Summoner Master Forum
April 26, 2024, 01:42:38 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: หลักการเขียนนิยายขั้นต้น  (Read 11839 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« on: August 02, 2009, 06:48:45 AM »

ช่วงหลังๆมาเริ่ม จะไม่ค่อยเห็นคนเขียนเรื่องใหม่ๆขึ้นมากันเท่าไหร่เลย
บางเรื่องขึ้นมายังไม่ทันจะถึง 3 ตอนคนเขียนก็เลิกไปละ
ไปๆมาๆ ตอนนี้เหลือ Fic ที่ตามอัพอยู่แค่ไม่กี่เรื่องแถมแต่ล่ะเรื่อง คนเขียนไม่ผม
ก็ทีมงานผมไม่ก็คุณ โปรเฟสเซอร์ดราก้อน ที่เขียน SMN Cross Master อยู่
ส่วนใหญ่งานเขียนที่ไม่จบของหลายๆคน อาจมาจากการที่รู้สึกว่าไม่มีคนมา เมนท์
มากเท่าที่ต้องการรึเปล่า เลยคิดว่าเรื่องของตัวเองคงไม่น่าสนใจแล้วก็ยุบไป

ที่จริงเรื่องแบบนี้มันเรื่องธรรมดาของ บอร์ดนี้เลย เพราะว่าคนเข้ามาก็ค่อนข้างจะน้อยอยู่แล้ว
แต่ขาประจำที่เข้ามาอ่านบ่อยๆก็ยังมีอยู่ ดังนั้นบางทีสาเหตุที่หลายๆเรื่องต้องปิดไปก่อนจบ
หรือก่อนเดินไปครึ่งเรื่อง น่าจะเพราะผู้เขียนไม่มีประสบการณ์+ไม่ได้ศึกษาเรื่องการเขียนเอาไว้

ดังนั้นวันนี้ผมจะมาแนะนำหลักการเขียนคร่าวๆให้นะครับ


Quote
ขั้นตอนที่1 ต้องนึกภาพฝันในมโนภาพในสิ่งที่จะเขียนออกมาให้ชัดเจนก่อนค่ะ พลางจดโคลงเรื่องคร่าวๆแบบง่ายๆไม่ซับซ้อนมากนัก
 เพราะหลักการง่ายๆนั้นค่อยมาเพิ่มปมและสิ่งอื่นๆทีหลังได้.... แล้วนำมาเรียงเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูล ดังนี้


เวลาเหตุเท่าไหร่?

ใคร?

ทำอะไร?

เหตุผล?

เงื่อนไข?
ที่ไหน?

อย่างไร?

ผลจะเกิดอะไร?

ใครเป็นอะไร?

ขั้น ตอนที่ 2 ก็คือค้นคำค่ะ เพื่อให้ใช้คำได้เหมาะสมมากที่สุด และ อธิบายได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีคำให้ใช้เล่นไม่ซ้ำกันมากขึ้นอีกด้วย

ซึ่งจะได้ผลออกมาในลักษณะของการบรรยาย พรรณนา ถึงลักษณะและสาระสำคัญของแต่ละข้อมูล แล้วนำมาเรียบเรียงเป็นประโยค

เช่น ขั้นที่1 - การวางโครงเรื่องด้านเวลาไว้ว่า เป็นเวลา 5 โมงเย็น

ขั้นที่2 - ก็ต้องนึกภาพถึงเวลา5โมงเย็นว่าเป็นอย่างไร แล้วนำมาเรียบเรียงให้สละสลวย เช่น ดวง ตะวันสีส้มปนแดงระเรื่อกำลังจะลับขอบฟ้า
 แลเห็นแสงอาทิตย์คราสุดท้ายที่ทอดส่องมากระทบกับผืนเมฆจนบังเกิดแสงสีแดงปน ม่วงเย็นสบายตาของวันนี้ สายลมหนาวพัดเอื่อยเฉื่อยเข้ามา...... เป็นต้น

ขั้น ตอนที่3 ให้สะสมคำในแบบต่างๆให้มากที่สุดเพื่อนำมาเขียน ให้สละสลวยและ อ่านไหลรื่นมากขึ้น เช่น น่ารัก สวย หล่อ รัก ชอบ ฯลฯ เพราะการใช้คำที่ซ้ำๆ
 จะทำให้คนอ่านเบื่อหน่ายได้ ผิดกับการใช้คำที่ไม่ซ้ำและอ่านได้ไหลรื่น

รูปแบบการนำเสนอ มีอยู่2แบบ

แบบ ที่1 - ผู้เขียนเป็นคนเล่า (ประโยคบอกเล่า)หรือ บรรยายเหตุการณ์ และ สรรพนามก็จะเปลี่ยนมาเป็น ผม ฉัน เขา แทน เช่น ผมเดินเข้ามาในซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง
 ซึ่งตัวผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน มันเป็นที่รกร้างว่างเปล่า........

แบบ ที่2 - บุคคลที่ 3 เป็นคนเล่าเรื่อง เช่น เอกเป็นคนขี้หงุดหงิดง่าย แต่ดารินกลับตรงกันข้ามเธอสุขมแลดูเยือกเย็นมากกว่า เหมือนน้ำที่จะมาคอยดับไฟอย่างเอก

รูป แบบที่ 1 เป็นกรณีที่ผู้เขียนเป็นคนเล่าเรื่องด้วยตัวเอง บทบรรยายเลยใช้กับนิยายบางส่วนไม่ค่อยได้ แต่ในกรณีแบบที่ 2 จะเป็นมุมมองของบุคคลที่ 3
 ที่เป็นคนเล่าเรื่องหรือนำเสนอเนื้อเรื่องแทนตัวละคร ในกรณีนี้ จะเป็นรูปแบบตัวอักษรที่ค่อนข้างจะตายตัวเสมอในนิยายเกือบจะทุกๆเรื่องค่ะ

ขั้นตอนที่4 จะเกี่ยวกับการวางตัวละครเบื้องต้น

มีการวางตัวละครเด่นๆไว้กี่ตัว ตามหลักการแล้วเราต้องใส่บุคลิก และเนื้อหาสำทับไปด้วยอย่างคร่าวๆ เช่น

มีตัวเอก 7 ตัว

เนื้อเรื่องต้องไปปราบปิศาจ เป็นเวลากี่วันก็ใส่ลงไป

เพื่อแย่งชิงลูกแก้วแห่งแสงกลับมา

ตัวละครตัวที่ 1 ชื่อเอ อุปนิสัยโง่ๆเห่ยๆ แต่เก่งเรื่องฟันดาบ

ตัวที่ 2 ชื่อ บี อุปนิสัยราบเรียบไม่พูดจา ชอบของไฮเทคล้ำยุค

ตัวที่ 3 ชื่อซี เฉยเมย

ตัวที่ 4 ชื่อดี ร่าเริงแต่กลัวความสูง

ตัวที่ 5 ชื่ออี น่ารัก และ ฉลาดด้วย

ตัวที่ 6 ชื่อเอฟ แข็งแรง

ตัวที่ 7 ชื่อจี มีเสน่ห์

วาง โครงเรื่องและตัวละครอย่างคร่าวๆ ก็ยังคงมีเค้าหลักการให้เห็น ดังนั้นไม่ว่าจะวางเรื่องแบบไหนขอให้มีหลักการ ก็จะเป็นแนวทางที่ดีได้ค่ะ



ต้องบอกก่อนนะครับว่า หลักการด้านบนนี่ผมไปcopy มาจากเวบที่ค้นเจอมาเมื่อหลายปีก่อนเริ่มเขียน
นิยายเรื่องที่ต่อยาวที่สุดของผม ผมเองก็ลืมลิงค์ไปแล้ว
แต่หลักการเขียนิันนี้แหล่ะที่ทำให้ผมสามารถเขียนFic ทาลิวิลย่า
 ยาวมาถึง 4 ภาคด้วยกัน(ถึงจะมีตอนจบแบบติงต๊องหลุดออกมา2 ตอนก็เถอะ)

เพราะฉนั้นผมจะมาขออธิบายหลักเหล่านี้แบบสรุปให้อีกชั้นหนึ่งนะครับ


เริ่มจาก ในขั้นตอนที่1 ที่บอกให้ จินตนากรนึกภาพฝันให้ชัดเจนก่อน

ก็คือให้คุณนึกไปถึงสภาพของเรื่องที่คุณกำลังจะเล่าออกมาก่อน

ขั้นตอนที่ 1 ตัวละคร

หากตัวละครของคุณพึ่งจะปรากฏเข้ามาในส่วนของ นิยาย หรือ ยังไม่ได้แนะนำให้ผู้อ่านรู้จักตัวตนของ
ตัวละครนั้น ก็ควรจะบรรยายสรรพคุณของตัวละครนั้นๆก่อน

การบรรยายโดยสังเขปนั้น ควรจะบรรยาย สีของผม
 ลักษณะบนใบหน้าที่เป็นจุดเด่นเช่น ดวงตา เป็นสีอะไรเป็นต้น การกำกับเพศและวัยของ
ตัวละคร ลักษณะของทรงผม  จากนั้นจึงเริ่มไล่ไปยังส่วนของการแต่งกาย เช่นใส่เสื้อแขนยาวหรือสั้น เป็นชุดเกราะหรือขนสัตว์
จากนั้นก็มาบรรยาย ลักษณะพิเศษของร่างกาย เช่น เท้าโต แขนยาว มีปีก อะไรก็ว่าไป

จากนั้นเมื่อเราวางพล็อตของตัวละครแล้ว ต่อมาก็เป็นเรื่องของฉาก
จากที่หลักการที่ผมแปะไว้ นั้นเค้าจะกำหนดให้เรา คำนึงถึง เวลา สถานที่ เหตุการณ์ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นะครับ
ซึ่งเรื่องของสภาพสถานที่ คือสิ่งที่ผมเห็นว่าหลายคนละเลยไป ไม่อธิบายกำกับไปว่าในฉากนั้นสถานที่นั้น เป็นที่แบบไหน
เช่นคุณบอกอยู่ในป่า แต่ป่าแบบไหนล่ะครับ ป่าดงดิบ ป่ารกร้าง ป่าทัดน้ำ

ถ้าคุณจะขึ้นเรื่องโดยการบอกมาว่า ณ ป่าแห่งหนึ่ง แล้วเริ่มเรื่องเลย ก็ควรจะมีบรรยายบอกกันหน่อยว่า ป่านั้น
หนาทึบด้วยต้นไม้ไหม มีเสียงร้องของสัตว์เล็กสัตว์น้อยไหม การบรรยายสถานที่นั้นไม่ต้องละเอียดมากก็จริง
แต่ก็ควรจะอธิบายไว้เพื่อประกอบการนึกภาพตามของผู้อ่าน ดังนั้นการบรรยายสถานที่โดยสังเคป

คือ บรรยายสภาพว่าในสถานที่นั้นมีอะไรอยู่บ้าง เป็นพื้นที่แบบไหน จากนั้นจึงบรรยายในเรื่องของ เวลา
ตามมา ก็ตามที่แปะไว้ด้านบนนะครับ การบรรยายสถานที่นั้น เป็นเรื่องที่ละกันได้หากเราเคยบรรยาย
ถึงสถานที่นั้นเอาไว้แล้ว ยกตัวอย่าง

Quote
ตลาดท่าเรือ บาร์ซิงเซย์ (Barsingsei)  ประเทศ โลกอส

ตลาดร้านค้า ซึ่งตั้งอยู่บนสะพานไม้ ที่ต่อทอดยาวออกไปในอ่าว ซึ่งนี่เป็นเมืองท่า ที่มีเรือสินค้า
มาเทียบมากมายที่สุดในเขต ทวีป อาริมาเทีย ซึ่งแต่เดิมโลกอส เป็นประเทศที่ไม่มีพื้นที่ติดกับทะเล
หากแต่ชายฝั่งทะเลนั้น อยู่ไกลออกจากชายแดนไปเล็กน้อย


ผมบรรยายสภาพของ ตลาดท่าเรือ ที่ชื่อว่า บาร์ซิงเซย์ไปแล้ว

เมื่อผมจะเขียนให้ตัวละครเดินทางกลับมายังที่นี่อีกครั้ง  ผมก็ไม่จำเป็นต้องบรรยายซ้ำอีก แต่สามารถขึ้นชื่อของสถานที่ได้เลย
แต่อาจจะมีการบรรยายกำกับไปด้วนิดหน่อยพอสังเขป ในกรณีที่เราไม่ได้กล่าวถึงสถานที่นั้นเป็นเวลานานแล้ว

ส่วนในเรื่องของเหตุการณ์ นั้นผมไม่คิดว่าผมคงไม่ต้งแจงให้ เพราะทุกคนก็ต้องเขียนมันเพื่อดำเนินเนื้อเรื่องอยู่แล้ว


ขั้นตอนที่ 2 การบรรยาย

นี่เป็นเรื่องที่ผู้เขียนฝึกหัดมีปัญหากันมากที่สุดครับ นั่นคือการบรรยาย เพราะผู้เขียนที่ไม่มีประสบการณ์หรือ
ไม่ได้ศึกษามาก่อนจะเขียนเรื่องออกมาในลักษณะ เหมือนกับการเล่าผ่านปากมากกว่า
ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านที่เค้าไม่ได้เห็นภาพตามสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อลงไปได้ชัดเจน

บางคนอาจจะถึงขั้นดำเนินเรื่องโดยที่มีแต่บทพูดของตัวละครเป๋อหลาออกมาอย่างเดียวไม่ได้กำกับมาให้ว่าใครพูดใครทำอะไรอยู่
บางคนก็ดีหน่อย บอกว่าใครพูดใครคิดอยู่ แต่ดันเขียนแข็งๆเหมือนกับ
จับตัวละครมาพูดตามบทที่ตัวเองคิดเท่านั้น ไม่ได้ใส่อารมณืในการพูดของตัวละครเข้าไปด้วย

การใส่อารมณ์ลงไปในคำพูดคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยบ่งชี้ให้ว่าตอนนี้ตัวละครของคุณกำลังรู้สึกอย่างไรบ้าง
ยกตัวอย่าง

"ฉันให้นายนะรับไปสิ"

กับ

"เอาไปสิฉันให้"

สังเกตได้ว่า2 คำพูดนี้มีความหมายเหมือนกันคือ ตัวละครผู้กล่าวจะส่งของให้กับตัวละรที่เป็นผู้รับ
แต่แตกต่างกันที่ความรู้สึกของตัวละครที่เป็นผู้กล่าวว่าเต็มใจให้อยู่หรือไม่

ดังคำพูดแรก ตัวละครผู้กล่าวมอบของให้ด้วยความเต็มใจ แต่ในอีกคำพูดนั้น เป็นเหมือนกับการพูดประชดประชัน
หรือพูดแบบไม่ค่อยเต็มใจที่จะให้ หรือเป็นการให้โดยที่ตัวละครฝืน ไม่แสดงออกให้ผู้รับรู้ว่าตนอยากให้
ซึ่งรูปแบบนี้
มักจะเป็นบทพูดของตัวละครที่มีอุปนิสัยแบบ  รักนะแต่ไม่แสดงออก อะไรประมาณนี้

แต่ในบางกรณีที่แค่คำพูดของตัวละครนั้น อาจตีความได้ในลักษณะที่คลุมเครือ เราก็ควรจะอธิบายกำกับลงไป
ด้วยว่าตัวละครกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกใด เช่น

Quote
“ ตั้งแต่วันแรกที่ผมถูกสร้างขึ้นผมก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือ เป็นเพียงหุ่นเชิดที่ไร้จิตใจ
ความทรงจำก็ถูกปลูกฝังมาจากคนอื่นไม่ได้มีอะไรเป็นของตัวเองเลย ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่ง
หลอกลวงสำหรับผม”

เรกกะ กล่าวน้ำเสียงนั้นสั่นเครือ ออกมาราวกับกำแพงที่ขวางกั้นซึ่งความรู้สึกได้พังทลายลงไปแล้ว
ในช่วงที่มนสะกดยังทำงานอยู่นี้ แม้คำพูดของเค้าจะออกมามากมายเพียงใด มันก็ไม่อาจส่งไปถึงเธอได้


ในตัวอย่างนี้ ถ้าหากผมไม่ได้กำกับไปว่า เรกกะ กล่าวออกมาด้วยความรู้สึกใด หรือกล่าวออกมาน้ำเสียงเป็นแบบไหน
ผู้อ่านก็อาจจะเข้าใจเป็นว่า เรกกะ กำลังกล่าวประชดชีวิต ตัวเองด้วยการตะคอก หรือ โมโหอยู่
แต่หลังจากที่ใส่กำกับไปว่า เรกกะ กำลังกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

ก็เป็นการชี้แล้วว่า เรกกะ กำลังพูดด้วยอารมณ์ที่เศร้าหมอง
ดังนั้นการกำกับว่าตัวละครกำลังพูดออกมาด้วยความรู้สึกใด ก็เป็นข้อสำคัญที่ควรจะระลึกไว้เสมอ
อีกอย่างผมเห็นว่าบางคน อาจจะใช้คำพูดที่มันดูเข้าใจแค่ตัวคุณหรือในกลุ่มเพื่อนของคุณหรือกลุ่มสังคมหนึ่งๆเท่านั้น
เช่นศัพท์ นรกแตก แบบ "เกรียนจริงๆเลยแกเนี่ย" "เฮ้ยอย่างแจ่มเลยว่ะ"

ศัพท์ที่พูดออกมานั้นสื่อถึงลักษณะนิสัยของ ตัวละครได้นะครับ คุณลองคิดดูละกัน ถ้าคุณเขียนโดยให้ตัวละครของคุณพูด
ศัพท์แนวนี้กันหมด ก็คงได้เป็น ฮิปปี้ กันทั้งเรื่องแน่ ศัพท์นรกแตกพวกนี้ถ้าจะใช้ควร คำนึงถึง
ตัวละครที่พูดด้วยครับ เพราะบางครั้งผมเห็นบ่อยเลยล่ะ

ประเภทเขียนบทพูดของตัวละครเป็นภาษาลูกผู้ชาย คำแทนตัวสมัยพ่อขุนรามเงี้ย คือไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้นะครับ
แต่มันเป็นงานเขียน คุณต้องดูความเหมาะสมด้วยว่า ตัวละครที่กำลังใช้บทพูดนี้อยู่น่ะ มีลักษณะแบบใด

ผมยังเคยเห็นมี นางเอกแสนเรียบร้อย พูดภาษาพ่อขุน ซะงั้นทั้งที่คุณบรรยาย่าเธอเป็นเด็กเรียบร้อย
อีแบบนี้มันแสดงลักษณะนิสัยของคุณออกมาโต้งๆเลยนะครับ

แต่ในการเขียนก็ไม่ควรจะให้มันสุภาพไปหมดทั้งเรื่อง แบบ ผม คุณ เธอ ฉัน แบบนี้หมดก็ไม่ดีครับ
เพราะบางตัวละครที่มีอุปนิสัยเลวทราม จะมาพูดไพเราะ เนี่ยถ้าไม่ใช่ตัวร้ายแหวกแนว
ก็ควรใช้ภาษาพ่อขุนครับ ดังนั้น ภาษาพูดจึงเป็นอีกเรื่องสำคัญ


ขั้นตอนที่ 3 เรื่งภาษาในการบรรยาย


ที่จริงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นักเขียนสมัครเล่นทุกคนละเลยกันมากที่สุดถึงขั้นไม่มีเลยก็ว่าได้ รวมทั้งตัวผมด้วย(อ้าว)
คือการหาคำศัพท์ที่จะเอามาบรรยายน่ะครับ ที่จริงควรจะมีไว้บ้าง
เพื่อจะได้ความลื่นไหลในการอ่านครับ

เราอาจจะไม่ต้องทำให้มันลื่นไปซะหมดก็ได้ เอาแค่ตอนพรรณนา ถึงสิ่งต่างๆน่ะครับค่อยพยายามทำให้มันลื่นไหลเข้าไว้
ตัวอย่างก็

Quote
“แต่เพราะพี่ได้ทำให้ โลกของผมเปลี่ยนไปนับแต่วันนั้น ช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับพี่นั้นเป็นความจริง
ความทรงจำที่ได้รับจากพี่มานั้น...”
แม้จะรู้อยู่เต็มอก ว่าพี่ คงไม่มีวันได้ยินคำพูดเหล่านี้ แต่นี่ก็เป็นเพียงโอกาสเดียวโอกาสสุดท้ายที่จะได้
เล่าผ่านความรู้สึกออกมาเป็นคำพูด ผ่านช่วงความทรงจำและวันเวลาที่ผ่านมา ตลอดชีวิต


ตัวอย่างนี้ผมเองไม่ค่อยแน่ใจนะว่ามันลื่นพอหรือเปล่า เพราะเรื่องการบรรยายให้ลื่นเนี่ยยังเป็นปัญหาที่ผมแก้ได้ยากอยู่
แต่จากที่อ่านมันจะทำให้เราเข้าใจได้ว่าตัวละครกำลัง โศกเศร้าม้ากมาก และการบรรยายให้ดูลื่นไหลจะสร้างอารมณืให้ผู้อ่านได้
สัมผัส กับความรู้ของตัวละครอย่างชัดเจนขึ้นครับ (ซึ่งบทพูดนี้ในนิยายผม เป็นตอนที่เรียกน้ำตาคนอ่านมากที่สุด สาเหตุเพราะ เขียนแล้วอ่านลื่นนี่ล่ะครับ)

การทำให้อ่านได้ลื่นไหลนั้น ผู้เขียนจะต้องเรียบเรียงประโยคที่จะสื่อก่อนครับ ซึ่งเนื้อหาของ คำศัพท๊จะเอามาบรรยายนันควร
เป็นการไล่ระดับของอารมณ์ที่คำนั้นๆสามารถแสดงออกมาได้ครับ

อย่างเช่น เศร้าสร้อย,ทุกข์ระทม สองคำนี้ให้ความหมายในระดับที่ต่างกัน แต่ความหมายนั้นใกล้เคียงกัน
คือตัวละครกำลังเป็นทุกข์ อยู่ครับ แต่ระดับ impact ที่คำศัพท์มันสื่อ ออกมาจะต่างกัน

เรื่องนี้ผมคงอธิบายมากไม่ได้ เพราะผมเองยังงูๆปลาๆอยู่ในเลยครับ ข้ามละกัน


ขั้นตอนสุดท้าย ความสนุกในการเขียน

ถึงเห็นเป็นเรื่องไม่มีความหมายสำคัญ อะไรกับคุณภาพนิยายของคุณก็เถอะ แต่นี่ล่ะคือสิ่งสำคัญเลยครับ
ทุกวันนี้คุณเขียนนิยาย เหล่านี้ขึ้นมาเพราะอะไร ถ้าเราะต้องการชื่อเสียงอยากให้มีคนมาชมล่ะก็
รับรองคุณเขียนได้ไม่ถึง 2 หรือ 3 ตอนคุณจะเลิกไปเอง เพราะงานเขียนที่สร้างขึ้นมาโดยหวัง
ผลตอบแทนยิ่งใหญ่ มักจะไม่เป็นอย่างที่คิดครับ คุณควรสนุกกับการเขียนครับ

อ้อสิ่งสำคัญไม่ว่าจะอะไรก็ตามคุณอย่า ยัดเยียดเอาว่าเรื่องเป็นแบบนี้นาะแหล่ะสนุกสุดยอด แล้วคนอ่านเค้าไม่ได้คิดเหมือนคุณครับ
เค้ามีความชอบที่แตกต่างกันไปนาๆ ดังนั้นควรจะเขียนให้แนวเรื่องเป็นกลางเข้าไว้
ไม่เน้นไปในแบบที่คุณชอบจนเกินไป แต่ให้มีความสมดุลในการสร้างแนวเรื่องครับ

ความสนุกในการเขียนคือสิ่งที่จะทำให้ คุณเขียนเรื่องออกมาได้อย่างดีเยี่ยม เพราะมันกลั่นออกมาด้วยใจรักไม่ใช่
ความคาดหวังครับ หรือเรียกอีกอย่างว่า สปิริตของคนเขียนครับ อย่าไปหวังว่าจะมีคนมาคอมเมนท์
ชมชอบนิยายของคุณ แต่จงหวังว่าผู้ที่มาอ่านผลงานของคุณจะเข้าใจและสนุกไปกับ จินตนาการ ที่คุณรังสรรค์
ออกมา ครับ
Logged


♪The Nothing♪
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1959


Email
« Reply #1 on: August 02, 2009, 08:34:15 PM »

   จะบอกว่าผมแต่งมา 8 เรื่อง จบไป 4 เรื่อง ไม่เกี่ยวกับ SMN เลย ก็เลยไม่เอามาลงน่ะครับ~
Logged


Suchan.poloplow
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1232


Email
« Reply #2 on: August 03, 2009, 07:39:25 PM »

ถ้าช่วงไหนว่าง ๆ จะพิมพ์นิยายมาแจมด้วย

   ...ว่าแต่ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลยนิ
Logged


~NICO ROBIN~
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1641


« Reply #3 on: August 04, 2009, 01:22:11 AM »

ผมก็เคยแต่งฟิคน่ะ

เป็นฟิคเกมวัดดวงน่ะ ที่เห็นใน General Talk
เพราะผมคิดว่า มันยังไม่ใช่ Fic

และฟิดเกมวัดดวงตอนแรกไปลงในบอร์ดอื่นก่อน แล้วก็ได้รับความนิยมอย่างมาก
เป็นกระแสใหม่ของคนในบอร์ดนั้นเลยก็ว่าได้

ที่ผมแต่งจบ อาจจะเป็นเพราะเรื่องคนโพสต์ก็ได้ เพราะคนโพสต์มาก คนสนใจก็มากครับ
ตอนหลังเริ่มสนุก เริ่มดาเหตุการณ์ล่วงหน้าไป จึงเป็นจุดสนใจของเกม

ใครแต่งฟิคอยู่ก็พยายามเน้อ.....
เราแต่งเกมวัดดวงรายละเอียดจัดจะตาย ต้องมาอีดิททุกวัน รายละเอียดปลีกย่อย
ไหนจะคะแนน ไหนจะพล็อต ไหนจะจัดแจงเรื่องการเลือกทางของแต่ละคน

ผมก็แต่งมันจนจบ ใครที่กำลังแต่งอยุ่เป็นกำลังใจให้น่ะ

ปล.เดี๋ยวผมจะคิดโปรเจ็กชุบชีวิตบอร์ดนี้ให้จงได้นะครับ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #4 on: August 04, 2009, 03:17:53 AM »

แผนสูงนะเนี่ย เกรม่อนคุง จ๋าเหอๆ หาเรื่องให้คนกลับมาแต่ง fic เยอะๆ จะได้เอามายำรวมมิตรใน
Fiction Miester ACE สินะ ว่าแล้วแต่งกันมาเยอะน้า พวกเรารอจับมายำอยู่ ฮ่า เหอๆ
Logged


abeabeabe
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1127


Email
« Reply #5 on: August 04, 2009, 05:15:21 AM »

ผมตกภาษาไทย ครับ
Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #6 on: August 05, 2009, 12:35:53 AM »

เหอะๆๆ กำลังจะเลิกเขียนเพราะไม่มีเวลา มาอ่านอันนี้เเล้วกำลังใจเพิ่มขึ้น 30 เปอ เดี๋ยวว่างเเล้วเเต่งต่อ
Logged


~NICO ROBIN~
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1641


« Reply #7 on: August 05, 2009, 01:26:47 AM »

เหอะๆๆ กำลังจะเลิกเขียนเพราะไม่มีเวลา มาอ่านอันนี้เเล้วกำลังใจเพิ่มขึ้น 30 เปอ เดี๋ยวว่างเเล้วเเต่งต่อ
เอ้า ชาร์จ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #8 on: August 05, 2009, 02:36:08 AM »

Quote
เหอะๆๆ กำลังจะเลิกเขียนเพราะไม่มีเวลา มาอ่านอันนี้เเล้วกำลังใจเพิ่มขึ้น 30 เปอ เดี๋ยวว่างเเล้วเเต่งต่อ

แสดงว่ากระทู้เรามีประโยชน์ สินะ หึๆๆ

(ระวัง!!! ACE กำลังจะมาเยือน )
Logged


[sos]GetMyWay!
Member
*****
Offline Offline

Posts: 40


Email
« Reply #9 on: August 05, 2009, 02:45:19 AM »

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบขีดๆเขียนๆแต่ไม่กล้าเอาให้คนอื่นอ่าน(อาย )

ผมเลยรู้สึกชื่นชมนักเขียนที่สามารถแต่งเป็นเรื่องหรือเขียนเป็นหนังสือ

เพราะผมแต่งไป 10 กว่าหน้าก็คิดอะไรไม่ค่อยออกแล้ว เลยนำกลับมาแก้ใหม่แก้ไปแก้มาก็เริ่มท้อ แล้วเผลอล้างเครื่องลืมเก็บอีกต้องมาแต่งใหม่ งี่เง่าไหม

กระทู้นี้ทำให้ผมอยากไปแต่งมันต่อ

ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากครับ

 
Logged


Leraje
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 826


« Reply #10 on: August 06, 2009, 12:20:34 AM »

เป็นประโยชน์มากเลยครับกระทู้นี้
เดี๋ยวต้องลองเขียนดูบ้างแล้ว โย่ว 
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.075 seconds with 20 queries.