Summoner Master Forum
December 06, 2025, 02:45:14 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: อนุสรณ์แห่งความล้มเหลว(บทความสำหรับคนที่เคยล้มเหลว)(ข้อคิดดีมาก^^)  (Read 6397 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
T a S a k i L O @ b e '
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 769


Email
« on: January 27, 2008, 09:00:26 PM »

พ่อของเขาเสียชีวิตตอนที่เขาอายุได้เพียงห้าขวบ
เขาต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ขณะอายุ 16 ปี
ตอนอายุ 17 ปี เขาแสดงความสามารถพิเศษด้วยการตกงานติดต่อกันถึง 4 ครั้ง

เขาแต่งงานตอนอายุ 18 ปี ปีถัดมาเขาได้เป็นพ่อคน
แต่ชีวิตคู่ของเขาก็มีความ สุขอยู่ได้ไม่นานนัก อายุ 20 ปี ภรรยาของเขาพาลูกสาวหนีไป
เพราะทนใช้ชีวิตกับ เขาไม่ได้

ช่วงอายุ 18-22 ปี เขาประกอบอาชีพเป็นคนขายตั๋วรถไฟแล้วก็ล้มเหลว
แต่เขาก็ยัง ต่อสู้กับชีวิตด้วยการหาโอกาสให้ชีวิต แต่ทุกอย่างที่เขาทำก็ไม่วายล้มเหลว เหมือนเดิม

เขาสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพแต่ก็ถูกขับออกมา
หันเหมาสมัครเข้าโรงเรียนกฎหมาย แต่ด้วยความสามารถอันเอกอุ เขาถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี

แล้วเขาก็ไปทำงานเป็นพนักงานขายประกัน แน่นอนที่สุด เขาล้มเหลวอีกครั้ง (แล้ว)

แค่เกริ่นมาข้างต้นก็คงไม่ต้องบอกว่า ชายคนนี้ทำอะไรไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง !
แต่ก็อย่างว่าแหละ คนเราอะไรมันจะไม่ได้เรื่องไปเสียหมด
สิ่งเดียวที่เขาพบว่า เขาทำได้ดีก็คือ การทำอาหาร
ดังนั้นเขาจึงไปทำงานเป็นพ่อครัวและคนล้างจานในร้าน
กาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ชีวิตที่ทรงคุณค่าอะไรเลยในความคิดของเขา

ชีวิตที่ร้านกาแฟ เขามีเวลามากมายที่จะนั่งคิดและทำอะไรได้มากพอสมควร
แต่เขา กลับเลือกใช้เวลานั่งคิดถึงภรรยาและลูกสาวของเขา
เขาเพียรพยายามติดต่อภรรยาและอ้อนวอนให้เธอกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง แต่ได้รับคำปฏิเสธ
เขาเปลี่ยนความ คิดใหม่ เขาไม่ต้องการภรรยาอีกต่อไป ขอเพียงแต่ได้ลูกสาวกลับคืนมาก็พอ
เพราะเขา รักและคิดถึงเธอเหลือเกิน
เขาใช้เวลาว่างในร้านกาแฟวางแผนในการนำลูกสาวกลับคืนมาสู่อ้อมอกของตน
เขาวางแผน ทุกขั้นตอนละเอียดยิบ คำนวณทุกฝีก้าว
ในที่สุดแผนการอันแสนยาวนานก็เสร็จสิ้นลง
เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คุณพ่อวัยรุ่นผู้น่าสงสารซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้นอกบ้านหลังเล็กๆ ของภรรยาของ เขา
เฝ้ามองลูกสาวของเขาเล่นอยู่หน้าบ้านและเตรียม พร้อมที่จะ "ลักพาตัวเธอ!"

แล้ววันที่ตั้งใจไว้ก็มาถึง เขาซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้อย่างระมัดระวัง แม้จะรู้สึกกังวล ตื่นเต้น และตระหนก อยู่บ้าง
 
แต่นั่นมิอาจเทียบได้กับความรักที่เขา มีต่อลูก เขาตัดสินใจที่จะต้องลงมือทำให้สำเร็จ แต่แล้วอนิจจา
...
วันนั้นลูก สาวของเขาไม่ออกมาเล่นหน้าบ้านเลย

แม้กระทั่งความพยายามในการก่ออาชญากรรม เขาก็ยังล้มเหลว
เขารู้สึกเหมือนคนที่ พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา รู้สึกเหมือนคนไม่มีค่า
และเหมือนพระเจ้ากำหนดมาแล้วว่าเขาจะ ต้องอยู่เพียงลำพังไปตลอดชีวิต

แต่เหมือนปาฏิหาริย์ ในที่สุดเขาก็สามารถโน้มน้าวภรรยาให้กลับมาอยู่ด้วยกันได้
พวกเขาทำงานด้วยกันในร้านกาแฟแห่งนั้น ทำอาหารและล้างจานอยู่จนกระทั่งเขาเกษียณ ตอนอายุ 65 ปี

วันแรกของการเกษียณอายุ เขาได้รับเช็คเงินประกันสังคมฉบับแรกของเขา เป็นเงิน 105 ดอลลาร์
( ราวสี่พันบาท)
เช็คดังกล่าวเหมือนเป็นตัวแทนของรัฐที่ฝากมาบอกเขาว่า เขาไม่อาจจะดูแลตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว
ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือใช้ชีวิต อยู่จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยเงินสนับสนุนจากรัฐบาล

มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกถูกปฏิเสธ ล้มเหลว เสียกำลังใจ และท้อแท้
ชีวิต ของเขาได้รับความผิดหวังอีกครั้งหนึ่งหลังจาก 65 ปีอันยาวนาน

เขาบอกกับตัวเองว่าถ้าเขาดูแลตัวเองไม่ได้ ต้องมีชีวิตอยู่โดยให้รัฐบาลดูแล
เขาก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอีกต่อไป เขาตัดสินใจ (อีกแล้ว) ว่า " จะฆ่าตัวตาย "
เขาหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นกับดินสอหนึ่งแท่ง
นั่งลงใต้ต้นไม้ในสวนหลังบ้านอย่างสงบ ตั้งใจที่จะเขียนคำสั่งเสียและพินัยกรรม

แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น กลับเหมือนมีอะไรมาดลใจ เหมือนเป็นครั้งแรกที่ชีวิตเกิดปัญญา
เขาเริ่มต้นเขียนสิ่งที่เขาควรจะเป็น ชีวิตที่เขาควรจะมี และสิ่งที่เขาปรารถนาในช่วงชีวิตสุดท้ายที่
เหลืออยู่
เขาตกใจมาก เมื่อค้นพบความจริงในชีวิตว่า เขายังไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาสัก
อย่างเลย ! (เพิ่งนึกได้)

เขานั่งครุ่นคิดกับตัวเองอย่างจริงจัง มีบางอย่างที่เขาสามารถทำได้
บางอย่างที่คนที่รอบตัวทำสู้เขาไม่ได้ ใช่ ! เขารู้วิธีปรุงอาหาร
ชีวิตเกือบทั้งหมดของเขา อยู่ที่หน้าเตาร้อนๆ มาตลอด เขาตัดสินใจกับตัวเองอีกครั้ง
ในที่สุดเขาเลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำอะไรสักอย่างในชีวิตให้ประสบความสำเร็จ

เขาตั้งใจว่าถ้าเขาจะตาย เขาก็อยากจะตายในแบบที่ได้ลองพยายามเป็นใครสักคน
และทำบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าด้วยชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดของเขา

เขาลุกจากเงาไม้ มุ่งหน้าไปยังธนาคารในเมือง เพื่อขอยืมเงินจำนวน 87 ดอลลาร์จากเช็คประกัน
สังคมฉบับต่อไปของเขา
ด้วยเงิน 87 ดอลลาร์นั้น เขาซื้อกล่องเปล่าและ ไก่จำนวนหนึ่ง

จากนั้นเขาก็กลับไปที่บ้านและลงมือทอดไก่ที่ซื้อมาด้วยสูตรพิเศษที่เขาได้คิดค้นขึ้น
มาในช่วงหลายปีที่ทำงาน
ที่ร้านกาแฟนั้น

เขาเริ่มขายไก่ทอดของเขาตามบ้านต่างๆ ในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ของเขา

แล้วคนขายไก่ทอดอายุ 65 ปีคนนั้นก็กลายมาเป็นผู้พันฮาร์แลนด์ แซนเดอร์ส
ราชาผู้เป็นที่รักของอาณาจักร Kentucky Fried Chicken หรือที่เรารู้จักกันในนาม KFC นั่นเอง
comment:(คาดว่าได้ยศขั้นผู้พัน มาจากการสร้างชื่อเสียงให้กับรัฐครับ)

ตอนอายุ 65 ปี เขาเป็นเหมือนอนุสรณ์แห่งความล้มเหลวที่ยังมีชีวิต แต่ในวัย 85 ปี
เขาก็กลายเป็นเศรษฐีพันล้านและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีผู้คนให้เกียรติเขาทั่วประเทศ

เรื่องราวชีวิตของผู้พันแซนเดอร์ส เป็นอีกบทหนึ่งของเรื่องราวความสำเร็จ
ที่ได้รับคำยกย่องจากผู้คนทั่วโลก แต่ใครจะรู้บ้างว่าหากใต้ต้นไม้วันนั้น
ผู้พันแซนเดอร์สได้ทำตามที่เขาตั้งใจไว้แต่แรก
ตำนานไก่ทอดสะท้านโลกก็คงจะไม่มีให้เราได้เห็นกัน

จริงอย่างที่เขาว่า ความสำเร็จกับความล้มเหลวห่างกันเพียงแค่พลิกฝ่ามือ
มันอยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะ "สู้ต่อ" หรือ "ยอมแพ้"

สำหรับผู้พันแซนเดอร์ส 65 ปี ของชีวิตที่ล้มเหลว เทียบคุณค่าอะไรไม่ได้เลยกับ 20 ปีแห่งความสำเร็จ

แล้วชีวิตของคุณหละ ล้มเหลวมากพอหรือยัง ?
****
ขอขอบคุณ นิตยสาร Financial Freedom เอื้อเฟื้อบทความ


Logged


S_A_Y
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 7679


Email
« Reply #1 on: January 27, 2008, 11:06:26 PM »

เกินคาด และคาดไม่ถึงว่าจะเป็นประวัติของคนนี้  :o

ข้อคิดดีมากๆ ครับ
Logged


Sun Ce
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1887


« Reply #2 on: January 27, 2008, 11:09:37 PM »

เราเองก็สู้ต่อไป
Logged


SenseX
Member
*****
Offline Offline

Posts: 343


Email
« Reply #3 on: January 27, 2008, 11:10:18 PM »

Keep moving foward
Logged


Suchan.poloplow
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1232


Email
« Reply #4 on: January 27, 2008, 11:29:31 PM »

อ่านมาตั้งนาน  สุดยอด
Logged


~TheProFace~
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 419


Email
« Reply #5 on: January 27, 2008, 11:33:58 PM »

อ่านแล้วฮึดสู้เลยคับ  ;D
Logged


puppy_lucifer
Member
*****
Offline Offline

Posts: 350


Email
« Reply #6 on: January 28, 2008, 02:32:16 AM »

ขี้เกียจอ่านแต่ก็อ่าน ข้อคิดดีมาก
Logged


Doraemon
Member
*****
Offline Offline

Posts: 6342



Email
« Reply #7 on: January 28, 2008, 02:44:22 AM »

จะสังเกตุได้ว่าตัวเข้าในใช้ชีวิต อย่างไม่ยอมแพ้ และมีความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันตลอดเวลา แม้ว่าเค้าจะต้องพบกับความล้มเหลว และการปฏิเสธ เค้าก็ยังคงมุ่งมั่น ที่จะยืนยัด เพื่อคนอื่น เพื่อสิ่งอันเป็นรัก ให้ชีวิตที่ดี แม้ว่าเค้าจะไม่ได้มีชีวิตที่เพียบพร้อม

คนบางคน ใช้ชีวิต ไปวันๆ เพียงเพื่อสนองความต้องการและความฝันของตนเอง ไม่จำเป็นจะต้องพยายามอะไรเพราะเกิดมาบนชีวิตที่สุขสบาย จึงไม่ต้องต่อส้แย่งชิง แต่นั้นแหละ กลับกลายทำให้คนๆนั้นทำร้ายคนอื่นๆ ด้วยความโง่ และไร้ค่าของตัวเค้า และก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร หรือพยายามปรับปรุงตัวเองให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้น ก็ยังทำอะไรแบบเดิมๆ

อยากให้คนเหล่านั้นได้มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงในชีวิต เพราะไม่มีวันใดสายเกินไปในชีวิต
« Last Edit: January 28, 2008, 05:41:34 AM by Doraemon » Logged


MarvinSank
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 730


Email
« Reply #8 on: January 28, 2008, 04:05:22 AM »

สุดยอด
Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #9 on: January 28, 2008, 05:00:16 AM »

ผมอ่านแล้วมานั่งคิดเล่นๆดู

เป็นไปได้ไหม...

ที่จริงคนๆนี้ พยายามทำให้สิ่งที่เขาอยากทำโดยที่จริงอาจไม่ใช่สิ่งที่เขาทำได้ดี แต่สิ่งที่เขาทำได้ดี เขามองว่ามันไม่มีค่า จนวันที่เขาเดินออกนอกกรอบของสังคมที่กำหนดหลอกลวงคนทั้งหลายไว้ว่างานที่ดี งานที่มีเกียรติคืออะไร โดยที่ตัวเขาเองไม่ได้เคยคิดจะทะลวงออกมาเองแต่แรก แต่เพราะเวลามันมาถึง มันก็ต้องเป็นไป

เขาจึงได้รู้ว่าที่จริงแล้ว ถ้าเขาเริ่มทำ สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด เร็วกว่านี้ อาจไม่ต้องรอรวยตอนใกล้ตายแล้ว

แต่ก็นั่นแหละ เขายังมีความสุขกับมันได้ตั้ง20ปี

ที่สำคัญ เป้นแค่การลองคิดอีกแง่นึ่ง ที่จริงเป้นไงก็ไม่รู้
Logged


RootDancer
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 227


Email
« Reply #10 on: January 28, 2008, 05:50:24 AM »

ขอเสริมแนวคิดนิดนะครับประสบการณ์ตรงจากพ่อผม
"คนเราแพ้ได้แต่อย่าสิ้นหวัง"  เป็นประโยคที่ดีจับใจเลยนะ พ่อผมสอนผมมาตั้งแต่เด็ก พ่อจะเล่าให้ฟังเสมอว่าพ่อเองก็เคยแพ้นะ  เคยล้ม  เคยเสียหลายๆ อย่างนะ มันเหมือนกับว่าเป็นบทเรียนสอนคนได้เลยนะ  ในอดีตบ้านผมตอนผมเกิดมาครอบครัวสุขดีแต่เวลาผ่านไป บ้านไฟไหม้  โดนฟ้องล้มละลาย  กลายเป็นคนจนแกลบ ต้องย้ายมาทำธุรกิจที่สมุทรสาคร เริ่มจากร้านขายของเล็กๆ รถกระป๋องคนหนึ่ง  ออกเร่ขายของตั้งแต่ 7 โมงเช้า กลับบ้านตอน 4 ทุ่ม ในบางค่ำคืนที่เด็กคนอื่นๆ ได้นอนหลับสนิทในที่นอนอุ่นๆ พ่อแม่ลูก 3 คนผมต้องออกไปรับสินค้ามาขายในวันต่อๆ ไป ตอนนั้นผมอิจฉาเด็กคนอื่นๆ มาก เขามีของเล่น มีเวลาได้ไปเที่ยว  มีเวลาสนุกและอื่นๆ อีกมากมาย  ผมเองเป็นเด็กยังอดที่จะท้อไม่ได้ นึกน้อยใจในชะตาตัวเอง พ่อผมก็จะค่อยพร่ำบอกคำนี้เสมอมา ว่า คนเราแพ้ได้แต่อย่าสิ้นหวัง  จากวันนั้นจนวันนี้ ล้มลุกคุกคลานโดนดูถูกโดนเหยียดหยามต่างๆ นาๆ จนมาถึงวันนี้ครอบครัวผมมีบ้าน มีรถ มีการศึกษา แม้ว่าเราจะไม่ได้มีมากมายแต่เราก็พออยู่ได้แบบพอมีพอกิน ผมเองก็มีครอบครัวที่อบอุ่น  มีลูกที่น่ารัก  มีภรรยาที่แสน(ดุ)ดี  และผมเองก็ตั้งใจว่าจะใช้แนวคิดแบบเดียวกับพ่อผมสู้ทนทำงานต่อไปเพื่อสร้างอนาคตที่ดีต่อไปเช่นกัน

ดังนั้นผมจึงสนับสนุนคนทุกคนไม่ให้ท้อนะถ้าไม่เคยแพ้ ไม่เคยสูญเสีย  แล้วจะรู้ได้ไงว่าการประสบความสำเร็จมันหวานหอมแค่ไหน
Logged


เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1432


Email
« Reply #11 on: January 30, 2008, 01:18:53 AM »

อ่านแล้วนึกถึงตัวเอง

แค่สอบตก อกหัก รักข้างเดียว...ยังจะท้อ

อ่านนี้ปุ๊บ อย่างกับเกิดใหม่
Logged


mindclub
Member
*****
Offline Offline

Posts: 22


Email
« Reply #12 on: January 30, 2008, 01:35:44 AM »

ดีมากๆเลยคับ


ชีวิตไม่สิ้นต้องดิ้นกันไป
Logged


Red Hot Chili PepperS๛
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2238


Email
« Reply #13 on: January 31, 2008, 01:36:49 AM »

มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยหลังจากอ่านจบ 
Logged


Matamune
Guest
« Reply #14 on: February 03, 2008, 04:21:31 PM »

เป็นบทพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของหัวใจมนุษย์

ล้มเหลวแต่ไม่ยอมล้มเลิก

ถ้าคนที่ได้ฆ่าตัวตายไปแล้ว ได้ลองมาอ่านบทความนี้

ความคิดเค้าอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้นะ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สภาพสังคมก็มีส่วนสำคัญจริงๆ

การให้โอกาสคนที่จะลองทำบางสิ่ง

มันก็เหมือนส่องไฟไปตามทางให้เขาได้เดินไป แม้ว่าจะยังไม่เห็นจุดหมาย

แต่เขาก็ยังพอจะเห็นทางที่จะเดิน
Logged
T a S a k i L O @ b e '
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 769


Email
« Reply #15 on: February 03, 2008, 05:08:34 PM »

โอ้ ถ้าชอบบทความแบบนี้ก็จะเอามาลงอีกคับ ;D ;D
Logged


Ξ ф EũĜęNie Ξ ф
Member
*****
Offline Offline

Posts: 411


« Reply #16 on: February 03, 2008, 10:56:18 PM »

โชคดี ก็ต้องมี โชคร้าย

ล้มได้ ก็ต้องลุกได้

สุข ก็ต้องมี ทุกข์

ทุกๆอย่างก็มีทั้งสองด้าน ผสมกันไป ยังไงชีวิต ก็ต้องเจอทั้งสองอย่างอยู่ดี

เเต่เมื่อไหร่ จะเจอ ไม่รู้...

ปล

- ข้อคิดดีมากๆ อ่านเเล้วประทับใจสุดๆ

- ส่วนตัวเเล้ว เชื่อว่า " โอกาสไม่ได้มีไว้ให้กับทุกคน เพราะบางคนไม่สามารถคว้าได้เเม้กระทั่งโอกาส " 
Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #17 on: February 04, 2008, 06:55:53 PM »

เป็นบทความที่ดีมากครับ ที่แท้สิ่งที่ทำให้ผมลงพุงมานานมีความเป็นมาแบบนี้นี่เอง 

ปล ถ้าผู้พันแซนเดอรส์หันมาทำสลัดขายแทนจะเป็นไงหว่า
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.059 seconds with 20 queries.