนรับสู่ แซงชูรี่ พวกเรา Checkmate 5 จะเป็นคู่มือให้เอง ”
บิชอป นิฮิล (Bishop Nihil) ที่รอต้อนรับพวกเขาอยู่แล้วกล่าว
ซึ่งนอกจากเค้าแล้วก็ยังมีไนท์ ไกอา(Knight Gaia) และหญิงสาวผม

ทรงบ๊อบสีดำ คาดผมด้วยที่คาดผมพลาสติกสีเขียว
แต่งชุดกิโมโน เธอคือ รุคบีบิส (Rook Beabizz)
และอีกสองฝาแฝดพี่น้องชายหญิง ที่อยู่ในชุดคลุมสีดำแบบ พวก Starter



“ Checkmate 5 แต่ดูเหมือนจะอยู่กันไม่ครบ 5 นะเนี่ยเพราะงั้นเลยเรียก พวกระดับล่างมารวมแก้ขัดงั้นสิ ”
ศรี เล่นลิ้นเหน็บอีกฝ่าย ทำเอา ไนท์ไกอา และ รุคบีบิส กัดฟันด้วยความแค้น

“ ควีนจิงค์ เธอจะทรยศต่ออุดมการณ์ของ คิง อย่างนั้นหรือ ”
บิชอปนิฮิล กล่าวถามขณะที่จ้องมองมาที่เธอ

“ สิ่งที่ ท่านพี่ทำมันไม่ถูกต้อง นิฮิล ไกอา บีบิส พวกเธอกำลังถูกหลอกอยู่ ”
ควีนจิงค์ พยายามจะเจรจาแต่ ดูเหมือนจะไร้ผล เพราะ ทั้ง รุคบีบิส และ ไนท์ไกอา
ต่างไม่มีใครฟังคำพูดของเธอเลย

“ ถ้าเช่นนั้นเธอก็เป็นคนทรยศ ไม่ใช่ควีนแห่ง Checkmate 5 อีกต่อไป ”
บิชอปนิฮิล กล่าวเสียงเรียบก่อนที่จะ สแตนบายน์ note ของตน

“ มีกัน 5 คนสินะ งั้นพวกเราจะจัดการที่นี่ เอง ธนัท น้องไปกับ ควีน
ซะเพราะเธอน่าจะรู้จักทางหนีทีไล่ดีกว่าเรา ”
ริน กล่าวพลางตบบ่าน้องชาย ก่อนจะเดินเข้าไป เผชิญหน้ากับ เหล่า Checkmate 5
พร้อมกับ มาริน่า ภูเขา คิระ และ ศรี

“ เรารีบไปกันเถอะ ”
ธนัท กล่าวจบเค้ากับจิงค์ จึงออกเดินขึ้นไปยังชั้นต่อไป

“ แซงชูรี่ จะมีทั้งหมด 5 ชั้นก่อนจะถึงห้องของ คิง เมื่อกี้คือชั้นแรก
เหลืออีกสี่ชั้นก็จะถึงชั้นบนสุดแล้วล่ะ ”

ควีน กล่าวขณะที่นำ ขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านชั้นที่ว่างเปล่าแต่ล่ะชั้นไปอย่างง่ายๆเพราะผู้คุมชั้นนั้นลง
ไปอยู่ที่ชั้นแรกกันหมดแล้ว จนมาถึงชั้นที่ 4 ผู้ที่รออยู่ในชั้นที่ๆไม่น่าจะมีใครกลับเป็น บอย เสียเอง


“ มากันแล้วสินะ..นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่าฉันคนนี้ต้องออกโรงกับเค้า
ด้วยอุตส่าห์หนีมาอยู่นี่แล้วแท้ๆ ”
บอย กล่าวสีหน้าเซงๆ ขณะที่หยิบเอา note รูปแบบปืนของเค้าขึ้นมา

“ นายเองสินะ ที่เป็นคนบังคับให้โคทาโร่ พา ชุติ ไปน่ะ ”
ธนัท กล่าวพลางยกปลอกแขนขึ้นเตรียมจะดวล

“ เฮ้ๆ อย่ามาใส่ร้าย me กันอย่างนี้สิ ถ้าโทษก็ต้องไปโทษที่ boss สิ me แค่ทำตามหน้าที่ ”
บอย กล่าวเสียงเย้ยหยัน อย่างไม่ใยดีกับความรู้สึกของ ธนัท

“ หนอย...แก ”
ธนัท กัดฟันด้วยความโมโห แต่ควีนจิงค์ กลับเข้ามาขวางเขาไว้

“ เธอรีบไปเถอะ ที่นี่ฉันจะจัดการเอง ”
ควีนจิงค์ ออกตัวขึ้นมาทำให้ เค้านิ่งไปซักครู่กับ การตัดสินใจของ ควีนจิงค์

“ ต...แต่ ”
“ เธอไม่มีเวลาแล้วนะ ถ้า พลังของมังกรขาว ถูกเอาออกมาแล้วล่ะก็ เรราเย่ จะตกอยู่ในมือของท่านพี่ ”
ธนัท ที่จะแย้งกลับถูก เธอแทรกขึ้นมาและย้ำถึงสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้

“ ข..เข้าใจแล้ว..ฝากด้วยนะ ”
ธนัท กล่าวแม้ในใจของเค้าอยากจะเป็นครนจัดการกับ บอย ด้วยตัวเอง
แต่ตอนนี้เค้ามีหน้าที่ ที่สำคัญกว่า เมื่อคิดได้ดังนั้น เค้ราจึงรีบขึ้นต่อยังชั้นถัดไป

“ ถึงจะดิ้นรนไปก็ไม่ทันหรอก ควีน อ้อ me รู้สึกเป็นเกรียติมากที่ได้ดวล
กับท่านเรามาเริ่มกันเลยไหม ”
บอย กล่าวจบก็ นำเอาสำรับขึ้นมาใส่ลงไปที่ ปลอกมือ ซ้ายซึ่งมีช่อง ใสำรับทั้งสองด้านเอาไว้

“ ฟอร์เต้ สแตนบายน์ ” /signorsi, Approntare/ (ภาษาอิตาลี=รับทราบ, Get Set)
สิ้นคำ note ของ ควีนจิงค์ ก็ทำการแสตนบายน์เป็น ปลอกแขนสำหรับดวลทันที

...................
.........................

ธนัท ที่วิ่งไปจนจะถึงชั้นถัดไปแล้ว กลับหยุดวิ่งลงด้วยความคิดหนึ่งที่แวบขึ้นมา

“ ที่ชั้นวิหาร 12 ราศี แล้วก็ แซงชูรี่ ที่ผ่านมา 4 ชั้นแล้ว ชั้นหน้าจะเป็นชั้นสุดท้ายก่อน
ถึงห้องของ คิง ที่ชุติ อยู่แต่ว่า......เรายังไม่เจอเจ้านั่นเลย......หรือว่า ”

ธนัท คิดอย่างวิตก ขณะที่เปลี่ยนไปค่อยๆทยอยเดินเลาะขึ้นไปทีล่ะขั้นด้วยความลังเล
เพราะชั้นถัดไป ที่เค้ากำลังจะย่างเท้าขึ้นไปอาจมี คนไม่อยากปะทะด้วยเฝ้าอยู่ก็เป็นได้
ขณะที่  เค้าย่างไปทีล่ะก้าวๆทีล่ะก้าวจนในที่สุดทั้งสองเท้าก็ขึ้นมาเหยียบ

บนชั้นสุดท้ายนี้แล้ว ข้างหน้าเป็นประตูกระจก ยาวตลอดแนว ซึ่งด้านหลังนั้นมี
 บันไดที่ขึ้นต่อไปจนถึงห้องของคิงได้ ทว่าที่หน้าประตูนั้น กลับมีคนสวมชุดคลุมหัวเฝ้าอยู่

“ Pawn แห่ง Checkmate 5 โคทาโร่ เซนาคาว่า จะไม่ยอมให้เจ้าผ่านประตูนี้
ไปได้เป็นอันขาด ”
ผู้คุมชั้นกล่าวก่อน ถอดหมวกที่คลุมหน้าอยู่ออก เค้าคือโคทาโร่ ที่มารอ ธนัท อยู่ก่อนแล้ว

“ โคทาโร่ ไม่ว่ายังไงนายก็จะขวางฉันสินะ ”
ธนัท กล่าวพลางยกปลอกแขนขึ้น ทั้งคู่ไม่พูดอะไรเพราะต่างก็รู้ว่าตอนนี้มีเพียง
สิ่งเดียวที่พวกเค้าจะทำได้ เพื่อที่จะสื่อใจให้ถึงกันนั่นคือการ ดวล

..............
............................

“ Cost mp 3 ให้สกิลของ ไอซิเคิลฮาวน์ทำงาน ทำลาย MD ตัวนั้นซะ
Quartet Destroyer(จตุรัสแห่งการทำลาย) ”
สิ้นคำของ แอน ไอซิเคิลฮาวน์ 4 ตัวในสนามที่เธอเรียกออกมาได้ครบก็พุ่งเข้าไปทำลาย
ซีลที่เป็น MD ของผู้คุมชั้นจนวอดวาย
...............

“ ได้เวลาไคลแมกซ์ แบบสุดๆแล้ว ” /Ore-Tanjou/
สิ้นคำของ อิส และเสียงของ รีคอร์ดเดอร์ นักดาบเวทย์มาวิน ก็สร้างดาบมนตราขึ้นมาโจมตีใส่
ซีล MD ของอีกฝ่าย จนสลายไป ยังผลให้ผู้คุมชั้น แพ้ไปตามกฎ Ruler

...............

“  Cost mp 2 ไรจิน โจมตี จงแหลกสายไปด้วยอัสนีบาตแห่งทวยเทพเถอะ ”
สิ้นคำของ เคียว อสูรอัญเชิญที่มีร่างก่อด้วยไฟฟ้า ที่เค้าเคยใช้มันสร้างกำแพงไฟฟ้าป้องกันซึนามิ
ตอนทัศนศึกษา ก็สร้างพายุสายฟ้าลงมากระหน่ำทำลาย ซีล MD ของผู้คุมชั้นที่เค้าต่อกรด้วย จนพ่ายไป

...........

“ Cost mp 3 ให้ ฟรานเชสก้า(Francessca, the Angel of Swords) โจมตี  Sword of Law ”
สิ้นคำของ ฟรานซิสก้า อสูรอัญเชิญรูปแบบนางฟ้าที่มาพร้อมกับดาบเล่นใหญ่ ก็บินเข้าไปแล้วใช้ดาบ
เล่มนั้นผ่าร่างซีล MD ของอีกฝ่ายจนสลายไปอย่างรวดเร็ว

[Data: Francisca Magdarena Age: 17 Year    Deck: Sword Angel ]

…………….

“ ช่วยหน่อยนะดาร์ค ”
ไดสุเกะ กล่าวขณะที่ อสูรอัญเชิญสมิงเสือดาวสีดำ จะถูกเรียกออกมาในสนามฝ่ายเขา

“ เออ วางใจได้เลย ไดสุเกะ ”
น้ำเสียงของ ไดสุเกะ เปลี่ยนไปก่อนที่ เค้าจะเปลี่ยนร่างเป็น ดาร์ค แทน

“ ด้วย Ability ของ ทากะ(Taka, the Dark Jaguar) เมื่อเข้ามาในสนามจะ
สามารถดูไพ่ในมือ อีกฝ่ายแล้ว Steal มาได้ 1 ใบ เอาMD ของแกมาซะ ”
สิ้นคำ สมิงเสือดาว ก็กระโดดเข้าไป กระชากเอาไพ่ในมือของอีกฝ่ายที่มีอยู่เพียง
ใบเดียวมา ไว้ในมือของมัน

“ เอ้า ฝากจัดการเรื่องปลดล็อคทีนะ ไดสุเกะ ”
สิ้นคำ ดาร์ค ก็คืนร่างกลับเป็น ไดสุเกะ

“ cost mp3 ผมให้สกิลของ ฟูมิน (Fumin, the Black Wood Brigand)
ทำงานนำการ์ดที่ถูกSteal 1ใบในสนามไปยัง Shrine ”

ไดสุเกะ กล่าวจบ อสูรอัญเชิญรูปร่างมนุษย์ ที่อยู่ในชุดคลุมหนังสีน้ำตาล ก็เดินเข้าไปหา
สมิงเสือดาวก่อนจะ รับเอาไพ่ที่มัน ขดมยมา แล้วโยนคืนไปใส่ลงในช่อง Shrine ของ
อีกฝ่าย ยังผลให้ ไดสุเกะ ชนะด้วยการส่ง MD ของอีกฝ่ายลง Shrine ได้สำเร็จ

……………….



......................
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #128 on: May 27, 2009, 05:22:00 PM »


“ Cost mp 4  ร่าย โดมินิก้า อำนาจแห่งสวรรค์ ออกมาที่ At line  ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็ โยนไพ่ซีลในมืออกมา ก่อนที่ละอองเวทย์รอบๆจะไปรวมกันที่
ไพ่และเกิดเป็นแสงสว่างเจิดจ้า พร้อมกับ แรงสั่นสะเทือน เลื่อนลั่นไปทั้งชั้น

ร่างของทูตสวรรค์ขนาดใหญ่ซึ่งมาพร้อมกับปีกสีขาวและดาบเกราะมากมาย
ได้ปรากฏตัวขึ้น ต่อหน้าธนัท



“ พ….พลังรุนแรงอะไรขนาดนี้…เจ้านั่นน่ะเหรอ MD ของ โคทาโร่ ”
ธนัท คิดขณะที่ยกแขนขึ้นป้องแรงลมที่อัดเข้ามาจากการปรากฏตัวของ โดมินิก้า
1ใน5หลักสวรรค์ ซึ่งเป็นตัวแทนของอำนาจ

[Data: Kotaro Zenakawa Age:14  Year  LV: Ruler Pawn of Checkmate 5
   Deck: Power for Justice(อำนาจแห่งหารพิพากษา)]

[Data: Tanattativaet Jongrang Age:14  Year LV:Summonner   Deck:Element Striker]



“ ให้โดมินิก้า รวมร่างกับ วาเลนเซีย(Valencia, the Angel of Order) ”
สิ้นคำ ทูตสวรรค์วาเลนเซีย ก็ร่างเป็นปีกสีขาวบริสุทธิ ไปติดที่หลังของ โดมินิก้า
ด้านสนามฝั่ง ธนัท


“ cost mp 3 โดมินิก้า จู่โจม ” /Heaven is Supernacy/(สวรรค์ไม่อาจถูล่วงละเมิดได้)
สิ้นคำ โคทาโร่ โดมินิก้า ก็ปล่อย คมดาบทั้งหมด ลงไปทำลาย
 ไข่มังกรสีเขียว(The Dragon’s Egg on the Cliff) จนสลายไปในที่สุด



“ ด้วย Ability ของ ไข่มังกรบนหินผา เมื่อมันออกจากสนาม ฉันจะได้จั่วการ์ด1ใบ ”
ธนัท กล่าวจบก็หยิบเอาไพ่ ซีลขึ้นมาไว้บนมือ ซึ่งไพ่ใบนั้นเป็น1ในไพ่ที่มีหน้าไพ่ว่างเปล่า
จากทั้ง 3 ใบที่เค้าได้รับมาจาก ศรี

“ หมดรอบแค่นี้  ”
โคทาโร่ สั่งผ่านหลังจากที่ คมดาบทั้งหมดถูกถอนออกจากพื้น แล้วกลับมา ติดที่เกราะ
แขนทั้งสองข้างของ โดมินิก้า

“ รอบของ ฉันจั่วไพ่ ”
ธนัท กล่าวจบก็ ดึงเอาซีลขึ้นมาอีก 2 ใบ

ธนั

“ อึก..ไม่..ไหวแล้ว.. ”
รุคบีบิส เปรยก่อนจะล้มฟุบลงไปอีกคน โดย เวอทูเทม (Virtutem, the Virtue of Heaven)
 อสูรอัญเชิญทูตสวรรค์เกราะสีแดงผู้มีคมดาบ3เล่ม ยื่นออกมาจากเกราะที่แขนทั้งสองข้างและหัว
กำลังอาละวาด ตวัดดาบฟัน ไปมาอย่างบ้าคลั่ง



“ อึก...น...นี่...หรือว่า ท่าน ควบคุม เรราเย่ ได้...อึก ”
บิชอป นิฮิล สบถไปได้ยังไม่ทันขาดคำ อสูรอัญเชิญทูตสวรรค์ของเค้า
ซึ่งมีปีกและเกราะสีน้ำตาลทอง เรกุรัม(Regulam, the Order of Heaven)
ซึ่งก็หลุดการควบคุม และอาละวาด ยิงขนนกระเบิดใส่ไปทั่ว



“ แย่ล่ะสิ...นี่หรือว่า คิง ได้ พลังของ เรราเย่ ไปแล้ว ไม่ได้การพวกเรา
 รีบจัดการ DM ของเจ้าพวกนั้นเถอะ ”
ศรี กล่าว จบทุกคนจึงเริ่มเล่นต่อ ซึ่งคนที่ดวลด้วยอยู่ กับ Checkmate 5 ทั้ง3 คือ ศรี มาริน่า และ ริน
ส่วน คิระ กับภูเขานั้นจัดการ Starter แห่งราศี คนคู่ Mugnus Gemini ฝาแฝด
ไปเป็นที่เรียบร้อยอยู่ก่อนแล้ว

“ Cost mp 3 ร่าย Vampirism เลือกผลข้อที่1  Sacrifice Seal 1ใบจากนั้น
Seal 1ใบในฝ่ายเราติด Last Dance Curse At+3/3 Turn เลือก Sacrifice

ตุ๊กตาฆาตกร(Murderous Doll) แล้วให้ ตุ๊กตานักฆ่า(Assassin Doll)
 ที่รวมร่างอยู่ ติด Last Dance Curse ”

สิ้นคำของ มาริน่า มิสติก ที่ร่ายลงไปก็ปรากฏร่างของ แวมไพร์  ที่เธอ เคยผนึกมันได้จาก
คืนวันที่มันอาละวาดในโรงเรียน(Sub-Turn 6) เจ้าแวมไพร์ ตรงเข้าไป หาร่างของ

ตุ๊กตาสีดำตัวเล็กที่อยู่ในแนวจู่โจมของมาริน่า ก่อนจะอุ้มมันขึ้นมา แล้วฝังเขี้ยวลงไปที่ต้นคอ
ของตุ๊กตา จากนั้นจึงสลายกลายเป็นควันสีดำทั้งคู่และพุ่งไปรวมที่ มีดของ ตุ๊กตานักฆ่า
ที่มีรูปร่างเหมือนตุ๊กตาเด็กผู้หญิง



[Data: Marina Alto Elizabeth Marionetta Age: 17 Year   
 Deck:Marionet Puppet Show ]

“ Cost mp 2 ตุ๊กตานักฆ่า โจมตี  สับอย่างสง่างาม (Pretty Chop) ”
สิ้นคำของ มาริน่า ตุ๊กตานักฆ่าก็ กระโดด ลอยตัวสูงขึ้นไปก่อนจะ เหวี่ยงมีดอีโต้
 ที่มีออร่าสีดำคลุมอยู่ลงไปผ่าร่างของ เวอทูเทม จนขาดสะบั้นและสลายไป

“ Cost mp 3โจมตีเลย ทาลิวิลย่า(Thaliwilya) Great of Dragon ”
สิ้นคำของ ศรี อัศวินมังกร ในชุดเกราะสีทอง ซึ่งถือโล่ ด้วยมือขวา
ก็ยิงลำแสงมังกรออกไปด้วยมือซ้าย และทำลาย เรกุลัม ไปได้อย่างง่ายดาย



“ Cost mp 4 ดาชน่า (Dahna, the Valkyrie) โจมตี Raydon ”
สิ้นคำของ ริน นางฟ้าผู้มีผมสีน้ำตาลยาวสลวย ก็จัดแจงยิงธนูออกไปจากคันธูนสีชมพูของตน
ลูกศร พุ่งเข้าเสียบทะลุร่างของ เลาดามุส ก่อนที่มันจะสลายไป
 พร้อมกับความปราชัยของ ดหล่า Checkmate 5 ทั้ง 3



...............
.......................

“ เริ่มจะควบคุมไม่อยู่แล้ว ต้องรีบจบให้เร็วที่สุด  ”
ควีน จิงค์ คิดขณะที่ตอนนี้ อสูรอัญเชิญทูตสวรรค์ 1ในหลักสวรรค์ทั้ง 5
ที่ Checkmate 5 ครอบครองอยู่ เจนนิเฟอร์ (Jennifer, the Immaculacy of Heaven)
ทูตสวรรค์ ผู้มีปีกทั้ง 8 และคมดาบยาวที่ยื่นออกมาจากเกราะด้านหลัง เริ่มระสับระส่าย และมีที
ท่าจะไม่เชื่อฟังเธอแล้ว



“ Cost mp 3 เจนนิเฟอร์ โจมตี Vox Stellarum(เสียงเพลงแห่งดวงดาว) ”
สิ้นคำของ ควีนจิงค์ เจนนิเฟอร์ ก็ขับร้องบทเพลงอันดังกึกก้อง ออกมา
 จนนักดาบหญิงพรหมจรรย์ เฟียเรส ของบอย ถูกทำลายไปในที่สุด
ก่อนที่ความรุนแรงของคลื่นเสียงจะทำให้ บอย สลบไปด้วย


“ นี่เธอ..อสูรสวรรค์ ของเธอล่ะ ”
เสียงของ ศรี ดังขึ้นมาขณะที่ พวกเค้าทั้งหมด ตามขึ้นมาสมทบกับเธอที่พึ่ง ปิดฉากบอยไปไม่นาน
ซึ่ง เจนนิเฟอร์ ก็สลายกลับเป็นไพ่ดังเดิมก่อนจะได้ทันอาละวาด

“ ไม่เป็นไร ฉันพอจะควบคุมไม่ให้มันคลุ้มคลั่งได้  ”
ควีนจิงค์ ตอบ ขณะที่ สแตนบายน์ note กลับเป็น จี้ห้อยคอตามเดิม

“ เฮ้ เป็นไงบ้าง ”
เสียงของ เคียวดังแว่วขึ้นมาก่อน ที่ เคียว แอน อิส ไดสุเกะ และ ฟรานซิสก้า
จะตามขึ้นมาถึง

“ พวกเรคาจัดการ ชั้นนี้ได้หมดแล้ว เหลือชั้นสุดท้ายที่ ธนัท ขึ้นไปก่อนเท่านั้นเอง ”
ริน อธิบาย ขณะที่ ทุกคนมารวมกันครบหมดแล้ว

“ เรารีบตามขึ้นไปดีกว่า การที่อสูรหลักสวรรค์ ทั้ง 5อาละวาด
พร้อมกันแบบนี้เป็นไปได้ว่า แผนการของท่านพี่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ”
ควีนจิงค์ กล่าวจบพวกเค้า ทั้ง 11 คนก็มุ่งขึ้นไปสู่ชั้นสุดท้ายที่ ธนัท อยู่


.......................
“ ช่วยไม่ได้ วิธีที่จะช่วยโคทาโร่ คงต้องรีบเอาชนะให้เร็วที่สุด แต่จะทำยังไงล่ะ
 ในสนามของเรามีแต่ลูกมังกรแห่งอาริมาเทีย ทั้ง 6 เท่านั้นเอง ”

ธนัท คิดขณะที่มอง ไปยังสนามฝั่งตัวเองที่มีแต่ ลูกมังกรทั้งหกธาตุ ที่เค้าเรียกมา
บนมือของเค้าตอนนี้ก็มีไพ่ที่หน้าว่างเปล่าอยู่กับ ไข่มังกรบนหินผาอีกสองใบ
 ไม่มีทางที่เค้าจะเอาชนะ

อสูรหลักสวรรค์ตัวนี้ได้เลย ซ้ำร้าย โคทาโร่ ก็ไม่สามารถเดินเกมในรอบต่อไปได้
เค้าจึงต้องจัดการกับมันในรอบนี้เท่านั้น

“ โธ่เว้ย...จะทำยังไงดีเวลาแบบนี้ ”
ธนัท สบถทว่าทันใดนั้น ไพ่ที่มีหน้าว่างเปล่า ก็ปรากฏรูปขึ้นมา มันเป็นมังกรสังกัดแห่ง
แสงสว่างที่มีรูปร่างของสังกัดพลังทั้ง 6 ธาตุอยู่ในตัว

“ อ...อาแมน...อาแมนคริส(Amankris) งั้นเหรอ ”
ธนัท เปรยด้วยความแปลกใจที่ ไพ่ที่เคยมีหน้าว่างเปล่ากลับกลายเป็น
ไพ่ที่มีซีลอยู่ภายในแล้ว

“ ไม่มีเวลามาลังเลแล้ว  ต้องใช้เจ้านี่ล่ะ Cost mp 5 ร่าย Amankris จากนั้น
 Cost mp3 โจมตีใส่ โดมินิก้า เลย ”

สิ้นคำ ธนัท ก็ร่ายไพ่ใบนั้นลงไปทันทีที่ ไพ่รวมเอาละอองเวทย์เข้าไปและ
เริ่มแสดงตัวออกมา ก็เกิดคลื่นพลังมหาศาลแผ่ออกมาอย่างรุนแรง
จนผนังทั่วทั้งห้องร้าว แม้แต่ธนัท และ โคทาโร่ ก็ยังแทบจะปลิวไปแรง
ปะทะที่พุ่งพล่านออกมานี้



“ จงออกมา เถิด จ้าวแห่งมังกรผู้ควบคุม ธาตุแห่งสรรพสิ่ง ”
ธนัท เปรยขณะที่พยายามควบคุมพลังของ มันหลังจากปลดปล่อยพลังงาน
ออกมามากมาย สมดุลพลังงาน ของมันก็เริ่มคงที่  พร้อมกับการปรากฏของ

ร่างอันใหญ่โตมโหราฬของ มังกรซึ่งร่างของมันมีพลังทั้ง 6 ธาตุพุ่งพล่าน
ก่อนที่มัน จะยิงลำแสงสีทั้ง 6 ธาตุออกมาจาก แขน ขา ปีก และปาก

เข้าถล่มใส่ โดมินิก้า จนสลายไปในที่สุด คลื่นไฟฟ้าที่
ทำร้าย โคทาโร่ ก็สลายหายไปด้วยกันในทันที

“ โคทาโร่ !! ”
ธนัท ร้องก่อนจะ เข้าไป รับร่างของ โคทาโร่ ล้มลง
ขณะที่ มาริ่นา และคนอื่นๆที่ตามขึ้นมาก็ได้แต่ นิ่งอึ้ง กับ ร่างของ อาแมนคริส
ที่ปรากฏขึ้นต่อสายตาของพวกเค้า ก่อนที่มันจะหายไป เพราะระดับพลังเวทย์
ที่ลดลงจนหมดหลังการดวล

“ เจ้าหนู ปลุกมังกรในตำนานขึ้นมาได้แล้วสินะ ”
มาริน่า เปรยขณะที่ สายตายังคงจับจ้องค้างอยู่ที่ อาแมนคริส ที่หายไปแล้ว
ขณะที่ อิส แอน เคียว ไดสุเกะ นั้นวิ่งเข้าไปดูอาการของทั้งสอง ด้วยความเป็น
ห่วงก่อนใคร


“ โคทาโร่ ทำใจดีๆนะ นายไม่เป็นไรแล้ว โคทาโร่ ”
ธนัท กล่าวพลางเขย่าตัวเพื่อให้ โคทาโร่ ได้สติ จนเมื่อเค้าลืมตาขึ้น ทุกคนจึง
มีทีท่าโล่งใจกันเป็นแถบๆ

“ ทุกคน... ”
โคทาโร่ เปรยด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย

“ เซนาคาว่าคุง ผมกับทุกๆคนรู้เรื่องทั้งหมดจาก ควีน แล้วล่ะ ”
ไดสุเกะ กล่าวขณะที่ ก้มลงนั่งข้างๆ ธนัท ที่โคทาโร่ นอนหนุนตักเขาอยู่

“ คนที่ผิดน่ะไม่ใช่ โคทาโร่ หรอกหนา แต่คนที่บีบบังคับ ให้ทำนั่นล่ะที่ผิด คิง
เป็นคนที่ใช้ไม่ได้จริงๆเลย เวรี่แบด(Very Bad) ”
แอน กล่าวเพื่อที่ปลอบใจเค้าไม่ให้รู้สึกผิดไปมากกว่านี้

“ ก่อนนี้ผมเองไม่เคยไว้ใจคุณเลย แต่ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าไม่มีใครวางใจ
ได้เท่าคุณอีกแล้วล่ะ โคทาโร่ ซัง ”
อิส กล่าวเสียงเรียบ

“ ตอนนี้นายเองก็เป็นเพื่อนของพวกเราคนหนึ่งแล้วนะ โคทาโร่... ”
เคียวกล่าว นี่เป็นครั้งแรกที่ เค้าเรียกชื่อของ โคทาโร่ ขึ้นมาอย่างสนิทสนม
ท่ามกลางความปลาบปลื้มที่ประดังเข้ามาในวินาทีนี้ ได้ทำให้หัวใจของเค้า

อบอุ่นขึ้นราวกับ ฤดูกาลได้เปลี่ยนไปแล้ว หิมะละลายหายไปและถูกแทนที่ด้วย
แสงแดดอันอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ

“ งั้นเหรอ...ขอบใจมากนะ...จริงสิ ธนัท ”
โคทาโร่ เปรยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะหยิบเอาไพ่ใบหนึ่งขึ้นมาแล้วส่งให้ ธนัท

“ นี่คือไพ่ที่ ชุติการ ฝากมาให้...นาย ”
โคทาโร่ กล่าวตะกุกตะกัก ขณะที่ ธนัท รับมันมา

“ นี่มัน....เหวอ ”
ธนัท กล่าวได้ไม่ทันขาดคำ ก็เกิดแรงสะเทือน เลื่อนลั่นไปทั้งชั้น ก่อนที่จะหยุดลงพร้อมกับ
เพดานห้องที่ แตกกระจายออก บนท้องฟ้าตอนนี้ มีแสงโอโรร่า ส่องสว่างกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
แต่ที่น่าประหลาดใจกว่านั้น คือ อสูรอัญเชิญ ออกมาเพ่นพ่านไปทั่ว เมือง
จนเกิดความเสียหายจากการอาละวาดของพวกมันไปทั่ว

“ เป็นยังไงบ้างล่ะ...นี่คือโลกที่ รวมเป็นหนึ่งกับเทอร่า โลกที่จะเกิดใหม่... ”
เสียงดังขึ้น ก่อนที่ชายหนุ่มผมสีดำเรียบ ในชุดผ้าสีขาวจะเดิน ออกมาจาก หลังบานประตู
กระจกที่แตกร้าวจนไม่มีชิ้นดี

“ นามของข้าคือ King Por ผู้นำสูงสุดแห่ง Paradiso da Regola  ”
ชายหนุ่มคนนั้นประกาศตัวขึ้นอย่างอล่างฉ่าง ก่อนที่จะเกิดเงาดำทมึน ขนาดใหญ่
สูงยิ่งกว่าอาคารทั้งชั้นนี้ ขึ้นไปอีก และเมื่อมันปรากฏตัวขึ้นมาอย่างชัดเจนแล้ว
มันเป็นร่างของ ปีศาจขนาดใหญ่ ในมือของมัน ถือ ดาบขนาดใหญ่พอๆกันไว้สองเล่ม



“ และนี่คือ ลูกสมุนของข้า เรราเย่ (Leraje, the Torment of War) ”
คิง ปอร์ กล่าวพลางวาดมือ ออกก่อนที่ อสูรเทพ เรราเย่ จะ คำรามกู่ก้องไปทั่วทั้งแผ่นดิน


.........

โปรดติดตามตอนต่อไป


Final Sub-Turn

และศึกตัดสินสุดท้ายก็ได้เริ่มขึ้นโดยมีชะตาของ โลกเป็นเดิมพัน

“หลังจากมนุษย์ได้ค้นพบพลังเวทมนต์ ก็เริ่มที่จะรุกรานชีวิตอื่น แม้แต่พวก
เดียวกันก็ไม่เว้น ที่ร้ายแรงที่สุดพวกเรายังคิดจะแหกกฎแห่งธรรมชาติสร้างชีวิต นิรันด์ขึ้นมาอีก ”

“ ชีวิต....นิรันด์... ”

“ DNA-Chsnger ก็คือผลผลิดจาการสร้างชีวิต นิรันด์นั่นแหละ ที่แล้วมามนุษย
พยายามหาทางไขความลับของชีวิต ที่เรียกว่าพันธุกรรม  ”

“ และเมื่อ เวทยาการเกิดขึ้น มันก็ได้เกิดศาสตร์ แห่งพันธุเวทกรรม
มนุษย์พยายามที่ จะทำลายนาฬิกาแห่งชีวิตของตนเพื่อเข้าสู่ชีวิตนิรันด์ ยังไงล่ะ  ”

ความจริงของเหล่ามนุษย์พันธุกรรม DNA-Changer ที่นำไปสู่ความเป็นนิรันด์

“ ฉันมารับเธอแล้ว.... ”


“ ในที่สุดฉันก็เข้าใจถึงความหมายของการมีเธออยู่เคียงข้างแล้วล่ะ.... ”

“ Lets’ Duel VR!!!!! ”

และแล้วตำนานการดวลก็จะยังตราตรึงอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ นี้ตลอดไปตราบนานเท่านาน...
ตอนหน้า Final Sub-Turn  Let’s Duel VR!! เป็นการดวลที่สนุกมากเลยล่ะ!!




Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #129 on: May 27, 2009, 05:22:18 PM »

Legend Thaliwilya of the Arimathe  Special Turn
 Bath, Jack Panic(คดียึดโรงอาบน้ำ) ภาคจบ


ความเดิมตอนที่แล้ว: เรกกะ ไล่ตามขโมยที่ฉกเอาจักรยานเค้าไปจนถึงโรงอาบน้ำจากนั้นก็
ถูกจับเป็นตัวประกัน ร่วมกับ เฟนท์ และ ไรด์ ที่อยู่ในโรงอาบน้ำก่อนแล้ว เหตุการณ์วุ่นขึ้นไปอีก

เมื่อ เทอเรี่ยน ของ มาราดัน ปรากฏตัวขึ้นในเมือง R2 จึงมาช่วยเรกกะ ออกไปกำจัดเทอเรี่ยน
 แต่เพราะ ทาลิคนัส แอ๊คท่ามากเกิน เลยปล่อยเทอเรี่ยนหลุดมือไป แถมพอกลับมา ทาลิควอส

ก็ดันไล่ตำรจที่จะบุกเข้ามาในโรงอาบน้ำไปอีก  จากนั้น ไอ กับ เซน่า ก็เข้ามร่วมแจมเหตุการณ์จะเป็น
ไงต่อไปเนี่ย...

เซน่า: ขอรบกวนด้วยนะค้า~
ไอ: พ...พี่เซน่า ขา...แบบนี้มันจะดีหรือคะ
โจร1:น..นี่....พ...พวกเธอเข้ามา...เข้ามาได้ยังไงกันเนี่ย (ก็เข้าทางประตูสิถามได้ )

โทรทัศน์: ตอนนี้ตำรวจเริ่มมีความเคลื่อนไหวอีกแล้วค่ะ คาดว่าครั้งนี้น่าจะบุกเข้าไปช่วยตัวประกันแบบเต็มพิกัดแน่ค่ะ

ฉาก ข้างนอก

สารวัตร: บุกเลย...บุก!!!

ตำรวจ: เฮ!!! (แล้วก็ตะลอน เฮโล กันจะวิ่งเข้าไป)

เรกกะ: ย...แย่ล่ะสิขืนเป็นแบบนี้พี่ก็จะโดนลูกหลงไปด้วยทำไงดี...ทำไงดี(เสียงรนราน)

ทาไนซ:พี่สาวกำลังลำบากสินะ งั้นชั้นจัดการเองถอยไปสิ

เรกกะ:เอ๋ จะทำอะไรน่ะ ทาไนซ

วิ้งงงง(ตาซ้ายทำงานเปลี่ยนเป็น ทาไนซ)

ทาไนซ:ชะตานายขาดซะแล้ว จะจ่ายหรือเปล่าแต่ยังไงก็ขอกำจัดล่ะนะ

โจร1:น..น...นี่แกเป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย
ครืดดดดดด (เสียงประตูเปิด)
แล้ว มันก็เดินไปเปิดประตูซะงั้น

ตำรวจ: หืม?!

ทาไนซ:ไม่ได้ขอคำตอบซะหน่อย มาแดนซ์กันเถอะ

ตึกๆๆ ตึงๆๆ ตึกๆๆ ~~~
(เสียงเพลงสตีรทแดนซ์ ขึ้นเฉย)

สารวัตร:หาอ้าวเฮ้ยอะไรเนี่ย
ตำรวจ:ม..มันขยับไปเอง

แล้วก็พากันเต้น b-boy หมดหน้าโรงอาบน้ำทั้งตำรวจทั้งคนมุง (- -*) (แกมีพลังแบบนี้ด้วยเรอะ ทาไนซ)

ทาไนซ:ฮะๆๆ เต้นกันเลย!!เต้นกันเลย!!
แล้วก็เต้นกันจนถอยหายกันไปหมดอีก

ครู่ต่อมา

โจร1: ต...ตำรวจ....ห...หายไปไหนหมด....น...นี่แกทำได้ไง
ทาไนซ:ไม่ได้คำตอบซักหน่อย

เซน่า:ข้าวปั้นกระเทียมวาซาบิร้องไห้ เสร้จแล้วจ้า

ทาลิคนัส:หือ เห้ย ร้องไห้เรอะ!
ทาลิควอส:ตายแล้ว ร้องไห้!! (แววบรรลัยมาเห็นๆ)

ทาโซรอส: อืมๆ ร้อง...ไห้...ร้องไห้....เรหอ..อืม!ได้ร้องไห้แน่

วิ้งงง(ตาซ้ายทำงานเปลี่ยนเป็นทาโซรอส)

ทาไนซ:ม..ไม่ใช่นะ..ไม่ใช่ร้องไห้ซะหน่อย เดี๋ยวสิ (ไม่ทันแล้วล่ะเอ็งเอ๋ย)

ทาโซรอส:ได้ร้องไห้แน่ ความแข็งแกร่งของข้าแม้แต่เด็กยังต้องร้อง
โจร1:ว...เหวอ (โดนแข้งตอนเจ้า ทาโซรอสมันกระทืบเท้าโชว์พาว
 กระแทกกระเด็นไปชนฝาห้องสลบเหมือด)

R2: เรกกะ เทอเรี่ยนปรากฏตัวอีกแล้วล่ะ (ป้ามาอีกแล้วเรอะ)
เซน่า: มากินกันก่อนสิจ้ะยังร้อนๆอยู่เลย~

R2 : อ๊ะขอบคุณค่า ยังไม่ได้กินอะไรเลย

วิ้งงงง(ตาซ้ายทำงานเปลี่ยนกลับเป็น เรกกะ)
........
สักครู่

เรกกะ: เอ่อมานั่งกินกันแบบนี้จะดีเหรอ?

ตอนนี้ ทุกคนรวมโจรด้วยมานั่งกินข้าวปั้น

R2:ช่างเถอะๆ เวลากินก็ต้องกินให้อร่อยสิ อย่ามาคิดเรื่องแบบนั้นเลยเดี๋ยวเสียรสหมด

เซน่า:ใช่แล้วจ้ะ เรกกะจัง ไม่อย่างนั้นดาวแห่งความสุขจะหนีไปนะ

เฟนท์:ตกลงนี่มันอะไรกันเนี่ย...ปืนก็เก๊ ขนาดโจรยังเป็นของเก๊ ปีนขึ้นบ้านเค้า
ยังไม่ทันไรได้ยินไซเรนตำรวจก็เผ่นมาขโมยจักรยานเรกกะ ซะละ

ไอ: อ่ะ เฟนท์ อ้ามมมมม~~(แหมได้ทีเล่นบทหวานเชียวนะ ไอ)

ไรด์:ช่างเถอะๆ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ (อ้าวแกยอมรับง่ายๆเลยเรอะ)

โจร1:เฮ้อคิดอีกทีฉันไปมอบตัวกับตำรวจดีกว่า อยู่แบบนี้มีแต่เรื่องบ้าๆ

เซน่า: ยอมแพ้ง่ายๆแบบนั้นได้ยังไงกันคะ ถ้าเรามีความพยายามล่ะก็
 ดาวแห่งความสุขจะต้องมาหาเราซักวันแน่ค่ะ(เอ่อ เจ๊ จะดันให้เค้าเป็นโจรต่อหรือจะเทศอะไรกันแน่)

โจร1: ร...เหรอ...นั่นสิเนอะ ดีล่ะงั้นชั้นจะพยายาม ถ้าชดใช้ความผิดหมดแล้ว ชั้นจะพยายามหางานทำให้ได้
 ขอบคุณมากนะครับที่ให้คำชี้แนะ (เฮ้ยง่ายๆเงี้ยเลย นะ)

โทรทัศน์:เอาล่ะค่ะตอนนี้ตำรวจกลับมาตั้งหลักใหม่แล้วครั้งนี้จะบุกเข้าไปสำเร็จหรือไม่คะ

สารวัตร:บุกได้!!!~

ตำรวจ:เฮ~~~~

ครืดดดด (เสียงโจรเปิดประตูโรงอาบน้ำออกมาเอง)

โจร1: ย..ยอมแล้วครับ คุณตำรวจ

ตุบๆๆๆๆๆครืนนน(เสียงวิ่งเฮโลของตำรวจนะไม่ใช่ประชาทัณฑ์คนร้าย)
แล้ว ตำรวจก็วิ่งผ่านโรงอาบน้ำไป

เรกกะ: เอ๋ เลยไปไหนของเค้ากันน่ะ

โทรทัศน์: ค่ะตอนนี้ตำรวจบุกเข้าไปช่วยตัวประกันในโรงรับจำนำออกมาได้แล้วค่ะ

เฟนท์: ที่แท้เหตุเกิดที่โรงรับจำนำข้างๆหรอกเหรอเนี่ย
โจร1:ง...ไงล่ะเนี่ย

ไรด์:ก็หมายความตำรวจเค้าไม่ได้มาจับนาย แต่มาจับโจรปล้นโรงรับจำนำข้างๆโรงอาบน้ำนี่ต่างหากไง
และโจรตัวจริงก็โดนลากออกมา

โจร2: ปล่อยนะเว้ย ปล่อย....
แล้ว โจรคนที่2 ก็โดนลากเข้ารถตำรวจไป

โจร1:ค..คุณตำรวจจับผมไปด้วยผมเป็นคนร้ายด้วย(อ้าวเอ็งไหงงี้ล่ะ เค้าไม่ได้มาจับเอ็ง)
แล้ว โจร 1ก็วิ่งไล่รถตำรวจที่วิ่งไป

ไอ: เอ้า เฟนท์ อีกคำนะ อ้าม~~
(ยังหวานไม่เลิก เจ็ไม่รู้เรอะ สามีเค้ากับพี่เขยเค้าอยู่ด้วยเนี่ย)(การุรม่อน:หมายความว่าเรกกะ x เฟนท์ เหรอ?!)

R2: เอว่าแต่เหมือนลืมอะไรไปซักอย่างแหะ(เทอเรี่ยนไงป้า จะมาตามเรกกะไปจัดการไม่ใช่เรอะ)

จบดีกว่า.......(เอวัง)


สรุปมันเข้าใจผิดกันมาทั้งเรื่องใช่มะเนี่ยเอ้อ พูดไม่ออก สรุป ทาลิ2 มาดึงเรตติ้ง SMN VR!!
สินะเนี่ย - -* เอาเถอะ ตอนหน้า อวสาน VR แล้ว จะเป็นไงหนอ บทนี้ทำเอาเครียดมากเพราะดวล

พร้อมกันเป็นสิบๆ เล่นเอาลิ้นห้อยเลย แถมตัดบทไปเยอะมาก สรุปตอนหน้าจะเป็น Duel Climax
ครั้งสุดท้ายแบบเต็มๆตอนบวกสงครามบ้าน้ำลายอีกแล้วใช่มะเนี่ย คราวก่อนตอนเรกกะ

 โครโน่บ้าอวด God Send12ชิ้น พล่ามน้ำลายแตก สุดท้ายใช้จริงได้ไม่ถึง2ชิ้น
 โดนโอดินถีบสลมเหมือด
โอย ขอไปพิมพ์บทอวสานก่อนนะขอร้าบ ส่วน สารบัณทาลิ2 จะทำให้หลังจบ VR ขอรับ

ว่าแล้ว คิงของ Checkmate 5 ต้องเป็นอะไรที่เกี่ยวกับหมากรุกจริงๆ(เรอะ ) ท่านคิงบักลู่ของเรามาเองเลย

me/เผ่นล่ะใครจะอยู่ให้ไอลู่มันใช้ Geass ก็เชิญ

Logged


Leraje
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 826


« Reply #130 on: May 28, 2009, 01:26:50 AM »

“ นามของข้าคือ King Por ผู้นำสูงสุดแห่ง Paradiso da Regola  ”
ชายหนุ่มคนนั้นประกาศตัวขึ้นอย่างอล่างฉ่าง ก่อนที่จะเกิดเงาดำทมึน ขนาดใหญ่
สูงยิ่งกว่าอาคารทั้งชั้นนี้ ขึ้นไปอีก และเมื่อมันปรากฏตัวขึ้นมาอย่างชัดเจนแล้ว
มันเป็นร่างของ ปีศาจขนาดใหญ่ ในมือของมัน ถือ ดาบขนาดใหญ่พอๆกันไว้สองเล่ม



“ และนี่คือ ลูกสมุนของข้า เรราเย่ (Leraje, the Torment of War) ”
คิง ปอร์ กล่าวพลางวาดมือ ออกก่อนที่ อสูรเทพ เรราเย่ จะ คำรามกู่ก้องไปทั่วทั้งแผ่นดิน




อ๊ากกกกกก!!!  อะไรว้า....  ตกลงตูกลายเป็นสมุนคิงปอไปแล้วหรือเนี่ย ไม่อาววววววววๆๆๆๆๆๆ   

ปล. หลังจากแหกตาอ่านไปอีก 5 Sub ตอนนี้สายตาเราสั้นไป - 200 แล้วมั้ง
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #131 on: May 28, 2009, 09:54:54 AM »

เมื่อวานตอนชม.คอมมาอ่าน    แต่ล๊อคอินนานเหลือเกินเลยไม่ได้เม้น......

พี่ปอเป็นลูลู่!!!!!!!!!!     สาคูอยู่หนาย~

สั้นจัง  2 ตอนหน้าก็จบแล้ว?
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #132 on: May 28, 2009, 12:01:53 PM »

Quote
“ ยังไงก็ให้เป็นแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้วเพราะถ้าฐานะของผม บิชอป นิฮิล ถูกล่วงรู้
ว่าอยู่เบื้องหลัง Paladiso Da Regola ล่ะก็คงวุ่นวายกันไม่น้อยเลย ”
ชายที่มากับ เธอกล่าว เค้ามีผมสีน้ำตาลเข้ม ซอยลงมาเป็นแถวๆ ดวงตาสีเขียวสด
และน่าเกรงขาม สีหน้าของเค้านั้นเรียบนิ่งอยู่แทบตลอดเวลา เค้าคนนี้คือ นิฮิล
1ในcheckmate 5 ของ Paladiso Da Regola



[Data:นิฮิล (Nihil) LV:Ruler Bishop of Checkmate 5
Age: ? Year  Deck:?]



พี่ลิงนี่เองที่เปง สาคู  เอ๊ะ!งั้นก็หมายความว่า พี่ลิง กับ พี่ปอ เป็น.........

 
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #133 on: May 28, 2009, 09:53:34 PM »

^
^
พี่โคเดี๋ยวโดนข้อหาหมิ่นประมาท -*-

แต่สาคูกับลู่นี่อยากอ่านจริง~
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #134 on: May 29, 2009, 04:13:42 PM »

Final Sub-Turn  Let’s Duel VR!! เป็นการดวลที่สนุกมากเลยล่ะ!!




ความเดิมจากตอนที่แล้ว: ธนัท และ เพื่อนๆได้ร่วมมือกับ ควีนจิงค์ ที่ย้ายมาร่วมมือกับพวกเค้า
เพราะไม่เห็นด้วยกับแผนการของ คิง ที่จะรวมโลกเข้ากับ เทอร่า ธนัท บุกขึ้นไปจน

ถึงชั้นสุดท้ายของ แซงชูรี่ และได้ดวลกับ โคทาโร่ ระหว่างการดวล หลักสวรรค์ ที่ โคทาโร่
 อัญเชิญมาเกิดควบคุมไม่ได้ แต่ ธนัท ก็อัญเชิญ อาแมนคริส จ้าวมังกรแห่งตำนานผู้ครอบครอง

พลังทั้ง6ธาตุ ออกมาจัดการไปได้สำเร็จ ขณะที่ ทุกคนขึ้นมาพร้อมกันหมดแล้ว
คิงปอร์ ที่ปรากฏตัวขึ้นกลับ ได้พลังของอสูรเทพ เรราเย่ มาพร้อมๆกับที่ โลกค่อยๆรวมเป็น
หนึ่งกับเทอร่าศึกสุดท้ายที่จะชี้ชะตาโลก ได้เริ่มขึ้นแล้ว.......


ปารีส  ประเทศฝรั่งเศส หอ ไอเฟล

ตอนนี้ ทั่วทั้งตัวเมือง ปารีส เต็มไปด้วย ฝูงของครุฑ(Garuda) มากมายบินว่อนไปทั่ว
และเข้าทำลายบ้านเรือน จนเกิดเหตุร้ายไปทั่ว  กระทั่งหอสูงที่เป็นสัญลักษณ์ของ ฝรั่งเศส หอไอเฟลตอนนี้
กลายเป็นที่พักพิงของพวก ครุฑ ไปเสียแล้ว



ลอนดอน ประเทศอังกฤษ  หอนาฬิกาบิ้กเบน

หอนาฬิกาสูงที่ตั้งตระหง่านผ่านเวลามานับศตวรรษ ตอนนี้เกลื่อนไปด้วยอสูรประเภทภูตผี ปีศาจ
คอยอาละวาดหลอกหลอนผู้คน



นิวยอร์ก  ประเทศอเมริกา เทพีเสรีภาพ

รูปปั้นเทพีแห่งเสรีภาพ ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางอ่าวทะเล ตอนนี้รายล้อมไปด้วย
อัศวินสวรรค์(Heaven Knight) และบรรดาทูตสวรรค์ มากมาย ที่กีดกันมนุษย์
ออกจากเขตของตนและขยายอิทธิพลออกไปเรื่อยๆ



โตเกียว ประเทศญี่ปุ่ญ โตเกียวทาวเวอร์
ตอนนี้ บริเวณอยู่อาศัยรอบๆ โตเกียวทาวเวอร์นั้น กลายเป็นสนามรบของ
 อสูรอัญเชิญ ประเภทซามูไร นินจา อีกทั้ง อาคุม่า(Akuma) จักรกลสังหาร(Karakuri)
รูปแบบต่างๆก็พากันออกอาละวาดไปทั่วอาณาบริเวณ จนผู้คนต้องอพยพหนีกันอย่างอลหม่าน




กรุงเทพ ประเทศไทย 

“ รายงานสดค่ะ ตอนนี้เกิดเหตุ อสูรอัญเชิญไร้การควบคุม ออกอาละวาดไปทั่วโลกเลยค่ะ
ตอนนี้มีคำสั่งให้อพยพ แล้วค่ะ ที่น่าตกใจกว่านั้น คือภาพการปรากฏตัวของ อสูรเทพ เรราเย่
ที่ปรากฏตัวขึ้นที่ สมุทรปราการ...หริอว่านี่จะเป็นจุดจบของ ประเทศไทยกันแน่คะ.. ”

เสียงรายงานข่าวดังขึ้นไปทั่วทุกสารทิศ ถนนทุกหนแห่งเต็มไปด้วยรถรา และผู้คนที่
หอบข้าวหอบของ ย้าย หนีเอาตัวรอดไปยังพื้นที่คุ้มกันที่ รัฐบาลได้จัดให้


โรงพยาบาลตากสิน

“ คุณคะ ลูก ธนัท จะเป็นอะไรไหมคะเนี่ย ฉันเป็นห่วงลูกจังเลยค่ะ ”
แม่ของ ธนัท กล่าวกับสามีที่ ติดต่อผ่าน note มาด้วยความเป็นห่วง
ตอนนี้เธอกำลังเข้าเวรในโรงพยาบาลและ จำนวนผู้ป่วยก็เพิ่มมากขึ้นจากอุบัติเหตุ
และความเสียหายที่ อสูรอัญเชิญสร้างขึ้น

“ อย่ากังวลไปเลย ธนัท จะต้องปลอดภัยแน่นอน เค้าได้สำรับ ในตำนานนั่นไปแล้ว
 อีกอย่าง ศรี กับ ริน ก็อยู่ด้วยพวกเค้าต้องไม่เป็นไรแน่ ”
เสียง พ่อของ ธนัท ดังตอบกลับมาเพื่อจะปลอบโยน เธอ
ให้สบายใจขึ้น แต่เธอก็ยังออดที่จะห่วงลูกทั้ง สามคนไม่ได้

.......................

สมุทรปราการ สำนักงานใหญ่ Penemenon Party Center

อาคารสูงซึ่ง ชั้นบนสุดของมันถูกพังจนทลายเผยด้านในของตัวอาคารออกมา โดยมี
อสูรเทพเรราเย่ ยืนมองดูลงมาด้วยดวงตาสีแดงฉาน ไอดำรอบกายของมัน ค่อยๆแผ่กระจายออกไป
ทั่วทุกหนทุกแห่งปกคลุมฟ้าดิน จนมืดมิด

“ ข้าได้ อสูรเทพ มาไว้ในมือแล้วจากนี้ไป โลกก็จะค่อยๆรวมเข้ากับ เทอร่าและ
ถูกปกครองโดยอสูร พวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจจะต้องหายไป  ”

คิง ปอร์  กล่าวด้วยความโอหังที่ได้ครอบครองพลังที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมากพอที่จะพลิกโฉม
หน้าของโลกหรือทำลายให้หายไปได้เลยทีเดียว


“ คิง คุณต้องการอะไรกันแน่ การใช้พลังของ เรราเย่ จะทำให้ โลกแตกสลายได้ ชีวิตของผู้คนก็จะ ”
“ ข้าไม่สน!! ”

ธนัท ที่พยายามจะห้ามคิง กลับถูกแทรกตะคอกใส่ โดย คิง

“ ชีวิตของพวกมนุษย์ ข้าไม่ได้สนตั้งแต่แรกแล้ว แผนการนี้เริ่มดำเนินมาก็เพื่อทำลาย
มวลมนุษยชาติ ทั้งหมดและให้โลกถูกปกครองด้วยเหล่าอสูรอัญเชิญ ”
คิงปอร์ กล่าวจบ เรราเย่ ก็ทิ่มดาบลงมาที่ใจกลางตึกก่อนจะให้ เรราเย่ ผ่าตึกออกเป็นสองท่อน
โดยที่มีเพียงธนัท กับเค้าอยู่อีกฝั่ง ขณะที่คนอื่นนั้นถูกแยกไปอยู่อีกซีกของตึกที่แยก ออกจากกัน


“ ธนัท รับไป ”
แอน เคียว อิส ไดสุเกะ และโคทาโร่ กล่าวพร้อมกับ โยนไพ่ส่งไปให้ ธนัท คนละใบ
ธนัท รับไพ่ทั้ง 5ใบ มาไว้ได้ก่อนจะหันกลับไป แต่แล้วเค้าก็ต้องพบกับสิ่งที่น่าตกใจ

“ ชุติ... ”
ธนัท เปรยด้วยสีหน้าผวา เมื่อ เห็นร่างของ ชุติการ ถูกตรึงเอาไว้กับ กางเขนเหล็ก

“ ธนัท!! ”
ชุติการ ตะโกนเรียกเค้า ทันทีที่เธอได้เห็น ธนัท

“ ข้าออกตามหาพลังของ มังกรขาว ซึ่งมีพลังแห่งการฟื้นคืนอันยิ่งใหญ่ เพื่อที่จะคืนชีพให้กับ
 เรราเย่ ที่ถูกทำลายไปเมื่อ ครึ่ง ปีก่อน ”
คิง ปอร์ กล่าว คำพูดของเค้าทำให้ ธนัท และ ทุกๆคน สงสัยขึ้นมา

“ ครึ่ง ปีก่อนงั้นเหรอ หมายความว่ายังไงที่ เรราเย่ ถูกทำลายน่ะ ”
ธนัท ถามด้วยความอยากรู้

“ ไปถามเจ้า Master Ceremony นั่นจะดีกว่าไหม พวกมันเป็นคนที่ทำราย เรราเย่ เองนี่ ”
คิงปอร์ กล่าวพลางชี้ไปที่ ศรี ที่อยู่อีกซีกตึกที่แยกตัวออกไป
ขณะที่ทุกคนหันไปมองที่เค้ากันหมด

“ นี่มันเรื่องอะไรกันครับ ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัย ก่อนที่ ศรี จะตัดใจเล่าออกมาด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ

“ ครึ่งปีก่อน ก่อนที่ฉันจะออกเดินทางไป ฉันได้ดวลกับ คิง และปิดผนึก เรราเย่ ลงไปได้สำเร็จ
 แต่ฉันรู้ว่า คิง จะต้องหาทางปลดผนึก เรราเย่ ขึ้นมาได้เข้าซักวัน ฉันจึงออกเดินทางเพื่อ
ตามหาพลังที่จะเอาชนะมัน และนั่นก็คือไพ่แห่งความนึกคิดทั้งสามใบที่ ฉันส่งไปให้นายไง ธนัท ”

ศรี กล่าวตอบถึงปริศนาที่เค้าหายตัวไปตลอด ครึ่งปีมานี้ รวมไปถึงไพ่ที่ส่งให้
 ธนัท มาทำสำรับในตำนาน


“ เพราะแก เลยทำให้ข้าเสียเวลาไปไม่น้อยเลย แต่คราวนี้ไม่มีใครจะหยุดข้า
ได้อีกแล้ว เรราเย่ ที่ฟื้นพลังขึ้นมาอย่างสมบรูณ์แบบ นี้จะไม่มีทางถูกปิดผนึกได้อีกตลอดไป ”
คิงปอร์ กล่าวด้วยความโอหัง ยิ่งกว่าเดิม

“ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะหยุดมันเอง ” /Get Set/
ธนัท กล่าว พร้อมกับ สแตนบาย คอรัส ให้อยู่ในโหมดสำหรับ ดวล

“ คิดจะหยุดด้วยการดวลงั้นหรือ...หึๆ เอาซี้ถ้าเจ้าทำได้ล่ะก็นะ ” /Approntare/
คิงปอร์ กล่าวพลาง สแตนบาย note ของตนเช่นกัน พร้อมกับ ที่ เรราเย่ จะจางหายไป


“ ช่วยหน่อย คอรัส นี่คือศึกชี้ชะตาของเรา ” /trust me , my master/ (วางใจได้เลย เจ้านาย)
ธนัท กล่าวจบ คอรัส ก็รับคำต่อทันที ขณะที่ ธนัท นำเอาไพ่ที่เพื่อนๆ ส่งให้ทั้ง 5 ใบใส่ลงไปในสำรับ
โดยแยกเป็นซีล มิสติก ก่อน จะหยิบไพ่ของ ชุติการ ที่ฝาก โคทาโร่ ขึ้นมาดูแล้วจึงใส่ลงไปใน
สำรับมิสติก รวมที่ใส่เพิ่มเข้าไปทั้งหมดมีทั้ง สิ้น 6ใบ ซีล2 มิสติก 4ใบ

“ ทุกคนมาสู้ไปด้วยกันกับฉันเถอะ ”
ธนัท คิด ขณะที่ สับสำรับ แล้วใส่ลงไปในช่อง deck


“ Let’s Duel Summoner Level ”
สิ้นคำของทั้งสองฝ่าย การดวลนึดี้ชะตาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มขึ้น พร้อมๆกับ
เสียงฟ้าร้องกึกก้องคำราม ราวกับเป็นสัญญาณแห่งศตวรรษ


“ ฉันเริ่มก่อน cost mp 1ร่าย ไข่มังกรบนศิลา(The Dragon’s Egg on the Rock) ไปที่At line ”
สิ้นคำ ธนัท ก็ส่งไพ่ซีล บนมือไป ปรากฏไข่มังกรลายสีน้ำตาล ขึ้นมาพร้อมกับ พื้นตึกที่พูน
ขึ้นมาห้อมล้อมไข่เอาไว้



“ จากนั้น Cost mp 4 ร่ายพาลานัลคา นิลเฮอร์ นิทินโค เฟิร์นกอลโล่ แห่งอาริมาเทีย ลงไปที่ Df line ”
ธนัท กล่าวก่อนจะ ร่าย ซีลทั้งหมดบนมือที่มีอยู่ลงไป หลังแนวพื้นหินที่ ไข่มังกรสร้างไว้
ลูกมังกรแสงกายสีขาว พาลานัลคา(Palanalcar, Arimathea’s Baby Dragon)
ลูกมังกรพสุธากายสีน้ำตาลหิน นิลเฮอร์ (Nilhir, Arimathea’s Baby Dragon)



ลูกมังกรเพลิงกายสีแดง นิทินโค (Niltinco, Arimathea’s Baby Dragon)
ลูกมังกรวารีกายสีฟ้าอ่อน เฟิร์นกอลโล (Firngollo, Arimathea’s Baby Dragon)



เหล่าลูกมังกรสังกัดธาตุต่างๆ ได้ปรากฏตัวขึ้นในสนามฝั่ง ธนัท
พร้อมกันนั้น พื้นหินที่พูนขึ้นห้อมล้อมไข่นั้น ก็พูนสูงขึ้นไปอีก กลายเป็นกำแพงกำบังให้เหล่า
 ลูกมังกร ด้านหลังได้

“ ผ่าน ”
ธนัท กล่าวจบ คิงปอร์ จึงเริ่มเล่นบ้าง

“ Cost mp 1 ร่าย กากอยลมหมุน(Whirl Wind Gargoyle)ไว้ที่ Df line ”
สิ้นคำ คิงปอร์ ก็ร่ายซีลลงมา เกิดลมหมุนขึ้นในสนามของ คิง ก่อนที่จะปรากฏร่างของ
 อสูรอัญเชิญรูปร่างปีศาจกายของมันมี สีแดงชมพูราวกับกล้ามเนื้อด้านในที่ไม่ได้หุ้ม
ด้วยหนังเอาไว้ขึ้นมา



“ Cost mp 4 ร่ายเดมอนภูเขาไฟ(Volcanic Demon) 4 ใบลงมาที่ At line ”
สิ้นคำ คิงปอร์ ก็ร่ายซีลทั้งหมดบนมือลงมาเช่นกัน  อสูรที่อัญเชิญออกมานั้น
คือปีศาจร่างสีแดงตัวน้อยเหมือนกับที่ ภูเขาเคยใช้ตอนที่มาทดสอบฝีมือกับเขา นั่นเอง



“ นั่นมัน ซีลที่ รุ่นพี่ภูเขาเคยใช้นี่ ถ้าจำไม่ผิดมันมีสกิลที่จะ สังเวยตัวเองเพื่อ
แลกกับการจั่วไพ่ได้ 1 ใบส่วน กากอยลมหมุน นั่นถ้าจำไม่ผิดความสามารถ

ของมันคือการ เปิดไพ่ใบบนสุดของกองหากเป็นเผ่าปีศาจก็จะร่ายไพ่ใบนั้นลงมาทันที
Mp ของ คิง เหลืออยู่ 3 จะใช้สกิลของมัน หรือจะโจมตีเข้ามากันนะ เพราะตอนนี้

ซีลของเราสองฝ่ายเท่ากัน ability ของ ไข่มังกรบนศิลาที่จะไม่สามารถสั่งโจมตี
มันได้หากมีซีลในสนามน้อยกว่า ฝ่ายเราเลยไม่ทำงาน  ”

“ cost mp 3ร่าย พรตเงาปีศาจ(Shadow Fiend Hermit) ผลของมันจะแสดงเมื่อ
 อสูรของข้าถูกทำลายจากสนามจะสามารถแสดงเผ่าปีศาจจากกองการ์ด ที่มีเลเวล
น้อยกว่าหรือเท่ากับ อสูรที่ถูกทำลายไปได้แล้วนำเข้ามาในสนาม ”
คิงปอร์ กล่าวจบก็ร่ายมิสติกการ์ด ที่มีรูปนักพรตและเงาของปีศาจอยู่ด้านหลังออกมา
ภาพของไพ่นั้นปรากฏขึ้นบนสนาม แต่ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น



“ หมายความว่า ทุกครั้งที่ ซีล ถูกทำลายจากสนามก็จะมี ซีลใหม่ออกมาทดแทนได้ สินะ ”
เคียว เปรยเมื่อได้เห็นไพ่ของคิง

“ เอ๋ งั้นก็หมายความว่า คิง จะมีซีลอยู่ในสนามตลอดเลยน่ะสิหนา ”
แอน กล่าวขณะที่หันไปถาม เคียว

“ แบบนี้ หมดสิทธิที่จะเก็บ เรราเย่ ตั้งแต่ตอนที่มันอยู่บนมือกันพอดีน่ะสิ ”
ไดสุเกะ กล่าวขณะที่พเคราะห์สถานการณ์ ซึ่งไพ่ พรตเงาปีศาจ นั้นจะทำให้ ธนัท
ลำบากมากยิ่งขึ้นในการ จัดการกับ เรราเย่

“ ไม่หรอก ไพ่ ใบนั้นน่ะ ถึงจะทำงาน...อึก...ก็ได้แค่ 1 ครั้งต่อ Sub-turn เท่านั้น..อุบ ”
โคทาโร่ ฝืนอธิบายทั้งที่ยัง อ่อนเพลีย อยู่ ขณะที่นั่งมองดูการ ดวลในครั้งนี้

“ แล้วก็ดีไม่ดี ถ้า กากอยลมหมุน นั่น ใช้สกิลเรียกมันออกมาได้ล่ะก็ เรื่องใหญ่เลยนะครับ แบบนี้ ”
อิส กล่าวเสริมให้ไปอีกที

“ ก็ไม่แน่หรอก เพราะดูในสนามของ เจ้าหนูให้ดีๆสิ ตอนนี้มี
มังกรแสง และ ธาตุอื่นๆอยู่อีก 4 แล้วนายคงรู้สินะ ศรี ว่ามันคืออะไร ”
มาริน่า กล่าวพลางมองไปยัง ศรี ทำให้ ทุกคนหันไปด้วยความอยากรู้คำตอบจาอปากของ ศรี

“ การ Growth ของ อาแมนคริส ใช้มังกรแสงและธาตุ อื่นอีก 5ธาตุ เป็นเงื่อนไข
ถ้าสามารถทำได้ล่ะก็ แม้แต่ เรราเย่ ก็เถอะ เราจะสามารถใช้พลังของ อาแมนคริส
ทำลายมันได้ง่ายๆเลยล่ะ ”
ศรี ตอบเสียงเรียบ

“ งั้นก็หมายความว่าพอมีทางจะชนะสินะ ”
เคียว กล่าว ถามเพื่อขอคำยืนยัน

“ แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ ขึ้นอยู่กับว่า ตอนนี้บนมือของ ธนัท ไม่มีซีลเหลือแล้ว
และถ้าต้องจั่วให้ได้ ทั้ง อาแมนคริส แล้ว ก็ ธาตุอีก 2 ธาตุ ก็คือ ลม และความมืด ล่ะก็
แค่ รอบสองรอบไม่พอหรอก  ”

คิระ สำทับขึ้นมาให้ถึงความเป็นไปได้ในตอนนี้

« Last Edit: August 06, 2009, 08:26:21 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #135 on: May 29, 2009, 04:14:12 PM »

“ กลับกัน คิง น่ะมีไพ่มีจะรีดกองสำรับของตัวเองอยู่ อย่าง พรตเงาปีศาจ
 และ กากอยลมหมุน ไหนจะยัง เดมอนภูเขาไฟ นั่นอีก แค่นี้รอบต่อไป
ก็สามารถลดจำนวนไพ่ในสำรับลงไปได้ที เดียว 6 ใบเลย  ”
ภูเขา กล่าวเสริมให้อีก

“ 6 ใบ เลยงั้นเหรอ?~ ”
ไดสุเกะ เปรยด้วยความสงสัย

“ เพราะสกิลของ เดม่อนภูเขาไฟที่จะ สังเวยตัวมันเองเพื่อแลกกับการจั่วไพ่
และนั่นเท่ากับเป็นการทำให้ ผลของ นักพรตเงาปีศาจ ทำงานก็จะเรียก
 เผ่าปีศาจออกมาจาก สำรับได้ 1 ใบ แล้วยังมี สกิล ของกากอยลมหมุนอีกด้วย ยังไงล่ะ ”

ริน อธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียดต่อ

“ เดี๋ยวสิ แบบนั้นถ้ารอบต่อไป จั่วแต่ซีล อย่างเดียว ก็จะเป็น 8 ใบ โอกาส ที่จะเป็น เรราเย่
น่ะไม่ใช่น้อยๆเลยหนา ”
แอน อุทานขณะที่หันกลับไปมองในสนามของ คิง

“ รอบของ ฉัน จั่วไพ่ ”
ธนัท กล่าว ขณธที่ ดึง ซีล ออกมาจากสำรับ 2 ใบ
ซึ่งทั้งสองใบคือ

ลูกมังกรวายุกายสีเขียว ดิมมิเนี่ยว(Dimminuial, Arimathea’s Baby Dragon)
ลูกมังกรดำกายสีนิล นอฟโฮท(Novhoth, Arimathea’s Baby Dragon)



“ ดีล่ะเท่านี้ธาตุที่ต้องการก็ครบแล้ว ”
ธนัทคิด ก่อนจะหยิบเอามิสติกบนมือร่ายลงไป

“ cost mp 2  ร่าย ทวินสตาร์(Twin Star) ผลของมันจะทำให้ฉันได้จั่วไพ่เพิ่มสองใบ ”
ธนัท กล่าวจบ ก็เกิด ประกายแสงสองดวงขึ้นบนท้องฟ้า ก่อนจะร่วงหล่นลงมาที่
ปลอกแขนของเค้า 



/Draw/
คอรัส ส่งเสียงขึ้นด้วยผลคำสั่งจาก ไพ่ที่ร่ายไป ธนัท ดึงเอาซีลและมิสติกขึ้นมาจาก
สำรับอย่างละใบหลังจากดูไพ่ทั้งสอง ใบนั้นแล้วก็หยิบ ซีลบนมือสองใบร่ายลงไป

“ Cost mp 2 ร่าย ดิมมิเนี่ยว และ นอฟโฮทไปที่ df line ”
สิ้นคำ ธนัท ลูกมังกร วายุ และ ลูกมังกรดำ ก็ปรากฏขึ้นมาในสนามทำให้ตอน
นี้มี ธาตุ ครงทั้ง 6 แล้ว


“ สำเร็จ ธนัท เรียก ธาตุที่ต้องการครบหมดแล้ว ที่เหลือก็แค่รอให้ อาแมนคริส ขึ้นมือมา ”
ไดสุเกะ เปรยด้วยความดีใจ

“ cost mp 1 ร่าย Soul’s Cost ทิ้ง ซีลบนมือไป 1 ใบจะเพิ่ม mp
ให้เท่ากับค่าร่ายของ มิสติกที่ทิ้งไป  ”
ธนัท กล่าวจบก็ ก็หยิบเอา ซีลที่อยู่บนมือทิ้งไป และmp ของ เค้าก็เพิ่มขึ้นมา
3 หน่วยรวมที่เหลืออยู่เป็น 6 หน่วย



“ จากนั้น Cost mp 2 ร่าย Alterant Dragon ให้เลือกเผ่ามังกรสองใบในสนามที่
 Active อยู่กลายเป็น Inactive จากนั้นเลือกผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่าง

นำเผ่ามังกรสองใบในสำรับออกนอกเกมส์ แล้วนำ เผ่ามังกร 1 ใบขึ้นมาไว้บนมือได้
หรือ จั่วไพ่ตามเลเวลมากสุดของ เผ่ามังกรในสนามหรือ Shrine ฉันขอเลือกข้อแรก  ”

ธนัท กล่าวจบก้ร่าย มิสติกที่เหลืออยู่ใบเดียวบนมือลงไป ปรากฏภาพไพ่ของ
หญิงสาวกำลังรูปหัวมังกรสองตัวอยู่ ขึ้นมา ก่อนที่ ธนัท จะดึงเอาสำรับ ซีลขึ้นมา
แล้วคลี่ดู จากนั้นจึงหยิบเอาไพ่ออกมา 2 ใบจาก กองนั้น



“ ฉันขอ กำจัด พาลานัลคา และ ดิมมิเนี่ยว สองใบในกองออกจากเกมส์ ”
ธนัท กล่าวจบก็ แสดงไพ่ที่เลือกขึ้นมาให้ ดูก่อนจะเก็บลงกระเป๋ากางเกงไป
แล้วจึงเลือกไพ่ออกมาอีกใบ

“ แล้วนำ อาแมนคริส ขึ้นมาไว้บนมือ ”
ธนัท กล่าวจบก็แสดงไพ่ที่เลือกมา ซึ่ง ก็คืออาแมนคริส ก่อนจะ
สลับกองการ์ดแล้ว เสียบกลับช่องตามเดิม

“ สำเร็จแล้ว ธนัท เอา อาแมนคริส ขึ้นมาได้แล้ว ”
ไดสุเกะ กล่าวด้วยความดีใจ ขณะที่ ทุกคนต่างก็ ตื่นเต้นกันขึ้นมาเมื่อ ธนัท
สามารถรวบรวมองค์ประกอบครบได้ในรอบนี้


“ นอกจากนี้เพราะผลของ Soul’s Cost ทำให้มี mp พอที่จะร่ายมันลงมาในรอบนี้ได้เลย ”
เคียว กล่าวสำทับ

“ ยอดไปเลย ธนัท เวรี่เวรี่ สมาร์ท(Very very Smart) ”
แอน ตะโกนให้กำลังใจอย่างสุดเสียง ด้วยความดีใจ
ขณะที่ โคทาโร่ มองด้วยสายตาโล่งใจที่ ธนัท พอจะมีทางชนะขึ้นมาแล้ว

“ ธนัท ... ”
ชุติการ ที่ถูกตรึง อยู่ ด้านหลัง คิง นั้น กล่าวด้วยความโล่งใจ


“ cost mp 5ร่าย อาแมนคริส จงออกมาเลย จ้าวมังกรแห่งตำนาน ”
ธนัท กล่าวจบก็ร่าย ไพ่ใบสุดท้ายบนมือลงไป

“ ให้ พาลานัลคา เฟิร์นกอลโล นอฟโฮท นิทินโค ดิมมิเนี่ยว และ ไข่มังกรบนศิลาเป็น
 เงื่อนไขการ Growth  ”  /Advance Evolution/

ธนัท กล่าวจบ คอรัส ก็ส่งเสียงกังวานออกมา ก่อนที่ ซีลทั้งหมดในสนามยกเว้น
ลูกมังกรพสุธา นิลเฮอร์ จะสลายกลายเป็นละออง และละอองเหล่านั้นก็ได้รวมเข้า

เป็นหนึ่งเดียว ก่อนจะเกิด แสงสว่างเจิดจ้า สาดส่องออกมา พร้อมกับ คลื่นพลังที่แผ่
กระจายออกมาบริเวณรอบๆจนเกิดแรงลมพัดทุกสิ่งจนแทบจะกระจายปลิวไป

“ ก็าซซซซซซซซซซซ ”
เสียงคำรามของ สัตว์ ใหญ่ดังกึกก้อง ชัลชวาล  ไปทั่วกายของมันห้อมล้อมด้วย
พลังแห่งธาตุทั้ง 6 ดินน้ำลมไฟ แสงสว่างและความมืด
จ้าวมังกรแห่งสรรพธาตุได้ ปรากฏตัวขึ้นแล้วในตอนนี้



“ ส..สุดยอดเลย...พลังอะไรกันเนี่ย ”
ภูเขา อุมานขณะที่ยกมือป้องตาก จากฝุ่นที่ปลิวมากับแรงลมที่เกิดขึ้นจากอาแมนคริส

“ นี่น่ะเหรอ มังกรในตำนาน ”
ควีน จิงค์ ที่ยืนอยู่กับ พวกเค้า เปรยด้วยความตกตะลึง

“ ให้ อาแมนคริส รวมร่างกับ นิลเฮอร์ แล้วผ่าน ”
ธนัท กล่าวจบ คอรัส ก็เปิดแผงโฮโลแกรมสำหรับรวมร่างขึ้นมา ก่อนที่ธนัท
จะลากไพ่บนแผงจอนั่นให้รวมกัน ลูกมังกรนิลเฮอร์ ได้กลายเป็นแสงสีน้ำตาล
พุ่งเข้าไปหลอมรวมเข้าด้วยกันที่ขาขวาของ อาแมนคริส ซึ่งมีมวลพลังแห่งธาตุดินสถิตย์อยู่


“ นี่รึมังกรแห่งตำนาน ช่างสง่าสมคำล่ำลือ แต่น่าเสียดายที่มันจะ
ต้องถูกทำลายลงในรอบนี้ ”
คิง ปอร์ กล่าวขณะที่ จั่วซีลการ์ดขึ้นมาจากสำรับอีกสองใบ

“ ว่ายังไงนะ ”
ธนัท สบถ ตอนนี้เค้ารู้สึกสังหรณ์ไม่ค่อยดีนัก แม้จะเรียกอาแมนคริสออกมาได้
ในสภาพที่สมบรูณ์ที่สุดแล้วก็ตามที

“ อาแมนคริส ที่ออกมาอย่างสมบรูณ์เมื่อผ่านการ Growth แล้ว จะทำให้
มิสติกการ์ด ability skill และCurse ไม่มีผลกับมันและยังมี Skill ที่จะ

ทำลายซีลได้ 1 ใบโดยไม่มีเงื่อนไข และด้วยค่าพลังของ อาแมนคริส ที่สูงถึง 12 หน่วย
 ก็โค่นไม่ได้ง่ายๆแน่ นอกจาก เรราเย่ จะอยู่บนมือแล้วนั่นล่ะ และต่อให้เรียกมาได้ก็ไม่

น่าจะมี mp พอที่จะโจมตี ได้ยังไงตอนนี้คนที่คุมเกมก็คือเราแล้วทำไม ความรู้สึกกดดันนี่
มันคืออะไรล่ะ สังหรณ์แปลกๆที่แวบขึ้นมาตอนที่ เจ้านั่นพูดมันคืออะไรกัน ”

ธนัท คิดขณะที่มองดูทีท่าของ คิง

“ หมายความว่ายังไง ที่ว่าจะทำลาย อาแมนคริส ลงในรอบนี้น่ะ เป็นไปได้งั้นเหรอ ”
เคียว หันไป ถามศรี ซึ่ง ทุกคนก็หันไปมองเค้าเพื่อจะขอคำตอบในเรื่องนี้เช่นกัน

“ ได้...แน่นอน ถ้า คิง ได้ เรราเย่ มาไว้บนมือแล้วล่ะก็นะ...งานนี้คงจะไม่ง่ายอย่าง
ที่คิดซะแล้วล่ะอีกฝ่ายเป็นถึงอสูรเทพ แต่ที่ธนัท มีก็แค่ระดับ ซีลในตำนานเท่านั้น ”
ศรี ตอบเสียงเรียบ ด้วยสายตาที่แสดงความหวั่นไหวออกมาเล็กน้อย

“ เรายังไม่รู้ถึง พลังของ เรราเย่ เลยด้วยซ้ำ นายก็ด้วยใช่ไหม ศรี ”
มาริน่า กล่าวต่อจากเค้าทันที

“ อืม....เพราะที่สู้กันเมื่อครึ่งปีก่อน มันถูกเรียกออกมาแบบไม่สมบรูณ์ ฉันเลยให้ ทาลิวิลย่า
ทำลายมันลงไปได้ จากนั้นก็ผนึกมันไว้ นอกนั้นฉันไม่รู้แล้วล่ะ ”
ศรี ตอบพลางเลิ่กมือขึ้น


“ ข้าขอใช้มั่งล่ะนะ Soul’s Cost น่ะ ”
คิงกล่าวจบก็ ร่าย มิสติกบนมือลงมา นั่นคือ ไพ่ใบเดียวกับที่ ธนัท ใช้เพิ่ม mp เมื่อรอบที่แล้ว

“ บันยิป(Bunyip) ที่ฉันจะทิ้งนี่ มีค่าร่าย 2 และเมื่อมันถูกส่งลงไปใน Shrine
จากมือหรือกองการ์ด ก็จะสามารถ นำมันกลับเข้ามาในสนามได้และ At กับ Df
ของมันก็จะเพิ่มขึ้นสองหน่วย  ”

คิงปอร์ กล่าวหลังจากที่ทิ้ง ซีลบนมือไป ไพ่ที่ทิ้งไปนั้น กลับถูกร่ายออกมจากช่อง Shrine
ละอองเวทย์ ที่หมุนจากเฟืองไดนาเมซ ของ คิงปอร์ ได้สร้างเงากระเพื่อนบนพื้นสนาม
จนเหมือนกับผิวน้ำ ก่อนที่มือสีดำจะผุดขึ้นมา และลากเอาร่างสีดำของปีศาจพรายน้ำขึ้นมา



“ หมายความว่าได้ทั้ง mp และ ซีลในสนามเพิ่มงั้นเหรอ ชิ...มีคอมโบที่เรานึกไม่ถึงอยู่ด้วย ”
ธนัท สบถ เมื่อตอนนี้คิง สร้าง mp ให้กับตัวเองและยังได้ซีลเพิ่มมาในสนามโดยไม่เสียอะไร
เป็นข้อแลกเปลี่ยนแม้แต่น้อย

“ เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าได้เห็น พระเจ้า… ”
คิงปอร์ กล่าวจบก็ร่ายไพ่ใบสุดท้ายบนมือลงมา ละอองพลังเวทย์ รอบๆที่ปล่อยออกมาจาก
Note ของทั้งคู่กลายเป็นสีดำ ก่อนจะไปรวมตัวกันเหนือท้องฟ้ายามราตรีนี้

ก่อนจะเกิดอัสนีบาตรสีดำฟาดกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้า จนเกิดระเบิดขึ้นไปทั่วทั้ง เมือง
เงาดำทะมึนได้ปรากฏกายขึ้น ร่างของมันนั้น ใหญ่ยิ่งจนแทบจะปกคลุมท้องฟ้า

มหาวิบัติ ค่อยๆคืบคลานเข้าสู่แผ่นดิน เมื่อมันตวัดดาบของมัน พื้นปฐพีก็แทบจะล่มสลาย
เมื่อมันคำราม เสียงของมันนั้นกึกก้องกังวานเสียจนฟ้าแทบจะถล่ม

“ จงดูซะนี่ยังไงล่ะร่างที่แท้จริงของ พระเจ้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ”
คิงปอร์ กล่าวก่อนจะระเบิดหัวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่ผลกระทบจากการ
จุติลงมาของ เรราเย่ ทำให้เกิด พายุสายฟ้าสีดำฟาดกระหน่ำลงไปในเมืองจนเกิดความ

พินาศไปทั่ว ท้องฟ้ามืดมัวไปด้วย เมฆาทมิฬ ท้องทะเลที่ห่างออกไปเกิดความปั่นป่วน
จนมีพายุหมุนพัดขึ้นมา และเกิดวังน้ำวนไปทั่วน่านน้ำ บรรดาเรือและ ท่าเรือต่างๆนั้นถูก
พายุพัดทำลายและน้ำวนดูดกลืนลงไปจนสิ้น

“ เมื่อ เรราเย่ เข้ามาในสนามก็จะต้องทำลาย ซีล 3 ใบในสนาม หรือนำเอาซีลจาก
บนสุดของสำรับ ส่งไปยัง shrine เป็นเครื่องสังเวย พลังของ เรราเย่ จะเพิ่มขึ้นตาม
จำนวนซีล ใน shrine ของข้า ”
คิงปอร์ กล่าวจบ เดมอนภูเขาไฟ สามตัวในสนามก็ถูกสายฟ้าดำฟาด
จนสลายกลายเป็นละอองก่อนเรราเย่จะสูบละอองเหล่านั้นเข้าไป
ขณะที่ ธนัท เปิดเช็คดูค่าพลังของ เรราเย่

[Leraje, the Torment of War At:16 Df:13  Sp:5]



“ บ..บ้าน่า At เริ่มต้นที่ 13 งั้นเหรอหมายความว่า พลังของ อาแมนคริส เทียบไม่ติด
ตั้งแต่ยังไม่รวมร่างเลยน่ะสิ ”
ธนัท สบถขณะที่ ลมเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ

“ อ๊าาาาาา ”
เสียงกรีดร้องของชุติการ ดังขึ้นพร้อมกับที่ ร่างของเธอนั้น เปล่งแสงออกมาและแสงนั้นก็
ค่อยถูกดูดกลืนเข้าไปในร่างของ เรราเย่ จนหมด

“ เอาล่ะเท่าพิธีกรรมก็พร้อมเครื่องสังเวยก็มีแล้ว เตรียมตัวให้ดี ล่ะเพราะ
ข้ากำลังจะชำระโลกใบนี้ ”
คิงปอร์ กล่าวขณะที่ลมเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ

“ ชุติ เป็นอะไรไปน่ะ ชุติ...นี่แกทำอะไรกับ ชุติ น่ะ ”
ธนัท ตะโกนเรียก เธอแต่เธอหมดสติไปแล้ว เค้าจึงหันมาถามด้วยความโกรธ

“ อีกเดี๋ยวแกก็จะรู้เอง ด้วยผลของ พรตเงาปีศาจ เมื่อฉันส่ง เดมอนภูเขาไฟไป
 Shrine จะสามารถนำเอา เผ่าปศาจจากสำรับเข้ามาในสนามได้ ข้าขอเลือก
ผู้สับเปลี่ยนวิญญาณ(Soul Swapper) ”

สิ้นคำ ของคิงปอร์ ปีศาจที่ร่างของมันลุกโชนด้วยไฟ ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ แนวป้องกัน
ขณะที่ คิง ได้เลื่อนให้ เดมอน ภูเขาไฟ ย้ายลงมาอยู่ที่แนวป้องกันด้วยเพื่อให้ เรราเย่
อยู่ที่แนวจู่โจมเพียงลำพัง



“ Cost mp 4 เรราเย่ โจมตีจงรับสายฟ้าแห่งพระเจ้าไปซะ ”
สิ้นคำของ คิงปอร์ เรราเย่ ก็ฟาดดาบลงมาที่ร่างของ อาแมนคริส พร้อมๆกับลากเอา
สายฟ้ามากับคมดาบ อาแมนคริส ไม่อาจที่จะต้านพลังของมันไวได้ จึงสลายไปอย่างง่ายดาย

“ อ...อ...อะไรกัน อาแมนคริส... ”
ไดสุเปรย เสียงสั่นด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา

“ ...ถูกทำลายซะแล้ว... ”
แอน เปรยได้เพียงเท่านั้นเพราะตอนนี้ เธอไม่รู้จะสรรหาคำใดมาอธิบายได้อีกแล้ว

“ บ...แบบนี้จะ เอาชนะยังไงล่ะเนี่ย ”
ภูเขา เปรยน้ำเสียงสั่น

“ ท่านพี่.... ”
ควีน สบถด้วยความเจ็บใจ เมื่อได้เห็นการกระทำของ พี่ชายเธอ

“ ชุติ...ชุติ!! ”
เสียงเรียกชุติการ ของธนัท ดังขึ้น ทุกคนสงสัยว่าทำไมเค้าถึงได้ตะโกนเสียง
ดังแบบนั้นจนเมื่อควันที่ตลบออบอวลขึ้นมาจากากรโจมตีของ เรราเย่ ถูกลมพัดไปจนหมด
พวกเค้าก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน

“ ร...ร่างของ ชุติการมัน... ”
ภูเขา เปรยสะดุดๆด้วยความตกใจ

“ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ.. ”
ริน เปรยเสียงสั่นด้วยความผวา เมื่อตอนนี้ ร่างของ ชุติการ ค่อยๆดำซีดลง

“ นี่ แกทำอะไรกับเธอน่ะ ”
ธนัท ตะคอกถามด้วยความโมโห ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคนที่ ยังจับจ้องไปที่ร่างของ ชุติการ

“ แม่หนูคนนี้ เป็นแหล่งพลังอย่างดีที่จะทำให้ เรราเย่ ฟื้นคืนชีพได้อย่างสมบรูณ์ที่สุด
 การดวลกับแกตอนนี้ก็คือพิธีส่งพลังให้กับ เรราเย่ ยังไงล่ะ ทุกครั้งที่มันทำลาย อสูรของ

 แกได้ มันก็จะดูดเอาพลังชีวิตของ แม่หนูนี่เข้าไป แน่นอน เมื่อ แกแพ้ ร่างของ แม่หนูนี่
ก็จะต้อง...หายไป ”.

คิงเปรยเสียงเฉียบ ขณะที่ ธนัท จ้องมอง คิง ด้วยสายตาที่เจ็บแค้น

“ แก....บังอาจทำกับชุติได้....ฉันจะต้องโค่นแกให้ได้คิง!! ”
ธนัทประกาศกร้าว ก่อนจะเริ่มเล่นรอบของตน

“ เชิญเลยถ้าแกทำได้ล่ะนะ ”
คิงปอร์ กล่าวอย่างมั่นใจ ตอนนี้สนามฝั่งธนัท ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แม้แต่ไพ่บนมือก็ไม่มี

ธนั
« Last Edit: May 29, 2009, 04:32:38 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #136 on: May 29, 2009, 04:14:43 PM »

“ นี่มัน... ”
ธนัท เปรยขึ้น เมื่อหลังการเล่นผสานนั้นทำให้ คิงได่ไพ่มาเพิ่มไว้ บน มือ 1ใบ
 แล้วยังเพิ่มพลังให้ เรราเย่ ได้อีกด้วยการส่งซีลลงไปในไชน์เพิ่มโดยที่ ซีลในสนาม
ไม่ได้ลดจำนวนลงเลย

“ ใช่นี่เป็นคอมโบสำหรับเพิ่มพลังให้กับ เรราเย่ โดยเฉพาะดังนั้นซีลทุกใบของท่านพี่
จะมีเลเวล 1 ทั้งหมดเพื่อให้เพิ่มพลังให้ กับ เรราเย่ ที่ไร้เทียมทานให้ได้มากที่สุด ”
ควีนจิงค์ อธิบายขึ้นขณะที่ทุกคนจับจ้องอยู่กับการเล่นผสานที่น่ากลัวนี้

“ ถูกต้องเพราะนี่คือสำรับที่ทำขึ้นเพื่ออัญเชิญ เรราเย่ ชื่อของมันคือ Evil Resurection(ปีศาจคืนชีพ) ”
คิงปอร์ กล่าวต่อให้จนจบ

“ แบบนี้ก็เท่ากับว่าเพิ่มพลังไปได้โดยที่ไม่เสียหมากอะไรไปเลยน่ะสิ ”
อิส เปรยด้วยความหนักใจ ตอนนี้แทบจะหมดหนทางสู้แล้ว

“ รอบของฉัน ”
ธนัท กล่าวก่อนจะยื่นมือไปแตะที่ แต่อยู่ๆเค้าก็เกิดกลัวที่จะจั่วไพ่ขึ้นมา

“ ความรู้สึกนี่มัน...เหมือนกับตอนนั้นเลย ”
ธนัทคิด ตอนนี้ความรู้สึกกลัวที่เคยเกิดขึ้นกับเค้ามันได้หวนกลับ ความกลัวที่จะจั่วไพ่
ขึ้นมาเหมือนตอนที่ ภูเขามาทดสอบเค้า เมื่อการดวลมีชีวิตของคนสำคัญเป็นเดิมพันทำให้
เค้าเกิดความกลัวขึ้นในจิตใจ

“ ม...ไม่ได้ ฉัน...ทำไม่ได้...ไม่ไหวแล้ว ”
ธนัท คิด ขณะที่เค้าพยายามจะหลบสายตาไม่มองสำรับ

“ ธนัท ”
แอน เปรยด้วยความเป็นห่วงต่อท่าทีที่ ธนัท มีในตอนนี้

“ แย่ล่ะสิโดนแรงกดดัน กดจนหัวหดหมดแล้ว ”
ริน เปรยด้วยความตกใจ พวกเค้าที่ยืนอยู่คนล่ะฝั่งกับตึกที่ ธนัท ดวลอยู่นั้น
ไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าแรงกดดันนั้นมากมหาศาลเพียงใด แรงกดดันจาก อสูรเทพ

แรงกดดันจาก คิง และแรงกกดดันจากภาระที่เค้าแบกรับไว้มันทำให้
สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้เค้าเกิดความกลัวจนไม่กล้าที่จะเล่นต่อ
ท่ามกลางความเป็นห่วงของ ทุกๆคน นั้นศรี ได้ตะโกนแทรกขึ้นมา

“ ธนัท!!! ”
เสียงตะโกนของศรี ได้ดึงเค้าออกมาจากภวังค์ ก่อนจะหันกลับไปมอง พี่ชายของเค้า

“ สนุกหน่อยซี่!! ”
ศรี กล่าวท่ามกลางสายตางุนงงของ ทุกคนแม้แต่ คิง กับ ควีน ก็พลอยสงสัยไปตามๆกัน

“ ส..สนุกเหรอ ”
ธนัท เปรยด้วยความประหลาดใจกับคำพูดของ พี่ชายเขา

“ ใช่!สนุก นายน่ะเล่นหน้าเคร่งหน้าเครียดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ร่าเริงหน่อยสิ
 การดวลการ์ดน่ะ ถ้าไม่สนุกมันก็ไม่ตื่นเต้นมันก็ไม่ความหมายหรอก ”

ศรี กล่าวเตือนสติของ ธนัท แม้มันจะดูแปลกๆในสายตาของคนอื่น
แต่สำหรับเค้านั้นมันทำให้เค้านึกขึ้นได้ถึงสิ่ง ที่เค้าลืมมันไป
ตั้งแต่มาถึงที่นี่

“ จริงด้วยสินะ...ทำไมฉันถึงได้ลืมไปซะได้นะ...ว่าความสนุกของการดวลน่ะมันเป็นยังไง ”
ธนัท คิดตอนนี้ ความกลัวที่เกิดจากแรงกดดันได้หายไปหมดแล้ว สายตาของเค้า ฉายแววมุ่งมั่น
ขึ้นมาในทันที นั่นทำให้ คิงถึงกับหวั่นไปไม่น้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเค้า

“ ชุติ.เฮ้ ชุติการ ”
เสียงเรียกของ ธนัท ทำให้เธอ ฟื้นขึ้นหลังจากสลบไปไม่นาน

“ รอก่อนนะ ฉันจะต้องช่วยเธอให้ได้เลย ”
ธนัท กล่าวขณะที่ เธอได้มองเค้าด้วยสายตา งงๆแต่เธอก็เชื่อในคำพูดของเค้า

“ รอบของฉันจั่วไพ่ ”
ธนัท กล่าวอย่างแข็งขันก่อนจะ ดึงเอาไพ่ ซีลขึ้นมาสองใบจากสำรับ
ซึ่งไพ่ที่ดึงขึ้นมานั้น มี ไข่มังกรบนหินผา กับ ทากะเสือดาวดำที่ ไดสุเกะ ส่งมาให้เค้าขณะที่
ตึกแยกออกจากกันเพราะดาบของ เรราเย่


“ นี่มัน ทากะ ของ ไดสุเกะ นี่...จริงสิไพ่ที่ทุกคนส่งมาให้ฉันก่อนเริ่มการดวล...
ไพ่ของชุติ..ดีล่ะงานนี้รับรองว่าสนุกแน่ ”
ธนัท คิดก่อนะจส่ง ไพ่บนมือลงไปจนหมด

“ Cost mp 3 ร่าย ทากะ ไปที่ Df line และ cost mp 1 ร่าย ไข่มังกรบนหินผาไปไว้ที่ DF line ”
สิ้นคำของ ธนัท สมิงเสือดาวดำของ ไดสุเกะ และ ไข่มังกรสีเขียวแห่งธาตุลมก็ปรากฏขึ้น
บนสนาม



“ นั่น ทากะ ของฉันนี่ ”
ไดสุเกะ อุทานขึ้นด้วยความแปลกใจ

“ ด้วยผลของ ทากะ เมื่อมันเข้ามาในสนาม ฉันสามารถ ดูไพ่บนมือของนายได้จาก
นั้นจะเลือกฃ Steal มาได้หนึ่งใบ ”
ธนัท กล่าว ก่อนที่ ภาพไพ่บนมือของ คิงปอร์ จะปรากฏขึ้นในสนาม ซึ่ง บนมือทั้ง 3 ใบนั้นมี
ไพ่ พรตเงาปีศาจ กับ ผู้สับเปลี่ยนวิญญาณอีกสองใบ

“ คิดจะร่าย พรตเงาปีศาจอีกใบงั้นสินะ ไม่มีทางซะล่ะ ทากะ เอามิสติกใบนั้นมา ”
สิ้นคำ ธนัท ทากะ ก็ บุกเข้าไป ฉกเอาไพ่ พรตปีศาจ บนมือของ คิงมา

“ จากนั้นให้ ดิมมิเนี่ยวที่อยู่ Df Line ขึ้นไปที่ At line ผ่าน ”
ธนัท กล่าวจบ ดิมมิเนี่ยว ก็ย้ายขึ้นไปอยู่แนวหน้าเพื่อป้องกัน ทากะ

“ ดิ้นรนไปก็เท่านั้นล่ะน่า รอบของข้า ”
คิง กล่าวพร้อมกับจั่วซีลและมิสติกขึ้นมาอีกอย่างละใบ

“ เชอะ ยังไงก็ต้องเอา พรตปีศาจกลับมาก่อนแต่ พลังของซีลเรา มีแค่ 4 เท่านั้นนอกจาก เรราเย่
ไม่มีทางเลือกเท่าไหร่ แต่ต้องรีบเอามันกลับมาก่อน ”
คิงปอร์ คิดขณะที่มอง สถานการณ์ในสนามที่เริ่มจะไม่เป็นไปอย่างที่เค้าหวัง

“ ให้ กากอยลมหมุน ร่วมร่าง กับ ผู้สับเปลี่ยนวิญาณ  แล้วให้ ขึ้นไป At line ”
คิง กล่าวจบก็ลากซีลที่อยู่บนแผงโฮดลแกรมที่ปรากฏขึ้นเพื่อรวมร่าง
กากอยลมได้รวมกับผู้สับเปลี่ยนวิญญาณ และกลายเป็น กากอยลมหมุนที่มีเพลิงลุกโชติ
ช่วงไปทั้งร่าง

“ Cost mp 2 ให้กากอยลมหมุนโจมตีไปที่ ดิมมิเนี่ยว ”
สิ้นคำ กากอยลมหมุนก็ก็พัดพายุเพลิงเข้าใส่ ดิมเนี่ยว จนสลายไป


“ Cost mp 4 เรราเย่ โจมตี ”
สิ้นคำ เรราเย่ ก็ฟาดดาบอัสนีสีดำของมันลงไปที่ ทากะ จนสลาย ร่างของ
ชุติการก็ถูกดูดพลังชีวิตไปอีก จนซีดดำยิ่งไปกว่าเดิม

“ ขอโทษนะ ไดสุเกะ ชุติการ รอก่อนเถอะฉันจะจัดการมันให้ได้ ”
ธนัท คิดขณะที่ คิง สั่งผ่าน

“ รอบของฉัน จั่วไพ่  ”
ธนัท กล่าวพร้อมกับดึงซีลและมิสติกขึ้นมาอย่างละใบ ทันใดนั้นเองก็เกิด
 สายฟ้าฟาดลงมารอบๆตัวเค้า
ท่ามกลางความตื่นตระหนกของ ทุกคนที่สับสนว่าเกิดอะไรขึ้น
กลับมี เพียง เคียว และ ธนัท ที่ดูเหมือนจะรู้อยู่เกี่ยวกับเรื่องนี้

“ อะไรกันน่ะ ”
อิส เปรยด้วยความประหลาดใจ

“ ตาฉัน แล้วสินะหึๆ ”
เคียว กล่าวพลางหัวเราะในลำคอไปด้วยอย่างมีความสุข

“ และในรอบนี้เมื่อครบฉันให้ ability ของ ไรจิน(Raijin) ที่ อยู่ใน Shrine ทำงาน
เมื่อมันอยู่ใน Shrine ครบ 3 เทิร์น และมี ธาตุลมอยู่ในสนาม ฉันสามารถทิ้งไพ่บน

มือไปได้ใบ 1 เพื่อนำมันขึ้นแต่ในตอนนี้ ฉันขอร่าย Twin Stars ลงไปอีกใบก่อน
 ผลของมันจะทำให้ ฉันจั่วไพ่ขึ้นมาสองใบ ”

ธนัท กล่าวจบก็ร่ายไพ่บนมือลงไป จากนั้นจึงจั่วมิสติกขึ้นมา 2 แล้วทิ้งใบ 1 ลงไป
สายฟ้าที่ล้อมรอบตัวเค้า ก็สลายไปก่อนที่ เทพสายฟ้า ไรจิน ที่ เคียวส่งให้เค้า พร้อมไดสุเกะ
 จะจุติลงมาจากฟากฟ้า



“ ด้วยการเข้ามาในสนามจาก Shrine ไรจิน จะมี At เพิ่มขึ้นอีก 1 หน่วย ”
ธนัท กล่าวจบ ไรจิน ก็สร้าง ทวนสายฟ้าขึ้นในมือ และทำให้พลังของมันเพิ่มขึ้นเป็น 9 หน่วย

“ เดี๋ยวก่อน แล้ว ไรจิน ตัวนั้นไปอยู่ใน Shrine ของ ธนัท ตั้งแต่เมื่อไหร่ หลา ”
แอน เปรยขึ้นด้วยความสงสัย ต่อการมาของ ไรจิน

“ ยังจำได้รึเปล่าล่ะ ว่า ธนัท ใช้ Lost’s Soul ทิ้ง ซีลไปใบหนึ่งเพื่อเพิ่ม mp
ตอนเรียกอาแมนคริสไงครับคุณแอน ”
อิส ตอบข้อสงสัย ให้เธอ ซึ่งก็ทำให้เธอนึกขึ้นมาได้ทันที

“ จ..จริงด้วยสิ ”
แอน กล่าวเสียงใสเมื่อนึกได้ถึงตอนนั้น

“ หึ หมอนี่มันร้ายจริงๆแหะ ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่มองดูการดวลของธนัท

“ ให้ ไรจิน รวมร่าง กับ ไข่มังกรบนหินผา แล้ว Cost mp 3 โจมตีเป้าหมาย กากอยลมหมุน ”
สิ้นคำ ไข่มังกรก็กลายเป็น ละอองแสงเข้าไปรวมกับ ไรจิน ทำให้พลังสายฟ้าแข็งแกร่งขึ้น
ก่อนจะ ปล่อยพายุอัสนีบสตถล่มใส่ลงไปที่ กากอยลมหมุนจน สลายไป

“ Cost mp 1 ร่าย นิทิน โคลงไปที่ Df line ผ่าน ”
ธนัท กล่าวจบก็ร่ายซีลบนมือลงไปจนเหลือ มิสติกอยู่ใบเดียวบนมือ
นิทินโค ได้ปรากฏตัวขึ้นที่แนวหลัง จากนั้นคิงจึงเริ่มเล่นต่อ

“ ยิ่งส่งอสูรของข้าไป Shrine มากเท่าไหร่ พลังของ เรราเย่ ก็จะเพิ่มขึ้นไปเท่านั้น
ตอนนี้แกทำให้พลังของมันเพิ่มเป็น 18 หน่วยแล้ว ”
คิงกล่าวขณะที่ จั่วซีลขึ้นมาอีก 2 ใบ

“ เทพสายฟ้านั่น ข้าจะทำลายมันไปพร้อมๆกับ เพิ่มพลังให้ เรราเย่ เลยคอยดู
cost mp 5ร่าย Sacrifice ทิ้งซีลบนมือไปสองใบ ทำลายซีลหนึ่งใบในสนามเลือก ไรจิน ”

คิง กล่าวจบก็ร่าย มิสติกบนมือลงมาก่อนจะ ทิ้ง กากอยลมหมุนที่จั่วมาได้ทั้สองใบลงไป
ปรากฏ โครงกระดูของปีศาจขึ้นก่อนที่ มันจะกลายเป็นคัวนดำพุ่งเข้าสลายร่างของ ไรจิน ไปพร้อมๆกับ
ไข่มังกรบนหินผา

“ ด้วยผลของ ไข่มังกร บนหินผา ฉันจะได้จั่วการ์ด1ใบ ”
ธนัท แทรกขึ้นมาก่อนจะจั่วมิสติก ขึ้นมา 1 ใบ

“ ผ่าน ”
คิง กล่าวขณะที่ย้ายรอบกลับไปที่ ธนัท ตอนนี้ ธนัท เหลือมิสติกบนมือแค่ 2ใบ
กับ นิทินโคอีก 1ใบในสนาม


“ รอบของ ฉันจั่วไพ่  ”
ในครั้งนี้ ธนัท ค่อยๆดึงมิสติกขึ้นมา ดูก่อนใบหนึ่งเมื่อเค้าได้เห็นไพ่ที่ดึงขึ้นมานั้น
เค้าก็จำได้ว่า นี่เป็น ไพ่ที่ ชุติการ ฝากโคทาโร่ ให้เอามาให้เค้า

“ นี่มัน ไพ่ของ ชุติ นี่ดีล่ะ ถ้างั้นพอมีทางแล้ว บนมือของเจ้านั่น
มิสติกที่เหลืออยู่คือ พรตเงาปีศาจ ถ้างั้น ... ”
ธนัท คิดก่อน จะตัดสินใจดึงซีลขึ้นมาอีกใบ

“ ธ..ธนัท  ”
แอน เปรยด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นรอยยิ้ม ของ ธนัท ที่แวบขึ้นมา

“ หึๆๆ..คิดว่า จะเอาชนะข้าได้อยู่อีกงั้นรึ เกมมันจบลงแล้วความสนุกอะไรกันก็
แค่ดิ้นรนต่อไปแบบไม่มีความหมายเท่านั้นเอง  ”
คิง กล่าวแต่ก่อนที่ จะได้ทันทำอะไรนั้น ธนัท ก็แทรกขึ้นมา

“ เดี๋ยวก่อน อย่าทึกทักเอาเองมันไม่ดีนะลุง ”
ธนัท กล่าวเสียงใส ขณะที่ คิง ต้องชะงักไป เพราะคำพูดของเค้า

“ หมายความว่ายังไง เจ้าคิดว่ายังจะมีทางชนะข้าอีกหรือ ”
คิงปอร์ ถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ คอยดูไปก็แล้วกันลุงรบรองสนุกแน่ นี่ ชุติ ฉันขอยืมพลังของเธอหน่อยนะ ”
ธนัท กล่าวพลางหันไปมอง ชุติการ  ที่ถูกตรึง ซึ่งเธอก็รับแบบเก้ๆกังๆ โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
ธนัท หมายถึงอะไร

“ งั้นเริ่มล่ะนะ Cost mp 5 ร่าย The Assumption of Alana ”
ธนัท กล่าวจบก็ร่ายมิสติกการ์ดที่เป็นภาพการขึ้นสวรรค์ของ เจ้าหญิงอลาน่า แห่งแอนดิซอง
ออกไป



“ พ...ไพ่ใบนั้นมัน ”
เสียงของผองเพื่อนธนัท ดังขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ

“ ใช่แล้ว นั่นคือไพ่ที่ชุติการ ฝากฉันมาให้นายไง นั่นเป็นไพ่ที่จะช่วยพลิกเกมได้ในคราวเดียวเลย ”
โคทาโร่ เปรยขณะที่มองดูการดวลต่อ

“ ไพ่นั่นมัน...อะไรกันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ”
คิงปอร์ เปรยด้วยความสงสัย เค้าไม่เคยเห็นไพ่นี้มาก่อนเลย

“ ด้วยผลของไพ่ใบนี้ ฉันต้องทิ้ง ซีล 1ใบ ฉันขอทิ้ง นิทินโคออนที่จั่วมาได้อีกใบลง
ไปเพื่อให้มันทำงาน  ”
ธนัท กล่าวจบก้ ทิ้ง นิทินโค ที่จั่วขึ้นมาอีกใบลงไป

ธนั

“ น...นี่มัน ”
คิง เปรยท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนที่ได้เห็น มังกรขนาดยักษ์ทั้งสองตัว

“ cost mp 3 ร่าย The Lament of Andre ด้วยผลของมันจะทำให้ฉันมี mp
เพิ่มขึ้นเท่ากับจำนวนซีลใน  Shrine ถ้ามากกว่า 8ก็จะเพิ่มให้แค่ 8 เท่านั้น ตอนนี้ซีลใน
 Shrine ของฉันมีอยู่ 8 ใบ เพราะฉะนั้นmp เพิ่มขึ้นเป็น 11 หน่วย ”

ธนัท กล่าวจบ ภาพร่างวิญญาณของ อสูรทั้งหมดที่อยู่ใน Shrine ของเค้าก็ปรากฏตัว
ขึ้นก่อนจะรวมกันกลายเป็นสายธารไหลลงมา ที่ด้านหลังของเค้า



“ อ๊า นั่นที่ไพ่ที่ ฉันให้ไปนี่ ”
แอน ร้องด้วยความดีใจ ที่ไพ่ของเธอได้มีส่วนร่วมในการช่วย ธนัท

“ ถ....ถึงแกจะมี เทพอสูร 2 ตนก็ตามไม่มีทางเอาชนะ เรราเย่ ของข้าได้หรอก
น่าตอนนี้ด้วย ability ของ เรราเย่ ส่ง ซีลใบบนสุดของกองลงไปยัง Shrine ทำให้พลังของ
มันเพิ่มขึ้นอีก ตอนนี้จึงเป็น 24 หน่วยแล้ว ”

คิง กล่าวจบก็ ส่งซีลบนสำรับลงไปใน Shrineอีกสามใบและพลังของ เรราเย่
ก็เพิ่มขึ้นไปตามจำนวน ซีลใน Shirne

“ cost mp 2 ร่าย Sword Cemetry  ไปติดที่ เรราเย่ ผลของมันจะทำให้
ซีลที่ติดไพ่นี้อยู่ At ลดลงเท่ากับ เลเวลของ ซีลที่สู้ด้วย ”
ธนัท กล่าวจบก็ร่ายมิสติกนั้นออกมา เกิด ดาบจำนวนนับสิบเล่มพุ่งลงทิ่มแทง เรราเย่
จนขยับไม่ได้



“ หึ ไพ่ที่ฉันให้ไปเล่นเอามาใช้แบบนี้เลยเรอะ ”
โคทาโร่ เปรยขณะที่มอง ไพ่ของตนที่ให้ ธนัท ไปกำลังถูกใช้จัดการกับ เรราเย่
ครั้นเมื่อ คิงปอร์ จะหยิบมิสติกการ์ดร่ายออกมา

“ cost mp 2 ร่าย Alaxandrite, the Sword of Bryna เลือกเอฟเฟค
 ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายไม่สามารถร่าย มิสติกการ์ดได้อีกหลังไพ่ใบนี้ทำงาน ”
ธนัท กล่าวขณะที่ ร่ายไพ่มิสติกอีกใบลงไปซึ่งไพ่นี้คือไพ่ที่ ไดสุเกะ เคยร่ายให้เค้าใช้
ตอนแสดงละครในวันวัฒนธรรม



“ ฮะ..ตาผมแล้วหรือเนี่ย ”
อิส กล่าวพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ cost mp2 ร่าย Inquisition ทำลาย Sword cemetry ซะ ”
คิง กล่าวจบก็ร่าย ไพ่มิสติกลงมา ปรากฏร่างของ นักบุณขึ้นมาก่อนที่นักบุญ
จะเผากระดาษยันต์ และโยนไปที่ ดาบที่ทิ่มแทงร่างของ เรราเย่ อยู่



“ ไม่ให้เป็นแบบนั้นหรอก cost mp 2  Inquisition ทำลาย Inquisition  ”
ธนัท กล่าวจบ ก็ร่าย มิสติกใบสุดท้ายบนมือไปก่อนจะ ที่นักบุญจะปรากฏขึ้นมาเช่นกัน
และโยนยันต์เผาใส่ยันต์ที่นักบุญของ คิง โยนไปจนสลายไปทั้งคู่ ดาบเซเมทรี่จึงยัง
เสียบแทง เรราเย่ อยู่

“ Cost mp 4 ให้อาแมนคริสอัลติเมท โจมตี และให้ability
ทำงาน กำจัด แกรนเดครอสออกจากเกมส์แล้วเพิ่มพลังเท่ากับพลังปกติ
ของแกรนเดครอส At ของ อาแมนคริสอัลติเมทจะเป็น 21  ”

ธนัท กล่าวจบ อาแมนคริสอัลติเมท ก็เข้าไปคว้าเอา ดาบ Alaxandrite ขึ้นมา
ก่อนที่ แกรนเดครอสจะกลายเป็นละอองแสงจำนวนมหาศาล เข้าไปรวมที่คมดาบของ

Alaxandrite แล้วอาแมนคริส จึงพุ่งขึ้นไป บนท้องฟ้าพร้อมกับชูดาบขึ้นด้วยสองมือ
 ประกายแสงของ แกรนเดครอสที่รวมอยู่กับคมดาบได้ แพ่พุ่งออกไป และทำให้ท้องฟ้า

เกิดแสงเจิดจ้า ไปทั่ว เรราเย่ ที่ทนแสงแดดอันสุกสกาวไม่ไหว ก็ดิ้นทุรนทุราย
และทำให้ผลของ ดาบเซเมทรี่ ทำงาน พลังของมันจึงลดลลงไป  ส่วนแสงที่สะท้อนจาก
คมดาบ Alaxandrite ก็ทำให้ คิง ตราพร่าจนมองไม่เห็นและร่ายการ์ดไม่ได้

“ Evolution Drive Love Power ”/Evolution Drive Love Power/
ธนัท ประกาศก้องพร้อมๆกับคอรัส ก่อนที่ อาแมนคริส จะพุ่งลงมาโดยเสมือนมี
ภาพร่างวิญญาณของ แกรนเดครอส ช่วยกดดาบลงมาผ่าร่างของ
เรราเย่ จนขาดสองท่อนและสลายหายไปกับแสงที่เจิดจ้าเฉิดฉายขึ้นมา

ธนั
« Last Edit: May 30, 2009, 03:29:15 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #137 on: May 29, 2009, 04:14:59 PM »

“ เข้าใจล่ะ… ”
ธนัท กล่าวก่อนจะดึงตัวเธอออกมาแล้วจ้องตาของเธออย่างตรงๆ


“ ฉันมารับเธอแล้ว.... ”
ธนัท กล่าวขณะที่ ชุติการ หน้าแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแม้เธออยากจะหลบหน้าหนี
แต่ตอนนี้บางอย่างกลับทำให้เธอไม่รู้สึกอยากทำแบบนั้น

“ ในที่สุดฉันก็เข้าใจถึงความหมายของการมีเธออยู่เคียงข้างแล้วล่ะ.... ”
ธนัท คิดขณะที่ทั้งสองยื่นหน้าเข้าไปจนจะใกล้ชิดติดกันนั้นเอง

“ อ๊อย พวกนายเป็นไงกันบ้าง ”
เสียงของ โคทาโร่ ดังขึ้นซึ่งมันดังเสียจนราวกับอยู่ไม่ไกลทำให้ ทั้งสองสะดุ้งจนผละ
ออกจากกันก่อน

(หมายเหตุ:ที่ไม่ให้ kiss กันไปนั้นเพราะทั้งสองคนอายุยังไม่พร้อมจะ Love Love Time นะ)

“ เป็นไงบ้างเจ็บอะไรตรงไหนหรือเปล่า ชุติ  มีแผลตรงไหนไม๊ ถลอกหรือเปล่าไม่มีอะไรหักนะ ”
แอน เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับยิงคำถามมาเป็นชุดๆ จนเธอตอบแทบไม่ทัน

“ เอ้ยนายนี่ ร้ายใช่เล่นเลยนะ เก่งไม่เบาเลยนี่หว่า ”
โคทาโร่ กล่าวพลางเข้ามากอดคอธนัท อย่างตีสนิท

“ เป็นการดวลที่เยี่ยยมยอดมาเลยครับ คุณ…อ..เอ่อ…ธนัท ”
อิส กล่าวก่อนจะเรียกคุณอย่างทุกครั้งก็เปลี่ยนมาเรียกชื่อเฉยๆแทน

“ นายนี่มันจริงๆเลยน้าทำเอาใจหายใจคว่ำไปไม่รู้ตั้งกี่รอบ ”
เคียว กล่าวพลางตบบ่าของ ธนัท  เบาๆเป็นการชม



“ พี่คะไม่เป็นไรนะคะ ”
ควีนจิงค์ กล่าวขณะที่เข้าไปดูอาการของ คิงปอร์ พี่ชายของเธอด้วยความเป็นห่วง
ขณะที่ช่วยพยุงตัวเค้าขึ้นมานั่ง  หลังจากที่ล้มสลบลงไปเพราะแรงกระแทกที่เกิดจากการ
ต่อสู้ของ อสูรเทพ ซึ่งตอนนี้เหลือแค่เพียงรอยร้าวบนพื้นอาคารเท่านั้น


“ นี่....พี่แพ้แล้วงั้นเหรอ... ”
คิงปอร์ เอ่ยถามด้วยเสียงอันแผ่วเบา ซึ่ง ควีนจิงค์ ก็ผงกหัวเบาๆตอบ
คิงปอร์ ที่ได้รับคำตอบก็หันไปมอง ธนัท ที่คลุกคลีอยู่กับเพื่อนๆโดยมี
เหล่า master ceremony ทั้ง5 คอยยืนดูอยู่ด้วย

“ คิง... ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่ ทุกคนจะหยุด เพื่อหันไปมอง
นิฮิล ไกอา บีบิส และเหล่า Starter ที่พ่ายให้ กับ พวกของ ธนัท
ได้ขึ้นมายืนอยู่กันพร้อมเพรียง ด้วยสีหน้าสลด

“ ขอโทษด้วยค่ะ...ที่พวกเราทำแผนการณ์ผิดพลาดไปจนหมดแบบนี้ ”
ไกอา กล่าวน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้

“ พวกเราประมาทเอง...เลยต้องพ่ายให้กับพวกเค้า ”
บีบิส กล่าวพลางเบือนหน้าหลบสายตาของ คิง ด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีนั้นทำให้เธอ
ไม่กล้าที่จะสู้หน้าคิง ได้ในตอนนี้ ซึ่งก็พลอยทำให้ Starter ทั้ 12 สลดไปตามกัน
ธนัท ที่เห็นดังนั้นจึงเดินออกมาจากกลุ่มตรงเข้าไปหา คิง ก่อนจะหยุดอยู่ไม่ห่างไปจากเค้านัก

“ คิง ผมมีบางอย่างที่จะต้องพูดกับคุณ... ”
ธนัท กล่าวพลางตีสีหน้าจริงจังขึ้นมา

“ คิง ผมคิดว่า สิ่งที่มนุษย์อย่างพวกเราทำกับคุณนั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยก็จริง
แต่ถึงยังงั้น...ผมก็ไม่คิดว่าคุณถูกไปหมดซะทีเดียว ”
ธนัท กล่าวขณะที่ คิง และคนอื่นๆได้ยิน ก็หันมาฟังสิ่งที่เค้าจะพูดด้วยความสนใจ

“ ถึงจะจริง อย่างที่คุณว่ามนุษย์อย่างพวกเรา แต่เดิมก็คอยแต่จะเอารัดเอาเปรียบ
ชีวิตอื่นหรือแม้แต่พวกเดียวกัน จนเกิดเป็นการแข่งขันและกลายเป็นการแก่งแย่ง
จากนั้นก็เป็นสงคราม “
ธนัท กล่าวขณะที่ตัวเค้าเองก็นึกขึ้นถึง สงครามที่เคยเกิดในอดีต การพิพากษาโลกของ
อสูรเทพที่เคยเรียนมาในชั้นเรียน ไปจนถึงเหล่า DNA-Changer ที่เค้าได้พบ

“แต่เพราะยังงั้นถึงได้มีคนบางกลุ่มเริ่มตระหนักถึงข้อนี้และพยายามจะช่วย
 ฟื้นฟูโลกด้วยพลังแห่งเวทมนต์ขึ้นมาเช่นกัน ...คิง จริงๆแล้วคุณน่ะตระหนักถึง
ข้อนั้นดีอยู่แล้วสินะครับ ถึง ได้สร้าง Note แล้วก็ Summoner Master Card ขึ้นมา ”

ธนัท กล่าวถึงตรงนี้ ทุกคนก็มีสีหน้าประหลาดใจที่ ธนัท สามารถพูดได้ถึงขนาดนี้

“ เพื่อที่จะใช้มันเป็นสื่อกลางในการ จำกัดความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นไว้อยู่ในกรอบ
ของการแข่งขัน ที่สนุกสนานและเพื่อเปิดใจของผู้คนให้เข้าหากันได้ด้วย
 Summoner Master Card ”

ธนัท กล่าวต่อจนจบ จากนั้นจึงยื่นมือออกไปให้ คิง ขณะที่ คิง
และคนอื่นๆก็มีทีท่า งงๆอยู่

“ ถึงความโกรธแค้นที่มีอยู่ในใจของคุณมันจะทำให้คุณ เดินทางผิดไปบ้าง
แต่ผมที่ชอบ Summoner Master Card และเหล่าอสูรอัญเชิญนั้นเข้าใจดีเลยล่ะ

 ถึงความสนุกของสิ่งที่คุณสร้างขึ้น ไม่สินักดวลทุกคนก็คงคิดแบบนั้น
จากนี้ไปพวกเรามาช่วยกันสื่อถึงความสนุกของ การดวลให้ทั่วโลก
ได้เข้าใจถึงมันด้วยกันเถอะครับ ”

ธนัท กล่าวจบ คิงปอร์ ก็ยิ้มน้อยก่อนจะ ยื่นมือเข้าไปจับมือกับ ธนัท

“ สื่อถึงความสนุกของ การดวลไปให้คนทั้งโลก ได้เข้าใจซึ่งกันและกัน
ผ่านการดวลไพ่งั้นเหรอ...มันก็เป็นหนทางที่ไม่เลวเหมือนกันนะ ”

คิงปอร์ กล่าวขณะที่ ธนัท ช่วยดึงตัวเค้าให้ลุกขึ้นมายืน
ท่ามกลางสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกปลื้มปิติยินดี ของ ทั้งสองฝ่าย

..................
...............................

หนึ่งเดือนผ่านไป

วันที่ 25  กรกฎาคม พ.ศ.2700



“ การประชุม เจรจา ยกเลิกสนธิสัญญา การจำกัดสิทธิของ DNA-Chager ประสบความสำเร็จ
ไปได้ด้วยดี โดยการลงนามยกเลิกสัญญาของ รัชทายาทเชื้อพระวงศ์แห่งสเปนผู้มีสิทธิที่จะยกเลิก
สนธิสัญญานี้ได้ ท่าน มาริน่าอัลโต้ เอลิซาเบทมาริโอเน็ตต้า ค่ะ ”

เสียงรายงานข่าวที่ถ่ายทอดจาก โทรทัศน์ ในร้านขายของ ซึ่งมีผู้คนมา
ยืนเลือกซื้อของตามปกติ บ้างบางคนก็ยืนดูรายงานข่าวที่ ซ้ำกันมากว่า
ร่วม2อาทิตย์ กว่านี้อยู่บ้าง

..........

โรงเรียนมนต์วิทยา

ดิ่งด่อง ดิ่งดอง ~~

หลังจากเสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น ก็จะตามมาด้วยเสียงจอกแจกจอแจของ
เหล่านักเรียนที่เตรียมตัวจะกลับบ้าน

“ เอาล่ะในที่สุดก็เลิกเรียนซะที ช้าไม่ได้ซะแล้ว!! ”
ธนัท ตะโกนด้วยความลิงโลดก่อนจะ วิ่งออกจากห้องไปอย่างรีบร้อนจนเกือบ ชน
อาจารย์บุษบารี ที่ยังเดินออกไปจากห้องได้ไม่ถึงไหน


“ นี่ ธนัทธาทิเวศ อย่าวิ่งในอาคารเรียนสิ มันอันตรายนะ ”
อาจารย์ บุษบารี ตะคอกใส่ด้วยความฉุนแต่ ธนัท ก็ไปไกลเกินกว่าจะได้ยินเธอซะแล้ว

“ ให้ตายสเด็กคนนี้เนี่ย ”
อาจารย์บุษบารี จึงได้แต่บ่นกับตัวเองไปตลอดทาง


................


ห้องชมรม SMN

ครืดดด

เสียงประตูเลื่อนของ ห้องชมรมเปิดออก ก่อนที่ลังกระดาษซ้อนกันสูงถึง 4ใบ
จะ๔ุกยกเข้ามาโดยลังนั้นบดบัง ร่างของ ผู้แบกเข้ามาจนมิด

“ อ๊ะ Wiser เดือนนี้มาเร็วกว่าทุกทีนะเนี่ย ”
ริน ที่นั่งอยู่บนโต๊ะในห้องชอมรม อุทาน ก่อนจะ ลุกไปช่วย
แต่ลัง ก็จะหล่นลงมาอยู่พอดี ซึ่ง อิส  ฟรานซิสก้า และ ไดสุเกะ ที่อยู่ ข้างในห้องก็
พุ่งเข้ามารับได้พร้อมกันก่อน ที่ลังจะหล่นกระจายหมด

“ ข..ขอโทษนะครับ พอดีเท้ามันไปสะดุดขอบประตูน่ะ ”
โคทาโร่ ที่เป็นคนแบกลังกระดาษกล่าวขอโทษกับ ริน ที่เกือบจะโดนลังทับแบน
ไปแล้วถ้าพวก อิส ไม่เข้ามาช่วยไว้ก่อน

“ ม...ไม่เป็นไร พี่ ผิดเองแหละ ที่อยู่ๆก็เข้าไปทัก โคทาโร่คุงแบบนั้น ”
ริน กล่าวขอโทษพลางหัวเราะแหะๆ แก้เขินไปงั้นๆ


“ ง่าไง ทำงานพิเศษส่งหนังสือเนี่ยเหนื่อยหน่อยนะ ”
ศรี เข้ามาทักขณะที่ ช่วยจูง โคทาโร่ ให้ลุกขึ้นมา

“ ก็เรื่อยๆล่ะครับ ตอนนี้ชินแล้วล่ะ ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่ ลุกขึ้นมา

“ เหรอ ว่าแต่ห้องเจ้า ธนัท แคบไปหน่อย คงลำบากเหมือนกันสินะ  รอหน่อยก็แล้วกัน
อาทิตย์หน้า พ่อของต่อเติมห้องใหม่ให้นายเสร็จแล้วล่ะ ”
ศรี กล่าวพลางเกาคางด้วยความไม่แน่ใจ

“ แคบอะไรกันครับ ที่จริงไม่เห็นต้องถึงกับสร้างห้องใหม่ให้ผมเลยก็ได้
แค่ให้มาพักอาศัยอยู่ด้วยก็เกรง ใจจะแย่แล้วล่ะครับไม่น่าต้องมาลำบาก สร้าง
ให้แบบนี้เลยนี่ครับรุ่นพี่ศรี ”

โคทาโร่ กล่าวพลางยกมือตบต้นคอตัวเองเบาๆด้วยความเกรงใจ ที่ ครอบครัวของ ธนัท
รับเค้าที่ไม่มีครอบครัว มาอุปการะแล้วยังส่งเสียให้เรียนด้วยอีก

“ บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกรุ่นพี่ เราคนห่างคนไกลกันซะที่ไหนล่ะ เรียกพี่เฉยๆก็พอแล้ว ”
ศรี กล่าวพลางลูบหัว โคทาโร่ อย่างเอ็นดูเหมือนกับน้องชายคนหนึ่ง

“ ค..ครับ พี่ศรี ว่าแต่หยุดลูบเถอะคร้าบผมมันยุ่งหมดแล้ว ”
โคทาโร่ กล่าวพลางจะยกมือของ ศรี ออกแต่ กลายเป็นถูกศรี แหย่เล่นไปอย่าง
สนุกสนานแทน

“ นี่!! ยังไม่ไปกันอีกเหรอ เค้าจะเริ่มงานกันแล้วนะ ”
ธนัท เข้ามาเรียก ทุกคนในชมรม ด้วยเสียงร่าเริง ก่อนที่ทุกคนจะ ช่วยกันยกเอา
 ลังหนังสือไปเก็บ

“ งั้นเรารีบไปกันเถอะ ”
ริน กล่าวจบพวกเค้า ก็พากันออกไปที่สนามโรงเรียน ซึ่งมีการตั้งเวที ขนาดใหญ่อยู่
กลางสนาม บนเวที นั้นมี ภูเขา และ คิระ รวมทั้ง อิส แอน เคียว ไดสุเกะ

กำลังช่วยกัน ขนเครื่องเสียง ขึ้นมา ที่พื้นด้านหน้าของเวที
พวกเพื่อนๆห้องของ ไดสุเกะ ก็มาช่วยกันยก โต๊ะ จากโรงอาหารมาวาง

ไว้เป็น กลุ่มๆ ท่ามกลางเหล่านักเรียนที่แต่ล่ะคน ต่างก็พอสำรับ และ Note มากันเต็ม
ไปหมด  พวก ธนัท ที่ตามมานั้นได้เข้าไปช่วย จัดจนเสร็จในที่สุด

“ เอาล่ะค่ะและตอนนี้ก็ถึงเวลา กล่าวเปิดงานแข่งขัน Summoner Master
ของโรงเรียนโดยท่าน ประธาน ชมรม SMN คุณ มาริน่า ที่พึ่งกลับมาจากการ
ไปเซ็นยกเลิกสนธิสัญญาเพื่อกระชับความมั่นคงระหว่าง มนุษย์กับ DNA-Changer ค่า ”

ประธานหญิง ชมรมโอตาคุ ที่เคยมากล่าวหา มาริน่า ตอนคดีแวมไพร์บุกโรงเรียน (จากSub-Turn 5)
ประกาศผ่านไมค์ เสียงใส ขณะที่มาริน่า เดินขึ้นมาบนเวที พร้อมกับ เสียง ปรบมือต้อนรับของ
 นักเรียนด้านล่างทุกคน



............................

สมุทรปราการ Phenomenon Party Center

“ จากการลงมติคราวนี้ พวกเราจะขยายขอบข่ายการจัดแข่งขันไปจนถึง สาขาอเมริกา
เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่าง เด็กไทย กับ เด็กชาวต่างชาติ นะ ”
ปอร์ อธิบาย พลางชี้ไปบนแผนที่ โฮโลแกรม ที่ฉายขึ้นในโต๊ะกลางที่ประชุม โดยมี
ไกอา บีบิส  นิฮิล จิงค์ บอย มาเร็นงอ และคนอื่นๆร่วมประชุมอยู่ด้วย

 ตอนนี้พวกเค้าไม่ใช่ Checkmate 5 หรือ 12 Starter อีกแล้วหลังจาก ศึกครั้งนั้น
องค์กร Paradiso da Regola ก็ได้ยุบตัวลง จากนั้นทุกคนก็หันมาทุ่มเทให้กับ

การกระจายความสนุกในการดวล อย่างที่เคยให้สัญญากับ ธนัท ไว้ เพื่อที่จะทำให้
 ความขัดแย้งทั้งหมดที่อาจก่อให้เกิดสงครามนั้น ถูกจำกัดอยู่ในกรอบของการแข่งขัน
ที่เปี่ยมด้วยมิตรภาพแทน

...........................

“ เมื่อก่อน ดิฉัน เป็นคนที่ไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเอง แต่หลังจาก เรื่อง
ที่ผ่านมาดิฉันได้เห็นการต่อสู้ของคนอื่นๆที่หัน หน้าเผชิญกับความกลัวของตนเองมาหลาย

ครั้งมันได้จุดประกายให้ดิฉันเริ่มเดินหน้า ที่จะทำตามที่ตัวดิฉันต้องการค่ะนั้นคือแรงจูงใจ
ทั้งหมดในการเดินทางไปเจรจายกเลิกสัญญา ”

เสียงอัดรายการสัมภาษณ์ ของ มาริน่า ที่ออกอากาศไปทั่วโลก นั้น ได้ทำให้ DNA-Changer
ทุกคนได้รับโอกาสในการมีชีวิต ที่ดีขึ้น URH จึงยุบตัวลงและเปลี่ยนเป็นองค์กร ที่คอยให้ความช่วย

เหลือในเรื่องสิทธิต่างๆของ DNA-Changer ไปในที่สุด ความขัดแย้งต่างๆระหว่างเผ่าพันธุ์
ของมนุษย์กับ DNA-Changer จึงค่อยๆหมดไปในที่สุด

...................................

“ งานนี้ฉันไม่ขอพูดอะไรมาก ขอให้พวกแกดวลกันให้ สนุกเข้าไว้ล่ะ ถ้าทำให้
งานน่าเบื่อจนกร่อยล่ะก็ หึๆๆๆ คงรู้สินะว่าจะเป็นยังงาย ”
มาริน่า กล่าวเสียงเยือนยานผ่านไมค์ ประกาศไปทั่วโรงเรียน ซึ่งก็ทำเอาทุกคนเสียวสัน
หลังวาบกันไปหมด


“ ถ้างั้นก็เริ่มงานได้ ”
มาริน่า กล่าวจบก็ส่งไมค์ ให้ ประธานชมรมโอตาคุ ที่ยืนเหงื่อตกรับไป
“ ถ...ถ้าอย่างนั้นเรามานับถอยหลังเพื่อเริ่มเปิดการแข่งขันกันเลยนะค้า เอ้า 5 ”
ประธานชมรมโอตาคุ ที่ต้องมารับจ๊อบเป็น พิธีกรจึงต้องทำหน้าที่ต่อไป
ขณะที่ มาริน่า ลงไปร่วม งานแข่งที่ด้านล่างเวทีด้วย

“ 4 ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ที่ทุกคนหยิบ note ของตนขึ้นมา

“ 3 ” /Get Set/ /Approntare/ /Sich bereit Halten/
เสียงนับดังขึ้นพร้อมกับที่ ทุกคน สแตนบาน์ย note ให้เป็นโหมดสำหรับดวล

“ 2 ”
เสียงนับดังพร้อมกับที่ทุกคน ใส่สำรับเข้าไปใน ช่องของปลอกแขน


“ 1 ”
เสียงนับครั้งสุดท้ายดังขึ้นพร้อมกับที่ ทุกคนแตะนิ้วลงไปที่ไพ่บนสำรับ
 ธนัท ที่ยืนประจันหน้ากับ โคทาโร่
ศรี ที่ เจอกับ ริน
เคียว กับ แอน
ไดสุเกะ กับ อิส
ฟรานซิสก้า กับ คิระ
ชุติการ กับ ภูเขา
และ มาริน่า กับ นักดวลดวงซวยที่ต้องมา เจอกับเธอตั้งแต่รอบแรก

“ Summoner Battel ”
ธนัท และคนอื่นๆที่เริ่ม ตะโกนขึ้นพร้อมกัน

“ Lets’ Duel VR!!!!! ”
สิ้นเสียง การดวลก็เริ่มขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศของงานที่สนุกสนาและคึกคักเป็นพิเศษจนถึงมืด
การต่อสู้กับ Paradiso da Regola ได้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยพร้อม กับดลกที่กลับคืนสู่
ความสงบสุขอย่างแท้จริง บัดนี้ตำนานหน้าสุดท้ายได้ ปิดบทของมันลงในที่สุด....

...
จงดวลอย่างสนุกสนาน และเปิดใจให้กันและกัน Let’s Duel.
...



................................Summoner Master VR!! จบบริบูรณ์..................................

Credit:

Story by      Greamon
Graphic & Picture by  Garurumon(Cocka-C) ,WarGarurumon ,Tentomon
Card Picture by SMN web Database
Checkingword by Piyomon

Special Thanks  by

Boy (Add Character :Boy Saga the Starter) , Leraje (Add Character: Leraje, Torment of War)

Por(Add Character:King of Checkmate 5), Jing(Add Character:Queen of Checkmate5)
Nihil(Add Character: of Checkmate5), Beabizz(Add Character:Rook of Checkmate5)

...


ช่วง สครีมจ้า

บทสุดท้ายกับงานช้างๆสุด แต่ในศึกสุดท้าย พวกการ์ดเผาที่เราไม่เคยให้มันออกเลย เพราะ
ลำบากเวลาเขียนมันจะยาว ก็ได้ออกในตอนสุดท้ายซะที

สำหรับ เครดิตนั่น Specail Thank นั่นทำเล่นๆครับ แต่ใครจะถือเอาไปก็ได้น้า เพราะ
ผมเอาชื่อพวกคุณมาเผาเล่น ถ้าใครไม่ชอบใจก็ขออภัยด้วยนะขอร้าบต้องการสร้างสีสัน เฉยๆ

และดูๆแล้วไม่น่าเสียหายนะครับเพราะสุดท้ายทุกคนก็กลับมาร่วมมือกัน และพยายามต่อไป
เพื่อทำให้โลกสุขสงบอย่างแท้จริง(ถ้าโลกเราเป็นได้แบบนี้จะดีมาก)

ในภาคนี้ที่ผมเริ่มเขียนขึ้นมาเพราะผมเคยโดนเกรียนตัวหนึ่งมันดูถูกมาว่า เล่นการ์ดแบบนี้มันไร้สาระ
ปญอ. สารพัด ด้วยความแค้นหาว่าเราไร้สาระ เรอะ เลยคิดพล็อตเรื่องที่ว่า ถ้าเปลี่ยนมุมมองของ

คนที่มองว่าการเล่นการ์ดมันเป็นสิ่งไร้สาระ ให้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ ชีวิตประจำวันที่
ขาดเสียมิได้จะเป็นอย่างไร  ก็เลยทำให้เกิดนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาครับ บวกตอนแรกผมอยากจะลองเอาสำรับ

ที่สร้างขึ้นมาเอง แต่ว่าความแรงไม่พอฟัดกะเมต้าในแต่ละยุคได้ ออกมาเล่นดูบ้างว่าเป็นยังไง
โดยให้เหล่าตัวละครเป็นผู้ใช้ ส่วนหนึ่งคืออยากส่งเสริมการเล่นที่ไม่ให้ยึดติดกับเมต้าเกมเกินไป

อยากลองให้ทุกคนใช้ความคิดสร้างสรรค์จัดสำรับแปลกๆสนุกๆมาเล่นกันบ้าง
ซึ่งคงเห็นได้น้อยล่ะตามงานแข่งน่ะ แต่สร้างไว้เล่นกับเพื่อนก็ได้ แพ้ชนะไม่ต้องสน
ขอแค่สนุกกับสิ่งที่เราพอใจก็พอ

นี่คือแนวคิดทั้งหมดที่ทำให้เกิดนิยายเรื่องนี้ขึ้นครับ

ว่าแล้ว เขียนมาหลายเรื่องขอเรื่องนี้มี แบบสอบถามหน่อยนะครับ

2ข้อเท่านั้นเอง

1.   หากเป็นไปได้คุณอยากให้โลกของเราค้นพบพลังเวทมนต์แบบในนิยายหรือไม่
2.   คุณคิดยังไงบ้างกับการที่สามารถเรียก อสูรออกมาจาก การ์ดได้จริงๆ

ข้อ 1. นี่ผมว่าถ้าได้ก็ดีนะ เพราะอะไรๆหลายอย่างมันจะดีขึ้นมากๆ
ส่วนข้อ2. นี่ผมคิดได้อย่างเดียวอ่ะ คือ อาจารย์ จะไม่ยึดของเราไป(เข้ามาสิจะให้ ซาลามันเดอร่า
เผาซะเลยเหอๆ)

สำหรับตอนอวสานนี้ เจ้า การุรม่อน(Cocka-c) ผู้ช่วยผมมัน เขียนเรื่องสั้นพิเศษสำหรับ
 ตำนานทาลิ ภาคแรกมาฝากกัน ลองไปอ่านดูนะครับ ว่าแต่ คุณ Boy

เข้าใจหาชื่อเรียกเจ้า การุรม่อนดีนะ
พี่โค... โอ้ชื่อเดียวรวมมันทุกอย่างของเจ้าการุรุม่อนเลย
1.โค จาก โคทาโร่ ที่มันคลั่งเป็นบ้าเป็นหลัง
2. โค จาก Co ของชื่อ Cocka-c

อืมเข้าใจได้ง่ายดีจริงๆ

Next Serie

สวัสดีครับ ผมโยไร(Yorai) อายุ 16 ปีครับบ้านผมเปิดร้านขายข้าวกล่องอยู่ก็จริงแต่
เบื้องหลังแล้ว บ้านเราเป็นผู้สืบทอดพลังของ Yang Cross พลังแห่งสายนภา ส่วนเพื่อน

ของผม ยารุย(Yarui)ที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กกลับ เป็นผู้สืบทอดพลังของ Yin Cross
 พลังแห่งสายปฐพี ที่เป็นคู่กัดกับผมมานาน (T_T)แต่พวกเราก็ไม่รู้หรอกว่าต่างคนต่างอยู่คนล่ะฝั่ง

 ที่จริงเรื่องพลังของตระกูล อะไรนั่นจะไม่เกี่ยวเลยถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อน
 เรื่องที่ว่าคืออะไรนั้น รอดูกันใน Legend of Thaliwilya YCross นะคร้าบ




« Last Edit: May 30, 2009, 03:28:26 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #138 on: May 29, 2009, 04:17:02 PM »

ตอนแถม


เรื่องสั้นความในใจของ ลอว์เรนซ์

ผม ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด ครับ เพื่อนๆที่เคยอ่าน Legend of the Thaliwilya คง
จะรู้จักผมกันเป็นอย่างดี ว่าผมนั้นทั้ง เก่งเท่ห์ หล่อฉกาจบาดใจสาว (แต่ไม่เคยหาแฟนได้ซักคน)

หา! ถามว่าวันนี้ผมจะมาพูดอะไรนะเหรอ ที่จริงมันเป็นเรื่องที่นานมากแล้วล่ะ ตอนนั้นผมยังไม่ 10 ขวบดี
เลย  ตอนนั้นผม น่ะอยู่ท่ามกลางเหล่ามังกรน้อยๆที่น่ารักของผมทั้ง 6 ตัว ที่จะทำให้ผมโดดเด่นและ

มีสง่าราศี ทำให้ผมเท่ห์ได้เมื่อแปลงเป็นอัศวินมังกร  ไม่ว่าใครๆก็ต้องมองผม หา!บอกว่าผมโม้เหรอ
ไม่จริงผมนี่ล่ะพระเอกของเรื่องนั้นเลย ชีวิตของผมดีเรื่อยมา จนเมื่อ เรื่องนั้นเกิดขึ้น

ตั้งแต่หมอนั่นเข้ามาชีวิตของผมก็พังทลายเละเหลวไปเลย หมอนั่นมันชื่อ เจนัส

การพบกันครั้งแรกของ เราน่ะเหรอ เริ่มมาผมเกือบเอาชีวิตไปรอดจากพลังช้างพลังโคของหมอนั่น
ไม่รู้เป็น หมา แน่รึเปล่า แรงหยั่งกระบือ นี่ถ้าผมไม่ได้ร่างของ ทาโซรอส ช่วยไว้ป่านนี้ผมเละไปแล้ว

หา! บอกว่าผมโกหกเหรอ จะถามว่าตอนติดเกาะ หมอนั่น ก็ดูแลผมดีออกอย่างนั้นเหรอ
ก็จริงหมอนั่น ช่วยหาข้าวปลาอาหาร น้ำ มาให้แต่แต่คุณไม่รู้หรอกว่า หมอนั่นกรน

ดังขนาดไหน คืนที่ติดเกาะนั่นทั้งคืน ทำเอาผมนอนไม่พอ จนวันต่อมาไม่มีแรงพอจะแปลง
ร่างเป็นทาลูคัส สู้กับจอมอนการ์ดเลย โชคดีที่ ไลท์ ลูกมังกรพาลานัลคาของผม ช่วย
เราเอาไว้ได้


เอ๋! ถามว่าแล้วตอนที่ หมอนั่นลงสนามประลองช่วยไถ่ตัว พวก อควา กับ เอิธท์ น่ะเหรอ
โหยคุณไม่รู้อะไร ที่จริงนั่นเป็นแผนที่ผมคิดจะกำจัดหมอนั่นตะหาก เพราะแค่ทหาร บ้านนอกๆ

พวกนั้น แปลงเป็น ทาลูคัส แล้วไถ คืนก็ได้ไม่เห็นจะต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก ที่จริงตามแผน
กะจะให้ หมอนั่น โดนอัดจนย่ำแย่ แล้วก็รอบฆ่าสบายๆ แต่ผมดันลืมนึกเรื่องพลังโคกระบือของ

มัน สุดท้ายหมอนั่นก็ดันชนะ ถ้าถามผมว่า หลังจากหมอนั่น ซัดกับ ลากูน่า ก็สะบักสบอม จน
สลบไปสามวัน ทำไมไม่ฆ่าทิ้ง น่ะเหรอ เหตุผลเพราะ พี่ของ ยัย นีน่า เจ้า กาเทีย น่ะสิ
มันชวนผมคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้จนไม่มีโอกาสเลย แถม ยัย แมวนีน่า นั่น ยังไปเฝ้าไขหมอนั่นสามคืนเต็มๆ
สุดท้ายก็ชวดไป

ถ้าถามว่า แล้วครั้งอื่นๆล่ะมีอีกไหม งั้นก็ขอเริ่มจากแผนการถัดไปเลยแล้วกัน ตอนคืนพระจันทร์แดง
พวกนั้นมาทำร้ายผม แน่นอนผมคิดว่าได้โอกาสที่จะฆ่าหมอนั่นแล้ว แต่ผลคือ ผมสู้มัน
ไม่ด้ายยยยยยย( T_T )แต่เช้าซะก่อน ผมเลยรอด - - *

หลังจากที่หมอนั่นเข้ามาร่วมกลุ่มแล้วลาก ยัยแมวนั่นมา บทของผมก็หดลงๆ
แต่บทของหมอนั่น กับ ยัยแมว กลับเด่นเอาๆ จนผมแทบไม่มีความหมาย
เลวร้ายที่สุด คือตอนที่ผมกลายเป็น มุรามาซะโซล ตอนนั้นนึกว่าผมจะโดนลดบทลงไป เหลือ
แค่ตัวร้ายให้หมอนั่นยำเล่นแล้วนะเนี่ย แถมก่อนจะบุกมา หมอนั่นยังฝึกท่าไม้ตายดูโอ กับลากูน่า

น้องของมัน กะเอามาอัดผมเต็มที่ อีก ดีว่าพวก 12 กากขุนศึก(เฮ้ยต้องเทพขุนศึกสิ)
มันไปรับท่ายำตีนนั่นแล้ว ผมเลยรอดมากระซวก มันเล่นๆได้สบายๆ
แต่ตอนนั้นคิดเลยว่า ฆ่ามันซะแล้วบทจะกลับมาเป็นของเรา

แต่ หมอนั่นมันกลับได้บทราวกับกลายเป็นพระเอกไปซะงั้น หมอนั่นมันทำโชว์แมน เข้ามาซัดผม
ซะคอแทบหัก แล้วพูดประโยคน้ำเน่าของ ฮีโร่ในการ์ตูนยุคหินโน้น

 ตัดเข้า Flash Back (ระลึกอดีตกันหน่อย)

ลอว์เรนซ์: เชอะฝืนสู้จนต้องเจ็บเองงั้นรึโง่สิ้นดี   
[หึๆ อันนี้ผมอัดมันซะเลือดอาบสะใจมากกกก]


 เจนัส: เจ็บงั้น หรือ จริงอยู่มันอาจจะเจ็บแต่ตอนนี้ที่ที่เจ็บยิ่งกว่าไม่ใช่ร่างกายแต่จิตใจของชั้นจิตใจของพวกเรา
ที่ต้องมาสู้รบกับนายมันเจ็บยิ่งกว่าซะอีก

จบ Flash Back

อ๊าคคคคคคคค เจ้าบ้านั่นมันต้องเป็นบทที่ฉันพูดสิว้อยย และแล้วหลังจากนั้นผมก็รู้สึกว่า ตัวเอง
หมดความสำคัญไปซะดื้อๆเลย ต้องโทษมันๆ เพราะมันคนเดียว (T_T) สุดท้ายผมเลยต้องเอาจริงจนได้
ไหนๆก็กำจัดมันไม่ได้ งั้นก็ตีสนิทมันโลด จากนั้นพอผมเล่นบทพระเอกคืนสติกลับมาก็โชว์พาว
แย่งบทพูดมันมาหมด หลังจากนั้นแฮ่ม ผมก็กลับมาเป็นพระเอกซะที~~~~

จากนั้นก็อัดด้วยบทที่น่าเศร้าเรียกคะแนนกลับคืน ซะและแล้วผมก็ได้เปล่งรัศมี ความเป็นพระเอกอย่างเจิดจรัส
ในที่สุด จนได้โอกาสรับเชิญไปแสดงภาคสอง ข่มรุ่นน้องเจ้า เรกกะ ด้วยการโชว์สเตปเทพ เสียหนึ่งตอนเต็มๆ
เป็นไงล่ะเท่านี้ผมก็ไม่ต้อง หาทางกำจัดหมอนั่นให้หมดราศี แถมยังเท่ฉกาจกว่าเดิม ในฐานะพระเอกผู้เสียสละ
เป็นไง เท่ห์มะ

เจนัส: โยว่ ลอว์เรนซ์

ลอว์เรนซ์: จ๊าคคค นี่นายมาตั้งกะเมื่อไหร่

เจนัส: ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย จริงสิวันนี้ หนังใหม่เข้าโรงล่ะ ชื่อเรื่อง
 รู้สึกจะชื่อ “เพื่อน..กูรักตัวเองว่ะ” มั้งไปดูกันมะ

ลอว์เรนซ์: เอาสิว่าแต่คนอื่นๆล่ะ

เจนัส: นีน่า ไปซื้อเสื้อให้ลากูน่า น่ะ พวก ไลท์ ไปช่วยงาน ดีวายดราก้อน เหลือแต่นายกับชั้น

ลอว์เรนซ์: เหรอ อืม งั้นรีบไปเตรียมตัวกันเถอะ ลัลล้า~~

เจนัส : เอ๊ะ ทำไมวันนี้ดูนายอารมณ์ดีจัง

ลอว์เรนซ์: อ๋อ..ไม่มีอะไร ไม่มี๊ (หึๆ รอก่อนเถอะ เจนัส เอ๋ย ยัยแมวขโมยนั่นไม่ฉันอยู่จะได้เก็บนายไว้ซะเองเลย)


เกรม่อน: ม…ม…ไม่จริง….ไม่จริงใช่ไหม….ไม่จริ้งงงงงงงงงงง  ลอว์เรนซ์
นายมันเสื่อมมมมม ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!!

การุรุม่อน: ลอว์เรนซ์ X เจนัส ไปอีกคู่แล้วสินะ  เจนัสคุง ระหว่างลอว์เรนซ์ มันงาบไปกินน้า
  ทำใจแว้ว ตอนนี้มีน้อง ไดจัง อยู่ละ ไม่สนๆ

ปิโยม่อน: ชื่อหนังที่ไปดูยังส่อ นี่สินะที่เค้าเรียกว่า ปากไม่ตรงกับใจ พวก ซึนเดเระ
ว่าแต่ ลอว์เรนซ์คุง เป็นซึน เรอะ อย่างที่โบราณท่านว่าไว้ รักดอกจึงหยอกเล่น เอ๊ะใช่รึเปล่านะ

เกรม่อน: ไม่จริ้งงงงงงงง ย้ากกกก เอา มาคายาเดีย ทำ ฮาราคีรี (ฆ่าตัวตายแบบซามูไร) ซะเลยไม่อยู่มันแล้ว
โลกนี้แสนบินเบือน พระเอกกี่ภาคๆ ก็วายหมด อ่อก

การุรุม่อน+ปิโยม่อน: เฮ้ย อย่าทำอะไรบ้าๆ น้าาาาาา


จากนั้น เกรม่อนคุงก็ลาลับดับโลกไปด้วยประการล่ะฉะนี้ ปิดตำนานซีรี่ย์ของ เกรม่อนคุง แบบกู่ไม่กลับ

[จริงเหรอ!~ (!_!) ]


อ่ะแจกรูปการ์ดทำเองของ ทาลิภาคแรกพวกลอว์เรนซ์รุ่นออริจินัล เพิ่งค้นเจอ
คลิก


Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #139 on: May 29, 2009, 04:40:15 PM »

เป็นตตอนจบในซีรี่ย์ของ คุณเกรม่อน ที่โหลดภาพโหดที่สุดตั้งแต่เคยมีมา ภาพเยอะมากค่า 

Quote
“ อ๊อย พวกนายเป็นไงกันบ้าง ”
เสียงของ โคทาโร่ ดังขึ้นซึ่งมันดังเสียจนราวกับอยู่ไม่ไกลทำให้ ทั้งสองสะดุ้งจนผละ
ออกจากกันก่อน

(หมายเหตุ:ที่ไม่ให้ kiss กันไปนั้นเพราะทั้งสองคนอายุยังไม่พร้อมจะ Love Love Time นะ)

ทำไมไม่ให้ Deep Kiss กันไปเลยล่ะค้าาาา

เผลอแปปเดียวจบซะละ ซีรี่ย์นี้ 15 ตอน อวสาน เทียบกับพวกตำนานทาลิ ก็ใกล้ๆเคียงๆกัน
ว่าแต่ ซีรี่ย์ต่อไป ตำนานทาลิ อีกแย้วเหยอ คราวก่อนภาค DNA ยังเขียนไม่จบเยย

คราวนี้มาจะจบไหมนี่ ว่าแต่ชื่อน่าคิดมากมายค่ะ YCross อย่าบอกนะว่าคูพระนางอยู่ในรูปนั้นแล้ว
วายทุกซีรี่ย์ กระทั่ง ซีรี่แรกสุด ไม่วายยังทำเรื่องสั้นมาให้อ่านจนจิ้นวายได้อีกค่า โฮะๆๆ

จะรอดูซีรี่ย์ใหม่ก็แแล้วกันนะค้า
« Last Edit: May 29, 2009, 04:42:06 PM by Gee » Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #140 on: May 29, 2009, 08:06:23 PM »

คิงปอ 
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #141 on: May 29, 2009, 09:13:37 PM »

ทำไมผักหารูปไม่เจอ - -   หรือผักโง่ไปเอง?

โฮ่ๆ  เรื่องวายยกมาให้ผัก  ผักรักวายยยยยยย
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #142 on: May 29, 2009, 09:30:19 PM »

^
^
^
หารูปอะไรไม่เจอเหรอครับ ถ้าลิ้งค์โหลดรูปภาคแรกมันจะเป็น RAR มา
พอแตกแล้ว จะเป็น โฟลเดอร์ชื่อpc ครับลองหาดู
ถ้ารูปตัวอย่างทาลิภาค 3 YCross ก็แปะให้เห็นแล้วนิ คลิกขยายรูปดูชัดๆได้ด้วย

Quote
คิงปอ

เย้ยมาเก็บผมแล้วเรอะ 

อ็าคข้าน้อยยยผิดไปแย้วววววววว

me/ เผ่นสิ
« Last Edit: May 30, 2009, 08:47:32 PM by greamon » Logged


Leraje
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 826


« Reply #143 on: May 29, 2009, 10:49:21 PM »

Boy (Add Character :Boy Saga the Starter) , Leraje (Add Character: Leraje, Torment of War)

Por(Add Character:King of Checkmate 5), Jing(Add Character:Queen of Checkmate5)
Nihil(Add Character: of Checkmate5), Beabizz(Add Character:Rook of Checkmate5)

มีเราเปนตัวประหลาดอยู่คนเดียวรึเนี่ย 

ถ้ามีเวทย์มนตร์อัญเชิญการ์ดได้จริงๆก็ดีเนอะ.....
Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #144 on: May 30, 2009, 12:01:09 AM »

คือ ผมเคยคิดว่าผมอยากเเต่งนิยายดูเอลซัมซักเรื่อง เเต่พอมาดูนิยายคุณเกรม่อนเเล้วเทียบพล็อตเรื่อง มันได้ดังนี้
พระเอกเล่นเด็คอาเเมนคริส อาวกรำ ซ้ำ
พระเอกมีพี่ชายที่หายสาบสูญไป อาวกรำ ซ้ำ
นางเอกเล่นเเกรนครอส อาวกรำ ซ้ำ
กฎที่เลือกการ์ดอันนึงเเล้วเมื่อการ์ดอันนั้นตกชายน์ คนเล่นเเพ้ทันที อาวกรำ ซ้ำอีก เเต่ของผมเป็น spirit card การ์ดที่มีวิญญาณสิงอยู่คล้ายๆยูกิ
สรุป ตูไม่เเต่งเเล้ว กลัวโดนหาว่าลอกเขามา
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #145 on: May 30, 2009, 03:20:42 AM »

^
^
^

หุๆๆ ใจตรงกันสินะ ที่จริงไอ้เรื่องกฏ Deck Master ที่ว่าถ้าซีลที่เลือกถูกส่งลง Shrine แล้วแพ้เนี่ย
มันถูกใช้แค่ตอนที่เริ่มดวลกับพวก Starter กับ Checkmate 5 เท่านั้นเพราะมันแข่งแบบRuler
แต่ดวลกะคิง แล้วก็คนอื่นๆใช้กฏทั่วไป แต่มีแค่ตอนดวลกับภูเขาที่เล่นกฏ Caller เท่านั้น

เพราะงั้นเอาไม่แต่งตามนั้นก็ถือว่าไม่ซ้ำหรอกครับ ส่วนเรื่องพี่ชายพระเอกหายตัวไปนั้น
เป็นแนวของการ์ตูนดวลการ์โดยทั่วไปอยู่เหมือน

ส่วนนางเอกเล่นแกนเดครอสนี่ ในเรื่องของผม ชุติการแค่เป็นเจ้าของ อสูรเทพ แกรนเดครอส
แล้วส่งพลังของ แกรนเดครอสให้ ธนัท ใช้ในตอนสุดท้ายเพื่อจัดการเรราเย่เท่านั้น
 เล่นจริงๆเธอเล่น Deck ธาตุแสงปนๆกันแบบทั่วไปเท่านั้นเอง

เพราะงั้นถ้าจะเชียนแบบนั้นไปก็ไม่มีใครไปว่า พล็อตเรื่องของคุณว่าซ้ำได้หรอกนะครับ
ส่วนเรื่อง สำรับไพ่ที่ตัวละครใช้เล่นนั้นเหมือนกันก็ไม่จำเป็นว่า มันจะต้องมีองค์ประกอบเหมือนกันหมด
 แค่ปรับเปลี่ยนสำรับนิดหน่อยก็ไม่เหมือนแล้ว

การดวลในนิยายของผมนั้นเป็นแค่สีสันของการบู๊
ในเนื้อเรื่องเท่านั้นไม่ใช่เรื่องหลักแต่อย่างใด แต่โดยรวมของเรื่องอยู่ที่
ความสัมพันธุ์ของตัวละคร เพราะงั้นแค่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อยก็ไม่ซ้ำแล้วครับ 

ถ้ามีความตั้งใจจะเขียนซะอย่าง รับรองว่าเรื่องจะต้องออกมาสนุกและไม่เหมือนใครอยู่แล้ว
เพราะมันเป็นเรื่องที่เราเขียนด้วยความคิดของตัวเอง
(ส่วนของผมนี่ลอกเอาจากเรื่องนู้นเรื่องนี้มาปนกันเต็มไปหมด ฮา)

ดังนั้นถ้าจะเขียนก็ขอให้เตรียมใจและความรู้สึก ให้พร้อมที่จะรอรับอุปสรรค์ เพราะปัญหาโดยรวมผมว่า
นิยายดวล การ์ดนั้นเป็นอะไรที่ยุ่งยากเหมือนกันกว่านิยายแนวรักๆใคร่ๆ หรือบู๊ล้างผลาญ

เพราะมันจะเหมือนกับเขียนแนวสืบสวนหรือการรบที่ต้องวางแผน อาจทำให้เราปวดหัวและสับสนได้
อย่างของผมนี่ บทสุดท้ายพิมพ์ผิดกระจุยเลย ปั่นงานออกมาแทบไม่ทัน 

ปล. พึ่งสังเกตุว่า Avatar ของคุณ ที่เป็นอะไรการูด้าซักอย่างตอนแรกที่เป็นรูป ร่างสุดยอดของปิโยม่อน
ตอนนี้กลายเป็นทาลิคนัสไปแว้ว หุๆ มีโอเระทันโจว ซะด้วย(ถ้าจะชอบจริงๆนะเนี่ย )

ว่าแล้วก็ซีรี่ย์นิยายของผม เรื่อง Legend Thaliwilya YCross นั้นคงอีกนานกว่าจะมาได้
 เพราะผมจะต้องย้ายไปอยู่หอพักที่ศรีราชาแล้ว คงต้องเริ่มปรับตัวกับ
ชีวิตใหม่ไปสักพัก+ต้องถอยNote Book ใหม่มาใช้ด้วย ไม่งั้นไปพิมพ์ที่ร้านคงได้ตายหองกันพอดี

แต่ผมก็ยังแวะเวียนมาตอบ คำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับนิยายให้อยู่เหมือนเดิมเรื่อยๆนะครับ
ส่วนคุณ Boy ถ้าผมลงตอนแรกของเรื่องเมื่อไหร่จะ PM ไปบอกแล้วครับ ช่วงนี้ก็วนๆสิงๆอยู่ในบอร์ดไปก่อนเน้อ


ส่วนคุณ เรราเย่ ยินดีด้วยครับที่เป็นคนเดียวในเรื่องเลยที่ไม่ได้คนกับเค้า
เหอๆๆ ว่าแต่เสียวๆโดนระดับบิ้กเค้าอุ้มจริงๆ พี่ลิงมาทุกตอนอวสานเลยซะด้วย 
น่ากลัวว่าอาจงานเข้าได้

Me/จะรอดไหมเนี่ยตู





« Last Edit: May 30, 2009, 04:15:38 AM by greamon » Logged


dhaos
Member
*****
Offline Offline

Posts: 109


Email
« Reply #146 on: May 30, 2009, 08:48:31 PM »

Quote
“ จงดูซะนี่ยังไงล่ะร่างที่แท้จริงของ พระเจ้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ”
คิงปอร์ กล่าวก่อนจะระเบิดหัวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่ผลกระทบจากการ
จุติลงมาของ เรราเย่ ทำให้เกิด พายุสายฟ้าสีดำฟาดกระหน่ำลงไปในเมืองจนเกิดความ

ผมอ่านตรงสีแดงแล้วฮามากครับ นึกถึงตอนเล่น Half Life ยิงหัวระเบิดเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #147 on: May 30, 2009, 09:03:01 PM »

^
^
เหอๆ  บทสุดท้ายหลังตรวจทานยังมีตกหล่นอีก พี่ปิโย นี่ไม่ไหวเลย จะว่าไปเหมือน
ในเรื่องผมลืมไปว่า บันยิปอยู่ในสนามด้วยนะนี่ แต่เอาเถอะ ธนัท แทบไม่ได้บุกเลย จนตอนใช้ปาฏิหารย์
 อลาน่านั่นหล่ะ
ช่างเข้ากันดีจริงๆเพราะต่อด้วย ละครน้ำเน่าอังเดรทันที  (ฮะๆๆ)

ปล.ภาคYCross จะมีคนดูกันไหมนี่ แต่สงสัยกว่าจะได้มาชมกันผู้อ่านคงเป็นรุ่นใหม่กันหมดแล้วมั้ง 
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #148 on: June 01, 2009, 10:48:05 PM »

Quote
แว่วเสียงมาจากกองบ.ก. มีแววเรื่องนี้มันจะต่อภาคสอง 

นี่คือข่าวคราวที่ได้ยินอว่วมาตอนที่ เกรม่อนคุงคุยกับ วาการุรุม่อนคุง เรื่องซีรี่ย์ถัดไป
แล้วดูเหมือนเกรม่อนคุงจะหลุดปากออกมาว่า หลัง ซีรี่ย์ Y Cross สามเทพอสูรที่ยังไม่ได้ออก อาจจะทำให้
มีเรื่องพอที่จะเขียนเป็น ซีรี่ย์ต่อไปได้

โดยชื่อเรื่องภาค2 ของ SMN VR!! ที่น่าจะจบบริบูรณ์ไปอย่างแท้จริงแล้วเพาะไม่มีช่วงไหนให้ต่อ
อีกเลย เพราะ Paradisoda regolaก็ยุบไปแล้ว โลกสงบแล้ว
เนื้อเรื่องไม่น่าจะไปต่อได้อีก ทให้คิดว่า ถ้า เกรม่อนคุง จะเขียนเรื่องนี้ต่อภาค 2 จริงคง
ยกเครื่องใหม่หมด ตัวละครก็อาจจะใหม่หมดเลยด้วยเห็นว่าคราวนี้จะเอา กราฟฟิคเกมส์ที่เคยใช้กับ
 ทาลิฯ2 มาทำตัวละครภาคนี้ด้วยอีกตะหาก

(เหนื่อยตูอีกล่ะสิ)

รู้สึกว่า ในภาค2 ของ SMN VR!! ตัวละครเอกจะเป็นผู้หญิง ซะด้วยถ้าเป็นจริงคงแหวกแนวกว่าทุกครั้ง
(เพราะปกติจะวายชายตัวเอกเลยต้องเป็นชาย) โดยปกติ เนื้อเรื่องประเภทดวลการ์ดมันก็ออกแนวบู๊อยู่แล้ว
ส่วนใหญ่ตัวละคร
หญิงจะไม่ค่อยเด่น แต่นี่เล่นใส่บทตัวเอกให้ซะเลย แถมจะเป็นตัวเดินเรื่องหลักอีก คงได้เห็น
การดวลในภาพลัษณ์ที่แปลกใหม่กันไปเลยทีเดียวล่ะฮ้า
 


ส่วนชื่อเรื่องนั้นจะใช้ชื่ออะไรยังไม่รู้เพราะนี่เจ๊ แค่ได้ยินแว่วมาเข้าหูตอนโทรคุย กะเจ้าเกรม่อน
ที่ตอนนี้อยู่ไกล ถึง ศรีราชา
ส่วนจริงเท็จแค่ไหนคงต้องรอดูกันต่อไปจ้า


Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #149 on: June 01, 2009, 11:05:47 PM »

พี่โคครับ   ผักอยากได้วายแบบสนุกนะ   เอาแบบไม่จิ้นได้มั้ย   

 
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #150 on: June 01, 2009, 11:08:29 PM »

Quote
พี่โคครับ   ผักอยากได้วายแบบสนุกนะ   เอาแบบไม่จิ้นได้มั้ย   
เอ่อ หมายถึงอะไรหรือ ถ้าหมายถึงตัว ฟิค ล่ะก็ เจ๊ไม่มีสิทธิ์ แก้บทจ้า มันต้องแล้วแต่ใจของ เรม่อนคุว
ว่าไปแล้ว ถ้าอยากได้วายรอดูทาลิ วายครอสก็ได้มั้งงิ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #151 on: June 03, 2009, 05:15:57 PM »

Quote
นี่คือข่าวคราวที่ได้ยินอว่วมาตอนที่ เกรม่อนคุงคุยกับ วาการุรุม่อนคุง เรื่องซีรี่ย์ถัดไป
แล้วดูเหมือนเกรม่อนคุงจะหลุดปากออกมาว่า หลัง ซีรี่ย์ Y Cross สามเทพอสูรที่ยังไม่ได้ออก อาจจะทำให้
มีเรื่องพอที่จะเขียนเป็น ซีรี่ย์ต่อไปได้

โดยชื่อเรื่องภาค2 ของ SMN VR!! ที่น่าจะจบบริบูรณ์ไปอย่างแท้จริงแล้วเพาะไม่มีช่วงไหนให้ต่อ
อีกเลย เพราะ Paradisoda regolaก็ยุบไปแล้ว โลกสงบแล้ว
เนื้อเรื่องไม่น่าจะไปต่อได้อีก ทให้คิดว่า ถ้า เกรม่อนคุง จะเขียนเรื่องนี้ต่อภาค 2 จริงคง
ยกเครื่องใหม่หมด ตัวละครก็อาจจะใหม่หมดเลยด้วยเห็นว่าคราวนี้จะเอา กราฟฟิคเกมส์ที่เคยใช้กับ
 ทาลิฯ2 มาทำตัวละครภาคนี้ด้วยอีกตะหาก

(เหนื่อยตูอีกล่ะสิ) 

รู้สึกว่า ในภาค2 ของ SMN VR!! ตัวละครเอกจะเป็นผู้หญิง ซะด้วยถ้าเป็นจริงคงแหวกแนวกว่าทุกครั้ง
(เพราะปกติจะวายชายตัวเอกเลยต้องเป็นชาย) โดยปกติ เนื้อเรื่องประเภทดวลการ์ดมันก็ออกแนวบู๊อยู่แล้ว
ส่วนใหญ่ตัวละคร
หญิงจะไม่ค่อยเด่น แต่นี่เล่นใส่บทตัวเอกให้ซะเลย แถมจะเป็นตัวเดินเรื่องหลักอีก คงได้เห็น
การดวลในภาพลัษณ์ที่แปลกใหม่กันไปเลยทีเดียวล่ะฮ้า

เฮอะ ภาค2เรอะ งั้นเรอะ อีก2ปีจะรอไหมล่ะ เจ้าการุรุม่อน โปรเจ็คนั้น พี่รินเป็นคนแต่งด้วย กว่าจะเสร็จ
พูดมาด้ายยยย ว่าจะเขียนแนวดวลการ์ดแบบรักๆใครๆ ให้นางอก เป็นอสรูอัญเชิญนางเงือก ลูเซียน่า ที่มาตกหลุมรัก ธนัท แล้วขึ้นมาแย่งกับชุติการ เหอๆมันจะไปรอดไหมนั่น ไม่ใช่ละครหลังข่าวนะว้อยยยย

ก็ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพไปหน่อย พอดีย้ายมาอยู่ที่นี่ แล้วมันยังปรับตัวไม่ค่ยได้น่ะครับ
เลยหงุดหงิดบ่อยช่วงนี้

เรื่องราวของ VR ภาค2นั้น พี่รินหรือปิโยม่อนของเราตั้งชื่อว่า SMN VR!!Advance(ชื่อสะเหร่ออีก)
ก็ถ้าพี่เค้าวางพล็ฮตได้เมื่อไหร่คงมีหลุดๆมาบ้าง ส่วนข่าวคราวเกี่ยวกับ ทาลิวายครอส จะมาลงช่วงวัน

ศุกร์นี้นะครับ เสนอเป็นตอนแรกส่วนตอนถัดไปคงจะเว้นช่วงนานอยู่โข เพราะยังไม่มี
Note book ของตัวเองเลย ตัดสินใจไม่ได้ด้วยว่าซื้อยี่ห้อไหนดีจะได้ไม่แพงมากแล้ว
ก็ไม่ห่วยจนเกินไป พอดีความรู้เรื่องอุปกรณ์คอม ไม่ค่อยจะมี ถนัดแต่ใช้โปรแกรมกัสร้างอย่างเดียว ซ่อมเครื่องมะเปนนนน
Logged


Pages: 1 2 3 ... 6 [All]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.54 seconds with 20 queries.