Summoner Master Forum
April 20, 2024, 03:10:39 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: Little Sentai!! Rato Ranger!! Mission 02 หน้าที่ของนักรบ รวมร่าง Mansereg  (Read 12586 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« on: July 19, 2009, 08:19:12 PM »

Little Sentai!! Rato Ranger!!



ในโลกนี้นอกจากความเป็นจริงที่เห็นอาจมีบางอย่างที่แฝงเร้นจาก สายตาของคุณ จากมิติสู่มิติ
นี่คือโลกในอีกโฉมหน้า ของโลกคู่ขนานที่ซ้อนทับกันนับร้อยๆ
……………………………………………………..
โลกแห่งเหล่าหนู Ratopia(เรโทเปีย นครแห่งสุริยา)
 บนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งเทอร่า(Terra)นี้ มีทวีปใหญ่ๆแบ่งออกเป็น 7 ทวีป

และในแต่ะละทวีปยังแบ่งเป็นอาณาจักรย่อยอีกนับ สิบและในอาณาจักรนับสิบนั้นก็แตกแขนงลงไปสู่
สังคมที่เล็กย่อยกว่าสังคมของ มวลมนุษย์ สังคมของเหล่า หนูน้อย

ในแล้วนี่คือ ราชอาณาจักรอันกระจิ้ดริด แห่งเมอริเซีย เรโทเปีย(Ratopia)
ราชอาณาจักรแห่งสุริยา หรือ อีกนัย ราชอาณาจักรแห่งเหล่าหนู(ก็กระต่ายครองดวงจันทร์อ่ะ)

ภายในราชอาณาจักรแห่ง เรโทเปีย นี้ ถูกปกครองโดยกษัตริย์  จีโอแรท(Geo Rat, the Little King)


  องค์ราชินี กัสตี้แรท(Gusty Rat, the Little Queen)

และ พระโอรส เจ้าชาย ไฟร์แรท(Firat, the Little Prince)


อีกทั้งคณะมหาดเล็กผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสาม
ได้แก่ บิชอป ไชท์นิ่งแรท ผู้คุมอำนาจแห่งศาสนาของอาณาจักร (Shining Rat, the Little Priest )


วิซาร์ด อควอแรท ผู้คุมอำนาจแห่งมนตราของอาณาจักร (Aqua Rat, the Little Mage)


ปรมาจารย์ ดาร์คพิทแรท ผู้คุมอำนาจทางการทหารของอาณาจักร (Dark Pit Rat, the Little Ninja)


ราชอาณาจักรนี้ครั้งหนึ่งเคยถูกรุกรานโดยเหล่าสัตว์ร้ายและปีศาจ ที่คิดใช้อำนาจข่มขู่
เหล่าหนูตัวน้อยผู้ไร้ทางสู้ทว่า ในตอนนั้นนั่นเอง ที่เหล่าเทพมังกร ได้มอบพลังที่จะปกป้อง

เหล่าหนูและราชอาณาจักร เรโทเปีย เอาไว้ได้พร้อมกับขับไล่ความชั่วร้ายออกไปจากดินแดนได้สำเร็จ
แต่ทว่า เหล่าปีศาจที่ชั่วร้ายก็ยังไม่ได้ถูกทำลายลงไป ดังนั้นภาระหน้าที่ ที่จะต้องกำจัดเหล่าปีศาจร้ายเพื่อ

ปกป้องชีวิตทั้งมวลในมิติคู่ขนานนี้ จึงได้บังเกิดสมญานามของนักรบในตำนาน
ขึ้นมา เหล่าวีรชว

“ เจโอะ(Geo) นั่นแหละทำไมถึงเอาแต่กินอยู่ได้นี่เรา กำลังจะไปรบอยู่น้า เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายน่ะ ”
เจ้าหนูขนสีขาวแกมเขียว(Gusty Rat) กัส ตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชันใส่ เจ้าหนูอ้วน
ขนสีเทาแกมเหลือง (Geo Rat) เจโอะ ที่ดูจะไม่สนกับอากับกริยาของเธอเลยยังยัด
ลูกซาลาเปาเข้าไปเขี้ยวในปากอย่างเย็นใจเช่นเดิม



“ แหมๆถึงจะบอกให้ไปรบก็เถอะนะ แต่ที่จริงแล้วพวกเราน่ะไม่ได้เป็นนักรบอะไรซักหน่อยนี่เนอะ ”
หนูสาวอีกตัวซึ่งมีขนสีฟ้าอ่อน และมีหูกับหางเป็นพังพืดครีบปลาใช้สำหรับว่ายน้ำกล่าวเสียงใส

ขณะที่มือก็จับปลายไม้ถูพื้นแล้วสไลด์ ไปกับพื้นเพื่อทำความสะอาดห้อง อย่างเริงร่า
นอกจากนี้เธอยังหมุนตัวเล่นระหว่างถู ไปด้วยจนดูเหมือนกับกำลังเต้นรำมากกว่าทำความสะอาด

“ อาคุ(Aqu) ก็เป็นไปกับเค้าด้วยเหรอเนี่ย นี่มันใช่เรื่องที่พวกเราจะต้องรับผิดชอบตรงไหนกันน่ะ ”
กัส เปรยด้วยเสียงหน่ายใจขึ้นมา ขณะที่หนูสาวผู้มีครีบ(Aqua Rat) นั้นยังคงเต้นไปถูพื้นไปไม่วางมือ



แอ๊นนนน!!

เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นแวบ หนึ่งก่อนที่ประตูห้องจะเลื่อนตัวเปิดออกโดยอัตโนมัติอย่างรวดเร็ว
พร้อมกับ การมาเยือนของหนูอีก 3 ตัวซึ่งหนึ่ง ไฟร์แรท(Firat) หนูเพลิงที่เป็น

คนเดินนำเหล่าสมาชิก อีก 4 ตัวเข้าไปเข้าเฝ้าองค์ชาย และอีกตัวคือหนูขนสีขาวบริสุธิ์ราวกับขนของหงส์
ไชน์นิ่งแรท(Shining Rat) ผู้ซึ่งวางตัวสงบเสงี่ยมและ อีกหนึ่งหนูที่ไม่ได้เข้าร่วมในการเข้าเฝ้า

หนูเฒ่าขน สีดำผู้สวมเสื้อคลุมสีดำ และผ้าคลุมหัวปิดตั้งแต่หูจรดลงมาที่ต้นคอเสื้อ ที่หมวกเสื้อประทับตรา
ค้างคาวสีเลือด เอาไว้ในมือกระชับไม้เท้าติดหัวเคียวมาด้วย(Dark Pit Rat, the Necromancer)







“ ก็แล้วไม่ใช้เพราะพวกเจ้าเองหรอกรึที่ดันทำให้ นักรบตัวจริงทั้ง 3 ตัว
ที่จะต้องมาแทนพวกเจ้าท้องเสียในวันสำคัญแบบนี้น่ะ  ”
หนูเฒ่า กล่าวเสียงเรียบขณะที่ บรรดาหนูทั้ง 3 ตัวนั้นต่างพากันละมือจากกิจวัตรของตนมา
ยืนเรียงแถวกันหูชี้ หางตั้ง

“ เฮ้อคิดแล้วน่าอนาถนัก ลูกศิษย์ของข้าเจ้านินจา ดาร์คพิทแรท ต้องเสียเวลาที่สู้อุตส่าห์ทุ่มฝึก
ศิษย์หลานทั้งสามตัวมาเป็นปีๆแต่ดันต้องมาล่ม เพราะอาหารของคนครัวใหม่อย่างพวกเจ้า 3 ตัว ซะนี่ ”
หนูเฒ่าบ่นอย่างเซ้งๆก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับ ด้วยความปวดหัวกับเหล่านักรบ
จำเป็นที่ดันต้องมารับภารกิจพิทักษ์จักรวาล

“ จะโอดครวญไปมันก็คงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เรารีบจับพวกเค้ามาฝึกให้พร้อมจะดีกว่า ”
หนูหนุ่มไฟร์แรท เปรยเสียงเรียบขณะที่ หนูเฒ่าหันมาด้วยความไม่อยากเชื่อหูของตน

“ นี่คุณหนูคิดจะให้เจ้าพวกลูกหนูนี่เข้าร่วมการรบด้วยงั้นรึขอรับ ”
หนูเฒ่าถาม ด้วยสายตาคะยั้นคะยอจะเอาคำปฏิเสธจาก เค้าแต่เมื่อเค้าพยักหน้ารับ หนูเฒ่า
ก็ถึงกับ เบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ ต..แต่ คุณหนู เจ้าพวกลูกหนูนี่น่ะ แค่ฝึกท่าทางตอนให้ ไปเข้าเฝ้าแทนก็ยังต้องว่ากันไม่รู้ฟังตั้งกี่รอบ
แถมเสียเวลาฝึกตั้งครึ่งวันกว่าจะเข้าใจ อีกนะ คุณหนูโปรดพิจาร…. ”

“ แต่พวกเค้าก็ทำได้นี่ แล้วก็ท่านอาจารย์เลิกเรียกคุณหนู…. ”

โปรดพิจารณาใหม่ด้วยคำนี้ถูกกลืนลงคอหนูเฒ่าไป เมื่อ ไฟร์แรท หันมาสำทับเรื่องที่ว่าพวก
ตัวแทนทำก็สำเร็จไปด้วยดีอยู่ดี พร้อมกับสำทับเรื่องการเรียกเค้าว่าคุณหนูตามไปด้วย

“ อนิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยง นี่คงเป็นพระประสงค์ของพระองค์ เช่นนั้นแล้วก็คงมิอาจขัดได้ สาธุอาเมนอามิตพุทธ~ ”
ไชท์นิ่งแรท ที่ยืนอยู่ข้างๆเปรยขึ้นมาลอยๆ ขณะที่บรรดา หนูทั้งสามที่ยืนเรียงแถวกันอยู่นั้นต่าง
เอียงคอมองอย่าง งงๆพร้อมกับความคิดที่ว่า

“ สังขารมันเกี่ยวเรอะ แล้วตกลงมันจะอยู่ศาสนาไหนล่ะเนี่ย มาทั้ง อาเมน ทั้งสาธุ อามิตพุทธ ด้วยเอ้า ”
หนูทั้งสามคิดขึ้นพร้อมกันกับ ไชท์นิ่งแรท ผู้สุขุมผู้นี้ที่ดูนอกจาก ท่าทางแล้วอย่างอื่นคง
รั่วไม่เป็นอนิจจังเป็นแน่(แปลตามภาษาหนูๆคือ ไอ้นี่มันไม่เต็มบาท)

“ ถ้างั้นฝากท่านอาจารย์ ดูแลเรื่องของ 3 ตัวนี้ด้วยนะ ”
ไฟร์แรท กล่าวจบก็หันกลับออกไป โดยมี ไชท์นิ่งแรท ตามไปด้วยทิ้งให้ หนูเฒ่า ยืนกุมขมับกับ
เหล่าหนูทั้งสามที่ดูจะพึ่งพาอะไรไม่ได้เลย

“ จะดีเหรอ เฟอร์(Fir) ปล่อยพวกเค้าไว้แบบนั้นน่ะ ”
ไชท์นิ่งแรท ถามขึ้นขณะที่เดินตามหลัง ไฟร์แรท ไปตามทางเดินเชื่อมระหว่างห้อง

“ แล้ว ชิน(Shin) ล่ะไม่คิดงั้นอย่างนั้นเหรอ ”
เฟอร์ ย้อนถามกลับเสียงเรียบโดย

“ เฟอร์ ก็ รู้อยู่แล้วนี่….คำตอบของกระผมน่ะ ”
ชิน กล่าวตอบขณะที่ทั้งคู่เดินเข้า มายังห้องซึ่งรายล้อมด้วยกระจกบานใหญ่ที่เชื่อมกัน
มองออกไปยังด้านนอกของห้อง ได้และภายในห้องยังมีเก้าอี้และโต๊ะควบคุม ที่ตั้งแยกกันอยู่ 6 ตัว
โดยแบ่งเป็นข้างบนสุด สองตัวที่สุดขอบผนังซ้ายและขวา กับอีกสองตัวที่มุมขอบล่างของห้องทั้ง ซ้ายและขวา
และอีกสองตัวที่ตรงกลางยาน

“ นั่นคือโลกที่พวกเราต้องไปปกป้อง….สินะ”
ชิน เปรยขึ้น เมื่อเห็นดวงดาวทรงกลมรีสีฟ้าที่ปรากฏอยู่ด้านนอกหน้าต่าง
พวกเค้ากำลังจะเขข้าใกล้ดาวดวงนั้นมากขึ้นเรื่อยๆด้วยยานรบขนาดใหญ่

ที่มีลักณะคล้ายกับมังกร ปีกยานสองข้างนั้นปูด้วยกระจกใสราวปีกของแมลง
ขาของยานนั้นพับเก็บขึ้นมาเสมอกับหัวยานที่ยื่นแหลมออกไปนี่คือยาน

ไซเบอทิก้าดราก้อน(Cybertica dragon)
ที่กำลังจะนำเหล่าพลพรรคหนูๆ แห่ง เรโทเปีย ไปยังโลกมนุษย์



………………….
………………………….

« Last Edit: July 26, 2009, 06:17:59 AM by Gee » Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #1 on: July 19, 2009, 08:19:34 PM »

“ ในที่สุดก็ทำให้มันสมบรูณ์ได้แล้ว เท่านี้ก็สามารถใช้งานได้โดยที่ไม่จำกัดเวลาซักที ”
เสียงที่ดังขึ้นภายในห้องที่มืดสลัว มีเพียงแสงจากโคมไฟที่หัวโต๊ะ ที่ส่องให้ความสว่างพอที่จะมองเห็น
เงาและสภาพรอบๆของห้องที่รกไปด้วยชิ้นส่วนโมเดล ตุ๊กตา และเศษหุ่นไม้มากมายที่วางกองพะเนินเทินทะ

อยู่เต็มไปทั่วห้อง  บนโต๊ะที่วางข้าวของระเกะระกะไปทั่วนั้นทังเศษ กระดาษ มีดคัทเตอร์ เศษไม้
ที่เกลื่อนกระจายอยู่บนโต๊ะทำงาน มีตุ๊กตาไม้ที่แกะสลักเป็นรูปของสุนัขที่มีหัวถึงสามหัวด้วยกัน

“ จะส่ง เซอร์บูลรอส(Cerbullrus)ไปเป็นตัวแรกงั้นเหรอ ”
อีกเสียงหนึ่งที่เบามากจนราวกับเสียงกระซิบดังขึ้น ขณะที่ร่างตุ๊กตาไม้สุนัขสามหัว
นั้นค่อยขยายขนาดขึ้นและกลายเป็นสุนัขโลกันต์สามหัว เซอร์บูลรอส

ตัวเป็นๆขึ้นมา ก่อนที่มันจะสลายกลายเป็นควันสีดำ ลอยผ่านกระจกหน้าต่างของห้อง
ที่เปิดเอาไว้ออกไป



“ มันหนีไปแล้วนะจะดีเหรอ ”
เสียงที่เบาราวกับเสียงกระซิบนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่รอยยิ้มของเด็กหนุ่มได้
ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเค้าท่ามกลางแสงไฟสลัวๆภายในห้อง

…………………
……………………………………

ภายในย่านการค้าแห่งหนึ่งซึ่งมีสี่แยกถนนเป็นศูนย์ กลางของการออกร้านค้าต่างๆที่ วางแผงอยู่บนสองริมฝั่งถนน
ทำให้การจราจรส่วนใหญ่ในเขตนี้ค่อนข้างแน่นขนัด  เพราะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของมากมาย

“ นี่ๆ ไทงะ (Tainga) ตรงโน้นมีร้านขายเสื้อที่กำลังอยู่ช่วงเซล พอดีเลยด้วย
ต้องรีบไปก่อนของจะหมดแล้วล่ะ ”

“ คร้าบๆพี่ของลดราคาคร้าบ~~~ ”

เสียงสนทนาของ พี่สาวกับน้องชาย 2 คนดังขึ้นขณะที่คนเป็นพี่ จูงมือน้องชายลาก
ฝ่าฝูงชนไปบนริมฝั่งถนนเพื่อที่จะเข้าไปแย่งซื้อของกับ บรรดาแม่บ้านที่มะรุมมะตุ้มกันเข้าไปหยิบของลดราคา
ราวกับปลาที่กำลังแหวกว่ายเบียดเสียดกันแย่งเข้าไป ตอดก้อนขนมปังชิ้นโต

“ เฮ้อเบื่อเวลาพี่เรียกออกมาซื้อของด้วยจริงจริ๊ง ”
ไทงะ คิดขณะที่ตัวเค้าตอนนี้เคว้งไปเคว้งมาอยู่ในฝูงแม่บ้าน ขณะที่รอให้พี่สาวของเค้า
ที่เบียดเข้าไปซื้อของกับชาวบ้าน ออกมา ในขณะนั้นเอง กลุ่มควันสีดำก็ลอยลงมา
รวมตัวกันก่อร่างกลายเป็น เซอร์บูลรอส ท่ามกลางสายตาของผู้คนนับร้อยที่อยู่ใจกลางสี่แยกนี้

“ เผา….ให้เรียบซะ… ”
เสียงที่เบาราวกับกระซิบดังขึ้นมาในใจกลางสี่แยกโดยหา ได้มีใครในบริเวณนั้นส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย
ทว่าเมื่อสิ้นเสียงนั้น เปลวเพลิงบรรลัยกัลก็ถูกพ่นออกมาจากปากของ เซอร์บูลรอส พุ่งเข้าไปครอกร่างของ
ประชาชนผู้บริสุทธิ ที่อยู่ในระแวกนั้นจนเกรียมในพริบตา ต่อหน้าต่อตา ไทงะ และทุกคนที่ยังเหลือรอด

“ กรี้ดดดดดด ”
“ ช่วยด้วยยยยย…สัตว์ประหลาด!!! ”
“ ไฟไหม้!! ช่วยด้วย ไฟไหม้!!! ”
“ เรียกตำรวจเร็ว!! ”
“ หม่าม้า!! ”

ไม่ทันไร ความวุ่นวาย โกลาหล ก็บังเกิดขึ้นรถรา วิ่งชนกันเพราะผู้คนที่วิ่งหนีตัดลงมาบนถนน อย่างไม่คิดชีวิต
เปลวเพลิงที่ลุกท่วมในครั้งแรกนั้นได้ลามไปยัง ตึกอาคารต่างๆและทำให้เกิดกลายเป็นไฟไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นมา

ขณะเดียวกัน ท้องฟ้าก็เริ่มถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำทมึน จนทำให้แสงส่องผ่านลงมาได้ยาก
บริเวณรอบๆจึงเริ่มมืดลง ร่างของเหล่าผู้ถูกไฟครอกนั้น ค่อยลุกขึ้นยืน และไฟที่ยังลุกท่วมร่างอยู่นั้น
ก็ค่อยๆมอดลงพร้อมกับผิวหนังที่แห้งกรอบได้กระเทาะ ออกเผยผิวหนังหนังที่เน่าเฟะด้านในออกมา
รูปร่างของซากศพได้เปลี่ยนรูปไป กลายเป็นลักษณะของ ครึ่งมนุษย์ครึ่งหมาไน

[ อานูบิสวอริเออร์ (Anubis Warior) นักรบของเทพแห่งความตาย ฟื้นคืนชีพจากร่างของผู้ไร้ชีวิต
และจะกลายเป็นนักรบอมตะที่ฟันแทงไม่ตาย เป็นมือสังหารที่ไร้ซึ่งสำนึกใดๆ]



หลังจากที่ซากศพของผู้ที่ถูกไฟครอก คืนชีพขึ้นมาเป็น นักรบปีศาจ อานูบิสวอริเออร์ นับสิบ
พวกมันก็ออกอาละวาดทันทีกรงเล็บของพวกมันนั้น ฉีกตะปบร่างของเหยื่อ จนขาดเป็นชิ้นๆ

ผู้คนที่ถูกสังหารเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ เซอร์บูลรอส ยังคงพ่นเปลวเพลิงออกมา คร่าชีวิตของผู้คน
และทำให้กลายเป็น นักรบปีศาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ขณะที่ ศพที่นักรบปีศาจฆ่า

นั้นกลับไม่ฟื้นคืนขึ้นมา ดังนั้นจึงมีเพียงแต่ไฟของ เซอร์บูลรอส เท่านั้น ที่ทำให้ผู้คนที่ตายเพราะถูก
ไฟของมันครอกร่างคืนชีพขึ้นมาเป็นนักรบปีศาจ

“ พี่!! ”
เสียงของ ไทงะ ที่ตะโกนก้องอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่หนีตายกันออกจาก สี่แยก เขาพลัดหลงกับพี่สาวไปตั้งแต่เหตุการณ์
เริ่มวุ่นวาย

หวอๆๆๆ

เสียงไซเรนของ รถตำรวจดังใกล้เข้ามา ก่อนที่บรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเข้าไปอพยพ
ผู้คนที่ยังติดอยู่ในสี่แยกออกมา พร้อมกันนั้นเอง หน่วยดับเพลิงที่อยู่ภายนอกก็ เริ่มต่อสายยาง

ฉีดน้ำ ดับไฟที่ลามออกมา จากทั้ง 4 ทิศ


“ คุณตำรวจข้างใน…ข้างในมันมีปีศาจอยู่ด้วย….เราต้องรีบหนี…หนี…หนีเอาตัวรอด ”
ชายคนหนึ่งในกลุ่มฝูงชนที่แห่กันหนีออกมานั้น เข้ามาพูดกับนายตำรวจคนหนึ่ง
ขณะที่นายตำรวจเองก็พอจะงงๆกับ คำพูดของ ชายคนนั้นแต่ไม่ทันไรทุกอย่างก็กระจ่าง เมื่อนักรบปีศาจ

ได้แห่ตามกันออกมาด้วย เหล่าเจ้าหน้าที่ ตำรวจ พร้อมใจกันชักอาวุธปืนขึ้นมา
ก่อนจะลั่นไกยิงใส่ เหล่านักรบปีศาจ ทว่าไร้ผล ร่างของนักรบปีศาจนั้น กระสุนเจาะทะลวง

ผ่านร่างของมันไปโดยที่ ไม่ได้ทำความเสียหายใดๆให้แก่มันเลย เพราะเนื้อส่วนที่หายไปก็จะสมานกลับเป็นดังเดิม
เมื่อไม่อาวุธไม่สามารถทำอันตรายใดๆมันได้ บรรดาเจ้าหน้าที่ก็เริ่มที่จะต้องถอยหนีกันบ้าง บรรดานักรบปีศาจก็

พุ่งโจนตัวเข้าไปเกาะหลังของ เจ้าหน้าที่ ที่วิ่งหนีไม่ทันจนล้มลงก่อนจะ ลงมือฉีกร่างของ เหยื่อ
จนเป็นชิ้นๆ โลหิตสดๆไหลเจิงนองไปบนพื้นถนน ขณะที่ ขอบเขตความเสียหายนั้นค่อยๆขยายเพิ่มออกไป
อย่างรวดเร็ว

“ นี่มันเรื่องอะไรกัน ปีศาจพวกนี้มันคือตัวอะไรกัน.. ”
ไทงะ คิดขณะที่เค้าเข้าไปหลบอยู่ในมุมซอกหลืบของอาคาร ที่ถูกพวกนักรบปีศาจ รื้อทำลายจนเละเทะไปทั้งหลัง
ตอนนี้ในหัวของ เค้าสับสนกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นไปหมด และยังเป็นกังวลกับพี่สาวที่พลัดหลงกันไปอีก

ขณะนั้นเอง มีนักรบปีศาจตนหนึ่ง เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าซอกที่ เค้าซ่อนตัวอยู่พอดี มันทำจมูกฟุดฟิด
ราวกับได้กลิ่นอะไรซักอย่าง มันก้มตัวลงดมไปเรื่อยๆ เค้าเริ่มหวาดวิตกแล้วว่า กลิ่นที่มันดมหาอยู่คือกลิ่นของเค้า
ขณะที่นักรบปีศาจกำลังจะยื่นหัวเข้ามาด้านในของหลืบและ เกือบจะถึงตัวของเค้าแล้วนั้น

“ จงหยุดการกระทำอันต่ำช้าไว้แค่นั้นล่ะ ”
เสียงนี้ได้ดังขึ้นมาจาก ใจกลางของ สี่แยก ทำให้ นักรบปีศาจนั้นเบนความสนใจมาที่เสียงนั้นแทน
ไทงะ จึงรอดไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็เกิดความสงสัยขึ้นว่านั่นเป็นเสียงของใคร เค้าจึงยื่นหน้าออกไป

ดู เค้ากวาดสายตาไล่ไปรอบ บรรดานักรบปีศาจนั้น ได้เดินกลับมารวมกันที่ต้นเสียงนั้นดังมา
และเมื่อเค้า เหลือบตาจนไปเห็น เจ้าของเสียงที่ยืนอยู่กลางสี่แยก ซึ่งมีขนาดตัวที่เล็กๆพอกับกระต่ายป่ายักษ์

มีขน หูและหางตั้ง แต่ล่ะตัวต่างก็มีรูปลักษณ์ ที่คล้ายคลึงกับหนู และมีสีขนที่ต่างกันไป ซึ่งมีหนูยักษ์เหล่านี้อยู่
ด้วยกันถึง 5 ตัว

“ น….หนู…หนูพูดได้…. ”
ไทงะ ถึงกับตาค้างด้วยความตกตะลึง กับสิ่งที่ได้เห็น ขณะที่เหล่านักรบปีศาจนั้น ไม่รีรอใดๆ
พากันแห่เข้าไปรุมกินโต๊ะ เหล่าหนูทั้ง 5 ทันที แต่ทว่าหนูทั้ง 5 ตัวนั้นก็ตอบโต้
ด้วยวิชาการต่อสู้ของแต่ล่ะตัว และพากันฝ่าออกมาจากวงล้อมได้ทั้งหมด

“ ทุกตัว แปลงร่างพร้อมกันเลย ”
เฟอร์ เจ้าหนูขนสีแดงออกคำสั่งทันที พร้อมกับที่พวกมันทุกตัวถือเอา ก้อนหิน กลมขึ้นมาไว้ในอุ้งมือ
ตัวละก้อน ก่อนที่จะโอบมันไว้ด้วยอุ้งมือทั้งสอง

“ Chu Chu Henshin ”
เหล่าหนูทั้ง 5 ป่าวร้องขึ้นมาพร้อมกัน ขณะที่ก้อนศิลาที่อยู่ในอุ้งมือของพวกมัน
ลุกโหมขึ้นมาด้วยเปลวเพลิง สีต่างๆที่มีสีเหมือนกับขนของแต่ละตัว

ทันใดนั้น ก็ปรากฏเชิงตะเกียงที่มีฐานเป็นรูปหัวมังกร ผุดขึ้นมายกร่างของ เจ้าหนูทั้ง 5 ขึ้นไปอยู่บนแท่น
เชิงตะเกียงนั้น พร้อมกันกับที่เหล่าหนูปล่อยศิลาในอุ้งมือ ออกศิลานั้นก็ฝังซึมเข้าไปในร่างของพวกมันทั้ง 5

ตัวในบัลดล ก่อนที่เปลงเพลิงจะลุกท่วมร่างของพวกมัน และรัศมีของเปลวเพลิง ก็ได้ไหวตัวเป็นรูปราวกับ
มังกรกำลังเริงระบำ ขณะที่ค่อยๆมอดลงไป พร้อมกับปรากฏร่างของเหล่าหนูทั้ง 5 ในชุดเกราะ
สีต่างๆ พร้อมกับที่ เชิงตะเกียงได้สลายกลายเป็นละอองแสงไป และเหล่าหนูทั้ง 5 ที่กระโดลงจากเชิงตะเกียงได้ทัน

“ เฟอร์ นักรบแห่งเพลิงกาลผู้มีนัยตาสีแดง Rato Red ”
เฟอร์ เจ้าหนูขนสีแดงในชุดเกราะสีแดง และหมวกเกราะรูปศรีษะมังกรตากลมโต
สยายปีกพังพืดคล้ายปีกค้างคาวออก ประกาศพร้อมกับควงพลองสีแดงในมือไป
ไขว้หลังอย่างรวดเร็ว  โดยมีเปลวเพลิงหมุนไปตามจังหวะการควง



“ กัส นักรบแห่งวาโยกรรโชกผู้มีนัยตาสีเขียว Rato Green ”
กัส เจ้าหนูขนสีเขียวอมขาว และชุดเกราะสีเขียวกับหมวกเกราะรูปศีรษะมังกร
สีเขียวมรกต สยายปีกที่ปกคลุมด้วยขนสีเขียวราวกับปีกของพญาวิหก ประกาศขึ้น

พร้อมกับตวัดหอกมรกต ในมือลง โดยมีสายลมหมุนพัดพาเอาขนนกที่โปรยออกมาจากปีก
พัดวนไปรอบกาย



“ เจโอะ นักรบแห่งปฐพีมารดาแห่งโลกาผู้มีนัยตาสีน้ำตาล Rato Brown ”
เจโอะ เจ้าหนูอ้วนขนสีน้ำตาล ซึ่งสวมชุดเกราะสีน้ำตาลและสวมหมวกเกราะรูปศรีษะมังกรสีน้ำตาล
ประกาศพร้อมกับสะบัดชายผ้าคลุมสีม่วงของชุดเกราะออก พร้อมๆกับที่แรงสะบัดอันน้อยนิดนั้น

สามารถสั่นสะเทือนพสุธา และดึงเอาฝุ่นดินขึ้นมาจับตัวเป็นก้านขึงผ้าคลุมให้เป็นปีก
ก่อนที่ เจ้าหนูจะยื่นอุ้งมือขวาเล็กๆของมัน ออกไปฝุ่นดินที่ปลิวขึ้นมานั้นก็หลอมรวมกันกลายเป็น

โล่ที่มีรูปร่างคล้ายกระโหลกของสัตว์ที่มีปลายแหลมยื่นออกมาคล้ายนอ
 ดวงตาของโล่นั้นประดับด้วยอำพันสีแดงสองเม็ด



“ อาคุ นักรบแห่งวารีท่วมท้นผู้มีนัยตาสีฟ้า Rato Blue ”
เจ้าหนูขนสีฟ้า ซึ่งมีหูและหางเป็นครีบ ประกาศพร้อมกับสยายปีกที่กลางหลังซึ่งเป็นเหมือนกับ
ใบครีบของปลาชุดเกราะเป็นสีฟ้าน้ำทะเล เช่นเดียวกับสีขนของมัน ขณะที่น้ำในอากาศได้กลั่นตัว

ลงมาเจิงนองจนกลายเป็นแอ่งรอบๆพื้นที่มันยืนอยู่ ก่อนที่สามง่ามด้ามสีฟ้า จะผุดขึ้นมาจากน้ำ
ให้มันเอาขึ้นมาควงอวดแสนยานุภาพพร้อมๆกับที่ น้ำในแอ่งนั้นพุ่งทะยานขึ้นสู่อากาศและ
โปรยปรายลงมาราวกับสายฝน ซึ่งก็ช่วยดับเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่รอบๆจนดับสนิท



“ ชิน นักรบแห่งแสงอสุนี ผู้มีนัยตาสีขาว Rato White ”
เจ้าหนูขนสีขาว ตัวสุดท้ายประกาศขึ้นในชุดเกราะสีขาวและหมวกเกราะ ศรีษะมังกรสีขาวกับปีกที่มี
ลักษณะเหมือนกับโล่ศึกสีฟ้าตัดลายทอง ที่กางขึ้นมาจากเกราะหลัง เมื่อมันประสานมือ

เข้าด้วยกันก่อนจะถูมือไปมา จนเกิดการเสียดสีกับขนของมันทำให้ประจุไฟฟ้าสถิตย์แวบขึ้น
ก่อนที่ไฟฟ้าสถิตย์นั้นจะแวบขึ้นมาด้วย เสียงอันดังกึกก้องและกลายเป็นฟ้าแลบฟ้าร้อง
พร้อมกับที่ประจุไฟฟ้าได้รวมตัวกันกลายเป็นทวนยาวสีขาว ให้เจ้าหนู จับเอามาใช้ฟาดฟันศํตรูให้สิ้น



หลังจากการประกาศตัวของทั้ง 5 ตัวจบไปพวกมันทั้งหมด
ก็ควงอาวุธในมือเพื่อตั้งกระบรวนท่าให้พร้อมสู้

“ พวกเราคือ Little Sentai!! Rato Ranger!! ”(ขบวนการผู้พิทักษ์จิ๋ว แรทโทเรนเจอร์)
ทั้ง 5 ตัวกล่าวขึ้นพร้อมกัน และก่อให้พลังแห่งธาตุของแต่ละตัว ผสานเข้าด้วยกัน

จนเกิดเป็นคลื่นพลังสีรุ้งฟาดกระหน่ำไปทั่วบริเวณ เหล่านักรบปีศาจที่ถูก คลื่นพลังนั้นกระหน่ำใส่
ก็พากันแตกสลายกลายเป็นขี้เถ้าไปในทันที

“ แรทโท….เรนจาร์… ”
ไทงะ เปรยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือแต่หาใช่เพราะความกลัวหากแต่เป็นเพราะ
ความประหลาดใจกับเรื่องตรงหน้า

กรร~~~~

เสียงคำรามดังกรรโชกขึ้นมา ก่อนที่เซอร์บูลรอส จะกระโดลงมาจาก ดาดฟ้าอาคาร
มาอยู่ต่อหน้าเหล่า นักรบหนูน้อย ตามมาด้วยกับ ฝูงนักรบปีศาจ ที่กระจายกันออกไปตอนแรกนั้นก็กลับ
เข้ามาล้อมพวกหนูเอาไว้ด้านใน

“ ทุกตัวลุย! ”
สิ้นคำของ เฟอร์ หนูขนสีแดง หนูทุกตัวก็เปิดฉากเข้าตีรันฟันแทงกับ พลพรรคปีศาจ
ทั้งหมด

Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #2 on: July 19, 2009, 08:19:47 PM »

“ ทวนอสุนี Little Lance ”
ชิน เจ้าหนูขนสีขาวกล่าวก่อนจะตวัดทวนไปรอบๆ อย่างคล่องแคล่ว จน นักรบปีศาจ
ไม่อาจเข้าใกล้ได้  และตัวที่ถูกฟันก็จะถูกไฟฟ้าที่สถิตย์อยู่ในทวน ช็อตจนแตกสลายไปด้วย

“ ตรีนาวา Little Trident ”
อาคุ เจ้าหนูขนสีฟ้ากล่าวเสียใสก่อนจะแทงหอกทะลวงเข้าไปในร่างของ นักรบปีศาจที่พุ่งเข้ามา
และดีดร่างของมันออกจากคมของสามง่ามน้ำแรงดันสูงที่พุ่งออกมาจาก สามง่าม

“ วาโยมรกต Little Gust ”
กัส เจ้าหนูขนสีขาวอมเขียว กล่าวน้ำเสียงขึงขัง ก่อนจะเหวี่ยงหอกไปรอบๆทำให้เกิดลมกรรโชกพัดเหล่า
 นักรบปีศาจที่เข้ามาจนปลิวกระเด้นออกไป

“ ปฐพีโอบอุ้ม Little Guard ”
เจโอะ เจ้าหนูอ้วยขนสีน้ำตาล เปรยเสียงยานคางขณะ ที่เดินลุยชนโดยเอาโล่ปลายแหลมขึ้นกำบังแล้วเดินทะลวง
ฝ่ากองนักรบปีศาจที่บุกเข้ามาอย่างสบายใจ ดดยที่กงเล็บของพวกมันนั้นไม่อาจเจาะเกราะที่แจ็งแกร่งและ

ผิวหนังที่อุดมด้วยไขมันของ เจ้าหนูได้จึงถูกคมแหลมของโล่ศึก แทงต่อกันเป็นทอดจนเหมือนหมูเสียบไม้
จากนั้น เจ้าหนูอ้วนจึง ยกโล่ขึ้นและปั่นมันจนร่างของ เหล่านักรบปีศาจอัดบีบจนเป็นก้อนกลมคล้ายลูกชิ้น

จากนั้นมันจึงลงมือทานอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีสายตาและทีท่ารังเกียจ และอาเจียนของ บรรดา
นักรบปีศาจที่เห็นเจ้าหนูอ้วนกินซากร่างของพวกตนอย่างเอร็ดอร่อย

“ พลองโลกัณฑ์ Little Flare ”
เฟอร์เจ้าหนูขนสีแดง ผู้เป็นหัวหน้ากล่าวพร้อมกับควงพลองในมือกระทุ้งใส่ร่างของ เหล่านักรบปีศาจ
โดยที่ตัวพลองลุกโชนด้วย เปลวเพลิง ทำให้ ร่างของ นักรบปีศาจที่สัมผัสถูกพลองนั้นถูกไฟคลอกจน
สลายกลายเป็นขี้เถ้าไป

เพียงไม่นานหลังจากการปะทะ เหล่านักรบหนูก็จัดการบรรดานักรบปีศาจ จนหมดสิ้นในทันที
ในตอนนี้เหลือเพียง เซอร์บูลรอส อสูร สุนัขสามหัวเท่านั้น มันคำรามด้วยความโมโห ก่อนจะ
พ่นเปลวเพลิงบรรลัยกัลย์ ออกมาแต่เหล่าหนูก็ กระโจนหลบออกมาได้ทัน

“ เตรียมใช้กระบวนท่าพิชิต ทวยเทพอวยชัย ”
เฟอร์ สั่งจบทุกตัว ก็เริ่มตั้งค่ายกระบวนท่าทันที โดย กัส และ เจโอะ กระชับอาวุธในท่ายื่น
คมอาวุธ ออกไปยังศัตรู ในฝั่งขวาของ เฟอร์ และ ชิน กับ อาคุ ก็เช่นกันกระชับอาวุธในลักษณะหันคม

อาวุธไปยังศัตรู แต่ยืนอยู่ในฝั่งซ้ายของ เฟอร์ ส่วนเฟอร์นั้นอยู่ตรงกลาง ควงพลองในมืออย่างรวดเร็ว
จนเกิดแรงรวมศูนย์ดูดเอาพลังแห่งธาตุที่ สถิตย์อยู่ในอาวุธของตัวอื่นๆ มารวมกัน
ก่อนที่คลื่นพลังที่หมุนมารวมกันจะถูกยิงออกไปโดยการตวัดปัดพลองของ เฟอร์

คลื่นพลังที่พุ่งออกไปนั้น ได้ก่อร่างเป็นลำแสงพลังหนู อ้าปากเตรียมจะเข้าไปขย้ำเป้าหมาย
เจ้า เซอร์บูลรอส ที่เห็นเช่นนั้นก็ทำอะไรไม่ถูกไปทันที มันจึงพ่นไฟออกมาสู้แทนที่จะหลบการโจมตี

ทว่า ลำแสงหนูก็กลืนกินไฟ ของมันเข้าไป ก่อนจะเข้าไปขย้ำหัวของมันจนขาดสะบั้นทั้งสามหัวในคราเดียว
และขย้ำส่วนร่างไปเรื่อยๆจนหมด ชิ้นส่วนร่างของ เซอร์บูลรอส ได้สลายไปพร้อมกับลำแสงพลังงานหนู

แต่ทว่าขี้เถ้าที่สลายลงมาของ เซอร์บูลรอส กลับหมุนวนและดูดเอาขี้เถ้าทั้งหมดของ เหล่านักรบปีศาจที่
ถูกทำลายไปมารวมกันก่อร่างเป็นตัวมันอีกครั้งแต่ขยาย ขนาดของร่างจนใหญ่โตกว่าอาคาร

“ หวา…มันขยายร่างได้ด้วยอ่ะ ”
 อาคุ อุทานด้วยความตกใจ

“ ตอนนี้หล่ะที่พวกเราจะต้องเรียกเหล่าเทพพิทักษ์ของเราออกมา ”
ชิน กล่าวขึ้นซึ่งทุกตัวต่างก็รู้และเห็นพ้องในสิ่งที่ ชิน กล่าว
จึงพากันเก็บอาวุธ ก่อนจะยกอุ้งมือขวาขึ้นเฉียงบนไปทางซ้าย
พร้อมกัน

“ ออกมาเถิด เหล่าเทพพิทักษ์แห่ง เรโทเปีย ”
ทั้ง 5 ตัวกล่าวขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ท้องฟ้าซึ่งปกคลุมด้วยเมฆทมิฬนี้ จะแหวกออก
และเผยให้เห็นวังวลมิติที่มีลักษณะเป็นหลุมดำ ขนาดใหญ่ซึ่งมีสายฟ้าฟาดไหลไปมาในห้วงวังวลนั้น

ก๊าซซซซซซ!!!

เสียงคำรามดังกึกก้องขึ้นจาก วังวน มิตินั้น ก่อนมังกรยักษ์ 5 ตัวจะทะยานออกมาจาก หลุมมิตินั้น
ก่อนที่มันจะหุบหายไป หลังจากที่ เหล่ามังกรทั้ง 5 อันเป็นเทพพิทักษ์แห่งอาณาจักร เรโทปีย ได้จุติลงมาแล้ว
พวกหนูทั้งหมด เปลี่ยนร่างตัวเองเป็นแสงก่อนจะพุ่งขึ้นไปหลอมรวมกับ ร่างของมังกรทั้ง5

“ เทพพิทักษ์แห่งอัคคี นิลทินโคออน(Niltincoion, Arimathea’s Fire Dragon) ”
เสียงของ เฟอร์ ดังก้องออกมาแทนเสียงคำรามของมังกรเพลิงสีแดง



“ เทพพิทักษ์แห่งวารี เฟิร์นกอลโลเอียน(Firngolloion, Arimathea’s Water Dragon) ”
เสียงของ อาคุ ดังก้องขึ้นมาแทนเสียงคำรามของ มังกรวารีสีฟ้า



“ เทพพิทักษ์แห่งอสุนี พาลานัลคาเรี่ยน (Palanalcarion, Arimathea’s Light Dragon) ”
เสียงของ ชิน ดังก้องขึ้นมาแทนเสียงคำรามของ มังกรแสงอสุนี สีขาว



“ เทพพิทักษ์แห่งปฐพี นิลเฮอเรี่ยน (Nilhirion, Arimathea’s Earth Dragon) ”
เสียงของ เจโอะ ดังก้องขึ้นมาแทนเสียงคำรามของ มังกรปฐพี สีน้ำตาล



“เทพพิทักษ์แห่งวาโย ดิมมินูวเลี่ยน (Dimminuialion, Arimathea’s Wind Dragon) ”
เสียงของ กัส ดังก้องขึ้นมาแทยเสียงคำรามของ มังกรวายุ สีเขียว



เหล่านักรบหนูทั้ง 5 ได้ประสานกายและใจเป็นหนึ่งเดียวกับร่างของมังกรเทพพิทักษ์
และเริ่มเปิดฉากการโจมตี

“ Fire Breath ”
สิ้นเสียงของ เฟอร์ มังกรเพลิงที่เค้าประสานอยู่ก็พ่นลมหายใจอัคคี ลงไปเผาร่างของ เซอร์บูลรอส
ด้วยความคุ้มคลั่งที่ถูกโจมตี หัวทั้งสามของ เซอร์บูลรอส จึงพ่นเปลวเพลิงออกมาพร้อมๆกัน

จนทำให้เกิดระเบิดขึ้นจากความร้อนที่สูงเกินพิกัด ขณะที่แรงระเบิดได้ สร้างความเสียหายให้ แก่
เฟอร์ นั้นเอง กัส ที่ประสานกับมังกรวายุ ก้กระพือปีก สร้างกระแสลมขึ้นมาพัดเอาไฟกลับไปโจมตี
เซอร์บูลรอสเสียเอง


“ ไม่เป็นอะไรนะ ”
กัส ถามด้วยความเป็นห่วง ขณะที่บินลงไปช่วยพยุงร่างของ มังกรที่ เฟอร์ ประสานร่วมอยู่ขึ้นมา
โดยที่พวกหนูตัวอื่นๆคอยสกัดไว้

“ ไม่เป็นไร รีบจัดการศัตรูก่อน รวมพลังกันโจมตีเข้าไปเต็มกำลัง ”
เฟอร์ กล่าวปัดก่อนจะออกคำสั่งต่อ

“ เดี๋ยวก่อนสิ เธอไว้เหรอพึ่งจะถูกมันสอยร่วงลงมาเองนะ เฟอร์ ”
กัส แย้งถามด้วยความเป็นห่วง แต่เฟอร์ ก็ไม่ตอบอะไร เมื่อทุกตัวเห็นว่า
เฟอร์ นั้นยืนกรานจะทำ ก็ต้องยอมตามยอม พวกเค้าทั้งหมดจึงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
ก่อนจะโจมตีเต็มกำลังพร้อมๆกัน

“ Fire Breath ”
“ Flying Flame ”
“ Light Flame ”
“ Gaia Breath ”
“ Ice Sphere ”

สิ้นเสียง เปลวเพลิง ลมกรรโชก เพลิงสายฟ้า พายุฝุ่นดิน กระสุนผลึกน้ำแข็ง
พลังการจู่โจมทั้ง 5 ธาตุ ของเหล่ามังกร ก็พุ่งเข้ากระหน่ำใส่ร่างของ เซอร์บูลรอส

ด้วยพลังทำลายที่ส่ง มาพร้อมๆกันทำให้มันต้านไว้ไม่อยู่และระเบิดแตกสลายไปในที่สุด
โดยที่ไม่กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก
………………..
“ แรทโท…เรนจาร์….ฮึ…น่าสนุกดีนี่วอลซาร์ด ที่เคยพ่ายให้แก่พวกมัน ขอฉันลองของหน่อยก็แล้วกัน ”
คำกล่าวที่ดูจะดีใจกับการที่ แผนของตนไม่เป็นไปตามที่คิดนั้นดังขึ้นภายในห้อง
ที่มืดสลัว โดยภาพารต่อสู้ของ เหล่า แรโทเรนเจอร์ นั้นฉายอยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ที่ตั้งอยู่ข้างๆโต๊ะ
ที่วางหุ่นไม้แกะสลักเอาไว้มากมาย

“ พวกมันไม่ได้กระจอกอย่างที่คิดหรอกนะ เล่นกับไฟมันอันตรายแค่ไหนเจ้าควรจะรู้ ”
เสียงที่เบาราวกับเสียงกระซิบ ดังขึ้นก่อนที่ เจ้าของเสียง ร่างเล็กพอๆกับ เหล่า หนูจาก อาณาจักร เรโทเปีย
จะเดิน ออกมาจาก มุมมืดของ โต๊ะทำงานเข้ามาอยู่ใต้แสงไฟของ โคมไฟตั้งโต๊ะ มันเป็นหนูขนสีม่วงคล้ำ
หูแยกเป็นแฉกสามแฉก แบบ ดาร์คพิทแรท ทั่วไป(Dark Pit Rat)



……………..
……………………………….

“ ไทงะ~~ ”
พี่สาวของ ไทงะ ตะโกนลากเสียงวิ่งเข้ามากอดเค้าด้วยความดีใจ หลังจากที่เค้า ถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าไปตรวจดูหลังเหตุการณ์สงบ พบและช่วยออกมา

“ พี่เป็นห่วง ไทงะ มากเลยนะรู้ไหม ”
“ ไม่เชื่อ ”

พี่สาวของ เค้ากล่าวทั้งน้ำตาแต่ถึงกระนั้น ไทงะ กับปฏิเสธคำพูดของเธอ
พลางชี้ไปที่ห่อถุงที่หอบข้าวหอบของ ลดราคาที่ตัว เค้าเคยรับถือไว้ก่อนเธอจะ
เข้าไปมุดแย่งซื้อของในตอนก่อนจะเกิดเรื่อง นั้นมาอยู่กับเธอ และที่มือซ้ายของเธอนั้นกำขวด
ที่มีฉลากเขียนเอาไว้ว่ายาหยอดตา

“ หว้า ไทงะ จับได้เหรอเนี่ย รู้งี้เอาของไปฝากไว้ก่อนก็ดี ”
เธอ เปรยด้วยความเสียดาย

“ นี่พี่ไม่ห่วงผมเลยซักกะนิดนี่นา ”
ไทงะ เปรยด้วยสีหน้าหน่ายๆ

“ ก็แหมตอนชุลมุนกัน ไทงะ ดันเอาของที่ซื้อมาไปวางทิ้งไว้อย่างนั้นพี่ก็ต้องกลับไปเอาสิ
 วันนี้อุตส่าห์ซื้อได้ตั้งหลายอย่าง ถูกๆทั้งนั้นเลยด้วย ”
“ พี่!! ”

และแล้วสองพี่น้องก็ได้พบหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ประทับใจตราตรึง…

“ ตรงไหนกัน!! ”

อ้าวไม่ใช่เหรอ งั้นตอนนี้ก็จบแค่นี้ละกัน โฮ่ๆๆ

To be continue
Data เด่นประจำตอน

ศิลาแห่งมังกร  ( the Stone of Dragos)

เป็นหินที่ฝังอยู่ในร่างของมังกรบางตัว เมื่อมันตายลง หินนี้ก็จะถูกขับออกมา ซึ่งศิลานี้
ใช้ในการฝังลงไปในร่างของ อัศวินเพื่อให้กลายเป็นอัศวินมังกรแท้จริง ที่เป็นครึ่งคนครึ่งมังกร
นอกจากกรรมวิธีเก่าดังข้างต้นแล้ว ยังมีการนำเอาศิลานี้มาประยุคใช้กับอุปกรณ์บางชนิด
เพื่อให้ใช้ผลของมันเพียงชั่วคราวได้ หรือ นำพลังของ ศิลาไปประยุกต์ใช้ในรูปแบบอื่นๆตามมา

ตัวอย่างตอนต่อไป

“ ทำไมถึงต้องจริงจังกับหน้าที่ขนาดนั้นด้วย ”
“ ถ้าเลือกที่จะเป็นนักรบแล้วล่ะก็ การปกป้องคนที่ไม่ใช่นักรบก็คือสำคัญกว่าอื่นใด ”

“ Rato Dragon Gattai ”(แรทโทดราก้อน รวมร่าง)

ตอนต่อไป Mission 02 หน้าที่ของนักรบ รวมร่าง Mansereg แห่งเพลิง

Chu Chu Henshin  Little Sentai!! Rato Ranger!!   ชูชูเฮนชิน ลิตเติลเซนไท แรทโทเรนเจอร์!!




โอย เขียนนิยายเนี่ยมันงานหนักเหมือนกันนะคะเนี่ย อ้อเกือบลืมแนะนำตัวค่า ดิฉัน จี โค้ดเนม พัลม่อน
แห่งทีมงานดิจิตอลเวิร์ล ค่า ที่มาพบกันวันนี้ คิดว่าผู้อ่านทุกท่านคงจะได้ผ่านตากันมาบ้างแล้ว

กับ Little Sentai!! Rato Ranger!! คิดว่าคำถามแรกในใจของทุกคนเลยก็คือ ชื่เรื่องเขียนอะไรผิดหรือเปล่า
ขอตอบค่ะ ไม่ผิดค่ะ คำว่า Sentai นั้นเป็นภาษา แจแปนนีส แปลคร่าวๆว่า ขบวนการ ค่ะ

ส่วน Rato Ranger ทำไมถึงไม่เขียนว่า Rat Ranger ไปเลย ก็เพราะที่จริงแล้วชื่อของขบวนการ
นี้ไม่ได้สื่อแค่ว่าเป็นหนูอย่างเดียวค่ะแต่ สื่อถึง อาณาจักรแห่งดวงสุริยา ซึ่งมาจากคำว่า Ra (เร หรือ ราห์)
 ซึ่งหมายถึงเทพแห่งสุริยะ
และ โทเปีย ที่หมายถึงอาณาจักร สังคมหรือกลุ่มชุมชนค่ะ เลยออกเสียงเป็น เรโท ก็ได้แต่เวลาออกเสียงจะเรียก
เป็น แรทโท ไปเพราะจได้สื่อถึงหนูด้วยอาณาจักรด้วย ไม่งง นะคะ

สุดท้ายนี้ขอฝากเนื้อตัวด้วยค่ะ พึ่งจะมาเป็นลูกมือคุณ เกรม่อนได้ไม่นาน นี่ซีรี่ย์แรกที่เลยลอง
แต่งเลยนะคะเนี่ย ถ้าอ่านๆแล้วแนวการบรรยายเหมือนคุณเกรม่อนเด๊ะอย่าแปลกใจเพราะ
 คุณเกรม่อนเป็นคนเขียนค่าแต่คนแต่งเรื่องโดยรวมคือหนูค่ะ

ว่าแล้วขอตัวนะค้า ฝากแฮมทาเรนเจอร์ อุ๊ย แรทโทเรนเจอร์ ด้วยนะคะ
 (อุเหม่ ตอนอ่านเองนี่นึกว่าอ่าน แฮมทาโร่ ผสม เซนไท ซะอีก)
Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #3 on: July 20, 2009, 01:06:58 AM »

ทำไปได้นะ 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #4 on: July 20, 2009, 02:14:45 AM »

Quote
ทำไปได้นะ

อ่า ก็นะครับ แบบว่าไงดีล่ะตอน ช่วยกันเขียนยังรู้สึกประหลาดๆที่สมาชิก ใหม่เค้าจะทำเรื่องแนวนี้อยู่เลย
จะทำไปถึง 50 ตอนได้มะเนี่ยอย่างดีขอแค่ยื้อเวลาให้ Fiction Meister ACE หน่อยก็ยังดี
เพราะยังเตรียมการกันไม่พร้อมเลย เพราะงั้นปีนี้ ซีรี่ย์จากพวกเรา แรทโทเรนเจอร์ จะอยู่ไปจนจบปีนี้ มั้งนะ
Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #5 on: July 20, 2009, 06:37:31 PM »

จากเรื่อง ทาลิวิลย่าอาริมาเทียสินะ สรุปว่ามันมีจริงๆด้วยเเฮะ เเรทโตะเรนเจอร์ หนูทาลิ
« Last Edit: July 20, 2009, 06:40:03 PM by Dragonology professor » Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #6 on: July 20, 2009, 08:22:48 PM »

Quote
จากเรื่อง ทาลิวิลย่าอาริมาเทียสินะ สรุปว่ามันมีจริงๆด้วยเเฮะ เเรทโตะเรนเจอร์ หนูทาลิ

ประมาณนั้นล่ะค่ะ พอดีเห็นว่าลง ทาลิวิลย่ามาก็หลายรอบกันแล้ว
(คุณเกรม่อนเล่นวางพล็อตซีรี่ย์ปาเข้าไปตั้ง 5 ภาคนิ) ก็เลยตกลงกันว่า

ลองทำแนวใหม่ๆกันดูไหมเพราะคิดว่าผู้อ่านทุกคนคงจะเริ่มเบื่อกันแล้ว เพราะ เอะอะ อะไรๆก็ทาลิๆ
รอบนี้ จีเห็นว่าเราน่าจะทำซีรี่ย์ที่มีความน่ารักๆอยู่ในเรื่องบ้าง เพราะที่ผ่านมาเกณฑ์ของ
เรื่องอยู่ที่ความเท่ห์กับเนื้อเรื่องดราม่า มาตลอด ดังนั้น จี ก็เลยเสนอคุณเกรม่อนไปว่า

ปีนี้เราลองมาทำอะไรที่มันเบาๆสมองหน่อยไหม จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาคิดพล็อตให้มันซับซ้อน
ซ่อนเงื่อนมากมาย เพื่อจะได้เตรียมเนื้อเรื่องภาค ACE

สุดท้ายก็เห็นพ้องกันว่า ซีรี่ย์ ดราโก 3 เนี่ยยังมีตัวที่ไม่ได้เอามาลงอีกเพียบ
เลยก็เลยตัดสินใจเอา เหล่าหนูๆที่ทำออกมาหลายภาคเหลือนเกินมาทำซะเลย

(ส่วนหนึ่งคือรอคนเขียนเรื่อง Little Mission ทำเวอร์ชั่น ขบวนการเซนไท ไม่ไหวด้วย)

ว่าแล้ว แว่บมาคุยเรื่องวงในกันนิด เคยสังเกตุกันไหมคะ รูปในการ์ดของ ทาลิ เวอร์ อาริมาเทีย
ทุกใบมีเงาของ ลูปมังกรประจำธาตุนั้นๆอยู่

ก็เลยคุยกันเล่นๆในหมู่พวกเราว่า ที่ซีรี่ย์ชุดดราโก3 เอาทาลิวิลย่ามาโมใหม่ด้วย
เพราะได้รับอิทธิพลมาจากตำนานทาลิภาคแรกที่เขียนกันโดยให้ ลอว์เรนซ์คุง

รวมร่างกับลูกมังกรธาตุต่างๆเป็นทาลิวิลย่าในแต่ละธาตุ
เลยสงสัยว่า ทีมครีเอทอาจจะมาอ่านทาลิภาคแรกแล้วเกิดแรงบันดาลใจ
ครีเอทชุดอาริมาเทียออกมาเพื่อเราต่อภาค อาริมาเทียอ๊ะเปล่าน่ะค่ะ

ว่างั้นไหม หุๆ
Logged


Leraje
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 826


« Reply #7 on: July 20, 2009, 11:09:50 PM »

ชอบๆ ชักเบื่อมังกรแล้ว 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #8 on: July 20, 2009, 11:26:39 PM »

Quote
จากเรื่อง ทาลิวิลย่าอาริมาเทียสินะ สรุปว่ามันมีจริงๆด้วยเเฮะ เเรทโตะเรนเจอร์ หนูทาลิ

ยังจำได้อีกรึนี่ แฟนพันแท้ตัวจริงของทาลิภาคอาริมาเทีย เลยนะครับเนี่ย
ผมคนเขียนเองยังลืมไปแล้วเลยว่า เรื่องเซนไทหนู เนี่ย มันคือการ์ตูนอนิเม ที่เจ้าเรกกะ ตัวเอกของเราในทาลิภาคอาริมาเทีย

ติดเป็นฝั่งเป็นฝา ถึงขั้นต้องหาซื้อฟิคเกอร์เก็บสะสมการ์ดเป็นชุด แบบยอมถ่อไปถึงตลาดบาร์ซิงเซย์กันเลยทีเดียว
แถมยังไม่เคยพลาดตอนที่มาฉายทางทีวีเลยซักครั้ง

สรุปเรื่องนี้มีพื้นมาจากการ์ตูนที่เจ้าตัวเอกในซีรี่ย์ก่อนนี้ ชอบหรือเนี่ย
สงสัยแรงบัลดาลใจ พัลม่อนจัง จะมาจากตอกนั้นซะล่ะมั้ง


Quote
ชอบๆ ชักเบื่อมังกรแล้ว 


เอ่อ......เรื่องนี้มันก็หนูกับมังกรนะ.........



เอาล่ะหลังจากที่มีฟิคแนวแฟนตาซ๊แล้ว แนวดวลการ์ดแล้ว แนวความรักก็มีมาแล้ว แนวดราม่าก็เยอะเหลือเกิน รั่วก็ทำไปแล้ว


คราวนี้ถึงตาของขบวนการเซนไท กันบ้างล่ะมาคอยติดตามชมกันนะครับ ก่อนที่ฟิคยำมั่ว ACE จะมาเยี่ยมเยียนในปีหน้า
ขอฝาก แฟนเอ๊ย ฟิคของแฟน เอ๊ย ฟิคของผู้ช่วยผมคนนี้ด้วยนะคร้าบบ
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #9 on: July 26, 2009, 06:16:39 AM »

Mission 02 หน้าที่ของนักรบ รวมร่าง Mansereg แห่งเพลิง


ในจักรวาลนี้เกิดขึ้นด้วยการซ้อนกันของมิติหลายๆมิติ และในแต่ละมิตินั้นก็จะมีโลกของแต่ละมิติอยู่
และในแต่ละโลกนั้นก็จะแตกย่อยลงไปสู่งสังคมที่เล็กกว่าลงไปเรื่อยๆ ในมิติที่เรียกว่า โลกเทอร่า

ราชอาณาจักรแห่งหนู เรโทเปีย ซึ่งรับสืบทอดเจตนารมณ์ ในการปกป้องมิติอื่นๆจาก ความชั่วร้าย
ที่เรียกว่า วอลซาร์ด (Walzard) เพื่อการนั้นเหล่า นักรบที่ได้รับการคัดสรรจึงเดินทางมายังมิติของโลกมนุษย์
และเข้าต่อสู้กับเหล่าอธรรม และปราบอธรรมที่ออกอาละวาดตัวแรกไปได้แล้ว แต่ทว่า..

“ ก็บอกว่าไม่ใช่แบบน้านนน ทำไมง่ายๆแค่นี้พวกเจ้าถึงได้เข้าใจกันยากนักหนา ห๊า~~ ”
เสียงตวาดบ่นใส่ เหล่าหนูหนุ่มสาว ทั้ง 3 ตัว จากปากของหนูเฒ่า ที่กำลังฝึกเหล่าหนู สามตัว
ซึ่งได้แก่ เจโอะ กัส และ อาคุ ให้ทำการแปลงร่างด้วยศิลามังกร ก้อนเล็กๆในมือ

“ เอ้า เริ่มใหม่ ทำแบบนี้ยื่นศิลาออกไปข้างหน้าด้วยมือขวา จากนั้นเอามือซ้าย
มาประกบที่ด้านล่างของศิลา แล้วถอยซองมือเข้ามาเก็บที่เอวซ้ายจากนั้นก็ ขับพลังในตัวทั้งหมด
ส่งไปยังศิลาแล้วพุ่งมันออกไป พร้อมกับพูดว่า ชูชูเฮนชิน(Chu chu Henshin) เอ้าลองซิ ”

หนูเฒ่ากล่าวพร้อมกับแสดงท่าทางให้ดู ก่อนจะหันไปข่มให้ทั้ง สามตัวทำตาม
ซึ่งพวกเค้าต่างก็แสดงสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นัก ยกเว้นแต่ เจโอะ ที่ยังคงหน้านิ่งตาตี่

ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเหมือนเดิม  ทั้งสามเริ่มตั้วท่า ก่อนจะยื่นศิลาในมืออกไปข้างหน้าด้วยมือขวาโดยจับ
ที่ด้านบนของศิลาแล้วหงายศิลาลง จากนั้นจึงเอื้อมอีกมือไปจับที่ด้านล่างของศิลา เมื่อมือทั้งสองประกบศิลา
เข้าด้วยกันแล้วพวกเค้าก็ค่อยๆถอยมือกลับเข้าหาเอวซ้าย ก่อนจะออกแรงพุ่งมือทั้งสองข้างออกไป
อย่างเต็มแรงพร้อมกับตะโกนขึ้นมา

“ Chu Chu Henshin หวา~~ ”
สิ้นเสียงตะโกนที่ตามมาคือเสียง อุทานของทั้งสามตัวรวมไปถึงผู้เฒ่าด้วย
เพราะทั้งสามใส่แรงมากจนเกินไปทำให้ศิลาพุ่งกระเด็นหลุดออกไป แต่ว่า ชิน ก็กระโดดพุ่งเข้ามารับ ศิลา
ทั้ง3 ก้อนไว้ได้ทัน ทำให้หนูเฒ่าถอนหายใจด้วยความล่งอก ก่อนจะหันมาต่อว่าทั้งสาม

“ นี่พวกเจ้าหัดระวังกันหน่อยสิ ศิลาพวกนั้นเป็นของล้ำค่าของ ราชอาณาจักรเชียวนะถ้าเกิดเสียไปขึ้นมาจะทำยังไง ”
หนูเฒ่าเอ็ดใส่ ด้วยความโมโหขณะที่ทั้งสามได้แต่ก้มหน้ารับคำดูด่าจาก หนูเฒ่า

“ ขอโทษคร้าบ/ค่ะ ”

ใช่แล้วแม้จะปราบ อสูร เซอบูลรอส ได้ในครั้งที่แล้ว แต่ความจริงนักรบที่ถูกคัดสรรมานั้นกลับ
เกิดเรื่องสุดวิสัยเมื่อนักรบหนู 3 ใน 5 เกิดป่วยกระทันหันเพราะอาหารของ 3 หนูซึ่งเป็นคนครัวใหม่

ของโรงอาหารที่กำลังฝึกการแปลงร่างกันอยู่นี้ ซึ่งในวันเข้าเฝ้าเพื่อรับภารกิจนั้น
3 นักรบหนูตัวจริงได้ไปทานอาหารที่ หนูทำครัวทั้ง 3 เป็นผู้ปรุงและเกิดท้องเสียอย่างรุนแรงจน

ทำให้ไม่สามารถเข้าเฝ้าเพื่อรับ ภารกิจและออกเดินได้ในวันเดียวกับวันนั้น
พวกเค้าทั้ง 3 ตัวจึงต้องรับหน้าที่มาเป็นนักรบจำเป็น ปกป้องโลกจาก พวก วอลซาร์ด
ในฐานะของ Little Sentai Rato Ranger


………………….
……………………………


ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งมี อาคารเรียนด้วยกัน 5 หลังที่มีขนาดไล่เลี่ยกัน เชื่อมล้อม
สนามของโรงเรียนไว้ เป็นรูปตัว U ตัวอาคารเป็นแบบทรงยุโรปสมัยใหม่

มีนาฬิกาเรือนใหญ่ติดไว้ที่หน้าอาคารที่อยู่ตรงกลางด้านในสุด
นี่เป็นเวลาในช่วงเช้าที่บรรดานักเรียนพากันทยอยมาเข้าเรียน ตามปกติ

ห้อง 3 -A

ภายในห้องเรียนนี้ มีโต๊ะและเก้าอี้เรียนสำหรับนักเรียนทั้งหมด 42 คน โดยชายหญิงนั้นนั่งคละกันไป
เสียงพูดดังจอกแจกกันแต่หัววัน หลังจากที่ได้กลับ จากการเรียนการสอนในวันก่อนที่จะเป็นวันหยุดที่ผ่านมา
 ทุกคนก็พากันล้อมวงคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมาไปต่างๆนาๆ บางคนก็เล่าวันตัวเองเที่ยวที่ไหนมาบ้าง

บางคนก็กำลังเร่งมือทำการบ้านที่ไม่ได้ทำ บ้างก็ลืมบ้างก็ทำไม่ได้จึงเอามาช่วยกันขบกันคิดไป
นี่คือบรรยากาศในช่วงเช้าโดยรวมของ ชีวิตในรั้วโรงเรียนแห่งนี้

“ อรุณสวัสดิ์ทุกคน คุยอะไรกันอยู่เหรอ ”
ไทงะ ที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องเรียนกล่าวทักทาย ไปยังกลุ่มเพื่อนชายหญิงที่กำลัง
นั่งล้อมวงคุยกันอย่างสนุกปาก เมื่อได้ยินคำถามของเค้า ทุกคนก็หันมาเป็นทิศเดียวกันก่อน
กล่าวขึ้นเป็นเสียงเดียวกันด้วย



“ เรื่องสัตว์ประหลาด ที่บุกเขตการค้าเมื่อวานน่ะ ”
ทั้งหมดกล่าวขึ้นแทบจะพร้อมกัน ขณะที่ ไทงะนั้นเกาหัวด้วยความฉงน
กับเรื่องที่พวกเค้าคุยกันเล็กน้อย

“ จริงสิจะว่าไปเมื่อวาน ไทงะบอกว่าออกไปซื้อของกับพี่สาว แถวย่านการค้านั้นด้วยนี่
แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า เกิดอะไรขึ้นบ้างเล่าให้ฟังหน่อยสิ ”
นักเรียนหญิง ผมสีดำยาวสลวย ในกลุ่มรีบลุกกระเสือกระสนเข้ามาจับมือทั้งสองข้างของ
ไทงะ พร้อมกับยิงคำถามเป็นชุดใส่เขา ขณะที่ตัวไทงะ เองก็ถึงกับชะงักเพราะเธอกำลังจับมือเค้าอยู่

“ จริงเหรอ!! ”
“ เล่าให้ฟังหน่อยสิ มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ ”
“ แล้วที่ว่ามีสัตว์ประหลาดน่ะจริงไหม ”

ไม่ทันไรเพื่อนฝูงก็แห่กันเข้ายิงคำถามใส่เค้าไม่หยุดไม่หย่อน ซึ่งตัวเค้าเองก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน
เพราะเหตุการณ์เมื่อวานที่ผ่านมานั้นเค้าเองนึกว่าฝัน ไปด้วยซ้ำจนเมื่อมีคำถามหนึ่งถูกถามขึ้นมาจาก
บรรดาเพื่อนฝูง

“ แล้วที่ว่ามีคนเห็นหนู พูดได้ 5 ตัวแปลงร่างออกมาจัดการพวกปีศาจนั่นล่ะเป็นความจริงด้วยรึเปล่า ”
เสียงที่ถามขึ้นอย่างราบเรียบดังขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะหันไปมองเป็นทางเดียวกันรวมทั้ง ไทงะ เองด้วย

“ วาตารุ(Wataru)!! ”
ไทงะ กล่าวเสียงดังขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจเมื่อได้เห็น เพื่อนนักเรียนชายผมเรียบสีบลอนด์
ซึ่งเป็นเจ้าของคำถามเมื่อครู่กำลัง แกะสลักท่อนไม้ในมือให้เป็นตุ๊กตาไม้อยู่



“ หนูพูดได้….นายพูดเรื่องอะไรน่ะ วาตารุ ที่ออกข่าวมาน่ะมีแค่ สัตว์ประหลาดอาละวาดอย่างเดียวเองนี่ ”
เพื่อนนักเรียนหญิงที่ยังคงจับมือของ ไทงะ เอาไว้หันไปถามด้วยความแปลกใจ
ก่อนที่เธอจะถูก ไทงะ สลัดมือ ออกอย่างสุภาพแล้วจึงแทรกตัวผ่านทุกคนออกไป เพื่อเข้าไปหา วาตารุ

“ วาตารุ นั่น…. ”
ไทงะ เอ่ยขึ้นความสนใจของเค้านั้นไม่ได้อยู่ที่คำถามของ วาตารุ แต่แรกแลเวหากแต่เป็น
ตุ๊กตาไม้แกะสลัก ที่ วาตารุ กำลังเอามีดแกะสลักมันอยู่ อย่างตั้งใจ

“ อ๋อ มิโนทอร์ นี่น่ะเหรอฉันเอาแบบที่นายทำใส่คอมพิวเตอร์ไว้มาลองแกะดูน่ะ….ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ ”
วาตารุ กล่าวพลางวางตุ๊กตาไม้แกะสลักลงบนโต๊ะเพื่อให้เค้าดู
มันเป็นรูปแกะสลักด้วยไม้ เป็นรูปของอมนุษย์ครึ่งวัว หรือ มิโนทอร์

[มิโนทอร์(Minotaur)
อมนุษย์ครึ่งวัวครึ่งคน ในตำนานมักถูกเล่าขานว่าเป็นผู้เฝ้าทางวงกต และคอย
จัดการกับผู้ที่หลงเข้ามาในทางวงกต มีตำนานนับร้อยที่กล่าวถึงมัน]

“ ไม่หรอกนี่มันยอดไปเลยล่ะ วาตารุคุง เนี่ยเก่งจังเลยนะ ”
ไทงะ กล่าวชมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่สายตานั้นจับจ้องอยู่ที่ตุ๊กตาไม้ ที่วางอยู่บนโต๊ะ
อย่างไม่วางตาเหมือนกับเด็กเห็นของเล่นไม่มีผิด ขณะที่ วาตารุ เองก็พลอยอดยิ้มด้วยความภูมิใจ
ไม่ได้

“ แหมทั้งสองคนเนี่ยคุยกันเพลินจนลืมพวกเราไปแล้วหรือไง ห๊า~~~ ”
เพือนนักเรียนหญิง ที่จับมือ ไทงะ ในตอนแรกแกล้งลากเสียงยาวๆเพื่อเรียกร้องความสนใจของทั้งสองที่
ดูจะเมินพวกเธอไปเลย เมื่อได้คุยกันถึงเรื่องของ โมเดลตุ๊กตาไม้เหล่านั้น

“ ม…ไม่เห็นต้องลากเสียงซะน่ากลัวขนาดนั้นก็ได้นะ  มิโอะ(Mio) ”
ไทงะ กล่าวเสียงสั่นๆด้วยความหวาดเสียว กับรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากสายตาของ
เธอ ที่ราวกับจินเลือดกินเนื้อกันไปเลยทีเดียว แล้วุกคนก็ลืมเรื่องที่ วาตารุ ถามถึงก่อนหน้านี้ไป

โดยที่ตัว ไทงะ เองไม่ได้สังหรณ์ใจเลยว่า ในวันนั้นคนที่ได้พบเห็นเหล่า แรทโทเรนเจอร์
โดยตรงมีแค่เค้าเพียงคนเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นไม่น่าจะมีใครอื่นรู้เรื่องนี้ได้


…………………….
…………………………………
ยานไซเบอริก้า ดราก้อน

“ เฮ้อ~~~เหนื่อยจังเล้ย~~~ ”
กัส ลากเสียงด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะทิ้งตัวลงบน โซฟาขณะที่ เจโอะ นั้น
ก็ยังคงเอาแต่กินผลไม้ที่อยู่ในถาดบนโต๊ะรับแขก ภายในห้องนั่งเล่นแห่งนี้
อย่างเย็นใจ ส่วน อาคุ ก็ยังคงทำความสะอาดไปอย่างเรืงร่า แม้ผานการฝึกแปลงร่างที่แสนหนักหนามา แต่
เจ้าหนูสาวผู้ร่าเริงนี้ก็ยังสดใสอยู่ได้ทุกเมื่อ

“ เอ้าทุกๆคนเหนื่อยหน่อยนะ มากินเนยแข็งอบนี่กันก่อนสิ ”
ชิน เจ้าหนูหนุ่มขนสีขาว เดินเข้ามาพร้อมกับหอบเอาชามใส่เนยแข็งอบใบใหญ่ เข้ามา
วางที่โต๊ะในห้อง บรรดาหนูทั้งสาม ก็พากันดีใจอย่างเริงร่า ก่อนจะเข้ามารุมล้อมโต๊ะเพื่อหยิบ

เนยแข็งอบ ร้อนๆ ละลายหยาดเยิ้มเกาะเหนี่ยวกันเป็นก้อนซึ่งส่งกลิ่นหอมฉุย
 มาเตะจมูกจนไม่ว่าหนูตัวไหนๆหากได้กลิ่นนี้ ล่ะก็ต้องน้ำลายสอเป็นแน่

“ ให้ตายสิ พวกเจ้าเนี่ยน้า แค่ฝึกแปลงร่างกว่าจะได้ก็หมดเข้าไปวันเต็มๆแล้ว
 วิชาการต่อสู้ก็ยังไม่ได้เริ่มกันเลย เฮ้อ~~ ”
ผู้เฒ่าหนู เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับบ่นไปพลางถอนหายใจไปด้วยความ เหนื่อยหน่าย
ก่อนที่จมูกของผู้เฒ่า จะไปสะดุดเข้ากับกลิ่นเนยแข็งอบ ที่พวก หนูทั้ง 4 กำลังกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
ตัวหนูเฒ่าเองก็ไม่รอช้า รีบตรงดิ่งเข้าไปแทรก กลางวงเพื่อน

“ โอ้ เนยแข็งอบเรอะ ไม่ได้กินมานานแล้วนะเนี่ยไหนข้าขอลองก้อนสิ…อ้าว ”
หนูเฒ่า กล่าวด้วยอาการหลุดเต็มที่ ขณะที่สายตาก็สอดส่องดู เนยแข็งในชาม
แต่แล้วก็ต้องอุทานขึ้นมา เมื่อ เนยแข็งในชามนั้น หายหมดเรียบ ไม่เหลือแม้แต่
หยดของเนยที่ละลายออกมาเลย

“ น…นี่…กินกันหมดแล้วเรอะเนี่ย ”
หนูเฒ่า เปรยเนื้อตัวสั่นระริกด้วยความรู้สึกหงุดหงิดที่อดกิน ขณะที่ค่อยๆหันมามองหน้าพวกหนูทั้ง 4 ตัว

“ เอ่อ…… ”
หนูทั้ง 4 ต่างเปรยขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่หนูเฒ่า จะโวยใส่เสีย ยกใหญ่อย่างหัวเสีย

ปิ๊บๆๆๆๆๆๆ

เสียงสัญญาณ ดังขึ้นจากลำโพงในห้อง ทำให้พวกเค้าทั้งหมดหยุดทำ กิจกันชั่วขณะ

“ ส..สัญญาณเตือน พวก วอลซาร์ด บุกแล้ว!! ”
หนูเฒ่า อุทานขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่ประตูห้องนั่งเล่นจะเปิดออกพร้อมกับที่ เฟอร์
เดินเข้ามาในห้อง

“ พวก วอลซาร์ด บุกโจมตีที่สวน สาธารณะ เตรียมตัวออกรบได้ ”
เฟอร์ หนูหนุ่มขนสีแดงผู้เป็นหัวหน้า ออกคำสั่ง น้ำเสียงเด็ดขาด

…………………..
……………………………..

แอ๊ดดดดดด

เสียงประตูคราดกับพื้นลากดังขึ้น ก่อนที่แสงจากหลอดไฟด้านนอกห้องจะสาดส่องเข้ามาในห้องที่มืดสนิท
เงาของเด็กหนุ่ม ผู้เปิดประตูได้เอือมเข้ามาแตะสวิทซ์ไฟที่ผนัง ก่อนที่หลอดไฟในห้องจะสว่างขึ้น

สภาพภายในห้องนั้น รกระเกะระกะ ไปด้วยชิ้นไม้แกะสลักมากมายที่วางอยู่เกลือนโต๊ะและพื้นห้อง
ที่กลางห้องนั้นมี โต๊ะซึ่งวางเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ เครื่องหนึ่งมันถูกเปิดทิ้งไว้ โดยปรากฏภาพ

โครงสร้างสามมิติของ มิโนทอร์ อยู่บนจอ เด็กหนุ่มปิดประตูก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่
โต๊ะหน้าเครื่อง แล้วเริ่มกดนิ้วลงไปบนแป้น พิมพ์ของคีย์บอร์ดที่อยู่ด้านหน้าจอมอนิเตอร์

“ คราวนี้คิดจะส่ง อะไรออกไปอีกล่ะ วาตารุ ”
เสียงที่เบาราวกับเสียงกระซิบดังขึ้น ก่อนที่เจ้าหนูน้อยขนสีดำ ดาร์คพิทแรท จะเดินออกมาจาก ลิ้นชักโต๊ะที่เปิดคาไว้
แล้วเดินขึ้นมาดูที่จอมอนิเตอร์

“ ฉันตั้งเวลาให้เครื่องส่งพวก อานูบิส วอริเออร์ ออกไปกันก่อนแล้วล่ะ เพราะต้องใช้เวลาเตรียม
เจ้านี่กันซักหน่อยคราวนี้ล่ะ เจ้าพวก หนู นั่นจะทำหน้ายังไงกันนะ อยากรู้ซะจริง ”
วาตารุ กล่าวจบก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะ ล้วงเอา ตุ๊กตาไม้ รูป มิโทอร์ ที่แกะสลักเสร็จ
แล้วขึ้นมา

“ แนวการออกแบบของนายเนี่ย…มันช่งยอดเยี่ยมจริงๆเลย ไทงะ
 เพราะนายจะทำให้ผลงานชิ้นนี้กลายเป็นสุดยอดได้เลยเชียวล่ะ ”
วาตารุ กล่าวด้วยน้ำเสียงระรื่น ขณะที่เริ่มป้อนคำสั่งลงไปในเครื่อง อย่างรวดเร็ว
และเมื่อ เค้าหยุดมือลง ภาพโครงร่างสามมิติ ที่อยูในหน้าจอมอนิเตอร์ ก็

พุ่งออกมาเป็นเป็นลำแสงเข้าไปตีกรอบกันเป็นตารางครอบคลุม ตุ๊กตาไม้ ก่อนที่จะเกิด
ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นมา ตุ๊กตาไม้ได้หายไปแล้ว แต่กลับปรากฏร่างของ มิโนทอร์ ตัวเป็นๆ

ขึ้นมาที่ตรงหน้านั้นแทน ร่างของ อสูรอมนุษย์ครึ่งวัวครึ่งคนนี้มีร่างที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง
มันหายใจดังฝืดฝาดและร้อนระอุราวกับลาวาที่ครุกรุ่น ก่อนที่ร่างของมันจะสลายเป็นควันดำแล้วพุ่งออก
ไปข้างนอกผ่านทางหน้าต่าง้องที่เปิดทิ้งไว้

“ คราวนี้ใช้ วอลคานิคมิโนทอร์ งั้นเหรอ ”
ดาร์คพิทแรท เปรยขึ้น ขณะที่สายตาก็จับจ้องไปที่หน้าต่างที่เปิดคาไว้ ซึ่ง วอลคานิกมิโนทอร์ พึ่ง
จะใช้มันเป็นทางออก ไปอาละวาด

[วอลคานิคมิโนทอร์ (Volcanic Minotaur =  มิโนทอร์ภูเขาไฟ):
อสูรผู้ถูกจองจำอยู่ในภูเขาไฟแห่งทะเลทรายมรณะ ในเขตราชอาณาจักรแห่งเพลิง ซาโลม(Zalom)
มันได้รับหน้าที่ให้เฝ้าทางเข้าไปสู่ห้องแห่งสมบัติของ ภูเขาไฟอุณหภูมิในร่างกายของมันนั้นสูงจนทำให้เกิด
ไอร้อนระบายออกมาจากร่างกายได้ และบางครั้งจะพุ่งออกมาเป็นเปลวไฟ ท่าพิฆาตคือ Burning Horn
ซึ่งจะเขาโง้งยาวและลุกโชนด้วยเปลวเพลิงของมัน ขวิดศัตรูจนพินาศสิ้น]

“ นายก็คิดว่ามันยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ ดาร์คา(Darka)  ”
วาตารุ กล่าวก่อนจะเอ่ยชื่อของ เจ้าหนูขึ้นมา
ขณะที่มันส่งสายตาขวางๆมามองด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

…………………..
……………………………………….

« Last Edit: July 26, 2009, 06:18:44 AM by Gee » Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #10 on: July 26, 2009, 06:17:05 AM »

ณ สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ร่มรื่นย์ไปด้วยต้นไม้มากมาย
และทางเดินหินปูนที่ปู วนไปทั่วสวน บัดนี้ กลาดเกลื่อนไปด้วย ร่างไร้ชีวิตและคราบเลือด

ของผู้เคราะห์ร้าย  เหล่านักรบเดนตาย อานูบิส วอริเออร์ ที่แห่กันเข้ามาอาละวาดอยู่ภายในสวนสาธารณะแห่งนี้
ท่ามกลางความหวาดกลัวนี้ เหล่านักรบหนูผู้ถูกเลือกทั้ง 5 ได้วิ่งเข้ามาเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรู

“ ทุกคนแปลงร่าง ”
เฟอร์ สั่งจบเหล่าหนูที่เหลือก็หยิบเอาศิลาขึ้นมาพร้อมกัน

“ Chu Chu Henshin ”
สิ้นเสียงทั้ง 5 ตัวก็ผลักศิลาในมืออกไปและ ศิลาก็ได้ฝังเข้าไปในร่างของหนูทั้ง 5 ตัว
ก่อนจะปรากฏชุดเกราะประจำตัวของแต่ละตัว ขึ้นมารอบๆกายของพวกมัน และประกอบเข้ากับร่าง
เปลี่ยนเหล่าหนูทั้ง 5 ให้กลายเป็น 5 นักรบมังกรจิ๋ว

“ พวกเราคือ Little Sentai!! Rato Ranger ” (ขบวนการผู้พิทักษ์จิ๋วแรทโตะเรนเจอร์)
ทั้ง 5 ตัวกล่าวขึ้นพร้อมกันกับ เรียกอาวุธประจำตัวออกมา และคลื่นพลังงานธาตุที่เกิดจากการ
เรียกอาวุธของแต่ละตัว ได้พุ่งออก กวาดล้างเหล่านักรบเดนตาย อานูบิส วอริเออร์
ไปจนหมดในคราเดียว

“ อ้าวแค่แปลงร่างก็ชนะแล้วอ่ะ ”
กัส บ่นด้วยความรำคาญที่พอ ออกมาจะถึงคราวสู้แต่ยังไม่ทันทำอะไร
ศัตรูก็ชิงแพ้ไปก่อนแล้ว

“ ก็ดีแล้วนี่ เพราะพวกเธอน่ะฝีมือการต่อสู้ยังไม่เข้าขั้นจะเป็นนักรบเลยนะ คราวนี้ถือว่าเรายังโชคดีอยู่…. ”
ชิน ที่กล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงระรื่น กลับต้องชะงักไป เพราะอยู่ๆบรรยากาศรอบๆก็เริ่มมืดลง
ท้องฟ้าเริ่มมีเมฆปกคลุมเหมือนในครั้งก่อนอีกครั้ง

“ ดูท่าคงต้องถอนคำพูดซะแล้วล่ะ ครั้งนี้พวกเราดวงไม่ค่อยดีเลยนะเนี่ย สาธุอาเมนอามิตพุทธ~~ ”
ชิน กล่าวแก้ก่อนจะตบท้ายด้วยการยิง มุขตลกตบท้ายเหมือนทุกครั้งแต่ในสถานการณ์เช่น
นี้ไม่มีใครขำออกหรือแม้แต่จะขัดเค้าหรอก เพราะต่างก็ตรึงเครียดขึ้นมาทันที

ไม่นานนัก ควันสีดำก็ลอยลงมาก่อรูปเป็น วอลคานิคมิโนทอร์

“ ระวังตัวด้วยนะทุกตัว เจ้านี่ท่าจะไม่ใช่ธรรมดาเลยล่ะ ”
ชิน กล่าวเตือนทุกคนก่อนที่จะกระชับ ทวนในมือขึ้นซึ่งนั่นก็พลอยทำทุกตัว
กระชับอาวุธของตนกันแน่นขึ้น จากคำเตือนของเค้า

“ ฮูมมมมมม ”
วอลคานิคมิโนทอร์ คำรามเสียงกระหึ่ม จนเหล่าหนูทนไม่ไหวต้องยกมือขึ้นดึงหูลงมาปิด
พร้อมเสียงอันดังของมัน ซึ่งใสจังหวะนี้ มันจึงอาศัยช่วงเผลอของพวกหนู

พุ่งเข้าไปขวิดด้วย เขาที่ลุกโชกด้วยเปลวเพลิง  ทว่าเหล่าหนู ก็กลิ้งตัวหลบรอดใต้
ระหว่างขาของมันมาได้ ก่อนจะตั้งลำกันใหม่

แล้วบุกเข้าไปรุมโจมตี  โดยเริ่มจาก เฟอร์ นั้นกระทุ้งพลองใส่ร่างของมัน อย่างรวดเร็วจน กระเด็นไปก่อนที่ กัส
จะควงหอกแห่งวาโยในมือ สร้างพายุหมุนพุ่งเข้าไปกระแทกอัดใส่มัน
จากนั้น เจโอะ จึงพุ่งเข้าไปชนด้วยโล่ปลายแหลม ซ้ำอีกที

แล้วเมื่อ เจโอะ ถอยออกมาแล้ว ชิน ที่รวบรวมประจุไฟฟ้า ลงไปภายในหอกจนเกิดประกายไฟ
แล่นแปลบปลาบขึ้นรอบๆทวน ก่อนที่ ชิน จะตวัดคลื่นสายฟ้าพุ่งออกจากหอกไป
ช๊อต ร่างของ วอลคานิคมิโนทอร์ หลังจากโจมตีต่อเนื่อง กันมาหลายครั้ง

ทำให้ มันเริ่มอ่อนแรงลง และแม้ดูเหมือนว่าการโจมตีประสานนั้นพวกเค้าสามารถทำได้อย่าง
ไม่บกพร่องแต่เมื่อ ถึงคราวที่ อาคุ จะโจมตีปิดฉากนั้นกลับเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นเมื่อเธอ

หอกน้ำแข็ง ที่เธอสร้างขึ้นมาจาก การรวมน้ำในอากาศ กลับเล็งเป้าพลาด ทำให้คมหอกน้ำแข็งนั้น
พุ่งเข้าหา เฟอร์ แต่เค้าก็สามารถหลบมันได้ทัน ทว่าเค้าก็ได้เข้าไปอยู่ในรัศมีการโจมตีของ
วอลคานิคมิโนอทอร์ พอดิบพอดี จึงถูกขวิด กระเด็นไปกระแทกต้นไม้จนลงมานั่งกองกับพื้น
ส่วนพลองในมือก็กระเด็นไปตกอยู่ไม่ไกลนัก

“ ว้าย ขอโทษค่า!! ”
อาคุ อุทานเมื่อเห็น เฟอร์ ที่กระเด็นลงไปกองแบบนั้น เพราะความผิดพลาดของเธอ
ขณะที่เอาแต่ตะลึงกันอยู่นั้น เจ้าวอลคานิคมิโนทอร์ ก็ไสเท้ากับพื้นเพื่อเตรียมจะพุ่งเข้าไปปิดฉาก
เฟอร์

“ เฟอร์!! ”
ชิน เผยอ ออกมาก่อนจะวิ่งเข้าไป ยืนขวางร่างของ เฟอร์ เอาไว้
เพื่อปกป้องเค้า และทำให้ตัวอื่นๆ พากันวิ่งตามเข้ามายืนขวางเพื่อคุ้มครอง เฟอร์

ทำให้การโจมตีครั้งนี้ของ วอลคานิคมิโนทอร์ กลายเป็นการ จัดการกับ กลุ่มหนูทั้ง 4 ภายในคราเดียว
ทั้ง 4 ตัวถูกขวิดจนกระเด็นแยกกันไปกอง อยู่รอบๆแทน และยังกลับคืนร่างเดิมไปด้วยพร้อมกันเลยทีเดียว

ด้าน เฟอร์ ที่ฟื้นขึ้นมา ก็ไม่สนใจพวกพ้องหรือสภาพของตัวเอง แต่กลับลากสังขาร
คลานเข้าไปคว้า พลองของตนมา ขณะที่ ขณะที่เดียวกัน สะเก็ดเปลวเพลิงเกิดจาก

เขาของ วอลคานิคมิโนทอร์ ที่กระเด็นออกมาก็ได้เกิดลุกไม้ต้นไม้
รอบๆจนเกิดเป็นไฟไหม้ ไปทั่วอาณาบริเวณสวนสาธารณะ

“ เฟอร์ ชิน บาดเจ็บหนักมากเลย เราถอยกันก่อนเถอะ ”
กัส ตะโกนหลังจากที่ เธอ อาคุ และ เจโอะ กระเสือกกระสอน เข้ามาดูอาการของ ชิน ที่ยัง
ลุกไม่ขึ้นเป็นเพราะ ตัว ชิน อยู่ข้างหน้ากลุ่มมากที่สุดจึงให้เค้ารับพลังทำลายไปเต็มๆ

ทว่าแม้จะได้ยินแบบนั้นแล้ว เฟอร์ ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาจะเดินเข้าไป หาเจ้ามิโนทอร์
อย่างไม่ลดละ

“ คุณเฟอร์ คะเราถอยกันก่อนเถอะค่ะ นะคะ ”
อาคุ ตะโกนบ้างเพื่อที่หวังว่าเค้าจะเปลี่ยนใจ แต่ก็ไม่เป็นผล เฟอร์ ยังคง
มุ่งแต่จะเข้าไปสู้กับ เจ้ามิโนทอร์ ต่อเช่นเดิม

“ อ…ชิน ฟื้นแล้วล่ะ ”
เจโอะ กล่าวเสียงทุ้มเช่นทุกครั้ง ก่อนที่ อาคุ กับ กัส จะหันมาดูอาการ
และช่วยพยุงตัว ชิน ขึ้นนั่ง

“ ไม่เป็นไรนะ ชิน รอหน่อยนะ พวกเราจะพยายามพูดับเฟอร์ ให้ยอมถอยให้ได้เลย ”
กัส กล่าวจบก็หันไปตะโกนขอให้ เฟอร์ ถอยกลับมาตั้งหลักกันก่อน แต่ว่า เฟอร์ ก็ยังคง
ไม่ฟัง และกระทุ้งพลองโจมตี ใส่เจ้ามิโนทอร์ อย่างต่อเนื่อง แม้จะรู้ว่าฝืนตัวเองก็ตาม

“ ทำไมถึงต้องจริงจังกับหน้าที่ขนาดนั้นด้วย ”
อาคุ เปรยเสียงแผ่วด้วยความไม่เข้าใจ

“ ถ้าเลือกที่จะเป็นนักรบแล้วล่ะก็ การปกป้องคนที่ไม่ใช่นักรบก็คือสำคัญกว่าอื่นใด ”
เสียงของ ชิน ดังขึ้น ทำให้ทั้ง 3 ตัวหันมาฟังด้วยความสนใจ

“ สำหรับพวกเธอน่ะอาจ จะยังไม่เข้าใจ แต่ เฟอร์ เค้านับถือพวกเธอเป็นนักรบเช่นเดียวกันกับเขา
ดังนั้นสิ่งที่ เฟอร์ ห่วงก็คือการปกป้องคนอ่อนแอมากกว่าที่จะห่วงตัวเองและพวกนักรบด้วยกันเอง
นั่นคือหน้าที่ของ นักรบ เข้าใจรึยังล่ะ ”

ชินกัดฟันกล่าวออกมาสุดเสียงเท่าที่จะกล่าวออกมาไหว สิ้นคำ หนูทั้ง 3 ก็เข้าใจขึ้นมาถึง
ความรู้สึกของ เฟอร์ และเมื่อเหลือบกลับไปมองอีกครั้ง ที่เฟอร์ กระเสือก กระสน

เข้าไปสู้ต่อนั้นก็เพื่อ กันไม่ให้ เจ้าวอลคานิคมิโนทอร์ หลุดเข้าไปอาละวาดที่ สนามเด็กเล่น ที่อยู่
ด้านหลังพวกเค้า ไปซึ่งที่นั่นยังเด็กๆ อีกหลายคนที่ยังติดอยู่ในนี้

“ งั้นจะรออะไรอยู่ล่ะพวกเรา รีบเข้าไปช่วย เฟอร์ กันเถอะ ไหวนะ ชิน ”
กัส กล่าวก่อนจะหันมาถาม ชิน

“ แหมไม่เห็นต้องถาม ไหวอยู่แล้วน่า ”
ชิน กล่าวจบ ทั้ง 4 ตัวก็ลุกขึ้นชู ศิลามังกร ขึ้นมา

“ Chu Chu Henshin ”
สิ้นเสียง ชุดเกราะ ก็ปรากฏขึ้นหลังจากที่ ศิลา ฝังเข้าไปในร่าง ของทั้ง 5 ตัวและเปลี่ยนพวกมันกลายเป็น
นักรบมังกรหนู ก่อนจะ เฮโลกัน ชักอาวุธประจำตนเข้าไปช่วยกัน โจมตี ใส่จน วอลคานิค มิโนทอร์ กระเด็นไป

“ พวกเราคือ Little Sentai!! Rato Ranger!!  ”
หลังจากทั้ง 5 รวมตัวกันได้ใหม่จึงพร้อมใจกันประกาศสักดาอีกครั้ง ขณะที่ เจ้าวอลคานิค มิโนทอร์
กระเสือกกระสนขึ้นมายืน อย่างโซเซหลังจากรับการโจมตีชุดเมื่อครู่ไป

Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #11 on: July 26, 2009, 06:17:18 AM »

“ กระบวนท่าพิฆาต ทวยเทพอวยชัย Great of Rat ”(อำนาจแห่งหนู)
ทั้ง 5 ตวกล่าวขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่จะรวมพลังกันโจมตี ทำให้เกิดลำแสง
พลังงานรูปหนู พุ่งทะลวงร่างของ วอลคานิคมิโนทอร์ จนระเบิดสลายกลายเป็นขี้เถ้าไป

แต่ทว่าเรื่องยังไม่จบเท่านี้ ขี้เถ้าของ วอลคานิคมิโนทอร์กลับดูรวมเอาขี้เถ้าของ
เหล่า อานูบิส วอริเออร์ ที่ถูกทำลายไปก่อนหน้านี้ มารวมตัวเข้าด้วยกันและก่อร่าง

ขึ้นเป็นร่างขยายใหญ่ของ วอลคานิคมิโนทอร์ เหล่าหนู ต่างรู้ว่าจะต้องทำเช่นไร
จึงพร้อมใจกันอัญเชิญมังกรอันเป็นเทพประจำตัวของแต่ตัวมา

“ ออกมาเถิดเหล่าเทพพิทักษ์แห่ง เรโทเปีย ”
สิ้นคำ ก็เกิดหลุมมิติแหวกขึ้นมาบนท้องฟ้า ก่อนที่ มังกรทั้ง 5 จะบินลงมา
เหล่าหนูจึงประสานมือกันเพื่อย้ายตัวเองเข้าไปประสานเป็นหนึ่งกับเหล่ามังกร

หลังจาก ประมานเป็นหนึ่งกับเหล่ามังกรแล้วพวกเค้าจึงรวมพลังกันโจมตี
เหมือนครั้งก่อน



“ หึๆ บอกไว้ก่อนเลยคราวนี้ไม่ง่ายเหมือนคราวก่อนหรอกนะ เพราะนี่เป็นงานออกแบบที่ ไทงะ
ออกแบบขึ้นมา พวกแกไม่มีทางจัดการมันได้ง่ายๆหรอก ไหนขอลองดูหน่อยสิว่าพวกแกจะ
จัดการกับพลังเพียงแค่ส่วนน้อยที่ฉันดึงออกจากงานของ ไทงะ ได้แค่ไหนกันเชียว ”

วาตารุที่จับตาดู การต่อสู้นี้อยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ในห้อง กล่าวขึ้นด้วยความยะโส
ขณะที่มองดูการโจมตีของ มังกรทั้ง 5 นั้นไม่อาจสร้างความเสียหายให้แก่ผิวหนังอันแข็งแกร่งของ
วอลคานิคมิโนทอร์ขนาดใหญ่นี้ได้เลย

“ เจ้านี่ หนังเหนียวชะมัดยาดเลย โจมตีไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผลซักที ”
กัส กล่าวด้วยความรนราน ขณะที่ กระพือปีกในร่างมังกร

สร้างลมหมุนเข้าไปโจมตี ก้กลับทำได้แค่เป็นเพียงพัดลมเป่าให้มันเท่านั้น
แม้แต่ ผลึกค้อนน้ำแข็ง ของ อาคุ ในร่างมังกร ยังละลายก่อนจะเข้าไปถึงตัวมัน

เพราอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนระอุราวกับไปสายฟ้าของ ชินก็ได้แค่สะกิด
ผิวที่หนาของมันเท่านั้น

“ ไม่ไหวแฮะ งั้นมีทางเดียวแล้วพวกเราทุกตัว รวมร่าง(Gattai) ”
ชิน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“ หา! รวมร่าง ”
กัส อาคุ เจโอะ อุทานขึ้นแทบจะพร้อมกันกับสิ่งที่ได้ยิน

“ ด….เดี๋ยวสิ แล้วรวมยังไงอ่า ”
อาคุ ถามขึ้นมา ด้วยความสงสัย

“ เอามาต่อๆกันก็ได้เองล่ะมั้ง เหมือนในการ์ตูนไง ”
กัส กล่าวตอบอย่างมั่นใจสุดๆ

“ งั้นแค่มานั่งต่อๆกันขึ้นไปก็พอใช่มะ ”
เจโอะ กล่าวจบ หนูทั้ง 3 ตัว ก็เอาร่างมังกร ดิมมินูวเลี่ยน นิลเฮอเรี่ยน และ เฟิร์นกอลโลเอี่ยน
มาขี่ต่อกันขึ้นไปโดย เจโอะ เป็นฐาน อาคุ อยู่ตรงกลางและ กัส อยู่ข้างบน

“ รวมร่าง สุดยอดแห่งมังกรมาแว้ววววว!! ”
ทั้งสามตัว กล่าวขึ้นพร้อมกันท่ามกลางสายตาอนาถจิต จากทั้ง เฟอร์ และ ชิน รวมไปถึง
เจ้าวอลคานิคมิโนทอร์ ที่ไม่เข้าใจว่า ทั้ง 3 เล่นอะไรกันอยู่

“ เหวอ!! จะล้มแหล่ว จะล้มแว้วววววว!! ”
ทั้งสาม เผยอ ขึ้นมาพร้อมๆกันขณะที่เรื่มทรงตัวไม่อยู่และหล่นลงมาล้มกลิ้ง
ทำเอา บ้านเรือนเสียหายไปเป็นแถบ (นี่จะมาช่วยโลกหรือจะมาช่วยให้มันพังไวขึ้นเนี่ย)

“ เฮ้อ~~ ”
เฟอร์ กับ ชินถอนหายใจออกมาด้วยความหน่ายใจ พร้อมกัน

“ นี่ ชิน วันหลังอธิบายให้พวกเค้าเข้าใจกันไว้ด้วยก่อนนะ…มีลูกน้องบั่นทอนแบบนี้ซักวัน
หัวหน้าอย่างฉันคงไม่พ้นตามไปด้วยแหง ”
เฟอร์ เปรย อย่างเซ็งๆ ก่อนจะบินทะยานขึ้นไปบนฟ้าในร่างของ นิทินโคออน

“ จงออกมา ยานรบแห่งตำนาน ไซเบอริก้าดราก้อน ”
สิ้นเสียงของ เฟอร์ ยานไซเบอริก้า ดราก้อน ที่ผู้เฒ่าหนู นั่งอยู่ ก็บินแหวกเมฆลงมา
ก่อนจะใช้ ปืนลำแสงที่ติดอยู่ใต้ ยานถล่มยิงใส่จน วอลคานิค มิโนทอร์ ล้มกลิ้งลงไป
แล้วจึงบินวน เข้าไปขนาบติดกับ เฟอร์

“ Rato Dragon Gattai ”(แรทโตะดราก้อน รวมร่าง)
เฟอร์ กล่าวจบยานรบไซเบอริก้า ดราก้อน ก็ทำการแยกส่วนขา
และส่วนปีกของยานออก ก่อนจะพับเปลี่ยนรูปให้กลายเป็นฐานลำตัว ส่วนท่อนขา

ของยานที่คล้ายกับกรงเล็บนั้นได้แยกส่วนออกและประกอบเข้ากับฐานลำตัวกลายเป็นขาทั้ง 4 ข้าง
ก่อนที่ เฟอร์ ในร่างของ นิทินโคออน จะบินลงมาขี่บน ฐานนั้นปีกของยานที่ถอดออกไปก่อนหน้า

จึงเข้ามาประกบกับหลังของ เฟอร์ ก่อนที่ร่างของ เฟอร์ และ ยานจะหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่ง
และกลายเป็น มังกร บินขนาดใหญ่ ลงมายืนด้วย 4 ขาร่างนั้นมีเกล็ดสีแดงกระจุกอยู่ในบางส่วน

จนหนาขึ้นคล้ายชิ้นส่วนเกราะหุ้มเอาไว้ และที่เกราะนั้นยังมีหนามยื่นอกมาทั่วอีกด้วย
เช่นเดียวกันกับในส่วนของปีกที่ถูกหุ้มด้วยเกราะเกล็ด และมีเดือยหนามยื่นออกมา

และภายในส่วนของยานไซเบอริก้า ได้ถูกรวมมาเป็นห้องควบคุมของยาน ที่มีเก้าอี้รองรับ
สำหรับ 7 ตัว แทนซึ่ง ผู้เฒ่าหนู นั้นก็ถูกย้ายมายืนอยู่ในห้องนี้

พร้อมกันกับ เฟอร์ ที่ถูกย้ายเข้ามานั้งที่เก้าอี้ในส่วนที่ติดกับแผงควบคุม ซึ่งอยู่ตัวหน้าสุด

“ Griffon Ryu Manseregga (กริฟฟอนริว แมนเซเรกกะ = มังกรกริฟฟอน แมนเซเรค)
(Mansereg, the Fire Dragogriff)  มาแล้ว!! ”

เสียงประกาศของ เฟอร์  ดังก้องขึ้น ขณะที่ แมนเซเรกกะ ถูก เฟอร์ ควบคุมให้ลงมายืนบนพื้น
เพื่อประจันหน้ากับ วอลคานิค มิโนทอร์

“ ส…สุโค่ยยยยย ”(=สุดยอดดดด)
พวก กัส อุทานขึ้นพร้อมกัน หลังจากที่หน้าแตกพร้อมเข้าใจผิดเรื่องการรวมร่าง


[ กริฟฟอนริว แมนเซเรกกะ (Mansereg, the Fire Dragogriff):
เทพมังกรแห่ง เรโทเปีย ซึ่งเกิดจากการรวมร่างระหว่าง นิทินโคออน และ
ยานรบมังกรในตำนาน ไซเบอริก้าดราก้อน
มีเกราะเกล็ดอัคคี ที่สามารถสร้างกำแพงความร้อนสูงขึ้นมา ละลายวัตถุ ที่อยู่ใกล้ๆได้
ท่าพิฆาต คือ Flare Breath ที่เป็นการพ่นเปลวออกมาเผาผลาญศัตรู และ Feral Flare
ที่จะตะปบศัตรูด้วยกรงเล็บเพลิงอย่างคุ้มคลั่ง]

หลังจากที่ เฟอร์ รวมร่างเป็น แมนเซเรกกะ ได้สำเร็จ ก็บังคับมันเข้าปะทะกับ
วอลคานิค มิโนทอร์ ทันที เขาของวอลคานิคมิโนทอร์ นั้นไม่อาจเจาะกระเทาะ เกราะที่หุ้มร่างของ แมนเซเรกกะ
ได้ และถูก แมนเซเรกกะ ตะปบ ด้วยกรงเล็บ จนเซถอยออกห่างไป

“ Flare Breath ”
เฟอร์ ที่อยู่ในห้องบังคับกล่าวจบ แมนเซเรกกะ ก็อ้าปากสูดอากาศรอบๆเข้ามาเผาพลาญภายในร่างก่อนจะ
พ่นออกไปเป็นลำอัคคี ระเบิดเผาร่างของ วอลคานิค มิโนทอร์ แม้ว่าผิวของวอลคานิคมิโนทอร์นั้น

จะสามารถทนต่อความร้อนได้สูง ก็ตามแต่พลังลำอัคคีของ แมนเซเรกกะ นั้น
รุนแรงมากพอจะสร้างความเสียหายให้แก่มันได้มาก

“ ท่าพิฆาต Feral Flare ”
เฟอร์ ประกาศชื่อทาออกมาอีกครั้ง ก่อนที่ แมนเซเรกกะ จะบินทะยานขึ้นไป
และพุ่งลงมาโดยตั้งกรงเล็บที่ขาหน้าสองข้าง มุ่งตรงเข้ามา ขณะที่

พุ่งลงมา กรงเล็บของ แมนเซเรกกะ ที่เสียดสีกับอากาศก็เกิดไฟลุบท่วมขึ้นมา
จากนั้น แมนเซเรกกะ จึงใช้กรงเล็บเพลิง ตะปบ อย่างต่อเนื่อง จนร่างของ วอลคานิคมิโนทอร์
ระเบิดสลายกลายเป็นขี้เถ้าไป และไม่กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก

………………..
……………………………

“ เฮอะ ทำได้ไม่เลวนี่ แบบนี้ทำให้ฉันอยากจะรีบเอางานอื่นๆมานำเสนอมากขึ้นไปอีกนะเนี่ย
 เจ้าพวก แรทโตะเรนเจอร์ .. ”
วาตารุ เปรยขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีแม้ว่าครั้งนี้เค้าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อีกก็ตาม

…………….
…………………..

บนยานไซเบอริก้า ดราก้อน

“ เพราะพวกเจ้ายังฝึกมาไม่พอน่ะสิ เรื่องแบบนี้มันถึงได้เกิดขึ้น การโจมตียังมั่วซั่วกันอยู่เลย
ถึงได้พลาดจะฆ่ากันตายเองอยู่แล้ว เฮ้อ ตั้งแต่พรุ่งนี้ข้าจะฝึกพวกเจ้าเพิ่มเป็น 2 เท่าเลย  ”
ผู้เฒ่าหนู ตะหวาดด้วยความโมโห ก่อนจะ เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ พวก กัส นั่งสลด ขณะที่
เฟอร์ กำลังทำแผลให้ ชิน อยู่

“ เอาน่า อย่าคิดมากเลยนะ ผู้เฒ่า เองก็เป็นแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ ”
ชิน กล่าวปลอบ อย่างเห็นใจ ขณะที่ทั้ง 3 ตัวยังคงสลดอยู่

“ เอ่อ เฟอร์ …. ”
“ หืม?~ ”
กัส เดินเขามา เรียก เฟอร์ ที่กำลังทำแผลให้ ชิน อยู่ซึ่ง เค้าก็ไม่ได้ตอบอะไร แค่เพียง
ส่งเสียงตอบกลับว่าฟังอยู่เท่านั้น

“ เรื่องวันนี้พวกเราเองไม่รู้ว่า เฟอร์ คิดยังไงอยู่กันแน่  ก็เลยไม่เข้าใจน่ะ แต่จากนี้ไปพวกเราจะพยายาม
ฝึกและเป็น นักรบเต็มตัวให้ได้ จากนี้ไปก็ขอฝากตัวด้วยนะ ”
กัส กล่าวจบก็โค้งตัวคำนับ เสียงหนึ่งครั้งพอเป็นพิธี แต่ เฟอร์ ก็ยังคงเพิกเฉยต่อการกระทำของเธอ
แต่ กัส ก็ยอมเดินกลับโดยไม่พูดอะไรต่อเช่นกัน

“ นี่ไม่ตอบรับเค้ามันจะดีเหรอ ”
ชิน ถาม เฟอร์ ขึ้นมา

“ ชิน…นายเองก็รู้อยู่แล้วนี่ ว่าฉันน่ะไม่ถนัดให้ใครมาเข้าใจตัวเองมากนักหรอก ”
เฟอร์ ตอบกลับเสียงเรียบ ขณะที่ ชิน ได้แต่ถอนหายใจด้วยความ เบื่อหน่ายกับนิสัยของ เฟอร์
ก่อนจะทิ้งตัวพิงกับ โซฟาร์ ไป


To be continue

Data เด่นประจำตอนนี้จ้า
เฟอร์(Fir): นักรบหนูแห่ง แรทโตะเรนเจอร์ ผู้มีพลังแห่งเพลิง
เฟอร์ เป็นหนูที่ค่อนข้างจะ เงียบๆไม่ค่อยพูดจา แต่มีความสามรถในการนำกลุ่ม เพื่อนที่เข้าใจในตัวของ เฟอร์
มีเพียง ชิน เท่านั้น (คาดว่านี่คือคู่วายของ ซีรี่ย์นี้ เฮ้ย หนูY)

อาวุธของ เฟอร์คือ พลองโลกัณฑ์ Little Flare
มังกรเทพประจำตัวคือ มังกรแห่งอัคคี นิทินโคออน(Niltincoion, Arimathea’s Fire Dragon)
ซึ่งเมื่อรวมร่างกับ ยานรบไซเบอริด้าดราก้อน จะกลายเป็น กริฟฟอนริว แมนเซเรกกะ ที่มีพลัง
แห่งเพลิงอันกล้าแกร่ง ซึ่งท่าไม้ตายของ เฟอร์ และเทพประจำตัวนั้นล้วนมีคำว่า Flare ด้วยกันทั้งสิ้น

ตัวอย่างตอนต่อไป

“ งั้นรึแกเองก็โกหกเหมือนกันสินะ ”
“ วันนี้ตาฉันรวมร่างบ้างล่ะ ”
“ Griffon Ryu Lostrosa(กริฟฟอนริว ลอสทลอสะ) ”

ตอนต่อไป Mission 03  นักรบผู้เดียวดายจงรับสายลมนี้ไว้
Chu Chu Henshin  Little Sentai!! Rato Ranger!!   ชูชูเฮนชิน ลิตเติลเซนไท แรทโทเรนเจอร์!!

อาทิตย์ หน้า และถัดไปของด นะคะ เนื่องจากอยู่ในช่วงของการสอบ ค่ะ
รวม 2 อาทิตย์ค่ะ
Logged


abeabeabe
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1127


Email
« Reply #12 on: July 27, 2009, 08:16:18 PM »

dragoon เป็นร่าง อัพเกรดเหรอ
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #13 on: July 27, 2009, 11:49:59 PM »

Quote
dragoon เป็นร่าง อัพเกรดเหรอ

ไม่เข้าใจคำถามค่า หมายถึง อะไรเหรอคะ
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #14 on: August 12, 2009, 12:26:36 AM »

เนื่องด้วย ช่วงนี้งานยุ่งมากๆเลยค่า เวลาว่างไม่ค่อยจะมีแล้ว เกรม่อนคุงเอง ก็ไม่ว่างมาพิมพ์ให้ด้วย
เพราะฉนั้น เรื่องนี้จะขอระงับการลงไว้ ซักระยะนะคะ
Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #15 on: August 16, 2009, 01:52:14 AM »

คือ นิยายผมมันมีปัญหาอย่างนึงอะ ผมคิดโครงเรื่องตั้งเเต่ต้นจนจบได้หมดเเล้ว เเต่เจือกเรียบเรียงเป็นคำพุดไม่ได้เนี่ยสิ เอาไงดีหว่า...
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #16 on: August 16, 2009, 02:13:23 AM »

Quote
คือ นิยายผมมันมีปัญหาอย่างนึงอะ ผมคิดโครงเรื่องตั้งเเต่ต้นจนจบได้หมดเเล้ว
เเต่เจือกเรียบเรียงเป็นคำพุดไม่ได้เนี่ยสิ เอาไงดีหว่า...


ปัญหาคล้ายๆกันเลยค่ะ ตอนเริ่มเขียนเรื่องนี้ก็คิดๆอยู่ว่า จะสื่อเรื่องออกมายังไงเนี่ย มันเป็นแนวการ์ตูน
ขบวนการหุ่นยนต์ประกอบร่างอ่ะค่ะ แต่โชคดีได้ เกรม่อนคุง ช่วย ก็เลยเขียนออกมาเป็นตัวเป็นตนอยู่ได้
ถึงตอนนี้ แต่ช่วงนี้งานเริ่มเยอะ เลยไม่มีเวลาคิดเรื่องซะงั้น เกรม่อนคุง เองก็เริ่มไม่ว่างแล้วด้วย รู้สึก
 Project Crisis Valkyrier Extended จะยุบด้วยสิคะ คงจะลงเป็น ACE ไปเลย ถ้า
ภาพประกอบเสร็จแล้วน่ะค่ะ
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.237 seconds with 21 queries.