Summoner Master Forum
April 25, 2024, 05:50:44 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: (อวสาน)Legend D.N.A. of Thaliwilya Notice 1.2 ยังมี…อีกคน..  (Read 7377 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« on: May 02, 2009, 07:12:51 PM »

Legend D.N.A. of Thaliwilya (Legend Daisuke Niwa Angel of Thaliwilya)



ก้าวข้ามผ่านกาลเวลา หลังยุคกลางแห่งเทอร่า  โลกก็เริ่มเข้าสู่ยุคใหม่
เวลาได้ผ่านไปเนิ่นนาน โฉมหน้าของ โลกก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ทวีป

บางแห่งเริ่มมีการแยกตัวออกจากกัน และกลายมาเป็นโลกดังเช่นปัจจุบันนี้
ในห้วงที่กาลเวลา ไหลผ่านไปนั้น ความเชื่อ ศาสนา และวัฒนธรรม

ก็ได้เปลี่ยนไปตามกาลเวลา นั่นได้นำไปสู่การปฏิวัติทางวัฒนธรรม
ครั้งใหญ่ ตั้งแต่การล่าแม่มด สงครามครูเสด การเจรจาสนธิสัญญาและอื่นๆอีกมากมาย

ทำให้บัดนี้ เทอร่า ถูกเรียกว่า โลกมนุษย์ …. ประเทศต่างๆได้ปฏิรูปการปกครองจากระบอบ
กษัตริย์ เป็น ประชาธิปไตยบ้าง คอมมิวนิสต์บ้าง กล่าวคือตอนนี้ เทอร่า คือโลกในปัจจุบัน
ของเราแล้วนั่นเอง


หลังการปฏิวัติทางวัฒนธรรม งานศิลปะที่มีคุณค่าหลายชิ้นได้หายสาบสูญไป
ซึ่งหนึ่งในงานศิลปะเหล่านั้น เป็นงานศิลปะของ ฮิคาริ(Hikari = Light) ว่ากันว่างานศิลปะที่ ฮิคาริ

สร้างขึ้น จะมีพลังบางอย่างแฝงไว้ และจากนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือตำนานของ จอมโจรปริศนา
ผู้สยายปีกสีดำออกโบยบินในรัตติกาลพร้อมกับ อสูรสีขาวคู่ใจ ออกโจรกรรมงานศิลปะที่มีชื่อเสียง

ซึ่งยังหลงเหลือมาจากการปฏิวัติทางวัฒนธรรม โดยการส่งจดหมายเตือนไปก่อนทุกครั้ง
ด้วยเล่ห์เหลี่ยม และความสามารถ ที่เหลือล้นทำให้ไม่มีใครจับจอมโจรผู้นั้นได้เลยซักครั้งในช่วง

ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา การออกโจรกรรมนั้น จะเริ่มขึ้นมาช่วงหนึ่งก่อนจะเว้นช่วงไปอีกหลายสิบปี
คดีจึงกลับมาเริ่มอีกครั้ง เป็นอย่างนี้วนเรื่อยมานับศตวรรษแล้ว บัดนี้ เรากำลังจะเข้าไปพบ

กับอีกหน้าหนึ่งของตำนานอันแสนลึกลับนี้…เอ๊ะหรือบางทีอาจไม่ใช่ก็ได้….มั้ง….



……………………
…………………………..



Notice 1.1… เมื่อ Dark คืนชีพ….



 “ ขอโทษนะ…นิวะ คุง แต่ฉันคงตอบรับเธอไม่ได้หรอก…แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นี่ ”
เสียงของสาวน้อยผมสีน้ำตาลออกแดงนิดๆ ดังขึ้นพร้อมกับยื่น ซองจดหมายสีชมพู คืน
ให้แก่เด็กหนุ่มผมสีแดง

“ อ….อืม… ”
เด็กหนุ่มผมตั้งสีแดงตอบพร้อมกับรับจดหมายกลับมา ดวงตากลมโตสีแดงนั้นสั่นระเรื่อ
เหมือนกับจะร้องไห้ นิดๆ ขณะที่ สาวน้อยได้หันหลังให้เขา

……………………..
………………………….

โรงเรียนมัธยมต้นเขต Azumano

โรงเรียนแห่งนี้ ประกอบด้วยสวนที่กว้างขวาง ซึ่งสองข้างทาง เดินเข้าสู่ตัวอาคารเรียนนั้นรายล้อมด้วยต้นไม้
ให้ความร่มรื่น ตลอดทาง ที่ทอดไปยังซุ้มประตูทางเข้า อาคารเรียน 4 ชั้น ทรงยุโรปสมัยใหม่

หลังคาหน้าจั่ว และที่ผนังของหอที่ยืนออกมาด้านหน้าตัวอาคารนั้น ตั้งนาฬิกา ขนาดใหญ่เอาไว้
เพื่อบอกเวลา แก่นักเรียน  ตัวอาคารกว้างและยาวประมาณอาคาร สามหลังต่อกันได้ โรงเรียนนี้มีสามชั้นปี
แบ่งกันเป็นปีที่ 1-3 และในแต่ละชั้นปีก็แยกย่อยออก เป็นห้อง A-F  

ห้องปี 2-B



เสียงพูดคุยที่ดังอึกอึง กันในบ่ายนี้มาจาก เหล่าบรรดานักเรียน ที่กำลัง เตรียมตัวเก็บของกลับบ้าน
เนื่องจาก คาบเรียนสุดท้ายพึ่งจะจบไป  

“ อะไรนะ ริสะ  ปฏิเสธ นิวะ คุงไปแล้วหรอ ”
“ หืมมม..นิวะ คุง เค้ามาสารภาพรักกับเธอเหรอ ”
เสียงอุทานดังขึ้นจากนักเรียนสาวสองคนที่กำลังยืนจ้อง นักเรียนสาวที่คืนจดหมายให้แก่เด็กหนุ่มไป
เมื่อกลางวัน เธอคือ ฮาราดะ ริสะ (Harada Risa)

“ ก็แหม….ฉันไม่คิดนี่นาว่าเราจะไปกันได้ ฉันรู้ว่าพูดไปแบบนั้นมันไม่ดี แต่ นิวะคุง เค้าก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปจากคนอื่นเลย ”
ริสะ เปรยให้เพื่อทั้งสาวทั้งสองฟัง ขณะที่ควงดินสอเล่นไปมาพลางๆ

“ ในสายตาของฉัน เค้าก็เป็นแค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่งเท่านั้นเอง…สำหรับฉัน นะคนที่ฉัน
จะตอบรับด้วยจะต้อง เป็นคนที่เท่ห์ๆแล้วก็ตัวสูงๆ  ”
ริสะ กล่าวน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาทันที ขณะที่เพื่อนๆของเธอได้แต่ตีสีหน้าเอือมๆ กับความมากเรื่องของเธอ

“ ริสะ ฉันว่าเธอตั้งสเปคไว้สูงเกินไปรึเปล่า ”
เพื่อนหญิง คนหนึ่งแย้งเมื่อเห็นว่า เธอชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่

…..

“ ไดสุเกะ! ”
นักเรียนชายคนหนึ่งเรียกชื่อเพื่อนที่ นั่งซึมกะทืออยู่บนโต๊ะ ทว่าเจ้าตัวกลับไม่มีทีท่าจะตอบรับเลย
ในขณะที่เพื่อนอีกคน เอาเก้าอี้หันมาชนโต๊ะ เขา ก่อนจะโบกมือไปมาที่หน้าของเค้า แต่ ไดสุเกะ
  (Niwa Daisuke) ก็ไม่มีท่าทีตอบรับเช่นเดิม



“ ทำหน้าเป็นคนแก่เบื่อโลกอีกแล้วนะนายเนี่ย ”
เพื่อนชาย ที่เอามือโบกใส่หน้ากล่าวก่อนจะหยุด

“ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วนะเนี่ย ”
เพื่อนชายที่ทักเขาตอนแรก กล่าวขณะที่มอง ไดสุเกะ ที่ยังคงนิ่งซึมไม่รับรู้อะไรอยู่
หลังจากถูกปฏิเสธรักแรกมาเต็มๆ


“ เฮ้ยนี่ จะกลุ้มไปทำม้ายย ร่าเริงเข้าไว้สิ ร่าเริงเข้าไว้ ”
เพื่อนชายที่ทักตอนแรก กล่าวก่อนจะ ล็อค คอ เค้าลากออกจาก เก้าอี้

“ นี่มันให้กำลังใจกันแบบไหนเนี่ย ”
เพื่อนชายอีก คนคิดขณะที่ ไดสุเกะ ถูกลากครูดไปแบบเก้ๆกังๆ

“ คืนนี้แหละ คืนนี้ ที่รอคอยมานานก็มาถึงจนได้ เลือดนักข่าวในตัว ซาเอฮาระ ทาเคชิ
คนนี้มันพุ่งพล่านไปหมดแล้ว  Big Even เลยยะฮู้  ” (Saehara Takeshi)

“ ซ…ซาเอฮาระ..ชั้นหายใจไม่….ออก ”

เพื่อนชายผมตั้งชี้ฟูสีดำ กล่าวอย่างเริงร่าขณะที่ ไดสุเกะ ซึ่งโดนเขาล็อกคอ เอาไว้นั้นพยายามจะดิ้นให้หลุด
เพราะหายใจไม่ออก ในขณะที่เพื่อนชาย อีกคนนั่งเท้าคาง ด้วยความเคยชินกับ อาการกระดี๊กระด๊า ของ
ซาเอฮาระ ที่เป็นอยู่บ่อยครั้ง

“ นี่เป็นข้อมูลที่ชั้นได้มาจากพ่อเชียวน้า คืนนี้ตอน 5 ทุ่ม จะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น!! ”
ซาเอฮาระ กล่าวหลังจากที่ปล่อยคอ ไดสุเกะ แล้วส่วน ไดสุเกะ ก็นั่งไอ ค่อกแค่ก เอามือแตะต้นคอ
ที่ระบมจากการถูกรัด ขณะที่ ฟัง ซาเอฮาระ ไปด้วย

“ แต่ว่า วันนี้ชั้นเป็นเวรทำความสะอาด เพราะงั้นชั้นฝากนายทำเวรแทนทีนะ ”
และแล้ว ซาเอฮาระ ก็ยัดเยียดไม้กวาดที่ถือเอามาให้ ไดสุเกะ แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“ เอ๋..ด..เดี๋ยวก่อนสิ ”
ไดสุเกะ แย้งจะปฏิเสธ แต่ ซาเอฮาระ ก็ยื่นเอารูปถ่ายของ ริสะ ขึ้นมาต่อหน้าเขา

“ นะ แล้วชั้นให้ไอ้นี่เป็นการตอบแทน ”
ซาเอฮาระ กล่าวขณะที่ ไดสุเกะ นั้นถึงกับเคลิ้มไปขณะที่รับรูปมา รู้ตัวอีกทีเค้าก็รับสินบนไปเต็มๆซะแล้ว

“ งั้นชั้นฝากนายด้วยนะ  ไปล่ะ ”
สิ้นคำ ซาเอฮาระ ก็โกยสุดเกีย วิ่งออกจากห้องไปไม่รอคำตอบ ของ ไดสุเกะ ที่พึ่งได้สติ

“ เฮ้...เดี๋ยว ซ..ซาเอฮาระ ”
ไดสุเกะ ที่จะกล่าวปฏิเสธนั้น ก็ไม่ทันจะบอกเสียแล้ว เพราะ ซาเอฮาระ วิ่งแจ้นหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ อีกแล้วเหรอเนี่ย.. ”
ไดสุเกะ เปรยคอตก ด้วยความหนักใจ

“ ชั้นเองก็ไม่รู้ว่านายจะช่วยหมอนั่นทำไปทำไมน้า ”
เพื่อนชายอีกคน กล่าวด้วยทีท่า เคยชิน ก่อนจะเดินออกไป
ทิ้งให้ ไดสุเกะ ต้องทำความสะอาดอยู่คนเดียว

................
...................

ประตูห้องศิลปะ


“ โธ่ ..ทั้งที่นี่เป็นวันครบรอบวันเกิด 14 ปีของ ชั้นแท้ๆเลยน่าจะเป็นวันที่โชคดีที่สุด แต่นี่มันกลับตาลปัตรหมดเลย.. ”
ไดสุเกะ เปรยขณะที่รูดบัตรในมือ ลงไปที่ช่อง แผงปลดล็อค ประตู แต่กลับมีเสียง วี้ ดังออกมา
ว่าบัตรไม่ผ่าน แต่เค้าก็ยัง คงรูดมันต่อไปทั้งอย่างนั้น จนเมื่อรู้สึกตัว จากเสียงที่ ดังออกมาติดต่อ
กันจากการรูดอย่างต่อเนื่อง

“ อ๊ะ..นี่ชั้น หยิบการ์ดมาผิดใบนี่ ”
ไดสุเกะ เปรยขณะที่ยกการ์ดขึ้นมาดู ขณะที่ความโชคร้ายนี้เหมือนกับจะซ้ำเติม หยาดน้ำตาได้ไหลริน
ออกมาด้วยความน้อยใจ

“ ทั้งที่อุตส่าห์ รวบรวมความกล้าไปสารภาพแล้วแท้ๆ..ชั้นนี่มัน..ซุ่มซ่ามจริงๆ..
ผมนี่มันน่าเบื่อจนอยากจะตายจริงๆ..ทั้งที่พยายามจะเปลี่ยนตัวเองแล้วแท้ๆ ”

ไดสุเกะ เปรย ขณะที่ยกแขนเสื้อเช็ดคราบน้ำตาออก ขณะที่กำลังรำพึงถึงความไม่เอาไหนของตัวเองอยู่นั้น
ผ้าเช็ดหน้าผืนสีขาวพับทบอยู่ผืนหนึ่งก็ถูกยื่นมาให้ เมื่อหันไป
เพื่อนนักเรียนชายผมสีฟ้าอมเทา ดวงสีเดียวกับผมของเค้าที่อยู่หลังแว่นตา นั้นดูเงียบขรึม

“ อ...วะ..หวา...ฮิ..ฮิวาตาริ คุง ”
ไดสุเกะ อุทานสะดุ้งทันทีขณะที่สองมือประคับประคองผ้าเช็ดหน้าที่
อีกฝ่ายปล่อยมาแบบไม่ทันตั้งตัว

แกร๊กๆๆ

เสียงลูกบิดประตูดังขึ้นขณะที่ ฮิวาตาริ บิดลูกบิดประตูทว่ามันยังล็อคอยู่ เพราะ ไดสุเกะ เอาการ์ดมาผิดใบ





“ อ...อ๊า..ข..ขอโทษนะ ฮิวาตาริ คุง พอดี ผมหยิบ การ์ดมาผิด น่ะ ประตูก็เลยล็อค เดี๋ยวผมจะเปิดประตูให้เดี๋ยวนี้ล่ะ ”
ไดสุเกะ กล่าวเลิกลั่ก ขณะที่หันเข้าไปหาแผงวงจรควบคุมล็อคประตู

“ เปิดมัน..งั้นเหรอ ? ”
ฮิวาตาริ เปรยด้วยความสงสัยในคำพูดของ ไดสุเกะ

“ อืม...อันนี้มันเป็นรุ่นเก่าแล้วน่าจะเปิดได้ง่ายๆน่ะ ”
ไดสุเกะ พึมพำขณะที่ เลื่อนเปิดฝาครอบของแผงควบคุมลงซึ่งด้านหลังฝาครอบนั้น มีปุ่มกดรหัสติดตั้งเอาไว้
หลังจากพินิจอยู่ซักครู่ ไดสุเกะ ก็กดปุ่มป้อนรหัสลงไปอย่างคล่องแคล่ว

ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ ติ๊ง!!~
เสียงดังขึ้นก่อนที่ล็อคประตูจะปลดออก

“ มันเปิดแล้วล่ะ ”
ไดสุเกะ เปรยด้วยทีท่าร่าเริง ขณะที่เปิดประตูห้องออก

“ อ๊ะ..จริงสิ  ฮิวาตาริ คุงมาทำอะไรที่นี่เหรอ ”
ไดสุเกะ ถามขึ้นเหมือนพึ่งนึกได้ ขณะที่หันกลับไปถามนั้น ฮิวาตาริ ก็กำลัง จดอะไรบางอย่างลงในสมุดพกเล่มเล็ก
ปกสีดำอย่างรวดเร็ว

“ ชั้นเป็นเวรทำความสะอาดน่ะ ”
ฮิวาตาริ ตอบเสียงเรียบขณะที่ยังคงจดบันทึกต่อไป

“ จ..จริงด้วยสิ..โทษนะที่ถามอะไรแปลกๆน่ะ ”
ไดสุเกะ กล่าวด้วยทีท่าที่ปรับตัวกับกริยาของอีกฝ่ายไม่ถูก

“ ฮิวาตาริ ซาโตชิ คุง เค้าเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเข้าหาใครซักเท่าไหร่
ถึงจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน แต่เราเองก็ยังไม่เคยได้คุยกับเค้าเลย ”




“ นิวะ ไดสุเกะ...นาย... ”
ฮิวาตาริ ที่อยู่ๆก็หันมาถามขึ้นเอาเสียดื้อๆทำเอา ไดสุเกะ สะดุ้งไปไม่น้อย

“ เอะ..เอ๋..ม..มีอะไรเหรอ ฮิวาตาริ คุง ”
ไดสุเกะ ตอบรับแบบสะดุ้ง ด้วยความตกใจ ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันถามจบ

“ นายรู้วิธีปลด ล็อค ประตูแบบนี้ได้ยังไง ”
ฮิวาตาริ ถามต่อโดยไม่สนว่าเค้าจะพูดอะไร ด้าน ไดสุเกะ ที่ฟังคำถามจนจบ
ก็นิ่งไปซักพักใหญ่

“ จริงสิ เด็กธรรมดาทั่วไปจะไปรู้วิธีปลดล็อคระบบรักษาความปลอดภัยได้ยังไง...จะบอกว่าเราเคยทำก็ไม่ได้ด้วย ”
ไดสุเกะ คิดขณะ ที่ตอนนี้พยายามเค้นสมองหาข้อแก้ตัวสุดชีวิต

“ อ๊า~...น..นั่น...มันเพราะว่า..มันเหมือนของที่บ้านอยู่อันหนึ่งน่ะ...เอ่อ.คือคนในบ้านผมเค้า..เอ่อ...”
ไม่ทันจะยั้งคิดยั้งปาก ไดสุเกะ ก็แก้ตัวออกไปแบบน้ำขุ่นๆเสียแล้ว

“ บริษัทรักษาความปลอดภัย ZIG II ....ล็อค ที่บ้านนายคงพิเศษมากเลยสินะ ”
ฮิวาตาริ เปรยขณะที่ อ่านรายละเอียดของ บริบัทที่รับผิดชอบระบรักษาความปลอดภัยนี้ซึ่งแปะอยู่บน แผง
ควบคุม  

“ วันนี้มันวันซวยชัดๆ ”
ไดสุเกะ คิดอยู่ในใจขณะที่หัวเราะ แหะๆ รับมุขไปแบบเก้ๆกังๆ

........................
..............................


« Last Edit: June 28, 2009, 03:56:02 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #1 on: May 02, 2009, 07:13:15 PM »

“ กลับซะสายโด่งเลยเรา… ”
ไดสุเกะ เปรยกับตัวเองขณะที่ เปิดประตูบ้านเข้าไป


“ กลับมา….แล้ว… ”
ไดสุเกะ ตะโกนได้ไม่ทันจะขาดคำ อยู่พื้นที่เค้ายืนก็ราวกับหายเป็นอากาศธาตุไป ไม่ทันจะก้มลงไปดู
มือ ของ ไดสุเกะ ก็เอื้อมจับกันสาดพื้น ประตูบ้านได้ก่อนที่ จะร่วงลงไปยังหลุมที่ลึกจนไม่เห็นก้นซึ่งพื้นไม้
ในบ้านที่ควรจะเป็นไม้ขัดเรียบปูเอาไว้กลับเป็น ประตูกลที่ส่งผู้บุกรุก ลงไปในหลุมกับดักนี้ได้แทน

“ ฮึบ… ”
ไดสุเกะ เอาเท้ายันกับผนังของหลุม เอาไว้ก่อนจะออกแรงถีบยันตัวเค้าขึ้นมาจากหลุม
และเมื่อเค้ามองเข้าไปในบ้าน ถัดจากประตูกลที่พื้น ก็มีแสงเลเซอร์ ตรวจจับ วิ่งไปมาอยู่ตามทางเดิน
ในบ้านอีกมากมาย

“ วันนี้คงไม่ให้เข้าไปง่ายๆงั้นสิ ”
ไดสุเกะ เปรยเสียงเรียบอย่างไม่ทุกข์ร้อน ทั้งที่เวลาแบบนี้หากเป็น เด็กทั่วไปคงได้สติแตกไปแล้ว
ที่บ้านตัวเองเต็มไปด้วยกับดักมากมาย

“ ช่วงจังหวะที่ เซ็นเซอร์ตรวจจับ วิ่งจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เว้นไว้ไม่ให้มันซ้อนกันเอง…ต้องใช้ช่วงนั้น ”
ไดสุเกะ คิดขณะที่สายตาก็จดจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของ เลเซอร์ตรวจจับ ขณะที่ย่อตัวเพื่อเตรียม
ให้พร้อมกับจังหวะที่เล็งไว้

เมื่อแสงเลเซอร์ วิ่งกันไปซักระยะ ก็เกิด ช่วงรอยต่อที่เว้นเอาไว้ ไม่ให้แสงชนกันเอง
พริบตานั้น ไดสุเกะ ก็พุ่งตัว

ข้ามประตูกล ลอดฝ่าช่องว่างของเลเซอร์ตรวจจับไป และก่อนจะล้มลงไปซ้นกับพื้น
เค้าก็ยื่นมือออกไปยันกับพื้น และออกแรง ดีดตัว

ข้ามช่วงจังหวะที่ เลเซอร์ ชุดต่อไปเว้นไว้ขณะที่
ช่องว่างที่เค้าอยู่ตอนนี้ กำลังจะ หายไป และเมื่อทำแบบนี้ซ้ำกันไปจนสามารถผ่าน
 ลำแสงตรวจจับทั้งหมดมาได้ 

หลังจากที่ผ่านกับดักเหล่านั้นมา เมื่อเดินไปตามทางเดินในบ้าน ก็มาจนถึงประตูห้องนั่งเล่น
ที่เหนือประตูมีป้าย เขียนแสดงความยินดี ติดเอาไว้ พร้อมกับป้ายลูกศร ชี้ลงมาที่ประตู

ขณะที่ ไดสุเกะ กำลังจะเปิดประตูเค้าก็รู้สึกเอะใจขึ้นมา บางอย่างสังหรณ์ของเค้าบอกว่า
ที่ลูกบิดประตูมีอะไรกำลังไหลผ่านอยู่ เมื่อคิดดังนั้น เค้าจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
เพื่อจะหาอะไรซักอย่างก่อนจะควักเอาผ้าเช็ดที่ได้รับจาก ฮิวาตาริ ขึ้นมา

“ จริงสิ เราลืมคืนนี่ให้ ฮิวาตาริ คุง ไปนี่…งั้นตอนนี้ขอยืมใช้ก่อนก็แล้วกันนะ ”
ไดสุเกะ คิด ขณะที่หยิบเอากุญแจที่อยู่ใน กระเป๋าอีกข้างขึ้นมาห่อด้วยผ้าเช็ดหน้านั้น
แล้วจึงนำมันแตะใส่ช่องเสียบกุญแจ ทว่าทันทีที่ หัวลูกกุญแจ แตะถูกลูกบิด ก็เกิดประกายไป
แวบขึ้นมา ทำให้ ไดสุเกะ สะดุ้งจนต้องชักมือ กลับมา

“ ไฟฟ้าแรงสูง…เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ ”
ไดสุเกะ คิดขณะที่กวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อจะหาวิธีเปิดประตูเข้าไป ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่า
ป้ายลูกศรที่ติดอยู่ข้างๆป้ายแสดงความยินดีนั้น มันอ้าอยู่เล็กน้อย วินาทีนั้นความคิดก็แวบเข้ามาใน
หัวเค้าทันที

ไดสุเกะ ยื่นมือไปดันป้ายลูกศร ขึ้นและแล้วเค้าก็พบกับ กุญแจอีกดอกที่เหมือนกับของเขาแต่ว่า
ทำจากวัสดุที่เป็นฉนวนกันไฟฟ้า  เขาค่อยๆคลี่ยิ้มออก ก่อนจะเอากุญแจดอกนั้นมาใช้ไขประตูเปิดเข้าไป

“ กลับมาแล้วคร้าบ…หวา ”
ไดสุเกะ กล่าวขณะที่เปิดประตูห้องนั่งเล่นเข้าไป ก่อนจะถูก หญิงผมสั้นสีบลอน
ผู้เป็นแม่ โผเข้ามากอดด้วยความเริงร่า

“ ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้า ได-จัง  ”
แม่ของเขา นิวะ เอมิโกะ (Niwa Emiko) กล่าวขณะที่กอดลูกชายสุดที่รักไปด้วย

“ เหวอ…ด…เดี๋ยวก่อนสิครับคุณแม่ ”
“ โฮ่ๆๆ วันนี้ได้คะแนนเต็มเลยนะ ไดสุเกะ แม่ของเจ้าดีใจมากเลยล่ะ ทำได้ดีมาก ”

ขณะที่ ไดสุเกะ พยายามจะแกะแขนของแม่ที่รัดเค้าซะแน่นออก เสียงหัวเราะแหบๆ
ก็ดังมาจากด้านหลัง มันเป็นของชายชราซึ่งผมที่ชี้ตั้งนั้นหงอกเป็นสีขาว และใบหน้าปกคลุมด้วย
หนวดเครา กำลังยื่นหน้าปัดของ นาฬิกาจับเวลาให้เค้าดู ซึ่งเวลาทั้งหมดที่ใช้ฝ่ากับดักเข้ามานั้น
คือ 1.20 นาที

“ ทำได้ดีขนาดนี้ก็คือหลักฐานที่แสดงว่าเจ้ามีอายุ ครบ 14 ปีอย่างแท้จริง การฝึกฝนอันแสนยาวนาน
ก็ได้เสร็จสิ้นลงซักที…ที่นี้เรื่องภาระกิจ และการต่อสู้อันยาวนานของบ้านนี้วันนี้ขอมอบ… ”
คุณตาของไดสุเกะ นิวะ ไดคิ (Niwa Daiki)  กล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง ทว่า ไดสุเกะ ก็เดินเลยผ่าน
ไปโดยไม่สนที่จะฟัง


“ อ…อ้าวแล้วนั่นเจ้าจะไปไหนล่ะมาฟัง ตา พูดให้จบ ก่อนสิ ”
ไดคิ ตา ของเค้าเรียกขณะที่ ไดสุเกะ เดินขึ้นบันได ไปด้วยท่าทีห่อเหี่ยว

“ โทษที คุณตา แต่วันนี้ผมเจอปัญหามามากแล้ว… ”
ไดสุเกะ กล่าวก่อนจะเดิน หายขึ้นไปชั้นบนของบ้าน

“ คุณพ่อคะ…ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงจนได้นะคะ ”
เอมิโกะ แม่ของ ไดสุเกะ ทักขึ้น ขณะที่ทอดสายตามองไปยังชั้นบนที่ลูกชายของเธอ
พึ่งขึ้นไป

“ อืม…เวลาที่เค้าต้องรับสืบทอดหน้าที่ของ ตระกูลนิวะ ”
ไดคิ เปรยขณะที่ โทรทัศน์ตอนนี้กำลังรายงาน ข่าวสำคัญที่แทรกขึ้นมาระหว่างรายการ

“ ตอนนี้เรากำลังถ่ายทอดจากหน้าพิพิธภัณฑ์ ศิลปะ Esuviiru ในเขต Tokyo Azuma ซึ่งจะ
เปิดแสดงงานศิลปะสูงค่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้  ซึ่งในคืนนี้  ขนแห่งฟีนิกซ์ (Phoenix Feather)

ได้ถูกส่งมาร่วมในงานแสดงครั้งนี้ด้วย
แต่ที่น่าตกใจค่ะคือ มีจดหมายเตือนส่งมาถึงทางกรมตำรวจ ก่อนหน้านี้ด้วยค่ะ…. ”

เสียงของผู้รายงานข่าวดังออกมาจากทาง โทรทัศน์ ที่เปิดทิ้งไว้ในห้องนั่งเล่น



……….

ประตูห้องของ ไดสุเกะ เปิดออก ก่อนที่ตัวเค้าจะย้ายเข้ามาและปิดมันกลับไป
ภายในห้องนั้นมืดสลัวนิดหน่อย เพราะแสงตะวันยามเย็นที่ส่องผ่านผ้าม่านใบใหญ่เข้ามาได้ไม่ไหมด
 แต่ก็ยังพอให้ความสว่างแก่ห้องได้ ภายในห้องไม่มีเครื่องเรือนมากมายนัก นอกจากชั้นวางเตียงที่ต่อขึ้น

ไปอยู่ด้านบน
โต๊ะทำงาน กับเครื่องเขียนต่างๆและคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็มี

เพียงโซฟายาวสองเก้าอี้ ที่ตั้งอยู่ริมห้อง และหน้าต่างบานใหญ่ที่ปิดไว้ด้วยม่าน กับเชือก
สำหรับเปิดบานกระจกเพื่ออกไปยังระเบียงด้านนอก



“ กิ้ววว ”
เสียงร้องน้อยๆดังขึ้นมาจาก ด้านล่างเมื่อเค้าก้มลงไปก็พบกับ หนูตัวใหญ่ขนของมันเป็นสีขาว
และนุ่มมันมีหูที่ยาวคล้ายกระต่าย แต่ก็มีหางที่ยาวเป็นพวงด้วยดวงตาของมันกลมโต และเป็น
สีทองแต้มแดง (Shining Rat)
มันวิ่งเข้ามาหาเค้าก่อนจะไซร้กับขาของเค้าด้วยท่าทีเชื่องๆ



“ โทษนะ วิซ(Wiz) ที่วันนี้ไม่ได้พานายไปด้วยน่ะ ”
“ กิ้ววว ”
ไดสุเกะ ก้มลงนั่งยองๆแล้วคว้าตัวมันขึ้นมาอุ้ม วิซ ก็สะบัดหางของมันไปมา เหมือนปกติ
และส่งเสียงร้องน้อยๆของมันออกมา

“ เพราะวันนี้ชั้นมีเรื่องสำคัญต้องทำ….แต่อะไรๆมันก็ไม่พร้อมเอาซะเลย ”
ไดสุเกะ เปรยออกมาขณะที่ ล้มตัวลงนั่งพิงผนังห้อง ก่อนจะวางกระเป๋าลงแล้วหยิบเอา
จดหมายรักที่เค้าตั้งใจเขียนมันขึ้นมาอย่างลำบาก ขึ้นมามองด้วยสายตาอาวรณ์

“ จดหมายนี่มันก็ไม่จำเป็น….อีกแล้ว ”
ไดสุเกะ เปรยขณะที่มือของเค้านั้นผ่อนแรงลงโดยไม่รู้ตัวทำให้  ซองจดหมายกับรูปที่ ซาเอฮาระ ให้เค้ามาซึ่งหนีบติดขึ้นมากับซอง หล่นแยกกันไป ขณะที่เค้าลุกลี้ลุกลนจะ เก็บของเหล่านั้นขึ้นมา สายตาของเค้าก็เหลือบไปเห็น
ภาพถ่ายของ ริสะ ที่ได้มาจาก ซาเอฮาระ ซึ่งปลิวตกมาอยู่บนพื้น

“ นิวะ คุง…เราเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันไปเถอะนะ ”
เสียงปฏิเสธของ ริสะ ดังก้องขึ้นในหัวของเค้า ก่อนที่หัวใจของเค้าจะเต้นแรงและไม่ยอมหยุด

“ น…นี่มันอะไรกัน…ความรู้สึกประหลาดๆนี่มัน….อัก.. ”
ไดสุเกะ ครวญขณะที่ ล้มทรุดลงกุมหน้าอกด้วยความทรมาน

“ ต…ตัวเรา ร้อนไปหมดเลย… ”
ไดสุเกะ คราง ขณะที่คลานไปจนถึง หน้าต่างก่อนจะดึงเชือกลงมา หน้าต่างห้องจึงเปิดออก
 ลมข้างนอกพัดเอาม่านปลิวออกมาบังร่างของเค้าไว้ก่อนที่ เสียงครางของเค้าจะเงียบไป


 
…………….


“ 5 ทุ่มของวันนี้ขอรับ ขนนกแห่งฟีนิกซ์ ไปก่อนนะ จากจอมโจร
ดาร์ค(Dark) งั้นเรอะ..โอหังไปแล้ว
ที่นี่มีการป้องกันแน่นหนาถ้าคิดว่าจะขโมยไปได้ก็ลองดูซี่ ฮะๆๆ ”
ชายวัยกลางคนผมสีดำกำลังหัวเราะร่า ซึ่งเค้าก็คือพ่อของ ซาเอฮาระ ทาเกชิ

 ในขณะที่ตอนนี้ รอบอาคาร
พิพิธภัณฑ์ นั้นมีกำลังตำรวจมาตรึงเอาไว้รอบด้านแล้ว หลายนาย

“ สารวัตร ซาเอฮาระ ครับท่านผู้กำกับ มาถึงแล้วครับ ”
นายตำรวจ คนหนึ่งเข้ามารายงานพร้อมทำความเคารพ ขณะที่ สารวัตร ถอนหายใจด้วยทีท่าหน่ายๆ

“ ที่จริงไม่เห็นต้องสละเวลามาให้ลำบากเลยเรื่องแค่นี้ น่ะพวกเราจัดการกันเองได้อยู่แล้วนี่ ”
สารวัตร บ่นด้วยความไม่พอใจนิดหน่อยที่ ทำเหมือนกับว่าพวกเค้าไม่น่าไว้วางใจพอ

ขณะเดียวกัน ที่สวนด้านหลัง พิพิธภัณฑ์ บนต้นไม้ ต้นหนึ่ง ซาเอฮาระ กำลังตั้งกล้องอยู่บน
ต้นไม้เพื่อคอยจับภาพ ที่จะเกิดจาก ฝั่งพิพิธภัณฑ์ อยู่

“ เอาล่ะคอยดูเถอะจะต้องจับภาพเอาไว้ให้ได้เลย การปรากฏตัวอีกครั้งหลังจากที่หายไปถึง 40 ปี จอมโจรดาร์ค.. ”
ซาเอฮาระ คิดขณะที่ จับตาดูอยู่อย่างไม่ละสายตา


……………….
…………………….

“ เย้ยยย…แม่ครับ แม่ครับ แม่คร้าบ…นี่มันอะไรกันครับเนี่ย ”
เสียงของ ไดสุเกะ ลั่นลงมาก่อนตัวจะถึงพื้นเสียอีก ขณะที่ ไดคิ กับ เอมิโกะ หันไปสนใจ

“ ต๊ายยย…หล่อระเบิดไปเลยนี่จ้ะ ได-จัง ”
เอมิโกะ ยิ้มส่งให้แบบไม่กังวลอะไรกับสภาพของ ลูกชายที่เปลี่ยนไปในตอนนี้
จาก ผมตั้งชี้สีแดง กลับยาวปรกหน้าและ เป็นสีม่วง
อีกทั้งส่วนสูงของเค้าก็เพิ่ม และหน้าตายังเคร่งขรึมขึ้นดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตอนแรก



“ ไม่ใช่อย่างนั้น…อ…เอ่อ อธิบายมาก่อนสิครับ…นี่มันเรื่องอะไรกัน…
แบบนี้จะออกไปก็ไม่ได้ จะไปโรงเรียนก็ไม่ได้ ”
ไดสุเกะ โวยวายรนราน ขณะที่ เอมิโกะ ยังคง ยิ้มหวานไม่รู้ร้อนรู้เย็นอะไรอยู่ดี

“ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะบ้านเราก็เป็นอย่างนี้เสมอแหละ ”
เอมิโกะ กล่าว ขณะที่ ไดสุเกะ ได้ฟังก็เป็น งงกับคำตอบของ เธอ

“ คงเคยได้ยินใช่ไหมจ้ะ เรื่องจอมโจร ดาร์ค ในตำนานที่จะสยายปีกสีดำในยามราตรี ตระกูลนิวะ
ของเรา สืบทอดพลังของ ดาร์ค ต่อเนื่องกันมากว่า 400 ปี เด็กชายที่เกิดในตระกูลเราน่ะ

พอ อายุได้ 14 ปีทุกคนก็จะเริ่มทำการ
โจรกรรมครั้งยิ่งใหญ่ และคราวนี้ก็ถึงตาของลูกแล้วไงล่ะจ้ะ ไดสุเกะ อ๋อไม่สิ ดาร์ค… ”
เอมิโกะ อธิบาย อย่างคร่าวๆให้เค้าฟัง


“ งั้นที่ผมฝึกมาตั้งแต่เด็กก็เพื่อ…ก็เพื่อให้เป็นโจร งั้นเหรอ…ไม่เอาด้วยหรอก
ทำให้ผมกลับเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้นะ ”
ไดสุเกะ แย้งทันที

“ ทำไม่ได้หรอกจ้ะ ก็แม่ส่งคำเตือนออกไปแล้วนี่จ้ะ บอกว่าคืนนี้เวลา 5 ทุ่มจะมารับ ขนนกฟีนิกซ์ ไปยังไงล่ะจ้ะ  ”
สิ้นคำของ เอมิโกะ เรื่องที ซาเอฮาระ พูดกับเขาเมื่อเย็นก็แวบขึ้นมา

“ คืนนี้ตอน 5 ทุ่มจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ ”
“ ที่ ซาเอฮาระ บอกหมายถึงเรื่องนี้เองเหรอ ”
ไดสุเกะ คิดขณะที่นึกทบทวนถึงเรื่องเมื่อตอนนั้น

“ ไม่มีทาง…ผมทำไม่ได้หรอก ”
ไดสุเกะ แย้งขึ้น

“ ไม่หรอก…ถ้าเป็นเจ้าต้องทำได้แน่ ไม่สิมีแต่เจ้าเท่านั้นที่ทำมันได้ ”
ไดคิ กล่าวขณะที่ยกถ้วยน้ำชาขึ้นซด

“ คุณตา.. ”
ไดสุเกะ เปรยด้วยใจที่ตอนนี้ยังไม่อยากจะยอมรับนัก

“ ตระกูลนิวะ ของเรา ไม่มีผู้สืบทอดคนอื่นนอกจากเจ้าอีกแล้วนะ อีกเรื่องคือตราบใด
ที่เจ้ายังไม่ได้ ขนนกฟีนิกซ์ มาเจ้าก็ไม่อาจคืนร่างเดิมได้ ”
ไดคิ ตอบ แม้จะลำบากใจ แต่ไดสุเกะ ก็ไม่มีทางเลือก จึงตัดสินใจจะทำตามที่ ตา บอก

“ ถ้าเอาขนนกฟีนิกซ์ กลับมาได้ ก็จะกลับเป็นเหมือนเดิมได้ใช่ไหม ”
ไดสุเกะ ถามเพื่อขอคำยืนยัน

“ แน่นอนจ้ะ ”
ไดคิ กับ เอมิโกะ ประสานเสียงขึ้นแทบจะพร้อมกัน

“ กิ้ววว ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่ วิซ จะกระโดดขึ้นมาบนบ่าของเขา

“ อ่ะนี่จ้ะ อุปกรณ์แล้วก็ชุดกับของที่จำเป็นสำหรับคราวนี้ ”
เอมิโกะ กล่าวขณะที่ ยัดเหยียด ชุดสำหรับงานโจรกรรมกับ เข็มขัดที่ติดอุปกรณ์ใช้สอยเล็กๆน้อยๆ
เอาไว้และ อุปกรณ์ที่คล้ายกับเครื่องคอมฯมือถือ กล่องหนึ่ง มอบให้แก่เค้า

“ อ..อะไรครับเนี่ย เยอะแยะไปหมดเลย…ผมไม่ใช่ Batman นะ ”
ไดสุเกะ ตีหน้าเบ้ใส่ เมื่อเห็นชุดกับหน้าตาอุปกรณ์ทั้งหลาย

“ จริงสิ ไดสุเกะ เอาเจ้า วิซ ไปด้วยสิ มันต้องช่วยเจ้าได้แน่  ”
ไดคิ แนะนำเพิ่มเติม

“ หาเจ้า วิซ เนี่ยจะช่วยอะไรผมงั้นเหรอ ”
ไดสุเกะ ถามด้วยความสงสัย

“ ถ้าเอามือลูบหัวของมันเบาๆ มันก็จะกลายเป็นปีกให้กับ ดาร์ค ได้
เพราะปีกสีดำของ ดาร์ค ก็คือร่างแปลงของเจ้าวิซมันนั่นล่ะ ”


“ แล้ว เครื่องแปลกๆนี่ล่ะครับ ”

“ เค้าเรียกมันว่า Dragoon Driver น่ะจ้ะ ไว้ตอนจวนตัวเดี๋ยวก็รู้วิธีใช้เอง ”

…………………
…………………….
…………………………..


แต๊ง…แต๊ง…แต๊ง…แต๊ง…แต๊ง…แต๊ง…แต๊ง…แต๊ง…………..

“ และตอนนี้ก็ถึงเวลาตามที่นัดไว้แล้วนะคะ ถ้าเป็น ดาร์ค ในตำนานล่ะก็จะต้อง
บินลงมาจากท้องฟ้าแน่เลยล่ะค่ะ ”
เสียงจากผู้สื่อข่าว ดังขึ้นตัดกับเสียง ระฆังตีบอกเวลาบนยอดหอของพิพิธภัณฑ์

“ เหลวไหลน่ายังไง มันก็ต้องใช้เชือกไรยตัวลงมาจากตึกนั่นแหละ.. ”
“ สารวัตร ครับดูข้างบนนั่นสิครับ ”

ขณะที่ สารวัตรซาเอฮาระ กำลังเปรยอย่างสบายอกสบายใจ ลูกน้องตำรวจที่ยืนส่องกล้องอยู่
ก็ตะโกน พร้อมกับชี้ขึ้นไปทางด้านยอดหอนาฬิกาของ พิพิธภัณฑ์

“ อ….เป็นไปไม่ได้…นั่นมัน ”
สารวัตร อุทานเสียงหลงทันที ขณะที่บรรดาผู้สื่อข่าวและผู้ที่มามุงดู
ต่างก็แหงนเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า ที่ไฟสปอตไลท์ ของตำรวจฉายส่องขึ้นไป

ยังท้องฟ้ายามราตรีใต้แสงจันทร์ ในคืนที่ดวงจันทรา ขึ้นเต็มดวงนี้  เงาซึ่งสยายปีกบินตัด
แสงของพระจันทร์
กำลังปรากฏแจ้งแก่สายตาของทุกผู้




“ ดูสิคะท่านผู้ชมนั่นมัน ดาร์ค ค่ะ ตอนนี้จอมโจร ดาร์ค ออกมาปรากฏตัวตามคำเตือนที่บอก
เอาว่าล่วงหน้าไม่มีผิดเลยค่ะ  ”
เสียงของ ผู้ประกาศข่าวดังขึ้น พร้อมกับเสียงฮือฮาของบรรดาเจ้าหน้าที่ และผู้ที่มามุงดู

แชะ แชะ

“ สุดยอด!~~~มาจริงๆด้วย ”
ซาเอฮาระ ที่ดักรอถ่ายภาพ ดาร์ค อยู่บนต้นไม้นั่งกดสวิตซ์กล้องถ่ายแบบไม่ยั้งในทันที

“ ดาร์ค จงใจบินออกมาเหมือนกับจะเย้ยหน้าตำรวจเล่นเลยนะคะ โอโหตอนนี้เรากำลังจะซูม
ภาพเข้าไปใกล้ๆนะคะ ”
สิ้นเสียง ภาพที่ออกอากาศ ผ่านโทรทัศน์ ก็ถูกเคลื่อนเข้าไปจับจ้องที่ ใบหน้าของ ดาร์ค

“ โอ้ย ยังเด็กอยู่เลยค่ะ ใบหน้ายังดูใสอยู่เลยล่ะค่ะ ถ้าให้เดา อายุของเค้าก็คงประมาณ 18หรือ 17 ปีได้ล่ะมั้งคะ ”
เสียงของผู้สื่อข่าวดังจากเครื่องรับโทรทัศน์ ที่ ริสะ กำลังดูอยู่ในห้องของตัวเอง

“ ริสะ ขออาบน้ำก่อนนะ ”
เด็กสาวอีกคนที่สูงกว่าเธอหน่อยใบหน้าของเธอก็คล้ายกับ ริสะ และมีผมสีออก
ชมพูแดง กล่าวขึ้นขณะที่หยิบผ้าเช็ดตัวเดินออกจากห้องไป
เธอคนนี้คือ ฮาราดะ ริคุ(Harada Riku) แฝดคนพี่ของบ้าน ฮาราดะ

“ หายไปแล้วค่ะ..ร่างของดาร์คหายไปแล้วล่ะค่ะ ตำรวจกรูกันเข้าไปในหอศิลป์แล้วค่ะ ”
เสียงของผู้ประกาศดังขึ้นมาอีก เมื่ออยู่ๆ เงาของ ดาร์ค ก็บินหายลับไปบริเวณสวนด้านหลัง
พิพิธภัณฑ์

“ ทุกหน่วยแยกกันไปปิดล้อมทางเข้าออกทุกทางไว้ให้หมด อย่าให้มันหนีไปได้ ”
เสียงสั่งการของ สารวัตรซาเอฮาระ ดังมาอย่างไม่ขาดสาย ขณะที่ ตำรวจพากันกรูเข้าไป
กระจายกำลังเพื่อจับตัว ดาร์ค ระหว่างนั้นเอง ไฟในตัวอาคารก็ดับลง ทำให้ทุกอย่างตกอยู่ในความมืด
มีเพียงแสงจากไฟฉายเท่านั้นที่พอจะส่องให้เห็นทางได้ ทว่าเมื่อหันไปทาง แท่นที่จัดแสดง ขนนกฟีนิกซ์
มันกลับหายไปเสียแล้ว

“ หนอย…มันเข้ามาได้ยังไงกันที่สำคัญ ระบบยังล็อคอยู่เลย แล้วมันเอาไปได้ยังไง ”
สารวัตร สบถขณะที่หัน ไปออกคำสั่งให้ลูกน้องออกกระจายกันตามหาโดยแห่กันออกจาก
ห้องเก็บรักษาไปจนหมด แต่ว่ากลับมีนายตำรวจคนหนึ่งที่ไม่ได้ตามออกไป


“ ไม่อยากเชื่อเลยแหะว่าระบบรักษาความปลอดภัย ภายในมันจะผ่านได้ง่ายๆแบบนี้  ”
นายตำรวจคนนั้นกล่าวก่อนจะ ถอดหมวกและเครื่องแบบทิ้งไป ซึ่งแท้จริง ก็คือ ไดสุเกะ ปลอมตัวมานั่นเอง

“ ทีนี้ก็ ระบบรักษา ชิ้นงาน ”
ไดสุเกะ กล่าวขณะที่คว้าเอา ผ้าคลุมสีดำ ที่คลุมอยู่แท่นออก ซึ่งที่แล้ว ขนนกฟีนิกซ์
ก็ยังไม่ได้หายไปไหน
แต่ยังคงถูกเก็บรักษา อยู่ในกล่องนิรภัยบนแท่นวางแสดง

เมื่อ ไดสุเกะ เข้าไปใกล้กับแผงควบคุมระบบรักษาความ ปลอดภัย ที่ข้างๆแท่น
เค้าก็จัดการ กดรหัสต่างๆตามที่ได้รับการฝึกมา และถอดรหัสออกได้อย่างรวดเร็ว

จนเหลือเชื่อ ที่สุดเซ็นเซอร์รักษาความปลอดภัยรอบแท่นแสดง ก็หายไป
 ทั้งกล่องนิรภัยก็เปิดออกไปพร้อมกัน


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #2 on: May 02, 2009, 07:13:30 PM »

“ เอาล่ะทีนี้ก็… ”
“ ยอดเยี่ยมมากเลยนะ…คล้ายกับใครคนนึงที่ชั้นรู้จักเลยนี่ ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจาก ประตูทางเข้าห้องเก็บรักษา เมื่อ หันไปก็พบว่ามี เงาของใคร
บางคนกำลังตรงมา
ครั้นเมื่อเค้าคนนั้นเข้ามาจนถึงระยะที่แสง พระจันทร์ซึ่งส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา
ใครคนนั้นก็คือ ฮิวาตาริ ซาโตชิ นั่นเอง(Hiwatari Satoshi)



“ ฮิ…ฮิวาตาริ คุง ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ ”
ไดสุเกะ คิดด้วยความตกใจขณะที่ ฮิวาตาริ เดินเข้ามาใกล้ไปทุกขณะ

“ พวกเราสองคน เคยพบกันมาก่อนงั้นเหรอ ”
ฮิวาตาริ ถามเมื่อเห็นว่า ไดสุเกะ ในคราบ ดาร์ค เอาแต่จ้องมาที่เค้า
เหมือนกับเห็นคนที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอ

ครั้นเมื่อ ไดสุเกะ รู้ตัวก็คิดจะเบือนหน้าหนี เพราะกลัวอีกฝ่ายรู้ว่าเป็นเค้า แต่ช่วงที่เผลอนั้น
เค้าก็ถูก ฮิวาตาริ พุ่งเข้าใส่ จนล้มลงด้วยกัน
 


“ ไม่ยอมปล่อยให้รอดไปหรอก ”
ฮิวาตาริ กล่าวขณะที่สายตาของทั้งสองจ้องผ่านซึ่งกันและกัน

(อย่าริอ่านแล้วนึกไปถึงฉากวายในอนิเมหรือหนังสือนะ เราไม่สนับสนุนความวายแต่เราลงทุนเพื่อ
ความวายเลย 555+)


“ ชั้นมีชีวิต อยู่ก็เพื่อจะจับนายเท่านั้น เรื่องอื่นชั้นไม่สนทั้งนั้นล่ะ ”
ฮิวาตาริ ตะคอกใส่ขณะที่ ออกแรงกดไหล่ทั้งสองของ ไดสุเกะ จน ไดสุเกะ เริ่มเจ็บ

“ โอ้ย..ข..ขยับตัวไม่ได้ ”
ไดสุเกะ คิดขณะที่พยายามดิ้นรนหาทางหนีออกจากสถานการณ์นี้

กริ้ก!
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่กุญแจมือถูกคล้องลงไป

“ ยังไงก็ไม่ยอมปล่อยให้นายหนีไปหรอก ”
ฮิวาตาริ ย้ำอีกครั้งขณะที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เหมือนกับจะเย้ยหยัน หรือ จะแฝงความนัยอื่นเอาไว้
(ให้ถูกคือท่านฮิวาตาริ อยากวายกะ ดาร์ค ก็บอกมาเถอะ - -*)

“ ใครก็ได้ช่วยชั้นทีเถอะ ชั้นยังไม่อยากถูกเพื่อนร่วมชั้นจับใส่คุกหรอกนะ ใครก็ได้ช่วยชั้นที…  ”
“ ทำได้ดีมาก ไดสุเกะ ที่เหลือปล่อยชั้นจัดการเอง ”

ระหว่างที่ความคิดของเค้ากำลังร้อง ขอให้ใครมาช่วยกลับมีเสียงหนึ่งตอบรับออกมา
ก่อนที่ตัวเค้าจะรู้สึกราวกับจนหายลงไปในความมืดชั่วขณะ และกำลังจะมีใครมาแทนที่

“ มานี่ซิ วิซ!! ”
สิ้นเสียง ก็เกิดลมกรรโชก พัดออกจากร่างของ ดาร์ค จน ฮิวาตาริ ต้องถอยออกห่าง

แกร๊ง! แกร๊ง!

เสียงดังขึ้นจาก กุญแจมือ ที่สวมให้ ดาร์ค ไปนั้นตกลงมากระทบกับพื้นกระเบื้อง
และมันอยู่ในสภาพที่ถูกปลดออกเรียบร้อย


“ เอาล่ะนี่คือคำถาม ใครคือชั้น….ตัวจริง ”
เสียงของ ไดสุเกะ เปลี่ยนไปมันฟังดูขรึมและลึกลับ กว่าทุกครั้ง หลังจากที่คำถามดังขึ้น
ลมก็สงบลง พร้อมกับสีหน้า ที่เหยเก ของ ฮิวาตาริ เมื่อดาร์ค กลับมีสองคนขึ้นมา

 “ ด..ดาร์ค…ดาร์ค มีสองคนหรือเนี่ย ”
ฮิวาตาริ อุทานด้วยความประหลาดใจ และแล้วที่สุดเมื่อ ความประหลาดใจนั้นทำให้เกิดช่องว่าง
ดาร์ค ที่อยู่ด้านหลังของ ฮิวาตาริ ก็สลายตัวกลายเป็นเงาดำพุ่งอ้อมเข้าไปหา ดาร์ค อีกคนที่ยืน
อยู่ฝั่งหน้าต่างซึ่งในมือนั้น ถือ ขนนกฟีนิกซ์ เอาไว้ก่อนแล้ว

“ ถ้างั้นขอ รับ ขนนก ฟีนิกซ์ ไปก่อนนะ….มานี่ซิ วิซ! ”
สิ้นคำ ดาร์ค ก็ทิ้งตัวลงไปจากหน้าต่างขณะที่ เงาดำซึ่งก็คือเจ้า วิซ ได้พุ่งตามลงกลายเป็น ปีกให้แก่เขา
ก่อนจะบินหนีไป

“ เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ….ไม่สนุกเลยนะ…อุบ ”
ฮิวาตาริ ที่ได้แต่มองลับหลัง อาชญากรที่ตัวเองพลาดท่าจนปล่อยให้หนีไปได้ อยู่ซักพักก่อนจะรู้สึก
เจ็บขึ้นมา

“ ท่านผู้กำกับฮิวาตาริ จอมโจร ดาร์ค หนีไปแล้วครับ งานศิลปะ ก็ถูกมันขโมยไปแล้ว จะให้ทำยังไงต่อครับ ”
นายตำรวจ คนอื่นๆที่ออกไปก่อนหน้าวิ่งกลับเข้ามารายงาน ฮิวาตาริ ขณะที่ เค้าเองก็พยายามฝืนไม่แสดงอาการ
ต่อหน้าทุกคน

“ ไม่ต้องตามไป…ยังไงมันก็หนีไปแล้ว ตอนนี้ไปตรวจสอบสภาพความเสียหายภาย
ในก่อนจากนั้นถอนกำลังซะ ”
ฮิวาตาริ พยายามฝืนพูดออกมาให้เป็นปกติที่สุดก่อนที่ นายตำรวจทั้งหมดจะรับคำสั่ง
แล้วออกจากห้องเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ เมื่อไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว ฮิวาตาริ ที่ฝืนต่อไปไม่ไหวก็ล้มลง
กุมใบหน้าเสียครึ่งด้วยความ เจ็บปวดที่กำลังแล่นไปทั่วทั้งร่างในตอนนี้

“ อย่านะ…ชั้น…ไม่ยอมให้แกออกมาหรอก…ออกไปจากตัวชั้นเดี๋ยวนี้นะ…แครด(Krad) ”
ฮิวาตาริ สบถพร้อมกับกุมขมับอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหยุดครวญ


“ ไม่ไหวๆ…นายท่านอย่าฝืนเลยจะดีกว่า ให้ แครด คนนี้จัดการเถอะ…หึๆๆ ”
น้ำเสียงของ ฮิวาตาริ เปลี่ยนไปก่อนที่เค้าจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาและสีผมเปลี่ยนกลายเป็นสีทองแทน
ก่อนที่ ปีกสีขาวงอกออกมาจากกลางหลัง

……………………
……………………….
…………………………..



“ และแล้วการต่อสู้เพื่อตัดสินเรื่องเมื่อ พันกว่าปีก่อน กำลังจะเริ่มจนได้สิน้า…ฮิๆๆ ”
เสียงของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้น เธอสวมเสื้อคลุมและคลุมหัวด้วยฮู๊ดของเสื้อคลุมนั้น
ขณะที่ทอดสายตามองลงมาจาก ยอดเข็มทิศลม ที่ปักอยู่บนหลังคาของ หอนาฬิกาบนพิพิธภัณฑ์

………………..
…………………………………..

“ นี่….นี่ ดาร์ค… ”
“ อะไรเล่าชั้นได้ยินแล้วไม่เห็นต้องตะโกนเลย! ”
“ ก็ตอนนี้ได้ ขนนกฟีนิกซ์ มาแล้วทำไมชั้นถึงยังเป็นนายอยู่ล่ะ ”

“ เรื่องแค่นั้นเองเหรอนายถึงกับต้องพูดซะดัง…เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนของ มันเองล่ะน่า ”
“ ด..ได้ไงกันเล่า ถ้าชั้นไม่เปลี่ยน กลับเป็นเหมือนเดิมแล้วพรุ่งนี้ชั้นจะไปโรงเรียนยังไงล่ะ ”
“ นั่นมันเรื่องของนาย.. ”
“ ดาร์ค!! ”

ไดสุเกะ และดาร์ค ตอนนี้ทั้งสองเถียงกันอยู่กับตัวเอง
ขณะที่บินตัดผ่านท้องฟ้าของเมืองยามราตรีนี้

“ ดาร์ค นี่นายฟังชั้นอยู่รึเปล่า ”
เสียงของ ไดสุเกะ ยังคงบ่นต่อไปไม่ยอมหยุดขณะที่ระหว่างบินอยู่นี้ วิซ ก็
เคาะเท้าของมันเรียก เค้า

“ เงียบก่อน ไดสุเกะ มีบางอย่างกำลังมา ”
“ อะไรอีกเล่า…ชั้นน่ะ.. ”
ขณะที่คุยกันอยู่นั้น ก็มีดาบนับสิบเล่มพุ่งตกลงมา โชคดี ที่ วิซ ไหวตัวทัน จึงบินหลบออกมาได้แบบเฉียดฉิว

“ หวานี่มันอะไรอีกล่ะ ”
“ ชิ เป็นมันจริงๆเหรอเนี่ย ”
ขณะที่ ดาร์ค มองหาตัวการของการโจมตีเมื่อครู่นั้นก็ได้พบกับ อีกบุคคล
ซึ่งมีปีกสีขาวสยายโบยบินอยู่เหนือเค้าในตอนนี้



“ เป็นแกจริงๆสินะ แครด… ”
ดาร์ค สบถขณะที่ให้ วิซ พาบินลงไปหลบยังหลังคาบ้านใหญ่หลังหนึ่งซึ่งตั้งเยื้องออกไปริมผา

“ ร…รู้จักกันเหรอ ดาร์ค ”
ไดสุเกะ ถามขึ้น ขณะที่ วิซ เปลี่ยนร่างคืนจากปีกกลับเป็น หนูตามเดิม

“ เออ รู้จักดีเลยล่ะระหว่างเราสองคน น่ะเป็น… ”
“ เป็น…. ”
ดาร์ค กล่าวไปจนมาหยุดเอาตรงท้าย ทำให้ ไดสุเกะ ทวนเสียง ทว่าก่อนที่ดาร์คจะทันตอบ
แครด ก็เอ่ย ปากเสียก่อนแล้ว

“ เป็นคู่ชีวิตกันยังไงล่า…เนอะ ดาร์ค ที่รัก~ ”
สิ้นคำของ แครด ดาร์ค ก็ตีหน้าเบ้ทันที

“ จ..จริงเหรอ ดาร์ค นาย.. ”
“ บ้าเปล่าจะไปใช่ได้ไงเล่า ชั้นกับเจ้าหมอ นี่น่ะ เป็นศัตรูกันต่างหากเฟ้ย ศัตรูน่ะศัตรูเข้าใจไหม ”
ดาร์ค รีบแย้งทันที เพราะกลัว ไดสุเกะ จะเข้าใจผิดไปอีกคน

“ ใช่แล้วเรา เป็นศัตรูกัน…ศัตรูที่ผูกพันกันด้วยสายใยแห่งรักไงล่ะฮ้า~ ”
แครด กล่าวระห้อยก่อนจะพุ่งลงมาหา ดาร์ค พร้อมกางแขนเตรียมโอบเต็มที่ แต่ ดาร์ค ก็โดดหลบ
ไปที่จั่วหลังคาอีก ด้านทำให้ แครด หน้าทิ่มไปแทน

“ นี่แก…ผ่านไปเป็นร้อยเป็นพันปี แล้วยังไม่เลิกบ้าอีกเรอะ ”
ดาร์ค แย้งใส่ด้วยความรำคาญ ขณะที่ แครด ยกหน้าขึ้นมาทอดสายตาระทวยอ่อนๆใส่
ชวนสะอิดสะเอียน จนดาร์ค อดที่จะอ้วก ไม่ไหว

“ แหมตัวเอง อ่ะไม่เจอกันตั้ง 40 ปีทั้งทีขอกอดให้หายคิดถึงหน่อยไม่ได้เหรอ ”
แครด ยังคงทำเอียงอายเหมือนหญิงสาวถูกชายหนุ่มเกี้ยวพาราสี

“ ไม่ต้องมาสะดีดสะดิ้น เลยไอ้ ชะนี คราบนักบุญ  ”
ดาร์ค ตะคอกกลับไปแบบรับไม่ได้กับ กริยา ที่ แครดแสดงออก

“ แค่นี้ไม่เห็นต้องโมโหกันเลยก็ได้นี่เพราะพวกเราสองคน ก็ก้าวข้ามความบาดหมาง
 ข้ามพ้นซึ่งความรัก ข้ามเขตแดนแห่งความเกลียดชัง จนได้มาพานพบกันและกลายเป็นโชคชะตาไงล่า
พวกเรามีความสัมพันธ์ ที่ก้าวพ้นความเป็นศัตรูกันไปแล้วนา ”

แครด ร่ายอย่างเมามันเมื่อเห็นว่า ดาร์ค ยังไม่ยอมจำนน ซึ่งทันทีที่ ร่ายจบ ทั้ง ดาร์ค ทั้งวิซ
ก็รับแทบไม่ไหว กับความเลี่ยนสุดๆของ บทร่ายที่ แครด เอ่ย จนต้องอาเจียน รดหลังคาไป

“ โอ้กกกก…พอๆ พอเลยแก เป็นชะนีแล้วยังบ้าลิเก อีก นี่ ไดสุเกะ
 Dragoon Driver นายเก็บไว้ตรงไหน ”
“ เอ๋ เครื่องนั่น น่ะเหรอ เหน็บอยู่ที่เข็มขัดน่ะ ”
ดาร์ค ได้ยินดังนั้นก็เหลือบไปมองที่ เอวซ้าย ซึ่งเหน็บเครื่องแพคคอมขนาดพกพา
เอาไว้กับเข็มขัดอยู่


“ พร้อมนะ วิซ ”
“ กิ้วววว ”
กล่าวจบ ดาร์ค ก็คว้าเอาเครื่องที่เรียกว่า Dragoon Driver ขึ้นมาบนหน้าปกเครื่องมีสัญลักษณ์
วงกลมสีแดงเล็กใหญ่ต่างกันสองวงเชื่อมกันด้วย เส้นสีดำหนึ่งเส้น เมื่อ ดาร์ค แตะลงไปที่สัญลักษณ์

บนเครื่อง ฝาเครื่องก็เปิดออก เผยด้านในให้เห็น ซึ่งด้านใน มีหน้าจอ อยู่ตรงกับช่องสำหรับใส่อะไร
บางอย่างที่คล้ายบัตรลงไปได้ ถัดมาจะมีปุ่มที่สามารถเอานิ้วใส่ลงไปตรงนั้นแล้วหมุนปุ่มได้

เหมือนที่หมุนรหัสโทรศัพท์ สมัยกลาง ที่ฝั่งฝาเครื่องด้านในก็มีช่องกระเป๋าซึ่งเก็บเอาการ์ดสีแดง
เอาไว้หลายใบ  เมื่อเปิดเครื่องมา แล้ว ดาร์ค  จึงยื่นมือเข้าไปที่ช่องกระเป๋าเก็บการ์ดแล้วคลี่ดูจน
เจอการ์ดสีน้ำเงิน ก่อนจะหยิบมันมาเสียบลงไปช่องด้านล่างหน้าจอ

 



“ Dragon Ride ”
เสียงทุ้มกังวานขึ้นจาก เครื่องขณะที่ ด้าน แครด เห็นดาร์ค กำลังทำอะไรอยู่นั้น
จึงงัดเอา เครื่องแบบเดียวกันขึ้นมา ทว่าที่หน้าปกเครื่องนั้น เป็นสัญลักษณ์ วงกลมสีเหลืองตัด
แบ่งด้วยเส้นสีแดง

“ ฮ…เฮ้เดี๋ยวสิ ดาร์ค นี่จะทำอะไรน่ะ ”
“ เฉยๆแล้วหุบปากไปเถอะน่า ไม่ได้ใช้มาตั้ง 40 ปีแล้วเครื่องมันอืดไปเยอะเลย ”
ดาร์ค ตอบปัดๆ ไดสุเกะ ไปขณะที่รอจน หน้าจอของเครื่องแสดงภาพขึ้นมา
มันเป็นภาพของ อัศวินมังกรกายสีขาวซึ่งมีปีกสยายกว้างและมือขวามีโล่ที่ประดับด้วย
 พลอยสีฟ้าเจียระไนเป็นสัญลักษณ์แบบหนึ่ง

“ อะฮ่ามาแล้ว วิซ จะเริ่มเลยนะ ”
ดาร์ค สอดนิ้วลงไปในช่องของปุ่มที่อยู่ถัดจากหน้าจอ ก่อนจะหมุนจนสุดแล้วปล่อยนิ้วออก
ขณะที่ปุ่มหมุนกลับเข้าที่ก็เกิด เสียงกังวานก้องกลับมาจากเครื่องด้วย

“ Tha…Tha..Thaliwilya ” (Thaliwilya)
เสียงที่ดังออกมานั้นกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่ร่างของ วิซ จะเปลี่ยนเป็นอัศวินมังกรแบบ
ในภาพที่ปรากฏอยู่บนเครื่อง



“ แว้ก…วิซ…กลายเป็นตัวอะไรไปแล้วเนี่ย ”
“ จะตกใจอะไรกัน ไดสุเกะ ถ้าแค่นี้ก็แหยแล้วล่ะก็ระวังจะหัวใจวายเอาไม่รู้ตัวนา ”
ไดสุเกะ ร้องเสียงหลงทันทีที่ เห็นร่างที่เปลี่ยนไปของ เจ้า วิซ

“ Dragon Ride ”  “ Tha…li…wil…ya..Dragoon  ” (Thaliwilya, the God of Dragoon)
เสียงแบบเดียวกันนั้นกังวานขึ้นจาก เครื่องของ แครด ก่อนที่ แครด จะเปลี่ยนร่างเป็น อัศวินมังกร
เช่นกันทว่ากายและเป็นสีทอง อีกทั้งอาวุธกลับเป็นดาบไม่ใช่ โล่ เหมือนที่เจ้า วิซ เป็น

 

“ ทำไมถึงไม่แปลงร่างเองล่ะ ดาร์ค ให้ลูกน้องมาสู้แทนนี่คิดจะดูถูกกันเหรอ ”
แครด ที่เปลี่ยนร่างแล้วกล่าว ก่อนจะดึงไพ่ สีแดงออกจาก เครื่องแล้วบรรจุลงไปในช่องใส่
หน้าจอ ของเครื่องแสดง ภาพของดาบสิบเล่มที่ปักทิ่มลงบนพื้น ขึ้นมาก่อนจะส่งเสียง
ก้องกังวาน

“ Attack Ride! Sword Cemetry ” (Sword Cemetry)
สิ้นเสียง ก็ปรากฏดาบนับสิบขึ้นกลางอากาศ ก่อนที่มันจะพุ่งเข้ามาหา พวกเค้าตามที่ แครดสั่ง



“ ลูกไม้ตื้นๆแบบนั้น ยังจะใช้มาอีกเรอะ ”
ดาร์ค เองก็ดึงการ์ด ออกมาจากช่องเก็บเช่นกันก่อนจะใส่ลงไปในเครื่อง ภาพบนหน้าจอแสดง
ภาพมวลหมู่ดาวตกและจอมเวทย์ หญิงผู้ร่ายฝนดาวตกนั้นมา

“ Attack Ride! Meteor Swarm ”(Meteor Swarm)
สิ้นเสียงซึ่งกังวานจากตัวเครื่อง เหนือท้องฟ้า ก็ปรากฏมวลหมู่ดาวตกพุ่งลงมา
ทำลายดาบทั้งสิบเล่มจนหมด



ก่อนที่บางส่วน จะพุ่งลงมาที่ แครด แต่มันก็หลบได้อย่างสบายๆ ก่อนจะชักดาบออกจากฝัก
แล้วพุ่งเข้าไปหา แต่ วิซ ก็มารับไว้ด้วยโล่ ขณะที่ ดาร์ค ดึงเอาการ์ดใบต่อไปขึ้นมาใส่ลงไปในเครื่อง
ปรากฏภาพ ของเทพีผู้ถูกแขวนพันด้วยโซ่เพื่อเป็นเครื่องสังเวยแก่ โพเซดอน(Poseidon) เทพีอันโดรเมดา
บนหน้าจอพร้อมเสียงอ่านคำสั่งที่ดังก้องออกมา

“ Attack Ride! Andromeda ”(Andromeda)
สิ้นเสียง ปรากฏสายโซ่นับสิบเส้นพุ่งเข้าไปมัดดาบของ แครด เอาไว้



“ ชิ..เล่นกันแบบนี้เองเรอะ ”
 แครด สบถขณะที่พยายาม ยื้อดาบเอาไว้ ไม่ให้ถูกดึงไป แต่โซ่เส้นอื่นก็ย้ายไปมัดแขนและขา
แทน

“ จบกันแค่นี้ล่ะนะ ”
ดาร์ค กล่าวขณะที่ ยัดการ์ดสีแดงอีกสองใบลงไปในเครื่องพร้อมกัน
ปรากฏภาพ ของหญิงสาวซึ่งมือขวาของ นางวางดาบลงและมือซ้ายของนางยกโล่ขึ้นสองภาพ
ก่อนเสียงอ่านตำสั่งของ เครื่องจะดังขึ้น

“ Final Attack Ride ! Justice Yin! ”(Yin)
สิ้นเสียง โล่ของ วิซ ก็เปล่งแสงก่อนมันจะยกโล่ขึ้นตั้งเล็งไปที่ แครด
เมื่อ ดาร์ค หมุนปุ่มบนเครื่องให้ทำงานแล้วแสงที่เรืองรองอยู่บนโล่ ก็พุ่งออก
ไปเป็นลำแสงมังกร แครด ที่เห็นท่าไม่ดี แล้วจึงปล่อยมือจากดาบก่อนจะ คว้าเอาเครื่อง Dragoon Driver

ขึ้นมาแล้วดึงการ์ดสีแดงใส่ลงไปสองใบ ปรากฏ ภาพของ นักบวชชั้นสูงกำลังขับไล่วิญญาณร้าย
ก่อนที่ แครด จะหมุนปุ่มเทื่อให้ เครื่องอ่านคำสั่ง ในขณะที่ลำแสงมังกร ใกล้เข้ามาทุกขณะ



“ Final Attack Ride! The Hierophant High Priest of Ekklesia ”(High Priest of Ekklesia)
สิ้นเสียง ก็เกิดภาพสะท้อนของนักบวชในภาพขึ้นเหนือ แครด ก่อนที่นักบวชชั้นสูง
จะร่ายพรศักดิ์สิทธิ์ ใส่ลำแสงมังกร และโซ่ที่พันธนาการเอาไว้ก็คลายออกและสลายกลายเป็นควัน
ฟุ้งกระจายไปพร้อมกัน



“ ดูท่าจะยังไม่จบนะ ดาร์ค…อุบ…น…นี่มันทำไมต้องตอนนี้ด้วย ”
แครด ที่ทำทีจะผยองกลับ แต่ก็เกิดรู้สึกปวดที่ศีรษะขึ้นมาจนต้องเอามือกุม ขณะที่ควันซึ่งยังฟุ้งอยู่นั้น
ทำให้ ดาร์ค และ วิซ ไม่ทันสังเกตมาที่เค้า

“ ออกไปนะ… แครด ”
“ ท…ท่าน ซาโตชิ…ก็ได้วันนี้จะพอแค่นี้ก่อน ”
เสียงของ ฮิวาตาริ ดังขึ้นมาในหัว ก่อนที่ แครด จะสบถอย่างไม่พอใจแต่จำใจต้องถอยเพราะคงจะ
คุมร่างกายของ ฮิวาตาริ เอาไว้ได้อีกไม่นาน

“ แค่กๆๆ…เจ้านั่นมัน…แค่ก ไปไหนแล้วเนี่ย ”
“ กิ้ววว…กิ้ววว ”
ดาร์ค กับ วิซ ที่ยังคงสำลักควันที่เกิดจาก การปะทะอยู่ยังคงไม่รู้อีกฝ่ายได้ถอยไปแล้ว จนเมื่อควันจาง
นั่นเอง

“ หนีไปแล้วเรอะ…ช่างเถอะเราเองก็กลับกันเถอะ ไดสุเกะ.. ”
ดาร์ค เปรยขณะที่ดึงเอาการ์ดทั้งหมด ที่ใส่ลงไปในเครื่องออกมาเก็บไปที่ช่องเก็บการ์ด
รวมทั้งการ์ดสีฟ้าที่ใช้เปลี่ยนร่างให้ วิซ ด้วยเมื่อทั้งหมดถูกดึงออกมา วิซ ก็กลับคืนร่าง
เป็น หนูเหมือนเดิม

“ ไกลขนาดนี้คงไม่มีใครเห็นไอ้ที่ใส่ไปเต็มที่ขนาดนั้นได้หรอกนะ… ”
ดาร์ค เก็บเครื่องลงไปก่อนหันลงไปมองที่ระเบียงด้านล่าง มีใครบางคนกำลังเดินออกมาที่ระเบียง

“ เมื่อกี้ เสียงอะไรนะ ดังยังกับฟ้าผ่าแน่ะ ”
เสียงที่คุ้นหูเอามากๆดังขึ้นก่อนที่ เจ้าของ เสียงจะเดินออกมา พ้นชายคา เธอคือ ริสะ นั่นเอง
วินาทีที่เห็น ริสะ นั้นหัวใจก็เต้นแรงขึ้น อย่างควบคุมไม่ได้

“ อ..นี่มันเป็นไปไม่ได้…แย่ล่ะสิ กำลังจะเปลี่ยนร่างกลับ.. ”
ดาร์ค ครวญ ขณะที่กำลังจะเสียหลักลงไป ก็ได้ วิซ ช่วยแปลงเป็นปีกหิ้วลงมา

“ ริสะ ไปอาบน้ำได้แล้ว ”
“ จ้า ”

อีกเสียงดังขึ้น ก่อนที่ ริสะ จะรับคำแล้วเดินกลับเข้าไป วิซ จึงหิ้ว ดาร์ค ลงมาที่ระเบียงแทน
ขณะที่ ริสะ เดินออกจากห้องไปทว่าคนที่เข้ามาแทนกลับเป็น ริคุ แฝดคนพี่แทน
เมื่อ ริคุ เดินออกมาเพื่อจะสูดอากาศที่ระเบียง เธอก็หันไปเจอกับ ดาร์ค ที่กำลัง ลงมาที่นั่นพอดี

“ อ..อ๊าาาาา…โจรโรคจิต!...อุบ ”
ริคุ ที่เจอ ดาร์ค เข้าแบบไม่ทันตั้งตัวก็กรีดร้องออกมาด้วยความผวา ด้าน ดาร์ค เองก็
ตกใจไม่แพ้กันที่ อยู่ๆจะมีคนออกมาเห็นเค้าพอดี และเพื่อไม่ให้เธอ ส่งเสียงดังจนคนอื่นกรูกันขึ้นมาอีก
เค้าจึงต้องเข้าไป ปิดปากเธอไว้

“ ย..อย่า..อย่าเสียงดังสิ ชั้นไม่ใช่คนร้ายอะไรหรอก ”
ดาร์ค ที่พยายามจะทำให้เธอ ใจเย็นลงกลับไปทำให้เธอ กลัวหนักขึ้นไปอีก

“ ว้าย..ออกไปนะ ออกไป! ”
ริคุ ดิ้นจนหลุดก่อนจะตะโกน ดังกว่าเก่า อีก คราวนี้ ดาร์ค ที่กำลังจะคืนร่างด้วยอยู่แล้วก็
รับมือเธอไม่ไหว ร่างของเค้าเองก็เริ่มจะซ้อนขึ้นมากับร่างของ ไดสุเกะ แล้ว
 ก่อนที่จะมี ใครมาเห็นเข้า เค้าจึงให้ วิซ แบก ออกไปจากที่นี่ทันที

“ ม..ไม่จริงเมื่อกี้ที่เราเห็นนั่น ”
ริคุ เปรยหลังจาก ที่ ดาร์ค ได้จากไปแล้ว แต่สิ่งที่เธอเห็นก่อนเค้าจะไปก็คือร่างของ ไดสุเกะ ที่ซ้อนขึ้นมา
ในตอนนั้น

“…นิวะ คุง.. ”
ริคุ เปรยออกมาท่ามกลางความเงียบสงัด ของราตรีนี้ ก่อนที่ ประตูห้องจะเปิดออก  พร้อมกับ ริสะ
ที่วิ่งหน้าตื่นขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง

“ น..นี่ ริคุ อยู่ไหน…มันอยู่ไหนเจ้า…โจรโรคจิตน่ะ ”
ริสะ ถามไปหอบไป ขณะที่ ริคุ เองยังดูเหมือนจะเหม่อ อยู่

“ หา!ไม่จริ้งงงง…น..นี่..ริคุ หรือว่าเธอเหม่อขนาดนี้…ย..อย่าบอกนะว่า โดนเข้าให้แล้ว ”
“ จะบ้าเหรอพูดอะไรของเธอน่ะ ริสะ คิดไปถึงไหนกันเนี่ย ”

……………………
………………………..



บ้าน นิวะ

ณ ชั้นใต้ดินที่ลึกลงมา 2 ชั้นของ บ้านนิวะ ที่นี่เป็นห้องที่โถงที่ไม่ใหญ่มาก ลักษณะเหมือนเป็นภาย
ในหอคอยเก่าของ ยุคกลาง ที่กลางห้องมีแท่น สำหรับทำพิธี ตั้งอยู่ซึ่งบนแท่นตอนนี้ วางเอา
ขนนกฟีนิกซ์ ที่พึ่งโจรกรรมมาได้เอาไว้ ในขณะที่ ไดคิ กับ เอมิโกะ ซึ่งแต่งตัวเหมือนพวก

จอมขมังเวทย์ กำลังประกอบพิธี อยู่หน้าแท่น โดยมี ไดสุเกะ
ที่กลับคืนร่างจาก ดาร์ค แล้ว กับเจ้าวิซ คอยมองอยู่ห่างๆ

“ ในนามของผองเทพ ผู้เกรียงไกร โปรดมอบอำนาจศักดิ์สิทธ์ ผนึกวิญญาณร้ายในสิ่งนี้ มิให้ออก มาด้วยเถิด ”
สิ้นเสียงของ ไดคิ ก็เกิดแสงสว่าง เรืองรองออกมาจาก ขนนกฟีนิกซ์ ก่อนที่ เอมิโกะ จะนำเอา
การ์ดสีขาวมาวางลงบนแท่นพิธี แสงทั้งหมดที่เปล่งออกมารอบๆ ขนนกฟีนิกซ์ ก็ถูกดูดลงไป

ในการ์ดจนหมดก่อนที่การ์ดจะปรากฏภาพของ ขนนกฟีนิกซ์ ขึ้นมา ส่วนของจริงก็ยังคงอยู่
เหมือนเดิมหากแต่ว่าพลังที่สถิต
อยู่ข้างในได้ถูกผนึกเอาไว้ในการ์ดเรียบร้อยแล้ว


“ เสร็จแล้วจ้ะ ได-จังเองก็ไปนอนได้แล้วนะ ”
เอมิโกะ กล่าวขณะที่ ยกเอา ขนนกฟีนิกซ์ ออกจากแท่นพิธีเพื่อจะเอาไปเก็บ

“ ครับ ไปนอนแล้วนะครับ…อ๊ะเดี๋ยวสิ บอกผมมาก่อนสิครับว่าไม่เป็นไรแล้วน่ะ ”
ไดสุเกะ ที่ตกปากรับคำไปก่อนจะนึกขึ้นมาได้ จึงรีบแย้งถามทันที

“ อะไรหรือจ้ะ ได-จัง ”
เอมิโกะ ถามกลับด้วยสีหน้างงๆ

“ ผมน่ะไม่ว่ายังไง…ก็จะไม่ออกไปขโมยอีกแล้ว…ทั้งน่ากลัว ทั้งลำบากอีก.. ”
“ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกจ้ะ ”
“ เอ๋ ”

ไดสุเกะ ที่พยายามจะอธิบายว่าตนไม่อยากจะออกไปทำงานของ ดาร์ค อีกแล้ว ก็ถูก เอมิโกะ ขัดขึ้นมาซะก่อน
พร้อมกับที่ รูปถ่ายของ ริสะ ที่ตกอยู่ในห้องของเขา จะมาอยู่ในมือของ เอมิโกะ

“ เพราะตราบใดที่ลูกยังชอบ ฮาราดะ ริสะ อยู่ ลูกก็จะต้องแปลงเป็น ดาร์ค อีกแน่นอน ”
ทันทีที่ เห็นรูปของ ริสะ D.N.A. ในร่างของเค้าก็พาลจะทำงานเอาขึ้นมาเสียดื้อๆ
จนต้องละสายตาไม่หันไปมอง ขณะที่ แม่ของเค้า หัวเราะคิกคัก ด้วยความชอบใจก่อนจะ
หันด้านหลังรูปกลับเพื่อไม่ให้ ไดสุเกะ มองจนเปลี่ยนร่างเป็น ดาร์ค ไป

“ อ..อะไรกันน่ะ คุณแม่ไปเอารูปนั้นมาจากไหน.. ”
ไดสุเกะ ถามด้วยท่าทีรนราน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เอมิโกะ คงไปเอามาจากห้องของเค้า
เมื่อคิดดังนั้น เค้าก้หน้าแดงขึ้นมาด้วยความเขินทันที

“ อะ..เอาคืนมาน้า ”
ไดสุเกะ ร้องขณะที่ เข้าไปคว้าเอา รูปมาจากมือ ของ เอมิโกะ แต่ก็ วืด ไปเพราะเธอยก
มันขึ้นสูงเกินกว่าตัวเค้าจะคว้าถึง

“ เพราะ D.N.A.ของ ดาร์ค น่ะจะมีผลต่อความรู้สึกรักชอบของลูก
  นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ ได-จัง เปลี่ยนเป็นดาร์ค และ ดาร์ค ก็เปลี่ยนเป็น ได-จัง
ด้วยเหตุผลเดียกันยังไงล่ะจ้ะ ”

เอมิโกะ อธิบายต่อทันทีโดยไม่สนท่าทีของ ลูกชายที่กระโดดกระผือรือ จะเอารูปคืน
แต่เมื่อฟังคำอธิบายจบ ไดสุเกะ ก็รีบหันไปหา ไดคิ ต่อทันที

“ ม..ไม่จริงใช่ไหมครับ คุณตา นี่มันเรื่องล้อเล่นใช่ไหมครับเนี่ย ”
ไดสุเกะ ถามอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ ไดคิ ก็ส่ายหน้าปฏิเสธลูกเดียว

“ อย่างที่ เอมิโกะ พูดน่ะแหละ เพราะเจ้ายังไม่ได้ พระแม่มาเรีย ที่เป็นของเจ้าเองมายังไงล่ะ ”
ไดคิ ตอบหลังจากที่ฟังคำตอบแล้ว ไดสุเกะ ก็นึกไปถึงคู่พี่น้องฮาราดะ ขึ้นมาในหัวทันที

“ หา! พระแม่มาเรีย..ของผม..ถ้าอย่างนั้น.. ”
ไดสุเกะ ทวนคำอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่รู้มา

“ ช่าย ช่าย ใช่  ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ถ้าสมหวังในรักก็จะคืนสภาพเดิมอย่างสมบูรณ์ได้ ฮิๆๆ ”
เอมิโกะ ตอบให้หายสงสัยกันไปในทีเดียวทันที ด้าน ไดสุเกะ ที่กระจ่างในข้อสงสัยทั้งหมด
ก็มานั่งคิดต่อ แต่เมื่อทบทวนถึงเหตุผลที่เค้ากลายเป็นดาร์ค และ ดาร์ค กลายเป็นเค้าแล้ว…

“ จะเปลี่ยนร่างกลับไปมาด้วยเหตุผลเดียวกันงั้นเหรอ …นี่หรือว่า ดาร์ค เองก็ ”

………………….
………………………..

“ เงื่อนไขกว่าพันปี ของพวกเรา 3 คนน่ะ…พึ่งจะเริ่มเท่านั้นเองนะ ฮิๆๆๆ ”
เสียงหัวเราะที่ดังแว่วมากับสายลมในยามค่ำคืนนี้ จะยังคงก้องกังวานต่อไปจนกว่า
รุ่งสางของวันถัดไปจะมาเยือน……………

โปรดติดตามตอนต่อไป

Next Notice

ทั้งๆที่…อยากจะใช้ชีวิตแบบนักเรียนธรรมดาแท้ๆ อึ้ย ไม่อยากจะคิดถึงมันเล้ย
จากนี้ไปชีวิตผมจะเป็นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย

กิ้วววว ตอนต่อไป Notice 1.2 ยังมี…อีกคน..

ต่อไปตาฉันออกโรงแล้วสิ นะ ฮิๆๆๆ….



เสร็จสิ้นสักทีกับปฐมบทเริ่มต้นของภาคสามที่อ่าน ยังไง้ยังไง มันก็มาจากต้นฉบับแท้ๆ
ไปๆมาๆ แครด หื่นได้อีก - -* เพราะคิดว่าทำอะไรให้มันแตก ต่างบ้างคงจะดีเพราะใจไม่รู้จะเริ่มเรื่องยังไง

ในหัวมันมีแต่ นิวะคุง นิวะคุง นิวะคุง เต็มไปหมด เมื่อจับต้นชนปลายไม่ถูกก็เลยเอา อนิเมกับหนังสือมารวมกัน
แล้วมิกซ์ ใส่สีป้ายเล่นเข้าไปใหม่แล้วยัดพล็อตตัวเองลงไป มันเลยออกมาเป็นแบบเนี้ย เอาเป็นว่า

ภาคนี้เด่นๆคือ การ์ดตัวละครแบบรีมิกซ์จากการ์ตูนก็แล้วกันเน้อ แต่คอยอ่านต่อไปน้า รับรองไม่ซ้ำ
กับซีรี่ย์ต้นฉบับแน่ (แต่แค่คล้ายๆน่ะ เหอๆ) แล้วก็มี 3ตอนของภาคนี้แต่ดูเหมือนเราจะหักหลัง
คนดูอีกแล้วนะเนี่ย
 (ภาคที่แล้วบอกมี 25 ไปๆมาๆ เหลือ 20 ภาคนี้บอกมีสามไปๆมาๆ ดันแยกเป็น
ตอนย่อยแล้วนับรวมเป็น 1 ตอนฮ่วย)


ส่วนตัวละครอื่นกะลังเร่งทำภาพอยู่รอต่อไป ตอนหน้าคงเห็น ริสะ กับ ริคุ แล้ว อ่อ อาร์เจนติเน่ ด้วย

« Last Edit: May 04, 2009, 06:56:18 PM by greamon » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #3 on: May 02, 2009, 07:23:57 PM »

งึมงำๆ   มาแล้วสินะ 
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #4 on: May 02, 2009, 08:11:00 PM »

อ๊ากกกกกกกก!! ทนไม่ไหวอ่านมะยู้เยื่องแย้ว ไดจางงงงงงง
น่ารักกกกกกก เคะ!

เซฟรูปๆ เหอๆ แครด ไม่อยากจะพูดถึงจริงด้วย โอท่านแครดดดด

(me/บ้าไปแล้ว)
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #5 on: May 02, 2009, 09:07:07 PM »

ทำไมซาโตชิคุงเค้าเป็น gunner ล่ะ  ???
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #6 on: May 02, 2009, 09:52:25 PM »

ที่เป็น gunner เพราะเปงตำรวจไงงิ พอดีฝ่ายผลิตภาพอย่าง
เราค่อนข้างสิ้นคิด ไม่เหมือนเกรม่อนคุง(ไม่เชื่อดูจากนิยาย แอคเตอร์สิ มีดีแต่ภาพ เนื้อเรื่องเน่าสนิท)

แฮ่ๆส่วน แครดนี่คิดว่า เป็น Knight นี่ก็เหมาะแล้วล่ะ ว่าแต่ฉายาท่านแครด เค้า ปีศาจในคราบนักบุญ
แต่นี่ - -

ชะนีคราบนักบุญ


เหอๆ ม่ายยยยยยท่านแครดด้วยคน เอาท่าน แครด เมะ สุดโหดของเค้าคืนมาาาาาาา

เอาเข้าไป Dragon Ride นี่มันของ ไอจัง ไม่ใช่เรอะมาไงนิ อย่าบอกนะว่า ว่า.....ว่า...โลกในภาคนี้เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติของเรกกะ ไปอีกพันปี
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #7 on: May 09, 2009, 06:08:57 PM »

ขออภัย เนื่องด้วย Fic นี้มีปัญหาในการแต่งบางประการ จึงขอหยุด Fic
 เรื่องนี้เป็นการถาวร(หรืออาจจะชั่วคราว) ดังนั้นตำนานของ ทาลิวิลย่า จะจบแค่ภาคอาริมาเทีย
เท่านั้นนะขอรับ

แล้วก็พรุ่งนี้เตรียมพบกับ Smn Vr Sub-tunr 09 Knight Attack พี่ลิงของเรามาอย่างเท่ห์
พร้อมตัวละครใหม่และ สำรับของ โคทาโร่ ที่จะมาแสดงฝีมือกัน
(แล้วเมื่อไหร้เคียวจะได้โชว์สำรับเนี่ย เค้าสงสัยกันมานาน )

ว่าแล้วก็รอถ่างตาอ่านได้เลย เพราะยาวววววว

อันนี้แจก

http://www.j-hero.com/board/index.php?showtopic=11129
« Last Edit: May 09, 2009, 06:12:02 PM by greamon » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #8 on: May 09, 2009, 06:55:56 PM »

 

ช็อค   เหมือนเวลาอ่านการ์ตูนแล้วหน้าตอนสำคัญดันหายไป   
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #9 on: May 09, 2009, 07:10:03 PM »

 

........
............
...............

พูดไม่ออกค่ะ มาไม้นี้ เล่นเอาทั้งไดจัง ดาร์คคุง ฮิวาตาริคุง กับ แครดจัง ลาลับดับโลกไปเลยทีเดียว
รวมทั้งอิฉันด้วย ช็อค พอๆกับ boy ค่ะ(อาจจะมากกว่า)

รอพรุ่งนี้ โคทาจังจะโชว์หุ่นเอ้ยโชว์ฝีมือ เหอๆ deck อะไรน้าาาา

เกือบลืม spoil หนุกดีค่ะ นี่คุณ greamon อยู่บอร์ด j hero ด้วยเหรอคะเนี่ย
ทำไมหนอ ไทยถึงไม่ออกเล่ม 12 หนา


Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #10 on: May 09, 2009, 08:56:09 PM »

ขอโทษแทน greamon คุงด้วยอีกคนละกาน พี่รินเอ้ย ปิโยจัง ของขึ้น
กระทันหัน เลยโดนยุบสภา กลับไปขายเต้าหู้แทน เอ้ย ไม่ช่ายย

ก็เลยต้องกลับไปเขียน ภาค vr แต่แนะนำว่า ให้ลองอ่านตอนวันพรุ่งนี้จะตัวละครที่คาดไม่ถึง
ปรากฏมาด้วย (เอากะเค้าสิ ดึงจาก โปเกม่อน เนกิมะ มาแล้วกับอีกสารพัด จะเอาไรมาอีกก็ไม่แปลกใจละ)

เอาเปนว่ารอละกันจ้ะ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #11 on: June 28, 2009, 03:55:12 AM »

Notice 1.2 ยังมี…อีกคน..


ผม นิวะ ไดสุเกะ(Niwa Daisuke) อายุ 14 ปี เป็นนักเรียนชั้น ม.2 ของโรงเรียนมัธยม Azumano
ในวันครบรอบวันเกิดปีที่ 14 ของผม ก็เริ่มต้นด้วยการถูกหักอกจากรักแรก แถมอยู่ๆ D.N.A. ของจอมโจรในตำนาน
ดาร์ค ก็ยังมาตื่นขึ้นในร่างของผมอีก แล้วชีวิตผมจะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย เฮ้อไม่อยากจะคิดถึงมันเล้ย~~~

……………
…………………..


“ นับจากวันที่ ดาร์ค กลับมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหลังจากหายไปนานถึง 40 ปี ก็ยังมีจดหมายเตือนส่งเข้ามาเรื่อยๆ
และทุกครั้งงานศิลปะก็จะถูกขโมยไปได้ ทุกครั้งเลยค่ะ จนถึงตอนนี้ตำรวจก็ยังจับ จอมโจรดาร์คไม่ได้เลย ”

เสียงรายงานข่าวดังขึ้นไปทั่วทุกแห่งในเขต Azumano  หลังจากการกลับมาอีกครั้งของ จอมโจรในตำนาน ดาร์ค
ข่าวการกลับมานี้กลายมาเป็นที่ฮือฮาของ ผู้คนในเวลาต่อมา


โรงเรียน Azumano

“ นี่ๆ เมื่อวานได้ดูข่าวรึเปล่า ”
“ อ๊า ดูสิๆ ข่าวของ ดาร์ค ใช่ไหมล่ะ ”
“ ใช่ๆ เค้าหล่อมากเลยล่ะ.. ”

เสียงกรีดกร้าด ที่ดังมาพร้อมกับเสียง พูดคุยอย่างสนุกสนาน
จากกลุ่มผู้หญิง ในห้อง  2-B ที่กำลังนั่งจับกลุ่มคุยกัน

ทำเอาพวกผู้ชายในห้องถึงกับหงอยทำหน้าเซ็งไปตามๆกัน

“ เชอะ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เอาแต่ ดาร์คๆๆ แล้วก็วี้ดว้ายอยู่ได้ เนอะ นายก็คิดอย่างใช่ไหม ไดสุเกะ ”
ซาเอฮาระ บ่น อุบอิบ ขณะที่ชะเง้อมองพวกผู้หญิง จับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน
ก่อนจะหันไปหา ไดสุเกะ ที่นั่งเหม่อจนไม่ได้ฟังเสียงเรียกของเค้า

“ นี่! ได-สุ-เกะ- ”
ซาเอฮาระ ตะโกนใส่ข้างหูจน ไดสุเกะ ตกใจสะดุ้งโหยงในทันที

“ ว..หวา มีอะไรเหรอ ซาเอฮาระ คุง ”
ไดสุเกะ หันกลับไปตอบรับทั้งอย่างนั้น

“ ตกใจอะไรของนายน่ะ ช่างเถอะว่าแต่นายรู้รึเปล่า หลังจอมโจร ดาร์ค ปรากฏตัว
น่ะก็เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นล่ะ ”
ซาเอฮาระ กล่าวขณะที่ ไดสุเกะ รู้สึกสนใจ ในคำพูดของ ซาเอฮาระ จึงหันมาฟังอย่างตั้งใจ

“ เรื่องแปลกๆ...ยังไงเหรอ ”
ไดสุเกะ ย้อนถามกลับไปด้วยความสงสัย ก่อนที่ ซาเอฮาระ จะเริ่มเอ่ยปากเล่า

“ ก็หลังจากการ โจรกรรมของ ดาร์ค น่ะกระแสลมบริเวณ ทะเลแปรปรวนหนักเลย น่ะสิ
แล้วน้ำก็ขึ้นสูงกว่าทุกครั้งด้วย ท่าเรือหลายแห่ง จมลงไปใต้น้ำในคืนเดียวเลยนะรู้เปล่า ”
ซาเอฮาระ เล่าจบ ไดสุเกะ ก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับในเรื่องนี้ แต่ยังไม่ทันจะได้ ซักถามต่อ
ชั่วโมงเรียนก็เริ่มพร้อมเสียงกริ่งเข้าเรียนเป็นสัญญาณ เค้าจึงต้องละความสนใจในเรื่องนี้ไปก่อน

......................
............................

หลังเลิกเรียนวันนี้ ระหว่างทางที่เดินทางกลับบ้าน ไดสุเกะ เริ่มสังเกต
เห็นความแปลกประหลาดต่างๆที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเมือง บนท้องฟ้า

บริเวณ ชายทะเล ที่มักจะมีฝูงนก มาบินออกหากินอยู่ตามปกติวันนี้กลับหายไปหมด
ท้องฟ้าในยามเย็นที่ควรจะทอประกายสีส้ม กลับทอแสงออกแดงเล็กน้อย

แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ผู้คนในเมืองต่างหายตัวไปกันหมด ไม่มีใครอยู่ในเมืองนี้เลยนอกจากเค้า
ด้วยความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นรอบตัวนี้ ทำให้ ไดสุเกะ รีบวิ่งกระหืดกระหอบ กลับไปที่บ้าน

ทันที ทว่า ทันทีที่ มาถึงประตูบ้านเมื่อเปิดเข้าไปด้านในตัวบ้านกลับกลายเป็น ช่องมิติที่บรรยากาศ
บิดเบี้ยวและเวิ้งว้างแทน

“ น...นี่มันอะไรกันเนี่ย ”
ไดสุเกะ อุทานด้วยความตกใจ ก่อนที่ ท้องฟ้าจะเริ่มครึ้มลงและ
ไม่นานนักก็เกิดเสียงร้าวดังราวกับกระจกที่กำลังจะแตก ปรากฏรอยร้าวขึ้นบนท้องฟ้าก่อนที่
มันจะแตกถล่มลงมา

“ แย่แล้ว ไดสุเกะ รีบเปลี่ยนตัวกับฉันเร็ว ”
เสียงของดาร์ค ดังขึ้น ก่อนที่ร่างของ เค้าจะเปลี่ยนเป็น ดาร์ค แทน
ขณะเดียวกันก็หลบเศษซากท้องฟ้าที่ตกลงมาถล่ม บ้านทั้งหลังจนพังทลายไปในพริบตา

“ ชิ...นี่มันอะไรกัน... ”
ดาร์ค สบถ ขณะที่ มองดูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ ท้องฟ้าที่แตกลงจนเผยให้เห็น
 บรรยากาศของมิติที่บิดเบี้ยวแบบเดียวกับในบ้านขึ้นบนท้องฟ้าแทน

“ ฮ่าๆๆๆ ในที่สุดข้าก็เจอจนได้ ผู้กล้าคนที่3 ”
เสียงดังกึกก้องขึ้นทั่วน่านฟ้า ก่อนที่ โซ่ จำนวนมากมายจะพุ่งลงมาจากมิติบิดเบี้ยวบน
ท้องฟ้า เข้ามามัดร่างของเค้าไว้

“ อ...อะไรกันเนี่ย....มานี่สิ วิซ ”
ดาร์ค สบถก่อนจะตะโกนเรียกให้ วิซ สัตว์รับใช้ของตน ออกมา ทว่า วิซ
ที่ควรจะมาตามคำสั่งของเค้า
กลับถูกจับมัดอยู่บนมิติบนฟ้านั้นก่อนเค้าแล้วนอกจากนี้ แครด เองก็เช่นกัน

“ ไม่ต้องพยายามฝืนให้เสียเวลาหรอกน่า เจ้าหมดทางสู้แล้ว ข้าจัดการ เปลี่ยนแปลงมิตินี้
และควบคุมมันไว้แล้ว พลังของเจ้าไม่มีระโยชน์ใดๆอีกในตอนนี้ ”
เสียง นั้นดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ ร่างของ ดาร์คกลับคืนกลายเป็นไดสุเกะ อีกครั้ง

“ น..นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ ดาร์ค แล้วเสียงนั่นมาจากไหนกัน ”
ไดสุเกะ กล่าวอย่างร้อนรนขณะที่ พยายามจะดิ้นให้หลุดจากโซ่ ที่มัดร่างเอา
 ไว้แต่ก็ไม่เป็นผลร่างของเค้าค่อยๆถูกลากขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ก่อนจะหายไป ข้าคือพระเจ้า(God of Terra) แค่นั้นแหละ ”
เสียงนั้นดังขึ้น อีกครั้ง ก่อนที่ จะปรากฏร่างของ มังกรขนาดยักษ์ที่ร่างเป็นมิติที่บิดเบี้ยวออกมา นั้น
ที่ส่วนหัวของมันเป็นหน้ากากสีทอง



“ พระ...เจ้างั้นเหรอ ..อึก ”
ไดสุเกะ เปรยขณะที่ สายตานั้นไม่อาจละไปจากร่างอันมโหฬารของ มังกรตนนั้นที่
อ้างตนเป็นพระเจ้า

“ ครั้งหนึ่ง ผู้กล้าแห่ง ทาลิวิลย่า เคยสะกดข้าไว้ได้ แต่ตอนนี้ ไม่ใช่อีกแล้ว
ข้ากลับมาเพื่อจะทวงอำนาจ ทั้งหมดกลับมาอีกครั้ง เพื่อการนั้น การทำลายพวกเจ้า

เหล่าผู้ถูกเลือกจากพลังอันน่าเกลียดชังนั่น จึงเป็นสิ่งที่ละเว้นไม่ได้
ต่อจางเจ้า ผู้ถูกเลือกคนที่ 4 กำลังรออยู่ แล้วทีนี้ล่ะ ข้าก็จะทำลายโลกทั้งหมด
ทั้งเทอร่า ทั้งโลกแห่งความเป็นจริง ฮ่าๆๆๆ ”

มังกรตนนั้นกล่าวจบ ภาพร อบตัวทั้งหมดของ ไดสุเกะ ก็แตกสลายไปจนหมด
ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะตกลงสู่ความมืดอันเวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุด


.............................
Legend D.N.A. of Thaliwilya (Legend Daisuke Niwa Angel of Thaliwilya)
จบ บริบูรณ์ (END BAD)
..................................

Next Serie :
เมื่อ โลกแห่ง Fiction ทั้งหมดกำลังตกอยู่ในกำมือของ อวตารพระจิตชั่วร้ายแห่งพระเจ้า

 เกรม่อนเด็กหนุ่มผู้ถูกเลือกจาก AEC Writer จึงต้องรับภารกิจที่จะช่วยโลกแห่ง Fiction ทั้งหมดที่บิดเบี้ยวไป
ในนามของ Fiction Meister ACE
« Last Edit: June 28, 2009, 03:59:24 AM by greamon » Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.126 seconds with 20 queries.