Summoner Master Forum
March 29, 2024, 12:00:03 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: @@ นิยายSMN Chapter 10 ก้าวแรกแห่งภารกิจ@@  (Read 7002 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« on: December 19, 2004, 03:00:46 AM »

Chapter 10 ก้าวแรกแห่งภารกิจ


                       เมืองท่าแอนดิซองขณะนี้ถูกตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามมิแพ้ที่แผ่นดินใหญ่   ริ้วธงหลากสีที่สะบัดพริ้วเพราะลมทะเลตัดกับผืนท้องฟ้าใสดูงดงามยิ่ง   นกทะเลสีขาวสะอาดตาที่บินอยู่เหนือผืนน้ำสีครามก็งดงามมิแพ้กัน   ตามท้องถนนนั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คนหลายชาติหลายภาษา   ทุกคนต่างพากันมายืนเฝ้ารอการเสด็จมาของเจ้าหญิงน้อยผู้สำเร็จราชการคนใหม่   แต่กระนั้นก็ยังมิสู้ฝูงชนที่พากันมาเพื่อหวังจะได้เห็นเจ้าหญิงผู้ประเสริฐที่พวกเขาได้ยินได้ฟังกิตติศัพท์มานานนักหนา  
                       เสียงวงดนตรีบรรเลงเพลงประจำราชวงศ์ดังกึกก้อง   เรือรบแอนดิซองค่อยๆเข้าเทียบท่าพร้อมกับเหล่าฝูงเงือกที่เริ่มถอนกำลังกลับลงสู่ทะเลลึก   เมื่อเรือจอดสนิทดีแล้วเจ้าหญิงอลาน่าก็ค่อยๆเสด็จลงมาตามสะพานที่ประดับประดาด้วยทองคำและไข่มุก จากประตูแห่งราชนาวายาวตลอดจนจรดพื้นดิน   แทบจะทันใดเสียงฮือฮาไชโยโห่ร้องก็ดังกึกก้องทั่วบริเวณ   ที่ท่าเรือนั้นบัดนี้มีผู้คนแน่นขนัด   ทหารรักษาการณ์มากมายยืนเฝ้าอยู่ตามเสาที่มีโซ่ทองเหลืองแบ่งกั้นผู้คนออกเป็นกลุ่มๆ โดยมีพรมสีแดงปูลาดยาวตลอดตั้งแต่เรือใหญ่ทอดไกลไปจนถึงรถเทียมม้าสีทองอร่าม   ที่ซี่ล้อประดับด้วยเงินเป็นลวดลายอยู่บนพื้นทองเหลือง   รถม้าสีขาวประดับขอบประตูและหน้าต่างเป็นลวดลายสีทอง ฝังผลึก และแก้วเจียระไนเป็นประกายระยิบระยับกับแสงแดด  ม่านไหมสีน้ำเงินขลิบทองที่โผล่พ้นหน้าต่างออกมา ก็ปักฉลุอย่างงดงาม    ตั้งแต่เรือใหญ่จนถึงราชรถ มีบรรดาครอบครัวผู้สูงศักดิ์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ยืนคอยรับเสด็จอยู่บนพื้นพรมสีแดงยาวไปจนตลอดทาง   จากนั้นก็มีโซ่ทองกั้นแยกบรรดาพ่อค้าวาณิช และเหล่าเศรษฐีผู้มั่งมี ที่สวมใส่อาภรณ์สวยงามราคาแพง และประดับประดาร่างกายด้วยอัญมณีหลากหลายราวกับประกวดประชันกัน   ถัดไปจึงเป็นโซ่ทองเหลือง ที่กั้นประชาชนทั่วไปที่ยืนรอรับเสด็จอยู่เนืองแน่น   ต่อจากนั้นจึงเป็นโซ่เหล็ก ที่กั้นผู้ไม่พึงประสงค์   อันได้แก่ชาวสลัมท่าเรือ เหล่ากรรมกรท่าเรือ หญิงงามเมือง ตลอดจนคนต่างถิ่นที่เร่ร่อนรับจ้าง และพวกคนขอทานประทังชีวิต ยืนออกันแน่นขนัด   โดยมีเหล่าทหารถืออาวุธยืนจังก้าดูน่ากลัว ณ บัดนี้ท่าเรือแอนดิซองด้านใต้ อันเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเมอริเซียแออัดแน่นขนัดไปด้วยผู้คนนับหมื่น  
                       เจ้าหญิงทรงก้าวช้าๆลงจากสะพานโดยมีซิสเตอร์โรซาน่าเดินตามลงมา   เจ้าหญิงทรงหยุดเล็กน้อยพลางทอดพระเนตรยาวไปไกลยังเหล่าผู้คนจรจัดหลังบริเวณโซ่เหล็ก   เจ้าหญิงโบกมือและยิ้มให้พวกเขา   เหล่าประชาชนก็ส่งเสียงแซ่ซ้องกันอีกครั้ง   เจ้าหญิงหันไปกระซิบกับซิสเตอร์ที่เดินตามมาข้างหลัง
                       “ ที่นี่มีคนยากจนเยอะกว่าที่คิดนะคะ ซิสเตอร์”
                       ซิสเตอร์มองไกลออกไปก่อนจะกล่าวตอบว่า “เพคะ มากกว่ากันนับสิบเท่า   นอกจากนี้ ความที่เป็นเมืองท่า ยังมีผู้อพยพต่างถิ่นมากมาย”
                       เจ้าหญิงมีแววแห่งความเมตตาสงสารปรากฏขึ้นในแววตา ก่อนจะหันกลับและก้าวลงสะพานต่อไปโดยมิได้ตอบอันใด
                       ในบริเวณที่เหล่าขุนนางและข้าราชการยืนอยู่หนึ่งในนั้นคือครอบครัวของพระมาตุจฉา(น้องสาวของแม่)ของเจ้าหญิง อลาน่านั่นเอง   เจ้าหญิงตรงเข้าไปสวมกอดพระมาตุจฉาทันที   ข้างสตรีนั้นมีเด็กหญิงหน้าตาสะสวยวัย12 ปีคนหนึ่งยืนอยู่    ใบหน้าคมของเธอดูบึ้งตึง และดวงตาที่แลดูมีเสน่ห์นั้นไม่มองหน้าอลาน่าเลยแม้แต่น้อย
                       “นี่วิโอเรีย(Vioria)   บุตรสาวของน้าเอง”
                       แม้เด็กหญิงจะมีสีหน้าบึ้งตึงแต่ก็ยอมย่อคำนับแต่โดยดี   อลาน่ายิ้มให้อย่างอ่อนโยนพร้อมกับกล่าวว่า
                       “เป็นอะไรไปจ๊ะวิโอเรีย   ใครทำอะไรให้ไม่พอใจหรือจ๊ะ”
                       “หม่อมฉันมิบังอาจไม่พอใจอะไรได้หรอกเพคะ”
                       “หยุดนะวิโอเรีย!   เจ้ากำลังทำให้แม่อับอาย   ขออภัยแทนนางด้วย นางยังเด็กนักยังไม่รู้จักยั้งคิด”
                       วิโอร่า( Viora)ผู้เป็นน้องสาวของราชินีคอรัลลี่ พระมารดาของเจ้าหญิงอลาน่า กล่าวขออภัยแทนธิดาของตน
                       “ไม่เป็นไรค่ะ”  อลาน่ากล่าวพลางเอื้อมมือไปจับมือเด็กหญิง ที่ชะงักมือกลับเล็กน้อย หากแต่ก็ยอมให้จับแต่โดยดี ถึงกระนั้นก็ยังคงหันหน้ามองไปทางอื่น “พี่เองมาใหม่ที่นี่ ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก คงต้องรบกวนวิโอเรีย ช่วยแนะนำบ้าง”
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #1 on: December 19, 2004, 03:02:12 AM »

                     เจ้าหญิงกล่าวพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน
                     “เพคะ” เด็กสาวตอบโดยไม่หันมามอง
                     “ค่ำนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าหญิง ต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่เพคะ”
                     “ไม่เป็นไรค่ะ จัดง่ายๆเถิดค่ะ อย่าให้ต้องยุ่งยากลำบากเลย”  อลาน่ากล่าวตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ
                     “ท่านนี้คงเป็นซิสเตอร์ โรซาน่า”
                     ซิสเตอร์ยิ้มก่อนย่อคำนับ
                     “และท่านนี้..........” สายตาของสตรีสูงศักดิ์จับจ้องไปยังชายในชุดเกราะ ที่มีเพียงแววตาที่เรียบเฉยโผล่พ้นออกมาจากหมวกเกราะเหล็ก “คงเป็นท่านราชองครักษ์ อองเดร”
                     นายทหารหนุ่มก้มหัวคำนับช้าๆ  แววตายังคงเย็นชา
                     “ได้ข่าวว่า ท่านราชองครักษ์ เป็นคนหนุ่มอนาคตไกล ได้ยศสูงเพียงนี้แม้ยังอยู่ในวัยหนุ่มอยู่มาก”
                     อองเดรยังคงยืนนิ่งไม่ตอบอันใด
                     “ถอดหน้ากากให้ข้าดูหน่อยสิ” อยู่ๆ วิโอเรียก็โพล่งออกมา สายตาจับจ้องไปยังดวงตาอันไร้อารมณ์นั้น
                     อองเดรยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม วิโอร่า เขย่ามือบุตรสาว มองตาดุ
                     “ก็หม่อมฉันอยากเห็นหน้าเค้านี่ ทำไมต้องใส่หมวกเกราะอยู่คนเดียว เก๊กท่าน่ากลัว” วิโอเรียน้อยเชิดหน้า
                     “เชิญเสด็จเถิด เจ้าหญิงอลาน่า ” อองเดรกล่าวเสียงเรียบ
อลาน่าก้มศีรษะ ให้วิโอร่าเล็กน้อย ก่อนเดินต่อไปโดยอองเดรเดินตามไปทันที
                     “กล้าดียังไง ทำไม่สนใจเรา จองหอง! คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน........” วิโอเรียกัดฟัน ใบหน้างามคมดุดัน
                     “อภัยให้เขาเถิดเพคะ เขาเป็นคนแบบนี้เอง เป็นที่รู้กันทั่วว่าโดยปรกติท่านอองเดรเย็นชานัก”
                     ซิสเตอร์โรซาน่ากล่าว ย่อคำนับอีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินตามเจ้าหญิงและอองเดรไป   ขณะที่อลาน่ากำลังจะก้าวขึ้นราชรถคันงามนั้นก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นจากทางฝั่งหลังโซ่เหล็ก
                     “ขอให้ข้าได้ชื่นชมพระบารมีด้วยเถิด   ฝ่าบาทได้โปรดเมตตาตาแก่คนนี้ด้วย”
                     ชายแก่ยากจนแต่งตัวสกปรกคนหนึ่งพยายามแหวกฝูงชนเข้ามาใกล้กับรถม้า   นัยน์ตาสีเทาของเขาดูซีดและฝ้าฟาง   เหล่าทหารยามบริเวณนั้นรีบกรูกันไปหาชายแก่คนนั้นทันที   อลาน่าเห็นดังนั้นก็หมุนตัวกลับเตรียมจะมุ่งไปหาชายแก่คนนั้น   แต่ซิสเตอร์โรซาน่าดึงมือไว้ก่อน   อลาน่าหันหน้ากลับมาหาซิสเตอร์พลางอ้าปากจะพูด  ซิสเตอร์ก็ชิงพูดกระซิบที่ข้างหูเจ้าหญิงเสียก่อน
                     “ใจเย็นๆก่อนเพคะ   พระองค์ยังมีเวลาอีกมากที่จะช่วยเหลือพวกเขา   หากพระองค์บุ่มบ่ามทำอะไรลงไปตอนนี้จะไม่เป็นผลดีกับทั้งชายแก่ที่น่าสงสารคนนั้นและพวกเรานะเพคะ   ทรงทอดพระเนตรดูเหล่าสมาชิกสภาวาณิชทางด้านนู้นก่อนสิเพคะ”
                     อลาน่าพยักหน้ารับคำเล็กน้อยพลางเหลือบสายตาเล็กน้อยไปทางที่ตนเพิ่งเดินผ่านมาก็เห็นบรรดาพ่อค้าและขุนนางต่างมองมายังเธออย่างสนใจใคร่รู้   บ้างก็ยิ้มเยาะน้อยๆ   แต่แล้วสายตาของอลาน่าก็สะดุดอยู่ที่พ่อค้าร่างอ้วนท้วมคนหนึ่งที่ทั้งตัวประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดามากเป็นสองเท่าของคนอื่นๆ   เขาจ้องมองเธอผ่านแว่นตาเลนส์เดียวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์และหรี่เล็กราวกับจะจ้องจับผิด  
                     “ซิสเตอร์คะ  ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” อลาน่าถามเสียงเบา  ซิสเตอร์แสร้งเอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อลอบดูแล้วจึงกล่าวว่า “เขาคือ พ่อค้าใหญ่รูฟัส (Rufus, the Annedisonge Trader) เป็นพ่อค้ารายใหญ่ที่สุดและยังเป็นประธานสภาพ่อค้าวาณิชของที่นี่อีกด้วยเพคะ”���
                     อลาน่าหันกลับไปทางชายแก่อีกครั้งซึ่งบัดนี้เขาได้หายตัวไปจากฝูงชนแล้ว   เจ้าหญิงน้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่รำพันเสียงเบาจนแทบจะกระซิบ  “ภารกิจนี้ช่างใหญ่หลวงนัก”
                     

                     ระหว่างที่ขบวนเสด็จเคลื่อนผ่านตัวเมืองอยู่นั้น   ภายในราชรถที่ตามขบวนเสด็จคันหนึ่ง   วิโอร่ากำลังตักเตือนบุตรสาวของตนอยู่
                     “วิโอเรีย   วันนี้เจ้าทำให้แม่อับอายยิ่งนัก”
                     “ทำไมเพคะ   หม่อมแม่จะอายทำไม   ลูกไม่ผิด   ทั้งๆที่ลูกก็มีศักดิ์เป็นเจ้าหญิงเหมือนกันแต่กลับถูกเลือกให้เป็นแม่มดน้ำแข็งประจำราชวงศ์   ตำแหน่งที่ไม่มีราชนิกูลองค์ไหนอยากจะเป็น   ต้องมานั่งฝึกคาถาบ้าๆไปคอยสะกดไอ้มังกรยักษ์หน้าโง่นั่น    ทั้งๆที่ลูกก็มีความสามารถไม่แพ้ราชนิกูลองค์ไหนๆเหมือนกัน   ไม่ยุติธรรมเลย  ไม่ยุติธรรม!!”
                     “วิโอเรีย   หน้าที่ที่เจ้าได้รับเป็นหน้าที่ที่มีเกียรติ...”
                     “หม่อมแม่ก็เป็นเสียอย่างนี้   ก้มหน้าก้มตารับสภาพอันต่ำต้อยอยู่ได้  ทั้งๆที่หม่อมแม่เก่งกว่าเจ้าป้าคอรัลลี่เพียงแค่หม่อมแม่โชคร้ายเกิดช้ากว่าเท่านั้น   ชะตาชีวิตก็ต่างกันจากหน้ามือเป็นหลังมือ   มิฉะนั้นป่านนี้คนที่มาเป็นผู้สำเร็จราชการในวันนี้ก็คือลูกไม่ใช่เจ้าพี่อลาน่า”
                     “วิโอเรีย!!”
                     “หรือไม่จริงเพคะ   ทั้งๆที่หน้าที่สะกดมังกรจอร์มอนกาน์ด เป็นภารกิจที่เท่ากับกุมชะตาประเทศก็ว่าได้   แต่กลับไม่มีใครสนใจเราเลย   ความดีความชอบทั้งหมด ไปตกอยู่กับพระราชาพระราชินี   ทั้งๆที่วันๆไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเสวยสุขอยู่ในวัง”    
                     “หยุดวาจาก้าวร้าวของเจ้าเดี๋ยวนี้นะ   หัดเอาอย่างพี่เจ้าบ้างสิ   นางไม่เคยพูดจาว่าร้ายใครเลยทั้งยังเต็มใจช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ”
                     “ทำไม!  ใครๆจะอะไรก็อลาน่า  อลาน่า  หม่อมแม่ก็ด้วย  อะไรๆก็ดูอลาน่าสิ  เอาอย่างอลาน่าสิ  ลูกเกลียด!  เกลียด! เกลียด!   เจ้าองครักษ์จองหองนั่นด้วย!   คอยดูนะ สักวันนึงลูกจะต้องทำให้มันมาสยบอยู่แทบเท้าลูกให้ได้”
                     วิโอเรียตะโกนสุดเสียง  ด้านวิโอร่าก็ตกตะลึงกับอากัปกริยาของบุตรสาวจนพูดอะไรไม่ออก   ก็พอดีกับที่ราชรถวิ่งมาถึงวังของวิโอร่า   วิโอเรียก็ผลักประตูออกอย่างแรงจนทหารที่จะมาเปิดประตูถึงกับผงะ   เด็กหญิงหน้าแดงก่ำมีน้ำตาคลอในดวงตา   เธอกระโดดลงจากราชรถอย่างรวดเร็วพลางวิ่งกระฟัดกระเฟียด หายลับเข้าไปในปราสาทโดยมีสายตาที่ปวดร้าวของผู้เป็นแม่มองตามหลังไป
« Last Edit: December 19, 2004, 03:03:29 AM by Little Angel » Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.023 seconds with 21 queries.