Summoner Master Forum
April 19, 2024, 11:51:38 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: @@ นิยายSMN Chapter 36 การพบกันอีกครั้งของเพื่อนเก่า @@  (Read 9256 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« on: October 08, 2005, 05:28:45 AM »

Chapter 36  การพบกันอีกครั้งของเพื่อนเก่า

                         ภายในกระโจมใหญ่สีแดงหม่นที่ถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการรบของกองทัพซาโลม   กษัตริย์ซาดิน ราชินีเนริมอร์ บลาส เซจและแบล็ค ไวเซอร์กำลังฟังรายงานความคืบหน้าของกองทัพจากแม่ทัพราโชยู
                          “ช่วงหลายวันที่ผ่านมา   ทหารของเราสูญหายไปหลายร้อยนายพ่ะย่ะค่ะ   นี่ยังไม่นับกองลาดตระเวนที่จู่  ๆ  ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยอีก”
                          “หนีทัพรึ?” ราชินีขมวดคิ้วตรัสถามด้วยความสงสัย
                          “ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ   ทหารทุกนายต่างรู้ถึงความน่ากลัวของพวกหน่วยนักล่าสังหารแห่งซาโลม(Zalom Assassin)   ว่าหากใครหาญกล้าหนีทัพย่อมหมายถึงการตายอย่างทรมานราวกับตกนรกทั้งเป็น”
                          “ทหารเป็นร้อยจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ยังไงกัน” กษัตริย์เพลิงตรัสอย่างหงุดหงิด
                          “คิดได้อย่างเดียวคือพวกฟีเลเซียมันแอบส่งคนมาลอบตัดกำลังเรา” บลาส เซจ ตั้งข้อสังเกต
                          “ชิ! ก็ไหนเจ้าบอกว่าพวกมันหยิ่งในศักดิ์ศรี และรักเกียรติยศนักหนาไงล่ะ   ถ้ามันส่งใครมาลอบตัดกำลังเราจริง   มันก็เหมือนไอ้พวกโจรป่าใส่มงกุฎนั่นแหละ   ทำเป็นพูดดีกลบเกลื่อนสันดานโจร หึ หึ” ราชินีเนริมอร์ตรัสดูแคลนพลางจ้อง บลาส เซจ แสร้งขยับปากเหน็บแนมโดยไร้เสียง ‘และเจ้าก็สมควรพิจารณาตัวเองที่วิเคราะห์ศัตรูไม่ได้เรื่อง’
                          แม้อุปราชเฒ่าจะเห็นว่าราชินีลอบเยาะเย้ยตนแต่ก็ยังควบคุมอาการสงบได้อย่างดี   เพราะมีเพียงดวงตาเจ้าเล่ห์เท่านั้นที่หรี่แคบลง
                          “ยังไงข้าก็ต้องการให้สืบเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยเร็วที่สุด” กษัตริย์ซาดินรับสั่ง
                          ทันใดนั้นเองเสียงร้องโหยหวนบาดลึกที่ทำให้รู้เย็นยะเยือกไปทั้งร่างก็ดังขึ้นก่อนที่วิหคโลกันต์นกปีศาจของแบล็ค ไวเซอร์จะบินโฉบเข้ามาภายในกระโจมมาเกาะบนบ่าของพ่อมดดำ   แบล็ค ไวเซอร์ยกมือลูบลำคอและอกของมันอย่างรักใคร่ซึ่งมันก็กรอกตาทั้งสี่ไปมาอย่างชอบใจ   พลางส่งเสียงสูง  ๆ  ต่ำ  ๆ  ในลำคอและผงกหัวไปมาโดยที่แบล็ค ไวเซอร์ก็แสยะยิ้มอย่างพอใจ
                          “ฝ่าบาท   วิหคโลกันต์เพิ่งแจ้งข่าวดีให้กับเราพ่ะย่ะค่ะ   เวลานี้ไอ้เจ้าบิชอปเกรเกอรี่มันเดินทางกลับฟีเลเซียเมืองหลวงไปแล้ว”
                          “ดี   สั่งเคลื่อนทัพทันที!” กษัตริย์เพลิงประกาศก้องอย่างยินดี

Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #1 on: October 08, 2005, 05:30:08 AM »

                         ภายในพระราชวังหลวงแห่งฟีเลเซีย   บรรดาเสนาฯ อำมาตย์ แม่ทัพนายกอง รวมทั้งราชินีอลิเซีย และ เจ้าหญิงเรจิน่าต่างก็กระวนกระวายใจรอคอยการกลับมาของบิชอปเกรเกอรี่   เพราะจู่  ๆ  ก็ได้รับการแจ้งข่าวจากแนวหน้าว่าท่านบิชอปจะเดินทางกลับฟีเลเซีย   แต่จะด้วยสาเหตุใดก็มิได้แจ้งชัด  ทุกคนจึงต่างรอคอยการมาของท่านบิชอปอย่างใจจดใจจ่อ
                          “ทูลฝ่าบาท   ท่านบิชอปเกรเกอรี่เดินทางมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” มหาดเล็กรีบเข้ามารายงาน
                          “รีบเชิญท่านเข้ามา” เจ้าหญิงเรจิน่ารับสั่งโดยเร็ว   ในใจเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
                          ทันทีที่เกรเกอรี่ก้าวเข้ามาภายในท้องพระโรง   ทุกสายตาก็จับจ้องไปยังเขาด้วยความวิตกและสงสัยใคร่รู้ถึงข่าวคราวในแนวหน้า   รวมทั้งข่าวลือของท่านบิชอปที่อัญเชิญอัศวินสวรรค์ลงมาทำลายล้างศัตรูก็เป็นที่สนอกสนใจของทุกคนไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว   หากไม่ใช่เพราะราชินีและเจ้าหญิงประทับอยู่ภายในท้องพระโรงด้วยท่านบิชอปคงจะโดนเหล่าเสนาฯและแม่ทัพนายกองล้อมหน้าล้อมหลังพร้อมกับคำถามนับร้อยที่ใช้เวลาทั้งวันก็คงตอบไม่จบเป็นแน่   เมื่อเกรเกอรี่โค้งคำนับสตรีสูงศักดิ์ทั้งสอง   เจ้าหญิงเรจิน่าก็ทรงรีบเอ่ยขึ้นทันที
                          “พวกเราดีใจที่เห็นท่านปลอดภัย  ท่านบิชอป เกิดอะไรขึ้นหรือถึงได้เร่งเดินทางกลับเช่นนี้?”
                          “ทูลฝ่าบาท   ที่กระหม่อมเดินทางกลับมาไม่ใช่เพราะเกิดเหตุร้ายในกองทัพหรอกพ่ะย่ะค่ะ   แต่เป็นเพราะกระหม่อมถูกก่อกวนด้วยศาสตร์มืดถึงแม้ว่าในครั้งนี้กระหม่อมจะสามารถเอาตัวรอดมาได้   แต่ก็ไม่แน่ว่าครั้งหน้าพวกมันจะมาไม้ไหนอีก   จึงจำเป็นต้องกลับมาหาวิธีป้องกันอำนาจมืดอย่างถาวรซึ่งกระหม่อมเชื่อว่าน่าจะมีบันทึกอยู่ที่หอสมุดของอารามหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น   อำนาจมืดชนิดไหนกันที่ร้ายกาจถึงขนาดบิชอปที่ปราดเปรื่องอย่างบิชอปเกรเกอรี่ยังถูกเล่นงานจนต้องกลับมาค้นคว้าเพิ่มเติม   ความสงสัยเรื่องอัศวินสวรรค์จึงแทบจะถูกลืมไปในทันที
                          “พวกซาโลมใช้ศาสตร์มืดด้วยอย่างนั้นรึ?” ราชินีอลิเซียตรัสถาม แวววิตกกังวลปรากฏอย่างแจ่มชัดในแววตา   เจ้าหญิงเรจิน่าทรงรู้ดีว่าพระมารดาของตนเป็นห่วงซิกมันต์เช่นเดียวกับพระองค์   ศาสตร์มืดในฟีเลเซียและแทบจะทั้งทวีปเมอรีเซียนั้นเป็นวิชาต้องห้ามเพราะความชั่วร้ายของอำนาจมืด ทั้งความร้ายกาจป่าเถื่อนของผู้ใช้ และ ความทรมานอย่างแสนสาหัสของเหยื่อที่ตกเป็นเป้าหมายล้วนแล้วแต่ขัดต่อความดีงามทั้งปวงของพระเจ้า  
                          “พ่ะย่ะค่ะ  แต่ขอฝ่าบาทอย่าทรงวิตกกังวลเลย ผู้ที่ใช้ศาสตร์มืดในระดับสูงเช่นนี้มีไม่มาก   ลำพังการที่จะใช้พลังเวทย์ในการสร้างกองทัพปีศาจจำนวนมากก็ต้องใช้เวลาในการฟื้นพลังอยู่ไม่ใช่น้อย   พวกมันไม่น่าจะใช้วิธีแบบเดียวกันได้ในเวลาอันสั้น   กระหม่อมจะรีบหาวิธีจัดการให้ได้เร็วที่สุด  แล้วจะรีบกลับไปอารักขากษัตริย์ซิกมันต์ทันที”
                          ราชินีอลิเซียทรงพยักพระพักตร์อย่างพอพระทัยในคำมั่นของบิชอป  เจ้าหญิงเรจิน่าจึงตรัสขึ้น
                          “ระหว่างที่ท่านค้นคว้าอยู่ที่นี่  หากท่านต้องการความช่วยเหลือใด  ๆ  ก็บอกเรามาได้ทันที   เราจะอำนวยความสะดวกให้ท่านอย่างเต็มที่”
                          “ขอบพระทัยฝ่าบาท   ทว่ากษัตริย์ซิกมันต์มีรับสั่งว่าให้พระองค์ยกทัพขึ้นไปเสริมทันทีในระหว่างที่กระหม่อมอยู่ที่นี่”
                          ราชินีอลิเซียทรงชำเลืองมองบุตรสาวด้วยความเป็นห่วงที่เพิ่มมากขึ้น   เจ้าหญิงเรจิน่าสบสายพระเนตรที่ฉายแววห่วงหาอาทรของพระมารดาแวบหนึ่งด้วยความรู้สึกที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก่อนจะทรงกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวหนักแน่น
                          “เราจะออกเดินทางทันทีที่เตรียมทัพเสร็จ”
                          ทันทีที่ได้ยินดังนั้นเหล่าแม่ทัพนายกองก็ทำความเคารพพร้อมตบเท้าเดินออกจากท้องพระโรงไปด้วยความฮึกเหิมเข้มแข็ง   ทุกคนต่างรู้หน้าที่ของตนอย่างดีแม้ไม่ต้องออกคำสั่ง   ความเพียบพร้อม เก่งกาจ และฉับไวในด้านการทหารเช่นนี้คงไม่มีชาติไหนในทวีปเมอร์ริเซียจะเทียบเท่าอาณาจักรฟีเลเซียได้อีกแล้ว
                          “ถ้าเช่นนั้นระหว่างที่ยังมีเวลาเหลืออยู่นี่เรามีเรื่องจะหารือกับท่านสักหน่อย ท่านบิชอป” เจ้าหญิงเรจิน่าเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนไปแล้ว “เสด็จแม่  ลูกขอตัวสักประเดี๋ยวนะเพคะ”
                          ราชินีอลิเซียทรงพยักพระพักตร์อนุญาต  
                          “ขอพระทัยเพคะ  เชิญท่านบิชอป” เจ้าหญิงทรงออกเดินนำเกรเกอรี่ออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #2 on: October 08, 2005, 05:31:21 AM »

                         เมื่อออกมาจากท้องพระโรงแล้ว  เจ้าหญิงจึงทรงเอ่ยขึ้นอย่างเร็วโดยมิได้ชะลอฝีเท้าลงเลย
                          “ท่านบิชอป  เราอยากจะให้ท่านพบกับคน  ๆ  หนึ่ง   เราได้พบเขามาหลายครั้งแล้วระหว่างช่วงที่เกิดสงครามนี้   บางทีท่านอาจจะรู้จักเขาแล้ว?” เรจิน่ากล่าวอย่างลังเล “เขาเป็นนักประดิษฐ์ที่เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลยทีเดียว   เราทราบว่าเขาเรียนที่ ซาโลมอน อคาเดมี่ เช่นเดียวกับท่าน...”
                          “ทิโมธีรึ?”  ชื่อแรกและชื่อเดียวที่เกรเกอรี่จะสามารถนึกถึงได้ก็หลุดปากออกมาโดยอัตโนมัติ   ทำให้เจ้าหญิงเรจิน่ายิ้มกว้างด้วยความยินดี
                          “ท่านรู้จักเขา   ขอบคุณพระเจ้า” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสอย่างเบิกบานก่อนจะทรงพูดต่อเร็วปรื๋อ “ถ้าเช่นนั้นเรื่องก็ค่อยง่ายขึ้นหน่อย   เราคิดอยู่แล้วเชียวว่าพึ่งท่านได้   ดีจริง  ๆ  ที่เราตัดสินใจปรึกษาท่านเพราะเวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว   ช่วงที่เราไม่อยู่ก็คงต้องพึ่งท่านบิชอปนี่แหละ เราจึงจะวางใจที่สุด”
                          “ช้าก่อนฝ่าบาท” เกรเกอรี่รีบห้ามเจ้าหญิงไว้เพราะเริ่มจะตามคำพูดของเธอไม่ทัน   ลำพังแค่รีบสาวเท้าให้ทันเธอในขณะนี้ก็ลำบากแล้ว  เกรเกอรี่พยายามหายใจเข้าลึก  ๆ  อย่างเร็วสองสามครั้งเพื่อบังคับเสียงให้มั่นคงจากการหอบหายใจก่อนจะเอ่ยถาม “ฝ่าบาทกำลังจะให้กระหม่อมทำอะไร? แล้วทิโมธีมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
                          “เกี่ยวสิ   เกี่ยวอย่างที่สุดเลยเชียวล่ะ   คือเมื่อไม่นานมานี้เราได้ไปพบกับเขาโดยบังเอิญ  แล้วเราก็ได้เห็นสิ่งที่เขากำลังค้นคว้าอยู่เมื่อไม่นานมานี้   มันน่าทึ่งมากท่านบิชอป   เราเชื่อว่ามันจะมีประโยชน์อย่างมากถ้าเราเอาสิ่งประดิษฐ์พวกนั้นมาใช้ในกองทัพ   หลังจากเราได้เห็นสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นในป่าลึก   เราก็ไปพบเขาเป็นการส่วนตัวอีกหลายครั้งพยายามสารพัดวิธีเพื่อหว่านล้อมให้เขานำความรู้ความสามารถมาช่วยอาณาจักรของเรา   แต่เขาก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงปฏิเสธท่าเดียว   แต่ในเมื่อท่านบิชอปรู้จักกับเขาเช่นนี้   เราจึงหวังว่าท่านจะไปช่วยเราเกลี่ยกล่อมเขาได้สำเร็จนะสิ” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสรัวจนแทบจะไม่หายใจ โดยทรงแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจดวงตาที่เบิกกว้างและคิ้วที่เลิกสูงของเกรเกอรี่เมื่อได้ยินว่าเธอแอบเสด็จออกไปในป่าลึกตามลำพังบ่อยครั้ง “อีกไม่นานกองทัพก็คงจะพร้อมเคลื่อนพลแล้ว   ท่านบิชอปช่วยไปเกลี่ยกล่อมทิโมธีกับเราเดี๋ยวนี้เลยจะได้ไหม?”
                          “ฝ่าบาทจะให้ทิโมธีมาช่วยกองทัพอย่างนั้นรึพ่ะย่ะค่ะ?” เกรเกอรี่มองเจ้าหญิงเรจิน่าราวกับเธอกำลังพูดเรื่องประหลาดที่สุดเท่าที่คน  ๆ  หนึ่งจะสามารถพูดออกมาได้ “กระหม่อมไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะสามารถช่วยอะไรกองทัพได้สักเท่าไหร่” เกรเกอรี่ขมวดคิ้วเมื่อคิดถึงเพื่อนผู้แปลกประหลาดคนนี้ “และกระหม่อมก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถเกลี่ยกล่อมเขาได้นะพ่ะย่ะค่ะ   จริงอยู่ว่าเราเคยเป็นเพื่อนเรียนด้วยกันมา...”
                          “เป็นเพื่อนกันรึ?   นั่นดีกว่าที่เราคิดเอาไว้อีกนะ   ถ้าอย่างนั้นเรื่องก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่  ท่านสนิทกันมากไหม?” เจ้าหญิงโพล่งขึ้นอย่างตื่นเต้นก่อนจะยิงคำถามใส่อย่างรวดเร็ว
                          เกรเกอรี่เงียบไปนานด้วยจมอยู่กับความทรงจำเก่า  ๆ  ก่อนจะพูดด้วยความอึดอัด “สำหรับเขากระหม่อมคงจะเป็นเพื่อนสนิท   แต่สำหรับกระหม่อม...เขา...กระหม่อมคิดว่าเขาเป็นเพื่อนที่พยายามเข้ามาสนิทด้วย”
                          เจ้าหญิงเรจิน่าทอดพระเนตรบิชอปนิ่งอย่างงง  ๆ  อยู่พักหนึ่ง  “แต่อย่างน้อยท่านก็เป็นเพื่อนกัน”
                          “แต่ทิโมธีไม่เหมือนกับคนอื่นทั่วไปนะพ่ะย่ะค่ะ   จะเรียกว่าอย่างไรดี?...กระหม่อมเห็นว่าเขามี...มี...โลกส่วนตัวของเขาเอง  นอกจากจะไม่ค่อยมีระเบียบแบบแผนอะไรแล้ว  เขายังมีความคิดอ่านที่เรียกได้ว่าค่อนข้าง...แปลก” เกรเกอรี่พยายามหาคำที่สุภาพเพื่อจำกัดความเพื่อนสมัยเรียนของตนด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก
                          “แต่สรุปว่าท่านตกลงจะช่วยเราใช่ไหม?” เรจิน่าถามย้ำอย่างมีความหวัง
                          “ถ้าพระองค์เห็นว่ากระหม่อมสามารถช่วยได้   กระหม่อมก็จะลองพยายามเกลี่ยกล่อมเขาดูพ่ะย่ะค่ะ   แต่กระหม่อมก็ไม่คิดว่าเขาจะช่วยอะไรกองทัพได้สักเท่าไหร่   เพราะด้วยนิสัยของเขาใคร  ๆ  คงจะเข้าใจเขาได้ยาก และกระหม่อมก็ไม่คิดว่ากระหม่อมจะสามารถพูดให้เขาเปลี่ยนใจได้”
                          “แค่ท่านรับปากว่าจะช่วยนั่นก็ดีพอแล้ว   ขอบคุณมากท่านบิชอป  ที่อุตส่าห์สละเวลามาช่วยเรา   เราจะรีบให้คนเตรียมรถม้าทันที” เจ้าหญิงเรจิน่ารีบเสด็จไปจัดการสั่งการทหารทันทีที่เสด็จออกมาสู่ระเบียงปีกขวาซึ่งอยู่ใกล้กับโรงราชรถ  โดยบิชอปเกรเกอรี่โค้งส่งเจ้าหญิงก่อนจะปรายตาไปทางป่าทึบด้านหลังพลางนึกถึงวันเก่า  ๆ  เมื่อสมัยเรียนที่ซาโลมอน อคาเดมี่   พร้อมกับใบหน้าของเพื่อนสองคนที่ดูจะยังคงแจ่มชัดในความคิดของเขา   ทิโมธี และเคอร์วิน นี่พวกเขาไม่ได้พบกันนานแค่ไหนแล้วนะ
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #3 on: October 08, 2005, 05:35:20 AM »

                         ขบวนรถม้าที่เจ้าหญิงและบิชอปนั่งควบทะยานมุ่งสู่ป่าทึบอย่างรวดเร็ว   ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามขบวนรถม้าก็เคลื่อนเข้าใกล้กับบริเวณเชิงผาสูงที่ทิโมธีใช้เป็นสถานที่ลับในการทดลองของเขา   เจ้าหญิงทรงสั่งให้หยุดรถเพราะต้องการให้บิชอปเกรเกอรี่และตนได้คุยกับทิโมธีตามลำพัง
                          เมื่อลงจากรถม้าแล้วเจ้าหญิงเรจิน่าก็เสด็จนำบิชอปสู่ลานกว้างบริเวณตีนผากลางป่าลึกอย่างรวดเร็ว   บิชอปเกรเกอรี่ต้องเร่งฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อที่จะตามเจ้าหญิงให้ทันอย่างทุลักทุเลเพราะต้องคอยเดินหลบก้อนหินและท่อนไม้ที่วางขวางระเกะระกะตามทาง   กว่าจะออกมาถึงลานกว้างบิชอปก็ต้องหอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อยอ่อนในขณะที่เจ้าหญิงไม่ทรงมีอาการเหนื่อยหอบเลยสักนิด   ไม่มีแม้แต่อาการหายใจแรงขึ้นด้วยซ้ำ
                          “เรามาถึงแล้วท่านบิชอป” เจ้าหญิงทรงหันมากล่าวก่อนจะเห็นอาการของนักบวช “โอ้!ตายจริง  เราต้องขออภัยด้วยที่เดินเร็วเกินไปโดยไม่ได้นึกถึงว่าท่านบิชอปจะเดินตามไม่ทัน   เรามัวแต่ร้อนใจจนลืมเสียสนิท” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสด้วยความกระดากและรู้สึกผิด
                          “มิได้ฝ่าบาท” เกรเกอรี่กล่าว “พระองค์ทรงเป็นนักรบ กระหม่อมเป็นนักบวช เป็นธรรมดาอยู่เองที่ความว่องไวและความคล่องตัวของพระองค์จะสูงกว่ากระหม่อม   อย่าได้ทรงกังวลเลยพ่ะย่ะค่ะ   เรารีบไปหาทิโมธีกันจะดีกว่า”    
                          “ตกลง” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสตอบและออกนำ   แต่คราวนี้พระองค์ทรงชะลอฝีเท้าลงเพื่อมิให้เกรเกอรี่เหนื่อยจนเกินไป   เมื่อพระองค์เสด็จไปถึงบริเวณปากถ้ำ
                          “ทิโมธี! ทินทอน!” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงตะโกนเข้าไปในถ้ำที่ค่อนข้างมืดและชื้นอับเล็กน้อย   แต่เมื่อทรงเห็นว่าไม่มีเสียงใด  ๆ  เล็ดลอดออกมาจึงตะโกนดังขึ้น “มีใครอยู่ไหม?”
                          “อ๊ากกกกกกก” เสียงร้องที่คุ้นเคยของใครคนหนึ่งดังสะท้อนออกมา   เจ้าหญิงเรจิน่ารีบขยับจะเข้าไปในถ้ำก็พอดีกับที่เจ้าหุ่นวิ่งสวนออกมาอย่างรวดเร็ว
                          “อ๊า! หลบเร็ว ๆ  ๆ  ๆ  ๆ ” ทินทอนร้องเสียงดังกว่าเดิมด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าตนกำลังจะวิ่งชนเจ้าหญิง   มันพยายามโบกไม้โบกมือให้เจ้าหญิงหลบไปให้พ้นทางเพราะดูท่าทางมันจะหยุดไม่ได้   เมื่อเห็นว่าใกล้จะชนเต็มทีแล้วมันจึงรีบหมุนตัวกลับ   แต่ยังไม่ทันจะหมุนครบรอบ   ขาของมันก็วิ่งพันกันจนเสียหลักพุ่งไปชนผนังถ้ำโครมใหญ่ก่อนจะล้มหงายลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น
                          “ทินทอนเป็นอะไรรึเปล่า?” เมื่อเห็นว่าเจ้าหุ่นยังนอนแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน   เจ้าหญิงจึงรีบย่อตัวลงจับตัวทินทอนเขย่าเบา  ๆ  ด้วยความตกใจทำให้ได้ยินเสียงดังก๊องแก๊งเหมือนมีโลหะกลิ้งอยู่ข้างในตัวของมัน
                          “หุ่นยนต์ตัวนี้ทิโมธีเป็นคนสร้างรึ?” เกรเกอรี่มองเจ้าหุ่นด้วยความทึ่งและพิศวง
                          “ไม่ใช่หรอก   เห็นทิโมธีเล่าว่าไปเจอทินทอนที่ซากโบราณสถานเก่าแก่ที่ไหนสักแห่งแล้วนำมาซ่อมจนมันมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงอธิบายเร็ว  ๆ  ส่วนมือก็ยังคงเขย่าร่างเจ้าหุ่นเบา  ๆ
                          “โอ๊ย! ฮ่า...ฮ่า... วี๊... วี๊... แกร๊ก... วี๊” จู่  ๆ  ทินทอนก็กระเด้งตัวขึ้นมาพลางหัวเราะเสียงยานคางต่ำ  ๆ  โดยมีเสียงประหลาดที่ดังวี๊วี๊เหมือนลำโพงแตกดังออกมาเป็นพัก  ๆ
                          “เจ้า...เจ้า...วี๊ วี๊ แกร๊ก” ทินทอนพยายามโค้งให้  แต่จู่  ๆ  ก็มีน๊อตตัวหนึ่งหลุดออกมาจากปาก
                          “อ๊า!!” ทั้งเจ้าหญิง บิชอป และเจ้าหุ่นต่างก็ตกใจร้องออกมาแทบจะพร้อมกัน
                          “เกิดอะไรขึ้นทินทอน?   นั่งอยู่นิ่ง  ๆ  ก่อนนะเดี๋ยวข้าจะดูให้” เสียงงัวเงียของนักประดิษฐ์ผมแดงดังตามออกมา  โดยที่ผมข้างหน้าปอยหนึ่งมีคราบน้ำมันจับจนกลายเป็นก้อนกระจุกสีดำเยิ้มอยู่   เขากำลังขยี้ตาด้วยมือที่เลอะน้ำมันจนเมื่อออกมาหยุดตรงที่บุคคลทั้งสามยืนอยู่เบ้าตาทั้งสองข้างของเขาก็ดำเป็นวงคล้ายกับใส่แว่นตาสีดำโดยที่ใบหน้าส่วนอื่น  ๆ  ก็มีคราบสกปรกเป็นปื้น  ๆ  จนดูมอมแมมไปทั้งหน้า   เจ้าหญิงเรจิน่าทรงแหงนพระพักตร์หัวเราะก๊ากดังลั่นทันทีที่ทรงเห็นหน้าทิโมธี   เจ้าหุ่นทินทอนก็ยกมือชี้หน้าหัวเราะเสียงยานคางต่ำ  ๆ    ในขณะที่เกรเกอรี่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงจนตาค้าง
                          “โอ้  เกรเกอรี่” ทิโมธีร้องออกมาด้วยความดีใจสุดขีดเมื่อเห็นเพื่อนเก่าอยู่ตรงหน้าจึงตรงรี่เข้าไปจะสวมกอดบิชอปหนุ่ม “เจ้าสวมชุดบิชอปอย่างนี้แล้วดูภูมิฐานมากเลย”
                          “เดี๋ยว  ๆ   ๆ  ” เกรเกอรี่ร้องห้ามด้วยความตกใจก่อนจะรีบยกไม้เท้าขึ้นมาขวาง   ยอดไม้เท้าจึงชนเข้ากับท้องของทิโมธีอย่างจัง
                          ทิโมธีแทบจะไม่รู้สึกเลยว่าตนวิ่งไปชนกับยอดไม้เท้าเข้าอย่างจังเพราะเขายังคงยิ้มกว้างเบิกตาสีน้ำตาลเข้มจนกลมโตยืนกางมือค้างอยู่นิ่ง  ๆ  มองเพื่อนสนิทด้วยความตื่นเต้นจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่   “ทำไมล่ะ?”
                          “ฮะ ฮะ ขอโทษที   มือมันทำไปตามสัญชาตญาณน่ะ” เกรเกอรี่หัวเราะแกรน  ๆ  ค่อย  ๆ  ลดไม้เท้าลง “ก็ดูตัวเจ้าสิ   ทั้งผมทั้งหน้าทั้งมือทั้งตัว มีแต่คราบน้ำมันเต็มไปหมด” เกรเกอรี่กล่าวอย่างรวดเร็ว
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #4 on: October 08, 2005, 05:36:32 AM »

                         “ห๊า...จริงด้วย!  ขอบใจมากที่เตือนข้าก่อน” ทิโมธีก้มลงมองดูตัวเองพลางรีบล้วงหาอะไรสักอย่างในกระเป๋าก่อนจะดึงผ้ามอม  ๆ  ผืนหนึ่งออกมาเช็ดหน้าและมือทั้งสอง  แต่ปรากฏว่ายิ่งเช็ดก็ยิ่งดำ จนเจ้าหญิงเรจิน่าต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างชอบใจเมื่อตอนนี้ใบหน้าของทิโมธีแทบจะกลายเป็นสีดำเสมอกันทั้งหน้า  
                          “ถ้าท่านเดินถอยเข้าไปในถ้ำตอนนี้   เราคงเห็นแต่ตากับฟันของท่านลอยอยู่กลางอากาศแน่  ๆ  ฮ่า ฮ่า” เจ้าหญิงทรงกล่าวด้วยความขบขัน  ซึ่งทิโมธีก็หัวเราะไปด้วย   ทำให้เกรเกอรี่เองก็อดแสร้งกระแอมอมยิ้มน้อย  ๆ  ไม่ได้   เจ้าหญิงเรจิน่าจึงได้ทรงเห็นว่าทันทีที่บิชอปเกรเกอรี่อยู่กับทิโมธี   มาดสุขุมดั่งนักบวชชั้นสูงก็ยังเสียศูนย์ไปได้
                          “ว่าแต่...” ทิโมธียังคงมองเกรเกอรี่อย่างตื่นเต้นกวาดสายตาขึ้นลงสำรวจเพื่อนเก่าเป็นรอบที่สี่ “เกรเกอรี่มาหาข้านี่น่าดีใจจริง  ๆ    เราไม่ได้พบกันนานเท่าไหร่แล้วน้า?” ทิโมธีพยายามนึก “ใช่ ๆ    ตั้งแต่เจ้าเป็นบิชอป....อ้า...ตอนนี้เจ้าเป็นบิชอปแล้วข้าก็ต้องเรียกเจ้าว่าท่านบิชอปสินะ”
                          “เราก็อยู่ที่วิหารตลอดเวลา   ถ้าอยากจะพบเมื่อไหร่ก็พบได้   ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมเจ้าถึงไม่ได้เจอเราเลยล่ะ?...เจ้าแทบจะไม่ได้ไปโบสถ์เลยใช่ไหมนี่?” เกรเกอรี่กล่าวสีหน้าเคร่งครึมขึ้นทันที   มาดสุขุมของนักบวชเข้ามาแทนที่
                          “ก็...” ทิโมธีลากเสียงยาว “ก็ข้าไปเพราะเจ้าเป็นคนเทศน์นี่   เจ้าเทศน์มีเหตุผลมีหลักมีการดี   ข้าชอบฟัง   แต่พอเจ้าเป็นบิชอปแล้วกลายเป็นนักบวชองค์อื่นมาเทศน์แทน   เทศน์อะไรก็ไม่รู้วนไปวนมาน่าเบื่อออก”
                          “แต่การไปโบสถ์ก็คือการที่เราไปนมัสการและรับพระพรจากพระเจ้านะ   เราว่าที่เจ้าไม่อยากไปโบสถ์ก็เพราะอยากอยู่บ้านนั่งประดิษฐ์สิ่งของต่าง  ๆ  ต่างหาก   ใช่ไหมล่ะ?”
                          ทิโมธีนิ่งเงียบไปพักหนึ่งเพราะดูเหมือนคำพูดของเกรเกอรี่จะจี้ใจดำของเขา “แต่ท่านบิชอป   พระเจ้าไม่ได้ให้มนุษย์อยู่สบาย  ๆ  แล้วนอนรอพระองค์ประทานพรให้เราเสียหน่อย   พระองค์ประทานสองมือนี้และมันสมองเพื่อให้เราสร้างสรรค์สิ่งต่าง  ๆ  ต่างหาก” ทิโมธีใช้นิ้วชี้เคาะที่หน้าผากเบา  ๆ    ซึ่งทินทอนก็เคาะตามจนเสียงดังก๊องแก๊งสะท้อนก้องถ้ำ
                          “ในหนึ่งอาทิตย์พระเจ้ามีเวลาให้เจ้าในการทำสิ่งต่าง  ๆ  ตั้งหนึ่งหนึ่งร้อยหกสิบแปดชั่วโมง แต่เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงในหนึ่งอาทิตย์   ทำไมเจ้าถึงให้เวลาเพียงเท่านั้นกับพระเจ้าไม่ได้?”
                          ทิโมธีอ้าปากค้างอยู่ชั่วครู่เหมือนจะเถียงอะไรสักอย่าง   แต่ในที่สุดก็ตะโกนออกมาว่า “ท่านบิชอปพูดถูก   ข้าเถียงท่านไม่ออกเลย   ฮ่า ฮ่า   เจ้าหญิงรู้ไหมว่าตั้งแต่เด็ก  ๆ  แล้วที่เกรเกอรี่ก็มักเทศนาข้าแบบนี้ประจำเลย   แล้วข้าก็เถียงแพ้ทุกที” ทิโมธีกล่าวอย่างชอบใจ
                          “เราก็พูดสอนทุกคนนั่นแหละ” เกรเกอรี่ขัดขึ้น
                          “นี่ท่านบิชอปเทศน์เก่งตั้งแต่ยังเป็นเด็กเลยหรือนี่?” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงหันไปมองบิชอปอย่างเลื่อมใส   แต่ก็อดยิ้มด้วยความประหลาดใจไม่ได้
                          “ใช่พ่ะย่ะค่ะ   เขาเรียนเก่งมาก  ๆ  ด้วย   ได้ที่หนึ่งของชั้นประจำเลย   แถมยังได้รับเลือกให้เป็นประธานนักเรียนทุกปีด้วย   ข้าอดภูมิใจไม่ได้เลยที่มีเพื่อนอย่างเขา” ทิโมธีกล่าวอวดจนทำให้ผู้ที่ถูกพูดถึงมีใบหน้าสีเข้มขึ้นจึงต้องแสร้งหันไปมองทางอื่น
                          “พอเถอะ   เราไม่ได้มาที่นี่เพราะจะคุยกันเรื่องนี้” เกรเกอรี่พยายามกล่าวเสียงเรียบด้วยกริยาสำรวมยิ่งขึ้น
                          “งั้นเรื่องไหนล่ะ?   มีธุระอะไรสำคัญรึเปล่า?   หรือจะให้ข้าประดิษฐ์อะไรให้?   ที่จริงข้าก็คิดสิ่งประดิษฐ์ไว้ให้นักบวชได้ใช้หลายชิ้นอยู่เหมือนกันนะ   มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่น่าจะเหมาะกับท่านบิชอป   มันเป็นแท่นคุกเข่าภาวนาที่สะดวกสบายและช่วยให้การภาวนาเป็นเรื่องง่าย   เพราะทันทีที่ท่านคุกเข่าลงหนังสือสวดมนต์ก็จะดีดตัวขึ้นกางตรงหน้าพอดี   แต่ถ้าจะเปลี่ยนเล่ม  ก็แค่ลุกขึ้นยืนหนังสือเล่มเก่าก็จะถูกเก็บลงไป   และเมื่อคุกเข่าลงไปใหม่   หนังสือเล่มต่อไปก็จะดีดตัวขึ้นมาแทน   ข้าตั้งชื่อมันว่า’แท่นหนังสือภาวนาดีดดึ๋ง’  ถ้าท่านสนใจนะข้าจะทำให้ฟรี  ๆ  เลย” ทิโมธีพูดเป็นน้ำไหลไฟดับอธิบายถึงสิ่งกระดิษฐ์ของตน
                          “แล้วถ้าไม่ใช่หนังสือที่เราต้องการ   เราจะต้องลุกขึ้นลุกลงกี่ครั้งกันละ?” เกรเกอรี่ถอนหายใจยาวอย่างอดทนกล่าวถามเสียงเรียบ
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #5 on: October 08, 2005, 05:38:51 AM »

                         “อืม...จริงด้วยสิ   งั้นต้องรีบจดข้อเสียของมันไว้ก่อนเดี๋ยวจะได้กลับไปแก้ไขที่ห้องทดลองเย็นนี้   ท่านนี่ฉลาดสุดยอดไปเลย   เห็นไหมพ่ะย่ะค่ะเกรเกอรี่ฉลาดจริง  ๆ  ” ทิโมธียิ้มกว้างกล่าวอย่างชื่นชมกับเจ้าหญิงเรจิน่าก่อนจะรีบหยิบดินสอและสมุดปกหนังเก่า  ๆ  เล่มเล็ก  ๆ  ที่ดูจะถูกใช้อย่างสมบุกสมบันออกจากกระเป๋ากางเกง   และลงมือจดข้อเสียของ’แท่นหนังสือภาวนาดีดดึ๋ง’ ลงไปทันที
                          “งั้น....” ทิโมธีเหลือบมองไม้เท้าที่เกรเกอรี่ถืออยู่ยิ้มอย่างเป็นต่อ   ทำหน้าพยับเพยิบไปที่ไม้เท้า “นั่นนะ...แค่ไม้เท้าธรรมดา  ๆ  ใช่ไหมล่ะ?   ข้าสามารถประดิษฐ์ให้มันมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น  ๆ  เพิ่มเติมเข้าได้นะ   สนใจไหม?”
                          “เราไม่ได้พาท่านบิชอปมาหาท่านเพื่อให้ประดิษฐ์อะไรให้หรอก” เจ้าหญิงเรจิน่าที่ตอนนี้แก้มยังแดงจัดจากการหัวเราะตรัสยิ้ม  ๆ  เมื่อพยายามข่มอารมณ์ให้สงบได้แล้ว
                          ทิโมธีทำปากยื่นด้วยความเสียดาย   แต่แววตาก็ยังเต็มไปด้วยความยินดีและกระตือรือร้นพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง  “งั้นมาหาข้าด้วยธุระอะไรล่ะ?”
                          “เราได้ยินจากเจ้าหญิงว่าเจ้ามีสิ่งประดิษฐ์หลายชิ้นที่น่าจะสามารถช่วยเหลือกองทัพได้” เกรเกอรี่เหลือบตามองเจ้าหญิงแวบหนึ่งก่อนจะเกริ่นเข้าเรื่อง   “ขอเราดูสิ่งประดิษฐ์พวกนั้นหน่อยได้ไหม?”
                          ทิโมธีเหลือบตามองตามพลางทำเสียงจิ๊กจั๊กในปาก  “ทำไมล่ะ?   เราไม่ให้เอาไปใช้ในกองทัพหรอกนะ”
                          “ไม่เป็นไร   เราแค่ขอดูได้ไหมล่ะ?” ที่เกรเกอรี่พูดอย่างนี้ก็เพราะเขาเองก็ยังไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือของทิโมธีเท่าไหร่นักจึงต้องขอดูให้แน่ใจก่อนลงมือเกลี่ยกล่อมทิโมธี   ฝ่ายทิโมธีเองแม้ไม่อยากเอาสิ่งประดิษฐ์ของตนเข้าร่วมสงคราม   แต่ก็อดไม่ได้ที่อยากจะอวดประสิทธิภาพของสิ่งประดิษฐ์เหมือนพ่อแม่ที่อยากอวดความสามารถของลูก  ๆ    ในที่สุดความอยากอวดก็ชนะ   ทิโมธีรีบวิ่งเข้าไปในถ้ำพลางเข็นรถลากที่บรรทุกห่อผ้าสีมอ  ๆ  อยู่หลายชิ้นออกมา   เขาจัดแจ้งสาธิตสิ่งประดิษฐ์เริ่มไล่ตั้งแต่ แอลฟ่า-เอ, ค๊อกคา-ซี, เดลต้า-ดี และ บอมเบอร์ แมชชีน ซึ่งบัดนี้ล้วนแล้วแต่ถูกซ่อมแซมจนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ทุกชิ้น   จนเมื่อเกรเกอรี่ได้ดูสิ่งประดิษฐ์จนครบทุกชิ้นนัยน์ตาของเขาก็ยังคงจับจ้องเศษซากก้อนหินและต้นไม้ที่กระจัดกระจายเกลื่อนพื้น
                          “น่าทึ่งมาก”  เกรเกอรี่เปรยเสียงเบา  
                          “ใช่ไหมละท่านบิชอป” เจาหญิงเรจิน่าตรัสสำทับเหมือนจะยืนยันในวาจาที่พระองค์ได้เคยตรัสไว้ก่อนที่จะมาที่นี่
                          ทิโมธีเองก็ยืดอกมองผลงานของสิ่งประดิษฐ์ทั้งหลายอย่างภาคภูมิใจ
                          “มันจะเป็นประโยชน์กับกองทัพอย่างมากเชียวล่ะท่านทิโมธี” เจ้าหญิงเรจิน่าตรัส
                          “กระหม่อมก็ทูลพระองค์หลายครั้งแล้วว่ากระหม่อมไม่ตกลง”
                          “ได้โปรดเถิดท่านทิโมธี   ความรู้ความสามารถของท่านสามารถช่วยเหลือกองทัพได้มาก   ยิ่งในเวลานี้กองทัพซาโลมยิ่งทีก็ยิ่งมีกองทัพที่แปลกประหลาดขึ้นทุกวัน   เราจำเป็นต้องมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะต่อกรกับพวกมัน” เจ้าหญิงตรัสเสียงร้อนรน
                          “ไม่เอา” ทิโมธีตัดบทพลางกอดอกแน่น   เหลือบไปมองทินทอนซึ่งเวลานี้ก็กอดอกตามเงียบ  ๆ  พร้อมกับพยักหน้าสนับสนุนทิโมธี
                          “ทำไมล่ะ?” เกรเกอรี่ถาม
                          “ก็เพราะว่าข้าไม่อยากเอาสิ่งประดิษฐ์ที่ข้าอุตส่าห์สร้างขึ้นมาไปพังเป็นชิ้น  ๆ  ในสงครามน่ะสิ   ข้าเกลียดสงคราม” ทิโมธีบ่นเสียงอุบอิบเมื่อถูกคาดคั้น
                          “เราทุกคนก็ไม่มีใครชอบสงครามหรอกทิโมธี  แต่เราจำเป็นต้องเข้าร่วมสงครามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเราถูกจักรวรรดิซาโลมรุกราน” เกรเกอรี่อธิบาย  
                          “สงครามไม่เคยสร้างสรรค์อะไรมีแต่ทำลายทุกอย่างให้ย่อยยับ   ข้าอยู่อย่างนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว   ตลอดเวลาที่ข้าอยู่ที่นี่ก็สร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ได้เยอะแยะมากมายกว่าที่สงครามได้ทำเป็นร้อยเท่า” ทิโมธียังคงยืนกรานหนักแน่น
                          “เราเพิ่งกลับจากแนวหน้าและได้เห็นความโหดเหี้ยมร้ายกาจของพวกศัตรูมาแล้ว   พวกมันฆ่าคนอย่างไร้ซึ่งความปราณี   แม้กระทั่งทารกที่บริสุทธิ์พวกมันก็ยังฆ่าได้อย่างเลือดเย็น   สงครามนี้ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วและผลของมันกำลังกระทบทุก  ๆ  คนทั้งทวีปเมอร์ริเซีย   แม้เจ้าจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่แต่เจ้าเองก็รู้ดีมิใช่หรือว่าผลของสงครามก็เริ่มมีอิทธิพลเหนือเจ้าแล้ว   ดูอย่างข้าวของที่ราคาสูงขึ้นเรื่อย  ๆ  เพราะอาหารหยูกยาก็หาได้อยากลำบากเต็มที   ตัวเราเองก็ต้องกลับไปแนวหน้าทันทีที่ทำธุระที่นี่เสร็จ   ในขณะที่วันนี้เองเจ้าหญิงก็จะต้องนำทัพไปแนวหน้าแล้ว” ทินทอนอ้าปากค้างหันไปมองเจ้าหญิงด้วยความตกใจ   ซึ่งทิโมธีเองก็มองเจ้าหญิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเช่นกัน  บิชอปเกรเกอรี่เขยิบเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นแล้วกล่าวย้ำทุกถ้อยคำ
                          “และมันกำลังทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นทุกขณะ   ทิโมธี...ถ้าเจ้าไม่ช่วย   สงครามอาจจะยืดเยื้อออกไปเรื่อย  ๆ   และหากมันขยายวงกว้างขึ้นจนมาถึงที่นี่...   ถึงเวลานั้นคงไม่มีใครอยู่ชื่นชมงานประดิษฐ์ของเจ้าอีกแล้ว   ผู้คนคงล้มตายเป็นเบือ   ทุกคนที่ยังมีชีวิตรอดก็คงถูกเกณฑ์ไปเข้ากองทัพ   แม้แต่ตัวเจ้าเองก็อาจจะต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารด้วยเช่นกัน   ถึงตอนนั้นเจ้าก็คงจะไม่มีโอกาสได้ประดิษฐ์อะไรอีก...”
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #6 on: October 08, 2005, 05:41:45 AM »

                         ทิโมธีถึงกับนิ่งเงียบไปนานเพราะจมอยู่กับความคิดของเขา   เกรเกอรี่รู้ดีว่าถ้อยคำต่าง  ๆ  ของเขากำลังถูกพิจารณาอย่างถี่ถ้วนทุกถ้อยคำ   ช่างเป็นช่วงเวลาที่เคร่งเครียดและน่าอึดอัดอย่างยิ่งระหว่างบุคคลทั้งสาม   เจ้าหญิงเรจิน่านั้นหัวใจเต้นระทึกบอกไม่ถูกว่ากลัวคำตอบหรือกำลังตื่นเต้นอย่างมีความหวังกันแน่   เกรเกอรี่เองแม้จะดูนิ่งสงบแต่ก็กำไม้เท้าประจำตำแหน่งแน่นจนข้อนิ้วดูซีดขาว   ในขณะที่ทิโมธีก็ดูเหมือนว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างแทบจะแผ่ความเครียดออกมาให้รู้สึกถึงได้   แต่แล้วก็เหมือนกับเพียงแค่ดีดนิ้ว   เมื่อทิโมธีถอนหายใจเฮือกใหญ่พูดด้วยเสียงดังฟังชัดทุกถ้อยคำว่า
                          “ท่านพูดถูกอีกแล้ว   ก็ได้   ข้าจะช่วย” ทิโมธีหันไปมองเกรเกอรี่ที่มีสีหน้าโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด  
                          “จริงรึท่านทิโมธี?” เจ้าหญิงเรจิน่าทรงยิ้มกว้างอย่างยินดี  ตรัสถามย้ำเหมือนจะให้แน่ใจในคำตอบ
                          “พ่ะย่ะค่ะ   แต่กระหม่อมมีข้อแม้บางอย่าง” ทิโมธีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่งขึ้น
                          “ได้สิ!ว่ามาเลย ถ้าเราสามารถให้ได้เราจะจัดการให้ทันที ท่านอยากได้อะไรล่ะ?” เรจิน่ากล่าวอย่างกระตือรืนร้น
                          “พระองค์เดาไม่ได้รึพ่ะย่ะค่ะ?” ทิโมธีหันหน้าที่มอมแมมไปด้วยคราบน้ำมันพลางยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวจั๊วะให้เกรเกอรี่อย่างตื่นเต้น “ระหว่างที่เกรเกอรี่อยู่ที่นี่   ให้เกรเกอรี่นำสิ่งประดิษฐ์ของกระหม่อมไปทดลองใช้สักสี่ห้าชิ้นนะพ่ะย่ะค่ะ?”
                          บิชอปเกรเกอรี่ถึงกับอ้าปากค้าง ในขณะที่เจ้าหญิงเรจิน่าทรงหัวเราะร่าด้วยความขบขันและนึกสนุก  
                          “ท่านบิชอปคงไม่ขัดข้องใช่ไหม?” แววตาเจ้าหญิงพราวระยับเต็มไปด้วยความซุกซน  ฝ่ายทิโมธีเองก็ดูท่าทางจะดีอกดีใจจนหน้าบาน
                          “กระหม่อม...” เกรเกอรี่ตอบอึกอัก
                          “ตกลง” เรจิน่าตรัสตอบให้แทน   พร้อมตบมือดังฉาดใหญ่เหมือนเป็นการตัดบท  ใบหน้ายังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มซุกซนและแววอยากรู้อยากเห็น “น่าเสียดายจริง  ๆ  ที่เราคงจะต้องออกเดินทางอีกไม่นานแล้ว   เราอยากจะเห็นของประดิษฐ์เหล่านั้นจริง  ๆ    ท่านบิชอปอย่าลืมกลับมาเล่าให้เราฟังด้วยนะว่าท่านทดลองใช้อะไรไปบ้าง”
                          “...พ่ะ...พ่ะย่ะค่ะ” เกรเกอรี่ได้แต่ตอบด้วยความเหนื่อยใจ   ระหว่างที่เขาอยู่ที่นี่ทิโมธีคงต้องมาล้อมหน้าล้อมหลังถามผลการทดลองใช้ทุกวันแน่  ๆ  “แต่กระหม่อมต้องค้นคว้าวิธีต่อกรกับศาสตร์มืดด้วย...”
                          “จริงสิ   เราเกือบลืมไปแล้ว” เจ้าหญิงเรจิน่านึกขึ้นได้
                          “ศาสตร์มืดหรือ? ข้าคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยป้องกันตัวจากศาสตร์มืดให้เอาไหม?” ทิโมธีเสนออย่างสนอกสนใจ
                          “ท่านทำได้รึ?  เวทย์มนต์กับวิทยาศาสตร์สามารถไปด้วยกันได้หรือ?” เจ้าหญิงตรัสถามด้วยความประหลาดใจ
                          “ก็น่าจะทดลองดู” ทิโมธีกอดอกใช้ดินสอเคาะที่ปลายคางเบา  ๆ  อย่างใช้ความคิด   เหมือนสมองของเขาเริ่มมีความคิดใหม่  ๆ  ที่น่าสนใจขึ้นมา  
                          “เอาเป็นว่า...” เกรเกอรี่กล่าวขึ้นในที่สุด “...ระหว่างที่เราอยู่ที่นี่   เราจะทดลองใช้สิ่งประดิษฐ์บางชิ้นของเจ้าที่เราเห็นว่าปลอดภัย   และให้เจ้ามาถามผลการทดลองได้อาทิตย์ละครั้งเท่านั้นเพื่อเราจะได้มีเวลาค้นคว้าวิธีป้องกันศาสตร์มืดได้อย่างเต็มที่   ส่วนเจ้าก็ควรเริ่มนำสิ่งประดิษฐ์ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับกองทัพไปที่ค่ายทหารจะดีกว่า   และสำหรับเรื่องสิ่งประดิษฐ์ที่ป้องกันศาสตร์มืด....เอาไว้ถ้าเจ้ามีเวลาแล้วค่อยเริ่มค้นคว้าก็ได้”
                          “อืม...ไม่เลว   ให้ตายสิท่านบิชอปนี่พูดมีหลักมีการดีจัง   เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ก็ได้   งั้นพรุ่งนี้ข้าเอา ’แท่นหนังสือภาวนาดีดดึ๋ง’ ที่แก้แล้วไปให้ท่านบิชอปทดลองใช้  แล้วจะเลยเอาเจ้าพวกนี้ไปที่กองทัพด้วยเลย” ทิโมธีวาดมือเหนือเครื่องจักรกลของเขาอย่างอารมณ์ดี  
                          “ดี...งั้นเราจะเตรียมสถานที่ทดลองต่าง  ๆ  ทหารที่คอยอำนวยความสะดวก และทีมนักประดิษฐ์ไว้ให้เป็นลูกมือท่าน”
                          “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” ทิโมธีกล่าว          
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #7 on: October 29, 2005, 02:54:31 AM »

มาเม้าส์ที่นี่เลยจ๊ะ


http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?board=2;action=display;threadid=16239
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.085 seconds with 21 queries.