Summoner Master Forum
April 19, 2024, 12:17:08 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: นิทานอีสป-เรื่อง สองพ่อลูก กับ ลา  (Read 37119 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« on: October 09, 2008, 06:18:45 PM »



ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีสองพ่อลูกคนโม่แป้งเป็นเจ้าของโรงสีแต่ยากจนมากอยู่ครอบครัวหนึ่ง และปีนี้ด้วย จะเป็นเพราะเคราะห์หามยามร้าย บรรดาลให้ต้องหนักขึ้นมามากกว่าเก่าเข้าไปอีก เพราะเท่าที่ผ่านมาก็ จนแสนที่จะจนอยู่แล้ว และยังมาปีนี้ ด้วย ฝนฟ้าก็ไม่ยอมตกลงมาให้เลยสักนิด พื้นดินจึงเกิดความแห้ง แล้ง และจึงเป็นผลให้ต้นข้าวสาลีที่เมื่อก่อนพอจะมีพวกชาวนานำมาโม่เป็นแป้งนั้นอยู่บ้าง ก็เกิดเหี่ยวเฉาและ ตายเสียจนหมดทุกไร่ไป สองพ่อลูกจึงต้องหนักใจด้วยไม่มีใครนำข้าวสาลีมาสีเป็นแป้งเลยสักเจ้าเดียว ลูกชายได้พูดบอกกับพ่อว่า " พ่อ ๆ แม้แต่แป้งที่จะมาทำเป็นขนมปังใช้กินกัน ก็หมดแล้วนะ จะทำยังไงดีล่ะ " พ่อจึงพูดขึ้นว่า " ต้นสาลีก็ตายหมด ไม่มีใครจะเอามาโม่แล้วด้วย เฮ่อ..กลุ่มใจดีแหละ แต่..เดียวก่อน เรายังมีลาอยู่นี่ไง ไม่มีแป้งโม่ เจ้าลานี่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมี เอาลานี่ไปขายแลกเอาเงินมาใช้กินกันดีกว่า "

Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #1 on: October 09, 2008, 06:19:24 PM »

เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว สองพ่อลูกจึงตัดสินใจที่จะนำลาตัวนั้นไปขายเสียที่ในเมือง ชายเจ้าของโรงสีและลูกชาย จูงลาเดินไปตามทางเรื่อย ๆ อากาศก็ร้อน แดดก็เปรี้ยงเสียด้วยวันนั้น สองพ่อลูกเดินจูงลาและเช็ดเหงื่อที่ไหล ย้อยลงมาอย่างไม่ยอมหยุดและเดินทางไปเรื่อย ๆ ในระหว่างทาง พวกเขาได้พบกับพวกผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งกำลังซักผ้ากันอยู่ที่ริมแม่น้ำ ผู้หญิงในกลุ่มนั้นคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า "ดูนั่นซิ" และยังชี้มือมาทางเจ้าของ โรงสี และลูกชาย " ช่างโง่ชะมัดเลยทั้งสองคน....เธอว่าไหม ?"

Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #2 on: October 09, 2008, 06:20:51 PM »

เจ้าของโรงสีเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็นึกโมโหที่เดินอยู่ดี ๆ ก็มีคนมาว่า " ว่าโง่ชะมัด " อย่างนั้น จึงตะโกนถาม ผู้หญิงคนที่พูดขึ้นนั้นว่า " ทำไมการเดินจูงลาแล้วจะต้องเป็นคนที่โง่ชะมัดอย่างที่หล่อนว่านั้นด้วยเล่า ? " ผู้หญิงคนนั้นจึงพูดว่า " ก็ถ้าเป็นคนที่ฉลาด ๆละก็ ก็คงจะไม่ยอมเดินคลุกฝุ่นอย่างนั้นอยู่ได้น่ะสิ ทั้งๆที่คน หนึ่งน่าจะขี่หลังลา นั่งให้สบาย ๆ แต่ไม่ยักกะทำ พวกเราถึงได้ว่า ว่าโง่ชะมัดยังไงเล่า?"

ผู้พ่อเมื่อได้ฟัง ดังนั้นก็เห็นด้วยกับผู้หญิงคนที่พูดนั้น เขาจึงบอกกับลูกชายว่า " ที่ผู้หญิงคนนั้นพูดก็ถูกนะ ลูกขึ้นไปขี่ลาเถิด มา ขึ้นมา" ว่าแล้วเขาก็ช่วยลูกชายให้ขึ้นนั่งบนหลังลา แล้วทั้งสองคนเดินก็ทางกันต่อไป ในไม่ช้า สองพ่อลูก ก็พบหญิงชรานางหนึ่งมือถือไม้เท้า และกำลังจะเดินสวนทางมาทางสองพ่อลูกเข้าอีก

Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #3 on: October 09, 2008, 06:22:17 PM »

หญิงชรานางนั้นเมื่อเดินสวนมาถึงที่ใกล้ ๆ กับสองพ่อลูก แล้วอยู่ ๆ นางก็ยกไม้เท้าที่ถือมาในมือนั้นขึ้นเคาะไปที่ หัวของลูกชายที่นั่งอยู่บนหลังลาดัง " ป๊อก " แล้วพูดอย่างโมโหฉุนเฉียวว่า " อ้าย คนเนรคุณ ! จอมขี้เกียจ สันหลังยาว อากาศร้อน ๆออกอย่างนี้ แทนที่จะให้พ่อผู้แก่ชรานั่งบนหลังลากับมานั่งเสียเอง ดูสิ ! แกนั่นแหละ ควรเป็นคนเดินไม่ใช่พ่อแก "

ลูกชายตกใจมากที่อยู่ดี ๆก็มาโดนเคาะหัวแล้วยังแถมโดนหญิงชราดุสั่งสอน เอาอย่างนั้นเข้าอีก แต่เขาก็คิดเห็นด้วยกับคำพูดของหญิงชราผู้นั้น " เอ ที่จริงหญิงชราผู้นั้นก็พูดถูกน่ะพ่อ" ลูกชายว่าแล้วก็กระโดดลงจากหลังลาแล้วเปลี่ยนที่ให้พ่อนั่งบนหลังลาบ้าง แล้วจึงเดินทางต่อไปอีก

Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #4 on: October 09, 2008, 06:23:18 PM »

เมื่อเดินทางต่อมาได้อีกไม่ไกลนัก ก็ได้พบกับคนเดินทางเดินสวนทางผ่านมา คนเดินทางผู้นั้นมองสองพ่อลูก แล้วพูดเปรย ๆให้ได้ยินทั้ง ๆหัวเราะว่า " โง่ชะมัดเลยทั้งพ่อทั้งลูก ทั้ง ๆที่ร้อนออกอย่างนี้ มีลาอยู่ทั้งตัว ก็จะมามัวเดินจูงอยู่ทำไมก็ไม่รู้ ก็ขึ้นไปนั่งทั้งสองคนก็หมดเรื่อง ทำไมถึงโง่จริง ๆ เลย ฮ่า ๆๆๆ "

เจ้าของโรงสีและลูกชายก็เห็นด้วยตามที่คนเดินทางผู้นั้นพูดอีกนั่นแหละ " คนเดินทางผู้นั้นพูดก็ถูกน่ะ" ผู้พ่อ ว่า แล้วเขาก็ช่วยให้ลูกชายขึ้นมานั่งลงที่ข้างหลังของเขา แล้วทั้งสองก็เดินทางต่อ โดยขึ้นขี่หลังลาไปด้วยกัน ทั้งสองคน

Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #5 on: October 09, 2008, 06:24:12 PM »

พวกเขาเกือบไปถึงเมืองแล้ว แต่ก็ยังได้ไปพบกับผู้ชายที่เป็นชาวนาคนหนึ่งเข้า "นี่ลาของคุณหรือ" "ใช่" เจ้าของโรงสี ตอบ "เราจะเอาไปขายที่ตลาด คุณถามทำไมล่ะ" ชายชาวนาจึงตอบกลับมาว่า " ก็ในไม่ช้า เจ้าลาที่น่าสงสารนี่ คงหมดแรงลงแน่ ๆ ถ้าต้องแบกคุณสองคนไปตลอดทาง เชื่อสิ " ชายชาวนาคนนั้นตอบ " แล้วตอนนั้นใครเขาจะ อยากซื้อมัน จริงไหม เราคิดว่าถ้าพวกท่านจะช่วยแบกมันแทนล่ะก็ น่าจะดีกว่านะ "

เจ้าของโรงสีและลูกชาย มองตากันและเห็นด้วยกับชาวนาคนนั้นที่พูดทักขึ้นทันที

Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #6 on: October 09, 2008, 06:25:47 PM »



" นี่ก็เป็นความคิดที่ดี" เจ้าของโรงสีเอ่ย แล้วเขาก็หาไม้และเชือกมา ช่วยกันผูกลากับไว้ท่อนไม้ และหามเจ้าลา เข้าไปในเมือง ผู้คนในเมืองไม่เคยเห็นสิ่งที่ตลกเท่านี้มาก่อนเลย "ดูซิ" ชายคนหนึ่งร้อง "พวกเขาพยายามหามลา" คนในเมืองพากันหัวเราะท้องคัดท้องแข็งจนน้ำตาไหล ทีนี้ก็ถึงตาเจ้าลาบ้างแล้ว ลาไม่ว่าอะไรหรอกที่ต้องถูก หามแบบนี้ แต่มันไม่ชอบให้ใครมาหัวเราะเยาะ ดังนั้นมันจึงพยศขึ้น คือมันทั้งดิ้นสะบัดตัวและทั้งเตะทั้งถีบ จนในที่สุดเชือกก็เลยขาดออก แล้วบังเอิญตรงนั้นเป็นสะพานข้ามคลองเข้าพอดี ลาเลยตกลงไปในน้ำและจมหายไปในน้ำนั้นทันที เจ้าของโรงสีและลูกชายจึงจำต้องเดินหน้าเศร้ามือปล่าว กลับบ้านอย่างช่วยไม่ได้ และต้องเสียลาไปโดยปล่าวประโยชน์

" พ่อไม่น่าพยายามจะทำให้ถูกใจทุกคนเลย" เขาบอกและถอนใจใหญ่ "ในที่สุดก็ลงเอยว่า พ่อทำไม่ถูกใจใครสักคน พ่อว่าตอนนี้พ่อเองแหละที่โง่เหมือนลา"






ที่มา:  http://www.naturalprotect.com/viewdetail.php?pid=380
Logged


Annedisonge chicken
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 277


Email
« Reply #7 on: October 09, 2008, 06:27:32 PM »

พ่อเคยเล่าให้ฟังละครับ
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #8 on: October 09, 2008, 07:09:40 PM »

เห  = =

ไม่น่าเอาไปขายเลย นี่ก็เชื่อชาวบ้านไปซะหมด



นิทานอีสปไม่ยักเคยได้ยินเรื่องยาวๆอย่างนี้แฮะเนี่ย 
Logged


Lord_Jack
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 309


Email
« Reply #9 on: October 09, 2008, 07:10:05 PM »

สนุกครับ เพิ่งเคยฟังอะ ขอบคุณครับ
Logged


Zairen Verotzard, [ Bibliophobia ]
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1944


« Reply #10 on: October 09, 2008, 07:16:25 PM »

ไม่ถูกใจใครสักคน

สุดท้าย ก็ชวดกันเอง







อะเมซซิ่งไทยแลนด์

เราเป็นชาติที่มีทรัพยากรมหาศาล

ภูมิประเืทศงามงด

ภัยธรรมชาติก็ไม่มี

แถมพระมหากษัตริย์ยังประเสริฐสุด






แต่มันก็เป็นไปแล้ว....
Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #11 on: October 10, 2008, 02:40:23 AM »

ที่น่าอัศจรรย์ใจคือ อีสป เป็นบุคคลที่มีชีวิตอยู่เมื่อราวปี 620-560 ก่อน ค.ศ.หรือก่อนสมัยพุทธกาลเล็กน้อย แต่ผ่านมากว่า 2000 ปี นิสัยมนุษย์ก็ยังไม่เปลี่ยน
Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #12 on: October 10, 2008, 02:58:20 AM »

ที่น่าอัศจรรย์ใจคือ อีสป เป็นบุคคลที่มีชีวิตอยู่เมื่อราวปี 620-560 ก่อน ค.ศ.หรือก่อนสมัยพุทธกาลเล็กน้อย แต่ผ่านมากว่า 2000 ปี นิสัยมนุษย์ก็ยังไม่เปลี่ยน

พูดแล้วเห็นภาพเลยครับ แถมใช้อธิบายสถานการณ์หลายๆ อย่างตอนช่วงนี้ได้พอดีเลย 
Logged


newplayerkub
Member
*****
Offline Offline

Posts: 43


« Reply #13 on: October 22, 2008, 04:30:41 AM »

โอ้วได้ข้อคิดเยย งับ การฟังแต่ คนรอบข้าง โดยไม่ได้ไตร่ตรองก่อน นี่มัน....
Logged


ตบแหลกGeneral
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 56


Email
« Reply #14 on: November 06, 2008, 10:24:26 PM »

โอ้ ฟังหูไว้หู
Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #15 on: December 08, 2008, 01:49:52 AM »




http://i98.photobucket.com/albums/l273/ninkungz/OldmanChildandDonkeyBanner2-1.png



ที่มา
http://ninkungz.exteen.com/20081205/entry
Logged


Zenonymn
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 483


« Reply #16 on: January 03, 2009, 08:47:22 PM »


ทำยังไงก็ได้ ยังไงถ้าเราคิดว่าถูกก็คงถูก 
Logged


โด
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 467


« Reply #17 on: June 25, 2009, 03:53:21 PM »

แต่ปัญหาที่เกิดในปัจจุบันเกิดขึ้นเพราะ คนคิดว่าที่ตัวเองทำมันถูกกันหมดไม่ใช่เหรอครับ
Logged


abeabeabe
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1127


Email
« Reply #18 on: June 26, 2009, 02:35:41 AM »

ถ้าไม่มีความขัดแย้ง มนุษย์เราก็ไม่มีการพัฒนา

ถ้าไม่มีความขัดแย้งเราอาจจะยังคิดว่าโลกนี้เป็นเป็นวงกลม ทั้งที่มันแบนราบ
Logged


kid^_^
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 102


Email
« Reply #19 on: June 28, 2009, 01:23:49 AM »

ไม่มีอะไรที่ถูกและผิดไปซะหมดหรอกครับ
Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #20 on: June 28, 2009, 05:38:14 AM »











 

Logged


Cobar
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 22


« Reply #21 on: July 19, 2009, 08:22:00 PM »

เรื่องทั้งหมดก็จบเห่
Logged


DIDA
Member
*****
Offline Offline

Posts: 130


Email
« Reply #22 on: August 22, 2009, 06:41:33 AM »

โฮ่ นะ ดีจริงๆ เรื่องนี้ เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้ อย่างมาก !
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.08 seconds with 20 queries.