Summoner Master Forum
April 19, 2024, 06:34:14 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: 1 [2]  All
  Print  
Author Topic: Legend of Thaliwilya YCross :Final Tag 05 จุดจบที่สิ้นหวังสู่จุดเริ่มต้น Missing  (Read 20763 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #30 on: June 29, 2009, 09:51:54 AM »

.............

-//นั่งเอ๋อกลายเป็นชาช่าซีโร่อยู่มุมห้อง
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #31 on: June 29, 2009, 03:03:05 PM »

คำพูดเจ้าการุรุม่อน นี่ทำเราเสียหลายรอบแล้วนะเนี่ย

จะบ้าเหรอ!! นี่แกจิ้นเข้าไปได้ไง คนเจ็บตัวทั้งคนนะว้อยยยย

อูยยยยย ว่าแล้วยังเจ็บมิหาย ดันซัดมาซะเต็มแรงเลย เกือบน็อคคาพื้น 

เอาเถอะ ก็ขอบใจ พัลม่อนจัง ด้วยล่ะกัน ที่ช่วยมาเล่นละครตบตาบวกคิดแผน
Cross Over แบบนี้ให้ไม่งั้น เรื่องคงไม่จบแหง อูยยยย ซี้ดดดด ว่าแล้วก็ขอครางไปพลางละกันนะ

เอาล่ะเข้ารเรื่องๆ มีคำถามที่ยังไม่ได้ตอบอีกเพียบ ไหนจะเรื่องที่ Legend DNA of Thaliwilya
จบแบบ End Bad แล้วยัง ทาลิวายครอสจะจบใน 5 Tag อีก

งั้นเริ่มจากการจบของ ทาลิดีเอ็นแองเจิลก่อนละกัน

ในตอนจบจะเห็นได้ว่า อวตารพระจิตชั่วร้าย ได้บุกเข้ามาในมิติของ ไดสุเกะ
แน่นอนอย่างที่อ่านผ่านกันมาแล้ว(ถ้ายังไม่อ่านไปอ่านมานะ)

ไดสุเกะ ขัดขืนบ่ได้เลย แถมยังไอ้พระเจ้าปลอมมันยังพูดถึงนักรบคนที่ 4 อีก
ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะรู้กันอยู่ว่าหมายถึงใคร นั่นแสดงว่าเรื่องที่ ธนัท ข้ามมาภาค
นี้ได้ ก็จะตอบคำถามของเรื่องทั้งหมดเลย อีกทั้งยังเรื่องที่ พวก ลอว์เรนซศ์ กลายเป็นแบบนั้นอีก

และพระเอกใน ซีรี่ย์สุดท้ายที่น่าจะมาในปี 2010 คือใครก็จะเปิดเผยในตอนจบของ ภาควายครอสนี้ครับ
ว่าแล้ว ขอตัวลาไปพิมพ์ต่อก่อนน้า อูยยยย เจ็บบบบบบ


ตอบคำถาม: ผมยังไม่ได้เป็นอะไรกับ พัลม่อนจังเค้านะ แค่เจ้า การุรุม่อน มันเอามาแซวเท่านั้นเอง
อย่าพึ่งจิ้นลึก

Quote
-//นั่งเอ๋อกลายเป็นชาช่าซีโร่อยู่มุมห้อง

มันคืออะไรอ่า ผมไม่เข้าใจ แจงให้ทีสิ









Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #32 on: June 30, 2009, 09:44:48 AM »

     ภาค D.N.Angel มาแล้ว   

Happy 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #33 on: July 04, 2009, 06:43:19 AM »

Tag 04 Y Cross Over พิชิตศึกรักสามเส้า

ความเดิมในตอนที่แล้ว: ระหว่างการปะทะกับ Dark Elite4 โยไร เรกกะ และ ยารุย ทั้ง3 ต่างเสียเปรียบ
ในการต่อสู้ที่ระดับพลังของอีกฝ่ายนั้น เหนือชั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานหลังการปรากฏตัวของ ลอว์เรนซ์

บุรุษผู้รับสืบทอดพลังแห่งอัศวินมังกรทาลิวิลย่า เมื่อครั้งอดีตกาลกว่า 200 ปีที่แล้ว
ลอว์เรนซ์เคยข้ามกาลเวลามาช่วย เรกกะ ใน การปฏิวัติเมื่อ 22 ปีก่อน ทว่าในการกลับมาครั้งนี้

เค้ากลับถูกพลังด้านมืดเข้าครอบงำ และเข้าจู่โจมใส่ พวก โยไร จนเกือบจะจัดการได้อยู่แล้ว ทว่า
ผู้ที่เข้ามาขวางระหว่างการต่อสู้คือ เด็กหนุ่มปริศนาสองคนผู้อ้างตัวว่ามาจาก อีกโลกและ

ได้ใช้พลังประหลาด หยุดยั้งการต่อสู้เอาไว้พร้อมกับ พาตัวโยไร ไปยังโลก ใหม่
โลกแห่งความเป็นจริง ที่นั่นพวกเค้าได้พบกับ ผู้แต่ง Fic ที่สร้างเค้าขึ้น เกรม่อน
 เด็กหนุ่มผู้ที่สร้างสรรค์พวกเค้าขึ้นมาบัด นี้ดวงชะตากำลังจะโคจรมาพบกัน.....


หอสมุดอนุสรณ์10ปี มหาลัย เกษตรศาสตร์ศรีราชา

ภายในห้องสำหรับบริการ คอมพิวเตอร์ซึ่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์ ตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะทั่วห้อง
ซึ่งภายในห้อง บัดนี้ มีเด็กหนุ่ม 3 คนโดยที่คนหนึ่งมีอายุประมาณ 19 ปี ซึ่งแก่กว่า
 ธนัท และ โยไร ถึง 4 ปีด้วยกัน

“ ตกลง ที่นี่คือ โลกที่เรียกว่าโลกแห่งความเป็นจริงงั้นเหรอ ”
โยไร เปรยขึ้นหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด จากปากของ ธนัท

“ ถูกต้องก็ตามนั้นล่ะ ที่นี่คือโลกที่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเหนือคำบรรยาย ตรรกะทางความเชื่อ
ของทุกคนจะขึ้นอยู่กับการพิสูจน์และวิจัย ผ่านทางวิธีการทางวิทยาศาสตร์เพราะ
ฉะนั้นอย่าเที่ยวไปพูดเรื่องเวทมนต์ สัตว์ประหลาดหรือมังกรเข้าซะล่ะ ”

ธนัท กล่าวเรียบๆอย่างไม่ร้อนรนขณะที่ เกรม่อน เด็กหนุ่มผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในโลกนี้กลับดู
จะมีท่าทีตกใจมากกว่าพวกเค้าเสียอีก


“ นี่เดี๋ยวสิ เรื่องนั้นน่ะช่างมันก่อนเถอะว่าแต่พวกนายน่ะมันเกิดจาก
จินตนาการของฉันไม่ใช่หรือไงแล้วอยู่ๆมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ไงกัน ”
เกรม่อน กล่าวท่าทียังคงแสดงออกถึงความสับสนและรนราน ต่อการมาของพวกเค้า



“ ก็แหมจะอธิบายยังไงดีล่ะ เอาเป็นว่า ล่าสุดนายกำลังดู การ์ตูนเรื่องอะไรอยู่เป็นหลักล่ะ ”
ธนัท ถามขึ้น ขณะที่ เกรม่อน ก็นั่งคิดถึงคำถามที่ ธนัท ถามมาพลางยกนิ้วขึ้นมานับไล่ไปเรื่อยๆ

“ เอ...ก็มี Nanoha Striker S, Code Geass R2, Samurai Sentai Shinkenger,
 Gundam 00 ภาค2 แล้วก็ Kamen Rider Decadeเอ๊ะเดี๋ยวสิแล้วนี่นายจะถามไปทำไมเนี่ย ”
เกรม่อน นับไปเรื่อยๆตามจำนวนเรื่องที่ตนนึกออก ก่อนจะเอะใจสงสัยว่า ทำไม ธนัท จะต้องถามแบบนี้ด้วย

“ ก็นั่นล่ะ เรื่องล่าสุดที่นายดู คือ Decade ใช่ไหมล่ะ นั่นล่ะ คือสาเหตุที่ฉันข้ามมาโลกนี้ได้  ”
ธนัท กล่าวตอบ ขณะที่ เกรม่อน กับ โยไร ยัง งงๆกับคำตอบของเค้า อยู่ดี

“ เอาล่ะเรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะที่สำคัญ น่ะ คือตอนนี้นายกำลังกลุ้มใจอยู่ใช่มั้ยล่ะ ”
ธนัท กล่าวยกเรื่องอื่นขึ้นมาโดยเลี่ยงที่จะตอบ คำถามในเรื่องการมาของพวกเค้า

“ ก...ก็ใช่อยู่หรอกแต่ว่านะ.. ”
เกรม่อน ตอบอย่างลังเลขณะที่ ธนัท เดินเข้ามาตบบ่าเค้าเบาๆพร้อมส่งสายตาอย่างมี
หวังให้แก่เค้า แต่มันกลับทำให้เค้ารู้สึกสะอิดสะเอียนแปลกๆ

“ เราก็มาช่วยเรื่องรักสามเส้าของนายไงล่ะ ”
ธนัท กล่าวจบ ลูกตาของ เกรม่อน ก็แทบจะทะลักออกมาจากเบ้าทันที พร้อมกับสีหน้า
 ผงะด้วยความแปลกใจสุดขีด

“ อ...เอ่อ ฉันว่าอย่าดีกว่านะ ”
เกรม่อน รีบ ปฏิเสธ ทันทีเมื่อ ธนัท เอ่ยปากจะช่วยในเรื่องของเค้า ขณะที่
โยไร นั้นยังคงสับสนกับ สถานการณ์ในตอนนี้ที่ไม่รู้ต้นรู้ปลายใดๆเลย

“ เอาน่าที่สำคัญฉันมีเรื่องที่จะบอกอีกอย่างด้วย ถึงต้องลำบากถ่อมาถึงนี่ไง ”
ธนัท กล่าวขึ้นแต่ยังไม่ทันจะอธิบายต่อ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะการสนทนาของพวกเค้า

“ เกรม่อนคุงงงงง!! ”
เด็กสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเกรม่อน ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับวิ่งตรงเข้ามาที่ประตูห้อง

“ หวา ซวยแล้ว ฉันขอตัวก่อนล่ะ!! ”
เกรม่อน กล่าวจบก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงต่อ รีบสาวเท้าโกยแนบเปิดประตูห้องวิ่งสวนเธอหนีไปทันที

“ สงสัยจะอาการหนักกว่าที่คิดนะเนี่ย ”
ธนัท เปรยขณะที่ทอดสายตามองทั้งสองวิ่งไล่กันออกจากห้องสมุดไป ขณะที่ โยไร
ก็ อดสงสัยไม่ได้ว่า พวกเค้าทำอะไรกันอยู่


…………………
…………………………

ภายในวิทยาเขต


อาณาบริเวณ ที่ครอบคลุมไปทั่วตั้งแต่เชิงเขา ไปจนถึง ตัวอาคารนับสิบหลังที่ตั้งเป็นบล็อกต่างๆ
เชื่อมกันด้วย ถนนหนทางที่ทอดยาวเป็นเหมือนท่อลำเลียง ที่คอยส่งน้ำไปหล่อเลี้ยง

แต่ละอาคารจะมีขนาดและลักษณะแตกต่าง กันโดยมีเอกลักษณ์ตามลักษณะการใช้งานของตึก
เช่นอาคารพละ ก็จะมีขนาดกว้างและ ภายในโอ่โถง เพื่อให้รองรับ จำนวนนักศึกษาที่จะเข้ามา
ใช้ทำกิจกรรมได้เพียงพอ

หรือ อาคารโรงอาหาร ที่มีบรรยากาศร่มรื่น เพื่อให้นักศึกษาที่มารับประทานอาหาร รู้สึก
อิ่มเอมกับบรรยากาศแบบธรรมชาติ (นี่มันรีสอร์ท หรือวิทยาลัยเขตกันแน่หว่าจนถึงตอนนี้ก็ยัง งง)


โรงอาหาร (บรรยายตั้งนาน สุดท้ายมาจบที่โรงอาหาร)

“ สรุปแล้ว เพราะ ธนัท เข้าไปช่วย โยไร จากโลกแห่ง วายครอส
แล้วก็เทคโอเวอร์หลุดมานี่เนี่ยนะ ”
เกรม่อน ทวนเรื่องราวทั้งหมดที่ฟังจากปากของธนัท อีกครั้งด้วยความที่ไม่อยากจะเชื่อหู
ของตนที่ได้ยินสิ่งที่ ธนัท อธิบายมา

“ อืม ก็ประมาณนั้นล่ะแต่ที่สำคัญกว่าอื่นใดมาวางแผน แก้ไขปัญหาหัวใจนายก่อนดีกว่าม้าง ”
ธนัท กล่าวพลางหยิบ แผ่นมันฝรั่งทอดในห่อที่วางอยู่บน โต๊ะเข้าปากอย่างสบายใจ
ด้าน โยไร ก็ยังคงตื่นเต้นกับสภาพรอบตัวที่แปลกตา กว่าที่เค้าเคยเห็น

ดีไซน์ของอาคารและ สภาพแวดล้อมของ โลกแห่งนี้ไม่เหมือนกับ โลกของเค้า
 ทั้งลักษณะชีวิตประจำวัน ความเชื่อ
เผ่าพันธุ์ การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ต่างๆ ทุกสิ่งนั้นล้วนดูแปลกใหม่ไปหมดสำหรับเค้า

“ นี่ โยไร ดูนายระสับระส่ายมาตั้งแต่เมื่อกี้ แล้วมีอะไรรึเปล่า ”
เกรม่อน หันมาถามเค้าด้วยความเป็นห่วง ซึ่งเค้าก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที

“ ม….ไม่ใช่หรอกนะ แค่รู้สึกว่า…ที่นี่มันแปลกๆน่ะ ”
โยไร กล่าวตอบแบบเก็บน้ำเสียง ด้วยว่าเค้ายังไม่รู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ซักเท่าใดนัก
เค้าจึงพยายามระวังการพูดการจาเอาไว้เป็นพิเศษ

“ งั้นเหรอหืม… แปปนะ มีโทรศัพท์มาน่ะ ”
เกรม่อน กล่าวจบก็ เอามือล้วงลงไปในกระเป๋าก่อนจะควักเอา โทรศัพท์มือถือที่มีหน้าตาประหลาด
กว่าแบบที่ในโลกของเค้ามีใช้ มันเป็นเครื่องทรงสี่เหลี่ยม ที่มีปุ่มกดน้อยปุ่ม

ซึ่งมีอยู่เพียงสามปุ่มด้านข้างเครื่องเท่านั้น พื้นที่เหลือด้านหน้านั้นเป็นจอภาพทั้งหมด
ที่หัวเครื่องมีแท่งที่คล้ายกับจะเป็นเสาสัญญาณทว่า เกรม่อน กลับชักมันออกมา

ซึ่งกลายเป็นว่ามันคือแท่งพลาสติกที่มีลักษณะคล้ายดินสอแทน
ก่อนที่จะนำเอาแท่งนั้นมา จิ้มลงไปบนหน้าจอซึ่ง ภาพบนจอก็ดูเหมือนจะตอบรับกับการ
แตะแท่งนั่นลงไปในแต่ล่ะครั้ง

“ ฮัลโหล ”
เกรม่อน กล่าวใส่โทรศัพท์ ก่อนที่จะมีเสียงดังตอบกลับมา

“ เกรม่อน จริงเปล่าที่ว่า ตอนนี้แกตกบ่วงรักสามเส้าอยู่น่ะ ”
เสียงนั้นดังกลับมาก้องจนออกมาจาก โทรศัพท์ที่แนบกับหูของ เกรม่อน
ซะจน โต๊ะข้างๆหันมามอง ซึ่งเกรม่อน ต้องรีบหลบหน้าด้วยความอายทันที

“ นี่พูดเบาๆก็ได้ แล้วไปรู้มาจากไหนเนี่ย ”
เกรม่อนกระซิบพลางเอา แท่งพลาสติก จิ้มลงไปบนจอเครื่องอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนเป็นเบา
เสียงการสนทนาลง

“ หุๆๆ ไม่งั้นมีหรือเค้าจะเรียกเดี๊ยนว่า การุรุม่อนเจ้าแม่ข่าวลือจมูกไวปานสุนัขน่ะ ”
เสียงนั้นตอบกลับมา อย่างเย่อหยิ่งซึ้งก็ทำเอาเค้ารู้สึกปวดหัวกับ กริยาของอีกฝ่าย
ระหว่างที่ เกรม่อน กำลังสนทนากับผู้ที่ติดต่อเข้ามา ธนัท ที่เกิดอยากรู้ว่า เกรม่อน
กำลังคุยเรื่องอะไรขึ้น จึงยก จี้ห้อยคอของตนขึ้นมา

“ คอรัส แฮคสัญญาณมาหน่อยสิ ฉันอยากรู้ว่าพวกเค้าพูดอะไรกันอยู่ ”
ธนัท กล่าวกับ จี้ห้อยคอของเค้า ก่อนที่มันจะตอบกลับมา

/always…..Linking Access….Process Complete/(ตลอดเลยนะ…
ทำการเชื่อมต่อ…การทำการเรียบร้อย)
เสียงของ จี้ห้อยคอกังวานขึ้นจบ บทสนทนาที่ เกรม่อน พูดกับ ผู้ที่โทรเข้ามาหาเค้าก็ดังขึ้นมาทันที

“ เอางี้นะถ้าแกกลุ้มใจอยู่ล่ะก็ ฉันจะให้แกปรึกษาพี่ ปิโย ดูก็แล้วกัน ”
สิ้นคำ การุรม่อน ก็โอนสายไปให้อีกสาย โดยที่ไม่ฟังคำตอบของ เกรม่อนก่อนเลย


“ ไงจ้า น้อง เกรม่อนคุง คนดีของพี่ อยู่ที่นั่นเบื่อไหมเอ่ย ได้ยินว่า ไข้หวัด 2009 ระบาดหนักเลยนี่ ”
เสียงหวานใสของหญิงสาวดังขึ้นมาแทน

“ ก็ไม่ค่อpน่าเบื่อหรอกคร้าบ แต่มีเรื่องเข้ามาทุกวันแบบนี้ก็ชักอยากจะเบื่อๆบ้างแล้วล่ะ
ส่วนหวัด 2009 ตอนนี้มีคนในsec เรียน เป็นหวัดกว่าร้อยคนแล้วล่ะพี่ แต่คิดว่า
ไม่น่าจะเป็น 2009 หรอกมั้ง ว่าแต่พี่จะชวนผมคุยเรื่องอะไรกันเนี่ย ”

เกรม่อน ตอบกลับไปเรื่อยๆ ก่อนจะดึงเรื่องกลับเข้าสู่หัวข้อของการสนทนาในครั้งนี้

“ อ๋อใช่ๆ การุรุม่อน เล่าให้พี่ฟังแล้วล่ะ น้องกำลังตกบ่วงรักสามเส้าอยู่ใช่เปล่า
 ว่าแต่เป็นยังไงมั่งล่ะ ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว กำลังจะถึงไคลแมกซ์ยังเอ่ย
 มีการตบตีแย่งชิงกันหรือยังใครบอกรักใครก่อน เล่ามาเลยพี่เตรียมอัดเสียงไว้แล้ว ”

เสียงตอบกลับของ ปิโยม่อนนั้น ดูสนอกสนใจออกนอกหน้าเหมือนเห็นปัญหาของเค้า
เป็นเรื่องเล่นเสียมากกว่า

“ นี่พี่ตั้งใจจะมาช่วยผมจริงรึเปล่าเนี่ย ”
“ อะก็จริงสิจ้า ”

“ แต่ดูเหมือนะพี่จะสนุกมากเลยนะ ”
“ แหมทำไมล่ะ ทุกทีพี่ก็เป็นคนสนุกอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วนี่ ”

“ เอ่องั้นผมต้องเล่าเรื่องให้ฟังใหม่หมดไหมเนี่ย ”
“ อันนั้นไม่ต้องหรอกจ้า การุรุม่อน เค้าเล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว ”

“ ถ้างั้นยิ่งต้องเล่าใหม่เลย ที่เจ้านั่นพูดไปมีเติมสีใส่ไข่แน่ชัวร์ ”

หลังจากบทสนทนาที่ผ่านมา เกรม่อน จึงเริ่มต้นเล่าปัญหาของตน ใหม่อีกครั้ง

……………………….


“ เรื่องก็เป็นอย่างที่ว่ามานี่ล่ะเพราะงั้น…. ”
หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดแล้ว เกรม่อน ก็รวบรวมแรงใจทั้งหมดเท่าที่มีพูด
ในสิ่งที่ตนเองไม่เคยคิดว่าจะได้พูดออกมาเลย

“ พี่ ปิโยม่อนคร้าบช่วยผมทีสิคร้าบ ”
เกรม่อน กล่าวออกไปอย่างเต็มปากเต็มคำ โดยที่สีหน้ายังแสดงอาการรับไม่ได้อยู่

“ แหม เกรม่อนคุง ไม่เห็นต้องร้อนตัวไปเลยก็ได้นี่ ใครๆก็ต้องเคยผ่านคำว่าครั้งแรกมากันทั้งนั้นล่ะ
ที่จริงพี่เองยังแอบอิจฉาเลยนะที่น้องตกบ่วงรักสามเส้าได้เนี่ย ”
ปิโยม่อน กล่าวเสียงใส ขณะที่ เกรม่อน แทบจะโต้กลับไปทันควันเมื่อเห็นว่า พี่สาวของตนไม่
เห็นค่าของแรงใจที่เค้ารวบรวมเพื่อพูดออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว

“ แล้วตกลงนี่พี่จะช่วยผมไหมเนี่ย นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะ ”
เกรม่อน กล่าวสุดเสียงด้วย โทสะที่เริ่มจะปะทุขึ้นมานิดๆแล้ว

“ อ๊ะ ตายจริง พี่ต้องไปแล้วล่ะ ผลเป็นไงมั่งอย่าลืมมาเล่าให้ฟังกันนะ ”
สิ้นคำ ปิโยม่อน ก็ตัดสายไปทันที

“ เดี๋ยวสิ พี่ปิโยม่อน พี่ พี่ ”
เกรม่อน ตะคอกใส่ โทรศัพท์ อย่างร้อนรนแต่ว่าก็ไม่ทันที่จะห้าม
การวางสายของ ปิโยม่อน ไปได้ ขณะที่เค้าพึ่งจะรู้สึกตัวว่า เสียงของ
เค้ามันย้อนก้องออกมาดังกว่าปกติ จนเมื่อหันกลับไปยังทิศ ของเสียงก็เห็นว่า เสียงของเค้ามันดังออกมาจาก
จี้ห้อยคอของ ธนัท นั่นเอง

“ นี่นายเอา Note นั่นมา แฮค สัญญาณฉันงั้นเหรอ ”
เกรม่อน กล่าวน้ำเสียงเดือดดาล ขณะที่ ธนัท กับ โยไร ถึงกับสะดุ้ง
ซึ่ง ธนัท แทบจะปิดการทำงานของ คอรัส แทบไม่ทัน

“ สงสัยไม่ดีแล้วมั้งเนี่ย ฉันว่าเราชิ่งก่อนดีกว่า ”
ธนัท กล่าวจบ ก็จูงมือ โยไร ลากหนีไปทันที ปล่อยให้ เกรม่อน ยืนหัวเสียอยู่ตรงนั้น

………………..
…………………….


“ นี่ เอ่อ คุณ… ”
โยไร เปรยขึ้นขณะที่พยายามจะเรียก ธนัท

“ ธนัท อ้อแล้วก็ไม่ต้องมี  “คุณ” ด้วยนะที่โลกของฉันมีหมอนั่นเรียกว่าคุณติดปากอยู่คนเดียวก็พอแล้ว ”
ธนัท แทรกขึ้นมา ก่อนที่ โยไร จะทันได้กล่าวต่อ

“ ธนัท นายพอจะบอกเหตุผลให้ผมฟังโดยละเอียดได้ไหม ว่าทำไมถึงได้พาผมมาที่นี่
แล้วยังพลังประหลาดนั่นอีก ”
โยไร กล่าวพลางจ้องไปที่ จี้ห้อยคอของเค้า ที่ใช้แฮค สัญญาณ โทรศัพท์ของเกรม่อนไป

“ อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ เอาไงดีล่ะงั้น ฉันจะแนะนำตัวเองก่อนก็แล้วกัน
อ้อเรื่องของนายไม่ต้องบอกฉันหรอกนะ เพราะฉัน รู้มาหมดแล้วล่ะ ”
ธนัท กล่าว ขณะที่ ล้มตัวลงนั่งบนเนินทุ่งหญ้าที่ ยกตัวเป็นลูกคลื่น
ในทุ่งที่ห่างออไป จากส่วนของ วิทยาเขต ไม่ไกลนัก

“ งั้นเริ่มจากเจ้านี่ก่อนเลย ชื่อของมันคือ คอรัส คนในโลกของฉันเรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า
Note เป็นอุปกรณ์ ที่มีการใส่ชุดคำสั่งโต้ตอบแบบผนึกมนตรา

ลงไปทำให้พวกมันเหมือนมีชีวิตสามารถพูดคุยโต้ตอบ และ
 รับรู้ความรู้สึกของ ผู้คนได้ ”                          /All right/(ตามนั้นล่ะ)

ธนัท อธิบายขณะที่ คอรัส เองก็ตอบรับขึ้นมาด้วย ทำให้ โยไร รู้สึกแปลกใจมากขึ้นไปอีก

“ แล้วก็ Note นี่น่ะเมื่อ เปลี่ยนเป็นโหมด Duel ก็จะมีรูปร่างเป็นปลอกแขนแบบนี้ ”
ธนัท กล่าวจบ คอรัส จี้ห้อยคอของ ธนัท ก็เรืองแสงขึ้นก่อนจะเปลี่ยนกลายเป็นเกราะ
ปลอกแขนเข้ามาประกบ กับแขน ซ้ายของเค้า

“ ในโหมดนี้ มันจะทำให้ฉันใช้พลังของ การ์ดพวกนี้ได้ ที่โลก
ของฉันเรียกมันว่า การ์ดซัมมอนเนอร์ ที่จริงที่โลกแห่งความเป็นจริงนี่ก็มีเหมือนกัน

แต่ไม่ได้มีพลังขนาดที่จะเอาใช้ ทำอะไรแบบที่นายเห็นได้หรอก
เพราะที่นี่มันก็เป็นแค่เกมอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง ”

ธนัท อธิบาย จบก็ล้มตัวลงนอน แผ่หลาอย่างสบายอกสบายใจ

“ นายเนี่ยเป็นคนอารมณ์ดีจังเลยนะ ”
โยไร เปรยออกมาจากท่าทีที่ ธนัท แสดงให้เค้าเห็น

“ ก็ประมาณนั้นล่ะ เพราะ เกรม่อน  เขียนให้ฉันเป็นแบบนี้นี่ อ้อจริงสิเกือบลืม
ไปเลยเรื่องที่ฉันมาพานายมาที่นี่น่ะ… ”
ธนัท กล่าวขึ้นพลางเด้งตัวกลับขึ้นมา แต่ทว่าก่อนที่จะทันเล่าเรื่องต่างๆ กลับมี
ปีศาจ สิบกว่าตนล้อมพวกเค้าเอาไว้โดยไม่รู้ตัว

ร่างของพวกมัน เป็นสีเทาซีด มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีโหนกและเขาแหลม
ร่างกายเป็นเนื้อไม้ที่ตายแล้ว
บริเวณนิ้วเท้านั้นเป็นรากไม้ ที่ยืดยาวออกมาราวกับกรงเล็บ

“ เหวอ…ป….ปีศาจพวกนี้มัน ”
โยไร อุทานขึ้นด้วยความผวา ขณะที่ ธนัท ดึงเอาไพ่ออกจาก ช่องเสียบสำรับ ออกมา ใบ 1


“ ชิ…เจตภูตรากไม้ต้องคำสาป  (Cursed Root Wraith) นี่พวกมันปรากฏตัวขึ้นในโลกจริง
ได้แล้วงั้น เหรองั้นก็หมายความว่าเจ้านั่นกำลังเคลื่อนไหวอยู่สินะ ต้องรีบแล้ว  ”
ธนัท สบถก่อนจะ ร่ายการ์ดในมือ ออกไป  การ์ดที่โยนออกไปนั้น กลายเป็นร่างของ
 มังกรซาลามันเดอร่า ที่มีขนาดตัวและปีกใหญ่กว่าปกติทั่วไป (Salamandera, the Fire Dragon)




“ เผาไอ้พวกรากไม้นี่ให้ราบไปเลย ราชันย์มังกรอัคคีซาลามันเดอร่า ”
สิ้นคำของ ธนัท ซาลามันเดอร่า ก็พ่นเพลิงออกมากวาดเผาร่างของ
พวกมันจนวอดวายไปหมดในคราเดียว ทว่า กลับเกิดสิ่งผิดปกติขึ้นกับร่างของ ธนัทเช่นกัน
เพราะร่างของเค้าค่อยๆจางลงไปเรื่อยๆทุกขณะ

“ ธนัท ร่างของนายมัน.. ”
โยไร อุทานขณะที่สายตาก็จับจ้องไปที่ร่างซึ่งกำลังจะเรือนหายไปของ ธนัท

“ แย่ล่ะ เพราะมัวแต่ชักช้าเวลาในการ ข้ามมิติหมดแล้วงั้นเหรอเนี่ย ฟังนะ โยไร
นายต้องหาคำตอบของนายคำตอบในการต่อสู้ของนาย แล้วก็ช่วย เกรม่อน

 หาคำตอบให้กับหัวใจของเค้าด้วย นี่คือสาเหตุที่ฉันพานายมาที่นี่ ถ้านายไม่รีบล่ะก็
เวลาของนายก็จะหมดลงเหมือนกัน ถึงตอนนั้น เจ้า พระจ้านั่นก็จะ….. ”

ธนัท ยังไม่ทันจบร่างของเค้า ก็หายไปก่อนเสียแล้ว

“ ธนัท…ธนัท…ถ้าผมทำไม่สำเร็จแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ”
โยไร เปรยขณะที่ เหม่อมอง ไปรอบๆตอนนี้ เหลือเพียงตัวเค้าคนเดียว
ไม่มีคนที่จะคอยแนะนำแนวทางใดๆให้อีกแล้ว

“ ถ้ายังไงเราไปสมทบกับ เกรม่อน ก่อนดีกว่า เพราะยังไงเค้าก็น่าจะช่วยเราได้
 แล้วอีกอย่าง ถ้า ธนัท ยังหายไปแบบนี้ ที่โลกเดิมของเรา จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้ ”
โยไร คิดก่อนจะออกวิ่งเพื่อกลับไปตามหาตัว เกรม่อน

……………….
………………..
……………………..


“ เกรม่อน…. ”
โยไร ตะโกนเรียกหา จนเมื่อเค้ามาถึง ข้างมุมของอาคารแห่งหนึ่ง เค้าก็เงียบเสียงไปเพราะ
เห็นเกรม่อน กับ เด็กสาวที่มาตามเค้าที่ห้องสมุดเมื่อกลางวันและ เด็กหนุ่ม

กำลังมีปากเสียงกัน โยไร ยืนมองดูอยู่ห่างๆ จากมุมนี้ เค้าได้ยินเสียงที่ตะคอกใส่หากันดังขึ้น
สองสามประโยค จากนั้น เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงนั้นก็ ซัดหน้า เกรม่อน จนล้มผับลงไป

ก่อนจะมีปากเสียงกันอยู่อีกพักหนึ่ง เด็กหนุ่มกับเด็กสาว ที่มาตามเค้าในห้องสมุดเมื่อกลางวัน
 จึงเดินจากออกไป โดยมีเด็กหนุ่ม เป็นฝ่ายจูงมือลาก เด็กสาวไปขณะที่ เธอยังคงร้องไห้ เสียใจอยู่
เมื่อเห็นว่า คนอื่นไปกันหมดแล้ว โยไร จึงวิ่งเข้าไปช่วยพยุงร่างของ เกรม่อน ขึ้นมา

“ เป็น อะไรมากรึเปล่า เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ ”
โยไร กล่าวถามด้วยความสงสัยขณะที่ช่วยพยุงให้ เกรม่อน ลุกขึ้น

“ อูยยย....ก็แค่เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะ ตอนนี้เรื่องของ ฉันเคลียแล้ว เหลือแค่พวกนายเท่านั้นล่ะ
คิดจะทำอะไรต่อไปอีกล่ะ ”
เกรม่อน กล่าวถามขณะที่เอามือกุมริมฝีปากที่ ห้อเลือดจากการถูกซัดเมื่อครู่

“ เอ่อคือ เรื่องนั้น.......ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไง ธนัท
เองก็หายตัวไปแล้วด้วยตอนนี้มีแต่นายเท่านั้นที่ผม....จะพึ่งพาได้... ”
โยไร กล่าวด้วยท่าทีที่ลังเล ตอนนี้เค้าไม่รู้ว่า เกรม่อน จะยอมช่วยเค้าหรือไม่

“ นายจะกลับใช่ไหมล่ะ.... ”
เกรม่อน เปรยขึ้น ก่อนที่ โยไร จะหันมามองด้วยความสนใจ

“ ที่จริงแล้ว ฉันเองก็เคยคิดเอาไว้เล่นๆใน หัวครั้งหนึ่งนะ ว่าถ้าพวกนาย ข้ามมิติมาได้ก็คงดี
 แล้วมันก็เป็นจริง และถ้าเป็นที่อย่างที่ฉันคิดล่ะก็ จากที่ ธนัท เล่าให้ฟังว่าใช้พลังของ การ์ดพานายมา
 อีกเดี๋ยวเวลาก็คงหมดแล้วนายก็จะถูกส่งกลับไปเอง ”
เกรม่อน กล่าวขณะที่ โยไร เมื่อได้ฟัง คำพูดของ เกรม่อนแล้ว ก็รู้สึกมีหวังขึ้นมา
ขณะที่ เกรม่อน จ้องมองการตอบกลับของเค้าอยู่ก่อนจะ ถอนหายใจออกมา

“ ถ้านายเอาแต่หนีความรู้สึกจริงๆของตัวเองไปเรื่อยๆแบบนี้ นายก็ไม่มีทางจะก้าวต่อไปได้หรอก ”
เกรม่อน เปรยออกมาด้วยน้ำเสียง เหนื่อยหน่าย เหมือนกับไม่พอใจกับ ทีท่าของ โยไร ก่อนจะเดิน
จากไปโดยไม่เหลียวกลับมา ทิ้งให้ โยไร ยืนมองเค้าด้วยความสงสัยกับคำพูดที่เค้าทิ้งไว้ให้

“ ตอนนี้ ที่โลกของเรา ทุกคนจะเป็นอะไรกันรึเปล่านะ คุณ เรกกะ
เองยังสู้พวกมันไม่ได้เลย ยารุย เองก็....จริงสิ ยารุย เป็นผู้ใช้พลังของ Yin Cross

ถ้าเรากลับไป....ถ้าจัดการกับพวกนั้นได้แล้ว ต่อไปเราจะทำยังไงดีล่ะ....เรากับ ยารุย  ก็ต้องเป็น
ศัตรูกันน่ะสิ ....แล้วก็ถ้ากลับไปเราก็ต้องกลับไปสู้อีกงั้นเหรอ....... ”

โยไร คิดขณะที่ เดินไปตามท้องถนนในยามราตรีนี้ ก่อนจะหยุดเดินลง เพราะความคิดใน
หัวที่เริ่มจะขัดแย้งกันเอง แม้ใจหนึ่งจะอยากกลับไปที่โลกของเค้าเพื่อช่วยเหลือทุกคนแต่

หากเค้ากลับไป ก็จะต้องต่อสู้อีก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ตัวเค้าเกลียดที่สุด และยังอาจจะต้องเป็นศัตรู
กับเพื่อน อย่าง ยารุย อีกก็เป็นได้ท่ามกลางความสับสน ในใจของเค้าตอนนี้มันทำให้เค้าตัดสินใจ
ไม่ถูกว่าควรจะกลับไปดีหรือไม่

“ พวกคุณทำให้เราผิดหวังแค่ไหน!!! ”
“ ตบลงไปสิตักน่ะ มันเจ็บนักเหรอแค่เนี้ยน่ะ นี่น่ะเหรอ ระเบียบเชียร์ที่เราสอนพวกคุณน่ะ ”
“ ไม่ได้เรื่องเลย พวกคุณเคยฟังเราบ้างไหม!! ”

เสียงตะคอกที่บันดาลออกมาด้วย โทสะ ดังก้องขึ้นมาระหว่างที่ โยไร กำลัง คิดเกี่ยวกับปัญหาในใจของเค้า
ด้วยความสงสัย เค้าจึงพยายามตามหาที่มาของเสียง เค้า ค่อยเดินเลาะไปตามทางลาด
ที่เชื่อมลงไปยังถนนชั้นล่าง ก่อนจะ แหวกแนวพุ่มไม้ที่อยู่ตรงข้างทางออกเพื่อจะยื่นหน้าเข้า

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #34 on: July 04, 2009, 06:43:43 AM »

ไปดูที่มาของเสียงนั้น ที่ด้านล่าง กลุ่มนักศึกษา จำนวนหลายพันคน ทั้ง ชายและหญิง กำลัง
ถูกกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ ตะคอกใส่ โดยที่ยืนล้อมรอบพวกเค้าไว้ ในบรรดา นักศึกษาที่ ถูกจับนั่งล้อมอยู่นั้น

มีคนที่มีสภาพอิดโรย และบาดแผลเต็มไปทั้งหน้าตักซึ่งอาบด้วยเลือดที่ ไหลออกมาจากแผลของเจ้าตัว
ที่มือของนักศึกษาทุกคนที่ถูกจับนั่งล้อมไว้นั้น จะมีสนับเหล็กซึ่งยึดด้วยหัวตะปูหนาม ที่อุ้งฝ่ามือของ

ทุกคนมือ เมื่อพวกนักศึกษารุ่นพี่ สั่งขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง ซึ่ง เค้าเองก็ไม่รู้ว่าพูดว่าอะไรเพราะอยู่ไกลเกินกว่า
จะได้ยิน  แต่ที่เค้าแน่ก็คือ พวกนักศึกษารุ่นน้องที่ถูกจับล้อมเอาไว้นั้น กำลังถูกข่มขู่ให้ทำร้ายตัวเองโดยการ

ตบมือที่มีสนับตะปูลงไปบนตักแรงๆจนเป็นแผลเหวอะ คนที่ไม่ทำตามก็จะถูกรุมซ้อมทำร้าย ให้ยอมทำตาม
หรือใครก็ตามที่ไม่ไหวก็จะถูก ลากตัวออกมาแล้วโยนลงไปใน หลุมดินที่ขุดขึ้นบนพื้นสนามหญ้า

ซึ่งตอนนี้จำนวนกองร่างของนักศึกษา ที่ถูกลากออกมานั้นเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นาน ก็มีนักศึกษารุ่นพี่
เอา ขวดแก้วมาราดของเหลวบางอย่างลงไปก่อน จะถอยออกมาไกลจากหลุมเล็กน้อย แล้วจุดไม้ขีดไฟ

โยนลงไปในหลุม ทันทีที่ไฟสัมผัสถูกของเหลวนั่น ก็ลุกโชนขึ้นมาเผาร่างของเหล่า นักศึกษารุ่นน้องที่
ถูกลากออกมากองลงไปในหลุม  ย่างสดทั้งเป็น คนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ร้องเสียงโหยหวน ออกมาอย่างทรมาน

โดยที่เหล่า นักศึกษารุ่นน้องที่ยัง มีชีวิตอยู่ใน วงล้อมก็ได้แต่กล้ำกลืนความกลัวที่บาดลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจ
กับสภาพที่อีกไม่นานตนอาจจะต้องลงไปอยู่ในกองไฟก็เป็นได้

“ น....นี่มันอะไรกัน.....โหดร้ายที่สุดเลย... ”
โยไร อุทานด้วยสีหน้าผวากับสิ่งที่เห็น จนต้องถอยผงะออกมา

“ โหดร้ายเหรอ....ก็คงงั้นล่ะ ”
เสียงนี้ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเค้า โยไร รีบหันกลับไปทันที ซึ่งเจ้าของเสียงนั่นก็คือ เกรม่อน น่ะเอง

“ ก....เกรม่อน..นายเองเหรอ เฮ้อ ตกใจหมดเลย.. ”
โยไร เปรยอย่างโล่งออก ขณะที่ เกรม่อน เดินเข้ามานั่งยองๆลงข้างๆเค้า

“ นายรู้อะไรไหม เรื่องพวกนี้สำหรับมันอาจจะดูโหดร้าย แต่นี่ล่ะคือสิ่งที่เรียกว่าการปกครอง
คนที่ไม่เชื่อฟังจะต้องถูกกำจัด ส่วนคนที่ใช้การไม่ได้ก็สมควรที่จะอยู่ ที่นี่เป็นโลกแบบนั้นล่ะ ”
เกรม่อน กล่าวเสียงเรียบเฉย ราวกับเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นเรื่องปกติ

“ ต...แต่ว่านั่นน่ะมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกเลยนะ แค่เพราะทำไม่ได้ ก็ถึงกับต้องกำจัด
ทิ้งเนี่ย...มันโหดร้ายเกินไปแล้วนะ ”
โยไร แย้งขึ้นมาหลังจากที่ฟังสิ่งที่ เกรม่อน พูดเค้าไม่เห็นด้วยเลยที่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเพียงสิ่งที่
มองผ่านตาไปเฉยๆได้

“ นายน่ะไม่รู้อะไรหรอก โยไร เพราะฉันสร้างนายกับโลกของนายขึ้นมา
 จากความคิดที่ตรงกันข้ามในโลกแห่งความเป็นจริงนี้....หึ การปกครองที่ยุติธรรม

งั้นเหรอ การเห็นใจกันงั้นเหรอ นั่นน่ะเป็นแค่เรื่องที่เป็นได้แค่ในจินตนาการเท่านั้นล่ะ
 ในโลกแห่งความเป็นจริงผู้แข็งแกร่งคือผู้ที่อยู่รอด โลกของปลาใหญ่กินปลาเล็ก

 โลกที่อำนาจคือพลัง และ ทรัพย์สินคือ พระเจ้า กฎหมายก็เป็นแค่เครื่องมือของผู้มีอำนาจ
ทรัพย์สินคือ พระเจ้าที่บันดาลทุกสิ่ง ความคิดของผู้คนในโลกนี้น่ะ...มันเป็นแบบนี้ไปกันหมดแล้ว
เพราะงั้น ความขัดแย้งถึงได้เกิดขึ้น การสูญเสียจึงถูกละเลย มันเป็นเรื่อง ธรรมดาไปแล้วล่ะ สำหรับฉันน่ะ ”

เกรม่อน กล่าวเสียงเรียบอย่างรู้สึกรู้สาอะไรกับ เรื่องที่เลวร้ายในตอนนี้เลย

“ อ...อะไรของเค้ากันเนี่ย พูดออกมาได้หน้าตาเฉยเลย...ทั้งที่มันเป็นเรื่องที่
ไม่น่าจะมองข้ามไปได้เลยด้วยซ้ำ ”
โยไร คิด เค้าไม่นึกเลยว่า เกรม่อน จะเป็นคนที่มองข้ามความรู้สึกและความเป็นตาย
เป็นเพียงเรื่องธรรมดา

“ ชีวิตคนเรา มันก็แค่ตัวหมากล่ะนะ...ถ้ามีค่าพอจะให้ใช้ก็ต้องดูแลรักษา
ตัวไหนหมดประโยชน์ก็เขี่ยทิ้งซะ นี่ล่ะคือสิ่งที่เรียกว่าสัจธ.... ”
“ ไม่ใช่นะ! ”

ก่อนที่ เกรม่อนจะทันกล่าวจนจบ โยไร ก็ตะคอกแทรกขึ้นมาทำให้ เกรม่อน
ต้องชะงักไปมองเค้าด้วยสายตาสงสัย

“ นายน่ะ...ทำไม....ทำไมถึงได้พูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้โดยไม่รู้ สึกอะไรเลย...
ความเป็นจริงอะไรกันนี่มันก็แค่หนีปัญหาเท่านั้นเองไม่ใช่หรือไง....นายก็น่าจะเห็นนี่ การที่คนเรา

จะถูกมองแค่ว่ามีค่าหรือไม่มีค่าน่ะมันถูกต้องแล้วงั้นเหรอ โลกที่เป็นแบบนั้นน่ะ มันไม่ใช่โลก
แล้วแต่มันเป็นนรกเลยต่างหาก ”

โยไร ตะคอกขึ้นมาโดยหวังจะให้ เกรม่อน ถอนคำพูดในสิ่งที่เค้าพูดมา
พยายามจะชี้ให้เค้าเห็นว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องโดยปกติที่จะเมินเฉย

“ งั้น ที่นายทำอยู่ที่โลกของนายน่ะ ไม่ใช่อย่างที่ฉันกำลังทำอยู่รึไง.... ”
เกรม่อน เปรยเสียงเรียบขึ้นมา คำพูดนั้นทำให้ โยไร สะดุดไป

“ โยไร นายเอง ก็ปฏิเสธที่จะสู้เพื่อคนอื่นไม่ใช่เหรอ...นายเกลียดความรุนแรงนี่ ถึงได้ไม่ชอบให้
ยารุย เพื่อนของนายไปทำงานที่รุนแรง ปฏิเสธคำขอร้องของ R2 ที่ขอให้นายช่วยเหลือ โลกของนาย

 กำลังจะเป็น นรกเหมือนอย่างที่นายบอกนั่นล่ะ นายปฏิเสธที่จะใช้พลังที่มีอยู่
ถ้าตอนนี้ ฉันขอร้องให้นายช่วย...นายจะยอมสู้ตามคำขอร้องของคนที่ไม่รู้จักหน้าอย่างฉันไหมล่ะ ”

เกรม่อน ตะคอกกลับใส่ ขณะ ที่โยไร ได้แต่นิ่งอึ้งกับสิ่งที่ เกรม่อนตอบเค้ามา
เมื่อหันกลับมาย้อนมองดูตัวเค้าที่ผ่านๆมาแล้ว ก็เป็นตามนั้น

“ จริงสิ...เราเองก็เอาแต่ปฏิเสธเรื่องนี้มาตลอด ที่ผ่านๆมาเราเองก็ได้เห็นแล้วว่า อาคุม่า ทำอะไรเอาไว้บ้าง
แต่เราเอง กลับมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ ...เพราะคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา เรื่องแบบนี้ให้
 พวกคุณ R2 ไปจัดการกันเองก็ได้ เราเอาแต่คิดแบบนั้น แล้วก็ปฏิเสธมาตลอดนี่เรา.....เรา ”

โยไร คิดก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้วยความรู้สึกช็อกกับสิ่งที่ตัวเองทำมาโดยตลอด โดยมีสายตาของ เกรม่อน ที่
เหมือนจะรอคำตอบของเค้า

“ ตอนนี้ผมเองก็เข้าใจความหมายที่ผมต้อง ตกเข้ามาอยู่ในวังวนของการต่อสู้แล้ว ผมจะไม่ปฏิเสธ
มันอีกแต่จะก้าวข้ามมันไปให้ได้ ”
โยไร กล่าวพลางกำหมัดแน่น ก่อนจะค่อยลุกขึ้นมาพร้อมกับ ล้วงเอา แผ่นกระจกของเค้าขึ้นมา

“ ถ้าแค่โลกของผมเองยังปกป้องไม่ได้...แล้วผมจะไปปกป้องอะไรได้ล่ะ เพราะฉะนั้น
ผมจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เมื่อกลับไปที่โลกของผมแล้ว ผมจะสู้เพื่อไม่ให้ โลกต้องกลายเป็นแบบนี้..
.เกรม่อน ที่นายถามผมว่าจะทำตามที่ขอไหมนั่นน่ะ....ผมขอยอมรับข้อตกลงนั้น ”

สิ้นคำของ โยไร แผ่นกระจกของเค้าก็ส่องประกายแสงขึ้นมาก่อนที่ ภาพร่างของ นักศึกษารุ่นพี่
เหล่านั้นจะแตกทลายลงและกลายเป็นเหล่า ภูตรากไม้ต้องคำสาป ที่เค้า กับ ธนัท เจอเมื่อตอนเย็น
แทน ก่อนที่หน้าของแผ่นกระจกจะสะท้อนภาพของพวกภูตราไม้ และเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งหน้า

“ พลังของหมอนี่ สามารถทำลายภาพลวงตาที่โลกนี้สร้างขึ้นมาได้ด้วยงั้นเหรอเนี่ย ”
เกรม่อน คิดขณะที่ มองลงไปมองภาพเบื้องล่างที่ เหล่านักศึกษารุ่นน้องซึ่งเป็นชั้นปีเดียวกับเค้า
 พากันวิ่งหนีเตลิดทันทีที่เห็นร่างของ พวกรุ่นพี่กลายเป็น ตัวประหลาดไป

“ เฮนชิน!!~ ”
โยไร กล่าวจบก็ติดกระจกลงไปที่หัวเข็มขัดที่เค้าเอาไว้ก่อนแล้ว ก่อนจะวิ่งลงไปตามเนินลาด
 ขณะที่เปลี่ยนร่างเป็นไปด้วย

/ Yang Cross F…F…Freedom /
สิ้นเสียงที่กังวานออกมาจากเข็มขัด ร่างของ โยไร ก็กลายเป็นอัศวินมังกรทาลิวิลย่า ไปในทันที
ก่อนจะชักเอา ดาบ Falqualooke ขึ้นมาแล้วบินลงไป  ฟาดฟัน กับพวก เจตภูตรากไม้ ที่ด้านล่าง

“ กะว่าจะทำให้หมอนั่นรู้สึกตัวซะหน่อยสงสัยจะได้ผลเกินคาดแหะ เอาเถอะก็ยังดีกว่าให้
เจ้าพวกนั้นมายุ่งเรื่องของเราล่ะนะ ”
เกรม่อน เปรยออกมาอย่างเย็นใจ ขณะที่ล้วงมือซ้ายลงไปในกระเป๋ากางเกง

/Advent Beam Gun Arm/
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกับ ที่ โยไร ยิงสาดลำแสงออกมาจาก ปืนลำแสงของเค้า จนเจตภูตรากไม้
 ถูกเผาทำลายไป นับ 10 ตนในคราเดียว

“ กรี้ดดดดดด ”
“ ช่วยด้วย!!! ”

เสียงกรีดร้อง และเสียงขอความช่วยดังขึ้นรอบด้านของ โยไร
ด้วยเพราะจำนวนของคนที่เค้าต้องปกป้องมีมาเกินไป และ เจตภูตรากไม้เหล่านี้ยังมีมากเกินกว่า

ที่เค้าจะรับมือไหว ทำให้ตอนนี้สถานการณ์เริ่มแย่ลงเมื่อ เค้าไม่สามารถที่จะใช้อาวุธของตนเข้าไป
จัดการได้เพราะจะทำให้ คนรอบๆถูกลูกหลงไปด้วย

“ จัดการมัน ”
เจตภูตรากไม้ตัวหนึ่ง ประกาศก้องขึ้น ก่อนที่ เจตภูตรากไม้  ที่เหลือจะเข้าไป รุมทำร้าย
 โดยทุกครั้งที่จะ โยไร จะโต้ตอบ เจ้าเจตภูตรากไม้ ตัวหัวโจกที่สั่งให้ลูกน้องเข้าไปรุมเค้า

 ก็จะยกตัวประกันขึ้นมา ขู่ตลอด
ทำให้ โยไร ไม่อาจต่อกร ได้และถูก พวกมัน อัดทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว

“ เฮ้อ สงสัยต้องช่วยซะแล้วมั้งเนี่ย ”
เกรม่อน เปรยจบก็ค่อย ไถลลงไปตามเนินลาด สวนกระแสนักศึกษาคนอื่นๆที่วิ่งหนีตายกลับขึ้นไป
จนเมื่อลงมาถึง ด้านล่างแล้ว เค้าก็มองหาช่องทางที่จะแทรกตัวเข้าไปในวงล้อมของ

เหล่าเจตภูต แต่ยังไม่ทันจะได้คิด ก็มีเจตภูตรากไม้ตนหนึ่ง วิ่งเข้ามาหมายจะทำร้ายเค้า
แต่ก็ถูก เค้า ถีบยันกลับมา จนทำให้ เหล่าเจตภูตรากไม้ตัวอื่นๆ หันมาสนใจ

“ ก....เกรม่อน... ”
โยไร เปรยน้ำเสียงตะกุกตะกัก จากความบอบช้ำที่ถูกรุม จนลงมานอนกอง

“ ดูไม่ได้เลยนะ โยไร ...อีกอย่างที่นี่มันโลกของ ฉันนะ นายเล่นมาแย่งงานคนอื่นเค้าแบบ
นี้น่ะมันไม่ดีหรอก ถึงคนขอร้องให้ช่วยจะเป็นฉันก็เถอะ ”
เกรม่อน กล่าวขณะที่ล้วงมือซ้ายที่ ออกจากกระเป๋ากางเกงซึ่งในมือนั่นกำเอา แท่งพลาสติกอันเล็กๆ
ขึ้นมาด้วย พร้อมกันกับที่มือขวานั้น เหน็บเอากล่องตลับไพ่ สีดำขึ้นมาเหน็บกับ เอวไปด้วย

“ แก...คิดจะต่อต้านพวกเรางั้นเรอะ ”
หัวหน้าของเหล่า เจตภูตรากไม้ กล่าวขึ้น ขณะที่ เกรม่อน เอานิ้วดันฝาตลับไพ่ที่เหน็บเอวอยู่
ให้เปิดออกก่อนจะหยิบเอาไพ่ใบ 1 ออกมาแล้วปิดฝาตลับไป

“ ใช่..ด้วย แฟลชไดร์ฟ(USB Driver) อันนี้นี่แหล่ะ ”
เกรม่อน ตอบพลางโชว์แท่งพลาสติกในมือให้ดู มันคือ แท่งแฟรชไดรฟ์ ที่ใช้เก็บข้อมูล คอมฯ นั่นเอง

“ จะใช้ไอ้นั่นมาสู้กับพวกเรางั้นเหรอ.....แกคงจะประสาทไปแล้วแน่ ไม่ต้องไปสน
มันจัดการทุกคนที่ต่อต้านซะ ”
หัวหน้าของเหล่า เจตภูตรากไม้ กล่าวจบพรรคพวกของมันก็แห่จะเข้ามา แต่ก่อนนั้น
เกรม่อนได้เปิด ฝาครอบตัวแฟรชไดร์ฟออก เผยให้เห็นหัวสำหรับเชื่อมเข้ากับช่องส่งถ่ายข้อมูลของ

 แฟรชไดร์ฟ ก่อนจะชูไพ่ในมือขึ้นซึ่ง รูปบนไพ่นั้นเป็นรูปของอัศวินในชุดเกราะสีดำ
ทันทีที่ เกรม่อน นำเอาหัวเชื่อมของ แฟรชไดร์ฟ รูดลงไป บนภาพของไพ่ นั้นก็เกิดประกายแสงส่อง

สว่างออกมา เป็นตัวอักษรตัว A ขนาดใหญ่ พุ่งออกมาจากไพ่กระแทกชนร่างของพวกเจตภูต
จนกระเด็นออกไปก่อนที่ ตัวอักษรแสงนั้น จะพุ่งถอยกลับมาประทับกับร่างของเค้า และดึงเอามิติรอบๆ
ให้บิดผันจนกลายเป็นร่างเงาแยกขึ้นมาหลายๆร่าง และเข้าไปรวมกันที่ร่างของ เกรม่อน

/Fiction Meister ACE/
เสียงดังก้องสูงๆต่ำๆเหมือนเสียง ของคอมพิวเตอร์ดังขึ้นพร้อมที่ตัวอักษรสลายไปและ
 ปรากฏร่างของ เกรม่อนที่สวมชุดเกราะสีดำ พร้อมกับที่ แฟรชไดร์ฟ ในมือกลายเป็นดาบยาว
เล่มใหม่เล่มหนึ่งซึ่งที่ด้ามของดาบนั้นมี ช่องที่มีขนาดพอจะให้ รูดบัตรหรือการ์ดผ่านไปได้



“ ก....เกรม่อน นาย แปลงร่างได้!! ”
โยไร อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตา

“ ก...แกเป็นใครกันแน่.. ”
หัวโจกของกลุ่มเจตภูต ถามขึ้นโดยที่เริ่มจะระแวงในตัวของ เกรม่อน ขึ้นมาแล้ว

“ ฉันก็แค่นักเขียน Fic ที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น... ”
เกรม่อน กล่าวพลางเปิดตลับการ์ดออก แล้วหยิบเอาการ์ดออกมาจากตลับ 1 ใบ
ก่อนจะรูดลงไปที่ช่องรูดการ์ดของ ดาบ

/Character Write!! .... Recca!!/
เสียงดังขึ้นหลังจากที่การ์ด ถูกรูดออกจาก ด้ามดาบ รูปบนไพ่นั้นเป็นรูปของ เรกกะ
ที่สวมชุดแจ๊คเก็ตแขนยาวสีแดง  ตัดลายขาวเป็นตารางทั้งตัว  และทันทีที่ เกรม่อน แสดงการ์ดใบนั้นก็เกิด

ตัวอักษรแสงสีแดงรูปตัว R ประทับบนร่างของเค้า ก่อนที่จะดึงเอามิติรอบๆบิดผันจนเป็นร่างเงา
 เหมือนตอนที่แปลงร่างตอนแรก เข้ามา และเปลี่ยนร่างของ เรกกะ ดังในรูปบนการ์ด ทันทีที่
ตัวอักษรแสงแตกสลายไป ส่วนดาบนั้นกลับคืน เป็นแฟรชไดร์ฟ อีกครั้ง

“ ก...กลายเป็นคุณ เรกกะ ไปแล้ว.. ”
โยไร เปรยด้วยความประหลาดใจขณะที่ ยันตัวลุกขึ้นมายืน มองดูร่างของ เกรม่อน ที่เปลี่ยนไปมา
อย่างน่าอัศจรรย์

“ เอาล่ะแล้ววันนี้จะใช้ฟอร์มไหนดีล่ะเนี่ย มีเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยแหะ
 งั้นเอา เจ้าทาลิคนัส ก็แล้วกัน ”
เกรม่อนในร่างของ เรกกะ กล่าวขึ้น ก่อนที่จะเปิดฝาตลับที่ข้างเอวออก แล้วหยิบเอาการ์ดในนั้นออกมา
ชุดหนึ่งซึ่งมี 6 ใบแล้วเลือกเอาจากหนึ่งในนั้นมาก่อนจะเก็บที่เหลือไป แล้วเอาใบที่เลือกมานั้นรูด
ผ่านด้วย หัวเชื่อมต่อของ แฟรชไดร์ฟ ในมือ

/Formed Write!! Recca Blaze!!/   “ Blaze Form Regeneration ”
สิ้นเสียง ร่างของ เรกกะ ที่ เกรม่อน จำแลงมาก็เปลี่ยนเป็น อัศวินมังกรทาลิวิลย่าแห่งเพลิงของ
อาริมาเทีย ทาลิคนัส แบบเดียวกับที่ เรกกะ ตัวจริงสามารถทำได้

“ โอเระ ทันโจว มันแปลว่าพระเอกมาแล้ว ”
ทันทีที่ เกรม่อน กลายร่างเป็นทาลิคนัส น้ำเสียงกับท่าทาวงก็เปลี่ยนตามไปด้วย
 เป็นเหมือนตอนที่ เรกกะ เปลี่ยนร่างเป็นทาลิคนัส ไม่มีผิด พร้อมกันทั้งแฟรชไดร์ฟ
เองก็เปลี่ยนเป็นดาบอัคคีตามแบบในภาพของ การ์ที่เค้ารูดไปเช่นกัน

“ เลวๆอย่างพวกแกน่ะไม่มีออมมือให้หรอกนะเว้ย ไคล์แมกซ์กันตั้งแต่ต้นจนถึงจบไปเลย ”
ทาลิคนัส กล่าวจบก็บุกฝ่าเข้าไป ฟันเหล่า เจตภูตรากไม้อย่างบ้า ระห่ำ

“ ม...เหมือนกับคุณเรกกะ ไม่มีผิดเลย นี่เกรม่อน เค้าเป็นใครกันแน่เนี่ย ”
โยไร คิดขณะที่ มองดูท่าทางและรูปแบบการต่อสู้ที่ออกมาเหมือนกับตัวของ
ทาลิคนัส ที่ เรกกะ แปลงร่างมาจริงๆ

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #35 on: July 04, 2009, 06:43:53 AM »

“ เอาล่ะถึงเวลาผิดฉาก ท่าไม้ตายของ ฉันหมายเลข 1  ”
ทาลิคนัส กล่าวพลางเปิดตลับการ์ดที่ข้างเอวออกมา ก่อนจะหยิบเอา การ์ดที่จำนวนเปลี่ยนแปลง
ไปทุกครั้งที่เค้าเปลี่ยนไปอยู่ในแต่ละร่างซึ่งในร่างของ ทาลิคนัส มีอยู่เพียง 3 ใบ ในตลับออกมา

โดยเลือกมาเพียงใบเดียว ก่อนจะเอามารูดช่องรูดของด้ามดาบอัคคี ซึ่งของ
 ทาลิคนัส ตัวจริงนั้นไม่น่าที่จะมีอยู่ได้

“ Full Charge Great of Dragon ”

ทันทีที่ รูดการ์ดเสร็จ เสียงก็ดังกังวานออกมาจากตัวดาบก่อนที่ คมดามไฟบนด้ามดาบจะพุ่งออก
ไปเป็นมังกรเพลิง ทาลิคนัส จับด้ามดาบเหวี่ยงไปมา เป็นควบคุมมังกรเพลิงให้พุ่งลง
มาเผาพลาญร่างของ เหล่า เจตภูต จนแตกวง ทำให้ บรรดา ตัวประกันหนีรอดออกไปได้จนหมด
จึงคืนร่างกลับเป็น เรกกะ อีกครั้ง

“ เอาล่ะ โยไร เดี๋ยวหลังจากการแปลงร่างครั้งนี้แล้ว อย่าสบตาฉันนะ เข้าใจล่ะ ”
เกรม่อน ในคราบของ เรกกะ กล่าวกำชับอย่างหนักแน่น ก่อนจะเปิดฝาตลับไพ่ที่ข้างเอวออก
ซึ่งตอนนี้กลับมามี ไพ่อยู่ใน ตลับ 7 ใบอีกครั้ง เค้าเลือกหยิบเอาใบหนึ่งขึ้นมา ก่อนที่จะเอา

 แฟรชไดร์ ที่กลับคืนสภาพจากการเป็นดาบอัคคีของ ทาลิคนัส แล้วมารูดกับ การ์ดใบนั้น
ซึ่งรูปบนไพ่นั้น เป็นรูปของ เรกกะ ที่ อยู่ในชุด จักรพรรดิ และสวมหน้าครึ่งซีกปิดที่ตาขวาเอาไว้

/Formed Write Recca Emperor!!/
สิ้นเสียง ร่างของเกรม่อน ในคราบ เรกกะ ก็เปลี่ยนไปอยู่ในชุดตามรูปบนการ์ดที่รูดไป
ก่อนที่ จะเปิดเอาหน้ากากบนในหน้าออก เผยให้เห็นดวงตาขาว ที่มีสัญลักษณ์รูปปีก
คู่สะท้อนอยู่ในม่านตา



“ ในนามของเรกกะ ไฮเดย์ ขอบัญชา พวกเจ้าจงตายซะ!! ”
สิ้นคำ เหล่า เจตภูตที่ เผลอ ตัว สบตาขวา ของเค้า ก็พากัน ทำตามที่ เกรม่อน ในคราบ เรกกะ สั่ง
เริ่มฆ่ากันเองจนแตกสลายไป ก่อนที่ ร่างของ เรกกะ จะคืนกลับสู่ร่างชุดเกราะของ เกรม่อน
หรือร่างของ ACE

“ เชอะ ใช้ Emperor ไปแล้ว ยังเหลืออีกเยอะเหมือนกันแฮะ ”
เกรม่อน สบถก่อนจะ เอื้อม มือไปแตะฝาตลับเพื่อจะเปิดเอาการ์ดข้างในออกมาใช้อีก
แต่กลับมี เจตภูตรากไม้ ตนหนึ่ง เข้ามาจับแขนเค้าเอาไว้ ก่อนที่ตัวอื่นๆจะกรูกันเข้ามา
ล็อคแขนขาเค้าเอาไว้ไม่ให้ขยับได้

“ นึกอยู่ตั้งนานว่าแกเป็นใคร ที่แท้แกก็คือ ACE ที่เค้าพูดถึงกันสินะ
ดีเลยท่านผู้นั้นสั่งลงมาว่าให้จัดการกับแกเพราะงั้น.... ”
หัวโจกของเหล่าเจตภูตรากไม้ กล่าวอย่างเย่อหยิ่งยังไม่ทันได้จบประโยค ก็มีมีดปังตอ
เล่มใหญ่ถูกเหวี่ยงเข้ามาปักหัวของมัน ก่อนจะล้มลงไป และ แตกสลายหายไปในทันที
เมื่อ ผู้นำของตนถูกจัดการไป เหล่า เจตภูตที่เหลือก็เริ่มระสับระส่ายกันทันที

/Character Write Tsunayoshi!!/
ยังไม่ทันที่จะตั้งตัวก็มีเสียงก้องแหลมแบบเครื่องจักรดังขึ้นมาอีก ก่อนที่ ตัวอักษรแสงรูปตัว T
สีส้มจะพุ่งออกมา จากมุมมืดของเนิน หญ้า ก่อนจะดูดเอามิติรอบๆเข้ามาและ สลายตัวไปพร้อมกับ

การปรากฏตัวของ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลส้ม ทรงชี้ตั้ง ดวงตาเป็นสีเดียวกับสีผม สวมเสื้อสีดำตั้งแต่
หัวจรดเท้าเหมือนพวก มาเฟีย

“ เอ๋... ”
โยไร อุทานด้วยความประหลาดใจกับกาสรปรากฏตัวของ เด็กหนุ่มคนนี้
ขณะที่ เกรม่อน ดูจะมีทีท่า ตกใจกับเรื่องนี้เล็กน้อย

“ ส...สึนะ...สึนะโยชิ ซาวาดะ (Tsunayoshi Sawada) จากการ์ตูน รีบอร์น (Reborn)
 เรอะงี้ก็หมายความว่า.... ”
เกรม่อน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก พร้อมกับจ้องไปยังที่มาของ อักษรแสงที่ อัญเชิญ สึนะ มา
ราวกับรู้ว่า อะไรกำลังจะตามมา



“ อ้าวรู้จักดีนี่นา เกรม่อนคุง ไหนว่าไม่เคยอ่านไง บอกชื่อ สกุล ซะเสร็จสรรพแบบนี้เนี่ย
 แสดงว่าเคยอ่านใช่ไหมล่ะฮ้าาา ”
เสียงที่แกล้งดัดให้สูงๆเหมือนเสียงผู้หญิง ดังขึ้นมาก่อนที่ เด็กหนุ่มใน เสื้อเชิตสีขาวจะเดิน
ออกมาจากมุมมืดของเนินหญ้า พร้อมกับ เด็กสาวอีกคน ที่มีผมยาวสีส้ม ในชุดนักเรียนลายกะลาสีเรือ

“ เจ้า การุรุม่อน มาจริงๆเหรอเนี่ย!! ”
เกรม่อน อุทานขึ้นด้วยความที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเค้าจะเดาถูก
ขณะที่ เด็กสาวที่มากับ เด็กหนุ่มที่ชื่อ การุรุม่อน เดินเข้าไป ดึงเอา มีดปังตอที่ถูก
ขว้างมาจามหัวของ หัวโจกเจตภูตรากไม้ เมื่อครู่ขึ้นมา

“ เอ๋ นี่คือคุณ การุรุม่อน ที่คุยกันในโทรศัพท์เมื่อกลางวันน่ะเหรอ ”
โยไร อุทานขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ถึงชื่อของผู้ที่ติดต่อเข้ามาหา เกรม่อน เมื่อกลางวัน ที่เค้ากับ
 ธนัท แฮคสัญญาณมาฟัง

“ โฮะๆๆๆ ถูกต้องจ้า โยไรคุง จ๋า เจ็ นี่ล่ะฮ้า การุรุม่อน ล่ะอ้อเกือบลืมแน่ะ เรนะจัง(Rena)
ช่วยจัดการพวกที่จับตัว เกรม่อนคุง ไว้ทีสิ เอาล่ะนะ ”
การุรุม่อน กล่าวจบก็ หยิบเอาแฟรชไดร์ฟ ขึ้นมาพร้อมกับ การ์ดอีกใบที่มีรูปของ เรนะกับ
มีดที่เธอถืออยู่ขึ้นมา ก่อนจะรูดด้วย แฟรชไดร์ฟ



/Action Write Knife of Rena!!/
สิ้นเสียงที่ เกิดขึ้นมาจากการรูดการ์ดด้วย ไดร์ฟ เรนะ ก็บุกเข้า สับ เหล่าเจตภูตรากไม้
ที่จับตัว เกรม่อนเอาไว้ จนแตกวง ออกมา

(By Boy)

“ เอาล่ะต่อไปก็ สึนะคุง ช่วยทีนะ จะส่ง X Glove ให้เดี๋ยวนี้ล่ะ ”
การุรุม่อน กล่าวจบ ก็หยิบเอา การ์ดอีกใบขึ้นมา ซึ่งคราวนี้เป็นรูปถุงมือสีดำที่มีผลึกอยู่บนถุงมือ

/Action Write X Glove!!~/
เสียงดังขึ้นทันที ที่ การุรุม่อนรูดการ์ดกับไดร์ฟ ของตนถุงมือในรูปของ การ์ดก็ไปปรากฏอยู่บนมือของ สึนะ



“ พวกรากไม้เน่านี่ เอาไฟ เดือดทะลุจุดศูนย์ ไปกินซ้าาาา โฮ่ๆๆ ”
การุรุม่อน กล่าวพลางสะบัดมืออกไปข้างหน้าเป็นการสั่งให้ สึนะ บุกเข้าไปจัดการ
ทันทที่ สึนะ พุ่งออกไปร่างทั้งร่างก็ลุกโหมด้วยไฟ ก่อนจะพุ่งทะลวงกองทัพของ เหล่า
เจตภูตรากไม้จนไหม้ไปเป็นแถบ

“ เฮ้ย เล่นแรงไปไหมเนี่ย เดี๋ยวไฟก็ได้ไหม้หมดสนามพอดี ”
เกรม่อน แย้งขึ้นขณะที่ เหล่า เจตภูตรากไม้ ทั้งหมดถูกจัดการในคราเดียวทันที
ที่เหล่าตัวละครอัญเชิญ ของ การุรุม่อน ปรากฏตัว ไม่นานเหล่า เจตภูตรากไม้ทั้งหมดก็สลายหาย
ไปจนสิ้นไม่เหลือแม้สักตัว

“ อ...เอ่อคือ...นี่ผมยังอยู่ในสายตาไหมเนี่ย... ”
โยไร เปรยขึ้นมาอย่างเซ้ง ขณะที่ สถานการณ์ดูจะเรียบร้อยโดยที่ตัวเค้านั้นแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย

“ อ้อจริงสิลืมไปเลย แฮะโทษทีนะ โยไร ที่จริงเรื่องพวกนี้น่ะ
พวกฉันจัดการกันเองได้สบายๆอยู่แล้วล่ะ ”
เกรม่อน หันมากล่าวกับเค้า ขณะที่ คืนร่างกลับดังเดิม พร้อมกับที่ การุรุม่อน เก็บร่างของ
 สึนะ และ เรนะ มาเป็นการ์ดดังเดิม

“ งั้นก็หมายความว่า ที่เล่ามาตะกี้ก็.....เรื่องที่โลกนี้ถูกปกครองด้วยความโหดร้ายแบบนั้นก็... ”
โยไร เปรยขึ้นด้วยความสงสัย ขณะที่ เกรม่อน ดูจะหนักใจกับการที่จะตอบคำถามนี้แต่ก็ยอมตอบออกมา

“ ก็ไม่อะไรทั้งนั้นล่ะ ขอโทษละกันน้า นั่นน่ะเป็นเรื่องที่กุ ขึ้นมาเพื่อจะให้นายค้นพบคำตอบของ
ตัวเองเร็วๆน่ะ บังเอิญว่าเวลามันไม่ค่อยจะมีเลย ไม่รู้ว่าถ้าจับนายมานั่งคุยด้วยเรื่องคงอีกยาว
แต่เพราะ ธนัท ขอร้องมาฉันก็เลยไม่รู้จะทำไงดี ขอโทษล่ะน้า ”

เกรม่อน กล่าวพลางกล่าวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ขณะที่ โยไร รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย
ที่เค้าถูกต้มซะเปื่อย แต่ทว่า กลับมีเรื่องอื่นที่เค้าต้องสนใจมากกว่าเรื่องนี้เพราะตอนนี้
ร่างของเค้าเริ่ม จางหายไปเรื่อยๆเหมือนตอนที่ ธนัท หายไปต่อหน้าเค้า

“ นี่แสดงว่าผลของ Second World หมดแล้วน่ะสิ ไม่มีเวลาแล้วนะ เกรม่อนคุง เอาเจ้านั่นให้รึยัง ”
การุรุม่อน หันมาถาม เกรม่อน ขณะที่ เกรม่อน ก็รีบเร่ง ล้วงมือเข้าไปในเสื้อเพื่อหาอะไรบางอย่างก่อนจะงัด
มันออกมาจากคอเสื้อได้ แล้วส่งมอบให้โยไร ซึ่งของสิ่งนั้น เป็นกระเปาะหน้ากาก ที่มีขนาดพอจะสวม

หัวเข็มขัดของ โยไรได้พอดี โดยที่ขอบของกระเปาะมีปุ่มต่างๆ 4 ปุ่ม และตรงกลางเว้นโบ๋ไว้
พอดีกับช่องติดกระจกของหัวเข็มขัด

“ นี่คือ..... ”
โยไร เปรยขึ้นพลางยกกระเปาะนั้นขึ้นมามองด้วยความสนใจ

“ รับนี่ไปสิมันคือ K-Touch อุปกรณ์เสริมที่จะทำให้นายกลายเป็น Strike Freedom ได้ ”
เกรม่อน กล่าวจบ ร่างของ โยไร ก็จางหายไปในทันที โดยที่ยังไม่ได้อธิบายวิธีใช้แต่อย่างใดเลย

“ เค้าจะรู้วิธีใช้มันรึเปล่าเนี่ย ”
การุรุม่อน เปรยขึ้นด้วยความหน่ายใจ

“ เอาเถอะน่า ใส่ Bot ไปให้เรียบร้อยแล้ว รับรองว่าใช้เป็นแน่นนอน ”
เกรม่อน กล่าวเสียงใส ก่อนจะตบเท้าเดินไปอย่างสบายอารมณ์

“ อา... ไม่มีเรื่องกังวลมาให้หนักหัวแล้วนี่มันดีจังนะ เรื่องรักสามเส้าก็เคลียร์ เจ้า โยไร ก็กลับไปแล้วด้วย ”
เกรม่อน เปรยขึ้นอย่างดีใจขณะที่ยืดแขนบิดขี้เกียจไปมาอย่างสบายใจ

“ แต่ต้นฉบับสัปดาห์นี้น่ะยังไม่เสร็จน้า~~~ ”
การุรุม่อนแย้งขึ้นมาเสียงแหลม ทำอา เกรม่อนหน้าซีดไป

“ กึ๋ย รู้แล้วน่าจะกลับไปพิมพ์เดี๋ยวนี้ล่ะน่า ”
“ อาทิตย์นี้มันเลท มา สัปดาห์แล้วนา ”
“ เอาน่าๆ จะลงเมื่อไหร่มันก็ค่าเท่ากันล่ะน่า ”
“ เกรม่อนคุง เนี่ยจริงๆเล้ย แต่เพราะแบบนี้ล่ะ ฉันถึงได้หลงรักล่ะ ”
“ เฮ้ยนี่แกจะบ้าหรืองาย ไปให้พ้นเลยน้า~~ ”

.............................
.......................................

ที่โลกแห่ง Y Cross

“ Kamen Ride !!! Garuaru ”
“ Kamen Ride!!! Basha ”
“ Kamen Ride !!! Dogga ”
“ Kamen Ride !!! IXA ”

เสียงที่ดังกังวานขึ้นมานี้ ได้เงียบลงก่อนที่ ร่างของ โยไร จะกลายเป็น อัศวินมังกรทาลิวิลย่า ที่มีปีก
สีเงิน กางสยายอย่างงดงาม เหนือน่านฟ้าของ เขตโรงเรียน ประจันหน้าอยู่กับ ลอว์เรนซ์
โดยที่ เจนัส ลากูน่า นีน่า และ ริคุ นั้นนอน กองสะบักสะบอมอยู่บนพื้นสนาม อย่างไร้ทางสู้
อยู่เบื้องล่าง

“ นี่น่ะเหรอ พลังของผู้ถูกเลือกคนที่4  ”
ลอว์เรนซ์ เปรยขณะที่ กระชับเคียวในมือแน่น

“ ขานนามเราเป็นเจ้าแห่ง Onmyoji ผู้ที่กุมขุมพลังแห่งความมืดและแสงสว่าง Strike Freedom ”
โยไร ประกาศด้วยเสียงอันดังก้อง บัดนี้ การตัดสินได้ใกล้เข้ามาแล้ว

To be Continue


ตอนอวสาน Final Tag 05 จุดจบที่สิ้นหวังสู่จุดเริ่มต้น Missing ACE!


Subete wo ha kaishi  Subete wo tsunge ซึเบเตะ โอ ฮา ไคชิ ซึเบเตะ โอ ซึนาเงะ
จงทำลายให้สิ้นทุกสิ่ง         และ   จงเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน
นั่นคือ แก่นแห่ง Yin & Yang



ช่วงสครีมจ้า: เฮ้อจบซะทีกับการ ครอสมหาโอเวอร์ ที่เละซะจนเฮ้อพูดไม่ออก
สำหรับบทนี้ทำการ์ดตัวแทน ทันแค่ของตัวเองจริงๆของเจ้า การุรุม่อนทำไมทัน

ส่วนการ์ด Action Write ของ เรนะจัง ก็เลยต้องยืมของคุณ Boy มาอีกเอ้อ
รู้สึกว่าแทบไม่ได้ลงทุนอะไรกับบทนี้เลยนะเนี่ยนอกจาก หัวที่คิดเรื่องให้มันวุ่นวายมั่วซั่วได้ขนาดนี้

ที่จริงตอนนี้นั้นทำมาสำหรับเป็นเหตุการณ์ เชื่อมสำหรับเปลี่ยนฟอร์มสุดยอดของ โยไร โดยเฉพาะ
ซึ่งตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้ว เสียดายที่ ไดสุเกะ ยังไม่ทันได้ โชว์ร่างสุดยอดเลยโดยเก็บไปซะละ

แต่เดี๋ยวจะได้เห็นกันในภาค Fiction Meister ACE แน่นอนครับ

อ่อเพิ่มเติมเล็กน้อย เรื่องWorl ที่เราจะไปครอสกันนั้น นอกจาก Fic แล้วเรายังจะไปครอสโลกการ์ตูนด้วยนะเออ
ซึ่งตอนนี้ที่แน่ๆแล้วก็มี โลกของ Reborn กับ Higurashi ที่เจ้าการุรุม่อน มันอัญเชิญ ออกมาล่ะ

แล้วก็ไป เนกิ world ด้วยส่วนที่เหลือจะมีเพิ่มหรือเปล่าเราไม่รู้ เพราะในส่วนของภาคใหม่นั้น
จะให้แต่ละคนที่รับบทเป็น Fiction Meister  เป็นคนเลือกตามขั้วพลังของตนครับ ดังนั้นของผมไปแน่ๆ
 Fic เกือบทั้งหมดที่เคยอ่านผ่านมาในบอร์ดนี้

ส่วนของ เจ้าการุรุม่อน นั้นก็ไปตามที่ว่าไว้ข้างบนครับ แล้วก็อาจมีโลกอื่นๆที่จะตามมาอีกก็ได้นะ
ฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันชักมั่วได้ใจขึ้นเรื่อยๆ

เอาล่ะกลีับเข้าเรื่องที่อยากจะพูดเลยคือ ในตอนนี้ ตัสวละครที่ การุรุม่อน อัญเชิญมานั้น ชื่อลงท้าย ด้วย -นะ เหมือนกัน
แค่นี้ล่ะขอร้าบ Action Write ในนามของ เรกกะ ไฮเดย์ จงมาอ่านตอนต่อไปซะดีๆ 5555+




« Last Edit: July 05, 2009, 03:03:29 AM by greamon » Logged


Ijiraku naruto
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 410


« Reply #36 on: July 07, 2009, 02:07:39 PM »

หนุกดีงับยังอานมะจบเลย
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #37 on: July 09, 2009, 06:01:02 AM »

Final Tag 05 จุดจบที่สิ้นหวังสู่จุดเริ่มต้น Missing ACE!


บัดนี้ ภายในสนาม โรงเรียน St.Magnus Academy  ไม่มีใครอยู่ในอาณาบริเวณนี้อีกต่อไปแล้ว
แม้แต่เหล่าอาคูม่า ที่บุกเข้ามา ก็ได้หนีหายกันไปหมดแล้ว คงเหลือไว้เพียงแค่ร่องรอยของการต่อสู้เพียงเท่านั้น

“ เชอะ...ทำไมเมื่อกี้ถึงได้รู้สึกเหมือนกับว่าเรา ไปตีสนิทกับพวกมันได้นะ ”
ลอว์เรนซ์ คิดขณะที่มองดู ยารุย กับ เรกกะ ถูกพวกเจนัส อัดจนลงไปกองกับพื้นอีกครั้งโดย ไม่มีทางสู้

“ แล้วที่สำคัญ ผู้ถูกเลือกอีกคนมันหายไปไหนล่ะเนี่ย? ”
ลอว์เรนซ์ คิดขณะที่สายตาก็คอยกวาดมองหาไปรอบอาณาบริเวณ โรงเรียน จากบนท้องฟ้า


/Yang Cross F…F..Freedom/
เสียงดังกังวานขึ้นมาจาก มุมอับของอาคารฝั่งตรงข้าม ก่อนที่ จะมีแสงเรืองวาบขึ้นมา
พร้อมกับที่ โยไร ในร่างของ ทาลิวิลย่า จะพุ่งทะยานขึ้นมา พร้อมกับ ดาบ Falqualooke ในมือ

ทว่า ลอว์เรนซ์ ก็ยกเคียวของตนขึ้นป้องกันการโจมตีเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะเหวี่ยงให้ โยไร กระเด็นออกไป
ทว่า แม้จะถูกเหวี่ยงออกมา โยไร ก็เอามือขวาที่ถือโล่อยู่ เก็บไว้กับสายเข็มขัด ก่อนจะชักเอาปืนลำแสง
ที่เหน็บเอาไว้ขึ้นมาแทน

/Advent Beam Gun Arm/
เสียงดังก้องกังวาน ขึ้นก่อนที่ ถุงมือปืนลำแสงจะติดตั้งเข้ากับมือขวาของ
โยไร และกระหน่ำยิงลำแสงออกมา แต่ ลอว์เรนซ์ ก็สามารถหลบได้อย่างไม่ลำบากอะไร


“ โฮ่ ดูเหมือนจะไปเจอเรื่องอะไรมาสินะ ฝีมือการต่อสู้ถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ”
ลอว์เรนซ์ เปรยขณะที่ถอยมาตั้งหลัก โดยคำพูดของเค้านั้นมาจากการสังเกตภาพรวมการโจมตี
ในการปะทะครั้งก่อนที่นำมาเปรียบเทียบกับการโจมตีชุดเมื่อครู่แล้ว ทำให้เห็นข้อแตกต่างขึ้นมา
มากมาย

“ ผม ตัดสินใจแล้ว จากนี้ไปผมจะไม่หนีอีก...เพื่อปกป้องทุกๆคน
ผมจะใช้พลังที่มีต่อสู้เพื่อสิ่งนั้นเพื่อการปกป้องทุกๆคนเอาไว้ ”
สิ้นคำของ โยไร เค้าก็หยิบเอา กระเปาะหน้ากากที่ได้รับ จาก เกรม่อน ที่
โลกแห่งความเป็นจริงขึ้นมาก่อนจะประกอบมันเข้ากับ หัวเข็มขัด
แผ่นกระจกที่อยู่ตรงหัวเข็มขัดจึงหมุนพลิกกลับเอาด้านที่เป็นสีดำขึ้นมาแทน

/Evoluvent Strike Freedom /
เสียงดังขึ้นมาจากหัวเข็มขัดก่อนที่ ปีกของโยไร จะเปลี่ยนเป็นสีเงินทั้งสองข้าง
และตัวเกราะส่วนหัว ข้อแขนและสนับขา ก็เปลี่ยนเป็นสีเงินด้วยเช่นกัน


“ ร่างนั่นมัน…. ”
ลอว์เรนซ์ เปรยด้วยสายตาทึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า พวกเจนัส ที่เห็นการเปลี่ยนร่างในครั้งนี้ของ โยไร
จึงหันเป้ามาที่เค้าแทน ทว่าก่อนที่ เจนัส จะทันกระโดดพุ่งขึ้นมาถึงตัวเค้า โยไร ก็ชิงแตะมือลงไปบน
กระเปาะหน้ากากที่เข็มขัดทีหนึ่ง ก่อน

/Kamen Ride Garuru/(สวมหน้ากากราชันย์หมาป่า)
เสียงดังกังวานขึ้นจาก เข็มขัดก่อนที่ กระจก กลมที่ถูกกระเปาะใสปิดทับเอาไว้จะเปลี่ยนสีจากสีเงินเป็น
สี น้ำเงินแทน พร้อมๆกับที่ สีชุดเกราะตามที่ต่างๆที่เป็นสีเงินก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นกัน
ก่อนที่ดวงตาทั้งสอง จะเปล่งแสงสีน้ำเงินวาบออกมาด้วย

“ ห๊ะ… ”
เจนัส อุทานขึ้นกับการเปลี่ยงร่างของ โยไร อีกครั้ง ขณะที่หมัดของเค้านั้น ถูก โยไร หยุดเอาไว้ได้ด้วยมือเดียว
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ แค่หมัดเดียวก็ซัด โยไร จนกระเด็นไปได้ การที่พลังของ โยไร เพิ่มขึ้นมาอย่างผิดสังเกตุแบบนี้
ทำให้ เจนัส แปลกใจเป็นอันมาก

“ จงขานนามข้าเป็นเทพแห่งการต่อสู้ ”
โยไร กล่าวออกมาเสียงของเค้านั้นเป็นเสียงคำรามคล้ายกับเสียงของ สุนัขป่า ก่อนที่จะ
ล็อคคอ เจนัส เข้ามาด้วย แขนทั้งสองข้าง แล้วถลุงเข่าใส่หน้าท้อง เจนัส เข้าไปต่อเนื่อง

สามครั้ง การแทงเข่าเข้าแต่ล่ะครั้งนั้น รุนแรง จนเกิดเสียงกระทบกันดังสนั่น
พร้อมๆกับที่เหงื่อรอบกายของ เจนัส นั้นกระจายออกมาพร้อมกัน
หลังจากถลุงเข่าใส่ จนเต็มที่ โยไร จึงทุ่มร่างของ เจนัส ลงไปกองจมกับพื้นสนามข้างล่างทันที

“ เจนัส !! ”
ลากูน่า นีน่า และ ริคุ ร้องขึ้นมาพร้อมกัน ด้วยความตกใจก่อนที่จะวิ่งเข้าไปดูอาการของ เจนัส
ที่ถูกซัดกลับมาอย่างหมดท่า

/Advent Falqualooke/
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกับที่ ดาบ ฟอลควอรูเก้ ได้ถูกชักขึ้นมาในมือของ โยไร

“ ชิ…นีน่า ลากูน่า พวกเธอดูแล เจนัส ไปก่อนนะ ฉันจะจัดการมันเอง บังอาจมาทำกับ เจนัส ได้.. ”
ริคุ สั่ง ก่อนจะหันไปส่งสายตาโกรธเคืองไปยัง โยไร พร้อมกับ กระชับ มีดสั้นในมือก่อนจะกระโดด
ไต่ขึ้นไปตามผนังอาคารเรียน เพื่อพุ่งเข้าไป โยไร

“ เอาเคียวสายลมไปกินซะ Kamaitachi ”
ริคุ ตะโกนออกมาพร้อมกับตวัดคมีดในมือ แรงสะบัดของคมมีดนั้นแหวกอากาศ
เป็นคลื่นสายลมพุ่งตรงเข้ามา ทว่า โยไร ก็แตะที่หัวเข็มขัดอีกครั้ง ก่อนที่สีของหัวเข็มขัดจะเปลี่ยนอีก
คราวนี้เป็นสี ขาว

/Kamen Ride IXA/(สวมหน้ากาก ยมทูตสายลม)
สิ้นเสียง ชุดเกราะทั้งตัวของ โยไร ก็เปลี่ยนสีไปตามหัวเข็มขัดอีกครั้งทำให้ เกราะทั้งร่างและ
 ปีกคู่กลายเป็นสีขาวปลอดไปด้วย

“ ขานนามข้าเป็นเทพพิทักษ์หิมะพราย ”
โยไร กล่าวคราวนี้เสียงของเค้านั้น ฟังดูเย็นจับขั้วหัวใจ ปานเสียงเพรียกของจิตวิญญาณแห่ง เหมันตฤดู(ฤดูหนาว)
ก็มิปาน ทันทีที่ เคียวสายลมจะพุ่งเข้าถึงร่าง โยไร ก็ตวัดดาบในมือไป คลื่นเคียวสายลม
ที่พุ่งมานั้น ก็ถึงกับจับตัวแข็งเป็นก้อนน้ำแข็ง ก่อนจะร่วงหล่นลงไป

“ อะไรกัน คราวนี้เป็นพลังเยือกแข็งงั้นเรอะ ”
ริคุ อุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจขณะที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าของ อาคาร แต่ยังไม่ทันที่จะรู้ตัว โยไร
ก็อ้อมมาอยู่ด้านหลังเค้าเสียแล้ว ริคุ รีบยกมีดสั้นในมือขึ้นหมายจะสร้างบาดแผลให้ โยไร
ทว่ากลับถูกดาบของ โยไร

ปัดมีดในมือหลุดไป ริคุ พยายามจะโจมตีต่อด้วยการตวัดขาขึ้นมาเตะ ทว่ากลับถูก โยไร
ศอกใส่ต้นคอจนล้มลงไปกอง

“ ริคุ!! ”
นีน่า ที่ดูอาการ เจนัส อยู่ข้างล่าง ร้องตะโกนขึ้นมา เมื่อเห็นว่า ริคุ เองก็พ่ายให้ แก่ โยไร ไปแล้ว

“ หนอย นี่แม้แต่ พี่ริคุ เองก็ยัง….ฉันไม่ยกโทษให้แกแน่ ย้ากกก!! ”
ลากูน่า กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดที่พี่ชายของตนกับเพื่อนของพี่ชาย ต่างถูกจัดการไปหมด
จึงกระโดพุ่งทะยานขึ้นไป เพื่อเข้าปะทะกับ โยไร ทว่า โยไร ก็แตะมือลงไปที่หัวเข็มขัดอีกครั้ง
ก่อนที่แผ่นกระจกจะเปลี่ยนสีอีก คราวนี้เป็นสี ม่วงใส

/Kamen Ride Dogga/(สวมหน้ากากพญาจิ้งจอกขาว)
สิ้นเสียงเกราะและปีกของ โยไร ก็เปลี่ยนสีไปอีกครั้ง ตามสีของ แผ่นกระจกที่หัวเข็มขัดสีม่วงใส

“ ขานนานข้าเป็นเทพเป็นแห่งโลหิต ”
สิ้นคำ โยไร ก็เก็บดาบลงไป ก่อนจะยกเอา โล่ที่เหน็บไว้กับเอว ขึ้นมาเหวี่ยงออกไป
โล่ที่เหวี่ยงออกไปนั้น ได้ควงปั่นราวกับกงจักร พุ่งเข้าไปหา ลากูน่า ซึ่งหาก เค้าไม่ยกกรงเล็บเหล็ก

ที่ติดข้อมืออยู่ขึ้นมากันเอาไว้ ร่างของเค้าคงขาดครึ่งซีกไปแล้ว ทว่า กงเลบเหล็กทั้งสองข้างก็ถูก
ปั่นจนแตกหักใช้การไม่ได้ไป ขณะที่ร่างก็ถูกแรงกระแทกจากการปะทะกับ โล่เมื่อครู่

ผลักให้กระเด็นกลับลอยตัวอยู่กลางอากาศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่สามารถ ขยับไป
ไหนได้อย่างอิสระในห้วงอากาศนี้ เค้าก็เปรียบเสมือนเป้านิ่ง ไปในทันที ซึ่งไม่ทันไร

หลังจาก ที่ โยไร รับโล่ที่เหวี่ยงออกไปกลับคืนมา ก็ทะยานตัวเข้า มากอดคอ ลากูน่า เหมือนที่
ทำกับ เจนัส ก่อนจะแทงเข่าเข้าไป เต็มที่หน้าท้อง แต่คราวนี้มีการใช้ศอก ฟันลงไปที่โหนกคิ้วของ ลากูน่า

 จนแตกเลือดไหลอาบออกมา อีกทั้งยังจับ โยนขึ้นไปกลางอากาศ แล้วโฉบ เตะด้วยแข้งไปมา
กระหน่ำเข้าไปหลายครั้งจน ลากูน่า สะบักสะบอมไปทั้งตัว และ สำลักเลือดออกมา

จึงจับกดหัวทุ่มลงมาจม พื้นสนามด้านล่างจนเกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย ทันทีที่ ฝุ่นควันจางลง
ร่างของ ลากูน่า ที่เต็มไปด้วยบาดแผลก็นอนฟุบจมกองเลือดของตน อยู่ในหลุมที่เกิดจาก การจับทุ่ม
กระแทกลงมาอย่างแรง

“ ลากูน่า!! ”
นีน่า กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะ ชักปืนทั้งสองกระบอกขึ้นเล็งไปที่โยไร
ทว่า โยไร ก็แตะที่กระเปาะอีกครั้ง ทำให้สีของแผ่นกระจกที่หัวเข็มขัดเปลี่ยนไปอีกเช่นกัน
คราวนี้คือสีเขียวใบไม้

/Kamen Ride Basha/(สวมหน้าเทพีพรายน้ำ)
สิ้นเสียง เกราะและปีกของ โยไร ก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้เช่นเดียวกับแผ่นกระจก

“ ขานนามข้าเป็นเทพแห่งคงคา ”
โยไร ประกาศเสียงยานคางเอื่อยๆราวกับเสียงของ ภูตพราย

/Advent Beam Gun Arm/
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกับที่ โยไร ชักกระบอกปืนลำแสงออกมา ก่อนจะกราดยิงลงไป
จน นีน่า ต้อง กลิ้งหลบเป็นพัลวัน แต่ทันทีที่ เธอตั้งท่าจะยิงสวนมา ลำแสง

ขนาดใหญ่ ก็ถูกยิงสาดลงมาจนเกิดระเบิด ครั้งใหญ่ คราวนี้ นีน่า ไม่สามารถ หลบ
ได้ทันจึงถูกแรงระเบิด ผลักจนกระเด็นกลิ้ง โคโล่ ไปสลบอยู่ข้างๆ เจนัส
ที่นอนงอมพระราม อยู่ก่อนแล้ว

“ น…นี….น่า ”
เจนัส ที่ยังคงมีสติเหลืออยู่ เปรยขึ้นขณะที่พยายามยื่นมือ ออกไปหา นีน่า ที่นอนหมดสติ อยู่ตรงหน้า
ด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่ ในตอนนี้ โยไร ก็ได้แตะมือลงไปที่ กระเปาะเข็มขัดอีกครั้ง คราวนี้สีของ
แผ่นกระจกกลายเป็นสีทอง เกราะทั้งร่างและปีกจึงเปลี่ยนเป็นสีทองไปพริบตา

/Kamen Ride Kiva/ (สวมหน้ากากราชันย์แวมไพร์)
เสียดังกังวานขึ้น พร้มกับที่ร่างของ โยไร นั้นเปล่งรัศมีสีทองที่เจิดจรัสออกมา
ราวกับดวงสุริยัน


“ พลังนี่มัน…. ”
ลอว์เรนซ์ ที่จับตาดูการต่อสู้อยู่นั้นเมื่อถูกแสงที่เปล่งออกมาจากร่างของ โยไร ก็เกิดอาการแปลกขึ้น
เค้ารู้สึกปวดแสบปวดร้อนขึ้นมา ขณะที่ร่างของเค้า ค่อยๆมีไอควันสีดำ พวยพุ่งออกมาเรื่อยๆ

จนในที่สุด หลังจากที่ดิ้นทุรนทุรายราวกับถูกเผาทั้งเป็นร่างของ ลอว์เรนซ์ ก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป
เขาโง้งของ ปีศาจที่งอกบนหัวได้ หดกลับลงไป ขณะที่ผมสีทองยาวสลวยก็ค่อยๆสั้นลงไปเรื่อยๆ

ดวงและใบหน้าที่โหดเหี้ยมค่อยๆผ่อนลง เค้ากลับกลายร่างคืนเป็นเด็กหนุ่มวัยเดียวกับ โยไร ไปในทันที
ขณะที่ ไอควันสีดำที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของ ลอว์เรนซ์ ก็ขึ้นรวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้า
ปล่อยให้ร่างของ ลอว์เรนซ์ ที่ร่วงลงมา โดยมี เรกกะ ที่เปลี่ยนร่าง เป็น ทาลิคนัส บินเข้ามารับได้ทันเวลาพอดี

“ โอยที่นี่มัน… ”
ลอว์เรนซ์ เปรยขึ้นพลางมือกุมหน้าผากด้วยความมึนงง

“ รุ่นพี่ ลอว์เรนซ์ ไม่เป็นอะไรนะครับ ”
เรกกะ ถามด้วยความเป็นห่วงขณะที่ บินลงสู่พื้นสนาม และวางตัว ลอว์เรนซ์ ลง

“ อ…อืม แต่ที่สำคัญน่ะ เจ้าอวตารพระจิตชั่วร้ายนั่น เราต้องรีบจัดการมันก่อนแล้วล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปที่กลุ่มควันที่ค่อยๆขยายตัวออกและกลายเป็นห้วงมิติที่เวิ้งว้างขึ้นมา
รูปร่างของมันค่อยๆก่อตัวขึ้นเป็นมังกรขนาดยักษ์ ร่างของมัน ค่อยกลืนกินท้องนภา เข้าไปและขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ

หน้ากากศิลาทองคำ ได้ปรากกฏขึ้นที่ส่วนหัวของร่างอันเวิ้งว่างและมืดมิดนี้ พร้อมสัญลักษญ์
แห่งกาลเวลาที่ปรากกขึ้นบริเวญ หน้าอก

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #38 on: July 09, 2009, 06:01:27 AM »

“ ยารุย นายยังไหว ไหม รีบแปลงร่างเร็วเข้า เจ้านี่น่ะคือศัตรูตัวจริงของ พวกเรา ”
โยไร หันกลับไปตะโกน สั่งให้ ยารุย ที่พึ่งฟื้นตัว อยู่ซึ่ง แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจนักแต่สถานการณ์ตอนนี้
ก็ทำให้เค้าคิดว่าการทำตามที่ โยไร บอกน่าจะดีที่สุด

“ เฮนชิน ”/Yin Cross Ja....us…tice/
สิ้นเสียง ยารุย ก็เปลี่ยนร่างเป็น อัศวินเทพมัง ทาลิวิลย่า ก่อนที่จะบินตามขึ้นไปสมทบกับ โยไร

“ พวกรุ่นพี่ ลอว์เรนซ์ เองก็รอก่อนนะครับ ผมจะใช้พลังของ Kiva ฟอร์มนี้
ฟื้นพลังให้เองแล้วก็จัดการ พลังด้านลบที่เจ้านั้นใช้ควบคุมพวก รุ่นพี่ เจนัส เอาไว้ด้วย ”
โยไร กล่าวจบ ก็กวาดมืออกไป รัศมีแสงถูกสาดออกจากตัว เค้าไปอาบร่างของ พวก เจนัส ที่กระจายอยู่
ตามที่ต่างๆจนหมด ทันทีที่ร่างของ พวกเค้าถูก แสงที่ โยไร สาดส่องออกมาก็เกิดควันสีดำพวยพุ่งออกมาจาก

ร่างเช่นเดียวกับ ที่เกิดขึ้นกับลอว์เรนซ์  ก่อนที่คัวนทั้งหมดนั้นจะขึ้นไปรวมตัวเข้ากับร่างของ มังกรที่ถูกเรียกว่า
อวตารแห่งพระจิต ทันทีที่ ควันทั้งหมดออกจากร่างของ พวก เจนัส พวกเค้าก็เริ่มที่ฟื้นคืนสติ
และบาดแผลก็ถูกแสงชำระไปจนหมด ขณะที่ร่างของ อวตารพระจิต เริ่มที่จะเคลื่อนไหว



“ เจนัส ลากูน่า นีน่า พวกนายยังไหวอยู่ใช่ไหม ”
ลอว์เรนซ์ ตะโกนถามขึ้นมา ก่อนที่ พวกเจนัส ทั้งหมด จะลุกขึ้นมาแล้ว พากันเข้ามาสมทบกับ พวก โยไร

“ ชิ…ตอนนั้นดันเสียท่าก็เลยถูกมันควบคุมเอาจนได้ ”
เจนัส สบถ ขณะที่หันไปส่งสายตาโกรธเคืองใส่ ร่างของ อวตารแห่งพระจิต

“ ขอโทษนะ โยไร พวกพี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ ”
นีน่า กล่าวขอโทษพลางยกมือไหว้ ทว่า โยไร ก็รีบห้ามเธอซะก่อน

“ เอาน่า พี่นีน่า ก็แลกกับการที่พวกเราต้องถูก หมอนี่อัดซะอวมอรทัย ก็ถือว่าหายกัน
ไปก็แล้วกันที่สำคัญคือทำไมนายต้องเล่นฉันแรงที่สุดด้วยฟะ ล่อซะกระอักเลือดไปพอยัง
จับกดทุ่มซะจมดินเลย ”

ลากูน่า กล่าวพลางยื่นหน้าเข้ามาหา โยไร พร้อมกับส่งสายตาเคืองๆมาที่เค้า

“ แฮะๆแบบว่า อยู่ในร่างนั้นแล้วมันยั้งมือไม่ทันน่ะ อีกอย่างถ้าไม่ทำให้พวกรุ่นพี่
สลบกันไปซะก่อน ผมก็ไม่มีโอกาศ ตั้งตัวเพื่อใช้ร่าง Kiva นี่น่ะสิ อีกอย่างพี่ดูจะอึด
 กว่าคนอื่นด้วยก็เลยกลัวไม่สลบน่ะ ”

โยไร กล่าวแก้ตัว เก้ๆกังๆ ขณะที่ลากูน่า ยังคงไม่พอใจกับคำแก้ตัวของ โยไร อยู่นั้น ริคุ ก็แทรก ขึ้นมา

“ เรื่องนั้นน่ะเอาไว้ทีหลังเถอะ เราต้องรีบจัดการเจ้านั่นกันก่อนนะ ”
ริคุ กล่าวตัดบทขึ้นมาก่อนที่ทุกคนจะหันไปยังร่างของ อวตารแห่งพระจิต ที่กำลังก่อรูปก่อร่างจนสมบรูณ์
ในที่สุด

“ ไม่คิดเลยว่า พลังของ ผู้ถูกเลือกคนที่ 4 จะร่ายกาจได้ขนาดนี้ ข้าคงประมาทเจ้าเกินไปสินะ
ที่จริง อุปกรณ์ที่ เจ้าใช้อยู่นั่นมันไม่น่าจะใช่ของที่มีอยู่ในโลกแห่งนี้ หึๆ แสดงว่า เจ้านี่ก็คงเป็น
ตัวการที่พาแกไปยังมิติอื่นสินะ ”

ร่างอวตารพระจิต กล่าวจบก็ค่อยปรากกฏร่างของ ธนัท โผล่ออกมาจาก ห้วงมิติ อันเวิ้งว้าง
ของมัน

“ คุณ ธนัท!! ”
โยไร อุทานด้วยความตกใจ กับสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า เมื่อ ร่างของ ธนัท ถูกตรวนไว้ด้วย โซ่ ห้อยลงมาจากร่างของ มัน

“ ข้าจับมันได้ ก่อนที่แกจะกลับมา แน่นอน ก่อนนี้ ข้าได้เข้าไปทำลาย โลกของ พวกมันไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงตาพวกเจ้า
เหล่า อัศวินทาลิวิลย่า ทั้งหลายข้าจะจัดการ เก็บพวกเจาที่นี่ซะให้หมดในคราเดียวเลย ”

สิ้นคำ ร่างอวตารพระจิตก็ปล่อย โซ่ ลงมาจากร่างนับไม่ถ้วน เข้ามา มัดตรึงร่างของ
เจนัส ลากูน่า นีน่า และ ลอว์เรนซ์

อีกครั้งโดยไม่ทันตั้งตัว พวกเค้า จึงถูกจับตัวกลับขึ้นไป ด้าน เรกกะ ที่พยายามจะยื้อ ก็สู้แรง
ของโซ่ไม่ได้ และถูดจับมัดตรึงขึ้นไปเช่นกัน

/Strike Vent Great of Dragon/
สิ้นเสียง ปีกทั้งสองของ โยไร ก็พุ่งออกไปเป็นลำแสง มังกร 6 สายพุ่งตรงไป
ตัดทำลายโซ่ที่ ดึงร่างของ ทุกคนขึ้นไป
 ทว่ากลับ ถูกกำแพงมิติที่ปรากฏขึ้นมาสกัดการโจมตีเอาไว้

“ ชิ…ยารุย พวกเราต้องร่วมมือกันจัดการมันในครั้งเดียวแล้วล่ะ ”
โยไร กล่าวขณะที่ชักเอาปืนลำแสงขึ้นเล็ง และเริ่มสะสมพลังงาน ขณะที่ ยารุย เองก็ประกบ
ดาบมาคายาเดีย กับปลอกดาบเข้าด้วยกัน

“ แล้วต้อง โจมตีไปที่ไหนล่ะ เท่าที่ดูแล้วเจ้านี่น่ะ ไม่มีจุดให้สร้าง
ความเสียหายได้เลยนะ ”/Advent Gaia Blade/

ยารุย ถามขึ้นขณะที่เสียงดังกังวานขึ้นมาจาก ตัวดาบที่ประกบกับปลอกดาบและกลายเป็นดาบสองปลายไป

“ ที่หน้ากาก ศิลาของมันไงล่ะ ตรงนั้นล่ะคือจุดอ่อนของมัน ถ้าทำลายมันได้ล่ะก็ ”
โยไร กล่าวออกมาขณะที่เรงยิงไปที่ หน้ากากของ ร่างอวตาร ทว่า สายโซ่ทั้งหมดที่ปล่อยออกมาจากร่างของ
 อวตารพระจิต ก็ใกล้เข้ามเรื่อยๆ โดยที่ตัวเค้าไม่อาจขยับหลบหนีได้เพราะต้องสะสม
พลังงานทั้งหมดไว้ใชในการโจมตี ทว่า ยารุย ก็เข้ามาตัดสายโซ่ทั้งหมดให้พ้นทางไป

“ โยไร จัดการตามที่นายบอกซะ ฉันจะคุ้มกันให้เอง ”
ยารุย กล่าว พลางควงดาบสองปลายในมือ ปัดป้อง โซ่ เป็นพัลวัน

“ อืม เข้าใจแล้ว ยารุย องตารชั่วร้ายเอ๋ยจงแหลกไปซะเถอะ ”
โยไร รับคำจบก็หันไปกล่าวกับร่างอวตาร ก่อนที่จะลั่นไกปืนออกไป พร้อมกับที่
ลำแสงมังกรทั้ง 6 ที่เกิดจากปีกของเค้า จะพุ่งตรงเข้าไปด้วยพร้อมๆกัน

/Final Vent Grea of Dragon G.O.D./
สิ้นเสียง ลำแสงทั้งเจ็ดสายก็พุ่งตรงไป ยังส่วนหน้ากากของ ร่างอวตารพระจิต พร้อมกันนั้น เอง
ยารุย ก็ชักเอาดาบที่เหน็บอยู่ที่เอวอีกเล่มออกมา

/Advent Falqualooke/
สิ้นเสียง ยารุย ก็เหวี่ยงดาบ ฟอลควอรูเก้ ในมือ ออกไป ดาบควงนำ ลำแสงพลังงานทั้งเจ็ดของ
 โยไร ไปก่อน เพื่อตัดทำลาย โซ่ที่ซ้อนตัวกันเพื่อขวางกั้นการโจมตี ก่อน ที่ เค้าจะ พลิกหน้ากระจกที่เข็มขัดขึ้น

“ Strike Vent Great of Dragon ”
สิ้นเสียง ยารุย ก็คว้าง ดาบสองปลายของตน ออกไปรวมเข้ากับลำแสงทำลายของ โยไร
ลำแสงได้พุ่งเข้าปะทะกับ หน้ากากของ ร่างอวตารแห่งพระจิต จนแตกสลายไปในที่สุด

“ สำเร็จ!! ”
โยไร และ ยารุย ร้องขึ้นพร้อมกันทว่ารอยยิ้มแห่งชัยชนะต้องกลับกลายเป็นความประหลาดใจไป
เมื่อหน้ากากศิลาค่อยๆจับตัวกันก่อร่างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

“ ป…เป็นไม่ได้…ทำไมมันยังฟื้นตัวได้อีกล่ะ ก็เราทำลายส่วนของพลงชีวิตแล้วนี่ ”
โยไร อุทาน ด้วยความประหลาดใจ

“ หึ…ฮ่าๆๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ข้าคงแตกสลายไปแล้ว แต่ตอนนี้ข้าไม่อาจมีสิ่งใด
มาทำลายได้อีก พวกเจ้าพ่ายแพ้ให้แก่ข้าแล้ว ฮ่าๆๆๆ ”
ร่างอวตารพระจิต กล่าวจบโซ่ตรวนนับไม่ถ้วก็พุ่งเข้ามา มัดร่างของ พวกเค้าไว้ก่อนจะตรึงเอาไว้
และทุกๆสิ่งรอบตัวของ โยไร ก็มืดลงและสูญสลายไปในที่สุด

……………..
………………………


โลกแห่งความเป็นจริง

ม.เกษตรศรีราชา

“ เกรม่อนคุง วันนี้ท้องฟ้าดูมัวๆนะ ”
“ สงสัย ฝนจะตกมั้ง รีบกลับ หอ เถอะแกเองก็รีบกลับกรุงเทพไปได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เรอะ ”

เกรม่อน กับ การุรุม่อน ที่กำลัง เดินเถียงกันไป อยู่นั้นเริ่ม สังเกตุสถาพรอบๆตัว ที่เริ่ม
เปลี่ยนไป ไม่เพียงแต่ท้องฟ้าที่มืดลงทั้งที่ ไม่มีเมฆ กระแสลมเริ่มแปรปรวนราวกับพายุกำลังจะมา
เกิดฟ้าผ่า ลงไปทั่วจนเกิดความเสียหายครั้งใหญ่ ไฟไหม้อาคารหลายแห่งและเกิดอุบัติเหตุขึ้นไปทั่ว

“ น…นี่มันชักจะไม่ธรรมดาแล้วนะ ”
เกรม่อน เปรย เมื่อเห็นสภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้น ความวุ่นวายนี้มีที่มาที่แปลกไปจากทุกที

“ ฮ่าๆๆๆ ในที่สุดข้าก็สามารถออกมาในโลกแห่งความเป็นจริง จากนี้ไปบัญญัติแห่งการล้าง
โลกก็จะเริ่มขึ้นและจะไม่มีอะไรมาหยุดข้าได้ ”
เสียงนั้นดังกึกก้องขึ้น ก่อนที่ ห้วงมิติอันเวิ้งว้างจะก่อรูปขึ้น กลางท้องและกลายเป็น
ร่างอวตารแห่งพระจิตได้ในที่สุด

“ น…นั่นมัน ”
การุรุม่อน เปรยด้วยความตกใจกลัว ขณะที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ผู้คนบริเวณ
โดยรอบเริ่มวิ่งหนีกันจนเกิดโกลาหลไปทั่ว

“ อวตารพระจิตชั่วร้าย…ได้ไงกัน…. ”
เกรม่อน เปรยด้วยความไม่อยากเชื่อสายตาบัดนี้สิ่งที่เค้า เขียนให้มีตัวตนอยู่เพียงแค่ในนิยาย
กลับมาปรากฏต่อหน้าเค้า

“ แก!! เข้ามาที่มิตินี้ได้ยังไงกัน แกน่าจะถูกเหล่าอัศวินที่ ฉัน สร้างขึ้นมาจัดการไปแล้วนี่ ”
เกรม่อน ตะโกน ถามขึ้นไปขณะที่ อวตารแห่งพระจิตชั่วร้ายได้ หันมาให้ความสนใจแก่เค้า

“ เหล่าอัศวินงั้นเหรอ หมายถึงพวกนี้สินะ ”
อวาตารพระจิตชั่วร้าย กล่าวจบก็หย่อนโซ่ตรวน นับร้อยออกมา ซึ่งมีเหล่าตัวละครจาก โลกอื่นมากมาย
และพวก ลอว์เรนซ์ กับ เรกกะ เองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

“ ม…ไม่จริงน่า ก็เกรม่อน ให้ K-Touch สำหรับเปลี่ยนร่างสุดยอดให้กับ โยไร ไปแล้วนี่ ”
การุรุม่อน อุทานขึ้นมา

“ โยไร….เจ้าผู้ถูกเลือกคนที่ 4 สินะ งั้นจงดูนี่ซะ ”
ร่างอวตารพระจิตชั่วร้าย กล่าวจบเปิดหลุมมิติบนร่างขึ้นมา ภายในหลุมมิตินั้น โยไร ที่
อยู่ในสภาพร่อแร่ เต็มทีนั้นถูกตรวนเอาไว้ด้วย โซ่มากมาย



“ โยไร… ”
เกรม่อน เปรยด้วยความเจ็บใจ ที่ตัวละครของ เค้านั้นพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ทั้งหมด

“ ก…เกรม่อนคุง ดูนั่นสิ ไดสุเกะจาก ภาค D.N.A. กับ ธนัท จากภาค SMN VR!! ก็เสร็จมันไปแล้วด้วย ”
การุรุม่อน ชี้ไปยังจุดที่ร่างของ ธนัท และ เด็กหนุ่มผมสีแดงตั้งชี้ ที่ถูกตรึงเอาไว้ด้วยเช่นกัน


“ เท่านี้ก็ไม่มีก้างขวางคอใดๆอีกแล้ว ข้าจะทำลายทุกสิ่งและทุกโลกให้สิ้นไปเลย ฮ่าๆๆ ”
อวตารชั่วร้าย กล่าวออกมาด้วยความหยิ่งผยอง

“ ไม่หรอกยังมีอยู่… ”
เกรม่อน เปรยขึ้น ท่ามกลางความสับสนอลหม่านที่ผู้คนต่างหนีตายเพื่อเอาตัวรอด
เค้ากลับเดินเข้าไป หาร่างของ อวตารอันชั่วร้าย

“ หือ เจ้าหนู…จะว่าไปแล้วทำมแกถึงได้รู้เรื่อง ของ พวก อัศวินที่ถูกเลือกได้ล่ะ.. ”
อวตารชั่วร้าย หันมาถามด้วยความสนใจ ขณะที่ เกรม่อน หยิบเอา แฟรชไดรฟ์ ขึ้นมาพร้อมกับการ์ดอีกใบ

“ นั่นก็เพราะ ฉันคนนี้คือผู้ที่สร้างผู้ถูกเลือกขึ้น….ฉันคือพระเจ้า!! ” /Fiction Meister ACE/
เกรม่อน กล่าวจบ ก็รูดแฟรชไดรฟ์เข้ากับ การ์ดในมือก่อนที่จะเกิดตัวอักษณแสง A พุ่งออกมา
ประทับบนร่างของเค้าและดูด เอามิติรอบๆเข้ามาและเปลี่ยร่างของเค้าเป็นอัศวินชุดเกราะสีดำทมิฬ

“ หือ…เจ้า… ”
อวตารแห่งพระจิตชั่วร้าย อุทานขึ้นเมื่อได้เห็นการแปลงร่างของ เค้า

“ ในเมื่อทุกคนหยุดแกไม่ได้…ฉันจะหยุดแกเอง ” /Character Write !!/
เกรม่อน กล่าวจบก็ หยิบการ์ดขึ้นมาพื่อที่จะเปลี่ยนร่างต่อกรกับ อวตารแห่งพระจิตอันชั่วร้าย
ท่ามกลางกลียุคที่เกดขึ้นในตอนนี้




Legend of Thaliwilya YCross อวสาน


Next Serie

เมื่อ โลกแห่งความเป็นจริงและ โลกแห่ง Fic เริ่มแตกสลาย ACE อัศวินผู้มีพลังแห่ง Fiction
จะสามารถกอบกู้โลกทั้งสองไว้ได้หรือไม่ ติดตามได้ใน Fiction Meister ACE








เอาล่ะครับก็ อวสานไปแล้วกับ อีกซีรี่ย์ ที่จริงต้องพูดว่าจบไปภาคหนึ่งต่างหากเพราะ ภาคต่อของ
 ทั้ง Legend D.N.A. of Thaliwilya (Legend Daisuke Niwa Angel of Thaliwilya)

ภาคLegend of Thaliwilya YCross นี้ต่างก็จบลงตรงที่ อวตารแห่งพระจิตชั่วร้าย ได้บุกเข้ามาทำลายเนื้อเรื่องจนเละเทะไปหมด
ดังนั้นเมื่อเหล่าพระเอกที่ ผมสร้างขึ้นมาเอาชนะไม่ได้ เพราะฉนั้น ภาคต่อไปผมจะเป็นตัวเอกเองซะเลย เหอๆ

อาจจะดูบ้าๆไปหน่อย(ไม่หน่อยล่ะ) ที่ดันมาจบแบบนี้ ซีรี่ย์ดีๆเลยเจ้งไปอีกเรื่อง แต่ที่จริงตนเริ่มเขียน ก็กะเอาไว้แบบนี้อยู่แล้ว
เพราะฉนั้น รอดติดตาม Fiction Meister ACE ได้ในวันที่ 1 มกราคม ปี 2553 นะคร้าบ หรือ ปี 2010 นั่นเอง

ส่วนเรื่องที่จะมาคั่นไว้ให้ก่อน นั้นจะมีเรื่องของคุณ Gee หรือ พัลม่อนของเรา มาเขียนให้อ่านกันก่อนนะคร้าบ
ส่วนลูกทีมที่เหลือจะเจียดกันไปเตรียมงาน Fiction Meister ACE กันก่อน ทั้งนี้ กำหนดอาจจะเลื่อนมาเร็วขึ้นก็ได้

อาจจะไม่ต้องรอถึงปีหน้า แต่ยังไงก็ต้องรอให้ ซีรี่ย์ถัดไปจบก่อนล่ะ โดยซีรี่ย์ถัดไปนั้น คุณ Gee เขียนร่วมกับผมนะขอร้าบ
ดังนั้นเนื้อเรื่องอาจจะแปลกไปพอกับวิธีการเขียนเลยก็ได้ถือซะว่าเป็นแนวใหม่ เลยก็แล้วกัน


Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #39 on: July 10, 2009, 12:31:32 AM »

-//ปาดดดดดด

รูปหลอนจัง   
Logged


Pages: 1 [2]  All
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.121 seconds with 20 queries.