Summoner Master Forum
April 24, 2024, 05:40:14 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: 1 ... 3 4 [5] 6  All
  Print  
Author Topic: (อวสาน)SUMMONER MASTER VR! Up Final Sub-Turn Let's Duel VR!! พิเศษตอนแถมทาลิ1  (Read 95766 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #120 on: May 26, 2009, 06:40:37 AM »

ตอนนี้ขอบ่นหน่อยเถอะ อยากระบาย ช่วยทำเปงไม่เห็นไปเถอะ


ตอนนี้ปวดหัวมากกับตอนจบของ VR!!นี้ เพราะข้ามช็อตไปเยอะมากๆ

เรื่องแรกเลย เคียวโดนตัดบทไปโดยอิส ทั้งที่มันเป็นตัวละครที่ออกมาพร้อมกับ
 ธนัทตอนแรก แต่ยังไม่มีบทดวลเด่นๆเป็นของตัวเอง ที่สำคัญนางเอกของเราชุติการ
 ไม่มีบทดวลเป็นเรื่องเป็นเป็นราวกับเค้าซํกที

มาริน่า กับ ฟรานซิสก้าที่แสนจะเก่ง ไม่มีบทดวลเต็มๆให้แสดงฝีมือ

คิดแล้วเศร้า ที่ต้องรวบจบเรื่องไวแบบนี้เพราะไม่แน่ใจว่าอยู่ มหาลัย แล้วจะมีเวลาเขียนไหม
 เพราะยังไม่มีโน๊ตบุ๊คเป็นของตัวเอง ไว้มีก่อนเถอะ อาจจะได้
เห็น Summoner VR!!ภาคสามเทพอสูร(Lavithan Behamouth Ziz)

เหอๆ แต่ถ้าจะยากเริ่มเซงเวลาเขียนซีรี่ย์นี้ ดวลกันทีปวดหัวทุกตอน
คิดแต่พล็อตดวลจนไม่มีเวลาสร้างคาแรกเตอร์เลยต้องไปยืมเอา
 ของคนอื่นเค้ามาหลายเรื่องเลย

เอาเป็นว่าจะทำตอนจบออกมาให้สวยพอที่จะรับได้ไม่ปาหมอนเหมือน
 มัลติอาเมอร์ของเจ้า การุรุม่อนละกัน

แต่คงไม่ดีเยี่ยมเท่าทาลิ2ภาคก่อน เรายังงงอยู่เลย ลอว์เรนซ์จะมาทำไมเนี่ย
 ภาคเรกกะ เนี่ย

มาก็แย่งบทไปเด่นได้ตอนหนึ่งทีเหลือโดนเฟนท์ ขโมยซีนหมด จนบางทีคิดไปเลยด้วยซ้ำว่า
พระเอกคือ เฟนท์ นางเอกคือ ไอ เหอๆ

มีคนเคยถามว่าภาคแรก พระเอกเป็นใครนางเอกเป็นใคร ผมก็เอ๋อไปทีเหมือนกัน
ว่าเอ เราเขียนจนอ่านไม่รู้เรื่องเลยเหรอว่า ลอว์เรนซ์คือพระเอก หรือมันอ่านไม่รู้เรื่องเองกันแน่

ปรากฏ พอฟังว่าเค้าอ่านยังไงช่วงตรงไหน ถึงได้ไปถึงบางอ้อได้เอาตอนท้ายๆ

"ผมดูตั้งแต่ช่วงบทที่ 15 ขึ้นไปเพราะเนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้น"

นี่ล่ะคำตอบของเรา ก็แหมคุณคร้าบบบบ ช่วงบทที่ 15 ไปจนถึง เกือบๆ26จบ ช่วง Dragoon Age
 ขึ้น Last Legend มันเป็นเรื่องของ พวก เจนัส ตลอดรายการเลย ลอว์เรนซ์
ไม่ค่อยเด่นหรอก (บางทีอาจเพราะไม่นางเอกมาคู่เลยหมดรัศมีพระเอกไป)

มีคนเคยบอกว่า เรื่องของผมทุกเรื่องต้องมีหนุ่มหมา ทุกซีรี่ย์ ที่เกี่ยวกับทาลิ
 ก็จริงแฮะขนาดภาคนี้ยังมีเลยนิ (ศรีใช้ทาลิ)

และทุกซีรี่ย์ที่มีหนุ่มหมามันจะต้องมาพร้อมคู่รัก ที่ไม่เป็นแมวก็ปลาหรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คน
แล้วเรื่องก็จะวนไปวนมาอยู่กับไอ้คู่นี้ ราวกับมันเป็น คู่พระ-นาง ไปซะงั้น

พอได้ฟังแบบนั้นเข้าไป เราก็เลยลองย้อนมองดูตัวเอง เราไม่เคยหานางเอกให้พระเอกของเรา
เป็นตัวเป็นตนซักกะเรื่อง อย่างมาก ลอว์เรนซ์ มีแค่เทียจัง
ที่ลาลับดับโลกไปแล้ว กับ เทียจัง ในอนาคต

พอมาภาคเรกกะ ซานเป็น แฟน เรกกะ แต่ไหงบทเจ๊แกไม่มี ออกจะเทไปให้ R2 ด้วยซ้ำ
แต่เอาเข้าจริง เรกกะ ไม่ได้ชอบป้าR2 ก็แห้วกินไปอีก คู่เฟนท์ ไอ เลยได้เป็นคู่กรรมภาคนั้นแทน
เพราะภาคลอว์เรนซ์ เทีย เป็นคู่กรรมไปแล้ว

พอมาคราวนี้ SMN VR!! ธนัท ชุติการ คู่นี้แน่แล้วสินะ แต่ โคทาโร่ จะมาแย่งไปซะงั้น เวรแล้ว
กลายเป็นรักสามเส้า

เอาเข้าจริง มันกลายเป็น โคทาโร่ แย่งธนัท ไปจาก ชุติการ (วายได้อีกชั้น  )
สงสัยผมจะมีปัญหาด้านการเขียนบทรักของตัวเอกเอามากๆ เลยนะเนี่ย คงต้องดูกันต่อไปว่าเรื่อง
ใหม่ต่อจากซีรี่ย์นี้

MAR GEAR สงครามขับเทพพิชิตมาร
 พ่อหนุ่ม รูจิ จะได้สมหวังกับ เรมี่ไหมหนอ เอหรือจะมีคนมาแย่งเหมือนเรื่องนี้อีก

อ่อ พูดไปให้งงกันเล่น คือ เรื่อง MAR GEAR เนี่ยว่าจะเขียนต่อจาก
 ซีรี่ย์นี้ แต่คงต้องดูเวลาก่อนอาจจะอีกนานกว่าจะได้ลง เพราะคงต้องปรับตัวกันสุดขีดกับชีวิต ม.

ว่าแล้วเกริ่นไปหน่อยเลยแล้วกัน

MAR GEAR เป็นชื่อเรียกของ เทพพิทักษ์ทั้ง 5(เรกุลัม เจนนิเฟอร์ โดมินิก้า ลัมดามุส เวอร์ทูเทม)
ที่สร้างขึ้นโดยใช้ต้นแบบจากหลักสวรรค์(จริงๆคือเอาตัวหลักสวรรค์ทั้ง 5 ตัวนั่นล่ะมาเขียนอิงเอา)
เนื้อเรื่องเป็นช่วงยุคสงครามที่ลัทธิ Zordom ขยายอำนาจ ออกจากเมอริเซ๊ย ไปทั่วสารทิศ
ลัทธินี้มีการใช้อาคูม่า ในการทำสงคราม ซึ่งสิ่งที่จะปราบพวกมันได้มีเพียง
MAR GEAR เท่านั้น

เอาล่ะเกริ่นแค่นี้ก่อน เพราะเรื่องคิดไว้แค่นี้ยังไม่ลงรายละเอียดลึกขนาดนั้น
 แต่แน่ใจได้เลยว่ามันจะเป็นแนวขับหุ่นรบสู้กัน แบบกันดั้ม แหงมๆ อยากลองเขียนอะไรที่
มันแหวกแนวดูบ้าง แต่ก็ยังไม่แน่ใจตัวเองอยู่ดีว่าจะ

เขียนออกมาได้ลื่นเท่า ทาลิ อ่ะเปล่า เพราะลองเปลี่ยนเขียนแนวยูกิ ทีนี่
 ทำเอามือแข็งเขียนไม่ออกเลย เนื้อเรื่องเลยชวนเผาออกทะเล ซะขนาดนี้ ตอนแรกกะว่า
 การ์ตูนดวลเล่นมุขยิงมุขกัน ฮาๆแบบสดใส
ไปๆมาๆ ข้าพเจ้า ยิงมุขละครน้ำเน่ากลิ่นหึ่งมาแต่ไกลเชียว อย่างว่าตอนจบถ้าไม่เศร้า
มาก่อนแล้วสดใสเอาทีหลัง มันจะไม่ประทับใจ เพราะฟ้าหลังฝนนั้นย่อมสดใส นิยายผมถือคติแบบนี้
 ดังนั้นทุกภาค ก่อนจะจบซีรี่ย์ พระเอก จะซวยสุดชีวิต


ทาลิภาคแรก ลอว์เรนซ์ โคตรซวย พ่อตัวเองเป็นศัตรู
ทาลิสอง เรกกะ อภิมหาซวย พี่สาวสุดที่รักเป็นบอสตัวสุดท้าย
ทาลิสาม ไดจังสุดซวย โดนตัดจบกลางคัน(อ๊ะอันนี้ไม่เกี่ยว)

มัลติอาเมอร์ ลอว์เรนซ์ของเรา โคตรซวยอีกแล้ว
ทั้งตัวทั้งเพื่อตายยกฝูง (อันนี้เจ้าการรุมันเขียนเราจะนับดีมะเนี่ย)

SMNVR!! ธนัทของ เราแสนซวย ตกบ่วงรักสามเส้า โดน โคทาโร่ กับ ชุติการแย่งกัน(เอ้ยใช่เรอะ)
เฮ่้ยไม่ช่ายยย เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ต่างหาก

สรุปทุกเรื่องสิน่าเรา อันไหนจะจบพระเอกซวยทุกที ว่าแต่ตอนพิเศษจะเขียนจบทันกะ
VR!! ป่ะเนี่ย เหลืออีก 2ตอนเอง ตอนที่ 15ดวลกะพี่ปอร์จบก็อวสานแล้ว










« Last Edit: May 27, 2009, 07:21:12 PM by greamon » Logged


DJ Chess
Judge
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2849


Email
« Reply #121 on: May 26, 2009, 03:32:42 PM »

แอบติดตามมานานละ 

ตอนนี้ ขอสังเกตการณ์ ตัวละครที่น่าสนใจบ้าง จากที่อ่านมานานก็มาเจอสิ่งหนึงที่น่าสนใจ คือ มี ยศ หมากรุก เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  อย่าง Queen of Checkmate   Bishop of Checkmate  โอ  ราชินีแห่งการรุกฆาต    บิชอป แห่งกรรุกฆาต  ซึ่งเห็นแล้ว เอ้อ น่าสนใจดี  ก็เลยติดตามมาเรื่อยๆ ก็เห็นว่า โผล่มา แค่ไม่กี่ chap เท่านั้น - . -     

ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้เขียนต่อๆไปนะฮะ แล้วจะรอดูว่า จะมีอะไรเกี่ยวกับหมากรุกโผล่ออกมาอีกไหม 


ปล. น่าจะเริ่ม ทำ หน้า สารบัญ บอก Chap กับ แนะนำตัวละคร ได้แล้วนะ เพราะเริ่มเยอะและ  เอิ๊กๆๆ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #122 on: May 26, 2009, 06:57:05 PM »

โอ นึกว่าจะไม่มีคนสังเกตุแล้วซะอีกนะเนี่ย
 (แต่อย่างว่าชื่อคุณพี่บอกมาแต่ไกลกระทั่งSig ยังเป็นหมากรุก)

ที่จริงตอนนี้เจ๊เริ่มสงสัยอย่างหนึ่งเจ้า เกรม่อนมันไม่ได้บอกซะด้วย(ม.เริ่มเปิดละเลยไม่ได้
เจอหน้ากันเลยหลังๆมานี่)

ถ้านับยศของ เหล่าผู้คุมกฏแห่ง Checkmate 5 ตอนแรกก่อนที่ โคทาจัง
จะเผยตัวว่าเป็น Pawn(ตัวเบี้ย)

มันจะมี King Queen Bishop Rook แล้วก็ Knight ที่รุคตอนแรกเขียนเป็น
 ชิพท์ เพราะเจ้าเกรม่อนมันจำชื่อยศในหมากรุคผิด เพราะของไทยเค้าเรียก รุค
ว่าเรือมันเลยจำผิด พึ่งมาแก้เอาตอนนี้

เข้าเรื่องต่อ ถ้าไม่นับโคทาจังที่เป็น Pawn แล้ว ตอนแรก Checkmate 5 จะมีครบ 5พอดี
เลยพลอยคิดไปด้วยว่า คิง นับเป็นหนึ่งใน Checkmate 5 แต่พออ่านๆไปซักพักจะเริ่มเห็นว่า คิง

ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งของ Checkmate 5 แต่สูงกว่านั้น เลยทำให้คิดว่า ใครจะมาเป็นคนที่5
ปรากฏดันเป็น Pawn ที่เป็นโคทาจังไป

ดังนั้นยศใน Paradiso da Regola ก็จะเรียงดังนี้

จากสูงไปหาต่ำ


King

Checkmate 5 (Queen Bishop Rook Knight Pawn) ระดับผู้เล่นเป็น Ruler

Starter 12 ระดับผู้เล่นเป็น Magnus Judge

กองพลชุดดำ ระดับ Judge ที่ไม่ใช่ Magnus ทั้งหมด

สรุปแผนผังได้ดังนี้นี่เอง

ส่วนสิ่งที่ใช้แสดงตนว่าเป็น Checkmate 5 ตอนนี้จะเห็นได้ว่ามี อสูรที่เป็น1 ใน หลักสวรรค์ทั้ง5
ดดมินิก้าโผล่มาแล้ว เพราะงั้นตีความได้เลยว่า เหล่า Checkmate 5 จะต้องถือครอง หลักสวรรค์ไว้คนละใบชัวร์ แล้วพี่ปอร์ ล่ะจะใช้อะไร

ส่วนสารบัญว่าจะทำอยู่เหมือนกันทั้งของอันนี้แล้วก็ ทาลิ2 ด้วยเลย ไว้เดี๋ยวแจ้งเจ้าเกรม่อนให้อีกที

Logged


DJ Chess
Judge
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2849


Email
« Reply #123 on: May 27, 2009, 02:45:58 AM »

โอ้ นำเนื้อเรื่องมาผูกกับ หลังสวรรค์ทั้ง 5 นี่เอง ครีเอท ได้สนุกและน่าติดตามเป็นอย่างมากครับ

ส่วนตามยศแล้วนั้น  ตามหลักของหมากรุกจริงๆจะเรียงอย่างนี้ฮะ




โดย Bishop นั้นจะอยู่สูงกว่าไนท์ ใน 1 ระดับ (จริงๆมันมีค่ามากกว่าไนท์ 0.5 แต้มนะ) แต่ก็จัดอยู่ในหมวด Minor Piece (หมากรอง)  เพราะ ประสิทธิภาพ ปานกลาง

ส่วนหมาก อาณุภาพสูงอย่าง Rook Queen นั้นที่เป็น Major Piece (หมากนาย)  ความสามารถก็รู้ๆกันอยู่

ถามว่าทำไม Bishop ถึงอยู่ในหมวดเดียวกับ Knight หละ ทั้งๆที่มันเดินยาวได้เหมือน Rook

 เพราะ ตามหลัก Position และการให้คะแนนศักดิ์หมากนั้น  2 Bishop นั้น มีค่าเท่ากับ 1 Rook เอง ในการไล่ หรือเข้า End Game เพราะ Rook คอนโทรลแนวตั้งและแนวนอน โดย กินพื้นที่ทั้งสองสี ทำให้ หมากเดินลำบากเพราะตี line ล้อมกรอบเอาไว้ในลักษณะของกล่อง   ส่วน  Bishop นั้นถ้าจะเก่ง ต้อง อยู่คู่กัน เพราะ Bishop 1 ตัว จะคุมแค่ สีของพื้นกระดาน ที่ตัวเองอยู่แค่สีเดียวเท่านั้นไม่สามารถย้าย สี ของ Square ได้ ฉะนั้น ทำให้ ตีไลน์ โดยแนวทแยงมุม ก็ยังมีช่องโหว่ให้หมากเล็ดลอดมาได้ แล้วโครงสร้างเบี้ยนั้นสามารถทำให้การ เดินของ Bishop ลำบากทีเดียว
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #124 on: May 27, 2009, 03:00:08 PM »

แนะนำตัวละคร



[Data:  ธนัทธาทิเวศ จงกลาง ชื่อเล่น ธนัท Age: 14 Year LV: Caller Deck:สำรับ ราชันย์มังกรอัคคี]
ธนัท เป็นคนร่าเริงและร้อนแรงมักใจร้อนชอบทำอะไรก่อนคิด แต่หลังจากพ่ายให้กับ คิระ เค้าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ต่อมาภายหลังเปลี่ยนเป็นสำรับ Element Striker และเพิ่มยศเป็น LV:Summoner


[Data: ชุติการ โพธิ์ทอง ชื่อเล่น ชุติ  Age:14 Year  LV: Caller
 Deck: สำรับประกอบธรรมดาสายแสงสว่าง ]
ชุติการ หรือที่ ธนัท เรียกว่า ชุติ เสมอๆ เธอเป็นเด็กสาวที่เฮี้ยวแก่นไม่เบาเลย ในใจเธอนั้นแอบชอบธนัท อยู่แต่ปฏิเสธตัวเองมาตลอด
เธอเป็นร่างทรงของอสูรเทพมังกรขาว


[Data: แอนนา เชิร์กเวฟ Age: 14 Year    Deck:นาวายะเยือก ]
แอนนา เพื่อนๆมักจะเรียกเธอสั้นๆว่า แอน เธอเป็นลูกครี่งชาวไทย-อเมริกา
 สำเนียงการพูดค่อนข้างเหน่อ และพูดไทยคำอังกฤษคำ สำเนียงการพูดของเธอนั้นจะเหน่อประมาณ ล่ะ เป็น หลา บ้างอะไรแบบนี้
เธอ เป็นเพื่อนกับ ธนัท มาตั้งแต่เด็ก และยังเป็นเพื่อนสนิทของ ชุติการ ด้วยบ้านของเธอ เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ สัตว์น้ำ
เธอรักและชอบเกี่ยวกับทะเล และ สัตว์น้ำชนิดต่างๆมาก


[Data: วัชรพงศ์ สายตรงจิต ชื่อเล่น เคียว Age: 14 Year LV:Summoner Deck: เจ้าแห่งสายฟ้า Raijin ]
เคียว เป็นคนที่เงียบๆจะไม่ค่อยพูดกับคนที่เค้าไม่คุ้นเคยเด็ดขาด ฝีมือในการดวลของเค้านั้นสูงมากกว่าพวกธนัท
อยู่โข แต่ไม่ค่อยจะได้ดวลซักเท่าไหร่


โคทาโร่ เซนาคาว่า นักเรียนเข้าใหม่ระหว่างภาค เค้าเป็น DNA Changer(ผู้ที่เปลี่ยนพันธุกรรมเองได้)
ที่ปลูกฝังยีนของ Seal สายพันนุ์สมิงหมาป่า เป็นทั้งคู่หูคู่กัดของ ธนัท
นอกจากนี้เค้ายังมาสร้างห้องพักของตัวเองไว้ในตู้เสื้อผ้าของ ธนัท
เบื้องหลังของเค้า เป็น1ในผู้นำระดับสูงของ Paradiso da Regola เค้ามียศเป็น Pawn แห่ง Checkmate 5
ทำให้ในศึกตัดสินเค้าต้องเป็นศัตรูกับ ธนัท อย่างไม่มีทางเลือก



อิสรพงศ์ วงศาธร ชื่อเล่น อิส
เป็น1ในองครักษ์ผู้ติดตาม มาริน่า เป็นคนสุภาพเรียบร้อยแต่มีฝีมือด้านการใช้อาวุธและความเร็วสูงกว่าคนทั่วไป
มักจะพกพลองสั้นที่ประกอบกันเป็นพลองยาวได้ไว้เสมอ และยังมีคัตเตอร์พลังเวทย์ที่นานๆจะเอาออกมาใช้
อิส สามารถเปลี่ยนบุคลิคของเค้าในเวลา ดวลได้โดยจะเปลี่ยนตามธาตุของ Seal ที่ชื่อ Marvin ของเค้าซึ่งมีความ
สามารถในการเปลี่ยนฟอร์มต่างๆได้

สาเหตุที่เค้ามีบุคลิคอื่นถึง5บุคลิคด้วยกันเพราะเค้า มีอดีตที่ปวดร้าวอยู่ทำให้เค้ากลายเป็น
คนที่ไม่พูดอะไรและเอาแต่เก็บตัว ต่อมาเมื่อ มาริน่า

ช่วยฝึกให้เค้าเป็นองครักษ์ประจำตัวเธอ เค้าจึงเปลี่ยนแปลงตัวเองและกลับมาร่าเริงได้
พร้อมทั้งการเปลี่ยนบุคลิคก็มาจากการฝึกด้วย จากในเนื้อเรื่องไม่ได้เปิดเผยว่าอดีตของเค้าเป็นมายังไง


ฟรานซิสก้า องครักษ์อันดับ1ของมาริน่า ความสามารถทางกายเธอนับว่าเก่งที่สุดในบรรดาองครักษ์ทั้ง3ของ มาริน่า
เธอมีฝีมือดาบอันเลื่องชื่อลือชามาก เธอเป็นเจ้าหน้าที่คุมความประพฤติ และด้วยฝีมือดาบของเธอทำให้ได้
ฉายา ฟรานซิสก้าร้อยศพ จากพวกเด็กเก ทั้งหลายมาแล้ว


ไดสุเกะ นิวะ
1ใน3องครักษ์ ของ มาริน่า เค้าเป็นDNA-Changer ที่เคยอยู่ใน องค์กรปฏิวัติของเหล่าผู้แปลงพันธุกรรมเหมือนกับ โคทาโร่
ก่อนที่จะล้มเหลวในภารกิจที่มากำจัดมาริน่า ตามคำสั่งองค์กร แต่ มาริน่า ก็เมตตา รับเค้ามาเลี้ยงดูและฝึกให้เป็น องครักษ์ แทน
ดังนั้นเค้าจึงพักอยู่ที่ คฤหาสน์ของ มาริน่า

ไดสุเกะมี อีกร่างหนึ่งที่ชื่อ ดาร์ค ซึ่งเป็นจอมโจรในตำนานผู้ที่สามารถขโมยได้ทุกอย่าง
เค้าใช้ความสามารถนี้ในการช่วย มาริน่า ขโมยเอาวัตถุที่มีพลังของ อสูรเทพ ซึ่งอาจเป็นอันตราย
มาให้เธอได้ นอกจากนี้ตัว ไดสุเกะ ยังมีความสามารถในการปลดล็อคทุกชนิด ไม่ว่าแบบใด
และยังทำได้รวดเร็วมาก

เหล่ายอดฝีมือ Master Ceremony
ภูเขา เพื่อนของ ศรี ปรากฏตัวครั้งแรกด้วยมาดขรึม
เพื่อจะทดสอบฝีมือธนัทตามที่ มาริน่า สั่งเค้าจึงต้องวางมาดร้ายเต็มที่ แต่ที่จริงแล้วเป็นคนที่ใจดีเอามากๆ

มาริน่า บุคคลที่น่ากลัวที่สุดในโรงเรียน เลยก็ว่าได้เป็น ประธานชมรม SMN ของโรงเรียนและ
ยังเป็น DNA-Chamger สายพันแวมไพร์ เบื้องหลังเธอเป็น รัชทายาทของ ราชวงศ์สเปน ที่ออกกฏการ
ใช้ DNA-Changer เป็นทาสของมนุษย์ 

ริน พี่สาวของ ธนัท สำรับของเธอคือ สำรับ Valkyrie ทั้ง12

ศรี พี่ชายของธนัท เป็นนักเล่นที่ได้รับการขนานนามว่าเก่งที่สุดในโลก
 เค้าเป็นผู้นำของบรรดา Master Ceremony ทั้งหมด แะมีฉายาว่า Thaliwilya Mster
ตามที่สำรับของเค้านั้นใช้ อัศวินมังกรทาลิวิลย่าเป็นหลัก

คิระ(อนุชิต) เป็นคนเย็นชาและไม่ค่อยพูดจา เค้าเป็นคนที่มีฝีมือสูงมาก
และนับถือ ศรี เป็นอย่างยิ่งอีกด้วย ฉายา คิระ ของเค้ามาจากการที่เค้าชอบใช้ Seal ที่มีหน้าตา
เป็นหุ่นยนต์เหมือนในการ์ตูนหุ่นรบชื่อ Gunปิ้บ และด้วยฝีมือที่สูงส่ง
เลยถูกเรียกตามชื่อตัวละครใน GDS (Gunปิ้บ seed ) สำรับของเค้า ศรี เป็นคนตั้งชื่อให้ว่า Haeven Gundamus(กันดั้มสวรรค์)
คิระ ไม่ชอบให้ใครนอกจาก ศรี เท่านั้นเรียกชื่อจริง ดังนั้นทุกคนจะเรียกเค้าว่า คิระ ตลอด(ยกเว้น มาริน่า)

องค์กร Paladiso da Regola
King ผู้นำองค์กร ปอร์(Por)

เหล่า Checkmate 5(เชคเมทไฟร์) ผู้คุมกฏแห่ง Paradiso da Regola
Queen จิงค์ลิตเติลแองเจิล(Jing Littleangel) น้องสาวของ ปอร์
Bishop นิฮิล (Nihil)
Rook บีบิส (Beabizz)
Knight ไกอา (Gaia)
Pawn โคทาโร่ (Kotaro)


เหล่า N.o.t.e.(Navigation Operater Terminal EXE)
อุปกรณ์Ai สื่อสารและสำหรับทำการดวลแบบเคลื่อนที่ข้อมูลเพิ่มเติม
Normal Mode


Duel Modeคลิกเพื่อดูรูปใหญ่ได้


Chorus เจ้าของ ธนัท
Castanet เจ้าของ เคียว
Gospel เจ้าของ ชุติการ
Shello เจ้าของ แอนนา
Recorder เจ้าของ อิส
Maracus เจ้าของ โคทาโร่
Alto เจ้าของ ไดสุเกะ
Melodian เจ้าของ อาจารย์ บุษบารี
Mezzo เจ้าของ บอย
Tenor เจ้าของ อนุชิต หรือ คิระดาบแห่งพระเจ้า
Soprano เจ้าของ ฟรานซิสก้า
Forte เจ้าของ ควีนจิงค์ลิตเติลแองเจิล



replyนี้จะขอใช้เป็นหน้า แนะนำตัวละครนะครับเพราะแปะข้างหน้าเลยมันรกไป
สารบัญเราอัพเกรดให้ดีกว่าของ ทาลิ1 ที่ลิงค์ไปแค่หน้า เพราะคราวนี้คลิก ปุบแล้วรอมันจะไปจอดที่บทนั้นให้เลยเราไม่ต้องหาเอง

ส่วน คุณ Chessknight รู้สึกจะชอบหมากรุกมากเลยนะครับเนี่ย แหะๆ เสียดายที่เวลามีน้อยไปหน่อย
เหล่า เชคเมทไฟร์ เลยไม่ค่อยได้ออกโรง  แต่ Knight ได้ออกโรงไปเต็มๆแล้ว 1 บท ที่ดวลกะโคทาโร่
ถ้านับดูแล้ว เชคเมทไฟร์ ที่มีบทเยอะ คงไม่พ้น Pawn โคทาโร่คุงนี่ล่ะ (ให้ตายเถอะจอร์จ เบี้ยเล็กสุดดันบทสำคัญกว่า คิง  )

ส่วนเรื่อง rook beabizz นั้น ตอนแรกคิดว่าเป็นเรือนึกว่าเรียก Ship เลยกลายเป็นตลกๆไป
ก็ขอบคุณสำหรับตารางยศหมากรุกที่เอามาแปะให้นะครับ ผู้อ่านท่านอื่นจะได้ทำความรู้จักเกี่ยวกับยศเหล่านั้นด้วย
(จะให้ดีย่อรูปให้เล็กลงหน่อยก็ดีนะครับ ใหญ่มาก กระทู้เลื่อนเลย )

เดี๋ยวขอตัวไปจัดการตอนพิเศษทาลิให้จบก่อน แล้วจะได้เอามาลงกับ sub-turn 14 ที่จริง ชื่อตอนไม่ตรงกับที่คิดตอนแรกแหะ
มันต้องชื่อ multi-battle แต่เอาเถอะช่างมันปะไร



« Last Edit: May 30, 2009, 10:02:34 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #125 on: May 27, 2009, 05:17:39 PM »

Sub-Turn 14 Element Burst

ความเดิมตอนก่อนๆใน SMN VR!: โคทาโร่ ได้เปิดเผยตัวจริงออกมาเค้าเป็น
 1ใน 5 ผู้คุมกฏของ Paradiso da Regola (หลักแห่งสวรรค์)  องค์กรซึ่งอยู่เบื้องหลังบริษัท

 Phenomenon Party  โคทาโร่ ได้พาตัว ชุติการ ซึ่งมีมังกรขาวอสูรเทพในตำนานไป
ต่อหน้าต่อตา ธนัท พร้อมทั้งทำลายพันธะสัญญาที่เค้ากับ ธนัท เคยทำไว้ในตอนที่สู้กับมูนไชน์แวร์วูฟ

ขณะเดียวกัน master ceremony ทั้ง 5 ที่ได้ ศรี กลับมาร่วมจึงทำให้กลุ่มครบแล้วจึงเริ่มแผนการ
ที่จะต่อสู้กับ Paradisa da Regola อย่างจริงจัง

ในขณะเดียว กัน ธนัท ได้สร้างสำรับแห่งตำนาน ขึ้นมาจนสมบรูณ์ได้แล้ว
เรื่องราวกำลังจะเปิดฉากเข้าสู่เวทีสุดท้ายแห่งการต่อสู้ ชะตาของพวกเค้าจะเป็นเช่นไร
ต้องติดตามกันต่อไป….




วันพุธ ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2700  เวลา 17.00 น. สภาพอากาศ ฝนตก

โรงเรียนมนต์วิทยา  ชมรม SMN



“ ชุติการ ถูกพวก Paradiso da Regola จับตัวไปแล้ว ”
ริน ศรี ภูเขา ทั้งสามคนร้องขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ กับข่าวที่ได้ยินจากปากของ เคียว

“ ป…เป็นความจริงเหรอ ”
ริน ถามเพื่อขอคำยืนยัน ซึ่ง เคียว ก็ พยักหน้าตอบ

“ นึกแล้วเชียว เจ้าเด็กนั่น มันใช้ภาพลวงตา อสูรอัญเชิญสร้างหลอกพวกเรา ”
มาริน่า สบถพลางทุบมือลงปบน พนักเก้าอี้

“ ว่าแต่? พี่ ศรี กลับมาได้ไงขาเนี่ย ”
แอน ถามด้วยสีหน้างงๆพลางชี้ไปที่ ศรี ที่นั่งอยู่ในวงสนทนานี้ด้วย

“ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ แต่ที่สำคัญคือตอนนี้ พวกมันได้มังกรขาวไปไว้ในมือแล้ว
เราจะช้าไม่ได้อีกแล้ว ”
คิระ แย้งขึ้นมา ขณะที่ แอน และ ไดสุเกะ นั้นยัง งงๆกับสถานการณ์ในตอนนี้

“ ถ้ายังไง….เอ่อคือ…ถ้ายังไงจะช่วยเล่าให้ฟังก่อนได้ไหมครับว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ”
ไดสุเกะ ถามด้วยความสงสัย ทั้งเรื่องที่ พวก มาริน่า พูดถึง และทีท่าของ ธนัท ที่นั่ง
เซื่องซึมอยู่บนเก้าอี้ โซฟา ในชมรม

“ ฟรานซิสก้า ช่วยอธิบายสภาพการณ์ในตอนนี้ ให้ พวกเค้าฟังที คิระ กับ ภูเขา
ไปจัดการเกณฑ์พวกเด็กๆในชมรมที เอามาเฉพาะที่น่าจะใช้ได้ซัก สองสามคนพอ

 เราจำเป็นต้องมีกำลังรบมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ริน เธอมา กับฉัน เราจะไป
รายงานเรื่องนี้ กับอาจารย์ใหญ่ ให้จัดการเตรียมการตามแผนที่วางไว้ ”

มาริน่า สั่งจบ ต่างๆคนต่างก็แยกย้าย กันออกไปจัดการตามหน้าที่ของตัวเอง
ตอนนี้ในห้อง ชมรม จึงเหลือเพียง ธนัท แอน อิส ไดสุเกะ ศรี และ ฟรานซิสก้า


“ งั้นก็เริ่มจาก เรื่อง มังกรขาวในตัวของ ชุติการ ก่อนก็แล้วกันนะ ”
ฟรานซิสก้า กล่าวก่อนจะเริ่มเล่า เรื่องทั้งหมดให้ ไดสุเกะ แอน และ ธนัท ที่ยังคลุมเครือ
กับเรื่องนี้อยู่

“ นานมาแล้วในอดีตมี อสูรที่มีพลังยิ่งใหญ่เหนือกว่าอสูรทั่วไป มันคือ อสูรเทพ
 นับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของมนุษย์มีการนำพลัง เวทมนต์ เข้ามาใช้อสูรเทพ ที่ทำ

หน้าที่เป็นเหมือนหัวหน้าใหญ่ของเหล่าอสูรอัญเชิญ ก็คอยควบคุมโลกของเราไม่ให้
 ทำเลยเถิดไป ทั้งสงครามและการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น หากมนุษย์คิดจะเบียดเบียนชีวิต

อื่นอย่างร้ายแรง พวกมันจะจุติลงมาทำลายทุกอย่างจนกว่าสิ่งเหล่านั้นจะหมดไป
มังกรขาวของ ชุติการ เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ตัวบุคคลที่สามารถควบคุมและอัญเชิญ
อสูรเทพได้จะถูกเรียกว่า Angel เรื่องเธอคงรู้แล้วสินะ ธนัท ”

ฟรานซิสก้า เล่าจบก็หันไปถาม ธนัท ที่ยังคงซึมเศร้ากับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นอยู่ เค้า
ไม่ตอบอะไรแค่เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น ฟรานซิสก้า จึงเริ่มเล่าต่อ

“ Paradiso da Regola องค์กรที่อยู่เบื้องหลังของ บริษัท Phenomenon Party
ที่มีสาขาเกี่ยวกับการพัฒนาเวทยาการทั่วโลก ต้องการตัวมังกรขาวของ ชุติการ ไปเพื่อทำให้
แผนการที่ จะทำให้โลกของเราและ โลก เทอร่าของเหล่าอสูร รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ”

ฟรานซิสก้า กล่าวจบ แอน ก็ถึงกับสะอึกไปทันที เมื่อได้รับรู้ถึงเป้าหมายของศัตรู

“ แล้ว อสูรเทพมีพลังที่จะทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอครับ ”
ไดสุเกะ ถามด้วยความสงสัย

“ ตรงนี้ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจหรอกนะ ว่ามันจะทำได้จริงรึเปล่าและถึงเป็นไปด้มันจะออกมายังไง
ฉันเองก็บอกไม่ได้หรอก แต่ที่แน่ๆคือเราจะยอมให้ พวกมันทำตามใจไม่ได้ ”
ฟรานซิสก้า กล่าวขณะที่ ศรี ลุกขึ้นเดินเข้าไปหา ธนัท

“ ธนัท สำรับในตำนานน่ะ น้องได้มันมาแล้วใช่ไหม ”
ศรี ถามก่อนที่ ธนัท จะยื่นเอาสำรับนั่นให้ ศรี จึงรับมาดูก่อนจะส่งคืนให้เค้า

“ ครบถ้วนทุกใบ แต่แม่คงยังไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้นายฟังสินะ
นี่น่ะเป็นสำรับ ที่พ่อเคยใช้พี่เป็นคนให้ แม่เก็บไว้ เพื่อที่จะยกให้นาย

ใช้มันในเวลาที่ยามนี้มาถึง มันจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่เมื่อนายรู้จักวิธีที่จะ
ใช้มันอย่างถูกต้อง ”

ศรี กล่าวขณะที่ ธนัท รับสำรับคืนมา

“ เรื่องชุติการไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ พวกพี่จะจัดการเอง
ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะต้องพาเธอกลับมาได้อย่างปลอดภัยแน่นอน ”
ศรี กล่าวหวังที่จะปลอบใจน้องชายของตน ที่เจ็บช้ำน้ำใจ จากการถูกทรยศ

“ ผม….ขอตัวนะครับ ”
ธนัท กล่าวก่อนจะลุกเดินไปเปิดประตูชมรม เสียงฝนและ ลม ได้ดังก้องเข้ามาใน
ห้องชมรมที่ เงียบสงัด ก่อนที่ เสียงจะเงียบไปพร้อมกับบานประตูที่ปิดลง

“ ธนัท… ”
แอน เปรยด้วยความเป็นห่วง ขณะที่มองไปที่ ประตูที่ ธนัท เดินออกไป

…………..

ซ่า ๆๆ ครืนนนนน!

เสียงฝนที่ผสมปนเปมากับเสียง ฟ้าร้องและเสียงลมที่พัดโหมเข้ามาราวพายุที่
จะหอบเอาทุกสิ่งไป ธนัท กำลังเดินฝ่าสายฝน ที่เท ลงมาอย่างบ้าคลั่งนี้

โดยไม่แยแสว่าตัวเองจะเป็นอะไรไปหรือไม่ แม้ตอนนี้เสื้อของเค้าจะชุ่ม
ไปด้วยน้ำจนหนัก และ เย็นเพียงใด เค้าก็ยังคงเดินต่อไป

“ วันนี้จะมีนักเรียน ย้ายมาใหม่เค้าชื่อ เซนาคาว่า โคทาโร่ ฝากทุกคนดูแลเค้าด้วยนะ ”
“ ไงยินดีที่ได้รู้จัก ”
“ หาต้องพูดแบบนั้นด้วยเหรอไอ้การ ทำสัญญาเนี่ย ”
“ ก็เพราะเราเป็นเพื่อนกันนี่นา ”
“ นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ที่ เราจะได้มาเล่นกันแบบนี้ ”

เสียงของ โคทาโร่ จากความทรงจำของเค้าตอนนี้มันดังก้องอยู่ในหัวของเค้า
แทบจะตลอดทางที่เดินมา จนเมื่อมาถึงตรงหน้าลานกว้างที่เค้ากับ โคทาโร่

ทำสัญญากันครั้งแรก เค้าก็ล้มฟุบลงไป โดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่
ข้อแขนข้างที่เคยมีอักขระแห่งพันธะจิต ของโคทาโร่ ที่ตอนนี้ได้หายไปแล้ว

“ โคทาโร่….นาย….. ”
ธนัท เปรยออกมาก่อนจะสลบไปท่ามกลางพายุฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง

/Hey! Idiot you will not sleep at on/ (เฮ้ เจ้างั่งนายจะมานอนตรงนี้ไม่ได้นะ)
คอรัส ส่งเสียงเรียกให้เค้าตื่น ทว่าไม่ว่าจะเรียกดังแค่ไหน ธนัท ก็ไม่ตอบกลับ
หรือลุกขึ้นมาเลย


“ ในที่สุด…ก็เจอตัวจนได้ ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่ ควีนจิงค์ จะปรากฏตัวขึ้นพร้อม กับ กำแพงใสซึ่ง
เกิดจากพลังจิตองเธอจะบังฝนให้ เธอและ ธนัท

/Teleportation/
สิ้นเสียงที่กังวานขึ้นจาก note ของเธอร่างของ เธอกับ ธนัท ก็หายวับไปจากตรงนั้น


……………….
……………………….

“ ลาก่อน….ธนัท ”
“ ไม่นะอย่าไปนะ ชุติ….ชุติ…. ”
ภาพเหตุการณ์ ที่ ชุติการ ถูก โคทาโร่ พาตัวไป นั้นปรากฏขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด
ก่อนที่ ตัวเค้าจะพุ่งพรวดขึ้นมา ด้วยความตกใจ

“ ที่นี่…. ”
ธนัท เปรยขึ้นหลังจากที่ ตั้งสติได้และมองไปรอบๆ ตอนนี้ตัวเค้านอนอยู่ บนเตียง
ในห้องของเค้าเองอีกทั้ง เสื้อผ้าก็แห้งและไม่เปียกเลยแม้แต่น้อย ที่น่าประหลาดใจกว่านั้น
คือเค้ากลับมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แม้จะพยายามทบทวนเท่าไหร่ แต่ในหัวมันก็ว่างไปหมดซะทุกอย่าง

“ ทำไมกัน ฉันจำไม่ได้เลยว่า กลับมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ …. ”
ธนัท กล่าวพลางกุมขมับ ด้วยความรู้สึกที่ยังมึนๆหัวอยู่ เค้าจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
นอกจาก เค้าไปที่ลานกว้างแล้วจากนั้นทุกอย่างก็ขาวโพลนไปหมด

“ ฉันเป็นคนพา เธอ กลับมาเองแหละ ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจาก มุมห้อง ก่อนที่ ธนัท จะทันสังเกตุว่า ควีน อยู่ในห้องของเค้าด้วย

“ ธ…เธอ….ป…เป็นใครกัน แล้วทำไมถึงมาอยู่ในห้องฉันได้ ”
ธนัท กล่าวตะกุกตะกัก ด้วยความตกใจ

“ ฉันเหรอ…จิงค์… จิงค์ลิตเติลแองเจิล 1 ใน 5 ผู้คุมกฎแห่ง Paradiso da Regola
 Queen แห่ง Checkmate 5 ”
ควีนจิงค์ ตอบเสียงเรียบขณะที่ ธนัท ทวนคำตอบของเธอแล้วก็ร้องผวาขึ้นมาทันที

“ น…นี่…นี่เธอเป็น พวก Paradiso da Regola งั้นเหรอนี่หรือว่าเธอจะมาจัดการกับ ฉัน ”
ธนัท กล่าวอย่างร้อนตัว ก่อนจะถูกเธอขัดขึ้นมา

“ ฉัน ไม่ได้มาร้ายหรอกนะ แค่ต้องการหาคนร่วมมือด้วยก็เท่านั้นเอง ”
ควีน จิงค์ ตอบเสียงเรียบเฉย ขณะที่ ธนัท ยังคงฉงนกับคำพูดของเธอ

“ ร่วมมือ…กับเธองั้นเหรอ ”
ธนัท ทวนคำตอบของเธอ อีกครั้ง ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับ ก่อนจะกล่าวต่อ

“ ฉันต้องการให้เธอร่วมมือกับ ฉันในการหยุดแผนชั่วของพี่ชายฉัน
 King แห่ง Checkmate 5 ผู้นำสูงสุดของ Paradiso da Regola ”
ควีน จิงค์ กล่าวคำตอบของเธอ นั้นทำให้ ธนัท ประหลาดใจมากทีเดียว

……………….
……………………..

“ นี่ มาริน่า แผนการณ์ของ พวกมันที่จะรวมโลกเป็นหนึ่งกับ เทอร่า นี่มันเป็นยังไงเหรอ ”
นักเรียนสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับ มาริน่า กล่าวถามเธอมีผมแซ่ก
สีน้ำตาลและมัดผมด้วยผ้าโผกหัวสีแดง



“ ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะ ริน ว่ามันเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆคือยังไงเราก็ยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ ”
มาริน่า กล่าวตอบ รินขณะที่ทั้งสอง กำลังเดินลงบันไดอาคารเรียนหลัก หลังจากติดต่อเรื่องกับ
อาจารย์ใหญ่เรียบร้อยแล้ว

“ ธนัท จะเป็นอะไรรึเปล่านะ ดูถ้าจะช็อคหนักเลย ที่ โคทาโร่ เป็นศัตรูแบบนี้น่ะ ”
ริน เปรยด้วยความกังวล ต่อทีท่าของ น้องชายที่ เปลี่ยนไปหลังจาก
ต้องเจอกับเรื่องทั้งหมด

...............
..........................


“ หมายความว่าเธอไม่เห็นด้วย กับแผนการของพี่ชายงั้นเหรอ ”
ธนัท ถามเพื่อขอคำยืนยัน จาก ควีนจิงค์

“ ใช่..เพราะฉันไม่คิดว่า แผนการของพี่จะเป็นสิ่งที่ถูกหรอกนะ การรวมโลกทั้ง2
ให้เป็นหนึ่งนั่นจะทำให้โลกล่มสลาย ”
ควีน จิงค์ กล่าวขณะที่ฟังอยู่นั้น ธนัท ก็เกิดอยากถามเรื่องของ โคทาโร่ ขึ้นมา

“ จริงสิ เธอบอกว่าเป็น ๅ ใน Checkmate 5 อะไรนั่นใช่ไหมงั้นขอถามอะไรหน่อยสิ
คนที่เป็น Pawn น่ะ ”
ธนัท ถามขึ้นก่อนที่ ควีนจิงค์ จะแทรกขึ้นมา

“ หมายถึง เซนาคาว่า น่ะเหรอ ”
ควีนจิงค์ กล่าวตอบ ซ฿่งคำตอบของเธอ ทไให้ ธนัท รู้สึกมีหวังขึ้นมา
หน่อยๆเค้าจึงเริ่มถามต่อ

“ ใช่ๆ คือเจ้านั่นน่ะ ได้รับคำสั่งให้มาสอดแนมพวก ฉัน เป็นความจริงรึเปล่า ”
ธนัท ถามโดยที่ในใจของเค้านั้นหวังอะไรอยู่ลึกๆ โดยที่ตัวเค้าเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม

“ งั้นเหรอ นั่นสินะ ถ้าฉันอยากจะให้เธอร่วมมือ ฉันควรเล่าในสิ่งที่เธออยากรู้ให้ฟังสินะ
.......ที่จริงเราไม่ได้มีคำสั่งอะไรเลย ตอนที่เค้าพา ตัวองค์หญิงแห่งมังกรขาวมา

พวกเราเองก็ตกใจกันมาก เพราะไม่นึกว่าเค้าจะแฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มนั้น ที่จริง
ใน Checkmate 5แทบจะไม่มีใครเคยเห็นหน้าตาเค้าเลย นอกจากพี่ที่เป็น คิง
แต่สาเหตุที่เค้าเข้ามาเป็น 1 ใน 5ผู้คุมกกน่ะฉันพอจะรู้อยู่  ”

ควีน จิงค์ กล่าวจบ ธนัท ก็ไม่รอช้าที่จะถามต่อทันที

“ แล้ว เหตุผลของเจ้านั่นล่ะ ”
ธนัท ถามอย่างรีบร้อน ก่อนที่ ควีนจิงค์ จะเล่าทุกอย่างให้เค้าฟัง
ท่ามกลางเสียงฝนที่ตกกระทบ อยู่ตลอดทั้งช่วงเย็นนั้น
...................
...............................

“ เข้าใจแล้วหลา ที่ หลังๆมานี้ ชุติ ดูไม่ค่อยสบายเพราะแบบนี้นี่เอง.... ”
แอน กล่าวหลังจากที่ได้รับรู้เรื่องทั้งหมดจาก ปากของ ฟรานซิสก้า
เธอจึงได้เข้าใจในที่สุด ว่าตลอดมา ชุติการ นั้นรู้สึกอย่างไร มาตลอด

“ เจ้า ธนัท เอง ก็คงคิดว่าเป็นเรื่องที่มันต้องรับผิดชอบด้วยล่ะมั้ง
เพราะ ฉันดันไปพูดว่าฝากทุกคนด้วย ก่อนจะออกเดินทางไปแบบนั้น  ”
ศรี กล่าว ขณะที่ มองผ่านกระจกหน้าต่างชมรมออก ไปสายฝนยังคงโปรยปรายลงมา
อย่างไม่ลืมหูลืมตา

“ ที่ โคทาโร่ ทำแบบนี้ไปน่ะ ผมว่าเค้าจะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน
 ผมเชื่อว่า ที่เค้าแสดงออกนั้นไม่ใช่การเสแสร้งแต่เป็นสิ่งที่ออก
มาจากใจของเค้าจริงๆ เพราะผมเป็นเพื่อนกับเค้ามาตั้งแต่ตอนที่เรายังอยู่ใน URH แล้ว ”

ไดสุเกะ ยืนยันขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมเค้าไม่เชื่อว่า โคทาโร่ จะทรยศจริงๆ
ซึ่งทุกคนเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน

“ ใช่แล้วล่ะ...ก็เหมือน moon melody นั่นล่ะ เรวิลส์ ไม่ได้พาตัว เรมี่ ไป
เพราะเจตนาร้าย แต่เค้ามีเหตุผลจำเป็นที่ต้องทำ เพื่อไม่ให้เรื่องต้องจบแบบ
น่าเศร้าเรามาแก้ไขมันกันเถอะ ”

เคียว กล่าวจบ ทุกคนก็หันมามองเค้าด้วยความประหลาดใจที่ไม่นึกว่า เคียว จะพูดออกมาแบบนี้ได้

“ ทำไมเหรอ...ฉันพูดอะไรผิดหรือไง ”
เคียว ถามด้วยความประหลาดใจที่ทุกคนหันมามองเค้า

“ ป...เปล่าหรอก แต่นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่า เคียว จะพูดให้กำลังใจแบบนี้ได้หนา ”
แอน กล่าวเก้ๆกังๆ เพราะยังรู้สึกประหลาดๆกับคำพูดปลุกใจของ เคียว เมื่อครู่
ขณะที่ เคียว เกาหัวด้วยความฉงน

...................
.........................

“ เหตุผลที่ เซนาคาว่า มาเข้าร่วมกับเราก็เพราะ เค้าเป็นผู้นำของ URH ในปัจจุบันนี้
เพื่อที่จะให้ องค์กรที่แบกภาระชีวิตของ DNA-Changer อีกหลายชีวิต อยู่รอดต่อไปได้

พี่ชา ฉันได้ยื่นข้อเสนอที่จะช่วย องค์กรของเค้า แลกกับการที่เค้าต้องมาเป็น
ผู้คุมกฎของ Paradiso da Regola เรื่องที่ ฉันพอจะรู้ก็มีเท่านี้ล่ะ ส่วนเรื่อง

ร่วมมือนั้นแล้วแต่เธอก็ละกันถ้าเธอตกลง คืนนี้ 2 ทุ่มตรงมาเจอฉันที่
 หน้า Phenomenon Party Center ตามที่อยู่ในนี้ ฉันจะรอเธอนะ ”

คำพูดของ ควีนจิงค์ ที่ ธนัท ฟังมานั้นทำให้เค้าต้องมานั่งวิตกกับการตัดสินใจที่
เค้าจะต้องเลือกในเร็วๆนี้


“ ฉันเองก็อยากจะไปช่วย ชุติ อยู่หรอก แต่ถ้าทำแบบนั้น จะทำให้ โคทาโร่
ต้องลำบากหรือเปล่านะ... ”
ธนัท เปรยขึ้นมาตอนนี้เค้ามีตัวเลือกสองทาง ระหว่าง ชุติการ กับ โคทาโร่
ทำให้เค้าตัดสินใจยากขึ้นไปอีก

“ นี่ฉันจะทำไงดีนะ คอรัส ถ้าฉัน ช่วย ชุติ โคทาโร่ ก็จะต้องลำบากเพราะฉัน
แต่ถ้าฉันไม่ไป ชุติ ก็จะตกอยู่ในอันตราย ”
ธนัท กล่าวพลางหันไป มอง note ของตน

/Idiot, no choose the way/ (เจ้างั่ง ก็ไม่เห็นต้องเลือกเลยนี่)
คอรัส ตอบกลับมาคำพูดของมันทำให้เค้า นึกได้ว่าตอนนี้เค้าควรทำอย่างไร

“ นั่นสิ จริงด้วยเนอะ ฉันจะมานั่งกลุ้มทำไมกันในเมื่อเลือกไม่ได้ก็ไม่เห็นต้องเลือกเลยนี่
ฉันตัดสินใจแล้วล่ะ คอรัส ”
ธนัท กล่าวจบก็หยิบเอา คอรัส ขึ้นมาห้อยคอ

“ ฉันจะบุกไปที่ Phenomenon Party Center แล้วช่วย ชุติ ออกมาให้ได้ ”
ธนัท กล่าวก่อนจะหยุดไปเพราะตัวเค้าเองก็ไม่แน่ใจนักว่าจะทำได้อย่างที่คิดไหม
แต่สุดท้ายเค้าก็กล่าวออกมา

“ ....แล้วก็ หาทางปรับความเข้าใจกับ โคทาโร่ ไปด้วย นายจะช่วยฉัน ใช่ไหมคอรัส ”
ธนัท กล่าวขณะที่รอคำตอบจาก คอรัส มันนิ่งเงียบอยู่เหมือนกับจะประเมินผลอะไร
บางอย่างที่เป็นการตัดสินใจอยู่

/All Right , My…. Master/ (ไม่มีปัญหา,มาสเตอร์....ของฉัน)
คอรัส ตอบกลับมานี่เป็นครั้งแรก ที่มันยอมเรียกเค้าว่า มาสเตอร์

“ ขอบใจนะ คอรัส ”
ธนัท กล่าวตอบอย่างปลื้มใจ ก่อนจะ ขึ้นไปเปลี่ยนชุดเตรียมไปตามที่นัด

....................
................................

เวลา 20.00 น. จังหวัดสมุทรปราการ หน้าอาคารสำนักงานใหญ่ Phenomenon Party Center

อาคารสีขาวสูงเสียดฟ้า ปูด้วยกระจกตัดไปตลอดชั้น จนสุดนี่ตั้งตระหง่านอยู่กลางตัวเมือง
อาคารแห่งนี้ คือฐานบัญชาการที่ใหญ่ที่สุดของเครือบริษัท Phenomenon Party ทั้งหมด

“ ข้างในมีระบบรักษาความปลอดภัยอะไรบ้างรึเปล่า ”
ธนัท ถามขณะที่เดิน เข้าไปในอาคารกับ ควีนจิงค์ ที่มารอเค้าอยู่ก่อนแล้ว

“ ถึงจะมีก็แค่ระบบรักษาความปลอดภัยธรรมดาน่ะ แต่ช่วงชั้น ที่ 20 ขึ้นไป
จะเป็นเขตวิหาร 12 ราศีซึ่งจะมี Starter คุมอยู่ แล้วถัดไปอีก ก็จะเป็นชั้นของ
 Checkmate 5 ที่ชั้นบนสุดจะเป็นห้องของคิง ”

คีวน จิงค์ อธิบาย แผนภาพภายในตึกให้ฟังไประหว่างที่พวกเค้า ขึ้นลิฟต์ มาจนถึงชั้นที่ 20
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ตรงหน้าพวกเค้านั้นเป็นบานประตูกระจกขนาดใหญ่ที่
 ด้านหลังประตูเป็น บันไดทอดยาวขึ้นไปยังชั้นต่อไปอีก

“ นี่มันแปลกๆอยู่นะ ตั้งแต่เราเข้ามายังไม่เห็นเจอใครซักคนอยู่ในตึกเลย ”
ธนัท เอ่ยด้วยความสงสัยหลังจากที่ ตลอดทางที่พวกเค้า เข้ามาจนถึงตรงนี้
กลับไม่เจอยามรักษาการ หรือพนักงานของบริษัท เลย

“ ท่านพี่คงสั่งการให้ ทุกคนออกไปหมดแล้ว เพราะเดิมทีแผนการ
นี้เป็นความลับที่เปิดเผยต่อสมาชิกทั่วไปไม่ได้อยู่แล้ว ถึงต้องมี Paradiso da Regola
 เพื่อเป็นหน่วยพิเศษสำหรับดำเนินแผนการนี้อย่างลับๆไง ”

ควีนจิงค์ กล่าวขณะที่เดินไปแตะประตูกระจก ซักพักมันก็เลื่อนออกเองโดยอัติโนมัติ
พวกเค้าทั้งสอง จึงเดินเข้าไปและขึ้นไปตามบันด จนมาถึง ชั้นถัดมา

ซึ่งเป็น ห้องที่มีสีขาวโพลนไปทั้งห้อง ภายในห้องว่างเปล่าไม่มีอะไร
ตั้งวางไว้อยู่เลยจะมีก็เพียงแค่ ช่องบันไดขึ้นไปยังชั้นถัดไป และตราประทับรูป
ปูยักษ์ที่แปะอยู่บนคานช่องบันไดนั้น

“ ยินดีต้อนรับ สู่วิหารราศีปูยักษ์ Starter Cancer มาเร็นงอ คนนี้
จะเป็นคู่มือให้เจ้าเองผู้บุกรุกเอ๋ย ”
เสียงดังลงมาจาก อีกฝากของ ช่องบันได ก่อนที่ มาเร็นงอ Starter ผู้เคยพ่ายให้แก่ อิส
จะเดินลงบันไดมา ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเค้า

“ มาเร็นงอ ถอยไปซะฉันไม่มีเวลามา เล่นไร้สาระ ”
ควีนจิงค์ ออกคำสั่งเสียงเฉียบโดยใช้ ยศของตนเป็นเครื่องมือที่จะผ่านขึ้นไปยังชั้นต่อไป

“ อ๊ะ อ้า คงม่ได้หรอกขอรับ ต่อให้เป็นท่านก็ตาม คิง สั่งลงมาว่าอย่าให้ใคร
ผ่านเข้าไปได้ ดังนั้นต่อให้เป็นท่านก็ไม่มีการยกเว้น….เว้นเสียแต่…. ”
มาเร็นงอ กล่าวก่อนจะหยุดไปเสียดื้อๆ โดยไม่พูดต่อ เพราะรู้ว่า ควีนจิงค์
ทราบในเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ควีนจิงค์ ถึงกับสบถด้วยความหงุดหงิด

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #126 on: May 27, 2009, 05:18:41 PM »

“ เว้นแต่…เว้นแต่อะไร…. ”
ธนัท ตะคอกถามด้วยความอยากรู้

“ เรื่องนั้น ควีน น่าจะตอบให้เจ้าได้นะ ”
มาเร็นงอ กล่าวพลางชี้ไปที่ ควีนจิงค์

“ การทดสอบผู้ที่จะผ่านเข้าไปในวิหาร แซงชูรี่(Sanctuary) ที่อยู่ คิง
อยู่จะต้องผ่านการทดสอบการดวลกับStarter ทั้ง 12 และเหล่า Checkmate 5
ด้วยกฏระดับ Ruler แบบ Challange Mode  ”

ควีนจิงค์ ตอบขณะที่ มาเร็นงอ เปลี่ยน note ของตนให้เป็นปลอกแขนสำหรับดวลแล้ว

“ Ruler แบบ Challenge Mode?..มันคืออะไร ”
ธนัท ถามอีกครั้งด้วยความสงสัย

“ เธอรู้ใช่ไหมว่า SMN แบ่งระดับการดวลเอาไว้ 3 ระดับ Caller กับ Summoner
น่ะจะแตกต่างกันที่จำนวนสูงสุดของ Mp Max และ Shirne Max แต่ในระดับ Ruler
จะมีการเพิ่มกฎพิเศษเข้าไปก่อนเริ่มการแข่ง ซึ่งกฎที่ว่าก็คือ Challenge Mode  ”

ควีนจิงค์ อธิบายจบ มาเร็นงอ ก๋ต่อให้จนจบทันที

“ Challenge Mode จะเป็นการให้ผู้เล่นแต่ละฝ่าย กำหนดซีล 1 ใบใน
สำรับเป็น MD (Master Deck) ซึ่งถ้าซีลที่เป็น MD ถูกส่งไปยัง Shrine

 ไม่ว่ากรณีใดๆ เจ้าของซีลนั้นจะเป็นฝ่ายแพ้ทันที แล้วก็ Shrine Max
ตั้งแต่ที่วิหาร นี้ไปจนกว่าจะถึง  วิหารของ Checkmate 5 Shirne Max
จะมีได้แค่ 5 เท่านั้น ”

มาเร็นงอ กล่าวจบ ธนัท ก็ถึงกับหน้าถอดสีไปไม่น้อยเมื่อรู้ถึงกฎสุดเขี้ยวของ
บททดสอบที่ต้องผ่านไปให้ได้

“ หมายความว่า ตลอด 12 วิหารจะต้องดวลโดยที่ มี Shirne เต็มสุดแค่ 5 เท่านั้นและ
 ซีลที่เป็น MD ก็ห้ามถูกทำลายด้วยงั้นเหรอ ”
ธนัท กล่าวซึ่ง มาเร็นงอ ก็รับคำว่าใช่ ทำเอา ธนัท คิดหนักไปทันที

“ ถึงจะยากยังไงก็ไม่มีทางเลือกแล้ว ตกลง MD ของชั้น
จะใช้ Salamandera the Fire Dragon ”
ธนัท กล่าวก่อนจะหยิบเอา ราชันย์มังกรอัคคีซารามันเดอร่า ขึ้นมาจากสำรับแสดง
ให้อีกฝ่ายดู

“ งั้นของ ข้าก็เอาเป็น Crab of Cancer ”
มาเร็นงอ กล่าวจบก็ แสดงไพ่ซีลรูป ปูยักสีฟ้า ตัวใหม่ ที่ธนัท ไม่เคยเห็นมาก่อนขึ้น



“ นั่นมันไพ่ อะไรกันน่ะ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ”
ธนัท อุทานเมื่อได้เห็น ไพ่ที่อีกฝ่ายแสดง ขณะที่ ควีนจิงค์ นั้นแสดงออกถึง
ปฏิกริยาอย่างเห็นได้ชัด

“ ไพ่นั่น Zodiac นี่ท่านพี่ปลดผนึกมันแล้วยังงั้นหรือ….. ”
ควีนจิงค์ สบถด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา

“ ใช่แล้ว คิง ได้ปลดผนึกชุดไพ่ในตำนานทั้ง 24 ใบของชุด Zodiac มอบ
ให้แก่พวกเราในครั้งนี้เพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เมื่อได้ ไพ่ชุดนี้มา เสริมสำรับ
ของพวกเราทั้ง 12 คน ก็จะไร้เทียมทาน ”

มาเร็นงอ โอ้อวดสรรพคุณของ ซีลใหม่ที่ได้รับมา

“ อ้อเกือบลืมบอกไป ซีลที่เป็น MD จะต้องนำขึ้นมาอยู่บนมือ 1 ใบ
จากจำนวนไพ่ทั้งหมดที่จะถือในตอนแรก 7 ใบ ”
มาเร็นงอ กล่าวก่อนที่ พวกเค้า จะเริ่ม จั่วไพ่ จนครบตามจำนวน โดยที่บนมือทั้งสองฝ่ายต่างก็มี
 MD อยู่ในมือแล้ว

“ Let’s Duel Level Ruler ”
สิ้นเสียงของทั้งสองฝ่าย การดวลก็เปิดฉากขึ้นทันที

…………………
……………………….

“ นี่ ฉันทำถูกแล้วหรือเปล่านะ ”
ชุติการ คิด ตอนนี้เธอกำลังประสานมือ สวดภาวนาอยู่ต่อหน้าแท่นแก้ว
 ที่ตรงหน้าเธอซึ่ง วาง Seal Scroll เอาไว้บนแท่นแก้วนั้น และบริเวณฐาน

ของแท่นมีสายไฟ ระโยงระยางต่อไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องประมวลผล
ต่างๆที่รายล้อมอยู่รอบห้อง โดยมีทีมนักวิจัย คอยสังเกตผลการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้น


“ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ ทั้ง โคทาโร่ แล้วก็ทุกคนก็จะต้องลำบากเพราะชั้น
นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว….ฉนตัดสินใจไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนี่ ”
ชุติการ คิดก่อนที่จะนึกย้อนไป ถึงตอนที่เธอคุยกับ โคทาโร่ ที่ โลกเทอร่า
หลังจากที่ บอย จากไปแล้ว



“ โคทาโร่ เธอแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มเพื่อที่จะจับตัวฉัน…ตั้งแต่แรกแล้วงั้นเหรอ… ”
ภาพความทรงจำที่เธอ ตะคอกถามใส่ โคทาโร่ ที่ก้มหน้ารับผิดทุกอย่างต่อหน้าเธอ
นั้นได้หวนย้อนกลับขึ้นมา


“ ที่จริงมันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก….เพียงแต่ฉันไม่นึกเลย….
ว่าองค์หญิงแห่งมังกรขาวจะเป็นเธอ…ฉันมารู้เอาก็ตอนที่เกิดเหตุ
ทัศนศึกษานั่นล่ะ  ”

โคทาโร่ ตอบเสียงแผ่วขณะที่ เธอยังไม่อยากจะเชื่อว่า เค้าจะยอมรับออกมา
แบบนี้


“ หมายความว่าเธอจะพาตัวฉันกลับไปให้พวกมันใช่ไหม… ”
ชุติการ ถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ตอนนี้หัวใจของเธอ เต็มไปด้วยความสับสน
และกังวล


“ ไม่…ไม่ใช่นะ ฉันไม่มีวันทำแบบนั้น….เด็ดขาด….. ”
โคทาโร่ ปฏิเสธขึ้นทันควันอย่างรนราน ขณะที่ เธอมองเค้าด้วยสายตา
ที่ไม่อาจไว้ใจได้อีกแล้ว เค้าจึงเบือนหน้าหลบสายตาของเธอ ก่อนจะกล่าว
ต่อ ออกมาอย่างแผ่วเบา

“ ฉ…ฉัน….มาเข้าเรียนที่โรงเรียนมนต์วิทยา ก็เพื่อจะเข้ามาหา ไดสุเกะ
 ที่ฉันได้ข่าวว่าเค้ามาเรียนอยู่ที่นี่ แต่ก็ดันมีเรื่อง ซีล นอกการควบคุมออก

มาอาละวาดซะก่อน ….ที่จริง ฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้าใครในองค์กรเยอะ
นักหรอกนะ เว้นแต่ คิง(King) ที่ช่วยฉันกับ URH เอาไว้ ”

โคทาโร่ ตอบโดยไม่สบตาเธอ ขณะที่เธอรู้สึกได้ว่า เค้าพูดความจริงและกำลัง
รู้สึกผิดต่อ เธอ และ เพื่อนๆมากมายเพียงใด

“ เดี๋ยวก่อนนะ เธอ กับ URH ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้วไม่ใช่เหรอ?... ”
ชุติการ ถามด้วยความสงสัยในคำพูดของเค้าเมื่อครู่

“ ที่จริงเรื่องที่ฉัน ถูกช่วยออกจาก URH นั่น เป็นเรื่องที่ฉันกุขึ้นมา….
ความจริงผู้นำองค์กร คนปัจจุบันตอนนี้ก็คือฉัน แต่เพราะกระแสต่อต้านทั่วโลก
ทำให้องค์กรเริ่มระสับระส่าย….คนที่เข้ามาช่วยฉันเอาไว้ก็คือ

 คิงของ Paradiso da Regola เค้าสัญญาว่าจะช่วยเหลือดูแลชีวิตของ
DNA-Changer ที่ไม่มีที่ไปที่ยังเหลืออยู่ในองค์กร แลกกับที่ ฉันจะเข้าเป็น
 สมาชิกของ Checkmate 5….. ”

โคทาโร่ อธิบายให้เธอฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ ขณะที่ฟังไปนั้น เธอก็เริ่มจะเข้าใจ
เรื่องทั้งหมด

“ ฉันไม่มีทางเลือก จึงรับข้อเสนอนั้นไป จากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่ ประเทศนี้ แล้ว
ก็ทำงานให้กับองค์กรอย่างลับๆ โดยมี ซากะ เป็นคนกลางคอยติดต่อระหว่าง
ฉันกับองค์กร…. ”

โคทาโร่ เล่าเรื่องทั้งหมดของเค้าให้เธฮฟังจนจบในที่สุดแล้ว เค้าก็ถอยออกห่างจากเธอ

“ นั่นนายจะไปไหนน่ะ ”
ชุติการ ถามพลางตามไปดึงแขนไว้ไม่ให้เค้าไป


“ ….ปล่อยฉันเถอะ…ฉันจะไปเอง….ฉันสัญญาว่าจะไม่โผล่หน้ามาให้เธอกับทุกคนเห็นอีก
….ถ้าฉันกลับไปแล้วจะขอร้องกับ คิง ให้ปล่อยเรื่องของพวกเธอไป…ฉันจะทำ…ทำเท่าที่ทำได้นะ ”
โคทาโร่ กล่าวน้ำเสียงสั่นเครือ โดยไม่หันมาสบตาเธอ

“ เดี๋ยวสิถ้าทำแบบนั้นแล้วเธอจะเป็นยังไงต่อล่ะ… ”
ชุติการ ถามขึ้นขณะที่พยายามรั้งตัวเค้าไว้อย่างเต็มกำลัง

/Master will deleted/(นายท่านจะถูกลบหายไปน่ะสิ)
เสียงมาราคัส note ของ โคทาโร่ ตอบขึ้นมาให้แทน คำตอบนั้นทำเอาเธออึ้งไปไม่น้อย

“ จ….จริงเหรอ….ถ้าหากว่าทำแบบนั้น นายก็จะ…. ”
ชุติการ ถามด้วยความรนราน เมื่อได้รู้คำตอบ

“ ฉัน…เตรียมใจไว้แล้ว….หลังจาก ซากะ กลับไปรายงานฉันก็จะถูกเรียก
ตัวไปจากนั้นก็คงจะเริ่มการไต่สวน….ฉันจะถูกกำจัดทิ้งหลังจากนั้น ฐานเป็นคนทรยศ ”

โคทาโร่ ตอบ ชุติการ ที่ได้ทราบเรื่องแล้ว ถึงกับหน้าถอดสีไป
ตอนนี้เธอสับสนไปหมดทุกอย่าง

“ หมายความว่า นาย….จะยอมสละตัวเองเพื่อพวกเรา…ทำไมล่ะ
…ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย.. ”
ชุติการ ถามขึ้นทั้งน้ำตาที่รินไหล ออกมาด้วยความสับสนและกังวลที่
บีบคั้นหัวใจของเธอในตอนนี้

“ เพราะ….เพราะอะไร….ตัวฉันเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันเพียงแต่….
ฉันไม่อยากที่จะสูญเสีย พวกเธอไป ฉันเอง…ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกอย่างนั้น ”
โคทาโร่ ตอบน้ำเสียงสั่นเครือ ขณะที่ ชุติการ พึ่งสังเกตว่า ที่ข้างแก้มของเค้ามีหยาดน้ำ
อาบอยู่

“ เข้าใจแล้วล่ะ….ฉันจะไปกับนายเอง… ”
ชุติการ กล่าวจบก็ปล่อยแขนของโคทาโร่ ขณะที่ เค้าหันกลับมามองเธอด้วย
สีหน้าแปลกใจ

“ ฉันเอง…ก็ไม่อยากที่จะให้ใครต้องมาเจ็บเพราะฉันอีกแล้ว….ทั้งนาย ทั้งธนัท แล้วก็ทุกคน
ถ้าต้นเหตุ ทั้งหมดมันเกิดจากฉัน ….ฉันจะขอจบมันด้วยตัวเอง… ”
 วาจาของ ชุติการ ที่ได้ลั่นออกไปในตอนนั้น คือการตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วของเธอ
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอ มาอยู่ที่นี่อย่างสมัครใจ

…………..
……………………..


“ รอบของ ฉัน… ”
ธนัท กล่าวก่อนจะหยุดไป โดยที่ยังไม่ได้ดึงไพ่ขึ้นมา

มาเร็นง

ส่วนสนามของฝ่าย มาเร็นงอ นั้นในแนวโจมตีมี
ไก่แห่งปี ระกา(Ji, the Rooster) 4 ตัวยืนขวางแนวนี้คอยป้องกัน
ปูยักษ์ที่เป็น MD ของ มาเร็นงอ เอาไว้



“ ระกาทั้ง 4 ใบมีสกิลที่จะสามารถโยกย้ายSton Curse จากซีลใบอื่นของเราได้
เมื่อมันรวมร่างกับซีลที่สังกัดธาตุดิน
 ส่วน Crab of Cancer ก็มีความสามารถที่จะสร้าง Ston Curse หรือ

 Freeze Curse ได้ทุกครั้งที่เข้าสู่ Sub-Turn ป้องกันของเราโดยจะเลือกสร้าง
 Curse ให้แก่ซีลของเรา เท่ากับจำนวนเลเวลของซีลที่เราจะ สร้าง Curse ให้แก่มัน

จากนั้นเราก็ใช้สกิลของ ระกา ย้ายไปให้มันเท่านี้ ซีลของมันก็จะเป็นง่อยกันหมด
ขอแค่รอบหน้าเรารวมร่าง ระกา ได้
ทีนี้ก็สบายเรานี่ล่ะ คอบโบของสำรับ Cancer ที่ได้รับพลังเพิ่มจากชุด Zodiac ”

มาเร็นงอ คิดขณะที่ยิ้มเยาะด้วยความหยิ่งผยองอยู่ในใจ ที่แผนการของตนกำลัง
พร้อมที่จะใช้เล่นงาน ธนัท


“ เราต้องรีบเอาชนะให้เร็วที่สุด ซึ่งก็คือการจัดการกับ DM ของมันในรอบนี้ที่จริง
ก็มีวิธีอยู่หรอก แต่ดิมมิเนี่ยว ที่เราลงไปแล้วมีความสามารถหลังการ Growth

คือการจู่โจมข้ามไลน์ แต่ก็ดันลงไข่มังกรที่จะเอามา Growth หลังจากตอนที่เรา
ร่ายมันไปแล้วแทน บนมือก็ไม่มีซีลที่มีพลังพอจะจัดการทั้ง ไก่สี่ใบนั่นไปพร้อมๆ
กับ ปู นั่นได้เลย ”

ธนัท คิดตอนนี้เค้าไม่มีเวลาที่จะมานั่งเล่นให้ยืดยาวได้มากกว่านี้
แต่สถานการณ์ก็ไม่อำนวยเท่าใดนักเพราะ เค้าไม่สามารถที่จะสร้างซีล
สำหรับปิดเกมส์ในตอนนี้ได้

“ …สำรับนี่เป็นของพ่อ มันจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่หากนายรู้จักวิธีที่จะใช้มันอย่างถูกต้อง… ”
ในตอนนั้นเอง คำพูดที่ ศรีพูดเอาไว้กับเค้าก็แว่วขึ้นมาในหัว และทำให้เค้านึกอะไรขึ้นได้

“ จริงสิพี่บอกว่า สำรับนี้มีพลังที่แข็งแกร่งอยู่…ถ้าเรารู้จักวิธีที่จะใช้มัน
…หมายความว่ายังไง วิธีที่จะใช้….เดี๋ยวก่อนจำได้ว่า ไพ่ที่ได้มาใหม่มัน
มีคำว่า Regeneration อยู่ด้วย ไม่แน่บางที… ”

ธนัท คิด ขณะที่ยังคงข้างคาอยู่ที่ Check up Step ซึ่งเป็นช่วงเข้า รอบโจมตีของเค้า

“ เฮ้ รีบเข้า Draw Step ซักทีเซ่ มัวรอ อะไรอยู่ได้ ”
มาเร็นงอ ตะคอกใส่ด้วยความไม่พอใจที่ ธนัท ค้างการเข้ารอบของตัวเองอยู่นาน

“ รอบนี้ก่อนเข้าสู่ช่วง Check up Step ซึ่งเป็นช่วงเข้า Sub-Turn
โจมตีของฉัน ขอสั่งเงื่อนไขพิเศษ ”
ธนัท กล่าวคำพูดของเค้าทำให้ ทั้ง มาเร็นงอ และ ควีนจิงค์ ถึงกับงงไปว่าเค้า
หมายถึงอะไร

“ ฉันให้ ดิมมิเนี่ยว อาริมาเทีย เบบี้ดราก้อน ทำการ Regeneration โดยใช้
ไข่มังกรบนหน้าผาเป็นวัตถุดิบ ” /Regeneration/
สิ้นคำของ ธนัท คอรัสก็ส่งเสียงกังวานขึ้น ก่อนที่
ลูกมังกรดิมมิเนี่ยว กับ ไข่มังกรสีขียว จะสลายกลายเป็นละออง
ก่อนจะมารวมกันที่ แนวป้องกัน ตรงจุดที่ ดิมมิเนี่ยว เคยยืนอยู่ และกลายเป็น

ไข่มังกรบนหินผาแทน จากนั้นเปลือกขอมันก็กะเทาะออกและ ลูกมังกรดิมมิเนี่ยว
 ก็ฟักออกมา จากไข่พร้อมทั้งขนาดของมันที่ใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย

“ Regeneration นี่มัน….อะไรกันไม่เคยเห็นพลังแบบนี้มาก่อนเลย ”
มาเร็นงอ อุทานหลังจากที่ได้เห็น การใช้ความสามารถใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
นั้น ควีนจิงค์ เองก็งงไปตามๆกันด้วยขณะที่ดูการดวลของทั้งสอง

“ ทำได้แล้ว….เราทำได้จริงๆด้วย Regeneration เป็นการ Growth
ในสนามได้ ดดยไม่ต้องลงจากการร่าย ความสามารถของ เผ่ามังกรจาก ทวีปอาริมาเทีย ”
ธนัท เปรยด้วยความดีใจที่สิ่งที่เค้าคิดไว้นั้นถูกต้อง 

“ ดีล่ะให้ ดิมมิเนี่ยว รวมร่างกับ ซาลามันเดอรี่ดอลแล้วย้ายไป At line
ด้วยความสามารหลังการ Regeneration ทำให้มันโจมตีข้ามไลน์ได้
 Cost Mp 2 โจมตีไปที่ Crab of Cancer  ”  /Flying Flare/
สิ้นคำของ ธนัท คอรัส ก็ส่งเสียงก้องกังวาน ร่วมไปกับเค้าด้วย

ก่อนที่ลูกมังกรดิมมิเนี่ยว จะคว้าเอา ตุ๊กตาซาลามันเดอรี่ดอล เข้ามากอดเอาไว้ แล้วบิน

ข้ามหัวพวก ไก่ไป ก่อนจะทิ้ง ซาลามันเดอรี่ดอล ลงไปใส่ เจ้าปูยักษ์ ทันทีที่
 ซาลามันเดอรี่ดอลร่วงลงไปกระแทกใส่กระดองของมันก็แตกออก พร้อมกับที่

 ดิมมิเนี่ยว กระปือปีกของมัน
จนเกิดลมพายุเพลิงสีเขียว เข้าไปเผาผลาญร่างของมันจนสลายไปในที่สุด


“ ไม่จริงน่ะ นี่ข้าคนนี้แพ้ทั้งๆที่มีพลังของชุดไพ่ในตำนานอย่าง Zodiac เนี่ยนะ ”
มาเร็นงอ ร้องเสียงหลงด้วยความไม่อยากเชื่อ ขณะที่ล้มลงไปอย่างเข่าอ่อนเนื่องจากความ
ช๊อกที่แพ้ แบบไม่ทันตั้งตัว

“ ไพ่ที่ยอดเยี่ยม ก็ใช่ว่าจะทำให้ผู้เล่นยอดเยี่ยมตามนะ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงมันต้อง
อาศัยทั้งฝีมือ ความคิดและการตัดสินใจของผู้ใช้ด้วย การที่แกไม่ยอม ใช้ความสามารถของ

 Crab of Cancer สะกดซีลที่มีแนวโน้มเป็นอันตรายเอาไว้ก่อน เพราะเสียดายเวลา
ในการที่จะทำคอบโบ ที่จะเกิดจาก ข้อแลกเปลี่ยนของความสามารถที่ Crab of Cancer มี
 นั่นแหละ ที่ทำให้แกแพ้ ”

ควีนจิงค์ เทศใส่ ก่อนจะเดินตาม ธนัท ที่รีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นต่อไปก่อนแล้ว

“ คอยก่อนนะ ชุติ ฉันจะรีบไปช่วยเธอให้เดี๋ยวนี้ล่ะ ”
ธนัท คิดขณะที่ วิ่งขึ้นไปยังชั้น ต่อไป และเริ่มดวลกับผู้คุมของชั้นถัดไปทันที

……………….
…………………………

“ ผู้คุ้มกันวิหารแห่งราศีปู แพ้ไปแล้ว…มีคนกำลังบุกเข้ามา ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่เดินเข้าไปหา ชุติการ ที่ยืนมองแท่นแก้วที่บัดนี้
 ไม่มีสายไฟต่อระโยงระยางค์อีกแล้ว

Seal Scroll ที่เคยวางไว้ก็ถูกนำออกไปแล้วเช่นกัน
ทีมงานและคนอื่นๆที่เคยอยู่ภายในห้องตอนนี้  ก็ออกกันไปหมดแล้ว
จึงเหลือเพียงเค้าและเธอเท่านั้น

“ เหรอ…. ”
ชุติการ กล่าวเสียงเรียบ เธอดูจะไม่ใส่ใจซักเท่าไหร่กับสิ่งที่เค้าพูด

“ คนที่บุกเข้ามา ก็คือ ควีน ที่หนีไปก่อนจะออกคำสั่งเริ่มแผนการ แล้วก็อีกคนที่มาด้วยคือ….ธนัท ”
โคทาโร่ กล่าวต่อไปเรื่อยๆจนมาถึงชื่อ ของธนัท ก็ทำให้ ชุติการ สะดุ้งขึ้นมา
ก่อนที่เธอจะรีบเก็บอาการทันที

“ ไม่ต้องฝืนหรอก…ถ้าเธออยากจะโกรธจะเกลียดฉัน ก็ไม่เป็นไร …
ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เพราะฉันเลยทำให้เธอต้องมาทำอะไรแบบนี้ไปด้วย ”

โคทาโร่ กล่าวด้วยความรู้สึกที่อยากจะขอโทษเธอ แต่เธอก็เอาแต่ฟัง
เค้าเงียบๆโดยไม่ตอบอะไรแต่อย่างใด เมื่อไม่มีอะไรจะพูดต่ออีก เค้าก็หันกลับ
และจะเดินจากออกไป ทว่า

“ นี่ โคทาโร่ เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการที่ฉันยอมมากับเธอ….
.สัญญากับฉันเรื่องหนึ่งได้ไหม ”
ชุติการ กล่าวขึ้นขณะที่ โคทาโร่ กำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องไป
เค้าจึงหยุดเพื่อฟังคำขอร้องของเธอ

“ ได้สิ… ”
โคทาโร่ ตอบระหว่างที่รอฟังคำขอของเธอ

“ ช่วยเชื่อใจ…เชื่อใจในตัวของ ธนัท เชื่อใจในตัวเพื่อนๆของนาย
…อย่าคิดเสียสละตัวเองอีก เพราะคนที่ต้องเจ็บปวดก็คือพวกเค้า ”
ชุติการ กล่าวจบ เธอก็เดินเข้ามาหาเค้า ก่อนจะส่งไพ่ใบหนึ่งให้แก่เค้า
ซึ่ง โคทาโร่ ก็รับมาด้วยความแปลกใจ

……………
……………………………

“ แฮ่ก…แฮ่ก…นี่ชั้นที่เท่าไหร่แล้ว ”
ธนัท กล่าวไปหอบไปพลางขณะที่ เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นถัดไปหลังจากเอาชนะ
ผู้คุมชั้นที่แล้วๆมาได้ เค้าก็เริ่มที่จะหมดแรงลงเรื่อยๆ

“ เราผ่าน วิหาร ราศี ปู มีน มังกร วัว และ แพะ มาแล้ว เหลืออีก 7 ชั้น กับ
 ห้องของ Checkmate 5 ก็จะถึงห้องของคิง แล้วล่ะ ฉันว่าเธอพักซัก
หน่อยเถอะ นี่เธอก็ฝืนดวลมามากแล้วนะ Starter แต่ละคนก็จะเขี้ยว
ขึ้นเรื่อยๆไปอีก ”

ควีน จิงค์ ตอบพลางเข้าไปช่วยพยุง ธนัท ที่กำลังจะล้มลง

“ ม..ไม่มีเวลามานั่งพักแล้ว ชุติ กำลัง…แฮ่ก..กำลังรอฉันอยู่ ”
ธนัท กล่าวก่อนจะฝืนลุกขึ้นเดินต่อ จนมาถึงชั้นถัดมาซึ่งผู้คุมของชั้นนี้ก็มา
รอพวกเค้าอยู่ก่อนแล้ว

“ ยืนดีต้องรับสู่ วิหาร ตราชั่ง ฉัน Starter แห่ง Libra เป็นผู้คุมชั้นนี้ ”
หญิงสาวสวมชุดคลุมหัวสีดำกล่าวขณะที่ยก ปลอกแขนขึ้นเตรียมทำการ ดวล

“ เข้ามา…เลย ”
ธนัท กล่าวอย่างกระอักกระอ่วน ขณะที่เดิน โซเซเข้าไป แต่ยังไม่ทันที่จะเริ่ม
เค้าก็ทรุดล้มลงไปด้วยความอ่อนแรงซะก่อน

“ บ้าเอ้ย…ทั้งที่ตอนนี้…ตอนนี้มีแค่ฉันเท่านั้น…ฉันคนเดียวทำอะไรไม่ได้เลยรึไงกัน… ”
ธนัท สบถด้วยความเจ็บใจขณะที่พยายามฝืนจะลุกขึ้นดวลแต่ร่างกายของเค้า ก็ล้าเกินกว่า
จะดวลไหว

“ นายไม่จำเป็นต้องสู้เพียงลำพังหรอกน่า พวกเราจะช่วยนายเอง ”
เสียงหนึ่งซึ่งฟังดูคุ้นหูดังขึ้น  ก่อนที่เค้าจะหันไปมอง มีกลุ่มคนกำลังเดินขึ้นบันได
ตามพวกเค้าขึ้นมายังชั้นนี้

“ ใช่แล้วหลา ธนัท เธอยางมีพวกเราอยู่หนา มายเฟรนด์(Mt Friend) ของเธอไงหลา ”
สำเนียงเหน่อๆของ แอน ดังขึ้นพร้อมกับที่กลุ่มคนที่ตามขึ้นมาทั้งหมดได้ปรากฏตัว
ขึ้นต่อหน้าพวกเค้า

“ เคียว แอน อิส ไดสุเกะ ประธาน พี่ แล้วก็ทุกคน!! ”
ธนัท อุทานด้วยความประหลาดใจที่ได้เห็น ทุกคนในชมรม
โผล่มาอยู่ตรงหน้า ในตอนนี้


“ เจ้าหนูอย่าทำเป็นเก่งหน่อยเลย เล่นบุกมาคนเดียวแบบนี้คิดอะไรของแกอยู่น่ะห๊า ”
มาริน่า กล่าวขณะที่เดินเข้ามาหาเค้า ก่อนยื่นเอา วิโอริน หุ่นกระบอกที่เป็น Note
ขอเธอ เข้าไปใกล้ ธนัท ไม่นานละอองพลังเวทย์ ก็พุ่งออกมาจากปากของมัน
อาบใส่ร่าง ธนัท

“ หวา ทำอะไรเนี่ย.. ”
ธนัท ร้องด้วยความผวาพลางสะบัดมือปัดละอองออก ทว่าอยู่ๆเค้ากลับรู้สึกโล่ง
และหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งในทันที

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #127 on: May 27, 2009, 05:21:06 PM »

“ อ…อะไรกัน…อยู่ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ขึ้นมาซะเฉยๆ ”
ธนัท เปรย ด้วยความแปลกใจทั้งที่ก่อนนี้ตัวของเค้ารู้สึกหนักอึ้ง และ เหนื่อยล้า
แต่ตอนนี้กลับเบาสบายและหายล้า อย่างน่าอัศจรรย์

“ ใช้พลังจิตกับพลังเวทย์ช่วยฟื้นฟู ร่างกายได้…เธอคง
เป็น DNA-Changer เหมือนกันสินะ ”
ควีนจิงค์ กล่าวขณะที่มองการกระทำของ มาริน่า

“ เธอเองก็ด้วยสินะ มิน่าฉันถึงรู้สึก แกร่วแปลกๆตั้งแต่
เจอเธอเมื่อกี้แล้ว เป็น Psychicper Type เหมือนกับฉันสินะ ”
มาริน่า กล่าวเสียงเรียบขณะ ที่ ธนัท ลุกขึ้นยืนขึ้นมา

“ เอาล่ะเจ้าหนู เรื่องชั้นต่างๆของที่นี่เรารู้จากพวกข้างล่างหมดแล้ว
จากนี้ไป แกจะต้องฝ่าขึ้นไปเรื่อยๆโดยที่พวกเราจะเป็นคนดวลให้
แทนในแต่ละชั้น เอง แบบนั้นมันจะเร็วกว่า ”
มาริน่า กล่าวจบทุกคนก็เข้ามาให้กำลังใจ ธนัท กันอย่างพร้อมเพรียง

“ ธนัท พวกเราจะช่วยเองหนา ไม่ต้องเป็นห่วง ” /No Problame/ (ไม่มีปัญหา)
แอน กล่าวขณะที่  note ของเธอ เชลโล ก็ส่งเสียงก้องกังวานออกมาด้วย

“ นายน่ะเก็บแรงเอาไว้ไปจัดการ กับ คิง เถอะ ” /Senza Problema/(ภาษาเยอรมัน=ไม่ต้องกังวล)
เคียว กล่าวพร้อมกับ note ของเค้า คาสเทเนต ก็ให้กำลังใจไปพร้อมกัน

“ ช่วยคุณ ชุติการ ให้ได้นะครับ ที่นี่ผมจะการเอง ” /Va Bene/ (ภาษาอิตาลี=ไว้ใจได้เลย)
อิส กล่าวพร้อมกับ รีคอเดอร์ note ของเค้า ก่อนจะเข้าไปดวลกับผู้คุมชั้นนี้

“ ฝาก เซนาคาว่าคุง ด้วยนะ ผม กับ อัลโต้(Alto) จะคอยช่วยเอง ” /Try it’s/(พยายามเข้านะ)
ไดสุเกะ กล่าวพร้อมกับ note ของเค้า อัลโต้

“ ขอบใจมากนะทุกคน….. ”/Master, Let’s Go!!/
ธนัท กล่าวด้วยความปลื้มปิติ ในความช่วยเหลือของทุกคน
 ก่อนที่ มาราคัส จะส่งเสียงเรียกให้พวกเราออกเดินทางต่อ
 พวกเค้าจึงขึ้นไปยังชั้นถัดไปต่อโดยที่ อิส เข้าไปดวลกับ ผู้คุมของชั้นนี้

“ มาเลย ผมจะเป็นมือให้คุณเอง ” /Approntare/(ภาษาอิตาลีช GetSet)
อิส กล่าวพร้อมกับ สแตนบายน์ note ของตน


“ ชั้นนี้ ให้เป็นหน้าที่ แอน เองหนา ” /Get Set/
แอน กล่าวก่อนที่จะ เชลโล จะแสตนบายน์ แล้วเธอจึงเข้าไปเผชิญหน้ากับ
ผู้คุมชั้นนี้ โดยให้ ทุกคนขึ้นไปยังชั้นถัดไปทันที


“ ชั้นนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ ฉันเอง ”/Sich bereit Halten/ (ภาษาเยอรมัน=Get Set)
เคียวกล่าวพร้อมกับ แสตนบายน์ คาสเทเนต แล้วเข้าไป ดวลกับ ผู้คุมชั้นนี้ทันที
ก่อนที่ คนที่เหลือจะ ทยอยขึ้นไปต่อ


“ ฟรานซิสก้า ฝากทีนะ ”
มาริน่า กล่าวจบ ฟรานซิสกก้า ที่ตามเธอมาติดๆ ก็เข้าไปดวลกับผู้คุมของ
ชั้นก่อนสองชั้นสุดท้ายของ เหล่า Starter

“ วางใจได้ค่ะประธาน ดิฉันจะรีบตามไปให้เร็วที่สุด ”/Get Set/
ฟรานซิสก้า กล่าวจบ โซปราโน่(Soprano) note ของเธอ ก็ส่งเสียง
กังวานออกมาก่อนจะ สแตนบายน์ ธนัท กับ คนที่เหลอจึงรีบขึ้นไปยังชั้นต่อ

ไปซึ่งเป็นชั้นก่อนสุดท้ายของเหล่า Starter โดยคนที่เหลือนตอน
นี้มีเพียง มาริน่า ศรี ริน ภูเขา คิระ และควีนจิงค์

“อ้าวชั้นนี้ไม่คนคุมเหรอ ”
ริน อุทานด้วยความแปลกใจ ซึ่งชั้นนี้ตราประทับเป็นสัญลักษณ์รูปคนสองคนจับมือกัน

“ ชั้นนี้เป็นชั้นของราศี คนคู่ ที่จริงต้องมีผู้คุมฝาแฝดอยู่ที่ห้องนี้นะ เพราะ
เป็นการดวลแบบแทกทีมแค่ชั้นนี้ เท่านั้น ”
ควีนจิงค์ กล่าวขณะที่ทุกคนช่วยกันมองหา บุคคลดังกล่าวภายในห้องแต่ก็หาไม่เจอ

“ นี่ไม่ใช่เวลามาหาตัวคนที่จะถ่วงพวกเราหรอกนะ ถ้าไม่มีก็ข้ามมันไปเลย ”
คิระ กล่าวจบทุกคนก็รีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นต่อไปทันที

“ ข้างหน้านี่เป็น ชั้นสุดท้าย ชั้นของราศีสาวพรหมจรรย์ สินะ ”
ศรี ถามขึ้นขณะที่ กำลังวิ่งขึ้นไปยังชั้นสุดท้าย

“ อืม ชั้นราศี สาวพรหมจรรย์ ที่บอย ซากะ เป็นผู้คุม ”
ควีนจิงค์ตอบ ขณะที่ ธนัท เพมื่อได้ยิน ชื่อของ ผู้คุมชั้นถัดไปเค้าก็ถึง
เรื่องที่เกิดขึ้นที่ ถ้ำผานางแอ่นบนเกาะภูเก็ต ตอนที่ไปทัศนศีกษา

“ ชื่อของ ฉันคือ บอย ซากะ Magnus Virgo 1ใน12  Starter  ”
คำพูดที่ บอย เคยพูดไว้กับเค้า ก่อนที่จะยิงพื้นจนทลายทำให้เค้าร่วงลงมา
นั้นแว่วขึ้นมาในหัวทันที

“ เจ้าหมอนั่น ทั้ง ฉัน ทั้งชุติการ แม้แต่ โคทาโร่ ก็ถูกเจ้านั่นขู่เข็นเอา… ”
ธนัท คิดพลางกำมือแน่น ขณะที่ วิ่งขึ้นมาจนถึงห้องของ ราศีสาวพรหมจรรย์
แล้ว แต่กลับไม่มีใครอยู่ในห้องเลย


“ ชั้นนี้ก็ด้วยเหรอ ”
ภูเขา เปรยขณะที่ตามขึ้นมา

“ ช่างเถอะไม่มี ก็ไม่ต้องไปสนมันแล้ว นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะ
มาเล่นตามเกมส์ของมัน ”
มาริน่า ตัดบทให้จบทุกคนก็ขึ้นต่อไปยังชั้นถัดไป

“ ยินดีต้อนรับสู่ แซงชูรี่ พวกเรา Checkmate 5 จะเป็นคู่มือให้เอง ”
บิชอป นิฮิล (Bishop Nihil) ที่รอต้อนรับพวกเขาอยู่แล้วกล่าว
ซึ่งนอกจากเค้าแล้วก็ยังมีไนท์ ไกอา(Knight Gaia) และหญิงสาวผม

ทรงบ๊อบสีดำ คาดผมด้วยที่คาดผมพลาสติกสีเขียว
แต่งชุดกิโมโน เธอคือ รุคบีบิส (Rook Beabizz)
และอีกสองฝาแฝดพี่น้องชายหญิง ที่อยู่ในชุดคลุมสีดำแบบ พวก Starter



“ Checkmate 5 แต่ดูเหมือนจะอยู่กันไม่ครบ 5 นะเนี่ยเพราะงั้นเลยเรียก พวกระดับล่างมารวมแก้ขัดงั้นสิ ”
ศรี เล่นลิ้นเหน็บอีกฝ่าย ทำเอา ไนท์ไกอา และ รุคบีบิส กัดฟันด้วยความแค้น

“ ควีนจิงค์ เธอจะทรยศต่ออุดมการณ์ของ คิง อย่างนั้นหรือ ”
บิชอปนิฮิล กล่าวถามขณะที่จ้องมองมาที่เธอ

“ สิ่งที่ ท่านพี่ทำมันไม่ถูกต้อง นิฮิล ไกอา บีบิส พวกเธอกำลังถูกหลอกอยู่ ”
ควีนจิงค์ พยายามจะเจรจาแต่ ดูเหมือนจะไร้ผล เพราะ ทั้ง รุคบีบิส และ ไนท์ไกอา
ต่างไม่มีใครฟังคำพูดของเธอเลย

“ ถ้าเช่นนั้นเธอก็เป็นคนทรยศ ไม่ใช่ควีนแห่ง Checkmate 5 อีกต่อไป ”
บิชอปนิฮิล กล่าวเสียงเรียบก่อนที่จะ สแตนบายน์ note ของตน

“ มีกัน 5 คนสินะ งั้นพวกเราจะจัดการที่นี่ เอง ธนัท น้องไปกับ ควีน
ซะเพราะเธอน่าจะรู้จักทางหนีทีไล่ดีกว่าเรา ”
ริน กล่าวพลางตบบ่าน้องชาย ก่อนจะเดินเข้าไป เผชิญหน้ากับ เหล่า Checkmate 5
พร้อมกับ มาริน่า ภูเขา คิระ และ ศรี

“ เรารีบไปกันเถอะ ”
ธนัท กล่าวจบเค้ากับจิงค์ จึงออกเดินขึ้นไปยังชั้นต่อไป

“ แซงชูรี่ จะมีทั้งหมด 5 ชั้นก่อนจะถึงห้องของ คิง เมื่อกี้คือชั้นแรก
เหลืออีกสี่ชั้นก็จะถึงชั้นบนสุดแล้วล่ะ ”

ควีน กล่าวขณะที่นำ ขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านชั้นที่ว่างเปล่าแต่ล่ะชั้นไปอย่างง่ายๆเพราะผู้คุมชั้นนั้นลง
ไปอยู่ที่ชั้นแรกกันหมดแล้ว จนมาถึงชั้นที่ 4 ผู้ที่รออยู่ในชั้นที่ๆไม่น่าจะมีใครกลับเป็น บอย เสียเอง


“ มากันแล้วสินะ..นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่าฉันคนนี้ต้องออกโรงกับเค้า
ด้วยอุตส่าห์หนีมาอยู่นี่แล้วแท้ๆ ”
บอย กล่าวสีหน้าเซงๆ ขณะที่หยิบเอา note รูปแบบปืนของเค้าขึ้นมา

“ นายเองสินะ ที่เป็นคนบังคับให้โคทาโร่ พา ชุติ ไปน่ะ ”
ธนัท กล่าวพลางยกปลอกแขนขึ้นเตรียมจะดวล

“ เฮ้ๆ อย่ามาใส่ร้าย me กันอย่างนี้สิ ถ้าโทษก็ต้องไปโทษที่ boss สิ me แค่ทำตามหน้าที่ ”
บอย กล่าวเสียงเย้ยหยัน อย่างไม่ใยดีกับความรู้สึกของ ธนัท

“ หนอย...แก ”
ธนัท กัดฟันด้วยความโมโห แต่ควีนจิงค์ กลับเข้ามาขวางเขาไว้

“ เธอรีบไปเถอะ ที่นี่ฉันจะจัดการเอง ”
ควีนจิงค์ ออกตัวขึ้นมาทำให้ เค้านิ่งไปซักครู่กับ การตัดสินใจของ ควีนจิงค์

“ ต...แต่ ”
“ เธอไม่มีเวลาแล้วนะ ถ้า พลังของมังกรขาว ถูกเอาออกมาแล้วล่ะก็ เรราเย่ จะตกอยู่ในมือของท่านพี่ ”
ธนัท ที่จะแย้งกลับถูก เธอแทรกขึ้นมาและย้ำถึงสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้

“ ข..เข้าใจแล้ว..ฝากด้วยนะ ”
ธนัท กล่าวแม้ในใจของเค้าอยากจะเป็นครนจัดการกับ บอย ด้วยตัวเอง
แต่ตอนนี้เค้ามีหน้าที่ ที่สำคัญกว่า เมื่อคิดได้ดังนั้น เค้ราจึงรีบขึ้นต่อยังชั้นถัดไป

“ ถึงจะดิ้นรนไปก็ไม่ทันหรอก ควีน อ้อ me รู้สึกเป็นเกรียติมากที่ได้ดวล
กับท่านเรามาเริ่มกันเลยไหม ”
บอย กล่าวจบก็ นำเอาสำรับขึ้นมาใส่ลงไปที่ ปลอกมือ ซ้ายซึ่งมีช่อง ใสำรับทั้งสองด้านเอาไว้

“ ฟอร์เต้ สแตนบายน์ ” /signorsi, Approntare/ (ภาษาอิตาลี=รับทราบ, Get Set)
สิ้นคำ note ของ ควีนจิงค์ ก็ทำการแสตนบายน์เป็น ปลอกแขนสำหรับดวลทันที

...................
.........................

ธนัท ที่วิ่งไปจนจะถึงชั้นถัดไปแล้ว กลับหยุดวิ่งลงด้วยความคิดหนึ่งที่แวบขึ้นมา

“ ที่ชั้นวิหาร 12 ราศี แล้วก็ แซงชูรี่ ที่ผ่านมา 4 ชั้นแล้ว ชั้นหน้าจะเป็นชั้นสุดท้ายก่อน
ถึงห้องของ คิง ที่ชุติ อยู่แต่ว่า......เรายังไม่เจอเจ้านั่นเลย......หรือว่า ”

ธนัท คิดอย่างวิตก ขณะที่เปลี่ยนไปค่อยๆทยอยเดินเลาะขึ้นไปทีล่ะขั้นด้วยความลังเล
เพราะชั้นถัดไป ที่เค้ากำลังจะย่างเท้าขึ้นไปอาจมี คนไม่อยากปะทะด้วยเฝ้าอยู่ก็เป็นได้
ขณะที่  เค้าย่างไปทีล่ะก้าวๆทีล่ะก้าวจนในที่สุดทั้งสองเท้าก็ขึ้นมาเหยียบ

บนชั้นสุดท้ายนี้แล้ว ข้างหน้าเป็นประตูกระจก ยาวตลอดแนว ซึ่งด้านหลังนั้นมี
 บันไดที่ขึ้นต่อไปจนถึงห้องของคิงได้ ทว่าที่หน้าประตูนั้น กลับมีคนสวมชุดคลุมหัวเฝ้าอยู่

“ Pawn แห่ง Checkmate 5 โคทาโร่ เซนาคาว่า จะไม่ยอมให้เจ้าผ่านประตูนี้
ไปได้เป็นอันขาด ”
ผู้คุมชั้นกล่าวก่อน ถอดหมวกที่คลุมหน้าอยู่ออก เค้าคือโคทาโร่ ที่มารอ ธนัท อยู่ก่อนแล้ว

“ โคทาโร่ ไม่ว่ายังไงนายก็จะขวางฉันสินะ ”
ธนัท กล่าวพลางยกปลอกแขนขึ้น ทั้งคู่ไม่พูดอะไรเพราะต่างก็รู้ว่าตอนนี้มีเพียง
สิ่งเดียวที่พวกเค้าจะทำได้ เพื่อที่จะสื่อใจให้ถึงกันนั่นคือการ ดวล

..............
............................

“ Cost mp 3 ให้สกิลของ ไอซิเคิลฮาวน์ทำงาน ทำลาย MD ตัวนั้นซะ
Quartet Destroyer(จตุรัสแห่งการทำลาย) ”
สิ้นคำของ แอน ไอซิเคิลฮาวน์ 4 ตัวในสนามที่เธอเรียกออกมาได้ครบก็พุ่งเข้าไปทำลาย
ซีลที่เป็น MD ของผู้คุมชั้นจนวอดวาย
...............

“ ได้เวลาไคลแมกซ์ แบบสุดๆแล้ว ” /Ore-Tanjou/
สิ้นคำของ อิส และเสียงของ รีคอร์ดเดอร์ นักดาบเวทย์มาวิน ก็สร้างดาบมนตราขึ้นมาโจมตีใส่
ซีล MD ของอีกฝ่าย จนสลายไป ยังผลให้ผู้คุมชั้น แพ้ไปตามกฎ Ruler

...............

“  Cost mp 2 ไรจิน โจมตี จงแหลกสายไปด้วยอัสนีบาตแห่งทวยเทพเถอะ ”
สิ้นคำของ เคียว อสูรอัญเชิญที่มีร่างก่อด้วยไฟฟ้า ที่เค้าเคยใช้มันสร้างกำแพงไฟฟ้าป้องกันซึนามิ
ตอนทัศนศึกษา ก็สร้างพายุสายฟ้าลงมากระหน่ำทำลาย ซีล MD ของผู้คุมชั้นที่เค้าต่อกรด้วย จนพ่ายไป

...........

“ Cost mp 3 ให้ ฟรานเชสก้า(Francessca, the Angel of Swords) โจมตี  Sword of Law ”
สิ้นคำของ ฟรานซิสก้า อสูรอัญเชิญรูปแบบนางฟ้าที่มาพร้อมกับดาบเล่นใหญ่ ก็บินเข้าไปแล้วใช้ดาบ
เล่มนั้นผ่าร่างซีล MD ของอีกฝ่ายจนสลายไปอย่างรวดเร็ว

[Data: Francisca Magdarena Age: 17 Year    Deck: Sword Angel ]

…………….

“ ช่วยหน่อยนะดาร์ค ”
ไดสุเกะ กล่าวขณะที่ อสูรอัญเชิญสมิงเสือดาวสีดำ จะถูกเรียกออกมาในสนามฝ่ายเขา

“ เออ วางใจได้เลย ไดสุเกะ ”
น้ำเสียงของ ไดสุเกะ เปลี่ยนไปก่อนที่ เค้าจะเปลี่ยนร่างเป็น ดาร์ค แทน

“ ด้วย Ability ของ ทากะ(Taka, the Dark Jaguar) เมื่อเข้ามาในสนามจะ
สามารถดูไพ่ในมือ อีกฝ่ายแล้ว Steal มาได้ 1 ใบ เอาMD ของแกมาซะ ”
สิ้นคำ สมิงเสือดาว ก็กระโดดเข้าไป กระชากเอาไพ่ในมือของอีกฝ่ายที่มีอยู่เพียง
ใบเดียวมา ไว้ในมือของมัน

“ เอ้า ฝากจัดการเรื่องปลดล็อคทีนะ ไดสุเกะ ”
สิ้นคำ ดาร์ค ก็คืนร่างกลับเป็น ไดสุเกะ

“ cost mp3 ผมให้สกิลของ ฟูมิน (Fumin, the Black Wood Brigand)
ทำงานนำการ์ดที่ถูกSteal 1ใบในสนามไปยัง Shrine ”

ไดสุเกะ กล่าวจบ อสูรอัญเชิญรูปร่างมนุษย์ ที่อยู่ในชุดคลุมหนังสีน้ำตาล ก็เดินเข้าไปหา
สมิงเสือดาวก่อนจะ รับเอาไพ่ที่มัน ขดมยมา แล้วโยนคืนไปใส่ลงในช่อง Shrine ของ
อีกฝ่าย ยังผลให้ ไดสุเกะ ชนะด้วยการส่ง MD ของอีกฝ่ายลง Shrine ได้สำเร็จ

……………….



......................
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #128 on: May 27, 2009, 05:22:00 PM »


“ Cost mp 4  ร่าย โดมินิก้า อำนาจแห่งสวรรค์ ออกมาที่ At line  ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็ โยนไพ่ซีลในมืออกมา ก่อนที่ละอองเวทย์รอบๆจะไปรวมกันที่
ไพ่และเกิดเป็นแสงสว่างเจิดจ้า พร้อมกับ แรงสั่นสะเทือน เลื่อนลั่นไปทั้งชั้น

ร่างของทูตสวรรค์ขนาดใหญ่ซึ่งมาพร้อมกับปีกสีขาวและดาบเกราะมากมาย
ได้ปรากฏตัวขึ้น ต่อหน้าธนัท



“ พ….พลังรุนแรงอะไรขนาดนี้…เจ้านั่นน่ะเหรอ MD ของ โคทาโร่ ”
ธนัท คิดขณะที่ยกแขนขึ้นป้องแรงลมที่อัดเข้ามาจากการปรากฏตัวของ โดมินิก้า
1ใน5หลักสวรรค์ ซึ่งเป็นตัวแทนของอำนาจ

[Data: Kotaro Zenakawa Age:14  Year  LV: Ruler Pawn of Checkmate 5
   Deck: Power for Justice(อำนาจแห่งหารพิพากษา)]

[Data: Tanattativaet Jongrang Age:14  Year LV:Summonner   Deck:Element Striker]



“ ให้โดมินิก้า รวมร่างกับ วาเลนเซีย(Valencia, the Angel of Order) ”
สิ้นคำ ทูตสวรรค์วาเลนเซีย ก็ร่างเป็นปีกสีขาวบริสุทธิ ไปติดที่หลังของ โดมินิก้า
ด้านสนามฝั่ง ธนัท


“ cost mp 3 โดมินิก้า จู่โจม ” /Heaven is Supernacy/(สวรรค์ไม่อาจถูล่วงละเมิดได้)
สิ้นคำ โคทาโร่ โดมินิก้า ก็ปล่อย คมดาบทั้งหมด ลงไปทำลาย
 ไข่มังกรสีเขียว(The Dragon’s Egg on the Cliff) จนสลายไปในที่สุด



“ ด้วย Ability ของ ไข่มังกรบนหินผา เมื่อมันออกจากสนาม ฉันจะได้จั่วการ์ด1ใบ ”
ธนัท กล่าวจบก็หยิบเอาไพ่ ซีลขึ้นมาไว้บนมือ ซึ่งไพ่ใบนั้นเป็น1ในไพ่ที่มีหน้าไพ่ว่างเปล่า
จากทั้ง 3 ใบที่เค้าได้รับมาจาก ศรี

“ หมดรอบแค่นี้  ”
โคทาโร่ สั่งผ่านหลังจากที่ คมดาบทั้งหมดถูกถอนออกจากพื้น แล้วกลับมา ติดที่เกราะ
แขนทั้งสองข้างของ โดมินิก้า

“ รอบของ ฉันจั่วไพ่ ”
ธนัท กล่าวจบก็ ดึงเอาซีลขึ้นมาอีก 2 ใบ

ธนั

“ อึก..ไม่..ไหวแล้ว.. ”
รุคบีบิส เปรยก่อนจะล้มฟุบลงไปอีกคน โดย เวอทูเทม (Virtutem, the Virtue of Heaven)
 อสูรอัญเชิญทูตสวรรค์เกราะสีแดงผู้มีคมดาบ3เล่ม ยื่นออกมาจากเกราะที่แขนทั้งสองข้างและหัว
กำลังอาละวาด ตวัดดาบฟัน ไปมาอย่างบ้าคลั่ง



“ อึก...น...นี่...หรือว่า ท่าน ควบคุม เรราเย่ ได้...อึก ”
บิชอป นิฮิล สบถไปได้ยังไม่ทันขาดคำ อสูรอัญเชิญทูตสวรรค์ของเค้า
ซึ่งมีปีกและเกราะสีน้ำตาลทอง เรกุรัม(Regulam, the Order of Heaven)
ซึ่งก็หลุดการควบคุม และอาละวาด ยิงขนนกระเบิดใส่ไปทั่ว



“ แย่ล่ะสิ...นี่หรือว่า คิง ได้ พลังของ เรราเย่ ไปแล้ว ไม่ได้การพวกเรา
 รีบจัดการ DM ของเจ้าพวกนั้นเถอะ ”
ศรี กล่าว จบทุกคนจึงเริ่มเล่นต่อ ซึ่งคนที่ดวลด้วยอยู่ กับ Checkmate 5 ทั้ง3 คือ ศรี มาริน่า และ ริน
ส่วน คิระ กับภูเขานั้นจัดการ Starter แห่งราศี คนคู่ Mugnus Gemini ฝาแฝด
ไปเป็นที่เรียบร้อยอยู่ก่อนแล้ว

“ Cost mp 3 ร่าย Vampirism เลือกผลข้อที่1  Sacrifice Seal 1ใบจากนั้น
Seal 1ใบในฝ่ายเราติด Last Dance Curse At+3/3 Turn เลือก Sacrifice

ตุ๊กตาฆาตกร(Murderous Doll) แล้วให้ ตุ๊กตานักฆ่า(Assassin Doll)
 ที่รวมร่างอยู่ ติด Last Dance Curse ”

สิ้นคำของ มาริน่า มิสติก ที่ร่ายลงไปก็ปรากฏร่างของ แวมไพร์  ที่เธอ เคยผนึกมันได้จาก
คืนวันที่มันอาละวาดในโรงเรียน(Sub-Turn 6) เจ้าแวมไพร์ ตรงเข้าไป หาร่างของ

ตุ๊กตาสีดำตัวเล็กที่อยู่ในแนวจู่โจมของมาริน่า ก่อนจะอุ้มมันขึ้นมา แล้วฝังเขี้ยวลงไปที่ต้นคอ
ของตุ๊กตา จากนั้นจึงสลายกลายเป็นควันสีดำทั้งคู่และพุ่งไปรวมที่ มีดของ ตุ๊กตานักฆ่า
ที่มีรูปร่างเหมือนตุ๊กตาเด็กผู้หญิง



[Data: Marina Alto Elizabeth Marionetta Age: 17 Year   
 Deck:Marionet Puppet Show ]

“ Cost mp 2 ตุ๊กตานักฆ่า โจมตี  สับอย่างสง่างาม (Pretty Chop) ”
สิ้นคำของ มาริน่า ตุ๊กตานักฆ่าก็ กระโดด ลอยตัวสูงขึ้นไปก่อนจะ เหวี่ยงมีดอีโต้
 ที่มีออร่าสีดำคลุมอยู่ลงไปผ่าร่างของ เวอทูเทม จนขาดสะบั้นและสลายไป

“ Cost mp 3โจมตีเลย ทาลิวิลย่า(Thaliwilya) Great of Dragon ”
สิ้นคำของ ศรี อัศวินมังกร ในชุดเกราะสีทอง ซึ่งถือโล่ ด้วยมือขวา
ก็ยิงลำแสงมังกรออกไปด้วยมือซ้าย และทำลาย เรกุลัม ไปได้อย่างง่ายดาย



“ Cost mp 4 ดาชน่า (Dahna, the Valkyrie) โจมตี Raydon ”
สิ้นคำของ ริน นางฟ้าผู้มีผมสีน้ำตาลยาวสลวย ก็จัดแจงยิงธนูออกไปจากคันธูนสีชมพูของตน
ลูกศร พุ่งเข้าเสียบทะลุร่างของ เลาดามุส ก่อนที่มันจะสลายไป
 พร้อมกับความปราชัยของ ดหล่า Checkmate 5 ทั้ง 3



...............
.......................

“ เริ่มจะควบคุมไม่อยู่แล้ว ต้องรีบจบให้เร็วที่สุด  ”
ควีน จิงค์ คิดขณะที่ตอนนี้ อสูรอัญเชิญทูตสวรรค์ 1ในหลักสวรรค์ทั้ง 5
ที่ Checkmate 5 ครอบครองอยู่ เจนนิเฟอร์ (Jennifer, the Immaculacy of Heaven)
ทูตสวรรค์ ผู้มีปีกทั้ง 8 และคมดาบยาวที่ยื่นออกมาจากเกราะด้านหลัง เริ่มระสับระส่าย และมีที
ท่าจะไม่เชื่อฟังเธอแล้ว



“ Cost mp 3 เจนนิเฟอร์ โจมตี Vox Stellarum(เสียงเพลงแห่งดวงดาว) ”
สิ้นคำของ ควีนจิงค์ เจนนิเฟอร์ ก็ขับร้องบทเพลงอันดังกึกก้อง ออกมา
 จนนักดาบหญิงพรหมจรรย์ เฟียเรส ของบอย ถูกทำลายไปในที่สุด
ก่อนที่ความรุนแรงของคลื่นเสียงจะทำให้ บอย สลบไปด้วย


“ นี่เธอ..อสูรสวรรค์ ของเธอล่ะ ”
เสียงของ ศรี ดังขึ้นมาขณะที่ พวกเค้าทั้งหมด ตามขึ้นมาสมทบกับเธอที่พึ่ง ปิดฉากบอยไปไม่นาน
ซึ่ง เจนนิเฟอร์ ก็สลายกลับเป็นไพ่ดังเดิมก่อนจะได้ทันอาละวาด

“ ไม่เป็นไร ฉันพอจะควบคุมไม่ให้มันคลุ้มคลั่งได้  ”
ควีนจิงค์ ตอบ ขณะที่ สแตนบายน์ note กลับเป็น จี้ห้อยคอตามเดิม

“ เฮ้ เป็นไงบ้าง ”
เสียงของ เคียวดังแว่วขึ้นมาก่อน ที่ เคียว แอน อิส ไดสุเกะ และ ฟรานซิสก้า
จะตามขึ้นมาถึง

“ พวกเรคาจัดการ ชั้นนี้ได้หมดแล้ว เหลือชั้นสุดท้ายที่ ธนัท ขึ้นไปก่อนเท่านั้นเอง ”
ริน อธิบาย ขณะที่ ทุกคนมารวมกันครบหมดแล้ว

“ เรารีบตามขึ้นไปดีกว่า การที่อสูรหลักสวรรค์ ทั้ง 5อาละวาด
พร้อมกันแบบนี้เป็นไปได้ว่า แผนการของท่านพี่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ”
ควีนจิงค์ กล่าวจบพวกเค้า ทั้ง 11 คนก็มุ่งขึ้นไปสู่ชั้นสุดท้ายที่ ธนัท อยู่


.......................
“ ช่วยไม่ได้ วิธีที่จะช่วยโคทาโร่ คงต้องรีบเอาชนะให้เร็วที่สุด แต่จะทำยังไงล่ะ
 ในสนามของเรามีแต่ลูกมังกรแห่งอาริมาเทีย ทั้ง 6 เท่านั้นเอง ”

ธนัท คิดขณะที่มอง ไปยังสนามฝั่งตัวเองที่มีแต่ ลูกมังกรทั้งหกธาตุ ที่เค้าเรียกมา
บนมือของเค้าตอนนี้ก็มีไพ่ที่หน้าว่างเปล่าอยู่กับ ไข่มังกรบนหินผาอีกสองใบ
 ไม่มีทางที่เค้าจะเอาชนะ

อสูรหลักสวรรค์ตัวนี้ได้เลย ซ้ำร้าย โคทาโร่ ก็ไม่สามารถเดินเกมในรอบต่อไปได้
เค้าจึงต้องจัดการกับมันในรอบนี้เท่านั้น

“ โธ่เว้ย...จะทำยังไงดีเวลาแบบนี้ ”
ธนัท สบถทว่าทันใดนั้น ไพ่ที่มีหน้าว่างเปล่า ก็ปรากฏรูปขึ้นมา มันเป็นมังกรสังกัดแห่ง
แสงสว่างที่มีรูปร่างของสังกัดพลังทั้ง 6 ธาตุอยู่ในตัว

“ อ...อาแมน...อาแมนคริส(Amankris) งั้นเหรอ ”
ธนัท เปรยด้วยความแปลกใจที่ ไพ่ที่เคยมีหน้าว่างเปล่ากลับกลายเป็น
ไพ่ที่มีซีลอยู่ภายในแล้ว

“ ไม่มีเวลามาลังเลแล้ว  ต้องใช้เจ้านี่ล่ะ Cost mp 5 ร่าย Amankris จากนั้น
 Cost mp3 โจมตีใส่ โดมินิก้า เลย ”

สิ้นคำ ธนัท ก็ร่ายไพ่ใบนั้นลงไปทันทีที่ ไพ่รวมเอาละอองเวทย์เข้าไปและ
เริ่มแสดงตัวออกมา ก็เกิดคลื่นพลังมหาศาลแผ่ออกมาอย่างรุนแรง
จนผนังทั่วทั้งห้องร้าว แม้แต่ธนัท และ โคทาโร่ ก็ยังแทบจะปลิวไปแรง
ปะทะที่พุ่งพล่านออกมานี้



“ จงออกมา เถิด จ้าวแห่งมังกรผู้ควบคุม ธาตุแห่งสรรพสิ่ง ”
ธนัท เปรยขณะที่พยายามควบคุมพลังของ มันหลังจากปลดปล่อยพลังงาน
ออกมามากมาย สมดุลพลังงาน ของมันก็เริ่มคงที่  พร้อมกับการปรากฏของ

ร่างอันใหญ่โตมโหราฬของ มังกรซึ่งร่างของมันมีพลังทั้ง 6 ธาตุพุ่งพล่าน
ก่อนที่มัน จะยิงลำแสงสีทั้ง 6 ธาตุออกมาจาก แขน ขา ปีก และปาก

เข้าถล่มใส่ โดมินิก้า จนสลายไปในที่สุด คลื่นไฟฟ้าที่
ทำร้าย โคทาโร่ ก็สลายหายไปด้วยกันในทันที

“ โคทาโร่ !! ”
ธนัท ร้องก่อนจะ เข้าไป รับร่างของ โคทาโร่ ล้มลง
ขณะที่ มาริ่นา และคนอื่นๆที่ตามขึ้นมาก็ได้แต่ นิ่งอึ้ง กับ ร่างของ อาแมนคริส
ที่ปรากฏขึ้นต่อสายตาของพวกเค้า ก่อนที่มันจะหายไป เพราะระดับพลังเวทย์
ที่ลดลงจนหมดหลังการดวล

“ เจ้าหนู ปลุกมังกรในตำนานขึ้นมาได้แล้วสินะ ”
มาริน่า เปรยขณะที่ สายตายังคงจับจ้องค้างอยู่ที่ อาแมนคริส ที่หายไปแล้ว
ขณะที่ อิส แอน เคียว ไดสุเกะ นั้นวิ่งเข้าไปดูอาการของทั้งสอง ด้วยความเป็น
ห่วงก่อนใคร


“ โคทาโร่ ทำใจดีๆนะ นายไม่เป็นไรแล้ว โคทาโร่ ”
ธนัท กล่าวพลางเขย่าตัวเพื่อให้ โคทาโร่ ได้สติ จนเมื่อเค้าลืมตาขึ้น ทุกคนจึง
มีทีท่าโล่งใจกันเป็นแถบๆ

“ ทุกคน... ”
โคทาโร่ เปรยด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย

“ เซนาคาว่าคุง ผมกับทุกๆคนรู้เรื่องทั้งหมดจาก ควีน แล้วล่ะ ”
ไดสุเกะ กล่าวขณะที่ ก้มลงนั่งข้างๆ ธนัท ที่โคทาโร่ นอนหนุนตักเขาอยู่

“ คนที่ผิดน่ะไม่ใช่ โคทาโร่ หรอกหนา แต่คนที่บีบบังคับ ให้ทำนั่นล่ะที่ผิด คิง
เป็นคนที่ใช้ไม่ได้จริงๆเลย เวรี่แบด(Very Bad) ”
แอน กล่าวเพื่อที่ปลอบใจเค้าไม่ให้รู้สึกผิดไปมากกว่านี้

“ ก่อนนี้ผมเองไม่เคยไว้ใจคุณเลย แต่ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าไม่มีใครวางใจ
ได้เท่าคุณอีกแล้วล่ะ โคทาโร่ ซัง ”
อิส กล่าวเสียงเรียบ

“ ตอนนี้นายเองก็เป็นเพื่อนของพวกเราคนหนึ่งแล้วนะ โคทาโร่... ”
เคียวกล่าว นี่เป็นครั้งแรกที่ เค้าเรียกชื่อของ โคทาโร่ ขึ้นมาอย่างสนิทสนม
ท่ามกลางความปลาบปลื้มที่ประดังเข้ามาในวินาทีนี้ ได้ทำให้หัวใจของเค้า

อบอุ่นขึ้นราวกับ ฤดูกาลได้เปลี่ยนไปแล้ว หิมะละลายหายไปและถูกแทนที่ด้วย
แสงแดดอันอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ

“ งั้นเหรอ...ขอบใจมากนะ...จริงสิ ธนัท ”
โคทาโร่ เปรยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะหยิบเอาไพ่ใบหนึ่งขึ้นมาแล้วส่งให้ ธนัท

“ นี่คือไพ่ที่ ชุติการ ฝากมาให้...นาย ”
โคทาโร่ กล่าวตะกุกตะกัก ขณะที่ ธนัท รับมันมา

“ นี่มัน....เหวอ ”
ธนัท กล่าวได้ไม่ทันขาดคำ ก็เกิดแรงสะเทือน เลื่อนลั่นไปทั้งชั้น ก่อนที่จะหยุดลงพร้อมกับ
เพดานห้องที่ แตกกระจายออก บนท้องฟ้าตอนนี้ มีแสงโอโรร่า ส่องสว่างกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
แต่ที่น่าประหลาดใจกว่านั้น คือ อสูรอัญเชิญ ออกมาเพ่นพ่านไปทั่ว เมือง
จนเกิดความเสียหายจากการอาละวาดของพวกมันไปทั่ว

“ เป็นยังไงบ้างล่ะ...นี่คือโลกที่ รวมเป็นหนึ่งกับเทอร่า โลกที่จะเกิดใหม่... ”
เสียงดังขึ้น ก่อนที่ชายหนุ่มผมสีดำเรียบ ในชุดผ้าสีขาวจะเดิน ออกมาจาก หลังบานประตู
กระจกที่แตกร้าวจนไม่มีชิ้นดี

“ นามของข้าคือ King Por ผู้นำสูงสุดแห่ง Paradiso da Regola  ”
ชายหนุ่มคนนั้นประกาศตัวขึ้นอย่างอล่างฉ่าง ก่อนที่จะเกิดเงาดำทมึน ขนาดใหญ่
สูงยิ่งกว่าอาคารทั้งชั้นนี้ ขึ้นไปอีก และเมื่อมันปรากฏตัวขึ้นมาอย่างชัดเจนแล้ว
มันเป็นร่างของ ปีศาจขนาดใหญ่ ในมือของมัน ถือ ดาบขนาดใหญ่พอๆกันไว้สองเล่ม



“ และนี่คือ ลูกสมุนของข้า เรราเย่ (Leraje, the Torment of War) ”
คิง ปอร์ กล่าวพลางวาดมือ ออกก่อนที่ อสูรเทพ เรราเย่ จะ คำรามกู่ก้องไปทั่วทั้งแผ่นดิน


.........

โปรดติดตามตอนต่อไป


Final Sub-Turn

และศึกตัดสินสุดท้ายก็ได้เริ่มขึ้นโดยมีชะตาของ โลกเป็นเดิมพัน

“หลังจากมนุษย์ได้ค้นพบพลังเวทมนต์ ก็เริ่มที่จะรุกรานชีวิตอื่น แม้แต่พวก
เดียวกันก็ไม่เว้น ที่ร้ายแรงที่สุดพวกเรายังคิดจะแหกกฎแห่งธรรมชาติสร้างชีวิต นิรันด์ขึ้นมาอีก ”

“ ชีวิต....นิรันด์... ”

“ DNA-Chsnger ก็คือผลผลิดจาการสร้างชีวิต นิรันด์นั่นแหละ ที่แล้วมามนุษย
พยายามหาทางไขความลับของชีวิต ที่เรียกว่าพันธุกรรม  ”

“ และเมื่อ เวทยาการเกิดขึ้น มันก็ได้เกิดศาสตร์ แห่งพันธุเวทกรรม
มนุษย์พยายามที่ จะทำลายนาฬิกาแห่งชีวิตของตนเพื่อเข้าสู่ชีวิตนิรันด์ ยังไงล่ะ  ”

ความจริงของเหล่ามนุษย์พันธุกรรม DNA-Changer ที่นำไปสู่ความเป็นนิรันด์

“ ฉันมารับเธอแล้ว.... ”


“ ในที่สุดฉันก็เข้าใจถึงความหมายของการมีเธออยู่เคียงข้างแล้วล่ะ.... ”

“ Lets’ Duel VR!!!!! ”

และแล้วตำนานการดวลก็จะยังตราตรึงอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ นี้ตลอดไปตราบนานเท่านาน...
ตอนหน้า Final Sub-Turn  Let’s Duel VR!! เป็นการดวลที่สนุกมากเลยล่ะ!!




Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #129 on: May 27, 2009, 05:22:18 PM »

Legend Thaliwilya of the Arimathe  Special Turn
 Bath, Jack Panic(คดียึดโรงอาบน้ำ) ภาคจบ


ความเดิมตอนที่แล้ว: เรกกะ ไล่ตามขโมยที่ฉกเอาจักรยานเค้าไปจนถึงโรงอาบน้ำจากนั้นก็
ถูกจับเป็นตัวประกัน ร่วมกับ เฟนท์ และ ไรด์ ที่อยู่ในโรงอาบน้ำก่อนแล้ว เหตุการณ์วุ่นขึ้นไปอีก

เมื่อ เทอเรี่ยน ของ มาราดัน ปรากฏตัวขึ้นในเมือง R2 จึงมาช่วยเรกกะ ออกไปกำจัดเทอเรี่ยน
 แต่เพราะ ทาลิคนัส แอ๊คท่ามากเกิน เลยปล่อยเทอเรี่ยนหลุดมือไป แถมพอกลับมา ทาลิควอส

ก็ดันไล่ตำรจที่จะบุกเข้ามาในโรงอาบน้ำไปอีก  จากนั้น ไอ กับ เซน่า ก็เข้ามร่วมแจมเหตุการณ์จะเป็น
ไงต่อไปเนี่ย...

เซน่า: ขอรบกวนด้วยนะค้า~
ไอ: พ...พี่เซน่า ขา...แบบนี้มันจะดีหรือคะ
โจร1:น..นี่....พ...พวกเธอเข้ามา...เข้ามาได้ยังไงกันเนี่ย (ก็เข้าทางประตูสิถามได้ )

โทรทัศน์: ตอนนี้ตำรวจเริ่มมีความเคลื่อนไหวอีกแล้วค่ะ คาดว่าครั้งนี้น่าจะบุกเข้าไปช่วยตัวประกันแบบเต็มพิกัดแน่ค่ะ

ฉาก ข้างนอก

สารวัตร: บุกเลย...บุก!!!

ตำรวจ: เฮ!!! (แล้วก็ตะลอน เฮโล กันจะวิ่งเข้าไป)

เรกกะ: ย...แย่ล่ะสิขืนเป็นแบบนี้พี่ก็จะโดนลูกหลงไปด้วยทำไงดี...ทำไงดี(เสียงรนราน)

ทาไนซ:พี่สาวกำลังลำบากสินะ งั้นชั้นจัดการเองถอยไปสิ

เรกกะ:เอ๋ จะทำอะไรน่ะ ทาไนซ

วิ้งงงง(ตาซ้ายทำงานเปลี่ยนเป็น ทาไนซ)

ทาไนซ:ชะตานายขาดซะแล้ว จะจ่ายหรือเปล่าแต่ยังไงก็ขอกำจัดล่ะนะ

โจร1:น..น...นี่แกเป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย
ครืดดดดดด (เสียงประตูเปิด)
แล้ว มันก็เดินไปเปิดประตูซะงั้น

ตำรวจ: หืม?!

ทาไนซ:ไม่ได้ขอคำตอบซะหน่อย มาแดนซ์กันเถอะ

ตึกๆๆ ตึงๆๆ ตึกๆๆ ~~~
(เสียงเพลงสตีรทแดนซ์ ขึ้นเฉย)

สารวัตร:หาอ้าวเฮ้ยอะไรเนี่ย
ตำรวจ:ม..มันขยับไปเอง

แล้วก็พากันเต้น b-boy หมดหน้าโรงอาบน้ำทั้งตำรวจทั้งคนมุง (- -*) (แกมีพลังแบบนี้ด้วยเรอะ ทาไนซ)

ทาไนซ:ฮะๆๆ เต้นกันเลย!!เต้นกันเลย!!
แล้วก็เต้นกันจนถอยหายกันไปหมดอีก

ครู่ต่อมา

โจร1: ต...ตำรวจ....ห...หายไปไหนหมด....น...นี่แกทำได้ไง
ทาไนซ:ไม่ได้คำตอบซักหน่อย

เซน่า:ข้าวปั้นกระเทียมวาซาบิร้องไห้ เสร้จแล้วจ้า

ทาลิคนัส:หือ เห้ย ร้องไห้เรอะ!
ทาลิควอส:ตายแล้ว ร้องไห้!! (แววบรรลัยมาเห็นๆ)

ทาโซรอส: อืมๆ ร้อง...ไห้...ร้องไห้....เรหอ..อืม!ได้ร้องไห้แน่

วิ้งงง(ตาซ้ายทำงานเปลี่ยนเป็นทาโซรอส)

ทาไนซ:ม..ไม่ใช่นะ..ไม่ใช่ร้องไห้ซะหน่อย เดี๋ยวสิ (ไม่ทันแล้วล่ะเอ็งเอ๋ย)

ทาโซรอส:ได้ร้องไห้แน่ ความแข็งแกร่งของข้าแม้แต่เด็กยังต้องร้อง
โจร1:ว...เหวอ (โดนแข้งตอนเจ้า ทาโซรอสมันกระทืบเท้าโชว์พาว
 กระแทกกระเด็นไปชนฝาห้องสลบเหมือด)

R2: เรกกะ เทอเรี่ยนปรากฏตัวอีกแล้วล่ะ (ป้ามาอีกแล้วเรอะ)
เซน่า: มากินกันก่อนสิจ้ะยังร้อนๆอยู่เลย~

R2 : อ๊ะขอบคุณค่า ยังไม่ได้กินอะไรเลย

วิ้งงงง(ตาซ้ายทำงานเปลี่ยนกลับเป็น เรกกะ)
........
สักครู่

เรกกะ: เอ่อมานั่งกินกันแบบนี้จะดีเหรอ?

ตอนนี้ ทุกคนรวมโจรด้วยมานั่งกินข้าวปั้น

R2:ช่างเถอะๆ เวลากินก็ต้องกินให้อร่อยสิ อย่ามาคิดเรื่องแบบนั้นเลยเดี๋ยวเสียรสหมด

เซน่า:ใช่แล้วจ้ะ เรกกะจัง ไม่อย่างนั้นดาวแห่งความสุขจะหนีไปนะ

เฟนท์:ตกลงนี่มันอะไรกันเนี่ย...ปืนก็เก๊ ขนาดโจรยังเป็นของเก๊ ปีนขึ้นบ้านเค้า
ยังไม่ทันไรได้ยินไซเรนตำรวจก็เผ่นมาขโมยจักรยานเรกกะ ซะละ

ไอ: อ่ะ เฟนท์ อ้ามมมมม~~(แหมได้ทีเล่นบทหวานเชียวนะ ไอ)

ไรด์:ช่างเถอะๆ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ (อ้าวแกยอมรับง่ายๆเลยเรอะ)

โจร1:เฮ้อคิดอีกทีฉันไปมอบตัวกับตำรวจดีกว่า อยู่แบบนี้มีแต่เรื่องบ้าๆ

เซน่า: ยอมแพ้ง่ายๆแบบนั้นได้ยังไงกันคะ ถ้าเรามีความพยายามล่ะก็
 ดาวแห่งความสุขจะต้องมาหาเราซักวันแน่ค่ะ(เอ่อ เจ๊ จะดันให้เค้าเป็นโจรต่อหรือจะเทศอะไรกันแน่)

โจร1: ร...เหรอ...นั่นสิเนอะ ดีล่ะงั้นชั้นจะพยายาม ถ้าชดใช้ความผิดหมดแล้ว ชั้นจะพยายามหางานทำให้ได้
 ขอบคุณมากนะครับที่ให้คำชี้แนะ (เฮ้ยง่ายๆเงี้ยเลย นะ)

โทรทัศน์:เอาล่ะค่ะตอนนี้ตำรวจกลับมาตั้งหลักใหม่แล้วครั้งนี้จะบุกเข้าไปสำเร็จหรือไม่คะ

สารวัตร:บุกได้!!!~

ตำรวจ:เฮ~~~~

ครืดดดด (เสียงโจรเปิดประตูโรงอาบน้ำออกมาเอง)

โจร1: ย..ยอมแล้วครับ คุณตำรวจ

ตุบๆๆๆๆๆครืนนน(เสียงวิ่งเฮโลของตำรวจนะไม่ใช่ประชาทัณฑ์คนร้าย)
แล้ว ตำรวจก็วิ่งผ่านโรงอาบน้ำไป

เรกกะ: เอ๋ เลยไปไหนของเค้ากันน่ะ

โทรทัศน์: ค่ะตอนนี้ตำรวจบุกเข้าไปช่วยตัวประกันในโรงรับจำนำออกมาได้แล้วค่ะ

เฟนท์: ที่แท้เหตุเกิดที่โรงรับจำนำข้างๆหรอกเหรอเนี่ย
โจร1:ง...ไงล่ะเนี่ย

ไรด์:ก็หมายความตำรวจเค้าไม่ได้มาจับนาย แต่มาจับโจรปล้นโรงรับจำนำข้างๆโรงอาบน้ำนี่ต่างหากไง
และโจรตัวจริงก็โดนลากออกมา

โจร2: ปล่อยนะเว้ย ปล่อย....
แล้ว โจรคนที่2 ก็โดนลากเข้ารถตำรวจไป

โจร1:ค..คุณตำรวจจับผมไปด้วยผมเป็นคนร้ายด้วย(อ้าวเอ็งไหงงี้ล่ะ เค้าไม่ได้มาจับเอ็ง)
แล้ว โจร 1ก็วิ่งไล่รถตำรวจที่วิ่งไป

ไอ: เอ้า เฟนท์ อีกคำนะ อ้าม~~
(ยังหวานไม่เลิก เจ็ไม่รู้เรอะ สามีเค้ากับพี่เขยเค้าอยู่ด้วยเนี่ย)(การุรม่อน:หมายความว่าเรกกะ x เฟนท์ เหรอ?!)

R2: เอว่าแต่เหมือนลืมอะไรไปซักอย่างแหะ(เทอเรี่ยนไงป้า จะมาตามเรกกะไปจัดการไม่ใช่เรอะ)

จบดีกว่า.......(เอวัง)


สรุปมันเข้าใจผิดกันมาทั้งเรื่องใช่มะเนี่ยเอ้อ พูดไม่ออก สรุป ทาลิ2 มาดึงเรตติ้ง SMN VR!!
สินะเนี่ย - -* เอาเถอะ ตอนหน้า อวสาน VR แล้ว จะเป็นไงหนอ บทนี้ทำเอาเครียดมากเพราะดวล

พร้อมกันเป็นสิบๆ เล่นเอาลิ้นห้อยเลย แถมตัดบทไปเยอะมาก สรุปตอนหน้าจะเป็น Duel Climax
ครั้งสุดท้ายแบบเต็มๆตอนบวกสงครามบ้าน้ำลายอีกแล้วใช่มะเนี่ย คราวก่อนตอนเรกกะ

 โครโน่บ้าอวด God Send12ชิ้น พล่ามน้ำลายแตก สุดท้ายใช้จริงได้ไม่ถึง2ชิ้น
 โดนโอดินถีบสลมเหมือด
โอย ขอไปพิมพ์บทอวสานก่อนนะขอร้าบ ส่วน สารบัณทาลิ2 จะทำให้หลังจบ VR ขอรับ

ว่าแล้ว คิงของ Checkmate 5 ต้องเป็นอะไรที่เกี่ยวกับหมากรุกจริงๆ(เรอะ ) ท่านคิงบักลู่ของเรามาเองเลย

me/เผ่นล่ะใครจะอยู่ให้ไอลู่มันใช้ Geass ก็เชิญ

Logged


Leraje
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 826


« Reply #130 on: May 28, 2009, 01:26:50 AM »

“ นามของข้าคือ King Por ผู้นำสูงสุดแห่ง Paradiso da Regola  ”
ชายหนุ่มคนนั้นประกาศตัวขึ้นอย่างอล่างฉ่าง ก่อนที่จะเกิดเงาดำทมึน ขนาดใหญ่
สูงยิ่งกว่าอาคารทั้งชั้นนี้ ขึ้นไปอีก และเมื่อมันปรากฏตัวขึ้นมาอย่างชัดเจนแล้ว
มันเป็นร่างของ ปีศาจขนาดใหญ่ ในมือของมัน ถือ ดาบขนาดใหญ่พอๆกันไว้สองเล่ม



“ และนี่คือ ลูกสมุนของข้า เรราเย่ (Leraje, the Torment of War) ”
คิง ปอร์ กล่าวพลางวาดมือ ออกก่อนที่ อสูรเทพ เรราเย่ จะ คำรามกู่ก้องไปทั่วทั้งแผ่นดิน




อ๊ากกกกกก!!!  อะไรว้า....  ตกลงตูกลายเป็นสมุนคิงปอไปแล้วหรือเนี่ย ไม่อาววววววววๆๆๆๆๆๆ   

ปล. หลังจากแหกตาอ่านไปอีก 5 Sub ตอนนี้สายตาเราสั้นไป - 200 แล้วมั้ง
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #131 on: May 28, 2009, 09:54:54 AM »

เมื่อวานตอนชม.คอมมาอ่าน    แต่ล๊อคอินนานเหลือเกินเลยไม่ได้เม้น......

พี่ปอเป็นลูลู่!!!!!!!!!!     สาคูอยู่หนาย~

สั้นจัง  2 ตอนหน้าก็จบแล้ว?
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #132 on: May 28, 2009, 12:01:53 PM »

Quote
“ ยังไงก็ให้เป็นแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้วเพราะถ้าฐานะของผม บิชอป นิฮิล ถูกล่วงรู้
ว่าอยู่เบื้องหลัง Paladiso Da Regola ล่ะก็คงวุ่นวายกันไม่น้อยเลย ”
ชายที่มากับ เธอกล่าว เค้ามีผมสีน้ำตาลเข้ม ซอยลงมาเป็นแถวๆ ดวงตาสีเขียวสด
และน่าเกรงขาม สีหน้าของเค้านั้นเรียบนิ่งอยู่แทบตลอดเวลา เค้าคนนี้คือ นิฮิล
1ในcheckmate 5 ของ Paladiso Da Regola



[Data:นิฮิล (Nihil) LV:Ruler Bishop of Checkmate 5
Age: ? Year  Deck:?]



พี่ลิงนี่เองที่เปง สาคู  เอ๊ะ!งั้นก็หมายความว่า พี่ลิง กับ พี่ปอ เป็น.........

 
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #133 on: May 28, 2009, 09:53:34 PM »

^
^
พี่โคเดี๋ยวโดนข้อหาหมิ่นประมาท -*-

แต่สาคูกับลู่นี่อยากอ่านจริง~
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #134 on: May 29, 2009, 04:13:42 PM »

Final Sub-Turn  Let’s Duel VR!! เป็นการดวลที่สนุกมากเลยล่ะ!!




ความเดิมจากตอนที่แล้ว: ธนัท และ เพื่อนๆได้ร่วมมือกับ ควีนจิงค์ ที่ย้ายมาร่วมมือกับพวกเค้า
เพราะไม่เห็นด้วยกับแผนการของ คิง ที่จะรวมโลกเข้ากับ เทอร่า ธนัท บุกขึ้นไปจน

ถึงชั้นสุดท้ายของ แซงชูรี่ และได้ดวลกับ โคทาโร่ ระหว่างการดวล หลักสวรรค์ ที่ โคทาโร่
 อัญเชิญมาเกิดควบคุมไม่ได้ แต่ ธนัท ก็อัญเชิญ อาแมนคริส จ้าวมังกรแห่งตำนานผู้ครอบครอง

พลังทั้ง6ธาตุ ออกมาจัดการไปได้สำเร็จ ขณะที่ ทุกคนขึ้นมาพร้อมกันหมดแล้ว
คิงปอร์ ที่ปรากฏตัวขึ้นกลับ ได้พลังของอสูรเทพ เรราเย่ มาพร้อมๆกับที่ โลกค่อยๆรวมเป็น
หนึ่งกับเทอร่าศึกสุดท้ายที่จะชี้ชะตาโลก ได้เริ่มขึ้นแล้ว.......


ปารีส  ประเทศฝรั่งเศส หอ ไอเฟล

ตอนนี้ ทั่วทั้งตัวเมือง ปารีส เต็มไปด้วย ฝูงของครุฑ(Garuda) มากมายบินว่อนไปทั่ว
และเข้าทำลายบ้านเรือน จนเกิดเหตุร้ายไปทั่ว  กระทั่งหอสูงที่เป็นสัญลักษณ์ของ ฝรั่งเศส หอไอเฟลตอนนี้
กลายเป็นที่พักพิงของพวก ครุฑ ไปเสียแล้ว



ลอนดอน ประเทศอังกฤษ  หอนาฬิกาบิ้กเบน

หอนาฬิกาสูงที่ตั้งตระหง่านผ่านเวลามานับศตวรรษ ตอนนี้เกลื่อนไปด้วยอสูรประเภทภูตผี ปีศาจ
คอยอาละวาดหลอกหลอนผู้คน



นิวยอร์ก  ประเทศอเมริกา เทพีเสรีภาพ

รูปปั้นเทพีแห่งเสรีภาพ ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางอ่าวทะเล ตอนนี้รายล้อมไปด้วย
อัศวินสวรรค์(Heaven Knight) และบรรดาทูตสวรรค์ มากมาย ที่กีดกันมนุษย์
ออกจากเขตของตนและขยายอิทธิพลออกไปเรื่อยๆ



โตเกียว ประเทศญี่ปุ่ญ โตเกียวทาวเวอร์
ตอนนี้ บริเวณอยู่อาศัยรอบๆ โตเกียวทาวเวอร์นั้น กลายเป็นสนามรบของ
 อสูรอัญเชิญ ประเภทซามูไร นินจา อีกทั้ง อาคุม่า(Akuma) จักรกลสังหาร(Karakuri)
รูปแบบต่างๆก็พากันออกอาละวาดไปทั่วอาณาบริเวณ จนผู้คนต้องอพยพหนีกันอย่างอลหม่าน




กรุงเทพ ประเทศไทย 

“ รายงานสดค่ะ ตอนนี้เกิดเหตุ อสูรอัญเชิญไร้การควบคุม ออกอาละวาดไปทั่วโลกเลยค่ะ
ตอนนี้มีคำสั่งให้อพยพ แล้วค่ะ ที่น่าตกใจกว่านั้น คือภาพการปรากฏตัวของ อสูรเทพ เรราเย่
ที่ปรากฏตัวขึ้นที่ สมุทรปราการ...หริอว่านี่จะเป็นจุดจบของ ประเทศไทยกันแน่คะ.. ”

เสียงรายงานข่าวดังขึ้นไปทั่วทุกสารทิศ ถนนทุกหนแห่งเต็มไปด้วยรถรา และผู้คนที่
หอบข้าวหอบของ ย้าย หนีเอาตัวรอดไปยังพื้นที่คุ้มกันที่ รัฐบาลได้จัดให้


โรงพยาบาลตากสิน

“ คุณคะ ลูก ธนัท จะเป็นอะไรไหมคะเนี่ย ฉันเป็นห่วงลูกจังเลยค่ะ ”
แม่ของ ธนัท กล่าวกับสามีที่ ติดต่อผ่าน note มาด้วยความเป็นห่วง
ตอนนี้เธอกำลังเข้าเวรในโรงพยาบาลและ จำนวนผู้ป่วยก็เพิ่มมากขึ้นจากอุบัติเหตุ
และความเสียหายที่ อสูรอัญเชิญสร้างขึ้น

“ อย่ากังวลไปเลย ธนัท จะต้องปลอดภัยแน่นอน เค้าได้สำรับ ในตำนานนั่นไปแล้ว
 อีกอย่าง ศรี กับ ริน ก็อยู่ด้วยพวกเค้าต้องไม่เป็นไรแน่ ”
เสียง พ่อของ ธนัท ดังตอบกลับมาเพื่อจะปลอบโยน เธอ
ให้สบายใจขึ้น แต่เธอก็ยังออดที่จะห่วงลูกทั้ง สามคนไม่ได้

.......................

สมุทรปราการ สำนักงานใหญ่ Penemenon Party Center

อาคารสูงซึ่ง ชั้นบนสุดของมันถูกพังจนทลายเผยด้านในของตัวอาคารออกมา โดยมี
อสูรเทพเรราเย่ ยืนมองดูลงมาด้วยดวงตาสีแดงฉาน ไอดำรอบกายของมัน ค่อยๆแผ่กระจายออกไป
ทั่วทุกหนทุกแห่งปกคลุมฟ้าดิน จนมืดมิด

“ ข้าได้ อสูรเทพ มาไว้ในมือแล้วจากนี้ไป โลกก็จะค่อยๆรวมเข้ากับ เทอร่าและ
ถูกปกครองโดยอสูร พวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจจะต้องหายไป  ”

คิง ปอร์  กล่าวด้วยความโอหังที่ได้ครอบครองพลังที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมากพอที่จะพลิกโฉม
หน้าของโลกหรือทำลายให้หายไปได้เลยทีเดียว


“ คิง คุณต้องการอะไรกันแน่ การใช้พลังของ เรราเย่ จะทำให้ โลกแตกสลายได้ ชีวิตของผู้คนก็จะ ”
“ ข้าไม่สน!! ”

ธนัท ที่พยายามจะห้ามคิง กลับถูกแทรกตะคอกใส่ โดย คิง

“ ชีวิตของพวกมนุษย์ ข้าไม่ได้สนตั้งแต่แรกแล้ว แผนการนี้เริ่มดำเนินมาก็เพื่อทำลาย
มวลมนุษยชาติ ทั้งหมดและให้โลกถูกปกครองด้วยเหล่าอสูรอัญเชิญ ”
คิงปอร์ กล่าวจบ เรราเย่ ก็ทิ่มดาบลงมาที่ใจกลางตึกก่อนจะให้ เรราเย่ ผ่าตึกออกเป็นสองท่อน
โดยที่มีเพียงธนัท กับเค้าอยู่อีกฝั่ง ขณะที่คนอื่นนั้นถูกแยกไปอยู่อีกซีกของตึกที่แยก ออกจากกัน


“ ธนัท รับไป ”
แอน เคียว อิส ไดสุเกะ และโคทาโร่ กล่าวพร้อมกับ โยนไพ่ส่งไปให้ ธนัท คนละใบ
ธนัท รับไพ่ทั้ง 5ใบ มาไว้ได้ก่อนจะหันกลับไป แต่แล้วเค้าก็ต้องพบกับสิ่งที่น่าตกใจ

“ ชุติ... ”
ธนัท เปรยด้วยสีหน้าผวา เมื่อ เห็นร่างของ ชุติการ ถูกตรึงเอาไว้กับ กางเขนเหล็ก

“ ธนัท!! ”
ชุติการ ตะโกนเรียกเค้า ทันทีที่เธอได้เห็น ธนัท

“ ข้าออกตามหาพลังของ มังกรขาว ซึ่งมีพลังแห่งการฟื้นคืนอันยิ่งใหญ่ เพื่อที่จะคืนชีพให้กับ
 เรราเย่ ที่ถูกทำลายไปเมื่อ ครึ่ง ปีก่อน ”
คิง ปอร์ กล่าว คำพูดของเค้าทำให้ ธนัท และ ทุกๆคน สงสัยขึ้นมา

“ ครึ่ง ปีก่อนงั้นเหรอ หมายความว่ายังไงที่ เรราเย่ ถูกทำลายน่ะ ”
ธนัท ถามด้วยความอยากรู้

“ ไปถามเจ้า Master Ceremony นั่นจะดีกว่าไหม พวกมันเป็นคนที่ทำราย เรราเย่ เองนี่ ”
คิงปอร์ กล่าวพลางชี้ไปที่ ศรี ที่อยู่อีกซีกตึกที่แยกตัวออกไป
ขณะที่ทุกคนหันไปมองที่เค้ากันหมด

“ นี่มันเรื่องอะไรกันครับ ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัย ก่อนที่ ศรี จะตัดใจเล่าออกมาด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ

“ ครึ่งปีก่อน ก่อนที่ฉันจะออกเดินทางไป ฉันได้ดวลกับ คิง และปิดผนึก เรราเย่ ลงไปได้สำเร็จ
 แต่ฉันรู้ว่า คิง จะต้องหาทางปลดผนึก เรราเย่ ขึ้นมาได้เข้าซักวัน ฉันจึงออกเดินทางเพื่อ
ตามหาพลังที่จะเอาชนะมัน และนั่นก็คือไพ่แห่งความนึกคิดทั้งสามใบที่ ฉันส่งไปให้นายไง ธนัท ”

ศรี กล่าวตอบถึงปริศนาที่เค้าหายตัวไปตลอด ครึ่งปีมานี้ รวมไปถึงไพ่ที่ส่งให้
 ธนัท มาทำสำรับในตำนาน


“ เพราะแก เลยทำให้ข้าเสียเวลาไปไม่น้อยเลย แต่คราวนี้ไม่มีใครจะหยุดข้า
ได้อีกแล้ว เรราเย่ ที่ฟื้นพลังขึ้นมาอย่างสมบรูณ์แบบ นี้จะไม่มีทางถูกปิดผนึกได้อีกตลอดไป ”
คิงปอร์ กล่าวด้วยความโอหัง ยิ่งกว่าเดิม

“ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะหยุดมันเอง ” /Get Set/
ธนัท กล่าว พร้อมกับ สแตนบาย คอรัส ให้อยู่ในโหมดสำหรับ ดวล

“ คิดจะหยุดด้วยการดวลงั้นหรือ...หึๆ เอาซี้ถ้าเจ้าทำได้ล่ะก็นะ ” /Approntare/
คิงปอร์ กล่าวพลาง สแตนบาย note ของตนเช่นกัน พร้อมกับ ที่ เรราเย่ จะจางหายไป


“ ช่วยหน่อย คอรัส นี่คือศึกชี้ชะตาของเรา ” /trust me , my master/ (วางใจได้เลย เจ้านาย)
ธนัท กล่าวจบ คอรัส ก็รับคำต่อทันที ขณะที่ ธนัท นำเอาไพ่ที่เพื่อนๆ ส่งให้ทั้ง 5 ใบใส่ลงไปในสำรับ
โดยแยกเป็นซีล มิสติก ก่อน จะหยิบไพ่ของ ชุติการ ที่ฝาก โคทาโร่ ขึ้นมาดูแล้วจึงใส่ลงไปใน
สำรับมิสติก รวมที่ใส่เพิ่มเข้าไปทั้งหมดมีทั้ง สิ้น 6ใบ ซีล2 มิสติก 4ใบ

“ ทุกคนมาสู้ไปด้วยกันกับฉันเถอะ ”
ธนัท คิด ขณะที่ สับสำรับ แล้วใส่ลงไปในช่อง deck


“ Let’s Duel Summoner Level ”
สิ้นคำของทั้งสองฝ่าย การดวลนึดี้ชะตาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มขึ้น พร้อมๆกับ
เสียงฟ้าร้องกึกก้องคำราม ราวกับเป็นสัญญาณแห่งศตวรรษ


“ ฉันเริ่มก่อน cost mp 1ร่าย ไข่มังกรบนศิลา(The Dragon’s Egg on the Rock) ไปที่At line ”
สิ้นคำ ธนัท ก็ส่งไพ่ซีล บนมือไป ปรากฏไข่มังกรลายสีน้ำตาล ขึ้นมาพร้อมกับ พื้นตึกที่พูน
ขึ้นมาห้อมล้อมไข่เอาไว้



“ จากนั้น Cost mp 4 ร่ายพาลานัลคา นิลเฮอร์ นิทินโค เฟิร์นกอลโล่ แห่งอาริมาเทีย ลงไปที่ Df line ”
ธนัท กล่าวก่อนจะ ร่าย ซีลทั้งหมดบนมือที่มีอยู่ลงไป หลังแนวพื้นหินที่ ไข่มังกรสร้างไว้
ลูกมังกรแสงกายสีขาว พาลานัลคา(Palanalcar, Arimathea’s Baby Dragon)
ลูกมังกรพสุธากายสีน้ำตาลหิน นิลเฮอร์ (Nilhir, Arimathea’s Baby Dragon)



ลูกมังกรเพลิงกายสีแดง นิทินโค (Niltinco, Arimathea’s Baby Dragon)
ลูกมังกรวารีกายสีฟ้าอ่อน เฟิร์นกอลโล (Firngollo, Arimathea’s Baby Dragon)



เหล่าลูกมังกรสังกัดธาตุต่างๆ ได้ปรากฏตัวขึ้นในสนามฝั่ง ธนัท
พร้อมกันนั้น พื้นหินที่พูนขึ้นห้อมล้อมไข่นั้น ก็พูนสูงขึ้นไปอีก กลายเป็นกำแพงกำบังให้เหล่า
 ลูกมังกร ด้านหลังได้

“ ผ่าน ”
ธนัท กล่าวจบ คิงปอร์ จึงเริ่มเล่นบ้าง

“ Cost mp 1 ร่าย กากอยลมหมุน(Whirl Wind Gargoyle)ไว้ที่ Df line ”
สิ้นคำ คิงปอร์ ก็ร่ายซีลลงมา เกิดลมหมุนขึ้นในสนามของ คิง ก่อนที่จะปรากฏร่างของ
 อสูรอัญเชิญรูปร่างปีศาจกายของมันมี สีแดงชมพูราวกับกล้ามเนื้อด้านในที่ไม่ได้หุ้ม
ด้วยหนังเอาไว้ขึ้นมา



“ Cost mp 4 ร่ายเดมอนภูเขาไฟ(Volcanic Demon) 4 ใบลงมาที่ At line ”
สิ้นคำ คิงปอร์ ก็ร่ายซีลทั้งหมดบนมือลงมาเช่นกัน  อสูรที่อัญเชิญออกมานั้น
คือปีศาจร่างสีแดงตัวน้อยเหมือนกับที่ ภูเขาเคยใช้ตอนที่มาทดสอบฝีมือกับเขา นั่นเอง



“ นั่นมัน ซีลที่ รุ่นพี่ภูเขาเคยใช้นี่ ถ้าจำไม่ผิดมันมีสกิลที่จะ สังเวยตัวเองเพื่อ
แลกกับการจั่วไพ่ได้ 1 ใบส่วน กากอยลมหมุน นั่นถ้าจำไม่ผิดความสามารถ

ของมันคือการ เปิดไพ่ใบบนสุดของกองหากเป็นเผ่าปีศาจก็จะร่ายไพ่ใบนั้นลงมาทันที
Mp ของ คิง เหลืออยู่ 3 จะใช้สกิลของมัน หรือจะโจมตีเข้ามากันนะ เพราะตอนนี้

ซีลของเราสองฝ่ายเท่ากัน ability ของ ไข่มังกรบนศิลาที่จะไม่สามารถสั่งโจมตี
มันได้หากมีซีลในสนามน้อยกว่า ฝ่ายเราเลยไม่ทำงาน  ”

“ cost mp 3ร่าย พรตเงาปีศาจ(Shadow Fiend Hermit) ผลของมันจะแสดงเมื่อ
 อสูรของข้าถูกทำลายจากสนามจะสามารถแสดงเผ่าปีศาจจากกองการ์ด ที่มีเลเวล
น้อยกว่าหรือเท่ากับ อสูรที่ถูกทำลายไปได้แล้วนำเข้ามาในสนาม ”
คิงปอร์ กล่าวจบก็ร่ายมิสติกการ์ด ที่มีรูปนักพรตและเงาของปีศาจอยู่ด้านหลังออกมา
ภาพของไพ่นั้นปรากฏขึ้นบนสนาม แต่ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น



“ หมายความว่า ทุกครั้งที่ ซีล ถูกทำลายจากสนามก็จะมี ซีลใหม่ออกมาทดแทนได้ สินะ ”
เคียว เปรยเมื่อได้เห็นไพ่ของคิง

“ เอ๋ งั้นก็หมายความว่า คิง จะมีซีลอยู่ในสนามตลอดเลยน่ะสิหนา ”
แอน กล่าวขณะที่หันไปถาม เคียว

“ แบบนี้ หมดสิทธิที่จะเก็บ เรราเย่ ตั้งแต่ตอนที่มันอยู่บนมือกันพอดีน่ะสิ ”
ไดสุเกะ กล่าวขณะที่พเคราะห์สถานการณ์ ซึ่งไพ่ พรตเงาปีศาจ นั้นจะทำให้ ธนัท
ลำบากมากยิ่งขึ้นในการ จัดการกับ เรราเย่

“ ไม่หรอก ไพ่ ใบนั้นน่ะ ถึงจะทำงาน...อึก...ก็ได้แค่ 1 ครั้งต่อ Sub-turn เท่านั้น..อุบ ”
โคทาโร่ ฝืนอธิบายทั้งที่ยัง อ่อนเพลีย อยู่ ขณะที่นั่งมองดูการ ดวลในครั้งนี้

“ แล้วก็ดีไม่ดี ถ้า กากอยลมหมุน นั่น ใช้สกิลเรียกมันออกมาได้ล่ะก็ เรื่องใหญ่เลยนะครับ แบบนี้ ”
อิส กล่าวเสริมให้ไปอีกที

“ ก็ไม่แน่หรอก เพราะดูในสนามของ เจ้าหนูให้ดีๆสิ ตอนนี้มี
มังกรแสง และ ธาตุอื่นๆอยู่อีก 4 แล้วนายคงรู้สินะ ศรี ว่ามันคืออะไร ”
มาริน่า กล่าวพลางมองไปยัง ศรี ทำให้ ทุกคนหันไปด้วยความอยากรู้คำตอบจาอปากของ ศรี

“ การ Growth ของ อาแมนคริส ใช้มังกรแสงและธาตุ อื่นอีก 5ธาตุ เป็นเงื่อนไข
ถ้าสามารถทำได้ล่ะก็ แม้แต่ เรราเย่ ก็เถอะ เราจะสามารถใช้พลังของ อาแมนคริส
ทำลายมันได้ง่ายๆเลยล่ะ ”
ศรี ตอบเสียงเรียบ

“ งั้นก็หมายความว่าพอมีทางจะชนะสินะ ”
เคียว กล่าว ถามเพื่อขอคำยืนยัน

“ แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ ขึ้นอยู่กับว่า ตอนนี้บนมือของ ธนัท ไม่มีซีลเหลือแล้ว
และถ้าต้องจั่วให้ได้ ทั้ง อาแมนคริส แล้ว ก็ ธาตุอีก 2 ธาตุ ก็คือ ลม และความมืด ล่ะก็
แค่ รอบสองรอบไม่พอหรอก  ”

คิระ สำทับขึ้นมาให้ถึงความเป็นไปได้ในตอนนี้

« Last Edit: August 06, 2009, 08:26:21 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #135 on: May 29, 2009, 04:14:12 PM »

“ กลับกัน คิง น่ะมีไพ่มีจะรีดกองสำรับของตัวเองอยู่ อย่าง พรตเงาปีศาจ
 และ กากอยลมหมุน ไหนจะยัง เดมอนภูเขาไฟ นั่นอีก แค่นี้รอบต่อไป
ก็สามารถลดจำนวนไพ่ในสำรับลงไปได้ที เดียว 6 ใบเลย  ”
ภูเขา กล่าวเสริมให้อีก

“ 6 ใบ เลยงั้นเหรอ?~ ”
ไดสุเกะ เปรยด้วยความสงสัย

“ เพราะสกิลของ เดม่อนภูเขาไฟที่จะ สังเวยตัวมันเองเพื่อแลกกับการจั่วไพ่
และนั่นเท่ากับเป็นการทำให้ ผลของ นักพรตเงาปีศาจ ทำงานก็จะเรียก
 เผ่าปีศาจออกมาจาก สำรับได้ 1 ใบ แล้วยังมี สกิล ของกากอยลมหมุนอีกด้วย ยังไงล่ะ ”

ริน อธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียดต่อ

“ เดี๋ยวสิ แบบนั้นถ้ารอบต่อไป จั่วแต่ซีล อย่างเดียว ก็จะเป็น 8 ใบ โอกาส ที่จะเป็น เรราเย่
น่ะไม่ใช่น้อยๆเลยหนา ”
แอน อุทานขณะที่หันกลับไปมองในสนามของ คิง

“ รอบของ ฉัน จั่วไพ่ ”
ธนัท กล่าว ขณธที่ ดึง ซีล ออกมาจากสำรับ 2 ใบ
ซึ่งทั้งสองใบคือ

ลูกมังกรวายุกายสีเขียว ดิมมิเนี่ยว(Dimminuial, Arimathea’s Baby Dragon)
ลูกมังกรดำกายสีนิล นอฟโฮท(Novhoth, Arimathea’s Baby Dragon)



“ ดีล่ะเท่านี้ธาตุที่ต้องการก็ครบแล้ว ”
ธนัทคิด ก่อนจะหยิบเอามิสติกบนมือร่ายลงไป

“ cost mp 2  ร่าย ทวินสตาร์(Twin Star) ผลของมันจะทำให้ฉันได้จั่วไพ่เพิ่มสองใบ ”
ธนัท กล่าวจบ ก็เกิด ประกายแสงสองดวงขึ้นบนท้องฟ้า ก่อนจะร่วงหล่นลงมาที่
ปลอกแขนของเค้า 



/Draw/
คอรัส ส่งเสียงขึ้นด้วยผลคำสั่งจาก ไพ่ที่ร่ายไป ธนัท ดึงเอาซีลและมิสติกขึ้นมาจาก
สำรับอย่างละใบหลังจากดูไพ่ทั้งสอง ใบนั้นแล้วก็หยิบ ซีลบนมือสองใบร่ายลงไป

“ Cost mp 2 ร่าย ดิมมิเนี่ยว และ นอฟโฮทไปที่ df line ”
สิ้นคำ ธนัท ลูกมังกร วายุ และ ลูกมังกรดำ ก็ปรากฏขึ้นมาในสนามทำให้ตอน
นี้มี ธาตุ ครงทั้ง 6 แล้ว


“ สำเร็จ ธนัท เรียก ธาตุที่ต้องการครบหมดแล้ว ที่เหลือก็แค่รอให้ อาแมนคริส ขึ้นมือมา ”
ไดสุเกะ เปรยด้วยความดีใจ

“ cost mp 1 ร่าย Soul’s Cost ทิ้ง ซีลบนมือไป 1 ใบจะเพิ่ม mp
ให้เท่ากับค่าร่ายของ มิสติกที่ทิ้งไป  ”
ธนัท กล่าวจบก็ ก็หยิบเอา ซีลที่อยู่บนมือทิ้งไป และmp ของ เค้าก็เพิ่มขึ้นมา
3 หน่วยรวมที่เหลืออยู่เป็น 6 หน่วย



“ จากนั้น Cost mp 2 ร่าย Alterant Dragon ให้เลือกเผ่ามังกรสองใบในสนามที่
 Active อยู่กลายเป็น Inactive จากนั้นเลือกผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่าง

นำเผ่ามังกรสองใบในสำรับออกนอกเกมส์ แล้วนำ เผ่ามังกร 1 ใบขึ้นมาไว้บนมือได้
หรือ จั่วไพ่ตามเลเวลมากสุดของ เผ่ามังกรในสนามหรือ Shrine ฉันขอเลือกข้อแรก  ”

ธนัท กล่าวจบก้ร่าย มิสติกที่เหลืออยู่ใบเดียวบนมือลงไป ปรากฏภาพไพ่ของ
หญิงสาวกำลังรูปหัวมังกรสองตัวอยู่ ขึ้นมา ก่อนที่ ธนัท จะดึงเอาสำรับ ซีลขึ้นมา
แล้วคลี่ดู จากนั้นจึงหยิบเอาไพ่ออกมา 2 ใบจาก กองนั้น



“ ฉันขอ กำจัด พาลานัลคา และ ดิมมิเนี่ยว สองใบในกองออกจากเกมส์ ”
ธนัท กล่าวจบก็ แสดงไพ่ที่เลือกขึ้นมาให้ ดูก่อนจะเก็บลงกระเป๋ากางเกงไป
แล้วจึงเลือกไพ่ออกมาอีกใบ

“ แล้วนำ อาแมนคริส ขึ้นมาไว้บนมือ ”
ธนัท กล่าวจบก็แสดงไพ่ที่เลือกมา ซึ่ง ก็คืออาแมนคริส ก่อนจะ
สลับกองการ์ดแล้ว เสียบกลับช่องตามเดิม

“ สำเร็จแล้ว ธนัท เอา อาแมนคริส ขึ้นมาได้แล้ว ”
ไดสุเกะ กล่าวด้วยความดีใจ ขณะที่ ทุกคนต่างก็ ตื่นเต้นกันขึ้นมาเมื่อ ธนัท
สามารถรวบรวมองค์ประกอบครบได้ในรอบนี้


“ นอกจากนี้เพราะผลของ Soul’s Cost ทำให้มี mp พอที่จะร่ายมันลงมาในรอบนี้ได้เลย ”
เคียว กล่าวสำทับ

“ ยอดไปเลย ธนัท เวรี่เวรี่ สมาร์ท(Very very Smart) ”
แอน ตะโกนให้กำลังใจอย่างสุดเสียง ด้วยความดีใจ
ขณะที่ โคทาโร่ มองด้วยสายตาโล่งใจที่ ธนัท พอจะมีทางชนะขึ้นมาแล้ว

“ ธนัท ... ”
ชุติการ ที่ถูกตรึง อยู่ ด้านหลัง คิง นั้น กล่าวด้วยความโล่งใจ


“ cost mp 5ร่าย อาแมนคริส จงออกมาเลย จ้าวมังกรแห่งตำนาน ”
ธนัท กล่าวจบก็ร่าย ไพ่ใบสุดท้ายบนมือลงไป

“ ให้ พาลานัลคา เฟิร์นกอลโล นอฟโฮท นิทินโค ดิมมิเนี่ยว และ ไข่มังกรบนศิลาเป็น
 เงื่อนไขการ Growth  ”  /Advance Evolution/

ธนัท กล่าวจบ คอรัส ก็ส่งเสียงกังวานออกมา ก่อนที่ ซีลทั้งหมดในสนามยกเว้น
ลูกมังกรพสุธา นิลเฮอร์ จะสลายกลายเป็นละออง และละอองเหล่านั้นก็ได้รวมเข้า

เป็นหนึ่งเดียว ก่อนจะเกิด แสงสว่างเจิดจ้า สาดส่องออกมา พร้อมกับ คลื่นพลังที่แผ่
กระจายออกมาบริเวณรอบๆจนเกิดแรงลมพัดทุกสิ่งจนแทบจะกระจายปลิวไป

“ ก็าซซซซซซซซซซซ ”
เสียงคำรามของ สัตว์ ใหญ่ดังกึกก้อง ชัลชวาล  ไปทั่วกายของมันห้อมล้อมด้วย
พลังแห่งธาตุทั้ง 6 ดินน้ำลมไฟ แสงสว่างและความมืด
จ้าวมังกรแห่งสรรพธาตุได้ ปรากฏตัวขึ้นแล้วในตอนนี้



“ ส..สุดยอดเลย...พลังอะไรกันเนี่ย ”
ภูเขา อุมานขณะที่ยกมือป้องตาก จากฝุ่นที่ปลิวมากับแรงลมที่เกิดขึ้นจากอาแมนคริส

“ นี่น่ะเหรอ มังกรในตำนาน ”
ควีน จิงค์ ที่ยืนอยู่กับ พวกเค้า เปรยด้วยความตกตะลึง

“ ให้ อาแมนคริส รวมร่างกับ นิลเฮอร์ แล้วผ่าน ”
ธนัท กล่าวจบ คอรัส ก็เปิดแผงโฮโลแกรมสำหรับรวมร่างขึ้นมา ก่อนที่ธนัท
จะลากไพ่บนแผงจอนั่นให้รวมกัน ลูกมังกรนิลเฮอร์ ได้กลายเป็นแสงสีน้ำตาล
พุ่งเข้าไปหลอมรวมเข้าด้วยกันที่ขาขวาของ อาแมนคริส ซึ่งมีมวลพลังแห่งธาตุดินสถิตย์อยู่


“ นี่รึมังกรแห่งตำนาน ช่างสง่าสมคำล่ำลือ แต่น่าเสียดายที่มันจะ
ต้องถูกทำลายลงในรอบนี้ ”
คิง ปอร์ กล่าวขณะที่ จั่วซีลการ์ดขึ้นมาจากสำรับอีกสองใบ

“ ว่ายังไงนะ ”
ธนัท สบถ ตอนนี้เค้ารู้สึกสังหรณ์ไม่ค่อยดีนัก แม้จะเรียกอาแมนคริสออกมาได้
ในสภาพที่สมบรูณ์ที่สุดแล้วก็ตามที

“ อาแมนคริส ที่ออกมาอย่างสมบรูณ์เมื่อผ่านการ Growth แล้ว จะทำให้
มิสติกการ์ด ability skill และCurse ไม่มีผลกับมันและยังมี Skill ที่จะ

ทำลายซีลได้ 1 ใบโดยไม่มีเงื่อนไข และด้วยค่าพลังของ อาแมนคริส ที่สูงถึง 12 หน่วย
 ก็โค่นไม่ได้ง่ายๆแน่ นอกจาก เรราเย่ จะอยู่บนมือแล้วนั่นล่ะ และต่อให้เรียกมาได้ก็ไม่

น่าจะมี mp พอที่จะโจมตี ได้ยังไงตอนนี้คนที่คุมเกมก็คือเราแล้วทำไม ความรู้สึกกดดันนี่
มันคืออะไรล่ะ สังหรณ์แปลกๆที่แวบขึ้นมาตอนที่ เจ้านั่นพูดมันคืออะไรกัน ”

ธนัท คิดขณะที่มองดูทีท่าของ คิง

“ หมายความว่ายังไง ที่ว่าจะทำลาย อาแมนคริส ลงในรอบนี้น่ะ เป็นไปได้งั้นเหรอ ”
เคียว หันไป ถามศรี ซึ่ง ทุกคนก็หันไปมองเค้าเพื่อจะขอคำตอบในเรื่องนี้เช่นกัน

“ ได้...แน่นอน ถ้า คิง ได้ เรราเย่ มาไว้บนมือแล้วล่ะก็นะ...งานนี้คงจะไม่ง่ายอย่าง
ที่คิดซะแล้วล่ะอีกฝ่ายเป็นถึงอสูรเทพ แต่ที่ธนัท มีก็แค่ระดับ ซีลในตำนานเท่านั้น ”
ศรี ตอบเสียงเรียบ ด้วยสายตาที่แสดงความหวั่นไหวออกมาเล็กน้อย

“ เรายังไม่รู้ถึง พลังของ เรราเย่ เลยด้วยซ้ำ นายก็ด้วยใช่ไหม ศรี ”
มาริน่า กล่าวต่อจากเค้าทันที

“ อืม....เพราะที่สู้กันเมื่อครึ่งปีก่อน มันถูกเรียกออกมาแบบไม่สมบรูณ์ ฉันเลยให้ ทาลิวิลย่า
ทำลายมันลงไปได้ จากนั้นก็ผนึกมันไว้ นอกนั้นฉันไม่รู้แล้วล่ะ ”
ศรี ตอบพลางเลิ่กมือขึ้น


“ ข้าขอใช้มั่งล่ะนะ Soul’s Cost น่ะ ”
คิงกล่าวจบก็ ร่าย มิสติกบนมือลงมา นั่นคือ ไพ่ใบเดียวกับที่ ธนัท ใช้เพิ่ม mp เมื่อรอบที่แล้ว

“ บันยิป(Bunyip) ที่ฉันจะทิ้งนี่ มีค่าร่าย 2 และเมื่อมันถูกส่งลงไปใน Shrine
จากมือหรือกองการ์ด ก็จะสามารถ นำมันกลับเข้ามาในสนามได้และ At กับ Df
ของมันก็จะเพิ่มขึ้นสองหน่วย  ”

คิงปอร์ กล่าวหลังจากที่ทิ้ง ซีลบนมือไป ไพ่ที่ทิ้งไปนั้น กลับถูกร่ายออกมจากช่อง Shrine
ละอองเวทย์ ที่หมุนจากเฟืองไดนาเมซ ของ คิงปอร์ ได้สร้างเงากระเพื่อนบนพื้นสนาม
จนเหมือนกับผิวน้ำ ก่อนที่มือสีดำจะผุดขึ้นมา และลากเอาร่างสีดำของปีศาจพรายน้ำขึ้นมา



“ หมายความว่าได้ทั้ง mp และ ซีลในสนามเพิ่มงั้นเหรอ ชิ...มีคอมโบที่เรานึกไม่ถึงอยู่ด้วย ”
ธนัท สบถ เมื่อตอนนี้คิง สร้าง mp ให้กับตัวเองและยังได้ซีลเพิ่มมาในสนามโดยไม่เสียอะไร
เป็นข้อแลกเปลี่ยนแม้แต่น้อย

“ เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าได้เห็น พระเจ้า… ”
คิงปอร์ กล่าวจบก็ร่ายไพ่ใบสุดท้ายบนมือลงมา ละอองพลังเวทย์ รอบๆที่ปล่อยออกมาจาก
Note ของทั้งคู่กลายเป็นสีดำ ก่อนจะไปรวมตัวกันเหนือท้องฟ้ายามราตรีนี้

ก่อนจะเกิดอัสนีบาตรสีดำฟาดกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้า จนเกิดระเบิดขึ้นไปทั่วทั้ง เมือง
เงาดำทะมึนได้ปรากฏกายขึ้น ร่างของมันนั้น ใหญ่ยิ่งจนแทบจะปกคลุมท้องฟ้า

มหาวิบัติ ค่อยๆคืบคลานเข้าสู่แผ่นดิน เมื่อมันตวัดดาบของมัน พื้นปฐพีก็แทบจะล่มสลาย
เมื่อมันคำราม เสียงของมันนั้นกึกก้องกังวานเสียจนฟ้าแทบจะถล่ม

“ จงดูซะนี่ยังไงล่ะร่างที่แท้จริงของ พระเจ้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ”
คิงปอร์ กล่าวก่อนจะระเบิดหัวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่ผลกระทบจากการ
จุติลงมาของ เรราเย่ ทำให้เกิด พายุสายฟ้าสีดำฟาดกระหน่ำลงไปในเมืองจนเกิดความ

พินาศไปทั่ว ท้องฟ้ามืดมัวไปด้วย เมฆาทมิฬ ท้องทะเลที่ห่างออกไปเกิดความปั่นป่วน
จนมีพายุหมุนพัดขึ้นมา และเกิดวังน้ำวนไปทั่วน่านน้ำ บรรดาเรือและ ท่าเรือต่างๆนั้นถูก
พายุพัดทำลายและน้ำวนดูดกลืนลงไปจนสิ้น

“ เมื่อ เรราเย่ เข้ามาในสนามก็จะต้องทำลาย ซีล 3 ใบในสนาม หรือนำเอาซีลจาก
บนสุดของสำรับ ส่งไปยัง shrine เป็นเครื่องสังเวย พลังของ เรราเย่ จะเพิ่มขึ้นตาม
จำนวนซีล ใน shrine ของข้า ”
คิงปอร์ กล่าวจบ เดมอนภูเขาไฟ สามตัวในสนามก็ถูกสายฟ้าดำฟาด
จนสลายกลายเป็นละอองก่อนเรราเย่จะสูบละอองเหล่านั้นเข้าไป
ขณะที่ ธนัท เปิดเช็คดูค่าพลังของ เรราเย่

[Leraje, the Torment of War At:16 Df:13  Sp:5]



“ บ..บ้าน่า At เริ่มต้นที่ 13 งั้นเหรอหมายความว่า พลังของ อาแมนคริส เทียบไม่ติด
ตั้งแต่ยังไม่รวมร่างเลยน่ะสิ ”
ธนัท สบถขณะที่ ลมเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ

“ อ๊าาาาาา ”
เสียงกรีดร้องของชุติการ ดังขึ้นพร้อมกับที่ ร่างของเธอนั้น เปล่งแสงออกมาและแสงนั้นก็
ค่อยถูกดูดกลืนเข้าไปในร่างของ เรราเย่ จนหมด

“ เอาล่ะเท่าพิธีกรรมก็พร้อมเครื่องสังเวยก็มีแล้ว เตรียมตัวให้ดี ล่ะเพราะ
ข้ากำลังจะชำระโลกใบนี้ ”
คิงปอร์ กล่าวขณะที่ลมเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ

“ ชุติ เป็นอะไรไปน่ะ ชุติ...นี่แกทำอะไรกับ ชุติ น่ะ ”
ธนัท ตะโกนเรียก เธอแต่เธอหมดสติไปแล้ว เค้าจึงหันมาถามด้วยความโกรธ

“ อีกเดี๋ยวแกก็จะรู้เอง ด้วยผลของ พรตเงาปีศาจ เมื่อฉันส่ง เดมอนภูเขาไฟไป
 Shrine จะสามารถนำเอา เผ่าปศาจจากสำรับเข้ามาในสนามได้ ข้าขอเลือก
ผู้สับเปลี่ยนวิญญาณ(Soul Swapper) ”

สิ้นคำ ของคิงปอร์ ปีศาจที่ร่างของมันลุกโชนด้วยไฟ ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ แนวป้องกัน
ขณะที่ คิง ได้เลื่อนให้ เดมอน ภูเขาไฟ ย้ายลงมาอยู่ที่แนวป้องกันด้วยเพื่อให้ เรราเย่
อยู่ที่แนวจู่โจมเพียงลำพัง



“ Cost mp 4 เรราเย่ โจมตีจงรับสายฟ้าแห่งพระเจ้าไปซะ ”
สิ้นคำของ คิงปอร์ เรราเย่ ก็ฟาดดาบลงมาที่ร่างของ อาแมนคริส พร้อมๆกับลากเอา
สายฟ้ามากับคมดาบ อาแมนคริส ไม่อาจที่จะต้านพลังของมันไวได้ จึงสลายไปอย่างง่ายดาย

“ อ...อ...อะไรกัน อาแมนคริส... ”
ไดสุเปรย เสียงสั่นด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา

“ ...ถูกทำลายซะแล้ว... ”
แอน เปรยได้เพียงเท่านั้นเพราะตอนนี้ เธอไม่รู้จะสรรหาคำใดมาอธิบายได้อีกแล้ว

“ บ...แบบนี้จะ เอาชนะยังไงล่ะเนี่ย ”
ภูเขา เปรยน้ำเสียงสั่น

“ ท่านพี่.... ”
ควีน สบถด้วยความเจ็บใจ เมื่อได้เห็นการกระทำของ พี่ชายเธอ

“ ชุติ...ชุติ!! ”
เสียงเรียกชุติการ ของธนัท ดังขึ้น ทุกคนสงสัยว่าทำไมเค้าถึงได้ตะโกนเสียง
ดังแบบนั้นจนเมื่อควันที่ตลบออบอวลขึ้นมาจากากรโจมตีของ เรราเย่ ถูกลมพัดไปจนหมด
พวกเค้าก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน

“ ร...ร่างของ ชุติการมัน... ”
ภูเขา เปรยสะดุดๆด้วยความตกใจ

“ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ.. ”
ริน เปรยเสียงสั่นด้วยความผวา เมื่อตอนนี้ ร่างของ ชุติการ ค่อยๆดำซีดลง

“ นี่ แกทำอะไรกับเธอน่ะ ”
ธนัท ตะคอกถามด้วยความโมโห ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคนที่ ยังจับจ้องไปที่ร่างของ ชุติการ

“ แม่หนูคนนี้ เป็นแหล่งพลังอย่างดีที่จะทำให้ เรราเย่ ฟื้นคืนชีพได้อย่างสมบรูณ์ที่สุด
 การดวลกับแกตอนนี้ก็คือพิธีส่งพลังให้กับ เรราเย่ ยังไงล่ะ ทุกครั้งที่มันทำลาย อสูรของ

 แกได้ มันก็จะดูดเอาพลังชีวิตของ แม่หนูนี่เข้าไป แน่นอน เมื่อ แกแพ้ ร่างของ แม่หนูนี่
ก็จะต้อง...หายไป ”.

คิงเปรยเสียงเฉียบ ขณะที่ ธนัท จ้องมอง คิง ด้วยสายตาที่เจ็บแค้น

“ แก....บังอาจทำกับชุติได้....ฉันจะต้องโค่นแกให้ได้คิง!! ”
ธนัทประกาศกร้าว ก่อนจะเริ่มเล่นรอบของตน

“ เชิญเลยถ้าแกทำได้ล่ะนะ ”
คิงปอร์ กล่าวอย่างมั่นใจ ตอนนี้สนามฝั่งธนัท ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แม้แต่ไพ่บนมือก็ไม่มี

ธนั
« Last Edit: May 29, 2009, 04:32:38 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #136 on: May 29, 2009, 04:14:43 PM »

“ นี่มัน... ”
ธนัท เปรยขึ้น เมื่อหลังการเล่นผสานนั้นทำให้ คิงได่ไพ่มาเพิ่มไว้ บน มือ 1ใบ
 แล้วยังเพิ่มพลังให้ เรราเย่ ได้อีกด้วยการส่งซีลลงไปในไชน์เพิ่มโดยที่ ซีลในสนาม
ไม่ได้ลดจำนวนลงเลย

“ ใช่นี่เป็นคอมโบสำหรับเพิ่มพลังให้กับ เรราเย่ โดยเฉพาะดังนั้นซีลทุกใบของท่านพี่
จะมีเลเวล 1 ทั้งหมดเพื่อให้เพิ่มพลังให้ กับ เรราเย่ ที่ไร้เทียมทานให้ได้มากที่สุด ”
ควีนจิงค์ อธิบายขึ้นขณะที่ทุกคนจับจ้องอยู่กับการเล่นผสานที่น่ากลัวนี้

“ ถูกต้องเพราะนี่คือสำรับที่ทำขึ้นเพื่ออัญเชิญ เรราเย่ ชื่อของมันคือ Evil Resurection(ปีศาจคืนชีพ) ”
คิงปอร์ กล่าวต่อให้จนจบ

“ แบบนี้ก็เท่ากับว่าเพิ่มพลังไปได้โดยที่ไม่เสียหมากอะไรไปเลยน่ะสิ ”
อิส เปรยด้วยความหนักใจ ตอนนี้แทบจะหมดหนทางสู้แล้ว

“ รอบของฉัน ”
ธนัท กล่าวก่อนจะยื่นมือไปแตะที่ แต่อยู่ๆเค้าก็เกิดกลัวที่จะจั่วไพ่ขึ้นมา

“ ความรู้สึกนี่มัน...เหมือนกับตอนนั้นเลย ”
ธนัทคิด ตอนนี้ความรู้สึกกลัวที่เคยเกิดขึ้นกับเค้ามันได้หวนกลับ ความกลัวที่จะจั่วไพ่
ขึ้นมาเหมือนตอนที่ ภูเขามาทดสอบเค้า เมื่อการดวลมีชีวิตของคนสำคัญเป็นเดิมพันทำให้
เค้าเกิดความกลัวขึ้นในจิตใจ

“ ม...ไม่ได้ ฉัน...ทำไม่ได้...ไม่ไหวแล้ว ”
ธนัท คิด ขณะที่เค้าพยายามจะหลบสายตาไม่มองสำรับ

“ ธนัท ”
แอน เปรยด้วยความเป็นห่วงต่อท่าทีที่ ธนัท มีในตอนนี้

“ แย่ล่ะสิโดนแรงกดดัน กดจนหัวหดหมดแล้ว ”
ริน เปรยด้วยความตกใจ พวกเค้าที่ยืนอยู่คนล่ะฝั่งกับตึกที่ ธนัท ดวลอยู่นั้น
ไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าแรงกดดันนั้นมากมหาศาลเพียงใด แรงกดดันจาก อสูรเทพ

แรงกดดันจาก คิง และแรงกกดดันจากภาระที่เค้าแบกรับไว้มันทำให้
สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้เค้าเกิดความกลัวจนไม่กล้าที่จะเล่นต่อ
ท่ามกลางความเป็นห่วงของ ทุกๆคน นั้นศรี ได้ตะโกนแทรกขึ้นมา

“ ธนัท!!! ”
เสียงตะโกนของศรี ได้ดึงเค้าออกมาจากภวังค์ ก่อนจะหันกลับไปมอง พี่ชายของเค้า

“ สนุกหน่อยซี่!! ”
ศรี กล่าวท่ามกลางสายตางุนงงของ ทุกคนแม้แต่ คิง กับ ควีน ก็พลอยสงสัยไปตามๆกัน

“ ส..สนุกเหรอ ”
ธนัท เปรยด้วยความประหลาดใจกับคำพูดของ พี่ชายเขา

“ ใช่!สนุก นายน่ะเล่นหน้าเคร่งหน้าเครียดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ร่าเริงหน่อยสิ
 การดวลการ์ดน่ะ ถ้าไม่สนุกมันก็ไม่ตื่นเต้นมันก็ไม่ความหมายหรอก ”

ศรี กล่าวเตือนสติของ ธนัท แม้มันจะดูแปลกๆในสายตาของคนอื่น
แต่สำหรับเค้านั้นมันทำให้เค้านึกขึ้นได้ถึงสิ่ง ที่เค้าลืมมันไป
ตั้งแต่มาถึงที่นี่

“ จริงด้วยสินะ...ทำไมฉันถึงได้ลืมไปซะได้นะ...ว่าความสนุกของการดวลน่ะมันเป็นยังไง ”
ธนัท คิดตอนนี้ ความกลัวที่เกิดจากแรงกดดันได้หายไปหมดแล้ว สายตาของเค้า ฉายแววมุ่งมั่น
ขึ้นมาในทันที นั่นทำให้ คิงถึงกับหวั่นไปไม่น้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเค้า

“ ชุติ.เฮ้ ชุติการ ”
เสียงเรียกของ ธนัท ทำให้เธอ ฟื้นขึ้นหลังจากสลบไปไม่นาน

“ รอก่อนนะ ฉันจะต้องช่วยเธอให้ได้เลย ”
ธนัท กล่าวขณะที่ เธอได้มองเค้าด้วยสายตา งงๆแต่เธอก็เชื่อในคำพูดของเค้า

“ รอบของฉันจั่วไพ่ ”
ธนัท กล่าวอย่างแข็งขันก่อนจะ ดึงเอาไพ่ ซีลขึ้นมาสองใบจากสำรับ
ซึ่งไพ่ที่ดึงขึ้นมานั้น มี ไข่มังกรบนหินผา กับ ทากะเสือดาวดำที่ ไดสุเกะ ส่งมาให้เค้าขณะที่
ตึกแยกออกจากกันเพราะดาบของ เรราเย่


“ นี่มัน ทากะ ของ ไดสุเกะ นี่...จริงสิไพ่ที่ทุกคนส่งมาให้ฉันก่อนเริ่มการดวล...
ไพ่ของชุติ..ดีล่ะงานนี้รับรองว่าสนุกแน่ ”
ธนัท คิดก่อนะจส่ง ไพ่บนมือลงไปจนหมด

“ Cost mp 3 ร่าย ทากะ ไปที่ Df line และ cost mp 1 ร่าย ไข่มังกรบนหินผาไปไว้ที่ DF line ”
สิ้นคำของ ธนัท สมิงเสือดาวดำของ ไดสุเกะ และ ไข่มังกรสีเขียวแห่งธาตุลมก็ปรากฏขึ้น
บนสนาม



“ นั่น ทากะ ของฉันนี่ ”
ไดสุเกะ อุทานขึ้นด้วยความแปลกใจ

“ ด้วยผลของ ทากะ เมื่อมันเข้ามาในสนาม ฉันสามารถ ดูไพ่บนมือของนายได้จาก
นั้นจะเลือกฃ Steal มาได้หนึ่งใบ ”
ธนัท กล่าว ก่อนที่ ภาพไพ่บนมือของ คิงปอร์ จะปรากฏขึ้นในสนาม ซึ่ง บนมือทั้ง 3 ใบนั้นมี
ไพ่ พรตเงาปีศาจ กับ ผู้สับเปลี่ยนวิญญาณอีกสองใบ

“ คิดจะร่าย พรตเงาปีศาจอีกใบงั้นสินะ ไม่มีทางซะล่ะ ทากะ เอามิสติกใบนั้นมา ”
สิ้นคำ ธนัท ทากะ ก็ บุกเข้าไป ฉกเอาไพ่ พรตปีศาจ บนมือของ คิงมา

“ จากนั้นให้ ดิมมิเนี่ยวที่อยู่ Df Line ขึ้นไปที่ At line ผ่าน ”
ธนัท กล่าวจบ ดิมมิเนี่ยว ก็ย้ายขึ้นไปอยู่แนวหน้าเพื่อป้องกัน ทากะ

“ ดิ้นรนไปก็เท่านั้นล่ะน่า รอบของข้า ”
คิง กล่าวพร้อมกับจั่วซีลและมิสติกขึ้นมาอีกอย่างละใบ

“ เชอะ ยังไงก็ต้องเอา พรตปีศาจกลับมาก่อนแต่ พลังของซีลเรา มีแค่ 4 เท่านั้นนอกจาก เรราเย่
ไม่มีทางเลือกเท่าไหร่ แต่ต้องรีบเอามันกลับมาก่อน ”
คิงปอร์ คิดขณะที่มอง สถานการณ์ในสนามที่เริ่มจะไม่เป็นไปอย่างที่เค้าหวัง

“ ให้ กากอยลมหมุน ร่วมร่าง กับ ผู้สับเปลี่ยนวิญาณ  แล้วให้ ขึ้นไป At line ”
คิง กล่าวจบก็ลากซีลที่อยู่บนแผงโฮดลแกรมที่ปรากฏขึ้นเพื่อรวมร่าง
กากอยลมได้รวมกับผู้สับเปลี่ยนวิญญาณ และกลายเป็น กากอยลมหมุนที่มีเพลิงลุกโชติ
ช่วงไปทั้งร่าง

“ Cost mp 2 ให้กากอยลมหมุนโจมตีไปที่ ดิมมิเนี่ยว ”
สิ้นคำ กากอยลมหมุนก็ก็พัดพายุเพลิงเข้าใส่ ดิมเนี่ยว จนสลายไป


“ Cost mp 4 เรราเย่ โจมตี ”
สิ้นคำ เรราเย่ ก็ฟาดดาบอัสนีสีดำของมันลงไปที่ ทากะ จนสลาย ร่างของ
ชุติการก็ถูกดูดพลังชีวิตไปอีก จนซีดดำยิ่งไปกว่าเดิม

“ ขอโทษนะ ไดสุเกะ ชุติการ รอก่อนเถอะฉันจะจัดการมันให้ได้ ”
ธนัท คิดขณะที่ คิง สั่งผ่าน

“ รอบของฉัน จั่วไพ่  ”
ธนัท กล่าวพร้อมกับดึงซีลและมิสติกขึ้นมาอย่างละใบ ทันใดนั้นเองก็เกิด
 สายฟ้าฟาดลงมารอบๆตัวเค้า
ท่ามกลางความตื่นตระหนกของ ทุกคนที่สับสนว่าเกิดอะไรขึ้น
กลับมี เพียง เคียว และ ธนัท ที่ดูเหมือนจะรู้อยู่เกี่ยวกับเรื่องนี้

“ อะไรกันน่ะ ”
อิส เปรยด้วยความประหลาดใจ

“ ตาฉัน แล้วสินะหึๆ ”
เคียว กล่าวพลางหัวเราะในลำคอไปด้วยอย่างมีความสุข

“ และในรอบนี้เมื่อครบฉันให้ ability ของ ไรจิน(Raijin) ที่ อยู่ใน Shrine ทำงาน
เมื่อมันอยู่ใน Shrine ครบ 3 เทิร์น และมี ธาตุลมอยู่ในสนาม ฉันสามารถทิ้งไพ่บน

มือไปได้ใบ 1 เพื่อนำมันขึ้นแต่ในตอนนี้ ฉันขอร่าย Twin Stars ลงไปอีกใบก่อน
 ผลของมันจะทำให้ ฉันจั่วไพ่ขึ้นมาสองใบ ”

ธนัท กล่าวจบก็ร่ายไพ่บนมือลงไป จากนั้นจึงจั่วมิสติกขึ้นมา 2 แล้วทิ้งใบ 1 ลงไป
สายฟ้าที่ล้อมรอบตัวเค้า ก็สลายไปก่อนที่ เทพสายฟ้า ไรจิน ที่ เคียวส่งให้เค้า พร้อมไดสุเกะ
 จะจุติลงมาจากฟากฟ้า



“ ด้วยการเข้ามาในสนามจาก Shrine ไรจิน จะมี At เพิ่มขึ้นอีก 1 หน่วย ”
ธนัท กล่าวจบ ไรจิน ก็สร้าง ทวนสายฟ้าขึ้นในมือ และทำให้พลังของมันเพิ่มขึ้นเป็น 9 หน่วย

“ เดี๋ยวก่อน แล้ว ไรจิน ตัวนั้นไปอยู่ใน Shrine ของ ธนัท ตั้งแต่เมื่อไหร่ หลา ”
แอน เปรยขึ้นด้วยความสงสัย ต่อการมาของ ไรจิน

“ ยังจำได้รึเปล่าล่ะ ว่า ธนัท ใช้ Lost’s Soul ทิ้ง ซีลไปใบหนึ่งเพื่อเพิ่ม mp
ตอนเรียกอาแมนคริสไงครับคุณแอน ”
อิส ตอบข้อสงสัย ให้เธอ ซึ่งก็ทำให้เธอนึกขึ้นมาได้ทันที

“ จ..จริงด้วยสิ ”
แอน กล่าวเสียงใสเมื่อนึกได้ถึงตอนนั้น

“ หึ หมอนี่มันร้ายจริงๆแหะ ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่มองดูการดวลของธนัท

“ ให้ ไรจิน รวมร่าง กับ ไข่มังกรบนหินผา แล้ว Cost mp 3 โจมตีเป้าหมาย กากอยลมหมุน ”
สิ้นคำ ไข่มังกรก็กลายเป็น ละอองแสงเข้าไปรวมกับ ไรจิน ทำให้พลังสายฟ้าแข็งแกร่งขึ้น
ก่อนจะ ปล่อยพายุอัสนีบสตถล่มใส่ลงไปที่ กากอยลมหมุนจน สลายไป

“ Cost mp 1 ร่าย นิทิน โคลงไปที่ Df line ผ่าน ”
ธนัท กล่าวจบก็ร่ายซีลบนมือลงไปจนเหลือ มิสติกอยู่ใบเดียวบนมือ
นิทินโค ได้ปรากฏตัวขึ้นที่แนวหลัง จากนั้นคิงจึงเริ่มเล่นต่อ

“ ยิ่งส่งอสูรของข้าไป Shrine มากเท่าไหร่ พลังของ เรราเย่ ก็จะเพิ่มขึ้นไปเท่านั้น
ตอนนี้แกทำให้พลังของมันเพิ่มเป็น 18 หน่วยแล้ว ”
คิงกล่าวขณะที่ จั่วซีลขึ้นมาอีก 2 ใบ

“ เทพสายฟ้านั่น ข้าจะทำลายมันไปพร้อมๆกับ เพิ่มพลังให้ เรราเย่ เลยคอยดู
cost mp 5ร่าย Sacrifice ทิ้งซีลบนมือไปสองใบ ทำลายซีลหนึ่งใบในสนามเลือก ไรจิน ”

คิง กล่าวจบก็ร่าย มิสติกบนมือลงมาก่อนจะ ทิ้ง กากอยลมหมุนที่จั่วมาได้ทั้สองใบลงไป
ปรากฏ โครงกระดูของปีศาจขึ้นก่อนที่ มันจะกลายเป็นคัวนดำพุ่งเข้าสลายร่างของ ไรจิน ไปพร้อมๆกับ
ไข่มังกรบนหินผา

“ ด้วยผลของ ไข่มังกร บนหินผา ฉันจะได้จั่วการ์ด1ใบ ”
ธนัท แทรกขึ้นมาก่อนจะจั่วมิสติก ขึ้นมา 1 ใบ

“ ผ่าน ”
คิง กล่าวขณะที่ย้ายรอบกลับไปที่ ธนัท ตอนนี้ ธนัท เหลือมิสติกบนมือแค่ 2ใบ
กับ นิทินโคอีก 1ใบในสนาม


“ รอบของ ฉันจั่วไพ่  ”
ในครั้งนี้ ธนัท ค่อยๆดึงมิสติกขึ้นมา ดูก่อนใบหนึ่งเมื่อเค้าได้เห็นไพ่ที่ดึงขึ้นมานั้น
เค้าก็จำได้ว่า นี่เป็น ไพ่ที่ ชุติการ ฝากโคทาโร่ ให้เอามาให้เค้า

“ นี่มัน ไพ่ของ ชุติ นี่ดีล่ะ ถ้างั้นพอมีทางแล้ว บนมือของเจ้านั่น
มิสติกที่เหลืออยู่คือ พรตเงาปีศาจ ถ้างั้น ... ”
ธนัท คิดก่อน จะตัดสินใจดึงซีลขึ้นมาอีกใบ

“ ธ..ธนัท  ”
แอน เปรยด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นรอยยิ้ม ของ ธนัท ที่แวบขึ้นมา

“ หึๆๆ..คิดว่า จะเอาชนะข้าได้อยู่อีกงั้นรึ เกมมันจบลงแล้วความสนุกอะไรกันก็
แค่ดิ้นรนต่อไปแบบไม่มีความหมายเท่านั้นเอง  ”
คิง กล่าวแต่ก่อนที่ จะได้ทันทำอะไรนั้น ธนัท ก็แทรกขึ้นมา

“ เดี๋ยวก่อน อย่าทึกทักเอาเองมันไม่ดีนะลุง ”
ธนัท กล่าวเสียงใส ขณะที่ คิง ต้องชะงักไป เพราะคำพูดของเค้า

“ หมายความว่ายังไง เจ้าคิดว่ายังจะมีทางชนะข้าอีกหรือ ”
คิงปอร์ ถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ คอยดูไปก็แล้วกันลุงรบรองสนุกแน่ นี่ ชุติ ฉันขอยืมพลังของเธอหน่อยนะ ”
ธนัท กล่าวพลางหันไปมอง ชุติการ  ที่ถูกตรึง ซึ่งเธอก็รับแบบเก้ๆกังๆ โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
ธนัท หมายถึงอะไร

“ งั้นเริ่มล่ะนะ Cost mp 5 ร่าย The Assumption of Alana ”
ธนัท กล่าวจบก็ร่ายมิสติกการ์ดที่เป็นภาพการขึ้นสวรรค์ของ เจ้าหญิงอลาน่า แห่งแอนดิซอง
ออกไป



“ พ...ไพ่ใบนั้นมัน ”
เสียงของผองเพื่อนธนัท ดังขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ

“ ใช่แล้ว นั่นคือไพ่ที่ชุติการ ฝากฉันมาให้นายไง นั่นเป็นไพ่ที่จะช่วยพลิกเกมได้ในคราวเดียวเลย ”
โคทาโร่ เปรยขณะที่มองดูการดวลต่อ

“ ไพ่นั่นมัน...อะไรกันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ”
คิงปอร์ เปรยด้วยความสงสัย เค้าไม่เคยเห็นไพ่นี้มาก่อนเลย

“ ด้วยผลของไพ่ใบนี้ ฉันต้องทิ้ง ซีล 1ใบ ฉันขอทิ้ง นิทินโคออนที่จั่วมาได้อีกใบลง
ไปเพื่อให้มันทำงาน  ”
ธนัท กล่าวจบก้ ทิ้ง นิทินโค ที่จั่วขึ้นมาอีกใบลงไป

ธนั

“ น...นี่มัน ”
คิง เปรยท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนที่ได้เห็น มังกรขนาดยักษ์ทั้งสองตัว

“ cost mp 3 ร่าย The Lament of Andre ด้วยผลของมันจะทำให้ฉันมี mp
เพิ่มขึ้นเท่ากับจำนวนซีลใน  Shrine ถ้ามากกว่า 8ก็จะเพิ่มให้แค่ 8 เท่านั้น ตอนนี้ซีลใน
 Shrine ของฉันมีอยู่ 8 ใบ เพราะฉะนั้นmp เพิ่มขึ้นเป็น 11 หน่วย ”

ธนัท กล่าวจบ ภาพร่างวิญญาณของ อสูรทั้งหมดที่อยู่ใน Shrine ของเค้าก็ปรากฏตัว
ขึ้นก่อนจะรวมกันกลายเป็นสายธารไหลลงมา ที่ด้านหลังของเค้า



“ อ๊า นั่นที่ไพ่ที่ ฉันให้ไปนี่ ”
แอน ร้องด้วยความดีใจ ที่ไพ่ของเธอได้มีส่วนร่วมในการช่วย ธนัท

“ ถ....ถึงแกจะมี เทพอสูร 2 ตนก็ตามไม่มีทางเอาชนะ เรราเย่ ของข้าได้หรอก
น่าตอนนี้ด้วย ability ของ เรราเย่ ส่ง ซีลใบบนสุดของกองลงไปยัง Shrine ทำให้พลังของ
มันเพิ่มขึ้นอีก ตอนนี้จึงเป็น 24 หน่วยแล้ว ”

คิง กล่าวจบก็ ส่งซีลบนสำรับลงไปใน Shrineอีกสามใบและพลังของ เรราเย่
ก็เพิ่มขึ้นไปตามจำนวน ซีลใน Shirne

“ cost mp 2 ร่าย Sword Cemetry  ไปติดที่ เรราเย่ ผลของมันจะทำให้
ซีลที่ติดไพ่นี้อยู่ At ลดลงเท่ากับ เลเวลของ ซีลที่สู้ด้วย ”
ธนัท กล่าวจบก็ร่ายมิสติกนั้นออกมา เกิด ดาบจำนวนนับสิบเล่มพุ่งลงทิ่มแทง เรราเย่
จนขยับไม่ได้



“ หึ ไพ่ที่ฉันให้ไปเล่นเอามาใช้แบบนี้เลยเรอะ ”
โคทาโร่ เปรยขณะที่มอง ไพ่ของตนที่ให้ ธนัท ไปกำลังถูกใช้จัดการกับ เรราเย่
ครั้นเมื่อ คิงปอร์ จะหยิบมิสติกการ์ดร่ายออกมา

“ cost mp 2 ร่าย Alaxandrite, the Sword of Bryna เลือกเอฟเฟค
 ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายไม่สามารถร่าย มิสติกการ์ดได้อีกหลังไพ่ใบนี้ทำงาน ”
ธนัท กล่าวขณะที่ ร่ายไพ่มิสติกอีกใบลงไปซึ่งไพ่นี้คือไพ่ที่ ไดสุเกะ เคยร่ายให้เค้าใช้
ตอนแสดงละครในวันวัฒนธรรม



“ ฮะ..ตาผมแล้วหรือเนี่ย ”
อิส กล่าวพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ cost mp2 ร่าย Inquisition ทำลาย Sword cemetry ซะ ”
คิง กล่าวจบก็ร่าย ไพ่มิสติกลงมา ปรากฏร่างของ นักบุณขึ้นมาก่อนที่นักบุญ
จะเผากระดาษยันต์ และโยนไปที่ ดาบที่ทิ่มแทงร่างของ เรราเย่ อยู่



“ ไม่ให้เป็นแบบนั้นหรอก cost mp 2  Inquisition ทำลาย Inquisition  ”
ธนัท กล่าวจบ ก็ร่าย มิสติกใบสุดท้ายบนมือไปก่อนจะ ที่นักบุญจะปรากฏขึ้นมาเช่นกัน
และโยนยันต์เผาใส่ยันต์ที่นักบุญของ คิง โยนไปจนสลายไปทั้งคู่ ดาบเซเมทรี่จึงยัง
เสียบแทง เรราเย่ อยู่

“ Cost mp 4 ให้อาแมนคริสอัลติเมท โจมตี และให้ability
ทำงาน กำจัด แกรนเดครอสออกจากเกมส์แล้วเพิ่มพลังเท่ากับพลังปกติ
ของแกรนเดครอส At ของ อาแมนคริสอัลติเมทจะเป็น 21  ”

ธนัท กล่าวจบ อาแมนคริสอัลติเมท ก็เข้าไปคว้าเอา ดาบ Alaxandrite ขึ้นมา
ก่อนที่ แกรนเดครอสจะกลายเป็นละอองแสงจำนวนมหาศาล เข้าไปรวมที่คมดาบของ

Alaxandrite แล้วอาแมนคริส จึงพุ่งขึ้นไป บนท้องฟ้าพร้อมกับชูดาบขึ้นด้วยสองมือ
 ประกายแสงของ แกรนเดครอสที่รวมอยู่กับคมดาบได้ แพ่พุ่งออกไป และทำให้ท้องฟ้า

เกิดแสงเจิดจ้า ไปทั่ว เรราเย่ ที่ทนแสงแดดอันสุกสกาวไม่ไหว ก็ดิ้นทุรนทุราย
และทำให้ผลของ ดาบเซเมทรี่ ทำงาน พลังของมันจึงลดลลงไป  ส่วนแสงที่สะท้อนจาก
คมดาบ Alaxandrite ก็ทำให้ คิง ตราพร่าจนมองไม่เห็นและร่ายการ์ดไม่ได้

“ Evolution Drive Love Power ”/Evolution Drive Love Power/
ธนัท ประกาศก้องพร้อมๆกับคอรัส ก่อนที่ อาแมนคริส จะพุ่งลงมาโดยเสมือนมี
ภาพร่างวิญญาณของ แกรนเดครอส ช่วยกดดาบลงมาผ่าร่างของ
เรราเย่ จนขาดสองท่อนและสลายหายไปกับแสงที่เจิดจ้าเฉิดฉายขึ้นมา

ธนั
« Last Edit: May 30, 2009, 03:29:15 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #137 on: May 29, 2009, 04:14:59 PM »

“ เข้าใจล่ะ… ”
ธนัท กล่าวก่อนจะดึงตัวเธอออกมาแล้วจ้องตาของเธออย่างตรงๆ


“ ฉันมารับเธอแล้ว.... ”
ธนัท กล่าวขณะที่ ชุติการ หน้าแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแม้เธออยากจะหลบหน้าหนี
แต่ตอนนี้บางอย่างกลับทำให้เธอไม่รู้สึกอยากทำแบบนั้น

“ ในที่สุดฉันก็เข้าใจถึงความหมายของการมีเธออยู่เคียงข้างแล้วล่ะ.... ”
ธนัท คิดขณะที่ทั้งสองยื่นหน้าเข้าไปจนจะใกล้ชิดติดกันนั้นเอง

“ อ๊อย พวกนายเป็นไงกันบ้าง ”
เสียงของ โคทาโร่ ดังขึ้นซึ่งมันดังเสียจนราวกับอยู่ไม่ไกลทำให้ ทั้งสองสะดุ้งจนผละ
ออกจากกันก่อน

(หมายเหตุ:ที่ไม่ให้ kiss กันไปนั้นเพราะทั้งสองคนอายุยังไม่พร้อมจะ Love Love Time นะ)

“ เป็นไงบ้างเจ็บอะไรตรงไหนหรือเปล่า ชุติ  มีแผลตรงไหนไม๊ ถลอกหรือเปล่าไม่มีอะไรหักนะ ”
แอน เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับยิงคำถามมาเป็นชุดๆ จนเธอตอบแทบไม่ทัน

“ เอ้ยนายนี่ ร้ายใช่เล่นเลยนะ เก่งไม่เบาเลยนี่หว่า ”
โคทาโร่ กล่าวพลางเข้ามากอดคอธนัท อย่างตีสนิท

“ เป็นการดวลที่เยี่ยยมยอดมาเลยครับ คุณ…อ..เอ่อ…ธนัท ”
อิส กล่าวก่อนจะเรียกคุณอย่างทุกครั้งก็เปลี่ยนมาเรียกชื่อเฉยๆแทน

“ นายนี่มันจริงๆเลยน้าทำเอาใจหายใจคว่ำไปไม่รู้ตั้งกี่รอบ ”
เคียว กล่าวพลางตบบ่าของ ธนัท  เบาๆเป็นการชม



“ พี่คะไม่เป็นไรนะคะ ”
ควีนจิงค์ กล่าวขณะที่เข้าไปดูอาการของ คิงปอร์ พี่ชายของเธอด้วยความเป็นห่วง
ขณะที่ช่วยพยุงตัวเค้าขึ้นมานั่ง  หลังจากที่ล้มสลบลงไปเพราะแรงกระแทกที่เกิดจากการ
ต่อสู้ของ อสูรเทพ ซึ่งตอนนี้เหลือแค่เพียงรอยร้าวบนพื้นอาคารเท่านั้น


“ นี่....พี่แพ้แล้วงั้นเหรอ... ”
คิงปอร์ เอ่ยถามด้วยเสียงอันแผ่วเบา ซึ่ง ควีนจิงค์ ก็ผงกหัวเบาๆตอบ
คิงปอร์ ที่ได้รับคำตอบก็หันไปมอง ธนัท ที่คลุกคลีอยู่กับเพื่อนๆโดยมี
เหล่า master ceremony ทั้ง5 คอยยืนดูอยู่ด้วย

“ คิง... ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่ ทุกคนจะหยุด เพื่อหันไปมอง
นิฮิล ไกอา บีบิส และเหล่า Starter ที่พ่ายให้ กับ พวกของ ธนัท
ได้ขึ้นมายืนอยู่กันพร้อมเพรียง ด้วยสีหน้าสลด

“ ขอโทษด้วยค่ะ...ที่พวกเราทำแผนการณ์ผิดพลาดไปจนหมดแบบนี้ ”
ไกอา กล่าวน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้

“ พวกเราประมาทเอง...เลยต้องพ่ายให้กับพวกเค้า ”
บีบิส กล่าวพลางเบือนหน้าหลบสายตาของ คิง ด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีนั้นทำให้เธอ
ไม่กล้าที่จะสู้หน้าคิง ได้ในตอนนี้ ซึ่งก็พลอยทำให้ Starter ทั้ 12 สลดไปตามกัน
ธนัท ที่เห็นดังนั้นจึงเดินออกมาจากกลุ่มตรงเข้าไปหา คิง ก่อนจะหยุดอยู่ไม่ห่างไปจากเค้านัก

“ คิง ผมมีบางอย่างที่จะต้องพูดกับคุณ... ”
ธนัท กล่าวพลางตีสีหน้าจริงจังขึ้นมา

“ คิง ผมคิดว่า สิ่งที่มนุษย์อย่างพวกเราทำกับคุณนั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยก็จริง
แต่ถึงยังงั้น...ผมก็ไม่คิดว่าคุณถูกไปหมดซะทีเดียว ”
ธนัท กล่าวขณะที่ คิง และคนอื่นๆได้ยิน ก็หันมาฟังสิ่งที่เค้าจะพูดด้วยความสนใจ

“ ถึงจะจริง อย่างที่คุณว่ามนุษย์อย่างพวกเรา แต่เดิมก็คอยแต่จะเอารัดเอาเปรียบ
ชีวิตอื่นหรือแม้แต่พวกเดียวกัน จนเกิดเป็นการแข่งขันและกลายเป็นการแก่งแย่ง
จากนั้นก็เป็นสงคราม “
ธนัท กล่าวขณะที่ตัวเค้าเองก็นึกขึ้นถึง สงครามที่เคยเกิดในอดีต การพิพากษาโลกของ
อสูรเทพที่เคยเรียนมาในชั้นเรียน ไปจนถึงเหล่า DNA-Changer ที่เค้าได้พบ

“แต่เพราะยังงั้นถึงได้มีคนบางกลุ่มเริ่มตระหนักถึงข้อนี้และพยายามจะช่วย
 ฟื้นฟูโลกด้วยพลังแห่งเวทมนต์ขึ้นมาเช่นกัน ...คิง จริงๆแล้วคุณน่ะตระหนักถึง
ข้อนั้นดีอยู่แล้วสินะครับ ถึง ได้สร้าง Note แล้วก็ Summoner Master Card ขึ้นมา ”

ธนัท กล่าวถึงตรงนี้ ทุกคนก็มีสีหน้าประหลาดใจที่ ธนัท สามารถพูดได้ถึงขนาดนี้

“ เพื่อที่จะใช้มันเป็นสื่อกลางในการ จำกัดความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นไว้อยู่ในกรอบ
ของการแข่งขัน ที่สนุกสนานและเพื่อเปิดใจของผู้คนให้เข้าหากันได้ด้วย
 Summoner Master Card ”

ธนัท กล่าวต่อจนจบ จากนั้นจึงยื่นมือออกไปให้ คิง ขณะที่ คิง
และคนอื่นๆก็มีทีท่า งงๆอยู่

“ ถึงความโกรธแค้นที่มีอยู่ในใจของคุณมันจะทำให้คุณ เดินทางผิดไปบ้าง
แต่ผมที่ชอบ Summoner Master Card และเหล่าอสูรอัญเชิญนั้นเข้าใจดีเลยล่ะ

 ถึงความสนุกของสิ่งที่คุณสร้างขึ้น ไม่สินักดวลทุกคนก็คงคิดแบบนั้น
จากนี้ไปพวกเรามาช่วยกันสื่อถึงความสนุกของ การดวลให้ทั่วโลก
ได้เข้าใจถึงมันด้วยกันเถอะครับ ”

ธนัท กล่าวจบ คิงปอร์ ก็ยิ้มน้อยก่อนจะ ยื่นมือเข้าไปจับมือกับ ธนัท

“ สื่อถึงความสนุกของ การดวลไปให้คนทั้งโลก ได้เข้าใจซึ่งกันและกัน
ผ่านการดวลไพ่งั้นเหรอ...มันก็เป็นหนทางที่ไม่เลวเหมือนกันนะ ”

คิงปอร์ กล่าวขณะที่ ธนัท ช่วยดึงตัวเค้าให้ลุกขึ้นมายืน
ท่ามกลางสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกปลื้มปิติยินดี ของ ทั้งสองฝ่าย

..................
...............................

หนึ่งเดือนผ่านไป

วันที่ 25  กรกฎาคม พ.ศ.2700



“ การประชุม เจรจา ยกเลิกสนธิสัญญา การจำกัดสิทธิของ DNA-Chager ประสบความสำเร็จ
ไปได้ด้วยดี โดยการลงนามยกเลิกสัญญาของ รัชทายาทเชื้อพระวงศ์แห่งสเปนผู้มีสิทธิที่จะยกเลิก
สนธิสัญญานี้ได้ ท่าน มาริน่าอัลโต้ เอลิซาเบทมาริโอเน็ตต้า ค่ะ ”

เสียงรายงานข่าวที่ถ่ายทอดจาก โทรทัศน์ ในร้านขายของ ซึ่งมีผู้คนมา
ยืนเลือกซื้อของตามปกติ บ้างบางคนก็ยืนดูรายงานข่าวที่ ซ้ำกันมากว่า
ร่วม2อาทิตย์ กว่านี้อยู่บ้าง

..........

โรงเรียนมนต์วิทยา

ดิ่งด่อง ดิ่งดอง ~~

หลังจากเสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น ก็จะตามมาด้วยเสียงจอกแจกจอแจของ
เหล่านักเรียนที่เตรียมตัวจะกลับบ้าน

“ เอาล่ะในที่สุดก็เลิกเรียนซะที ช้าไม่ได้ซะแล้ว!! ”
ธนัท ตะโกนด้วยความลิงโลดก่อนจะ วิ่งออกจากห้องไปอย่างรีบร้อนจนเกือบ ชน
อาจารย์บุษบารี ที่ยังเดินออกไปจากห้องได้ไม่ถึงไหน


“ นี่ ธนัทธาทิเวศ อย่าวิ่งในอาคารเรียนสิ มันอันตรายนะ ”
อาจารย์ บุษบารี ตะคอกใส่ด้วยความฉุนแต่ ธนัท ก็ไปไกลเกินกว่าจะได้ยินเธอซะแล้ว

“ ให้ตายสเด็กคนนี้เนี่ย ”
อาจารย์บุษบารี จึงได้แต่บ่นกับตัวเองไปตลอดทาง


................


ห้องชมรม SMN

ครืดดด

เสียงประตูเลื่อนของ ห้องชมรมเปิดออก ก่อนที่ลังกระดาษซ้อนกันสูงถึง 4ใบ
จะ๔ุกยกเข้ามาโดยลังนั้นบดบัง ร่างของ ผู้แบกเข้ามาจนมิด

“ อ๊ะ Wiser เดือนนี้มาเร็วกว่าทุกทีนะเนี่ย ”
ริน ที่นั่งอยู่บนโต๊ะในห้องชอมรม อุทาน ก่อนจะ ลุกไปช่วย
แต่ลัง ก็จะหล่นลงมาอยู่พอดี ซึ่ง อิส  ฟรานซิสก้า และ ไดสุเกะ ที่อยู่ ข้างในห้องก็
พุ่งเข้ามารับได้พร้อมกันก่อน ที่ลังจะหล่นกระจายหมด

“ ข..ขอโทษนะครับ พอดีเท้ามันไปสะดุดขอบประตูน่ะ ”
โคทาโร่ ที่เป็นคนแบกลังกระดาษกล่าวขอโทษกับ ริน ที่เกือบจะโดนลังทับแบน
ไปแล้วถ้าพวก อิส ไม่เข้ามาช่วยไว้ก่อน

“ ม...ไม่เป็นไร พี่ ผิดเองแหละ ที่อยู่ๆก็เข้าไปทัก โคทาโร่คุงแบบนั้น ”
ริน กล่าวขอโทษพลางหัวเราะแหะๆ แก้เขินไปงั้นๆ


“ ง่าไง ทำงานพิเศษส่งหนังสือเนี่ยเหนื่อยหน่อยนะ ”
ศรี เข้ามาทักขณะที่ ช่วยจูง โคทาโร่ ให้ลุกขึ้นมา

“ ก็เรื่อยๆล่ะครับ ตอนนี้ชินแล้วล่ะ ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่ ลุกขึ้นมา

“ เหรอ ว่าแต่ห้องเจ้า ธนัท แคบไปหน่อย คงลำบากเหมือนกันสินะ  รอหน่อยก็แล้วกัน
อาทิตย์หน้า พ่อของต่อเติมห้องใหม่ให้นายเสร็จแล้วล่ะ ”
ศรี กล่าวพลางเกาคางด้วยความไม่แน่ใจ

“ แคบอะไรกันครับ ที่จริงไม่เห็นต้องถึงกับสร้างห้องใหม่ให้ผมเลยก็ได้
แค่ให้มาพักอาศัยอยู่ด้วยก็เกรง ใจจะแย่แล้วล่ะครับไม่น่าต้องมาลำบาก สร้าง
ให้แบบนี้เลยนี่ครับรุ่นพี่ศรี ”

โคทาโร่ กล่าวพลางยกมือตบต้นคอตัวเองเบาๆด้วยความเกรงใจ ที่ ครอบครัวของ ธนัท
รับเค้าที่ไม่มีครอบครัว มาอุปการะแล้วยังส่งเสียให้เรียนด้วยอีก

“ บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกรุ่นพี่ เราคนห่างคนไกลกันซะที่ไหนล่ะ เรียกพี่เฉยๆก็พอแล้ว ”
ศรี กล่าวพลางลูบหัว โคทาโร่ อย่างเอ็นดูเหมือนกับน้องชายคนหนึ่ง

“ ค..ครับ พี่ศรี ว่าแต่หยุดลูบเถอะคร้าบผมมันยุ่งหมดแล้ว ”
โคทาโร่ กล่าวพลางจะยกมือของ ศรี ออกแต่ กลายเป็นถูกศรี แหย่เล่นไปอย่าง
สนุกสนานแทน

“ นี่!! ยังไม่ไปกันอีกเหรอ เค้าจะเริ่มงานกันแล้วนะ ”
ธนัท เข้ามาเรียก ทุกคนในชมรม ด้วยเสียงร่าเริง ก่อนที่ทุกคนจะ ช่วยกันยกเอา
 ลังหนังสือไปเก็บ

“ งั้นเรารีบไปกันเถอะ ”
ริน กล่าวจบพวกเค้า ก็พากันออกไปที่สนามโรงเรียน ซึ่งมีการตั้งเวที ขนาดใหญ่อยู่
กลางสนาม บนเวที นั้นมี ภูเขา และ คิระ รวมทั้ง อิส แอน เคียว ไดสุเกะ

กำลังช่วยกัน ขนเครื่องเสียง ขึ้นมา ที่พื้นด้านหน้าของเวที
พวกเพื่อนๆห้องของ ไดสุเกะ ก็มาช่วยกันยก โต๊ะ จากโรงอาหารมาวาง

ไว้เป็น กลุ่มๆ ท่ามกลางเหล่านักเรียนที่แต่ล่ะคน ต่างก็พอสำรับ และ Note มากันเต็ม
ไปหมด  พวก ธนัท ที่ตามมานั้นได้เข้าไปช่วย จัดจนเสร็จในที่สุด

“ เอาล่ะค่ะและตอนนี้ก็ถึงเวลา กล่าวเปิดงานแข่งขัน Summoner Master
ของโรงเรียนโดยท่าน ประธาน ชมรม SMN คุณ มาริน่า ที่พึ่งกลับมาจากการ
ไปเซ็นยกเลิกสนธิสัญญาเพื่อกระชับความมั่นคงระหว่าง มนุษย์กับ DNA-Changer ค่า ”

ประธานหญิง ชมรมโอตาคุ ที่เคยมากล่าวหา มาริน่า ตอนคดีแวมไพร์บุกโรงเรียน (จากSub-Turn 5)
ประกาศผ่านไมค์ เสียงใส ขณะที่มาริน่า เดินขึ้นมาบนเวที พร้อมกับ เสียง ปรบมือต้อนรับของ
 นักเรียนด้านล่างทุกคน



............................

สมุทรปราการ Phenomenon Party Center

“ จากการลงมติคราวนี้ พวกเราจะขยายขอบข่ายการจัดแข่งขันไปจนถึง สาขาอเมริกา
เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่าง เด็กไทย กับ เด็กชาวต่างชาติ นะ ”
ปอร์ อธิบาย พลางชี้ไปบนแผนที่ โฮโลแกรม ที่ฉายขึ้นในโต๊ะกลางที่ประชุม โดยมี
ไกอา บีบิส  นิฮิล จิงค์ บอย มาเร็นงอ และคนอื่นๆร่วมประชุมอยู่ด้วย

 ตอนนี้พวกเค้าไม่ใช่ Checkmate 5 หรือ 12 Starter อีกแล้วหลังจาก ศึกครั้งนั้น
องค์กร Paradiso da Regola ก็ได้ยุบตัวลง จากนั้นทุกคนก็หันมาทุ่มเทให้กับ

การกระจายความสนุกในการดวล อย่างที่เคยให้สัญญากับ ธนัท ไว้ เพื่อที่จะทำให้
 ความขัดแย้งทั้งหมดที่อาจก่อให้เกิดสงครามนั้น ถูกจำกัดอยู่ในกรอบของการแข่งขัน
ที่เปี่ยมด้วยมิตรภาพแทน

...........................

“ เมื่อก่อน ดิฉัน เป็นคนที่ไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเอง แต่หลังจาก เรื่อง
ที่ผ่านมาดิฉันได้เห็นการต่อสู้ของคนอื่นๆที่หัน หน้าเผชิญกับความกลัวของตนเองมาหลาย

ครั้งมันได้จุดประกายให้ดิฉันเริ่มเดินหน้า ที่จะทำตามที่ตัวดิฉันต้องการค่ะนั้นคือแรงจูงใจ
ทั้งหมดในการเดินทางไปเจรจายกเลิกสัญญา ”

เสียงอัดรายการสัมภาษณ์ ของ มาริน่า ที่ออกอากาศไปทั่วโลก นั้น ได้ทำให้ DNA-Changer
ทุกคนได้รับโอกาสในการมีชีวิต ที่ดีขึ้น URH จึงยุบตัวลงและเปลี่ยนเป็นองค์กร ที่คอยให้ความช่วย

เหลือในเรื่องสิทธิต่างๆของ DNA-Changer ไปในที่สุด ความขัดแย้งต่างๆระหว่างเผ่าพันธุ์
ของมนุษย์กับ DNA-Changer จึงค่อยๆหมดไปในที่สุด

...................................

“ งานนี้ฉันไม่ขอพูดอะไรมาก ขอให้พวกแกดวลกันให้ สนุกเข้าไว้ล่ะ ถ้าทำให้
งานน่าเบื่อจนกร่อยล่ะก็ หึๆๆๆ คงรู้สินะว่าจะเป็นยังงาย ”
มาริน่า กล่าวเสียงเยือนยานผ่านไมค์ ประกาศไปทั่วโรงเรียน ซึ่งก็ทำเอาทุกคนเสียวสัน
หลังวาบกันไปหมด


“ ถ้างั้นก็เริ่มงานได้ ”
มาริน่า กล่าวจบก็ส่งไมค์ ให้ ประธานชมรมโอตาคุ ที่ยืนเหงื่อตกรับไป
“ ถ...ถ้าอย่างนั้นเรามานับถอยหลังเพื่อเริ่มเปิดการแข่งขันกันเลยนะค้า เอ้า 5 ”
ประธานชมรมโอตาคุ ที่ต้องมารับจ๊อบเป็น พิธีกรจึงต้องทำหน้าที่ต่อไป
ขณะที่ มาริน่า ลงไปร่วม งานแข่งที่ด้านล่างเวทีด้วย

“ 4 ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ที่ทุกคนหยิบ note ของตนขึ้นมา

“ 3 ” /Get Set/ /Approntare/ /Sich bereit Halten/
เสียงนับดังขึ้นพร้อมกับที่ ทุกคน สแตนบาน์ย note ให้เป็นโหมดสำหรับดวล

“ 2 ”
เสียงนับดังพร้อมกับที่ทุกคน ใส่สำรับเข้าไปใน ช่องของปลอกแขน


“ 1 ”
เสียงนับครั้งสุดท้ายดังขึ้นพร้อมกับที่ ทุกคนแตะนิ้วลงไปที่ไพ่บนสำรับ
 ธนัท ที่ยืนประจันหน้ากับ โคทาโร่
ศรี ที่ เจอกับ ริน
เคียว กับ แอน
ไดสุเกะ กับ อิส
ฟรานซิสก้า กับ คิระ
ชุติการ กับ ภูเขา
และ มาริน่า กับ นักดวลดวงซวยที่ต้องมา เจอกับเธอตั้งแต่รอบแรก

“ Summoner Battel ”
ธนัท และคนอื่นๆที่เริ่ม ตะโกนขึ้นพร้อมกัน

“ Lets’ Duel VR!!!!! ”
สิ้นเสียง การดวลก็เริ่มขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศของงานที่สนุกสนาและคึกคักเป็นพิเศษจนถึงมืด
การต่อสู้กับ Paradiso da Regola ได้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยพร้อม กับดลกที่กลับคืนสู่
ความสงบสุขอย่างแท้จริง บัดนี้ตำนานหน้าสุดท้ายได้ ปิดบทของมันลงในที่สุด....

...
จงดวลอย่างสนุกสนาน และเปิดใจให้กันและกัน Let’s Duel.
...



................................Summoner Master VR!! จบบริบูรณ์..................................

Credit:

Story by      Greamon
Graphic & Picture by  Garurumon(Cocka-C) ,WarGarurumon ,Tentomon
Card Picture by SMN web Database
Checkingword by Piyomon

Special Thanks  by

Boy (Add Character :Boy Saga the Starter) , Leraje (Add Character: Leraje, Torment of War)

Por(Add Character:King of Checkmate 5), Jing(Add Character:Queen of Checkmate5)
Nihil(Add Character: of Checkmate5), Beabizz(Add Character:Rook of Checkmate5)

...


ช่วง สครีมจ้า

บทสุดท้ายกับงานช้างๆสุด แต่ในศึกสุดท้าย พวกการ์ดเผาที่เราไม่เคยให้มันออกเลย เพราะ
ลำบากเวลาเขียนมันจะยาว ก็ได้ออกในตอนสุดท้ายซะที

สำหรับ เครดิตนั่น Specail Thank นั่นทำเล่นๆครับ แต่ใครจะถือเอาไปก็ได้น้า เพราะ
ผมเอาชื่อพวกคุณมาเผาเล่น ถ้าใครไม่ชอบใจก็ขออภัยด้วยนะขอร้าบต้องการสร้างสีสัน เฉยๆ

และดูๆแล้วไม่น่าเสียหายนะครับเพราะสุดท้ายทุกคนก็กลับมาร่วมมือกัน และพยายามต่อไป
เพื่อทำให้โลกสุขสงบอย่างแท้จริง(ถ้าโลกเราเป็นได้แบบนี้จะดีมาก)

ในภาคนี้ที่ผมเริ่มเขียนขึ้นมาเพราะผมเคยโดนเกรียนตัวหนึ่งมันดูถูกมาว่า เล่นการ์ดแบบนี้มันไร้สาระ
ปญอ. สารพัด ด้วยความแค้นหาว่าเราไร้สาระ เรอะ เลยคิดพล็อตเรื่องที่ว่า ถ้าเปลี่ยนมุมมองของ

คนที่มองว่าการเล่นการ์ดมันเป็นสิ่งไร้สาระ ให้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ ชีวิตประจำวันที่
ขาดเสียมิได้จะเป็นอย่างไร  ก็เลยทำให้เกิดนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาครับ บวกตอนแรกผมอยากจะลองเอาสำรับ

ที่สร้างขึ้นมาเอง แต่ว่าความแรงไม่พอฟัดกะเมต้าในแต่ละยุคได้ ออกมาเล่นดูบ้างว่าเป็นยังไง
โดยให้เหล่าตัวละครเป็นผู้ใช้ ส่วนหนึ่งคืออยากส่งเสริมการเล่นที่ไม่ให้ยึดติดกับเมต้าเกมเกินไป

อยากลองให้ทุกคนใช้ความคิดสร้างสรรค์จัดสำรับแปลกๆสนุกๆมาเล่นกันบ้าง
ซึ่งคงเห็นได้น้อยล่ะตามงานแข่งน่ะ แต่สร้างไว้เล่นกับเพื่อนก็ได้ แพ้ชนะไม่ต้องสน
ขอแค่สนุกกับสิ่งที่เราพอใจก็พอ

นี่คือแนวคิดทั้งหมดที่ทำให้เกิดนิยายเรื่องนี้ขึ้นครับ

ว่าแล้ว เขียนมาหลายเรื่องขอเรื่องนี้มี แบบสอบถามหน่อยนะครับ

2ข้อเท่านั้นเอง

1.   หากเป็นไปได้คุณอยากให้โลกของเราค้นพบพลังเวทมนต์แบบในนิยายหรือไม่
2.   คุณคิดยังไงบ้างกับการที่สามารถเรียก อสูรออกมาจาก การ์ดได้จริงๆ

ข้อ 1. นี่ผมว่าถ้าได้ก็ดีนะ เพราะอะไรๆหลายอย่างมันจะดีขึ้นมากๆ
ส่วนข้อ2. นี่ผมคิดได้อย่างเดียวอ่ะ คือ อาจารย์ จะไม่ยึดของเราไป(เข้ามาสิจะให้ ซาลามันเดอร่า
เผาซะเลยเหอๆ)

สำหรับตอนอวสานนี้ เจ้า การุรม่อน(Cocka-c) ผู้ช่วยผมมัน เขียนเรื่องสั้นพิเศษสำหรับ
 ตำนานทาลิ ภาคแรกมาฝากกัน ลองไปอ่านดูนะครับ ว่าแต่ คุณ Boy

เข้าใจหาชื่อเรียกเจ้า การุรม่อนดีนะ
พี่โค... โอ้ชื่อเดียวรวมมันทุกอย่างของเจ้าการุรุม่อนเลย
1.โค จาก โคทาโร่ ที่มันคลั่งเป็นบ้าเป็นหลัง
2. โค จาก Co ของชื่อ Cocka-c

อืมเข้าใจได้ง่ายดีจริงๆ

Next Serie

สวัสดีครับ ผมโยไร(Yorai) อายุ 16 ปีครับบ้านผมเปิดร้านขายข้าวกล่องอยู่ก็จริงแต่
เบื้องหลังแล้ว บ้านเราเป็นผู้สืบทอดพลังของ Yang Cross พลังแห่งสายนภา ส่วนเพื่อน

ของผม ยารุย(Yarui)ที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กกลับ เป็นผู้สืบทอดพลังของ Yin Cross
 พลังแห่งสายปฐพี ที่เป็นคู่กัดกับผมมานาน (T_T)แต่พวกเราก็ไม่รู้หรอกว่าต่างคนต่างอยู่คนล่ะฝั่ง

 ที่จริงเรื่องพลังของตระกูล อะไรนั่นจะไม่เกี่ยวเลยถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อน
 เรื่องที่ว่าคืออะไรนั้น รอดูกันใน Legend of Thaliwilya YCross นะคร้าบ




« Last Edit: May 30, 2009, 03:28:26 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #138 on: May 29, 2009, 04:17:02 PM »

ตอนแถม


เรื่องสั้นความในใจของ ลอว์เรนซ์

ผม ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด ครับ เพื่อนๆที่เคยอ่าน Legend of the Thaliwilya คง
จะรู้จักผมกันเป็นอย่างดี ว่าผมนั้นทั้ง เก่งเท่ห์ หล่อฉกาจบาดใจสาว (แต่ไม่เคยหาแฟนได้ซักคน)

หา! ถามว่าวันนี้ผมจะมาพูดอะไรนะเหรอ ที่จริงมันเป็นเรื่องที่นานมากแล้วล่ะ ตอนนั้นผมยังไม่ 10 ขวบดี
เลย  ตอนนั้นผม น่ะอยู่ท่ามกลางเหล่ามังกรน้อยๆที่น่ารักของผมทั้ง 6 ตัว ที่จะทำให้ผมโดดเด่นและ

มีสง่าราศี ทำให้ผมเท่ห์ได้เมื่อแปลงเป็นอัศวินมังกร  ไม่ว่าใครๆก็ต้องมองผม หา!บอกว่าผมโม้เหรอ
ไม่จริงผมนี่ล่ะพระเอกของเรื่องนั้นเลย ชีวิตของผมดีเรื่อยมา จนเมื่อ เรื่องนั้นเกิดขึ้น

ตั้งแต่หมอนั่นเข้ามาชีวิตของผมก็พังทลายเละเหลวไปเลย หมอนั่นมันชื่อ เจนัส

การพบกันครั้งแรกของ เราน่ะเหรอ เริ่มมาผมเกือบเอาชีวิตไปรอดจากพลังช้างพลังโคของหมอนั่น
ไม่รู้เป็น หมา แน่รึเปล่า แรงหยั่งกระบือ นี่ถ้าผมไม่ได้ร่างของ ทาโซรอส ช่วยไว้ป่านนี้ผมเละไปแล้ว

หา! บอกว่าผมโกหกเหรอ จะถามว่าตอนติดเกาะ หมอนั่น ก็ดูแลผมดีออกอย่างนั้นเหรอ
ก็จริงหมอนั่น ช่วยหาข้าวปลาอาหาร น้ำ มาให้แต่แต่คุณไม่รู้หรอกว่า หมอนั่นกรน

ดังขนาดไหน คืนที่ติดเกาะนั่นทั้งคืน ทำเอาผมนอนไม่พอ จนวันต่อมาไม่มีแรงพอจะแปลง
ร่างเป็นทาลูคัส สู้กับจอมอนการ์ดเลย โชคดีที่ ไลท์ ลูกมังกรพาลานัลคาของผม ช่วย
เราเอาไว้ได้


เอ๋! ถามว่าแล้วตอนที่ หมอนั่นลงสนามประลองช่วยไถ่ตัว พวก อควา กับ เอิธท์ น่ะเหรอ
โหยคุณไม่รู้อะไร ที่จริงนั่นเป็นแผนที่ผมคิดจะกำจัดหมอนั่นตะหาก เพราะแค่ทหาร บ้านนอกๆ

พวกนั้น แปลงเป็น ทาลูคัส แล้วไถ คืนก็ได้ไม่เห็นจะต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก ที่จริงตามแผน
กะจะให้ หมอนั่น โดนอัดจนย่ำแย่ แล้วก็รอบฆ่าสบายๆ แต่ผมดันลืมนึกเรื่องพลังโคกระบือของ

มัน สุดท้ายหมอนั่นก็ดันชนะ ถ้าถามผมว่า หลังจากหมอนั่น ซัดกับ ลากูน่า ก็สะบักสบอม จน
สลบไปสามวัน ทำไมไม่ฆ่าทิ้ง น่ะเหรอ เหตุผลเพราะ พี่ของ ยัย นีน่า เจ้า กาเทีย น่ะสิ
มันชวนผมคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้จนไม่มีโอกาสเลย แถม ยัย แมวนีน่า นั่น ยังไปเฝ้าไขหมอนั่นสามคืนเต็มๆ
สุดท้ายก็ชวดไป

ถ้าถามว่า แล้วครั้งอื่นๆล่ะมีอีกไหม งั้นก็ขอเริ่มจากแผนการถัดไปเลยแล้วกัน ตอนคืนพระจันทร์แดง
พวกนั้นมาทำร้ายผม แน่นอนผมคิดว่าได้โอกาสที่จะฆ่าหมอนั่นแล้ว แต่ผลคือ ผมสู้มัน
ไม่ด้ายยยยยยย( T_T )แต่เช้าซะก่อน ผมเลยรอด - - *

หลังจากที่หมอนั่นเข้ามาร่วมกลุ่มแล้วลาก ยัยแมวนั่นมา บทของผมก็หดลงๆ
แต่บทของหมอนั่น กับ ยัยแมว กลับเด่นเอาๆ จนผมแทบไม่มีความหมาย
เลวร้ายที่สุด คือตอนที่ผมกลายเป็น มุรามาซะโซล ตอนนั้นนึกว่าผมจะโดนลดบทลงไป เหลือ
แค่ตัวร้ายให้หมอนั่นยำเล่นแล้วนะเนี่ย แถมก่อนจะบุกมา หมอนั่นยังฝึกท่าไม้ตายดูโอ กับลากูน่า

น้องของมัน กะเอามาอัดผมเต็มที่ อีก ดีว่าพวก 12 กากขุนศึก(เฮ้ยต้องเทพขุนศึกสิ)
มันไปรับท่ายำตีนนั่นแล้ว ผมเลยรอดมากระซวก มันเล่นๆได้สบายๆ
แต่ตอนนั้นคิดเลยว่า ฆ่ามันซะแล้วบทจะกลับมาเป็นของเรา

แต่ หมอนั่นมันกลับได้บทราวกับกลายเป็นพระเอกไปซะงั้น หมอนั่นมันทำโชว์แมน เข้ามาซัดผม
ซะคอแทบหัก แล้วพูดประโยคน้ำเน่าของ ฮีโร่ในการ์ตูนยุคหินโน้น

 ตัดเข้า Flash Back (ระลึกอดีตกันหน่อย)

ลอว์เรนซ์: เชอะฝืนสู้จนต้องเจ็บเองงั้นรึโง่สิ้นดี   
[หึๆ อันนี้ผมอัดมันซะเลือดอาบสะใจมากกกก]


 เจนัส: เจ็บงั้น หรือ จริงอยู่มันอาจจะเจ็บแต่ตอนนี้ที่ที่เจ็บยิ่งกว่าไม่ใช่ร่างกายแต่จิตใจของชั้นจิตใจของพวกเรา
ที่ต้องมาสู้รบกับนายมันเจ็บยิ่งกว่าซะอีก

จบ Flash Back

อ๊าคคคคคคคค เจ้าบ้านั่นมันต้องเป็นบทที่ฉันพูดสิว้อยย และแล้วหลังจากนั้นผมก็รู้สึกว่า ตัวเอง
หมดความสำคัญไปซะดื้อๆเลย ต้องโทษมันๆ เพราะมันคนเดียว (T_T) สุดท้ายผมเลยต้องเอาจริงจนได้
ไหนๆก็กำจัดมันไม่ได้ งั้นก็ตีสนิทมันโลด จากนั้นพอผมเล่นบทพระเอกคืนสติกลับมาก็โชว์พาว
แย่งบทพูดมันมาหมด หลังจากนั้นแฮ่ม ผมก็กลับมาเป็นพระเอกซะที~~~~

จากนั้นก็อัดด้วยบทที่น่าเศร้าเรียกคะแนนกลับคืน ซะและแล้วผมก็ได้เปล่งรัศมี ความเป็นพระเอกอย่างเจิดจรัส
ในที่สุด จนได้โอกาสรับเชิญไปแสดงภาคสอง ข่มรุ่นน้องเจ้า เรกกะ ด้วยการโชว์สเตปเทพ เสียหนึ่งตอนเต็มๆ
เป็นไงล่ะเท่านี้ผมก็ไม่ต้อง หาทางกำจัดหมอนั่นให้หมดราศี แถมยังเท่ฉกาจกว่าเดิม ในฐานะพระเอกผู้เสียสละ
เป็นไง เท่ห์มะ

เจนัส: โยว่ ลอว์เรนซ์

ลอว์เรนซ์: จ๊าคคค นี่นายมาตั้งกะเมื่อไหร่

เจนัส: ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย จริงสิวันนี้ หนังใหม่เข้าโรงล่ะ ชื่อเรื่อง
 รู้สึกจะชื่อ “เพื่อน..กูรักตัวเองว่ะ” มั้งไปดูกันมะ

ลอว์เรนซ์: เอาสิว่าแต่คนอื่นๆล่ะ

เจนัส: นีน่า ไปซื้อเสื้อให้ลากูน่า น่ะ พวก ไลท์ ไปช่วยงาน ดีวายดราก้อน เหลือแต่นายกับชั้น

ลอว์เรนซ์: เหรอ อืม งั้นรีบไปเตรียมตัวกันเถอะ ลัลล้า~~

เจนัส : เอ๊ะ ทำไมวันนี้ดูนายอารมณ์ดีจัง

ลอว์เรนซ์: อ๋อ..ไม่มีอะไร ไม่มี๊ (หึๆ รอก่อนเถอะ เจนัส เอ๋ย ยัยแมวขโมยนั่นไม่ฉันอยู่จะได้เก็บนายไว้ซะเองเลย)


เกรม่อน: ม…ม…ไม่จริง….ไม่จริงใช่ไหม….ไม่จริ้งงงงงงงงงงง  ลอว์เรนซ์
นายมันเสื่อมมมมม ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!!

การุรุม่อน: ลอว์เรนซ์ X เจนัส ไปอีกคู่แล้วสินะ  เจนัสคุง ระหว่างลอว์เรนซ์ มันงาบไปกินน้า
  ทำใจแว้ว ตอนนี้มีน้อง ไดจัง อยู่ละ ไม่สนๆ

ปิโยม่อน: ชื่อหนังที่ไปดูยังส่อ นี่สินะที่เค้าเรียกว่า ปากไม่ตรงกับใจ พวก ซึนเดเระ
ว่าแต่ ลอว์เรนซ์คุง เป็นซึน เรอะ อย่างที่โบราณท่านว่าไว้ รักดอกจึงหยอกเล่น เอ๊ะใช่รึเปล่านะ

เกรม่อน: ไม่จริ้งงงงงงงง ย้ากกกก เอา มาคายาเดีย ทำ ฮาราคีรี (ฆ่าตัวตายแบบซามูไร) ซะเลยไม่อยู่มันแล้ว
โลกนี้แสนบินเบือน พระเอกกี่ภาคๆ ก็วายหมด อ่อก

การุรุม่อน+ปิโยม่อน: เฮ้ย อย่าทำอะไรบ้าๆ น้าาาาาา


จากนั้น เกรม่อนคุงก็ลาลับดับโลกไปด้วยประการล่ะฉะนี้ ปิดตำนานซีรี่ย์ของ เกรม่อนคุง แบบกู่ไม่กลับ

[จริงเหรอ!~ (!_!) ]


อ่ะแจกรูปการ์ดทำเองของ ทาลิภาคแรกพวกลอว์เรนซ์รุ่นออริจินัล เพิ่งค้นเจอ
คลิก


Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #139 on: May 29, 2009, 04:40:15 PM »

เป็นตตอนจบในซีรี่ย์ของ คุณเกรม่อน ที่โหลดภาพโหดที่สุดตั้งแต่เคยมีมา ภาพเยอะมากค่า 

Quote
“ อ๊อย พวกนายเป็นไงกันบ้าง ”
เสียงของ โคทาโร่ ดังขึ้นซึ่งมันดังเสียจนราวกับอยู่ไม่ไกลทำให้ ทั้งสองสะดุ้งจนผละ
ออกจากกันก่อน

(หมายเหตุ:ที่ไม่ให้ kiss กันไปนั้นเพราะทั้งสองคนอายุยังไม่พร้อมจะ Love Love Time นะ)

ทำไมไม่ให้ Deep Kiss กันไปเลยล่ะค้าาาา

เผลอแปปเดียวจบซะละ ซีรี่ย์นี้ 15 ตอน อวสาน เทียบกับพวกตำนานทาลิ ก็ใกล้ๆเคียงๆกัน
ว่าแต่ ซีรี่ย์ต่อไป ตำนานทาลิ อีกแย้วเหยอ คราวก่อนภาค DNA ยังเขียนไม่จบเยย

คราวนี้มาจะจบไหมนี่ ว่าแต่ชื่อน่าคิดมากมายค่ะ YCross อย่าบอกนะว่าคูพระนางอยู่ในรูปนั้นแล้ว
วายทุกซีรี่ย์ กระทั่ง ซีรี่แรกสุด ไม่วายยังทำเรื่องสั้นมาให้อ่านจนจิ้นวายได้อีกค่า โฮะๆๆ

จะรอดูซีรี่ย์ใหม่ก็แแล้วกันนะค้า
« Last Edit: May 29, 2009, 04:42:06 PM by Gee » Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #140 on: May 29, 2009, 08:06:23 PM »

คิงปอ 
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #141 on: May 29, 2009, 09:13:37 PM »

ทำไมผักหารูปไม่เจอ - -   หรือผักโง่ไปเอง?

โฮ่ๆ  เรื่องวายยกมาให้ผัก  ผักรักวายยยยยยย
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #142 on: May 29, 2009, 09:30:19 PM »

^
^
^
หารูปอะไรไม่เจอเหรอครับ ถ้าลิ้งค์โหลดรูปภาคแรกมันจะเป็น RAR มา
พอแตกแล้ว จะเป็น โฟลเดอร์ชื่อpc ครับลองหาดู
ถ้ารูปตัวอย่างทาลิภาค 3 YCross ก็แปะให้เห็นแล้วนิ คลิกขยายรูปดูชัดๆได้ด้วย

Quote
คิงปอ

เย้ยมาเก็บผมแล้วเรอะ 

อ็าคข้าน้อยยยผิดไปแย้วววววววว

me/ เผ่นสิ
« Last Edit: May 30, 2009, 08:47:32 PM by greamon » Logged


Leraje
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 826


« Reply #143 on: May 29, 2009, 10:49:21 PM »

Boy (Add Character :Boy Saga the Starter) , Leraje (Add Character: Leraje, Torment of War)

Por(Add Character:King of Checkmate 5), Jing(Add Character:Queen of Checkmate5)
Nihil(Add Character: of Checkmate5), Beabizz(Add Character:Rook of Checkmate5)

มีเราเปนตัวประหลาดอยู่คนเดียวรึเนี่ย 

ถ้ามีเวทย์มนตร์อัญเชิญการ์ดได้จริงๆก็ดีเนอะ.....
Logged


Revolution fire
Member
*****
Offline Offline

Posts: 547


« Reply #144 on: May 30, 2009, 12:01:09 AM »

คือ ผมเคยคิดว่าผมอยากเเต่งนิยายดูเอลซัมซักเรื่อง เเต่พอมาดูนิยายคุณเกรม่อนเเล้วเทียบพล็อตเรื่อง มันได้ดังนี้
พระเอกเล่นเด็คอาเเมนคริส อาวกรำ ซ้ำ
พระเอกมีพี่ชายที่หายสาบสูญไป อาวกรำ ซ้ำ
นางเอกเล่นเเกรนครอส อาวกรำ ซ้ำ
กฎที่เลือกการ์ดอันนึงเเล้วเมื่อการ์ดอันนั้นตกชายน์ คนเล่นเเพ้ทันที อาวกรำ ซ้ำอีก เเต่ของผมเป็น spirit card การ์ดที่มีวิญญาณสิงอยู่คล้ายๆยูกิ
สรุป ตูไม่เเต่งเเล้ว กลัวโดนหาว่าลอกเขามา
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #145 on: May 30, 2009, 03:20:42 AM »

^
^
^

หุๆๆ ใจตรงกันสินะ ที่จริงไอ้เรื่องกฏ Deck Master ที่ว่าถ้าซีลที่เลือกถูกส่งลง Shrine แล้วแพ้เนี่ย
มันถูกใช้แค่ตอนที่เริ่มดวลกับพวก Starter กับ Checkmate 5 เท่านั้นเพราะมันแข่งแบบRuler
แต่ดวลกะคิง แล้วก็คนอื่นๆใช้กฏทั่วไป แต่มีแค่ตอนดวลกับภูเขาที่เล่นกฏ Caller เท่านั้น

เพราะงั้นเอาไม่แต่งตามนั้นก็ถือว่าไม่ซ้ำหรอกครับ ส่วนเรื่องพี่ชายพระเอกหายตัวไปนั้น
เป็นแนวของการ์ตูนดวลการ์โดยทั่วไปอยู่เหมือน

ส่วนนางเอกเล่นแกนเดครอสนี่ ในเรื่องของผม ชุติการแค่เป็นเจ้าของ อสูรเทพ แกรนเดครอส
แล้วส่งพลังของ แกรนเดครอสให้ ธนัท ใช้ในตอนสุดท้ายเพื่อจัดการเรราเย่เท่านั้น
 เล่นจริงๆเธอเล่น Deck ธาตุแสงปนๆกันแบบทั่วไปเท่านั้นเอง

เพราะงั้นถ้าจะเชียนแบบนั้นไปก็ไม่มีใครไปว่า พล็อตเรื่องของคุณว่าซ้ำได้หรอกนะครับ
ส่วนเรื่อง สำรับไพ่ที่ตัวละครใช้เล่นนั้นเหมือนกันก็ไม่จำเป็นว่า มันจะต้องมีองค์ประกอบเหมือนกันหมด
 แค่ปรับเปลี่ยนสำรับนิดหน่อยก็ไม่เหมือนแล้ว

การดวลในนิยายของผมนั้นเป็นแค่สีสันของการบู๊
ในเนื้อเรื่องเท่านั้นไม่ใช่เรื่องหลักแต่อย่างใด แต่โดยรวมของเรื่องอยู่ที่
ความสัมพันธุ์ของตัวละคร เพราะงั้นแค่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อยก็ไม่ซ้ำแล้วครับ 

ถ้ามีความตั้งใจจะเขียนซะอย่าง รับรองว่าเรื่องจะต้องออกมาสนุกและไม่เหมือนใครอยู่แล้ว
เพราะมันเป็นเรื่องที่เราเขียนด้วยความคิดของตัวเอง
(ส่วนของผมนี่ลอกเอาจากเรื่องนู้นเรื่องนี้มาปนกันเต็มไปหมด ฮา)

ดังนั้นถ้าจะเขียนก็ขอให้เตรียมใจและความรู้สึก ให้พร้อมที่จะรอรับอุปสรรค์ เพราะปัญหาโดยรวมผมว่า
นิยายดวล การ์ดนั้นเป็นอะไรที่ยุ่งยากเหมือนกันกว่านิยายแนวรักๆใคร่ๆ หรือบู๊ล้างผลาญ

เพราะมันจะเหมือนกับเขียนแนวสืบสวนหรือการรบที่ต้องวางแผน อาจทำให้เราปวดหัวและสับสนได้
อย่างของผมนี่ บทสุดท้ายพิมพ์ผิดกระจุยเลย ปั่นงานออกมาแทบไม่ทัน 

ปล. พึ่งสังเกตุว่า Avatar ของคุณ ที่เป็นอะไรการูด้าซักอย่างตอนแรกที่เป็นรูป ร่างสุดยอดของปิโยม่อน
ตอนนี้กลายเป็นทาลิคนัสไปแว้ว หุๆ มีโอเระทันโจว ซะด้วย(ถ้าจะชอบจริงๆนะเนี่ย )

ว่าแล้วก็ซีรี่ย์นิยายของผม เรื่อง Legend Thaliwilya YCross นั้นคงอีกนานกว่าจะมาได้
 เพราะผมจะต้องย้ายไปอยู่หอพักที่ศรีราชาแล้ว คงต้องเริ่มปรับตัวกับ
ชีวิตใหม่ไปสักพัก+ต้องถอยNote Book ใหม่มาใช้ด้วย ไม่งั้นไปพิมพ์ที่ร้านคงได้ตายหองกันพอดี

แต่ผมก็ยังแวะเวียนมาตอบ คำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับนิยายให้อยู่เหมือนเดิมเรื่อยๆนะครับ
ส่วนคุณ Boy ถ้าผมลงตอนแรกของเรื่องเมื่อไหร่จะ PM ไปบอกแล้วครับ ช่วงนี้ก็วนๆสิงๆอยู่ในบอร์ดไปก่อนเน้อ


ส่วนคุณ เรราเย่ ยินดีด้วยครับที่เป็นคนเดียวในเรื่องเลยที่ไม่ได้คนกับเค้า
เหอๆๆ ว่าแต่เสียวๆโดนระดับบิ้กเค้าอุ้มจริงๆ พี่ลิงมาทุกตอนอวสานเลยซะด้วย 
น่ากลัวว่าอาจงานเข้าได้

Me/จะรอดไหมเนี่ยตู





« Last Edit: May 30, 2009, 04:15:38 AM by greamon » Logged


dhaos
Member
*****
Offline Offline

Posts: 109


Email
« Reply #146 on: May 30, 2009, 08:48:31 PM »

Quote
“ จงดูซะนี่ยังไงล่ะร่างที่แท้จริงของ พระเจ้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ”
คิงปอร์ กล่าวก่อนจะระเบิดหัวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่ผลกระทบจากการ
จุติลงมาของ เรราเย่ ทำให้เกิด พายุสายฟ้าสีดำฟาดกระหน่ำลงไปในเมืองจนเกิดความ

ผมอ่านตรงสีแดงแล้วฮามากครับ นึกถึงตอนเล่น Half Life ยิงหัวระเบิดเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #147 on: May 30, 2009, 09:03:01 PM »

^
^
เหอๆ  บทสุดท้ายหลังตรวจทานยังมีตกหล่นอีก พี่ปิโย นี่ไม่ไหวเลย จะว่าไปเหมือน
ในเรื่องผมลืมไปว่า บันยิปอยู่ในสนามด้วยนะนี่ แต่เอาเถอะ ธนัท แทบไม่ได้บุกเลย จนตอนใช้ปาฏิหารย์
 อลาน่านั่นหล่ะ
ช่างเข้ากันดีจริงๆเพราะต่อด้วย ละครน้ำเน่าอังเดรทันที  (ฮะๆๆ)

ปล.ภาคYCross จะมีคนดูกันไหมนี่ แต่สงสัยกว่าจะได้มาชมกันผู้อ่านคงเป็นรุ่นใหม่กันหมดแล้วมั้ง 
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #148 on: June 01, 2009, 10:48:05 PM »

Quote
แว่วเสียงมาจากกองบ.ก. มีแววเรื่องนี้มันจะต่อภาคสอง 

นี่คือข่าวคราวที่ได้ยินอว่วมาตอนที่ เกรม่อนคุงคุยกับ วาการุรุม่อนคุง เรื่องซีรี่ย์ถัดไป
แล้วดูเหมือนเกรม่อนคุงจะหลุดปากออกมาว่า หลัง ซีรี่ย์ Y Cross สามเทพอสูรที่ยังไม่ได้ออก อาจจะทำให้
มีเรื่องพอที่จะเขียนเป็น ซีรี่ย์ต่อไปได้

โดยชื่อเรื่องภาค2 ของ SMN VR!! ที่น่าจะจบบริบูรณ์ไปอย่างแท้จริงแล้วเพาะไม่มีช่วงไหนให้ต่อ
อีกเลย เพราะ Paradisoda regolaก็ยุบไปแล้ว โลกสงบแล้ว
เนื้อเรื่องไม่น่าจะไปต่อได้อีก ทให้คิดว่า ถ้า เกรม่อนคุง จะเขียนเรื่องนี้ต่อภาค 2 จริงคง
ยกเครื่องใหม่หมด ตัวละครก็อาจจะใหม่หมดเลยด้วยเห็นว่าคราวนี้จะเอา กราฟฟิคเกมส์ที่เคยใช้กับ
 ทาลิฯ2 มาทำตัวละครภาคนี้ด้วยอีกตะหาก

(เหนื่อยตูอีกล่ะสิ)

รู้สึกว่า ในภาค2 ของ SMN VR!! ตัวละครเอกจะเป็นผู้หญิง ซะด้วยถ้าเป็นจริงคงแหวกแนวกว่าทุกครั้ง
(เพราะปกติจะวายชายตัวเอกเลยต้องเป็นชาย) โดยปกติ เนื้อเรื่องประเภทดวลการ์ดมันก็ออกแนวบู๊อยู่แล้ว
ส่วนใหญ่ตัวละคร
หญิงจะไม่ค่อยเด่น แต่นี่เล่นใส่บทตัวเอกให้ซะเลย แถมจะเป็นตัวเดินเรื่องหลักอีก คงได้เห็น
การดวลในภาพลัษณ์ที่แปลกใหม่กันไปเลยทีเดียวล่ะฮ้า
 


ส่วนชื่อเรื่องนั้นจะใช้ชื่ออะไรยังไม่รู้เพราะนี่เจ๊ แค่ได้ยินแว่วมาเข้าหูตอนโทรคุย กะเจ้าเกรม่อน
ที่ตอนนี้อยู่ไกล ถึง ศรีราชา
ส่วนจริงเท็จแค่ไหนคงต้องรอดูกันต่อไปจ้า


Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #149 on: June 01, 2009, 11:05:47 PM »

พี่โคครับ   ผักอยากได้วายแบบสนุกนะ   เอาแบบไม่จิ้นได้มั้ย   

 
Logged


Pages: 1 ... 3 4 [5] 6  All
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.219 seconds with 20 queries.