Summoner Master Forum
April 25, 2024, 04:23:00 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: 1 2 [All]
  Print  
Author Topic: Legend of Thaliwilya YCross :Final Tag 05 จุดจบที่สิ้นหวังสู่จุดเริ่มต้น Missing  (Read 20770 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« on: June 06, 2009, 04:34:53 AM »

Legend of Thaliwilya YCross



   เทอร่า โลกที่ พิภพ สวรรค์ และ นรก  อยู่ใกล้ชิดกันโดยมีเส้นกั้นพรหมแดนของกันและกัน
 แค่เพียง รูปธรรมของความดีและความชั่ว เมื่อใดที่หันเข้าหาความดี สวรรค์ก็จะเปิดหา แต่เมื่อใดจิตใจใฝ่ต่ำหันหาความชั่ว
 จะเปิดประตูสู่นรกในโลก เทอร่า สองสิ่งนี้จะกลายเป็นรูปธรรมที่เรียกว่า ปีศาจ และ ทูตสวรรค์

ตั้งแต่สมัย บรรพกาลที่มนุษย์ ขวนขวายในอำนาจของทูสวรรค์และปีศาจจนก่อให้เกิดทั้ง
ภัยพิบัติและสงครามมา มากมาย  ก็เพราะความดีความชั่วที่ไม่อาจ อยู่ร่วมกันได้ในมุมมองของมนุษย์
หากแท้จริงแล้วความดีกับความชั่วก็เปรียบเสมือนพี่น้อง เป็นดั่งแสงและเงา เมื่อมีแสงก็ต้องเกิดเงา
 จะมีเงาก็ต้องเกิดแสงขึ้นมาผู้ที่ถือเอาหลักการนี้จะถูกเรียกว่า ออนเมียวจิ(Onmyoji)............

Tag 01 Wake up…Freedom and Justice

...................

“ ยุคหลังการล่าอาณานิคมครั้งใหญ่ เมอริเซียได้เกิดการล่มสลายจากการ รุกรานของ
อาณานิคม อื่นๆ ได้ผ่านมาเป็นกว่า 200 ปี ก็ได้เกิดมหาสงครามครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่จนเกือบจะทำให้
 เทอร่า ถึงกาลดับสูญ ”

เสียงบรรยาย ของอาจารย์ชรา ผู้ไว้หนวดเคราเป็นสีขาว เส้นผมบนหัวบางและหลุดร่วงไปมาก
แสดงถึงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน  ชายชราผู้นี้ กำลังชี้แท่งไม้พลาสติก

 แตะลงไปบนกระดานที่ติดตั้งเทคโนโลยีทันสมัยทำ ให้มันแสดงภาพตามข้อมูล ที่ป้อนให้ได้
 ที่ด้านกระดาน บรรดานักเรียน ส่วนใหญ่ก็ตั้งหน้า ตั้งตาจดบันทึก สิ่งที่อาจารย์ผู้สอนชี้แนะ

 กันอย่างขะมักเขม้น เว้นแต่เด็กหนุ่ม ผมสีดำที่มีปอยผมสีเหลืองแซมไฮไลท์ ห้อยปลายไว้กระจุก
หนึ่งเด็นคนนี้แทนที่จะจับปากกาจดบันทึกสิ่งต่างๆบน กระดานลงไปในสมุดเค้ากลับนั่งมองอยู่เฉยๆแทน

“ ยารุย(Yarui)!! ”
อาจารย์ชรา ตะเบ็งเสียงเรียกเค้าด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ทั้งที่นักเรียนทั้งแทบห้อง สะดุ้งตกใจ
กันหัวหด แต่เด็กหนุ่มผู้ถูกเรียกกลับไม่แม้แต่จะกระพริบตาเลยหรือตื่นตกใจ เค้ายังคงนั่งนิ่งอย่างเรียบเฉย
 ต่อโทสะของผู้เป็นอาจารย์



“ ยารุย ทั้งที่เพื่อนๆเค้าจดบันทึกกันหมดแต่ทำไมเธอถึงไม่ทำอะไรเลยห๊ะ ”
อาจารย์ ตะคอกถามด้วยความขุ่นเคืองที่ ยารุย นั้นแสดงทีท่าเมินเฉยต่อโทสะของเค้า

“ อึ๋ย~ เอาแล้วไงล่ะ อาจารย์ใหม่คนนี้จะลองของแล้วไหมล่ะ ”
เด็กหนุ่มผมสีส้มอ่อนที่รวบทรงและคาดทับไว้ด้วยที่คาดผมสีฟ้า คิดพลางตีสีหน้าเอือมระอา
กับสิ่งที่จะเกิดึ้นต่อไปจากนี้ ซึ่งจากปฏิกิริยาของทุกคนในชั้นเรียน ก็เป็นแบบเค้ากันหมด

“ อาจารย์คนนี้ กำลังจะลองของเจ้า ยารุย แล้วไง ”
“ สงสัย ได้เปลี่ยนอาจารย์ ใหม่อีกแหงแซะ  ”
“ งานนี้ถ้าจะจบแล้วล่ะ เฮ้อ ”

นี่คือเสียงกระซิบของบรรดานักเรียนในชั้นที่ดังขึ้น เมื่ออาจารย์ ได้ยินก็ถึงกับโมโหหัวเสีย
 และ คิดหาทางกำราบเด็กโอหังคนนี้ เพื่อจะได้ทำให้นักเรียนคนอื่นๆไม่กล้าแหยกับเค้าอีก

“ ยารุย ไหนเธอลองบอกมาซิ เหตุผลที่เธอนั่งอยู่เฉยๆแบบนี้ ”
อาจารย์ ถามโดยที่ตอนนี้ตัวเค้าไม่สนว่าคำตอบของเด็กหนุ่มจะเป็นอะไร เค้าก็ต้องลง
โทษเด็กคนนี้ให้ได้

“ เพราะมันอยู่ในหัวผมหมดแล้ว... ”
ยารุย ตอบเสียงเรียบ ซึ่งก็เข้าทาง อาจารย์ ที่จะต้อนเค้าต่อด้วยคำถามยาก
เพื่อจะได้ลงโทษเค้า อย่างไร้ข้อกังขา

“ งั้นเหรอ...ไหนเธอลองอธิบายต่อจากที่ อาจารย์พูด ตะกี้ซิ ”
อาจารย์ กล่าวน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ขณะที่ในหัวคิดหาวิธีลงโทษ ยารุย เพราะคิดว่าเค้าจะต้องตอบไม่ได้
 แต่ทว่า เมื่อ ยารุย ลุกขึ้นเปิดปาก อธิบายเท่านั้น

“ หลังสงครามล่าอาณานิคม 200 ปีเกิดมหาสงครามที่ สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่ว เทอร่า
ด้วยการปรากฏตัวของ องค์กรก่อการร้ายที่ใช้ชื่อว่า Empyrean Adjust (ผู้แทนแห่งสวรรค์)

ได้ทำการ ประกาศจะ ยุติสงคราม และ ขจัดความขัดแย้ง ทั้งหมด ด้วยกำลังอาวุธ ต่อมา
เรกกะ ไฮเดย์ (Recca Highday) มหาทรราชย์ ที่เข้ายึดอำนาจของทั้ง เทอร่า ได้ทำสงครามกับ

 Empyrean Adjust และยึดเอา เทคโนโลยีขององค์กรมาใช้ข่มเหงผู้คน จนในเวลาต่อมา
ผู้คนได้ลุกฮือขึ้นต่อต้านอำนาจ ของ ทรราชย์ และโค่นล้มอำนาจเผด็จการลงได้ในที่สุด เทอร่า
จึงได้อิสรภาพกลับคืนมา ”

ยารุย สามารถ อธิบายได้เป็นขั้นเป็นตอนจนทั้ง อาจารย์ และทุกคนในชั้นทึ่งเป็นอย่างมาก
อาจารย์ ผู้เหลี่ยมจัดก็ได้แต่ขบฟันแค้นที่ไม่สามารถลงโทษเค้าได้ จึงต้องทนสอนต่อไป
จนจบคาบอย่างน่าอับอาย

.......................
.........................

ยุคหลังการ สถาปนา มิราบิลิส 200 ปี และนับจากนั้นเวลาได้ผ่านมาอีก 22 ปีแล้ว
 ที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกตำนาน การปกครอง เทอร่า ของมหาทรราชย์ และ

 สงครามกับองค์กรติดอาวุธเอกชนที่มีอุดมการณ์จะขจัดสงครรามให้หมดไป
ผลจาการศึกในครั้งนั้น 3 ใน 4 ของ เทอร่า ได้รับความเสียหายไปอย่างมาก แม้ในช่วง 22 ปี

มานี้ หลังศึกครั้งนั้น จะมีการร่วมมือกันบูรณะ ประเทศของแต่ล่ะคนจน กลับมายั่งยืนได้
 แต่ผู้คนก็ไม่เคยที่จะลืม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น ทั้งความสูญเสีย และ ความโศกเศร้า

........

โรงเรียน รัฐบาล ST. Magnus Academy ประเทศ โลกอส(Logos) ทวีป อาริมาเทีย(Arimathea)

   โรงเรียนนี้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกรียติแก่นักบุญ St.Magnus โดยพระประสงค์ของ องค์หญิง
มาเรียลูส (Marialus) ผู้สำเร็จราชการสูงสุดแห่งโลกอส นี้

ตัวโรงเรียน ประกอบด้วย อาคารสูง 6 ชั้น 3หลัง ที่เรียงล้อมสนามของ โรงเรียนเอาไว้
 แล้วล้อมด้วยกำแพงอีกชั้น ทั้งตัวอาคาร กำแพง และสนาม ใช้สีขาวทั้งหมด ซึ่งหมายถึง ความบริสุทธิ์


“ นี่ ได้ข่าวว่า ห้อง 4A น่ะ อาจารย์ประจำชั้นขอลาออกไปอีกคนแล้วล่ะ ”
“ เป็นเพราะ เจ้า ยารุย น่ะสิ ดันไปตอกหน้าอาจารย์ ซะขนาดนั้น ”
“ แต่ ยารุยมันก็เก่งจริงๆนั่นแหละ ตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่ได้ไม่ถึงเดือน
ก็ไล่อาจารย์ ออกไป 3 คนแล้วนะ ”
“ ฮึ่ย ใครบอก อาจารย์พละ ที่กระดูกหักตอนซ้อม คาราเต้ กับเจ้า ยารุย
จนต้องพักโรงพยาบาล ไปเมื่อต้นเดือนพึ่งยื่นใบลาออกมาเองนะรวมตอนนี้ก็ปาเข้าไป 4 คนแล้ว ”

“ จุ๊ๆๆ ยารุย มาโน่นแล้วขืนมาได้ยินล่ะก็พวกเรา เสร็จแน่ ”

เสียงกระซิบกระซาบถึงวีรกรรมของ เด็กหนุ่มอัจฉริยะ ผู้เงียบขรึมและน่าเกรงขามผู้นี้
กระฉ่อนไปทั่วโรงเรียนนับตั้งแต่ ที่เค้าย้ายมาเรียนที่ โรงเรียนนี้ เพื่อนๆนักเรียนก็พากัน
หลีกลี้หนีทางและถอยห่างจากเค้ากันซะหมด แต่ถ้าพูดถึงในหมู่นักเรียนหญิง เค้ากลับเป็นที่ ชื่นชอบมากไม่แพ้กัน

“ หึ......เจ้าพวกสวะ แค่เห็นฉัน ก็เผ่นแนบกันหมด แล้วยังพวกผู้หญิงปากหวอนั่นอีก
กรี้ดๆไปมาอยู่ได้น่ารำคาญซะจริง ”
ยารุย คิดขณะที่เดิน ไปตามระเบียงอาคารเรียนตลอดทางก็มีแต่คนหลีกทางให้เค้า
เดินตัดผ่านกลุ่มผู้หญิง ก็จะมี เสียง กรี้ด ชอบใจของ บรรดา นักเรียน หญิง ดังขึ้นมาตลอด

“ ยารุย~~~!! ”
เสียงเรียกชื่อของเค้าดังขึ้นแต่ก่อนที่เค้าจะทันหันไปมอง เด็กหนุ่มเพื่อนร่วมชั้น
ผมสีส้มอ่อนคาดผมด้วยที่คาดผมสีฟ้า ก็วิ่งทะเล่อทะล่า เข้ามาชนโครมจนล้มไปทั้งคู่

“ ตายแล้ว เจ้า โยไร ดันไปชน ยารุย ซะได้ เละแน่งานนี้ ”
แทบ ทุกความคิดของ นักเรียนทุกคนที่มุงดูอยู่ รอบๆในขณะนั้น แทบจะเป็นแบบเดียวกันหมด
แต่ก็มีบางส่วน ที่เฉยๆอยู่

“ โยไร(Yorai) นี่นายตั้งใจจะทำอะไรกันแน่เนี่ย?! ”
ทุกคนแทบจะผิดคาดเมื่อ ยารุย ถามโยไร พร้อมกับ ช่วยจูง โยไร ที่เข้ามาชนจนล้ม ลุกขึ้นมาอีก



“ แหะๆ โทษทีนะ ยารุย พอดี ฉันเบรคไม่ทันน่ะ ”
โยไร กล่าวพลางเก่หัว แก้เขินไปพลาง

“ แล้วนายรีบมาหา ฉันแบบนี้เนี่ย มีเรื่องอะไร หรือไง? ”
ยารุย ถามพลางตีสีหน้า เซ็งๆ

“ อ๋อคือ ฉันจะมาถามเรื่องรายงานที่เราจะต้อง อภิปรายกันอาทิตย์หน้าน่ะ... ”
โยไร กล่าวขณะที่เดินไปด้วยกันกับยารุย โดยมีสายตา ประหลาดใจของ บรรดานักเรียน
 ทุกคนจับจ้อง ไปตลอดทาง

..........................

“ โยไร ~~! ”
เสียงเรียกชื่อของ โยไรดังขึ้นมาบ้างก่อนที่ เค้า จะทันหันกลับไปมอง เจ้าของเสียง
ก็เข้ามาตะครุบตัวเค้าไป เกาะแกะ ด้วยความสนิทสนม เสียแล้ว

“ หวา..จะทำอะไรน่ะ คุณ ไอริ แบบนี้..เหวอ เดี๋ยวคนอื่นเค้า ก็เข้าใจผิดกันพอดี ”
โยไร กล่าวห้ามพลางแกะ เธอ ออกแต่ก็ถูกเธอ เหวี่ยงไปมา จนแก้ไม่หลุด

“ แหม โยไร ล่ะก็ ทำมาเป็นอายไปได้ ”
เด็กสาว ผู้เข้ามากอดกล่าว ขณะที่ยังไม่หยุด เหวี่ยงโยกตัว โยไร ไปมา เธอมี
ผมสีทองยาว รวบเป็นหางม้า ดวงตาของ เธอเป็นสีเขียวมรกต แลดูงดงาม

“ ถ้านาย กำลังยุ่งอยู่...งั้นฉันไปล่ะ บาย~~ ”
ยารุย กล่าวขณะที่สีหน้าแสดงออกถึง ความไม่พอใจเล็กน้อย

“ อ๊า...อย่าพึ่งไปนะ ยารุย กลับมาก่อน! ”
โยไร ได้แต่ตะโกนพลางกวักมือ เรียกให้ เค้า กลับมาเท่านั้น ขณะที่ ถูก ไอริ รั้งตัวเอาไว้

“ โธ่~...ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ คุณ ไอริ ”
โยไร ถามเสียงกล่อยด้วยความผิดหวังหลังจากที่ ยารุย เดินลับไปจากสายตาแล้ว ไอริ จึงปล่อยเค้า
 ก่อนจะแกล้งกระแอมไออกมาเพื่อ เรียกความสนใจของเค้ามาที่เธอ

“ อะแฮ่ม...ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ อีตานั่น ก็ไม่ยอมไปซักทีน่ะสิ....งั้นเข้าเรื่องเลยนะฉันอยากจะให้
โยไร ช่วยมาที่บ้านฉันวันนี้หน่อยน่ะ เพราะคุณแม่จะรับลูกจ้างคนใหม่มาช่วยงานในร้าน
 
ได้ยินว่าเค้าเป็นเด็กหนุ่มมาดขรึม หน่อยๆล่ะ
แล้ววันนี้คุณแม่ก็ออกไปทำธุระซะด้วยกว่าจะกลับ ฉันก็เลยกังวลว่า...... ”
ไอริ (Aili)กล่าวไปเรื่อย ก่อนจะเงียบไป ขณะที่ โยไรพอจะเดาต่อไปได้ จึงรีบกล่าวออกมา



“ หมายความว่า คุณ ไอริ กังวลเรื่องเด็กใหม่คนนั้น ก็เลยจะให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนด้วยใช่ไหม ”
โยไร กล่าวยังไม่จบ ไอริ ก็แทรกขึ้นมาทันที

“ ก็ใช่อ่นะ คือที่จริงที่ฉันกังวลน่ะ....ฉันกังวลว่าบางที..ฉันอาจจะเทใจให้
 เด็กคนนี้จน หลงลืม โยไรคุง น่ะสิ~~ ”
ไอริ กล่าวด้วยแววตาที่ทอประกายสดใสผิดกับคำพูดและ ท่าทางของเธออย่างสิ้นเชิง ทำเอา
โยไร เซเสียหลักไปไม่เป็นท่า กับความพิลึกของเธอ

“ ค...คุณ ไอริ...เนี่ยนะเหตุผลน่ะ..แล้วคุง นี่มันอะไรกันคร้าบบบบ!!! ”
โยไร กล่าวขณะที่ พยายามตามทางเธอให้ทัน

“ อ้าวไหงพูดแบบนี้ล่ะ นี่มันเรื่องสำคัญมากเลยนะ โยไรคุง ไม่กลัวจะเสียฉันให้เด็กคนนั้นไปเหรอ.. ”
ไอริ กล่าวพลางส่งสายตาอ้อนวอนมาที่เค้า จนต้องยอมในที่สุด

.................................
..........................................
.........................................................

เย็นวันนั้น

ตลาดท่าเรือ บาร์ซิงเซย์

   ตลาดท่าเรือ แห่งนี้ สร้างขึ้น ด้วยสะพานหินปูนยื่นเข้าไปในอ่าว ด้วยความ
กว้างขวางประกอบกับเป็นเส้นทางสัญจรไปมาของการเดินเรือ ทำให้ที่นี่มีเรือสินค้า
 แวะมาจอดอยู่บ่อยๆ ทำให้ที่นี่กลายเป็น ตลาดสินค้า

ที่สำคัญแล้วยิ่งห่างออกไปจากท่าเรือนี้ไม่มากก็เป็น ย่านการค้าสำคัญของ
 เขต 17 ในโลกอส แห่งนี้อยู่แล้วจึงมีการตั้งตลาด ที่ท่าเรือ และกลายเป็นชุมชนการค้า
ตลาดท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดใน เทอร่าก็ว่าได้

“ อ้าวคุณนาย คาบิว มาพอดี เลย ยารุยนี่จ้ะ คุณนายคาบิว ที่จะจ้างเธอไปทำงานที่ร้าน ”
หญิงชราที่กำลังขนข้าวเก็บของ ขึ้นรถเข็น กล่าวขณะที่ เรียกให้ยารุย ที่กำลังช่วยเธอขนลังไม้
ให้มาทำความรูจักกับ หญิงสาววัยกลางคนที่เดิน เข้ามาหาพวกเค้า

“ ยารุย ซาล่า (Yarui Sala) ครับยินดีที่ได้รู้จัก คุณนาย คาบิว ”
ยารุย กล่าวทักทายอย่างสภาพนอบน้อมพร้อมกับ แนะนำตัวเองไปด้วย

“ ยินดี ที่ได้รู้จักจ้ะ ยารุย ฉัน ไอ คาบิว (Ai Cabuic) ส่วนนี่ที่ตั้งร้านของ ฉันนะ
ช่วยกลับไปเฝ้าให้ก่อนละกันจ้ะ คิดว่าลูกสาวฉันคงจะกลับมาแล้วล่ะ ส่วน ฉันจะไปช่วยคุณ
ฮาเลวี่ ย้ายบ้าน ก่อนแล้วจะรีบกลับไปจ้ะ ”

หญิงสาว กล่าวพร้อมกับยื่นแผ่นกระดาษ ที่อยู่ร้านของเธอมาให้ ก่อนที่ ยารุย จะรับมันไปอ่าน

“ งั้นผมไปก่อนนะครับ.. ”
ยารุย กล่าวจบก็วิ่งออกไปทันที

“ แหมขยันขันแข็งจังเลยนะคะ เด็กคนนี้ ”
ไอ กล่าวด้วยปลื้มใจ ขณะที่ฮาเลวี่ ก็พลอย อดยิ้มไปด้วยไม่ได้

“ ถึงเค้าจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา แต่เค้าก็เป็นเด็กดีมากเลยนะ
ช่วยงานขยันขันแข็งทุกวันนี่เพราะ หลานๆจะมารับ ฉันไปอยู่เมอริเซีย
 ก็เลยต้องปิดร้าน โชคดี ที่คุณนาย จะช่วยรับเค้าไปทำงาน พอดี ”

ฮาเลวี่ กล่าวขณะที่ เข็นรถ ออกไปกับ ไอ โดยคุยกันไปตลอดทาง

...................
.......................

ร้านเค้ก Happy Material

ร้านเค้ก ซึ่งตั้งอยู่หัวมุมในซอยลึก ที่มีผู้คนสัญจรไปมาน้อยแต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีลูกค้า
ขาประจำที่ติดใจในรสชาติของที่นี่ และมานั่งทานอยู่บ่อยๆ แต่วันนี้กลับไม่มีลูกค้า
 เลยเพราะเมฆฝนที่มาตั้งเค้า จะตกอยู่นานแล้ว

“ กรี้ด~ ตื่นเต้นๆ..เด็กงานคนใหม่ เค้าจะหล่อไหมน้า~~ ”
ไอริ กล่าวเสียงใส อยู่บนโต๊ะในร้าน โดยมี โยไร นั่งมองด้วยความหน่ายใจ

“ แล้วนี่ตกลงจะเรียกผมมาทำไมเนี่ย ”
โยไร คิดด้วยความหน่ายต่อทีท่า ของ ไอริ หลังจากนั้นไม่นาน เสียงกิ่งประตูก็
ดังขึ้นพร้อมกับประตูร้านที่เปิดออกมา กับสายตาประหลาดใจของ ทั้งสองคน

“ ยารุย!! ”
โยไร และ ไอริ กล่าวขึ้นแทบจะพร้อมกันด้วยความตกใจ ขณะที่ ยารุย เดินเข้ามาในร้าน
 ด้วยตัวที่เปียกโชก เพราะน้ำฝนที่โปรยปรายอยู่ข้างนอก

“ ร้านตรงหัวมุม ซอย2 Happy Material ...ก็มาถูกแล้วนี่นา.. ”
ยารุย เปรยพลางอ่าน กระดาษที่อยู่ที่ได้รับ จาก ไอ มาอีกรอบ

“ อ๊ะ นั่นเมโม ที่คุณแม่จะเอาไปให้ เด็กงานคนใหม่นี่ ”
ไอริ ต้องอุทานขึ้นทันทีที่สังเกตเห็นแผ่นกระดาษ ที่ยารุย ถืออยู่

“ จริงสิ เธอก็นามสกุล คาบิว เหมือนกันนี่ งั้นลูกสาวของคุณนาย ไอ ก็คือ.... ”
“ เดี๋ยวก่อน ถ้าเมโม ที่แม่ฉันมาอยู่ที่เธอก็หมายความว่า ยารุย เธอ.... ”
ทั้ง ยารุย และไอ กล่าวขึ้นมาพร้อมกัน ขณะที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้รู้ไป

“ งั้น เด็กงานคนใหม่ที่ คุณแม่ของ คุณไอริ ว่าจ้างมา ก็คือ ยารุย น่ะสิ ”
โยไร กล่าวสรุปให้ในทันที ขณะที่ ไอริ นั้นทำอะไรแทบไม่ถูก

................
.........................

ตรู๊ดดดดด....กริ้ก

เสียงโทรศัพท์พกพาของ ไอ ดังขึ้นก่อนเธอจะกดรับสาย ขณะที่
หลบฝนอยู่ใต้หลังคากันสาดของ อาคารท่าอากาศยาน

“ ฮัลโหล ลูกเหรอจ้ะ ตอนนี้แม่ส่งคุณ ฮาเลวี่ ไปเรียบร้อยกำลัง
จะกลับแต่ฝนตกซะก่อนบอกเด็กงานใหม่ ให้เค้ารอจนกว่าฝนจะหยุดแล้ว
ค่อยกลับก็ได้นะ ”
ไอ กล่าวเสียงใสกับ ไอริ ลูกสาว ที่โทรเข้ามาหา ก่อนเสียงตะโกนของ ลูกสาวจะดัง
ลอดผ่านหูโทรศัพท์มา

“ นี่มันอะไรกันคะ คุณแม่ ทำไมไม่บอกหนูก่อนคะว่า จะจ้าง ยารุย มาทำงานที่ร้านเราน่ะ ”
ไอริ ตะคอกใส่เครื่องรับโทรศัพท์ บนเคาน์เตอร์ในร้าน อย่างหัวเสีย

“ อ้าว..เค้าเป็นเพื่อนลูกเหรอจ้ะ แบบนี้แม่ค่อยหายห่วงหน่อย ”
ไอ กล่าวตอบกลับอย่างโล่งใจ โดยไม่ประสีประสากับ เสียงบ่นของ ลูกสาวเลย

“ แต่นี่มันน่าห่วงกว่า เดิมต่างหากล่ะคะ คุณแม่รู้รึเปล่าคพว่า อีตา ยารุย นี่น่ะ... ”
ไอริ บ่นไปยังไม่ทันจบ ไอ ผู้เป็น แม่ก็ชิงวางสายไปซะก่อนทันที

“ ลูกคนนี้ เนี่ย ยังขี้บ่นเหมือนเคยเลยนะ ว้ายสงสัย เรากับลูกคงรสนิยมเดียวกันแหงมๆ
 นี่ถ้าลูกรู้ว่า เราถูกใจ ยารุยที่เค้าหน้า คล้ายแฟนเก่าก่อนจะมาเจอ ดาลิ๊ง ล่ะก็มีหวังโวยใหญ่แน่เลย ”
ไอ คิดพลางนึกภาพไปตามอย่างกระดี๊กระด๊า ก่อนจะหยุดชะงักแล้ว
หันขึ้นไปมอง บนท้องฟ้า
ด้วยสายตาและท่าทีที่เหมือนคะนึงหาสิ่งใดอยู่

“ 22 ปีมาแล้วสินะ ฉันยังไม่เคยลืมเธอได้เลย....เฟนท์ ”
ไอ คิดโดยที่ทอดสายตาเหม่อมองออกไปในท้องฟ้าที่มืดมัวด้วยเมฆฝนนี้


..........................
.......................................

« Last Edit: July 09, 2009, 06:02:11 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #1 on: June 06, 2009, 04:35:29 AM »

“ คุณแม่นะ...คุณแม่...ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า ”
ไอริ บ่นอย่างหัวเสียที่ไม่สามารถระบาย ออกไปได้

“ ต...แต่ก่อนที่ จะรู้ว่าเป็น ยารุย คุณ ไอริ ก็ตื่นเต้นมากเลยไม่ใช่เหรอครับ ”
โยไร เปรย ด้วยเสียงนิ่มๆ โดยหวังว่าเธอจะไม่ได้ยินที่เค้าพูด

“ แหมพูดอะไรน่ะ โยไร ในใจของฉันก็มีแต่เธอเท่านั้นล่ะ ”
ไอริ กล่าวแก้ตัวอย่างไม่กระดากปาก ขณะที่ โยไร ตีหน้าหน่ายไปตามกัน

“ ถ้าเธอไม่พอใจที่จะเป็นเพื่อนกับฉัน ตอนทำงานฉันจะเป็นแค่ลูกจ้างให้เธอก็ได้
อยากจะไล่จะใช้อะไรก็เชิญ ”
ยารุย กล่าว อย่างไม่แยแสว่า เธอจะคิดยังไงกับเค้า

“ หนอย...นายนี่มัน...จะให้ฉันไล่นายออกก็ได้งั้นสินะ ”
ไอริ กล่าวพลางทุบโต๊ะด้วย ความโมโห ด้าย โยไร ก็คิดจะห้ามเธอ

“ ค...คุณ ไอริ อย่าไล่.... ”
โยไร พยายามจะห้ามเธอ แต่คำตอบที่ออกจากปากเธอก็ทำให้ เค้า ออกทีเสียเที่ยวไปจนได้

“ งั้นฉันก็จะไม่ไล่นายออกหรอกนะ.... ”
ไอริ กล่าว ขณะที่ เดินไป ที่หลังร้าน ทำเอา ยารุย และ โยไร งงไปตามๆกัน
ก่อนที่ เธอจะออกมาจากหลังร้าน พร้อมด้วยผ้าขนหนู

“ เพราะถึงยังไงแม่ฉันก็จ้างนายมาแล้ว อีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้แร้งน้ำใจขนาดจะไล่นาย
ไปเลยหรอก แต่จำไว้นะงานที่ร้านน่ะหนักนะ ”
ไอริ กล่าวพร้อมกับโยน ผ้าขนหนูให้ ยารุย

“ นี่มัน... ”
ยารุย เปรยด้วยความแปลกใจ ขณะที่รับผ้าที่เธอโยนมาให้

“ เช็ดซะสิ ขืนปล่อยเอาไว้ก็ได้เป็นหวัดหรอกเปียกโชกซะขนาดนั้น ”
ไอริ กล่าวจบก็ เหลียวหลังกลับเข้าไปหลังร้าน ทันทีขณะที่ ยารุย ลังเลนิดหน่อยแต่เค้าก็
ใช้มันเช็ดหัวที่เปียกโชกของเค้า ขณะที่ ไอริ แอบชายตามองดูอยู่ห่างๆ

“ คุณ ไอริ.... ”
โยไร เปรยเสียงแผ่วจนไม่มีใครได้ยิน ก่อนจะยิ้มน้อยๆออกมาด้วยความโล่งใจ
ที่ทั้งสองดูจะเข้ากันได้ถึงจะไม่มากนักก็ตาม


.........................
.................................
หลังจาก ฝนหยุดตก ราตรีก็มาเยือน บนถนนที่ ชื้นแฉะไปด้วยน้ำ เจิงนอง อยู่ตามมุมต่างๆ

“ เพราะนายเป็นแบบนี้ล่ะ ถึงหางานทำยากไม่ใช่เหรอไง ”
โยไร กล่าวขณะที่เดิน มาด้วยกันกับ ยารุย บนถนนสายนี้ พวกเค้าพึ่งจะกลับออกมาจาก ร้าน ของ ไอริ


“ ที่จริง งานแบบนี้มันไม่ค่อยจะเหมาะกับฉันซักเท่าไหร่เลยนะ ถึงมันจะสบายก็เถอะ ”
ยารุย เปรยพลางยกมือของ เค้าขึ้นมาดูและนึกถึงภาพสมัยก่อนที่มือของเค้านั้น
มักจะมีรอยถลอกรอยแผล  อยู่ประปราย แต่ตอนนี้ แผลเหล่านั้นมันได้หายไปหมดแล้ว

“ ก็ยังดีกว่า ให้นายไปทำงานใต้ดิน รับจ้างเสี่ยงอันตรายพวกนั้นล่ะน่า ถามจริงเถอะ
งานที่ได้เจ็บตัวกับเสี่ยงตายทุกวันแบบนั้นมันน่าสนุกตรงไหนกัน ”
โยไร แย้งถามด้วยความขุ่นใจ ที่ ยารุย มักจะทำให้เค้าเป็นห่วงอยู่ เสมอๆ

ระหว่างที่ทั้งสอง กำลังคุยกันไปบนถนน ห่างออกไปอีกสองช่วงตึกนั้น เหนือดาดฟ้า
อาคารร่างของ อัศวินครึ่งคนครึ่งมังกร เกล็ดกายสีแดงเรียงตัวคล้ายชุดเกราะมือขวากระชับ หอกยาว

สีแดง  มือซ้ายติดโล่ เกร็ดมังกรสีแดงแบบเดียวกับร่างของ เธอ ขอบโล่บริเวณข้อมือของเธอนั้น
 มีเดือยกรงเล็บเล็กๆยื่นออกมาข้างละ2เดือย  เธอกำลังไล่ตาม เงาดำที่หนีเธอ
กระโดดข้ามตึกไปยังอีกตึกอย่างรวดเร็วจนเธอตามแทบไม่ทัน

“ ตอนนี้เป้าหมายเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมาก ฉันตามเกือบจะไม่ทันอยู่แล้ว พอจะมีวิธีไหม ”
อัศวินมังกรสาว กล่าวขึ้นก่อนที่จะมีเสียงตอบรับกลับมาจาก นาฬิกาข้อมือที่เธอสวมไว้
ใต้โล่อีกที

“ ถ้าไล่มัน ไปเรื่อยๆแบบนั้น ต่อไปมันจะหักหลบที่หัวมุม ถนนใหญ่ข้างหน้าอาคารถัดไป
 เธอลงมาดักรอมันที่ถนนฝั่งซ้ายด้านล่างได้เลย ”
เสียงตอบกลับดังขึ้นมาจาก ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนเส้นทาง ไปตามที่ได้รับโดยวิ่งเลี้ยว
 ออกมาก่อนจะกระโดลงจาก อาคารไป


.......

“ พรุ่งนี้เจอกันนะ ”
โยไร กล่าวลา ยารุย ก่อนที่ทั้งสอง จะแยกกันกลับไปคนละทางที่ทางแยกของหัวมุม อาคาร
ทันทีที่ โยไร เดินมาถึงช่วงตึกที่ 2 ซึ่งห่างจาก ยารุย ไปมากแล้ว
เค้าก็ต้องหยุดไปเสียดื้อๆ เพราะ อัศวินมังกรสาว ได้ร่อนลงมาจากด้านบนอาคารมา
อยู่ตรง หน้าเค้าเสียแล้ว

“ ท....ทาลิเลีย (Thalilea, the Dragoon of Alimathea) ....คุณ R2 !! ”
โยไร เปรยเมื่อได้เห็นร่างของ อัศวินมังกรสาว ขณะที่
เธอหันมามองเค้าด้วยความตกใจไม่แพ้กัน



“ โยไร ...ทำไมถึง.... ”
อัศวินมังกรสาวทาลิเลีย ผู้ถูกเรียก เปรยด้วยความแปลกใจ ขณะที่มองมาที่เค้า
ก่อนที่เงาดำ ที่เธอไล่ตามมาจะวิ่งเข้ามาจากด้านหลังของ โยไร

“ โยไร ระวังข้างหลังเธอ!! ”
ทาลิเลีย ตะโกนขณะที่เงาดำได้ปรากฏตัวขึ้นเป็นร่างของ อสูรนักรบในชุดเกราะเหล็กกล้า
กำลังเงื้อดาบขึ้นจะฟัน ทว่าดาบของมันกลับถูกมีดสั้นแบบนินจา(Ninja Dagger)
 ที่โยไร ชักขึ้นมารับ ไว้ได้ทันก่อนจะเข้าถึงตัวเค้า



“ นี่มัน มารโลกา อาร์ทอาคูม่า(Earth Akuma) .....แต่ทำไมล่ะ ”
โยไร เปรยด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบผละตัวออกห่างจาก อาร์ทอาคูม่า
 ที่กำลังจะสับเค้าไปพร้อมๆกับ มีดสั้นที่ถูกคมดาบของมันบั่นจนหักท่อน



“ ไม่มีเวลามาอธิบายแล้วล่ะ โยไร เธอพก Terminal Vent มารึเปล่า ”
ทาลิเลีย กล่าวขณะที่วิ่งเข้าไปประดาบกับมัน เพื่อคุ้มกันเค้า

“ ก...ก็พกติดตัวอยู่ด้วยตลอดหรอก แต่นี่ผมจะต้องใช้มันจริงๆน่ะเหรอ ”
โยไร กล่าวขณะที่ ทาลิเลีย พลาดท่าถูก ดาบของ อาคูม่า ปัดจนหลุดมือไป
ก่อนที่ อาคูม่า จะวกดาบกลับเข้ามา เธอก็แทงเดือยที่ โล่ ใส่จน อาคูม่า

เกิดประกายไฟที่แลบขึ้นมาจากการ กระแทกด้วยเดือย
 ที่ตอนนี้มีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ และ เดือยก็กดลึกทะลุเกราะของมันลงไป
พร้อมกับส่งกระแสไฟฟ้าเข้าไปโจมตีโดยตรง

“ Full Charge Dragon Dagger ”
เสียงดังขึ้นจาก โล่ ของเธอก่อน ที่กระแสไฟจะแรงขึ้นจนเกิดประกายไฟแลบแวบวาบ
ขึ้นมาสองสามที ร่างของ อาร์ทอาคูม่า จึงแตกสลายกลายเป็นควันสีดำไป

“ จ…จัดการได้แล้วเหรอ.. ”
โนไร กล่าวได้ยังไม่ทันขาดคำดี ก็มีเงาโผล่ออกมาจาก มุมมืดของตึก
ออกมานับสิบ ก่อนจะกลายเป็น อาร์ท อาคูม่า อีก10ตน

“ ย…เยอะขนาดนี้ ไม่ไหวแน่… ”
ทาลิเลีย สบถขึ้นเมื่อเจอกับจำนวนของ อีกฝ่ายที่มากกว่า จนยากจะรับมือ

“ ไม่มีทางเลือก…..แล้วสินะ ”
โยไร คิดก่อนจะปลดเป้ที่สะพายมาลงแล้ว เปิดเอา สายเข็มขัดหนังสีขาว
 ออกมาคาดเอว ก่อนจะหยิบเอาแผ่นกระจกที่มีด้านหลังเป็นพื้นสีขาว 
และที่ขอบของกระจกมีรูเจาะเอาไว้ สองรูตรงข้ามกันพอดี

ที่หัวเข็มขัดที่เค้าคาดมันไว้ ก็มีช่องขนาดพอดีที่จะใส่ กระจกแผ่นนี้ลงไป
และที่ช่องยังมีแกนเหล็กเล็กที่พอจะเสียบลงไปในรูของ กระจกได้

โยไร นำเอาด้านที่เป็น ผิวกระจกขึ้นส่องร่างของ อาร์ทอาคูม่า ที่ล้อมพวกเค้าไว้
เงาสะท้อนของพวกมันทำให้ ผิวกระจกกลายเป็นสีดำ

“ เฮนชิน(แปลงร่าง) ”
โยไร กล่าวจบก็เอากระจกใส่ลงไปที่ช่องของหัวเข็มขัดโดย ให้รู
ของกระจกเสียบเข้ากับแกนเหล็ก ที่ยื่นออกมาจากขอบบนและล่างของช่องเข็มขัด
โดยให้ หน้ากระจกที่เป็นสีดำหัน เข้าด้านในและพื้นกระจกหลังสีขาวหันออกด้านนอก


/Yang Cross …F….F…Freedom/
เสียงดังขึ้นจาก หัวเข็มขัดก่อนที่ ร่างของ โยไร จะถูก เปลวเพลิงสีขาวที่
พุ่งออกมาจาก เข็มขัดหุ้มทั้งร่าง เปลวไฟค่อยๆกลายเปลี่ยนเป็นชุดเกราะ

เกล็ดมังกรสีทองขาวนวล ทั้งร่าง พร้อมกับปีกสีขาวตัดปลายน้ำเงิน
 อีกคู่ที่สยายกางออก ก่อนจะพับลงมือขวาถือโล่ที่ทำจากเกล็ดแบบ
เดียวกับเกราะของเค้า และมีไพรินสีน้ำเงินเจียระไนฝังอยู่ที่ กลางโล่

สายเข็มขัดที่คาดเอาไว้ก็ปรากฏอุปกรณ์ ลักษณะถุงมือทรงกระบอก กับ แท่งโลหะสีทองที่
ประดับด้วยกรรเชียงสลักเป็นหัวมังกร ขึ้นมาเหน็บอยู่ที่ เอว ซ้ายและขวา

“ มาธิอัส… ”
ทาลิเลีย กล่าวใส่นาฬิกา ข้อมือของตน เพื่อจะติดต่อกับคนที่ คอยสนับสนุนเธออยู่

“ มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ! ”
เสียงตอบกลับดังขึ้นมา ขณะที่ทาลิเลีย ยังไม่วางสายตาจาก ร่างของ โยไร ในตอนนี้

“ พลังแห่งสายนภา ปีกแห่งอิสรภาพ Freedom ถูกปลุกขึ้นมาแล้วล่ะ ”
ทาลิเลีย กล่าวตอบโดยที่ยังคงไม่ละสายตาไปจากร่างของ โนไร
ที่กลายเป็นอัศวินมังกรโดยสมบรูณ์

“ พลังของ Freedom ทาลิวิลย่า (Thaliwilya) ….นี่ผมต้องมาใช้มัน…อีกแล้วงั้นเหรอ ”
โยไร คิดขณะที่ตอนนี้ ร่างของเค้า คืออัศวินมังกรในตำนาน ทาลิวิลย่า ขณะที่ เหล่า อาคูม่า
เริ่มขยับอีกครั้งหลังจากระแวงกับรัศมีที่เจิดจ้าออกมาจากร่างของ โยไร ในตอนนี้



“ ต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด ” /Advent Beam Gun Arm/
โยไร คิดได้ดังนั้น ก็ส่งโล่ไปมือซ้าย แล้วใช้มือขวา สวมลงไปที่ถุงมือทรงกระบอกที่เหน็บอยู่เอวขวา
ขึ้นมาถุงมือเปิดกระเปาะของมันออกบริเวณโคนแท่ง เผยให้เห็นร่องเฟืองที่อยู่ภายในกระบอก

กระเปาะที่ปลายหัวของถุงมือก็เลื่อนตัว ออกด้านข้างเปิดให้เห็นเลนส์รวมแสงที่ปลายตอนนี้
ถุงมือโลหะแท่งได้กลายเป็น ปืนลำแสงแบบสวมมือ(Beam Gun Arm)ไปแล้ว



โยไร ไม่รอช้า ยกมันขึ้นส่องก่อนจะกระดิกนิ้วลั่นไกที่อยู่ด้านในถุงมือ
ลำแสงพลังงานสีเขียวพุ่งออกมา

จาก กระบอกปืน และรัวยิง ถล่มออกมา โยไร กราดยิงไปรอบ อาร์ท อาคูม่า กว่าครึ่ง
 ถูกจัดการลงจนเหลือเพียง 5 ตัวเท่านั้น  อาร์ทอาคูม่า ที่เหลืออยู่ คิดจะเข้าไปรุมจู่โจม
ระยะประชิดเพื่อที่เค้าจะได้ใช้ปืนลำแสงไม่ได้ โยไร ยกโล่ขึ้นป้องดาบที่ฟาดเข้ามา

ก่อนจะ  เก็บเอาปืนลำแสงไปเหน็บไว้ที่เอว อีกครั้งแล้ว เอื้อมมือขวาไป
หยิบเอาแท่งโลหะสีทองที่มีกรรเชียงรูปหัวมังกร ออกมา ทันทีที่ แท่งโลหะ

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #2 on: June 06, 2009, 04:38:28 AM »

เข้ามาอยู่ในมือ ละอองแสงสีเขียวที่โปรยออกมาจากปีกของ โยไร ก็ไปรวมกันที่
ปากมังกรของหัวกรรเชียงก่อนจะก่อรูปกลายเป็นคมดาบสีทอง

/Advent Falqualooke/
เสียงดังขึ้นจาก เข็มขัดอีกครั้ง เมื่อ ดาบฟอลควอลูเก้
 (Falqualooke, the Sword of Dragon) ถูกเปิดใช้แบบสมบรูณ์จาก

รูปแบบพกพา  โยไร ใช้มันประดาบกับ เหล่าอาคูม่า โดยใช้ โล่และ ดาบรับสลับกันไปก่อนจะ
หมุนตัวควงตวัดดาบไปรอบๆ ทำให้ อาร์ท อาคูม่า ถอยห่างออกมากันหมด



โยไร จึงใช้โอกาสนี้ กดลงไปที่แผ่นกระจกที่หัวเข็มขัด
แผ่นกระจกหมุนพลิกหน้ากระจกที่กลายเป็นสีดำ ขึ้นมาแทน

/Strike Vent Great of Dragon/
เสียงกังวานขึ้นมาจาก เข็มขัดก่อนที่ โยไร จะสยายปีกของตัวเองออก ปีกทั้งสองของ โยไร
 เรืองแสงขึ้นก่อนจะแยกตัวออกไปเป็นลำแสงข้างละ3สายรวมเป็น6ลำแสงพุ่งออกมา

 ลำแสงแต่ละลำกลายเป็น มังกรพลังงานสีต่างๆ แดง ฟ้า เขียว น้ำตาล ขาว และ ดำ
ลำแสงมังกรทั้งหมดบินฉวัดเฉวียน วนไปมารอบๆตัวเค้าก่อนจะพุ่งเข้าไป
เป็นลำแสงทะรุร่างของ อาร์ทอาคูม่า จนตกสลายไปถึง 3 ตน

“ 2 ตัวนั่นมันกำลังจะหนีไปแล้ว ”
ทาลิเลีย ตะโกนเรียกให้ โยไร รู้ตัว ทว่า โยไร กลับนิ่งเฉย ปล่อยพวกมันไป
ก่อนจะเรียกลำแสงมังกรทั้ง6สี ที่ส่งออกไปกลับมารวมกันเป็นปีกอีกครั้ง

พร้อมกับที่ หน้ากระจกสีดำได้กลายเป็น ผิวกระจกสะท้อนได้ เหมือนเดิม
ชุดเกราะเกล็ดมังกรที่สวมร่างของ โยไร อยู่จึงสลายไป


“ ท…ทำไมถึง ปล่อยพวกมันไปล่ะ ”
ทาลิเลีย ถามด้วยความสงสัย ขณะที่ โยไร ปลดเอาแผ่นกระจกออกจาก เข็มขัด

“ ผมบอกไปแล้วไง…ว่าจะไม่สู้ถ้าไม่จำเป็น แล้วก็หลัง Strike Vent พลังงานสมดุลของ
Yin จะหมดไป ผมที่เหลือแค่พลัง Yang น่ะรักษาสภาพร่างของ Freedom ไว้ไม่ได้หรอก ”
โยไร ตะคอก กลับใส่อย่างขุ่นเคือง ก่อนจะปลด สายเข็มขัดออกแล้วเอาทั้งหมดเก็บใส่เป้

“ ต…แต่นี่เป็นหน้าที่ของตระกูล ยามาโตะ ของเธอนะ โยไร ”
ทาลิเลีย กล่าวทว่า โยไร ก็ไม่ฟังเธอ

“ เรื่องหน้าที่ของ ตระกูลอะไรนั่นน่ะ ผมไม่สนหรอก อย่าให้ผม
ใช้พลังของ ทาลิวิลย่า อีกเลยขอร้องล่ะ ”
โยไร ตอบก่อนจะสะพายเป้ขึ้นหลัง แล้วเดินจากไป โดยไม่แม้แต่จะเหลียวมามอง

“ โยไร ยามาโตะ(Yorai Yamato)…เธอจะปฏิเสธ ชะตากรรมไม่ได้หรอกนะ ”
ทาลิเลีย คิดก่อนจะหันไปมองทิศที่ อาร์ท อาคูม่า หนีไป

“ ป่านนี้คงไปไกลแล้วล่ะมั้ง  ”
ทาลิเลีย คิดก่อนจะ เก็บหอกกลับมา แล้วทะยานหายลับไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน


…………….
………………..

อาร์ทอาคูม่า สองตนที่หนีมา ได้ออกวิ่งไปตาม มุมมืดของ ถนนอีกฟาก ก่อนจะหยุดหนี เมื่อเห็นว่า
ไม่มีใครตามมาแล้ว พวกมันหยุดพักหายใจอย่างทั่วท้องเมื่อรู้สึกโล่งอก และคิดว่าตัวเองคองรอด
แน่แล้ว



“ พระองค์ทรงผิดพลาดที่สร้างพวกเจ้าขึ้นมา….. ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมๆกับเสียงฝีเท้า ที่ดังก้องออกมาจากตรอกเล็กๆ อาร์ทอาคูม่า
ทั้งสองตนหันไปมองที่มาของเสียงทันที ขณะที่ ยารุย เดินออกมาจากมุมนั้น

พร้อมๆกับ เข็มขัดที่มีหัวแบบเดียวกับของ โยไร และแผ่นกระจกกลม
ที่เหมือน ของโยไร อีกเช่นกัน  เพียงแต่ สายเข็มขัดของเค้าเป็นสีดำและพื้นหลังกระจกเป็นสีดำ

“ จงคืนชีวิตของพวกแกให้พระเจ้าไปซะ ”
ยารุย กล่าวจบก็ ยกกระจกหน้าที่เป็นผิวสะท้อน ขึ้นส่องภาพของพวกมัน ก่อนที่ผิวกระจก
จะเปลี่ยนเป็นสีขาวแทน ก่อนจะเหวี่ยงสายเข็มเข้าไปที่เอวซึ่งหัวเข็มขัดก็เหวี่ยงกลับมาคาด
กันเสร็จสรรพ

“ เฮนชิน(แปลงร่าง) ”
สิ้นเสียง ยารุย ก็ติด แผ่นกระจกลงไปที่หัวเข็มขัดโดยให้ ด้านสีขาวหันหน้าเข้า
และเอาด้านสีดำหันหน้าออก

/Yin Cross ..Ja…us..tice..(Justice)/
เสียงดังกังวานขึ้นจากเข็มขัดพร้อมๆกับที่ เปลวเพลิงสีดำได้ลุกท่วมออกมาคลอกร่างของ ยารุย
ก่อนที่ร่างของ ยารุย จะโผล่ออกมาจากกองเพลิงทมิฬด้วยชุดเกราะเกล็ดมังกร สีทองคล้ำ

และปีกสีทองอีกคู่ ที่สยายขึ้นมาพร้อมกับปลดปล่อยละออง พลังงานสีเขียวลอยละล่องออกมาด้วย
 ที่ สายเข็มขัดแนบ ถุงมือปืนลำแสง กับ แท่งดาบ ฟอลควอลูเก้
เอาไว้ที่ เอว ขวาทั้งสองอันและ ที่เอวซ้าย เหน็บ ดาบและฝักดาบสีแดงเอาไว้แทน

ร่างของเค้าตอนนี้ได้กลายเป็น อัศวินมังกรเทพทาลิวิลย่า
(Thaliwilya, the God of Dragoon)



“ ด้วยพลังของ Justice ข้าจะพิพากษาพวกเจ้า ”
สิ้นคำ ยารุย ก็ชักเอาดาบที่เอวซ้ายออกมาจากฝัก ด้ามดาบนั้นหุ้มด้วยเกล็ดมังกรสีแดงเพลิง
และพันไล่ขึ้นจนถึงคมดาบ

/Advent Macarhyadia/
เสียงดังกังวานขึ้น จากเข็มขัดทันทีที่ ยารุย ชักดาบออกจนหมดฝัก
มันคือดาบ มาคายาเดีย ดาบประจำตัวของ อัศวินมังกรทาลิวิลย่า
(Macarhyadia, the Blade of Thaliwilya)



อาร์ท อาคูม่า ทั้งสองตัวที่ได้เห็นร่างของ ยารุย ในรูปลักษณ์ของ อัศวินทาลิวิลย่า
ก็พากัน วิ่งหนีเตลิดไป แต่ ยารุย ก็กางปีกออก บินตามไปทันที


/Trick Vent Rise wing/
สิ้นเสียงจาก เข็มขัด ปีกทั้งสองของ ยารุย ก็ทอแสงเจิดจ้า ขึ้นและทำให้ความเร็วของ
ยารุย เพิ่มขึ้นจนไล่ไปทัน ก่อนจะเงื้อ มาคายาเดีย ฟันจนร่างของ อาร์ทอาคูม่า ตัวหนึ่ง
ขาดสองท่อน แต่มันก็ยังไม่ได้สลายหายไป ยารุย จึงบินไปดักอีกตัวที่วิ่งอยู่ ก่อนจะ
ยกเอาปืนลำแสงที่เหน็บเอวขวาไปขึ้นมา

/Advent Beam Gun Arm/
สิ้นเสียง ยารุย ก็ยิงลำแสงสีเขียวกราดใส่ จนมันล้มลงไป ก่อนที่เค้าจะ หมุนฝากระเปาะที่กางออก
ของถุงมือปืนลำแสง ทำให้มันเริ่มหมุนและเร็วขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับดูดเอาละอองพลังงาน

สีเขียวรอบๆที่ปล่อยออกมา ปีกของเค้าเข้ามาที่เลนส์รวมแสง ก่อนจะยกมันลงมาเล็งเป้าไปที่
 ตัวที่ขาดสองท่อนซึ่งกำลังตะเกียกตะกาย หนีอย่างเอาเป็นเอาตาย

แต่ มันก็ได้แค่พยายามอย่างสูญเปล่า เมื่อ ยารุย ลั่นไกปืนลำแสงพิฆาตที่พุ่งออกจากกระบอกปืน
ก็กลายเป็นลำแสงสีแดงขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้าไป ผลาญร่างของมันจนสลายหายไปไม่เหลือแม้
เศษเถ้าทุรี หลังจากจัดการตัวแรกไปเสร็จเรียบร้อย ยารุย ก็เก็บปืนลำแสงไปเหน็บที่เอวอีกครั้ง

อาร์ทอาคูม่า ที่ถูกต้อนหมดทางหนี ก็ฮึดขึ้นมาสู้ ทว่า ยารุย ก็เอามือซ้ายที่ปล่อยจาก
ถุงมือปืนลำแสงแล้ว ปลดเอาฝักดาบที่เอวซ้ายออกมารับดาบของ มันก่อนจะฟันสวน
ด้วยมาคายาเดีย จนกระเด็นออกไป

“ จำเอาไว้ให้ดี ฉัน ยารุย ซาล่า แห่งสายปฐพี ผู้ครอบครอง Justice
ดาบแห่งการพิพากษาคือผู้ที่จะชำระบาปให้แก่เจ้า ”
ยารุย กล่าวจบก็ หงายเอาด้ามดาบ เสียบลงไปในฝักดาบทันที

/Advent Gaia Blade/
เสียงดังกังวานขึ้นจาก เข็มขัดก่อนที่ ทั้งและฝักดาบจะหลอมรวมกันจนกลายเป็นสองปลาย
หรือ ไกอาเบลด(Gaia Blade)ไป  ยารุย ควงไกอาเบลด
ไปถือด้วยมือซ้าย ก่อนจะใช้มือขวากดแผ่นกระจกหมุนให้หน้าที่เป็นสีขาว
ซึ่งเปลี่ยนจากผิวกระจก หงายขึ้นมาแทน

/Strike Vent Great of Dragon/
เสียงกังวานขึ้นจาก เข็มขัดอีกครั้ง ไกอาเบลดทั้งสองปลายก็เรืองแสงขึ้น
พร้อมๆกับปีกของ ยารุย ได้กางสยายออกและเปล่งแสงเจิดจ้า เสียจน

อาร์ทอาคูมา ตาพร่าไปชั่วขณะ และในช่วงนั้นเอง ยารุย ก็พุ่งเข้ามา
เสียบปลายดาบด้านหนึ่งของ ไกอาเบลด ทะลุร่างของมัน

ก่อนจะใช้มือ ขวาจับที่ด้ามอีกฝั่ง และดึงให้มันแยกออกจากกัน ไกอสเบลด
จึงกลับคืนเป็นดาบและฝักดาบโดยที่ ฝักดาบยังฝังอยู่ในร่างของ อาร์ทอาคูม่า ยารุย

จึงหงายคมดาบแล้วเสียบกลับใส่ฝักไป อย่างช้าขณะที่แสงที่ส่องออกมาจากปีกก็ค่อยๆจางลงไป
 จนเมื่อดาบเสียบกลับเข้าไปในฝักจนมิดเล่ม ร่างของ อาร์ทอาคูม่า

ก็ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง สีทองก่อนที่ ลำแสงมังกรทองคำจะพุ่งทะยานออกมาจากร่างของมัน
และแตกสลายไปพร้อมกัน ยารุย จึงเก็บเอาดาบที่กลับเข้าฝักไปแล้ว เหน็บกลับที่เอวซ้ายตามเดิม

ก่อนที่หน้ากระจกสีขาว จะกลับเป็นผิวสะท้อนของกระจกเหมือนตอนแรกดังเดิม ร่างของ ยารุย
จึงคืนกลับเป็นมนุษย์ อีกครั้ง

“ โอเรดะ ซึเบเตะโอะ ฮาไคชิ(ore da subete wo hakaishi= ตัวฉันคือผู้ที่จะทำลายทุกสิ่งให้สิ้น) ”
ยารุย กล่าว ขณะที่ ปลดเอา แผ่นกระจกออกจากเข็มขัด ก่อนจะออกเดินต่ไปบนถนน อย่างโดดเดี่ยว

………….

“ โบคุดะ ซึเบเตะโอะ ซึนาเงะ (bouku da subete wo tsunge= ตัวผมคือผู้ที่จะรวมทุกสิ่งเข้ากัน) ”
โยไร คิดด้วยสีหน้าที่เหงาหงอย ขณะที่เดินไปถนนที่แสงจันทร์ สาดส่องนำทางให้ในราตรี นี้

…………..
………………….

เช้าวันต่อมา

St. Magnus Academy

“ ห้อง 4A เนื่องจาก อาจารย์ ประจำชั้นคนเก่าขอลาออกไป เมื่อวานเพราะงันวันนี้
 จะมีอาจารย์ใหม่มาสอนพวกเธอแทนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ”
ชายวัยกลางคนซึ่งเป็น อาจารย์ใหญ่ ของ โรงเรียน กล่าวกับบรรดา นักเรียน ที่ในห้อง
 ก็มี ยารุย และ โยไร นั่งฟังอยู่ด้วย ก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก อาจารย์ ใหญ่ จึงเดินออกไปและให้
 อาจารย์คนใหม่เข้ามาแทน

“ มาใหม่อีกแล้วเหรอ เดี๋ยวก็ออกไปอีกนั่นล่ะ ”
“ คิดว่าคนนี้จะอยู่ได้ถึงเดือนป่ะ ”
“ ฉันว่าเจ้ายารุย มันก็ไล่ไปได้อีกนั่นล่ะ ”

เสียงกระซิบกระซาบของ บรรดานักเรียน ที่ดังขึ้น ทันทีที่ อาจารย์ คนใหม่ ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง
เธอเป็น หญิงสาววัยทำงาน ผมสั้นทรงบ๊อบสีแดง ดวงตาของเธอเป็นสีแดง

ทันททีที่ เธอเดินเข้ามาถึง โต๊ะสอน นักเรียนทุกคนจึงพากันหยุดเงียบ เพื่อรอดู
ลีลาของ อาจารย์คนใหม่ ขณะที่ในห้อง โยไร และ ยารุย ดูจะมีอาการตกตะลึงกับ

 อาจารย์คนนี้มากกว่าคนอื่น เมื่อเธอ พาลูกมังกรขาวซึ่งมีปีกขนาดใหญ่กว่าตัว
เข้ามาด้วย

“ สวัสดี นักเรียนทุกคนฉันเป็นอาจารย์คนใหม่ของพวกเธอ ชื่อราชาฟ ราเอล
ส่วนเจ้ามังกรเผือกนี่ เรียกมันว่า แมกกี้ แต่ไม่ต้องไปสนใจมันหรอกนะ ”
อาจารย์ คนใหม่ กล่าวแนะนำตัวพร้อมกับ เจ้าลูกมังกร ต่อสายตาตกตะลึงของ นักเรียนทั้งห้อง

“ ไหงงี้ล่ะ R2 เรกกะ สั่งให้ผมมาดูแลงานของคุณด้วยนะ ”
เจ้าลูกมังกรขาว แมกกี้ พูดจาเป็นต่อยหอย ทำให้นอื่นๆยิ่งตกตะลึงกันเข้าไปอีก

ตึง!!

เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ที่ โยไร กระแทกตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ด้วยสีหน้าซีดเพราะความตกใจ
อย่างสุดๆ ที่ทำเอา ทั้งห้องหันไปมองเค้าด้วยความสนใจ

“ เรียก ราชาฟ มันก็รู้สึกทะแม่งๆอยู่นะ เพราะงั้นขอให้นักเรียนทุกคนเรียก
อาจารย์ว่า R2 (อาร์ทู) ก็แล้วกันนะ ”
อาจารย์สาว กล่าว ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นธรรมชาติ ขณะที่ตอนนี้ โยไร
 แทบจะเข่าอ่อนหมดแรงกับ เรื่องที่เกิดขึ้นจนล้มลงไปนั่ง อย่างเงียบๆอีกรอบ
…………
……………..
To be Continue


ชิไค(Shikai= ตอนต่อไป)

“ นี่จะต้องตามมารังควานผม ถึงที่โรงเรียน เลยหรือไง ”

“ เธอสินะ นักเรียนตัวแสบที่เค้าพูดถึงกัน  ”

“ แต่งงาน!! พี่น่ะเหรอ ”

“ เซน่า จะแต่งงาน กับพวกตระกูลรัลเซรุส  ”

“ คิดดีแล้วงั้นเหรอ ที่จะไปน่ะ ”

“ เฟนท์ นี่ฉันทำถูกแล้วรึเปล่า… ”

“ ท่านเซน่า จากนี้ไปมันอาจจะเจ็บปวดสำหรับท่าน แต่ผมกับ Valkyrier คนอื่นๆจะคอยดูแลที่นี่เอง ”

“ โอเระ ทันโจว! มันแปลว่าพระเอกมาแล้ว  ”


ตอนต่อไป Next Tag 02 โอเระ ทันโจว พระเอกมาแล้ว Return


Subete wo ha kaishi  Subete wo tsunge ซึเบเตะ โอ ฮา ไคชิ ซึเบเตะ โอ ซึนาเงะ
จงทำลายให้สิ้นทุกสิ่ง         และ   จงเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน
นั่นคือ แก่นแห่ง Yin & Yang


ช่วงสครีม

เป็นไงกันบ้างคร้าบ กับบทแรกของ Legend Thaliwilya Y Cross สนุกไหมเอ่ย
พูดถึงชื่อภาค วาย ครอสเนี่ย มาจากหลักของ หยินและหยาง ที่เป็นศาสตร์ซึ่งถ่วงดุลกันไว้

และเป็นปรปักษ์กัน แต่ก็ขาดกันไม่ได้ อีกหนึ่งมันมาจากชื่อของพระเอกและพระรอง
ครับ ชื่อ โยไร กับ ยารุย นั้นผันมาจาก Yuri และ Yaoi ดังนั้นศัตรูของภาคนี้ มันคือ Yaranaika

_*_ (บั่นทอนได้อีกตู) หรือองค์กร ABE แต่จริงๆเป็นชื่อย่อนะอย่าอ่าน อาเบะ ดีกว่ามันฟังดูสยิวชอบกล
สรุป ภาคนี้เป็นอะไรที่เกี่ยวกับ วายๆ จริง ทั้งพลังก็หยินหยาง Y ละ คู่พระเอกพระรองเป็นห่วงกันและกัน
(ม่วงY มาแต่ไกล) ชื่อตัวเอกก็ขึ้นต้นด้วยตัว Y สงสัย ทั้งซีรี่ย์นี้จะวายกันมันส์มือเลยสินะ


สำหรับในบทนี้ ผู้ที่เคยอ่านทาลิภาคอาริมาเทีย มาก่อนจะเริ่มรู้ความลับบางอย่างที่แฝงมาแล้วล่ะมั้งครับ
เพราะตัวละครหน้าเก่ากลับมาแสดงกันไม่น้อยเลย ทั้ง ไอจัง ที่แต่งงานแล้วมีลูกชื่อ ไอริ แล้วยังป้ารั่ว R2
ก็กลับมาในภาคนี้ด้วย แถมมีแวว เรกกะ กะ มาธิอัส จะลงมา แจมด้วยนะเนี่ย เจ้าลูกมังกร แมกกี้ ก็โผล่มาเช่นกัน

ว่าแต่ หนูไอ เอ้ย เรียกหนูไม่ได้แล้วนิหว่า เพราะอายุคราวป้า แล้ว งั้นเรียกป้าไอ ละกัน ป้าไอ คร้าบ
คิดถึง เฟนท์ น่ะได้แต่อย่า เลี้ยงต้อยนะมันไม่ดี ยารุย เค้าเป็นของ โยไร (เอ๊ะ นี่เราเป็น วายตั้งแต่เมื่อไหร่)

ส่วนป้า R2 น่ะเรียกยายทวด R2 เลยดีมะ หลอนได้ทุกภาค นี่กะจะหาคู่ดูโอ้ เป็น D2 แล้วไปแข่งกะ Star war
เลยมะเนี่ย มารั่วทุกภาคจริงๆ ป้าจะเป็นอาจารย์ล่ะก็ 4A จ๋าลงเหวเลยจ้า

ส่วนผู้อ่านใหม่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะอ่านไม่รู้เรื่องนะครับ เพราะภาคนี้เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ไม่ข้องแว้งกับ
 ภาคแรกมากนักหรือถ้ามีก็จะมี อธิบายแฟลชแบค บอกกันให้ทราบอย่างชัดเจนในเรื่องเลย

ทาลิวิลย่า ศักราชนี้ เนี่ยดูไฮเทคจังเลย มีทั้งปืนบีม ดาบพับเก็บ เข็มขัด ไฮเทค
แล้วยัง อินเตอร์กับ ภาษาญี่ปุ่น อีก (ที่จริง นามสกุล ตัวละครก็ส่อแล้ว)
อันนี้ ก็เพื่อสีสันคร้าบ ว่าไปไฮเทคจริงแฮะ

ส่วนตอนนี้ขอบอกก่อน นะครับสำหรับคนที่ยังสับสนใครเป็นพระเอกใครเป็นพระรองกันแน่
โยไร ของเราคือพระเอกนะขอร้าบ ส่วนเกรียนเมพ ยารุย นั่นพระรอง(ว่าแต่ไมพระรองภาคนี้มันเมพจัง)

บทหน้าจะลงอีกเมื่อใด? อันนี้ไม่แน่นอนอ่ะคร้าบ เพราะไม่รู้จะว่างพิมพ์เมื่อใด
จันทร์นี้ข้อยเปิดเรียนแล้วเด้อ คงนานๆได้ลงทีล่ะมั้ง แต่ก็จะแวะมาตอบคำถามให้เรื่อยๆไม่หยุดจ้า


Y Cross วายให้มันสุดๆไปตั้งแต่ต้นจนจบเลย Yaha!!!! 
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #3 on: June 07, 2009, 01:42:48 AM »

+- -  พรุ่งนี้ผักจะมาอ่านแบบละเอียดยิบๆ +- - 

วายจงเจริญ~
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #4 on: June 07, 2009, 02:26:41 AM »

ว้าย มาเร็วปานจรวดเลยนะคะเนี่ย  (นึกว่าซักปีหน้าถึงมา)

ภาคนี้เอ่อ.....   ทาลิวิลย่า ไฮเทคมั่กๆ ยารุยคุง กะ โยไรคุง เลือกมะถูกเลยอ่า
ขอจองเอาไว้สองคนเลยป่ะค้า

โยไรคุง ก็เคะ ยารุยคุง ก็เคะ น่าจับกด ทั้งคู่หุๆ รอดูจะมีฉากวายในตำนานนั้นไหม

Quote
ดังนั้นศัตรูของภาคนี้ มันคือ Yaranaika

_*_ (บั่นทอนได้อีกตู) หรือองค์กร ABE แต่จริงๆเป็นชื่อย่อนะอย่าอ่าน อาเบะ ดีกว่ามันฟังดูสยิวชอบกล
สรุป ภาคนี้เป็นอะไรที่เกี่ยวกับ วายๆ จริง ทั้งพลังก็หยินหยาง Y ละ คู่พระเอกพระรองเป็นห่วงกันและกัน
(ม่วงY มาแต่ไกล) ชื่อตัวเอกก็ขึ้นต้นด้วยตัว Y สงสัย ทั้งซีรี่ย์นี้จะวายกันมันส์มือเลยสินะ

สรุป จะสู้กะ อาเบะ จริงๆเหรอคะเนี่ย - -.....

นอกเรื่องนิด พึ่งดู GDS มาหยกๆ เจอเรื่องของคุณเกรม่อนเข้าไป ไมมันคุ้นๆหว่า Fredoom Justice
เอ่อ นามสกุลของ โยไรคุง นี่ ต้นแบบมาจาก คิระ ยามาโตะคุงใน GDS ใช่มะคะ ส่วน ยารุย คุง นี่อัสรัน ชัวร์ 

อ่า ช่างมานนนนน ขอวายเปนพอ เรื่องอื่นไม่ต้องสน 
ตัวละครภาค ที่แล้วขนเฮโลกันมาเพียบ นี่จะมา โอเระ ทันโจว อีกแล้วเรอะ เจ้าทาลิคนัส 




Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #5 on: June 08, 2009, 07:28:08 PM »

ง่ะ....ตายแล้วเจ้าเกรม่อน ความแตกอีกแล้วล่ะเรื่องต้นแบบตัวละคร

คุณ Gee ขาบุคลิคแบบท่านนี่ไม่น่าจะไปพานพบกับ Gundam ได้เลยนา

เอาเถอะ เรื่องอื่นจะเป็นยังไงช่างมันก่อน เรื่องที่จะมาพูดในวันนี้
คือ................
..........................
...................................

.................................................ภาคนี้จะมีเพียงแค่ ไม่เกิน10
ตอนจบอาจะ 6-7 ตอนก็เป็นได้ สาเหตุ เพราะเดิมภาคนี้เป็นภาคต่อที่เขียน เสริมจากภาลิ อาริมาเทีย
จึงไม่มีความยาวมากนัก

บวกกับ คำสั่งตรงเจ๊ ปิโย บ.ก.ของเราเร่งให้
เกรม่อนคุงเขียนเรื่อง SMN VR! Advance (ยังไม่แน่ใจว่าจะชื่อนี้ไหม)

เพราะฉนั้น เนื้อหาในภาคนี้จึงทำแบบรวบรัด นั่นคือปกติ พระเอกทุกภาคเค้าต้องครองพลัง ของทาลิเอาไว้ทุกธาตุ แต่นี่แยกกันถือร่างสุดยอดไว้คนละธาตุแต่ต้นเลย เพื่อให้เรื่องไม่ยาวไป จึงแจ้งมานะที่นี้


ส่วนเนื้อหาที่จะวายมากหรือไม่รอดูต่อไปจ้า
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #6 on: June 13, 2009, 04:42:37 AM »

Tag 02 โอเระ ทันโจว พระเอกมาแล้ว Return


   หากแสงสว่างและความมืดคือพี่น้องกัน แล้วความดีกับความชั่วนั้น อะไรที่จะใช้เป็นตัวตัดสิน
หากเลือกความถูกต้องก็จะต้องเปิดเผยและเดินไปแสงสว่าง แต่หากหนทางที่มีอยู่มีแค่เพียงความมืดนั้นล่ะ
จะเลือกทางใด................

..............................
.......................................

ทวีป เมอริเซีย  มหานคร เมกกะโทโปลิส(Meggatopolis) หลังการ ก่อตั้ง 18 ปี

มหานครที่ยิ่งใหญ่และก้าวล้ำทาง นวัตกรรมมากที่สุด ในทวีป เมอริเซีย ซึ่งตั้งอยู่ 
ใจกลางทวีป ระหว่างช่องรอยต่อของเขตแดน ซาโลม(Zalom) และ  ฟีเลเซีย(Felasia)

โดยมี มิราบิลิส อยู่ในเขตการปกครองย่อย  มหานครนี้เป็นสหราชอาณาจักรที่มิได้เป็นของใครผู้ใด
ผู้หนึ่งไม่ หากแต่เป็น นครกลางที่ ทุกอาณาจักรในเมอริเซีย ทั้งหมดช่วยกันบริหาร

เพราะมหานครนี้ ถูกจัดตั้ง ขึ้นเพื่อการติดต่อกับ ดินแดนในทวีปอื่นๆ
เนื่องจากในอดีต เมอริเซีย ที่ค่อนข้างจะปิดกั้นจากภาย นอกไม่เคยได้รู้ถึงข่าวสารภายนอกทวีปมากนัก

ทำให้ เมอริเซีย เคยถูกรุกรานจาก อาณานิคม นอกทวีปจน ล่มสลายไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้
อาณาจักรทั้ง 5 ของเมอริเซีย ซาโลม ฟีเลเซีย แอนดิซอง ฟูดินัน และ มิราบิลิส

ทั้งหมดได้ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่พร้อมกับการก่อตั้ง มหานคร เมกกะโทโปลิส ขึ้นเพื่อใช้เป็น
สถานติดต่อกลางของทั้งทวีป เป็นการป้องกันปัญหาสงครามภายในและนอกทวีป

โดยจะใช้การลงมติร่วมกันของ แต่ละอาณาจักรในการที่จะรับหรือยื่นเรื่องเข้าออกนอกทวีป
เพื่อให้เกิดความเป็นกลาง ในช่วง 18 ปีที่ผ่านมานี้ เมอริเซีย จึงกลายเป็น ทวีปกลางของ เทอร่า ไปในทันที
โดยอยู่ภายใต้ องค์สภาสูงของ เมกกะโทโปลิส ที่ปกครอง โดย มหารานี เซน่า ไฮเดย์(Zena Highday)



อาคารองค์สภา สูงสุด แห่งเมกกะโทโปลิส

ภายในโถง ประชุมใหญ่ที่ประดับตกแต่งแบบเรียบง่ายสบายตา ที่ใจกลางมีเพียง โต๊ะประชุมยาว
ที่รายล้อม ไป ด้วยเก้าอี้ โดยที่ ตรงหัวโต๊ะประชุมนั้น หญิงวัยกลางคนอยู่

ในชุดกระโปรงเครื่องแบบ สีชมพู เธอไว้ผม สั้นสีทอง และแซ่กปลายผมไปไว้ที่ข้างหู  ที่ด้านหลัง
 ของเธอ มีชายในชุดสวมหน้าในชุดสีดำ สวมผ้าพันคอสีดำ และหมวกเหล็กสีดำ ปิดหน้าด้วย ผ้าปิดปาก
ที่อยู่ตรงคอเสื้อ ยืนมองดูเธออยู่ห่างๆ

“ ตามความเห็นของพวกเราแล้ว ”
“ ทางเราควรรับข้อเสนอของ รัลเซรุส เพราะฝ่ายโน้น เค้าเป็นขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก  ”
“ ถึงจะต้องเข้าร่วมกับสงครามก็ตาม แต่ต่อให้หลีกหนีต่อไปซักวันสงครามก็จะต้องมาเยือน
 เมอริเซีย อีกเป็นแน่ ในตอนนี้เราควรจะรับข้อเสนอของ รัลเซรุส  ”
“ ถ้าได้กำลังของ รัลเซรุส มาพวกเราก็ไม่ต้องกลัวกับ สงครามที่อาจเกิดขึ้นอีก ”

เสียงที่ก้องอยู่ในหัวของ นางตอนนี้มันทำให้นางเกิดความสับสน และลังเล อยู่เต็มหัวใจ

“ พวกตระกูล รัลเซรุส  เป็นหนึ่งในสมาชิกของ องค์กรระหว่างประเทศที่มีขุมอำนาจมากที่สุดในตอนนี้
...แล้วก็ยังทำสงครามกับ อาณานิคมอื่นๆ ที่แข็งข้อ กับตัวเอง ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ซักวันอาณานิคมทั้งหมดใน
 เมอริเซีย ก็ไม่พ้นต้องทำสงครามด้วยอยู่ดี ”
ชายสวมหน้ากาก กล่าวขึ้น

“ แต่ถ้าเราไม่ทำ เมอริเซีย ก็จะต้องเกิดความสูญเสียเพราะสงคราม และอาจจะหนักหนากว่าที่ ผ่านๆมา
แต่ถ้าเรา เอาตัวรอดโดยการเข้าร่วมตามข้อเสนอของ รัลเซรุส นั่นก็เท่ากับเราทอดทิ้งอุดมการณ์ของตัวเอง
 และทอดทิ้ง ผู้คนอีกมาก ที่ต้อง ร่วมรบในสงครามที่ไม่เป็นธรรมนี้ ”
นาง เปรยขณะที่หลับตาลงเพื่อใช้ความคิดตริตรองอย่างหนัก กับการตัดสินใจที่สำคัญยิ่งนี้

“ ถ้าหากเรา ปฏิเสธเค้าไป เมอริเซีย นี่ล่ะจะเป็นที่แรกที่พวก มันจะใช้เป็นตัวอย่างของการ
แข็งข้อต่ออำนาจของพวกมัน เซน่า ท่านจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ล่ะ..  ”
ชายสวมหน้ากากกล่าว ก่อนจะกุมหมวกของตนแล้วค่อยๆถอดมันออก

“ ถึงจะต้องทิ้งอุดมการณ์ยังไง แต่ฉันก็ทอดทิ้งผู้คนของเราไปไม่ได้หรอก ”
เซน่า กล่าวด้วยน้ำเสียง ที่สั่นเครือราวกับจะร้องไห้ ออกมา

“ งั้นพิธีอภิเษกสมรส ในวันพรุ่งนี้ กับ ยูน่า รัลเซรุส ท่านก็จะรับข้อเสนองั้นสิ ”
ชายสวมหน้ากากกล่าว พลางเดินเข้ามาวาง หมวกหน้ากากลง บนโต๊ะ

“ เฟนท์ ถอดหมวกทำไมน่ะ ถ้าเกิดใครมาเห็นว่าเธอคือ Dragoon ก็ได้เป็นเรื่องใหญ่กันพอดี ”
เซน่า กล่าวอย่างรนราน ขณะที่ ชายสวนหน้ากาซึ่งถอดหมวกหน้ากากที่สวม เผยใบหน้าภายใต้หน้ากาก
ขึ้นมาเค้าเป็น เด็กหนุ่มผมสีดำ หูทั้งสองข้างเป็น หูของสุนัขป่า

“ ไม่เป็นไร..ถ้าเป็นตอนนี้พวก ผู้แทนคนอื่นกลับไปหมดแล้ว ถ้าจะมีก็พวก Valkyrier ด้วยกันนี่แหละ ”
เฟนท์ กล่าวขณะที่ ชักเก้าอี้ออกมานั่ง

“ ที่จริง เรื่องที่จะต้องแต่งงานกับ ยูน่า เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองน่ะ ฉัน.... ”
เซ่นา เปรยขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ ในความคิดของตัวเธอที่ตอนนี้สับสนไปหมดแล้ว

“ เฟนท์ นี่ฉันทำถูกแล้วรึเปล่า… ”
เซน่า กล่าวถามขณะที่ เฟนท์ กลับรวบมือของเธอมากุมเอาไว้เพื่อให้ความมั่นใจกับเธอ

“ ท่านเซน่า จากนี้ไปมันอาจจะเจ็บปวดสำหรับท่าน แต่ผมกับ Valkyrier คนอื่นๆจะคอยดูแลที่นี่เอง ”
เฟนท์ กล่าวขณะที่ ขอบตาของ เซน่า นั้นปริ่มด้วยน้ำตา  เฟนท์ จึงโอบเธอเข้ามาเพื่อปลอบโยน
จิตใจที่สับสนของเธอ


..............................
..........................................
..........................................................

St. Magnus Academy  เวลาพักกลางวัน


“ นี่จะต้องตามมารังควานผม ถึงที่โรงเรียน เลยหรือไง ”
โยไร ตะคอกใส่ หน้า R2 อาจารย์คนใหม่ ที่มาประจำชั้นเรียนของเค้าตั้งแต่วันนี้
เป็นต้นไป อย่างไม่พอใจ ขณะที่ R2 ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ฟังเค้าพล่ามบ่น อยู่ในห้องเรียน

 ที่ไม่มีนักเรียนคนอื่นอยู่ในห้องแล้ว นอกจากเค้า กับ ยารุย และเธอกับ ลูกมังกรขาวที่ชื่อ แมกกี้
ซึ่งเป็นลูกมังกรที่มีขนาดปีกใหญ่กว่าตัวมาก และยังสามารถพูดภาษามนุษย์รู้เรื่องได้อีก
ลักษณะของมันนั้นเหมือนกับ ลูกมังกรที่St.Magnus
 เคยเก็บมาเลี้ยงเอาไว้(St. Magnus' Baby Drgon)



“ เปล่านี่ ฉันก็แค่มาหางานทำ อีกอย่าง เรกกะ ก็อนุญาตแล้วด้วย ”
R2 เปรยเสียงเรียบ ขณะที่ หันไปมอง ยารุย ที่นั่งจ้องพวกเค้าอยู่ห่างๆ

“ สองคนนั่นคุยอะไรกันอยู่ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย แล้วอีกอย่าง....ยัยอาจารย์ใหม่นั่นทำไมถึงเอาแต่จ้องมาที่ฉันนะ ”
ยารุย คิดขณะที่ตีหน้าเซ็งๆไปเรื่อยเหมือนทุกครั้ง

“ ถ....ถึงจะเป็นคุณ เรกกะ ก็เถอะ แต่ยังไงผมก็ไม่ยอมให้มา จูงจมูกไปทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด
ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่อยากใช้  Freedom อีกแล้วน่ะ ”
โยไร พยายามจะยัดเยียดเหตุผลของเค้า ให้เธอ แต่ เธอกลับ เดินหนีเค้าไป หายารุย แทน

“ เธอสินะ นักเรียนตัวแสบที่เค้าพูดถึงกัน  ”
R2 กล่าวขณะที่ จ้องมาที่หน้าของ ยารุย ด้วยความสนใจ จนทำเอา ยารุย รู้สึกอึดอัด
กับการกระทำของเธอ

“ ถ..ถ้าใช่แล้วจะทำไม ”
ยารุย กล่าวพลางหนีหน้าเธอด้วยความรู้สึก กระอักกระอ่วน ที่เธอหยิบยื่นขึ้นมา จนเค้าไม่ทันตั้งตัว

“ ว่าแล้ว เชียวคล้ายกันจริงๆด้วย... ”
R2 เปรย ขณฦะที่ ยารุย และ โยไร ส่งเสียงขึ้นด้วยความสงสัย ว่าเธอหมายถึงเรื่องอะไรกัน

“ ก่อนนี้ก็มีเจ้าลูกหมา ตัวหนึ่งที่หน้าคล้ายๆกันนี่ล่ะ แต่หมอนั่นนิสัยดีกว่าหน่อยล่ะ
ชื่ออะไรนา มันติดๆอยู่ที่ปากเนี่ย นึกไม่ออก ”
R2 กล่าว พลางตั้งท่านึกแต่นึกเท่าไหร่เธอก็นึกไม่ออก

“ เฟนท์ ไง เฟนท์ นีโอเวล (Feint Neovel) R2 ลืมแล้วเหรอ ”
เจ้าลูกมังกรแมกกี้ ของเธอ ตะโกนขึ้นดัง ขณะที่ ยารุย ได้ยิน ชื่อที่เจ้า ลูกมังกรเรียก เค้าก็
ตกใจขึ้นมาเล็กน้อย

“ เฟนท์ นีโอเวล...เธอหมายถึง เฟนท์ ที่เป็นองครักษ์มือขวาของ มหาทรราชย์ เรกกะ
ที่ตายไปในสงคราม ragnarok น่ะเหรอ ”
ยารุย อุทานขึ้น ขณะที่ โยไร เข้ามาลากตัว เธอ และ เจ้าลูกมังกรปากมาก
 ออกไปจากห้องทันที ทิ้งให้ ยารุย นั่ง งง อยู่โดยที่ยังไม่ได้คำตอบ


“ นี่คุณ R2 พูดเรื่องแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นได้ยังไงกันน่ะ เรื่องของคุณกับคุณ เรกกะ
 มันเป็นความลับที่จะแพร่งพรายไม่ได้เลยไม่ใช่หรือไง ถ้าใครรู้ว่า คุณเคยเป็น1ในคนที่ร่วมมือกับ
 จักรพรรดิ์ เรกกะ ในสงคราม Ragnarok ล่ะก็.... ”

โยไร กล่าวไปได้ยังไม่ทันไร R2 กฌแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ เรื่องนั้นน่ะ ยังไงอีกไม่นานมันก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้วล่ะ เชื่อสิ
แต่เรื่องของฉันน่ะไม่มีใครรู้แน่นอน ”
R2 กล่าวจบก็เดินจากเค้าไปทิ้งให้ เค้ายืนสงสัย ในคำพูดของเธออยู่เพียงลำพัง


………………………….
…………………………………
…………………………………………

“ แต่งงาน!! พี่น่ะเหรอ ”
เสียงร้องตะโกนอย่างตกใจของ เด็กหนุ่มผู้มีผมสีทอง ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ สีฟ้า ที่ตั้งอยู่ภายในห้อง
ซึ่งมีกระจกหน้าต่างล้อมอยู่แถบหนึ่งเสมือน หน้าต่างรถ และที่ใต้ขอบหน้าต่าง ก็จะมีเคื่องประมวล

ผลแผงควบคุมและคันบังคับ นี่คือห้องบังคับของยานที่ไหนซักแห่ง ซึ่งจากภาพภายนอกกระจก
ยานลำนี้จอดอยู่ใต้น้ำซึ่งอาจจะเป็นแม่น้ำ ทะเลสาบ หรือบางทีอาจจะเป็นทะเล ก็เป็นได้

“ มติในสภาของ เมกกะโทโปลิส เป็นเอกฉันท์ ที่เห็นสมควรว่า
 น่าจะผูกมิตรกับ ตระกลรัลเซรุส ที่มีอำนาจใน องค์กรที่กำลังรวบรวมอาณานิคม

 ให้เป็นหนึ่งเดียวกันอยู่น่ะ เพื่อที่จะให้เมกกะโทโปลิว ปลอดภัยจาก สงครามที่อาจจะเกิดขึ้น
จากการรวมอาณานิคม ได้ เพราะงั้น...... ”

ชายหนุ่มอีก คน ซึ่งมีผมสีแดงส้มที่นั่งอยู่หน้าแผงควบคุมของยาน กล่าวโดยไม่หันมามอง
แต่มือทั้งสองและสายตานั้นจับจ้องอยู่ที่แผงควบคุมของยานเพื่อที่จะจัดการเรียบเรียงข้อมูลภายใน
 ระบบประมวลผลของยานลำนี้





“ เซน่า ก็เลยจะแต่งงาน กับพวกตระกูลรัลเซรุส  ”
ชายหนุ่ม กล่าวก่อนจะหันกลับมาโดยรามือจาก แผงควบคุม

“ มาธิอัส ช่วยเล่าเกี่ยวกับ รายละเอียดของ องค์กรที่ว่านี่มาหน่อยได้ไหม
เอาเท่าที่นายรู้ทั้งหมดนั่นล่ะ ฉันมีความรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลซะแล้ว ”
เด็กหนุ่ม กล่าวน้ำเสียงจริงจัง ก่อนที่ชายหนุ่ม มาธิอัส จะหรี่ตาแคบลงเพื่อ นึกทบทวนเรื่องต่างๆ
ที่เค้าพอจะนึกออก

“ เรกกะ ถ้านายรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนายจะทำยังไงต่อไปล่ะ....เทอร่าที่
นายทำให้มันสงบลงด้วยการลบตัวตนนายออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์แล้วครั้งหนึ่ง
 ถ้าเกิดอยู่ๆนายปรากฏตัวขึ้นมา เทอร่าจะวุ่นวายแค่ไหนกัน ”

มาธิอัส ย้อนถามก่อนที่จะตอบคำถามตามที่เค้าต้องการ

“ ฉัน...... ”
เรกกะ ได้เพียงแต่เปรยออกมาอย่างลอยๆเท่านั้น เค้าไม่แน่ใจเลยว่า การ
ออกไปปรากฏตัวของเค้านั้น จะส่งผลอย่างใดให้กับ เทอร่า บ้าง

“ 22 ปีก่อนฉันเลือกที่จะ ดำเนินแผนการ Dragoon Requiem เพื่อเร่งระดับ
ความเกลียดชังของผู้คนทั้งโลกมารวมที่ตัวฉันจากนั้นก็ ลบตัวฉันออกไป เพื่อให้ความเกลียดชัง
ทั้งหมดในโลกหายไปกับฉันด้วย…. ”

เรกกะ เปรยขึ้น ทำเอา มาธิอัส ที่กำลังจะหันกลับไปจัดการงานต่อ ต้องชะงักเพื่อฟังเค้า

“ แต่ดูเหมือนตอนนี้ ฉันคงจะต้องกลับสู่หน้าประวัติศาสตร์อีกครั้งแล้ว ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว
เทอร่า ก็จะต้องเกิดสงครามขึ้นอยู่ดี … ”
เรกกะ กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ สลัดซึ่งความลังเลออกไปจากใจหมดแล้ว
ทว่าก่อนที่เค้าจะทันกล่าวจบ ประตูห้องบังคับยานก็เปิดออกพอดี พร้อมกับเสียงแย้ง
ขึ้นมาจากผู้มาเยือน

“ คิดดีแล้วงั้นเหรอ ที่จะไปน่ะ ”
ผู้มาเยือนกล่าวขึ้น ก่อนที่ เรกกะ จะหันกลับไปมอง

“ R2 !! ”
เรกกะ อุทานด้วยความตกใจ

……………..
………………………
……………………………..

ในวันรุ่งขึ้น มหานครเมกกะโทโปลิส  ได้จัดงาน พิธีอภิเษกสมรส อย่างยิ่งใหญ่ให้ กับ ยูน่า ทายาทแห่งตระกูลรัลเซรุส กับ มหารานี แห่งเมกกะโทโปริส เซน่า ไฮเดย์ มีการจัดวางกองกำลัง เพื่อป้องกันงานพิธี จาก
กลุ่มผู้ไม่ประสงค์ จะให้งานพิธี อภิเษก นี้เกิดขึ้น ซึ่งก็มีอยู่จำนวน ไม่น้อยเลย

เพราะการกระทำแบบนี้ย่อมเท่ากับว่า พวกเค้าขาย ผู้มีพระคุณเพื่อเอาตัวรอด
ทำให้มีกลุ่มผู้ต่อต้านเกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เมื่อ อีกฝ่ายมีขุมอำนาจมากกว่า
อาณาจักรทั้งหมดของตน รวมกันเสียอีก การที่จะล้มล้างพิธีจึงแทบเป็นไปไม่ได้



“ ท่าน ยูน่า ทุกอย่างเตรียมการพร้อมแล้วครับ ”
นายทหาร คนหนึ่งเข้ามารายงาน ภายในห้องรับรองของ อาคาร ที่อยู่ใกล้กับ เวที จัดงานแต่งขนาดใหญ่
ใจกลางสวนพระตำหนักขนาดใหญ่ ของ เมกกะโทโปลิส  ซึ่งมีฝูงชนที่ ส่วนมากถูกบังคับให้มาร่วม
เป็นสักขีพยานอย่างไม่เต็มใจนัก

“ เราไปกันเถอะนะ เซน่า ”
ชายวัยกลางคนผมสีม่วง ไว้เปียห้อยหลัง หันมากล่าวพร้อมกับ ยื่นมือของเค้าให้
แก่ เซน่า ซึ่งเธอก็จับมือของเค้าด้วยความไม่เต็มใจ ก่อนจะถูกจูง กันออกไป

เพื่อไปยัง เวทีงาน  โดยมี เฟนท์ คอยตามอารักขา เซน่า ไปด้วยก่อนจะ หยุดรออยู่ที่
เชิงบันได เพื่อให้ ทั้งสองขึ้นไปบน เวทีงาน ส่วนตนจะอยู่คอยคุ้มครองที่ เชิงบันไดด้านล่างนี้


ขณะที่ทั้งสอง ก้าวขึ้นบันได เวทีไปนั้นเอง ก็มีบุคคลหนึ่งซึ่งสวม
เสื้อคลุมและหมวกปิดบังตัวเอง เดินสวน องครักษ์สวมหน้ากากชุดดำ หรือ เฟนท์

ตามขึ้นไปบนเวที ก่อนจะกระชากตัว เซน่า มาจาก ยูน่า ท่ามกลางความตกใจของ ผู้คนรอบๆ
นั้น ส่งที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ เฟนท์ ที่อยู่ภายใต้หน้ากาก กลับเป็น รอยยิ้ม
ที่แฝงด้วยเลศนัย ราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้น




“ น….นี่แกเป็นใครกันน่ะ แสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ ”
ยูน่า สบถขณะที่ บรรดาทหาร ที่คุ้มกันอยู่ ได้แห่กันมาล้อม รอบเวที เอาไว้ โดยที่
เหล่าฝูงชนเริ่มแตกตื่นกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ ปล่อย นะ…เจ้าเป็นใครกันน่ะ ”
เซน่า กล่าว พลางดิ้นเพื่อจะสลัดตัวให้หลุดออกจาก อ้อมแขนของบุคคลผู้นี้

“ อยากรู้กันอย่างนั้นสินะ…. ”
เสียงที่ฟังดูสงบอย่างไร้ที่ติ ดังขึ้นผู้ที่ได้รับฟังมันนั้น
 แทบจะสัมผัสได้ถึงความสุขุมของผู้กล่าวมันออกมา และทันทีที่

 บุรุษปริศนาผู้มีเสียงอันสุขุมลุ่มลึก ถอดหมวกและเสื้อคลุมออก
สิ่งที่เค้าได้รับกลับมาก็คือสายตาที่ตกตะลึงของ ยูน่า เหล่าบรรดาทหาร แม้แต่ ประชาชน
ทั้งหมด ก็ไม่เว้น

“ ร….ร…เรกกะ…ฮ….ไฮเดย์…จักรพรรดิ ทรราชย์…นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน ”
ยูน่า กล่าวตะกุกตะกัก เสียงสั่นเทาด้วยความผวา พลางถอยหนีออกห่าง

“ ย…ยิงสิ…ยิงมันเลยจะรออะไรอยู่อีกเล่า ”
ยูน่า รีบสั่งการ ทหารที่ยังตกตะลึงอยู่ให้ ทำการใช้ปืนในมือ ยิงเรกกะ ทว่า
ที่อยู่ข้างๆเรกกะ นั้นมี เซน่า อยู่ด้วย ทำให้พวกเค้า เป็นห่วงความปลอดภัยของ ผู้นำ
มากกว่า คำสั่งของ ผู้ที่กำลังจะมีตำแหน่งเข้ามาเป็นผู้นำโดยมิชอบ

“ จักรพรรดิทรราชยื ยังไม่ตาย ”
“ เรกกะ ไฮเดย์ ยังมีชีวิตอยู่ ”
“ นี่ข่าวใหญ่เลยนะเนี่ย รีบไปเอากล้องมาเพิ่มเลย ”
“ โอ สวรรค์ นี่คือจุดจบของ เทอร่า งั้นหรือ ”

เสียงตะโกนโหวกเหวก และเสียงแตกตื่นของบรรดา ประชาชนที่ได้เห็น การปรากฏตัวของ
เรกกะ นั้นทำให้เกิดความวุ่นวาย จนทหารไม่สามารถทำการ ได้ ครั้นจะใช้อาวุธ
ก็เกรงว่าจะไปทำร้ายโดน เซน่า หรือ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ เข้า

“ ร…เรกกะ…น้อง…น้องยังมีชีวิต อยู่..ต…แต่ได้ยังไงกันล่ะ ”
เซน่า อุทานด้วยความตกใจไม่แพ้ คนอื่นๆที่ได้เห็นการปรากฏตัวของ
 น้องชายเธอที่น่าจะตายไปนานแล้ว

“ หนอยไม่ได้เรื่อง เอามานี่ ถ้าพวกแกไม่กล้ายิงฉันจะยิงเอง ”
ยูน่า สบถด้วยโทสะ ก่อนจะกระชากเอาปืนยาวจาก นายทหาร คนหนึ่งที่อยู่ด้านล่าง เวที ขึ้นมา
ประทับบ่าเล็งยิง

“ ตายซะเถอะไอ้จักรพรรดิ โฉด ”
ยูน่า กล่าวจบก็ลั่นไกปืน ทันที ลูกกระสุนที่พุ่งออกไปนั้น แทนที่มันจะพุ่งตรงไปที่ เรกกะ
แต่ด้วยความไร้ฝีมือของ ผู้เหนี่ยวไก ทำให้ ลูกกระสุน พุ่งไปที่ เซน่า แทน
ในเสี้ยววินาที ชี้เป็นตายของเธอ นั้นกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

“ Protection ”
สิ้นเสียง กำแพงแสงสีน้ำตาลใส ก็พุ่งขึ้นมาจาก พื้นเวที ปกป้องเธอและ เรกกะ จาก
กระสุนที่ ยูน่า ยิงมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ สร้างความตระหนก ให้แก่ ทุกคนอีกครั้ง
แทบจะทุกสายตาที่หยุดลงจ้องมองไปยัง กำแพงแสงที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้อง เรกกะ และ เซน่า

“ ก…กำแพงนั่น…นี่มันอะไร ”
ยูน่า เปรยด้วยความผวา ขณะที่ลดปืนลง

“ คิดว่าข้าคงจะต้องแนะนำให้พวกเจ้ารู้จักกันอีกครั้งหรือเปล่าล่ะ กับ องครักษ์ของข้า ”
เรกกะ กล่าวจบก็ ผายมือ ออกไปยังด้านล่างของ เวที ก่อนที่ เฟนท์ซึ่งสวมหน้ากากของ
บุรุษที่ถูกกล่าวขานว่าเป็น Dragoon  จะเดิน แทรกฝูงชนขึ้นมา นั่งย่อเข่าทำความเคารพ

 ต่อหน้า เรกกะ ต่อหน้าบรรดาฝูงชนที่มองดูเหตุการณ์ณืด้วยความตกตะลึง ที่เกิดขึ้น
ครั้งแล้วครั้งเล่า  หลังจากที่ย่อเข่าลงทำความเคารพแสดงให้ ผู้คนเห็นในสิ่งที่ไม่อยากเชื่อ

แล้ว เฟนท์  จึงถอดหน้ากากออก บรรดาฝูงชนรอบๆก็ต้องตกใจ กันอีกครั้ง ไม่มีเสียง
ใดอาจแว่วจากปากของทุกคนได้

“ องครักษ์ ของเรา เฟนท์ นีโอเวล ”
เรกกะ เปรยเสียงเรียบ ขณะที่ เฟนท์ ถอดถุงมือสีดำของชุดออก
เผยให้เห็น สนับมือสีดำที่เค้าสวมไว้ใต้ ถุงมือ


“ เอาล่ะ…เริ่มกันเลย ทาลิคนัส (Thalignus, Arimathea’s Dragoon of Thaliwilya) ”
เรกกะ เปรยขึ้นด้วยเสียงอันแผ่วเบา ขณะที่หลับตาลงก่อน จะล้วงหยิบเอาไพ่ ที่มีหลังไพ่สีดำ
และหน้าไพ่เป็นสีขาวขึ้นมา และอีกครั้งเมื่อเค้า เบิกตา ขึ้นดวงตาซ้ายของเค้า ซึ่งมีศิลาฝังเอาไว้

ก็เรืองแสงสีแดงขึ้น ทันทีที่ เค้านำเอาหน้าไพ่สีขาว ไปส่องกับแสงที่เรืองออกมาจากตาซ้ายของเค้า
หน้าไพ่ก็ปรากฏภาพของ สัญลักษณ์แห่งธาตุไฟ ขึ้นมา เค้า ชักแขนเสื้อข้างขวา

ขึ้น ซึ่งที่ข้อมือขวาใต้แขนเสื้อนั้น มีสายคาดข้อมือที่มีจานใสขนาดเล็กที่ติดอยู่ที่กลาง
สายคาดแลดูคล้ายนาฬิกาข้อมือ ทันทีที่ เค้านำเอาหน้าไพ่ ในมือไปวางคว่ำลงที่

หน้าปัดจานนั้น ก็มีแสงส่องออกมาจากหน้าปัด ของสายคาด ก่อนที่มันจะตรึงเอาไพ่ให้
ลอยอยู่เหนือมันราวกับว่า แสงนั้น กลายเป็นขาตั้งให้กับไพ่

“ Blaze Form ”
เสียงดังกังวานขึ้นจากสายคาด นั้น ก่อนที่เรกกะ จะกดไพ่ลงไปจนติดกับ
หน้าปัดของสายคาด

“ Regeneration ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่จะเกิดแสงสว่างสีแดงเจิดจ้า ขึ้นและปรากฏร่างของ อัศวินมังกรสีแดงเพลิง
ขึ้นมาแทนร่างของ เรกกะ

“ โอเระ ทันโจว! มันแปลว่าพระเอกมาแล้ว  ”
เรกกะ ที่กลายเป็นอัศวินมังกร ทาลิคนัสแห่งอาริมาเทีย หนึ่งในภาคอวตารแห่งอัศวินมังกร ทาลิวิลย่า
เอ่ยขึ้นพร้อมกับ วาดมือไปมา ทว่า ไม่มีใครในเหตุการณ์ณืนั้นสังเกตว่าเค้ากำลังทำอะไรอยู่หรอก



“ อ้าวไหงไม่มีคนสนใจเลยล่ะ.. ”
ทาลิคนัส เปรยขึ้นอย่าง งงๆขณะที่ ยืนเกาหัวด้วยความงง อยู่นั้นเอง เฟนท์ ลากเค้า กับ เซน่า บินขึ้น
ท้องฟ้าไปทันที

“ ยังจะมัวมาเล่นอีกนะ เรกกะ รีบไปเร็วเข้าเดี๋ยวก็ได้โดนเก็บอยู่นี่กันพอดี ”
เฟนท์ สบถ ก่อนจะ เหวี่ยงให้ ทาลิคนัส บินขึ้นก่อนแล้วจึง
ส่งตัว เซน่า ให้เค้าพาหนีไปโดยตัวเองจะคอยระวังหลังให้

“ โทษนะ ทาลิคนัส ขอผมควบคุมร่างกายเองเถอะ ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้นในจิตใจของ ทาลิคนัส ขณะที่ ทาลิคนัส ยังมีทีท่า งงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่

“ เอาก็เอา เรกกะ นายจัดการไปละกัน วุ่นๆแบบนี้ ไคลแมกซ์ไม่ออกแล้วล่ะ ”
ทาลิคนัส เปรยด้วยท่าทีเซ็ง ๆก่อนที่  ท่าทางของ เค้าจะเปลี่ยนกลับไปสุขุมเช่นเดิม

“ ร…เรกกะ…ค..คราวนี้เป็น เรกกะ จริงๆใช่ไหม ”
เซน่า กล่าวถามด้วยความสงสัย กับบุคลิคที่เปลี่ยนไปมาของเค้า

“ ครับพี่…ผมมารับ พี่แล้วครับ ”
เสียงของ ทาลิคนัส กลับคืนเป็นเสียงของ เรกกะ อีกครั้งก่อนที่ เค้ากับ เฟนท์
จะบินออกหายลับไป ทิ้งให้ยูน่า ยืนกระทืบเท้าด้วยอย่างหัวเสียที่ถูกฉีกหน้า
จนงานพิธีป่นปี้ไปหมด


“ ไซเบอร์ทิก้า ดราก้อน ออกยานไป ”
เสียงของ มาธิอัส ดังขึ้นในห้องบังคับยาน ที่ด้านนอกกระจกยาน ค่อยๆเลื่อนขึ้นสู่ผิวน้ำ
 โดยในห้องมี R2 นั่งไขว่ห้างมองเหตุการณ์ ต่างๆที่เกิดขึ้นในงานพิธี ที่ เมกกะโทโปลิส ผ่านจอ
มอนิเตอร์ในห้อง

“ วุ่นวายกันไปหมดเลยนะเนี่ย.. ”
R2 เปรยอย่างไม่ใส่ใจอะไร ขณะที่ตอนนี้ ยานของพวกเธฮ ได้โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาแล้ว
 ตัวยานมีรูปร่างลักษณะ คล้ายกับมังกร ปีกยานนั้นใสเหมือนกับ ปีกแมลง
มันคือยาน ไซเบอทิก้า ดราก้อน (Cybertica Dragon)

 

ขณะที่ยานขึ้นมาจากผิวน้ำ และลอยลำ ขึ้นสู่ อากาศ ก็เปิดประตูทางเข้าใต้ยานออก
ซึ่งจังหวะพอดี กับที่ ทาลิคนัส เซน่า และ เฟนท์ มาถึงพอดี ทั้งหมดจึงหลบหายเข้าไปในยาน
ก่อนที่ มันจะดำกลับลงไปในทะเล อีกครั้ง

...................
...........................

“ เรกกะ....ทำไม....ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ...พาพี่กลับไปเดี๋ยวนี้นะ ถ้าปล่อยเอาไว้ล่ะก็สงครามจะ.... ”
“ แล้วถ้ากลับไป พี่จะทำยังไงต่อล่ะ ”
สองพี่น้อง เรกกะ กับ เซน่า กำลังถกเถียงกัน โดยฝ่ายเซน่า พยายามจะขอให้ เรกกะ
 ส่งตัวเธอกลับไปเพื่อไม่ให้ งานพิธีล่มจนเกิดเป็นข้อพิพาท ขึ้นอย่างที่เธอกลัว
แต่เมื่อ เรกกะ ย้อนถามกลับมาเธอก็อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบเช่นไร

“ ถึงกลับไป ก็จะต้องเป็นเหมือนเดิมอีก ยังไงก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงสงครามที่จะเกิดขึ้นได้อีกแล้ว ”
เรกกะ กล่าวซึ่ง เซน่า ที่ได้ฟังก็ก้มหน้าด้วยความผิดหวัง เธอเข้าใจดีมาตลอดว่า ไม่มีทางที่เธอจะ
หลีกหนีไปจากสงครามได้ ไม่ว่าจะวิธีใด เพราะสงครามมันได้เริ่มขึ้นมาตั้งนานแล้ว
เพียงแต่ เธอพยายามที่จะเลี่ยงและคิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น

“ แล้ว...ถ้ายังงั้นน้องมีวิธีที่จะแก้ไขเรื่องราวพวกนี้งั้นเหรอ... ”
เซน่า ย้อนถามกลับไปบ้าง แต่ เรกกะ กลับส่ายหน้าก่อนจะตอบขึ้นว่า

“ ไม่เลย...ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี...แต่ในเมื่อเราหาทางเลี่ยงสงครามไม่ได้ ก็มีแต่ต้อง
จบมันให้เร็วที่สุดไม่ใช่หรือครับ ”
เรกกะ ตอบ คำตอบของเค้าทำให้ เซน่า เกิดสนใจขึ้นมา ขณะที่ เรกกะ ก็ยื่นมือส่งออกไปให้เธอ

“ เพราะงั้นเรามาร่วมกันหาคำตอบและหนทางแก้ไข ไปพร้อมๆกันก็ได้นี่ครับ
จนกว่าพี่จะค้นหาคำตอบให้กับใจตัวเองแล้วก็หนทางแก้ไขเรื่องนี้ด้วย ”
เรกกะ กล่าวคำพูดของเค้า ทำให้เธอแปลกใจไปบ้าง

“ พี่เองก็คงลำบากใจสินะครับ ที่ต้องแบกรับภาระเหล่านั้นไว้ ผมเองที่ไม่ได้อยู่ดูแลพี่ให้ดีกว่านี้
แต่จากนี้ไปเราจะมาหาทางแก้ไขในสิ่งนั้นร่วมกันนะครับพี่ ”

เรกกะ กล่าวจบดวงตาของ เซน่า ก็เริ่มสั่นระเรื่อ ริมฝีปากสั่นเครือเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะ เข้าไปซบน้ำตากับ
อกของ เรกกะ พร้อมกับเปล่งเสียงร้องไห้ ที่ระบายเอาความทุกข์ใจจากการแบกภาระของอาณาจักร
และความซาบซึ้งที่ได้พบกับ น้องชายที่คิดว่าจะไม่มีวันได้พบกันอีกแล้ว ออกมาจนหมด

“ พี่ครับ.... ”
เรกกะ เปรย ขณะที่ยกแขนขึ้นโอบไหล่พี่สาวของตนไว้ โดยมี สายตาโล่งใจ
จาก เฟนท์ ที่ตามมากับเค้า และมาธิอัส กับ R2 คอยดูอยู่ห่างๆ


........................
...............................

To be continue
Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #7 on: June 13, 2009, 03:18:13 PM »

อยากให้เรื่องมันจบโดยที่ทุกคนรู้ความจริงทั้งหมด เจ้าเรกกะจะได้กลับมาอยู่ในโลกได้ซะที ตอนจบภาคก่อนเศร้ามากเลยอะ
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #8 on: June 13, 2009, 08:48:07 PM »


Quote
อยากให้เรื่องมันจบโดยที่ทุกคนรู้ความจริงทั้งหมด เจ้าเรกกะจะได้กลับมาอยู่ในโลกได้ซะที ตอนจบภาคก่อนเศร้ามากเลยอะ


 +1 เห็นด้วยอีกคน อยากให้ ทุกคนได้เข้าใจว่า เรกกะ ปราถนาในความสงบสุข ทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อทุกคน
แต่อ่านบทนี้แล้วรู้สึก ได้เลยว่า คติสอนใจของภาคที่แล้วมันวูบขึ้นมาเลยค่ะ

Quote
เพราะไม่อาจสมดังปรารถนาได้ทั้งหมด มนุษย์จึงต้องขวนขวายอนาคต
นั่นคือคำตอบที่ เวลา ไม่อาจหยุดเดินลงได้


เซน่า ไม่สามารถปราถนาที่จะให้ สงครามไม่สามารถเกิดขึ้น ได้แต่เธอก็จะทอดทิ้งผู้คนของตัวเองไม่ได้เช่นกัน
ดังนั้น เรกกะ จึงกลับมาเพื่อช่วยเธอ เพื่อพาเธอไปยังอนาคต ที่จะทำให้ ความปราถนาของเธอ เป็นจริงได้

รอบนี้ขอเอาใจช่วย ให้ เรกกะ คุงกับเซน่า จังทำให้สำเร็จนะค้าาาา จะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน

ว่าแต่ เรกกะ ไม่แก่ขึ้นเลย เฟนท์ด้วย

แล้ว โยไรคุง กะ ยารุยคุง ทำไม่ตอนนี้ไม่มีบทเลยเนี้ย ขอล่ะค่า
 อย่าเผางานแบบ GSD เลยนะคะ แบบให้หนูชินโดนพี่เทพ คิระ แย่งบทไปอ่า



Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #9 on: June 13, 2009, 11:14:36 PM »

    เรกกะไม่ตายๆ 
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #10 on: June 14, 2009, 03:40:32 AM »

เกรม่อนคุง เจ็ว่าเราเลิกเขียนเรื่องนี้กันดีมะ เริ่มรู้สึกว่ามุขมันตันๆยังไงไม่รู้แฮะ พอ เจ้าเรกกะ ออกมา
แล้วจะเป็นยังไงต่อไปดีเนี่ย


อะ5555 ล้อเล่นจ้า ล้อเล่น ยังไม่หยุดเขียนหรอกจ้า เพียงแต่ เจ้าเกรม่อน มันเล่าตอนจบที่
เคยร่างเอาไว้ในภาคนี้แล้วล้มเลิกไปให้ฟังมาครั้งหนึ่ง แล้วพอมาดูกระแส คนอ่านช่วยกันเชีย

พระเอกผู้น่าสงสารที่เรียกคะแนนน้ำตาในภาคที่แล้วให้ กลับมามีชีวิตที่ดีขึ้นได้
แล้วมันช่างตรงกันข้ามกับตอนจบที่ เจ้าเกรม่อนคุง เคยร่างเอาไว้ตอนแรกมาก

ว่าแล้วเจ็ ก็จะเล่าล่ะ แต่บอกก่อนนะว่าตอนจบนี้จะไม่ได้เอามาใช้จริงๆแน่นอน

เนื้อหาจริงๆของภาคนี้มันเป็นเรื่องของป้า R2 อ่ะนะ เรื่องของเรื่องในตอนจบ ยังจำ เดรค ได้มั้ยเอ่ย
 ภาคที่แล้วเราพูดถึงเขาในฐานะแฟนเก่าป้า ภาคนี้เค้ากลับมาพร้อมกับ อวตารพระจิตชั่วร้ายของ

 พระเจ้า(ตัวร้ายภาคแรกก็มาเรอะ) แน่นอนมันเป็นศึกชิงนาง(เรอะ) ดีๆนี่เอง เพียงแต่ เรกกะ แพ้ เดรค
เพราะเหลือแต่ร่างของ พวกทาลิสาย บั่นทอนปัญญา อย่างพวก ทาลิคนัส แค่6 ร่างเท่านั้นไม่มี

 Royal From ที่พระเอกทุกภาคมันจะต้องมีกัน ไปสู้ในขณะที่ เดรค มันใช้ ร่าง Royal ที่ว่านั่นล่ะ
หรือก็คือร่างของ ทาลิวิลย่า ซอง M1 แต่ร่างเป็นสีดำ แน่นอน เรกกะ ของเราไม่ตายอนาถแต่ตายอย่างเท่ห์ มากกกก

นั่นคือเอาตัวเข้าไปกันลำแสงมังกรที่ทาลิวิลย่าทุกตัวมันต้องมี ของเจ้าเดรค ที่ยิงไปที่ยาน ไซเบอริก้า ที่ป้า นั่งอยู่
ผลคือ ร่างของ เรกกะ แหลกสลายเป็นผงเจ้าค่ะ(เศร้า)

นอกจากนี้ เดรค ยังยิง ลำแสงมังกร ไปที่ยานหลบหนีที่ นางเอกตัวจริงของเรา
(ยังไม่ได้คิดชื่อ เอ่อ ลืมบอกไป ไอริ จังไม่ใช่นางเอกนะ) แน่ล่ะด้วยดีกรีพระเอก โยไรคุงกัน ลูกแรกทัน ฮ่ะ

แต่ตอนที่ส่งยิ้มหวานกันแบบโล่งใจว่ารอด พี่ เดรค แกยิงซ้ำมาอีกลูกที่นี้ โยไร ไม่ทันเข้าไปกันให้ หรอก
ยานแหลกพร้อม นางเอกไปเลย ที่นี้ โยไรคุงของ เราก็โกรธสิคะ สู้แบบลืมเป็นลืมตายเลย แต่แน่นอน

เดรค เป็นอัศวินทาลิวิลย่า ต้นกำเนิด ตัวจริง แล้วของเลียนแบบที่ได้แค่ เกราะเกล็ดมังกรเป็น
 รูปทาลิวิลย่า มันจะไปสู้

อัศวินครึ่งมังกรตัวจริงได้เรอะ ผล โล่กะดาบของ โยไรคุง กระเด็นไปหมด แม้แต่ปืนบีม
ที่ถนัดใช้ที่สุดก็โดนทำลาย เหลือแต่ปีกให้ใช้สู้ฮ่ะ

แต่ตอนนี้ล่ะ พระรองอย่าง ยารุย คุงจะเข้ามาช่วย(หลังจากทะเลาะกัน
เพราะต่างฝ่ายต่างรู้กันแล้วว่า เป็นศัตรูของกันและกัน)

ยารุยเข้ามาช่วย พร้อมกันรุม เดรค ฮ่ะ ผลคือ เดรคโดน โยไรคุงใช้
ท่าพิฆาต เอามันทั้ง ปีกที่กลายเป็นลำแสงมังกร 6 สายกับ ลำแสงบีมที่ ยารุยคุงเอาปืนบีมของตัวเองให้ โยไร ใช้

ยิงทะลวงไปพร้อมกันทีเดียว 7 สายโดนเต็มๆไม่ตายก็ไม่รู้จะเรียกยังไงแล้ว
ส่วนพระเจ้าน่ะเรอะ เฮอะ ลอว์เรนซ์คุง ก็ไปรับค่ะ แล้วมันก็ตายอนาถ
 เพราะเจอร่าง โปรโม ทาลิ ใช้ดาบคำอธิษฐาน(ซันคันโต) ผ่าดับสิ้นไปอีกรอบ

งานนี้ ป้า R2 ของเรา เสียทั้งแฟนเก่าแฟนใหม่ไปพร้อมกันเลยฮ่ะ
แล้วเรื่องราวก็จบลงตรงที่ เซน่า กลับไปปกครอง เมกกะโทโปลิส ต่อส่วน
โครโน่ ได้เป็นประธาน อาณานิคม ที่ยึดมาจากศัตรู แล้วก็ร่วมมือกับ เซน่า ควบคุมไม่ให้เกิดสงครามขึ้นมาอีก

แล้วก็ถ้าถามว่า เฟนท์ จะเป็นยังบ้างน่ะเหรอ เพราะเรกกะ ที่เป็นปัญหากับ โลก ก็ตายไปจริงๆแล้ว ส่วน เฟนท์ล่ะ
ตายเหมือนกันค่ะงานนี้ รอบนี้ตายจริงๆด้วย ไม่ได้รอดปาฏิหารย์ เรียกพี่ เหมือนภาคที่แล้วอีกแล้วล่ะ

ลาโลกโดยสงบไป พร้อมกับลำแสงมังกรของ เดรค ตอนที่เข้าไปกันยานหลบหนีที่
 ไอ โดยสารอยู่กับ ไอริ (คนละลำกับที่ โยไร เข้าไปกันให้นะ)

และแล้ว คู่รักรันทดภาคที่แล้ว ก็รันทดต่อปายยยย แถมคราวนี้ ไอ เห็นจะๆ เลยด้วยว่า เฟนท์ ตายต่อหน้าต่อตา

 


นี่ดีนะ ที่เกรม่อนคุงจะไม่เขียนแบบนี้จริงๆ ไม่งั้นเศร้าตายเลย ภาคที่แล้วก็เศร้าไปที
 ภาคนี้ยังจะจบแบบเศร้าอีกคงไม่ไหวล่ะ(ภาคที่แล้ว ตาแห้งเพราะร้องไห้ไปเยอะ)
 ตอนจบจริงๆของ ภาคนี้จะเป็นยังไงหนอ รอลุ้นกันต่อไปนะเจ้าค่าาาาา

ว่าแต่ไมมันไม่มีตัวอย่างตอนต่อไปหว่า 









Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #11 on: June 15, 2009, 06:47:37 PM »


ชิไค(ตอนต่อไป)

Tag 03 จตุรเทพ Dark Elite 4


บอกแค่นี้ล่ะ รอลุ้นนะเอ้อ ส่วน Signature ข้างล่างนี่ล้อเล่นนะคร้าบบบที่จริงกำลังทำ Sig ใหม่อยู่
ไม่ตัดจบหรอกจ้า ส่วนภาค D.N.A. รอภาคนี้ก่อนภาคนั้นจะตามไปต่อให้จบอีกที


ขอบอกก่อนนะเอ้อว่าตอนต่อไปได้อึ้งกับอึ้งแน่นอน เพราะนี่เป็นภาคส่งท้ายซีรี่ย์ทาลิวิลย่าอย่างแท้จริง
สรุปจะมีทั้งหมด ประมาณ 8 ตอนไม่เกินนี้ แต่อาจจะขาดตอนได้ 


ภาคแรก 12เทพขุนศึก  ภาคสอง 12 Valkyrier แล้วภาค 4 นี้ล่ะ เป็นจตุรเทพแทน เหอๆจากข่าวที่เจ้าการุรุม่อน
เอามาปล่อยคงรู้แล้วสินะว่าพระเจ้าของเราจะกลับมาด้วยในภาคนี้ แต่ตอนจบไม่ใช่แบบที่มันเล่าแน่นอนครับ
รับประกันเลยว่าจบดีไม่อิงการ์ตูน(เหมือนภาคสอง) แต่จะเรียกน้ำตากันอีกหรือไม่ต้องลุ้นกันต่อไป






Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #12 on: June 15, 2009, 06:47:52 PM »

ถ้าตอนจบมันเป็นงั้นจริงๆนี่.....อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก

ว่าเเล้วก็กลับไปเเต่งของตัวเองต่อ วันนี้ตอนสามเสร็จเเน่นอน

กลับมาดู รู้สึกว่เกรม่อนจะเชี่ยวชาญการนำการ์ตูนมายำในนิยายตัวเองเเหะ ภาคอาริมาเทียมี โค้ดกีอัส ภาควีอาร์มีเนกิ (มั้ง โคทาโร่ไง) เเถมรู้สึกจะมีร็อคเเมนเอ็กเซ่อีก ภาคนี้ ท่านเอาสี่จตุรเทพจากโปเกม่อนมาใช้อีก เหอๆๆๆๆ
« Last Edit: June 15, 2009, 06:50:38 PM by Celestial sky light » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #13 on: June 15, 2009, 06:58:59 PM »

Quote
กลับมาดู รู้สึกว่เกรม่อนจะเชี่ยวชาญการนำการ์ตูนมายำในนิยายตัวเองเเหะ ภาคอาริมาเทียมี โค้ดกีอัส ภาควีอาร์มีเนกิ (มั้ง โคทาโร่ไง) เเถมรู้สึกจะมีร็อคเเมนเอ็กเซ่อีก ภาคนี้ ท่านเอาสี่จตุรเทพจากโปเกม่อนมาใช้อีก เหอๆๆๆๆ


จตุรเทพน่ะชื่อกลุ่มเอามาจากโปเกม่อน Ruby Sapphlie Emerald แต่แผลงจาก Elite 4 เป็น Dark Elite 4
แทนขอร้าบ ยอมรับเลยว่านี่คือความสามารถพิเศษของทีมงานเราจริงๆที่นำทุกเรื่องมายำให้ลงตัว(เรอะ)

ได้อย่างแนบเนียน(แต่คนอ่านเค้ารู้กันแล้วล่ะ) ที่จริงภาคอาริมาเทียก็มีโปเกม่อนด้วยนา
ลองเปรียบเทียบ นิลคาบานอร์กับทาราสควีย์สิมันเหมือนกับอะไรหนอ

ตัวหนึ่งเป็นธาตุไฟที่จะเพิ่มขยายแผ่นดิน อีกตัวคือธาตุน้ำที่ จะเพิ่มขยายทะเล แถมยังมีชื่อหอคอยของ สภาโลกสูงสุดอีก คุๆๆๆ
คงเดาออกนะ

ส่วนใครจะมาเป็น 4 จตุรเทพนั้นรอต่อปาย แต่ขอบอกเลยว่า คนที่เคยอ่านทาลิภาคเบสิกมาก่อนจะร้อง
อ๋อแล้วก็อึ้งไปเลยล่ะว่ามาไงล่ะนั่น เพราะภาคอาริมาเทียคราวก่อนตัวละครเหล่านี้บทน้อยมาก
แต่ภาคนี้พวกเค้าจะมาโชว์เทพ คร้าบบ

คุณ boy คงรู้แล้วสินะว่าเป็นใครน่ะอิๆๆ
« Last Edit: June 15, 2009, 07:11:20 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #14 on: June 18, 2009, 11:47:38 PM »

วันนี้ยังไม่มีอะไรดอก นอกจากข้าน้อยจะมาขอระบายความในใจเนื่องจากเจอกับปัญหา
ที่ข้าน้อยไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตนเอง มันเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้าน้อยเลย

นั่นคือ!!!!















มีคนมาชอบผม คร้าบบบบบ!!!


  หนักใจนะเนี่ย ปกติ ข้อย(ย่อมาจากข้า+น้อย) โรงเรียนเก่าข้อย
เป็นโรงเรียนชายล้วน แต่พอย้ายมาอยู่มหาลัย แล้วมันเป็นสหปนๆกัน

ก็ไม่เคยนึกหรอกนะว่า หน้าตาอย่างตัวเองจะมีหญิงมาชอบได้
ปกติเขียนนิยายห็ชอบแนวให้นางเอกหรือคู่ของพระรอง เป็นฝ่ายรุกซะมากกว่า

อยู่หรอกเพราะมันดูสนุกดี แต่พอมาเจอกับตัวเองเข้า เริ่มรู้สึกสนุกไม่ออกละ
เพราะปกติตัวเองจะอยู่วงนอกตลอด ไม่ว่าเค้าจะไปลงเอยกันยังไงเราไม่ได้ไม่เสียอยู่แล้ว
แต่คราวนี้เรื่องมันเข้าที่ตัวเราเต็มๆเลย


อ๊ากนี่ข้อยจะทำยังไงดีเนี่ย เริ่มเข้าใจความรู้สึกของพวกนายแล้วล่ะ เฟนท์คุง โยไร คุง T_T
ช่วงนี้เลยเริ่มเขียนอะไรหวานๆไม่ออก แล้วนี่ชะตาข้าน้อยควรทำเช่นไรต่อไปดีเนี่ย

เรื่องๆของเรื่องคือ ข้อยเองก็ไม่ได้ว่ารังเกียจอะไรอีกฝ่ายเค้าหรอกนะ แต่ข้อยยังไม่พร้อม
กับเรื่องแบบนี้ เลยเริ่มกลุ้มใจ ทำอย่งไร ชีวิตข้อยถึงจะไม่จบออกมาแบบในนิยายตัวเอง

ที่จริงเรื่องมันยังไม่น่ากลุ้มเท่า ถ้าเพื่อนข้อยมันดันไม่ได้แอบชอบ คนที่มาชอบข้อยน่ะสิ
นี่ข้อยตกบ่วงรักสามเส้าแล้วเหรอเนี่ย(พึ่งรู้ตัว )


จากนี้มันจะเป็นยังไงต่อหนอ จะปฏิเสธเค้าก็กลัวเสียมารยาท จะเป็นศัตรูหัวใจของเพื่อนมัน
ก็ไม่ดี รือสุดท้ายเรื่องของข้อยจะต้องจบแบบในนิยายตัวเองด้วยอ๊ะเปล่าเนี่ย ซวยแล้วเขียน
ให้แต่ล่ะตัวจบไม่ค่อยสวยด้วย กรรมตามสนองแล้วสินะงานนี้

สภาพตอนนี้ตัวเองรู้สึกเหมือนเป็น โยไร ที่ถูกไอ ตามจีบ แล้วกำลังโดน เฟนท์ จ้องจะไล่เก็บ
ขอล่ะอย่าให้เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้เลย

ว่าแล้วก็ขอเขียนตัวอย่างจินตการของข้าน้อยที่เลยเถิดโน้น

สมมติให้ข้อยเป็น โยไร คนที่แอบชอบข้อยเป็น ไอ แล้ว
เพื่อนข้อยเป็นเฟนท์(นิสัยมันคล้ายกับ เฟนท์น่ะเลยเอาเป็นตัวนี้แหละ)

หลังจากที่เรื่องราวดำเนินไปได้เรื่อยๆก็มาถึงจุดตกหัก


เฟนท์:" โยไร วันนี้ฉันจะมาตัดสินกับนายว่าใครที่เหมาะสมกับไอกันแน่ระหว่างชั้นกับนาย "

โยไร:" ด...เดี๋ยวสิ เฟนท์ ผมไม่อยากจะสู้กับนายหรอกนะ "

เฟนท์:" ถ้างั้นก็ถอนตัวจาก ไอ ไปซะ "

โยไร:" ผมก็บอกแล้วไงว่าผม กับ ไอ ไม่ได้มีอะไรกันจริงๆเราเป็นแค่เพื่อน.. "

เฟนท์:" ไม่ต้องมาพูดเลย...ที่ผ่านมา...ที่ผ่านมา ไอ ไม่เคยแม้แต่จะมองฉันเลยในสายตา
ของเธอมีแต่นาย ..มีแต่นายเพียงคนเดียวเท่านั้น....เพราะงั้นสำหรับชั้นมันจึงเหลือเพียงวิธีนี้เท่านั้น
ลบนายออกไปจากสายตาของเธอซะ "

โยไร:" ท...ทำไมกัน เฟนท์ ผมไม่อยากจะมาทะเลาพด้วยเรื่องแบบนี้เลยนะ... "

เฟนท์:" หุบปากของนายซะ "/Geo Jevalin Hyper !!!!!/

โยไร:" พูดกันไม่รู้เรื่องเลยรึไงนะ...เฮงชิน "/Yang Cross F....F...Fredom/

แล้วก็บินหลบลำแสงหอกที่ เฟนท์ ขว้างมา

โยไร:" เฟนท์ ฟังผมก่อนสิ...เรื่องนี้นน่ะเรามาตกลงกัน... "

เฟนท์:" เลือกเอาอยากจะฝ่ายฉันถูกลบหรือจะเป็นฝ่ายลบฉัน "

โยไร:" ถ้าพูดไม่รู้ฟังผมก็อยู่เฉยไม่ได้เหมือนกัน " /Strike Vent Great of Dragon/

เฟนท์:" อ๊าคคคคค "

แล้ว เฟนท์ ก็ร่วงไปเสร็จสรรพ

เฟนท์:" หึ...รออะไรอยู่ล่ะ รีบๆจัด...การ..ฉันซะ..สิ "

โยไร:" เฟนท์....ไม่ล่ะผมไม่ทำแบบนั้นหรอก...เฟนท์ นายเป็นเพื่อนของ ผมนะจะให้ผม
 ไปฆ่าเพื่อนได้..ยัง..ไง อัก "

/Geo Javelin/

โดยเอาหอกเสียบทะลุอก

เฟนท์:" ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าให้ตัดสินใจ..ให้...เด็ด...ขาด "

โยไร:" ฟ...เฟนท์..อุบ "

โดนเพื่อนรักฆ่าเพราะความหึง
 


หวังว่า ชีวิตข้อยคงจะไม่จบเช่นนี้นะ

จะทำยังไง...จะทำยังไงดี!!!!


ปล. เขียนอิงจากความเป็นจริงด้วยประการ(เกือบจะ)ทั้งปวง

ช่วยข้อยด้วย ข้อยยังไม่อยากตาย!!!!














Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #15 on: June 19, 2009, 12:16:33 AM »

แว้ก เป็นความจริงเรอะ เจ้าเกรม่อนตกบ่วงรักสามเส้า นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ย
แล้วเรื่องเป็นไงมาไง พรุ่งนี้ โทรมาคุยให้เคลียทีอยากรู้มั่กๆ  (ว่าไปนั่น เพื่อนกลุ้มใจตัวเองดันดีใจยังกะได้ลูก)

ใจเย็นๆก่อนนะเกรม่อนคุง เดี๊ยนเชื่อว่า รักสามเส้าของเกรม่อนคุงจะต้องไม่จบเช่นนั้นแน่นอน
 


แต่รับรองว่าตายอนาถ กว่าที่เห็นนั่นแน่ เหอๆ 

ชีวิตแกนี่ยังกะนิยายรักน้ำเน่าเลยนะ
เอาเป็นว่าเชื่อเถอะรับรองว่าที่แกว่ามานั่นน่ะ แกคิดมากไปเองม้างงงง
ผู้หญิงเค้าอาจจะไม่ได้ชอบแกจริงๆก็ได้ แต่อาจจะแค่อยากแกล้งแกเล่นล่ะมั้ง

ไม่ก็ใช้แกเป็นเครื่องมือให้เพื่อนแกเค้าออกอาการหึงหวงเพราะเค้าอยากรู้ว่าเพื่อนแกรักเค้าจริงเปล่า
แกก็คอยกันท่าตัวเองดีๆล่ะ อย่าเผลอไปมีใจให้เค้าก็แล้วกันไม่งั้นล่ะทีนี้ได้ตกบ่วงรักสามเส้าจริงๆแน่

แล้วรับรองว่าแกตายอนาถกว่าในนิยายชัวร์ เชื่อเดี๊ยนเถอะ แกมีประสบการณ์จาก
การศึกษาเรื่องพวกนี้มาอยู่แล้ว แค่แกไม่เผลอเรอ รับรองว่าแกแก้ปัญหาได้แน่ เชื่อเจ๊เถอะ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #16 on: June 19, 2009, 07:20:45 PM »

Tag 03 จตุรเทพ Dark Elite 4



/Advent Beam Gun Arm/
สิ้นเสียงที่ก้องกังวานขึ้นท่ามกลางถนนในราตรีนี้ พร้อมกับลำแสงที่พุ่งเข้าทะลวงร่างของ เหล่า
อาร์ท อาคูม่า จำนวนนับสิบจนระเบิดแตกสลายไปตัวแล้วตัวเล่า

“ ชิ..ทำไมช่วงนี้ถึงได้ออกมากันเยอะนักนะ ”
โยไร สบถขณะที่ตอนนี้เค้าอยู่ในร่างของ Freedom ทาลิวิย่า และยังคงรัวยิงปืนลำแสง
ในมือ ออกไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวงล้อมของเหล่า อาร์ทอาคูม่า ค่อยๆลดจำนวนลงไปเรื่อยๆ
แต่พวกมันก็ยังมีกันอยู่มากมายเกินกว่าที่เค้า จะกำจัดหมดได้

“ คงต้องใช้  Strike Vent แล้วสินะ หวังว่าพวกมันคงออกมากันหมดแล้ว
ไม่ยังงั้นล่ะก็ตอนที่คืนร่างกลับเพราะใช้พลังหมดไปกับ Strike Vent เราคงลำบากแน่ ”
โยไร คิดขณะที่กำลังตัดสินใจนั้น ทัพของ อาร์ทอาคูม่า ที่โผล่ออกมากันนับร้อย ก็แห่กรูเข้า
มาหาเค้าพร้อมๆกัน

โยไร บินหลบขึ้นไปได้ทัน ก่อนจะเอามือกดลงไปที่แผ่นกระจกที่ติดอยู่ที่เข็มขัดแล้วงัดให้กระจก
อีกด้านที่เป็นหน้าสีดำขึ้นมาแทน

/Strike Vent Great of Dragon/
สิ้นเสียง ปีกสีขาวทั้งสองข้างที่กางอยู่บนหลังของ โยไร ก็พุ่งออกมาเป็นลำแสงมังกร 6 สาย
บินฉวัดเฉวียน ไปรอบๆ ทันทีที่เค้าสะบัดมือ ออกไปข้างหน้าลำแสงทั้งหกสายก็พุ่งลงไปทะลวงร่างของ
 เหล่าอาร์ทอาคูม่า ทั้งหมดจนแตกสลายไปทีละตัวๆ จนหมดสิ้นทุกตัวในที่สุด

ทันทีที่โยไร เห็นว่า อาร์ทอาคูม่า ทั้งหมดถูกจัดการหมดแล้ว เค้าจึงค่อยๆโรยตัวลงสู่พื้นเบื้องล่างขณะที่ ลำแสงมังกรทั้ง6สาย ก็วกกลับมารวมกันเป็นปีกให้เค้า และทันทีที่เท้าของเค้าสัมผัสพื้น ร่างของ Freedom ก็แตกสลายไป
และกลับคืนร่างเป็นเค้าดังเดิม

“ ช่วงนี้ อาคูม่า ออกมาเยอะกว่าปกติอีกแหะ ตั้งแต่เหตุการณ์ที่คุณ เรกกะ
ปรากฏตัวออกมาที่พิธีอภิเษกของ ราชินีเซน่า ที่โลกอส นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้วแต่
คุณ R2 ก็ยังไม่ยอมเล่าอะไรให้เราฟังเลย เรื่องนี้จะเกี่ยวกับการที่อาคูม่า ออกมามากขึ้นใน
ช่วงนี้ด้วยรึเปล่านะ ”

โยไร คิดก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ด้วยความรู้สึกสับสนที่มีอยู่เต็มอกในตอนนี้
ก่อนจะสาวเท้าเดินกลับไปตามถนน โดยที่เค้าไม่รู้ตัวเลยว่า มีเงาของใครบางคนกำลังจับตาดูเค้าอยู่เหนือ
อาคาร ระฟ้า ที่ไม่ไกลออกไปนัก

“ เจอแล้ว...ผู้ถูกเลือกคนใหม่..จะเอาไงต่อไปดีล่ะ ”
เสียงที่ฟังดูแหลมสูงแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของ มารยาหญิง ดังขึ้น
จากเงาที่จับตาดู โยไร

“ ไม่เห็นต้องถามเลยนี่ พี่ นีน่า ก็จัดการมันซะเลยสิ ”
เสียงที่ฟังดูทะเยอทะยาน ดังขึ้นพร้อมกับร่างของ เด็กหนุ่มผมสีเงิน ที่มีหูและหางดั่งสุนัขป่า
ที่ช่วงแขนทั้งสองข้างของเด็กหนุ่ม มีอักขระสลักเอาไว้ เค้าสวมเพียงกางเกงผ้าขายาวสีขาวและรองเท้า
ผ้าใบสีดำเท่านั้น



“ ใจเย็นหน่อยเถอะ ลากูน่า พลังของผู้ถูกเลือกน่ะ ไม่ได้กระจอกนักหรอกนะ ”
อีกเสียงที่ฟังดูลุ่มลึก และชวนให้ค้นหา ดังขึ้น ก่อน เด็กหนุ่มอีกคนผู้มีผมสีแดง
และหูเล็กๆสีส้มที่ยื่นออกมา กับหางเป็นพวงแบบ พังพอน สวมเสื้อกล้ามสีดำและกางเกง

ขายาวเนื้อผ้าสีเนื้อ รองเท้าผ้าใบสีขาว ในมือของเค้า ถือเอามีดเล่มเล็กสีน้ำเงินอ่อน
 มาด้วยเล่มหนึ่ง



“ อ๊ะงั้นหรอกเหรอเข้าใจแล้ว ครับผมจะยังไม่รีบตอนนี้ตามที่ พี่ริคุ บอกก็แล้วกัน ”
ลากูน่าเด็กหนุ่มผู้มีผมสีเงินกล่าวตอบ อย่างเชื่อฟัง

“ ที่จริงเรื่องนี้ฉันว่า ให้ เจนัส เป็นคนตัดสินใจดีกว่านะ.. ”
เสียงของหญิงสาวคนแรกดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่เธอขยับก้าวเข้ามายังใต้แสงจันทร์
ที่สาดส่องลงมา ร่างของเธอจึงปรากฏขึ้นต่อสายตาของ พวกเค้า

เธอมีผมสีทองยาวสลวยและแน่นอน เธอเองก็เป็นสายพันธุ์เดียวกับพวกเค้า เธอเป็นพวกครึ่งสมิง
เธอมีหูและหางเยี่ยงแมวป่าสีดำ เธอสวมเสื้อแจ๊กเก็ต ขนมิ้น สีดำและกระโปรงสั้นรวมไปจนถึงถุงเท้า
 ก็เป็นสีดำทั้งหมด รองเท้าเป็นรองเท้าสายรัดส้นสีขาวตัดกับสีดำของถุงเท้า



“ ถ้าอย่างนั้น ฉัน ขอเสนอให้พวกเราไปจัดการมันพร้อมกับผู้ถูกเลือกอีกคนในวันพรุ่งนี้เลย
ตอนนี้เรารู้แล้วว่าตัวจริงของพวกมันเป็นใครใช่ไหม ”
อีกเสียงที่ฟังดูเย็นชาไร้ที่ติ และ ฟังดูน่าเกรงขามแฝงมาด้วยอำนาจ ที่แค่ฟังก็ราวกับ
ถูกพลังที่มองไม่เห็นบังคับให้เชื่อฟัง

ร่างของ เจ้าของเสียงค่อยก้าวเข้ามาใต้แสงจันทร์ ร่างของเด็กหนุ่ม ซึ่งมีผมสีดำ หูและหาง
เยี่ยงสุนัขป่าขนสีดำ ดวงตาคมกร้าวและเย็นชา สีหน้าไม่แสดงถึงความรู้สึกใดให้ปรากฏชัดเจน เค้าสวม

กางเขนขายาวเนื้อผ้าสีดำ และ รองเท้าผ้าใบสีแดง ที่ท่อนแขนทั้งสองช้างสวมปลอกแขนสีน้ำเงิน
ช่วงต้นแขนขวา บริเวณใกล้กับไหล่มีรอยสักสีแดง รูปร่างเหมือนปีกนก สลักอยู่



“ เจนัส!! ”
ทั้งสามคนที่อยู่ก่อนหน้านั้น ต่างอุทานขึ้นด้วยความคาดไม่ถึงต่อการมาของเค้า

“ ตกใจอะไรกัน นักหนาฉันสืบข้อมูลของทางผู้ถูกเลือกอีกคนเสร็จแล้วก็เลยตามรวม
ข้อมูลกับพวกนายเท่านั้นเอง ”
เจนัส ผู้เป็นเด็กหนุ่มผมสีดำที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของ ทั้งสามคน กล่าวขึ้น

“ งั้นเหรอ...นายนี่หาข้อมูลของศัตรูเก่งเหมือนก่อนไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ”
ริคุ กล่าวเหน็บเล่นๆขึ้น

“ หึ..ก็ถ้ามันไม่เก่งจริง ฉันจะทนลำบากหาข้อมูลพวกนี้มาทำไมล่ะ เอาเถอะยังไงซะถึงจะหามาได้
มันก็ไม่จำเป็นสำหรับฉันอยู่แล้วเพราะไม่ว่าจะรู้หรือไม่ฉันก็จะต้องกำจัดเป้าหมายให้สิ้นซากไป
ให้ได้อยู่แล้ว ”

เจนัส กล่าวอย่างเย็นใจ

“ แต่เพราะเป็นคำขอของ ลอว์เรนซ์ สินะที่อยากได้ข้อมูลของ ผู้ถูกเลือกกลุ่มใหม่น่ะ ”
นีน่า กล่าวตอบขึ้นมาขณะที่ เดินเข้ามาหาก่อนจะซบตัวลงไปบนอกของ เจนัส

“ ก็ประมาณนั้นล่ะแล้วเธอล่ะได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง ”
เจนัส เปรยเสียงหวานใส่กับเธอ ขณะที่ย้ายมือขึ้นไปเสยปอย
ผมของเธอเล่น แล้วจึงโอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมอก อย่างช้าๆ ขณะที่เธอก็ยินยอมให้เค้าทำ
แบบนั้นแต่โดยดี

“ ก็นะ โยไร อายุ 15 ปีส่วนสูง 165 ซ.ม. น้ำหนัก 60 กิโลกรัม
 เป็นนักเรียนของ St.Magnus Academy ระดับผลการเรียน อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี
ที่บ้านครอบครัวประกอบอาชีพร้านทำอาหารกล่อง ก็มีเท่านี้ล่ะ ”

นีน่า รายงานข้อมูลที่เธอรวบรวมมาได้ทั้งหมด ให้กับ เค้าไปขณะที่ค่อย คลายตัวออกจาก อ้อมแขนของ เค้า

“ งั้นเหรอ ทางฉัน เท่าที่สืบมาดูเหมือน เจ้า ยารุย ที่เป็นผู้ถูกเลือกคนนี้จะเป็นเพื่อของ เจ้า โยไร ซะด้วย
ข้อมูลที่ได้มาก็มี ส่วนสูง 165 น้ำหนัก 60 เท่ากับ เจ้าโยไร เรียนโรงเรียนเดียวกันด้วย
ส่วนเรื่องของครอบครัว เจ้าหมอนั่นรู้สึกมันจะหนีออกจากบ้านมาก็เลยทำงานหาเลี้ยงตัวเองไปด้วย ”

เจนัส รายงานผลข้อมูลที่เค้าได้มาแลกเปลี่ยนกับพวก เค้าทั้งสามบ้าง

“ หนีออกจากบ้านเหรอ? ”
ลากูน่า เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ อืม รู้สึกว่าหมอนั่นจะทะเลาะกับพ่อส่วนแม่ก็เสียไปแล้ว ดูเหมือนครอบครัว
จะร้าวฉานตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วล่ะ เหตุผลนี้ล่ะมั้งถึงทำให้หมอนั่นหนีออกมา
ใช้ชีวิตคนเดียว ”

เจนัส กล่าวขณะที่ ริคุซึ่งได้ฟังรายงานของ เจนัส จึงแทรกขึ้นมาถามบ้าง

“ แล้วพ่อของฝ่ายนั้นล่ะเป็นใครกัน พอจะรู้มาบ้างรึเปล่า ”
ริคุ ถามด้วยความที่อยากจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมา

“ ฟังแล้วคงน่าตกใจล่ะ พ่อของหมอนั่นก็คือผู้การ คีน แห่ง สมาคมฟ้าสีคราม ”
เจนัส กล่าวจบ ทั้งสามคนก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจไม่น้อย

“ หมายความว่า ฝ่ายโน้นเป็นลูกชายของ คีน ที่เรากำลังชักใยควบคุมอยู่งั้นสินะ  ”
นีน่า เปรยขึ้น

“ แบบนี้ก็น่าสนุก น่ะสิ อยากรู้นักว่าลูกชายจะหัวเสเหมือนอย่างพ่อรึเปล่า ”
ลากูน่า กล่าวพลางชกมือเข้าหากันด้วงความคึกคะนอง


“ น่าสนไม่เบานี่ ลูกชายของผู้บัญชาการ คีน ที่กดดันจน เมอริเซีย ต้องยอมจำนนส่งตัวผู้นำมาอภิเษกกับ
คนของ รัลเซรุส ได้  เจนัส คนนี้ฉันขอจัดการมันเองก็แล้วกันนะ เจ้ายารุย นั่นน่ะ ”
ริคุ กล่าวขณะที่ยกมีดขึ้นมาเลียด้วยความอยากกระหาย

“ เอาสิ ยังไงซะที่ฉันสนใจก็คืออีกคนต่างหาก โยไร เจ้าของ Freedom ลากุน่า นีน่า
งานนี้ คอยสนับสนุนก็แล้วกัน ”
เจนัส สั่งขึ้นมาขณะที่ ลากูน่า มีสีหน้าเสียดายเล็กน้อย

“ ทั้งที่อยากจะลอง ซัดกับมันซักตั้งแท้ๆ แต่เอาเถอะถ้าเป็นคำสั่งของท่านพี่
ผม ก็พร้อมจะทำตามอยู่แล้ว ”
ลากูน่า กล่าวตัดด้วยน้ำเสียงเริงร่า

“ งั้นฉันก็เหตุผลเดียวกับ ลากุจัง ก็แล้วกัน เพราะเธอเป็นคนขอเองนี่.. ”
นีน่า กล่าวขณะที่ส่งสายตาเย้ายวนให้แก่เค้า

“ งานนี้จะเป็นโชว์ละเลงเลือดที่จะทำให้เธอรู้สึกกระชุ่มกระชวยไปจนถึงขั้วหัวใจเลยเชียวล่ะ
 โดยเฉพาะเลือดของผู้ถูกเลือก น่ะ ”
สิ้นคำของ เจนัส พวกเค้าทั้ง4ก็ แยกย้ายหายไปจากตรงนั้นในพริบตาทันที
อันตรายกำลังจะคลืบคลานเข้ามาในไม่ช้านี้

....................
..........................

วันต่อมา โรงเรียน St.Magnus


“ ย้า~~~~ เกรช ออฟ ดราก้อน เสิร์ฟ ”
สิ้นเสียงตะโกนที่ลากยาวขึ้นมา R2 ที่อยู่ในชุดวอร์ม ก็ตวัดไม้เทนนิสในมือ ตบลูกไปสุดแรง
ความเร็วของลูกที่ตบออกไปนั้น เร็วจนเห็นบอลกลายเป็นลำแสงรูปมังกรไปเลยทีเดียว

ลูกพุ่งลงทะลุพื้น โรงพละไปในทันที โดยที่ ยารุย ที่อยู่อีกฝั่งไม่อาจจะรับลูกได้ทัน หรือต่อให้รับได้
เค้าก็คงปลิวเพราะถูกแรงระเบิดของลูกบอล อัดปลิวแน่นอน ซึ่งทุกลูกที่ R2 ตีโต้หรือเสิร์ฟ กลับมา
นั้น ยารุย ไม่สามารถรับได้ซักลูก จนตอนนี้พื้นโรงพละเป็นรูโหว่ เต็มไปหมด


“ เอาล่ะ เจ้าหนูเธอแพ้แล้วเพราะฉะนั้นจากนี้ไปในห้องต้องตั้งใจฟังแล้วก็ตั้งใจ
จดสิ่งที่ฉันสอนด้วยเข้าใจไหม ฮะๆๆๆ ”
R2 กล่าวจบก็หัวเราะร่าอย่างมีชัย ขณะที่เสียงปรบมือของนักรเยีนทั้งห้องที่ยืนดูอยู่ห่างๆนั้นดัง
ขึ้นประปราย ด้าน ยารุย ที่แม้จะไม่พอใจแต่ก็ต้องทำใจยอมรับเพราะเค้านั้นสู้ R2 ไม่ได้เลย

แม้แต่ในห้องเรียนชั่วโมงประวัติศาสตร์เมื่อเค้าไม่ตั้งใจฟังที่เธอสอน เธอก็จะเข้ามาถามคำถามที่ไม่มีใคร
นอกจากบุคคลในประวัติศาสตร์นั้นเท่านั้นจะตอบได้

“ ถ้าเธอบอกว่ารู้เกี่ยวกับประวัติศาสตรนี้ดีล่ะก็งั้นไหนลองบอกฉันหน่อยสิว่า
เหตุการณ์ที่ทวีป โทร่า จมลงไปใต้มหาสมุทรเพราะอะไรในช่วงนั้น ”
คำถามของ R2 ที่ถามมานั้น สำหรับเค้าที่ฟังแล้วนับเป็นเรื่องง่ายเลยที่จะตอบออกไป

“ ก็เพราะ การแทรกแซงของ Valkyrier แห่ง Empyrean Adjust ”
ยารุย ตอบอย่างมั่นใจ โดยที่เค้าคิดว่า เธอคงเถียงไม่ออกเหมือนอาจารย์คนอื่นๆ
ซึ่งนักเรียนทุกคนในห้องก็คิดเช่นนั้น ยกเว้นเพียง โยไร

“ คุณ R2 ขอล่ะ อย่าทำอะไรที่มันจะเป็นการเปิดเผยตัวตนของคุณมากไปกว่านี้เล้ยยยย ”
โยไร คิดและภาวนาแบบนี้แทบจะตลอดเวลา ด้วยกลัวว่าควารมจะแตกเมื่อใดหากนักเรียนในห้องได้รู้ว่า
บุคคลแห่งประวัติศาสตร์การปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ได้กลายมาเป็นอาจารย์ให้กับพวกเค้าแล้วตอนนี้

“ งั้นเหรอแล้วเธอรู้รึเปล่าว่า Valkyrier คนนั้นเป็นใคร ไปกันกี่คน
ทำอะไรถึงได้จมทวีปทั้งทวีปซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อแบบนั้นได้ ”
R2 ถามย้อนกลับไปคราวนี้ทำเอา ยารุย หืดขึ้นคอเพราะเค้าก็ไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไรที่จริงคำถาม
ไม่ควรจะมีใครตอบได้เลย นอกจากตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นจริงๆ
หลังจากที่อ้ำอึ้งอยู่นานเค้าก็ยอมแพ้ไป

“ ไม่ทราบ...ครับ ”
ยารุย ตอบด้วยความลำบากใจที่เค้าต้องมายอมรับความพ่ายแพ้แบบนี้

“ งั้นก็จำเอาไว้ด้วยสิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้น่ะ Valkyrier ที่ไปในวันนั้น มีเพียงคนเดียว
 ชื่อของ Valkyrier คนนั้นคือ ราฟ มาซเอล Crisisor ที่เป็นอาวุธของเค้ามีพลังที่จะ

แผ่พุ่งพลังงานมหาศาลออกมาได้ เค้าใช้วิธีอัดคลื่นพลังลงไปใต้ดิน พื้นดินใต้ทวีปโทร่า
ส่วนใหญ่เป็นดินเหนียว พอถูกคลื่นพลังงาน
เข้าก็เลยแห้งจนเกิดการแข็งตัวและแตกหัก ทวีปทั้งทวีปก็เลยจนลงสู่ใต้ผิวสมุทร ”

R2 กล่าวจบ นักเรียนทั้งห้องก็ปรบมือให้ด้วยความทึ่งในความสามารถของอาจารย์ ใหม่ของพวกเค้า
ขณะที่ ยารุย ยังอึ้งกับสิ่งที่เธอรู้

“ อาจารย์ใหม่ของพวกเรา R2 เก่งสุดยอดเลยล่ะ เจ้ายารุบ ยังเถียงอะไรไม่ออกเลย ”
“ อาจารย์ เค้ารู้ไปหมดเลยนะ ยังกับเคยผ่านประสบการณ์จริงมายังไงยังงั้น ”
“ กีฬา อาจารย์ก็เก่งสุดยอด เจ้ายารุย เองยังแพ้ราบคาบเลย ”
“ อาจารย์ R2 สุโค่ยยยยยย ”(สุโค่ย=สุดยอด!!~ คำอุทานแบบ ญี่ปุ่น)


เพียงไม่กี่สัปดาห์ ข่าวเรื่องความสามารถของ R2 ก็กระจายไปทั่วทั้งโรงเรียนในพริบตา
ในฐานะที่เธอโค่นสุดยอดอัจฉริยะ อย่างยารุย ลงได้อย่างราบคาบ

« Last Edit: June 19, 2009, 07:28:37 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #17 on: June 19, 2009, 07:21:12 PM »

“ เอ่อ..แบบนี้ความต้องแตกเข้าซักวันแน่เลย ”
โดยที่ โยไร ต้องอดคิดแบบนี้ไม่ได้เสียทุกครั้ง วันเวลาผ่านไปมาเรื่อยจนถึง คืนเมื่อวานนี้
และมาจนถึงวันนี้ ขณะที่ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว

“ โยไร~~~~~คุง~~~~~ ”
เสียงที่ลากยาว ซึ่งดังมาพร้อมกับ ไอริ ที่ยังคงวิ่งเข้ามา ก้อร้อก้อติก กับ โยไร ก็ยังคงเป็นดังเช่นทุกวัน
เพียงแต่วันนี้

“ กรี้ดดดดด ”
“ ปีศาจบุกแล้ว ”
“ อ๊าคคคคค!! ”

ในเย็นของวันนี้ กองทัพอาร์ทอาคูม่า และอาคูม่าที่เป็นปีศาจแบบบินบนฟ้าได้ หรือ
สกายอาคูม่า (Sky Akuma)ได้แห่กันบุกมายัง โรงเรียน ในตอนนี้

“ อ....อะไรกันเนี่ย...พวกอาคุม่า ไหงถึงได้บุกมากันขนาดนี้ล่ะ ”
โยไร อุทานขึ้น เมื่อได้เห็นการเคลื่อนทัพที่มากันจนมืดฟ้ามัวดิน ของเหล่ากอง อาคูม่า นับร้อย
ที่กรูกันเข้ามาจากทิศต่างๆ บรรดา นักเรียนและ อาจารย์ ต่างพากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง

นักเรียนบางคนที่วิ่งหนีอย่างไม่ลืมหูลืมตา บ้างก็ถูก อาร์ทอาคูม่า จับกระชากขา จนล้ม ก่อนจะเงื้อดาบ
 ปักลงไปบนร่างจนสิ้นใจในคราเดียว บางคนก็ถูก สกายอาคูม่า โฉบลงมาลากตัวขึ้นไปทึ้ง บนฟ้าก่อนจะโยน
ร่างที่ไร้ชีวิตให้ตกลงมากระแทกกับพื้นจนแหลกเหลว

“ จ..เจ้าพวกนี้... ”
โยไร สบถ เมื่อได้เห็นการกระทำอันโหดร้ายของพวกมัน ขณะที่ ไอริ ซึ่งกอดแขนเค้าอยู่นั้น ก็แสดงสีหน้าออก
ถึงความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด  ขณะที่กำลังดูทีท่าอยู่นั้นเอง ก็มีสกาย อาคูม่า ตัวหนึ่งบินลงมา โฉบ
เอาตัวไอริไป

“ ช่วยด้วย โยไร!! ”
ไอริ ร้องตะโกน ให้เค้าช่วยขณะที่เธอ ถูกลากขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยมี
เหล่าสกายอาคูม่า ตัวอื่น เงื้อคมดาบในมือเตรียมจะพุ่งเข้ามาตวัดเฉือนร่างของ เด็กสาวที่ไร้ซึ่งทางสู้
วินาทีนั้น โยไรไม่คิดอะไรอีกแล้ว เค้าหยิบเอา กระจกออกมาแล้ว ส่องภาพของพวก อาคูม่า
ให้สะท้อนลงไปบนผิวกระจก

“ เฮนชิน!! ”(แปลงร่าง)
สิ้นคำของ โยไร เค้าก็เอาอีกมือ กระสายเข็มขัดกลไกที่ เหน็บอยู่ในกระเป๋า ออกมาคาดก่อนจะ ติดกระจก
ในมือลงไปที่ ช่องหัวเข็มขัด โดยให้ ด้านผิวกระจก ที่กลายเป็นสีดำ นั้นหันเข้าไปด้านใน
แล้วให้ พื้นหลังกระจกสีขาวหันออก

/Yang Cross F….F…Freedom/
เสียงก้องกงัวานออกมาจาก หัวเข็มขัดก่อน ที่มันจะปล่อยคลื่นกังวานออกมาจนบรรยากาศรอบๆข้าง
 โยไร กระเพื่อมราวกับผิวน้ำ โดยที่ร่างของเค้า ค่อยๆปรากฏเกล็ดขึ้นมาแทนผิวหนังแล้วจับตัวกันกลาย

เป็นเกราะเกล็ดมังกรสีทองขาวนวล ปีกสีขาวพิสุทธ์สองคู่ สยายออกจากกลางหลังก่อนจะลู่ลง
ราวกับผ้าคลุม พร้อมกับ แรงลมที่อัดกระแทกออกมา จนสกาย อาคูม่า ทั้งหมดบน ฟ้าแทบจะร่วง
เสียหลักกันลงมาหมด โยไร บินเข้า ไปรับ ตัวไอริ ที่กระเด็นหลุดมือเจ้า สกายอาคูม่า ไว้ได้ทันพอดี

“ ย...โยไร...นี่เธอ... ”
ไอริ เปรยด้วยความประหลาดใจที่ได้ เห็น โยไร กลายเป็นอัศวินมังกร

“ ไม่เป็นไร ใช่ไหมครับคุณ ไอริ.. ”
โยไร หันมาถามเธอ ขณะที่ ด้านหลังเค้าตอนนี้มี สกายอาคูม่า ตัวหนึ่งที่ตั้งหลักได้ทัน
จึงขว้าง ดาบมาหมายจะให้มันปักทะลุร่างของเค้าไป

“ ย...โยไร..ระวังข้างหลัง ”
ไอริ ตะโกน เตือนเค้า แต่เมื่อหันมาก็สายเกินกว่าที่จะหลบแล้ว
ดาบพุ่งเข้ามาประชิดเค้ามากขึ้นทุกทีๆ ทว่า กลับมีลูกฟุตบอล พุ่งเข้ามา ชนกับดาบจน
ร่วงไปก่อนจะถึงตัวของ โยไร



“ พระองค์ทรงผิดพลาดที่สร้างพวกเจ้าขึ้นมา ”
เสียงที่ฟังดูคุ้นเคย ดังขึ้นก่อนจะหันไปมองก็พบว่า ยารุย กำลังเหยียบ
ลูกฟุตบอลลูกหนึ่งจากกองลูกที่วางกองอยู่ข้างๆ 3-4 ลูก กำลังชี้นิ้วมาที่ สกายอาคูม่า
 ที่โจมตีใส่ โยไร ไปเมื่อครู่

“ จงคืนชีวิตของพวกแกให้พระเจ้าไปซะ!! ”
สิ้นคำ ยารุย ก็เตะลูกบอลที่เท้าออกไปเต็มแรงก่อนจะกลิ้งลูกอื่นด้วยเท้ามาแล้วเตะส่งไปชนอาคูม่า
บนฟ้าเรียงตัว แล้วจึงชักกระจก ออกมาจาก กระเป๋ากางเกง พร้อมกับ ดึงเอาสายเข้มขัดที่เหน็บ

อยู่กับกระเป๋าเป้ ออกมาคาด ก่อนจะยกแผ่นกระจกขึ้นส่อง ผิวกระจกค่อยๆกลายเป็นสีขาว
จนหมดทั้งหน้า

“ เฮนชิน!! ”(แปลงร่าง)
สิ้นคำ ยารุย ก็ติดแผ่นกระจกลงไปที่หัวเข็มขัดที่พึ่งคาดไปเมื่อครู่โดยหันเอาด้านสีขาวเข้าไปแล้วหันเอา
พื้นหลังกระจกที่เป็นสีดำ ขึ้นมาแทน

/Yin Cross Ja…us..tice (Justice)/
เสียงก้องกังวานขึ้นจากตัวเข้มขัดก่อน ที่ร่างของยารุยจะลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีดำ
ผิวหนังที่ถูกไฟลามไปค่อยๆตกสะเก็ดและกะเทาะออกเป็นเกล็ดมังกรสีทอง ร่างทั้งร่าง

ของยารุย กลายเป็นอัศวินมังกร กายสีทองในพริบตา ก่อนที่ปีกคู่สีทองจะสยายออกจากกลาง
หลังมาพร้อมกับสลัดเปลวไฟที่คลุมร่างออก

“ ย...ยารุย.. ”
โยไร เปรยด้วยความประหลาดใจที่ยารุย กลายเป็นอัศวินมังกร ได้เช่นเดียวกันกับเค้า

/Advent Macarhyadia /
เสียงดังกังวานขึ้นเมื่อ ยารุย ชักเอาดาบเล่มสีแดงออกมาจากฝักดาบที่เหน็บอยู่ที่เอวซ้าย

/Trick Vent  Rise Wing/
สิ้นเสียงที่กังวานก้องขึ้นมาอีกครั้ง ปีกของ ยารุย ก้กางออก ก่อนจะเรืองแสงขึ้น
และในวินาทีนั้น ร่างของ ยารุย ก็แวบหายตัวโผล่ไปมา อย่างรวดเร็ว และเมื่อเค้า
หยุดเคลื่อนที่ อาคูม่า นับสิบก็แตกสลายไปโดยมีร่องรอยของการถูกฟัน ปรากฏให้เห็นชัด

“ ส...สุดยอดเลย ”
โยไร อุทาน ขณะที่พา ไอริ ลงมายืนบนพื้น ทว่า อารืท อาคูม่า ที่เห็น พวก โยไร
 แล้วจึงหันจาก บรรดา นักเรียน และครูอาจารย์ มาทางพวกเค้าแทน
เพื่อที่จะปกป้อง ไอริ โยไร จึงคว้าเอา ปืนลำแสงที่เหน็บไว้ที่เอว ออกมาใช้

/Advent Beam Gun Arm/
สิ้นเสียง ถุงมือปืนลำแสงที่ โยไร สวมก้เปิดการทำงาน ก่อนที่ โยไร จะรัวยิงลำแสงใส่ พวก
อาร์ทอาคุม่า จนแตกสลายไป เป็นทาง ก่อนจะ พา ไอริ วิ่ง ฝ่าวงล้อมออกไป นอกโรงเรียน
ที่ พวกนักเรียนคนอื่นๆที่หนีรอดออกมาได้รวมกันอยู่


“ คุณไอริ รีบหนีไปที่ปลอดภัยก่อนเถอะ ผมจะกลับไป ช่วยยารุย จัดการกับพวก อาคุม่า ก่อน ”
โยไร กล่าวจบก็บินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

“ โยไร.... ”
ไอริ เปรยขณะที่ทำได้พียงแค่ยืนมองดูร่างของ โยไร ที่ค่อยๆหายลับไปในฝูง
สกายอาคุม่า ที่แห่กันเข้ามาประจันหน้ากับเค้า

/Trick Vent Illusion/
สิ้นเสียงจากเข็มขัดของ โยไร ร่างของเค้าก็ แบ่งเงาออกมา นับสิบ ก่อนที่ทุกร่างจะ
เอื้อมมือไปหยิบ ด้ามดาบที่เหน็บอยู่ที่เอวขวามา โดย เอา โล่ในมือ ไปเหน็บที่เอว ซ้าย ที่เคยเหน็บ
 ปืนลำแสงเอาไว้แทน

/Advent Falqualooke/
สิ้นเสียง ด้ามดาบก็สร้างคมดาบของมันขึ้นมา ก่อนที่ทั้ง 10 ร่างจะพุ่งเข้าปะทะ
กับ สกาย อาคูม่า และปัดพวกมันตกลงมากระแทกพื้นจนแตกสลายตัวแล้วตัวเล่า

ขณะที่ ทั้ง โยไร และ  ยารุย ทั้งสองต่างช่วยกันจัดการ ทัพอาคูม่า ที่บุกมาอย่างกระทันหันจนเริ่มถอยร่น
 นั้นเอง ก็มีเสียงผิวปากดังขึ้น อยู่นานซัหพักและเมื่อสิ้นเสียง พวกอาคูม่าทั้งหมดก็ พากันหายตัวไปในทันที

“ นี่มันอะไรกัน...พวกมันถอยไปแล้วยังงั้นเหรอ ”
โยไร คิดขณะที่ เค้า ร่อนตัวลงมายืนบน ดาดฟ้าอาคารเรียน

“ เสียงผิวปากที่ได้ยินเมื่อกี้ มันอะไรกัน...ชักจะแปลกขึ้นทุกทีแล้วนะเนี่ย ”
ยารุย คิด ขณะที่ ตัวเค้าเองก็บินลงมาสมทบกับ โยไร ด้วย

“ อ๊ะ...ยารุย... ”
โยไร เรียก เมื่อเห็น ยารุย ลงมาแล้ว

“ เสียงนี่..โยไร งั้นเหรอ ”
ยารุย กล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเล็กน้อย
ขณะที่ โยไร วิ่งเข้ามาหาเค้า

“ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ พอเสียงผิวปากนั่นดัง พวกมันก็ถอยกันไปหมดเลย ”
โยไร ถามด้วยความสงสัย และหวังว่า ยารุย คงจะให้คำตอบกับเค้าได้ ทว่า ขณะที่กำลังจะ
เริ่มสนทนานั้นเอง กลับมีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา

“ ถ้าอยากรู้ ข้าจะเป็นคนตอบเอง ”
เสียงดังก้องขึ้นมา ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ประหลาด พระอาทิตย์ ค่อยๆกลายเป็นสีดำ
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงราวกับเป็นเวลากลางคืน ท่ามกลางเหตุการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนี้
เสียงฝีเท้าที่ดัง ใกล้เข้ามา เรื่อยๆพร้อมกับร่างจางๆที่ค่อยๆชัดขึ้นมา กำลังมุ่งมาทางพวกเค้า

“ แก...เป็นใคร ”
ยารุย สบถขึ้นด้วยความระแวงขณะที่ กระชับดาบในมือแน่น ตอนนี้ ทังร่างของเค้า
ราวกับถูกกดทับด้วยพลังบางอย่างที่มองไม่เห็น เนื้อตัว เกร็งสั่นไปทั้งร่าง จนควบคุมไม่อยู่ เหงื่อ
 ไหลอาบโทรมไปทั้งร่าง

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #18 on: June 19, 2009, 07:21:29 PM »

“ จ...จิตสังหาร..แรงอะไรแบบนี้...เรา รู้สึกได้เลย...เค้าคนนี้ไม่ใช่อย่างที่พวกเราเคยเจอมา ”
โยไร คิดขณะที่ เค้า เก็บปืนในมือ ลงแล้วเอา โล่ที่เหน็บไว้ขึ้นมาใช้คู่กับ ดาบแทน

“ ถามว่า ข้าเป็นใครน่ะรึ...ข้าจะตอบแค่ครั้งเดียวเท่านั้น...อดีต 1 ใน 12เทพขุนศึก
 ไม่สิตอนนี้ข้าคือ 1 ใน 4 จตุรเทพแห่ฃความมืด
 แชโดว์มูน (Shadow Moon=เงาจันทรา) แห่ง Dark Elite 4 ”

เจ้าของเสียฃที่ร่างของเค้าตอนนี้ได้ปรากฏชัดขึ้นถนัดตาแก่ โยไร และ ยารุย เค้าคือ
เจนัส เด็กหนุ่มครึ่งสมิงหมาป่าสีดำ ที่คอยจับตาดูการต่อสู้ของพวกเค้ากับเหล่าอาคูม่า มาเมื่อคืนก่อน

“ ช...แชโดว์มูน ”
โยไร เปรยขึ้นไม่ทันขาดคำดี ดาบและ ดล่ในมือของเค้า ก็มีอันต้องกระเด็นหลุดจากมือไป
เมื่อร่างของ โยไร ถูก เจนัส พุ่งเข้ามา อัดด้วยหมัดซ้ายเต็มๆไปที่ ลำตัว จนร่างปลิวกระเด็นครูด
ไปกับพื้นดาดฟ้าเป็นทางยาว

“ โยไร!! หนอยแก...อุบ ”
ยารุย ยารุย สบถขึ้นด้วยความโกรธ ทว่า ก่อนที่เค้าจะทันได้เคลื่อนไหว ปีกทั้งสองข้าง
ของเค้าก็ขาดกระเด็น ออกพร้อมกับ โลหิต สดๆที่ไหลพุ่งออกมาจาก บาดแผล เจิงนองไปทั่วพื้นดาดฟ้า

“ และเราคือ เครสเซนท์(Crescent= พระจันทร์เสี้ยว) 1 ใน 4จตุรเทพ แง Dark Elite 4
คมเคียวสายลมของเรา คาไมทาจิ(Kamaitachi) นั้นคงช่วยให้เจ้าเบาขึ้นนะ  ”
เด็กหนุ่มครึ่งสมิงพังพอน ริคุ ได้ปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหลังของ ยารุย ที่ล้มลงไปแล้ว
พร้อมกับ ปีกที่ ตัดมาจากเค้านั้น ยังคาอยู่ในมือของ ริคุ

“ ย..ยา..รุย..อัก ”
โยไร เปรยด้วยเสียงอันแผ่วเบา ก่อนจะ ถูก เจนัส ที่ตามมาเหยีบซ้ำลงไปบนอกเค้าจนลงไปนอนแนบชิดติดพื้น

“ เนี่ยน่ะเหรอ ผู้ถูกเลือกไม่มีน้ำยาเอาซะเลย ทั้งที่คิดว่าจะได้สนุกกว่านี้แล้วแท้ๆ ”
เจนัส กล่าวอย่างเสียดาย ก่อนจะกางกรงเล็บออก พร้อมกับ ค่อยๆกรีด มันลงไป
บนร่างของ โยไร จนเป็นแผลบากที่ หน้าอก โลหิตสดไหลออกมาอาบบาดแผลจนเป็นสีแดง

หลังจากกรีดเลือดของ เค้าไปแล้ว เจนัส ก็เลียเอาเลือดที่ติดไป ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“ เลือดของอัศวินมังกรนี่ ยังไงมันก็รสดีอยู่ล่ะนะ เอาเถอะถึงจะไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ แต่ถ้าแกตายคงมีตัวที่
อึดกว่านี้ออกมาสินะ Spell Fist ”
 สิ้นคำเจนัส ก็เกร็งหมัดจนแน่น ก่อนจะชกลงไป หมายจะซ้ำให้ ร่างของ โยไร แหลกคาพื้นไป

“ Full Charge Great of Dragon ”
เสียงดังกังวาน ขึ้นก่อนที่ ลำอัคคีรูปมังกร จะพุ่งเข้ามา ทว่า เจนัส
ก็หลบได้ทันอย่างหวุดหวิดก่อนที่เค้าจะถูกไฟคลอกร่าง

“ โอเระ ทันโจว มันแปลว่า พระเอกมาแล้ว ”
เสียงดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับที่ ทาลิคนัส พุ่งเข้ามาตวัดดาบเพลิงเข้าใส่ ทว่า เจนัส
กลับยกปลอกแขนขึ้นรับเอาคมดาบนั้นไว้ได้ ก่อนจะ ถีบส่งจนร่างของ ทาลิคนัส กระเด็นไป

“ บ๊ะ เจ้านี่แรงมหาศาล เลยแหะ ”
ทาลิคนัส สบถ ขณะที่ ยันตัวลุกขึ้นหลังจากกลิ้งฝุ่นตลบไป

“ นั่นมัน เจนัส ไม่ใช่เหรอ ทำไมล่ะ แล้วก็นั่นคุณ ริคุ ด้วยนี่มันอะไรกัน ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้นในร่างของ ทาลิคนัส ขณะที่ได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมด

“ ค...คุณ เรกกะ  ”
โยไร เปรย ขณะที่ พยายามจะลุกขึ้นมายืน อย่างลำบาก

“ เรกกะ .....โฮ่ 1 ในผู้ถูกเลือกอีกคนงั้นสินะ...ดีล่ะ ลากูน่า นีน่า พวกเธอรับไปจัดการที ”
เจนัส เปรยขึ้นเมื่อได้ยิน ชื่อของ เรกกะ จากปากของ โยไร เค้าก็ตะโกนขึ้น ก่อน ครึ่งสมิงอีกสอง
คนจะปรากฏตัวขึ้นมาอย่างทันควัน

“ งั้นผมขอซัดไม่เลี้ยงเลยก็แล้วกันนะครับท่านพี่ ”
ลากูน่า ครึ่งสมิงหมาป่าหนุ่มสีขาว กล่าวพลางหักข้อนิ้วไปมา

“ กำจัดเป้าหมาย เตรียมตัวตายได้ ”
ครึ่งสมิงแมวป่าสาวสีดำ กล่าวก่อนจะ เล็งปืนลูกซองสองกระบอกในมือ ไปที่ เรกกะ

/Strike Vent Great of Dragon/
เสียงดังกังวานขึ้น จากการที่ โยไร สลับหน้ากระจกที่หัวเข็มขัดมาเป็นอีกหน้าเพื่อใช้ท่าพิฆาต
ลำแสงมังกร 6 สายพุ่งออกจากปีก ทั้งสองของ เค้า และมุ่งตรงไปที่พวก เจนัส

“ Muramasa Striker ”
เสียงดังกังวานซ้อนทับขึ้นมาก่อน ลำแสงมังกรสีดำ อีกนับ ร้อยสายจะพุ่งลง
บดขยี้ทั้งอาคารจน เป็นผุยผง โดยที่ พวกเจนัส ทั้ง 4 คน ออกมายืนบนพื้นสนามได้ทัน

“ เฮ้ๆๆ ไม่เล่นกันแรงไปหน่อยเหรอ...ลอว์เรนซ์ ”
เจนัส เปรยเสียงใส ด้วยท่าทีขบขัน ขณะที่เงยหน้าขึ้นไปมองที่มาของ ลำแสงมังกรสีดำนับ
ร้อยสายเมื่อครู่เด็กหนุ่มผู้มีปีกสีดำราวกับมารร้าย เงาที่งอกโค้งลงมั่งพญามาร
 ในมือถือเคียวหัวกระโหลกที่ให้ความรู้สึกน่าหวาดกลัว สายตาของเค้านั้น

 เย็นชาไร้แวว ราวกับไม่มีชีวิต
เครื่องอาภรณ์ที่สวมใส่ก็เป็นผ้าที่อาบชุ่มด้วยโลหิตจนเป็นสีแดง

“ หน้าที่ของพวกเรา มีแค่การจัดการกับผู้ที่ถูกเลือกเท่านั้น ”
ลอว์เรนซ์(Luarence) กล่าวเสียงเรียบน้ำเสียงนั้น ฟังดูเย็นลึกจนอาจบาดเข้าไปในหัวใจ
ของผู้ที่ฟังมันได้สุรเสียงนั้นมิใช่ของ มนุษย์แต่เป็นดังสุรเสียงของ พญามารจากขุมนรกเบื้องล่าง
ที่ลึกเกินจะหยั่งถึง



“ Youเนี่ยน้า จะมาทั้งทีทำไมถึงไม่เลือกเวลาให้มันดีกว่านี้หน่อยนะ
นี่ถ้ากาง SMF ไม่ทันนี่ We ได้แหลกไปด้วยแล้วนะรู้ไหม ”

“ ฮะๆๆ โทษทีๆ ก็มันไม่มีเวลาจะมานั่งคำนวณนี่ ถือว่าช่วยๆกันก็แล้วกันน คุณบอย ”


เสียงที่ฟังดูร่าเริงดังขึ้นมาจากกลุ่มควันสีดำ ที่ปกคลุมซากอาคารที่ ลอว์เรนซ์ ยิงถล่มไป
สร้างความฉงนให้ แก่พวกเค้าเป็นอันมาก

“ แค่กๆๆ จะว่าไปควันมันเยอะนะเนี่ย คอรัส(Chorus) ช่วยทีนะ
 Cost mp 1 ออกมาเลย ดิมมิเนี่ยว(Dimminuial, Arimathea’s Baby Dragon) ”
สิ้นคำ ก็เกิดแสงสีเขียวเจิดจ้าขึ้นก่อน ที่จะเกิดลมหมุนพัดเอา หมอกควันออกไป
 ภาพที่ปรากฏขึ้นมาหลังหมอกถูกพัดจางหายไป พวก โยไร ทั้งสาม คนกลับคืนร่างเป็นมนุษย์เช่นเดิมแล้ว

แต่กลับมี เด็กหนุ่มอีกสองคนโผล่เพิ่มเข้ามาด้วย พร้อมกับ ลูกมังกรดิมมิเนี่ยว ที่กระพือปีกสร้างลมพัดเอาหมอกออกไป ก่อนที่มันจะจางหายไปด้วยเช่นกัน ที่ข้อมือของ เด็กทั้งสองที่มาใหม่ นั้นมี ปลอกแขนซึ่งมีช่อง
เสียบสำรับไพ่ สีฟ้าและแดงเอาไว้อย่างละข้าง




“ พ...พวกแก..เป็นใครกันเนี่ย ”
ลอว์เรนซ์ เปรยด้วยความประหลาดใจ เช่นเดียวกัน พวกเจนัส เองก็ได้เบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ
กับสิ่งที่เห็นอยู่ในสายตา

“ เป็นใครน่ะเหรอ..จุ๊ๆ รู้แล้วเหยียบเอาไว้เลยนะ ฉัน คือ
ธนัท นักร่ายอสูรระดับ Summoner Master
แห่งโลก Summoner Master VR!!  ”
1 ใน เด็กหนุ่ม 2คน ที่มีผมสีดำชี้ตั้ง กล่าวอย่างโอ้อวด


“ ส่วน Me ก็ บอย ซากะ (Boy Saga)  ฉายาจอมโจรแห่งโลกมิติ you are Understand ”
เด็กหนุ่มอีกคนที่ดูจะเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งมีผมสีส้มทอง กล่าวพลางชี้หน้า ลอว์เรนซ์ แบบไม่กลัวเกรง

“ ...น....นี่ พวกนาย...มาจากไหนกันเนี่ย? ”
โยไร เปรยด้วยความแปลกใจ ตอนนี้ เค้าไม่สามารถตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันจนเริ่มสับสนไปหมดแล้ว

“ นี่มันเรื่องอะไรกัน... ”
เรกกะ เปรยด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน โยไร ขณะที่ ยารุย ก็รอที่จะฟังคำตอบของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน

“ เอางี้ดีกว่า พวกเราเป็นใครนั้นไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญก้คือ เรามาเพื่อช่วยนายไม่สิ
ต้องบอกว่ามาช่วยให้นายไปช่วยอีกคนสิเนอะ ”
ธนัท กล่าว พลางยื่นมือไปฉุดให้ โยไร ยืนขึ้นขณะที่ บอย หยิบเอาไพ่ ใบหนึ่งออกมาจากช่องที่เสียบ
สำรับไพ่ ออกมา

“ พร้อมแล้วนะ Me จะหยุดการต่อสู้ที่โลกนี้ไว้ให้ก่อน ระหว่างนั้นพวก You
ก็รีบไปจัดการภาระกิจให้เสร็จล่ะ ”
บอย กล่าวจบก็ร่ายไพ่บนมือลงไปบนพื้น ตัวไพ่เรืองแสงขึ้นก่อนที่
จะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับ ทั้งสองฝ่ายนั่นคือ

“ ท..ทำไมเราถึงต้องมาสู้ทะเลาะเบาะแว้งกันด้วย ”
ลอว์เรนซ์ เปรยขึ้น ก่อนจะร่อนตัวลงมายืนบนพื้นพร้อมกับ ทิ้งเคียวในมือไป

“ ขอโทษนะ ที่พวกเราไปทำร้ายพวกนายน่ะ ”
เจนัส กับ บรรดา ผองเพื่อนครึ่งสมิงอีก 4 ต่างพากัน เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในทันที
พร้อมกับ เค้าไปช่วย พยุงตัว เรกกะ กับ ยารุย ที่ล้มไปให้ลุกขึ้นม


“ ไม่เป็นไรหรอก พวกเราผิดเอง ที่ไประแวงพวกนายก่อน ”
เรกกะ กล่าวเสียงใส ราวกับว่า เหตุการณืที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันกลายเป็นเพียงแค่เรื่องตลก

“ เรามาสงบศึกกันเถอะนะ ”
ยารุย กล่าวออกมาแบบที่คาดไม่ถึงกันเลยที เดียว สถานการณืทุกอย่างเปลี่ยนไป
ชนิดกู่ไม่กลับกันไปเลยทีเดียว


“ น...นี่..มันอะไรกันเนี่ย ”
โยไร อุทานตาโตด้วยความประหลาดใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ ไม่นึกเลยว่า Love And Peace จะมีผลขนาดนี้ ยังกะ ดูหนังคนละม้วนเลย ”
บอย เปรยด้วยความรู้สึกตะขิดตะขวงกับภาพตรงหน้า



“ ช่างเถอะน่าแค่ 2 Turn เองเดี๋ยวเราก็กลับมาแล้ว ไม่กันเถอะ โยไร เอ้า คอรัส
พร้อมแล้วใช่ไหม ”/All Right/(อยู่แล้ว)
ธนัท กล่าวขณะที่จูงมือ โยไร มาก่อนจะหันมาถามกับ ปลอกแขนของเค้า ซึ่งมันก็ตอบกลับมา
หลังจากนั้นเค้าจึงหยิบไพ่ขึ้นมาใบหนึ่ง แล้วร่ายมันลง ไม่นานก็เกิดหลุมมืดดำสนิทขนาดพอที่
จะให้คน2คนมุดลงไปได้ขึ้นมาบนพื้น


“ น...นี่มันอะไรเนี่ย ”
โยไร อุทานขึ้นด้วยความตกใจ ที่เห็นหลุมเกิดขึ้นมา

“ มันคือ Second World เป็น Mystic Card ที่จะเปิดประตูไปสู่อีกโลกอีกมิติได้
 เอาล่ะเราไปกันเถอะ เวลาไม่มีแล้วนะ ”
ธนัท กล่าวจบก็ไม่พูดพล่ำทำเพลง ผลัก โยไร ตกลงไปหลุมก่อนจะกระโดดตามลงไป
พร้อมกับหลุมที่ปิดตัวลง



“ ด...เดี่ยวสิ นี่เรากำลังจะไปไหนกันน่ะ ล...แล้วนี่จะไม่เป็นไร
เหรอพวกเรากำลังตกลงไปข้างล่างอยู่นะ ”
โยไร ถามขึ้นด้วยความสงสัยขณะที่ตอนนี้พวกเค้ากำลังร่วงหล่นลงไปในความมืดที่ทืดสนิท
แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงมองเห็นอีกฝ่ายอยู่

“ ก็ไปหาคนที่ สร้างพวกเราขึ้นมายังไงล่ะ....ไปหา เกรม่อน(Greamon) ”
ธนัท กล่าวพลางส่งยิ้มให้ เพื่อจะให้เค้าคลายความกังวล ทว่า สิ่งที่ นัท พูดมานั้นกลับยิ่งทำ
ให้เค้าสับสนขึ้นไปอีก


.................
.............................

โลก แห่งความเป็นจริง ม.เกษตรศาสตรื จังหวัดชลบุรี อำเภอ ศรีราชา

“ เฮ้อ ทำไงดีล่ะกลุ้มใจจริงๆนะเนี่ย เจ้า การุรุม่อน ก็ดันเห็นเป็นเรื่องเล่นไปได้ ”
เด็กหนุ่มวัย 19 ปี คนหนึ่งกำลังนั่งบ่นอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่ในห้อง โถงใหญ่ของห้องสมุดแห่งหนึ่ง
ภายในห้องมีเพียงเค้าคนเดียวที่นั่งอยู่ โดยรอบๆนั้นมีเก้าอี้และโต๊ะที่วาง เครื่องคอมพิวเตอร์ อยู่เป็นทิวแถว

“ สุดสัปดาห์นี้จะปิดต้นฉบับอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีแรงจูงใจจะเขียนนิยายเลย โธ่
 ทำไมผมถึงต้องมาตกบ่วงรักสามเส้าด้วยล่ะเนี่ย ”
เด็กหนุ่ม เปรยเสียงอ่อยด้วยความสิ้นหวัง ขณะที่ ตอนนี้หน้าจอเครื่องคอมพิวเตอรืของเค้า
 ก็ค่อยๆเรืองแสงขึ้นเค้าหันขึ้นมาดูด้วยความแปลกใจ ก่อนที่ แสงจะวาบขึ้นและจางลงพร้อมกับ
 ที่ โยไร และ ธนัท กระเด็นออกมาจาก หน้าจอ ชนจนเค้าล้มโครมลงไป ทั้งนั่ง

“ โอย...นี่มันอะไรกันเนี่ย แล้วที่นี่มันที่ไหนกันล่ะ ”
โยไร เปรยขึ้นขณะที่ ลุกขึ้นมองไปรอบๆ

“ ที่นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง Real World ”
ธนัท ตอบให้ โยไร ทันที ก่อนจะ หันไปฉุดร่างของ เด็กหนุ่มที่พวกเค้า ชนจนล้ม

“ น..นี่พวกนาย เป็นใครแล้วออกมาจาก คอมฯได้ไง หลุดมาจาก ดิจิตอลเวิลร์เรอะ
พวกนายเป็นดิจิม่อนหรือไงเนี่ย ”
เด็กหนุ่ม กล่าวตะกุกตะกักด้วยความตกใจ จนทำอะไรแทบไม่ถูก ขณะที่ โยไร เริ่มจะชินกับ
การที่เจอเรื่องประหลาดจน ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว

“ แหม ทำเป็นเล่นมุขไปได้ ก็นายเป็นคนสร้างพวกเราขึ้นมานี่ เกรม่อน ”
ธนัท กล่าวพลางตบหลับเค้า เบาๆ

“ เห ... สร้างพวกนายขึ้นมางั้นเหรอ จริงสิจะว่า หน้าตาพวกนายเนี่ยคุ้นๆอยู่นะ หา!!! ”
เกรม่อน กล่าวไปได้ซักพักก็เปลี่ยนมาเป็นร้องสะดุ้งด้วยความตกใจ


“ นี่อย่าบอกนะว่านายคือ ธนัท จากเรื่อง Summoner Master VR!!
 ส่วนายก็...ย...โยไร จาก Legend of  Thaliwilya YCross ”
เกรม่อน กล่าวสะดุ้งด้วยความตกใจอีกระลอก ท่ามกลางความเงียบสงัดของ ห้องสมุดที่ไม่มีใครอยู่
นอกจากพวกเค้า สามคน

..............................
To Be Continue


ชิไค(ตอนต่อไป)

“ เราก็มาช่วยเรื่องรักสามเส้าของนายไงล่ะ ”
“ อ...เอ่อ ฉันว่าอย่าดีกว่านะ ”

“ เกรม่อนคุงงงงง!! ”
“ หุๆๆ ไม่งั้นมีหรือเค้าจะเรียกเดี๊ยนว่า การุรุม่อนเจ้าแม่ข่าวลือจมูกไวปานสุนัขน่ะ ”

“ พี่ ปิโยม่อนคร้าบช่วยผมทีสิคร้าบ ”
“ แหม เกรม่อนคุง ไม่เห็นต้องร้อนตัวไปเลยก็ได้นี่ ใครๆก็ต้องเคยผ่านคำว่าครั้งแรกมากันทั้งนั้นล่ะ
ที่จริงพี่เองยังแอบอิจฉาเลยนะที่น้องตกบ่วงรักสามเส้าได้เนี่ย ”

“ ถ้านายเอาแต่หนีความรู้สึกจริงๆของตัวเองไปเรื่อยๆแบบนี้ นายก็ไม่มีทางจะก้าวต่อไปได้หรอก ”
“ ตอนนี้ผมเองก็เข้าใจความหมายที่ผมต้องตเข้ามาอยู่ในวังวนของการต่อสู้แล้ว ผมจะไม่ปฏิเสธ
มันอีกแต่จะก้าวข้ามมันไปให้ได้ ”

“ งั้นรับนี่ไปสิมันคือ K-Touch อุปกรณ์เสริมที่จะทำให้นายกลายเป็น Strike Freedom ได้ ”

“ Kamen Ride !!! Garuaru ”
“ Kamen Ride!!! Basha ”
“ Kamen Ride !!! Dogga ”
“ Kamen Ride !!! IXA ”

เรื่องราวจะเป็นเช่นไร เมื่อ โยไรและ ธนัท ต้องเข้ามาพัวพัน กับศึกแห่งหัวใจของ คนเขียน
พวกเค้าจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ แล้ว ยารุย กับ เรกกะ ที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์กึ่งอันตราย
พลังใหม่ที่ โยไร จะนำกลับไปช่วยพวกเค้าคือสิ่งใด


ตอนต่อไป Next Tag 04 Y Cross Over พิชิตศึกรักสามเส้า


Subete wo ha kaishi  Subete wo tsunge ซึเบเตะ โอ ฮา ไคชิ ซึเบเตะ โอ ซึนาเงะ
จงทำลายให้สิ้นทุกสิ่ง         และ   จงเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน
นั่นคือ แก่นแห่ง Yin & Yang

« Last Edit: June 19, 2009, 07:29:25 PM by greamon » Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #19 on: June 19, 2009, 07:31:00 PM »

อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ทำไมมันมั่วอย่างงี้ฟะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! มันออกมาทุกภาคเลย
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #20 on: June 19, 2009, 08:09:51 PM »

นี่มันไม่สรุปแล้ว.....มันคือเมนู..

ยำใส่ไข่กินกับโจ๊กใส่ซีอิ๊วหมัก 1000 ปี    รวมมิตรกันให้หมด 

(ว่าแล้วก็เซฟๆภาพ)
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #21 on: June 19, 2009, 08:11:36 PM »

Quote
Subete wo ha kaishi  Subete wo tsunge ซึเบเตะ โอ ฮา ไคชิ ซึเบเตะ โอ ซึนาเงะ
จงทำลายให้สิ้นทุกสิ่ง         และ   จงเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน

ทำลายเส้นกั้นมิติจนป่นปี้ ทำลายจนสิ้นทุกสิ่งจริงๆแฮะ

แล้วก็

เชื่อมมิติจนมั่วสุดๆ เชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกันจริงๆด้วย

นี่มันจะกลายเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย

สงสัยคุณเกรม่อน จะกลุ้มใจเรื่องรักสามเส้ามากเลยสินะ ถึงขนาดเก็บเอามาเขียนนิยาย
ว่าแล้วรอลุ้นให้ โยไรคุง ช่วยคุณเกรม่อน ให้สำเร็จละกันเน้อ(เอ๊ะยังไง)


ว่าแต่ช่วงนี้หนูก็ตกบ่วงรักสามเส้าเหมือนกันค่า แต่ของหนูชอบเพื่อนชายอยู่คนหนึ่งแต่เพื่อนชายอีกคน
ที่เป็นเพื่อนของเพื่อนชายที่หนูชอบ เค้าดันมาชอบหนูน่ะสิ เฮ้อกลุ้มใจๆ

เปรียบกับของคุณเกรม่อน หนูก็คงเป็นฝ่ายหญิงที่เข้าไปชอบคุณเกรม่อนสินะ
 ว่าแต่ทำไมต้อง ม.เกษตรศาสตร์ ที่ศรีราชาด้วย

เอ๊ะคุณเกรม่อน อยู่คณะไหนคะเนี่ย แจงสาขามาด้วยนะเออ ชักสงสัย


หวังว่าคงไม่ใช่.......ไม่ใช่หรอกมั้ง
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #22 on: June 20, 2009, 03:32:19 AM »

โอ๋ๆ ถึงกับเก็บไปคิดเป็นนิยายมาเลยเรอะ

ว่าแต่ทำไมตอนแกสั่งออเดอร์ภาพของพวกเจนัส ถึงขอแบบเวอชั่นร์เก่าตอนชุดยังแต่งตัวเป็น
12เทพขุนศึหล่ะ ดูแต่ละชุดแล้ว มันชวนจิ้นวายกันจริงๆ เจนัส กะ ลากุจัง โชว์กล้ามซิดแพค ด้วยล่ะอ่ะหุ

ทำเอาเจ๊เลือดกำเดาเกือบหมดตัวตอนนั่งทำภาพ แต่ออเดอร์แบบนี้มีมาเรื่อยๆก็ได้นะ
ส่วนรักสามเส้าของแกฉันจะรอคอยคำตอบต่อไปว่ะฮ่าๆๆๆ


แจงเรื่องคณะของเจ้าเกรม่อน ตอบแทนเจ้าตัวเค้าไปเลยก็แล้วกัน

มันอยู่ คณะทรัพยากรสิ่งแวดล้อม สาขา IT จ้าภาคปกติด้วย
ที่อยู่ม. ก็อันเดียวกะที่มันแจงไว้ในเรื่องนั่นล่ะ

ที่ศรีราชาน่ะ

Quote
หวังว่าคงไม่ใช่.......ไม่ใช่หรอกมั้ง

ว่าแต่มันคืออะไรเหรอไอ้ที่เว้นว่างไว้น่ะนั่น เคลียร์ด้วยไม่เข้าใจ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #23 on: June 21, 2009, 02:40:53 AM »

Quote
นี่มันไม่สรุปแล้ว.....มันคือเมนู..

ยำใส่ไข่กินกับโจ๊กใส่ซีอิ๊วหมัก 1000 ปี    รวมมิตรกันให้หมด

(ว่าแล้วก็เซฟๆภาพ)

Quote
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ทำไมมันมั่วอย่างงี้ฟะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
 มันออกมาทุกภาคเลย

แสดงว่ามันมั่วมากสินะ ขออภัยพอดี มันกลุ้มเรื่องนี้มาก กะลังหาทางแก้ไขอยู่
ก็เลยไม่มีเวลามาคิดเนื้อเรื่อง เลยเอาเรื่องตัวเองจับมาปนซะเลย ถือว่ามัน
เป็นตอนพิเศษละกันน้า

ส่วนสัปดาห์หน้างดลง1ตอน ขอเคลียร์ปัญหาหัวใจก่อน แล้วจะมารายงานแบบเป็นนิยาย
ในตอนหน้าให้ดูกันนะคร้าบ 


me/แล้วตูจะแก้ยังไงดีเนี่ย เอาเป็นแผนแบบตอนที่เจนัส ใช้จีบ
นีน่าแทนดีมะเนี่ยมันจะได้กินแห้วเหมือนๆกัน จะได้รอด

เอหรือจะเอาแบบ ไอ กะ เฟนท์ดีหว่า อึ๋ยแต่ท่าพลาดมีสิทธิโดนฆ่าหมกป่า

งั้นเอาแบบ แผนกินแห้วของ ธนัท แบบให้เพื่อนเรามันเป็น โคทาโร่
มาฉกตัวยัยนี่ไปเลยดีไหม แล้วเราก็ไม่ต้องไปช่วยมัน555+


บ้าไปแล้ว ME 
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #24 on: June 22, 2009, 12:34:54 AM »

Quote
คณะทรัพยากรสิ่งแวดล้อม สาขา IT จ้าภาคปกติด้วย
ที่อยู่ม. ก็อันเดียวกะที่มันแจงไว้ในเรื่องนั่นล่ะ


กรี้ด สาขาเดียวกัน ภาคเดียวกันเรียนที่เดียวกัน แต่ทำไมหากันไม่เจอ หนอ
คุณเกรม่อน ชื่ออะไรพอจะแจงมาได้ไหมคะ ส่ง PM มาก็ได้อยากเจอมาก พักหอใน หรือเปล่าอ่ะ

เดี๋ยวก่อนเรื่องนั้นไว้ทีหลังก็ได้ ว่าแต่ไอ้ที่ตกบ่วงรักสามเส้าเนี่ย คงไม่ได้หมายถึง อีปูนหรอกนะขา
เห็นมันบอกว่า ชอบเพื่อนชายในสาขาอยู่คนหนึ่งแต่อีกคนตามจีบ ขณะที่คนที่มันไปชอบ
ดันเมินมันซะงั้น
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #25 on: June 28, 2009, 07:23:20 PM »

สวัสดีค่า วันนี้ขอมาเปิดตัวในฐานะ ผู้ช่วยคนที่ 7 ของทีม Greamon
นะค้าาา แหม่หลังจากที่สืบสาวหาตัว เกรม่อนคุง จนเจอ
แล้วก็ช่วยกันเคลียร์เรื่องรักสามเส้าเรียบร้อย เกรม่อนคุง โดนซัดไป1ทีค่ะด้วยแรงหึงของเพื่อนตอนนี้

เลยยังต้องเอาพลาสเตอร์ประกบอยู่ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เราคืนดีบวกปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้วล่ะค่า
ซึ่งในสัปดาห์นี้ Tag ที่ 4 ก็กำลังเร่งพิมพ์กันอยู่ค่าโดย อิฉันได้อยู่ฝ่ายตรวจคำศัพท์ค่า ลูกมือพี่ปิโยม่อน
อ้อเกือบลืม โคดลับของฉันที่มาคือ พัลม่อนค่า ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #26 on: June 28, 2009, 07:31:38 PM »

เหะเก๊ะ?  พี่เกรม่อนโดนซัด?   
Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #27 on: June 28, 2009, 07:37:52 PM »

โอ้ พี่จีกลายเป็นผู้ช่วยคุณเกรม่อนไปเเล้วเเฮะ บังเอิญสุดๆ

นิยายผมตอนสี่ก็ใกล้จะเสร็จเเล้วเช่นกัน พิมพ์ไปเเต่งไปอยู่
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #28 on: June 29, 2009, 01:11:13 AM »

หวัดดีฮ้ามาพบกันอีกแล้วนะหลังจากหายหน้าไปนาน เจ๊ การุรุม่อนเองจ้า
พอดีอยากจะมาสครีมเรื่องนี้ด้วยตัวเองจริงๆ

บอกคำเดียวเลยค่ะว่าหลังจากฟังเรื่องทั้งหมดจากปากเจ้าเกรม่อน และ จีจังเอ้ย พัลม่อนจัง
ก็ อดจิ้นไม่ได้ว่าเจ้าเกรม่อนเอ๋ย แกเจอนางเอกแล้วซินะ แหมก็การพบกันกับน้องใหม่คนนี้ยังกะ

พรหมลิขิตยังไำงยังงั้น นั่งเรียนก็นั่งติดกันแต่ต่างฝ่ายต่างไม่เคยรู้โฉมหน้าของอีฝ่ายในโลกไซเบอร์เล้ยยย
จนเมื่อความลับถูกเปิดเผยในตอนที่กำลังวิกฤติ สุดท้ายตอนจบของเรื่องก็ไม่เศร้า

คู่ของอีกฝ่าย คนที่มาชอบแกได้รู้ใจจริงของตัวเอง และตอบรับ พ่อหนุ่มขี้หึง และ ไปกันด้วยดี
ส่วนแกก็เจอนางเอกของแก รู้ใจตัวเองอย่างแท้จริง แล้วก็จบไปได้ดีอีกคู่

ถึงแม้จะมีเรื่องราวมากมาย อุปสรรค์ต่างๆแต่ตอนนี้แกก็กลายเป็นพระเอกที่เด่นที่สุดไปแล้ว
 ว้อยยยยยนี่ฉานจิ้นไปได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

ต้องยอมรับจริงฮ้า เกรม่อน เอ๋ย ละครชีวิตแก ช่อง7 ยังชิดซ้าย ช่อง3 ต้องหลบให้
เรื่องของแกมาแรงแซงโค้งขึ้นอันดับไม่แพ้ซีรี่ย์เกาหลีก็มิปาน

เท่ห์จริงนะ ตะเอง "ถ้าต้องโกหกกระทั่งกับหัวใจของตัวเอง แล้วความสุขที่แท้
จริงของเธอมันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ"

ขอบอกว่า กัดฟันพูดหลังจากโดนอัดเลือดกลบปาก กรี้ดดด เท่ห์หลาย เกรม่อนคุง เอ๋ย ลิเกเจงๆๆ
แต่ก็ต้องยอมรับนะว่า สถานการณ์แบบนั้น คำพูดแกทำให้ เค้าเข้าใจกันได้จริงๆว่ะ

สมแล้วที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเยอะ(เอ๊ะหรือว่าคนที่แอบมาชอบแกเห็นแกลิเกจัดเลยเปลี่ยนใจกันแน่)
ช่างเถอะเรื่องมันแล้วไปแล้ว ตอนนี้ก็ยังมองหน้ากันติดอยู่เหมือนเดิมสินะ

ทีนี้เกริ่นเรื่องเจ้าเกรม่อนจบละล่อซะยาวเชียว แถมแควะเค้าไปหลายดอกด้วยเสียงจะโดน
เก็บก่อนพูดจบนะเนี่ย

มาเข้าเรื่องก่อน ตอนนี้ ซีรี่ย์ที่เคยคาไว้ ตำนานทาลิเวอชั่น DNAngel ก็จบไปเรียบร้อยแล้วเหลือแต่ YCrooss เนี่ยจบ Tag05

และซีรี่ย์ถัดไปใครจะเป็นพระเอกหนอ มันจะหล่อหรือเปล่า(อันนี้ประเด็นหลัก)
ว่าแล้วก็ต้องลุ้นดูกันไปแต่ก่อนอื่นเรามีเรื่องจะบอกว่า ซีรี่ย์ถัดไปพวกเราจะใช้

ความสามารถในการยำเรื่องต่างๆมายำทั้งหมดให้เต็มที่ เพราะมันเป็นการจับเอา
 Fic เรื่องอื่นๆมายำแน่นอนไม่ได้เอาแต่ของพวกเราหรอกนะ แต่จะเอาของคนอื่นมาด้วย

ซึ่งบางทีคุณอาจจะได้เห็น เราเข้าไปป้วนเปี้ยนอยู่ในโลก
ของ วิน พ่อพระเอกจากซีรี่ย์ดวลการ์ดชื่อย้าวยาว

หรืออาจจะเห็นนิยายที่แต่งไม่จบอย่างเรือ่ง Chi me Ra ที่ค้างเติ่ง
อยู่ในบอร์ดนี้มีตัวละครของซีรี่ย์ใหม่นี้ไปแจมด้วยก็ได้ ที่สำคัญ

นิยายเจ๊จิงเราก็จะไปด้วยเลยเอ้า เอากะมันสิจะมั่วไปถึงไหน
แต่ขอบอกว่าเข้มข้นทุกตอนรับประกันความมั่วและฮาได้เลย

ปล.มันเป็นโลกคู่ขนานน่ะนะ คงไม่ถึงขนาดตามเข้าไป Cross Over แบบจะๆ
โดยไม่ขออนญาติอ่ะนะ
แต่จะเขียนโคงเรื่องขึ้นใหม่หน่อย โโยอาศัยโครงเก่าจากเรื่องเดิมจ้า

ซึ่งจะมันและมั่วขนาดไหนติดตามกันได้ใน Fiction Meister ACE หรือเรียกแบบเท่ห์ๆก็
ปรมจารย์แห่งการเขียน(มั่ว)ฟิค ACE นั่นล่ะจ้า

เหอๆ ขอตัวชิ่งก่อนล่ะเดี๋ยวโดนเจ้าเกรม่อนมาเก็บเอา





Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #29 on: June 29, 2009, 01:16:34 AM »

หวัดดีฮ้ามาพบกันอีกแล้วนะหลังจากหายหน้าไปนาน เจ๊ การุรุม่อนเองจ้า
พอดีอยากจะมาสครีมเรื่องนี้ด้วยตัวเองจริงๆ

บอกคำเดียวเลยค่ะว่าหลังจากฟังเรื่องทั้งหมดจากปากเจ้าเกรม่อน และ จีจังเอ้ย พัลม่อนจัง
ก็ อดจิ้นไม่ได้ว่าเจ้าเกรม่อนเอ๋ย แกเจอนางเอกแล้วซินะ แหมก็การพบกันกับน้องใหม่คนนี้ยังกะ

พรหมลิขิตยังไำงยังงั้น นั่งเรียนก็นั่งติดกันแต่ต่างฝ่ายต่างไม่เคยรู้โฉมหน้าของอีฝ่ายในโลกไซเบอร์เล้ยยย
จนเมื่อความลับถูกเปิดเผยในตอนที่กำลังวิกฤติ สุดท้ายตอนจบของเรื่องก็ไม่เศร้า

คู่ของอีกฝ่าย คนที่มาชอบแกได้รู้ใจจริงของตัวเอง และตอบรับ พ่อหนุ่มขี้หึง และ ไปกันด้วยดี
ส่วนแกก็เจอนางเอกของแก รู้ใจตัวเองอย่างแท้จริง แล้วก็จบไปได้ดีอีกคู่

ถึงแม้จะมีเรื่องราวมากมาย อุปสรรค์ต่างๆแต่ตอนนี้แกก็กลายเป็นพระเอกที่เด่นที่สุดไปแล้ว
 ว้อยยยยยนี่ฉานจิ้นไปได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

ต้องยอมรับจริงฮ้า เกรม่อน เอ๋ย ละครชีวิตแก ช่อง7 ยังชิดซ้าย ช่อง3 ต้องหลบให้
เรื่องของแกมาแรงแซงโค้งขึ้นอันดับไม่แพ้ซีรี่ย์เกาหลีก็มิปาน

เท่ห์จริงนะ ตะเอง "ถ้าต้องโกหกกระทั่งกับหัวใจของตัวเอง แล้วความสุขที่แท้
จริงของเธอมันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ"

ขอบอกว่า กัดฟันพูดหลังจากโดนอัดเลือดกลบปาก กรี้ดดด เท่ห์หลาย เกรม่อนคุง เอ๋ย ลิเกเจงๆๆ
แต่ก็ต้องยอมรับนะว่า สถานการณ์แบบนั้น คำพูดแกทำให้ เค้าเข้าใจกันได้จริงๆว่ะ

สมแล้วที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเยอะ(เอ๊ะหรือว่าคนที่แอบมาชอบแกเห็นแกลิเกจัดเลยเปลี่ยนใจกันแน่)
ช่างเถอะเรื่องมันแล้วไปแล้ว ตอนนี้ก็ยังมองหน้ากันติดอยู่เหมือนเดิมสินะ

ทีนี้เกริ่นเรื่องเจ้าเกรม่อนจบละล่อซะยาวเชียว แถมแควะเค้าไปหลายดอกด้วยเสียงจะโดน
เก็บก่อนพูดจบนะเนี่ย

มาเข้าเรื่องก่อน ตอนนี้ ซีรี่ย์ที่เคยคาไว้ ตำนานทาลิเวอชั่น DNAngel ก็จบไปเรียบร้อยแล้วเหลือแต่ YCrooss เนี่ยจบ Tag05

และซีรี่ย์ถัดไปใครจะเป็นพระเอกหนอ มันจะหล่อหรือเปล่า(อันนี้ประเด็นหลัก)
ว่าแล้วก็ต้องลุ้นดูกันไปแต่ก่อนอื่นเรามีเรื่องจะบอกว่า ซีรี่ย์ถัดไปพวกเราจะใช้

ความสามารถในการยำเรื่องต่างๆมายำทั้งหมดให้เต็มที่ เพราะมันเป็นการจับเอา
 Fic เรื่องอื่นๆมายำแน่นอนไม่ได้เอาแต่ของพวกเราหรอกนะ แต่จะเอาของคนอื่นมาด้วย

ซึ่งบางทีคุณอาจจะได้เห็น เราเข้าไปป้วนเปี้ยนอยู่ในโลก
ของ วิน พ่อพระเอกจากซีรี่ย์ดวลการ์ดชื่อย้าวยาว

หรืออาจจะเห็นนิยายที่แต่งไม่จบอย่างเรือ่ง Chi me Ra ที่ค้างเติ่ง
อยู่ในบอร์ดนี้มีตัวละครของซีรี่ย์ใหม่นี้ไปแจมด้วยก็ได้ ที่สำคัญ

นิยายเจ๊จิงเราก็จะไปด้วยเลยเอ้า เอากะมันสิจะมั่วไปถึงไหน
แต่ขอบอกว่าเข้มข้นทุกตอนรับประกันความมั่วและฮาได้เลย

ปล.มันเป็นโลกคู่ขนานน่ะนะ คงไม่ถึงขนาดตามเข้าไป Cross Over แบบจะๆ
โดยไม่ขออนญาติอ่ะนะ
แต่จะเขียนโคงเรื่องขึ้นใหม่หน่อย โโยอาศัยโครงเก่าจากเรื่องเดิมจ้า

ซึ่งจะมันและมั่วขนาดไหนติดตามกันได้ใน Fiction Meister ACE หรือเรียกแบบเท่ห์ๆก็
ปรมจารย์แห่งการเขียน(มั่ว)ฟิค ACE นั่นล่ะจ้า

เหอๆ ขอตัวชิ่งก่อนล่ะเดี๋ยวโดนเจ้าเกรม่อนมาเก็บเอา







ถ้าจะมี ก็มีเเค่มุรามาซะนั่นเเหละ

สรุปว่า คุณเกรม่อนกับพัลม่อนกลายเป็น...กันไปเเล้วเร้อออออออ
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #30 on: June 29, 2009, 09:51:54 AM »

.............

-//นั่งเอ๋อกลายเป็นชาช่าซีโร่อยู่มุมห้อง
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #31 on: June 29, 2009, 03:03:05 PM »

คำพูดเจ้าการุรุม่อน นี่ทำเราเสียหลายรอบแล้วนะเนี่ย

จะบ้าเหรอ!! นี่แกจิ้นเข้าไปได้ไง คนเจ็บตัวทั้งคนนะว้อยยยย

อูยยยยย ว่าแล้วยังเจ็บมิหาย ดันซัดมาซะเต็มแรงเลย เกือบน็อคคาพื้น 

เอาเถอะ ก็ขอบใจ พัลม่อนจัง ด้วยล่ะกัน ที่ช่วยมาเล่นละครตบตาบวกคิดแผน
Cross Over แบบนี้ให้ไม่งั้น เรื่องคงไม่จบแหง อูยยยย ซี้ดดดด ว่าแล้วก็ขอครางไปพลางละกันนะ

เอาล่ะเข้ารเรื่องๆ มีคำถามที่ยังไม่ได้ตอบอีกเพียบ ไหนจะเรื่องที่ Legend DNA of Thaliwilya
จบแบบ End Bad แล้วยัง ทาลิวายครอสจะจบใน 5 Tag อีก

งั้นเริ่มจากการจบของ ทาลิดีเอ็นแองเจิลก่อนละกัน

ในตอนจบจะเห็นได้ว่า อวตารพระจิตชั่วร้าย ได้บุกเข้ามาในมิติของ ไดสุเกะ
แน่นอนอย่างที่อ่านผ่านกันมาแล้ว(ถ้ายังไม่อ่านไปอ่านมานะ)

ไดสุเกะ ขัดขืนบ่ได้เลย แถมยังไอ้พระเจ้าปลอมมันยังพูดถึงนักรบคนที่ 4 อีก
ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะรู้กันอยู่ว่าหมายถึงใคร นั่นแสดงว่าเรื่องที่ ธนัท ข้ามมาภาค
นี้ได้ ก็จะตอบคำถามของเรื่องทั้งหมดเลย อีกทั้งยังเรื่องที่ พวก ลอว์เรนซศ์ กลายเป็นแบบนั้นอีก

และพระเอกใน ซีรี่ย์สุดท้ายที่น่าจะมาในปี 2010 คือใครก็จะเปิดเผยในตอนจบของ ภาควายครอสนี้ครับ
ว่าแล้ว ขอตัวลาไปพิมพ์ต่อก่อนน้า อูยยยย เจ็บบบบบบ


ตอบคำถาม: ผมยังไม่ได้เป็นอะไรกับ พัลม่อนจังเค้านะ แค่เจ้า การุรุม่อน มันเอามาแซวเท่านั้นเอง
อย่าพึ่งจิ้นลึก

Quote
-//นั่งเอ๋อกลายเป็นชาช่าซีโร่อยู่มุมห้อง

มันคืออะไรอ่า ผมไม่เข้าใจ แจงให้ทีสิ









Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #32 on: June 30, 2009, 09:44:48 AM »

     ภาค D.N.Angel มาแล้ว   

Happy 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #33 on: July 04, 2009, 06:43:19 AM »

Tag 04 Y Cross Over พิชิตศึกรักสามเส้า

ความเดิมในตอนที่แล้ว: ระหว่างการปะทะกับ Dark Elite4 โยไร เรกกะ และ ยารุย ทั้ง3 ต่างเสียเปรียบ
ในการต่อสู้ที่ระดับพลังของอีกฝ่ายนั้น เหนือชั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานหลังการปรากฏตัวของ ลอว์เรนซ์

บุรุษผู้รับสืบทอดพลังแห่งอัศวินมังกรทาลิวิลย่า เมื่อครั้งอดีตกาลกว่า 200 ปีที่แล้ว
ลอว์เรนซ์เคยข้ามกาลเวลามาช่วย เรกกะ ใน การปฏิวัติเมื่อ 22 ปีก่อน ทว่าในการกลับมาครั้งนี้

เค้ากลับถูกพลังด้านมืดเข้าครอบงำ และเข้าจู่โจมใส่ พวก โยไร จนเกือบจะจัดการได้อยู่แล้ว ทว่า
ผู้ที่เข้ามาขวางระหว่างการต่อสู้คือ เด็กหนุ่มปริศนาสองคนผู้อ้างตัวว่ามาจาก อีกโลกและ

ได้ใช้พลังประหลาด หยุดยั้งการต่อสู้เอาไว้พร้อมกับ พาตัวโยไร ไปยังโลก ใหม่
โลกแห่งความเป็นจริง ที่นั่นพวกเค้าได้พบกับ ผู้แต่ง Fic ที่สร้างเค้าขึ้น เกรม่อน
 เด็กหนุ่มผู้ที่สร้างสรรค์พวกเค้าขึ้นมาบัด นี้ดวงชะตากำลังจะโคจรมาพบกัน.....


หอสมุดอนุสรณ์10ปี มหาลัย เกษตรศาสตร์ศรีราชา

ภายในห้องสำหรับบริการ คอมพิวเตอร์ซึ่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์ ตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะทั่วห้อง
ซึ่งภายในห้อง บัดนี้ มีเด็กหนุ่ม 3 คนโดยที่คนหนึ่งมีอายุประมาณ 19 ปี ซึ่งแก่กว่า
 ธนัท และ โยไร ถึง 4 ปีด้วยกัน

“ ตกลง ที่นี่คือ โลกที่เรียกว่าโลกแห่งความเป็นจริงงั้นเหรอ ”
โยไร เปรยขึ้นหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด จากปากของ ธนัท

“ ถูกต้องก็ตามนั้นล่ะ ที่นี่คือโลกที่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเหนือคำบรรยาย ตรรกะทางความเชื่อ
ของทุกคนจะขึ้นอยู่กับการพิสูจน์และวิจัย ผ่านทางวิธีการทางวิทยาศาสตร์เพราะ
ฉะนั้นอย่าเที่ยวไปพูดเรื่องเวทมนต์ สัตว์ประหลาดหรือมังกรเข้าซะล่ะ ”

ธนัท กล่าวเรียบๆอย่างไม่ร้อนรนขณะที่ เกรม่อน เด็กหนุ่มผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในโลกนี้กลับดู
จะมีท่าทีตกใจมากกว่าพวกเค้าเสียอีก


“ นี่เดี๋ยวสิ เรื่องนั้นน่ะช่างมันก่อนเถอะว่าแต่พวกนายน่ะมันเกิดจาก
จินตนาการของฉันไม่ใช่หรือไงแล้วอยู่ๆมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ไงกัน ”
เกรม่อน กล่าวท่าทียังคงแสดงออกถึงความสับสนและรนราน ต่อการมาของพวกเค้า



“ ก็แหมจะอธิบายยังไงดีล่ะ เอาเป็นว่า ล่าสุดนายกำลังดู การ์ตูนเรื่องอะไรอยู่เป็นหลักล่ะ ”
ธนัท ถามขึ้น ขณะที่ เกรม่อน ก็นั่งคิดถึงคำถามที่ ธนัท ถามมาพลางยกนิ้วขึ้นมานับไล่ไปเรื่อยๆ

“ เอ...ก็มี Nanoha Striker S, Code Geass R2, Samurai Sentai Shinkenger,
 Gundam 00 ภาค2 แล้วก็ Kamen Rider Decadeเอ๊ะเดี๋ยวสิแล้วนี่นายจะถามไปทำไมเนี่ย ”
เกรม่อน นับไปเรื่อยๆตามจำนวนเรื่องที่ตนนึกออก ก่อนจะเอะใจสงสัยว่า ทำไม ธนัท จะต้องถามแบบนี้ด้วย

“ ก็นั่นล่ะ เรื่องล่าสุดที่นายดู คือ Decade ใช่ไหมล่ะ นั่นล่ะ คือสาเหตุที่ฉันข้ามมาโลกนี้ได้  ”
ธนัท กล่าวตอบ ขณะที่ เกรม่อน กับ โยไร ยัง งงๆกับคำตอบของเค้า อยู่ดี

“ เอาล่ะเรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะที่สำคัญ น่ะ คือตอนนี้นายกำลังกลุ้มใจอยู่ใช่มั้ยล่ะ ”
ธนัท กล่าวยกเรื่องอื่นขึ้นมาโดยเลี่ยงที่จะตอบ คำถามในเรื่องการมาของพวกเค้า

“ ก...ก็ใช่อยู่หรอกแต่ว่านะ.. ”
เกรม่อน ตอบอย่างลังเลขณะที่ ธนัท เดินเข้ามาตบบ่าเค้าเบาๆพร้อมส่งสายตาอย่างมี
หวังให้แก่เค้า แต่มันกลับทำให้เค้ารู้สึกสะอิดสะเอียนแปลกๆ

“ เราก็มาช่วยเรื่องรักสามเส้าของนายไงล่ะ ”
ธนัท กล่าวจบ ลูกตาของ เกรม่อน ก็แทบจะทะลักออกมาจากเบ้าทันที พร้อมกับสีหน้า
 ผงะด้วยความแปลกใจสุดขีด

“ อ...เอ่อ ฉันว่าอย่าดีกว่านะ ”
เกรม่อน รีบ ปฏิเสธ ทันทีเมื่อ ธนัท เอ่ยปากจะช่วยในเรื่องของเค้า ขณะที่
โยไร นั้นยังคงสับสนกับ สถานการณ์ในตอนนี้ที่ไม่รู้ต้นรู้ปลายใดๆเลย

“ เอาน่าที่สำคัญฉันมีเรื่องที่จะบอกอีกอย่างด้วย ถึงต้องลำบากถ่อมาถึงนี่ไง ”
ธนัท กล่าวขึ้นแต่ยังไม่ทันจะอธิบายต่อ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะการสนทนาของพวกเค้า

“ เกรม่อนคุงงงงง!! ”
เด็กสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเกรม่อน ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับวิ่งตรงเข้ามาที่ประตูห้อง

“ หวา ซวยแล้ว ฉันขอตัวก่อนล่ะ!! ”
เกรม่อน กล่าวจบก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงต่อ รีบสาวเท้าโกยแนบเปิดประตูห้องวิ่งสวนเธอหนีไปทันที

“ สงสัยจะอาการหนักกว่าที่คิดนะเนี่ย ”
ธนัท เปรยขณะที่ทอดสายตามองทั้งสองวิ่งไล่กันออกจากห้องสมุดไป ขณะที่ โยไร
ก็ อดสงสัยไม่ได้ว่า พวกเค้าทำอะไรกันอยู่


…………………
…………………………

ภายในวิทยาเขต


อาณาบริเวณ ที่ครอบคลุมไปทั่วตั้งแต่เชิงเขา ไปจนถึง ตัวอาคารนับสิบหลังที่ตั้งเป็นบล็อกต่างๆ
เชื่อมกันด้วย ถนนหนทางที่ทอดยาวเป็นเหมือนท่อลำเลียง ที่คอยส่งน้ำไปหล่อเลี้ยง

แต่ละอาคารจะมีขนาดและลักษณะแตกต่าง กันโดยมีเอกลักษณ์ตามลักษณะการใช้งานของตึก
เช่นอาคารพละ ก็จะมีขนาดกว้างและ ภายในโอ่โถง เพื่อให้รองรับ จำนวนนักศึกษาที่จะเข้ามา
ใช้ทำกิจกรรมได้เพียงพอ

หรือ อาคารโรงอาหาร ที่มีบรรยากาศร่มรื่น เพื่อให้นักศึกษาที่มารับประทานอาหาร รู้สึก
อิ่มเอมกับบรรยากาศแบบธรรมชาติ (นี่มันรีสอร์ท หรือวิทยาลัยเขตกันแน่หว่าจนถึงตอนนี้ก็ยัง งง)


โรงอาหาร (บรรยายตั้งนาน สุดท้ายมาจบที่โรงอาหาร)

“ สรุปแล้ว เพราะ ธนัท เข้าไปช่วย โยไร จากโลกแห่ง วายครอส
แล้วก็เทคโอเวอร์หลุดมานี่เนี่ยนะ ”
เกรม่อน ทวนเรื่องราวทั้งหมดที่ฟังจากปากของธนัท อีกครั้งด้วยความที่ไม่อยากจะเชื่อหู
ของตนที่ได้ยินสิ่งที่ ธนัท อธิบายมา

“ อืม ก็ประมาณนั้นล่ะแต่ที่สำคัญกว่าอื่นใดมาวางแผน แก้ไขปัญหาหัวใจนายก่อนดีกว่าม้าง ”
ธนัท กล่าวพลางหยิบ แผ่นมันฝรั่งทอดในห่อที่วางอยู่บน โต๊ะเข้าปากอย่างสบายใจ
ด้าน โยไร ก็ยังคงตื่นเต้นกับสภาพรอบตัวที่แปลกตา กว่าที่เค้าเคยเห็น

ดีไซน์ของอาคารและ สภาพแวดล้อมของ โลกแห่งนี้ไม่เหมือนกับ โลกของเค้า
 ทั้งลักษณะชีวิตประจำวัน ความเชื่อ
เผ่าพันธุ์ การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ต่างๆ ทุกสิ่งนั้นล้วนดูแปลกใหม่ไปหมดสำหรับเค้า

“ นี่ โยไร ดูนายระสับระส่ายมาตั้งแต่เมื่อกี้ แล้วมีอะไรรึเปล่า ”
เกรม่อน หันมาถามเค้าด้วยความเป็นห่วง ซึ่งเค้าก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที

“ ม….ไม่ใช่หรอกนะ แค่รู้สึกว่า…ที่นี่มันแปลกๆน่ะ ”
โยไร กล่าวตอบแบบเก็บน้ำเสียง ด้วยว่าเค้ายังไม่รู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ซักเท่าใดนัก
เค้าจึงพยายามระวังการพูดการจาเอาไว้เป็นพิเศษ

“ งั้นเหรอหืม… แปปนะ มีโทรศัพท์มาน่ะ ”
เกรม่อน กล่าวจบก็ เอามือล้วงลงไปในกระเป๋าก่อนจะควักเอา โทรศัพท์มือถือที่มีหน้าตาประหลาด
กว่าแบบที่ในโลกของเค้ามีใช้ มันเป็นเครื่องทรงสี่เหลี่ยม ที่มีปุ่มกดน้อยปุ่ม

ซึ่งมีอยู่เพียงสามปุ่มด้านข้างเครื่องเท่านั้น พื้นที่เหลือด้านหน้านั้นเป็นจอภาพทั้งหมด
ที่หัวเครื่องมีแท่งที่คล้ายกับจะเป็นเสาสัญญาณทว่า เกรม่อน กลับชักมันออกมา

ซึ่งกลายเป็นว่ามันคือแท่งพลาสติกที่มีลักษณะคล้ายดินสอแทน
ก่อนที่จะนำเอาแท่งนั้นมา จิ้มลงไปบนหน้าจอซึ่ง ภาพบนจอก็ดูเหมือนจะตอบรับกับการ
แตะแท่งนั่นลงไปในแต่ล่ะครั้ง

“ ฮัลโหล ”
เกรม่อน กล่าวใส่โทรศัพท์ ก่อนที่จะมีเสียงดังตอบกลับมา

“ เกรม่อน จริงเปล่าที่ว่า ตอนนี้แกตกบ่วงรักสามเส้าอยู่น่ะ ”
เสียงนั้นดังกลับมาก้องจนออกมาจาก โทรศัพท์ที่แนบกับหูของ เกรม่อน
ซะจน โต๊ะข้างๆหันมามอง ซึ่งเกรม่อน ต้องรีบหลบหน้าด้วยความอายทันที

“ นี่พูดเบาๆก็ได้ แล้วไปรู้มาจากไหนเนี่ย ”
เกรม่อนกระซิบพลางเอา แท่งพลาสติก จิ้มลงไปบนจอเครื่องอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนเป็นเบา
เสียงการสนทนาลง

“ หุๆๆ ไม่งั้นมีหรือเค้าจะเรียกเดี๊ยนว่า การุรุม่อนเจ้าแม่ข่าวลือจมูกไวปานสุนัขน่ะ ”
เสียงนั้นตอบกลับมา อย่างเย่อหยิ่งซึ้งก็ทำเอาเค้ารู้สึกปวดหัวกับ กริยาของอีกฝ่าย
ระหว่างที่ เกรม่อน กำลังสนทนากับผู้ที่ติดต่อเข้ามา ธนัท ที่เกิดอยากรู้ว่า เกรม่อน
กำลังคุยเรื่องอะไรขึ้น จึงยก จี้ห้อยคอของตนขึ้นมา

“ คอรัส แฮคสัญญาณมาหน่อยสิ ฉันอยากรู้ว่าพวกเค้าพูดอะไรกันอยู่ ”
ธนัท กล่าวกับ จี้ห้อยคอของเค้า ก่อนที่มันจะตอบกลับมา

/always…..Linking Access….Process Complete/(ตลอดเลยนะ…
ทำการเชื่อมต่อ…การทำการเรียบร้อย)
เสียงของ จี้ห้อยคอกังวานขึ้นจบ บทสนทนาที่ เกรม่อน พูดกับ ผู้ที่โทรเข้ามาหาเค้าก็ดังขึ้นมาทันที

“ เอางี้นะถ้าแกกลุ้มใจอยู่ล่ะก็ ฉันจะให้แกปรึกษาพี่ ปิโย ดูก็แล้วกัน ”
สิ้นคำ การุรม่อน ก็โอนสายไปให้อีกสาย โดยที่ไม่ฟังคำตอบของ เกรม่อนก่อนเลย


“ ไงจ้า น้อง เกรม่อนคุง คนดีของพี่ อยู่ที่นั่นเบื่อไหมเอ่ย ได้ยินว่า ไข้หวัด 2009 ระบาดหนักเลยนี่ ”
เสียงหวานใสของหญิงสาวดังขึ้นมาแทน

“ ก็ไม่ค่อpน่าเบื่อหรอกคร้าบ แต่มีเรื่องเข้ามาทุกวันแบบนี้ก็ชักอยากจะเบื่อๆบ้างแล้วล่ะ
ส่วนหวัด 2009 ตอนนี้มีคนในsec เรียน เป็นหวัดกว่าร้อยคนแล้วล่ะพี่ แต่คิดว่า
ไม่น่าจะเป็น 2009 หรอกมั้ง ว่าแต่พี่จะชวนผมคุยเรื่องอะไรกันเนี่ย ”

เกรม่อน ตอบกลับไปเรื่อยๆ ก่อนจะดึงเรื่องกลับเข้าสู่หัวข้อของการสนทนาในครั้งนี้

“ อ๋อใช่ๆ การุรุม่อน เล่าให้พี่ฟังแล้วล่ะ น้องกำลังตกบ่วงรักสามเส้าอยู่ใช่เปล่า
 ว่าแต่เป็นยังไงมั่งล่ะ ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว กำลังจะถึงไคลแมกซ์ยังเอ่ย
 มีการตบตีแย่งชิงกันหรือยังใครบอกรักใครก่อน เล่ามาเลยพี่เตรียมอัดเสียงไว้แล้ว ”

เสียงตอบกลับของ ปิโยม่อนนั้น ดูสนอกสนใจออกนอกหน้าเหมือนเห็นปัญหาของเค้า
เป็นเรื่องเล่นเสียมากกว่า

“ นี่พี่ตั้งใจจะมาช่วยผมจริงรึเปล่าเนี่ย ”
“ อะก็จริงสิจ้า ”

“ แต่ดูเหมือนะพี่จะสนุกมากเลยนะ ”
“ แหมทำไมล่ะ ทุกทีพี่ก็เป็นคนสนุกอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วนี่ ”

“ เอ่องั้นผมต้องเล่าเรื่องให้ฟังใหม่หมดไหมเนี่ย ”
“ อันนั้นไม่ต้องหรอกจ้า การุรุม่อน เค้าเล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว ”

“ ถ้างั้นยิ่งต้องเล่าใหม่เลย ที่เจ้านั่นพูดไปมีเติมสีใส่ไข่แน่ชัวร์ ”

หลังจากบทสนทนาที่ผ่านมา เกรม่อน จึงเริ่มต้นเล่าปัญหาของตน ใหม่อีกครั้ง

……………………….


“ เรื่องก็เป็นอย่างที่ว่ามานี่ล่ะเพราะงั้น…. ”
หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดแล้ว เกรม่อน ก็รวบรวมแรงใจทั้งหมดเท่าที่มีพูด
ในสิ่งที่ตนเองไม่เคยคิดว่าจะได้พูดออกมาเลย

“ พี่ ปิโยม่อนคร้าบช่วยผมทีสิคร้าบ ”
เกรม่อน กล่าวออกไปอย่างเต็มปากเต็มคำ โดยที่สีหน้ายังแสดงอาการรับไม่ได้อยู่

“ แหม เกรม่อนคุง ไม่เห็นต้องร้อนตัวไปเลยก็ได้นี่ ใครๆก็ต้องเคยผ่านคำว่าครั้งแรกมากันทั้งนั้นล่ะ
ที่จริงพี่เองยังแอบอิจฉาเลยนะที่น้องตกบ่วงรักสามเส้าได้เนี่ย ”
ปิโยม่อน กล่าวเสียงใส ขณะที่ เกรม่อน แทบจะโต้กลับไปทันควันเมื่อเห็นว่า พี่สาวของตนไม่
เห็นค่าของแรงใจที่เค้ารวบรวมเพื่อพูดออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว

“ แล้วตกลงนี่พี่จะช่วยผมไหมเนี่ย นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะ ”
เกรม่อน กล่าวสุดเสียงด้วย โทสะที่เริ่มจะปะทุขึ้นมานิดๆแล้ว

“ อ๊ะ ตายจริง พี่ต้องไปแล้วล่ะ ผลเป็นไงมั่งอย่าลืมมาเล่าให้ฟังกันนะ ”
สิ้นคำ ปิโยม่อน ก็ตัดสายไปทันที

“ เดี๋ยวสิ พี่ปิโยม่อน พี่ พี่ ”
เกรม่อน ตะคอกใส่ โทรศัพท์ อย่างร้อนรนแต่ว่าก็ไม่ทันที่จะห้าม
การวางสายของ ปิโยม่อน ไปได้ ขณะที่เค้าพึ่งจะรู้สึกตัวว่า เสียงของ
เค้ามันย้อนก้องออกมาดังกว่าปกติ จนเมื่อหันกลับไปยังทิศ ของเสียงก็เห็นว่า เสียงของเค้ามันดังออกมาจาก
จี้ห้อยคอของ ธนัท นั่นเอง

“ นี่นายเอา Note นั่นมา แฮค สัญญาณฉันงั้นเหรอ ”
เกรม่อน กล่าวน้ำเสียงเดือดดาล ขณะที่ ธนัท กับ โยไร ถึงกับสะดุ้ง
ซึ่ง ธนัท แทบจะปิดการทำงานของ คอรัส แทบไม่ทัน

“ สงสัยไม่ดีแล้วมั้งเนี่ย ฉันว่าเราชิ่งก่อนดีกว่า ”
ธนัท กล่าวจบ ก็จูงมือ โยไร ลากหนีไปทันที ปล่อยให้ เกรม่อน ยืนหัวเสียอยู่ตรงนั้น

………………..
…………………….


“ นี่ เอ่อ คุณ… ”
โยไร เปรยขึ้นขณะที่พยายามจะเรียก ธนัท

“ ธนัท อ้อแล้วก็ไม่ต้องมี  “คุณ” ด้วยนะที่โลกของฉันมีหมอนั่นเรียกว่าคุณติดปากอยู่คนเดียวก็พอแล้ว ”
ธนัท แทรกขึ้นมา ก่อนที่ โยไร จะทันได้กล่าวต่อ

“ ธนัท นายพอจะบอกเหตุผลให้ผมฟังโดยละเอียดได้ไหม ว่าทำไมถึงได้พาผมมาที่นี่
แล้วยังพลังประหลาดนั่นอีก ”
โยไร กล่าวพลางจ้องไปที่ จี้ห้อยคอของเค้า ที่ใช้แฮค สัญญาณ โทรศัพท์ของเกรม่อนไป

“ อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ เอาไงดีล่ะงั้น ฉันจะแนะนำตัวเองก่อนก็แล้วกัน
อ้อเรื่องของนายไม่ต้องบอกฉันหรอกนะ เพราะฉัน รู้มาหมดแล้วล่ะ ”
ธนัท กล่าว ขณะที่ ล้มตัวลงนั่งบนเนินทุ่งหญ้าที่ ยกตัวเป็นลูกคลื่น
ในทุ่งที่ห่างออไป จากส่วนของ วิทยาเขต ไม่ไกลนัก

“ งั้นเริ่มจากเจ้านี่ก่อนเลย ชื่อของมันคือ คอรัส คนในโลกของฉันเรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า
Note เป็นอุปกรณ์ ที่มีการใส่ชุดคำสั่งโต้ตอบแบบผนึกมนตรา

ลงไปทำให้พวกมันเหมือนมีชีวิตสามารถพูดคุยโต้ตอบ และ
 รับรู้ความรู้สึกของ ผู้คนได้ ”                          /All right/(ตามนั้นล่ะ)

ธนัท อธิบายขณะที่ คอรัส เองก็ตอบรับขึ้นมาด้วย ทำให้ โยไร รู้สึกแปลกใจมากขึ้นไปอีก

“ แล้วก็ Note นี่น่ะเมื่อ เปลี่ยนเป็นโหมด Duel ก็จะมีรูปร่างเป็นปลอกแขนแบบนี้ ”
ธนัท กล่าวจบ คอรัส จี้ห้อยคอของ ธนัท ก็เรืองแสงขึ้นก่อนจะเปลี่ยนกลายเป็นเกราะ
ปลอกแขนเข้ามาประกบ กับแขน ซ้ายของเค้า

“ ในโหมดนี้ มันจะทำให้ฉันใช้พลังของ การ์ดพวกนี้ได้ ที่โลก
ของฉันเรียกมันว่า การ์ดซัมมอนเนอร์ ที่จริงที่โลกแห่งความเป็นจริงนี่ก็มีเหมือนกัน

แต่ไม่ได้มีพลังขนาดที่จะเอาใช้ ทำอะไรแบบที่นายเห็นได้หรอก
เพราะที่นี่มันก็เป็นแค่เกมอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง ”

ธนัท อธิบาย จบก็ล้มตัวลงนอน แผ่หลาอย่างสบายอกสบายใจ

“ นายเนี่ยเป็นคนอารมณ์ดีจังเลยนะ ”
โยไร เปรยออกมาจากท่าทีที่ ธนัท แสดงให้เค้าเห็น

“ ก็ประมาณนั้นล่ะ เพราะ เกรม่อน  เขียนให้ฉันเป็นแบบนี้นี่ อ้อจริงสิเกือบลืม
ไปเลยเรื่องที่ฉันมาพานายมาที่นี่น่ะ… ”
ธนัท กล่าวขึ้นพลางเด้งตัวกลับขึ้นมา แต่ทว่าก่อนที่จะทันเล่าเรื่องต่างๆ กลับมี
ปีศาจ สิบกว่าตนล้อมพวกเค้าเอาไว้โดยไม่รู้ตัว

ร่างของพวกมัน เป็นสีเทาซีด มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีโหนกและเขาแหลม
ร่างกายเป็นเนื้อไม้ที่ตายแล้ว
บริเวณนิ้วเท้านั้นเป็นรากไม้ ที่ยืดยาวออกมาราวกับกรงเล็บ

“ เหวอ…ป….ปีศาจพวกนี้มัน ”
โยไร อุทานขึ้นด้วยความผวา ขณะที่ ธนัท ดึงเอาไพ่ออกจาก ช่องเสียบสำรับ ออกมา ใบ 1


“ ชิ…เจตภูตรากไม้ต้องคำสาป  (Cursed Root Wraith) นี่พวกมันปรากฏตัวขึ้นในโลกจริง
ได้แล้วงั้น เหรองั้นก็หมายความว่าเจ้านั่นกำลังเคลื่อนไหวอยู่สินะ ต้องรีบแล้ว  ”
ธนัท สบถก่อนจะ ร่ายการ์ดในมือ ออกไป  การ์ดที่โยนออกไปนั้น กลายเป็นร่างของ
 มังกรซาลามันเดอร่า ที่มีขนาดตัวและปีกใหญ่กว่าปกติทั่วไป (Salamandera, the Fire Dragon)




“ เผาไอ้พวกรากไม้นี่ให้ราบไปเลย ราชันย์มังกรอัคคีซาลามันเดอร่า ”
สิ้นคำของ ธนัท ซาลามันเดอร่า ก็พ่นเพลิงออกมากวาดเผาร่างของ
พวกมันจนวอดวายไปหมดในคราเดียว ทว่า กลับเกิดสิ่งผิดปกติขึ้นกับร่างของ ธนัทเช่นกัน
เพราะร่างของเค้าค่อยๆจางลงไปเรื่อยๆทุกขณะ

“ ธนัท ร่างของนายมัน.. ”
โยไร อุทานขณะที่สายตาก็จับจ้องไปที่ร่างซึ่งกำลังจะเรือนหายไปของ ธนัท

“ แย่ล่ะ เพราะมัวแต่ชักช้าเวลาในการ ข้ามมิติหมดแล้วงั้นเหรอเนี่ย ฟังนะ โยไร
นายต้องหาคำตอบของนายคำตอบในการต่อสู้ของนาย แล้วก็ช่วย เกรม่อน

 หาคำตอบให้กับหัวใจของเค้าด้วย นี่คือสาเหตุที่ฉันพานายมาที่นี่ ถ้านายไม่รีบล่ะก็
เวลาของนายก็จะหมดลงเหมือนกัน ถึงตอนนั้น เจ้า พระจ้านั่นก็จะ….. ”

ธนัท ยังไม่ทันจบร่างของเค้า ก็หายไปก่อนเสียแล้ว

“ ธนัท…ธนัท…ถ้าผมทำไม่สำเร็จแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ”
โยไร เปรยขณะที่ เหม่อมอง ไปรอบๆตอนนี้ เหลือเพียงตัวเค้าคนเดียว
ไม่มีคนที่จะคอยแนะนำแนวทางใดๆให้อีกแล้ว

“ ถ้ายังไงเราไปสมทบกับ เกรม่อน ก่อนดีกว่า เพราะยังไงเค้าก็น่าจะช่วยเราได้
 แล้วอีกอย่าง ถ้า ธนัท ยังหายไปแบบนี้ ที่โลกเดิมของเรา จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้ ”
โยไร คิดก่อนจะออกวิ่งเพื่อกลับไปตามหาตัว เกรม่อน

……………….
………………..
……………………..


“ เกรม่อน…. ”
โยไร ตะโกนเรียกหา จนเมื่อเค้ามาถึง ข้างมุมของอาคารแห่งหนึ่ง เค้าก็เงียบเสียงไปเพราะ
เห็นเกรม่อน กับ เด็กสาวที่มาตามเค้าที่ห้องสมุดเมื่อกลางวันและ เด็กหนุ่ม

กำลังมีปากเสียงกัน โยไร ยืนมองดูอยู่ห่างๆ จากมุมนี้ เค้าได้ยินเสียงที่ตะคอกใส่หากันดังขึ้น
สองสามประโยค จากนั้น เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงนั้นก็ ซัดหน้า เกรม่อน จนล้มผับลงไป

ก่อนจะมีปากเสียงกันอยู่อีกพักหนึ่ง เด็กหนุ่มกับเด็กสาว ที่มาตามเค้าในห้องสมุดเมื่อกลางวัน
 จึงเดินจากออกไป โดยมีเด็กหนุ่ม เป็นฝ่ายจูงมือลาก เด็กสาวไปขณะที่ เธอยังคงร้องไห้ เสียใจอยู่
เมื่อเห็นว่า คนอื่นไปกันหมดแล้ว โยไร จึงวิ่งเข้าไปช่วยพยุงร่างของ เกรม่อน ขึ้นมา

“ เป็น อะไรมากรึเปล่า เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ ”
โยไร กล่าวถามด้วยความสงสัยขณะที่ช่วยพยุงให้ เกรม่อน ลุกขึ้น

“ อูยยย....ก็แค่เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะ ตอนนี้เรื่องของ ฉันเคลียแล้ว เหลือแค่พวกนายเท่านั้นล่ะ
คิดจะทำอะไรต่อไปอีกล่ะ ”
เกรม่อน กล่าวถามขณะที่เอามือกุมริมฝีปากที่ ห้อเลือดจากการถูกซัดเมื่อครู่

“ เอ่อคือ เรื่องนั้น.......ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไง ธนัท
เองก็หายตัวไปแล้วด้วยตอนนี้มีแต่นายเท่านั้นที่ผม....จะพึ่งพาได้... ”
โยไร กล่าวด้วยท่าทีที่ลังเล ตอนนี้เค้าไม่รู้ว่า เกรม่อน จะยอมช่วยเค้าหรือไม่

“ นายจะกลับใช่ไหมล่ะ.... ”
เกรม่อน เปรยขึ้น ก่อนที่ โยไร จะหันมามองด้วยความสนใจ

“ ที่จริงแล้ว ฉันเองก็เคยคิดเอาไว้เล่นๆใน หัวครั้งหนึ่งนะ ว่าถ้าพวกนาย ข้ามมิติมาได้ก็คงดี
 แล้วมันก็เป็นจริง และถ้าเป็นที่อย่างที่ฉันคิดล่ะก็ จากที่ ธนัท เล่าให้ฟังว่าใช้พลังของ การ์ดพานายมา
 อีกเดี๋ยวเวลาก็คงหมดแล้วนายก็จะถูกส่งกลับไปเอง ”
เกรม่อน กล่าวขณะที่ โยไร เมื่อได้ฟัง คำพูดของ เกรม่อนแล้ว ก็รู้สึกมีหวังขึ้นมา
ขณะที่ เกรม่อน จ้องมองการตอบกลับของเค้าอยู่ก่อนจะ ถอนหายใจออกมา

“ ถ้านายเอาแต่หนีความรู้สึกจริงๆของตัวเองไปเรื่อยๆแบบนี้ นายก็ไม่มีทางจะก้าวต่อไปได้หรอก ”
เกรม่อน เปรยออกมาด้วยน้ำเสียง เหนื่อยหน่าย เหมือนกับไม่พอใจกับ ทีท่าของ โยไร ก่อนจะเดิน
จากไปโดยไม่เหลียวกลับมา ทิ้งให้ โยไร ยืนมองเค้าด้วยความสงสัยกับคำพูดที่เค้าทิ้งไว้ให้

“ ตอนนี้ ที่โลกของเรา ทุกคนจะเป็นอะไรกันรึเปล่านะ คุณ เรกกะ
เองยังสู้พวกมันไม่ได้เลย ยารุย เองก็....จริงสิ ยารุย เป็นผู้ใช้พลังของ Yin Cross

ถ้าเรากลับไป....ถ้าจัดการกับพวกนั้นได้แล้ว ต่อไปเราจะทำยังไงดีล่ะ....เรากับ ยารุย  ก็ต้องเป็น
ศัตรูกันน่ะสิ ....แล้วก็ถ้ากลับไปเราก็ต้องกลับไปสู้อีกงั้นเหรอ....... ”

โยไร คิดขณะที่ เดินไปตามท้องถนนในยามราตรีนี้ ก่อนจะหยุดเดินลง เพราะความคิดใน
หัวที่เริ่มจะขัดแย้งกันเอง แม้ใจหนึ่งจะอยากกลับไปที่โลกของเค้าเพื่อช่วยเหลือทุกคนแต่

หากเค้ากลับไป ก็จะต้องต่อสู้อีก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ตัวเค้าเกลียดที่สุด และยังอาจจะต้องเป็นศัตรู
กับเพื่อน อย่าง ยารุย อีกก็เป็นได้ท่ามกลางความสับสน ในใจของเค้าตอนนี้มันทำให้เค้าตัดสินใจ
ไม่ถูกว่าควรจะกลับไปดีหรือไม่

“ พวกคุณทำให้เราผิดหวังแค่ไหน!!! ”
“ ตบลงไปสิตักน่ะ มันเจ็บนักเหรอแค่เนี้ยน่ะ นี่น่ะเหรอ ระเบียบเชียร์ที่เราสอนพวกคุณน่ะ ”
“ ไม่ได้เรื่องเลย พวกคุณเคยฟังเราบ้างไหม!! ”

เสียงตะคอกที่บันดาลออกมาด้วย โทสะ ดังก้องขึ้นมาระหว่างที่ โยไร กำลัง คิดเกี่ยวกับปัญหาในใจของเค้า
ด้วยความสงสัย เค้าจึงพยายามตามหาที่มาของเสียง เค้า ค่อยเดินเลาะไปตามทางลาด
ที่เชื่อมลงไปยังถนนชั้นล่าง ก่อนจะ แหวกแนวพุ่มไม้ที่อยู่ตรงข้างทางออกเพื่อจะยื่นหน้าเข้า

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #34 on: July 04, 2009, 06:43:43 AM »

ไปดูที่มาของเสียงนั้น ที่ด้านล่าง กลุ่มนักศึกษา จำนวนหลายพันคน ทั้ง ชายและหญิง กำลัง
ถูกกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ ตะคอกใส่ โดยที่ยืนล้อมรอบพวกเค้าไว้ ในบรรดา นักศึกษาที่ ถูกจับนั่งล้อมอยู่นั้น

มีคนที่มีสภาพอิดโรย และบาดแผลเต็มไปทั้งหน้าตักซึ่งอาบด้วยเลือดที่ ไหลออกมาจากแผลของเจ้าตัว
ที่มือของนักศึกษาทุกคนที่ถูกจับนั่งล้อมไว้นั้น จะมีสนับเหล็กซึ่งยึดด้วยหัวตะปูหนาม ที่อุ้งฝ่ามือของ

ทุกคนมือ เมื่อพวกนักศึกษารุ่นพี่ สั่งขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง ซึ่ง เค้าเองก็ไม่รู้ว่าพูดว่าอะไรเพราะอยู่ไกลเกินกว่า
จะได้ยิน  แต่ที่เค้าแน่ก็คือ พวกนักศึกษารุ่นน้องที่ถูกจับล้อมเอาไว้นั้น กำลังถูกข่มขู่ให้ทำร้ายตัวเองโดยการ

ตบมือที่มีสนับตะปูลงไปบนตักแรงๆจนเป็นแผลเหวอะ คนที่ไม่ทำตามก็จะถูกรุมซ้อมทำร้าย ให้ยอมทำตาม
หรือใครก็ตามที่ไม่ไหวก็จะถูก ลากตัวออกมาแล้วโยนลงไปใน หลุมดินที่ขุดขึ้นบนพื้นสนามหญ้า

ซึ่งตอนนี้จำนวนกองร่างของนักศึกษา ที่ถูกลากออกมานั้นเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นาน ก็มีนักศึกษารุ่นพี่
เอา ขวดแก้วมาราดของเหลวบางอย่างลงไปก่อน จะถอยออกมาไกลจากหลุมเล็กน้อย แล้วจุดไม้ขีดไฟ

โยนลงไปในหลุม ทันทีที่ไฟสัมผัสถูกของเหลวนั่น ก็ลุกโชนขึ้นมาเผาร่างของเหล่า นักศึกษารุ่นน้องที่
ถูกลากออกมากองลงไปในหลุม  ย่างสดทั้งเป็น คนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ร้องเสียงโหยหวน ออกมาอย่างทรมาน

โดยที่เหล่า นักศึกษารุ่นน้องที่ยัง มีชีวิตอยู่ใน วงล้อมก็ได้แต่กล้ำกลืนความกลัวที่บาดลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจ
กับสภาพที่อีกไม่นานตนอาจจะต้องลงไปอยู่ในกองไฟก็เป็นได้

“ น....นี่มันอะไรกัน.....โหดร้ายที่สุดเลย... ”
โยไร อุทานด้วยสีหน้าผวากับสิ่งที่เห็น จนต้องถอยผงะออกมา

“ โหดร้ายเหรอ....ก็คงงั้นล่ะ ”
เสียงนี้ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเค้า โยไร รีบหันกลับไปทันที ซึ่งเจ้าของเสียงนั่นก็คือ เกรม่อน น่ะเอง

“ ก....เกรม่อน..นายเองเหรอ เฮ้อ ตกใจหมดเลย.. ”
โยไร เปรยอย่างโล่งออก ขณะที่ เกรม่อน เดินเข้ามานั่งยองๆลงข้างๆเค้า

“ นายรู้อะไรไหม เรื่องพวกนี้สำหรับมันอาจจะดูโหดร้าย แต่นี่ล่ะคือสิ่งที่เรียกว่าการปกครอง
คนที่ไม่เชื่อฟังจะต้องถูกกำจัด ส่วนคนที่ใช้การไม่ได้ก็สมควรที่จะอยู่ ที่นี่เป็นโลกแบบนั้นล่ะ ”
เกรม่อน กล่าวเสียงเรียบเฉย ราวกับเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นเรื่องปกติ

“ ต...แต่ว่านั่นน่ะมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกเลยนะ แค่เพราะทำไม่ได้ ก็ถึงกับต้องกำจัด
ทิ้งเนี่ย...มันโหดร้ายเกินไปแล้วนะ ”
โยไร แย้งขึ้นมาหลังจากที่ฟังสิ่งที่ เกรม่อน พูดเค้าไม่เห็นด้วยเลยที่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเพียงสิ่งที่
มองผ่านตาไปเฉยๆได้

“ นายน่ะไม่รู้อะไรหรอก โยไร เพราะฉันสร้างนายกับโลกของนายขึ้นมา
 จากความคิดที่ตรงกันข้ามในโลกแห่งความเป็นจริงนี้....หึ การปกครองที่ยุติธรรม

งั้นเหรอ การเห็นใจกันงั้นเหรอ นั่นน่ะเป็นแค่เรื่องที่เป็นได้แค่ในจินตนาการเท่านั้นล่ะ
 ในโลกแห่งความเป็นจริงผู้แข็งแกร่งคือผู้ที่อยู่รอด โลกของปลาใหญ่กินปลาเล็ก

 โลกที่อำนาจคือพลัง และ ทรัพย์สินคือ พระเจ้า กฎหมายก็เป็นแค่เครื่องมือของผู้มีอำนาจ
ทรัพย์สินคือ พระเจ้าที่บันดาลทุกสิ่ง ความคิดของผู้คนในโลกนี้น่ะ...มันเป็นแบบนี้ไปกันหมดแล้ว
เพราะงั้น ความขัดแย้งถึงได้เกิดขึ้น การสูญเสียจึงถูกละเลย มันเป็นเรื่อง ธรรมดาไปแล้วล่ะ สำหรับฉันน่ะ ”

เกรม่อน กล่าวเสียงเรียบอย่างรู้สึกรู้สาอะไรกับ เรื่องที่เลวร้ายในตอนนี้เลย

“ อ...อะไรของเค้ากันเนี่ย พูดออกมาได้หน้าตาเฉยเลย...ทั้งที่มันเป็นเรื่องที่
ไม่น่าจะมองข้ามไปได้เลยด้วยซ้ำ ”
โยไร คิด เค้าไม่นึกเลยว่า เกรม่อน จะเป็นคนที่มองข้ามความรู้สึกและความเป็นตาย
เป็นเพียงเรื่องธรรมดา

“ ชีวิตคนเรา มันก็แค่ตัวหมากล่ะนะ...ถ้ามีค่าพอจะให้ใช้ก็ต้องดูแลรักษา
ตัวไหนหมดประโยชน์ก็เขี่ยทิ้งซะ นี่ล่ะคือสิ่งที่เรียกว่าสัจธ.... ”
“ ไม่ใช่นะ! ”

ก่อนที่ เกรม่อนจะทันกล่าวจนจบ โยไร ก็ตะคอกแทรกขึ้นมาทำให้ เกรม่อน
ต้องชะงักไปมองเค้าด้วยสายตาสงสัย

“ นายน่ะ...ทำไม....ทำไมถึงได้พูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้โดยไม่รู้ สึกอะไรเลย...
ความเป็นจริงอะไรกันนี่มันก็แค่หนีปัญหาเท่านั้นเองไม่ใช่หรือไง....นายก็น่าจะเห็นนี่ การที่คนเรา

จะถูกมองแค่ว่ามีค่าหรือไม่มีค่าน่ะมันถูกต้องแล้วงั้นเหรอ โลกที่เป็นแบบนั้นน่ะ มันไม่ใช่โลก
แล้วแต่มันเป็นนรกเลยต่างหาก ”

โยไร ตะคอกขึ้นมาโดยหวังจะให้ เกรม่อน ถอนคำพูดในสิ่งที่เค้าพูดมา
พยายามจะชี้ให้เค้าเห็นว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องโดยปกติที่จะเมินเฉย

“ งั้น ที่นายทำอยู่ที่โลกของนายน่ะ ไม่ใช่อย่างที่ฉันกำลังทำอยู่รึไง.... ”
เกรม่อน เปรยเสียงเรียบขึ้นมา คำพูดนั้นทำให้ โยไร สะดุดไป

“ โยไร นายเอง ก็ปฏิเสธที่จะสู้เพื่อคนอื่นไม่ใช่เหรอ...นายเกลียดความรุนแรงนี่ ถึงได้ไม่ชอบให้
ยารุย เพื่อนของนายไปทำงานที่รุนแรง ปฏิเสธคำขอร้องของ R2 ที่ขอให้นายช่วยเหลือ โลกของนาย

 กำลังจะเป็น นรกเหมือนอย่างที่นายบอกนั่นล่ะ นายปฏิเสธที่จะใช้พลังที่มีอยู่
ถ้าตอนนี้ ฉันขอร้องให้นายช่วย...นายจะยอมสู้ตามคำขอร้องของคนที่ไม่รู้จักหน้าอย่างฉันไหมล่ะ ”

เกรม่อน ตะคอกกลับใส่ ขณะ ที่โยไร ได้แต่นิ่งอึ้งกับสิ่งที่ เกรม่อนตอบเค้ามา
เมื่อหันกลับมาย้อนมองดูตัวเค้าที่ผ่านๆมาแล้ว ก็เป็นตามนั้น

“ จริงสิ...เราเองก็เอาแต่ปฏิเสธเรื่องนี้มาตลอด ที่ผ่านๆมาเราเองก็ได้เห็นแล้วว่า อาคุม่า ทำอะไรเอาไว้บ้าง
แต่เราเอง กลับมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ ...เพราะคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา เรื่องแบบนี้ให้
 พวกคุณ R2 ไปจัดการกันเองก็ได้ เราเอาแต่คิดแบบนั้น แล้วก็ปฏิเสธมาตลอดนี่เรา.....เรา ”

โยไร คิดก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้วยความรู้สึกช็อกกับสิ่งที่ตัวเองทำมาโดยตลอด โดยมีสายตาของ เกรม่อน ที่
เหมือนจะรอคำตอบของเค้า

“ ตอนนี้ผมเองก็เข้าใจความหมายที่ผมต้อง ตกเข้ามาอยู่ในวังวนของการต่อสู้แล้ว ผมจะไม่ปฏิเสธ
มันอีกแต่จะก้าวข้ามมันไปให้ได้ ”
โยไร กล่าวพลางกำหมัดแน่น ก่อนจะค่อยลุกขึ้นมาพร้อมกับ ล้วงเอา แผ่นกระจกของเค้าขึ้นมา

“ ถ้าแค่โลกของผมเองยังปกป้องไม่ได้...แล้วผมจะไปปกป้องอะไรได้ล่ะ เพราะฉะนั้น
ผมจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เมื่อกลับไปที่โลกของผมแล้ว ผมจะสู้เพื่อไม่ให้ โลกต้องกลายเป็นแบบนี้..
.เกรม่อน ที่นายถามผมว่าจะทำตามที่ขอไหมนั่นน่ะ....ผมขอยอมรับข้อตกลงนั้น ”

สิ้นคำของ โยไร แผ่นกระจกของเค้าก็ส่องประกายแสงขึ้นมาก่อนที่ ภาพร่างของ นักศึกษารุ่นพี่
เหล่านั้นจะแตกทลายลงและกลายเป็นเหล่า ภูตรากไม้ต้องคำสาป ที่เค้า กับ ธนัท เจอเมื่อตอนเย็น
แทน ก่อนที่หน้าของแผ่นกระจกจะสะท้อนภาพของพวกภูตราไม้ และเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งหน้า

“ พลังของหมอนี่ สามารถทำลายภาพลวงตาที่โลกนี้สร้างขึ้นมาได้ด้วยงั้นเหรอเนี่ย ”
เกรม่อน คิดขณะที่ มองลงไปมองภาพเบื้องล่างที่ เหล่านักศึกษารุ่นน้องซึ่งเป็นชั้นปีเดียวกับเค้า
 พากันวิ่งหนีเตลิดทันทีที่เห็นร่างของ พวกรุ่นพี่กลายเป็น ตัวประหลาดไป

“ เฮนชิน!!~ ”
โยไร กล่าวจบก็ติดกระจกลงไปที่หัวเข็มขัดที่เค้าเอาไว้ก่อนแล้ว ก่อนจะวิ่งลงไปตามเนินลาด
 ขณะที่เปลี่ยนร่างเป็นไปด้วย

/ Yang Cross F…F…Freedom /
สิ้นเสียงที่กังวานออกมาจากเข็มขัด ร่างของ โยไร ก็กลายเป็นอัศวินมังกรทาลิวิลย่า ไปในทันที
ก่อนจะชักเอา ดาบ Falqualooke ขึ้นมาแล้วบินลงไป  ฟาดฟัน กับพวก เจตภูตรากไม้ ที่ด้านล่าง

“ กะว่าจะทำให้หมอนั่นรู้สึกตัวซะหน่อยสงสัยจะได้ผลเกินคาดแหะ เอาเถอะก็ยังดีกว่าให้
เจ้าพวกนั้นมายุ่งเรื่องของเราล่ะนะ ”
เกรม่อน เปรยออกมาอย่างเย็นใจ ขณะที่ล้วงมือซ้ายลงไปในกระเป๋ากางเกง

/Advent Beam Gun Arm/
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกับ ที่ โยไร ยิงสาดลำแสงออกมาจาก ปืนลำแสงของเค้า จนเจตภูตรากไม้
 ถูกเผาทำลายไป นับ 10 ตนในคราเดียว

“ กรี้ดดดดดด ”
“ ช่วยด้วย!!! ”

เสียงกรีดร้อง และเสียงขอความช่วยดังขึ้นรอบด้านของ โยไร
ด้วยเพราะจำนวนของคนที่เค้าต้องปกป้องมีมาเกินไป และ เจตภูตรากไม้เหล่านี้ยังมีมากเกินกว่า

ที่เค้าจะรับมือไหว ทำให้ตอนนี้สถานการณ์เริ่มแย่ลงเมื่อ เค้าไม่สามารถที่จะใช้อาวุธของตนเข้าไป
จัดการได้เพราะจะทำให้ คนรอบๆถูกลูกหลงไปด้วย

“ จัดการมัน ”
เจตภูตรากไม้ตัวหนึ่ง ประกาศก้องขึ้น ก่อนที่ เจตภูตรากไม้  ที่เหลือจะเข้าไป รุมทำร้าย
 โดยทุกครั้งที่จะ โยไร จะโต้ตอบ เจ้าเจตภูตรากไม้ ตัวหัวโจกที่สั่งให้ลูกน้องเข้าไปรุมเค้า

 ก็จะยกตัวประกันขึ้นมา ขู่ตลอด
ทำให้ โยไร ไม่อาจต่อกร ได้และถูก พวกมัน อัดทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว

“ เฮ้อ สงสัยต้องช่วยซะแล้วมั้งเนี่ย ”
เกรม่อน เปรยจบก็ค่อย ไถลลงไปตามเนินลาด สวนกระแสนักศึกษาคนอื่นๆที่วิ่งหนีตายกลับขึ้นไป
จนเมื่อลงมาถึง ด้านล่างแล้ว เค้าก็มองหาช่องทางที่จะแทรกตัวเข้าไปในวงล้อมของ

เหล่าเจตภูต แต่ยังไม่ทันจะได้คิด ก็มีเจตภูตรากไม้ตนหนึ่ง วิ่งเข้ามาหมายจะทำร้ายเค้า
แต่ก็ถูก เค้า ถีบยันกลับมา จนทำให้ เหล่าเจตภูตรากไม้ตัวอื่นๆ หันมาสนใจ

“ ก....เกรม่อน... ”
โยไร เปรยน้ำเสียงตะกุกตะกัก จากความบอบช้ำที่ถูกรุม จนลงมานอนกอง

“ ดูไม่ได้เลยนะ โยไร ...อีกอย่างที่นี่มันโลกของ ฉันนะ นายเล่นมาแย่งงานคนอื่นเค้าแบบ
นี้น่ะมันไม่ดีหรอก ถึงคนขอร้องให้ช่วยจะเป็นฉันก็เถอะ ”
เกรม่อน กล่าวขณะที่ล้วงมือซ้ายที่ ออกจากกระเป๋ากางเกงซึ่งในมือนั่นกำเอา แท่งพลาสติกอันเล็กๆ
ขึ้นมาด้วย พร้อมกันกับที่มือขวานั้น เหน็บเอากล่องตลับไพ่ สีดำขึ้นมาเหน็บกับ เอวไปด้วย

“ แก...คิดจะต่อต้านพวกเรางั้นเรอะ ”
หัวหน้าของเหล่า เจตภูตรากไม้ กล่าวขึ้น ขณะที่ เกรม่อน เอานิ้วดันฝาตลับไพ่ที่เหน็บเอวอยู่
ให้เปิดออกก่อนจะหยิบเอาไพ่ใบ 1 ออกมาแล้วปิดฝาตลับไป

“ ใช่..ด้วย แฟลชไดร์ฟ(USB Driver) อันนี้นี่แหล่ะ ”
เกรม่อน ตอบพลางโชว์แท่งพลาสติกในมือให้ดู มันคือ แท่งแฟรชไดรฟ์ ที่ใช้เก็บข้อมูล คอมฯ นั่นเอง

“ จะใช้ไอ้นั่นมาสู้กับพวกเรางั้นเหรอ.....แกคงจะประสาทไปแล้วแน่ ไม่ต้องไปสน
มันจัดการทุกคนที่ต่อต้านซะ ”
หัวหน้าของเหล่า เจตภูตรากไม้ กล่าวจบพรรคพวกของมันก็แห่จะเข้ามา แต่ก่อนนั้น
เกรม่อนได้เปิด ฝาครอบตัวแฟรชไดร์ฟออก เผยให้เห็นหัวสำหรับเชื่อมเข้ากับช่องส่งถ่ายข้อมูลของ

 แฟรชไดร์ฟ ก่อนจะชูไพ่ในมือขึ้นซึ่ง รูปบนไพ่นั้นเป็นรูปของอัศวินในชุดเกราะสีดำ
ทันทีที่ เกรม่อน นำเอาหัวเชื่อมของ แฟรชไดร์ฟ รูดลงไป บนภาพของไพ่ นั้นก็เกิดประกายแสงส่อง

สว่างออกมา เป็นตัวอักษรตัว A ขนาดใหญ่ พุ่งออกมาจากไพ่กระแทกชนร่างของพวกเจตภูต
จนกระเด็นออกไปก่อนที่ ตัวอักษรแสงนั้น จะพุ่งถอยกลับมาประทับกับร่างของเค้า และดึงเอามิติรอบๆ
ให้บิดผันจนกลายเป็นร่างเงาแยกขึ้นมาหลายๆร่าง และเข้าไปรวมกันที่ร่างของ เกรม่อน

/Fiction Meister ACE/
เสียงดังก้องสูงๆต่ำๆเหมือนเสียง ของคอมพิวเตอร์ดังขึ้นพร้อมที่ตัวอักษรสลายไปและ
 ปรากฏร่างของ เกรม่อนที่สวมชุดเกราะสีดำ พร้อมกับที่ แฟรชไดร์ฟ ในมือกลายเป็นดาบยาว
เล่มใหม่เล่มหนึ่งซึ่งที่ด้ามของดาบนั้นมี ช่องที่มีขนาดพอจะให้ รูดบัตรหรือการ์ดผ่านไปได้



“ ก....เกรม่อน นาย แปลงร่างได้!! ”
โยไร อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตา

“ ก...แกเป็นใครกันแน่.. ”
หัวโจกของกลุ่มเจตภูต ถามขึ้นโดยที่เริ่มจะระแวงในตัวของ เกรม่อน ขึ้นมาแล้ว

“ ฉันก็แค่นักเขียน Fic ที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น... ”
เกรม่อน กล่าวพลางเปิดตลับการ์ดออก แล้วหยิบเอาการ์ดออกมาจากตลับ 1 ใบ
ก่อนจะรูดลงไปที่ช่องรูดการ์ดของ ดาบ

/Character Write!! .... Recca!!/
เสียงดังขึ้นหลังจากที่การ์ด ถูกรูดออกจาก ด้ามดาบ รูปบนไพ่นั้นเป็นรูปของ เรกกะ
ที่สวมชุดแจ๊คเก็ตแขนยาวสีแดง  ตัดลายขาวเป็นตารางทั้งตัว  และทันทีที่ เกรม่อน แสดงการ์ดใบนั้นก็เกิด

ตัวอักษรแสงสีแดงรูปตัว R ประทับบนร่างของเค้า ก่อนที่จะดึงเอามิติรอบๆบิดผันจนเป็นร่างเงา
 เหมือนตอนที่แปลงร่างตอนแรก เข้ามา และเปลี่ยนร่างของ เรกกะ ดังในรูปบนการ์ด ทันทีที่
ตัวอักษรแสงแตกสลายไป ส่วนดาบนั้นกลับคืน เป็นแฟรชไดร์ฟ อีกครั้ง

“ ก...กลายเป็นคุณ เรกกะ ไปแล้ว.. ”
โยไร เปรยด้วยความประหลาดใจขณะที่ ยันตัวลุกขึ้นมายืน มองดูร่างของ เกรม่อน ที่เปลี่ยนไปมา
อย่างน่าอัศจรรย์

“ เอาล่ะแล้ววันนี้จะใช้ฟอร์มไหนดีล่ะเนี่ย มีเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยแหะ
 งั้นเอา เจ้าทาลิคนัส ก็แล้วกัน ”
เกรม่อนในร่างของ เรกกะ กล่าวขึ้น ก่อนที่จะเปิดฝาตลับที่ข้างเอวออก แล้วหยิบเอาการ์ดในนั้นออกมา
ชุดหนึ่งซึ่งมี 6 ใบแล้วเลือกเอาจากหนึ่งในนั้นมาก่อนจะเก็บที่เหลือไป แล้วเอาใบที่เลือกมานั้นรูด
ผ่านด้วย หัวเชื่อมต่อของ แฟรชไดร์ฟ ในมือ

/Formed Write!! Recca Blaze!!/   “ Blaze Form Regeneration ”
สิ้นเสียง ร่างของ เรกกะ ที่ เกรม่อน จำแลงมาก็เปลี่ยนเป็น อัศวินมังกรทาลิวิลย่าแห่งเพลิงของ
อาริมาเทีย ทาลิคนัส แบบเดียวกับที่ เรกกะ ตัวจริงสามารถทำได้

“ โอเระ ทันโจว มันแปลว่าพระเอกมาแล้ว ”
ทันทีที่ เกรม่อน กลายร่างเป็นทาลิคนัส น้ำเสียงกับท่าทาวงก็เปลี่ยนตามไปด้วย
 เป็นเหมือนตอนที่ เรกกะ เปลี่ยนร่างเป็นทาลิคนัส ไม่มีผิด พร้อมกันทั้งแฟรชไดร์ฟ
เองก็เปลี่ยนเป็นดาบอัคคีตามแบบในภาพของ การ์ที่เค้ารูดไปเช่นกัน

“ เลวๆอย่างพวกแกน่ะไม่มีออมมือให้หรอกนะเว้ย ไคล์แมกซ์กันตั้งแต่ต้นจนถึงจบไปเลย ”
ทาลิคนัส กล่าวจบก็บุกฝ่าเข้าไป ฟันเหล่า เจตภูตรากไม้อย่างบ้า ระห่ำ

“ ม...เหมือนกับคุณเรกกะ ไม่มีผิดเลย นี่เกรม่อน เค้าเป็นใครกันแน่เนี่ย ”
โยไร คิดขณะที่ มองดูท่าทางและรูปแบบการต่อสู้ที่ออกมาเหมือนกับตัวของ
ทาลิคนัส ที่ เรกกะ แปลงร่างมาจริงๆ

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #35 on: July 04, 2009, 06:43:53 AM »

“ เอาล่ะถึงเวลาผิดฉาก ท่าไม้ตายของ ฉันหมายเลข 1  ”
ทาลิคนัส กล่าวพลางเปิดตลับการ์ดที่ข้างเอวออกมา ก่อนจะหยิบเอา การ์ดที่จำนวนเปลี่ยนแปลง
ไปทุกครั้งที่เค้าเปลี่ยนไปอยู่ในแต่ละร่างซึ่งในร่างของ ทาลิคนัส มีอยู่เพียง 3 ใบ ในตลับออกมา

โดยเลือกมาเพียงใบเดียว ก่อนจะเอามารูดช่องรูดของด้ามดาบอัคคี ซึ่งของ
 ทาลิคนัส ตัวจริงนั้นไม่น่าที่จะมีอยู่ได้

“ Full Charge Great of Dragon ”

ทันทีที่ รูดการ์ดเสร็จ เสียงก็ดังกังวานออกมาจากตัวดาบก่อนที่ คมดามไฟบนด้ามดาบจะพุ่งออก
ไปเป็นมังกรเพลิง ทาลิคนัส จับด้ามดาบเหวี่ยงไปมา เป็นควบคุมมังกรเพลิงให้พุ่งลง
มาเผาพลาญร่างของ เหล่า เจตภูต จนแตกวง ทำให้ บรรดา ตัวประกันหนีรอดออกไปได้จนหมด
จึงคืนร่างกลับเป็น เรกกะ อีกครั้ง

“ เอาล่ะ โยไร เดี๋ยวหลังจากการแปลงร่างครั้งนี้แล้ว อย่าสบตาฉันนะ เข้าใจล่ะ ”
เกรม่อน ในคราบของ เรกกะ กล่าวกำชับอย่างหนักแน่น ก่อนจะเปิดฝาตลับไพ่ที่ข้างเอวออก
ซึ่งตอนนี้กลับมามี ไพ่อยู่ใน ตลับ 7 ใบอีกครั้ง เค้าเลือกหยิบเอาใบหนึ่งขึ้นมา ก่อนที่จะเอา

 แฟรชไดร์ ที่กลับคืนสภาพจากการเป็นดาบอัคคีของ ทาลิคนัส แล้วมารูดกับ การ์ดใบนั้น
ซึ่งรูปบนไพ่นั้น เป็นรูปของ เรกกะ ที่ อยู่ในชุด จักรพรรดิ และสวมหน้าครึ่งซีกปิดที่ตาขวาเอาไว้

/Formed Write Recca Emperor!!/
สิ้นเสียง ร่างของเกรม่อน ในคราบ เรกกะ ก็เปลี่ยนไปอยู่ในชุดตามรูปบนการ์ดที่รูดไป
ก่อนที่ จะเปิดเอาหน้ากากบนในหน้าออก เผยให้เห็นดวงตาขาว ที่มีสัญลักษณ์รูปปีก
คู่สะท้อนอยู่ในม่านตา



“ ในนามของเรกกะ ไฮเดย์ ขอบัญชา พวกเจ้าจงตายซะ!! ”
สิ้นคำ เหล่า เจตภูตที่ เผลอ ตัว สบตาขวา ของเค้า ก็พากัน ทำตามที่ เกรม่อน ในคราบ เรกกะ สั่ง
เริ่มฆ่ากันเองจนแตกสลายไป ก่อนที่ ร่างของ เรกกะ จะคืนกลับสู่ร่างชุดเกราะของ เกรม่อน
หรือร่างของ ACE

“ เชอะ ใช้ Emperor ไปแล้ว ยังเหลืออีกเยอะเหมือนกันแฮะ ”
เกรม่อน สบถก่อนจะ เอื้อม มือไปแตะฝาตลับเพื่อจะเปิดเอาการ์ดข้างในออกมาใช้อีก
แต่กลับมี เจตภูตรากไม้ ตนหนึ่ง เข้ามาจับแขนเค้าเอาไว้ ก่อนที่ตัวอื่นๆจะกรูกันเข้ามา
ล็อคแขนขาเค้าเอาไว้ไม่ให้ขยับได้

“ นึกอยู่ตั้งนานว่าแกเป็นใคร ที่แท้แกก็คือ ACE ที่เค้าพูดถึงกันสินะ
ดีเลยท่านผู้นั้นสั่งลงมาว่าให้จัดการกับแกเพราะงั้น.... ”
หัวโจกของเหล่าเจตภูตรากไม้ กล่าวอย่างเย่อหยิ่งยังไม่ทันได้จบประโยค ก็มีมีดปังตอ
เล่มใหญ่ถูกเหวี่ยงเข้ามาปักหัวของมัน ก่อนจะล้มลงไป และ แตกสลายหายไปในทันที
เมื่อ ผู้นำของตนถูกจัดการไป เหล่า เจตภูตที่เหลือก็เริ่มระสับระส่ายกันทันที

/Character Write Tsunayoshi!!/
ยังไม่ทันที่จะตั้งตัวก็มีเสียงก้องแหลมแบบเครื่องจักรดังขึ้นมาอีก ก่อนที่ ตัวอักษรแสงรูปตัว T
สีส้มจะพุ่งออกมา จากมุมมืดของเนิน หญ้า ก่อนจะดูดเอามิติรอบๆเข้ามาและ สลายตัวไปพร้อมกับ

การปรากฏตัวของ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลส้ม ทรงชี้ตั้ง ดวงตาเป็นสีเดียวกับสีผม สวมเสื้อสีดำตั้งแต่
หัวจรดเท้าเหมือนพวก มาเฟีย

“ เอ๋... ”
โยไร อุทานด้วยความประหลาดใจกับกาสรปรากฏตัวของ เด็กหนุ่มคนนี้
ขณะที่ เกรม่อน ดูจะมีทีท่า ตกใจกับเรื่องนี้เล็กน้อย

“ ส...สึนะ...สึนะโยชิ ซาวาดะ (Tsunayoshi Sawada) จากการ์ตูน รีบอร์น (Reborn)
 เรอะงี้ก็หมายความว่า.... ”
เกรม่อน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก พร้อมกับจ้องไปยังที่มาของ อักษรแสงที่ อัญเชิญ สึนะ มา
ราวกับรู้ว่า อะไรกำลังจะตามมา



“ อ้าวรู้จักดีนี่นา เกรม่อนคุง ไหนว่าไม่เคยอ่านไง บอกชื่อ สกุล ซะเสร็จสรรพแบบนี้เนี่ย
 แสดงว่าเคยอ่านใช่ไหมล่ะฮ้าาา ”
เสียงที่แกล้งดัดให้สูงๆเหมือนเสียงผู้หญิง ดังขึ้นมาก่อนที่ เด็กหนุ่มใน เสื้อเชิตสีขาวจะเดิน
ออกมาจากมุมมืดของเนินหญ้า พร้อมกับ เด็กสาวอีกคน ที่มีผมยาวสีส้ม ในชุดนักเรียนลายกะลาสีเรือ

“ เจ้า การุรุม่อน มาจริงๆเหรอเนี่ย!! ”
เกรม่อน อุทานขึ้นด้วยความที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเค้าจะเดาถูก
ขณะที่ เด็กสาวที่มากับ เด็กหนุ่มที่ชื่อ การุรุม่อน เดินเข้าไป ดึงเอา มีดปังตอที่ถูก
ขว้างมาจามหัวของ หัวโจกเจตภูตรากไม้ เมื่อครู่ขึ้นมา

“ เอ๋ นี่คือคุณ การุรุม่อน ที่คุยกันในโทรศัพท์เมื่อกลางวันน่ะเหรอ ”
โยไร อุทานขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ถึงชื่อของผู้ที่ติดต่อเข้ามาหา เกรม่อน เมื่อกลางวัน ที่เค้ากับ
 ธนัท แฮคสัญญาณมาฟัง

“ โฮะๆๆๆ ถูกต้องจ้า โยไรคุง จ๋า เจ็ นี่ล่ะฮ้า การุรุม่อน ล่ะอ้อเกือบลืมแน่ะ เรนะจัง(Rena)
ช่วยจัดการพวกที่จับตัว เกรม่อนคุง ไว้ทีสิ เอาล่ะนะ ”
การุรุม่อน กล่าวจบก็ หยิบเอาแฟรชไดร์ฟ ขึ้นมาพร้อมกับ การ์ดอีกใบที่มีรูปของ เรนะกับ
มีดที่เธอถืออยู่ขึ้นมา ก่อนจะรูดด้วย แฟรชไดร์ฟ



/Action Write Knife of Rena!!/
สิ้นเสียงที่ เกิดขึ้นมาจากการรูดการ์ดด้วย ไดร์ฟ เรนะ ก็บุกเข้า สับ เหล่าเจตภูตรากไม้
ที่จับตัว เกรม่อนเอาไว้ จนแตกวง ออกมา

(By Boy)

“ เอาล่ะต่อไปก็ สึนะคุง ช่วยทีนะ จะส่ง X Glove ให้เดี๋ยวนี้ล่ะ ”
การุรุม่อน กล่าวจบ ก็หยิบเอา การ์ดอีกใบขึ้นมา ซึ่งคราวนี้เป็นรูปถุงมือสีดำที่มีผลึกอยู่บนถุงมือ

/Action Write X Glove!!~/
เสียงดังขึ้นทันที ที่ การุรุม่อนรูดการ์ดกับไดร์ฟ ของตนถุงมือในรูปของ การ์ดก็ไปปรากฏอยู่บนมือของ สึนะ



“ พวกรากไม้เน่านี่ เอาไฟ เดือดทะลุจุดศูนย์ ไปกินซ้าาาา โฮ่ๆๆ ”
การุรุม่อน กล่าวพลางสะบัดมืออกไปข้างหน้าเป็นการสั่งให้ สึนะ บุกเข้าไปจัดการ
ทันทที่ สึนะ พุ่งออกไปร่างทั้งร่างก็ลุกโหมด้วยไฟ ก่อนจะพุ่งทะลวงกองทัพของ เหล่า
เจตภูตรากไม้จนไหม้ไปเป็นแถบ

“ เฮ้ย เล่นแรงไปไหมเนี่ย เดี๋ยวไฟก็ได้ไหม้หมดสนามพอดี ”
เกรม่อน แย้งขึ้นขณะที่ เหล่า เจตภูตรากไม้ ทั้งหมดถูกจัดการในคราเดียวทันที
ที่เหล่าตัวละครอัญเชิญ ของ การุรุม่อน ปรากฏตัว ไม่นานเหล่า เจตภูตรากไม้ทั้งหมดก็สลายหาย
ไปจนสิ้นไม่เหลือแม้สักตัว

“ อ...เอ่อคือ...นี่ผมยังอยู่ในสายตาไหมเนี่ย... ”
โยไร เปรยขึ้นมาอย่างเซ้ง ขณะที่ สถานการณ์ดูจะเรียบร้อยโดยที่ตัวเค้านั้นแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย

“ อ้อจริงสิลืมไปเลย แฮะโทษทีนะ โยไร ที่จริงเรื่องพวกนี้น่ะ
พวกฉันจัดการกันเองได้สบายๆอยู่แล้วล่ะ ”
เกรม่อน หันมากล่าวกับเค้า ขณะที่ คืนร่างกลับดังเดิม พร้อมกับที่ การุรุม่อน เก็บร่างของ
 สึนะ และ เรนะ มาเป็นการ์ดดังเดิม

“ งั้นก็หมายความว่า ที่เล่ามาตะกี้ก็.....เรื่องที่โลกนี้ถูกปกครองด้วยความโหดร้ายแบบนั้นก็... ”
โยไร เปรยขึ้นด้วยความสงสัย ขณะที่ เกรม่อน ดูจะหนักใจกับการที่จะตอบคำถามนี้แต่ก็ยอมตอบออกมา

“ ก็ไม่อะไรทั้งนั้นล่ะ ขอโทษละกันน้า นั่นน่ะเป็นเรื่องที่กุ ขึ้นมาเพื่อจะให้นายค้นพบคำตอบของ
ตัวเองเร็วๆน่ะ บังเอิญว่าเวลามันไม่ค่อยจะมีเลย ไม่รู้ว่าถ้าจับนายมานั่งคุยด้วยเรื่องคงอีกยาว
แต่เพราะ ธนัท ขอร้องมาฉันก็เลยไม่รู้จะทำไงดี ขอโทษล่ะน้า ”

เกรม่อน กล่าวพลางกล่าวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ขณะที่ โยไร รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย
ที่เค้าถูกต้มซะเปื่อย แต่ทว่า กลับมีเรื่องอื่นที่เค้าต้องสนใจมากกว่าเรื่องนี้เพราะตอนนี้
ร่างของเค้าเริ่ม จางหายไปเรื่อยๆเหมือนตอนที่ ธนัท หายไปต่อหน้าเค้า

“ นี่แสดงว่าผลของ Second World หมดแล้วน่ะสิ ไม่มีเวลาแล้วนะ เกรม่อนคุง เอาเจ้านั่นให้รึยัง ”
การุรุม่อน หันมาถาม เกรม่อน ขณะที่ เกรม่อน ก็รีบเร่ง ล้วงมือเข้าไปในเสื้อเพื่อหาอะไรบางอย่างก่อนจะงัด
มันออกมาจากคอเสื้อได้ แล้วส่งมอบให้โยไร ซึ่งของสิ่งนั้น เป็นกระเปาะหน้ากาก ที่มีขนาดพอจะสวม

หัวเข็มขัดของ โยไรได้พอดี โดยที่ขอบของกระเปาะมีปุ่มต่างๆ 4 ปุ่ม และตรงกลางเว้นโบ๋ไว้
พอดีกับช่องติดกระจกของหัวเข็มขัด

“ นี่คือ..... ”
โยไร เปรยขึ้นพลางยกกระเปาะนั้นขึ้นมามองด้วยความสนใจ

“ รับนี่ไปสิมันคือ K-Touch อุปกรณ์เสริมที่จะทำให้นายกลายเป็น Strike Freedom ได้ ”
เกรม่อน กล่าวจบ ร่างของ โยไร ก็จางหายไปในทันที โดยที่ยังไม่ได้อธิบายวิธีใช้แต่อย่างใดเลย

“ เค้าจะรู้วิธีใช้มันรึเปล่าเนี่ย ”
การุรุม่อน เปรยขึ้นด้วยความหน่ายใจ

“ เอาเถอะน่า ใส่ Bot ไปให้เรียบร้อยแล้ว รับรองว่าใช้เป็นแน่นนอน ”
เกรม่อน กล่าวเสียงใส ก่อนจะตบเท้าเดินไปอย่างสบายอารมณ์

“ อา... ไม่มีเรื่องกังวลมาให้หนักหัวแล้วนี่มันดีจังนะ เรื่องรักสามเส้าก็เคลียร์ เจ้า โยไร ก็กลับไปแล้วด้วย ”
เกรม่อน เปรยขึ้นอย่างดีใจขณะที่ยืดแขนบิดขี้เกียจไปมาอย่างสบายใจ

“ แต่ต้นฉบับสัปดาห์นี้น่ะยังไม่เสร็จน้า~~~ ”
การุรุม่อนแย้งขึ้นมาเสียงแหลม ทำอา เกรม่อนหน้าซีดไป

“ กึ๋ย รู้แล้วน่าจะกลับไปพิมพ์เดี๋ยวนี้ล่ะน่า ”
“ อาทิตย์นี้มันเลท มา สัปดาห์แล้วนา ”
“ เอาน่าๆ จะลงเมื่อไหร่มันก็ค่าเท่ากันล่ะน่า ”
“ เกรม่อนคุง เนี่ยจริงๆเล้ย แต่เพราะแบบนี้ล่ะ ฉันถึงได้หลงรักล่ะ ”
“ เฮ้ยนี่แกจะบ้าหรืองาย ไปให้พ้นเลยน้า~~ ”

.............................
.......................................

ที่โลกแห่ง Y Cross

“ Kamen Ride !!! Garuaru ”
“ Kamen Ride!!! Basha ”
“ Kamen Ride !!! Dogga ”
“ Kamen Ride !!! IXA ”

เสียงที่ดังกังวานขึ้นมานี้ ได้เงียบลงก่อนที่ ร่างของ โยไร จะกลายเป็น อัศวินมังกรทาลิวิลย่า ที่มีปีก
สีเงิน กางสยายอย่างงดงาม เหนือน่านฟ้าของ เขตโรงเรียน ประจันหน้าอยู่กับ ลอว์เรนซ์
โดยที่ เจนัส ลากูน่า นีน่า และ ริคุ นั้นนอน กองสะบักสะบอมอยู่บนพื้นสนาม อย่างไร้ทางสู้
อยู่เบื้องล่าง

“ นี่น่ะเหรอ พลังของผู้ถูกเลือกคนที่4  ”
ลอว์เรนซ์ เปรยขณะที่ กระชับเคียวในมือแน่น

“ ขานนามเราเป็นเจ้าแห่ง Onmyoji ผู้ที่กุมขุมพลังแห่งความมืดและแสงสว่าง Strike Freedom ”
โยไร ประกาศด้วยเสียงอันดังก้อง บัดนี้ การตัดสินได้ใกล้เข้ามาแล้ว

To be Continue


ตอนอวสาน Final Tag 05 จุดจบที่สิ้นหวังสู่จุดเริ่มต้น Missing ACE!


Subete wo ha kaishi  Subete wo tsunge ซึเบเตะ โอ ฮา ไคชิ ซึเบเตะ โอ ซึนาเงะ
จงทำลายให้สิ้นทุกสิ่ง         และ   จงเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน
นั่นคือ แก่นแห่ง Yin & Yang



ช่วงสครีมจ้า: เฮ้อจบซะทีกับการ ครอสมหาโอเวอร์ ที่เละซะจนเฮ้อพูดไม่ออก
สำหรับบทนี้ทำการ์ดตัวแทน ทันแค่ของตัวเองจริงๆของเจ้า การุรุม่อนทำไมทัน

ส่วนการ์ด Action Write ของ เรนะจัง ก็เลยต้องยืมของคุณ Boy มาอีกเอ้อ
รู้สึกว่าแทบไม่ได้ลงทุนอะไรกับบทนี้เลยนะเนี่ยนอกจาก หัวที่คิดเรื่องให้มันวุ่นวายมั่วซั่วได้ขนาดนี้

ที่จริงตอนนี้นั้นทำมาสำหรับเป็นเหตุการณ์ เชื่อมสำหรับเปลี่ยนฟอร์มสุดยอดของ โยไร โดยเฉพาะ
ซึ่งตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้ว เสียดายที่ ไดสุเกะ ยังไม่ทันได้ โชว์ร่างสุดยอดเลยโดยเก็บไปซะละ

แต่เดี๋ยวจะได้เห็นกันในภาค Fiction Meister ACE แน่นอนครับ

อ่อเพิ่มเติมเล็กน้อย เรื่องWorl ที่เราจะไปครอสกันนั้น นอกจาก Fic แล้วเรายังจะไปครอสโลกการ์ตูนด้วยนะเออ
ซึ่งตอนนี้ที่แน่ๆแล้วก็มี โลกของ Reborn กับ Higurashi ที่เจ้าการุรุม่อน มันอัญเชิญ ออกมาล่ะ

แล้วก็ไป เนกิ world ด้วยส่วนที่เหลือจะมีเพิ่มหรือเปล่าเราไม่รู้ เพราะในส่วนของภาคใหม่นั้น
จะให้แต่ละคนที่รับบทเป็น Fiction Meister  เป็นคนเลือกตามขั้วพลังของตนครับ ดังนั้นของผมไปแน่ๆ
 Fic เกือบทั้งหมดที่เคยอ่านผ่านมาในบอร์ดนี้

ส่วนของ เจ้าการุรุม่อน นั้นก็ไปตามที่ว่าไว้ข้างบนครับ แล้วก็อาจมีโลกอื่นๆที่จะตามมาอีกก็ได้นะ
ฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันชักมั่วได้ใจขึ้นเรื่อยๆ

เอาล่ะกลีับเข้าเรื่องที่อยากจะพูดเลยคือ ในตอนนี้ ตัสวละครที่ การุรุม่อน อัญเชิญมานั้น ชื่อลงท้าย ด้วย -นะ เหมือนกัน
แค่นี้ล่ะขอร้าบ Action Write ในนามของ เรกกะ ไฮเดย์ จงมาอ่านตอนต่อไปซะดีๆ 5555+




« Last Edit: July 05, 2009, 03:03:29 AM by greamon » Logged


Ijiraku naruto
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 410


« Reply #36 on: July 07, 2009, 02:07:39 PM »

หนุกดีงับยังอานมะจบเลย
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #37 on: July 09, 2009, 06:01:02 AM »

Final Tag 05 จุดจบที่สิ้นหวังสู่จุดเริ่มต้น Missing ACE!


บัดนี้ ภายในสนาม โรงเรียน St.Magnus Academy  ไม่มีใครอยู่ในอาณาบริเวณนี้อีกต่อไปแล้ว
แม้แต่เหล่าอาคูม่า ที่บุกเข้ามา ก็ได้หนีหายกันไปหมดแล้ว คงเหลือไว้เพียงแค่ร่องรอยของการต่อสู้เพียงเท่านั้น

“ เชอะ...ทำไมเมื่อกี้ถึงได้รู้สึกเหมือนกับว่าเรา ไปตีสนิทกับพวกมันได้นะ ”
ลอว์เรนซ์ คิดขณะที่มองดู ยารุย กับ เรกกะ ถูกพวกเจนัส อัดจนลงไปกองกับพื้นอีกครั้งโดย ไม่มีทางสู้

“ แล้วที่สำคัญ ผู้ถูกเลือกอีกคนมันหายไปไหนล่ะเนี่ย? ”
ลอว์เรนซ์ คิดขณะที่สายตาก็คอยกวาดมองหาไปรอบอาณาบริเวณ โรงเรียน จากบนท้องฟ้า


/Yang Cross F…F..Freedom/
เสียงดังกังวานขึ้นมาจาก มุมอับของอาคารฝั่งตรงข้าม ก่อนที่ จะมีแสงเรืองวาบขึ้นมา
พร้อมกับที่ โยไร ในร่างของ ทาลิวิลย่า จะพุ่งทะยานขึ้นมา พร้อมกับ ดาบ Falqualooke ในมือ

ทว่า ลอว์เรนซ์ ก็ยกเคียวของตนขึ้นป้องกันการโจมตีเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะเหวี่ยงให้ โยไร กระเด็นออกไป
ทว่า แม้จะถูกเหวี่ยงออกมา โยไร ก็เอามือขวาที่ถือโล่อยู่ เก็บไว้กับสายเข็มขัด ก่อนจะชักเอาปืนลำแสง
ที่เหน็บเอาไว้ขึ้นมาแทน

/Advent Beam Gun Arm/
เสียงดังก้องกังวาน ขึ้นก่อนที่ ถุงมือปืนลำแสงจะติดตั้งเข้ากับมือขวาของ
โยไร และกระหน่ำยิงลำแสงออกมา แต่ ลอว์เรนซ์ ก็สามารถหลบได้อย่างไม่ลำบากอะไร


“ โฮ่ ดูเหมือนจะไปเจอเรื่องอะไรมาสินะ ฝีมือการต่อสู้ถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ”
ลอว์เรนซ์ เปรยขณะที่ถอยมาตั้งหลัก โดยคำพูดของเค้านั้นมาจากการสังเกตภาพรวมการโจมตี
ในการปะทะครั้งก่อนที่นำมาเปรียบเทียบกับการโจมตีชุดเมื่อครู่แล้ว ทำให้เห็นข้อแตกต่างขึ้นมา
มากมาย

“ ผม ตัดสินใจแล้ว จากนี้ไปผมจะไม่หนีอีก...เพื่อปกป้องทุกๆคน
ผมจะใช้พลังที่มีต่อสู้เพื่อสิ่งนั้นเพื่อการปกป้องทุกๆคนเอาไว้ ”
สิ้นคำของ โยไร เค้าก็หยิบเอา กระเปาะหน้ากากที่ได้รับ จาก เกรม่อน ที่
โลกแห่งความเป็นจริงขึ้นมาก่อนจะประกอบมันเข้ากับ หัวเข็มขัด
แผ่นกระจกที่อยู่ตรงหัวเข็มขัดจึงหมุนพลิกกลับเอาด้านที่เป็นสีดำขึ้นมาแทน

/Evoluvent Strike Freedom /
เสียงดังขึ้นมาจากหัวเข็มขัดก่อนที่ ปีกของโยไร จะเปลี่ยนเป็นสีเงินทั้งสองข้าง
และตัวเกราะส่วนหัว ข้อแขนและสนับขา ก็เปลี่ยนเป็นสีเงินด้วยเช่นกัน


“ ร่างนั่นมัน…. ”
ลอว์เรนซ์ เปรยด้วยสายตาทึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า พวกเจนัส ที่เห็นการเปลี่ยนร่างในครั้งนี้ของ โยไร
จึงหันเป้ามาที่เค้าแทน ทว่าก่อนที่ เจนัส จะทันกระโดดพุ่งขึ้นมาถึงตัวเค้า โยไร ก็ชิงแตะมือลงไปบน
กระเปาะหน้ากากที่เข็มขัดทีหนึ่ง ก่อน

/Kamen Ride Garuru/(สวมหน้ากากราชันย์หมาป่า)
เสียงดังกังวานขึ้นจาก เข็มขัดก่อนที่ กระจก กลมที่ถูกกระเปาะใสปิดทับเอาไว้จะเปลี่ยนสีจากสีเงินเป็น
สี น้ำเงินแทน พร้อมๆกับที่ สีชุดเกราะตามที่ต่างๆที่เป็นสีเงินก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นกัน
ก่อนที่ดวงตาทั้งสอง จะเปล่งแสงสีน้ำเงินวาบออกมาด้วย

“ ห๊ะ… ”
เจนัส อุทานขึ้นกับการเปลี่ยงร่างของ โยไร อีกครั้ง ขณะที่หมัดของเค้านั้น ถูก โยไร หยุดเอาไว้ได้ด้วยมือเดียว
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ แค่หมัดเดียวก็ซัด โยไร จนกระเด็นไปได้ การที่พลังของ โยไร เพิ่มขึ้นมาอย่างผิดสังเกตุแบบนี้
ทำให้ เจนัส แปลกใจเป็นอันมาก

“ จงขานนามข้าเป็นเทพแห่งการต่อสู้ ”
โยไร กล่าวออกมาเสียงของเค้านั้นเป็นเสียงคำรามคล้ายกับเสียงของ สุนัขป่า ก่อนที่จะ
ล็อคคอ เจนัส เข้ามาด้วย แขนทั้งสองข้าง แล้วถลุงเข่าใส่หน้าท้อง เจนัส เข้าไปต่อเนื่อง

สามครั้ง การแทงเข่าเข้าแต่ล่ะครั้งนั้น รุนแรง จนเกิดเสียงกระทบกันดังสนั่น
พร้อมๆกับที่เหงื่อรอบกายของ เจนัส นั้นกระจายออกมาพร้อมกัน
หลังจากถลุงเข่าใส่ จนเต็มที่ โยไร จึงทุ่มร่างของ เจนัส ลงไปกองจมกับพื้นสนามข้างล่างทันที

“ เจนัส !! ”
ลากูน่า นีน่า และ ริคุ ร้องขึ้นมาพร้อมกัน ด้วยความตกใจก่อนที่จะวิ่งเข้าไปดูอาการของ เจนัส
ที่ถูกซัดกลับมาอย่างหมดท่า

/Advent Falqualooke/
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกับที่ ดาบ ฟอลควอรูเก้ ได้ถูกชักขึ้นมาในมือของ โยไร

“ ชิ…นีน่า ลากูน่า พวกเธอดูแล เจนัส ไปก่อนนะ ฉันจะจัดการมันเอง บังอาจมาทำกับ เจนัส ได้.. ”
ริคุ สั่ง ก่อนจะหันไปส่งสายตาโกรธเคืองไปยัง โยไร พร้อมกับ กระชับ มีดสั้นในมือก่อนจะกระโดด
ไต่ขึ้นไปตามผนังอาคารเรียน เพื่อพุ่งเข้าไป โยไร

“ เอาเคียวสายลมไปกินซะ Kamaitachi ”
ริคุ ตะโกนออกมาพร้อมกับตวัดคมีดในมือ แรงสะบัดของคมมีดนั้นแหวกอากาศ
เป็นคลื่นสายลมพุ่งตรงเข้ามา ทว่า โยไร ก็แตะที่หัวเข็มขัดอีกครั้ง ก่อนที่สีของหัวเข็มขัดจะเปลี่ยนอีก
คราวนี้เป็นสี ขาว

/Kamen Ride IXA/(สวมหน้ากาก ยมทูตสายลม)
สิ้นเสียง ชุดเกราะทั้งตัวของ โยไร ก็เปลี่ยนสีไปตามหัวเข็มขัดอีกครั้งทำให้ เกราะทั้งร่างและ
 ปีกคู่กลายเป็นสีขาวปลอดไปด้วย

“ ขานนามข้าเป็นเทพพิทักษ์หิมะพราย ”
โยไร กล่าวคราวนี้เสียงของเค้านั้น ฟังดูเย็นจับขั้วหัวใจ ปานเสียงเพรียกของจิตวิญญาณแห่ง เหมันตฤดู(ฤดูหนาว)
ก็มิปาน ทันทีที่ เคียวสายลมจะพุ่งเข้าถึงร่าง โยไร ก็ตวัดดาบในมือไป คลื่นเคียวสายลม
ที่พุ่งมานั้น ก็ถึงกับจับตัวแข็งเป็นก้อนน้ำแข็ง ก่อนจะร่วงหล่นลงไป

“ อะไรกัน คราวนี้เป็นพลังเยือกแข็งงั้นเรอะ ”
ริคุ อุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจขณะที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าของ อาคาร แต่ยังไม่ทันที่จะรู้ตัว โยไร
ก็อ้อมมาอยู่ด้านหลังเค้าเสียแล้ว ริคุ รีบยกมีดสั้นในมือขึ้นหมายจะสร้างบาดแผลให้ โยไร
ทว่ากลับถูกดาบของ โยไร

ปัดมีดในมือหลุดไป ริคุ พยายามจะโจมตีต่อด้วยการตวัดขาขึ้นมาเตะ ทว่ากลับถูก โยไร
ศอกใส่ต้นคอจนล้มลงไปกอง

“ ริคุ!! ”
นีน่า ที่ดูอาการ เจนัส อยู่ข้างล่าง ร้องตะโกนขึ้นมา เมื่อเห็นว่า ริคุ เองก็พ่ายให้ แก่ โยไร ไปแล้ว

“ หนอย นี่แม้แต่ พี่ริคุ เองก็ยัง….ฉันไม่ยกโทษให้แกแน่ ย้ากกก!! ”
ลากูน่า กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดที่พี่ชายของตนกับเพื่อนของพี่ชาย ต่างถูกจัดการไปหมด
จึงกระโดพุ่งทะยานขึ้นไป เพื่อเข้าปะทะกับ โยไร ทว่า โยไร ก็แตะมือลงไปที่หัวเข็มขัดอีกครั้ง
ก่อนที่แผ่นกระจกจะเปลี่ยนสีอีก คราวนี้เป็นสี ม่วงใส

/Kamen Ride Dogga/(สวมหน้ากากพญาจิ้งจอกขาว)
สิ้นเสียงเกราะและปีกของ โยไร ก็เปลี่ยนสีไปอีกครั้ง ตามสีของ แผ่นกระจกที่หัวเข็มขัดสีม่วงใส

“ ขานนานข้าเป็นเทพเป็นแห่งโลหิต ”
สิ้นคำ โยไร ก็เก็บดาบลงไป ก่อนจะยกเอา โล่ที่เหน็บไว้กับเอว ขึ้นมาเหวี่ยงออกไป
โล่ที่เหวี่ยงออกไปนั้น ได้ควงปั่นราวกับกงจักร พุ่งเข้าไปหา ลากูน่า ซึ่งหาก เค้าไม่ยกกรงเล็บเหล็ก

ที่ติดข้อมืออยู่ขึ้นมากันเอาไว้ ร่างของเค้าคงขาดครึ่งซีกไปแล้ว ทว่า กงเลบเหล็กทั้งสองข้างก็ถูก
ปั่นจนแตกหักใช้การไม่ได้ไป ขณะที่ร่างก็ถูกแรงกระแทกจากการปะทะกับ โล่เมื่อครู่

ผลักให้กระเด็นกลับลอยตัวอยู่กลางอากาศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่สามารถ ขยับไป
ไหนได้อย่างอิสระในห้วงอากาศนี้ เค้าก็เปรียบเสมือนเป้านิ่ง ไปในทันที ซึ่งไม่ทันไร

หลังจาก ที่ โยไร รับโล่ที่เหวี่ยงออกไปกลับคืนมา ก็ทะยานตัวเข้า มากอดคอ ลากูน่า เหมือนที่
ทำกับ เจนัส ก่อนจะแทงเข่าเข้าไป เต็มที่หน้าท้อง แต่คราวนี้มีการใช้ศอก ฟันลงไปที่โหนกคิ้วของ ลากูน่า

 จนแตกเลือดไหลอาบออกมา อีกทั้งยังจับ โยนขึ้นไปกลางอากาศ แล้วโฉบ เตะด้วยแข้งไปมา
กระหน่ำเข้าไปหลายครั้งจน ลากูน่า สะบักสะบอมไปทั้งตัว และ สำลักเลือดออกมา

จึงจับกดหัวทุ่มลงมาจม พื้นสนามด้านล่างจนเกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย ทันทีที่ ฝุ่นควันจางลง
ร่างของ ลากูน่า ที่เต็มไปด้วยบาดแผลก็นอนฟุบจมกองเลือดของตน อยู่ในหลุมที่เกิดจาก การจับทุ่ม
กระแทกลงมาอย่างแรง

“ ลากูน่า!! ”
นีน่า กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะ ชักปืนทั้งสองกระบอกขึ้นเล็งไปที่โยไร
ทว่า โยไร ก็แตะที่กระเปาะอีกครั้ง ทำให้สีของแผ่นกระจกที่หัวเข็มขัดเปลี่ยนไปอีกเช่นกัน
คราวนี้คือสีเขียวใบไม้

/Kamen Ride Basha/(สวมหน้าเทพีพรายน้ำ)
สิ้นเสียง เกราะและปีกของ โยไร ก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้เช่นเดียวกับแผ่นกระจก

“ ขานนามข้าเป็นเทพแห่งคงคา ”
โยไร ประกาศเสียงยานคางเอื่อยๆราวกับเสียงของ ภูตพราย

/Advent Beam Gun Arm/
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกับที่ โยไร ชักกระบอกปืนลำแสงออกมา ก่อนจะกราดยิงลงไป
จน นีน่า ต้อง กลิ้งหลบเป็นพัลวัน แต่ทันทีที่ เธอตั้งท่าจะยิงสวนมา ลำแสง

ขนาดใหญ่ ก็ถูกยิงสาดลงมาจนเกิดระเบิด ครั้งใหญ่ คราวนี้ นีน่า ไม่สามารถ หลบ
ได้ทันจึงถูกแรงระเบิด ผลักจนกระเด็นกลิ้ง โคโล่ ไปสลบอยู่ข้างๆ เจนัส
ที่นอนงอมพระราม อยู่ก่อนแล้ว

“ น…นี….น่า ”
เจนัส ที่ยังคงมีสติเหลืออยู่ เปรยขึ้นขณะที่พยายามยื่นมือ ออกไปหา นีน่า ที่นอนหมดสติ อยู่ตรงหน้า
ด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่ ในตอนนี้ โยไร ก็ได้แตะมือลงไปที่ กระเปาะเข็มขัดอีกครั้ง คราวนี้สีของ
แผ่นกระจกกลายเป็นสีทอง เกราะทั้งร่างและปีกจึงเปลี่ยนเป็นสีทองไปพริบตา

/Kamen Ride Kiva/ (สวมหน้ากากราชันย์แวมไพร์)
เสียดังกังวานขึ้น พร้มกับที่ร่างของ โยไร นั้นเปล่งรัศมีสีทองที่เจิดจรัสออกมา
ราวกับดวงสุริยัน


“ พลังนี่มัน…. ”
ลอว์เรนซ์ ที่จับตาดูการต่อสู้อยู่นั้นเมื่อถูกแสงที่เปล่งออกมาจากร่างของ โยไร ก็เกิดอาการแปลกขึ้น
เค้ารู้สึกปวดแสบปวดร้อนขึ้นมา ขณะที่ร่างของเค้า ค่อยๆมีไอควันสีดำ พวยพุ่งออกมาเรื่อยๆ

จนในที่สุด หลังจากที่ดิ้นทุรนทุรายราวกับถูกเผาทั้งเป็นร่างของ ลอว์เรนซ์ ก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป
เขาโง้งของ ปีศาจที่งอกบนหัวได้ หดกลับลงไป ขณะที่ผมสีทองยาวสลวยก็ค่อยๆสั้นลงไปเรื่อยๆ

ดวงและใบหน้าที่โหดเหี้ยมค่อยๆผ่อนลง เค้ากลับกลายร่างคืนเป็นเด็กหนุ่มวัยเดียวกับ โยไร ไปในทันที
ขณะที่ ไอควันสีดำที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของ ลอว์เรนซ์ ก็ขึ้นรวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้า
ปล่อยให้ร่างของ ลอว์เรนซ์ ที่ร่วงลงมา โดยมี เรกกะ ที่เปลี่ยนร่าง เป็น ทาลิคนัส บินเข้ามารับได้ทันเวลาพอดี

“ โอยที่นี่มัน… ”
ลอว์เรนซ์ เปรยขึ้นพลางมือกุมหน้าผากด้วยความมึนงง

“ รุ่นพี่ ลอว์เรนซ์ ไม่เป็นอะไรนะครับ ”
เรกกะ ถามด้วยความเป็นห่วงขณะที่ บินลงสู่พื้นสนาม และวางตัว ลอว์เรนซ์ ลง

“ อ…อืม แต่ที่สำคัญน่ะ เจ้าอวตารพระจิตชั่วร้ายนั่น เราต้องรีบจัดการมันก่อนแล้วล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปที่กลุ่มควันที่ค่อยๆขยายตัวออกและกลายเป็นห้วงมิติที่เวิ้งว้างขึ้นมา
รูปร่างของมันค่อยๆก่อตัวขึ้นเป็นมังกรขนาดยักษ์ ร่างของมัน ค่อยกลืนกินท้องนภา เข้าไปและขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ

หน้ากากศิลาทองคำ ได้ปรากกฏขึ้นที่ส่วนหัวของร่างอันเวิ้งว่างและมืดมิดนี้ พร้อมสัญลักษญ์
แห่งกาลเวลาที่ปรากกขึ้นบริเวญ หน้าอก

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #38 on: July 09, 2009, 06:01:27 AM »

“ ยารุย นายยังไหว ไหม รีบแปลงร่างเร็วเข้า เจ้านี่น่ะคือศัตรูตัวจริงของ พวกเรา ”
โยไร หันกลับไปตะโกน สั่งให้ ยารุย ที่พึ่งฟื้นตัว อยู่ซึ่ง แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจนักแต่สถานการณ์ตอนนี้
ก็ทำให้เค้าคิดว่าการทำตามที่ โยไร บอกน่าจะดีที่สุด

“ เฮนชิน ”/Yin Cross Ja....us…tice/
สิ้นเสียง ยารุย ก็เปลี่ยนร่างเป็น อัศวินเทพมัง ทาลิวิลย่า ก่อนที่จะบินตามขึ้นไปสมทบกับ โยไร

“ พวกรุ่นพี่ ลอว์เรนซ์ เองก็รอก่อนนะครับ ผมจะใช้พลังของ Kiva ฟอร์มนี้
ฟื้นพลังให้เองแล้วก็จัดการ พลังด้านลบที่เจ้านั้นใช้ควบคุมพวก รุ่นพี่ เจนัส เอาไว้ด้วย ”
โยไร กล่าวจบ ก็กวาดมืออกไป รัศมีแสงถูกสาดออกจากตัว เค้าไปอาบร่างของ พวก เจนัส ที่กระจายอยู่
ตามที่ต่างๆจนหมด ทันทีที่ร่างของ พวกเค้าถูก แสงที่ โยไร สาดส่องออกมาก็เกิดควันสีดำพวยพุ่งออกมาจาก

ร่างเช่นเดียวกับ ที่เกิดขึ้นกับลอว์เรนซ์  ก่อนที่คัวนทั้งหมดนั้นจะขึ้นไปรวมตัวเข้ากับร่างของ มังกรที่ถูกเรียกว่า
อวตารแห่งพระจิต ทันทีที่ ควันทั้งหมดออกจากร่างของ พวก เจนัส พวกเค้าก็เริ่มที่ฟื้นคืนสติ
และบาดแผลก็ถูกแสงชำระไปจนหมด ขณะที่ร่างของ อวตารพระจิต เริ่มที่จะเคลื่อนไหว



“ เจนัส ลากูน่า นีน่า พวกนายยังไหวอยู่ใช่ไหม ”
ลอว์เรนซ์ ตะโกนถามขึ้นมา ก่อนที่ พวกเจนัส ทั้งหมด จะลุกขึ้นมาแล้ว พากันเข้ามาสมทบกับ พวก โยไร

“ ชิ…ตอนนั้นดันเสียท่าก็เลยถูกมันควบคุมเอาจนได้ ”
เจนัส สบถ ขณะที่หันไปส่งสายตาโกรธเคืองใส่ ร่างของ อวตารแห่งพระจิต

“ ขอโทษนะ โยไร พวกพี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ ”
นีน่า กล่าวขอโทษพลางยกมือไหว้ ทว่า โยไร ก็รีบห้ามเธอซะก่อน

“ เอาน่า พี่นีน่า ก็แลกกับการที่พวกเราต้องถูก หมอนี่อัดซะอวมอรทัย ก็ถือว่าหายกัน
ไปก็แล้วกันที่สำคัญคือทำไมนายต้องเล่นฉันแรงที่สุดด้วยฟะ ล่อซะกระอักเลือดไปพอยัง
จับกดทุ่มซะจมดินเลย ”

ลากูน่า กล่าวพลางยื่นหน้าเข้ามาหา โยไร พร้อมกับส่งสายตาเคืองๆมาที่เค้า

“ แฮะๆแบบว่า อยู่ในร่างนั้นแล้วมันยั้งมือไม่ทันน่ะ อีกอย่างถ้าไม่ทำให้พวกรุ่นพี่
สลบกันไปซะก่อน ผมก็ไม่มีโอกาศ ตั้งตัวเพื่อใช้ร่าง Kiva นี่น่ะสิ อีกอย่างพี่ดูจะอึด
 กว่าคนอื่นด้วยก็เลยกลัวไม่สลบน่ะ ”

โยไร กล่าวแก้ตัว เก้ๆกังๆ ขณะที่ลากูน่า ยังคงไม่พอใจกับคำแก้ตัวของ โยไร อยู่นั้น ริคุ ก็แทรก ขึ้นมา

“ เรื่องนั้นน่ะเอาไว้ทีหลังเถอะ เราต้องรีบจัดการเจ้านั่นกันก่อนนะ ”
ริคุ กล่าวตัดบทขึ้นมาก่อนที่ทุกคนจะหันไปยังร่างของ อวตารแห่งพระจิต ที่กำลังก่อรูปก่อร่างจนสมบรูณ์
ในที่สุด

“ ไม่คิดเลยว่า พลังของ ผู้ถูกเลือกคนที่ 4 จะร่ายกาจได้ขนาดนี้ ข้าคงประมาทเจ้าเกินไปสินะ
ที่จริง อุปกรณ์ที่ เจ้าใช้อยู่นั่นมันไม่น่าจะใช่ของที่มีอยู่ในโลกแห่งนี้ หึๆ แสดงว่า เจ้านี่ก็คงเป็น
ตัวการที่พาแกไปยังมิติอื่นสินะ ”

ร่างอวตารพระจิต กล่าวจบก็ค่อยปรากกฏร่างของ ธนัท โผล่ออกมาจาก ห้วงมิติ อันเวิ้งว้าง
ของมัน

“ คุณ ธนัท!! ”
โยไร อุทานด้วยความตกใจ กับสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า เมื่อ ร่างของ ธนัท ถูกตรวนไว้ด้วย โซ่ ห้อยลงมาจากร่างของ มัน

“ ข้าจับมันได้ ก่อนที่แกจะกลับมา แน่นอน ก่อนนี้ ข้าได้เข้าไปทำลาย โลกของ พวกมันไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงตาพวกเจ้า
เหล่า อัศวินทาลิวิลย่า ทั้งหลายข้าจะจัดการ เก็บพวกเจาที่นี่ซะให้หมดในคราเดียวเลย ”

สิ้นคำ ร่างอวตารพระจิตก็ปล่อย โซ่ ลงมาจากร่างนับไม่ถ้วน เข้ามา มัดตรึงร่างของ
เจนัส ลากูน่า นีน่า และ ลอว์เรนซ์

อีกครั้งโดยไม่ทันตั้งตัว พวกเค้า จึงถูกจับตัวกลับขึ้นไป ด้าน เรกกะ ที่พยายามจะยื้อ ก็สู้แรง
ของโซ่ไม่ได้ และถูดจับมัดตรึงขึ้นไปเช่นกัน

/Strike Vent Great of Dragon/
สิ้นเสียง ปีกทั้งสองของ โยไร ก็พุ่งออกไปเป็นลำแสง มังกร 6 สายพุ่งตรงไป
ตัดทำลายโซ่ที่ ดึงร่างของ ทุกคนขึ้นไป
 ทว่ากลับ ถูกกำแพงมิติที่ปรากฏขึ้นมาสกัดการโจมตีเอาไว้

“ ชิ…ยารุย พวกเราต้องร่วมมือกันจัดการมันในครั้งเดียวแล้วล่ะ ”
โยไร กล่าวขณะที่ชักเอาปืนลำแสงขึ้นเล็ง และเริ่มสะสมพลังงาน ขณะที่ ยารุย เองก็ประกบ
ดาบมาคายาเดีย กับปลอกดาบเข้าด้วยกัน

“ แล้วต้อง โจมตีไปที่ไหนล่ะ เท่าที่ดูแล้วเจ้านี่น่ะ ไม่มีจุดให้สร้าง
ความเสียหายได้เลยนะ ”/Advent Gaia Blade/

ยารุย ถามขึ้นขณะที่เสียงดังกังวานขึ้นมาจาก ตัวดาบที่ประกบกับปลอกดาบและกลายเป็นดาบสองปลายไป

“ ที่หน้ากาก ศิลาของมันไงล่ะ ตรงนั้นล่ะคือจุดอ่อนของมัน ถ้าทำลายมันได้ล่ะก็ ”
โยไร กล่าวออกมาขณะที่เรงยิงไปที่ หน้ากากของ ร่างอวตาร ทว่า สายโซ่ทั้งหมดที่ปล่อยออกมาจากร่างของ
 อวตารพระจิต ก็ใกล้เข้ามเรื่อยๆ โดยที่ตัวเค้าไม่อาจขยับหลบหนีได้เพราะต้องสะสม
พลังงานทั้งหมดไว้ใชในการโจมตี ทว่า ยารุย ก็เข้ามาตัดสายโซ่ทั้งหมดให้พ้นทางไป

“ โยไร จัดการตามที่นายบอกซะ ฉันจะคุ้มกันให้เอง ”
ยารุย กล่าว พลางควงดาบสองปลายในมือ ปัดป้อง โซ่ เป็นพัลวัน

“ อืม เข้าใจแล้ว ยารุย องตารชั่วร้ายเอ๋ยจงแหลกไปซะเถอะ ”
โยไร รับคำจบก็หันไปกล่าวกับร่างอวตาร ก่อนที่จะลั่นไกปืนออกไป พร้อมกับที่
ลำแสงมังกรทั้ง 6 ที่เกิดจากปีกของเค้า จะพุ่งตรงเข้าไปด้วยพร้อมๆกัน

/Final Vent Grea of Dragon G.O.D./
สิ้นเสียง ลำแสงทั้งเจ็ดสายก็พุ่งตรงไป ยังส่วนหน้ากากของ ร่างอวตารพระจิต พร้อมกันนั้น เอง
ยารุย ก็ชักเอาดาบที่เหน็บอยู่ที่เอวอีกเล่มออกมา

/Advent Falqualooke/
สิ้นเสียง ยารุย ก็เหวี่ยงดาบ ฟอลควอรูเก้ ในมือ ออกไป ดาบควงนำ ลำแสงพลังงานทั้งเจ็ดของ
 โยไร ไปก่อน เพื่อตัดทำลาย โซ่ที่ซ้อนตัวกันเพื่อขวางกั้นการโจมตี ก่อน ที่ เค้าจะ พลิกหน้ากระจกที่เข็มขัดขึ้น

“ Strike Vent Great of Dragon ”
สิ้นเสียง ยารุย ก็คว้าง ดาบสองปลายของตน ออกไปรวมเข้ากับลำแสงทำลายของ โยไร
ลำแสงได้พุ่งเข้าปะทะกับ หน้ากากของ ร่างอวตารแห่งพระจิต จนแตกสลายไปในที่สุด

“ สำเร็จ!! ”
โยไร และ ยารุย ร้องขึ้นพร้อมกันทว่ารอยยิ้มแห่งชัยชนะต้องกลับกลายเป็นความประหลาดใจไป
เมื่อหน้ากากศิลาค่อยๆจับตัวกันก่อร่างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

“ ป…เป็นไม่ได้…ทำไมมันยังฟื้นตัวได้อีกล่ะ ก็เราทำลายส่วนของพลงชีวิตแล้วนี่ ”
โยไร อุทาน ด้วยความประหลาดใจ

“ หึ…ฮ่าๆๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ข้าคงแตกสลายไปแล้ว แต่ตอนนี้ข้าไม่อาจมีสิ่งใด
มาทำลายได้อีก พวกเจ้าพ่ายแพ้ให้แก่ข้าแล้ว ฮ่าๆๆๆ ”
ร่างอวตารพระจิต กล่าวจบโซ่ตรวนนับไม่ถ้วก็พุ่งเข้ามา มัดร่างของ พวกเค้าไว้ก่อนจะตรึงเอาไว้
และทุกๆสิ่งรอบตัวของ โยไร ก็มืดลงและสูญสลายไปในที่สุด

……………..
………………………


โลกแห่งความเป็นจริง

ม.เกษตรศรีราชา

“ เกรม่อนคุง วันนี้ท้องฟ้าดูมัวๆนะ ”
“ สงสัย ฝนจะตกมั้ง รีบกลับ หอ เถอะแกเองก็รีบกลับกรุงเทพไปได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เรอะ ”

เกรม่อน กับ การุรุม่อน ที่กำลัง เดินเถียงกันไป อยู่นั้นเริ่ม สังเกตุสถาพรอบๆตัว ที่เริ่ม
เปลี่ยนไป ไม่เพียงแต่ท้องฟ้าที่มืดลงทั้งที่ ไม่มีเมฆ กระแสลมเริ่มแปรปรวนราวกับพายุกำลังจะมา
เกิดฟ้าผ่า ลงไปทั่วจนเกิดความเสียหายครั้งใหญ่ ไฟไหม้อาคารหลายแห่งและเกิดอุบัติเหตุขึ้นไปทั่ว

“ น…นี่มันชักจะไม่ธรรมดาแล้วนะ ”
เกรม่อน เปรย เมื่อเห็นสภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้น ความวุ่นวายนี้มีที่มาที่แปลกไปจากทุกที

“ ฮ่าๆๆๆ ในที่สุดข้าก็สามารถออกมาในโลกแห่งความเป็นจริง จากนี้ไปบัญญัติแห่งการล้าง
โลกก็จะเริ่มขึ้นและจะไม่มีอะไรมาหยุดข้าได้ ”
เสียงนั้นดังกึกก้องขึ้น ก่อนที่ ห้วงมิติอันเวิ้งว้างจะก่อรูปขึ้น กลางท้องและกลายเป็น
ร่างอวตารแห่งพระจิตได้ในที่สุด

“ น…นั่นมัน ”
การุรุม่อน เปรยด้วยความตกใจกลัว ขณะที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ผู้คนบริเวณ
โดยรอบเริ่มวิ่งหนีกันจนเกิดโกลาหลไปทั่ว

“ อวตารพระจิตชั่วร้าย…ได้ไงกัน…. ”
เกรม่อน เปรยด้วยความไม่อยากเชื่อสายตาบัดนี้สิ่งที่เค้า เขียนให้มีตัวตนอยู่เพียงแค่ในนิยาย
กลับมาปรากฏต่อหน้าเค้า

“ แก!! เข้ามาที่มิตินี้ได้ยังไงกัน แกน่าจะถูกเหล่าอัศวินที่ ฉัน สร้างขึ้นมาจัดการไปแล้วนี่ ”
เกรม่อน ตะโกน ถามขึ้นไปขณะที่ อวตารแห่งพระจิตชั่วร้ายได้ หันมาให้ความสนใจแก่เค้า

“ เหล่าอัศวินงั้นเหรอ หมายถึงพวกนี้สินะ ”
อวาตารพระจิตชั่วร้าย กล่าวจบก็หย่อนโซ่ตรวน นับร้อยออกมา ซึ่งมีเหล่าตัวละครจาก โลกอื่นมากมาย
และพวก ลอว์เรนซ์ กับ เรกกะ เองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

“ ม…ไม่จริงน่า ก็เกรม่อน ให้ K-Touch สำหรับเปลี่ยนร่างสุดยอดให้กับ โยไร ไปแล้วนี่ ”
การุรุม่อน อุทานขึ้นมา

“ โยไร….เจ้าผู้ถูกเลือกคนที่ 4 สินะ งั้นจงดูนี่ซะ ”
ร่างอวตารพระจิตชั่วร้าย กล่าวจบเปิดหลุมมิติบนร่างขึ้นมา ภายในหลุมมิตินั้น โยไร ที่
อยู่ในสภาพร่อแร่ เต็มทีนั้นถูกตรวนเอาไว้ด้วย โซ่มากมาย



“ โยไร… ”
เกรม่อน เปรยด้วยความเจ็บใจ ที่ตัวละครของ เค้านั้นพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ทั้งหมด

“ ก…เกรม่อนคุง ดูนั่นสิ ไดสุเกะจาก ภาค D.N.A. กับ ธนัท จากภาค SMN VR!! ก็เสร็จมันไปแล้วด้วย ”
การุรุม่อน ชี้ไปยังจุดที่ร่างของ ธนัท และ เด็กหนุ่มผมสีแดงตั้งชี้ ที่ถูกตรึงเอาไว้ด้วยเช่นกัน


“ เท่านี้ก็ไม่มีก้างขวางคอใดๆอีกแล้ว ข้าจะทำลายทุกสิ่งและทุกโลกให้สิ้นไปเลย ฮ่าๆๆ ”
อวตารชั่วร้าย กล่าวออกมาด้วยความหยิ่งผยอง

“ ไม่หรอกยังมีอยู่… ”
เกรม่อน เปรยขึ้น ท่ามกลางความสับสนอลหม่านที่ผู้คนต่างหนีตายเพื่อเอาตัวรอด
เค้ากลับเดินเข้าไป หาร่างของ อวตารอันชั่วร้าย

“ หือ เจ้าหนู…จะว่าไปแล้วทำมแกถึงได้รู้เรื่อง ของ พวก อัศวินที่ถูกเลือกได้ล่ะ.. ”
อวตารชั่วร้าย หันมาถามด้วยความสนใจ ขณะที่ เกรม่อน หยิบเอา แฟรชไดรฟ์ ขึ้นมาพร้อมกับการ์ดอีกใบ

“ นั่นก็เพราะ ฉันคนนี้คือผู้ที่สร้างผู้ถูกเลือกขึ้น….ฉันคือพระเจ้า!! ” /Fiction Meister ACE/
เกรม่อน กล่าวจบ ก็รูดแฟรชไดรฟ์เข้ากับ การ์ดในมือก่อนที่จะเกิดตัวอักษณแสง A พุ่งออกมา
ประทับบนร่างของเค้าและดูด เอามิติรอบๆเข้ามาและเปลี่ยร่างของเค้าเป็นอัศวินชุดเกราะสีดำทมิฬ

“ หือ…เจ้า… ”
อวตารแห่งพระจิตชั่วร้าย อุทานขึ้นเมื่อได้เห็นการแปลงร่างของ เค้า

“ ในเมื่อทุกคนหยุดแกไม่ได้…ฉันจะหยุดแกเอง ” /Character Write !!/
เกรม่อน กล่าวจบก็ หยิบการ์ดขึ้นมาพื่อที่จะเปลี่ยนร่างต่อกรกับ อวตารแห่งพระจิตอันชั่วร้าย
ท่ามกลางกลียุคที่เกดขึ้นในตอนนี้




Legend of Thaliwilya YCross อวสาน


Next Serie

เมื่อ โลกแห่งความเป็นจริงและ โลกแห่ง Fic เริ่มแตกสลาย ACE อัศวินผู้มีพลังแห่ง Fiction
จะสามารถกอบกู้โลกทั้งสองไว้ได้หรือไม่ ติดตามได้ใน Fiction Meister ACE








เอาล่ะครับก็ อวสานไปแล้วกับ อีกซีรี่ย์ ที่จริงต้องพูดว่าจบไปภาคหนึ่งต่างหากเพราะ ภาคต่อของ
 ทั้ง Legend D.N.A. of Thaliwilya (Legend Daisuke Niwa Angel of Thaliwilya)

ภาคLegend of Thaliwilya YCross นี้ต่างก็จบลงตรงที่ อวตารแห่งพระจิตชั่วร้าย ได้บุกเข้ามาทำลายเนื้อเรื่องจนเละเทะไปหมด
ดังนั้นเมื่อเหล่าพระเอกที่ ผมสร้างขึ้นมาเอาชนะไม่ได้ เพราะฉนั้น ภาคต่อไปผมจะเป็นตัวเอกเองซะเลย เหอๆ

อาจจะดูบ้าๆไปหน่อย(ไม่หน่อยล่ะ) ที่ดันมาจบแบบนี้ ซีรี่ย์ดีๆเลยเจ้งไปอีกเรื่อง แต่ที่จริงตนเริ่มเขียน ก็กะเอาไว้แบบนี้อยู่แล้ว
เพราะฉนั้น รอดติดตาม Fiction Meister ACE ได้ในวันที่ 1 มกราคม ปี 2553 นะคร้าบ หรือ ปี 2010 นั่นเอง

ส่วนเรื่องที่จะมาคั่นไว้ให้ก่อน นั้นจะมีเรื่องของคุณ Gee หรือ พัลม่อนของเรา มาเขียนให้อ่านกันก่อนนะคร้าบ
ส่วนลูกทีมที่เหลือจะเจียดกันไปเตรียมงาน Fiction Meister ACE กันก่อน ทั้งนี้ กำหนดอาจจะเลื่อนมาเร็วขึ้นก็ได้

อาจจะไม่ต้องรอถึงปีหน้า แต่ยังไงก็ต้องรอให้ ซีรี่ย์ถัดไปจบก่อนล่ะ โดยซีรี่ย์ถัดไปนั้น คุณ Gee เขียนร่วมกับผมนะขอร้าบ
ดังนั้นเนื้อเรื่องอาจจะแปลกไปพอกับวิธีการเขียนเลยก็ได้ถือซะว่าเป็นแนวใหม่ เลยก็แล้วกัน


Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #39 on: July 10, 2009, 12:31:32 AM »

-//ปาดดดดดด

รูปหลอนจัง   
Logged


Pages: 1 2 [All]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.213 seconds with 20 queries.